
สวัสดีครับผม
ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ครับผม
อ่านคอมเม้นท์แล้วกลับมาคิดทบทวนตัวเองในตอนนั้น
แหะๆ ผม...จิตตก หมกมุ่นจริงๆด้วยครับ
ฝักใฝ่ทางกามารมณ์ไม่น้อย...อิอิ

ความเดิม...
เวลาเดิม...
เย็นวันพุธ
หลังจากเฮียโทรมาแจ้งให้รับทราบว่ากลับช้า(ทางการน่าดู)
ผมนั่งครุ่นคิด คำนึงถึง...
ทฤษฎีสามห่วง
คงจะเคยได้ยินกันมาบ้างนะครับ
มันเป็นทฤษฎีการแบ่งเวลา ผมเคยอ่านผ่านตามานานแล้ว
เห็นมะ...สาระดีๆก็มีเหมือนคนอื่นเขาน้า
ขออนุญาต(บังอาจ)เลคเชอร์ตามความเข้าใจของผมสั้นๆครับ
3 ห่วงที่ว่า ประกอบไปด้วย
1.ห่วงครอบครัว อันได้แก่ สามี/ภรรยา/ลูก/พ่อแม่ญาติพี่น้อง
2.ห่วงสังคม อาทิเช่น เพื่อน งานสังคม meeting party ฯลฯ
3.ห่วงการเรียน การงาน การหาเงิน
หลักการง่ายๆมีอยู่ว่าเราจะต้องบริหาร 3 ห่วงดังกล่าวให้ดี
ให้ balanceกัน ชีวิตก็จะราบรื่น
ใช้ได้ทั้งในชีวิตคู่ และชีวิตโสดครับ
เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
ถ้าเราให้เวลากับห่วงไหนมากเกินไป ห่วงนั้นๆมันจะขยาย
ซึ่งในขณะเดียวกัน การที่ห่วงนึงขยาย
มันก็จะลดขนาดห่วงอื่นๆลงด้วย ลดจนอาจจะทำให้ห่วงนั้นหายไปเลย
ตอนนี้ห่วงการงานของเฮียมี่มันยืดขยายจนมาเบียดอีกสองห่วงที่เหลือ
ในขณะที่ผม ห่วงแรก...ห่วงครอบครัว เป็นห่วงที่ผมให้ความสำคัญมาก
นับวันมันก็ยืดขยาย สวนทางกับเฮีย
หากผมมีความอดทนเพียงพอ และเมื่อเฮียบริหารเวลาได้ดีขึ้นแล้ว
ห่วงของเราย่อมพัฒนาใหญ่ขึ้นได้เอง ขอแค่อดทนและเข้าใจ
เป็นไงครับ สาระน่ารู้ตามประสาน้องหน่อย
สรุปง่ายๆ คือ
รอ
รอให้เฮียเสร็จงานครับ
ระหว่างนี้ผมควรหาอะไรที่ดูดี มีสาระทำ ระงับความ(งุ่น)ง่าน
ไม่ใช่หายใจทิ้ง นั่งรอไปวันๆ
ทำงานบ้านดีม๊ะ...
ไม่ดีมั๊ง เดี๋ยวแม่บ้านตกงาน ผมจะบาปเอา โทษฐานแย่งอาชีพแก
ขยันชงกาแฟ...
ไม่ได้อีกหล่ะ เด็กๆมันชงอร่อยกว่าผม อิอิ
เอ...หรือใฝ่ดี เรียนต่อปริญญาโท...
เรียนไหวเหรอ? แค่ป.ตรีก็หืดขึ้นคอ
รึจะทางธรรม ทำบุญตักบาตร...
ไม่ทันอะครับ พระท่านบิณฑบาตรเช้าเกิน (แกตื่นสายตะหาก)
อ้อ อันนี้ดีกว่า..ทำอาหารอร่อยๆมัดใจสะมี...
แกทำครัวเป็นซะที่ไหนกัน
งั้น..ช่วยงานสังคม
มันช่วยกันยังไงหว่า...
ใช่งานแต่ง งานบวชป่ะ ก็ไปไม่ได้ขาดอะนะ
คิดหัวแทบแตก
เอาหล่ะ ต้องมีสักวิธี เดี๋ยวคงคิดออก
ตอนนี้แค่คิด ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
“สู้โว๊ย”
เผลอลุกขึ้นชูหมัดข้างหนึ่ง พร้อมกับตะโกนปลุกใจตัวเอง
หันไปมองรอบตัว ใจหายวาบ ลืมว่าไม่ได้อยู่ในห้องพักส่วนตัว
ก็ตัวผมนั่งที่โต๊ะริมกระจกด้านหนึ่ง นั่งมองผู้คนสัญจรไปมา
ตายๆ อับอายขายหน้า
วัยนี้แล้ว หากเป็นเด็กๆทำมันก็เกาหลี..น่าเอ็นดูอยู่หรอก
ลูกค้าบางคนอ้าปากค้าง ดีที่ร้านไม่มีแมลงวัน
บางคนมองแบบตำหนิที่รบกวนบรรยากาศชิวๆ
ที่มารยาทดีหน่อยก็ก้มหน้า แอบหัวเราะ คงคิดว่าไอ้นี่มันของขึ้นรึไง
มองหาเด็กๆหวังให้เป็นพวกพ้อง
แต่พวกมัน...ต่างก็กลั้นหัวเราะกันสุดฤทธิ์ เสมองดินฟ้าอากาศกันใหญ่
เดินก้มหน้างุด อย่างเจียมตัว กลับเข้าหลังร้าน
แก..แกนะแก...ไอ้ตัวปัญหา
เก็บให้หมด จัดการขั้นเด็ดขาด
เก็บของลามกที่เฮียปานส่งมาให้ทั้งหมด
โยนลงถังขยะมุมห้อง อย่างสาสม
นั่งมองอย่างเย็นชา
เชอะ...คนอย่างไอ้หน่อย ไม่ต้องอาศัยของพวกนี้
ชีวิตก็แฮปปี้ปี้ได้
ก่อนอื่นต้องพัฒนาตัวเอง
พิจารณา เสื้อผ้า หน้า ผม
หากไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป...ผ่าน
เฮียมี่ไม่ได้รักชอบ เลือกผมที่รูปร่างหน้าตาที่แสนจะธรรมดา
มันเป็นความผูกพันเสียมากกว่าที่ทำให้ผมมีวันนี้
เสน่ห์ดึงดูดใจก็ไม่มีเหมือนสาวๆรอบตัวเฮีย
แต่ผมจะย่ำอยู่กับที่ไม่ได้อะครับ
วันเวลามีแต่จะทำให้ร่วงโรย(คิดแล้วสยอง...)
สปาเหรอ...ความขาวเนียน ในตัวผมยังไม่ด่างพร้อยสักเท่าไหร่
พอไหวในแสงสลัวๆ...คริ คริ
จะมีก็แต่รูปร่าง...ห่างเหินการออกกำลังกายไปนาน
เริ่มจะไม่เด่นเด้ง สะดุดตาซะแล้ว
ถึงเวลาต้อง ฟิตแอนเฟิร์มแล้วมั๊ง
เอ....แอโรบิค ตามสมัยนิยม ดีม๊ะ
แต่ขืนผมเต้นตามแผ่น ไม่เวิร์คแน่ๆ เต้นคนเดียว เหงา ไม่มีแรงจูงใจ
ไอ้ครั้นจะไปร่วมเต้นกับคนอื่น ก็หน้าบาง มีแต่เด็กๆ

