บทส่งท้าย...
หลังจากที่ครอบครัวของแม็กกี้ทราบข่าว พ่อและแม่ของแม็กกี้ก็รีบมานำร่างที่ไร้วิญญาณของลูกชายกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาทันที โดยมีไม้ตามไปช่วย
ศพของแม็กกี้ถูกตั้งสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งในเย็นของวันที่ 3 เป็นวันเผา ไม้ตัดสินใจบวชหน้าไฟให้กับแม็กกี้ด้วย เพราะการบวช... ถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่ไม้สามารถทำให้แม็กกี้ได้ ก่อนที่ร่างของแม็กกี้จะถูกไฟแผดเผา
ครอบครัวของแม็กกี้รู้ดีว่าไม้คือเพื่อนที่แม็กกี้สนิทที่สุด จึงไม่มีใครปฏิเสธการตัดสินใจของไม้ในครั้งนี้ และไม้ยังโชคดีที่ไม่มีใครกล่าวโทษเขาสักนิดเกี่ยวกับการจากไปของแม็กกี้ แม้ว่าทุกคนในครอบครัวจะเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากก็ตาม
ทันทีที่ฝาโรงศพที่ตั้งอยู่บนเมรุถูกเปิดออก ร่างที่ซีดเผือดกับใบหน้าที่ซีดเซียวของแม็กกี้ก็ทำให้ไม้แทบน้ำตาเล็ดเมื่อต้องขึ้นไปรดน้ำศพ
มันเป็นภาพที่ทรมานใจเหลือเกิน... ไม้ยืนอยู่นานเพื่อจดจำภาพสุดท้ายที่เขาได้มีโอกาสมองคนรักก่อนที่จะโดนเปลวเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็นอัฐิ
วันต่อมา... ไม้กลับไปที่หอพักเพื่อที่จะเตรียมตัวเริ่มต้นชีวิตใหม่... ชีวิตที่โดดเดี่ยวไร้คนข้างกาย ชีวิตต้องมีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมเนื่องจากคนที่คุ้นเคยไม่ได้อยู่ข้างกายเขาอีกแล้ว
ไม้เดินเข้าไปในห้องพักด้วยความรู้สึกที่โดดเดี่ยว เขาหันหน้าไปมองกรอบรูปเล็ก ๆ ของแม็กกี้ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ พลางถอนหายใจออกมา... คิดแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้
ไม้เดินไปหยิบกรอบรูปกรอบนั้นก่อนที่จะกอดมันเอาไว้แน่นแล้วถ่ายทอดความเศร้าที่มีทั้งหมดออกไป และในไม่กี่วินาทีถัดมา รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของคนที่ซึมเศร้ามาตลอดหลายวัน แม้จะเสียใจ แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป และไม้พร้อมที่จะกลับไปเป็นเขาคนเดิมแล้ว
คิดดังนั้น ไม้ก็ลงไปหาท่านเจ้าที่ทันที
“ท่านเจ้าที่... ท่านเจ้าที่อยู่ไหมครับ” ไม้ตะโกนเรียกหน้าศาล ทว่าผู้ที่ออกมาต้อนรับกลับเป็นน้องเปอร์
“ท่านเจ้าที่หลับอยู่ครับ ปะป๊ามีธุระอะไรฝากบอกเปอร์ได้นะครับ" เด็กน้อยตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส
“น้องเปอร์เห็นแม่มิวส์ไหมครับ" ไม้เอ่ยถาม เพราะตลอดระยะเวลาสามวัน ไม้ไปนอนค้างที่บ้านของก้องไม่ได้กลับมาที่หอพักสักวันจึงทำให้เขาสงสัยว่าไอ้วิญญาณตัวป่วนของเขาหายไปไหน
“แม่มิวส์ออกไปข้างนอกก่อนที่ปะป๊าจะกลับมาที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมงเองครับ ออกไปกับอาผู้ชายคนนึง เห็นแม่มิวส์เรียกชื่อของอาคนนั้นว่าก้องครับ" เปอร์ตอบออกมาเท่าที่รู้
“อ่อขอบใจนะเปอร์" ไม้เอ่ย
“ครับ" วิญญาณเด็กขานรับ จากนั้นไม้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์หาอาจารย์ก้องภพทันที
ไม่นานมากนัก... ก้องก็กดรับสาย
“อาจารย์ มิวส์อยู่ไหนครับ...” ไม้เอ่ยถามด้วยความสุภาพ เขานิ่งเงียบเพื่อฟังปลายสายพูดอยู่นานก่อนที่ท้ายที่สุดเขาจะกดวางสายแล้วรีบตรงไปยังจุดจอดรถใต้หอแล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกไปข้างนอกทันที
ทางด้านของมิวส์... ในช่วงที่ไม้ไปช่วยงานศพของแม็กกี้ มิวส์ก็นั่งคิดนอนคิดมาตลอดว่าเพราะอะไรเขาถึงยังไม่สามารถไปชดใช้กรรมได้สักที จนกระทั่งในเช้าวันนี้ เปอร์ได้เรียกเขาว่า 'แม่' มันเลยทำให้เขานึกออกว่า ห่วงสุดท้ายที่เหลืออยู่คืออะไร
ไม่รู้ว่าด้วยความบังเอิญหรืออย่างไร เพราะก้องได้เดินทางมายังหอพักในเช้าวันนั้นพอดี...
