SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่งกฎของปีหนึ่งข้อที่ 6 : รับฟังเหตุผลที่พี่ว้ากอธิบาย ‘สันทนาการ’ เปรียบได้กับแหล่งโอเอซิสของเฟรชชี่ปีหนึ่ง
เพราะหน้าที่ของพี่สันทนาการ คือ การสอนน้องร้องเพลง ชวนเล่นเกมส์สนุกขำ ๆ ช่วยดูแลเทคแคร์น้องทุกอย่าง ชนิดที่ว่าแทบจะป้อนข้าวให้น้องทานได้ อีกทั้งตัวพี่เองก็ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี 24 ชั่วโมง น้องมีปัญหาอะไรปรึกษาได้เสมอ ดังนั้น พวกบรรดาเด็กปีหนึ่งจึงสนิทสนมรักใคร่ และมองพวกพี่ ๆ สันทนาการเป็นเหมือนนางฟ้าเกลับชาติมาเกิด
ตรงข้ามกันอย่างลิบลับกับคนอีกหนึ่งกลุ่ม...
...ถ้า ‘พี่สันทนาการ’ เป็นดั่งเทวดาบนสวรรค์ชั้นเจ็ด
...‘พี่ว้าก’ ก็คงมีค่าเท่ากับซาตานในขุมนรกชั้นแปดล้านสิบ
ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อการลงสันทนาการถูกพี่ว้ากเข้ามาแทรกโดยไม่ได้รับเชิญ ก็คล้ายกับพวกนางฟ้าโดนปีศาจถูกขับไล่ยึดครองพื้นที่ และใช้อำนาจข่มใส่รุ่นน้องซึ่งยืนฝึกร้องบูมกันอยู่อย่างโหดเหี้ยม
“หยุด!! พอได้แล้ว! ผมฟังพวกคุณมานานจนหมดความอดทนแล้ว!!”
เฮดว้ากอาทิตย์ก้าวเข้ามาขัดพร้อมเสียงตะคอก ส่งผลให้น้องปีหนึ่งที่กอดคอบูมกันอยู่ต้องหยุดกึก เปลี่ยนท่ามายืนตัวตรงแน่วเหมือนฝึกทหาร พยายามก้มหน้าแอบหลบสายตาดุ ๆ ของรุ่นพี่ซึ่งกวาดมองจ้องจับผิด
“พวกคุณบูมกันได้แค่นี้รึไงครับ เสียงไม่ดัง ไม่มีความพร้อม ใครเป็นคนสอนบูมให้พวกคุณครับ!!”
“พวกผมเองครับ”
พี่ผู้ชายปีสองหน้าตี๋ ซึ่งดำรงตำแหน่งสันทนาการเป็นหน่วยกล้าตายยกมือ เพราะไม่ว่าจะเป็นเพลงเชียร์ เพลงประจำคณะ หรือแม้กระทั่งการบูม ล้วนเป็นหน้าที่ของฝ่ายสันทนาการจะต้องสอนน้องร้องเพลงทั้งสิ้น และแน่นอนว่าเมื่อน้องทำได้ไม่ดีพอ ความรับผิดชอบทั้งหมดจึงต้องตกอยู่กับฝ่ายนี้เต็ม ๆ เป้าหมายในการตำหนิของเฮดว้ากเลยพุ่งตรงไปยังกลุ่มสันทนาการ ด้วยน้ำเสียงถามอย่างซีเรียส
“งั้นพวกคุณช่วยทำให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับว่าพวกคุณสอนน้องกันยังไง!”
