SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง กฎของปีหนึ่งข้อที่ 17 : อย่ามองพี่ว้ากด้านเดียว ...เหนือฟ้ายังมีฟ้า ...เหนือการชิงรุ่นมา ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘สอบกลางภาค’
เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะเข้าสู่เทศกาลสอบมิดเทอมของมหาวิทยาลัย
แม้ในความรู้สึกของเด็กปีหนึ่ง คล้ายช่วงเวลาเปิดเทอมเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ยังคงตื่นตาตื่นใจกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ผ่านการประชุมเชียร์และชิงรุ่นอันแสนยากลำบาก กำลังเตรียมสนุกลันล้ากันเต็มที่ แต่แล้วก็ต้องถูกดึงให้กลับสู่โลกความเป็นจริง
...และอาจไม่ใช่โลกความจริงธรรมดา เพราะสำหรับใครบางคนมันถือเป็น...ขุมนรก!
ยิ่งในหมู่พวกเฟรชชี่ที่มาใหม่ ก็ยิ่งต้องรู้สึกเกร็งกว่ารุ่นพี่ปีอื่น ๆ ด้วยรู้ดีว่าการสอบในระดับมหาวิทยาลัย มันแตกต่างจากการสอบระดับมัธยมขำ ๆ ถ้าทำเกรดไม่ถึง ติดเปอร์ติดโปรจนเกินจำนวนก็จะต้องถูกปรับตกให้ออกจากมหาลัย โดยที่อาจารย์หรือใครหน้าไหนก็ช่วยไม่ได้ทั้งนั้น
ซ้ำบางวิชายังเปิดสอนแค่เทอมเดียวในหนึ่งปี แถมเป็นวิชาตัวต่อ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่มีสิทธิเข้ารอบเรียนวิชาอื่นต่อไปจนกว่าจะแก้เกรดได้ ต้องรอเรียนรอบใหม่ซ้ำกับน้อง ๆ ปีหน้า เลยทำให้นักศึกษาหลายคนมีสถานะเป็นปู่เฝ้าคณะ อยู่มานานจนน้องเรียนจบแซงไปหลายรุ่นแล้ว
และหนึ่งในวิชาปราบเซียนเหล่านั้นของเด็กคณะวิศวกรรมศาสตร์ คงหนีไม่พ้นวิชาที่ชื่อว่า ‘แคลคูลัส 1’ ที่ทำให้เด็ก ๆ ได้เกรด F ไปประดับบนใบทรานสคริปกันเป็นทิวแถว เพราะขึ้นชื่อลือชาว่ามีอาจารย์โหดในมาตรฐานการออกข้อสอบมากกว่ามหาลัยไหน ๆ แค่สอบผ่านก็บุญท่วมหัวแล้ว ยิ่งได้ A ต้องเรียกปาฏิหาริย์ จนหลายคนต้องขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการไปบนบานศาลกล่าวกันเป็นจริงเป็นจัง กะว่าถ้าผ่านก็จะมาขอแก้บนกันทีหลัง
ทว่าลึก ๆ ทุกคนต่างก็รู้...สุดท้าย ‘ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน’ ยังไงพวกเขาจำต้องอาศัยหัวสมองและสองมือของตัวเองฝ่าฟันการสอบไปให้ได้ กระนั้นก็ยังแอบขอใช้ตัวช่วย ด้วยการดึงพวกพี่ ๆ ผู้คร่ำหวอดผ่านประสบการณ์มาช่วยติวบอกแนวทางให้น้อง ๆ บ้าง
ซึ่งก็โชคดีที่ภาควิชาอุตสาหการมีพี่เทพ ๆ ไว้ประดับเป็นเกียรติแก่น้อง ๆ การนัดติวก่อนสอบจึงเริ่มจากการบอกต่อกัน ไป ๆ มา ๆ กระทั่งรวบรวมเด็กปีหนึ่งได้เกือบ 50 คน จนต้องยึดพื้นที่ใต้คณะวิศวะบางส่วนให้น้อง ๆ นั่งพื้นเรียนกันไป ส่วนพี่ก็ต้องหิ้วกระดานไวท์บอร์ดขนาดพกพา มาทำหน้าที่แทนอาจารย์สอนน้อง ถึงแนวข้อสอบที่เก็งกันไว้ว่าจะออกเหมือนรุ่นของตัวเอง
