อ่ะๆ จุดพรุฉลองกับนิยายใหม่ของผมก่อนนะ^^
เปิดตอนแรกด้วยความสดใส อาจจะไม่อะไรมาก สำหรับตอนนี้ เชิญอ่านได้เลยจ้า^^
น้องปี 1 สุดซ่า กับ พี่นักศึกษาสุดเท่ห์ 
ตอนที่ 1
ดูเหมือนกามเทพตัวน้อย จะเริ่มเตรียมยิงธนูเข้าไปในเช้านี้ที่จังหวัดหนองคายเป็นที่แรก ที่นี่วันนี้ดูจะไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่ ในแถบชุมชนนี้ เสียงหนุ่มผู้ชาย ตัวเล็ก ในตาแน่วแน่ แต่ดูเหมือนจะซนๆปนๆอยู่ภายในแววตา กำลังวิ่งไปที่วัดอย่างกุลีกุจอ ไปทำไมนะหรอ ไปบอกข่าวดีให้แม่กับพ่อเค้ารู้ไง ว่าลูกชายพ่อกำนันคนนี้เค้าไปสอบโควตาแล้วติดที่มหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพที่หนึ่ง ด้วยความดีใจ จึงต้องวิ่งจากบ้านมาแบบนี้ ช่วงระหว่างทางก็ มีคนทักๆไป มีแซวบ้างอะไรบ้าง แต่เค้าคนนี้ก็บอกไปยิ้มไปวิ่งไป ไม่ยอมหยุด จนมาถึงบ้านป้าคนหนึ่ง ที่หนุ่มน้อยคนนี้รู้จักดีทีเดียว
“เฮ้ย ไอ้ข้าวตู แกเป็นอะไรของแกวะ ร้องตะโกนดีใจอะไร รึว่าผีมันเข้า” ป้าร้านขายของถามด้วยความตกใจ
“แหมๆ เปล่าจ้ะ ป้า ฉันแค่กำลังจะไปบอกข่าวดีกับพ่อ กับแม่นะจ้ะ ไปแล้วๆป้า”
“เออๆ พ่อกำนันกับแม่กำนันเอ็งนะอยู่ที่วัด แกอย่าไปแหกปากตอนพระสวดละกัน ”
“โถ ป้า น้อยๆหน่อยเถอะ ฉันลูกชายพ่อกำนันนะจ้ะ ไม่ไปสร้างวีรกรรมในวัดหรอก ทำไปเดี๋ยวบาปมาพอดี”
“จ้าๆ พูดดีนะข้าวตู ฉันเห็นมาแต่เด็ก ไปก่อเรื่องซนๆไปทั่ว คนแถวนี้รุ่นเดียวกับแกจะมีใครไม่กลัวแกบ้างนะ”
“แหนะๆ ไม่รู้สิจ้ะ ไปแล้วป้าเสียเวลา”
“อ้าวเฮ้ย ไอ้ข้าวตู แหม เสียเวลา ให้มันได้อย่างนี้สิ เมื่อวานทำไอ้เตี้ย ลูกข้าหัวแตก ยังไม่ได้คุยเลยเชียวนะโว้ย ”
เด็กหนุ่มวิ่งไปไปฟังคุณป้าเอาเสียเลย วิ่งจนถึงวัดแต่ก็หยุดเสียก่อนเพราะเจอคู่ขาเก่า ที่ประตูวัด เป็นชาย 4 คน วัยประมาณ
21 ได้ดูก็รู้ว่าเป็นลูกกำนันหมู่บ้านใกล้เคียงกับลูกน้องว่าแต่มันมาทำอะไรที่นี่นะ เด็กหนุ่มได้แต่คิด
“อ้าวเฮ้ย พวกเรา นี่มันน้องข้าวตูผู้น่ารักนี่หวา มาทำบุญที่วัดหรอจ้ะ”
“จะให้ฉันไปทำบุญที่บ้านรึไงกัน ฉันรีบ ถอยไปซิ ” เด็กหนุ่มพูดไปแบบเหวี่ยงๆแล้วเลี่ยงตัวจะเข้าวัด แต่แล้วคนด้านหน้าก็เอา
แขนหนาๆมากันทางไว้ที่ด้านหน้าของคนตัวเล็กกว่า แต่แววตาข้าวตูคนนี้เหมือนกำลังเริ่มเคืองๆคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย
“เดี๋ยวก่อนสิน้องข้าวตู อยู่คุยกับพี่พอให้ชื่นใจหน่อยจะได้ไหมจ้ะ”
“นี่ๆ น้อยๆหน่อยจะได้ไหม ไม่ได้คุยกันสักวันฉันจะขอบพระคุณแกอย่างมากไอ้พี่สิงโต อีกอย่างนะฉันเป็นผู้ชาย”
“ไม่ได้หรอกนะจ้ะ ถึงเป็นผู้ชายแต่พี่สิงโตลูกชายกำนันเสือ รักจริงนะจ้ะ พี่สิงโตนี่แค่ไม่ได้คุยกับน้องข้าวตูแค่วินาทีเดียวพี่ก็
ขาดใจแล้ว”
“โอ้โห ให้ฉันฟินกับคำพูดแกไหมไอ้พี่สิงโต ได้! ถ้าไม่หลีกทางให้ฉัน พวกแกก็ตาย ยาก โชะ เชะ ”
“เฮ้ย หยุดก่อนจ้ะน้องข้าวตู แหมหยอกนิดเดียวจะทำร้ายพี่สิงโตคนนี้แล้วหรอจ้ะ ที่นี่มันวัดอย่ามีเรื่องเลยนะ”
“เออ รู้ก็ถอยไปสิ”
“จ้ะ พี่ถอยแล้วจ้ะ”
ให้ตายสิ หนุ่มน้อยปาดเหงื่อก่อนจะเดินเข้าไปในวัดไม่สนใจพวกสิงโตเลย ไม่รู้จะอะไรนักหนา อยู่กันคนละบ้านแล้วแท้ๆ ที่บ้านไม่มีวัดหรือไง ข้าวตูอารมณ์เสีย ชิ
“เฮ้ยพี่สิง ปล่อยไปได้ไงพี่”
