
การเที่ยวทริปนี้จะต้องยกเลิกก่อน...เมื่อปันณธรโทรไปปรึกษาคุณพ่อปรากฏว่ามีคำสั่งประกาศิตว่า...พาน้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้...ไปอยู่ล่อเป้าอย่างนั้นต่อให้เก่งซักแค่ไหนก็ไม่รอดแน่ๆ ดูเหมือนว่าทุกคนก็จะกังวลใจอยู่แล้วไม่เว้นแม้แต่ตัวปันณธรเอง เลยเดินทางกลับกันเช้าอีกวันเลย....เป้าหมายคือบ้านของเสี่ยพีก่อน เพราะต้องการสืบความจริงให้รู้ว่าใครกันแน่เป็นคนทำ...
“คุณป๊าจ๋า.!!”
“ฟอด! ชื่นใจจริง ๆ ลูก คิดถึงป๊าไหมเด็กดี”
“น้องบีคิดถึงคุณป๊ากว่าใครเลย...” ภาพสองพ่อลูกสวมกอดกันกลมทำเอาคนที่เหลืออมยิ้มไปด้วย...หมอเอเชื่อสนิทใจก็คราวนี้แหละที่ว่าคุณพ่อรักน้องบีมาก...ทักทายกันพักใหญ่ ก่อนจะขึ้นห้องพักผ่อนเตรียมตัวลงมาทานเข้าเที่ยงกัน หิ้วท้องจากทะเล ขับรถแบบไม่พักเหนื่อยจนถึงกรุงเทพฯ....
“พี่ปันปันจ๋า...ยายสร้อยว่ายังไง”
“ยายสร้อยบอกคิดถึงน้องบี..” บอกคนที่เข้ามาเอาหูแนบโทรศัพท์เมื่อเขาบอกว่าคุยกับยายสร้อย..จริงๆ ก็แค่โทรไปถามว่าทางไร่เป็นยังไงบ้าง ... เหตุการณ์ปกติดี....
“บอกยายสร้อยน้องบีคิดถึง”
“บอกไปแล้ว...หิวข้าวรึยัง..” ถามคนตัวเล็กที่นอนเหยียดยาวบนโซฟาหัวหนุนตักเขาอยู่หลังจากวางสายคนที่ไร่ไปแล้ว.. ตอนนี้รอแม่บ้านตั้งโต๊ะและรอเพื่อน ๆ จัดการกับตัวเองให้สบายตัวกันก่อน ส่วนเขากับน้องบีเล่นแข่งกันใครเร็วกว่าชนะ เลยลงมาเร็วกว่าคนอื่น...
“ ไม่หิว...น้องบีอิ่ม...”
“อิ่มอะไร อิ่มมาจากไหน” ก็อยู่ด้วยกันตลอดไม่เห็นว่าจะได้กินอะไร
“อิ่มตรงนี้!”
“เลี่ยนจริง เด็กบ้าอะไร” พูดแล้วบิดจมูกเล็กนั่นไปมาเบา ๆ หมั่นไส้กับคนอิ่มอกอิ่มใจ...ใครสอนกันถึงได้ทำท่าน่ารัก ๆ คำพูดหวานหูพวกนี้ได้...ยกนิ้วมือเล็กที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวใช้ชี้ไปที่หัวใจขึ้นมาก่อนจะประทับจูบเบาๆ รอยยิ้มหวานยังส่งมาพร้อมดวงตาเป็นประกายว่าอีกคนก็มีความสุขเหมือนกัน...
“คุณปันครับ คุณท่านเชิญที่สวนครับ”
“น้องบีไปด้วย”
“...................” ยื่นมือให้อีกคนจับก่อนจะพาเดินออกจากบ้าน...
“ให้น้องบีขี่ม้าได้ไหม...กุบกับ กุบกับ..”
“ไหนล่ะม้า บ้านพี่ไม่มีม้าซักหน่อย”
“ขี่ม้า กุบกับ กุบกับ”
“...................” เสียงเจื้อยแจ้ว พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินอ้อมมาด้านหลังเขา....กระตุกชายเสื้อพร้อมกับพยักเจ้าส่งสัญญาณให้นั่งลง...ดูทำท่าเข้า...เข้าใจซักทีว่าจะขี่ม้ากุบกับ กุบกับยังไง...
