เด็กผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดจะครองโลก by「aonair ( จบแล้ว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดจะครองโลก by「aonair ( จบแล้ว)  (อ่าน 130963 ครั้ง)

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 5

 

เด็กนักเรียนม.ปลายปีสุดท้าย เจ้าของร่างสูงใหญ่กำยำ หน้าตาไม่รับแขก แห่งโรงเรียนอันธพาลอย่างวิไลวิทย์ มาทำอะไรที่หน้าประตูโรงเรียนผู้ดีอย่างธารวิทยา ในตอนเย็นวันศุกร์แบบนี้กัน

สายตานับสิบคู่จับจ้องมาที่เขาอย่างหวาดกลัว ดูเหมือนเด็กโรงเรียนนี้จะมีแต่พวกปวกเปียก น่ารังเกียจทั้งนั้น แค่เห็นว่าใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนที่มาตรฐานต่ำกว่าตน ก็คิดไว้ก่อนแล้วว่าเป็นคนละระดับกัน ช่างไม่น่าคบหาเอาเสียเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่พวกคุณหนูคุณชายเอาแต่ใจ นอกจากเรียนกับชี้นิ้วสั่งแล้วไม่เห็นว่าจะทำอะไรเป็นสักคน

อ้อ ไม่ใช่สิ มีคนนึงที่ต้องละเว้นไว้เป็นกรณีพิเศษ แล้วก็ยังมีอีกหนึ่งตัวประหลาดที่คิดจะมาสุงสิงกับคนจากวิไลวิทย์อยู่เหมือนกัน เด็กบ้าที่ทำให้ชีวิตเขาปั่นป่วนมาตลอดอาทิตย์...

“พ..พี่ติ!?” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงของเด็กบ้าที่ว่าก็ดังขึ้นด้านหลัง

พะภูเงยหน้ามองติที่ค่อยๆหันมา ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ผงะจนเกือบจะล้ม น่าตกใจไม่ใช่เล่น ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นคนคนนี้ที่นี่ มาโผล่ต่อหน้าก่อนที่เขาจะไปหาซะอีก

“เออ”

“พี่ติมาหาผมหรอครับ?”

รีบถามเสียงหวาน พลางตรงเข้าไปคว้าแขนแกร่งมาเกาะไว้แน่นแบบไม่กลัวตาย สายตาของเด็กรอบโรงเรียนยิ่งจับจ้องมาทางพวกเขายิ่งขึ้น ติรีบสะบัดเจ้าแมลงตัวน้อยที่ชื่อพะภูออกไปและเป็นฝ่ายกระชากคอเสื้อของคนตัวเล็กให้เดินตาม ที่ด้านนอกมีรถสีดำคันหรูกำลังจอดเทียบอยู่เลียบฟุตบาทสีขาวสลับแดง แบบไม่แยแสกฎหมายกันเลย

“หัดอายซะบ้าง”

“อายทำไมครับ แล้วสรุปว่าพี่ติมาหาผมหรอครับ?”

“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ ฉั..”

 “พี่ติ!”

ยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขัดขึ้นก่อน ทั้งติและพะภูต่างหันไปมองแทบจะพร้อมกัน เธอคนนั้นกำลังยืนทำตาโตอยู่ที่หน้ารถ สวมใส่ชุดนักเรียนของธารวิทยาอย่างเรียบร้อย นักเรียนที่ติต้องขอละเว้นการตำหนิเป็นกรณีพิเศษ...

“ตาล!”

เด็กผู้ชายร่างผอมรีบตวัดสายตาไปทางคนตัวสูงข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขาเรียกชื่อของผู้หญิงตรงหน้าออกมา ท่าทางสนิทสนม

“พี่ติรู้จักพะภูด้วยเหรอ?”

“ไม่ใช่เรื่องของเธอน่า”

“จะไม่ใช่ได้ยังไง หนูเป็..”

“พี่ตาล!” เสียงตะโกนขานชื่อดังออกมาจากปากของพะภู ซึ่งเงียบมาได้สักพัก ตาลรีบเบนสายตามาทางรุ่นน้องตัวเองทันที พร้อมกับที่สีหน้าคำถามถูกส่งออกไป

“พี่ตาล..เป็นแฟนพี่ติหรอครับ”

“เอ่อ มะ..”

“ผมไม่รู้มาก่อนเลย... พี่ตาล ยกพี่ติให้ผมเถอะนะครับ”

“หะ?”

ติที่ได้แต่ยืนฟังพยายามจะเข้าไปดึงตัวพะภูออกมา แต่สายตาห้ามของตาลก็ทำให้เขาได้แต่หยุดอยู่เฉยๆ มือใหญ่ฟาดลงกับหน้าผากตัวเองเสียงดังเพียะ เหนื่อยใจกับไอ้เด็กผู้ชายคนนี้เหลือเกิน

“ผมชอบพี่ติครับ ชอบมากด้วย ถึงจะเป็นพี่ตาลแต่ผมก็ไม่ยอมหรอกนะครับ” พะภูดึงมือตาลมากุมไว้แน่น สายตาจริงจังถูกส่งไปให้ ตาลคือรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่งสำหรับเขา แต่ถ้าจะมาเป็นศัตรูหัวใจ ก็ย่อมไม่ได้เช่นกัน

“งั้นพี่ยกให้เลย~”

“หะ?”

คำตอบยิ้มแย้มของตาลทำเอาพะภูเงิบไปสามวิ รุ่นพี่คนสวยเอาแต่ยืนกลั้นหัวเราะ พร้อมกับที่มือใหญ่ด้านหลังเอื้อมเข้ามาล็อกคอเขาไว้หลวมๆ ความไม่เข้าใจแล่นขึ้นมาในสมองแทบจะทันที

“เลิกบ้าได้แล้ว ทั้งคู่เลย.. ตาลเป็นน้องสาวฉัน” ติรีบชี้แจง จนพะภูคลายสงสัยในที่สุด รอยยิ้มแห้งๆเผยออกมาให้รุ่นพี่ตรงหน้า ได้แต่ก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ตาลคืออัครโภคิน”

“พี่ก็ไม่เคยรู้เหมือนกัน ว่าพะภูเป็นเด็กของพี่ติ”

“เด็กของพี่อะไร!? หมอนี่ก็แค่เด็กบ้าที่มาตามตื้อพี่เท่านั้นแหละ”

ติโวยวายขึ้นมาทันควัน พลางตบไหล่คนเด็กกว่าทั้งสองให้ขึ้นรถ ดูเหมือนยิ่งอยู่นานก็ยิ่งกลายเป็นเป้าสายตามากเท่านั้น ยังไงก็ต้องพาไปคุยกันที่อื่นก่อน ให้ยืนส่งเสียงดังหน้าโรงเรียนท่ามกลางสายตาคนมากมายแบบนี้ไม่ดีแน่

“แล้วสรุปว่าพี่ติมารับพี่ตาลหรอครับ?” คนเด็กสุดยื่นหน้าออกมาจากเบาะหลังรถ พลางเอียงคอถามคนขับ ดูน่ารักน่าชังไม่ใช่น้อย... น่ารักในความคิดตาล แล้วก็น่าชังสำหรับติน่ะนะ

“เออ”

“แต่ทุกทีก็ไม่เคยเห็นเลย”

“พอดีคนขับรถป่วยกะทันหัน พี่ติเลยต้องมารับน่ะ” ตาลเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้ เพราะดูท่าทางพี่ชายตัวเองจะเริ่มรำคาญเต็มทีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังอยากเห็นอะไรสนุกๆต่ออีกสักหน่อย

“ถ้ายังไง วันนี้พะภูไปกินข้าวเย็นบ้านพี่นะ”

“ได้หรอครับ!?”