“ฮาๆ ปล่อยไปได้ไงหรอ ฮาๆ ตลกๆ ไอ้ปลา นี่แหนะ ไม่เห็นหรอว่าเมื่อกี้ข้าเกือบโดนเล่นงานแล้ว ตบกะโหลกสักทีดีไหม”
“โอ้ ไม่จ้ะพี่สิง ไม่แล้วจ้ะ เจ็บ จ้ะเจ็บ ”
ข้าวตูเดินไปถึงโบสถ์วัด แล้วเข้าไปหาพ่อกับแม่ แต่ดูเหมือนข้าวตูจะลืมตัวอะไรสักอย่างหนึ่งนะ เฮ้อไม่ไหวเลย
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ข้าวตูมีเรื่องจะมาบอกจ้ะ”
ด้วยความมั่นใจและอาจหาญ ข้าวตูที่น่ารักตะโกนออกไปอย่างดีใจ ทำให้คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่ฟังเพราะ
สวดอยู่หันมาหมดเลย
“ไอ้ข้าว แกจะตะโกนทำไมวะ”
“เอ่อ คือ ขอโทษจ้ะ พอดีมีเรื่องดีใจ เอ่อ แหะๆ นิดหน่อย นะจ้ะ”
“โยมข้าวตู”
“จ๋าหลวงพ่อ ข้าวตูผิดไปแล้วจ้ะ อย่าว่าข้าวตูนะจ้ะ”
“หลวงพ่อบอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้มีสติใจเย็นๆ แต่วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”
“เอ่อ หลวงพ่อเจ้าขา ฉันอาหารเช้าเลยดีไหมเจ้าคะ ไหนๆก็เสร็จแล้ว ส่วนแกไอ้ข้าวตูเรื่องดีใจของแกนะมันอะไร ถึงได้ตะโกน
ผ่าวงพระสวดแบบนี้”
“เอ่อคือ ฉันสอบติดที่มหาวิทยาลัย………..ในกรุงเทพนะจ้ะแม่”
“จริงหรอ เออๆดีๆ แม่จะให้แกไปอยู่กับป้ามะลิแล้วกันนะ ป้าเค้าทำงานอยู่แถวๆมหาวิทยาลัยแกเลยเชียว”
“จริงหรอจ้ะแม่ แม่ให้ฉันไปเรียนจริงๆนะจ้ะ”
“เออๆ ให้ไปนะให้อยู่แล้ว แต่โน่น เหลืออีกคนหนึ่ง ไปถามพ่อกำนันแกโน่นไป ผู้ออกเงิน”
“พ่อจ๋า พ่อ”
“หยุดเลยไอ้ข้าวตู พ่อได้ยินแล้ว ไว้ไปคุยที่บ้าน พ่อกำลังจัดพาข้าวให้หลวงพ่ออยู่ไม่เห็นหรอ”
ข้าวตู ยิ้มให้พ่อเหมือนจะไม่เต็มนะ ก่อเรื่องเมื่อกี้แล้วยังจะยิ้มได้ สงสัยจะมีความสุขจริงๆ ข้าวตูของเรา
ที่จังหวัดตราด สวนใจรัก เป็นสวนผลไม้ในเนื้อที่กว่า 200 ไร่ จริงๆมีที่อื่นอีก แต่ที่นี่พื้นที่เยอะสุดแล้ว เด็กหนุ่มแว่นแดง วัยสดใสกิ๊กก๊อก กำลังเข้าดูผลประกาศอยู่ใต้ต้นทุเรียนใหญ่ กับผีเสื้อปีกน้ำเงิน 2 ตัวที่บินวนอยู่ตัวเค้า และนี่คือเด็กหนุ่มแว่นแดงชื่อของเค้าคือ ปาร์ตี้ เป็นคนซื่อๆ แต่จริงใจ มุมานะ อุตสาหะ อดทน
“อ้าวปาร์ตี้ลูกพ่อ มานั่งทำอะไรครับ แดดร้อนนะ”
“คุณพ่อ นี่ไงครับ ปาร์นี้สอบติดที่มหาวิทยาลัย………ด้วยดูสิครับ”
“เก่งๆลูกพ่อ ได้คณะที่ตัวเองชอบมันก็ดีนะ แล้วนี่พ่อต้องอยู่ที่ตราดคนเดียวแล้วละสินะทีนี้”
“โถ พ่อครับ อย่าน้อยใจไปเลย ปาร์ตี้จะกลับมาทุกๆวันศุกร์ก็ได้นะ”
“ฮาๆพ่อล้อเล่น ไปเรียนเถอะ พ่ออยู่ได้ มีคนสวนที่นี่อยู่กับพ่ออยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นปาร์ตี้ขอไปเตรียมตัวเก็บของเข้ากรุงเทพก่อนนะพ่อ ”
“อือ ครับลูก”
เด็กแว่นแดงวัยน่ารักตัวเล็กๆยิ้มแป้นพลางจัดระเบียบขาแว่นให้ได้ที่ แล้วค่อยลุกขึ้นวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซ จอดอยู่ข้างทาง
ถนนในสวน ชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อก็อดจะเป็นห่วงลูกชายไม่ได้
“ปาร์ตี้ จะไปอยู่เมืองหลวงได้ไหมหนอ เป็นห่วงจัง” ลองดูไม่ลองไม่รู้ลูกเราจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย
ห้างทองเฮียกง ที่สุพรรณบุรีจ้า
ฉายาดังไกลกระฉ่อนว่าลูกชายเฮียกง น่ารักน่าเอ็นดู แก้มเป็นแก้ม ปากเป็นปาก หน้าคล้ายแม่มากกว่าพ่ออีก เค้าคนนี้
สดใส ร่าเริง แต่แล้วก็……….
