บทที่ 5 เด็กนักเรียนม.ปลายปีสุดท้าย เจ้าของร่างสูงใหญ่กำยำ หน้าตาไม่รับแขก แห่งโรงเรียนอันธพาลอย่างวิไลวิทย์ มาทำอะไรที่หน้าประตูโรงเรียนผู้ดีอย่างธารวิทยา ในตอนเย็นวันศุกร์แบบนี้กัน
สายตานับสิบคู่จับจ้องมาที่เขาอย่างหวาดกลัว ดูเหมือนเด็กโรงเรียนนี้จะมีแต่พวกปวกเปียก น่ารังเกียจทั้งนั้น แค่เห็นว่าใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนที่มาตรฐานต่ำกว่าตน ก็คิดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นคนละระดับกัน ช่างไม่น่าคบหาเอาเสียเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่พวกคุณหนูคุณชายเอาแต่ใจ นอกจากเรียนกับชี้นิ้วสั่งแล้วไม่เห็นว่าจะทำอะไรเป็นสักคน
อ้อ ไม่ใช่สิ มีคนนึงที่ต้องละเว้นไว้เป็นกรณีพิเศษ แล้วก็ยังมีอีกหนึ่งตัวประหลาดที่คิดจะมาสุงสิงกับคนจากวิไลวิทย์อยู่เหมือนกัน เด็กบ้าที่ทำให้ชีวิตเขาปั่นป่วนมาตลอดอาทิตย์...
“พ..พี่ติ!?” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงของเด็กบ้าที่ว่าก็ดังขึ้นด้านหลัง
พะภูเงยหน้ามองติที่ค่อยๆหันมา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ผงะจนเกือบจะล้ม น่าตกใจไม่ใช่เล่น ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นคนคนนี้ที่นี่ มาโผล่ต่อหน้าก่อนที่เขาจะไปหาซะอีก
“เออ”
“พี่ติมาหาผมหรอครับ?”
รีบถามเสียงหวาน พลางตรงเข้าไปคว้าแขนแกร่งมาเกาะไว้แน่นแบบไม่กลัวตาย สายตาของเด็กรอบโรงเรียนยิ่งจับจ้องมาทางพวกเขายิ่งขึ้น ติรีบสะบัดเจ้าแมลงตัวน้อยที่ชื่อพะภูออกไปและเป็นฝ่ายกระชากคอเสื้อของคนตัวเล็กให้เดินตาม ที่ด้านนอกมีรถสีดำคันหรูกำลังจอดเทียบอยู่เลียบฟุตบาทสีขาวสลับแดง แบบไม่แยแสกฎหมายกันเลย
“หัดอายซะบ้าง”
“อายทำไมครับ แล้วสรุปว่าพี่ติมาหาผมหรอครับ?”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ ฉั..”
“พี่ติ!”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขัดขึ้นก่อน ทั้งติและพะภูต่างหันไปมองแทบจะพร้อมกัน เธอคนนั้นกำลังยืนทำตาโตอยู่ที่หน้ารถ สวมใส่ชุดนักเรียนของธารวิทยาอย่างเรียบร้อย นักเรียนที่ติต้องขอละเว้นการตำหนิเป็นกรณีพิเศษ...
“ตาล!”
เด็กผู้ชายร่างผอมรีบตวัดสายตาไปทางคนตัวสูงข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขาเรียกชื่อของผู้หญิงตรงหน้าออกมา ท่าทางสนิทสนม
“พี่ติรู้จักพะภูด้วยเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอน่า”
“จะไม่ใช่ได้ยังไง หนูเป็..”
“พี่ตาล!” เสียงตะโกนขานชื่อดังออกมาจากปากของพะภู ซึ่งเงียบมาได้สักพัก ตาลรีบเบนสายตามาทางรุ่นน้องตัวเองทันที พร้อมกับที่สีหน้าคำถามถูกส่งออกไป
“พี่ตาล..เป็นแฟนพี่ติหรอครับ”
“เอ่อ มะ..”