“ กุบกับ ม้าปันอู๊ด กุบกับ ม้าปันอู๊ดดดด!”
“ฮ่าๆๆ ตกลงจะให้เป็นม้าหรือเป็นหมูห๊ะ” พูดกับคนที่ปืนป่ายขึ้นมาบนหลังเขาจนได้...พร้อมกับส่งเสียงมีการเอาเท้ากระทุ้งที่ต้นขาเขาอีกต่างหาก ถ้าให้เดาก็คงเคยเรียนขี่ม้ามาบ้างสินะ...
“ให้เป็นหมดเลย...”
“...ยินดีค๊าบบ องค์ชาย...นั่งดี ๆ นะ..”
“ องค์ชายรักม้าปันอู๊ด ที่สุดเลย”
“......................” ยิ้มกับตัวเองกับคำพูดน่ารัก ๆ นั่น ใบหน้าเล็กซบลงที่หลังเขาพร้อมกับเกาะคอแน่น แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ใครทั้งรักทั้งหลงได้ยังไง
“ครับคุณพ่อ” ปันณธรเดินกระเตงองค์ชายขี้เกียจเดินมาถึงสวนหลังบ้านก็เห็นพ่อตัวเองนั่งรออยู่แล้ว
“อืม พ่อมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
“ครับ” รับคำก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวให้คนตัวเล็กลงจากหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งฉิวไปหาอ้อมกอดคุณป๊า ที่อ้ารออยู่แล้ว....
“พรุ่งนี้มีประชุมลับของรัฐมนตรี มีบัตรเชิญแขกพิเศษ คือพ่อ เข้าร่วมประชุมด้วย..”
“แต่คุณพ่อบอกว่าจะไม่เข้าร่วมหนิครับ”
“ใช่ แต่เราจะตัดกล้วยกลางลำ คงจะไม่ได้ พ่อกะว่าจะเข้าร่วมและพิจารณาอีกที..หรือแกว่าไง”
“อย่างนั้นก็ได้ครับ...แต่ถ้าเป็นไปได้ผม...”
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเป็นยังไง...ตัวพ่อยังอ่านพวกรัฐมนตรีไม่ขาดว่าต้องการอะไร...แต่พรุ่งนี้มีแขกพิเศษอีกคนที่จะเข้าร่วมด้วย..”
“ใครครับ” ถามคนตรงหน้า ก่อนจะขยับตัวให้เจ้าตัวซนที่มุดใต้โต๊ะโผล่ขึ้นมาตรงหว่างขาเขา ก่อนจะบีนมานั่งตักจนได้....
“องค์ชายจากประเทศ นาร์เธีย...”
“ประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีสายแร่ และทองคำเยอะที่สุด”
“ใช่...”
“ผมว่าคุณพ่อพอเดา ๆ ได้ใช่ไหมครับว่าพวกรัฐมนตรีพวกนี้ต้องการอะไร”
“ก็คิดว่านะ..แต่...เอ๊ะ! หมอบ!!!”
ปัง! ปัง! ปัง!
“ตามมม!!!”
“คุณพ่อ!! คุณพ่อ!!” ปันณธรีบลุกจากผืนหญ้าที่เขากอดน้องบีพร้อมกับหมอบลง...แต่เลือดแดงฉานที่ไหลออกจากร่างกายของพ่อตัวเองทำให้รีบเข้าไปหา....ทิ้งให้น้องบีนั่งมองอยู่....
“ไม่เป็น อะไร..ไกลหัวใจ..”
“เอารถออก!!” ไกลหัวใจได้ยังไง เมื่อเลือดที่ชุ่มออกมาจากร่างกายนั่นมันเป็นช่วงท้องของคนมีอายุนั่น!!! มือหนาเต็มไปด้วยเลือดของคนที่หน้าเริ่มซีดลง...