“ป๊าๆๆๆๆ ม๊าๆๆๆๆๆๆ” เสียงดังแจ่วๆ ของอาตี๋น้อย น่ารัก หัวแก้วหัวแหวนของป๊ากับม๊า ดังจากในบ้านออกมาที่ห้างทอง
“โอ้ย อะไรของลื้ออาเกี๊ยวปลา ม๊าตกใจหมดเลย ตะโกนทำไม”
“นี่ไงม๊า เกี๊ยวสอบติดที่มหาวิทยาลัย….แล้วม๊า”
“เออๆ มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ม๊าจะขายของต่อ”
“นี่ๆม๊า มีอารมณ์ร่วมกับเกี๊ยวหน่อยสิครับ คนอุตส่าห์สอบติดทั้งทีนะ”
“ดีใจจังๆ ลื้อพอใจรึยัง ”
“ม๊า ไม่ได้ให้ดีใจประชดแบบนั้น ไม่เอาแล้ว ตกลงเกี๊ยวเอาที่นี่นะ ไฮโซดี แถมเป็นมอรัฐด้วย ”
“อืมๆตามใจๆ ม๊าไม่อยากยุ่งเท่าไหร่เลย ม๊าว่าออกมาทำงานที่ร้านทองกับม๊าดีกว่านะ อาเกี๊ยวปลา”
“ไม่เอาหรอก เกี๊ยวไม่อยากอยู่เฝ้าร้านทองทั้งวันหนิ”
หนุ่มน้อยหน้าตี๋ น่ารักบอกออกไปทั้งสีหน้าที่กำลังแสดงอยู่ ว่าเบื่อจริงๆที่ต้องอยู่บ้านเฝ้าร้าน
“จิจิจิ( ทำเสียงปาก ) อาเกี๊ยว ลื้อพูดอะไรออกมา นี่ร้านทองของลื้อนะ สมบัติลื้อ”
“ไม่จริงอ่ะ พอมีคนเข้าร้านได้หน่อย เค้าซื้อไปก็เป็นของลูกค้าแล้ว”
“ก็นั่นแหละสมบัติ”
“ไม่คุยกับม๊าแล้ว ไปดีกว่า”
“อ้าวลูกคนนี้ ไปซะแล้ว ฮาๆ อำเล่นนิดหน่อย งอนหน้าตุ๊บป่องไปโน่นแล้วฮาๆๆ น่ารักเหมือนตอนม๊างอนป๊าลื้อเลยนะ น่ารักๆ
เฮ้อ อ้าว โกรธจริงเปล่านั่น ฮาๆ ”
ไม่ว่าจะเป็นข้าวตู ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้ ไม่ว่าจะเป็นเกี๊ยวปลา ทุกคนก็ตื่นเต้นกันทั้งนั้นแหละ กับมหาวิทยาลัยใหม่ เจออะไรใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆเสียที ใครๆก็บอกมาว่าที่มหาวิทยาลัยอย่างนั้นอย่างนี้ ดีอย่างโน่น ไม่ดีอย่างนี้ อิสระ ได้เห็นอะไรต่างๆที่ไม่ได้เห็น
แต่แล้ววันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งสามคนได้เข้ามาอยู่ที่มหาวิทยาลัย……แล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงรายงานตัวเข้าหอพัก และเป็นที่น่ายินดี โชคชะตาของทั้งสามโคกัน หอในห้องหนึ่งอยู่กันได้ 4 คน บังเอิญว่าทั้งสามคนนี้ได้อยู่ห้องพักเดียวกัน จริงๆเหลือที่ว่างนะ แต่ว่าคนๆนั้นเค้าออกไปแล้ว ยังไม่ทันได้เห็นหน้าเห็นตาเลย เลยเหลือกันแค่ 3 คน หลังจากที่เงียบมานาน ข้าวตูเองก็อึดอัดนะ เลยชวนคุย
“นายๆ ชื่ออะไรกันบ้าง” ข้าวตู เปิดประเด็นก่อนเพื่อน
“เราชื่อเกี๊ยวปลา นายละ”
“เรา ข้าวตู อืมแล้วนี่นายแว่นแดงนะ ชื่ออะไรหรอ”
“อ้อเราชื่อปาร์ตี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ”
ปาร์ตี้ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ส่วนเกี๊ยวปลาก็จัดของไปเรื่อยๆ ข้าวตูก็กำลังทำความสะอาดห้องพัก
จู่ๆข้าวตูก็ต้องถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นปาร์ตี้ทำอะไรไม่รู้ที่หน้าต่างยืดๆหดๆ
“เดี๋ยวๆ ปาร์ตี้ นั่นนายจะทำอะไร ให้ช่วยไหม แลดูยากๆ”พอข้าวตูเดินเข้ามาถาม เห็นปาร์ตี้กำลังจะแขวนต้นกล้วยไม้ อย่าง