“ก๊อกๆ”
“เข้ามาสิ”
แหมๆ คิดยังไม่ได้ข้อสรุป ก็โดนขัดจังหวะ
“เฮียหน่อยเป็นอะไรครับ มีอะไรให้ผมช่วยมั๊ย”
ไอ้น้องบอยก้าวเดินเข้ามาในห้อง
ห้องพาลสว่างไสว หนุ่มๆสาวๆมันอยู่ตรงไหนก็ดูมีออร่าแฮะ
ที่สำคัญ...หุ่นมัน..(น่ากิน)ดีแฮะ..แอบคิดเลวอีกผม
“บอย เราเล่นกีฬา ออกกำลังกายมั่งป่าว”
ถามมันแก้เก้อที่เผลอจ้องมันนานเกินไป
เดี๋ยวเด็กมันจะมองผมไม่ดี
“ครับ เฮียถามทำไมครับ”
ไอ้น้องบอยทำหน้างงๆ
“คือ...แกหุ่นดีอะ”
“แหม..เฮีย ผมอายนะ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าหน้าแดงทันตา แต่ทำยืนบิดไปมาเกินจริงกลบเกลื่อน
“เฮ๊ย อย่าคิดไปไกล เฮียแค่อยากหุ่นดีมั่ง”
แล้วก็ได้ข้อมูลมาว่าน้องมันเล่นฟิตเนสครับ
แหมๆ ขืนอาจหาญเล่นตามน้องมัน ผมได้หัวใจวายตาย
ไหนจะซิกแพกที่มาเป็นหมู่คณะ
ไหนจะกลิ่นปู้จาย กรุ่นกลิ่นกำจร
(ไม่ใช่จากเหนื่อยนะครับ)
“เฮียจะกลับรึยังครับ ให้ผมไปส่งมั๊ย”
เหลือบดูนาฬิกา เข็มยาวเลยเลข12 มาอยู่ที่เลข2
ในขณะที่เข็มสั้นอยู่ที่เลข 7
(แกก็บอกสิว่า 1ทุ่ม10นาที จะทำให้คนอ่านงงซะงั้น)
ตกลงใจ...ซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ไอ้น้องบอยกลับบ้าน
มองแผ่นหลังกว้างๆตรงหน้า
คิดถึงตอนที่เฮียพาผมไปเอาของฝากที่บ้าน
เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน
ไม่คาดคิดว่าจะสมหวัง เราสองคนได้อยู่ร่วมครอบครัวเดียวกัน
เกือบเผลอใจซบหน้าลงกับหลังเด็กมัน
กลิ่นหนุ่มน้อยโชยมา กลืนน้ำลายฝืดๆ
โอ...พระเจ้า
ท่านจะทดสอบความอดทนของผมไปถึงไหนกัน
“เฮีย เฮียหน่อย ถึงแล้วครับ”
นั่งใจลอย(คอยแฟน)แป๊บเดียว มาถึงบ้านทรายทองแล้วครับ
“เออๆ ขอบใจ”
ตบไหล่น้องมันเบาๆ สาบานไม่ได้คิดอะไร
“เฮีย”
“หืม”
“เฮียหน่อย..เฮียดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะ หึหึ”
อ๊ากกกก..ไอ้เด็ก นา...รก มันว่าผมฟุ้งซ่าน