“ผมไม่รู้มาก่อนเลย... พี่ตาล ยกพี่ติให้ผมเถอะนะครับ”
“หะ?”
ติที่ได้แต่ยืนฟังพยายามจะเข้าไปดึงตัวพะภูออกมา แต่สายตาห้ามของตาลก็ทำให้เขาได้แต่หยุดอยู่เฉยๆ มือใหญ่ฟาดลงกับหน้าผากตัวเองเสียงดังเพียะ เหนื่อยใจกับไอ้เด็กผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
“ผมชอบพี่ติครับ ชอบมากด้วย ถึงจะเป็นพี่ตาลแต่ผมก็ไม่ยอมหรอกนะครับ” พะภูดึงมือตาลมากุมไว้แน่น สายตาจริงจังถูกส่งไปให้ ตาลคือรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่งสำหรับเขา แต่ถ้าจะมาเป็นศัตรูหัวใจ ก็ย่อมไม่ได้เช่นกัน
“งั้นพี่ยกให้เลย~”
“หะ?”
คำตอบยิ้มแย้มของตาลทำเอาพะภูเงิบไปสามวิ รุ่นพี่คนสวยเอาแต่ยืนกลั้นหัวเราะ พร้อมกับที่มือใหญ่ด้านหลังเอื้อมเข้ามาล็อกคอเขาไว้หลวมๆ ความไม่เข้าใจแล่นขึ้นมาในสมองแทบจะทันที
“เลิกบ้าได้แล้ว ทั้งคู่เลย.. ตาลเป็นน้องสาวฉัน” ติรีบชี้แจง จนพะภูคลายสงสัยในที่สุด รอยยิ้มแห้งๆเผยออกมาให้รุ่นพี่ตรงหน้า ได้แต่ก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ตาลคืออัครโภคิน”
“พี่ก็ไม่เคยรู้เหมือนกัน ว่าพะภูเป็นเด็กของพี่ติ”
“เด็กของพี่อะไร!? หมอนี่ก็แค่เด็กบ้าที่มาตามตื้อพี่เท่านั้นแหละ”
ติโวยวายขึ้นมาทันควัน พลางตบไหล่คนเด็กกว่าทั้งสองให้ขึ้นรถ ดูเหมือนยิ่งอยู่นานก็ยิ่งกลายเป็นเป้าสายตามากเท่านั้น ยังไงก็ต้องพาไปคุยกันที่อื่นก่อน ให้ยืนส่งเสียงดังหน้าโรงเรียนท่ามกลางสายตาคนมากมายแบบนี้ไม่ดีแน่
“แล้วสรุปว่าพี่ติมารับพี่ตาลหรอครับ?” คนเด็กสุดยื่นหน้าออกมาจากเบาะหลังรถ พลางเอียงคอถามคนขับ ดูน่ารักน่าชังไม่ใช่น้อย... น่ารักในความคิดตาล แล้วก็น่าชังสำหรับติน่ะนะ
“เออ”
“แต่ทุกทีก็ไม่เคยเห็นเลย”
“พอดีคนขับรถป่วยกะทันหัน พี่ติเลยต้องมารับน่ะ” ตาลเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้ เพราะดูท่าทางพี่ชายตัวเองจะเริ่มรำคาญเต็มทีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังอยากเห็นอะไรสนุกๆต่ออีกสักหน่อย
“ถ้ายังไง วันนี้พะภูไปกินข้าวเย็นบ้านพี่นะ”
“ได้หรอครับ!?”
“ไม่ได้! ยัยตาลจะชวนหมอนี่ทำไม”
ผู้ชายหลังพวงมาลัยรีบโวยวาย เมื่อคนเป็นน้องเชิญชวนเด็กที่เขาไม่นึกอยากอยู่ใกล้มากที่สุด ให้เข้ามาใกล้มากที่สุด ถ้ายอมพาหมอนี่เข้าบ้าน ไม่ยิ่งได้ใจใหญ่เหรอ เผลอๆจะคิดว่าเขาไม่ได้รังเกียจอะไร แล้วแบบนั้นก็คงตามตื้อไม่เลิกเป็นแน่
“ก็เป็นแขกของตาลเอง พี่ติจะทำไมคะ?”