ยากลำลากเลยอาสาช่วย
“อ๋อ คือว่าเราจะแขวน ต้น กล้วย เฮ้ย ” ไม่ทันระวังปาร์ตี้พลางปล่อยที่แขวนหล่นมือ กล้วยไม้หล่นลงไปที่พื้น เกี๊ยวปลาเองก็รีบ
วิ่งสไลด์ตัวเข้ามาช่วย แต่ปาร์ตี้เองกลับหลับตาปริบๆ เพราะเค้าเองขี้ตกใจ
“ทุกคนขอโทษนะครับ”ปาร์ตี้ เอ่ยออกมาทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาเลย พลางยกมือขอโทษ
“เฮ้ย ปาร์ตี้ กล้วยไม้แกยังไม่เละหรอก เรารับได้ทัน ” เกี๊ยวปลาสะกิดเพื่อน ก่อนที่ปาร์ตี้จะตัดสินใจลืมตา
“เฮ้อ โล่งใจ ขอบใจมาก”
“อืมไม่เป็นไร นี่คราวหลังถ้าไม่ถึงก็ไปเอาเก้าอี้มาต่อปีนขึ้นนะ ไม่ใช่ไปยืดตัวอยู่อย่างนั้น”
“อืม เข้าใจแล้วเกี๊ยวปลา ไหนๆก็ ถ้าทำความสะอาดเก็บข้าวของเสร็จแล้ว พวกเราไปกินข้าวไหม เราหิวแล้วอ่ะ”
ปาร์ตี้เอามือลูบท้องตัวเองไปมา เพื่อนคนอื่นเห็นก็พากันหัวเราะ แต่เอาเข้าจริงๆเสียงท้องของข้าวตูและเกี๊ยวปลาก็ดังขึ้น
ผ่านไปได้ไม่นานสามหนุ่มน้อยว่าที่นักศึกษาทั้งสามก็เดินลงมาหาร้านอาหารเพื่อทานข้าว ว่าแต่พวกเค้าก็ไม่ชินทางในมอ
เสียด้วยแล้วจะเอายังไงต่อดี คิดสิเด็กๆ มืดแปดด้านเลยทีนี้
“มอนี้ก็ใหญ่เนาะ ว่าเปล่า ” ข้าวตูพูดแล้วมองไปรอบๆเผื่อจะเจอร้านอะไรแถวนี้บ้าง
“ว่าอย่างนั้นแหละข้าวตู เราว่าไปถามผู้หญิงสองคนตรงนั้นดีกว่าไหม”
“ก็ดี แต่ฉันขออยู่ตรงนี้รอนะทุกคน” เกี๊ยวปลา พูดแล้วนั่งลงไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ด้านข้าง สบายใจ
“แหมๆ กินแรงเพื่อนตั้งแต่วันแรกเลยนะ ไอ้ตี๋”
“อะไรของลื้ออาข้าวตู”
“ฮาๆ พูดกันแบบนี้ก็ฮาดีเนาะว่าไหม เกี๊ยวปลา”
“จริงหรอ นึกว่านายจะฟังไม่ถนัด มาจากอีสานไม่ใช่หรอ”
“อืมมันก็ใช่นะ แต่ก็พอได้ยินได้ฟังมาบ้างแหละ เราไปถามผู้หญิงสองคนนั้นก่อนนะ รอตรงนี้แหละ ปะปาร์ตี้ไปกันเถอะ”
ข้าวตูเดินเข้าไปหาโดยเร็ว ไม่รอแม้กระทั่งคุณเพื่อนที่เดินมาด้วย สงสัยจะหิวจัด
“พี่ๆ แถวนี้มีร้านข้าวที่ไหนอยู่ใกล้ๆบ้าง”
“ว้าย ตายแล้วแกดูสิ รุ่นน้องปี 1 หรอค่ะ ”
“อ่อใช่ครับ”ข้าวตูตอบไปพลางทำหน้าประหลาดใจ ปาร์ตี้ได้แต่ยืนหัวเราะ
“ว้ายตาย ใช่จริงๆด้วย น่ารักอ่ะ ตัวเล็กๆแบบนี้ชอบผู้ชายหรือว่าผู้หญิงแบบพี่คะ น่าเอ็นดูจัง อย่างกับตุ๊กตา”
“เอ่อ คือ แหะๆ พี่ครับ ร้าน ข้าว ไปทางไหนครับ” ข้าวตูพูดเน้นๆที่ ร้านข้าว เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย
“ทางโน้นจ้ะ”
ข้าวตูงงเข้าไปใหญ่ก็พี่เค้าเล่นเอาซะชี้ไปคนละทางเลย ให่ตายสิ นี่รุ่นพี่ที่มอนี้ไหมนะ
“อุ๊ยขอโทษจ้ะ ทางโน้นจ้ะ พี่ชี้ผิด เดินไปเลยแล้วตรงไป ทางนั้นแล้วเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี๊ยวซ้ายอีกทีก็ถึง ว่าแต่ว่าน้องน่า
รักอ่ะ มีแฟนยังคะ”
“อ๋อ แลดูไปยากเหมือนกันเนาะ ”ข้าวตูพูดแล้ว ขำๆกับพี่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกอย่างก็กลบเกลื่อนคำถามเมื่อกี้นี้ด้วยแหละ