“ไม่ เป็น ไร”
“คุณพ่อทำใจดี ๆ ไว้ครับ!!! สั่งคนคุ้มกันบ้านและทุกคนในบ้าน!!” สั่งการ์ดที่เหลือให้สั่งคนมาคุ้มกัน หลังจากส่วนนึงที่ออกตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตามคนร้ายที่รอบยิง...ทิศทางจากข้างรั้ว....เพราะสวนที่นั่งอยู่ติดรั้วสูง....แต่ทำไมคนที่ดูกล้องวงจรปิดรอบบริเวณบ้านถึงไม่เห็นคนที่มารอบทำร้าย....
“...ปัน.....”
“พ่อครับ พ่อ!!!”
“ปัน!! เกิดอะไรขึ้น!!”
“หมอเอ พ่อถูกยิง!!” ตะโกนบอกเพื่อนหลังจากช่วยกันพยุงพ่อมาขึ้นรถหน้าบ้าน...หมอเอรี่เข้าหาคนเจ็บที่ใกล้จะหมดสติเต็มที่แล้ว ฉีกเสื้อออกจากบริเวณบาดแผล
“ห้ามเลือดก่อน! นิชา!” ทุกอย่างเป็นไปอย่างเร็วที่สุด และเป็นไปอย่างชุลมุนหมอเอกับนิชาต้องปฐมพยาบาลบนรถไปด้วย...โดยที่ปันณธเป็นคนขับเอง....ระหว่างทางร้อนอย่างที่สุด แต่ก็ไม่ลืมโทรบอกให้ภูนรินทร์ดูแลน้องบีให้ด้วย....ถ้าจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วจะโทรบอกว่าโรงพยาบาลไหน....
“คุณพ่อทำใจดี ๆ นะครับ”
“ญาติคนป่วยรอด้านนอกนะคะ” ปัฐพีถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน....ทุกคนต่างกระวนกระวายใจและรอที่หน้าห้อง....
“ใจเย็นๆ นะปัน คุณพ่อต้องปลอดภัย...”
“มันเกิดอะไรขึ้นนักหนา....” มือหนายกขึ้นเสยผมตัวเองอย่างหัวเสีย พวกไหนกันแน่ที่มันทำอย่างนี้...กล้ารอบยิงเสี่ยพีได้...จะเพ่งเล็งที่ใครดี ที่มันจะมีฝีมือขนาดนี้...เขาก็แค่สงสัย...ว่าใครจะกล้าล้วงคองูเห่า
“.................” หมอเอได้แต่ปลอบเพื่อนตัวเอง เพราะเวลานี้ปันณธรคงจะตกใจและใจไม่ดีอยู่แน่ๆ
“หมอเอ..”
“ แกเชื่อใจฉันไหม....เกิดเหตุการณ์อย่างนี้แกคงจะไม่วางใจให้ฉันดูแลน้องบีใช่ไหม..”
“ฉันบอกแกแล้วเหรอ”
“...เปล่า..ฉันแค่...” ....เหมือนคนไม่รู้จะตัดสินใจยังไง...เริ่มลังเลเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..
“ถ้าแกไม่เชื่อใจ และไม่มั่นใจในตัวเอง...นั่นแหละฉันจะพาน้องบีไป”
“.................” หน้าคมนิ่งไปเพราะคำพูดเพื่อน...ถ้าเขาไม่มั่นใจในตัวเอง....ก็คงไม่มีใครมามั่นใจในตัวเขาได้...ก็แค่อารมณ์สับสนจากความเป็นห่วงพ่อ....
“มันไม่ใช่ความผิดของแก ที่คุณพ่อถูกยิง...”
“อืม..ขอบใจมาก...”