แล้ววันพุธก็ผ่านไป ไร้ประโยชน์
วันพฤหัสผ่านมา ไม่มีความเปลี่ยนแปลง
ยังอึมครึม คาราคาซัง (เว่อร์เกินอะ.. ตัวผม)
วันสุข เอ๊ย วันศุกร์ ครับผม
ตอนเช้าตื่นมา เปลือกตากระตุกแปลกๆ
ซ้ายมั่ง ขวามั่ง
แถมตาบวมอีกต่างหาก...สองข้างเลยอะ
เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับครับ
นอนมองคนข้างๆแล้วคิดไปเรื่อยเปื่อย
สงสัยไม่ได้กินเฮียเอ๊ยไม่ได้กินวีต้าก่อนนอน
เหตุการณ์ดำเนินไปตามปกติทั้งวัน
ยกเว้น ในโต๊ะผมไม่มีตัวต้นเหตุแล้ว
แต่โทษทีครับ...แหะๆ
ไอ้ที่ทิ้งไป ก่อนกลับบ้านเมื่อวาน
บังเกิดความเสียดาย
แล้วคนอย่างผมเนี่ยนะจะกล้าทำลายธรรมชาติ
กว่าจะเป็นหนังสือหนึ่งเล่มต้องใช้ต้นไม้กี่ต้น
ไหนจะหมึกพิมพ์ ขบวนการผลิตอีก
ส่วนซีดี ก็..แหมแค่พลาสติกของกล่อง ก็ย่อยสลายยากแล้ว
แผ่นซีดีที่เคลือบอลูมิเนียมทั้งแผ่นนี่นะครับ
กว่าจะคิดค้นเทคโนโลยีขึ้นมาได้ เกือบๆ40ปีเชียวนะครับ(อายุเท่าๆผมเลยอะ)
ลดศักดิ์ศรี อุดมการณ์ อันน้อยนิด
คุ้ยขยะนำกลับมาจัดเก็บมิดชิด
เพื่อรอการรีไซเคิลเรียบร้อยแล้วครับ
แต่รับรอง
ครั้งหน้าถ้าคิดจะดู..ผมจะไม่ดูคนเดียว อิอิ