“พี่ครับขอบคุณมากนะครับ”ปาร์ตี้ไหว้พี่เค้า ให้ตายเถอะปาร์ตี้เค้าสุภาพจัง แตกต่างจากข้าวตูโดยสิ้นเชิง
และแล้วก็เสร็จสิ้น แต่น่าแปลกใจ พอข้าวตูกับปาร์ตี้เดินกลับมาที่เดิม แต่กลับพบว่าเพื่อนตี๋หายไป เมื่อกี้ไอ้เกี๊ยวปลามันนั่งตรงนี้นี่นา แล้วตอนนี้มันไปไหนนะ
“เฮ้ย ข้าวตู เกี๊ยวปลาหายไปไหน”
“นั่นสิเมื่อกี้ก็บอกจะรอที่นี่ แล้วตอนนี้ละ”
“ข้าวตูตายแล้ว ไปดูนั่นเร็ว ตรงนั้นไง เกี๊ยวมันไปพูดอะไรกับพี่เค้าตรงนั้นอ่ะ”
ให้ตายสิพอสองคนนี้มองไปก็ดูราวเหมือนกับว่าเพื่อนของเค้ากำลังไปยืนด่าพี่ผู้ชายคนนั้นอยู่เลย พอไปถึงเหตุการณ์
ก็แย่ลงไปมาก เสียงดังแจ่วๆดังขึ้นๆ จนได้ยิน
“……..ทำไมพี่ทำตัวแบบนี้ ผู้ชายเปล่า พี่ผู้ชายรึเปล่า ทำกับผู้หญิงได้ยังไง”
“อะไร ทำอะไร ” พี่ตัวสูง ผิวขาว หน้าตี๋ๆ ตอบคำถามเกี๊ยวปลาไปอย่างงงๆ ตอนนี้เค้างงมาก งงยิ่งกว่าอะไร ก็จู่ๆ เกี๊ยวปลาก็
เข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร มาถึงก็ด่าใส่ๆ เค้านี่แทบอึ้ง
“อ้าว ก็เมื่อกี้ไป ลวนลามพี่ผู้หญิงคนนั้นก่อนทำไม”
ข้าวตูกับปาร์ตี้มองหน้ากันไปมา ไหนวะผู้หญิงที่ไอ้เกี๊ยวพูดไม่เห็นจะมีเลย สงสัยไปแล้วแหละ
“โถ จะอะไรนักหนาวะ นี่ๆ ไอ้เด็กเตี้ยมาทางไหนไปทางนั้นเลยนะ เรื่องของคนอื่นเค้า ไม่เกี่ยวกับเด็กๆ”
“น้อย พูดหน้าไม่อาย จะไม่เกี่ยวได้ไง สิทธิมนุษยชน ล่วงละเมิดแบบนี้ มันผิดนะ”
“โอ้ย ตายๆ ปวดหัว น้องครับนี่เพื่อนน้องใช่ไหม เอาไปเลยนะครับ ช่วยเลยครับ เร็วเลยครับ ลากมันไปตอนนี้เลยนะครับ พี่ไป
แล้วนะ เหอะๆ ”
“ครับๆ ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับพี่” ปาร์ตี้กับข้าวตูยกมือขอโทษแทนไอ้เกี๊ยวปลามัน
“ครับน้องแว่นแดง เพื่อนน้องก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ดูสิทำเหมือนสุนัขที่มันยังไม่ฉีดวัคซีนไปได้ เฮ้อ คราวหลังทำตัวให้มันน่ารัก
เหมือนหน้าตาหน่อยนะหนุ่มน้อย”
“ตายแล้ว นี่ๆ ไปง่ายๆแบบนี้ได้ไง ฮะ โหพูดขี้มาก้อนโตแล้วจะหนีหรอ ทำอย่างนี้จัดยัดใส่ปากเลยดีไหม กลับมาก่อนกลับมา ด่าแล้วชิ่งหนีหรอ ไอ้รุ่นพี่ ไอ้….. ” ทั้งสองคนช่วยกันดึงตัวไว้ ไม่ไหวๆ ซ่าตั้งแต่วันแรกนะไอ้เกี๊ยวปลา
ชายร่างสูงหน้าตี๋ หันมาโบกมือลาแบบกวนๆไม่ฟังคำด่าเมื่อกี้ก่อนจะขึ้นรถก็ส่ายหัวแล้วขำเบาๆ แล้วขับรถยี่ห้อ opel ขับออกไป ผ่านหน้าเกี๊ยวปลาไป ดูท่ารวยไม่เบานะพี่ชายคนนี้
“พอได้แล้ว ไอ้เกี๊ยว หยุดก่อน แกไปทำอะไรอีท่าไหนเนี่ย ถึงได้ไปด่าพี่เค้า”
“ก็ปล่อยฉันก่อนสิ”
“อืมๆ อะ ฉันปล่อยแล้ว”
“ก็ตอนที่พวกแกไปถามทางไปร้านอาหาร ก็บังเอิญไปเจอไอ้พี่โรคจิตชอบลวนลามผู้หญิงเข้า เลยไปสกัดดาว อย่างที่พวกแก
เห็นนี่แหละ”
“ไอ้เกี๊ยว โถเอ้ย หาแต่เรื่อง ดีนะพี่คนนั้นเค้าไม่โกรธเอาเรื่อง เค้าอาจจะเป็นแฟนกันก็ได้”