แม้จะมีหน้าที่คนละส่วน แต่ด้วยตำแหน่งและชั้นปีน้อยกว่า สันทนาการจึงไม่ต่างอะไรจากรุ่นน้องของพี่ว้าก ซึ่งจะต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บรรดาเฟรชชี่ปีหนึ่งเลยต้องขยับแถวเปิดทาง ถอยออกห่างให้พี่ปีสองเดินเข้าไปล้อมวงอยู่ตรงกลาง ส่วนตัวเองนั่งล้อมอยู่ด้านนอกแทน ก่อนพวกพี่จะรวมตัวกันกอดคอแล้วร้องบูม ถึงจะมีจำนวนคนน้อยแค่เพียงสิบกว่าคน แต่เสียงนั้นฮึกเหิมกว่าพวกน้องปีหนึ่งที่ว้ากกันหลายเท่า จนน้องบางคนต้องนึกทึ่งในสปิริต
...หากในความคิดของเฮดว้ากผู้ยืนกอดอกมองอย่างนิ่งเฉย มันกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“นี่เหรอครับการบูมของพวกคุณ ผมไม่แปลกใจเลยที่น้องจะบูมไม่ได้ เพราะขนาดคนสอนมันยังทำได้แค่นี้!!”
เป็นคำตัดสินที่โคตรค้านสายตาคนดู เพราะจากการบูมของพี่สันทนาการเมื่อกี๊ก็นับได้ว่าเหนือชั้นกว่าปีหนึ่งไปหลายขุม กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกป่าคัดค้านกรรมการ ด้วยรู้ดีในกฏว่า ...หนึ่งพี่ว้ากถูกต้องเสมอ ..สองถ้าไม่พอใจให้กลับข้อหนึ่งใหม่ ด้วยเหตุนี้ ทุกคนเลยต้องจำใจยอมรับชะตากรรมที่มาเป็นบทลงโทษ
“ผมจะให้พวกคุณบูมต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าพวกปีหนึ่งจะเข้าใจว่าจริง ๆ ต้องบูมกันยังไง!! ปฏิบัติ!!”
คำสั่งกำกวมไม่ได้บอกว่าจะหยุดเมื่อไร ไม่ต่างอะไรจากการสั่งให้ร้องไปจนกว่าคอจะพัง
หากพี่ ๆ สันทนาการทุกคนก็ไม่ปริปากบ่น รวมตัวกันกอดคอร้องบูมอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม ท่ามกลางสายตาของน้องปีหนึ่งที่นั่งมองมาอย่างเห็นใจ เพราะแม้เพลงบูมจะร้องกันสั้น ๆ แต่ถ้าวนลูปต่อไปเรื่อย ๆ ก็ต้องเจ็บคอเสียงแหบเป็นธรรมดา ไหนจะไอ้ท่าทางที่ต้องกระทืบเท้า เงยหน้าขึ้นลง ทำแค่สองสามรอบยังพามึนง่าย ๆ แต่พวกกลุ่มสันทนาการต้องทำอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา ย่อมต้องหนักหนาและเหนื่อยกว่าพวกเขาหลายเท่า ทั้ง ๆ ที่บทลงโทษนี้พวกพี่ไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
ความรู้สึกผิดซึ่งจู่โจมเด็กเฟรชชี่อยู่ลึก ๆ ประกอบกับเสียงบูมยังคงดังต่อไปไม่หยุด จนน้องปีหนึ่งบางคนเริ่มน้ำตาคลอด้วยความสงสาร พยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปยังเฮดว้าก
แต่ขอโทษครับ...คนอย่างอาทิตย์ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ
เพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ไม่ใช่การลงโทษกลุ่มสันทนาการ แต่เป้าหมายจริง ๆ คือ พวกเด็กปีหนึ่งต่างหาก โดยการใช้เหยื่อเป็นพี่ ๆ ที่สนิทสนมกับกลุ่มของน้อง เพื่อสร้างความกดดันทางจิตใจ เป็นการลงโทษทางอ้อมที่ไม่ต้องอาศัยความรุนแรง แต่ได้ผลกระทบตอบกลับมามหาศาล
เขาจึงต้องแกล้งทำเป็นเฉยเมย ยืนฟังเสียงการบูมของกลุ่มสันทนาการเหมือนเสียงนกเสียงกา โดยไม่มีท่าทีจะสั่งให้หยุดแต่อย่างใด ตรงข้ามกับความรู้สึกของปีหนึ่ง ที่ทุกเสียงคล้ายกับการตอกย้ำความผิดให้บาดลึก
...แล้วแบบนี้จะให้ทนฟังต่อไปได้ยังไงไหว
“ขออนุญาตครับ!”