“ไม่ได้! ยัยตาลจะชวนหมอนี่ทำไม”

ผู้ชายหลังพวงมาลัยรีบโวยวาย เมื่อคนเป็นน้องเชิญชวนเด็กที่เขาไม่นึกอยากอยู่ใกล้มากที่สุด ให้เข้ามาใกล้มากที่สุด ถ้ายอมพาหมอนี่เข้าบ้าน ไม่ยิ่งได้ใจใหญ่เหรอ เผลอๆจะคิดว่าเขาไม่ได้รังเกียจอะไร แล้วแบบนั้นก็คงตามตื้อไม่เลิกเป็นแน่

“ก็เป็นแขกของตาลเอง พี่ติจะทำไมคะ?”

แม้อยากจะเปิดปากเถียง แต่จากท่าทางดีใจของพะภู บวกกับสายตาเอาแต่ใจของตาล ก็ทำให้ติต้องยอมเออออห่อหมกไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ รถคันหรูขับแซงหน้าคันอื่นขึ้นมา จนคนด้านในแทบจะกลิ้ง ไม่นานนักก็หยุดตัวลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านเศรษฐีแห่งหนึ่ง ดูโอ่อ่าจนแทบจะกลายเป็นน่ากลัวเลยทีเดียว

ทันทีที่คุณหนูของบ้านทั้งสองคนก้าวเท้าลงมาจากรถ เหล่าคนรับใช้ก็เรียงแถวกันเข้ามารอต้อนรับซะอีกกว่าในละคร กระเป๋านักเรียนของทั้งสองคนถูกแม่บ้านรับไป ก่อนที่ตาลจะเป็นฝ่ายหันมาแนะนำตัวพะภูให้ทุกคนได้รับรู้โดยทั่วกัน ซึ่งตำแหน่งที่เธอมอบให้เขา นอกจากเป็นรุ่นน้องของตาลแล้ว ก็ยังได้เป็นเด็กในความดูแลของพี่ติด้วย แม้ว่าคนเป็นพี่ต้องการจะเถียงก็ไม่ทันแล้ว

“พ่อกับแม่ของเราทำงานอยู่ต่างประเทศ นานๆทีถึงจะกลับมา พะภูตามสบายเลยนะ”

“อะ...ครับ”

“อีกหนึ่งชั่วโมงจะเรียกทานอาหารเย็น ตอนนี้พะภูอยากทำอะไรหรือเปล่า?”

พะภูทำท่าครุ่นคิดได้สักพักก็ส่ายหน้าออกมา บ้านกว้างไกลแบบนี้คือสิ่งที่เคยคิดอยากจะมีมาตลอด แต่พอได้ลองมาสัมผัสจริงๆแล้ว ทำไมมันดูน่ากลัวก็ไม่รู้ เหมือนว่าจะกว้างเกินไป จนรู้สึกเหงาใจไปหมด...

“งั้นเราไปเล่นกับน้องน้ำฝนกันไหม?”

“ครับ?”

ตาลไม่ตอบสายตาคำถามของพะภู กลับตรงมาจูงมือเขาและติออกไปยังสนามหญ้าขนาดใหญ่ ดูเหมือนติจะแพ้น้องสาวคนนี้เอาซะมากๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจด้วยซ้ำ มุมน่ารักแบบนี้ก็มีนี่ นึกว่าทำเป็นแต่ปั้นหน้าโหด แล้วก็เที่ยวหาเรื่องชาวบ้านซะอีก

“โฮ่ง!”

ลูกหมาตัวเล็ก เจ้าของเส้นขนนุ่มลื่น สีน้ำตาลทองสวย วิ่งออกมาจากมุมหนึ่งของสวน ท่าทางร่าเริง และปุ้มปุ้ยสมบูรณ์ดีเหลือเกิน

ตาลอุ้มมันขึ้นมาและเดินตรงไปหาพะภูที่กำลังค้างเติ่ง ดวงตากลมแป้วจ้องเข้าไปในตาเขาเป็นเวลานาน จนตาลหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ดูเหมือนพะภูจะถูกความน่ารักของลูกหมาตัวน้อยเล่นงานเข้าให้ซะแล้ว

“นี่คือน้องน้ำฝน ลูกหมาของบ้านเรา จะอุ้มไหม?”

คนตัวเล็กรีบพยักหน้ารัวแรง พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ ตาลต้องกลั้นขำอีกครั้งก่อนจะส่งลูกหมาในมือเข้าไปในวงแขนของเด็กผู้ชายตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะขอจับภาพเป็นที่ระลึก ปกติพะภูก็เป็นรุ่นน้องที่ถูกกล่าวขานในโรงเรียนอยู่แล้ว เพราะหน้าตาที่น่ารักผิดปกติ กับความฉลาดหลักแหลมแบบหาตัวจับยาก ทำให้เขากลายมาเป็นที่ต้องการของสาวๆมากมาย แต่ในสายตาของตาล เขามองพะภูเป็นเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆ หรือตัวการ์ตูนที่หลุดออกมาจากหนังสือซะมากกว่า ยิ่งอยู่คู่กับน้องน้ำฝนที่น่ารัก ก็ยิ่งเสริมให้ภาพตรงหน้าดูดีคูณสอง ไม่นึกเลยจริงๆว่าพะภูจะเป็นเด็กที่ติคอยก่นด่าอยู่ประจำช่วงนี้

เธอไม่รู้หรอกนะว่า ความสัมพันธ์ของพะภูกับพี่ชายตัวเองเป็นยังไง แต่ถ้าติเกลียดใครจริงๆ เขาจะไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือแม้แต่จะเสวนาด้วยให้เสียเวลา แต่นี่มันไม่ใช่ ติไม่ได้เกลียดพะภูอย่างที่พยายามแสดงออก...เคยมีทั้งหญิงทั้งชายที่มาตามตื้อติตั้งมากมาย แต่พอโดนเขาร้ายใส่ ยังไม่ทันจะหมดวัน ก็แจ้นหนีไปหมด บางรายขอแค่ได้ร่วมหลับนอนด้วยคืนเดียว รับเงินนิดๆหน่อยๆไป ก็พอใจแล้ว ทุกๆคนก็แค่ผ่านเข้ามาในชีวิตของติแค่ชั่วคราวเท่านั้น

คนแบบพะภูคือจอมตื้อในแบบที่ติไม่เคยเจอ เพราะเขาไม่ยอมแพ้ ไม่หนีหาย และไม่เกลียด แม้ว่าติจะทำตัวแย่ใส่ขนาดไหนก็ตาม บางที...อาจจะเป็นคนแบบนี้ก็ได้ ที่มาทำลายกำแพงในใจของพี่ชายจอมโหดของเธอ น่าสนุกดี...

“นั่ง”

“โฮ่ง!”

“เฮ้ย!!”

จมอยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่ทันไร พอหันไปอีกที ก็เห็นน้องน้ำฝนกับพะภูกำลังนั่งท่าเดียวกันอยู่บนพื้นหญ้า มีติคอยออกคำสั่งบนเก้าอี้ในสวนซะแล้ว บ้าชะมัด ไอ้พี่ติ! กล้าดียังไงมาทำเหมือนแขกของเธอเป็นลูกหมาแบบนี้กัน!

“พี่ติ พะภู เล่นอะไรกัน!?”

“ก็พี่ติบอกว่าผมเหมือนลูกหมาอะครับ” เด็กผู้ชายที่กำลังตั้งท่าจะหมอบตามน้องน้ำฝน เงยหน้าขึ้นตอบตาลแบบไร้เดียงสา จนเธอต้องรีบหันไปทำตาเขียวใส่คนออกคำสั่ง ที่ดูสนุกสนานเต็มที

“นี่พี่ยอมลดตัวลงมาเล่นกับรุ่นน้องเธอเลยนะ”

“พี่ติ!!”

“เออน่า เด็กนี่มันก็เล่นด้วย ไม่เห็นเป็นไรเลย น้ำฝน..ไปคาบมา!”