แต่ขนาดได้พี่มาช่วยติวแล้ว เนื้อหาก็ยังยากชวนไมเกรนขึ้นง่าย ๆ จึงไม่แปลกที่ ก้องภพ จะได้ยินเสียงถอนหายใจของเอ็มที่นั่งใกล้ ๆ เขา มือกำลังแก้โจทย์สมการอนุพันธ์ไปพลาง ปากก็บ่นไปพลาง
“ว่าตอนสอบแอดหนักแล้ว มาเจอแบบนี้กูขอกลับไปเรียนอนุบาลใหม่ได้เปล่าวะ”
“ทนอีกหน่อยเหอะ พอสอบเสร็จเดี๋ยวมึงก็ได้เที่ยวแล้ว”
ทิว นั่งอยู่แถวหน้าของพวกเขาหันกลับมาพูดให้กำลังใจ แต่ไอ้ประโยคหลังดันจุดประเด็นจนคนฟังขมวดคิ้วถาม
“เที่ยวอะไรวะ”
“อ้าว...มึงไม่รู้เหรอ หลังสอบเสร็จพวกพี่ ๆ เขาจะพาไปรับน้องนอกสถานที่”
คำตอบนั้นส่งผลให้ก้องภพเงยหน้าจากหนังสือเรียนขึ้นมาฟังบ้าง
...พูดถึงการรับน้องนอกสถานที่ มันเป็นธรรมเนียมของภาควิชาอุตสาหการที่จะต้องจัดกันขึ้นทุกปี โดยมีพี่ ๆ จากทุกชั้นปีเข้าร่วมด้วย เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วงเพราะมีอาจารย์คุม เลยมั่นใจได้ว่าคงไม่โหดหนักเท่ากับตอนประชุมเชียร์ในมหาลัยแน่นอน
“แล้วรู้มั้ยว่าจะไปกันที่ไหน”
ก้องภพร่วมวงสนทนาถามไป หากทิวกลับส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่แน่ใจว่ะ แต่เห็นพี่รหัสกูบอกว่าจะไปที่ที่มีทะเล”
ถ้านับทะเลใกล้ ๆ จากมหาวิทยาลัย คงไม่พ้นแทบ ระยอง หัวหิน ชะอำ แต่จะเป็นที่ไหนก้องภพก็ไม่คิดคัดค้าน เพราะเขาเองก็ไม่ได้ไปทะเลนานแล้ว ถือโอกาสไปพักผ่อนไปบ้างอาจจะดีอยู่เหมือนกัน หากภาพฝันของเขากลับถูกขัดด้วยเสียงเตือนของเอ็ม
“เดี๋ยว...แล้วมึงแน่ใจเหรอว่าจะได้เที่ยวจริง ๆ กูว่าพวกพี่แม่งก็หาเรื่องมาแกล้งอีกอ่ะ เรายังเหลือเกียร์ภาคที่ยังไม่ได้ชิงอีกนะ อย่าลืม!”
...เออ...นั่นสิ พวกเขาได้รุ่นแล้ว แต่ยังเหลือ ‘เกียร์ภาค’ อีก และการรับน้องครั้งหน้าก็คงมีเป้าหมายไว้ให้ปีหนึ่งชิงมันมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหน แค่คราวที่แล้วกว่าจะผ่านด่านชิงรุ่นได้ก็ลำบากกันแทบตาย ต่อไปผลจะออกหัวออกก้อยยังไง ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนสำคัญเป็นผู้ตัดสิน นั่นคือ ‘พี่ว้าก’
...และก็คล้ายกับคนในความคิด จะบังเอิญออกมาให้เห็นเป็นตัวเป็นตนเข้าพอดี
พวกเขาได้ยินเสียงคุยแทรกเฮฮาจากพี่ปีสามกลุ่มย่อม ๆ ที่คงเพิ่งเลิกเรียนตอนเย็น กำลังเดินขบวนผ่านมาทางปีหนึ่ง จนน้อง ๆ ต้องหยุดติว รีบยกมือไหว้ด้วยความเกรง แม้ในกลุ่มนั้นประกอบด้วยคนหลายหลาย มีทั้งพี่ที่ไม่ค่อยคุ้นหน้า พี่ว้าก และ...เฮดว้ากอาทิตย์ ซึ่งหยุดเดินเอ่ยทักคนรู้จักที่กำลังถือปากกาเขียนไวท์บอร์ด