เสียงจากแถวของเด็กปีหนึ่งเรียกทุกสายตาให้หันไปมอง รวมถึงอาทิตย์ที่ไม่ได้แสดงความแปลกใจแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าคนยกมือขอพูดนั่นเป็นใคร
...หึ...เจ้าประจำ 0062 ก้องภพ!
“ผมอนุญาต ว่ามา!”
อาทิตย์เอ่ยอย่างวางอำนาจ มองไปยังคนซึ่งกำลังลุกขึ้นยืน ก่อนพูดปะปนไปกับเสียงบูมที่ยังดังไม่หยุด
“ผมขอบูมแทนพี่ปีสันทนาการเองครับ!”
...คำขอไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้เท่าไร บางครั้งเขาก็นึกสงสัยว่าชีวิตของไอ้เด็กนรกนี่เสพหนังมากไปรึเปล่า ถึงชอบทำตัวเป็นพระเอกตลอดเวลา แต่ในเมื่อมีพระเอกก็ต้องมีตัวร้าย และในเวลานี้มันเป็นช่วงของตัวร้ายที่ต้องแสดงอำนาจ
“ผมไม่อนุญาต! ที่นี่ไม่ต้องการฮีโร่! คุณนั่งลงไปซะ!!”
อาทิตย์ตวาดคำหักหน้าอีกฝ่ายโดยไม่ใยดี หากก้องภพก็อ้าปากค้านโดยไม่ละความพยายาม
“แต่ว่าผม...”
“ถ้าคุณไม่นั่ง ก็ออกไปจากห้อง เลือกเอา!!”
...เป็นทางเลือกที่ไม่น่าเลือกทั้งคู่ ยิ่งตอนนี้ในสถานะของก้องภพเองก็ย่ำแย่ เนื่องจากโดนใบเหลือง เพราะทำผิดกฎรุ่นจนต้องถูกบังคับให้นั่งแยกเดี่ยวอยู่แล้ว หากโดนใบแดงไล่ออกนอกห้องอีกครั้ง ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับมารวมกับพวกเพื่อน ๆ ใหม่ เพราะจะถือเป็นการถูกตัดสิทธิ์ออกจากรุ่นโดยสมบูรณ์
สุดท้ายก้องภพจึงต้องจำใจปิดปากเงียบลงอย่างยินยอม โดยมีสายตาของอาทิตย์มองตามอย่างสะใจ
...เห็นมั้ย ยังไงมันก็ไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี สมน้ำหน้า! ไอ้พวกชอบทำตัวเป็นพระเอกดีนัก
เขาเลยหันไปยืนฟังกลุ่มสันทนาการบูมต่อด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งลงเรื่อย ๆ หวังไว้ว่าจะไม่มีใครกล้ามาขัดจังหวะการลงโทษอีก หากยังไม่ทันครบนาที เสียงอีกเสียงกลับดังแทรก
“ผมขออนุญาตครับ!”
อาทิตย์รีบหันกลับไปมอง แทบเบิกตามองอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อคนยกมือพูดยังเป็นคนเดิม
...นี่มันยังไม่เข็ดอีกใช่มั้ยห่ะ!!
“ผมไม่อนุญาต!”
เฮดว้ากชิงพูดตอกกลับ แบบไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอธิบายอะไร คิดว่าคราวนี้คงชัดเจนมากพอ แต่เขาเดาผิด เพราะคู่สนทนากลับสวนขึ้นทันควันอีกครั้ง
“ผมขออนุญาตครับ!”
...ว่ะ! มันฟังภาษาคนไม่ออกรึไงเว้ย!!
“ผมไม่อนุญาต!”
“ผมขออนุญาตครับ!”
“ผมไม่อนุญาต!”
