ตอนที่ 14ธันว์“อูยยยย” เสียงสูดปากครางยาวที่คุณได้ยินคงบอกอะไรๆได้บ้างมั้งครับ ว่าเจ้าของเสียงแบบผมกำลังรู้สึกเช่น
ไร!?
‘เจ็บครับ ผมเจ็บ’ ความเจ็บร้าวมีตั้งแต่จุดเกิดเหตุที่สะโพกยันปลายนิ้วเท้าเลยทีเดียว ขยับพลิกตัวทีเจ็บแทบแดดิ้น ยิ่งกว่าครั้งแรกที่ผมโดนเปิดซิงซะอีก
“หา! เกือบเที่ยงแล้ว” ดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่งั้นนายธันว์ได้เสียประวัติขาดฝึกงานแน่ๆเหอะ แถมเหตุผลที่ขาดก็ไม่น่าให้อภัยซะด้วยสิ
ผมมองไปรอบห้องก็ไม่พบเจ้าของห้องอีกคน ก็มันเลยคำว่าสายมามากแล้วนี่นะ สงสัยเฮียหลี่ผิงจะลงไปข้างล่าง เพราะเมื่อผมไล้ฝ่ามือผ่านฟูกนอนข้างตัวก็ไม่เหลือไออุ่น ให้รู้ถึงการอยู่ของอีกฝ่าย ทำให้รู้ว่าเจ้าของที่นอนเคียงข้างกันนั้นลุกออกจากเตียงไปนานแล้ว
“เฮ้ย!” ผมต้องตกใจอีกรอบ เมื่อสายตาจับได้ถึงความผิดปกติรอบห้อง จากข้าวของและเครื่องเรือนที่เกะกะยุ่งเหยิงและอยู่ผิดที่ผิดทาง บวกร่องรอยแห่งความร้าวระบม ส่งผลให้ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยันค่อนรุ่งไหลเข้าสู่สมองผมเป็นระลอกๆ ก่อนคลื่นแห่งความทรงจำลูกแล้วลูกเล่าจะถาโถมพัดเข้าใส่อย่างรุนแรง
จนผมกระจ่างว่าเหตุใดร่างกายถึงร้าวระบม ได้มากกว่าครั้งไหนๆที่ผมและเฮียหลี่ผิงร่วมรักกัน เพราะเท่าที่จำได้ผมโดนคลื่นเสน่หาซัดไปถึงสี่ลูก เอ๊ะ! หรือจะห้านะ ด้วยคลื่นลูกหลังๆร่างกายผมอ่อนล้าสมองผมเผลอไปหมด เกินกว่าที่จะจดจำมันได้ทั้งหมด
ผมเบิกตาโตแก้มร้อนผ่าว เมื่อได้เห็นกรอบรูปถ่ายมุมสูงของอ่าววิคตอเรียฝีมือของเฮียผลี่ผิง ไม่ใช่ว่าภาพนั้นมันมีความผิดปกติอย่างการถ่ายติดยูเอฟโอ หรือเป็นภาพถ่ายวิญญาณอะไรแบบนั้นนะครับ มันก็แค่กรอบภาพที่ถูกแขวนเอียงกะเท่เร่อยู่บนผนังข้างบานประตู แต่ที่ผมตกใจเพราะรู้ดีแก่ใจว่ามันอยู่ในองศาที่ผิดปกติแบบนั้นได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะผลพวงแห่งการอยากพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้เมา จากคลื่นเสน่หาลูกแรกที่ผมเจอ
เพราะพอผมโดนอุ้มจากรถ ด้วยฝีมือเฮียหลี่ผิงขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว ผมก็ไม่คิดจะเสียเวลา ด้วยปล้ำถอดเสื้อผ้าคนตัวโตหน้าประตูซะเลย แถมอาจหาญไปยั่วพญามังกรจอมหื่น ด้วยการกระชากคอเสื้อเพื่อป้อนจูบอันร้อนแรง พร้อมฝ่ามือที่ปลุกเร้าด้วยการลูบไล้ไปตามกล้ามอกแน่นๆ แต่ผมกลับเป็นฝ่ายเคลิ้มไปกับการหลอกล่อของพญามังกรซะเอง ทำเอาบานประตูสะเทือนจากแรงถาโถม จนฝ่ายรองรับแบบผมกรีดร้องไม่เป็นภาษา มือไม้ไม่อยู่สุขจิกทึ้งเจ้าของกลุ่มผมหนาที่โอบอุ้มถ่ายแรงเข้าใส่กัน ก่อนป่ายเปะปะโดนกรอบรูปนั้นจนมันเอียงผิดมุม