“นิชาโทรบอกคนที่บ้านแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากนั้นไม่นานภูนรินทร์ก็มาพร้อมอรเวศและน้องบี..ที่ดูเหมือนว่าจะซึมๆ ไป...จนหมอเอต้องกอดและปลอบเป็นการใหญ่ เพราะกลัวว่าน้องบีจะเป็นเหมือนที่ผ่านมาเวลาเห็นเลือดและคนเจ็บ...แต่แปลกที่คราวนี้ไม่เป็นอะไรแค่ซึม ๆ แต่ก็ไม่โวยวายอะไร...ปันณธรโทรสั่งการให้หัวหน้าการ์ด เสริมคนดูแลที่บ้าน และสั่งการให้ลงคนไปดูแลที่ไร่ปันณธรด้วย เพราะถ้าเป็นอย่างนี้เขาคงยังไม่ได้กลับ..พอได้คุยกับเพื่อน ๆ สติและอารมณ์เริ่มปกติ จนคิดได้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง...ตอนนี้ทุกคนได้แต่รอ รอคนที่อยู่ในห้องนั้นปลอดภัย..
“พี่ปันปันจ๋า...คุณป๊า...”
“คุณป๊าไม่เป็นอะไร...เชื่อพี่...” โอบกอดคนที่นั่งข้างกัน...ก่อนจะฝังจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มนั่น...ดีแล้วที่ไม่ตกใจ...ทั้งที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ....
“ ปัน...น้องบีเข้มแข็งขึ้นเยอะมาก...”
“...................” หันมองเพื่อนแต่ไม่พูดอะไร....เพราะก่อนหน้าที่จะเจอกันเขาก็ไม่รู้ว่าน้องบีเป็นยังไงบ้าง....
“แต่ก่อน เอะอะก็ร้อง...ตกใจ...กรีดร้องเพราะความกลัวจนพวกฉันใจจะขาดไปด้วย...เพราะสิ่งเขาเคยเห็นทำให้เป็นภาพติดตา ว่าทุกคนที่มีเลือดเต็มตัว คนที่นอนนิ่ง...จะต้องหายไปเหมือนคนที่เขารักทั้งสองคน...ฉันมองแววตาน้องบีฉันรู้ว่าน้องเข้มแข็งขึ้น ทั้งที่รักคุณพ่อมาก แต่ก็ไม่ร้องไม่โวยวาย...ไม่เรียกร้องอะไรเพราะความเอาแต่ใจ....ฉันเชื่อว่าทุกอย่าง...เพราะน้องบีเชื่อใจแก...เชื่อสิ่งที่แกพูด และเชื่อว่าแกจะไม่หนีหายไปไหน...”
“................” จริงสินะ เพราะเขาก็เคยเห็น ตอนที่รถชนสุนัข...แต่เขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว.... ตั้งแต่ที่รถหมอเอและนิชาวิ่งออกจากไร่ในครั้งแรกที่มาส่ง...ความเข้มแข็งที่เจ้าตัวก่อขึ้นเพื่อที่จะไม่ร้องเพื่อให้พี่ชายเชื่อว่าตัวเองอยู่ได้...ทั้งที่เป็นอย่างนี้แค่นั้นก็พอรู้แล้วว่าเด็กคนนี้ยามที่ปกติเข้มแข็งแค่ไหน...
“ตอนน้องบีปกติ..คือพี่หมายถึงก่อนหน้าที่จะเป็นอย่างนี้ น้องบีเป็นยังไงบ้าง” อรเวศเป็นฝ่ายถามขึ้น...
“น่ารักค่ะ...น่ารักอย่างนี้แหละ ขี้อ้อน..ช่างพูด ฉลาด...รู้ว่าควรหยุดตอนไหน ควรที่จะทำอะไรตอนไหน...แต่แกหวงพี่ชายมาก...และตอนนี้นิชาว่าน่าจะหวงคุณปันมากแน่ๆ...” นิชาพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้คนที่นั่งเอาหัวกลมพิงหัวไหล่แข็งแรงของปันณร มือเล็กนั่นก็กอดแขนปันณธรไว้....