ติดึงแขนคนเป็นน้องให้นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างตน ก่อนจะหยิบของเล่นทรงกระดูกขว้างออกไปไม่ไกลนัก น้ำฝนเห่าดีใจและวิ่งไปคาบกลับมาแทบจะทันที ในขณะที่พะภูกลับนั่งนิ่ง สายตาจับจ้องไปยังของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย

“เอ่อ อันนี้ผมไม่เล่นนะครับ”

คนตัวสูงทำใจดียอมหยิบของเล่นแบบเดียวกันชิ้นใหม่ออกมายื่นให้ แต่พะภูกลับเอาแต่ส่ายหน้าพัลวัน ทำท่าจะลุกขึ้นยืน จนติต้องรีบกดไหล่เอาไว้

“ผมไม่เอ...อุ๊ฟ!!” ไม่รอให้พูดจบ ของเล่นลูกหมาในมือก็ถูกยัดเข้าไปในปากของคนตัวเล็กอย่างจงใจแกล้ง ตาลร้องออกมาแทบจะทันที แต่ก็ไม่รู้จะห้ามยังไง เมื่อสายตาของพี่ชายในตอนนี้ดูเปรมปรีดิ์ซะเหลือเกิน

“..อุ..พ..อื้ออ!”

“เป็นลูกหมา ก็ต้องเชื่อฟัง”

“อึ๊...พี่..อ...ติ ฮ้า...”

มือเล็กของพะภูยกขึ้นกุมมือของติไว้แน่น พยายามอย่างมากที่จะดึงมันออกห่าง แต่กลับไม่เป็นผล สิ่งของในปากถูกดันเข้ามาลึกจนแทบจะอาเจียน น้ำใสๆเริ่มเอ่อขึ้นมาจากขอบตาทั้งสองข้าง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ น้ำลายที่กลืนไม่ทัน ไหลเยิ้มลงมาจนถึงปลายคาง เสริมให้ภาพของเขายิ่งดูน่ารังแกขึ้นไปอีก

ไม่รู้ทำไม ตาลถึงรู้สึกเขินอายขึ้นมาเฉยๆ เมื่อมองภาพของติกับพะภูในตอนนี้ สายตาเหยียดหยามจากคนตัวสูง ราวกับราชาที่กำลังกลั่นแกล้งเด็กน้อยไร้เดียงสาก็ไม่ปาน เสียงร้องอู้อี้ไม่เป็นภาษาจากปากของพะภู ฟังไปฟังมาทำไมมันชักจะดูอีโรติกขึ้นทุกทีก็ไม่รู้

“พะ..พี่ติ พอเถอะค่ะ”

ตาลทำใจกล้าเข้าไปสะกิดพี่ชายตัวเอง จนติต้องส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ แต่ก็ยอมถอนของเล่นลูกหมาออกมาจากปากเล็กตรงหน้า น้ำลายเหนียวหนืดของพะภูยังยืดตามออกมาอีกเป็นสาย ทำเอาคนตัวสูงอดแขยงไม่ได้

“นี่จ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้นะ” กระดาษทิชชู่จากตาลถูกส่งไปให้พะภูที่กำลังนั่งหอบ เอาแต่งืมงำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน มีน้องน้ำฝนที่ไม่รู้เรื่องอะไรวิ่งตามไปด้วย ปล่อยให้คู่กรณีต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

“อึ่ก!” มือใหญ่เอื้อมเข้ามาบีบคางพะภูไว้แน่น บังคับให้เชิดหน้าขึ้นมองตัวเอง น้ำเสียงเย็นเยียบถูกส่งออกไป ช้าๆ ชัดๆ

“ถ้าอยู่กับฉัน นายมันก็เป็นได้แค่ลูกหมา”

“...”

“เพราะฉะนั้น... ก็ออกไปจากชีวิตฉันซะ!”

------------------------------

:katai4: :katai4:

มันมีเหตุผลอยู่ ว่าทำไมพี่ติถึงอยากไล่พะภูนักหนา
จริงๆพี่ติเป็นคนดีนะ 5555
ดูไม่ค่อยมีคนเชียร์พี่ติ แอบเศร้าแทน 55

พี่เกต์เป็นเพื่อนพระเอก  :z10:

ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากจริงๆ
มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย T-T

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ถ้าออกไปจากชีวิตนายง่ายๆ ก็ไม่ใช่พะภูสิ

ออฟไลน์ MZter

  • ~ใครหาว่าผมอินดี้...ผมเกรียนจะตาย(•`^`•)~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เป็นลูกหมาที่น่า...รักที่สุดเลยหล่ะ
อยากเก็บมาเลี้ยงไว้ดูเล่นสักตัว

ออฟไลน์ VICcy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมผมตงิดๆว่าพะภูต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงถึงได้คอยตามตื๊อพี่ติไม่เลิก
เอ๊ะ!หรือตูจะมองในแง่ร้ายเกินไปหว่า

ออฟไลน์ full69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
เค้าว่าอีกไม่นาน พี่ติได้หงอกับ ลูกหมาแ่น่ๆๆ

 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ pharm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เป็นลูกหมาก็พกพาสะดวกดีนะ

อิอิ คิดไปไกลขนาดให้พะภูใส่ชุดหมาน้อยละ :katai2-1:

ออฟไลน์ LoleNz_Floer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เหตุผลที่ พี่ติอยากไล่พะภูไปไกลๆเพราะอะไรอะ//ทำหน้าเอ๋อ :m28: :m28:   :confuse: :confuse:

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
ต๊ายยย พอคิดภาพตามแล้วหน้าพะภูอีโรติคมั่กๆเบย  :-[

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
พะภูต้องการอำนาจจากพี่ติในการปกป้องตัวเอง
ตอนนี้น่าจะมีแค่ความรู้สึกนี้นะ ยังไม่น่าจะชอบพี่ติด้วยซ้ำ
(ใครจะชอบลง ร้ายกับตัวเองขนาดนัั้น .. เอ๊ะ หรือน้องจะมาโซ  :hao6: )

ส่วนพ่อพระเอก .. อืมมมม ยังเดาปมในใจไม่ออกแฮะ

 :katai1:



mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าออกไปจากชีวิตนายง่ายๆ ก็ไม่ใช่พะภูสิ

จริงง! 55

เป็นลูกหมาที่น่า...รักที่สุดเลยหล่ะ
อยากเก็บมาเลี้ยงไว้ดูเล่นสักตัว

น่ารัก น่ากด.. เอ๊ย น่ากอด จริงๆ ><

ทำไมผมตงิดๆว่าพะภูต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงถึงได้คอยตามตื๊อพี่ติไม่เลิก
เอ๊ะ!หรือตูจะมองในแง่ร้ายเกินไปหว่า

ไม่ได้มองในแง่ร้ายเกินไปเลยค่ะ.. 555 ก็มีจริงๆนะ แอบบอกทิ้งๆไว้ตั้งแต่บทแรกแล้ว คือไม่ใช่เพราะรักแน่ๆ (ตอนนี้อะนะ)

เค้าว่าอีกไม่นาน พี่ติได้หงอกับ ลูกหมาแ่น่ๆๆ

 :hao7: :hao7:

นั่นสิ ต้องแพ้ลูกหมาตัวนี้นี่แหละ!