แม้อยากจะเปิดปากเถียง แต่จากท่าทางดีใจของพะภู บวกกับสายตาเอาแต่ใจของตาล ก็ทำให้ติต้องยอมเออออห่อหมกไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ รถคันหรูขับแซงหน้าคันอื่นขึ้นมา จนคนด้านในแทบจะกลิ้ง ไม่นานนักก็หยุดตัวลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านเศรษฐีแห่งหนึ่ง ดูโอ่อ่าจนแทบจะกลายเป็นน่ากลัวเลยทีเดียว
ทันทีที่คุณหนูของบ้านทั้งสองคนก้าวเท้าลงมาจากรถ เหล่าคนรับใช้ก็เรียงแถวกันเข้ามารอต้อนรับซะอีกกว่าในละคร กระเป๋านักเรียนของทั้งสองคนถูกแม่บ้านรับไป ก่อนที่ตาลจะเป็นฝ่ายหันมาแนะนำตัวพะภูให้ทุกคนได้รับรู้โดยทั่วกัน ซึ่งตำแหน่งที่เธอมอบให้เขา นอกจากเป็นรุ่นน้องของตาลแล้ว ก็ยังได้เป็นเด็กในความดูแลของพี่ติด้วย แม้ว่าคนเป็นพี่ต้องการจะเถียงก็ไม่ทันแล้ว
“พ่อกับแม่ของเราทำงานอยู่ต่างประเทศ นานๆทีถึงจะกลับมา พะภูตามสบายเลยนะ”
“อะ...ครับ”
“อีกหนึ่งชั่วโมงจะเรียกทานอาหารเย็น ตอนนี้พะภูอยากทำอะไรหรือเปล่า?”
พะภูทำท่าครุ่นคิดได้สักพักก็ส่ายหน้าออกมา บ้านกว้างไกลแบบนี้คือสิ่งที่เคยคิดอยากจะมีมาตลอด แต่พอได้ลองมาสัมผัสจริงๆแล้ว ทำไมมันดูน่ากลัวก็ไม่รู้ เหมือนว่าจะกว้างเกินไป จนรู้สึกเหงาใจไปหมด...
“งั้นเราไปเล่นกับน้องน้ำฝนกันไหม?”
“ครับ?”
ตาลไม่ตอบสายตาคำถามของพะภู กลับตรงมาจูงมือเขาและติออกไปยังสนามหญ้าขนาดใหญ่ ดูเหมือนติจะแพ้น้องสาวคนนี้เอาซะมากๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจด้วยซ้ำ มุมน่ารักแบบนี้ก็มีนี่ นึกว่าทำเป็นแต่ปั้นหน้าโหด แล้วก็เที่ยวหาเรื่องชาวบ้านซะอีก
“โฮ่ง!”
ลูกหมาตัวเล็ก เจ้าของเส้นขนนุ่มลื่น สีน้ำตาลทองสวย วิ่งออกมาจากมุมหนึ่งของสวน ท่าทางร่าเริง และปุ้มปุ้ยสมบูรณ์ดีเหลือเกิน
ตาลอุ้มมันขึ้นมาและเดินตรงไปหาพะภูที่กำลังค้างเติ่ง ดวงตากลมแป้วจ้องเข้าไปในตาเขาเป็นเวลานาน จนตาลหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ดูเหมือนพะภูจะถูกความน่ารักของลูกหมาตัวน้อยเล่นงานเข้าให้ซะแล้ว
“นี่คือน้องน้ำฝน ลูกหมาของบ้านเรา จะอุ้มไหม?”