“ไม่ได้ๆ ยังไงก็ไม่ได้ ยังไม่ได้แต่งงานกันมาทำแบบนี้ไม่ได้”
“โห แก เยอะไปเปล่า ลดๆหน่อยก็ดีเถอะ ”
“ไม่ได้เว้ย ประเทศชาติต้องการพวกเราอยู่”
“เอ่อ ข้าวตู เราว่าเกี๊ยวปลามันฉุดไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ปล่อยๆไปเถอะ ประชาธิปไตยเค้ามาแรงนะ ”ปาร์ตี้ทำหน้าพึลึกๆกับท่าทางของเพื่อนคนนี้
“นั่นนะสิ นี่เกี๊ยวปลา พี่เมื่อกี้ แกไม่กลัวเค้าจำหน้าแล้วกลับมาทำร้ายแกหรอวะ”
“ไม่รู้ ไม่ได้ถาม จำได้ก็ดี แต่อย่าให้เจอนะ คอยดูเลย ไอ้เพลบอยแบบนี้ ฉันจะขจัดให้มันสูญพันธ์ไปเลย”
“เออๆ ตอนนี้ฉันว่าแกไปขจัดความหิวที่ร้านอาหารก่อนดีกว่าไหม เพื่อน สิทธิมนุษยชนเอาไว้ก่อนเหอะ”
“ก็ได้ๆ ”เกี๊ยวปลาตอบแล้วเดินนำหน้ายิ้มไป
“อ้าวๆๆๆๆแล้วแกจะเดินไปไหนนั่น” ข้าวตูงงกับเพื่อนเค้ามาก
“อ้าวข้าวตู ปาร์ตี้พวกแกสองคนก็นำทางไปสิ”
“บ้าไปแล้วเพื่อนคนนี้ แกเดินนำก่อนทำไมละ ไม่รู้ทางเดินสุดท้ายนะครับ”
“ก็คนมันเดือดนี่ นำไปสิ โถเอ้ย อย่าให้เจอนะไอ้พี่บ้า พ่อจะจับด้วยทองคำที่ร้านแล้วขึงไว้ที่กลางแจ้งเลย”
ที่ร้านcoffee แถวๆหน้ามอ ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของรถ opel เมื่อกี้ ลงจากรถมาอย่างหัวเสีย ทำให้เพื่อนๆในร้านที่รู้จักเค้าอดถามไม่ได้
“เฮ้ย ใจเจ๋ง ทางนี้วะเพื่อน ” เพื่อนที่รู้จักตะโกนมาทางนี้
“อ้าวพวกแก มากินเหมือนกันหรอ”
“เออสิ แล้วนี่เป็นอะไร หน้าไม่รับแขก”
“เปล่าแค่เจอเด็กกวนประสาทนิดหน่อย อดสนุกเลย เกือบจะได้เบอร์โทรแล้วนะ”
“ฮาๆ นั่นๆ ขอเบอร์เค้าได้ ก็คบแค่ไม่กี่วันก็เปลี่ยน ลั้นลาไปไหมวะ ไอ้เสือผู้หญิง ฮาๆ”
“ไม่นี่ พวกแกก็รู้ว่าฉันเป็นแบบนี้ สนุกจะตาย ฮาๆ”
“เออๆ แล้วนี่คนนั้นที่มากวนแกมันเป็นใครวะ ”
“ไม่รู้ แต่เป็นเด็กหน้าขาวๆ ตี๋ๆ ตัวเล็กๆ ตากลมโต แก้มยุ้ยๆ”
“โห สวยล่ะสิอย่างนี้ ”
“สวยบ้าอะไรหล่ะ ผู้ชาย”
“อ้าว ผู้ชาย! หรอ โทษทีนะ ”
“เออสิ ไปแล้วนะ ไม่กินมันแล้วกาฟงกาแฟ กลับไปหาร้านหรูๆที่ห้างดีกว่า จะแวะไปหาพ่อไฮโซหน้าหล่อสองคนนั้นด้วย ”
“อ้อ พวกไอ้คุณสแกน กับไอ้คุณโปเลย์ นั่นหรอ”
“เออๆ ไปแล้ว เพื่อนฉันมันจะรอเอาได้ ”
สามหนุ่มน้อย ข้าวตู ปาร์ตี้ เกี๊ยวปลา เดินตามทางที่พี่ผู้หญิงบอก สุดท้ายปลายสายก็หยุดเดิน พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามันเป็นห้างสรรพสินค้านี่นา
“เฮ้ยๆๆๆๆๆ ทำไมเป็นแบบนี้หล่ะ พี่เค้าให้เราเดินมาที่ห้างหรอ ”ข้าวตูกางแขนออกสองข้างให้เพื่อนหยุดเดิน
“เอาหน่าข้าวตู มันก็ไม่ไกลมากหนิ เพิ่งรู้ด้วยว่ามีห้างฯ ใกล้ๆมอขนาดนี้ เข้าไปข้างในกันเถอะ กิน HotPot ไหม” ปาร์ตี้ออก
ความคิดเห็น
“อืมก็ดี วันนี้เราเลี้ยงเอง”เกี๊ยวปลาพูดขึ้นพร้อมกับชูบัตรเครดิต
“เอาเลยพ่อตี๋คนรวย” ข้าวตูยิ้มตาเป็นประกาย
“แน่นอน ไปเลยดีกว่าสั่งอาหารเลย ”