เป็นลูกหมาก็พกพาสะดวกดีนะ

อิอิ คิดไปไกลขนาดให้พะภูใส่ชุดหมาน้อยละ :katai2-1:

คิดไปไกลแล้วเหมือนกัน =.,=

เหตุผลที่ พี่ติอยากไล่พะภูไปไกลๆเพราะอะไรอะ//ทำหน้าเอ๋อ :m28: :m28:   :confuse: :confuse:

เป็นเหตุผลที่ต้องบอกว่า พี่ติเป็นคนดีมาก ><

ต๊ายยย พอคิดภาพตามแล้วหน้าพะภูอีโรติคมั่กๆเบย  :-[

ใช่มะะ 555 จริงๆอยากให้ยัดนิ้วใส่ปากมากกว่า ชอบแบบนั้นอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ //แสดงความหื่น

พะภูต้องการอำนาจจากพี่ติในการปกป้องตัวเอง
ตอนนี้น่าจะมีแค่ความรู้สึกนี้นะ ยังไม่น่าจะชอบพี่ติด้วยซ้ำ
(ใครจะชอบลง ร้ายกับตัวเองขนาดนัั้น .. เอ๊ะ หรือน้องจะมาโซ  :hao6: )

ส่วนพ่อพระเอก .. อืมมมม ยังเดาปมในใจไม่ออกแฮะ

 :katai1:




เบื้องหน้าพะภูดูเป็นเด็กดี พี่ติดูใจร้าย แต่เหตุผลของพะภูจริงๆใจร้าย แล้วเหตุผลของพี่ติกลายเป็นดี ! ต้องรอติดตามค่ะ >w<


ขอบคุณทุกๆคอมเม้นมากเลยนะคะ
แต่งช้านิดนึง เพราะทำนู้นทำนี่เยอะแยะไปหมด
แต่มาต่อแน่นอน ยังไงก็ฝากติดตามกันไปเรื่อยๆด้วยนะค้า~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ถ้าพะภูเป็นลูกหมาก็เป็นลูกหมาที่น่ารักที่สุดอ่ะ

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พี่ติขาาา
หนูชอบพี่จังเลย><!!!!
อ่านแล้วอดอยากเห็นพี่โดกดไม่ได้5555

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
จริงๆแล้วพี่ติเป็นคนใจดี...?   :undecided: :undecided: :undecided:



เมื่อไหร่จะใจดีแบบที่ทำให้คนอ่านเขินได้น๊อ  :hao7: :hao7: :hao7:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 6

 

ลูกหมาตัวน้อยในชุดของโรงเรียนผู้ดีอย่างธารวิทยา มาทำอะไรอยู่หน้าโรงเรียนอันธพาลอย่างวิไลวิทย์ในตอนเย็นวันจันทร์แบบนี้กัน สายตาของนักเรียนที่นี่เริ่มไม่สนใจเขาอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะชินชากับการปรากฏตัว หรือเพราะข่าวลือเรื่องที่ติกับเกต์เข้ามาช่วยเหลือเขากันแน่

“นี่นาย”

“ค..ครับ?” ไม่ทันไรก็มีเด็กนักเรียนหญิงสองคน เดินเข้ามาทักทายด้วยท่าทางใจดีผิดปกติซะแล้ว พะภูรีบหันไปก้มหัวให้เล็กน้อย เมื่อเห็นท่าว่าจะเป็นรุ่นพี่

“มาหาติกับเกต์เหรอ?”

“เอ่อ ครับ”

“อยู่ที่ตึกแรก ชั้นสองห้องสามน่ะ”

“ขะ ขอบคุณมากครับ”

คนตัวเล็กรีบก้มหัวอีกสองสามทีก่อนจะวิ่งไปยังอาคารเรียนตรงหน้า ถ้ามองไม่ผิดไป เมื่อกี้ผู้หญิงสองคนนั้นยังส่งยิ้มให้เขาอีกด้วย ทำไมพอเป็นรอยยิ้มจากเด็กวิไลวิทย์แล้วถึงไม่น่าดีใจเอาซะเลย กลับกัน มันดูน่าขนลุกมากกว่า นักเลงพวกนี้เวลาทำตัวดีแล้วน่ากลัวกว่าปกติอีกแฮะ

ความคิดในหัวถูไล่ออกไป เมื่อพะภูมาถึงหน้าห้องเรียนหมายเลข 203 ได้ข่าวว่าอาคารนี้พิเศษกว่าที่อื่น เพราะเป็นส่วนของพวกนักเรียนโครงการภาคภาษาอังกฤษ จึงได้อยู่ในห้องติดแอร์ น่าหมั่นไส้

ก๊อก ก๊อก..

พอยื่นมือออกไปเคาะประตู เสียงพูดคุยด้านในก็สงบลงทันที แอบเห็นจากเงาลางๆว่ามีหลายต่อหลายคนกำลังหันมองมาทางประตูที่เขายืนอยู่ แต่กลับไม่มีใครยอมขยับตัวลุกขึ้นมาเลย นี่มันบ้าอะไร ทำไมถึงต้องเอาแผ่นกระดาษมาแปะตามกระจกจนมองแทบไม่เห็นอะไรแบบนี้ด้วย แถมยังล็อกประตูเสียแน่นหนาจนน่าสงสัยอีก กลุ่มของกีรติช่างเลือกแหล่งซ่องสุมได้ไม่เกรงใจสถาบันเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ!

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ข้อต่อนิ้วมือทั้งสี่เคาะลงกับประตูไม้เสียงดังขึ้นอย่างจงใจ สายตาหรี่ลงแนบประตูที่เคยเป็นกระจกใส พอจะทำให้เห็นด้านในได้บ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังประชุมอะไรสักอย่างกันอยู่ มีผู้ชายหลายคนนั่งเรียงแถวไปตามโต๊ะเรียน กับอีกสามคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เบาะหน้ากระดาน แทบทั้งหมดไม่ได้สนใจจะเดินมาเปิดประตูให้เขาแต่อย่างใดเลย!

ก๊อก! ก๊อก!!

“ขอโทษครับ!”

เสียงเคาะประตูกับเสียงตะโกนของคนแปลกหน้ายังคงดังขึ้นต่อเนื่อง ทำเอาบรรยากาศภายในห้องเริ่มวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจฟังสิ่งที่ผู้ชายหัวเกรียนหน้ากระดานกำลังร่ายอีกแล้ว เจ้าของผมสีทองที่นั่งอยู่ถัดไป ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดพูดเพื่อจะฟังเสียงจากนอกประตูให้ชัดเจน

“เปิดประตูให้หน่อยครับ!”

“นั่นมันเสียงพะภูหนิ!”

“เฮ้ย!/เฮ้ย!”

เสียงร้องห้ามจากสองคนข้างๆดังขึ้นทันทีที่เกต์ลุกออกจากเก้าอี้ สายตาหลายสิบคู่ของนักเรียนด้านหน้าจับจ้องมาที่เขาด้วยความคาดหวังบางอย่าง ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาได้ ยกเว้นจะรู้รหัสเฉพาะกลุ่มเท่านั้น และการที่อยู่ดีๆจะเดินหน้าสลอนไปเปิดประตูให้เด็กที่ไหนไม่รู้ ก็ถือเป็นเรื่องผิดเช่นกัน

พะภูยืนร้องกระจองงองแงอยู่หน้าประตูเป็นเวลาอีกพักใหญ่ กว่าเสียงด้านในจะสงบลงอีกครั้ง พร้อมกับที่นักเรียนผู้ชายเริ่มทยอยลุกกันออกมา ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาก็รีบแทรกตัวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระดานขนาดใหญ่ มีผู้ชายสามคนกำลังจ้องลงมาด้วยสายตาที่แตกต่างกัน

“ทำไมไม่ยอมเปิดประตูให้ผมล่ะครับ?”

“ขอโทษด้วยนะ แต่เราไม่ให้คนนอกเข้า”

เกต์พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้พะภูรู้สึกดีขึ้นได้ คำว่าคนนอกดูจะจี้ใจดำเขามากเกินไป บวกกับสายตาเยาะเย้ยที่ติส่งมา ก็ยิ่งดูน่าหงุดหงิด

“เฮ้ย กูไปหาเฟย์แล้วนะ” ศิลป์เลิกสนใจเด็กผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะหันไปตบไหล่ลาเพื่อนทั้งสองคนออกไป

“ฉันพูดอะไร ไม่เคยเข้าหัวเลยสินะ”

ติทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงกลางอีกครั้ง พลางเริ่มต้นบทสนทนาขึ้น พะภูต้องเก็บซ่อนอารมณ์โมโหเมื่อครู่ไว้ และรีบตีหน้าสดใสเข้าไปคลอเคลียคนบนเก้าอี้ทันที เกต์ตามมานั่งลงข้างๆติ ก่อนจะผายมือเป็นสัญญาณให้พะภูขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่ว่าง

“เสาร์อาทิตย์ไม่ได้เจอพี่ติ ผมคิดถึงมากเลยนะครับ”

“ฉันก็คิด”

“เอ๊ะ?” ความหวังบางอย่างเปล่งออกมาจากดวงตาสดใสทั้งสองข้าง แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อคนตัวสูงรีบพูดต่อ

“คิดว่าจะทำยังไง ให้นายเลิกตามตื้อสักที!”