“เชื่ออย่างนึงนะ...ว่าถึงน้องบีจะกลับเป็นปกติ ก็จะเปลี่ยนไปแค่ความสามารถในการทำอะไรในชีวิตประจำวัน...แต่นิสัยและสิ่งที่เราเห็นว่าน่ารัก จะคงอยู่...และน้องบีเมื่อก่อนทั้งเข้มแข็ง และใจแข็งมาก ใครทำอะไรให้ผิดใจ ก็คงต้องพยายามนานหน่อยเผื่อจะหายโกรธ”
“.............” ปันณธรยิ้มก่อนจะก้มมองคนที่พิงไหล่เขา มองพี่ ๆ คุยเรื่องตัวเองอยู่...เขาเชื่อทั้งนิชาและหมอเอ...ยิ่งเรื่องใจแข็งเขาสัมผัสมาแล้วว่าเป็นยังไง....ยังมีเรื่องปากไม่ตรงกับใจอีกเรื่อง...ที่หมอเอจะรู้รึยัง...
“ใครเป็นญาติคุณปัฐพีครับ”
“ผมครับ...คุณพ่อเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
“หมอผ่าเอากระสุนออกแล้ว คนไข้พ้นขีดอันตราย เดี๋ยวหมอจะย้ายคนไข้ไปห้องพิเศษที่จองไว้ครับ”
“ขอบคุณมากครับ!”
***********************************************
เสียงพูดคุยกันจอแจเกี่ยวกับเรื่องราวที่มีการเรียกประชุมลับในวันนี้ ผู้ร่วมประชุมต่างคุ้นหน้าคุ้นตากันดีเพราะเป็นกลุ่มคนที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน...อุดมการณ์หาผลประโยชน์ให้ตัวเอง...และหัวข้อโจษจันก็ไม่พ้นเรื่องของเสี่ยปัฐพีคนดังถูกรอบทำร้าย...
“มิสเตอร์พารันมาแล้วครับ!”
“.................” เสียงคุยกันเมื่อครู่เงียบลง มีเพียงเสียงเลื่อนเก้าอี้เพื่อลุกขึ้นต้อนรับแขกคนสำคัญของการประชุม ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตากระเดียดไปทางฝรั่งแขกแต่กระนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ที่สำคัญยังหนุ่มแน่นกว่าใครหลายๆ คนจินตนาการไว้...ท่าทางสร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับนึง...ร่างสูงสง่านั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ ก่อนจะเริ่มไล่มองผู้ประชุมบนโต๊ะ
“สวัสดีครับทุกคน ผมพารัน องค์ชายสองแห่งประเทศนาร์เธีย...ยินดีที่ได้พบทุกคนวันนี้” เสียงทักทายเป็นภาษาไทยชัดเจนเหมือนเจ้าของประเทศทำให้ความกังวลที่จะสื่อสารกันไม่เข้าใจของใครหลายคนหายไป... ทยอยแนะนำตัวกันก่อนจะเริ่มประชุม...
“แต่เสียพี ล้มเจ็บอย่างนี้...ถือว่ากำลังของเราหายไปส่วนนึง..”
“แต่พวกเราก็ทำกันได้น่า...ที่สำคัญเสี่ยพีเองก็ยังไม่รับปากเราว่าจะช่วย...”
“ แล้วเรามีวิธีอื่นไหม หรือหาคนที่มีอำนาจพอ ๆ กับเสี่ยปัฐพีที่จะคอยช่วยเหลือเราได้” องค์ชายหนุ่มกล่าวถามผู้ที่กำลังปรึกษากันเรื่องหาคนที่มีอำนาจพอจะช่วยเหลือเรื่องที่วางแผนกันได้...
“อาจจะดูไร้สาระ...แต่ทุกคนลืมเรื่องดอกไม้นำโชคไปแล้วเหรอ”
“.............” ทุกคนที่ประชุมเงียบกริบ ก่อนจะเกิดเสียงวิจารณ์กันเกิดขึ้นต่างๆ นา ๆ และส่วนมากก็เชื่อเรื่องนี้....
“ถ้าเสี่ยปัฐพีมีดอกไม้นำโชค แล้วทำไมยังถูกรอบทำร้าย...แล้วที่สำคัญดอกไม้นำโชคนั่นเป็นเด็กเอ๋อนี่..” คนต่างชาติที่ยังไม่หายข้องใจว่าข่าวลือพวกนี้จะเป็นจริงรึเปล่า เพราะประเทศเขาเรื่องพ่อมดหมอผีถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระ...