ก่อนนอน
หลังจากเฮียกลับช้าตามเคย เป็นงี้ทั้งอาทิตย์เลยนะ ฮึ
“ฟอดๆ กู๊ดไนท์ครับคนเก่ง”
แล้วเฮียก็หลับไปอย่างอุตุ
“ผมให้เวลาเฮียได้อีกไม่นานนะครับ ผมเบื่อ”
กระซิบข้างหูคนหลับ ก่อนพลิกตัวนอนหันหลังให้อย่างสงบ
เช้าวันเสาร์
“ทำไมต้องปลุกผมแต่เช้าด้วยเนี่ย ฮ้าวว”
วันหยุดแท้ๆ จะรีบไปไหนกันเนี่ย
“วันนี้ไม่ต้องช่วยที่ร้านครับ บอกเจ๊อ๋องแล้ว”
“อ๊าว ไม่ต้องช่วยเจ๊ แล้วจะรีบมัยอะ
ร้านกาแฟยังไม่เปิดนี่นา”
“ไม่เอาหล่ะ ไปนอนต่อในรถครับ”
เฮียรุนหลังผมขึ้นรถ
ขึ้นรถที่ติดเครื่องรอ ได้เจอแอร์เย็นๆ
เสียงเฮียคุยอยู่นอกรถแว่วๆ
เสียงยกของใส่หลังรถ
อืมมม ขนอะไรไปร้านกาแฟเนี่ย
“ฮ้าวววว”
แล้วผมก็เข้าสู่นิทราได้ในเวลาไม่นาน
แสงแดดแยงตา
รถยังติดเครื่องอยู่ แต่จอดนิ่งๆไม่ขยับ
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“อืมมม”
“เฮ๊ย เฮียจะพาผมไปไหน”
ตกใจด้วย งงด้วย เมื่อลืมตามา
พบกับการจราจรหนาแน่นด้านนอกรถ
“วันนี้พาเที่ยวครับ”
“เย้ๆ ดีจังเลย”
“เบาๆครับ เดี๋ยวโช๊คพัง ฮึๆ”
“แหะๆ”
เผลอลืม ขย่มตัวอย่างเมามัน ดีใจออกนอกหน้า
อ๊ะๆ...ไม่มากไปหรอกครับ
ตั้งแต่วันอาทิตย์ อยู่แต่ที่บ้านกับร้าน
ไม่ได้ออกสู่โลกภายนอกเลยอะ
กินอาหารญี่ปุ่น ดูหนัง กินป๊อบคอร์น
มื้อเย็นรับแม่กับไอ้น้องนิว รวมน้องสะใภ้กะหลานในท้อง
ต้องกินแถวๆบ้านน้องมันครับ
แตงโมใกล้ได้เวลาผ่าแล้ว
ลูกโตมาก จนแม่ไม่น่าจะคลอดเองได้
ช่วงที่กำลังเอนจอยกับอาหารตรงหน้า
“น้องตุ๊กตารู้เพศหลานรึยังครับ”
เฮียมี่ถามเมียไอ้น้องนิว
“ยังเลยค่ะ เฮียนิวไม่ให้หมอบอก หนูก็อยากรู้จะแย่แล้วค่ะ”
เมียมันหันไปค้อนไอ้นิวที่นั่งยิ้มกริ่ม
“โธ่ เก็บไว้ให้ลุ้นมั่งเหอะ”
“แม่หล่ะครับ อยากได้หลานสาวหรือหลานชาย”
เฮียตักกุ้งตัวโตในผัดผักผ่านหน้าผมไปใส่จานแม่ผม
เฮียใส่ใจแม่เป็นปกติจนไม่รู้สึกขัดตา
แต่ตอนผ่านหน้าผมนี่สิ
แก้มเฮียเฉียดปลายจมูกผมไปนิดเดียว
ไอ้เฮียบร้า ทำอะไรไม่ระวังมั่งเลย
“ขอบใจจ๊ะ หลานจะเพศไหนก็ได้นะ แม่รักหมด
แต่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็ดีนะ จะได้สืบสกุล”
เฮียเอื้อมมือมาบีบมือผมใต้โต๊ะ
เราสองคนก็รู้สึกเสียใจแต่ไม่รู้สึกผิดนะครับ
เสียใจที่ไม่มีหลานให้แม่ๆ
แต่ความรักของเราเป็นสิ่งสวยงาม
ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายจนต้องรู้สึกผิด
“แม่ไม่ได้หมายถึงเรานะ อย่าคิดมากหล่ะ”
แม่ที่นั่งติดกับผมอีกข้างลูบหัวผมอย่างรักใคร่
“แม่ ผมรักแม่”
โผกอดแม่อย่างตื้นตัน ในความรักของคนเป็นแม่
“นิวก็รักแม่ครับ”
ไอ้น้องนิวที่นั่งตรงข้ามแม่
ส่งสายตาอ้อนๆมาให้แม่
“แม่ก็รักนิว”
แม่กับไอ้นิวยื่นมือมาจับกันตรงกลางโต๊ะอาหาร
“ฮะ ฮะ รักกันหมดเลย”
ผมเสหัวเราะ แล้วเเอบเช็ดน้ำตาที่ซึมๆออกมาตรงหางตา