ในทีแรกก้องคิดว่าจะมาดูอาการของไม้ ทว่าพอมาถึงที่หอพัก มิวส์ก็เร่งเร้าเซ้าซี้เอาแต่ถามเรื่องราวของแม่จนท้ายที่สุดก้องก็ยอมบอกออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเขากันแน่ และนั่นทำให้มิวส์อ้อนวอนขอร้องให้ก้องพาไปหาแม่ทันที
“ขับเร็วกว่านี้ได้ไหมก้อง" มิวส์เร่งเร้าเพราะอยากจะพบแม่ไวไว
“มันอันตรายครับ" ก้องตอบโดยที่ขับรถต่อไปและพยายามควบคุมความเร็วไม่ให้เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“ก้องอ่ะ บอกไม้ทำไม... ขับช้าเพราะอยากให้ไม้ตามมาทันใช่ไหม" มิวส์บ่นอุบอิบ เพราะเมื่อกี้ที่ไม้โทรหาก้องตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไม้ฟัง และบอกด้วยว่ากำลังจะพามิวส์ไปที่ไหน
“ทำไมมิวส์ต้องกลัวที่จะเจอไม้ด้วย" ก้องเอ่ยถามออกไป เพราะความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างมิวส์กับไม้มันเป็นความสัมพันธ์ที่น่าจะมากกว่าคำว่าเพื่อน สังเกตได้จากความห่วงใยที่สองคนนี้มักมีต่อกันเวลาที่อีกฝ่ายต้องตกอยู่ในอันตราย
“มิวส์ไม่อยากเห็นหน้าไม้ มิวส์กลัวมิวส์ทำใจไม่ได้" มิวส์เอ่ยออกมา
“มิวส์รักไม้ใช่ไหม" คำถามของก้องที่ตรงจนเกินไปทำให้มิวส์ถึงกับไม่กล้าตอบออกมา ...มิวส์เคยบอกกับก้องแล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับไม้มันไม่เหมือนกับก้อง เพราะก้องคือรักมิวส์จริงจังที่สุด แต่ความสัมพันธ์กับไม้สำหรับมิวส์แล้วถ้าหากจะบอกว่า 'รัก' ก็คงจะไม่ผิดเหมือนกัน แต่มิวส์ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ารักที่มีต่อไม้มันเป็นรักแบบไหนกันแน่
“ก้องจะถามทำไม"
“หึงมั้ง"
“ไม่ยักรู้ว่าก้องหึงมิวส์เป็นด้วย ฮ่า ๆ" มิวส์หัวเราะออกมากับท่าทีและน้ำเสียงที่ก้องแสดงออก เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมาไม่เคยมีครั้งไหนที่ก้องแสดงออกถึงอาการหึงหวงเลยสักครั้ง
“มิวส์...” ก้องเอ่ยเสียงเบา
“ไม้เป็นคนที่ดูแล ช่วยเหลือและห่วงใยมิวส์มาตลอดตั้งแต่ที่เรารู้จักกัน... ความจริงใจของไม้ทำให้มิวส์หวั่นไหว...” มิวส์เว้นจังหวะชั่วครู่เพื่อดูท่าทีของคนที่กำลังขับรถ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของก้องยังคงนิ่งเรียบไม่แสดงอาการอะไร มิวส์จึงพูดต่อ "ก้องจะว่ามิวส์หลายใจก็ได้นะ แต่มิวส์ก็ไม่อยากโกหกความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน มิวส์รักก้องด้วยใจจริง แต่กับไม้มิวส์รักเพราะความผูกพันและความจริงใจที่มีให้กันและกัน"
“ก้องเข้าใจ" ก้องเอ่ยเสียงเบา... ทว่าแม้จะเข้าใจทุกอย่างดี แต่ถ้าได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก มันก็ย่อมรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ขึ้นมาในจิตใจบ้างแหละน่า
ก้องขับรถต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ไปถึงจุดหมาย...
สถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลสำหรับคนที่สติไม่สมประกอบ... มีตั้งแต่ขั้นอ่อน ๆ จนกระทั่งไปถึงขั้นรุนแรงที่คิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์แล้วมักแต่หน้าหนา ๆ มาฟ้อนรำโชว์คนอื่น ๆ
เหตุที่แม่ของมิวส์ต้องมาพักอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้เพราะหลังจากที่เสียลูกชายไปเธอก็มีอาการซึมเศร้าอย่างหนักและพอสามีของเธอได้จากเธอไปอีก ความเครียด ความเศร้าก็ถาโถมให้เธอต้องกลายเป็นคนเสียสติ... อาจเป็นเพราะความรักที่เธอมีต่อลูกชายคนโตและสามีนั้นมีมากเกินไปเลยทำให้เธอทรมานใจเกินกว่าที่จะรับได้
ฟิวส์ไม่สามารถดูแลแม่ได้เนื่องจากตอนที่มิวส์และพ่อจากไป ฟิวส์เพิ่งอายุ 12 ปีเท่านั้น และก้องก็เป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายและดูแลความเป็นไปทุกอย่างให้กับแม่และฟิวส์ แม้ฟิวส์จะรังเกียจก้อง แต่เงินที่ก้องมอบให้ในแต่ละเดือนก็เป็นช่องทางเดียวที่ทำให้ฟิวส์สามารถดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปได้
...ก้องเดินนำไปยังเคาน์เตอร์ที่ให้บริการสำหรับแขกที่ต้องการมาเยี่ยมญาติ
“คุณอารีญาอยู่ไหนครับ" ก้องเอ่ยด้วยความสุภาพ เขามาเยี่ยมแม่ของมิวส์เกือบทุกวันที่ว่างจึงทำให้พยาบาลเกือบทั้งโรงพยาบาลรู้จักเขา
“คุณอารีญากำลังอยู่ที่สวนสุขภาพทางด้านหลังค่ะคุณก้อง" พยาบาลสาวที่ตัวเล็กเท่าหัวไหล่ของก้องตอบออกมาอย่างเป็นกันเอง เธอยิ้มให้ก้องอย่างมิตรภาพราวกับสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน
ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าก้องจะเดินไปทางไหน หากมีพยาบาลเดินผ่านสวนมา ทุกคนก็จะหยุดทักทายก้องอย่างคุ้นเคยก่อนที่จะเดินผ่านไป
“ก้อง... พยาบาลที่นี่น่ารักดีเนอะ รู้จักก้องทุกคนเลย สงสัยคงจะใส่ใจกับญาติ ๆ ของผู้ป่วย" มิวส์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินผ่านพยาบาลคนที่ 6 ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็หยุดทักทายก้อง
“ไม่หรอกมิวส์...” ก้องตอบ
“ไม่? ทำไม แล้วเขารู้จักก้องได้ไง" มิวส์เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ก้องไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงยิ้มให้มิวส์เท่านั้นก่อนที่จะชี้นิ้วไปทางสวนสุขภาพข้างหน้า "คุณน้าอยู่นั่นไง"
หญิงวัยกลางคนที่เคยมีผิวขาวผ่องหน้าตาสะสวยในยามนี้กลับดูโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ผมที่ยาวดำสลวยก็เริ่มมีสีขาวแซมมาให้เห็น ใต้ตาก็คล้ำเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ทำให้มิวส์เสียใจที่สุดก็เห็นจะเป็นดวงตาที่ล่องลอยราวกับคนที่ไร้สติสัมปชัญญะ
“แม่... แม่...” มิวส์ตะโกนเสียงดังก้องพร้อมกับรีบวิ่งไปหาร่างนั้นทันที