“ก็ตอนนี้ดอกไม้นำโชคนั่นอยู่กับปันณธรลูกชายเพียงคนเดียวของเสี่ยปัฐพี”
“งั้นเราก็แย่งมาสิ ก็แค่ลูกชายเสี่ยพี”
“คุณเป็นนักการเมืองใหม่สินะ ถึงไม่รู้จักปัณธร”
“.................” คนที่ดูเหมือนว่าจะอวุโสสุดพูดขึ้นก่อนจะมองหน้านักการเมืองอวดดีนั่น...
“ถ้าเปรียบไปตอนนี้...พวกเราที่นั่งในห้องประชุมทั้งหมดอาจจะทำอะไรปันณธรไม่ได้เลยแม้แต่ปลายนิ้ว...แล้วตอนนี้ดอกไม้นำโชคอยู่ในความดูแลของปันณธร จำเจ้าของผับราเทโร่ได้ไหม...ตอนนี้ล้มละลายไปแล้วเพียงแค่ข้ามคืนเพราะคิดชิงดอกไม้นำโชค..จะทำอะไรควรคิดก่อนที่จะพูด..”
“แล้วพวกเราจะทำยังไง ดำเนินการกันเองก็ได้...แต่มันจะยากหน่อยหรือจะลองลงมือกันเองก่อน...”
“ผมอยากชิงดอกไม้นำโชค...หรือไม่ก็อยากจะเจรจากับลูกชายของเสี่ยปัฐพี” เสียงหนักแน่นและหน้าตาที่บ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรสนุก ๆ ทำให้คนในห้องประชุมเงียบกริบ...
“สิ่งที่อยากคุยสำคัญมากไหมครับ”
“ปันณธร!” เสียงเปิดประตู ทำเอาคนที่นั่งประชุมอุทานชื่อผู้มาใหม่พร้อมกัน...ร่างสูงสง่าในชุดสูทดำเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่เหลือ ความองอาจที่เห็นส่อให้เห็นถึงความมั่นใจที่มีอยู่ รูปร่างหน้าตาที่เป็นทุนทรัพย์กรอปกับท่าทีที่ถอดแบบคนเป็นพ่อออกมาทุกกระเบียดนิ้ว ทำให้ราศีที่จับอยู่กับมิสเตอร์พารัน สาดแสงหักเหไปอยู่ที่คน ๆ นั้นหมด...และที่ทุกคนจับจ้องตาไม่กระพริบและให้ความสนใจไม่น้อยกว่ากันคือ...คนที่เดินเข้ามาด้วย...ชุดสูทสีขาวกับร่างบอบบางนั่นมองราวกับเทพบุตร......ดอกไม้นำโชค...
“พี่ปันปันจ๋า...”
“คงจะไม่ว่ากันนะครับ พอดีคุณพ่อไม่สะดวก เลยให้ผมมาแทน และน้องชายผมก็ไม่มีใครดูแลเลยต้องพามาด้วย” พูดแล้วหันมองคนที่นั่งตัวลีบอยู่ แต่ก็ส่งยิ้มหวานให้คนที่อยู่ในห้องนั้น ทำเอามองกันไม่ละสายตา...มองกันซะให้พอ...แต่ก็จะไม่แค่มองเท่านั้น...แค่บอกน้องบีว่าจะพามาทำธุระด้วย ให้ทำตัวให้น่ารักแล้วจะพาไปกินไอติม... แค่นั้นก็นิ่งสนิทแล้ว...ในเมื่อเขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในแวดวงนี้ และจำเป็นต้องขึ้นแทนคุณพ่ออย่างเต็มตัว...เขาก็ควรจะเปิดตัวดอกไม้นำโชคของเขา...ให้ทุกคนได้เห็นให้ชัด ๆ และให้รู้ด้วยว่า...มองแต่ตา..มืออย่าต้อง...