ส่วนคลื่นเสน่หาลูกที่สองน่ะเหรอ ก็ตรงโต๊ะเครื่องแป้งชุดนั้นไงครับ แม้ดูเผินๆพวกขวดครีมขวดโลชั่นที่วางหน้ากระจก จะไม่ได้ล้มระเนระนาดตกเกลื่อนพื้นเหมือนในความทรงจำเมื่อคืน แต่ก็วางระเกะระกะไม่ถูกตำแหน่งดังเคย และเดาไม่ยากว่าใครเก็บมันขึ้นมา ยิ่งได้เห็นเงาสะท้อนของกระจก ความทรงจำเกี่ยวกับมันยิ่งฉายชัด
ร่างกายที่ขาวเนียนของผมเหมือนถูกย้อมด้วยสีแดงเป็นมันวาว ยามมันสะท้อนออกจากกระจก ทำให้เห็นชัดถึงความแตกต่างกว่าในยามปกติ ยิ่งคิดถึงภาพตัวเองตอนนั้น ที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกและริมฝีปากแดงช้ำที่เผยอครางตลอดเวลา บวกสายตาเร่าร้อนของเจ้าของหน้าท้องเป็นลอน และมือหนาที่คอยกระชากรั้งเอวผมเข้าหานั้น ใบหน้าผมตอนนี้ก็ร้อนเห่อและใจก็สั่น จนเผลอกัดผ้าห่มแทบขาด เมื่อจำความรู้สึกสุขสมยามปลดปล่อยหน้าบานกระจกบานนั้นได้
หัวใจผมยังไม่ทันได้กลับมาเต้นในจังหวะปกติ ก็ดันเพิ่มระดับความเร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อหางตาเหลือบมาเห็นชายผ้าม่านปลิวสะบัดเบาๆ พอสังเกตดีๆจึงได้เห็นว่ากระจกบานเลื่อนนั้นปิดกันไม่สนิท ซึ่งผมก็รู้ถึงสาเหตุนั้นดีว่าเป็น
เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นแห่งเสน่หาลูกที่สาม ด้วยมันเริ่มนอกระเบียงหลังบานประตูกระจกนั่นไงครับ
ยามรัตติกาลท่ามกลางผืนฟ้าดำสนิทไร้ซึ่งแสงดาวและแสงจันทร์ และอุณหภูมิที่ลดต่ำพร้อมลมยามดึกที่โชยเบาๆนั้น มันกลับไม่ส่งผลต่อผมนัก เพราะผมไม่รับรู้ถึงเวลาที่ล่วงเลย ไม่รู้สึกถึงลมหนาวที่ปะทะผิวกาย แต่ผมกลับสะท้านไปกับการเล้าโลมที่อ่อนหวาน จากฝ่ามือหนาและริมฝีปากชื้นที่สำรวจตรวจตราไปทั่วร่าง ไม่ว่ามันจะแตะต้องไปส่วนไหน ผิวบริเวณนั้นของผมก็แทบไหม้ จนเลือดในกายทั่วร่างผมเดือดพล่าน ตอนนั้นผมจำได้เพียงความซาบซ่าน ยามสะโพกหนากระแทกส่งมังกรหัวแข็งเข้าสำรวจซอกหลืบเบื้องหลัง และคำรักที่แสนอ่อนหวานด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเปล่งเสียงครางออกไปดังแค่ไหน รู้แต่ตอนนี้ผมยังแสบๆคออยู่เลย