“ทำอะไรวะ อ้น”
“ติวแคลให้น้องอยู่ครับ จริงสิ...ไหน ๆ พวกพี่ก็มาแล้ว ช่วยบอกแนวข้อสอบของปีพี่ให้พวกน้องบ้างสิครับ”
พี่ปีสองใส่แว่นนำน้องติวรีบถือโอกาสพูดชวน แต่คนฟังกลับเบ้หน้าเอ่ยตัดบทแบบไร้เยื่อใย
“ผ่านมาตั้งสองปีแล้วใครจะไปจำได้วะ เออ..แต่มีอย่างหนึ่งที่จำได้นะ รุ่นพี่มีผ่าน A แค่ห้าคน ที่เหลือล่อ F ไปเกือบครึ่ง”
...สมกับเป็นเฮดว้าก ไม่ช่วยแล้วยังจะซ้ำเติมทับถมกำลังใจให้น้อง ๆ เสียขวัญเข้าไปอีก ไม่พอพี่ว้ากน็อตยังแทรกขึ้นมาเสริมต่อ
“กูก็จำได้นะ ตอนนั้นเวลามันเหลือ กูเลยเขียนขอความเห็นใจท้าย ๆ หน้าไปให้อาจารย์ด้วย กูได้ C มาเลยวะ สงสัยคงได้ผล”
ทริกเคล็ดลับสำคัญทำเอาปีหนึ่งหูผึ่ง ทว่าพี่ปีสามหน้าตี๋ในกลุ่มอีกคนดันรีบแย้งค้าน
“โห...มึงสู้กูไม่ได้ กูนี่วาดรูปพอทเทรดหน้าอาจารย์เลยคร้าบ เขาจะได้รู้ว่ากูเข้าเรียนทุกครั้งจนจำหน้าเขาได้”
ท่าทางโชว์เหนือกว่าจากเพื่อนเรียกเสียงฮือฮา จนอาทิตย์ต้องย้อนถามกลับ
“แล้วมึงได้เกรดอะไรวะ”
“...F แดกว่ะ ..เวรฉิบหาย! ทีอย่างนี้ไม่เห็นใจกู อุตส่าห์วาดรูปไปให้ยากกว่าพวกมึงอีก แม่งโคตรไม่ยุติธรรม!”
คำโวยวายตามมาด้วยเสียงโหแซวกลุ่มพี่ว้ากกันทั้งวง ท่ามกลางสายตาของน้องปีหนึ่งที่ทำหน้าผิดหวังกับทริกเด็ด กระนั้นก็ยังมีบางคนแอบขำไปกับมุกที่พี่ ๆ ปล่อยมา ก่อนเฮดว้ากจะเป็นคนแนะนำตัดบท
“ก็อ่านไปตามชีทนั่นแหละ ถ้าทำกันไม่ได้ก็รอเรียนพร้อมน้องปีหน้าไปแล้วกัน”
“โห...อย่าตัดกำลังใจน้อง ๆ สิครับพี่ อวยพรให้น้องมันหน่อย”
พี่อ้น คนติวต้องรีบช่วยพูดดึงเกมแทนน้อง พอรู้ว่าจะมีคำอวยพรจากรุ่นพี่ พวกเฟรชชี่ต่างก็รีบยกมือพนมกันพร้อมเพรียง ลำบากพี่ว้ากน็อตต้องรับหน้าเป็นคนโดนดันออกไปให้ศีลให้พรกับน้อง
“เอ้า! ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีนะครับ”
พี่น็อตกระแอมไอ บอกสั่งเสียงดัง แล้วจึงเอ่ยคำให้กำลังใจศักดิ์สิทธิ์สั้น ๆ...
“อายุ วัณโณ สุขัง พลัง”
“สาธุ!!”
“ถุย! นี่มันใช่ที่เขาอวยพรกันก่อนสอบเหรอวะ”
พี่หน้าตี๋คนเดิมรีบแย้งทันควัน ซึ่งพี่น็อตก็ทำหน้าเจื่อนให้เหตุผลมาง่าย ๆ
“แหม..ก็กูยังเอาตัวเองไม่รอดเลย จะให้ไปอวยพรใครได้ยังไงวะ”
“มึงก็ต้องเอาอะไรที่มันดูดีหน่อยดิวะ เฮ้ย! อาทิตย์จัดการดิ๊”
คำเรียกพร้อมกับการหลบทางให้พระเอกออกโรง อาทิตย์ก้าวมายืนเบื้องหน้าน้อง กอดอกวางมาดขรึม พลางพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส
“ถ้ากับเรื่องแค่นี้พวกคุณยังสอบตก แสดงว่าพวกคุณเป็นพวกไร้ความสามารถ จบไปก็ไม่มีอนาคต!”