“ผมขออนุญาตครับ!!”
“ก้องภพ!!”
อาทิตย์กระแทกเสียงใส่อย่างหมดความอดทน แววตาดุดันเต็มไปด้วยความหงุดหงิดโมโห ถลึงมองไปยังคงที่พูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ เหมือนกวนประสาท ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีกลัวเกรง คล้ายยังอยากยืนยันทำตามที่ขอ สถานการณ์ตึงเครียดคุกกรุ่นในห้วงบรรยากาศ แม้กระทั่งกลุ่มพี่สันทนาการเองก็เผลอหยุดบูม หันมามองคนสองคนที่เผชิญหน้ากัน ก่อนเฮดว้ากเอ่ยคำตัดสินด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“คุณออกไปจากห้องนี้ซะ แล้วไม่ต้องเขามาร่วมประชุมอีก!!”
คำลงโทษแทบทำให้ทุกคนหยุดหายใจ เพราะมันเป็นบทลงโทษรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ก้องภพเองแม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ทว่าก็ยังรู้สึกนิ่งอึ้งเมื่อฟังมันชัดเจน แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ เพราะเลือกยืนยันในความคิดของตัวเองแล้ว
คนทำผิดจึงเดินออกจากแถว ตรงไปยังประตู รู้สึกว่าเท้าของหนักอึ้งลงไปทุกครั้งที่เดิน เพราะหากก้าวออกไปก็เท่ากับเขาหมดสิทธิ์ในรุ่นอีกตลอดกาล ทว่ายังไม่ทันถึงเป้าหมาย กลับมีบางสิ่งทำลายความเงียบ
“ผมขออนุญาตครับ!”
เสียงนั้นหยุดเท้าของก้องภพลง พร้อม ๆ กับเรียกความสนใจจากอาทิตย์ให้หันไปตวาดถามคนซึ่งยกมือจากแถว
“คุณมีอะไร!”
เป็นเอ็มเพื่อนสนิทของก้องภพลุกขึ้นยืนพูด แม้จะมีท่าทีไม่ค่อยมั่นใจ แค่น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ตรงประเด็นชัดเจน
“ผมขอให้เพื่อนของผมอยู่ต่อ แล้วพวกเราจะบูมแทนพี่สันทนาการเองครับ”
คำขอแสดงสปิริตแรงกล้า ไม่ได้ช่วยลดความหงุดหงิดของอาทิตย์ ตรงข้ามกลับยิ่งเพิ่มความน่าหมั่นไส้ให้มากขึ้นเป็นสองเท่า
...เออ...ใช่...เขาลืมไปว่า...มันต้องมีพวกเพื่อนของพระเอกที่ต้องอยู่ฝ่ายฮีโร่ด้วย แต่เสียใจเพราะยังไงเขาก็จะยังคงยืนยันเหมือนเดิม
“ผมไม่อนุญาต!”
เขาเอ่ยประโยคที่ไม่รู้วันนี้พูดเป็นรอบที่เท่าไร ใจคิดจะสั่งลงโทษคนที่บังอาจมากล้าขอ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเพิ่ม เสียงของเฟรชชี่คนอื่นก็ดังแทรก และไม่ได้มีแค่เสียงเดียว แต่ตามมาเป็นอีกนับสิบจากคนละทิศ
“หนูขออนุญาตค่ะ!”
“ผมขออนุญาตครับ!”
“หนูขออนุญาตค่ะ!”
“ผมขออนุญาตครับ!”