“เอ่อ ไม่เป็นไร คนกันเองน่าปัน...งั้นเริ่มแนะนำตัวและเริ่มประชุมกันเลย” แนะนำตัวพอเป็นพิธี...ก่อนจะเริ่มพูดคุยกัน เป็นอย่างที่ปันณธรคิดทุกอย่าง..ว่าพวกนี้ถูกรัฐบาลขัดผลประโยชน์ไม่สนับสนุนการกระชับสัมพันธ์กับประเทศนาเธียร์ ....จำเป็นต้องล้มรัฐบาลเพื่อที่จะได้เข้าไปในประเทศนี้โดยใช้ข้ออ้างกระชับความสัมพันธ์และร่วมมือกับกบฏแผ่นดินอย่างผู้ชายคนนั้นหาผลประโยชน์จากสายแร่ และทองคำที่มีอยู่อย่างมากมาย...
“อย่ามองน้องบี!”
“.....................” เสียงเล็กพูดโป้งขึ้นขณะที่กำลังพูดถึงรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับแผนงานที่จะทำ...สายตาทุกคนจ้องที่ใบหน้าน่ารักที่นั่งนิ่งมาตลอด แต่ดวงตากลมโตนั่นกลับจ้องเขม็งอยู่ที่องค์ชายพารัน....
“ฮ่าๆๆ มองไม่ได้เหรอเด็กน้อย ก็เธอน่ารัก”
“ไม่ได้..น้องบีไม่ชอบให้คนที่น้องบีไม่ชอบมอง!”
“ไม่เอาครับเด็กดี...” ถึงจะปรามโดยการจับมือเล็กนั่นบีบเบาๆ แต่ก็แอบสะใจ....คงจะรับรู้ได้ด้วยสัญชาติญาณสินะว่านั่นน่ะ...คนชั่ว...คำพูดจากปากคนตัวเล็กนั่นทำเอาอีกฝ่ายนิ่งไป...
“น่ารักดีนะครับคุณปันณธร ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยก็ไม่ชอบผมซะแล้ว”
“น้องบีเป็นคนเซนต์แรงครับ เขาก็พูดไปตามความรู้สึกที่แยกแยะว่าใครดี หรือว่า...ไม่ดี..”
“เอ่อ!...เราเข้าเรื่องกันต่อเลยดีกว่าครับ....ยังไงเราก็จะได้ร่วมงานกัน...อย่าถือสากันเรื่องเล็ก ๆ น้อยเลยครับ”
“ไม่..ผมไม่ซีเรียส...” ปากบอกอย่างนั้นแต่ภายใจกลับกำลังเดือดพร่าน...เขาเป็นถึงองค์ชายต่างเมืองนอกจากไม่นับถือแล้วยังทำท่าทางจองหองใส่อย่างไม่ปิด....ตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้ขยับล้อเก้าอี้ให้เข้าไปนั่งติดพี่ชายตัวเอง ตากลมนั่นก็ยังมองเขาที่มองตัวเองด้วยท่าทางเชิด ๆ เป็นเด็กพิเศษที่น่าจับต้องจริงๆ หน้าตาที่มองได้ทั้งสวยและน่ารัก... ผิวพรรณละเอียดดวงตากลมโต ท่าทางแสนหยิ่งนั่นยิ่งทำให้อยากได้มา....
...หรือนี่จะเป็นเสน่ห์และกลิ่นอันเย้ายวนของดอกไม้นำโชคกัน...
“ก็คงงั้นครับ...เพราะผมมาที่นี่เพื่อประกาศให้ทุกคนทราบว่า...ผมและคุณพ่อจะไม่ยุ่งเรื่องแผนการอะไรของพวกคุณเด็ดขาด!”
“อะไรกันปันณธร! พ่อเธอบอกมา หรือเธอพูดเอง!”
“ใช่ ถึงจะปฏิเสธเราก็อยากให้ยินจากเสี่ยพีเอง!” จากที่สงบเมื่อครู่ ทุกคนต่างทำท่าเหมือนกับกำลังนั่งเก้าอี้ร้อน ๆ ร้อนจนนั่งไม่ติด...
“และอีกอย่าง...ที่ผมมาวันนี้ ก็เพื่อจะบอกบางอย่างกับทุกท่าน...ว่าต่อจากนี้ผม ปันณธร บารมีอนันต์ ในฐานะผู้นำตระกูลบารบีอนันต์ คนใหม่จะดำเนินการและตัดสินใจทุกอย่างแทนผู้นำคนเก่า...ฉะนั้นคำพูดของผมถือเป็นที่สิ้นสุด..หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ...ผมลาล่ะครับ” ไม่มีอะไรต้องอ้อมค้อม เพื่อทุกอย่างอยู่ที่เขาแล้ว...และการที่คุณพ่อถูกรอบยิงเขาก็พอจะเดาเหตุการณ์ออก โดยที่คุณพ่อเองก็คงยังไม่รู้ว่าเขารู้แล้ว ว่าใครเป็นคนลงมือ...
“..................” ปันณธรลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กนั่นไว้....น้องบีหันมองซ้ายขวาก่อนจะลุกตามพี่ชาย...น้องบีก็ไม่อยากอยู่...ไม่เห็นจะสนุกเลย มีแต่คนทำหน้าตาไม่ร่าเริง...
“งั้นทางเดียวที่เหลือ คือแย่งชิงสินะครับคุณปันณธร....”
“ก็ลองดูก็ได้ครับ...แล้วพวกคุณจะได้รู้ว่าพิษดอกไม้นำโชค...ที่ถูกสกัดด้วยคนมีวิชา...มันน่ากลัวแค่ไหน...” พูดโดยที่ไม่ได้หันไปมอง เขารู้ว่าคนพวกนี้จะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ถึงขนาดเขากล้าพาน้องบีมาเปิดตัวขนาดนี้....คิดเหรอว่าเขาจะกลัวสิ่งที่พวกคนชั่วนี่คิดจะทำ..ในเมื่อพ่อส่งต่ออำนาจให้เขา...เขาก็จะใช้มันอย่างเต็มที่เหมือนกัน...
“ หึ...แล้วเจอกันนะครับน้องบี...”
“......................” คำพูดของคนที่อยู่ในห้องทำให้น้องบีรั้งมือของปันณธรไว้ ก่อนจะหันไปมองคนที่พูด....ปันณธรก็แปลกใจว่าน้องบีจะทำอะไร...
“...ไม่เจอกัน...น้องบีไม่ชอบ...ก็จะไม่เข้าใกล้...แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับน้องบี! หน้าร้าย!...”
“...............” หน้าร้ายอย่างนั้นเหรอ...คงจะหมายถึงหน้าขี้โกงเทือกนั้นแน่ ๆ .....ทำเอาอึ้งกันทั้งห้อง....นี่ขนาดไม่เต็มเต็งยังพูดจายอกย้อนซะเจ็บปวด...ท่าทางหยิ่งยโสนั่นชัดเจน.. หน้าสวยน่ารักเชิดขึ้น จมูกโด่งรั้นไม่ฟังใคร....ดวงตากลมจับจ้องมาจากที่เคยเห็นว่ามันน่ามองกลับเชือดเฉือนอย่างบอกไม่ถูก...นึกไม่ออกว่าถ้าสมองปกติ คำพูดที่ย้อนกลับมาเมื่อครู่คงทำเอาเดือดทั้งห้องแน่....ยิ่งเมื่อสองคนที่กำลังจะปิดประตูออกไปยืนข้างๆ กัน...บางอย่างบอกให้รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ลงตัว....
...สิ่งที่สัมผัสได้กันตอนนี้คือ...ถ้าดอกไม้นำโชค...หายจากการเป็นเด็กพิเศษ....ก็จะกลายเป็นดอกไม้ที่สวย สีหวาน กลิ่นหอม....แต่พิษร้ายแรงโดยไม่ต้องอาศัยคนมีวิชาคนไหนมาสกัด....
*** ขอโทษที่หายไปหลายวัน ติดภารกิจฟิชโช่กันยกใหญ่ แต่ต่อจากนี้ก็ต่อให้ได้ปกติ... ตอนต่อไปก็จะเข้าสู่จุดเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง จะเข็นออกมาเร็วๆ นี้แน่นอน...ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกเป็ด ทุกบวก ทุกวิวค่ะ...