...นี่สิของจริง ...ไม่ใช่คำอวยพรแต่เป็นคำถากถางตามสไตล์ของเฮดว้าก พาให้น้องหลายคนเริ่มหน้าซีด กำลังใจหดหายไปเรื่อย ๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุดพูด
“...แล้วต่อไปใครจะรับคุณเข้าทำงาน จะไปจีบหญิงก็คงจีบไม่ติด ต้องไปกินเหล้าย้อมใจจนเมาค้าง มาแอบหลับกลางห้องให้อาจารย์ด่า ยืมตังค์เพื่อนแต่ละทีก็ไม่เคยใช้คืน หน้าด้านเนียนกินฟรีตลอด แล้วแบบนี้เพื่อนที่ไหนมันจะมาคบ!”
ประโยคหลังมันชักแปลก ๆ จนเพื่อนปีสามหน้าตี๋ที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ต้องรีบร้อง
“เอ๊ะ! ...เดี๋ยวก่อนนะ นี่มึงแอบหลอกด่ากูนี่หว่า แม่งไอ้อาทิตย์!!”
กว่าจะรู้ตัวว่าโดนอำจากคนปล่อยมุกได้หน้าตายก็สายไปแล้ว พี่ปีสามคนอื่น ๆ หัวเราะกันฮาครืน รวมถึงน้องปีหนึ่งที่นั่งฟังอยู่ก็ร่วมวงขำไปด้วย ชวนให้บรรยากาศเคร่งเครียดของการติวสอบแคลเปลี่ยนเป็นเบาบางลงไปบ้าง แล้วสุดท้ายเฮดว้ากอาทิตย์จึงเข้ามาปิดท้ายด้วยคำอวยพรจริง ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้อสอบมันไม่ได้ยากขนาดนั้น พวกคุณทำกันได้อยู่แล้ว ผมเชื่อในตัวพวกคุณ”
เป็นประโยคแบบหาได้ยากจากคนในฐานะเฮดว้าก หากสิ่งที่หาได้ยากกว่านั้น และทำให้ทุกคนถึงกับนิ่งไป คือ ...รอยยิ้ม
...รอยยิ้มบาง ๆ ซึ่งปรากฏบนใบหน้าที่ปกติมักจะเฉยชา ทั้งแววตาคมคู่นั้นก็อ่อนลงไม่ได้คงความดุดันเด็ดขาดเหมือนเช่นเคย ดูมีเสน่ห์เสริมให้ชวนมองแบบบอกไม่ถูก
“ไปกันเหอะว่ะ กูหิวข้าวแล้ว”
พี่น็อตสะกิดเรียกคนอื่นในกลุ่ม พวกพี่ปีสามจึงพากันเดินออกไปนอกตึกคณะ ปล่อยให้เด็กปีหนึ่งติวหนังสือกันต่อไป หากหลายคนก็ยังคงจับเอาเหตุการณ์เมื่อครู่มาซุบซิบคุยกัน โดยเฉพาะกับหัวข้อท่าทีของพี่ว้ากที่แสดงออกมาให้เห็นในวันนี้ จนทิวต้องถามขึ้นมาด้วยความมึนงง
“กูเพิ่งรู้ว่าพี่ว้ากนิสัยจริง ๆ เป็นอย่างนี้กันเหรอวะ”
“นั่นดิ พอจบเชียร์แล้ว เหมือนคนล่ะคนเลย ดูรั่ว ๆ ฮา ๆ เนอะ มึงว่าป่ะก้อง”
เอ็มพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย ไม่วายหันมาถามเสียงสนับสนุนจากเพื่อน
“อืม”
ก้องภพตอบรับไปสั้น ๆ ดวงตายังคงมองไปยังทิศทางที่ใครบางคนเพิ่งเดินจากไป ทว่าหูกลับได้ยินเสียงผู้หญิงแถวหลังก็พูดคุยประเด็นนี้ด้วยเหมือนกัน
“แกพอพี่อาทิตย์ยิ้มแล้วก็ไม่ค่อยน่ากลัวเลยเนอะ”
“ใช่ ๆ ดูดีกว่าตอนโหด ๆ เยอะเลย”
“แต่ฉันชอบตอนพี่เขาตอนทำหน้าดุ ๆ มากกว่านะ เท่ห์จะตาย”
“อะแฮ่ม! เลิกคุยได้แล้วครับน้อง ๆ พี่จะติวกันต่อแล้วนะ ดูโจทย์ที่ค้างไว้ข้อที่ 12 เลยครับ”