จะว่าไปแล้วผมน่าจะรู้สึกโกรธเฮียหลี่ผิงมากกว่าที่จะมามัวแต่เขินอายนะ เพราะในห้องเรามีพื้นที่ตั้งมากมายที่จะให้ผมพิสูจน์ว่า ‘ผมไม่เมา’ แต่เจ้าพ่อใหญ่เค้าดันพาผมออกไปพิสูจน์นอกระเบียงซะได้ หากใครมาได้ยินเสียงและจำได้ว่าเป็นเสียงของผมขึ้นมาล่ะก็ ผมจะเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะครับ
เรื่องเมื่อคืนยังไม่จบเท่านั้น เพราะคลื่นเสน่หาลูกที่สี่มันเริ่มขึ้นทั้งๆที่ผมหนังตาหนักอึ้ง และอ่อนแรงแทบขาดใจ ส่วนมันเกิดขึ้นตรงไหนน่ะเหรอ คุณเห็นโซฟาเบดมุมห้องข้างตู้หนังสือมั้ยครับ นั่นแหละจุดเกิดเหตุ แม้มันจะดูน่าสบายกว่าปูนและกระเบื้องเย็นๆที่ระเบียง ด้วยเบาะนุ่มภายใต้ผ้ากำมะหยี่เนื้อเนียน แต่คุณไม่รู้หรอกว่ายามที่เราหลงมัวเมาไปกับความหฤหรรษ์และท่วงท่าแปลกใหม่ เรากลับไม่ได้นึกอยากจะใช้มันให้ถูกหน้าที่นัก เพราะเราใช้มันเป็นแค่หลักยึดแทนการรองรับน้ำหนักตัว
คิดถึงภาพนั้นผมก็ยิ่งอายครับ ไม่รู้ตัวเองทำไปได้ยังไง เพราะร่างกายผมที่เคยอ่อนล้าและแทบไม่มีแรงเหลืออยู่นั้น กลับทรงพลังขึ้นมาได้อย่างประหลาด สามารถเกาะเกี่ยวร่างแกร่งได้อย่างมั่นคง คงเป็นผลจากการปลุกเร้าของเฮียหลี่ผิง คนที่เป็นผู้นำขับเคลื่อนพาผมไปสู่ฝั่งฝันเหมือนครั้งก่อนๆนั่นเอง
ความรุนแรงของคลื่นลูกที่สี่นี้ไม่ได้ด้อยกว่าลูกก่อนๆเลยครับ เพราะทำเอาโซฟาเบดสีกรมตัวโปรดโยกไหวสั่นสะเทือน จนมันเคลื่อนไปกระแทกเข้ากับตู้หนังสือ ทำให้หนังสือบนชั้นร่วงกราว แต่เวลานั้นใครจะมามัวสนใจเก็บมันล่ะครับ เพราะแค่การพยุงร่างเพื่อรองรับแรงกระแทกจากสะโพกแกร่งผมก็ลำบากแล้ว สุดท้ายอารมณ์ก็แตกกระเจิงเกิดความสุขซาบซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างเหมือนที่ผ่านมา ตอนนั้นจำได้ว่าผมตัวอ่อนหมดแรง ก่อนร่างผมถูกผ่อนลงโซฟาทั้งๆที่มันเต็มไปด้วยหนังสือ และนอนหอบเป็นลิงหอบแดดโดยมีร่างพญามังกรตามมาทาบทับ
‘หืม หา อะไรนะครับ’ คุณถามถึงคลื่นเสน่หาลูกที่ห้าที่ผมเกริ่นไว้แต่แรกเหรอ อืม ลูกนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าคลื่นลูกนี้มันถูกปลุกปั้นครบถ้วนเหมือนลูกอื่นๆไหม แต่ความรู้สึกก็ช่างซาบซ่านไม่ต่างกัน ถ้าผมจำไม่ผิดจุดเกิดเหตุมันน่าจะอยู่ในอ่างจากุชชี่นะครับ