“ตุ๊กตากับหลานก็รักแม่มากไม่แพ้เฮียๆค่ะ”
คราวนี้แม่จับมือกับลูกสะใภ้มั่งแล้ว
บอกแล้วไงครับว่าน้องสะใภ้ดีเด่นของผม
ทำแม่ผมไปไหนไม่รอด น่ากลัวต้องอยู่เลี้ยงหลานให้แน่
“เฮียอย่ายอมแพ้”
ผมหันไปกระซิบลูกเขยของแม่มั่ง
“แม่ครับ ผมทั้งรักและเคารพแม่ครับ”
เฮียยกมือไหว้แม่ผมครับ
อ๊ากกกก เฮียเอาใจผมไปเลย
อ้าวววว เอาไปนานแล้วเหรอ..อิอิ
แม่ผมชะโงกมากอดทั้งผมทั้งเฮีย
ภาพที่ออกมาทั้งซึ้ง ทั้งทุลักทุเล
“โห...เฮียหมอขโมยซีนหมดเลย”
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
รอยยิ้มเกิดขึ้น
เสียงหัวเราะดังขึ้น
พร้อมกันทั้งโต๊ะ

อิ่มหนำ อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว
เริ่มมืดครับ หน้านี้ ยังไม่6โมงเย็นก็มืดแล้ว
“เฮียหมอกะเฮียหน่อยค้างบ้านนิวนะ ขับรถมืดๆอันตราย”
“อืมมม แล้วแต่เฮีย...ห....ม....อ”
หันไปจะขอความเห็นคนข้างๆ
เฮียแกไม่พูดอะไร แกเดินเข้าไปใกล้ไอ้นิว แล้วกระซิบกระซาบกัน
“ฮะ ฮะ งั้นรีบไปเถอะครับ”
ไอ้นิวมันมองหน้าผมแล้วหัวเราะ
ล่ำลากันเรียบร้อย
ยืนรอให้แม่กับน้องสะใภ้ขึ้นรถ
ไอ้นิวมันยังไม่ขยับตัว
“ไปได้แล้วนิว แม่รอ”
ผมโบกมือไล่มัน
“ครับๆ เฮียหมอมีพอป่าว ในรถนิวมีเยอะ ไม่ได้ใช้”
มันพูดกับเฮีย แต่ส่งสายตาล้อผม
เฮียก้มลงมองตรงกลางตัว แล้วเลื่อนสายตาไปมองของไอ้นิว
ก่อนจะตอบน้องมันอย่างหนักแน่นว่า
“ไม่เป็นไร”
“ไม่ต้องหรอก”
“ไม่ได้เกรงใจ”
“ไซส์มันเล็กไป”
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
อยากให้ไอ้นิวมันเห็นหน้าตัวเองชะมัด

“หัวเราะไปเหอะเฮียหน่อย”
มันค้อนผมครับ
นี่ถ้ามันไม่มีเมียเนี่ยต้องสงสัยเลยนะครับ
“หัวเราะมากๆ”
“อีกเดี๋ยว”
“เฮียหมอจัดหนัก”
“จะจุกเอา”
“แล้วอย่าว่าแต่หัวเราะเลย”
“พูดยังจะไม่ออก”
“ฮะ ฮะ ฮ่า”

ไอ้น้องนิวมันหัวเราะเยาะผม
ไอ้น้องเวร
ไอ้น้องอกตัญญู
ไอ้น้อง....

เอ๊ะ
เฮียหมอ
จะจัดอะไรหนักๆ
คุณๆ
ได้ยินเหมือนผมป่าวอะ
อร๊ายยยยย

เจอกันหลังจัดหนักครับผม