“เฮ้ๆ” เสียงดีใจของสามคนดังขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้างฯไป
ที่ร้าน Hot Pot
ทั้งสามคนเลือกที่จะหาที่สิงสถิต เฮ้ยไม่ใช่ๆ หาที่นั่งต่างหากแหมๆ ว่าไปนั่น และแล้วก็เจอที่นั่ง
“ฉันได้ที่นั่งแล้ว เอาตรงนี้แหละ” ข้าวตูกึ่งเดินกึ่งวิ่งแล้วมาหยุดที่โต๊ะมุมสุด ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีคนนั่งที่โต๊ะข้างๆอยู่ก่อนแล้ว
“เราว่า กลุ่มเด็กพวกนี้เสียงดังไปนะ” เสียงทุ้มๆปริศนาดังขึ้นมาข้างๆที่มีฝาผนังไม่สูงมากกั้นอยู่ พูดเหมือนไม่ได้ดังมาก พูด
ลอยๆ แต่มันเข้าหูซ้ายของข้าวตู แล้วบังเอิญว่ามันไม่ทะลุออกหูขวานะสิ
ข้าวตูเองที่เป็นคนพูดเสียงดังเมื่อกี้นี้ แทบจะหุบปากไม่ทัน พลางมองไปที่โต๊ะนั้นแต่เห็นแค่หัวชี้โด่แค่นั้น
“เอ่อ นี่ๆ เค้าว่าฉันรึเปล่า ปาร์ตี้” ข้าวตูหันมาถามเพื่อนชายแว่นแดงแล้วเอานิ้วชี้ชี้หน้าตัวเอง
“เราว่าชัดเลย ข้าวตู จุ๊ๆ อย่าพูดดังไปเดี๋ยวเค้าได้ยิน”
แต่ดูเหมือนคราวนี้เกี๊ยวปลาไม่มีทีท่าว่าจะโต้ตอบ ทั้งข้าวตูแล้วก็ปาร์ตี้กำลังจับตามองเพื่อนคนนี้อยู่พอดีว่าจะไปทำ
อะไรที่ไม่คาดฝันรึเปล่านะ แล้วทุกคนก็ทำพิธีเบิกการนั่ง เฮ้ย ทำการนั่งที่โต๊ะ
“เอ่อ ขอโทษค่ะ กี่ที่คะ”
“3 ครับ”
“ค่ะ เชิญตามสบายนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ว่าแล้วปาร์ตี้คนแรกเลยลุกไปเอาโน่นบ้างนี่บ้าง น้ำจิ้มบ้าง ขนมจีบบ้าง เผลอแปบเดียว อาหารก็เตรียมพร้อมจะลงหม้อต้มแล้ว ฮาๆ ทานไปได้ไม่นาน ก็ไม่คาดคิดสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆเสียงคุ้นๆของชายที่เพิ่งเข้ามาสมทบ ที่โต๊ะข้าง
“ว่าไงวะ คิดยังไงมากิน HotPot ไอ้คุณสแกน ไอ้คุณโปเลย์”
“เปล่าๆ หรอกเจ๋ง ฉันถามถามไอ้เลย์ตั้งนานว่าจะกินอะไรเที่ยงนี้ ก็มีแต่อันโน้นอันนี้อันนั้น”
“นั่นไง ไอ้คุณชาย ลังเล เอ้ย ”
ฟังจากบทสนทนา ก็รู้แล้วว่าใคร ชื่อะไรยังไง พอดีว่าทั้งข้าวตูและปาร์ตี้นั่งหันหน้าไปทางนั้นเลยเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือ พี่ผู้ชายคนนั้นที่เกี๊ยวปลาไปก่อวีรกรรมเมื่อกี้นี้
“มองอะไรกันหรอ” เกี๊ยวปลาถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนตังเองทั้งสองเอาแต่มองหน้ากันสลับกับหันไปมองต้นเมื่อกี้ที่อยู่หลังเกี๊ยวปลา
ทั้งสองภาวนาขอให้พี่คนนั้นอย่าเดินเข้ามาทักเลยนะ ไม่อย่างนั้น Hot Pot ร้านนี้เละแน่ แต่แล้วก็สวรรค์ไม่เข้าข้าง พี่คน
นั้น หันมาเห็นก่อนพอดี ทำไงดีวะเนี่ย
“อ้าว นึกว่าใคร พวกน้องนี่เอง เจอกันอีกแล้วนะ แล้วนี่อร่อยไหม”
“อ้อ มิน่าหล่ะถามเพื่อนๆว่าใครมา ที่ไหนได้ แกเองหรอไอ้พี่เฮงซวย หลอกด่าฉันแล้วหนีไปง่ายๆนี่เอง”
“เอ่อ ใจเจ๋ง มันเรื่องอะไรวะ” เพื่อนพี่เค้าที่ชื่อเลย์ลุกขึ้นมาถาม
“ก็ไม่มีอะไรหรอก คือ เจอน้องคนนี้ครั้งแรก ที่มอแล้วไม่HAPPY เท่าไหร่นะ”