คนตัวเล็กรีบพยักหน้ารัวแรง พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ ตาลต้องกลั้นขำอีกครั้งก่อนจะส่งลูกหมาในมือเข้าไปในวงแขนของเด็กผู้ชายตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะขอจับภาพเป็นที่ระลึก ปกติพะภูก็เป็นรุ่นน้องที่ถูกกล่าวขานในโรงเรียนอยู่แล้ว เพราะหน้าตาที่น่ารักผิดปกติ กับความฉลาดหลักแหลมแบบหาตัวจับยาก ทำให้เขากลายมาเป็นที่ต้องการของสาวๆมากมาย แต่ในสายตาของตาล เขามองพะภูเป็นเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆ หรือตัวการ์ตูนที่หลุดออกมาจากหนังสือซะมากกว่า ยิ่งอยู่คู่กับน้องน้ำฝนที่น่ารัก ก็ยิ่งเสริมให้ภาพตรงหน้าดูดีคูณสอง ไม่นึกเลยจริงๆว่าพะภูจะเป็นเด็กที่ติคอยก่นด่าอยู่ประจำช่วงนี้
เธอไม่รู้หรอกนะว่า ความสัมพันธ์ของพะภูกับพี่ชายตัวเองเป็นยังไง แต่ถ้าติเกลียดใครจริงๆ เขาจะไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือแม้แต่จะเสวนาด้วยให้เสียเวลา แต่นี่มันไม่ใช่ ติไม่ได้เกลียดพะภูอย่างที่พยายามแสดงออก...เคยมีทั้งหญิงทั้งชายที่มาตามตื้อติตั้งมากมาย แต่พอโดนเขาร้ายใส่ ยังไม่ทันจะหมดวัน ก็แจ้นหนีไปหมด บางรายขอแค่ได้ร่วมหลับนอนด้วยคืนเดียว รับเงินนิดๆหน่อยๆไป ก็พอใจแล้ว ทุกๆคนก็แค่ผ่านเข้ามาในชีวิตของติแค่ชั่วคราวเท่านั้น
คนแบบพะภูคือจอมตื้อในแบบที่ติไม่เคยเจอ เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ไม่หนีหาย และไม่เกลียด แม้ว่าติจะทำตัวแย่ใส่ขนาดไหนก็ตาม บางที...อาจจะเป็นคนแบบนี้ก็ได้ ที่มาทำลายกำแพงในใจของพี่ชายจอมโหดของเธอ น่าสนุกดี...
“นั่ง”
“โฮ่ง!”
“เฮ้ย!!”
จมอยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่ทันไร พอหันไปอีกที ก็เห็นน้องน้ำฝนกับพะภูกำลังนั่งท่าเดียวกันอยู่บนพื้นหญ้า มีติคอยออกคำสั่งบนเก้าอี้ในสวนซะแล้ว บ้าชะมัด ไอ้พี่ติ! กล้าดียังไงมาทำเหมือนแขกของเธอเป็นลูกหมาแบบนี้กัน!
“พี่ติ พะภู เล่นอะไรกัน!?”
“ก็พี่ติบอกว่าผมเหมือนลูกหมาอะครับ” เด็กผู้ชายที่กำลังตั้งท่าจะหมอบตามน้องน้ำฝน เงยหน้าขึ้นตอบตาลแบบไร้เดียงสา จนเธอต้องรีบหันไปทำตาเขียวใส่คนออกคำสั่ง ที่ดูสนุกสนานเต็มที
“นี่พี่ยอมลดตัวลงมาเล่นกับรุ่นน้องเธอเลยนะ”
“พี่ติ!!”
“เออน่า เด็กนี่มันก็เล่นด้วย ไม่เห็นเป็นไรเลย น้ำฝน..ไปคาบมา!”
ติดึงแขนคนเป็นน้องให้นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างตน ก่อนจะหยิบของเล่นทรงกระดูกขว้างออกไปไม่ไกลนัก น้ำฝนเห่าดีใจและวิ่งไปคาบกลับมาแทบจะทันที ในขณะที่พะภูกลับนั่งนิ่ง สายตาจับจ้องไปยังของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย
“เอ่อ อันนี้ผมไม่เล่นนะครับ”
คนตัวสูงทำใจดียอมหยิบของเล่นแบบเดียวกันชิ้นใหม่ออกมายื่นให้ แต่พะภูกลับเอาแต่ส่ายหน้าพัลวัน ทำท่าจะลุกขึ้นยืน จนติต้องรีบกดไหล่เอาไว้
“ผมไม่เอ...อุ๊ฟ!!” ไม่รอให้พูดจบ ของเล่นลูกหมาในมือก็ถูกยัดเข้าไปในปากของคนตัวเล็กอย่างจงใจแกล้ง ตาลร้องออกมาแทบจะทันที แต่ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง เมื่อสายตาของพี่ชายในตอนนี้ดูเปรมปรีดิ์ซะเหลือเกิน
“..อุ..พ..อื้ออ!”
“เป็นลูกหมา ก็ต้องเชื่อฟัง”
“อึ๊...พี่..อ...ติ ฮ้า...”
มือเล็กของพะภูยกขึ้นกุมมือของติไว้แน่น พยายามอย่างมากที่จะดึงมันออกห่าง แต่กลับไม่เป็นผล สิ่งของในปากถูกดันเข้ามาลึกจนแทบจะอาเจียน น้ำใสๆเริ่มเอ่อขึ้นมาจากขอบตาทั้งสองข้าง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ น้ำลายที่กลืนไม่ทัน ไหลเยิ้มลงมาจนถึงปลายคาง เสริมให้ภาพของเขายิ่งดูน่ารังแกขึ้นไปอีก
ไม่รู้ทำไม ตาลถึงรู้สึกเขินอายขึ้นมาเฉยๆ เมื่อมองภาพของติกับพะภูในตอนนี้ สายตาเหยียดหยามจากคนตัวสูง ราวกับราชาที่กำลังกลั่นแกล้งเด็กน้อยไร้เดียงสาก็ไม่ปาน เสียงร้องอู้อี้ไม่เป็นภาษาจากปากของพะภู ฟังไปฟังมาทำไมมันชักจะดูอีโรติกขึ้นทุกทีก็ไม่รู้
“พะ..พี่ติ พอเถอะค่ะ”
ตาลทำใจกล้าเข้าไปสะกิดพี่ชายตัวเอง จนติต้องส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ แต่ก็ยอมถอนของเล่นลูกหมาออกมาจากปากเล็กตรงหน้า น้ำลายเหนียวหนืดของพะภูยังยืดตามออกมาอีกเป็นสาย ทำเอาคนตัวสูงอดแขยงไม่ได้
“นี่จ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้นะ” กระดาษทิชชู่จากตาลถูกส่งไปให้พะภูที่กำลังนั่งหอบ เอาแต่งืมงำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน มีน้องน้ำฝนที่ไม่รู้เรื่องอะไรวิ่งตามไปด้วย ปล่อยให้คู่กรณีต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
“อึ่ก!” มือใหญ่เอื้อมเข้ามาบีบคางพะภูไว้แน่น บังคับให้เชิดหน้าขึ้นมองตัวเอง น้ำเสียงเย็นเยียบถูกส่งออกไป ช้าๆ ชัดๆ
“ถ้าอยู่กับฉัน นายมันก็เป็นได้แค่ลูกหมา”
“...”
“เพราะฉะนั้น... ก็ออกไปจากชีวิตฉันซะ!”
------------------------------
มันมีเหตุผลอยู่ ว่าทำไมพี่ติถึงอยากไล่พะภูนักหนา
จริงๆพี่ติเป็นคนดีนะ 5555
ดูไม่ค่อยมีคนเชียร์พี่ติ แอบเศร้าแทน 55
พี่เกต์เป็นเพื่อนพระเอก
ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากจริงๆ
มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย T-T