แม่ของมิวส์หันมาตามต้นเสียงราวกับได้ยินเสียงนั้นจนมิวส์ต้องหยุดชะงัก
“มิวส์... มิวส์ลูกแม่" น้ำเสียงของเธอสั่นไหว สายตาของเธอกำลังจับจ้องมองไปที่ร่างของมิวส์จนมิวส์ตกใจว่าแม่มองเห็นเขาด้วยหรืออย่างไร
แขนที่อ้าออกแล้วโบกไปมาราวกับต้องการจะโอบกอดทำให้มิวส์หัวใจเต้นแรงกว่าปกติ ก่อนที่แม่ของมิวส์จะเดินมาถึง มิวส์ได้อ้าแขนออกมาบ้างแล้วไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นแม่ทันที
ทว่า... ร่างที่โปร่งใสกลับถูกร่างของหญิงสาวเดินทะลุไป และเธอยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อหวังจะไปหาผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งก็คือก้อง
“มิวส์... มิวส์กลับมาหาแม่แล้ว แม่คิดถึงมิวส์เหลือเกิน" หญิงวัยกลางคนโอบกอดกับร่างของก้องเพราะเข้าใจผิดคิดไปว่านั่นคือลูกชายสุดที่รักของเธอ
“แม่...” มิวส์หันไปมองแล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่น
“คุณน้าครับ ผมก้องครับ ไม่ใช่มิวส์" ก้องเอ่ยอย่างสุภาพ
“ก้อง ก้อง... อ่อ ก้องเหรอ" หญิงสาวพยักหน้าถี่ยิบทำตาโตด้วยความเข้าใจว่าตนเข้าใจผิด "ก้อง ก้อง... กล้องถ่ายรูป แชะ แชะ”
“มิวส์อยู่ทางนู้นครับ" พูดจบ ก้องก็ชี้ไปยังร่างของมิวส์ หญิงวัยกลางคนหันไปมองตามกลับไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า
“ไหน มิวส์อยู่ไหน มิวส์ มิวส์... ไม่มี"
“มิวส์อยู่ตรงนั้นจริง ๆ ครับ คุณน้ามีอะไรอยากพูดกับมิวส์รีบพูดได้เลยนะครับ" ก้องเอ่ยขึ้น
“จริงเหรอ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยถาม ก้องพยักหน้า เธอยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วเหม่อมองท้องฟ้าด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า...
“มิวส์กลับมาเยี่ยมแม่เหรอลูก...” เธอเอ่ยขึ้น ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่เริ่มเศร้าลง ดวงตาที่กลมโตก็ค่อย ๆ สั่นไหวเพราะคิดถึงลูกชายคนโตจับใจ "มิวส์ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ แม่สบายดี ก้องกับฟิวส์แวะมาเล่นกับแม่เกือบทุกวัน... แม่คิดถึงมิวส์ แม่อยากกอดมิวส์เหลือเกิน แต่มิวส์ไม่อยู่แล้ว ใช่... มิวส์ไม่อยู่แล้ว มิวส์จากแม่ไปแล้ว ก้องโกหกแม่ว่ามิวส์อยู่นี่... แต่... แต่ช่างเถอะ ยังไงมิวส์ก็จะอยู่ในใจแม่ตลอดไปนะ...”
แค่ได้ยินแม่พูดว่าอยากกอด มิวส์ก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีเพ่งสมาธิไปที่ร่างของแม่ก่อนที่จะโผเข้าไปกอดทันที
“แม่...” มิวส์เอ่ยเสียงสะอื้น "มิวส์ก็คิดถึงแม่เหมือนกัน"
“มิวส์...” หญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยความประหลาดใจเมื่อมีสัมผัสประหลาดมาโอบกอดเธอ เธอมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่พบอะไร “มิวส์เหรอลูก...”