“โอ้ยนี่ คิดว่าฉันHAPPY ด้วยไหมฮะ โถ พูดเอาแต่ได้นี่”
“เอาหล่ะๆ เกี๊ยวปลาพอเถอะ คนทั้งร้านเค้าหันมามองหมดแล้วนะ พี่ครับ พวกเราขอหล่ะนะครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้เลยนะ” ข้าวตูพูดเบรกขึ้น
“ครับๆพี่ไม่ถือหรอกว่าแต่ น้องๆชื่ออะไรกันบ้างครับ”
“หยุดเลยนะพวกแกห้ามไปญาติดีกับไอ้พี่นี่เด็ดขาด”
“อ้าว ทำไมหรอ นี่คนที่Popular อย่างฉันมาถามชื่อนี่ถือว่าสุดๆแล้วนะ อีกอย่างเนี่ยฉันเองก็ไม่ได้มาถามชื่อนายสักหน่อยนึง
ถามชื่อเพื่อนๆนายโน่น”
“เอ่อๆ พอเถอะครับ อย่าทะเลาะกันเลย ผมชื่อปาร์ตี้ครับ ส่วนนี้ ข้าวตูครับ”ปาร์ตี้พูดตัดบท
“อ้อยินดีที่ได้รู้จักครับน้องทุกๆคน น่ารักจริงๆ ผิดกับบางคนตรงนี้ดุสุดๆ”
“นี่ๆน้อยๆหน่อยเถอะ แกว่าใครบอกมาเลยดีกว่า ไม่ต้องอ้อม ไอ้พี่เพลบอย”
“เฮ้ยหยุดๆ พอเถอะใจเจ๋งไปนั่งที่โต๊ะไปไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันไม่ใช่หรอวะ นี่ไงไอ้เลย์กำลังจะเลี้ยง ไปนั่งไปเพื่อน” พี่ที่ทำ
เสียงตำหนิข้าวตูครั้งแรกดึงเพื่อนกลับไปที่โต๊ะพลางมองหน้าข้าวตูแบบเย้อหยัน
“เออๆ น้องข้าวตู น้องปาร์ตี้ ทานเยอะๆนะ”
“ไปได้ก็ดี ไม่อย่างนั้นฉันเอาหมี่หยกนี่ยัดปากไปแน่เลย จะได้สิ้นเรื่อง คนบ้าอะไรวะ น่าหมั่นไส้”
“กระแอมๆ” พี่ใจเจ๋งเหมือนจะได้ยินที่เกี๊ยวปลาว่านะ
“ทำไมๆๆ มีอะไรติดคอ อยากให้ช่วยเอาออกหน่อยไหม” เกี๊ยวปลาเอียงข้างไปตะโกนถามพี่ใจเจ๋ง
ข้าวตูกับปาร์ตี้ได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหน้า อีกอย่าง เพื่อนพี่ใจเจ๋งคนนี้เค้ามีอะไรรึเปล่าทำไมยังไม่ไปนั่งที่โต๊ะหล่ะ มองข้าวตูไปมองข้าวตูมาแล้วค่อยเดินกลับไปนั่ง
“ เราว่าเพื่อนพี่คนนั้น ดูท่าจะเงียบๆขรึมๆเนาะ ขี้เก๊กยังไงไม่รู้อ่ะ เราว่า”
“หรอไม่เห็นรู้สึกเลยนะข้าวตู เฉยๆนะ ดีไม่ดีนายคิดมากไปรึเปล่า” ปาร์ตี้หันมาถามผมก่อนจะหยิบเบคอนเข้าปาก
“อืมน่าจะอย่างนั้น กินเถอะ อ้าวเกี๊ยวปลานายไม่กินแล้วหรอ”
“กินอยู่นี่ไง แต่เหมือนจะไม่อร่อย เหมือนเมื่อกี้ ”
“กระแอม กระแอม” พี่ใจเจ๋งกระแอมสองครั้ง
“ทำไมมีปัญหามากนักหรอ กระแอมอยู่ได้ฮะ”
“โถเว้ย นี่ๆ สำคัญตัวเองมากไปปะนาย ฉันกระแอมน้ำจิ้มเถอะ โฮ อะไรมากมายวะเนี่ย”
“เอ่อ ก็ ก็แล้วๆ ไปสิ ไม่มีอะไรก็ไม่จำเป็นอย่ากระแอมมากนัก คนอื่นกินไม่อร่อย”
“ใครกันแน่ที่ไม่อร่อยคนอื่นเค้ากินๆไปไม่เห็นจะบ่นเลย”
ไม่ไหวจริงๆคู่นี้เอาไปเอามาก็ทะเลาะกันข้ามฟาก เหมือนเดิม คนโต๊ะอื่นๆก็คงจะงงๆกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมสองโต๊ะนี้ตะโกนคุยกันเสียงดังจัง ไม่ใช่หรอกเค้ากำลังวีนต่างหาก อีกฝ่ายก็ไม่ยอมล้มเลิกพลอยแต่จะแกล้งต่อไป จนในที่สุดพนักงานเลยเข้ามา
ตอนต่อไปอาจจะนานหน่อยนะครับ แต่จะอัพลงเรื่อยๆ ต้องบอกไว้ก่อนเพราะกลัวว่าผู้อ่านจะรอนะ ^^