“พี่ติใจร้ายจัง วันนั้นยังพาผมเข้าบ้านตัวเองแท้ๆ~”

“หือ? นี่มึงพาพะภูไปบ้านเหรอ ไม่เห็นเล่าเลยนะ” เกต์แสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา ก่อนจะฟาดหลังมือลงกับแผ่นอกของเพื่อนข้างๆเต็มแรง คนถูกตีชักสีหน้าพลางตบหัวอีกฝ่ายคืน รุนแรงไม่แพ้กัน

“ยัยตาลเป็นคนชวน กูไม่เกี่ยวว้อย!”

“แล้วไปทำอะไรกันล่ะ?”

“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แล้วนี่มาทำไม?”

ติรีบตัดบทจากเกต์ และหันมาเอาเรื่องคนบนเก้าอี้อีกด้านต่ออย่างฉุนเฉียว พะภูทำท่าเหมือนเพิ่งนึกเรื่องสำคัญออก ก่อนจะวาดมือผ่านตัวติไปจนถึงมือใหญ่ของเกต์ซึ่งอยู่ถัดไป กอบกุมเอาไว้แน่นพลางส่งสายตาน่าสงสารให้ ทำเอาคนตรงกลางอดส่งเสียงหมั่นไส้ออกมาไม่ได้

“พี่เกต์ ผมขอยืมเงินหน่อยได้ไหมครับ?”

“อ้อ ได้สิ จะเอ..”

“เฮ้ย!” ติโวยออกมาแทบจะทันทีหลังได้ยินคำพูดของพะภู มือเล็กถูกเขาปัดออกให้ห่างจากเพื่อนตน ก่อนที่สายตาไม่สบอารมณ์จะถูกส่งไปให้

“สนิทกันก็ไม่ใช่ อยู่ดีๆมาขอเงิน พ่อแม่ไม่สอนให้มีความเกรงใจบ้างหรือไง!?”

“อึ่ก!”

“ไอ้เด็..”

“...ขอโทษครับ แต่ผมไม่มี” สายตาแข็งขืนไม่แพ้กันจากเด็กตรงหน้าถูกส่งกลับมา น่าแปลกใช่เล่น ปกติไม่เคยเห็นหมอนี่ทำหน้าทำตาแบบนี้หรอก เจอกันทีก็เอาแต่ยิ้มร่า เข้ามาออดอ้อนเหมือนลูกหมาเท่านั้น

“อะไ..”

“ผมไม่มี พ่อแม่ที่จะมาสอนเรื่องความเกรงใจ”

“.....”

“พอดีพี่สาวผมไม่สบาย ต้องฉีดยา ราคาแพงมากครับ แถมบิลค่าน้ำค่าไฟก็ส่งมาแล้ว”

พะภูเลิกสนใจติที่เถียงไม่ออก ก่อนจะเดินไปนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเกต์แทน แก้มเนียนถูไถไปกับกางเกงนักเรียนของรุ่นพี่ต่างโรงเรียนอย่างกับลูกหมาไม่มีผิด เกต์เอื้อมมือขึ้นตบบ่าติเบาๆ เหมือนเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเขาจะช่วย แม้ว่ามันจะทำให้ติไม่พอใจก็ตาม

“ตอนนี้ฉันมีแค่นี้ เอาไปก่อนนะ”

แบงค์พัน 5 ใบ ถูกนำออกมาจากกระเป๋าสตางค์ราคาแพง ยื่นให้คนตัวเล็กที่ทำท่าเหมือนอยากร้องไห้เต็มที พะภูรีบรับมาและเอาแต่ก้มหัวขอบคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ส่วนติก็ทำได้แค่ถอนหายใจให้กับความใจอ่อนของเพื่อนคนนี้เท่านั้น

ถ้าจะบอกว่าเกต์คือเทวดาที่มาโปรดพะภูก็คงไม่ผิด นอกจากให้ยืมเงินโดยไม่มีข้อแม้อะไรสักคำแล้ว ยังอาสาพาไปส่งบ้านฟรีๆอีก ความจริงแล้ว การมีเกต์อยู่ก็ทำให้พะภูกล้าเข้าหาติมากขึ้นด้วย เพราะรู้แน่ว่า ต่อให้ติรำคาญตัวเองแค่ไหน แต่เกต์ก็จะเป็นคนมาช่วยคลายบรรยากาศไม่ดีให้ทุกครั้ง บางทีก็รู้สึกว่าคนคนนี้ดูเหมือนพี่ชายในอุดมคติอยู่เหมือนกัน

เงินที่ได้ก็รีบเอาไปให้พะพาย ที่ดันไปออกค่ายแล้วติดไข้เลือดออกกลับมา แบ่งบางส่วนไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ กับค่าโทรศัพท์ แน่นอนว่าต้องเริ่มหางานพิเศษ เพื่อจะหาเงินไปคืนเกต์โดยไวด้วย ไม่อย่างนั้น ทุกครั้งที่ไปหาติ ก็คงไม่วายโดนจิกกัดเข้าให้อีก

พูดถึงติ..วันนี้ต้องยอมรับเลย ว่าเขารู้สึกโกรธจริงๆ การที่ติพูดจาถึงพ่อแม่นับว่าเป็นอะไรที่แย่มาก แต่พอคิดทบทวนดูดีๆ ติเองก็คงไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เขาแค่พูดตามประสาผู้ชายปากเสีย โดยที่ไม่รู้ก็เท่านั้น...ยังไง พะภูก็ต้องทำให้ติรัก และเพื่อจะทำให้มันลุล่วง เขาก็คงไม่มีสิทธิ์ไปเอาความอะไรได้หรอก วันนี้พลาดไปหน่อยที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ จนแสดงด้านที่ไม่น่ารักออกไปให้เห็น แต่ครั้งหน้าที่เจอกัน เขาก็ต้องกลับไปเป็นลูกหมาเซื่องๆของติเหมือนเคย

กริ๊งง..

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นทำลายความคิดในหัวพะภูไปหมด เสียงพะพายอาบน้ำดังลงมาจากชั้นสองของทาวน์เฮาส์ราคาถูก ทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายลากขาออกไปเอง ปกติไม่เคยมีใครมาหาเอาเวลาอย่างนี้หรอก ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่คนทวงค่าเช่าหรืออะไรเทือกนั้นนะ

“...พะ”

ประตูบ้านถูกปิดลงอย่างไว ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังผู้ชายตัวสูงในชุดไปรเวทสบายๆ แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พะภูรีบเดินมาเปิดรั้วด้านนอกและตรงเข้าไปเกาะกุมแขนใหญ่เอาไว้เหมือนทุกที กลิ่นสบู่แชมพูฟุ้งเตะจมูก จนคนเป็นแขกแทบจะอาเจียน

“พี่ติ มาหาผมเหรอครับ!?”

“เออ”

น้ำเสียงรำคาญตอบกลับมาพลางกระตุกแขนแรงๆ จนคนตัวเล็กเกือบกระเด็น สายตาเรียบเฉยจับจ้องไปที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเด็กทุนโรงเรียนผู้ดี เขาค่อยๆดึงซองสีน้ำตาลออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยื่นให้พะภูรับไว้

“อะไรครับ?”

“ดูเหมือนนายจะมีปัญหาด้านการเงิน รับนี่ไป แล้วอย่ามาให้เห็นหน้าอีกได้ไหม?”