เสียงพี่อ้นดังเตือนทำให้วงเมาท์ต้องเงียบกริบ หันไปสนใจบทเรียนต่อทันที ก้องภพเองก็ต้องถอนสายตากลับมามองชีทแคลคูลัสต่อเช่นกัน
...แต่น่าแปลกที่ไม่รู้ทำไม ตลอดช่วงการเรียนครึ่งหลัง ตัวเลขบนหน้ากระดาษกลับไม่เข้าหัวเขาเลย จะเพราะเนื้อหายากเหมือนกับที่เอ็มบ่น หรือเพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ ถึงแม้เขาจะฟังพี่ติวไปรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เขาก็ยังพยายามอยู่จนครบ ซึ่งกว่าจะเลิกเวลาก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่มแล้ว
เขาแยกย้ายกับเพื่อน ขี่มอเตอร์ไซต์กลับหอตัวเอง แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องแวะซื้อหาอะไรรองท้อง เพราะคืนนี้คงอาจอยู่ยาวทบทวนสิ่งที่พี่เพิ่งติวจบไป เขาไม่ได้แวะเต้นท์ขายอาหาร หากตรงเข้าจอดหน้าเซเว่นใกล้หอเลย จะได้ซื้อพวกกาแฟกระป๋องมาตุนไว้ แล้วก็หาข้าวกล่องอุ่นกินง่าย ๆ เร็ว ๆ
ก้องภพเดินผ่านประตูบานเลื่อนตรงเข้าไปยังมุมตู้แช่น้ำด้านในสุด ทว่าก็ต้องแปลกใจเมื่อพบคนคนหนึ่งกำลังยืนเลือกชาเขียวอยู่หน้าตู้อย่างลังเล ...คนที่บังเอิญเจอเป็นครั้งที่สองของวัน และท่าทางนั้นมันทำให้เขาก็ไม่อาจห้ามปากตัวเองให้ต้องเอ่ยคำทัก
“วันนี้ไม่ซื้อนมเย็นเหรอครับ พี่อาทิตย์”
คนถือขวดน้ำชาชะงัก รีบเงยหน้ามองคนที่บังอาจมากล้าถามแซว และทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร เจ้าตัวก็เปลี่ยนไปชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ แต่ก็ยังอุตส่าห์ตอบกลับห้วน ๆ
“ร้านมันปิด”
ก้องภพพยักหน้าเข้าใจ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนไปถามอีกคำถาม
“แล้วมีใครรู้บ้างมั้ยครับว่าพี่ชอบกินนมเย็น”
ประโยคที่ได้ยินทำเอาอาทิตย์เกือบทำขวดน้ำชาหลุดมือ หันมาตะคอกย้อนเสียงเขียว
“ถามทำไม! คุณจะเอาไปบอกเพื่อนคุณรึไง”
ก้องภพส่ายหน้าหวือ พลางพูดอธิบาย
“เปล่าครับ ผมแค่อยากรู้ แล้วตกลงพี่ยังไม่บอกใครใช่มั้ยครับว่าพี่ชอบนมเย็น”
“ไม่!”
เฮดว้ากกระแทกเสียงตอบ ...ถึงเพื่อนเขาบางคนจะรู้อยู่แล้ว แต่ใครมันจะไปเที่ยวประกาศบอกชาวบ้านให้เสียภาพพจน์กันวะ ...แล้วไอ้ 0062 มันจะอยากรู้ไปทำไม หรือมันคิดจะกวนเขาอีกรึไง!
และคล้ายสิ่งที่คาดไว้จะเป็นจริง เพราะคู่สนทนายังคงไม่หยุดถามต่อ
“งั้นมีใครรู้มั้ยครับว่าพี่แอบไปร้องไห้หลังจบบูม”
เป็นประโยคที่สะกิดให้ความทรงจำน่าอายตอนนั้นหวนกลับคืนมาเป็นฉาก ๆ จนคนฟังรู้สึกถึงความเห่อร้อนบนหน้า ต้องรีบร้องปฏิเสธแก้ตัวพัลวัน
“ไม่มีโว้ยย!”
“แล้วมีใครรู้อีกมั้ยครับว่าพี่ชื่อเล่นว่าไออุ่น”
...โอยยย!! ตกลงมันจะกวนตีนเขาใช่มั้ยห่ะ!
“ก้องภพ!! ถ้าขืนคุณเอาไปบอกเพื่อนคุณ คุณได้เจอดีแน่!!”
เสียงตะโกนสั่งดังลั่นเรียกให้คนทั่วเซเว่นหันมามอง คนเผลอชะงักไปอย่างลืมตัว เขม่นมองหน้าคู่กรณี ซึ่งรีบยืนยันหนักแน่น
“ผมไม่บอกใครหรอกครับ”
ก้องภพไม่รู้ว่าคำสัญญาจะทำให้ความโกรธนั้นลดลงมั้ย เพราะอีกฝ่ายไม่พูดอะไร กลับคว้าขวดชาเขียวเดินตรงดิ่งมายังเคาท์เตอร์จ่ายเงินโดยไม่สนใจเขา คนโดนเมินจึงเดินตามมาด้านหลัง ด้วยเริ่มรู้สึกผิดที่ดันยิงคำถามออกไปแบบนั้น
“พี่อาทิตย์ครับ คือ...”
“คุณสอบแคลเมื่อไร”
หากไม่ทันจะอ้าปากขอโทษ อยู่ ๆ เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง
“วันพุธหน้าครับ”
เขาตอบกลับไปตามตารางสอบ เห็นพี่อาทิตย์เงียบไปพักหนึ่ง ชั่วขณะที่เขาคิดว่าจะโดนอีกฝ่ายพูดตัดรอนกำลังใจเหมือนที่เคยได้ยินเมื่อตอนเย็นอีก แต่สิ่งนั้นกลับตรงข้าม...
“อาจารย์ชอบออกเรื่องพื้นที่ใต้กราฟ ไปดูตรงนั้นเยอะ ๆ แล้วกัน”
...ไม่ใช่คำด่า ไม่ใช่คำถากถาง แต่เป็น...แนวข้อสอบที่ได้รับมาอย่างไม่คาดคิดจนทำให้ก้องภพนิ่งอึ้ง ทว่าก็ยังรับคำสั้น ๆ
“ครับ”
ได้ยินเพียงแค่นั้นอาทิตย์จึงหมุนตัวเดินออกจากเซเว่น แม้ก้องภพอยากจะรั้งไว้ แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้ทัน ด้วยความรู้สึกสับสนปิดปากของเขาเอาไว้
ความรู้สึกที่มันทั้งโล่งใจแปลก ๆ และเต็มไปด้วยความสงสัยมากมายที่เขาอยากจะถามคนคนนั้น แต่ก็เป็นคำถามที่ต้องเก็บไว้ในใจ เพราะไม่กล้าพูดออกไป ทั้ง ๆ ที่เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่า...
...มีใครรู้มั้ยครับว่าพี่อาทิตย์ ‘น่ารัก’
...มีใครรู้มั้ยครับว่าพี่อาทิตย์ 'ใจดี'
…มีใครรู้อีกบ้างมั้ยครับ นอกจาก...ผมคนนี้
แล้วมันจะผิดมั้ย ถ้าผมจะบอกพี่อาทิตย์ว่า...
...ผมไม่อยากให้ใคร ...ได้รู้เลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
ใครหวังว่าจะเห็นพี่อาทิตย์โกนหนวดตัดผม ขออภัยที่ยังต้องให้รอต่อไป 
บอกแล้วว่ายังไม่จบชิงเกียร์เลย ช่วยอดทนรออีกนิดนะคะ
แต่ตอนนี้พี่อาทิตย์เริ่มเผยนิสัยธาตุแท้ออกมาให้ใครต่อใครเห็นบ้างแล้ว
น้องก้องภพคงต้องเร่งทำแต้มกันยกใหญ่
อย่าลืมช่วยกันส่งแรงใจให้น้องชิงใจ เอ้ย! เกียร์ จากพี่อาทิตย์ให้ได้
ป.ล. มีคนถามเรื่องแฟนอาร์ตกับการ์ตูนโดจิน เข้าไปที่หน้าแฟนเพจตรงอัลบั้มได้เลยค่ะ มีเพียบเลย
หรือจะส่งมาแจมบ้างก็ไม่ว่านะคะ ยินดีเปิดรับค่ะ 
https://www.facebook.com/BittersweetBoyslove
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนบ่อย
ดูแลสุขภาพกันดี ๆ ด้วยนะคะ
BitterSweet