พูดจบเธอก็ยกมือขึ้นมากอดตอบ... อ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดของเธอได้ถูกส่งผ่านไปยังสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น แม้ในยามนี้มิวส์จะกำลังร่ำไห้ทว่าในหัวใจของเขากลับมีความสุขเปี่ยมล้น น้ำตาแห่งความอัดอั้นค่อย ๆ ไหลลงมาจนทั่วใบหน้า และในที่สุดร่างของเขาก็ค่อย ๆ จางลงก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดกำลังจะกลายเป็นแค่ความทรงจำ
ก้องมองดูร่างของมิวส์ที่กำลังพร่าเลือน หัวใจที่เข้มแข็งมาตลอดกลับอ่อนไหว ก้องไม่เคยร้องไห้ให้กับเรื่องใด ๆ แม้เรื่องราวที่ผ่านมาจะหนักหนาสาหัสเกินทน แต่ในยามนี้... หัวใจที่เข้มแข็งกลับร้าวระบมเพราะร่างวิญญาณของผู้ที่เขารักมากที่สุดกำลังจะสลายหายไป
และนับจากนาทีนี้... ปาฏิหาริย์ที่จะทำให้เขากับมิวส์ได้กลับมาพบกันอีกครั้งมันคงไม่มีอีกแล้ว
'ก้องรักมิวส์นะ ไปสู่สุคตินะมิวส์ เดี๋ยวก้องจะดูแลแม่กับฟิวส์ให้เอง'
น่าแปลกที่เสียงในความคิดของก้องถูกส่งผ่านไปถึงมิวส์
'ขอบคุณนะก้อง' มิวส์ส่งความคิดผ่านกลับไป แม้จะไม่รู้ว่าก้องรับรู้หรือไม่แต่มิวส์ก็อยากจะบอก 'ขอบคุณสำหรับทุก ๆ สิ่ง ก้องคือผู้ชายที่แสนดีที่สุดของมิวส์'
และในขณะที่ร่างของมิวส์กำลังจะสลายหายไป ร่างของใครคนหนึ่งที่กำลังวิ่งมาแต่ไกล ๆ พร้อมกับเสียงตะโกนที่ดังลั่นว่า 'ไอ้มิวส์ ไอ้มิวส์' ก็ทำให้มิวส์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
'ไม้เป็นเจ้านายที่แสนดีที่สุดของมิวส์เหมือนกัน มิวส์เองก็... รักไม้เหมือนกันนะ' ทันทีที่เสียงในห้วงแห่งความคิดเสียงสุดท้ายของมิวส์จบลง ร่างนั้นก็สลายหายไปกลายเป็นวงกลมวงเล็ก ๆ ก่อนที่จะลอยขึ้นไปยังท้องฟ้าเบื้องบนทันที
'ไอ้มิวส์!!! ไอ้เชี่ย มึงไม่รอกูเลย' ไม้ได้ยินเสียงในความคิดของมิวส์ทุกถ้อยคำ 'ไปสู่สุคตินะมึง ไอ้วิญญาณสุดป่วนของกู จะจากกูไปทั้งทีไม่มาลากูเลยนะ คอยดูเถอะชาติหน้ากูจะตามไปตบกบาลมึง...'
และนับตั้งแต่วันนั้น... เรื่องราวสุดปั่นป่วนระหว่างวิญญาณอาฆาตกับมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณตนนั้นเพราะมีกรรมร่วมกันมาก็มีอันต้องจบลง
ไม้ต้องสูญเสียผู้ที่ตนรักไปพร้อม ๆ กัน ชีวิตที่เคยวุ่นวายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็มีอันต้องกลับมาเงียบสงบ แม้จะเศร้าสร้อยเพียงใดแต่ทุกอย่างก็อย่างก็ต้องดำเนินต่อไป และไม่ว่าเวลาจะหมุนผ่านไปอีกสักกี่วัน แม็กกี้กับมิวส์ก็จะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป...
จบ....
อ่านจบแล้วรู้สึกสงสารใครมากที่สุดอ่าครับ (อันนี้อยากรู้จรงๆ รบกวนโหวตให้ด้วยนะครับ)
- โหวต โหวต โหวต โหวต โหวต คลิกที่นี่ ->.< แฮะ ๆ จบแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะครับ อาจจะเรื่อยๆ เฉื่อยๆ หรือน่าเบื่อบ้าง แต่ก็ดีใจมากๆที่หลายคนตามอ่านจนจบ
ขอบคุณครับ กราบ _/\_