คนตัวเล็กฟังไปแกะซองในมือไป ด้านในเป็นเงินสดฟ่อนใหญ่ หนาจนอดตาโตไม่ได้ เท่าไรกันเนี่ย น่าจะหลายหมื่นอยู่เพราะที่เห็นก็มีแต่แบงค์สีเทาทั้งนั้น... ไม่สิ แบบนี้ต้องเป็นแสนแน่ๆ บ้าไปใหญ่แล้วกีรติ แบกเงินขนาดนี้มาฟาดหัวคนอื่น เพื่อสั่งให้เขาออกไปจากชีวิตตัวเองเนี่ยนะ

เงินนี่มากพอสำหรับครอบครัวพี่น้องสองคนอย่างพะภู สำหรับการใช้ชีวิตนับจากนี้ ก็คงไม่ต้องลำบากอีกแล้ว แต่ว่า...เขาเดินมาไกลเกินกว่าจะยอมรับแค่เศษเงินจากตระกูลอัครโภคิน มีแค่เงินปึกสองปึก ไม่พอจะทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงหรอก...

พะภูปิดซองกลับอย่างเดิม ก่อนจะยัดมันเข้าไปในมือของคนให้ สีหน้าเรียบเฉยถูกแสดงออกไป พร้อมกับน้ำเสียงที่ตั้งใจให้ฟังดูจริงจังเป็นพิเศษ

“คนที่รักพี่จริงๆ เขาไม่ต้องการเงินนี่หรอกครับ”

“...”

คนตัวสูงเงียบไปนาน มีเพียงแค่เสียงลมที่พัดผ่าน กับเสียงของเครื่องยนต์ที่ขับเข้ามาในซอยเท่านั้น ทั้งสองต่างหยุดนิ่ง ทิ้งเวลาไปกับการจ้องหน้ากันและกันด้วยสายตาซึ่งแปลความไม่ออก

ระหว่างที่ทั้งคู่ยังคงจมเข้าไปในความคิดของตัวเอง ใครบางคนก็ใช้โอกาสนี้โผล่ตัวออกมาจากเงาต้นไม้ใหญ่ เข้ามาขนาบหลังพะภูพร้อมกับวัตถุน่าสงสัยบางอย่าง ซึ่งกำลังดันกระแทกเอวเขาเข้ามา ความหวาดหวั่นแล่นไปทั่วร่างจนขาสองข้างสั่นไปหมด ติที่ยืนอยู่อีกฝั่งรีบชักสีหน้า ก่อนจะทอดสายตาผ่านคนตัวเล็กไปยังผู้มาเยือน

กริ๊ก

เสียงเหนี่ยวไกปืนดังขึ้นชัดเจนในโสตประสาต ทำเอาสติสตังแทบจะวิ่งหนีหายไปเสียเดี๋ยวนั้น สายลมที่พัดมาก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ น่ากลัวว่าจะมีพายุผ่านมาทางนี้ซะแล้วล่ะมั้ง...

--------------------------------------

ตอนต่อไปน่าจะได้อยู่กันสองต่อสองแล้ว ฮิ้วววว~
แต่เพิ่งแต่งไปได้ไม่กี่บรรทัดเอง ฟิ้วววว~ 5555

ขอบคุณอีกครั้งและอีกครั้งสำหรับทุกๆคอมเม้นค่ะ
เราอ่านซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่รอบ ยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้ว 55
ยังไงก็ขอฝากให้ติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ

 :heaven

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ใครกันน่ะ อยู่ๆก็เอาปืนมาจ่อ  :m28: :m28: :m28:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เจ้าหนี้? หรือใคร

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:เข้ามาติดต่มด้วยคน :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ VICcy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พะภูต้องการมากกว่าเงิน แล้วมันคืออะไร? แล้วใครยิงปืน ? ทำไมพี่ติถึงไล่พะภู ?
ปริศนาเยอะจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2013 17:07:39 โดย VICcy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ใคร?
ยิงพะภู เหรอ
นางอิจฉา เมียเก่าพี่ติ
 :ling1:

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
ยังงงกับเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าเป็นไงมาไง
แต่ก็เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่จ้า

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งะเกิดอารายขึ้นนะนี่ ให้ตายสิ!!

ออฟไลน์ MZter

  • ~ใครหาว่าผมอินดี้...ผมเกรียนจะตาย(•`^`•)~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ค้าง...ตัวเท่าบ้าน :katai4:
มาต่อเร็วๆนะคร้าบบบบ :mew2:

คนจากต่างดาว

  • บุคคลทั่วไป
 :katai2-1: ชอบเรื่องนี้มากเลย ติดตามอ่านตั้งแต่ตอนแรกยันตอนนี้เลยอ้ะ!

ลงทุนสมัครสมาชิกเว็บเพื่อเรื่องนี้เลยนะเนี๊ยะ  :-[

สาธุ! ขอให้อานิสงส์นี้ช่วยให้นักเขียนอย่าดองงานด้วยเทอญ  :call:

ฮ่าๆ แต่งอีกเยอะๆนะๆๆๆ รออ่าน เย้วววว!!!  :hao7:

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ภูไม่ธรรมดาจริงๆใช่มั้ย? มันดูกล้าเกินไปมากกว่าเด็กทั่วๆไป
ส่วนติก็ไม่ได้เลวอย่างที่คิดหรืออะไรยังไง
เอาตรงๆว่าเป็นเรื่องแรกที่เดาพล็อตเรื่องไม่ออก
มันดูกำกวมไปหมด คนนี้เหมือนดีอาจแย่ คนที่ดูแย่อาจดี

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อ่าว โจรปล้นเหรอนั้นน  :ling2:

mooaiir

  • บุคคลทั่วไป
อ่านคอมเม้นแล้วตกใจนิดนึง
ทุกคนอย่าเพิ่งคาดหวัง เราไม่ได้แต่งซับซ้อนขนาดนั้น 555555
คือเรื่องนี้มันไม่มีอะไรเลย เรื่อยๆมาก 55
แค่เด็กบ้า กับ ผู้ชายหน้าโหด น่ะ..........




บทที่ 7

 

“พี่ติ!”

พะภูรีบร้องขึ้นเมื่อเห็นชายร่างใหญ่อีกคน โผล่ออกมาด้านหลังของติพร้อมปืนอีกกระบอกในมือ ไม่ทันที่คนตัวสูงจะได้ขยับตัว เสียงเหนี่ยวไกก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ท่ามกลางความเงียบสงบของซอยเล็กๆนี้ เขาตัดสินใจทำตัวว่านอนสอนง่าย เพื่อรักษาความปลอดภัยของตัวเอง

“เดินไปขึ้นรถ”

เจ้าของปืนว่าเสียงเรียบ ก่อนจะดันไหล่ทั้งสองคนให้เดินไปขึ้นรถตู้คันใหญ่ที่ขับเข้ามาจอดเมื่อครู่ ด้านในมีพรรคพวกของมันอีกสองสามคน ในมือถืออาวุธกันพร้อมสรรพ ทำให้ไม่สามารถขัดขืนได้เลย

ทั้งคู่ถูกจับมัดมือ และปิดปากซะสนิท โทรศัพท์ถูกยึดเอาไปปิดเครื่องทิ้งทันที แถมเงินแสนในซองที่ตั้งใจเอามาให้พะภูก็ถูกมันเอาไปด้วย รถตู้ขับไปเรื่อยๆเป็นเวลานานมาก แต่เพราะมีปืนมาจ่อหัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่มีกะจิตกะใจจะนอนหลับได้ด้วยซ้ำ กว่าที่จะรู้ตัวก็เป็นตอนสายของอีกวันเข้าไปแล้ว ความสับสนยังคงแล่นอยู่ในอกของพะภู และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อประตูรถถูกเปิดออก เผยให้เห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ละลานตา

ป่า !?