ตอนนี้กลายเป็นว่าทั่วทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงคำขอ พร้อมกับมือที่ยกขึ้นจากเหล่าบรรดาเด็กปีหนึ่งทุกคน จนอาทิตย์ต้องตะโกนสั่งดั่งลั่น
“เงียบบบ!!” ทุกเสียงถึงจะหยุดลงเพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ความสงบ แต่ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกับในตอนครั้งแรก โดยเฉพาะเมื่ออาทิตย์กวาดสายตามองน้อง ๆ ที่เคยนั่งซึมน้ำตาคลอ หากตอนนี้แววตากลับฉายประกายมุ่งมั่น กระทั่งเขาต้องเป็นฝ่ายยอมถอย
“ก็ได้ ผมจะอนุญาตให้พวกคุณบูมแทนพวกพี่ แต่เพื่อนของคุณผมไม่อนุญาตให้อยู่ต่อ”
...ใช่...เขายอมถอย แต่อย่าคิดว่าเขายอมไปทั้งหมด ยิ่งไอ้เด็กที่กล้าแข็งข้อกับเขาซึ่ง ๆ หน้า เขาไม่มีทางจะปล่อยมันไปเพราะแค่คำขอจากเพื่อนง่าย ๆ หรอก
ดูเหมือนจะมีปีหนึ่งหลายคนพยายามจะยกมือขอค้านคำตัดสิน หากเขาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วหันไปเร่งคนที่ยังนิ่ง
“คุณยืนเฉยทำไม ออกไปได้แล้ว!!”
ก้องภพสบนัยน์ตาของอาทิตย์ซึ่งแสดงออกชัดถึงความหงุดหงิด
...เปล่าประโยชน์ที่จะขอความเห็นใจอะไร ในเมื่ออีกฝ่ายเพ่งเล็งเขาตลอดเวลาอยู่ก่อนแล้ว คราวนี้คงสบโอกาสที่จะลงโทษและไล่เด็กปีนเกลียวอย่างเขาให้ไปพ้นหูพ้นตาเสียที
“ครับ”
ก้องภพรับคำ ก้าวออกไปเปิดประตูออกน้องห้องประชุมเชียร์ โดยไม่มีคำรั้งใด ๆ อีกต่อไป
แต่...เขาไม่ได้เดินหนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ ห้องประชุม พยายามเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังลอดมา ซึ่งไม่นานก็ได้ยินเสียงบูมของเพื่อน เสียงพี่ว้ากตะโกน แล้วก็เสียงบูมอีกครั้งที่ดังกว่าเดิม วนเวียนอยู่แบบนั้นเกือบสิบนาที กระทั่งทุกอย่างนิ่งเงียบไปนาน จนเขาต้องพยายามขยับเข้าไปใกล้ประตู เพื่อให้ได้ยินเสียงถนัดมากขึ้น ทว่าอยู่ ๆ บานประตูก็เปิดผลัวะออก ตามมาด้วยกลุ่มพี่ว้าก แล้วปิดท้ายด้วยเฮดว้ากคนสำคัญ ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขายังไม่ไปไหนก็ตวาดถามขึ้นเสียงเข้มทันที
“คุณมายืนทำอะไรตรงนี้ไม่ทราบ!”
“ผมมารอเพื่อนครับ”
ก้องภพตอบตามความจริง เพราะถึงแม้สถานตอนนี้เขาโดนขับออกจากรุ่นแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนของเขาก็ยังคงมีสถานะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
กลุ่มพี่ว้ากมองสบตากันคล้ายถามความเห็น และเมื่อพี่อาทิตย์พยักหน้า ทุกคนจึงเดินเข้ามายืนเป็นวงล้อมเด็กปีหนึ่งไว้แบบปิดทางหนี มองเผิน ๆ คล้ายเตรียมรุมยำกระทืบโทษฐานที่ยังกล้าปากดี ซึ่งแน่นอนว่านำโดยเฮดว้ากผู้เปิดฉากถามเสียงเครียด
“คุณรู้มั้ยว่าทำไมผมถึงไล่คุณออกมา!”
แม้จะตกอยู่ในวงล้อมเสี่ยงโดนทำร้ายร่างกายแค่ไหน แต่ก้องภพก็ยังคงรักษาท่าทีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่หวาดหวั่น ด้วยเหตุผลที่เขารู้ดีอยู่แล้ว...
“เพราะผมทำให้พวกพี่ไม่พอใจครับ”
“ไม่พอใจเรื่องอะไร!”