จริงๆคลื่นลูกนี้ผมว่าเฮียหลี่ผิงไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดหรอก เพราะตอนนั้นร่างกายผมก็อ่อนล้าเกินกว่าจะต้อนรับมังกรร้ายเหมือนรอบที่ผ่านมา เพียงแต่ผมที่นอนหลับตาแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ตามที่เฮียหลี่ผิงช่วยดูแลผมนั้นเกิดอารมณ์ขึ้นมาน่ะสิ จากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้ไปทั่วร่างเพื่อช่วยทำความสะอาดผิวกาย และปลายนิ้วที่ซอกซอนแหวกช่องหลืบเบื้องหลังเพื่อควานน้ำในกายให้ออกมา ทำเอาธันว์น้อยตื่นเต้นมาชูคอทักทาย พาลให้เจ้าของแบบผมอายจนแทบอยากละลายกลายเป็นน้ำเชียวล่ะ แต่เมื่อลืมตาขึ้นผมที่เตรียมใจว่าต้องเจอสายตาล้อเลียนจากพญามังกรแน่ๆ ก็ต้องเหวอและแปลกใจขึ้นมา เมื่อสายตาคู่คมที่ผมได้สบมีเพียงแววแห่งความเอื้อเอ็นดูและความเข้าใจ
อย่างที่บอกว่าหลังจากนั้นผมก็เบลอๆไม่แน่ใจว่าผมขึ้นมาจากอ่างตอนไหน เพราะสติสุดท้ายผมจำได้แต่เสียงครางหวิวของตัวเองเท่านั้น ยามปลายนิ้วยาวสะกิดแรงๆเข้าที่จุดไวสัมผัสภายใน พร้อมธันว์น้อยที่ถูกรูดรั้งให้อย่างอ่อนโยน ก่อนมันจะพ่นธารรักอุ่นร้อนไปกับสายน้ำรอบตัว
คิดมาถึงตรงนี้ผมชักจะเริ่มยอมรับแล้วล่ะสิ ว่าตัวเอง ‘เมา’ เพราะถ้าสติผมครบถ้วน ผมคงไม่มีทางปล่อยตัวพิสูจน์รักไม่ทั่วมุมห้องขนาดนั้น และถ้าจะหาคนผิดก็ต้องเป็นเฮียหลี่ผิงนั่นแหละผิด ที่ไม่ยอมให้ผมได้คุ้นเคยกับของมึนเมาพวกนั้น พอได้ดื่มทีผลก็ออกมาอย่างที่คุณรู้ แต่เดี๋ยวนะครับ!? ทำไมเมื่อคืนเฮียหลี่ผิงถึงยอมให้ผมดื่มกันล่ะ ในเมื่อทุกทีที่ผมจะดื่ม ผมอ้อนวอนแทบตายอ่ะ ซึ่งไม่เคยได้ลองเลย ตอนนั้นไอ้ผมก็มัวแต่ดีใจจนลืมคิดถึงเหตุและผลที่จะตามมาซะด้วยสิ
“อ้าว น้องธันว์ตื่นแล้วเหรอครับ ทำไมรีบตื่นล่ะหืม” เจ้าของประโยคนี้คือผู้ต้องสงสัยที่กำลังอยู่ในความคิดของผมเอง
เฮียหลี่ผิงที่เพิ่งเข้ามาและนั่งลงข้างตัวผมนั้น ไม่มีแววสำนึกผิดบนใบหน้าให้ผมเห็นสักนิดครับ แต่ที่ผมไม่โวยวายออกไป ให้สมกับรอยกรุ่นในอารมณ์และความชอกช้ำที่ร่างกายได้รับ นั่นเป็นเพราะฝ่ามืออุ่นที่ลูบหัวและเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าผากให้ผมอย่างอ่อนโยน พร้อมความห่วงใยเต็มหน่วยตายามที่ผมได้สบนี่ต่างหาก
“มันตื่นเองอ่ะ” เสียงอ่อนๆนั่นของผมเองครับ แล้วผมจะหลบตาเฮียหลี่ผิงทำไมเนี่ย แถมหัวใจในอกก็ดันเต้นเร็วกว่าปกติอีกด้วย
“จะเที่ยงแล้ว น้องธันว์หิวมั้ยครับ” ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยหลังตื่นนอนมาได้ตั้งนานกลับไม่รู้สึกหิว แต่พอเจ้าของไหล่ที่ผมซบอยู่ถามเท่านั้นแหละ น้ำย่อยก็หลั่งออกมาทันที ผมจึงพยักหน้ากับไหล่หนาเบาๆ ก่อนกระซิบความต้องการว่าตัวเองอยากเข้าห้องน้ำก่อน
ผมจึงกลายมาเป็นลูกลิงให้พญามังกรได้พาเข้าห้องน้ำตามที่ต้องการ เฮียหลี่ผิงก็แสนจะใจดีครับ ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าอาบน้ำให้ผมด้วย แต่ผมก็ใช้เสียงอ้อนๆและทำหน้าตาให้น่าสงสาร ด้วยไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยเดิม ซึ่งมันก็ได้ผล เฮียหลี่ผิงยอมให้ผมได้อาบเองเมื่อผมเอ่ยปากขอ แต่ก่อนอาเฮียจะออกจากห้องน้ำก็เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างไว้ให้ พร้อมบีบยาสีฟันใส่แปรงมายื่นให้ผมแปรงฟันระหว่างรอน้ำเต็ม ก่อนเฮียหลี่ผิงจะยืนกอดอกมองผมทั้งๆที่ฟองเต็มปาก ไอ้ผมก็ไม่รู้จะเขินกับสายตาวาวๆนั่นทำไม ทั้งๆที่อาเฮียนั้นใช้มันกับผมออกบ่อย แต่เห็นทีไรผมอดเขินจนต้องหลบตาคู่นี้ไม่ได้ทุกที
“ฮึๆ มาครับเฮียช่วย น้องธันว์ถอดเสื้อผ้าไม่ถนัดหรอก เฮียสัญญาแค่ถอด แล้วจะออกไปเลย” คุณคิดว่าผมจะตอบว่ายังไงล่ะครับ
นอกจากยอมทำตามที่คนรักขอมา เพราะอดยอมรับความจริงไม่ได้ ว่าผมคงต้องใช้แรงกายแรงใจอย่างสูงในการถอดกางเกง ก็แค่ขยับผมก็ทั้งแสบทั้งขัดตรงนั้นมากๆแล้วนี่หน่า แม้ผมจะนึกไม่ชอบใจสายตาแพรวพราวล้อเลียนของเฮียหลี่ผิงที่หลุดออกมาให้ผมได้เห็นก็ตาม
“เฮียขอโทษนะครับที่ทำให้น้องธันว์ต้องอยู่ในสภาพนี้” หลังจากที่ผมโดนอุ้มมาวางลงอ่าง เฮียหลี่ผิงก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา
จากแววตาที่ผมเห็น ทำให้ผมอดใจหายไม่ได้ เพราะมันมัวหมองและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดชัดเจน ผมจึงส่งมือขึ้นประกบแก้มขาว และจ้องสบตาหมองๆคู่นั้นอย่างจริงจัง
“ทำไมเฮียหลี่ผิงต้องขอโทษธันว์ด้วย ธันว์ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย ก็แค่...เจ็บๆขัดๆกว่าเคยเอง แต่ๆ...แต่ธันว์ก็มีความสุขนะ เฮียหลี่ผิงอย่าทำหน้าแบบนี้สิ เฮียน่ะเหมาะกับหน้าหื่นๆและจ้องแต่จะเอาเปรียบธันว์มากกว่านะ” ผมย่นจมูกใส่พร้อมดึงแก้มเจ้าพ่อตาหงอยแรงๆ เพราะนึกไม่ชอบใจกับใบหน้าเศร้าๆนี่เลยจริงๆ
“ขอบคุณครับที่ไม่โกรธกัน เฮียขอสารภาพว่าเมื่อคืนอดใจไม่ไหวจริงๆ ผิวอมชมพูที่หอมไปทั้งตัว กับเสียงครางหวานๆที่ดังขึ้นทุกครั้ง ยามถูกเฮียปลุกเร้าไปตามจุดอ่อนต่างๆบนตัว”
‘เฮ้ย! อะไรจะเปลี่ยนท่าทีเร็วขนาดนี้วะเนี่ย เมื่อกี้ยังทำหน้าหงอยอยู่เลย’ หรือเฮียหลี่ผิงจะทำให้ผมตายใจกันแน่ แล้วนี่อะไรตาวาวๆที่จ้องกันแบบที่ผมอ่านได้ว่า เจ้าของมันอยากจะกลืนกินผมทั้งตัว และปลายนิ้วที่ไต่จากหลังมือจนเกือบจะถึงหน้าอก แต่เฮียหลี่ผิงที่เป็นแบบนี้ผมค่อยเบาใจได้หน่อย เพราะผมจะได้ไม่รู้สึกผิดนักที่ทำแบบนี้
“โอ๊ยยย!! พอแล้วครับน้องธันว์ เฮียเจ็บ!....อูย ฟันคมนักนะเรา ซ้ำรอยเมื่อคืนเลยน้า~ ฮึๆ”
“เฮียอ่ะ ออกไปเลย ธันว์จะอาบน้ำ” ผมยังจะต้องให้มาเฟียขี้แกล้งอยู่ใกล้ด้วยอีกทำไม ในเมื่อทั้งคำพูดท่าทางและสายตาส่อชัดว่าล้อเลียนกัน แถมรอยฟันที่ซอกคอขาวๆนั่นก็พาให้หน้าร้อนกว่าเดิม ผมจึงแกล้งวักน้ำใส่หน้าหล่อๆซะเลย
ระหว่างที่ผมกำลังหัวเสียกับเสียงหัวเราะทุ้มกังวาน และตีน้ำกระจายอยู่ในอ่างคนเดียวนั้น เจ้าของเสียงหัวเราะนั่นก็หยุดยืนที่หน้าประตูห้องน้ำ ก่อนพูดในสิ่งที่ทำให้ผมหยุดทุกการกระทำ
“น้องธันว์ เฮียเชื่อแล้วว่าเมื่อคืนน้องธันว์ไม่ได้เมา.....น้อย แต่น้องธันว์เมามากๆๆ และเฮียก็มีความสุขมากด้วย วันหลังถ้าน้องธันว์อยากดื่มอีก บอกเฮียนะครับ ที่รัก~”
“เฮียหลี่ผิง!!!” ผมมีเสียงเท่าไหร่ผมใส่เต็มที่ล่ะงานนี้ ก็ฟังเฮียหลี่ผิงพูดสิครับ จงใจล้อเลียนผมชัดๆเลย
ผมจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จมังกรขี้แกล้งก็เหมือนรู้เวลา เข้ามาช่วยอุ้มผมออกจากอ่างและบรรจงเช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน แม้จะมีถ้อยคำง้องอนแค่ไหน ผมก็ไม่คิดจะพูดด้วย อยากล้อผมเรื่องเมื่อคืนทำไมล่ะ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะว่าผมเมามาก จนปล่อยตัวปล่อยใจให้เลยเถิด ทำให้ต้องเจ็บตัวอยู่แบบนี้
“เอาล่ะ คนเก่งของเฮียตัวหอมฟุ้งแล้ว หล่อเหมือนกันนะเนี่ยเรา แต่ติดอยู่นิดที่หน้าบึ้งไปหน่อย ถ้าน้องธันว์ยิ้มน้า จะหล่อกว่านี้อีก” ผมไม่ใช่เด็กเหมือนสิบปีที่แล้วสักหน่อย ที่ได้ฟังประโยคหลอกล่อของเฮียหลี่ผิงแล้ว จะหลงเคลิ้มตามง่ายๆน่ะ
ผมจึงเลือกที่จะแสยะยิ้มเข้าใส่แทนการระบายยิ้มหล่ออย่างเคย แต่คงถูกใจคนที่ได้เห็นล่ะครับ เพราะเฮียหลี่ผิงหัวเราะคลอเบาๆ ก่อนรั้งตัวผมเข้าไปกอดและฟัดแก้มผมจนเจ็บไปหมด ครั้นจะไม่พูดไม่โวยวายก็คงโดนฟัดอยู่ตรงนี้
“เฮีย อื้ออ เฮียหลี่ผิง พอแล้ว ธันว์หิวแล้วนะ”
“ฮึๆ นึกว่าจะไม่ยอมพูดกับเฮียซะแล้ว น้องธันว์จะทานข้างบน หรือจะให้เฮียอุ้มไปข้างล่างครับ” ถ้อยคำแสดงความเอาใจใส่ที่ได้ยิน ทำให้ผมค่อยๆเบือนหน้ากลับมามองต้นเสียง
เมื่อเจอเข้ากับแววตาอ่อนโยนคู่คุ้นตาก็ให้คลายสีหน้าบึ้งๆลง จริงๆผมก็ไม่ได้โกรธมากมายอะไร แต่ก็ยังไว้ท่าด้วยการยู่หน้าจู๋ปากเข้าใส่ ก่อนจะยอมตอบคำถามที่ส่งมา
“กินข้างบน” ขืนผมลงไปโดยมีเฮียหลี่ผิงอุ้ม คงไม่เป็นอันกินเพราะมัวแต่อาย ด้วยต้องคอยหลบสายตาล้อเลียนของปาปามามาและเจ๊เหมยอิงอย่างแน่นอน
วันหยุดแบบนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่มีงานด่วนอะไร ทั้งสามคนต้องอยู่บ้านแน่ๆ และการที่ผมไม่ลงไปให้เห็นหน้าช่วงอาหารเช้า ก็คงเดาแบบที่ไม่ต้องมีคนบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมได้อย่างแน่นอน
“โอเคครับ เดี๋ยวเฮียให้เด็กเอาขึ้นมาให้ เราเปลี่ยนบรรยากาศกินสองต่อสองในห้องก็ดีเหมือนกัน อ้อ มีเครปเค้กบลูเบอรี่เป็นของหวานด้วยนี่หน่า ไม่รู้จะมีใครอยากกินมั่งน้า”
‘ชิ เอาเครปเค้กมาล่อให้ผมพูดดีๆด้วยล่ะสิ’ ผมเงยหน้ามองเจ้าของแววตาวิบวับที่แสดงออกชัด ว่ากำลังหลอกล่อผมด้วยขนมให้ยอมพูดดีๆด้วย แต่เมื่อคิดถึงเครปเค้กที่กรุ่นกลิ่นของนมสด และเนื้อเค้กเป็นชั้นบางๆที่ละลายในปากยามลิ้มลองก็ให้ไขว้เขว
“อืม เฮียลืมบอกว่าเครปเค้กน่ะฝีมือเหมยอิงซะด้วย เห็นว่าทำสุดฝีมือเพื่อเด็กแถวนี้เลยล่ะ”
“จริงเหรอครับ ธันว์อยากกิน เฮียหลี่ผิงให้เด็กเอาขึ้นมาให้ธันว์ด้วยนะครับ” ใครปฏิเสธเค้กฝีมือเจ๊เหมยอิงก็โง่มากแล้วครับ เพราะรู้ๆอยู่ว่ารสมือเรื่องขนมอาเจ๊ของผมคนนี้ไม่เป็นรองใคร
แต่คงไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เพราะคนที่เสนอเค้กให้ผมเองนั้น กลับอมยิ้มแก้มตุ่ยแสดงท่าทีว่าเหนือกว่า ก่อนยื่นแก้มมาจ่อที่ปลายจมูกผม
“อ่ะ หอมแก้มเฮียก่อน เดี๋ยวเฮียให้เด็กเอาขึ้นมาให้ทันทีเลย เร็วสิครับคนเก่ง”
“มาเฟียเจ้าเล่ห์ ชิ!.....ฟอดดดด” เท่านั้นแหละครับที่มาเฟียใหญ่เค้าต้องการ
..........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

คลื่นเสน่หาของเด็กขี้เมาช่างเร่าร้อนนัก
ตอนนี้ขอมาแบบเบาๆให้พอกรุ่มกริ่มเคลิ้มๆนะคะ
เพราะก่อนหน้าจัดหนักไปหลายตอนแล้ว
ตอนหน้าเป็นวันหวานๆสบายๆอีกวันของคู่รักและผองเพื่อน
พร้อมความคืบหน้าของคู่เหมยอิงและไรอันค่ะ
มีหลายคนอยากอ่านคู่เบสนน ขอให้อดใจนิดค่ะ
เพราะคู่นี้จะมาแบบเต็มๆให้ได้อ่านหลังคู่นี้จบน้า
แต่จะมีความคืบหน้ามาเรื่อยๆให้ได้ลุ้นกัน
+1และเป็ดแทนคำขอบคุณเช่นเดิมค่ะ
เจอกันวันอังคารน้า ~