พวกคนร้ายค่อยๆลากตัวทั้งสองคนเข้าไปในกระท่อมไม้หลังเล็ก ก่อนจะถูกโยนเข้าไปในห้องทึบที่มีทางออกเป็นเพียงประตูบานเดียว ข้อเท้าทั้งสองข้างถูกเชือกหนามัดรวบไว้ด้วยกัน จนทั้งติและพะภูมีสภาพเหมือนหนอนใบไม้กลายๆ ไม่มีคำอธิบายใดๆ นอกจากความเงียบและสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความร้ายกาจจากพวกคนร่างบึกทั้งหลาย สุดท้ายก็ถูกจับขังไว้ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กเท่ารูตูด ประตูลงกลอนจากด้านนอกหนาแน่น หน้าต่างสักบานก็ไม่มี ที่พอจะประทังให้มีชีวิตอยู่ได้ก็แค่ช่องระบายอากาศเล็กๆเท่านั้น

“อืออื้ออ!”

พะภูมองตามคนตัวสูงที่ส่งเสียงอู้อี้ไม่รู้เรื่องออกมา พยายามกระดึ้บตัวเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นพลางขมวดคิ้วมุ่น ติส่ายหน้าเป็นสัญญาณให้เขาหันหลัง ก่อนที่มือใหญ่จะตรงเข้ามาคลำๆเชือกตรงข้อมือ ดูเหมือนติตั้งใจจะแก้มัดให้ได้ ทั้งที่มองไม่เห็นเงื่อน

เวลาผ่านไปนานสองนาน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคุณชายจอมโหดคนนี้จะแก้มัดได้ และดูเหมือนเจ้าตัวก็จะยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นทุกที สุดท้ายก็จบลงด้วยการล้มเลิกไปเสียกลางคัน ได้แต่ดิ้นพล่านๆเหมือนโดนน้ำร้อนสาดเพราะความไม่ได้ดั่งใจ เห็นแบบนี้ก็น่าหัวเราะอยู่เหมือนกัน กีรติที่ว่าแน่ก็ยังแก้เชือกผูกข้อมือกระจอกๆไม่ได้ คนอย่างเขาคงเคยแต่เตะต่อยหาเรื่อง ไม่มีโอกาสเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแบบนี้สินะ ผิดกับพะภูที่เคยโดยจับมัดแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในอดีต บางที ความทรงจำอันแสนโหดร้ายก็กลายมาเป็นประสบการณ์ที่ดีได้เหมือนกันแฮะ

“อืออื้ออือ..”

ติเป็นฝ่ายขมวดคิ้วเข้าหากันแทนเมื่อคนตัวเล็กพยายามส่งเสียงออกไปบ้าง พะภูไม่ได้สนใจว่าเขาจะเข้าใจไหม แต่กลับขยับเข้าไปชิดแผ่นหลัง พลางใช้มือเล็กแตะไปตามแนวเชือกเส้นหนา ไม่กี่นาทีต่อมา เงื่อนที่รัดข้อมือของติอยู่นั้น ก็ค่อยๆคลายออกตามลำดับ ทำเอาคนตัวโตถึงกับเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ขณะเดียวกันก็ยิ่งหงุดหงิดความใช้ไม่ได้ของตัวเอง

สก๊อตเทปแผ่นใหญ่ถูกดึงออกหลังจากที่เชือกตรงแขนตรงขาคลาย ติรีบหันไปแก้มัดให้พะภูและเริ่มคิดทบทวนเรื่องโจรพวกนี้ ฝั่งคนตัวเล็กพอเปิดปากได้ ก็รีบยิงคำถามใส่เสียงกระซิบ

“โดนจับง่ายๆแบบนี้ ไม่สมเป็นพี่ติเลยครับ”

“ไอ้ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เพราะมีนายอยู่ด้วย เลยต้องระวังต่างหาก”

“ทำไมครับ?”

“ก็ถ้านายเป็นอะไรไปจะว่ายังไง ฉันไม่มานั่งจัดงานศพให้หรอกนะ ไอ้บ้านี่”

“แบบนี้เรียกว่าเป็นห่วงสินะครับ” คนพูดเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางช้อนตาขึ้นมองคนโตกว่า นิ้วเรียวถูกยกขึ้นชี้หน้าติเป็นเชิงแซว อีกฝ่ายไม่ถึงกับปฏิเสธอะไร เพียงแต่ส่งสายตาไม่พอใจกลับมา พร้อมกับจิ้มนิ้วชี้ลงบนหน้าผากของพะภูแรงๆ

“แบบนี้เรียกว่าตัวเกะกะ ยังไม่สำนึกอีก”

“เจ็บนะครับ” คนตัวเล็กตีสีหน้าบูดบึ้ง ยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ติรีบส่งสัญญาณมือให้เงียบเสียงลง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ใบหู เสียงกระซิบทุ้มต่ำดังขึ้นชัดเจน

“เราจะหนีออกไปจากที่นี่”

 

แผนการตามมีตามเกิดยังคงไหลเวียนอยู่ในหัวสมอง ตอนนี้ทั้งสองคนกลับไปประจำที่ ทำทีเป็นถูกพันธนาการไว้เหมือนแรกเริ่มด้วยเงื่อนหลอกๆ อากาศภายในห้องเย็นตัวลงอย่างเห็นได้ชัด มีเม็ดฝนสาดเข้ามาบ้างเล็กน้อย บวกกับเสียงลมกับใบไม้น่ากลัวที่ดังติดต่อกันมาร่วม 20 นาทีแล้ว ไอ้พวกโจรด้านนอกเหลือเพียงแค่ 2 คน นอกนั้นดูเหมือนจะขับรถกลับไปที่ไหนสักแห่ง อาจจะกำลังเตรียมการบางอย่างอยู่ก็เป็นได้

ส่วนจุดประสงค์...ที่พอจะเดาออก ก็คือการจับตัวเรียกค่าไถ่ ไม่ก็การแก้แค้นจากพวกนักเลงกลุ่มอื่นๆ จากประสบการณ์ที่ติเคยถูกปองร้ายลักษณะนี้มาเฉียดๆ 10 ครั้งต่อปี แต่ทุกทีก็มักรอดมาได้อย่างหวุดหวิดด้วยตัวคนเดียว ยกเว้นแต่ครั้งนี้ที่ดันมีพะภูเข้ามาเกะกะ ทำให้ไม่กล้าวู่วามมากนัก เพราะถึงเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเด็กนี่เท่าไร แต่ก็คงไม่ดีถ้าปล่อยให้คนอื่นต้องมาพลอยรับลูกหลงไปด้วย

สักพักหนึ่งประตูห้องก็เปิดออก พร้อมผู้ชายร่างบึกที่ก้าวเท้าเข้ามา ในมือถือกล่องโฟมใส่อาหาร ซึ่งส่งกลิ่นโชยจนเตะจมูก

“กินซะ จะได้ไม่ตายไปก่อน”

แคว๊กก

มือหนาตรงเข้ามากระชากสก็อตเทปบนปากทั้งคู่ออกอย่างดิบเถื่อน ก่อนที่กล่องข้าวในมือจะถูกวางลงบนพื้น คนตัวเล็กรีบชักสีหน้า ก่อนจะแสร้งโวยวายเป็นการใหญ่

“ทำไมมีข้าวแค่นี้อะ?”

“มีให้กินก็ดีแล้ว!”

“งั้นก็แก้มัดสิ ไม่งั้นจะกินยังไ...อุ๊ฟ!”

โจรหน้าโหดส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะตักข้าวคำใหญ่ขึ้นมายัดใส่ปากคนพูดมากตรงหน้า ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการได้เห็นคนตัวเล็กสำลักข้าวคำโต ชายร่างสูงอีกคนก็ใช้โอกาสนี้ย่องมาทางด้านหลัง มือสองข้างกอบกำกันไว้แน่นพลางเงื้อขึ้นสูง

ปักก!

“อ่อก!!?”