“เรื่องที่ผมขอเป็นตัวแทนช่วยพี่สันทนาการ”
“ไม่ใช่! ที่ผมไล่คุณออกมา เพราะผมบอกคุณแล้วว่าที่นี่ไม่ต้องการฮีโร่”
...ไม่ต้องการฮีโร่?
เหตุผลไปคนละทางกับที่คาดเดา ทำให้ก้องภพขมวดคิ้วงง ความสับสนมากมายถาโถมใส่จนต้องรีบแก้ต่าง
"หมายความว่ายังไงครับ หรือพี่ไม่พอใจผมที่เสนอตัวออกไปทุกครั้ง ผมไม่ได้อยากทำตัวเด่นเลยนะครับ จริง ๆ ผมแค่อยากช่วยเพื่อน”
“แล้วเพื่อนคุณต้องนั่งรอให้คุณช่วยอยู่คนเดียวรึไง!”
ก้องภพนิ่งอึ้งในประโยคย้อนถาม ความคิดสะดุดลง คล้ายเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
...อะไรบางอย่างที่เฮดว้ากคนนี้พยายามจะสื่อผ่านคำอธิบาย
“ถ้าเพื่อนคุณต้องรอให้ใครสักคนมานำ แล้วต่อไปเวลาเจอเรื่องยาก ๆ พวกเขาจะกล้าตัดสินแก้ปัญหากันยังไง ถ้าพวกเขาอยากเป็นผู้ตามอย่างเดียว ไม่มีสปิริตมากพอจะลุกขึ้นมาทำด้วยตัวเอง พวกเขาก็ไม่สมควรที่จะเป็นรุ่นน้องของพวกผม!”
...เป็นครั้งแรกที่พี่ว้ากใช้เหตุผลในการพูดคุยกับเขาดี ๆ แทนคำสั่งหรือบทลงโทษ
ก้องภพเพิ่งรู้ว่าเบื้องหลังการกระทำทุกอย่างของพี่ว้าก มันมีเหตุผลซ่อนอยู่ในแบบของมัน เพียงแต่พี่ว้ากไม่ได้บอกออกมาให้ชัด แค่แสดงในรูปแบบของความโหดเถื่อน แต่ทุกสิ่งก็เพราะอยากให้รุ่นน้องได้เรียนรู้ รวมถึงตัวเขาเองด้วย
“วันนี้ถือว่าเพื่อนคุณช่วยคุณไว้ ครั้งหน้าผมจะอนุญาตให้คุณเข้าประชุมเชียร์ต่อได้ แต่นี่ถือเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย แล้วอย่าให้ผมเห็นว่าคุณทำตัวเป็นฮีโร่อีก! เข้าใจมั้ย!!”
“เข้าใจครับ”
ทันทีที่เห็นว่ารุ่นน้องยอมรับแล้ว พี่ว้ากคนอื่น ๆ ที่ยืนกดดันจึงทยอยเดินถอยห่างออกไป เหลือแค่เพียงอาทิตย์ซึ่งกำลังหมุนตัวจะเดินออกไปเช่นเดียวกัน แต่กลับโดนรั้งไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ! ผมมีเรื่องสงสัยอีกเรื่องครับ”
“อะไรอีก!”
อาทิตย์ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างรำคาญ ...อุตส่าห์ยอมลงทุนเอาเหตุผลมาพูดให้เข้าใจ มันยังมีเรื่องให้สงสัยอีกรึไงวะ!
“ตอนที่ผมขอลายเซ็นพี่ ผมไม่ได้ทำตัวเป็นฮีโร่ แล้วทำไมพี่ถึงทำโทษผมล่ะครับ”
...อ้อ...ตอนนั้นที่เขาสั่งให้มันตะโกนชวนคนอื่นอัดถั่วนี่เอง หึ นึกแล้วก็ยังขำไม่หาย ...จริงอยู่ที่บทลงโทษบางอย่างมันมีเหตุผลที่เขาคิดไตร่ตรองมาแล้ว แต่ก็มีอีกบางบทลงโทษที่เขาทำลงไปก็แค่เพราะหมั่นไส้เท่านั้น
“แล้วคุณคิดว่าทำไมล่ะ”
อาทิตย์เลือกย้อนถามกลับไปบ้าง ...เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่พอใจเขาอยู่ลึก ๆ เลยเก็บความแค้นมาเคลียร์กันตอนนี้ ซึ่งคนอย่างก้องภพคงเดาออกว่า เขาทำลงไปเพราะสะใจ
หากคำคาดเดาจากปากของน้องปีหนึ่ง กลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง...
“อ้อ...ผมคิดว่าพี่ชอบผมครับ”
“คุณว่าอะไรนะ!!”
อาทิตย์ตะโกนเสียงลั่น มองก้องภพที่เผยรอยยิ้มเล็ก ๆ อธิบายราวกับเป็นเรื่องปกติ
“ก็เขาว่ากันว่า...ถ้าเราชอบใคร เราก็มักจะหาเรื่องแกล้งคน ๆ นั้น เพื่อเรียกร้องความสนใจ แล้วพี่ก็ชอบแกล้งทำโทษผมบ่อย ๆ แสดงว่า...พี่แอบชอบผมอยู่ใช่มั้ยครับ”
...อะ..ไอ้เด็กนรก!!...ทฏษฏีไหนของมึงวะเนี่ย แม่งประสาทรึเปล่า คิดมาได้ยังไงว่าเขาแกล้งลงโทษเพราะชอบมัน!
“ไม่ใช่โว้ยยย!!”คำตะคอกใส่เป็นจังหวะพอดีกับที่ห้องประชุมเชียร์เปิด เรียกสายตาทุกคู่ของเด็กปีหนึ่งซึ่งกำลังเดินออกมา จนอาทิตย์ต้องขึ้นเสียงอย่างหาเรื่อง
“มองทำไม! ใครสั่งให้คุณมอง! เลิกแล้วก็รีบกลับไปซะสิ!! คุณก็เหมือนกัน กลับไปได้แล้ว!!”
ท้ายประโยคหันไปสั่งคนที่ยังคงยืนนิ่ง ซึ่งก้องภพก็รับคำง่าย ๆ
“ครับ”
เพียงแค่นั้นอีกฝ่ายก็หมุนตัว ตีสีหน้าหงุดหงิดเดินห่างออกไปด้วยท่าทางโมโห ปล่อยให้เขามองตาม พลางได้ยินเสียงเพื่อนเรียกทักข้าง ๆ อย่างสงสัย
“เมื่อกี๊คุยอะไรกับพี่เขาวะ ตะโกนซะน่ากลัวเลย”
แม้ในสายตาเพื่อนจะบ่งบอกถึงความสยองของเฮดว้าก แต่สำหรับก้องภพเขายังคงมองท่าทีนั้นด้วยรอยยิ้มไม่หาย
ด้วยเพราะสิ่งที่เขาทำลงไป มันเป็นเหตุผลง่าย ๆ เหมือนกับที่เขาเพิ่งอธิบายให้ใครบางคนฟัง...
เหตุผลนั้น...
“เปล่า ไม่มีอะไร ก็แค่อยากแกล้ง...”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC
อย่างที่เคยมีคนว่าไว้ว่า...ทุกการกระทำย่อมมีเหตุผล
และนี่คือเหตุผลของพี่ว้ากที่ไม่ยอมบอกน้อง ๆ แต่แอบมาบอกกับก้องภพทีหลัง
ส่วนก้องภพเองก็มีเหตุผลที่ชอบปีนเกลียวพี่ว้ากเหมือนกัน
...ทุกคนรู้แล้วใช่มั้ยว่าเหตุผลนั่นคืออะไร ฮ่าๆ 
ขอบคุณที่ยังติดตามอยู่เรื่อย ๆ นะคะ
แล้วเจอกันตอนใหม่จ้า
BitterSweet