ทันทีที่ติปล่อยหมัดหนักเข้าไปกระแทกท้ายทอยของโจรตรงหน้า จนล้มไปกองกับพื้น พะภูก็รีบสะลัดแขนให้หลุดจากเชือกที่ถูกผูกไว้หลวมๆ ก่อนจะดึงเชือกที่ขาออกอย่างง่ายดาย เขารีบชักเท้าเข้าหาตัวไม่ให้ไอ้โจรคว้าไว้ได้ทัน และรีบวิ่งดุ๊กๆไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของติด้วยใจที่เต้นรัว

“ไอ้เวรเอ๊ย!”

โจรบนพื้นสบถออกมาเสียงดังพลางชักปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากกางเกง แขนซ้ายใช้ยันตัวเองเอาไว้อย่างทุลักทุเล ขณะที่ปืนในมือขวากำลังพุ่งเป้าไปทางตัวประกันทั้งสอง สายตาโหดร้ายจ้องเขม็งออกไปด้วยความโกรธจัด แต่ไม่ทันที่จะได้ลุกขึ้นหรือแม้กระทั่งลั่นไก ปืนในมือก็ถูกลูกเตะของติกระแทกจนกระดอนไปตกอยู่ที่มุมห้อง

ส้นรองเท้าราคาแพงตามลงมากดทับศีรษะบูดเบี้ยวของไอ้โจรกระจอก ก่อนที่แรงกระทืบน่ากลัวจะถูกรัวเข้าไปตามร่างกายบนพื้นอย่างไร้ความปราณี เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นเรื่อยๆ จนโจรอีกคนซึ่งกำลังเฝ้ายามอยู่ภายในระเบียงแคบๆหน้าบ้านได้ยินเข้า เสียงประตูด้านนอกเปิดออก ทำให้ติรีบผละตัวออกจากผู้ชายใต้ฝ่าเท้า และกระโจนเข้าไปหยิบปืนที่หล่นอยู่มาไว้ในมือทันที

เพียงวินาทีต่อมา ประตูห้องที่ขังพวกเขาไว้ก็ถูกกระทืบจนเปิดออก โจรผู้มาใหม่รีบตวัดสายตาไปทางเพื่อนตนที่กำลังนอนเป็นซากอยู่บนพื้น ก่อนจะรีบชักสีหน้า พลางหันกระบอกปืนในมือไปทางติที่ตั้งท่าจะลุกขึ้น ในหัวคิดไว้แล้วว่าคงหลบไม่ทันแน่ๆ..

“แกกก!!!”

ปังง!

แค่พริบตาเดียว ร่างสูงของติก็ถูกผลักเข้าไปกระแทกกับกำแพงด้านหนึ่ง มีร่างของเด็กผู้ชายตัวเล็กกำลังดิ้นพล่านอยู่บนพื้นไม้ พร้อมกับเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดที่ดังขึ้นจนน่าตกใจ มีเลือดข้นไหลออกมาจากหัวไหล่ด้านซ้ายของหมอนั่น ในขณะที่ตัวเขากลับปลอดภัยดี

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างขึ้นด้วยความเดือดดาล ก่อนที่เสียงปืนในมือของเขาจะดังขึ้นอย่างไม่มีการลังเล ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่ไหปลาร้าของโจรที่ประตูจนเซออกไป

“อ๊ากกกกก!!!!”

ติรีบยันตัวเองลุกขึ้นและเริ่มรัวปืนเข้าใส่โจรตรงหน้าเหมือนคนเสียสติ เลือดสีสดพุ่งทะลักออกมาจนดูเละเทะไปหมด สักพัก ปืนในมือของโจรคนนั้นก็ถูกปล่อยลงไปกระแทกพื้น ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะร่วงตามลงไปเสียงดังโครมใหญ่ ติปล่อยปืนในมือลง และรีบพุ่งตัวกลับมาประคองร่างของพะภูขึ้นพักไว้กับกำแพงห้องอย่างระมัดระวัง มือใหญ่พลิกแขนของคนตัวเล็กเพื่อให้เห็นบาดแผลชัดเจน โชคดีที่กระสุนเมื่อครู่เพียงแค่เฉี่ยวทะลุเนื้อเขาไป แต่ก็ยังนับว่าหนักหนาเอาการสำหรับเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ ยังคงมีเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด พอๆกับเสียงครวญที่ดังขึ้นต่อเนื่อง

“บ้าเอ๊ย! ไม่เป็นไรนะ!?”

“พะ...พี่ติ..ฮึก...”

ถ้าเทียบกับโจรที่นอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู แผลแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก แต่สำหรับคนอย่างพะภู นี่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะรับได้ ความจริงก็คือเขาถูกยิง...ความเจ็บปวดย่อมมหาศาลต่างกับการหกล้มหรือโดนมีดบาดแน่นอนล่ะ

“อย่าร้องไห้.. นายเป็นผู้ชายไม่ใช่รึไง?”

“ฮ..ฮือ..อ...”

“เจ็บมากเลยเหรอ?”

พะภูส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะออกแรงยันตัวเองขึ้นเล็กน้อย สายตาทอดผ่านไปยังร่างอาบเลือดของโจรหน้าประตู พอดีกับที่เขาสำลักเสียงสะอื้นออกมาอีกระลอกใหญ่ มือเล็กทั้งสองข้างค่อยๆเอื้อมเข้าไปกุมมือที่สั่นเทาของติเอาไว้แน่น พลางปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม

“ขอ...ขอโทษ..ครับ”

“อะไ...”

“ผ..ผม ผมทำให้ ฮึก..พี่ติ ตะ...”

“...”

“ต้องทำ ฮึ..ก เรื่อง..แบบนั้น.....”

ดวงตาของติเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ สายตาจับจ้องไปยังร่างของโจรที่นอนแน่นิ่ง สลับกับปืนที่เขาถืออยู่จนถึงเมื่อครู่ ก่อนจะหันกลับมาหาคนตรงหน้าซึ่งกำลังร้องไห้ด้วยท่าทางที่ทรมาน จนแทบทนมองไม่ได้ แรงบีบที่มือเพิ่มขึ้นเหมือนตั้งใจจะปลอบเขา มากกว่าเพื่อระบายความเจ็บปวดของตัวเองเสียอีก

ทั้งที่เป็นแค่เด็กนักเรียนไปวันๆก็ดีอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวพันกับคนอย่างเขาด้วย ถึงได้คิดว่าหมอนี่มันบ้าชัดๆ ใครที่มีความสัมพันธ์กับกีรติเคยมีชีวิตสงบสุขตั้งแต่เมื่อไรกัน ทั้งที่เป็นแบบนั้น ก็ยัง...

“นายนี่มัน...”

มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดออกจากแก้มของเด็กตรงหน้า ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าพะภูจะเลิกร้องไห้ ยังคงมีเสียงสะอื้นบางๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก เช่นเดียวกันกับเสียงเม็ดฝนในป่าด้านนอก

“ฮ..ฮึก...”

.

.

“...ช่างเป็นลูกหมาที่ดื้อจริงๆ”

----------------------------------------

เห็นปะ มันไม่มีอะไรอะ 5555
น่าจะเดาเรื่องติกันออกแล้วสิ

ไม่ต้องคิดลึกก็ได้นะ เราก็แต่งพื้นๆ
ซับซ้อนมาก คนแต่งจะสับสนเอง 55
แต่ก็ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม ที่ชอบ (?) มากๆค่ะ
อ่านคอมเม้นแล้วยิ้มแก้มแตก
ฝากเชียร์พี่ติกับพะภูไปเรื่อยๆด้วยนะค้า~

 :กอด1:

ออฟไลน์ MZter

  • ~ใครหาว่าผมอินดี้...ผมเกรียนจะตาย(•`^`•)~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ฉึก สุดท้ายก็ไม่พ้นความเป็นลูกหมา :z10:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
รักพี่ติ ขึ้นมานิดนึงงง  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด