>>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>>@@@ น้องปี 1 สุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ @@@<<< จบแล้ว up 23 03 57  (อ่าน 32004 ครั้ง)

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 8
       


ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน…..

“ป๊า…….พี่ตี๋เล็ก  ไม่ยอมเล่นกับเกี๊ยวเลย  ป๊าต้องทำโทษให้เกี๊ยวนะ” เสียงเด็กน้อยตัวเล็กๆ วิ่งกระจองอแงเข้ามาในบ้าน

“อะไรกันซานหง  พี่ตี๋ไม่ได้บอกว่าไม่เล่นนะครับ  แต่วันนี้พี่ตี๋เหนื่อยแล้ว” ใจเจ๋งวิ่งตามน้องเข้ามาแล้วรีบปฏิเสธพ่อของน้อง
เกี๊ยวปลา

“เดี๋ยวๆอะไรกัน ซานหง ไม่เห็นหรอว่าป๊าคุยอยู่กับป้าเหมยอยู่  เรานะอย่าไปกวนพี่ตี๋เค้าให้มากนะ รู้ไหม”

“เกี๊ยวโป้งป๊าแล้ว….”  เกี๊ยวปลาทำหน้าบึ้ง แล้ววิ่งขึ้นไปบนบันไดบ้านใหญ่ยักษ์อย่างเร็ว  ทำเอาพ่อของน้องเกี๊ยวส่ายหน้า

“อ้าวซานหง……….  เอ่อ คุณน้า เดี๋ยวผมตามไปดูให้นะครับ” ใจเจ๋งหันกลับมาบอกกล่าวก่อนจะถือวิสาสะขึ้นไปตามเจ้าตัวเล็ก

“อืมฝากหน่อยนะใจเจ๋ง  ซานหงเป็นคนแบบนี้แหละ  ลำบากอีกแล้วหลานชาย”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะพาน้องมาขอโทษคุณน้าเองนะครับ…….”

   

“มานั่งอยู่ตรงนี้เองหรอ” ใจเจ๋งวิ่งขึ้นไปจนถึงห้องๆหนึ่งทีพอจะจำได้ว่าเป็นห้องใคร แล้วเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ   เสียงประตู
ที่ดังพอจะทำให้สายตาคู่หนึ่งของเจ้าตัวเล็กหันกลับมาตวาดขึ้น

“ตามมาทำไม  เกี๊ยวไม่อยากเล่นกับพี่ตี๋เล็กแล้ว  เกี๊ยวอยากเล่นคนเดียว” เด็กน้อยยืนกราน

“อะไรกัน  มาเล่นตรงนี้ไม่ได้นะ  มันร้อน  ไม่เห็นหรอ  ไปอยู่ด้านล่างที่โซฟาใหญ่ๆ เย็นดีออก”

“ไม่เอา จะเล่นตรงนี้  เกี๊ยวจะเล่นตรงนี้ๆๆๆ  ชัดพอหรือยังพี่ตี๋เล็ก”

“โห  จะตะโกนทำไมครับ พี่ตี๋แสบหูไปหมดแล้ว”

“ไปเลยนะอย่ามายุ่ง”  เด็กน้อยโวยวาย พลางหยิบจับสิ่งๆหนึ่งที่หนักพอสมควรปาใส่ไหล่ด้านขวาของใจเจ๋ง

“โอ้ย”  เสียงใจเจ๋งร้องดังขึ้น หลังจากแจกันดอกไม้พุ่งเข้าใส่ไหล่เต็มๆ

“พี่ตี๋  เกี๊ยวขอโทษ เอ๋……. นั่นเลือดหนิ  เกี๊ยวจะไปเรียกป๊ามาดูให้นะครับ  รอเกี๊ยวก่อนนะ”


ที่โรงพยาบาลในวันนั้นหลังจากที่ส่งใจเจ๋งเข้าเย็บแผล  พ่อของน้องเกี๊ยวปลาก็หันมาตำหนิเค้า

“เกิดอะไรขึ้นซานหง  ทำพี่เค้าจนถึงขนาดนี้เลยหรอ ป๊าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำให้พี่เค้าลำบาก”

“เอ่อคุณคะ  ลูกคงไม่ได้ตั้งใจ  ลูกเพิ่งจะ  5 ขวบเองนะคะ  อย่าตะหวาดแกเลย ” แม่ของเกี๊ยวพุดขึ้นอย่างเห็นใจลูกชาย

“เฮ้อ  ถึงยังไงเราก็ต้องรอให้หมอเย็บแผลก่อน  ส่วนแม่เหมยของตี๋เล็ก  ป๊าจะพูดให้เอง”

“ป๊า  เกี๊ยวขอโทษ เกี๊ยวไม่ได้ตั้งใจ”

“อืมทำผิด แล้วกล้าขอโทษ  ป๊าก็ไม่ว่าอะไรแล้วหล่ะ  จำไว้นะซานหง อย่าทำให้พี่เค้าเจ็บตัวอีก”

“ครับป๊า”


         

“ตลกจริงๆ  ผ่านมา 15 ปีแล้วสินะ ซานหงแผลที่นายทำไว้ที่ไหล่ขวา พี่ไม่เคยลืมเลย  แต่พี่ไม่เคยโกรธน้องชายคนนี้สักครั้ง   
ไม่ว่าจะนานแค่ไหนนายก็ยังดื้อเหมือนเดิมเลยนะ ซานหง……”

“บ่นพึมพำอะไรของแกวะไอ้เจ๋ง  วันนี้ได้ข่าวว่าจะพาแม่คนสวยคนใหม่ไปเดทหรอ”

“อะไรวะ  พูดมากหน่าไอ้โปเลย์    ว่าแต่แกเหอะ   ไม่ไปดูแลปาร์ตี้หน่อยหรอ  ได้ข่าวมาว่าไปดูหนังกับแฟนใหม่หนิ”

“โดนต่อยซักทีดีไหมเพื่อน  นั่นหนะไอ้ทาม  เพื่อนสนิทน้องเค้าหรอก ฉันถึงได้กล้าไว้ใจ ฝากผีฝากไข้”

“ฝากผีฝากไข้เลยหรอวะ  แล้วทำไมไม่ยกปาร์ตี้ให้ไอ้เจ้าทามไปเลยหล่ะ”

“ปากดีหว่ะไอ้เจ๋ง  ว่าแต่พักนี้ไอ้สแกนมันหายหัวไปอยู่ไหนนะ”

“เออหว่ะ  จริงด้วยตั้งแต่ก่อนหน้าที่พวกเราจะไปปาร์ตืที่โรงแรมริมเจ้าพระยาแล้วนี่หว่า  แปลกจริง  โทรมันหน่อยไหมวะ เลย์”

“เออๆ”



    ค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดมน ที่ริมหาดศรีกันตัง เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี   สแกนนั่งพิงเก้าอี้ในห้องพักที่พอจะมองผ่านลงมายังทะเลได้พอประมาณ   ทำสีหน้าเบื่อๆก่อนจะรับสายโทรศัพท์ของผู้ที่อยู่อีกฝ่าย  ที่เค้าเองก็รู้ดีว่าเป็นใคร

“ว่าไงวะ เลย์”

“ไอ้สแกน  แกอยู่ไหนวะไม่เห็นหน้าเห็นตา  มาเรียนบ้างไหมวะนั่น”

“เรียนดิ  แต่วันนี้วันพักผ่อน  มีไรวะ”

“เปล่าๆ แค่เป็นห่วง  มีอะไรรึเปล่าวะแก  บอกพวกเราได้นะเว้ย”

“อืมขอบใจไม่มีอะไรหรอก ”

“แล้วแกอยู่ไหน”

“สุราษฏร์ธานี”

“อ้าว  ทำไมไปไกลอะไรขนาดนั้นวะ   แล้วนี่น้องข้าวตูแกนี่ไม่คิดจะสนใจแล้วหรอ”

“แล้วเค้าสนใจฉันบ้างไหมวะ!”

“เฮ้ย!  ไม่สแกน แค่แหย่เล่นเว้ยเพื่อน  แกเป็นอะไรแน่ๆเลยฉันว่า   เพาะเรื่องนี้ใช่ไหมวะ”

“อืม”

“เฮ้ย คุยกับไอ้ใจเจ๋งมันนะ เผื่อมันช่วยแกได้บ้าง  ไอ้เจ๋งมาคุยหน่อย เพื่อนแกอาการหนักแล้ว เร็วๆ”

“ไอ้สแกน  เล่ามาดิ  เล่ามาให้หมดห้ามกั๊ก”

“ฉันไม่อยากพูดหว่ะ”

“ต้องพูดเว้ย  ไม่พูดไม่ได้ ถ้างั้นฉันช่วยแกยังไงวะ”

“เออๆ ฟังให้ดีนะ…….”


ผ่านไป 10 นาที

“อ้ออย่างนี้นี่เอง  มันก็สมควรแล้ว”

“อ้าว สรุปจะช่วยหรือจะซ้ำเติมวะ ไอ้เจ๋ง”

“เฮ้อแกนี่มัน……เอาเป็นว่าแกทำเกินเหตุนะ  เล่นซะไปคอยเฝ้าคอยดู น้องเค้าอาจจะอึกอัดรึเปล่าวะ”

“จะไปรู้หรอ  แต่ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ข้าวตูหนิ”

“แต่แกก็ไปทำให้น้องเค้าขายหน้ากลางวง ทันตะเค้ากำลังรับน้องเนี่ยนะ   ให้ตายเถอะ”

“ไอ้เจ๋งฉันจะทำไงดีวะ”

“ง้อดิ”

“บ้าบอคอแตก  ไม่ทำอ่ะ  ฉันไม่เคยทำ  ชีวิตฉันมีแต่คนง้อเว้ย  ถ้าให้ฉันง้อ  ไม่มีทางอ่ะ  ทำไม่เป็น”

“ไม่เป็นก็ต้องเป็นเว้ยเพื่อน  ยิ่งปล่อยไปยิ่งจะเป็นผลเสียนะ”

“โหย  ไอ้เจ๋ง  แล้วแกหล่ะ  มีสวยตั้งมากมาย   ระวังเป็นผลเสียได้เหมือนกันนะเพื่อน  เคยได้ยินไหมรถไฟมันจะชนกัน”

“ไม่มีทางเว้ย ผู้หญิงพวกนั้น เค้าไม่ยึดติดอะไรอยู่แล้ว   แล้วน้องข้าวตูของแก  ไม่มีอีกแล้วในโลก  ถ้าแกไม่สานต่อฉันจองต่อ
นะ”

“ไอ้เจ๋ง เดี๋ยวต่อยฟันร่วง ลองดูดิ”

“ฮ่าๆๆ  หยอกเล่นหน่อยไม่ได้เว้ย  นี่ๆจะบอกให้นะถ้ารักน้องเค้าจริง แกต้องง้อเว้ย”

“ฉันทำไม่เป็นไอ้เจ๋ง”

“ไม่เห็นจะยากเลย  ฟังให้ดีหล่ะ………………….”

“จะดีหรอวะ  ฉันไม่เคยทำนะเว้ย  มีแต่ผู้หญิงมาทำให้ แต่นี่ฉันจะต้องทำเองหรอ”

“เออ  ไม่เอาก็ตามใจ  แค่นี้นะเพื่อน”

“อ้าวไอ้นี่  วางสายไปแล้ว”

“ จะเอาจริงๆหรอวะ  เฮ้อ ปวดหัว”

         สแกนหลับตาเอาหลังอิงเก้าอี้ แล้วหลับไป  ด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด 



   ค่ำคืนที่ฝนตกหนัก  ปาร์ตี้ออกมาซื้อของที่เซเว่นใกล้ๆมอ   ทำให้ต้องติดฝนอยู่ที่หน้าร้านไปไหนไม่ได้  ผู้คนก็ไม่ค่อยจะมี อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นเวลา 4 ทุ่มแล้วด้วย   ไม่ทันที่จะตั้งตัว  ปาร์ตี้ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังหมดแรงลงไป  หลังจากที่มีผ้า
ปริศนามาปิดข้างหลัง

ผ่านไป   2 ชั่วโมง

“สวัสดีไอ้ข้าวตู  ไงวะ  วันนี้ฉันกลับดึกหน่อยนะ” เกี๊ยวปลา กลับมาถึงห้องพักแล้วทักทาย ข้าวตูที่เอาแต่เหม่อลอย

“เฮ้ย  ไอ้ข้าว   เป็นไรวะ  กินข้าวมายัง  แล้วนี่ปาร์ตี้อาบน้ำอยู่หรอ”

“ไม่ได้เป็นไร เกี๊ยว  ส่วนปาร์ตี้ออกไปซื้อของที่เซเว่น”

“อ้าวหรอ  แล้วทำไมไม่ไปเป็นเพื่อนปาร์ตี้มันหน่อยหรอ   ไอ้แว่นแดงแกก็รู้ว่ามันซุ่มซ่าม นี่ฝนก็ตกอีก”

“เฮ้ย!  ปาร์ตี้”

“อ้าวอะไรของแกวะ อยู่ดีๆก็ลุกพรวดขึ้นมา  ตกใจหมด”

“เกี๊ยว แย่แล้วๆๆๆ   ปาร์ตี้……..”

“อืมปาร์ตี้   แล้วไงวะ”

“ปาร์ตี้ไปเซเล่นผ่านมา 2 ชั่วโมงยังไม่กลับเลย”

“อะไรนะ  แล้วแกก็มานั่งเหม่อเลยเนี่ยนะไอ้ข้าว ตายๆๆๆๆๆ   โทรศัพท์หล่ะ โทรไปยัง”

“โทรศัพท์  ปาร์ตี้ฝากให้ฉันชาร์?  วางอยู่เตียงตรงนั้น   นี่ก็ เที่ยงคืนแล้วยังไม่กลับมาเลย”

“อะไรนะ   งั้นฉันจะออกไปดูที่เซเว่น   แกไม่ต้องไปไหน  เผื่อไอ้ปาร์ตี้มันกลับมาห้อง”

“อืมๆ   ให้ฉันโทรบอกทามให้ไปเป็นเพื่อนแกนะเกี๊ยวปลา”

“เออๆ  บอกให้ ทามไปหาที่เซเว่นเลยก็ดี   ป่านนี้ฉันคิดว่ามันต้องติดฝนอยู่นั่นแหละ  ไม่มีอะไรหรอก”

“เออๆ  ขอโทษทีนะ  ฉันไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย”

“อย่าพูดมาก  ไอ้ข้าว มันผ่านไปแล้วเว้ย แกคอยดูปาร์ตี้ที่นี่แหละ”


ผ่านไป 20 นาที

“ฮัลโหล ไอ้ข้าว  ฉันกับทามมาถึงเซเว่นตามหาปาร์ตี้มันแล้ว  ไม่เจอนะ  มันกลับถึงห้องแล้วรึยัง”

“ยังเลยเกี๊ยว  ไอ้ปาร์ตี้มันไปไหนของมันกันนะ   โอ้ย   ไม่ได้แล้ว ฉันจะต้องโทรบอกพี่โปเลย์”

“เออๆ  โทรบอกไปนะ  เดี๋ยวทามกับฉันจะลองถามคนแถวนี้ดู  ฝนก็ยังตกไม่หยุดเลยอ่ะ  เบื่อจริง”

โปเลย์นั่งอยู่ในห้องนอน  บรรเลงกีต้าร์ตัวโปรด ไปอย่างเพลิดเพลิน  ก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

“พี่โปเลย์  แย่แล้วครับ”

“อ้าวข้าวตูเองหรอ ว่าไงครับ  โทรมาดึกเชียว”

“พี่โปเลย์  ผมจะบอกพี่ว่า ปาร์ตี้หายไปครับ”

“ว่าไงนะ  หายไปได้ยังไง   ปาร์ตี้กลับเข้าหอตั้งแต่ เย็นๆแล้วไม่ใช่หรอ”

“เป็นความผิดของผมเองครับพี่โปเลย์”

“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ  เอาเป็นว่าปาร์ตี้หายไป เมื่อไหร่ นานรึยัง”

“2 ชั่วโมง เกือยจะ 3 แล้วครับ”

“โอเคๆ  เอาเป็นว่าพี่จะไปหาเราที่หอนะ  รอพี่แปปนึงนะ”

“จะไปไหนคะคุณหนู”

“นมแจ่ม   ผมฝากบอกคุณพ่อคุณแม่หน่อยนะครับ ว่าผมจะไปธุระเรื่องเพื่อนครับ  อาจจะกลับดึกหรอไม่ก็เช้าครับ”

“ได้ค่ะ   เอ่อ คุณหนู คะ………..”

“ผมจะรีบไปรีบกลับครับ”

“ค่ะๆ”


เช้าวันใหม่ เสียงคลื่นทะเล และลมพัดเข้ามาในห้องพักที่เปิดหน้าต่างทิ้งไว้  ทำเอาปาร์ตี้ที่นอนไม่ได้สติทั้งคืนตื่นขึ้นมา

“โอ้ย  มึนหัวไปหมดเลย  เอ๋…………”

 ปาร์ตี้หันไปมองสิ่งแวดล้อมที่อยู่ด้านข้างรอบทิศทาง  ก่อนจะเรียบเรียงความคิดได้  ว่าเมื่อคืนเค้าไปซื้อของที่เซเว่น  แต่ช่วงนั้นฝนตกหนักลงมาพอดี  แล้วไม่ทันจะได้คิดอะไร  ก็วูบไป   เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็รีบลุกพรวดออกไปด้านนอกบ้านพัก ที่แสนสงบ ไร้ผู้คน มีทะเลสีครามอยู่เบื้องหน้า  แต่กลับไม่ทำให้ปาร์ตี้ดีใจที่ได้เห็นมันเลย

“ที่นี่ที่ไหนกันแน่นะ……….. ”



แนะนำตัวละครเพิ่มเติม

แม่นมแจ่ม  คนเลี้ยงดู โปเลย์มาตั้งแต่ยังเล็กๆ  ใจดี  เข้าใจดปเลย์เหมือนแม่คนหนึ่งก็มิปาน



 :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1: :L2: :L1:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2: ม่ายยยยยยยยย ผู้ใดบังอาจลักพาตัว

หลานปาร์ตี้ของคนแ่ก่ไป  :angry2:

จับได้ แม่จะ  :z6: ให้กระเด็นเชี่ยว

 :m16: :m16: :m16:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 9



   ปาร์ตี้วิ่งออกจากตัวบ้านพักเมื่อครู่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งหันไปมองซ้ายทีขวา  เผื่อจะมีใครอยู่แถวนี้บ้าง เพราะเท่านี้เค้าเดินสำรวจมาได้ไกลและเป็นระยะเวลานานพักหนึ่งก็แทบจะไม่เห็นและรู้สึกว่าจะมีใครอยู่แถวนี้เลย  แต่ที่นี่มันดูสวยงาม  ลมพัดใส่ตัวของเค้าเอง มันทำให้โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก  แต่เค้าก็ไม่ละความพยายาม  เค้าเดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆจนได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าเดินตามหลังเค้ามา ทำให้เจ้าตัวถึงกับหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

“นั่นใครหน่ะ” ปาร์ตี้หันไปมองแต่กลับไม่พบเจ้าของเสียงฝีเท้านั่นเลย  ยิ่งสร้างความประหลาดใจอย่างมาก

“โอ้ย  เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว เดินมาก็เหนื่อย  แถมอาหารมื้อเช้าไม่รู้จะไปหากินที่ไหน  ผู้คนแถวนี้ก็ไม่มีใครให้เราได้ซักถามเลย
เอาไงดีวะปาร์ตี้   โทรศัพท์ก็หายไปไหนไม่รู้ ซวยจังเลย  คุณพ่อครับ ช่วยผมด้วย  ผมกลัว  เอ๊ะ  ไม่ใช่ๆ  ผมไม่ได้กลัว ที่สวย
เกินกว่าที่ผมจะกลัว  แต่……………”

  ปาร์ตี้บ่นกับตัวเองไปเรื่อยๆ  แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงคลื่นทะเลที่พัดเข้าฝั่ง  แล้วเอามือสองข้างมาอิงไว้ที่ขอบปากพร้อมกับ
ตะโกนไปสุดเสียง

“พี่โปเลย์   ช่วยผมด้วย ผมอยากกลับมอ  ผมโดนคนใจร้ายจับมารึเปล่าก้ไม่รู้   ได้ยินผมแล้วตอบด้วย”
  ปาร์ตี้ตะโกนแล้วมองออกไปตามทะเลที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่มีขอบเขตสิ้นสุด

“โดนคนใจร้ายจับมาที่นี่หรอ   น่าสงสารจังเลย   นี่ตะโกนตอบแล้วนะคร้าบบบบ”





   สิ้นเสียงที่ดังมาก  ดังจนปาร์ตี้ต้องหันไปมองเสียงที่ดังมาจากข้างๆด้านซ้ายมือของเค้า กลับปรากฏเป็นร่างชายหนุ่มที่หล่อ สูง หน้าตาดี จมูกโด่ง  คิวหนา พร้อมกับรอยยิ้มที่หันมามองปาร์ตี้  ที่ยืนอย่างห่างออกไป 15 เมตร

“พี่โปเลย์!”   ปาร์ตี้เบิกตากว้างพร้อมกับพูดชื่อที่เค้าควรจะพูดหลังจากที่ได้ประมวลผลจาการหันไปดู

              ชายร่างสูงเห็นรุ่นน้องแว่นแดง ตัวเล็ก ทำหน้าตาตื่นตกใจ  ก็แอบเผลอยิ้มออกมา  ยิ้มที่ดูอบอุ่น ยิ้มที่ดูเท่ห์  หล่อ สมาร์ท  และมันดูเหมือนยิ้มที่แอบขำที่ได้แกล้งเด็กที่เค้าแอบชอบคนหนึ่ง  แต่ยังไม่กล้าที่จะบอกความในให้กับเด็กน้อยแว่นแดงที่เอาแต่ยืนอึ้งอยู่ด้านหน้ารับรู้ได้  เค้าค่อยเดินเข้าไปหาปาร์ตี้เรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กคนนี้ คนที่เค้าแอบพาเอาตัวมาที่นี่

“หยุดอึ้งได้แล้วครับ  ปาร์ตี้ ”

“พี่โปเลย์  ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้ครับ ”  เด็กหนุ่ม รู้คำตอบอยู่ในใจแต่ไม่อยากให้มันเป็ไปอย่างที่เค้าคิด

“ยังต้องให้พี่อธิบายอีกหรอครับ”

“ทำไมพี่ถึงได้……”  ปาร์ตี้เบือนหน้าไปมองที่ทะเลอีกครั้ง

“ไม่เอาหล่าพี่ขอโทษ  ที่แค่อยากเซอร์ไพร์วันเกิดปีนี้ของปาร์ตี้ ด้วยบรรยากาศแบบนี้  แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนพี่จะเล่นซะขนาดนี้”

“อย่างั้นหรอครับ”

“เอ่อ  ปาร์ตี้ พี่ขอโทษนะ  ขอโทษจากใจ มันผิดแผนของพี่หมดเลย   ตอนนี้พี่รู้สึกไม่สบายใจ”

“ผมก็ไม่สบายใจเหมือนกันครับ ป่านนี้เพื่อนๆผมคงจะตามหาตัวผมจะแย่อยู่แล้ว”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะ”

“หมายความว่าไงครับ”

“เมื่อวานหลังจากที่ข้าวตูโทรมาหาพี่ พี่ก็พอจะเดาออกแล้วว่าแผนที่วางไว้กำลังไปได้สวย  พี่เลยออกจากบ้านไปที่หอของปาร์ตี้นั่นแหละ…….”


          โปเลย์หันมามองปาร์ตี้แล้วเอามือขวาจับมือซ้ายของปาร์ตี้ขึ้นมากุมเอาไว้  แต่ก็ถูกปาร์ตี้ดึงมือออก ทำเอาเจ้าตัวใหญ่ หน้าเสีย

“แล้วยังไงต่อครับ  เล่าให้จบสิครับพี่โปเลย์  ไม่อย่างนั้น โทษของพี่ผมจะถือว่ายังไม่หมดไป”

“โถ่ปาร์ตี้ ทำไมโหดร้ายอย่างนี้หล่ะครับ”

“เล่าสิครับ ปาร์ตี้หิวจะแย่อยู่แล้ว  กลับบ้านไปกินข้าวก่อนไม่รู้ด้วยนะครับ”

“อ่ะๆก็ได้ๆ   พอพี่ไปถึงหอพักปุ๊บ  ก็บอกกับเพื่อนๆปาร์ตี้ว่าที่เราหายตัวไปเพราะว่าพี่เอง  พี่ก็อธิบายแผนของพี่ไป  แล้วก็อ้างเกี่ยวกับงานวันเกิดของปาร์ตี้ด้วย เพราะพี่อยากเซอร์ไพร์ของขวัญที่วิเศษที่สุด ”

“เดี๋ยวก่อนนะครับ  แล้วนี่เพื่อนผมไม่ได้ตกใจไปมากกว่าเหตุเพราะคิดว่าผมมาที่นี่แบบโอเคสินะ นี่ถ้าเพื่อนผมรู้ว่าพี่ทำผิดแผน  พี่เละแน่ๆผมว่านะ”

“นั่นสิครับ พี่เลยมาขอโทษคนดีของพี่ ให้อภัยพี่นะครับปาร์ตี้”

“ไม่ให้ครับ  ผมหิวข้าวแล้ว  เดี๋ยวกินเสร็จพาผมกลับกรุงเทพด่วนเลยนะครับ  ”

“ไม่ได้ครับ  พี่ยังไม่ให้กลับ วันเกิดของปาร์ตี้เย็นนี้พี่เตรียมงานไว้หมดแล้ว เห็นเกาะข้างเราไหม  นั่นแหละ เกาะนั้นคือ เกาะ
พงัน เกาะใหญ่ที่ห่างจากเราไปไม่มาก  อีกอย่าง ไอ้สแกนก็อยู่ที่นั่นได้ซักพักใหญ่ๆแล้วแหละ”

“จริงหรอครับ  ผมก็ไม่ทันได้สังเกต ผมมองไปข้างๆก็นึกว่ามันจะต่อกันเป็นเกาะเดียวกัน ทีแรกผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าที่นี่คือ
สุราษฏร์ธานี ”

“สรุปเย็นนี้ พี่จะพาปาร์ตี้ไปที่เกาะพงันตรงนั้นนะครับ  ไม่ต้องห่วงเพื่อนๆของปาร์ตี้พี่ให้รถตู้ที่บ้านไปขนเพื่อนๆมาเต็มที่แล้ว 
งานนี้สนุกแน่ครับ”

“ไม่รู้สินะครับ ผมเองอาจจะไม่สนุกก็ได้”  ปาร์ตี้ยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านไป  ทิ้งให้ร่างสูงทำหน้าสำนึกผิดอย่างหน้าสงสาร  แต่จะรู้
บ้างไหมว่า ปาร์ตี้เค้าเป็นพ่อพระ ไม่เคยที่จะโกรธใครหรอก ถ้าไม่หมดความอดทนจริงๆ




        ที่หนองคาย  หมู่บ้านที่เป็นตำบลติดริมแม่น้ำโขงบ้านเกิดของข้าวตูเอง  ดูตอนนี้และวันนี้ที่บ้านพ่อกำนันพ่อของข้าวตูกำลังดูวุ่นๆ อยู่กับการชี้ไม้ชี้มือไปมา  ส่วนแม่กำนันแม่ของข้าวตูก็นั่งเล่นอยู่แคร่ใต้ชายคาต้นมะม่วงหน้าบ้านต้นใหญ่   ผู้คนดูพลุกพล่านไปมา  เหมือนจะมาช่วยงานอะไรซักอย่าง

“พ่อๆ   ยืนสั่งงานตั้งนานแล้ว  ไม่เหนื่อยหรอจ๊ะ”

“ไม่เหนื่อยหรอก แม่  พ่อไหวๆ เพื่อให้ไอ้ข้าวตูลุกเรากลับมาแล้วประทับใจกับห้องนอนห้องใหม่”

“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ  แม่เลี้ยงมันมากับมือ แม่ว่ามันไม่ยึดติดกับความหรูหราอะไรมากนักหรอกพ่อ”

“แหม พ่อรู้ว่าไอ้ข้าวลูกเรามันง่ายๆสบายๆ  แต่ก็อยากทำให้มันซักครั้ง  ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดมันก็แล้วกัน”

“อืมใช่ๆ แม่เกือบจะลืมไปเลย  อีกไม่กี่วันแล้วสินะ  อืมพ่อแล้วไอ้ข้าวมันโทรมาหาเมื่อวานมันบอกจะกลับบ้านวันไหนนะ”

“อีกซัก 2 สัปดาห์มั้ง  เหือนมันกำลังสอบ  สงสัยจะยังไม่เสร็จ ก็อย่างนี้แหละ เรียนแพทย์เรียนหมอ มันก็หนักหน่อยแหละ”

“จะว่าไป  แม่ลืมซะสนิทเลย เดี๋ยวไปตลาดก่อนนะพ่อนะ  ”

“ไปหาเพื่อนอีกแล้วหล่ะสิ”

“จ๊ะ ตามประสาผู้หญิงหน่ะพ่อ  ทางนี้ก็ดูๆไปให้งานเสร็จแล้วกัน เหนื่อยก็เรียกหลานๆแถวนี้หยิบน้ำหยิบท่าให้ก็แล้วกันนะจ๊ะ  ไป
หล่ะ    นังสำลีเอ้ย  อยู่ไหนวะ  หยิบตะกร้าใส่ของให้ข้าที เร็วๆเข้าจะไปตลาด”

“จ๊าๆ   แหม  เร่งจริงๆเลยนะจ๊ะ  สำลีกำลังยุ่งอยู่กับล้างผักที่ห้องครัวท้ายน้ำโขงโน่น แค่วิ่งมาก็เหนื่อยแล้ว  ว่าแต่ขอไอติมแมก
นั่ม  ซักแท่งนะจ๊ะแม่กำนัน”

“แหม  ไอ้หลานไฮโซ  กินได้กินดีนะไอติมแพงๆเนี่ย อืมๆ เดี๋ยวน้าซื้อให้ ไปล้างผักต่อให้เสร็จแล้วเดี๋ยว บอกแม่เอ็งทำอาหาร
เย็นไว้เลยแล้วกันนะ  เดี๋ยวกลับมาเย็นขาดเหลืออะไรแล้วจะมาช่วย”

“จ๊ะ  อย่าลืมนะแม่กำนัน”

“ไม่ลืมโว้ย เอ็งนี่บอกเส้าสี้อยู่ได้ เดี๋ยวข้าก็ลืมหรอก นังสำลี”



    เวลาหนึ่งทุ่มครึ่งที่หาดฝั่งหนึ่งของเกาะพงัน  บริเวณชายหาด ถูกตกแต่งไปด้วยไฟกระพริบหลากสี  และโต๊ะอาหาร ไม่ใหญ่มาก  ถูกจัดตกแต่งกลางชายหาด  ทุกคนอยุ่กันพร้อมหน้าพร้อมตา   จัดงานกันอย่างสังสรรค์   สแกนนั่งใกล้หัวโต๊ะ  และที่สำคัญนั่งตรงข้ามข้าวตูซะด้วย  แต่ข้าวตูแทบไม่สนใจแต่กลับมองไปยิ้มพุดคุยกับทาม เพื่อนหนุ่มของปาร์ตี้ที่นั่งเก้าอี้ตัวถัดไปแทนอย่างสบายอารมณ์   ทำเอาสแกนทนไม่ไหว กลัวอารมณ์จะเดือดขึ้นมาอีก  เลยลุกเดินออกไป

“อ้าวไอ้สแกน  ไปไหนวะ ” ใจเจ๋งที่กำลังย่างบาบีคิวอยู่หันมาถาม

“ไปที่ชอบที่ชอบหว่ะ ไอ้เจ๋ง อากาศตรงนี้ดูเบื่อๆ  ไปด้วยกันป่าว”

“พี่สแกน  ผมขอโทษนะที่ทำให้ที่ไม่สนุกกับงานเลี้ยงวันเกิดของผม”

“นั่นดิวะสแกน  พูดแรงไปป่าว” ใจเจ๋งสมทบปาร์ตี้  ตอนนี้สายตาทุกคนมองมาที่สแกนคนเดียว  แต่สแกนเอาแต่จ้องไปที่ข้าวตูอย่างเดียว

“พี่ขอโทษนะปาร์ตี้  พี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดไปแบบนั้นหรอก  พี่เหมือนถึงใครบางคนแถวนี้ พี่เบื่อเท่านั้นเองครับ”

       สแกนเอาแต่มองข้าวตูแล้วก็พุดออกมา ทำให้สายตาทุกคนเปลี่ยนจากมองเค้ากลับกลายเป็นว่าไปมองข้าวตูแทนซะงั้น

“ช่างเถอะปาร์ตี้ เค้าทำอะไรไปก็ไม่เคยจะต้องใจทุกครั้งแหละ  เราว่าวันเกิดปาร์ตี้คืนนี้สนุกมากๆเลยนะ”

           ข้าวตูยิ้มกลบกลื่น ความรู้สึกตัวเอง  แต่ติวาเกี๊ยวปลาเพื่อนของเค้าดูออกว่าข้าวตูไม่ค่อยจะไหวแล้วสแกนหมดความอดทนหันหลังเดินออกไปจากงานเลี้ยงนั้น

“เอ่อ ผมว่าไอ้สแกน มันคงจะไปเข้าห้องน้ำหน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก ผมเองก็ของตัวไปเข้าห้องน้ำด้วยนะครับ”  ติวาเพื่อนของ
สแกนที่อยู่คณะเดียวกันกับข้าวตูพูดขึ้นแล้วเดินตามสแกนไป

“ข้าวตู  มีเรื่องอะไรกันหรอ  ไม่เห็นจะบอกเราเลยนะเดี๋ยวนี้” ปาร์ตี้หันมาถามเพื่อนชายของเค้าที่เอาแต่ตักอาหารกินอย่างเดียว

“เอ่อ  ปาร์ตี้  คือ เรา  เอ่อ  คือ  ขอโทษทีนะ เราไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่กลัวบอกไปแล้วนายจะรู้สึกแย่ตามเราไปป่าวๆ” ข้าวตูพุด
แบบที่ใจคิดจริงๆ

“ไอ้ข้าวตู  มันทะเลาะกับพี่สแกน แล้วก็โกรธที่เข้าดึงมันออกมาจากฐานวันรับน้องที่คณะ”

“ไม่เกี๊ยว ไม่ต้องเล่าแล้ว  ถ้าแกจะเล่าต่อนะ ฉันจะให้พี่ใจเจ๋งเอากุ้งยัดปากแกเลย ดีไหม”

“เออๆ  หยุดพุดแล้วก็ได้ ขอโทษที  ก็มันทนไม่ได้หนิไอ้ข้าวตู  โถ่เอ้ย   อ้าวนี่ๆๆ  ไอ้ใจเจ๊ง  มองอะไรฮะ”

“เปล่าครับ คุณชายเกี๊ยวปลา   ผมชื่อใจเจ๋ง ครับ ไม่ใช่ ใจเจ๊ง  เรียกให้มันถูกหน่อย”

“นี่แหละถูกแล้ว  ก็ใครบอกให้หน้าหม้อกับผู้หญิงหลายคนเองหนิ ให้ใจของแกมันเจ๊งๆไปแหละดีแล้ว”

“อ้าวๆๆ  พุดอย่างนี้แสดงว่าหึงฉันหล่ะสินะ ฮ่าๆๆๆๆ”

“ไอ้ใจเจ๊ง  สะใจหรอ ฮะ เอานี่ไปกินหน่อยเป็นไง ”  เกี๊ยวปลาเดินดุ่มๆเข้ามาที่จุดย่างบาบีคิวพร้อมกับ ขนมปังใส่นมข้นสด ยัด
ใส่ปากใจเจ๋ง แต่ก็เป็นวิธีที่เอาอยู่เลยทีเดียว เพราะตอนนี้เกิดอาการอึ้งทันที  ทุกคนที่เหลือในบริเวรนั้นตะลึงไม่นึกว่าเกี๊ยวปลา
จะกล้าแกล้งรุ่นพี่แบบนี้

“โอ  อ่า อำอ่างอี้เอยอ๋อ ( กล้าทำอย่างนี้เลยหรอ )” เสียงใจเจ๋งเล็ดลอดออกมาน้ำเสียงอู้อี้ๆๆ  ถึงแม้ขนมปังแผ่นใหญ่จะถูกยัด
เข้าปากไปแล้ว แต่ก็ไม่ทำให้เค้าเสียเค้าโครงความหล่อไปแม้แต่นิดเดียว  แต่ยิ่งเพิ่มความน่ารักให้กับเกี๊ยวปลาจนต้องเผลอยิ้ม
ไปโดยไม่รู้ตัว 

“ฮ่าๆๆ  ตลกจัง  ขนมปังฝีมือของผมอร่อยไหมครับไอ้พี่ใจเจ๊ง ฮ่าๆๆ”

“แหวะ  ไม่เห็นอร่อยเลย  มานี่  มาให้ทำคืนซะดีๆ”

“ใครอยู่ให้ทำคืนก็โง่แล้ว ฮ่าๆๆ  แน่จริงๆก็วิ่งตามมาสิครับ  เก่งนักไม่ใช่หรอ”

     ใจเจ๋ง ถูกท้าให้ไปอีกอย่างก็เป็นซานหงหรือเกี๊ยวปลาน้องชายที่น่ารักของเค้าอุดส่าห์ทำกับเค้าไว้แสบขนาดนี้ มีหรอจะไม่บ้าจี้ตามไปเอาคืน   แต่เกี๊ยวปลาเองจะรู้ไหมนะว่าคนที่กำลังวิ่งเอาขนมปังตามมาคือพี่ชายในอุดมคติอดีตของเค้าเอง  พี่ตี๋เล็ก  นั่นเอง   แต่มีหรอที่คนอย่างตี๋เล็กจะบอก  กะจะเอาเล่นให้คุ้มกับความแสบของเจ้าเกี๊ยวปลาซานหงน้อยคนนี้ดีกว่า   
        ทุกคนที่เหลือขำฮากับภาพที่เห็น สองคนวิ่งตามกันไปได้ยินแต่เสียงหัวเราะที่ทะเลตื้นเบื้องหน้า  แต่อีกมุมหนึ่งหลังทิวต้นมะพร้าวหลายสิบต้น  สแกนเดินมาหยุดจนถึงมุมมืดของที่นั่น  มีติวาเพื่อนที่ลงเรือลำเดียวกับเค้าแล้วอีกอย่างก็เป็นเพื่อนสนิทที่ช่วยเหลือความรักของสแกนที่มีต่อน้องรหัสของเค้าสุดความสามารถ

“ไอ้สแกน!”

“ไอ้ติวา   แกเห็นแล้วใช่ไหมว่าเค้าเกลียดฉันขนาดไหน  แกเห็นรึยังวะ”

“เฮ้ย ใจเย็นๆนะไอ้สแกน   เอามือไปทุบต้นมะพร้าวระบายอารมณ์มันไม่ช่วยอะไรหรอกนะเว้ย”

“ความเจ็บนี้มันไม่เทียบเท่ากับเจ็บที่ตรงนี้เว้ย ไอ้ติวา  บอกฉันทีจะทำยังไงดีวะ  สายตาของเค้าไม่เคยจะเปลี่ยนแปลง  สายตา
นั้นคาดโทษที่ฉันเผลอหลงทำผิดกับเค้าตลอดเวลา  มันเจ็บนะเว้ย”

“ฉันรู้เว้ยเพื่อน   ไม่เอาหน่ามันต้องมีทางแก้สักสันแหละหว่ะ  แต่มันต้องไม่ใช่วันนี้ไอ้สแกน  แกมีสติหน่อย  วันนี้วันเกิดเพื่อนน้องข้าวตูนะเว้ย  แกให้เกียรติเค้าหน่อย ยิ่งแกทำตัวก้าวร้าวใส่งานของเพื่อนเค้า เค้ายิ่งจะมองแกในแง่ลบไปอีกหลายเท่านะ
สแกน ”

“เออ  ขอบใจหว่ะติวา  ขอบใจที่เตือนสติ   แล้วไอ้เด็กสูงๆนั่นเป็นใครแกรู้ไหม”

“เพื่อนของปาร์ตี้ มั้ง  ฉันเองก็ไม่ค่อยจะรู้  เห็นเค้าแนะนำกันเป็นทางการไปแล้ว  แกอาจจะเสียแต้มวันนี้เว้ย  แต่มีวันใหม่ที่แก
จะล่าแต้มแซงขึ้นมาเชื่อสิ”

“ฉันไม่คิดจะแข่งกับไอ้เด็กทามนั่น  เพราะไอ้เด็กนั่นไม่มีดีอะไรที่จะมาเทียบฉันได้  ”

“เออๆ  แต่อย่าไปทำร้ายเด็กมันหล่ะ  เดี๋ยวข้าวตูมันรู้เดี๋ยวแกก็ซวยอีกไม่รู้กี่ซวยหรอก  อย่าทำแต้มให้ติดลบมากนะ เดี๋ยวจะตามล่ากลับคืนมาเป็นบวก มันจะยากเว้ยเพื่อน”

“ อืม เข้าใจแล้ว   กลับเข้างานเลี้ยงเถอะ  ออกมานานแบบนี้จะดูไม่ดี  ถ้าเป็นข้าวตูทีไรฉันงี่เง่าแบบนี้ตลอดเลยหว่ะ  ให้ตายสิ 
เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย  แกเคยป่าววะ”

“เคยดิ  เคยมากกว่าแกหลายเท่า เพราะรักของฉันมันดุเดือดรุนแรง กว่าจะมีวันนี้ได้  ก็เหนื่อย แต่คุ้มหว่ะ  ส่วนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ 
ผีเข้าผีออกแบบนี้เนี่ย ไม่แปลกหรอกสำหรับคนที่กำลังมีความรัก  แกกำลังหึงข้าวตูอยู่แกรู้ตัวเปล่าวะไอ้สแกน”

“ไม่รู้หว่ะ  แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย   ฉันต้อชนะไอ้เด็กที่ชื่อทามนั่นให้ได้  แล้วก็ต้องได้ใจของข้าวตูมาอย่างผู้ชนะในสนามรบ”

“ฉันเชื่อมั่นในใจแกเสมอเว้ยสแกน   ไปเถอะ นานๆเดี๋ยวเค้าจะสงสัย”

             สแกนเดินกลับเข้ามาถึงงานเลี้ยง  สายตาคู่แรกที่สแกนหันไปมองคือข้าวตู ซึ่งข้าวตูเองก็ไม่ได้สนใจมากหันมามองสแกนเพียงแปบเดียวก็หันกลับไปมองเพื่อนกับพี่สองคนที่วิ่งเล่นเอาขนมปังยัดใส่ปากอีกคนที่ทะเลอย่างขำๆ  ทำเอาสแกน
เสียใจอยู่ไม่น้อย

“อ้าวสแกน  เป็นไงมั่งวะ  ไปเข้าห้องน้ำซะนานเลย” โปเลย์รู้อยู่แก่ใจแต่ถามไปเพื่อกลบเกลื่อน กลัวว่าบรรยากาศของพวกเค้า
ทั้งสองคนจะกลับมาทำสงครามกันอีก

 “ฮ่าๆ  โทษทีหว่ะ ไอ้โปเลย์  พอดีห้องน้ำอยู่ไกลไปหน่อยเท่านั้นเอง” สแกนหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองทำให้ข้าวตู
แปลกใจแล้วหันกลับมามองอีกครั้ง

“โล่งใจแล้วหว่ะ  ไหนๆมีอะไรกินมั่งวะไอ้เลย์  ขอซักสามสี่ไม้ได้ป่าววะบาบีคิวอ่ะ แหม ไอ้แผนกนี้ก็วิ่งอยู่กับเกี๊ยวปลาอยู่นั่น
แหละ  ”

“ฮ่าๆ  ไม่เป็นไรๆ  ปล่อยให้เค้าได้สนุกบ้าง  วันนี้ปลดปล่อยเต็มที่” โปเลย์พูดพลางหยิบบาบิคิวสี่ไม้ใส่จานโฟมให้เพื่อน

“ขอบใจหว่ะ ”

                 ทุกอย่างวันนี้ก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้  มีทั้งู่ที่มีความสุขและคู่ที่ยังคงกล้ำกลืนฝืนทนอยู่บ้าง และไม่นานทุกคนก็มาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับปาร์ตี้ยกใหญ่ ด้วยเค้กขนาดใหญ่หนักหลายปอนด์  ทำเอาเจ้าของวันเกิดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนเพราะ โปเลย์จองบ้านพักไว้ให้ก่อนหน้านี้แล้วคนละหลัง  ติวานอนกับทาม  เกี๊ยวปลานอนกับปาร์ตี้ที่เกาะ  แล้วมีโปเลย์กับใจเจ๋งในอยู่ใกล้บ้านพักแต่เป็นเรือนหลังเล็กว่าของปาร์ตี้กับเกี๊ยวปลา   ที่เหลือ สแกนกับ ข้าวตูเลยจำใจต้องนอนอยู่ที่บ้านพักของแสกนเองที่เกาะพงันเลย ไม่ต้องไปเกาะข้างๆที่อยู่ไม่ไกล ของโปเลย์ที่จองไว้แล้ว  ค่ำคืนนี้จะไปกันได้สวยรึเปล่านะ พระจันทร์เจ้าเอ๋ย กล่อมให้ทุกคนนอนหลับฝันดี ให้ข้าวตูยกโทษในสแกนทีเถอะ สงสารหนุ่มรูปหล่อหน้าดีดีคนนี้เถอะนะ


 :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2: :mew1: :mew2:



แนะนำตัวละครเพิ่มเติม

น้องสำลี   หลานสาวญาติทางแม่ของข้าวตู  อยู่บ้านใกล้ๆกันเพราะแม่ของสำลีเป็นพี่สาวของแม่ข้าวตูและบ้านอยู่ติดกันกับบ้านแม่กำนันข้าวตู 
  :mew3:



na-au

  • บุคคลทั่วไป
นี่แหละ รสชาดของชีวิต  o18

 :bye2: :bye2:

lovejinjunno

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ
อ่านคู่นี้แล้วเหนื่อย
เมื่อไหร่จะเลิกอึมครึมกันซะที
เหอเหอ
สงสารทั้งคู่แล้วอ่ะ
คืนนี้มีลุ้น
ว่าจะคืนดีกันไหม
หรือว่าในห้องอุณหภูมิจะติดลบเหมือนอยู่ขั้วโลก
เหอเหอ

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 10

            ...ในห้องพักเกือบจะแทบชิดชายหาดหลังนี้ที่ข้าวตูกับรุ่นพี่อย่างสแกนต้องอาศัยชายคาหลับนอนในค่ำคืนนี้  เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงและคำพูดของทั้งสองคนที่จะเอ่ยสนทนาออกมาเลย มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างๆเตียงนอนเท่านั้น  และที่น่ารันทดใจมากสำหรับคนตัวเล็กก็คือเตียงนอนในห้องนี้มันเป็นเตียงเดี่ยว  และไม่ต้องเดาอะไรยากมากมายเค้าจะต้องนอนกับรุ่นพี่สุดเท่ห์มากเข้มคนนี้ทั้งคืนเป้นแน่
            สแกนเองหลังจากเลี่ยงความเงียบสงัดของชายร่างเล็กไปอยู่ที่บานหน้าต่าง มองดูดวงจันทร์ที่กำลังลอยเด่นส่องแสงอ่อนๆสีทองเข้ามาภายในพื้นกระเบื้องของห้องพัก  ตัวเค้าเองได้เอี่ยวตัวหันมามองคนตัวเล็กที่ยืนมองเตียงเดี่ยวตรงหน้าอย่างหนักใจแต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า   สแกนเองก็อึดอัดไม่น้อยเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะยังไม่หายโกรธแล้วก็จะเกลียดเค้ามากจนไม่อยากจะนอนด้วยละมั้ง

“ ถ้ารังเกียจมาก  ฉันสละขอไปนอนที่โซฟาตรงนั้นก็ได้นะข้าว ” สแกนเอามือที่ล้วงกระเป๋าด้านซ้ายอยู่แล้วชี้ออกไปข้างหน้า ถัดจากข้าวตูที่ยืนอยู่นั้นไปไม่กี่ก้าว

“ … ”  ข้าวตูไม่พูดอะไรนอกจากโถมตัวเข้าไปนอนที่เตียงนั้น ทางด้านที่ติดกับผนังของห้องน้ำ  ภาพที่เจ้าเล็กทำนั้นมันสร้างความกดดันให้สแกนไม่ใช่น้อย เค้าทำทุกอย่างแล้ว ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นอย่างเมื่อกี้ ไม่อาจทำให้ข้าวตูปริปากพูดคุยกับเค้าเลย 
           สำหรับเค้าแล้ว ไม่จำเป็นที่เจ้าตัวเล็กจะต้องปริปากบอกว่า ‘ ไม่เป็นไรนอนด้วยกันเตียงนี้แหละ ’ ก็ได้เพราะ ภาพที่เห็นคือข้าวตูเว้นเตียงอีกครึ่งไว้ให้เค้าแล้ว  แต่ที่เค้าต้องการตอนนี้ก็คือ  ช่วยให้เจ้าตัวเล็กพูดอะไรก็ได้สักอย่างกับเค้าทีเถอะ

“ข้าวตู  ฉัน…” สแกนอยากพูดคำคำนี้ที่แม้แต่ข้าวตูก็เคยได้ยินมามากแล้ว แต่เค้าก็ไม่เคบคิดจะเบื่อเพราะมันยังไม่สำเร็จนั่นก็คือ…. ‘ ขอโทษนะ ’

“ … ” ไร้การตอบรับจากเจ้าตัวเล็กที่นอนแผ่ราบยาวไปตามทิศทางของเตียงนอน สแกนเดินไปใกล้ๆแล้วนั่งทับเตียงที่ยังเหลือพื้นที่ว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง  มือข้างซ้ายกำลังจะเอื้อมมือซ้ายไปเอาผมที่ปกตาเจ้าตัวเล็ก แต่กลับต้องชะงักมือเอาไว้ก่อน

“อย่าเอามือนั่นมาแตะผมโดยเด็ดขาด!” เสียงของข้าวตูที่นอนหลับอยู่นั้นเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบ

“ จะคุยกันทั้งที ไหงฉันเองกลับโดนคำพูดของนายเล่นงานอีกแล้วนะข้าวตู ”

“ ฉันขอโทษนะ  ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน  หรือว่านายจะเบื่อสักแค่ไหน  ฉันก็จะพูดคำนี้ไปเรื่อยๆ เพราะมันเป็นคำเดียวจะเป็นตัว
แทนสื่อความผิดทั้งหมดที่ฉันทำได้ ”

“ ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดคุณ ” ข้าวตูพูดออกมาทั้งๆที่หลับตาอยู่

“…อะไรกัน  พูดเป็นเล่นไป  นายไม่ได้โกรธ ไม่เกลียดฉันจริงๆใช่ไหม  ฉันไม่ได้ฝันไปหรอกนะ”

“ เปล่าครับ คุณไม่ได้ฝันไปหรอก  เพราะนี่คือความจริง   เหตุผลเพราะผมไม่เคยรู้จักคุณเลยแม้แต่นิดเดียว  แล้วทำไมผมต้องโกรธ ต้องเกลียดคุณด้วยหล่ะครับ  คุณสแกน ”

“อืม…” สแกนขานรับแล้วพยักหน้านิดๆเหมือนเข้าใจ และหมดหนทาง “ ฉันเข้าใจแล้ว  ความสัมพันธ์ของฉันกับนายดูเหมือนฉันจะคิดไปเองคนเดียว  ขอโทษนะที่ต้องยัดเยียดความสัมพันธ์ของฉันให้นายแบกรับไว้ ทั้งๆที่… ” สแกนพูดมาถึงตอนนี้น้ำตาของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาก็ไหลออกมา “ ทั้งๆที่  นายไม่ได้คิดเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึก  ขอโทษอีกครั้งข้าวตู  ฉันเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว  ฉันผิดเองที่ไปทำให้คนคนนึงที่เค้าเองก็ไม่ได้คิดเหมือนที่ฉันคิด ต้องมาเสียเพราะจูบแรกของฉัน  ขอโทษนะข้าวตู  ทนฟังฉันหน่อยนะ ฉันสัญญาว่านี่จะเป็นคำขอโทษครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ”
          สแกนพูดจบก็เอามือสองข้างยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดหย่อน  แล้วลุกจากเตียงออกไป มุ่งหน้าเดินออกจากประตูห้องพักที่แสนจะเงียบสงัด  ไปนั่งเล่าที่ชิงชังเล็กๆที่อยู่ชายหาด ฟังเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่ง
         ภายห้องพักตอนนี้ เจ้าตัวน้อยได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเช่นกัน  เค้าไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้หัวใจของเค้ากำลังคิดอะไรอยู่และกำลังรู้สึกอย่างไร  แต่ตอนนี้เค้าแย่เอามากๆ ที่ได้ฟังคำพูดของรุ่นพี่สุดหล่อเมื่อกี้ไป  ร่างบางๆนั้นกำลังเสียใจ  หรือกำลังดีใจ ไม่สามารถบอกได้ถูก  ไม่ทันที่เค้าจะได้คิดทบทวนอะไรข้างนอกก็ดูเหมือนฝนกำลังจะตก  เสียงท้องฟ้าครามราม ดังกึกก้อง  ไม่นานนักเม็ดฝนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ดิ่งตัวลงมาสู่พื้นโลกอย่างบ้าคลั่ง
             เพียงเพราะว่าพายุฝนได้ตกหนักมากขนาดนี้ ประจวบกับรุ่นพี่สุดหล่อคนเมื่อกี้ยังไม่เห็นมีวี่แววว่าจะกลับเข้ามาในบ้านพัก   ทำให้ข้าวตูสีหน้าถอดสี  ใครจะไปคิดว่าคนที่ตัวใหญ่กว่าเค้าจะไปเล่น MV พระเอกกลางสายฝนแบบนี้

“ ฝนตกหนักขนาดนี้  ทำไมยังไม่เข้ามาอีกนะ  เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี”
        เด็กหนุ่มพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองกำลังแสดงความเป็นห่วงรุ่นพี่อย่างแสกน  ถ้าหากเค้าวิ่งเอาร่มสักคันออกไปจากห้องพัก ไปตามหาพี่สแกนคนนั้นจริง มันก็ยิ่งจะดูขัดแย้งเอามากๆ กับคำพุดที่เหน็บแนมไร้เยื่อใย เมื่อครู่ไป  แต่ในเวลานี้แล้ว ไม่มีอะไรที่ข้าวตูจะทนใจดำผิดมนุษย์ไม่ไปช่วยพารุ่นพี่กลับบ้านพัก
      สแกนในตอนนี้ยังนั่งอยู่บนชิงช้า หัวพิงกับเชือกที่ร้อยชิงชังเอาไว้กับกิ่งไม้ใหญ่ด้านบน  กำลังนั่งให้เม็ดฝนถาโถมเข้าในตัว จนเปียกปอนไปหมด  ข้าวตูที่เดินออกตามหาสแกนด้วยความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดเจนมันทำให้เจ้าร่างเล็กเห็นสภาพสแกนแล้ว อยากจะเข้าไปต่อว่าที่ทำตัวงี่เง่าได้ขนาดนี้

“มานั่งอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดเอานะครับ  เอ่อ…คุณสแกน” เจ้าตัวเล็กตะโกนออกไปแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมากระหน่ำไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ

“ … ” ไร้เสียงการขานรับของอีกฝ่าย ทำให้ข้าวตูหนักใจเข้าไปอีก  รีบเดินจ้ำอ้าวไปที่ต้นไม้ชิงชังเบื้องหน้า แล้วเอาร่มที่ใหญ่พอดีสองคนไปกางให้  ทำเอารุ่นพี่หันหน้าขึ้นมาทางด้านบนแล้วหันไปมองด้านข้างเค้า

“ ข้าวตู  ออกมาหาพี่ด้วยหรอ ”  เสียงที่แผ่วเบาแต่ข้าวตูพอที่จะได้ยิน เห็นแล้วรุ่นพี่ดูน่าสงสารเอามากๆ สีหน้าที่เปียกฝนกับดวงตาที่แดงก่ำเหมือนคนเพิ่งจะร้องไห้ไป

“ บ้าชะมัดเนาะ  สร้างเรื่องให้กับนายไปเยอะขนาดนั้น ก็ยังไม่วายที่จะให้นายคอยมาตามกลับไปบ้านพักแบบนี้อีก  ฉันมันคนไม่
เอาไหนเลยจริงๆ  ”  ข้าวตูพุดตอกเย้าตัวเอง เค้าพูดทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะไปพร้อมๆกัน   

“ พอทีเถอะครับ  อย่าทำตัวเองแบบนี้ คนอื่นๆเค้าจะเป็นห่วงเอานะครับ  กลับบ้านพักเถอะครับ ”

      ข้าวตูบอกเหตุผลออกไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มจะคลอเบ้าแล้ว  ภาพตรงหน้าเค้านี้เป็นชายหนุ่มที่เพิ่งจะโดนหักอกมา  แต่ที่เค้ากำลังปวดใจอยู่ตอนนี้ก็คือ เค้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาพเบื้องหน้านี้ขึ้นมา เค้าหักอักพี่สแกน  รุ่นพี่ที่รักเค้ามากมาย  มากมายเสียจนเค้าเห็นแล้วว่ามันขนาดไหน

“ ปล่อยฉันไปเถอะนะ  ยิ่งนายทำแบบนี้ ฉันเองก็ยิ่งทำใจยากมากขึ้นเท่านั้น  ข้าวตูได้โปรด อย่าให้ฉันทนทุกข์ไปมากกว่านี้   
กลับไปบ้านพักซะ แล้วฉันจะตามไปทีหลัง ”

“ ทำไมครับ  ทำมพี่ทำตัวแบบนี้  รู้ไหมว่าผม… ” ข้าวตูเว้นช่องว่างไว้ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

“ ผมเป็นห่วงพี่  ห่วงรุ่นพี่คนนี้  พี่ชายของผม ”

“นั่นสินะ  ฉันมันเป็นเพียงแค่พี่ชายที่ไม่เอาไหน ”  ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงมีปฏิกิริยาเช่นเดิม  ทำให้ข้าวตูหมดหนทาง  คำที่เค้าไม่อยากพูด แต่ก็ต้องพูด  และถึงแม้ตอนนี้เค้าจะยังไม่มันใจก็ตามที

“ ถ้าพี่ทำตัวแบบนี้ คนที่พี่รักเค้าจะรู้สึกยังไง! ” ได้ผล  สแกนหันหน้าขึ้นมามองเจ้าร่างเล็กอีกครั้ง  พร้อมกับคำพูดที่เค้าเพิ่งได้
ยินเมื่อกี้  มันแทบจะทำให้เค้าไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าวตู!  รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา   หลอกฉันเล่นแบบนี้  ฉันขอเถอะ ฉันไม่อยากเจ็บอีกแล้ว  อย่าได้พูดออกมาแบบนั้นอีก เพียง
เพราะอยากให้ฉันกลับเข้าบ้านพัก”

“ถ้าคิดว่าที่ผมพูดไปเพียงเพราะเหตุผลที่พี่เอ่ยอ้าง  ผมคงไม่มีอะไรจะพูด  เสียแรงที่ผมรักพี่”

     ข้าวตูพูดจบก็หันตัวเดินกลับ  แต่สแกนที่นั่งฟังอยู่เมื่อครู่ รีบลุกขึ้นจากชิงช้าวิ่งเข้าสวมกอดร่างบ่างจากทางด้านหลังเอาไว้แน่น  ข้าวตูยืนอึ้งกับสิ่งที่สแกนทำ  ทั้งสองน้ำตาไหลพราก อย่างกับจะต้องเสียคนรักไปตลอดกาล

“ข้าวตู  พี่รักข้าวตูนะ  รักมากด้วย รักจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้ไหมครับ ” ร่างสูงเอาแก้มว้ายอิงหัวเจ้าตัวเล็กที่อยู่ถัดลงไปด้าน
ล่าง มือทั้งสองกอดแล้วประสานนิ้มทั้งสิบไว้แน่น เหมือนกลัวว่าคนที่เค้ากอดอยู่กำลังจะหนีเค้าไปอย่างไม่มีวันกลับ

“ผมรู้ครับ รู้อย่างลึกซึ้ง  พี่สแกน  ผมขอโทษ”

“ไม่ๆ ข้าวตูไม่ผิด พี่เองที่ผิด  พี่ขอโทษ”

“กลับกันเถอะนะ  เดี๋ยวพี่เป็นหวัดจะไม่ดีเอา  ”

“ไม่  พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น  ข้าวตูยกโทษให้พี่ด้วยนะ  พี่จะไม่ทำสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้วนะ ได้โปรดเถอะนะครับ”

“ผมให้อภัยพี่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ  คนรักของผม”

“ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณที่ได้บันดาลให้ ข้าวตูเห็นใจผม  ขอบคุณ ขอบคุณ”

          สแกนตะโกนขึ้นไปบนฟากฟ้าพร้อมกับยิ้มทีเผยออกมา ด้วยอารมณ์ที่ดีใจสุดๆ ก่อนจะเดินเข้าสู่บ้านพักด้วยกันทั้งสองคน   

“ พี่สแกนรอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอาผ้ามาเช็ดผมเช็ดตัวให้ ”

“เดี๋ยวสิข้าวตู!”  สแกนเอื้อมมือมาจับแขนของข้าวตูไว้ ทำให้เจ้าตัวเล็กหันมามอง  แล้วส่งยิ้มให้เค้าหนึ่งที

“ขอบคุณนะครับ”

“เรื่องอะไรครับ” เจ้าตัวเล็กแสร้งถามอย่างงุนงง  สร้างความกระวนกระวายให้กับร่างใหญ่อยู่ไม่น้อย

“ทุกเรื่องที่พี่ทำเอาไว้ กับ นาย คนรักของพี่”

“ไม่รู้ไม่ชี้  ผมไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้พี่เลยดีกว่า  ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกๆอยู่นี่ก็…” ข้าวตูยืนมองสแกนนิ่งชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาได้

“เสื้อที่เปียกชุ่ม  พี่ถอดไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวผมจะเอาไปตากให้เมื่อฝนหยุดตก”

“ถอดไว้ตรงนี้เลยหรอ  งั้นพี่ไม่เกรงใจแล้วนะ”

            ข้าวตูเดินไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนตู้เสื้อผ้าไม่สูงมากนัก แล้วเดินกลับมาก็พบกับตัวประหลาดที่ตอนนี้ล่อนจ่อนไม่เหลือสักชิ้นยกเว้นกางเกงลิงตัวเดียวเท่านั้น

“พี่สแกน นี่ครับผ้าเช็ดตัว  ผมเอามาให้สองผืน ผืนนี้เช็ดหัว ผืนนี้เช็ดตัวนะครับ ”

“นี่ ข้าวตู  เช็ดให้พี่หน่อยนะครับ ”

“อะไรกันครับ  โตแล้วนะครับ เช็ดเองน่าจะเหมาะกว่า ”

“แต่เราเป็นคนรักกันนะ  ทำให้หน่อยสิ ได้ไหมครับ พี่ขอร้องหล่ะ”

“ใครว่าคนรักกันครับ  พี่พูดเองเออเองเสียมากกว่า”

“นั่นสินะ  พี่ว่าแล้วพี่คงจะคิดไปเองจริงๆ”  เจ้าตัวสูงพูดเสร็จก็เอี่ยวตัวหันออกไปนอกหน้าต่างแล้วกั้นหัวเราะ อมยิ้มเอาไว้  ทำ
ให้เจ้าตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังเค้าตอนนี้เริ่มจะเครียดอีกแล้ว

“พี่สแกน ไม่เอาน่า ผมขอโทษ  มาๆนั่งลงตรงนี้นะผมจะเช็ดให้” 

                ได้ผลเจ้าตัวเล็ก ยอมสแกนคนนี้เป้นครั้งแรก สร้างความสนุกให้กับเค้าได้มากเลยทีเดียว จนแทบจะลืมเรื่องเสียใจของเค้าที่สุดในชีวิตเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ

“น่ารักจัง คนรักของฉัน”  คำพูดที่ยอออกมาจากใจ ทำให้แก้มของข้าวตูเริ่มเปลี่ยนสีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดมันยิ่งจะทำให้สแกนนั้นรักและหลงในความเป็นธรรมชาติของสแกนมากขึ้น  ไม่นึกมาก่อนว่าคนอย่างเค้าจะได้เจอคนที่ใช่ในตอนนี้  ที่ผ่านมาผู้หญิงหลายคนเข้ามาพัวพันเค้าเพียงเพราะหวังอย่างเดียวคือเงินทองที่เค้ามีเท่านั้น ส่วนเรื่องหน้าตาพวกคุณเธอเพียงแค่อยากได้เพียงข้ามคืนไปก็เท่านั้น  ต่างจากเด็กหนุ่มตัวเล็กเบื้องหน้าเค้าคนนี้ที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น  มันทำให้หัวใจของสแกนคนนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น  และคิดว่าคนนี้แหละที่เขาจะขอไว้เป็นคนสุดท้ายของหัวใจ

            ฝ่ายทางเจ้าตัวเล็กที่เร่งฝีมือเช็ดหัวอย่างละเมียดละไม ก็ยังไมหยุดที่จะแก้มแดงระเรื่อ  มันยิ่งทำให้สแกนเองแทบหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ  แต่โดยรวมแล้ว เค้าไม่ขออะไรมาก ขอแค่ข้าวตูไม่โกรธเค้า และให้อภัยเค้าก็พอ  แต่ตอนนี้กลับเป็นต่อ เพราะ เค้าได้รู้ด้วยว่าจริงๆแล้วข้าวตูก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับที่เค้ารู้สึก




            ผ่านไปไวเหมือนโกหก  สิ้นสุดวันแห่งการสอบไฟนอลเทอมที่ 1 ของเด็กปีหนึ่งอย่างข้าวตูเกี๊ยวปลาและปาร์ตี้  ทุกคนกำลังวิ่งวุ่นอยู่กับการจัดเอาข้าวของกลับบ้านในวันพรุ่งนี้อย่างเอาเป็นเอาตายก็ว่าได้  โดยเฉพาะเกี๊ยวปลา ได้ข่าวว่าบ้านอยู่แค่เยาวราชทำไมถึงได้แพคกระเป๋าเดินทางถึง 2 3 กระเป๋านี่กะจะย้ายหอไปอยู่บ้านที่เยาวราชเลยหรือไงกัน

“นี่ๆ ไอ้เกี๊ยว ถามแกจริงๆจากใจเถอะนะ  นี่แกแพคเก็บของไปมากมายขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าแกจะกลับบ้าน  ฉันว่าแกจะย้ายหอแน่ๆเลย” ข้าวตูบ่นเมื่อเห็นกระเป๋าเสื้อผ้ากองไว้ที่เตียงนอนของเค้าเอง

“บ้าสิ ไอ้ข้าว  ที่ฉันแพคของเยอะๆเนี่ยนะ ไม่ใช่เพาะฉันจะกลับเยาวราช บ้านฉันอีกที่อยู่สุพรรณบุรี พ่อแม่ฉันรออยู่ที่บ้านโน่น ปิดเทอมนี้ ฉันไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว เหตุผลพอไหมเพื่อนรัก”

               คำตอบที่ได้มา ข้าวตูยิ้มรับให้แล้วยักไหล่เหมือนกับว่า  ‘ก็โอเคนะสำหรับคำตอบ’ ปาร์ตี้ที่เก็บของเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาช่วยเกี๊ยวปลาแพคของที่เหลือ

“มา ฉันช่วยนะเพื่อน ไปต่างประเทศครั้งนี้ อย่าลืมของฝากเชียวนะ อุย!”

          ไม่ทันที่จะพุดจบ ปาร์ตี้ที่มีความซุ่มซ่าน เปิ่นอยู่ในตัวอยู่แล้ว  ก็เผลอทำกระปุกออมสินรูปหมีแพนด้าสุดรักสุดหวงตกลงพื้นดิน เสียงดัง ‘เพล้ง’ ทำให้เจ้าตัวพุดขอโทษแทบไม่ทัน แถมทำหน้าทำตาแบบคนสำนึกผิดเอามากๆ  ทำให้เกี๊ยวปลาส่ายหน้าก่อนจะเดินมาตบไหล่เพื่อนแว่นแดงเบาๆ เพื่อเรียกสติ แล้วยิ้มให้พร้อมกับก้มลงไปหยิบกระปุกออมสินนั้นขึ้นมาชูต่อหน้าปาร์ตี้ว่า มันปลอดภัยไม่ต้องกลัวว่ามันจะตกแตกหรอกนะ

“มันเป็นพลาสติก  กลัวว่ามันจะตกแตกใส่พื้นสินะเพื่อนรักแว่นแดง  คราวหลังระวังก็แล้วกัน ดีนะที่ไม่ใช่พวกแก้ว เซรามิคที่หล่น
แล้วแตกได้  ของพวกนั้นฉันเก็บก่อนหน้านี้แล้วเพื่อน”

“ขอโทษทีนะ ฉันไม่ทันระวัง”  ปาร์ตี้ขยับแว่นแดงให้เข้ารูปอีกครั้ง

“เอ่อ  ขอโทษทีนะ ที่ขัดจังหวะคือแบบว่า  อีตายอร์ช สุดหล่อนั่นรอนายอยู่ข้างล่างหอหน่ะ ปาร์ตี้ยังไงก็ไปหาเค้าหน่อยแล้วกัน”

           เสียงนุ่มหู ของคนที่สูงเกือบ 190 อย่างทาม ที่เดินเข้ามาในห้องพักเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนยิ้มให้  แต่การที่เค้าปรากฏตัว
พร้อมกับบอกข่าวว่ามีชายคนนั้นรออยู่ก็ทำให้เกี๊ยวปลากับข้าวตูเบ้ปากไปทันที

“ไปหามันเถอะปาร์ตี้ อย่าให้หมาหง่อย” เกี๊ยวปลาพุดกับเพื่อนแบบปัดๆขอไปที แล้วลงมือก้มเก็บข้าวของต่อ

“เค้ามารอนานแล้วหรอ ทาม” หนุ่มแว่นแดงถามเพื่อนสนิทที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นานนัก

“ก็…ไม่รู้สินะ  ฉันเดินมาถึงหอนี้ก็เห็นตาหมอนั่นนั่งพิงรถรอนายอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว  จะว่าไปก็แปลก ทำไมไม่โทรหานายนะ”

“ฉันบอกเค้าเองแหละว่าช่วงการสอบไม่ต้องโทรมา เพราะกลัวว่าโทรศัพท์จะดัง ถึงแม้ว่าฉันจะบังเครื่องแล้วก็ตามที  แต่ก็กังวลเหมือนเดิม  นี่เค้าคงรอนานมากแล้ว ฉันขอลงไปหานิดเดียวเองนะ”

            เพื่อนๆก็ทำหน้าเอือมๆเจ้าหมอนั่นที่ยังทำหน้าที่เกาะแกะ อยู่ตลอดทั้งเทอมแบบ ยอร์ช  พวกเค้าที่เป็นเพื่อนก็อ่อนใจไม่แพ้เพื่อนแว่นแดงของพวกเค้าเสียเท่าไหร่นัก  ให้ตายสิ อึดอดทนอะไรขนาดนี้นะ

“คุณยอร์ช!”  เสียงเรียกของปาร์ตี้ทำเอาหนุ่มร่างสูงที่กำลังมองที่พื้นดิน เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของต้นเสียงทันที

“ปาร์ตี้ พี่ดีใจจังที่นายลงมาได้  พี่ไม่กล้าโทรไปกลัวว่าจะรบกวน เลยขอรออยู่ตรงนี้  จะได้กลับบ้านแล้วใช่ไหม  ดีใจด้วยนะ  แล้วนี่ทำข้อสอบได้รึเปล่า”

         ตั้งแต่หลังจากกลับมาจากไปฉลองวันเกิดเค้าที่เกาะพงัน  พอรู้ว่าพี่โปเลย์ทำแต้มไปก่อน ทำให้เจ้าตัวร้อนรนใจ รีบทำ
แต้มให้เสมอทัดเทียมด้วยการมาคอยเป็นห่วงคอยเอาใจใส่ปาร์ตี้แทบจะทุกวัน วันละ 10 โมงเลยก็ว่าได้  แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจปาร์ตี้ก็น้อมรับไว้เพื่อถนอมน้ำใจรุ่นพี่คนนี้  ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เค้าเคยแนะนำและต่อรองกับหนุ่มคนนี้มาแล้ว แต่รุ่นพี่เค้าดื้อเสียจนปาร์ตี้ต้องปล่อยเลยตามเลย     

“ก็ข้อสอบพอจะทำได้อยู่นะครับ แต่ก็มีบางรายวิชาที่ไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ แต่ผมก็เต็มที่แล้ว  แล้วพี่ยอร์ช หล่ะครับ   ทำได้รึเปล่า ”

“ก็พอทำได้ครับ อย่าถือสาอะไรพี่นักเลย เรียนก้ไม่ใช่จะเรียน นี่เป้นเพราะปาร์ตี้ห่วงพี่หรอก พี่เลยทำตามคำขอร้อง ตั้งใจเรียน”

“ไม่หรอกครับ  พี่ทำเพื่อตัวเองสิถึงจะถูก การที่พี่ตั้งใจเรียนนั้นผมว่าพี่จะต้องมีความสุขและได้เห็นถึงความสำเร็จที่พี่ได้ตั้งใจทำ
ไป  อย่างน้อยๆก็ตัวพี่เองที่ภูมิใจ”

“หึ  ไม่หรอก พี่ไม่สนใจของแบบนั้นอยู่แล้วครับ  พี่ทำตามที่ปาร์ตี้พูดต่างหากหล่ะ ถ้าให้พี่สละการเรียนตอนนี้ก็ทำได้เลย เพราะ
พี่ไม่ชอบอยู่แล้ว  แต่เพราะมีปาร์ตี้คอยให้กำลังใจชี้นำพี่ พี่ถึงได้มายืนจุดนี้ยังไงหล่ะครับ  เอ่อ…ขอโทษทีนะที่พร่ามยาว  ที่พี่มา
รอปาร์ตี้วันนี้พี่ว่าจะขอพาปาร์ตี้ไปเลี้ยงข้าวเย็นซักมื้อนึง  เพื่อฉลองการสอบเสร็จและได้กลับบ้านของปาร์ตี้ เป็นไงเข้าท่า
ไหม  ”

“เอ่อ… คือพอดีว่าผม… ตอนเย็นพี่โปเลย์เค้าจะพาไป…”

“ไม่ได้!”

          ไม่ทันที่แว่นแดงจะพุดจบก็โดน เจ้ายอร์ช ตะโกนออกมาอย่างไม่ทันระวังตัว ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่เบื้องหน้าสะดุ้งดหย่งเลยทีเดียว   สติของเค้าค่อยกลับมาอีกครั้งหนี่งแววตาที่อิจฉาและไม่อยากได้ยินชื่อของ โปเลย์ ที่กำลังลุกพร่านในดวงตา ก็กลับมาเป็นแววตาที่อ่อนข้อลงเหมือนเดิม

“ขอโทษทีนะ พี่เสียอารมณ์เร็วไปหน่อย ไม่อยากให้ชื่อเจ้าโปเลย์นั่นมากระทบใส่หูของพี่เท่านั้นเอง  ไปเคลียร์กับมันให้ได้นะครับ  พี่ยอร์ชสุดหล่อคนนี้จะรอ  ไว้เจอกันตอนเย็น พี่จะมารับที่หอจะครับ  แต่งชุดน่ารักๆสไตล์น้องปาร์ตี้ไว้เลยนะครับ  ไปแล้ว บ้ายบาย”
        ปาร์ตี้คอยร่างหนาที่กำลังเดินขึ้นรถพร้อมกับโบกมือยิ้มให้เจื่อนๆก่อนจะกลุ้มใจอีกครั้ง ทำไงดีในเมื่อพี่โปเลย์ก็จะชวนไปโรงแรมริมเจ้าพระยาแล้วเค้าก็รับปากแล้วด้วย ส่วนอีกคนก็ตื้อไม่เลยเลย  เค้าจะเอายังไงหล่ะทีนี้  ไม่ทันที่จะได้วิเคราะห์อะไร  มือที่กระทบไหล่ปลอบใจจากข้างหลังทำให้ปาร์ตี้หันกลับไปมอง

“เรื่องทั้งหมดแนได้ยินแล้ว  บอกเจ้ายอร์ชนั่นซะ  แล้วไปตามสัญญาพี่โปเลย์  ครั้งนี้ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของฉันที่ไม่ชอบขี้หน้าเจ้ายอร์ชหรอกนะปาร์ตี้  แต่ฉันพุดในฐานะเพื่อนที่รู้ว่าอะไรสมควรและอะไรไม่สมควร  นายรับปากพี่โปเลย์ไว้เป็นคนแรกนายรู้ดีไอ้แว่นแดงว่านายจะทำยังไงต่อไป”

             สิ้นเสียงของเพื่อนสนิทร่างสูงหล่อเข้ม หุ่นนักบาสอย่างทาม ที่นานๆจะลดทิฐิลงได้  ทำให้ปาร์ตี้ยิ้มออกมา สำหรับคำปรึกษาที่เข้าใจเค้าเป็นอย่างดีสมกับเป็นเพื่อนสนิท

“ไปเถอะ ไปรอเปลี่ยนชุด อาบน้ำตามสัญญาของพี่โปเลย์ ส่วนเจ้ายอร์ชอะไรนั่น ฉันกับเพื่อนๆที่เหลือจะจัดการเองเมื่อเค้ามาถึง”

             โปเลย์ยิ้มให้เหมือนกับจะบอกว่าขอบใจนะ แล้วเดินขึ้นไปบนหอพัก ทามได้แต่มองตามเพื่อนตัวเล็กตามหลังขึ้นไป  แล้วยิ้มส่ายหัว ถ้าเค้าเป็นปาร์ตี้ซะเอง เค้าก็คงจะหนักใจไม่น้อยเลยทีเดียว



 :L2: :3123: :L1: :L2: :3123: :L1: :3123: :L1:



na-au

  • บุคคลทั่วไป
สุขสมหวังไปแล้ว 1 คู่  :mew1:

 :bye2: :bye2:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแล้วนะคับ  วันเวลาใกล้ร่นเข้ามาแล้วสิ ^^

ตอนที่ 11
       
         

 :L2: :L2: :L2:   ณ สวนหย่อมสไตล์สวีเดน ขนาดเล็กๆ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์  มาดเท่ห์นั่งหลับตาพริ้มเหมือนกำลังอยู่ในห้วงของการผ่อนคลายหลังจากได้สอบผ่านพ้นเทอม 1 ของปี 3 เสียที  ที่ศาลานั่งพักกลางสวนแห่งนี้ในโครงสร้างและรูปแบบที่ลงตัว  ไม่นานนักนมแจ่มได้เดินเข้ามาขัดจังหวะการพักผ่อนของชายด้านหน้าอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะโดนต่อว่าสำหรับการมาเยือน  ชายตรงหน้านี้ที่กำลังเพลิดเพลินและผ่อนคลายอย่างเต็มกำลังก็ตามแต่ 

“ขอโทษนะคะ คุณหนู   ใกล้เวลาที่นัดกับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วไม่ใช่หรือคะ  ไม่รีบไประวังเด็กหนุ่มคนนั้นจะรอเก้อเสียแล้วกระมัง”  หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ตั้งใจจะมาเตือนชายคนด้านหน้า
              โปเลย์ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆเหมือนกับว่าดวงตาของเค้ายังไม่พร้อมที่จะสู้แสงแดด  พลางเอามือซ้ายขยี้ตาเบาๆ  ก่อนจะหันไปมองนมแจ่มที่เข้ามาเตือน

“ขอบคุณนะครับ นมแจ่ม ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”   ชายร่างสูงขานรับ เหมือนกับเด็กที่กำลังโดนผู้ใหญ่วานให้ทำอะไรให้สักอย่างหนึ่ง

“ อย่าไปทำวีรกรรมอะไรที่มัน พิเรนๆ แบบเมื่อครั้งก่อนเป็นอันขาดนะคะ  ครั้งนี้นมแจ่มจะไม่ยอมคุณหนูอีกแล้ว  ”  หญิงตรงหน้าบอกเค้าทุกครั้งตั้งแต่เมื่อเค้าได้วางแผนบ้าๆอะไรนั่นไปครั้งหนึ่งแล้ว  เธอเองคงไม่อยากให้เกิดขึ้นมาอีกก็เท่านั้นเองแหละนะ

“ตกลงครับ ไม่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว  อีกอย่างตอนนั้นมันเป็นข้อผิดพลาดหนิครับ  ” ดปเลย์ตอบหญิงคนนั้นไป

“รู้ว่าผิดพลาดก็ต้องแก้ไขนะคะคุณหนู” นมแจ่มตอบแบบเหนื่อยใจ

“โอเคๆ  ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมไปแล้วนะครับนม  ประมาณ 3 4 ทุ่มผมคงจะกลับ   อ้อไม่ต้องรอเปิดประตูให้ผมนะครับ เดี๋ยวผมเปิดเอง”

“เอาอย่างนั้นหรอคะ  ก็ได้ค่ะ  ขับรถระวังด้วยนะคะ   รถคันนี้คุณพ่อของคุณหนูหวงมาก และนี่ก็เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบให้เมื่อวันเกิด 2 ปีที่แล้วเชียวนะคะ”

            นมแจ่มดูเหมือนจะห่วงเค้ามากแต่เมื่อพูดถึงเจ้ารถบ้าราคาทะลุฟ้าคันนั้นดูเหมือนนมแจ่มจะหวงกว่าเสียด้วยซ้ำไป  โปเลย์มองไปรถ ที่จอดหน้าบ้านเอาไว้ พร้อมที่จะใช้งานแล้วก็ถอนหายใจเบาๆพร้อมกับยิ้มให้หญิงวัยกลางคนคนนี้

“ครับผม  ผมจะขับให้ระวังนะครับนมแจ่ม รถเฉียด 60 ล้านคันนี้  ถ้าไม่จำเป็นอะไรนัก ผมก็ไม่อยากจะแตะมันเสียด้วยซ้ำไป ฮ่าๆ  ”

“แสดงว่าครั้งนี้จำเป็นสินะคะ  ”  นมแจ่มพูดหยอดโปเลย์  ทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยกมือขึ้นมาเกาคางแก้เก้อเอาไว้

“ไม่เอาแล้ว ผมว่าผมรีบไปหาปาร์ตี้ดีกว่า สวัสดีครับนมแจ่ม”

“เดินทาง ขับรถระวังด้วยนะคะ” ถึงอย่างนั้นนมแจ่มก็ไม่วายจะเป็นห่วงพร้อมบอกให้ขับรถระวังอีกทีหนึ่ง ซึ่งเจ้าร่างสูงคมเข้มคนนั้น ก็ได้แต่หันกลับมายกมือให้เหมือนกับจะบอกว่า ‘ รับทราบแล้วครับ ’

“เด็กหนุ่มคนนั้น  ทำยังไงถึงได้ทำให้คุณหนูหลงได้ถึงขนาดนี้  หวังว่านมแจ่มจะชอบตามคุณหนูไปด้วยนะคะ ”  นมแจ่มได้แต่มองส่งโปเลย์ที่ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เรือนร่างของหนุ่มสุดหล่อคนนั้นเลย



            ที่หอพักในมหาวิทยาลัย ระบุไปเลยว่าเป็นห้องพักของข้าวตูและเกี๊ยวปลากำลังลุกร้อนเป็นไฟ หลังจากที่หนุ่มลูกครึ่งเยอรมันอย่างยอร์ช เดินทางมาถึงหอตามที่นัดแนะไว้กับหนุ่มน้อยแว่นแดง  แต่พอมาถึงกลับกลายเป็นว่าได้คำตอบที่ไม่เข้าหู ทำให้เค้าอาละวาดอย่างหนัก แต่หาได้ทำให้ทั้งทาม เกี๊ยวปลาและข้าวตูหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่กำลังมองเค้าในฐานะคนอื่นที่กำลังบุกรุกอาละวาดข้าวของในห้อง อย่างกับคนบ้าก็ไม่ปาน

“เป็นไปได้ยังไง ก็ฉันนัดไว้แล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” ยอร์ชโมโห ตะโกนลั่นห้อง

“นี่คุณ  จะอาละวาดก็ไปอาละวาดที่อื่น แต่ต้องไม่ใช่ห้องฉัน  แหกตาดูซิว่าห้องฉันไม่ต่างอะไรกับห้องรังหนูแล้ว!” เกี๊ยวปลาตะโกนออกมาบ้าง  ทำให้เจ้าคนที่กำลังเดือดอยู่นั้นหันหน้ามามองอย่างจะขูดเลือดขูดเนื้อ

“หุบปาก!  พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่อง  เห็นเจ้าโปเลย์มาตัดหน้าฉัน ทำไมไม่เตือนมันไป  อย่างนี้มันก็ทำแต้มไปอีกครั้งหนึ่งแล้วสิ
โถ่เว้ย!” ยอร์ชหัวเสียมาก จนลืมไปเลยว่าจริงๆแล้วคือเค้าผิดเต็มประตูต่างหาก คนที่นัดกับเด็กหนุ่มแว่นแดงคนนั้นเป็นคนแรก
คือโปเลย์ ไม่ใช่เค้า

“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ  พวกฉันเนี่ยนะไม่ได้เรื่อง น้อยแน่ เดี๋ยวพ่อเอาหุ่นปั้นโยนใส่ปากเลยเนี่ย!”
           เกี๊ยวปลาที่ตอนนี้จุดเดือดได้มาเยือนลิมิดของเค้าแล้ว ในมือก็พลางหยิบเอาหุ่นปั้นรูปกบเล็กๆพร้อมจะโยนใส่  ทำเอายอร์ชรู้สึกตัวได้  ทำเอาสะดุ้งโหย่งไปเลยทีเดี๋ยว

“ฮึ อยะ…อย่าคิดนะ  วะ…ว่าฉันจะกลัวแค่ไอ้หุ่นปั้นนั่น  เสียเวลาไปดีกว่า  ฝากไว้ก่อนเถอะ” ยอร์ชกลัวจนพูดอะไรค่อยจะออก พร้อมกับทำตัวลนๆ แล้วเดินหนีออกไปทางประตูห้อง

“ฮึ ฟอร์มเยอะนักนะ แหม ‘ อย่าคิดนะว่าฉันจะกลัวแค่หุ่นปั้น ’ เป็นไงหล่ะ วิ่งจุกตูดไปโน่นแล้ว ” เกี๊ยวปลาเลียนเสียงตายอร์ชนั่น ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาตามๆกัน

“นี่ นายแน่มากเลยหล่ะเกี๊ยว  ไม่แปลกใจเลยที่รุ่นพี่ใจเจ๋งจะกลัวและยอมนายซะอยู่หมัด” ทามมองหน้าเกี๊ยวปลาก่อนจะชมหรือเหมือนจะต่อว่ากันแน่ก็ไม่รู้ ทำเอาเจ้าตัวหน้ามุ่ยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

“อะไรๆ วะทาม เกี่ยวอะไรกับอีตานั่น   แหมวันๆ ไม่ทำหอกอะไรหรอก  เหล่สาวคนนั้นทีคนนี้ที  หม้อมากกว่าหล่ะสิไม่ว่า” เกี๊ยวปลาบ่นออกมาพร้อมกับเดินหันหลังกลับไปเปิดทีวีดูต่ออย่างอารมณ์เซ็งๆ


          ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง  ใจเจ๋งกำลังง่วนอยู่กับสาวน้อยรุ่นน้องปี 1 อยู่เพลิดเพลิน ก็ต้องจามออกมาทีหนึ่ง

“ฮัดเช้ย!   ใครนินทาวะ  อย่าให้รู้นะ”

“ฮ่าๆ อะไรกันคะพี่ใจเจ๋งคนหล่อ ใครกันที่กล้านินทาพี่ได้  คิดมากนะคะ” หญิงสาวที่เดินอยู่ในอ้อมแขนใหญ่ก็พูดขึ้นมามอง ทำเอาใจเจ๋งคิดตาม ก็สะดุ้งโหย่งเลยทีเดียว

“เอ่อ แต่พี่ว่ามีอยู่คนหนึ่งนะ  และก็เป็นปีศาจร้ายน่ากลัวด้วย  ”  ใจเจ๋งได้ที ก็โยนชื่อเรียกที่เพี้ยนไปให้อีกคน ซึ่งเค้ารู้ดีว่าเป็น
ใคร

“ จริงหรอคะ ใครกันคะ ”  หญิงสาวหันมามองด้วยความสนใจ  อยากจะรู้

“  เอ่อ พี่ว่าอย่าไปพูดถึงดีกว่านะครับ เดี๋ยวรังสีบ้าพลังอาจจะจู่โจมได้” ใจเจ๋งยังพูดจาติดตลกไปเหมือนเดิม ทำให้สาวน้อยคน
นั้นถึงกับอมยิ้มตามกันไป

“ เอ่อ เสียงโทรศัพท์   เดี๋ยวรอพี่อยู่ตรงนี้นะ พี่ไปรับสายแปบเดียวเท่านั้น แปบเดียวจริง พี่จะรีบกลับมาหา ”

“ได้คะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวไปรอที่ร้านเสื้อผ้าที่บรูซนั้นแล้วกันนะคะ”

“จ๊ะๆ เดี๋ยวพี่ไปหานะ  ”  ใจเจ๋งส่งสายตาให้แม่สาวน้อยคนนั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้มลงมองรายชื่อที่
ปรากฏอยู่ตรงหน้าเค้า แล้วก็ต้องทำหน้าตาอยากจะเอาหัวชนฝาผนัง

“อะไรวะไอ้สแกน  โทรมาไม่ได้ดู เว’ล่ำ เวลาเลยนะแกหน่ะ ”  ใจเจ๋งสะบดใส่ปลายสายอย่างหัวเสีย

“ไอ้เจ๋ง แกหยุดพร่ามด่าฉันก่อนสิ  ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา  ”

“ปรึกษา?  เอาไว้ก่อนได้ไหมวะ ตอนนี้ฉันกำลัง…กำลัง…เอ่อ…ประมาณว่า…” ใจเจ๋งกำลังจะบอกเหตุผลไป แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตามเค้าก็ไม่กล้าที่จะชินแล้วเล่าให้เพื่อนสนิทฟังได้อย่างสบายใจ

“กำลังเดท!” สแกนพูดต่อให้เจ้าเพื่อนจอมหม้อของเค้า  สแกนส่ายหัวกับความเป็นคาสโนว่าอย่างใจเจ๋งเพื่อนของเค้า

“เอ่อๆ ก็ประมาณนั้นแหละ  เอาไว้ตอนเย็นๆได้ป่าววะ สแกน”

“จะให้เย็นขนาดไหนวะไอ้เจ๋ง  นี่ก็จะยันหกโมงเย็นแล้วนะ”

“เออหน่า ไว้เดี๋ยวเดทเสร็จจะโทรไปหานะ”

“หยุดเลย!  คุยกับฉันก่อนเดี๋ยวนี้นะเพื่อน” สแกนพูดดักคอไว้ก่อนที่เพื่อนจอมแสบจะวางสายไป

“เอ่อๆ ก็ได้ๆ  ว่ามา…” ว่าแล้วปลายสายก็เงียบรอฟังประโยคของเพื่อนรักอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

“พรุ่งนี้ฉันว่าจะตามข้าวตูกลับไปหนองคายหว่ะ แกว่าจะโอไหมวะ”

“จะบ้าหรอ จะตามไปหาหอกอะไรหล่ะ บ้านเค้าอยู่จังหวัดหนองคายเลยนะ แล้วนี่แกจะไปฝากผีฝากไข้ไว้กับพ่อแม่เค้าเลยหรือ
ยังไงกัน”

“อืมใช่!” ปลายสายตอบกลับมาทำเอาใจเจ๋งตกใจทันที

“ดะ…เดี๋ยวๆ ไอ้สแกน  แกพูดว่าไงนะ  นั่นหูฝาดไปรึเปล่าเนี่ย  แกชอบน้องเค้าขนาดนั้นจริงๆหรอวะ”

“อืม!”

“เฮ้ยตอบมาหน้าตาเฉย บ้าป่าวเนี่ย  ฉันว่าแกเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ไอ้เพื่อนรัก” ใจเจ๋งพูดกับเพื่อนรักของเค้าอย่างไม่อยากเชื่อกับคำที่ได้ยิน

“ว่าไง โอเคไหมวะไอ้เจ๋ง”

“โห  ถ้าแกมีอุดมคติแน่วแน่ขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีอะไรจะฉุดแกหรอกเพื่อน  ลุยเลย เอาให้อยู่มือนะเว้ย”

“เออๆ ขอบใจมาก  แค่นี้แหละ”  ว่าแล้วสแกนก็ตัดสายโทรศัพท์ไป   

        ส่วนใจเจ๋งกำลังจะเอาโทรศัพท์เก็บในกางเกงแล้วเชียวแต่ก็มีสายโทรเข้าอีกที  แต่คราวนี้ ทำให้เจ้าตากระโดดโหย่งเลย เพราะเบอร์และรายชื่อที่ปรากฏบนจอคือจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…

“สวัสดีครับม๊า”

“ตี๋เล็ก  อยู่ไหนลูก ได้ข่าวว่าสอบเสร็จแล้วนี่นา  มัวทำอะไรอยู่เจ้าลูกตัวแสบ”

“โห…เดี๋ยวครับม๊า ใจเย็นๆครับ อย่าเพิ่งรัวสิครับม๊า”

“รีบกลับมาบ้านได้แล้ว ลืมไปแล้วหรอว่าม๊าจะพาไปต่างประเทศพรุ่งนี้หน่ะฮะ”

“เออ…อะไรนะฮะ  ไม่เห็นจะบอกเจ๋งล่วงหน้าเลยม๊าอ่ะ”

“บอกแกไว้ แกก็หาเรื่องจะมาเบี้ยวฉันหน่ะสิ  รีบกลับมาเลยนะ พรุ่งนี้เดินทาง  เร็วเข้า อย่าให้จับได้นะว่าไปอี๋อ๋อกับแม่คุณหน้าไหน  ”

“โอ้ย ม๊าก็  อืมๆ ผมจะรีบกลับนะม๊า”

“2 3 ทุ่มวันนี้ต้องถึงบ้านเท่านั้น เกินเวลานี้ แกเจอดีแน่ ไอ้ลูกบ้า”

             ว่าแล้วผู้เป็นมารดาก็ตัดสายไป ทำเอาใจเจ๋งต้องได้จูนสมองเลยทีเดียว  พร้อมกับหน้าเหนื่อยหน่ายไปหาผู้หญิงที่เค้ามาเดทด้วย

“เอ่อ น้องคนสวยจ๊ะ พี่ต้องขอตัวกลับบ้านก่อนนะ พอดีคุณแม่โทรมาตามกลับอย่างเร่งด่วน เอาไว้เดี๋ยวเราค่อยมาเดทกันใหม่นะจ๊ะ  ”

“เอ้า อย่างนั้นหรอกหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันโอเค  ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ว่าแต่ว่า เสื้อผ้าที่ฉันหยิบมาแล้วจะเดินเอาไปเก็บก็
อายเค้าแย่อยู่เหมือนกันนะ” เธอพูดเสียงนอยๆ ก่อนที่ใจเจ๋งจะมองไปที่เสื้อผ้า 3 4 ตัวที่วางไว้อยู่ไม่ไกลนักพร้อมกับเลิกคิ้วสูง
เหมือนกับว่ามันจิ๊บๆ

“เท่าไหร่ครับ” พนักงานสาวสวยยิ้มแล้วตอบกลับอย่างต้อนรับ

“ ทั้งหมด 8500 บาทค่ะ” พนักงานพูดแล้วก็หยิบเสื้อผ้า 3 4 ตัวไปใส่ถุงให้  สาวสวยที่มาเดทกับเค้าก็ตอบแทนเค้าด้วยจูบที่ประทับลงแก้มขวาของเค้าทีหนึ่งแล้วยิ้มหวานให้

“ขอบคุณนะคะ รุ่นพี่  น่ารักอย่างนี้  เสียดายจัง ไม่คิดจะคบกับฉันจริงจังบ้างหรอคะ  ” สาวน้อยพูดแล้วเอานิ้วแตะริมฝีปาก มัน
ทำให้หัวใจของใจเจ๊งเต้นตุ๊บตั๊บ

“เอ่อ  ไม่เป็นไรครับ พี่ขำๆสนุกๆ เหมือนที่เธอต้องการในตอนนี้เท่านั้นเอง แม่สาวน้อย” ใจเจ๋งตอบกลับหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะ
ยิ้มเจ้าชู้ให้ จนเธอเองก็ได้แต่ยิ้มรับไว้อย่างเต็มใจ

“ถ้ายังไม่เบื่อ  ฉันก็พร้อมจะเดทกับคุณได้ทุกเมื่อนะคะ” สาวน้อยขยิบตาให้ทีหนึ่งก่อนจะเดินเลี่ยงตัวออกไปแล้วไม่ลืมที่จะหัน
กลับมาบ้ายบายให้กับหนุ่มร่างหนาสูงขาวตี๋ คนนี้

“เฮ้อ   อดจนได้เลยเรา  ม๊านะม๊า  โทรมาขัดตลอดเลย  ผมจะขึ้นคานเพราะม๊าแหละ  โถ่”

        ใจเจ๊งพูดพึมพำเสียดายทั้งความสวยและเสียดายเวลาอย่างมากทีเดียว   ก่อนจะรีบกลับไปที่หอเก็บข้าวเก็บของตามคำ
บัญชาของผู้เป็นแม่อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่รีบหล่ะก็นะ เค้าว่าเค้าคงจะมีคลื่นยักษ์รึไม่ก็พายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำเป็นแน่


     เช้าวันรุ่งขึ้นที่สถานีขนส่งผู้โดนสารรังสิต  ข้าวตูรีบลงจากแท็กซี่อย่างกุลีกุจอเพราะเที่ยวรถจะไปหนองคายกำลังจะออกแล้ว  นึกๆไปเค้าไม่น่าจะนอนดึกเลยตั้งแต่เมื่อคืนเป็นเพราะว่ารุ่นพี่อย่างสแกนนั่นแหละถามโน่นนี่นั่น นั่งรถเที่ยวไหนกี่โมงอะไรยังไง อย่างกับจะไปด้วยเสียอย่างนั้น  น่าเบื่อชะมัดสำหรับเค้า คนยิ่งรีบนอนแต่กลับต้องมาดักคุยอยู่กับโทรศัพทืได้เป็น 3 4 ชั่วโมง เฮ้อ...

“เฮ้ย รอด้วย รอก่อน หยุดก่อน แฮะๆ  ผมมาทันเวลาพอดีใช่ไหมครับ”

“ไอ้หนุ่ม รีบขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ขับหนีซะหรอก” โชเฟอร์รถประจำทางขานตอบด้วยอารมณ์ติดตลก

“เอ่อครับ ขอโทษที” ข้าวตูขึ้นมาบนรถแล้วก็หาที่นั่งของตัวเอง  จนเจอที่ว่างตรงกับที่เค้าจองไว้จึงได้เดินเข้าไปนั่ง
           
       ข้างๆของเค้ามีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่เค้ากำลังนอนหลับแล้วเอาหมวกปิดหน้า  เค้าเองก็งงๆกับคนที่นั่งอยู่ข้าง แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก่อนจะหลับตาลงบ้าง  ด้วยความที่เค้าต้องรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อที่จะต่อรถมาลงที่รังสิต เล่นเอาซะอยากนอนต่ออย่างไหนอย่างนั้น



…    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว  ที่เค้าหลับไป  แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเมื่อมีมือของคนที่นั่งข้างๆกำลังกุมมือเค้าอยู่ จนเค้าเองเริ่มจะลืมตาขึ้นมามอง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย กลับนอนหลับต่อพร้อมกับมีหมวกปิดหน้าไว้เหมือนตอนอยู่สถานีขนส่งไม่มีผิด  แต่สิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่นั้น ข้าวตูถึงกับเคืองมาก  พยายามจะเอามือออกไปอุ้งมือที่หนานั้น แต่พยายามแค่ไหนมือหนานั้นก็ไม่ยอมจะปล่อย แถมดูเหมือนกับว่ามือหนาๆนั้นจับจับกุมมือเล็กของเค้าแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก

“เอ่อ…คุณครับคุณ… คุณ”  ไม่ว่าข้าวตูจะสะกิดเจ้าตัวที่นั่งอยู่ข้างๆเค้ายังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แต่ไอ้ท่าทางที่จับมือเค้าไว้แน่นอย่างนี้มันเหมือนคนที่ตื่นแล้วนะคุณ!

“คุณ ปล่อยมือผมเดี๋ยวนี้นะ  ถ้าไม่ปล่อย คุณเจ็บตัวแน่” 

         อีกครั้งที่คำพูดของข้าวตูไม่ได้ผล ทำให้เค้าตัดสินใจเอื้อมมือข้างที่เหลือไปดึงหมวกที่ใบหน้านั้นออกมา  แต่ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มหล่อเหลากำลังยิ้มแฉ่งรับหน้าตายด้านอยู่ก่อนแล้ว  ทำให้ข้าวตูอึ้งพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

“ ใจคอจะให้พี่เจ็บตัวเลยหรือไงครับ หวานใจของพี่ ”  ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆยังพูดจาหยอกเล่นกวนประสาททำเอาข้าวตูที่นั่งอยู่ข้างๆยังตกใจไม่หาย อึ้งตะลึงกับคนที่อยู่ตรงหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว

“รุ่นพี่สแกน!”

“อ่ะฮะ” สแกนขยิบตาให้เท่ห์ๆสองครั้ง แล้วยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะจับมือเจ้าตาเล็กขึ้นมาจูบทีหนึ่ง

              อะไรกันเจ้าตัวเล็กแทบจะช็อกไม่รู้ว่าเค้ายังไม่ตื่นจากความฝันหรืออะไรยังไง  แต่ที่แน่ๆรุ่นพี่เค้าบ้านเกิดอยู่ที่กรุงเทพนี่นา แต่ที่ทำไมมานั่งข้างๆเค้า แถมกำลังจะมุ่งหน้าไปจุดหมายปลายทาง จังหวัดหนองคายเหมือนกันกับเค้าแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่เลยทีเดียวเชียว  แต่ตอนนี้สีหน้าที่ทะเล้นของรุ่นพี่นั้นมันทำให้ข้าวตูปวดหัวถึงที่สุด แล้วถอนหายใจอย่างยาวเหยียด  แต่ก็เก็บคำถามที่จะถามไว้มากมาย เลยทีเดียวรอให้ถึงจุดหมายเมื่อไหร่คำถามร้อยแปดพันเก้าได้โถมใส่แน่




 :mew1: :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจด้วยจ้า หลานสแกน จะได้เจอพ่อตาแม่ยายแย้ว  :laugh:

 :bye2: :bye2:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วๆๆ มาต่อกันเลย ไม่เสียเวลา ^^


ตอนที่ 12




           ตอนเย็นที่สถานีขนส่งหนองคาย  เจ้าตัวเล็กเดินลงจากรถประจำทางคันใหญ่ที่จอดสนิทอยู่ลานจอดรถ โดยไม่ได้รอคนตัวใหญ่ที่กุลีกุจอตามลงมาด้วยเลยแม้แต่น้อย

“ เดี๋ยวสิ ข้าวตู รอพี่ด้วย! ” รุ่นพี่ตะโกนบอกเค้าเพราะไม่สามารถตามไปได้  ต้องยืนต่อแถวเอากระเป๋าข้างรถอยู่  ทำให้เจ้าตัว
เล็กถอนหายใจก่อนจะหยุดเดิน

               สแกนรับเอากระเป๋าได้ก็วิ่งจ้นมาทางข้าวตูทันที   แต่ใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้มของสแกนนั้นทำให้ข้าวตูหน้ามุ่ยอยู่ไม่เลิกตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว   แต่สแกนเองก็หน้าตายด้านไม่รู้สึกอะไรกับเค้าหรอกนะ  เหมือนคนหัวดื้อซะไม่มี

“ นี่ๆ  ทำหน้าบูดบึ้งอยู่ได้ เป็น 10 ชั่วโมงแล้วนะ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง  ” เจ้าของเสียงพูดแหย่โดยไม่ได้ดูสถานการณ์อะไรเลย
เชียว

“ ทำไมต้องตามผมมาด้วยครับ ”  เจ้าตัวเล็กทำตาเขียวถามใส่คนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

“ฮ่าๆ  ไม่มีอะไร แค่อยากมาฝากตัวเป็นลูกเขยพ่อกำนันนิดหน่อยเอง    อย่าคิดมาก”

“ฮะ! ว่าไงนะ   นี่นะหรอไม่ให้ผมคิดมาก  จะบ้าหรอ พ่อของผมไม่เหมือนใครหรอกนะรุ่นพี่   พ่อจับมีดโยนมีด จับปืนก็ยิงปืน จับ
ไม้เขวี่ยงไม้เชียวนะครับ  ไม่ได้แล้ว ผมจะพาพี่ไปซื้อตั๋วตีกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้เลย เที่ยวสุดท้ายยังไม่ออกเลย”

“ไม่!  พี่ไม่กลับเด็ดขาด”  ว่าแล้วสแกนก็ยืนกอดอกเบ้หน้าไปทางอื่น แต่กลับอมยิ้มอย่างนึกสนุกขึ้นมา   ก่อนจะมองหรี่ตาไป
ทางเจ้าตัวเล็ก

“ ทำไมพูดยากแบบนี้นะ  ทำไงดีเนี่ย พ่อก็ขับรถมาแล้วด้วย โน่นหน่ะเห็นไหม  เอาไงดีเนี่ย”  ข้าวตูพูดพร้อมกับสีหน้าที่เครียด
มาก  ตอนนี้รถกระบะสีดำป้ายแดงขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว   ไม่นานผู้ชายวัยสูงอายุก็ลงมาจากรถนั้นพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม   

“ สวัสดีครับพ่อ ”  ข้าวตูไหว้พ่อก่อนจะหันไปบอกอีกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยให้ไหว้ตาม

            สแกนเห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าที่สูงเกือบพอๆกับเค้า แล้วมองวิเคราะห์ดูการแต่งตัวเสื้อลายกับกางกางขายาวมีผ้าขาวม้ามัดเอว แถมยังมีสร้อยพระไม่รู้กี่องค์ห้อยอยู่ที่คอ ล้วนแล้วแต่เป็นสีทองทั้งนั้น

“เอ่อ… สวัสดีครับ คุณพ่อ”  สแกนยิ้มเจื่อนๆก่อนจะไหว้คนตรงหน้า

 “หวัดดีลูก  ข้าวตูนี่เพื่อนเค้าก็อยู่แถวๆหนองคายเหมือนกันหรอลูก” ผู้เป็นพ่อหันมาถามลูกชายตัวเล็กของเค้าทันทีที่เห็นว่าลูก
ชายไม่ได้กลับมาคนเดียว

“เอ่อคือ… พ่อถามเค้าเองก็แล้วกัน  ผมไปรอที่รถแล้ว” ข้าวตูพูดปัดๆทำเอาพ่อที่กำลังถามอยู่เมื่อกี้ ทำหน้างงๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้สแกนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลัวพ่อตาขึ้นมาแล้ว

“ฮ่าๆ เจ้าข้าวตู มันก็เป็นแบบนี้ของมันนั่นแหละ ว่าแต่พ่อหนุ่มเถอะ จะติดรถให้ฉันไปส่งที่บ้านไหม”

“เอ่อ… คือ อย่างนี้ครับคุณพ่อ   คือผมเนี่ยนะครับ เป็นรุ่นพี่ข้าวตูเค้าที่มหาวิทาลัยหน่ะครับ”

“อ้อหรอ  ดีจริงๆเนาะมีรุ่นพี่จากจังหวัดเดียวกันไปเรียนที่เดียวกัน  แถมได้กลับมาด้วยกันอย่างนี้ คนเป็นพ่ออย่างกำนันเบิ้มคนนี้
ก็สบายใจ”

“เอ่อ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมเป็นคนกรุงเทพหน่ะครับ …”

“อะไรนะ!”  กำนันเบิ้มหุบยิ้มก่อนจะตกใจเมื่อได้คำตอบที่ไม่ตรงกับความคิดของตัวเองแล้วหรี่ตาพิจารณาไปทางหนุ่มหน้าตาดีที่
อยู่ตรงหน้า

“แฮะๆ  แหมอย่าเพิ่งมองผมดุๆ อย่างนั้นสิฮะคุณพ่อ”

“แล้วสรุปเอ็ง  จะมาหนองคายทำไมพ่อหนุ่ม รึว่าเจ้าข้าวตูชวนมาเที่ยวบ้านสินะ”

“ป่าวครับ  ผมจะมาขออยู่ที่บ้านข้าวตูตลอดในช่วงเวลาปิดเทอมนี้ครับ”

“หา…ว่าไงนะพ่อหนุ่ม   นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย…”

     กำนันเบิ้มหัวเสียเพราะรู้สึกว่าเค้าคิดอะไรไว้ดูเหมือนจะผิดไปหมดเลย  แล้วดูเหมือนเค้ากำลังพิจารณารุ่นพี่ของข้าวตูเป็นพิเศษ  ด้วยรูปร่าง  หน้าตาผิวพรรณ ก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่าเค้าไม่ใช่คนอีสานแน่นอนก่อนจะได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไปอีก  เจ้าตัวเล็กในรถที่นั่งรออยู่สักพักก็ดูเหมือนจะหมดความอดทน

“พ่อ… กลับได้รึยัง รอนานแล้วนะ  ไปคุยกันต่อที่บ้านไม่ได้หรอ  เดี๋ยวขับรถกลับเองซะเลยหนิ”

“เออๆ…ไอ้ลูกคนนี้ กำลังไปๆ  ไอ้หนุ่มขึ้นรถ!  เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน  ไปถึงบ้านหวังว่าจะมีเหตุผลเพียงพอนะสำหรับการมาอยู่
บ้านของคนอย่างกำนันเบิ้มถึง 1 เดือนแบบนี้”

“อะ…ครับๆ  เหตุผลดูน่าจะเพียงพอครับ  แต่ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรที่พอเพียงรึเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่ผมห่วงมากกว่าครับคุณพ่อ”

“พุดอะไรของแกวะ วกไปวนมา  ข้าสับสน ไปขึ้นรถ เร็วเข้า  เดี๋ยวเอาปืนไล่ต้อนเลยหนิ ไอ้รุ่นพี่”

“คะ…ครับคุณพ่อ กำลังไปครับ”  สแกนเดินจ้ำอ้าวไปที่รถกระบะสีดำ ป้ายแดงทันทีก่อนจะได้กินกระสุนปืนเข้าให้จริงๆ

“หยุด!” เสียงของกำนันเบิ้มตะโกนสั่ง

“อะไรหรอครับคุณพ่อ” กำนันเบิ้มหรี่ตามองดูสแกนก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ

“แกต้องนั่งหลังกระบะโน่น  โทษฐานหน้าตาหล่อเกินกว่าเหตุ  ไปนั่งข้างหลัง”

“เอ๋?” สแกนเผลอขานออกมาด้วยความงงสุดขีด นี่เค้าหน้าตาดีก็ผิดด้วยอย่างนั้นหรอ

“นี่พ่อ  ให้พี่เค้ามานั่งข้างในรถเนี่ยแหละ  นี่ก็มืดแล้ว กว่าจะขับถึงบ้านอีกนะ  ลมตีหน้าเหนียวหมดพอดี”

“ไม่ได้ๆ พ่อไม่ให้นั่งก็คือไม่ให้นั่งสิ   พ่อหนุ่มนั่งข้างหลังสะดวกดีใช่ไหม บอกข้าวตูมันไปว่านั่งสบาย เร็วเข้า”

“โห บังคับกันชัดชัด”

“ว่าไงนะ พูดใหม่สิพ่อหนุ่ม”  สแกนหันไปมองเห็นสายตาพิฆาตจากคุณกำนันเบิ้มแล้วก็ต้องสะดุ้งโหย่งเลยทีเดียว

“เอ่อ เปล่าครับ เมื่อกี้พูดคนเดียวครับ นั่งข้างหลังสบายดีมากมายเลยหล่ะครับ แฮะๆ” สแกนยิ้มเจื่อนๆก่อนจะกลับมาทำสีหน้า
เบื่อโลกทันที

“ดี  ไปนั่งนั่งหลังไป  ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฉันจะได้ขับรถซักที”

“อะไรของพ่อเนี่ย ให้พี่เค้ามานั่งเถอะ  มันหนาวออกซะอย่างนั้น”

“ไม่ได้ เป็นผู้ชายมันต้องเข้มแข็ง  จะดูสิว่าไอ้เด็กกรุงรุ่นพี่เอ็งจะไปได้ซักกี่น้ำเชียว”

“อ้าวแล้วลูกพ่อหล่ะ จะให้ไปทดสอบความเป็นชายด้านหลังกับรุ่นพี่ด้วยไหมครับ” ข้าวตูเปรียบเทียบตัวเองกับคำสั่งที่คนเป็นพ่อยื่นให้จะว่ายัดเยียดก็ได้นะ

“อะไรของเอ็งวะ ลูกหัวแก้วหัวแหวนอย่างเอ็งไม่ต้อง  เป็นข้อยกเว้นของพ่อโว้ยไอ้ลูกชาย”

“อะไรของพ่อเนี่ย ผมปวดตัว กลับบ้านได้แล้วพ่อ  ส่วนพี่ก็ทนๆนั่งไปเถอะนะ  พ่อก็เป็นแบบนี้แหละ จะทดสอบอะไรนักหนาก็ไม่รู้”

“อ้าวไอ้ลูกชาย  ว่าพ่อซะงั้น  ไปGo To  ตำบล…..”

“เฮ้อ ไปได้สักที พ่อนะพ่อ”

             ข้าวตูบ่นให้พ่ออยู่คนเดียวก่อนก่อนจะเหลือบไปมองสแกนที่นั่งอยู่หลังกระบะ  รายนั้นก็หน้าตายด้านจริงๆสถานการณ์แบบนี้แล้วยังจะยิ้มได้อีกนะ  เฮ้อดูท่าพ่อจะได้คนที่เหมาะสมกับพ่อแล้วแหละ งานนี้บ้านเละแน่



            เช้าวันใหม่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ    ครอบครัวของเกี๊ยวปลาพร้อมใจกันกำลังรอขึ้นเครื่อง  ที่ยืนอยู่ในตอนนี้ประกอบไปด้วยเค้าเอง ป๊า มา แล้วก็พี่แมว  พี่หมี จากห้องทองสาขาเยาวราช  แล้วก็กงกับม่า สรุปแล้วคือทั้งบ้านก็ว่าได้  แล้วอีกอย่างก็คือมีอีกหนึ่งครอบครัวที่จะไปด้วยนั่นก็คือ  ครอบครัวป้าเหมยแต่ดูเหมือนจะมีแค่ป้าเหมยคนเดียวที่ยืนอยู่ตอนนี้ ส่วนแฟนป้าเค้ารออยู่ที่จุดหมายปลายทางก่อนแล้ว เพราะทำงานเป็นหุ้นส่วนบริษัทอะไรไม่รู้สักอย่างในประเทศที่เค้ากำลังจะไปเยือน  แต่ดูเหมือนว่าป้าเหมยจะดูร้อนรนเหมือนกับว่ารอใครอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย

“ป้าเหมยครับ รอใครอยู่รึเปล่าครับ” เกี๊ยวปลาตัดสินใจเดินเข้าไปถาม  หญิงสาวที่อยู่มากกว่าหันมามองเกี๊ยวปลาก่อนจะตอบด้วยสีหน้ากังวล

“ป้าก็รอ ตี๋เล็กอยู่นี่ไง  ไม่รู้ว่าเจ้าลูกคนนี้จะเบี้ยวป้ารึเปล่า  แต่ป้าก็บอกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะว่าให้มา….”

“งั้นหรอครับ  นี่พี่ตี๋เล็กจะไปด้วยคนหรอครับ ดีใจจังเลยจะได้เจอพี่ตี๋เล็กสักทีนึง” เกี๊ยวปลาตาเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าพี่ชายที่
แสนดีของเค้าจะไปเที่ยวทัวร์รอบนี้ด้วยคน อีกอย่างเค้าก็จะได้ถือโอกาสนี้ได้เห็นรุ่นพี่ด้วย

“เอ่อ…ขอโทษครับที่ทำให้รอ  แฮะๆ  ผะ…ผม มาแล้วครับ”

              เสียงดังที่ฟังดูแล้วเหมือนวิ่งมาจนเหนื่อย ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องดังขึ้นอีกทางของป้าเหมยกับเกี๊ยวปลากำลังชะเง้อมอง  แต่แล้วก็ต้องหันไปทางต้นเสียงนั้นทันที ภาพที่เห็นคือหนุ่มร่างสูงหน้าตี๋ สีขาวเหมือนลุกครึ่งกำลังหอบแครกๆ ด้วยความเหนื่อย  แต่สายตาที่เกี๊ยวปลามองไปกลับต้องแทบเป็นลม

“นี่นาย  มาทำอะไรที่สุวรรณภูมิ  นี่วิ่งมาผิดที่รึเปล่า   รู้จักกับพวกเราหรือไงกัน  อ้อรู้แล้ว  อย่าบอกนะว่าปิดเทอมก็จะไปต่าง
ประเทศเหมือนกันกับเค้านะ”


       เกี๊ยวปลาไม่พูดอะไรมากหลังจากเรียกสติกลับคืนมาได้แล้วก็เดินพุ่งไปด้านหน้าหาเรื่องคนที่เค้ารู้จักหน้าตาเป็นอย่างดี 
แต่ร่างนั้นก็เริ่มจะหายเหนื่อยบ้างแล้วจึงเริ่มยืนตรงๆทำให้ทุกคนได้เห็นชัดๆแล้วว่าเค้าคือใคร ยกเว้นแต่เพียงเกี๊ยวปลาที่ไม่ได้รู้
เรื่องอะไรกับเค้าเลย   ทุกคนนั้นอ้าปากหวอตามกันไปหมดเมื่อได้เห็นหน้าแขกใหม่ที่เพิ่งวิ่งมาเยือนว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก  ‘ตี๋เล็ก’ แต่ใจเจ๋งก็ยังทำปากจุ๊ๆไว้อย่างที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าห้ามบอกและห้ามพูดชื่อเค้าให้เจ้าเด็กหนุ่มนี่รู้เป็นอันขาด

“นี่ ตอบฉันสิ ไอ้ใจเจ๊ง  บอกมา นายมาที่นี่ทำไม!” เสียงคำถามของเจ้าตัวเตี้ยกว่าถามตะโกนดังลั่นขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้า
ยังคงทำหน้าทะเล้นใส่เค้า

“ก็เปล่านี่ ถามมาซะเยอะเชียวจะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนหล่ะพ่อคุณ   อีกอย่างเค้าไม่ได้ติดไว้สักหน่อยนะว่าห้ามให้คนหล่อ
หน้าตาดี เพอเฟคอย่างใจเจ๋งคนนี้เข้ามาในสนามบิน”ใจเจ๋งพูดแล้วก็ยิ้มด้วยความภูมิใจในรูปลักษณ์สัณฐานของตัวเอง

“ป้าเหมยครับ  ผมว่าถ้าพี่ตี๋เล็กมาเมื่อไหร่  เราจะไปกันทันทีผมไม่อยากเสวนากับคนบ้าที่อยู่ตรงหน้านี้สักเท่าไหร่”

“จุ๊ๆ  เห็นที ฉันว่างวดนี้คงจะได้ไปเสียแล้วหล่ะ   ดูโน่นเครื่องกำลังจะออกแล้ว  บ้ายบาย  จะอยู่รอไอ้ตี๋เล็กอะไรนั่นคนเดียวก็
ตามแต่นะ ฉันไปรอที่ด้านบนแล้วกัน”

           พูดจบหนุ่มตี๋ก็ยักคิ้วกวนๆให้เกี๊ยวปลาก่อนจะเดินเข้าไปตามทาง  ป้าเหมยเองก็เริ่มจะขยับตัวบ้างแล้วเหมือนจะเดินตาม
ไอ้หมอนั่น

“เดี๋ยวสิครับป้าเหมย  จะไปแล้วหรอ  ผมว่ารออีกนิดดีกว่านะครับ เผื่อพี่ตี๋เล็กกำลังจะมาก็ได้ อาจจะรถติดอยู่ก็ได้นะครับ ”

“เอ่อ ป้าว่าไม่ต้องรอหรอก  เดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทันกันพอดี  ไว้รอให้ตี๋เล็กตามมาก็แล้วกันนะจ๊ะ  ส่วนคนเมื่อกี้เป็นคนทางบ้านป้าเองแหละนะ  นี่ไม่นึกเลยว่าจะรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ด้วย ” ป้าเหมยยิ้มให้เกี๊ยวปลาหน้าเจื่อนๆเพราะเธอเองก็คงจะคิดไม่ออกว่า
ถ้าหากเกี๊ยวปลารู้ว่าคนที่เค้าไปต่อกลอนด้วยเมื่อกี้เป็น อาตี๋เล็ก แล้วหล่ะก็เค้าจะทำสีหน้ายังไงกันนะ

“จริงด้วยสิ พวกเราก็ออกเดินทางได้แล้วสินะ ไปกันเถอะซานหง  ป๊าว่ายังไงซะเดี๋ยวก็ได้เจอกันเพียงแต่ตอนนี้เหมือนจะมีเส้น
ผมบังภูเขาก็ตามแต่นะ  ” ไม่นานพ่อของเกี๊ยวปลาก็พูดช่วยป้าเหมยขึ้นมาบ้าง 

“อะไรของป๊าเนี่ย เส้นผมบังภูเขาหรอ  พูดอะไรให้งงๆอยู่เรื่อยเลยนะป๊าหน่ะ” เกี๊ยวปลาหน้ามุ่ยใส่พ่อก่อนจะเดินจ้ำอ้าวตามพี่แมวพี่หมีเข้าไป

“เอาไงดี อาเหมย  ถ้าซานหงรู้ว่าหนุ่มตี๋ที่เพิ่งไปฟัดเสียงใส่เมื่อกี้เป็นอาตี๋เล็กจะทำยังไงดี”

“ไม่รู้สิ สุดแล้วแต่เจ้าตี๋เล็กมันนั่นแหละ ไม่รู้จะปกปิดอะไรนักหนา บอกว่านึกเรื่องสนุกๆออกซะงั้น ไปเถอะอย่าห่วงไปเลย เจ้าตี๋
เล็กมันคงจะมีเหตุผลของมันแหละนะ”

            ชายผู้เป็นพ่อของเกี๊ยวปลาพยักหน้าเหมือนเข้าใจก่อนจะเดินเข้าไปตามทางเพื่อขึ้นเครื่อง   บนเครื่องบินทั้งสองคนเกี๊ยวปลาและใจเจ๋งเองก็แถมได้นั่งข้างกันอีกต่างหาก  ใจเจ๋งเองก็ทำสีหน้ากวนไม่เลิกรา ส่วนเกี๊ยวปลาเองก็หน้ามุ่ยหงุดหงิดไม่ยอมหยุด

“นี่ นั่งให้มันดีๆหน่อยได้ไหม  ฉันอยากจะรู้จริงๆเลยว่าใครชวนนายมาด้วย  นายหน่ะไม่เคยไปต่างประเทศหรือไงกัน”

“โน่นไงชวนฉันมา ด้านหลังโน่น  ”  ใจเจ๋งชูนิ้วโป้งไปด้านหลังเค้า ก็เป็นป้าเหมยนั่นเองที่ชวน

“…จะว่าฉันไม่เคยไปต่างประเทศก็เหมือนจะดูถูกฉันเกินไปนะ ว่าแต่นายเถอะไปบ่อยกว่าฉันแล้วหรือไงกัน ก่อนจะมาเปรียบ
เทียบช่วยพิจาณาตัวเองด้วยนะ เพิ่งจะไปเป็นครั้งที่ 2 ไม่ใช่หรอถ้าฉันจำไม่ผิด”

“ นี่นายเป็นใครกันแน่  รู้ได้ยังไงกันคนนอกอย่างนายหน่ะ  พูดจาเหมือนตัวติดกันตลอด อยู่บ้านหลังเดียวกันกับฉันรึไงกัน ”

             เกี๊ยวปลาบ่นใส่คนข้างๆรัวเลยทีเดียวก่อนจะหันไปถามอีกคำถามหนึ่งอย่างกับคนเบื่อโลกมาก

“ว่าแต่…รู้จักกับป้าเหมยด้วยหรอนายหน่ะ”

“อืม รู้จักดีเลยแหละ  ทำไมหรอ  คนอย่างฉันเนี่ยมันดูเหมือนคนที่ไม่มีใครเค้าจะรู้จักเลยหรือไง”

“ก็คงอย่างนั้นมั้ง”  เกี๊ยวปลาพูดแบบไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปทางทางกระจก เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แต่ใจเจ๋งกลับมองออกมาเค้า
กำลังคิดอะไรอยู่

“นี่  กำลังคิดอยู่หล่ะสิ  ว่านายตี๋เล็กอะไรนั่นหน่ะอาจจะไม่ตามมาเที่ยวด้วย” ใจเจ๋งแหย่เล่นทั้งๆที่รู้อยู่ว่าตี๋เล็กก็คือตัวเค้าเองนั่น
แหละ

“ใช่ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าแม้แต่จะพูดอะไรไม่ดีให้พี่ตี๋เล็กของฉันเชียวนะ ไม่งั้นเจอดีแน่ๆ” เกี๊ยวปลาชี้นิ้วไปที่หน้าใจเจ๋ง
อย่างประชันชิด ทำเอาร่างสูงขาวนั้นหัวเราะขำขึ้นมาเบาๆ

“ไอ้ตี๋เล็กเนี่ยนะ ปกป้องกันดีจริงๆ ฮ่าๆ  ทีไอ้ใจเจ๋งคนนี้มีแต่โดนตะคอกใส่ซะขนาดนั้น”

“ทำไม  อิจฉาหล่ะสิ ไม่บอกก็รู้หรอก พี่ตี๋เล็กหน่ะนะ เป็นพี่ชายที่น่ารัก ใจดี เสียสละ  มีน้ำใจมากๆ อีกอย่างเท่ห์และหล่อกว่า
นายตั้งเยอะ นายหน่ะไม่มีอะไรสู้พี่ตี๋เล็กได้เลยซักอย่าง นายใจเจ๊ง!”

“อ้าวๆ นี่ๆพูดให้มันดีๆนะ ถึงฉันจะเป็นคาสโนว่าแต่ก็ได้ขึ้นชื่อหล่ออันดับต้นๆของมหาวิทยาลัยเชียวนะพ่อคุณ โถ่เอ้ย”

“แล้วยังไง  ฉันนี่แหละคนหนึ่งที่จะค้านหัวชนฝาคนแรกเลย”

“โถๆ ฮึออกตัวเร็วจังนะ  ไม่แน่นะนายตี๋เล็กอะไรนั่นอาจจะไม่ได้ดีไปกว่าฉันสักเท่าไหร่นักหรอก”

“หา…นั่นปากนายหรอนั่นหน่ะฮะ   !  มาว่าพี่ตี๋เล็กสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ได้ไง  เดี๋ยวเอาดินกลบปากดีไหมเนี่ย”

“ฮ่าๆ  ฉันว่าถึงตอนนั้นแล้วนายต้องเปลี่ยนคำพูด   เกี๊ยวปลา”

“ทำไมต้องเปลี่ยนคำพูดด้วย  คนอย่างนายสู้อะไรพี่ตี๋เล็กไม่ได้สักนิด”

“นั่นหน่ะสินะ  ไอ้นั่นมันหล่อ มันเสียสละ มันเป็นคนดี  มันดูดีไปหมดเลยเนาะ” ใจเจ๋งพูดเหมือนใจหนึ่งคือชมตัวเองนั่นแหละ แต่
อีกใจหนึ่งก็เพียงแค่แหย่ๆคนข้างๆเล่นเท่านั้นเอง  และเค้าก็หรี่ตามองดูปฏิกิริยาเกี๊ยวปลาดูว่าจะเป็นยังไง

“ฮึ รู้ตัวก็ดีแล้ว นายไม่มีอะไรจะสู้ได้เลยสักนิดเดียว  ดีแต่กวนประสาทฉันไปวันๆ  ”

“โอเคๆ ไม่เถียงก็ได้   เจ้าซานหงน้อย!”

              ใจเจ๋งเอี่ยวหน้าไปใกล้แก้มด้านขวาของเกี๊ยวปลาก่อนจะกระซิบประโยคเมื่อกี้ไป  ทำเอาเจ้าตัวที่ได้ยินชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้กลับตกใจมาก เพราะถ้าเป็นนอกอย่างตาหมอนี่มีหรอจะรู้จักชื่อ ซานหงของเค้าได้ เกี๊ยวปลาหันหน้าควับมา ปากของทั้งสองคนเกือบจะโดนกันอยู่แล้วเชียวแต่เกี๊ยวปลาไหวตัวทันรีบผละตัวออกมา

“นี่นายเป็นใครกันแน่ รู้จักชื่อของฉันได้ยังไง”

“ไม่รู้เหมือนกัน  เห็นม๊า เอ้ย…ป้าเหมยบอกมา  แต่ชื่อน่ารักดีเนาะว่าป่าว แล้วทำไมเจ้าของชื่อทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลยหล่ะ
ซานหง”

“มันเรื่องของฉันหน่า  แล้วนายก็ไม่ต้องพูดชื่อนี้ให้ฉันได้ยินด้วยนะ  นายไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยชื่อฉันได้ เพราะนายเป็นคนนอก”

“หรอ…” ใจเจ๋งลากเสียงยาวก่อนจะยักคิ้วให้เกี๊ยวปลาทีหนึ่ง

“นายมันเป็นสัตว์ประหลาดกวนประสาทประเภทไหนกันเนี่ย”

“ก็แล้วแต่นายจะตั้งชื่อ หรือไม่ก็จัดสปีชี่ย์ ให้ฉันใหม่เลยก็ได้นะ  ตามใจนาย”

“ตั้งเองสิ  โอ้ย อย่ายุ่งให้มันมากความได้ไหม  หงุดหงิด”

“ครับๆ น้องซานหง!”

           ใจเจ๋งพูดแหย่รับคำก่อนจะหันไปอีกด้านแล้วทำเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย  เกี๊ยวปลาอึดอัดกับคนกวนประสาทคนนี้มาก ขนาดเพิ่งบอกอยู่หยกๆว่าถ้าเป็นคนนอกไม่ต้องเรียกชื่อค้าเป็นเด็ดขาด  แต่นี่เหมือนเค้าจะเป่าปี่ เป่าขลุ่ย เป่าโหวตให้สัตว์ประหลาดฟังสินะ   เจ้าคนที่เพิ่งจะแหย่ซานหงเมื่อกี้ทั้งๆที่หลับตาแต่กลับยิ้มออกมาเนี่ยนะ  ถ้าเกี๊ยวปลาได้เห็นเค้าตายแน่  ‘ ไปจีนครั้งนี้สนุกแน่ ซานหงของพี่ตี๋เล็ก ’ ว่าแล้วใจเจ๋งก็ยิ้มออกมามันเป็นยิ้มที่มีความสุขมาก  แต่เค้าไม่ได้รู้ตัวหรอกว่ากำลังทำอะไรอยู่ใจเจ๋งเอ้ย




 :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :mew1: :mew3: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






na-au

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าหลานเกี้ยวปลารู้ความจริงเรื่องพี่ตี๋เล็ก   :a5:

คนแก่ไม่อยากนึกเลย  :ling3:

 :bye2: :bye2:


loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 13



            สายลมพัดโชยมายังร่างคนงานที่นี่อย่างอ่อนกำลัง ทำให้หยาดเหงื่อที่กำลังไหลรินพอจะแห้งลงไปได้บ้าง คนงานหลายสิบชีวิตที่ลานทุ่งหญ้าลูกฟูกกว่า 200 ไร่  มีต้นไม้ขึ้นแสมบ้างประปราย มีการจัดพื้นที่ไว้ได้อย่างลงตัว  ทั้งสวนผลไม้  สวนยาง และที่สำคัญยังมีฟาร์มแกะ ฟาร์มไก่ ฟาร์มโคนม  อยู่ด้วย   ถ้ามองให้ดีๆชายร่างสูงหนา แววตาคมกริบแลดูมีอำนาจแต่จิตใจอ่อนโยน และเอื้ออาทรแก่ลูกน้องที่นี่  เค้าใส่เสื้อสีแดงลายสก๊อตแล้วสวมทับด้วยเสื้อกักสีน้ำตาลหนาแล้วสวมหมวกปีกกว้างๆดูๆไปก็เหมือนคาวบอย ไม่มีผิดเลยทีเดียวเชียว   ด้วยหน้าตาที่อายุเพียง 40 นิดๆ อย่างเค้าและรูปลักษณ์สัณฐานที่ดูน่าเกรงขามและหล่อเหลาเอาเรื่อง  กำลังนั่งอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่สีขาว เหมือนกำลังนั่งขี่ตรวจตราที่พื้นที่ฟาร์มแห่งนี้เค้าก็คือ…พ่อของปาร์ตี้ เด็กหนุ่มแว่นแดงนั่นเอง

“คุณพ่อ!” เด็กหนุ่มที่กำลังทำงานช่วยคนงานที่ทุ่งหญ้าอุทานขึ้นเมื่อเห็นพ่อขี่ม้าเข้ามาหาที่ลานทุ่งหญ้าโล่ง   

“ไง ตื่นแต่เช้าเชียวนะ  พาแกะมาเล็มหญ้า แต่เช้าขนาดนี้ ได้กินข้าวเช้าหรือยังลูก”

“เรียบร้อยแล้วครับ  แต่คนงานนั้นผมไม่รู้เหมือนกัน  อีกซักพักผมว่าจะไปที่ฟาร์มโคนมนั่นต่อ ไม่รู้ว่ามีคนไปทำความสะอาดที่
พักพวกโคนมแล้วรึยังอ่ะครับ”

“ฮ่าๆ  ขยันจริงๆเชียวลูกพ่อ  ขึ้นมานั่งกับพ่อนี่มา เดี๋ยวพ่อไปส่ง” คนเป็นพ่อยื่นมือให้ลุกชายตัวเล็กของเค้าที่อยู่ด้านล่าง

“ขอบคุณครับพ่อ”

        ไม่นานฝีเท้าของเจ้าม้าขาวที่พวกเค้าขี่กันอยู่นั้นก็เริ่มควบวิ่งแล่นออกไปทางทุ่งหญ้าโล่ง ปลายทางคืออยู่ที่ฟาร์มโคนม ที่ห่างออกไปอีก 2 3 ร้อยเมตรข้างหน้า  เด็กหนุ่มแว่นแดงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของคุณพ่อหน้าหนุ่มก็ได้เอ่ยถามคำถามบางอย่างที่คาใจมานานแล้ว

“คุณพ่อครับ…”

“หืม…”

“ถ้าผมจะขอถามอะไรคุณพ่อสักอย่างจะได้ไหมครับ”

“อะไรหล่ะ  ไอ้ตัวเล็กของพ่อ” หนุ่มวัยกลางคนยิ้มออกมา ขณะควบม้าอยู่

“ถ้าหากมีคนคนหนึ่งเค้ารักผมมากๆๆ  มากเสียจนขาดผมไปไม่ได้  คุณพ่อจะว่ายังไงครับ”

              ประโยคสิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เริ่มดังขึ้นจากผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่อะไรหรอก ร้อยวันพันปี เค้าไม่ยักกะเห็นลูกชายของเค้าคนนี้พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แต่มาวันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปหมด

“ฮ่าๆๆ  พูดๆอยู่นี่ ดูเหมือนคนคนนั้นจะรักลูกมากทีเดียว  อย่าบอกพ่อนะไอ้ตัวเล็กว่าลูกกำลังมี…”

“เปล่าๆ…ครับคุณพ่อเพียงแต่ว่า  ผมแค่ถามเท่านั้นเอง  คุณพ่อไม่โกรธใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มรีบตอบพ่อของเค้าก่อนที่แก้มของ
เค้าจะแดงกว่านี้

“พ่อไม่ได้ว่าอะไรหนิ   แต่… ต้องเล่าให้พ่อฟังก่อนว่าต้นเหตุความเป็นมาคืออะไรกันแน่  เข้าใจไหม!” ชายหนุ่มก้มลงมองดูลุก
ชายด้วยแววตาที่แน่วแน่  เพราะตอนนี้เค้าคนเดียวเท่านั้นมีจะปกครองและดูแลลุกชายสุดที่รักของเค้าเพราะ  ปาร์ตี้ไม่มีแม่เพราะเธอได้ไปมีอนาคตใหม่กับชายหนุ่มต่างประเทศ ทิ้งไว้แต่เพียงลูกชายคนเล็กไว้กับเค้าให้ดูแล  ส่วนพี่ชายคนโตนั้นอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศ   ตอนนี้มีเพียงเค้าเท่านั้นที่ดูแลปาร์ตี้มาตลอด เรื่องเนื้อคู่ของลูกชายแบบนี้ผู้เป็นพ่อย่อมต้องพิจารณาและตรวจสอบให้มั่นใจเสียก่อน

“เอ่อ…คือ  เรื่องมันมีอยู่ว่า…” เด็กหนุ่มแว่นแดงกำลังเรียบเรียงคำพูดและเหตุการณ์ทุกอย่าง

   เมื่อสองวันก่อนที่เค้าจะกลับมาบ้าน ซึ่งมันเป็นวันหลังสอบเสร็จพอดีพวกคุณคงจะยังจำกันได้   เมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็นรถ Aston Martin One-77  ยุโรปหรูถูกขับมารับปาร์ตี้ที่รออยู่หอก่อนหน้านั้นแล้ว 

“ปาร์ตี้ พี่มารับแล้วครับ  พร้อมรึยังเอ่ย”  ชายหนุ่มแต่ตัวภูมิฐานสมาร์ท  มาดแมนสมกับชายหนุ่มที่มีโรงแรมหรูริมเจ้าพระยา

“เรียบร้อยนานแล้วหล่ะรายนั้น เค้านั่งหรอคุณเก้อเลยทีเดียว  ไปเที่ยวกับพี่โปเลย์ให้สนุกนะปาร์ตี้ ” ข้าวตูยิ้มให้เพื่อนรักอย่างมีมีความสุขไปด้วย อย่างน้อยๆพี่โปเลย์ก็ไม่ได้ใจร้อนเหมือนตาบ้ายอร์ชอะไรนั่น

“อืม ฝากดูห้องด้วยนะข้าวตู  เกี๊ยวปลาชอบทำห้องเลอะ ยังไงซะก็เก็บกวาดให้เค้าหน่อยก็แล้วกัน…” ปาร์ตี้พูดดังพอให้เกี๊ยว
ปลาได้ยิน

“พูดมากหน่าไอ้แว่นแดง  รีบๆไปเลยนะ  ก่อนจะกักไว้ไม่ให้ไป” เสียงเกี๊ยวปลาที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำตะโกนออกมา ทำให้
ทั้งทาม ข้าวตู พี่โปเลย์หัวเราะออกมา

“รู้แล้วหน่า” ปาร์ตี้ตะโกนกลับเพื่อนไป  ก่อนจะเดินนำหน้าพี่โปเลย์ออกมาจากห้อง 

        บนรถคันหรูที่ออกแบบมาให้นั่ง 2 คนโดยแท้  ปาร์ตี้ยิ้มให้พี่ชายที่นั่งข้างๆอย่างเป็นกันเอง  ไม่มีแม้แต่อาการเกร็งเหมือน
แต่ก่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน  รุ่นพี่อย่างเค้าได้ทีก็เอามือน้อยๆมากุมไว้ภายใต้มือหนาๆของเค้าแล้วยิ้มกลับไปบ้าง

“ขออนุญาตจับมือ ลูกชายเจ้าของฟาร์มชื่อดังแห่งภาคตะวันออกหน่อยนะครับ  คงไม่ว่ากันนะ” โปเลย์ยิ้มเขินๆให้ปาร์ตี้ แต่ดูๆไปแล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้มีทีท่าจะเอามือออกจากมือหนาๆนั้นเลย

“ครับ!” หนุ่มแว่นแดงตอบแบบอายๆ ก่อนจะถูกร่างหนาจับหน้าให้หันมาที่เค้าตรงๆ  โปเลย์เอื้อมมือไปถอดแว่นแดงประจำตัว
ปาร์ตี้ออกแล้วยื่นคอนแทคเลนส์ให้หนุ่มน้อยตรงหน้า

“ใส่นี่แทนแล้วกันนะ  หนุ่มน้อยของพี่” ปาร์ตี้ใส่คอนแทคอย่างว่าง่ายแล้วกระพริบตาสองครั้งก่อนจะหันมายิ้มให้รุ่นพี่ที่อยู่ข้างๆ

“ขอบคุณนะครับ  ว่าแต่วันนี้พาผมไปไหนเอ่ย ”

“ที่สวนอาหาร แถวๆถนนรัชดาภิเษก พี่เชื่อว่าปาร์ตี้ต้องชอบแน่ๆ  หิวแล้วใช่ไหมครับ”

“ตามใจพี่เลยครับ ผมยังไงก็ได้”

           ไม่นานก็ถึงสวนอาหารถนนรัชดาภิเษก มันเป็นร้านอาหารที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ  ภายในร้านตกแต่งร้านทันสมัย ดีไซน์โมเดิร์น เก๋ ๆ แนวเรือนต้นไม้และเรือนกระจก ซึ่งทางร้านมีเลือกนั่งทั้งด้านในและด้านนอก  ร้านอาหารที่อยู่ใจกลางเมืองแล้วยังตกแต่งแบบที่พุดไปเมื่อกี้ ไม่ใช่ว่าจะหาทานได้ง่ายๆนะ ปาร์ตี้เองถึงกับยิ้มออก เมื่อมาถึงที่ร้านแห่งนี้   ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลกันมาทานที่ร้านนนี้แล้วเหมือนกัน

“มันสวยมากเลยครับ  พี่โปเลย์เคยมาทานที่นี่บ่อยๆสินะครับ”

“ก็ไม่บ่อยนักหรอกนะ  แต่สำหรับปาร์ตี้แล้วเนี่ย พี่จะพามาบ่อยๆก็ได้ ถ้าเกิดชอบจริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ มาครั้งนี้ครั้งเดียว ผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว ทั้งๆที่พรุ่งนี้ผมก็จะได้กลับบ้านแล้วเชียว แต่ก็มาเป็นภาระให้พี่พา
ออกมาทานดินเนอร์ในวันนี้”

“อย่าพุดแบบนั้นสิครับ พี่เต็มใจต่างหากหล่ะครับ มันจะดีมากกว่าถ้าปาร์ตี้ชอบในร้านที่พี่พามา” โปเลย์ยิ้มให้หนุ่มน้อยที่ยืนอยู่
ข้างๆ ก่อนจะมองหาที่นั่ง

“ ‘ฤดูที่แตกต่าง’ อย่างนั้นหรอครับ ” ปาร์ตี้สังเกตเห็นป้ายร้านนี้  แล้วทำสีหน้างุนงงนิดหน่อย กับชื่อที่ใช้แต่ร้าน

“อืมใช่ ร้านอาหารที่นี่ เข้าท่าดีนะพี่ว่า  เป็นชื่อร้านอาหารหน่ะ  ไงว่าแต่จะนั่งด้านในหรือว่าด้านนอกครับคุณหนู”

“ด้านนอกดีกว่านะครับจะได้สูดดมอากาศอันบริสุทธิ์ได้เต็มปอด”

“ไม่มีปัญหา  เอาโต๊ะนี้แล้วกันนะครับ    น้อง….”  พูดเสร็จโปเลย์ก็ยกมือเรียกพนักงานผู้ชายให้เข้ามาหา

“ขอเมนูด้วยครับ”

“อ่อได้เลยครับรอซักครู่นะฮะ” พนักงานพูดอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปภายในร้าน ไม่นานเมนูก็มาวางไว้ตรงหน้าทั้ง
สองคน 

“ขอบใจมาก  ปาร์ตี้ครับ ตามสบายเลยนะ  เลือกแล้วก็สั่งได้เลยพี่เลี้ยงเต็มที่”

“โห เมนูเยอะแยะไปหมด  ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ พี่โปเลย์เลือกช่วยผมหน่อยสิครับพี่”

“ฮ่าๆ  เอาอย่างนั้นหรอ  อืม…พี่ว่า ปาร์ตี้ลองดูเมนูที่เค้าแนะนำดีไหม อยู่หน้าแรกด้านซ้ายมือเลย”

“อืมก็โอเคนะครับ มีปูนิ่มผัดพริกเกลือ, เกี๊ยวห่อชีส, ยำถั่วพู ปลากะพงทอดน้ำปลา, แซลมอนแซบ, ต้มยำกุ้งน้ำข้น และยำหอยเชลล์   โหน่ากินทั้งนั้นเลย เสียดายถ้าเกี๊ยวปลามาด้วยคงจะทานกันอร่อยมากเลยหล่ะครับ รายนั้นทานเก่งจะตายไปครับ”

“ฮ่าๆ  ไปแซวเพื่อนได้ไงกัน  ดีซะอีกพี่ว่า ปาร์ตี้ก็ทานให้เก่งๆเหมือนกันกับเพื่อนบ้างสิครับ เวลาพี่กอดจะได้มีน้ำมีนวล  ”

“อะไรกันผมไม่ได้ผอมนะ  อีกอย่างพี่จะมากอดผมได้ไงกัน  ผมไม่ยอมหรอกครับ”

“ฮ่าๆ นั่นสินะ ใครเค้าจะไปยอมให้กอด  แต่ถ้าเป็นคนรัก ก็ว่าไปอย่าง”

“พี่โปเลย์  พูดเรื่องอะไรกันครับ  ”

“จริงๆแล้วที่พี่พาปาร์ตี้มาดินเนอร์ค่ำคืนนี้ ก็เพราะมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอก…”

“เรื่องอะไรครับ แล้วทำไมต้องจ้องตาผมจริงจังขนาดนั้นด้วย”

“อยากรู้ไหมหล่ะครับว่าเรื่องอะไร” โปเลย์จ้องตาไม่กระพริบ  ทำให้ปาร์ตี้ยิ่งอยากรู้เข้าไปอีก

“อยากรู้ครับ” ปาร์ตี้ตอบไปอย่างมั่นใจว่าอยากรู้อยู่แล้ว  แต่โปเลย์ก็ทำหน้านิ่งเหมือนเดิมแล้วถามอีกครั้ง

“แน่ใจนะ…” ความมั่นใจของปาร์ตี้ในตอนนี้เหลือแค่ 50% หนุ่มแว่นแดงเริ่มชักจะไม่มั่นใจเสียแล้วว่าจะอยากรู้ดีไหม หรือไม่รู้จะ
ดีกว่า ดูแววตาของรุ่นพี่แล้วเจ้าเล่ห์ชะมัดยาด

“อ่ะ…เอ่อ  ก็ใช่หน่ะสิครับ”

“แน่นะ!” ตอนนี้เหลือ 25%  ไม่ไหวแล้วไม่อยากรู้แล้ว

“เอ่อ…ผม…”

“ฮ่าๆๆ อะไรกัน พี่แซวแค่นี้ ตัวสั่น ไม่มั่นใจซะแล้วหรอ  ไม่แกล้งแล้วๆ สงสารเด็ก”

“อะไรกันพี่โปเลย์ นี่แกล้งผมหรอครับ สรุปเรื่องที่จะบอกนี่มีจริงๆไหมครับเนี่ย”

“มีสิ ทำไมจะไม่มี  หลับตาก่อนสิครับ”

               ปาร์ตี้เชื่อฟังรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างว่าง่าย  ไม่กี่นาทีรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าก็เอาอะไรออกมาจากกระเป๋าซักอย่าง  แล้ววางมันไว้กับมือของเค้าเองก่อนจะบอกให้ปาร์ตี้นั้นลืมตาขึ้น

“ปาร์ตี้ ลืมมาได้แล้วครับ”

             สิ้นสุดคำพูดของชายหนุ่ม  ปาร์ตี้ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือสร้อยคอที่มีแหวนสองวงอันหนึ่งสีขาว อันหนึ่งสีฟ้าอยู่ในสานสร้อยนั้น

“สร้อยคอหรอครับ?”

“อืมใช่!รับไปสิ พี่ตั้งใจสั่งทำให้เลยนะ  เอ่อ…พี่ว่าพี่ใส่ให้ดีกว่าลองใส่ดูนะเผื่อว่ามันจะเข้ากันกับปาร์ตี้”

“ขอบคุณครับ มันสวยมากเลยครับ แหวนสองวง อันนึงเป็นชื่อของผมอีกอันเป็นชื่อของ  พี่โปเลย์”

“เก็บรักษาไว้ให้ดีๆนะ  ปาร์ตี้…”

“ครับ ผมจะเก็บมันไว้ให้ดีที่สุด”

“ดีที่สุดนี่คือแค่ไหนกันครับ” รุ่นพี่ถามแบบแกล้งๆหยั่งเชิงดู

“จนกว่าผมจะไม่สามารถดูแลมันได้  ”  คำตอบที่ได้มาทำให้รุ่นพี่อย่างเค้ายิ้มออกมาทีเดียว

“ดีมากครับ อืม… ปาร์ตี้พี่ยังไม่ได้บอกเรื่องเมื่อกี้นี้เลย  มัวแต่ให้สร้อยคออยู่…”

“ไม่ใช่เรื่องสร้อยนี่หรอครับ  แล้วเรื่องนั้นคืออะไรกันครับ”

                   ปาร์ตี้มองดูสายตารุ่นพี่ ดวงตาสองข้างนั้นจับจ้องไปที่รุ่นพี่ที่ดูเหมือนกำลังจะสูดอากาศเข้าไปให้เต็มปอดก่อนจะหายใจโล่งออกมา แต่สีหน้าและใบหูนั้นกลับแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแล้วประโยคนั้นก็เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา  แต่ปาร์ตี้กลับได้ยินคำพูดนั้นเหมือนกัน

“พี่รักปาร์ตี้นะครับ ” โปเลย์กั้นใจพูดออกมา ทั้งๆที่ใบหน้าของเค้าไม่ได้มองไปที่ปาร์ตี้เลยแม้แต่น้อย  แต่กลับมองหลบไปข้างๆ
เค้าเอง  ทำเอาปาร์ตี้ที่ฟังเมื่อกี้หน้าแดง อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“เอ่อ…”  ไม่นะนี่เค้าฝันไปรึเปล่า คนอย่างรุ่นพี่ที่สุดฮอตในโรงเรียนพาเค้ามาเดตแถมยังบอกรักกับเค้าท่ามกลางร้านอาหารสไตล์ที่สดชื่น ธรรมชาติแบบนี้ปาร์ตี้ต้องฝันไปแล้วแน่ๆ ตื่นๆๆ

“ปาร์ตี้ไม่ดีใจหรอ  พี่กะอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”

              เมือ่ไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เพราะมัวแต่อึ้งไม่หายนั้น  ทำให้ชายตรงหน้าที่หน้าแดงเขินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เผลอพูดแบบนั้นออกไป เพราะกลัวว่าจะเสียฟอร์ม นี่เค้าจะต้องพิจารณาตัวเองได้แล้ว ถ้าหากครั้งนี้คนที่จะปฏิเสธเค้าเป็นเด็กผู้ชายแว่นแดงน่ารักตัวเล็กๆคนนี้

“เอ่อปล่าวครับรุ่นพี่ อย่าเพิ่งถอดใจสิครับ  เพียงแต่ผมอยากรู้ว่ารักที่พี่ให้มามันเป็นรักแบบไหนกันแน่ ”

            ปาร์ตี้ที่รู้ความหมายของประโยคเมื่อกี้นี้อยู่แล้ว  แต่เพราะเขินจนเกินไปทำให้ต้องพูดแก้เก้อกันหน่อยแหละงานนี้ 

“ก็แบบ…คนสองคนอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำอะไรร่วมกัน  ไม่ทอดทิ้งกันไปไหน  ชัดรึยังครับ” ดปเลย์กลั้นใจตอบปาร์ตี้ที่อยู่
ตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่แดงกว่าเดิมอีกเท่าตัว

“ชัดแล้วครับ ชัดมากด้วย  แล้วอย่างนี้พ่อกับแม่ของพี่จะไม่ดุเอาหรอครับ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พี่ห่วงแต่เรากับพ่อตา นั่นแหละจะโหดไหม”

“จริงๆแล้วผมก็แอบชอบพี่อยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าพี่ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ผมเลยได้แต่เก็บเอาไว้ นานแสนนาน ส่วนคุณพ่อของผม ผมว่ายาก…”

“นี่ ปาร์ตี้ ถ้าพี่ขอพิสูจน์อะไรหน่อย  ปาร์ตี้จะอนุญาตพี่ไหม”

“ยังไงครับ?”

“พี่จะพาปาร์ตี้กลับบ้านเอง  งานนี้พี่ต้องได้ชัยชนะ”

“เอางั้นหรอครับ  ไหวแน่นะ พ่อของผมท่านหวงผมมาก ในชีวิตท่านท่านมีลุกชาย 2 คนแต่พี่ชายผมเค้าไปอยู่กับแม่ที่มีครอบ
ครัวใหม่ต่างประเทศ ทำให้ตอนนี้มีผมแล้วก็พ่อสองคนเท่านั้น ผมเลยกลายเป็นลูกชายคนเดียวที่ท่านเป็นห่วงและหวงมากด้วย”  ปาร์ตี้พูดแล้วสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้โปเลย์สะดุดแล้วก็ต้องปลอบใจรุ่นน้อง

“เอ่อพี่ไม่น่าทำให้ปาร์ตี้ต้องกังวล นึกถึงเรื่องเก่าๆเลย พี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ คราวหน้าพี่จะไม่พูดอีกแล้วนะ”

“ไม่หรอกครับ มันเป็นความจริง แล้วพี่ก็ต้องรู้ ผมเองก็ไม่อยากปกปิดอะไรมาก เพราะอย่างนี้ไงครับคุณพ่อท่านถึงได้หวงผม
มาก  พี่ถอดใจตอนนี้ก็ยังทันนะครับ รักของเรามันยากที่จะทำให้รุ่นพ่อแม่เค้ารับได้”

“พี่ไม่ถอดใจหรอก พี่ตั้งใจไว้แล้ว  เชื่อพี่เถอะนะคุณพ่อของปาร์ตี้ต้องยอมรับพี่ให้ได้”

“คุณพ่อชอบทำอะไรแล้วต้องเดิมพันทุกครั้ง พี่ไหวแน่หรอครับ  เผื่อต้องแลกด้วยชีวิต…”

“ยิ่งกว่าไหวเสียอีก แค่ชีวิตพี่ใม่เสียดาย  เอาหล่ะพรุ่งนี้พี่จะพานายกลับไปบ้านเองนะ ตอนนี้มาทานอาหารอร่อยๆที่อยู่ตรงหน้านี้ดีกว่าเนาะ”

“ครับ”



   ปาร์ตี้ร่ายยาวถึงความเป็นมาให้พ่อของเค้าฟังจนจบทำให้ ผู้เป็นพ่อยิ้มออกมาได้ เพาะฉากไหนหน่ะหรอ ก็ฉากที่บอกว่าคุณพ่อท่านชอบเดิมพันทุกอย่างเสมอ  เพราะนั่นเป็นจุดที่ท่านทะนงในความเป็นเจ้าของฟาร์มที่มีชื่อเสียงของทางภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดี

“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ”

“อย่างนั้นหรอกครับ สร้อยที่อยู่ในคอนี่สินะ   ก็เอาสิ  พ่อเปิดโอกาส  ดีเสียอีกได้ลุกเขยมาช่วยงานที่ไร่นี้ พ่อคงจะสบายขึ้นเยอะ จริงไหม”

“อะ…อะไรนะครับ   คุณพ่อ ง่ายไปนะครับ   เอ๋ …พ่อคิดอะไรอยู่แน่ๆเลยใช่ไหมครับ บอกผมได้ไหม”

“ เอ่อ…เดี๋ยวก่อนนะ   รึว่าคุณพ่อจะ…  ไม่นะครับ   ห้ามเดิมพันเด็ดขาดนะครับ  ผมห่วง”

“ฮ่าๆ ไอ้ลูกชาย มองพ่อออกเสียทุกอย่างแบบนี้เห็นทีพ่อคงกระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้เสียแล้วหล่ะละ  อีกอย่างที่บอกว่าห่วง
หน่ะ  ห่วงใครมากกว่ากันระหว่างพ่อกับไอ้รุ่นพี่คนนั้น”

“คุณพ่อ คงไม่ทำแบบนั้นใช่ไหมครับ  ใช่ไหมครับ ตอบผมก่อนสิครับ ” เด็กหนุ่มเค้นเอาคำตอบ

“พ่อแค่ต้องการเห็นหน้าและความสามารถไอ้หนุ่มคนนั้น  พ่อบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าทำไม่ได้เรื่อง  ฐานะต่ำต้อย ไร้การศึกษา ไม่มีสกุลรุนช่อง ไม่รู้จักทำมาหากิน  เป็นนักเลง อันธพาลแล้วหล่ะก็พ่อไม่ให้มันมายุ่งแน่นอน  ว่าแต่เราเถอะไปทำยังไงถึงได้ไป
หลงผู้ชายเข้าได้   นี่ถ้าเป็นรุ่นพ่อนะ ถูกไล่ออกจากบ้านไปแล้วนะรู้รึเปล่า”

“คุณพ่อ  เอ่อคือ ผม… ขอโทษนะครับ  แต่ผมรักพี่เค้า…จริงๆ” คำท้ายสุดปาร์ตี้กลับก้มสีหน้า เพราะกลัวพ่อที่อยู่ตรงหน้าจะไล่เค้าออกจากบ้าน

“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่รักกันจริงคงไม่ทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้หรอก  นี่แค่เบื้องต้นนะ ส่วนที่เหลืออีก
ครึ่งหนึ่งพ่อ จะเป็นคนตัดสินใจ!  ลูกรอดูชัยชนะหรือพ่านแพ้ของพ่อหนุ่มนั่นเลย  ”

“อะไรนะครับ   พ่อครับผมว่ามันเยอะไป  อีกอย่างพี่เค้าทนไม้ทนมือไม่ได้….”

“น้อยไปด้วยซ้ำพ่อว่า…”

“กำลังคุยถึงใครอยู่หรอครับนาย  คุณหนู!”  เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหน้า พุดแทรกบทสนทนาเหมือนกับว่าชายคนนี้ได้แอบฟังมานานพอสมควรแล้ว  ปาร์ตี้จ้องตาคนตรงหน้า  ชายหนุ่มคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฟาร์มแห่งนี้



 :mew3: :mew4: :mew1: :mew3: :mew4: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

 

na-au

  • บุคคลทั่วไป
ไผ่หว่าที่พูดแทรก  ตัวร้ายหรือป่าวอ่ะ

 :bye2: :bye2:

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 14
       



          สองพ่อลูกเดินพุดคุยไปเรื่อยๆตามโรงเลี้ยงสัตว์ ตลอดทาง  แต่ก็ได้หยุดคุยกันลงด้วยน้ำเสียงที่แทรกดังขึ้นมากะทันหัน  คนเบื้องหน้านั้นเป็นใครนั้นทั้งสองพ่อลูกรู้ดี  ปาร์ตี้หันไปมองชายหนุ่มที่เข้ามาขัดจังหวะเหมือนไม่ต้องการเค้นเอาคำตอบและได้แต่มองชายร่างหนาที่อยู่เบื้องหน้าอย่างตำหนิด้วยสายตา  เพราะการทำแบบอย่างเมื่อกี้นี้มันเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย

“ เปล่าหรอก   เนต  กำลังคุยถึงวีรกรรมของลูกชายฉันอยู่ ว่าแต่นายเถอะ ได้กินข้าวเช้าแล้วหรอ เปลี่ยนเวรได้นะนี่ก็เช้าแล้ว จะ
ไปพักผ่อนก็ได้ตามใจนายเลยนะ” ชายหนุ่มตัวสูงด้านหน้าก้มศีรษะเล็กน้อยแต่พองาม เหมือนรับคำสั่ง

“ผมไม่เป็นไรครับนาย   ว่าแต่วีรกรรมคุณหนูนี่ผมทราบด้วยได้เปล่าครับ ” แววตานั้นจ้องเขม็งมาที่หนุ่มแว่นแดงที่เอาแต่ยืนนิ่ง
ไม่สบตากับเค้า

“ฮ่าๆ  คุยกันก่อนก็ได้นะ  นี่ปาร์ตี้พ่อไปเดินดูไข่ไก่ทางโน่นหน่อยแล้วกัน ยังไงก็ตามๆมานะ  ไม่ได้เจอกันนานคงจะคิดถึงกันสิ
ท่า คุยกันให้พอนะ”

“ว่าไงครับ ไอ้ห่านั่นเป็นใคร  แล้วสร้อยนี่หล่ะของคุณกับมันสินะ”

“เนต ขอเถอะเราเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เราขอตัวนะ”

“เหนื่อยหรอ  เหนื่อยแล้วเดินตามพ่อต้อยๆขออนุญาตโน่นนี่นั่นกับไอ้มือที่สามนั่นหน่ะหรอ”

“เนต เราว่านายพูดเกินไปนะ พี่เค้าไม่ใช่มือที่สาม!”

“ใช่ ผมมันพูดเกินไป พูดตรงๆ  ไม่ไว้หน้า  ผมรักคุณหนูนะ รักมากด้วย แล้วดูคุณหนูสิ คุณหนูกำลังจะทิ้งผมไป”

“เนต  เราไม่ได้คิดจะทิ้งเนตนะ  เนตเป็นเพื่อนที่ดีของเราคนนึงเลยนะ ทำไมเนตคิดแบบนี้ เราเสียใจนะที่ได้ยินคำคำนี้จากเนต  ถ้าจะให้เรารักเนตแบบคู่รัก เราทำไม่ได้  เราไม่ได้รักเนตแบบนั้น   เรื่องนี้เราบอกเนตหลายครั้งแล้วนะ  เราไม่อยากพูด…อีกครั้ง!”

            ปาร์ตี้รัวออกมาเป็นชุด  ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้าร้องไห้เสียแล้ว เค้าร้องไห้ตอนไหนนั้นปาร์ตี้เองก็ไม่รู้  แต่ตอนนี้เนตน่าสงสารมาก จริงๆแล้วน้ำตาของนายคนนี้ เค้าเองก็เห็นมาบ่อยมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ปาร์ตี้ชินเลยสักที

“เนต อย่าร้องไห้นะ  ผู้ชายตัวใหญ่สมชายชาตรีแบบนายไม่ควรเสียน้ำตา รู้รึเปล่า  ”

“คุณหนูจะมาสนใจผมทำไมกัน  ปล่อยไอ้ขี้ข้าอย่างผมมันร้องไห้ไปเถอะ ” เนตพูดแล้วก็หลบหน้าปาร์ตี้ไปทางด้านหลัง  ปาร์ตี้ก็
ไม่ได้นิ่งนอนใจรีบเดินไปทางด้านหน้าเนตทันที

“ไม่เอาหน่ะ เนต อย่าหลบหน้ากันแบบนี้สิ  เราทุกข์ใจนะที่นายเป็นแบบนี้  ”

“ผมรักคุณหนู  รักคุณหนูคนเดียวและคนสุดท้ายของผมด้วย ”

“เนต อย่ากักขังตัวเองแบบนั้น ขอร้องหล่ะ ”

“คุณหนูกำลังจะทิ้งผมไป ใช่ไหม ใช่ไหมตอบผมมาสิ”

“ไม่ๆ เราจะไม่ทิ้งนายเมื่อกี้เราก็บอกไปแล้ว  ทำไมนายคิดแบบนั้นเนต เฮ้อ… ฟังให้ดีนะเนต  ฉันรักนายเหมือนพี่ชาย นายทำ
ทุกอย่างที่พี่ชายแท้ๆของฉันไม่เคยให้มาตลอด  นายทำหน้าที่นั้นได้ดีตลอด  จนฉันคิดว่านายเป็นคนสำคัญของครอบครัวเราไป
เสียแล้ว”

“คุณหนู…”
“เนตจำได้ไหมตอนเด็กๆ เนตเคยบอกเราว่าเนตจะไม่ทำให้เราเสียใจ ทุกข์ใจ และจะคอยปกป้องเราให้ได้  นายลืมไปแล้วหรอ”

“ผมไม่มีวันลืม… ผมจำได้ดี   ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณทุกข์ใจ  ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้  แต่ที่ผมทำไปก็เพราะอยากแสดง
รัก…”

“เนต  มองดูทุ่งหญ้าลูกฟูกที่ไกลลับตานั่นสิ  นายเห็นไหมแค่ผืนดินไม่กี่ร้อยไร่  แต่กลับมีอะไรที่แปลกตาเยอะแยะทั้งสิ่งมีชีวิต
และไม่มีชีวิต…”

“คุณหนูกำลังจะบอกอะไรผมครับ ผมไม่เข้าใจ? ”

“เรากำลังจะบอกว่า  ยังมีผู้คนอีกมากมาย ไม่เพียงแต่ที่นี่ แต่มันคือทั่วทั้งโลก  เราว่านายต้องเจอคนที่นายรักและรักนายแน่
นอน”

“ในโลกนี้ใครจะไปมีเหมือนคุณหนูของผมอีกหล่ะครับ  คนดีๆที่ผมรักได้ขนาดนี้ ไม่มีอีกแล้ว”

“ใครว่ากันหล่ะ  เนตนายเหมือนเด็กเลยนะตอนนี้ ทั้งๆที่เป็นผู้ใหญ่มาให้เราตลอดแล้วดูตอนนี้สิ  ท่าทีแบบครั้งก่อนนั้นมันหายไป
ไหนหมดแล้ว”

“ผมขอโทษ  ผมควรจะไปพักผ่อนแล้ว  ยังไงผมก็จะรักคุณหนูไม่เปลี่ยนแปลง”

“เอ่อ เนต เดี๋ยวสิ เนต!…เฮ้อ พูดซะนาน แต่ก็… ซักวันนายจะเข้าใจเองนะเนต!”

              หนุ่มน้อยมองตามหลังเนตที่เดินออกไปจากตรงหน้าที่เค้ายืนอยู่  แล้วก็มีอีกหนึ่งร่างเล็กๆ เดินเข้าสวนเข้ามาหาเค้าแล้วทำหน้างงๆก่อนจะถามปาร์ตี้

“เอ่อ  ปาร์ตี้  พี่เนตเค้าไปกินรังแตนมาจากไหนหน่ะ หน้าบึ้งเดินสวนฉันไปโน่นแล้ว ถามอะไรก็ไม่ตอบเอาแต่ฟัดเหวี่ยงฉันอย่าง
เดียว”

 “นอส   ให้ตายสิ นายดูน่ารักขึ้นเยอะเลย  สบายดีไหม… แล้วรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่” ปาร์ตี้แทบจะไม่ได้ตอบคำถามเพื่อนเก่าเลย
ซักนิดเพราะมัวแต่ตกใจและตื่นเต้นนิดหน่อย

“ปากของท่านนอสคนนี้ซะอย่าง ถามจากคนงานที่อยู่แถวๆทางเข้าไร่ก็รู้แล้วหล่ะ”

“หรอ  ไหนขอกอดหน่อยเพื่อนรัก  เป็นไงบ้างไปอยู่ต่างประเทศมา ไม่เห็นจะส่งข่าวมาเลยนะ  ”

“เรื่องมันยาวหน่ะ มานี่เร็วเข้า…ไปหาที่นั่งเย็นๆ แล้วเราจะเล่าให้ฟัง”

               ที่ใต้ร่มไม้ต้นฉำฉาต้นใหญ่  นอสนั่งหายใจสูดเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดแล้ว พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ปาร์ตี้เพื่อนเก่าฟังอย่างน่าตื่นเต้น มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีเลิศที่สุดในการใช้ชีวิตอยู่ในกรุงโรม เล่าไปเล่ามาจนมาหยุดอยู่ที่เรื่องของนอสกับพี่เนตคนนั้น  ทำเอาปาร์ตี้เบิกตากว้างเพราะไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของเพื่อนเก่าอย่างนอส

“หา!!!...อะไรนะ นายชอบพี่เนตหรอ”

“เฮ้ย  ไอ้เพื่อนรัก จะแหกปากทำไม เดี๋ยวรายนั้นมาได้ยินเข้าแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่”

“ดีเลย เราเพิ่งหักอกเค้าไปเมื่อกี้นี้เอง  ขออาสาสมัครอย่างนายไปยาใจท่าจะโอเค”

“จะดีหรอ รายนั้นเค้าจะไม่ต่อยเราหน้าหงายหรอกหรอปาร์ตี้  ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ไปเป็นหมอนรองมือรองเท้าแบบนั้น ตายก่อนมีผัวพอดี”

“ฮ่าๆๆ  เต็มปากเต็มคำเลยนะ ตายก่อนมีผัว คิดได้ไงนอส  เอาเถอะหน่าไม่ลองไม่รุ้นะจะบอกให้”

              นอสยักไหล่อย่างไม่สบอารมณ์  ใครจะไม่รู้ว่าเนตเป็นคนอารมณ์ร้อนขนาดไหน  ไม่ว่าใครจะเป็นน้ำหรือน้ำแข็งพอเข้าไปก็มีหวังละลาย ระเหยไปหมดแน่  ไม่สามารถดับได้หรอก อารมณ์ดุเดือดอย่างกับภูเขาไฟปะทุของไอ้หมอนั่น




        ที่บ้านข้าวตู จังหวัดหนองคาย   เสียงไก่ขันร้องขึ้นเมื่อตะวันกำลังจะโผล่งจากดิน  สแกนนอนหลับอุดอู้ภายใต้ผ้าห่มสุดรักสุดหวงกำลังเคลิบเคลิ้มได้ที่  แต่แล้วการนอนหลับก็ต้องหยุดชะงักเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกมาเสียงดังมาก  ปัง!

“อุ้ย  ใครวะ” สแกนโวยเสียงดังเมื่อมีคนดันประตุเข้ามาเสียงดังลั่น จนทำให้เค้าตื่นนอน

“ไอ้รุ่นพี่ ตื่นได้แล้วเพราะนี่มันเช้าแล้ว  ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวเช้าข้างล่าง”

“โหคุณพ่อครับ  ขอนอนต่ออีก 1 ชั่วโมงไม่ได้หรอครับ”

“ไม่ได้เว้ย ถ้าไม่ตื่นเอ็งก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้”

“ ครับๆตื่นแล้วครับๆ ” สแกนได้ยินคำสั่งนี้ถึงกับแหกตาโตตื่นวิ่งกุลีกุจอไปหยิบผ้าขาวม้าแล้วก็อุปกรณ์อาบน้ำเตรียมพร้อม พอ
จะวิ่งออกจากประตูเท่านั้นแหละ

“คุณพ่อ ว่าแต่ห้องน้ำอยู่ทางไหนนะครับ แฮะๆ พอดีผมลืมแล้ว ”

“เมื่อคืนเอ็งไม่ได้อาบน้ำรึไงวะ…อยู่ด้านล่างโน่น  ไปเร็วๆ”

“ครับๆ”

             ไม่นานเท่าไหร่ สแกนก็ร้องจ๊ากดังออกมาจากห้องน้ำ  จนทำให้ทุกคนในบ้านต้องวิ่งเข้ามาดู  ไม่ใช่อะไรหรอกนะเหตุผลง่ายที่สุดก็คือ น้ำที่ใช้อาบไงมันเย็นเสียจนคนกรุงที่ได้สัมผัสมันสักขันต้องเป็นแบบนี้ทุกราย

“ พ่อหนุ่มเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ ”  แม่ของข้าวตูตะโกนถาม  แต่แล้วเสียงก็เงียบไป

“นี่  ไอ้รุ่นพี่   เป็นอะไรตอบมาสิวะ  ไม่งั้นข้าพังประตูเข้าไปนะ”

“พ่อ!  แม่!  ขอทางหน่อย”

“อ้าวไอ้ข้าว  ไปตลาดมาเร็วจังหล่ะลูก”

“เร็วที่ไหนกันพ่อ  ฉันก็รีบซื้อรีบกลับนั่นแหละ จะไปอยู่อะไรนานมากมายพ่อขอทางหน่อย กาน้ำร้อนขนาดนี้มือฉันจะถือไม่ไหวอยู่แล้ว”

“แล้วเอ็งจะถือมาทำไมกาน้ำร้อนหน่ะ”

“ก็เอามาให้รุ่นพี่นั่นแหละ  เค้าอาบน้ำเย็นไม่ได้หรอกนะพ่อ  ที่โน่นบ้านเค้าจะร้อนจะฝนจะหนาวก็อาบน้ำอุ่นทั้งนั้น”

“เอ้าๆ ผู้ดีตีนแดงอีกต่างหาก จะทำอะไรก็ทำ  พ่อกับแม่ไปรอที่ใต้ถุนบ้านนะ  รีบๆพากันมากินข้าวหล่ะ  กินเสร็จพ่อมีอะไรจะให้
ทำ”

“อ่าๆ  โอเคๆ พ่อ แค่นี้ก่อนนะ ร้อนมือหมดแล้ว พ่อนี่ชวนคุยนานจัง”

“เออๆ ไปแล้วๆ  อ้าวพ่อสิง  มาแต่เช้าเชียว  มีอะไรรึเปล่า”

“หวัดดีครับพ่อตา  แม่ยาย  น้องข้าวตูอยู่ไหนครับ ”

“อยู่โน่น กำลังเอาน้ำร้อนไปผสมให้รุ่นพี่ที่กรุงเทพเค้าหน่ะ เพิ่งกลับมาบ้านเมื่อวาน   มาๆนั่งก่อนๆ พอดีอยู่กินข้าวด้วยกันก็ดี”


    ข้าวตูชะเง้อมองดูก็เจอสิงโตเจ้าลูกชายกำนันเสือตำบลใกล้เคียง  ข้าวตูละเหนื่อยใจจริงๆ มันจะมาเช้าอะไรกันนักหนาวะ  ทำไมไม่มาซะตอนตี 5 เลยเล่า   แล้วไหงเอาลูกน้องบ้าบอกพวกนั้นมาอีก มันน่าเบื่อชะมัด

“พี่สแกน เปิดประตูให้ผมหน่อยผมเอาน้ำร้อนมาให้แล้ว”

“พี่โป๊อยู่นะ  ข้าวตู  ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่แง้มประตูเอาก็ได้”

“จะทำอะไรก็ทำสักอย่างเถอะพี่สแกน ผมจะถือไม่ไหวอยู่แล้วนะร้อน  เข้าใจไหมครับ”

“เอ้า ร้อนก็วางไว้สิครับถือไว้ทำไม”

“อย่ากวนประสาทแต่เช้านะพี่สแกน  เร็วๆ  เดี๋ยวโยนน้ำร้อนทิ้งซะเลยหนิ”

“อ่าๆ ไม่กวนก็ได้  แหมๆ  มาส่งมาให้พี่เร็วเข้า ”

“ผสมกับน้ำเย็นเอานะ  ผมไปแล้ว  พอดีแขกมาหน่ะ เดี๋ยวต้องไปต้อนรับเค้าหน่อยผมหล่ะเบื่อจริงๆเลย”

“ตามสบายเดี๋ยวพี่ตามไปนะ  ว่าแต่ไม่สนใจมาเป็นอาสาสมัครถูหลัง ถู…ให้พี่หน่อยหรอ”

“ อาสาไปคนเดียวเถอะ  ไปแล้ว จะบ้ารึไงกัน ”

               
“พี่ๆ  ข้าวตูมาแล้วพี่  โหมารอบนี้น่ารักกว่าเดิมอยู่นะพี่เสือ”

“มาทำไมแต่เช้า นี่บ้านฉันไม่ได้เปิดสาธารณะนะโว้ย จะเข้าจะออกเกรงใจบ้าง”

“เฮ้ย  ไอ้ข้าวพ่อนั่งอยู่ตรงนี้  ไม่อายหน่อยหรอ ไปพูดให้พี่สิงโตแบบนั้นได้ยังไง”

“พ่อ งั้นฉันไปเตรียมอาหารก่อนนะ จะได้ยกมานี่เลย  ”

“น้องข้าวตูใจดีจังเลย  จะเอากับข้าวมาเสิร์ฟให้ถึงที่น่ารักจริงๆ”

“น่าเบื่อหล่ะสิไม่ว่า  ฉันจะยกมาให้พ่อฉันกิน พวกแกกลับไปกินที่บ้านโน่นไป”

“อะไรของเอ็งมาข้าวตู  พูดอะไรก็เกรงใจพ่อสิงโตเค้าหน่อย เค้าอุตส่าห์มาหา  เดี๋ยวเค้าก็หาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนซะหรอกเอ็ง
หน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับพ่อตา  ผมเนี่ยยังไงก็ได้ครับ เพื่อน้องข้าวตูแล้ว พี่ยอมโดนว่า โดนด่าครับ ฮิ้วๆๆๆ”

          สิ้นเสียงไอ้พวกลูกน้องก็พากันโห่ร้องเสียงดังแซวขึ้นมา  ข้าวตูมองไปทางพ่ออย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินผ่านกลางหน้าสิงโตกับพ่อที่กำลังคุยกันอย่างออกรสชาติ ด้วยอารมณ์ไม่รับแขก จนทำให้สิงโตกับลูกน้องต้องสะดุ้งหลีกทางให้แทบไม่ทัน ไม่งั้นโดนเหยียบเท้าเป็นแน่  แล้วข้าวตูก็เดินพุ่งเข้าไปในครัวที่ตอนนี้มีเพียงสำลีลูกพี่ลูกน้องคนเดียวเท่านั้นที่กำลังขะมักเขม้นอยู่หน้าหม้อแกงเข้าครัวไปเตรียมอาหารช่วยน้องสำลีกับแม่และป้าที่ห้องครัว

“สำลี  เดี๋ยวแกตักอาหารไปให้ไอ้พวกตำบลต่างด้าวนั่นด้วยนะ  เดี๋ยวของพี่สแกนฉันตักเอง”

“จ๊ะพี่ข้าวตู  ว่าแต่พ่อหนุ่มคนกรุงนี่เค้าหล่อจังเลยนะจ๊ะพี่นะ  ฉันชอบจังเลย  หล่อล่ำ ดั้งโด่ง กล้ามแขนสุดๆไปเลยจ๊ะ หาได้ยาก
นะแถวบ้านเราหน่ะ  ตัวก็ขาวเหลือง รวมๆแล้วฉันฟินจัง”

“แกจะได้หยุดฟินตอนนี้แหละ  พี่สแกนของฉัน จบไหม !”

“อะไรกันพี่ข้าวตู  ก็มีพี่เสือแล้วนี่จ๊ะ  พี่สแกนหน่ะหนูขอ”

“นี่ๆ ไอ้สำลี   น้อยๆหน่อยนะพี่สแกนฉันไม่ใช่ผักปลาที่ไหนนะจะได้ขอก็ให้ไปอย่างนั้น”

“ก็ได้ๆ  หลายใจนะพี่หน่ะ  ระวังนะจับปลาสองมือ โบราณคนเก่าก่อนพุดไว้ ระวังจะชวดทั้งสองนะพี่”

“จับปลาสองมือหรอวะ  ฝันไปเถอะ ไอ้พี่เสือนั่นฉันไม่ได้จับ มันนะ  มีแต่มาเกาะตัวฉันเองต่างหากหล่ะ เบื่อจริงๆพวกปรสิต”

“ว้าย แรงนะคะ  หนูเตรียมเสร็จแล้ว ยกไปเลยใช่ไหมจ๊ะพี่ข้าวตู”

“อืมๆ ยกไปเลยนะยกไปวางไว้ตรงหน้าไอ้พวกนั้นแหละ  ”

“จ๊ะ!”

        สแกนที่อาบน้ำเสร็จ แล้วเข้าไปแต่งตัวด้วยชุดที่แม่ของข้าวตูเตรียมไว้ให้ที่เตียงนอน  เป็นชุดพื้นบ้านของชาวบ้านอีสานที่
ใส่กัน  มีผ้าขาวม้าผูกไว้ที่เอว  สแกนหยิบเอาเจลเซทผมแต่งนิดหน่อย ก็กลายร่างมาเป็นบุรุษหนุ่มหล่อแห่งทุ่งนาแดนอีสานไปเสียแล้ว

“อ้าวนี่พ่อหนุ่ม มาๆกินข้าวกันเร็ว จะได้ทำความรู้จักกับลูกชายกำนันเสือ  นี่พ่อสิงโต ลุกชายคนเดียวของกำนันเสือหล่ะ  พ่อสิง
นี่ก็คือ รุ่นพี่ของไอ้ข้าวตูมันที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพโน่นหน่ะ  ทำความรู้จักกันซะ”

“หวัดดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“อืม” สิงโตตอบขานแบบไม่สบอารมณ์พร้อมกับกินเข้าที่อยู่ตรงหน้าต่อไป

“เอ้าๆ  เชิญตามสบายนะพ่อหนุ่มจะนั่งกินตรงไหนก็เลือกเลย  อาหารฝีมือแม่ข้าวตูอร่อยอยู่แล้ว”

“พี่สแกน  ทานนี่หน่อยนะ แกงปลาช่อน  อาหารอีสานของแท้ใส่ใบผักหวานด้วย  น้ำแกงก็อร่อย แจ่วบอง ส้มตำชาวบ้านพี่ลองกินดูนะพี่” ข้าวตูพูดแล้วพลางหยิบโน่นตักนี่ให้สแกน ทำเอาลูกน้องของสิงโตสะกิดให้เค้าดู

“ขอบใจนะข้าวตู”

“อ้าวๆ  นี่ๆข้าวตู พี่ก็อยากกินนะ ตักให้พี่บ้างสิครับ” สิงโตพูดแล้วจ้องเขม็งไปที่สแกนอย่างเดียว

“มีมือก็ตักเองสิพี่เสือ  ”

“อะไรกันวะ  พ่อตาครับ ไอ้นี่มันเป็นใครกันแน่” สิงโตหันไปถามพ่อกำนันเบิ้มเพราะคำตอบของข้าวตูเมื่อกี้มันทำให้เค้าอยากรู้
ว่าสองคนนี้จริงๆแล้วไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่เค้าคิด

“เอ่อ ฮ่าๆ พ่อสิงใจเย็นๆ   ไอ้ข้าวตูมันก็แค่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดีแหละ  รุ่นพี่มันเป็นคนต่างถิ่นยังไม่รู้จักอาหารการกิน
วัฒนธรรมอีสาน เดี๋ยวพ่อจะสอนเค้าวันนี้แหละ”

“สอนอะไรพ่อ   บอกไว้ก่อนนะอย่าทำอะไรเกินไป ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริงๆด้วย”

“ปล่าวนี่ ก็แค่ให้รู้การเป็นอยู่ของคนอีสานให้ดีขึ้นเท่านั้นเองไม่เห็นจะมีอะไรเลย จริงไหมพ่อสิง”

“อ้อ ครับพ่อตา ผมรู้แล้วครับ ฮ่าๆ” สิงโตยิ้มมีเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปมองสแกนที่มองเค้าอย่างไม่ไว้ใจอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

“ทานเถอะครับ อย่าไปสนใจเลย  อาหารอร่อยไหมครับพี่สแกน”

“อร่อยมากเลยครับ  ฝีมือแม่ข้าวตูน่าทานมากๆ”

        บ้าจริง พ่อกับไอ้พี่สิงกำลังคิดแผนอะไรกันอยู่  ไม่ได้ๆเห็นทีเราต้องตามติดรุ่นพี่ตลอดเวลาซะแล้ว  จะมาพิสูจน์อะไรกัน 
ฉันไม่ยอมให้พ่อเอาไอ้พี่สิงโตนี่มาทำอะไรที่พิลึกๆหรอกนะ





 :o8: :-[ :impress2: :o8: :-[ :impress2:


loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 15





              ที่โรงแรมหรูหราประเทศจีน  เด็กหนุ่มหน้าตี๋กำลังหงุดหงิดอย่างหนัก ช่วงการไปเที่ยว  3 วันที่ผ่านมานี้ดูเหมือนจะไม่เป็นสูตรสำเร็จเอาเสียเลยทีเดียว  รุ่นพี่ใจเจ๋งนั่นกวนประสาทได้ทุกวี่ทุกวันไม่มีขาดตกบกพร่อง อีกอย่างป๊ากับม๊าก็กลั่นแกล้ง ให้เค้าต้องมานอนพักในห้องเดียวกันอีก มันน่าโมโหไหมล่ะ

 “นี่ๆ  เป็นอะไรมากรึเปล่า มาเที่ยวนะไอ้หนู  ไม่ได้มาให้ฆ่าตาย! ดูทำหน้าเข้าสิ?”

“หุบปากไปเลย ที่ฉันไม่สนุก ไม่มัน ก็เพราะมีแกนั่นแหละมาเที่ยวด้วยทำไม ทำไมไม่อยู่เฝ้าบ้านโน่น”

“อ้าว ช่วยไม่ได้มีคนขอร้องให้มาเองหนิ  แม้แต่นายก็เป็นคนขอร้องให้ฉันมาเองเหมือนกันไม่ใช่หรอ”

“อย่ามากวนประสาทนะ หลักฐานออกทางสีหน้าชัดเจนขนาดนี้ นายยังจะคิดว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งในการพานายมาเที่ยวรอบนี้หรือ
ยังไงเล่า”

“มันก็ไม่แน่นะ ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าที่ฉันมาด้วยเพราะม๊า เฮ้ย ป้าเหมยให้ฉันมา   ฉันก็เลยมานี่ไง  จะถามกี่ครั้งฉันก็จะตอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ”

“เออๆ จะว่าไปนะ  นายเป็นอะไรกับป้าเหมยนะ บอกใหม่ทีซิ”

“ก็ เอ่อ เป็นแบบว่า ญาติ อ่ะ อืม ประมาณนั้นแหละ   ถามไมอ่ะ”

“ญาติหรอ  แปลกเนาะ อืม… นี่ๆนายใจเจ๋ง”

“ว้าว สวรรค์ทรงโปรดให้นายเรียกชื่อฉันถูกหรือไงกัน”

“นี่ๆ น้อยๆหน่อย เป็นงานเป็นการ  อย่าขัด!”

“โอเคครับๆ ไม่ขัดแล้วๆ  ว่ามา…” ใจเจ๋งเอามือล่วงถุงขนมเข้าปากกุบๆ

“…อืม นายพอจะรู้ไหมว่า สรุปแล้วพี่ตี๋เล็ก เค้าจะตามมา รึว่าไม่มาแล้ว นี่ก็ผ่านมา 2 วันแล้วอ่ะ ไม่เห็นพี่จะมาเลย ”

“ ไม่รู้สินะ อาจจะไม่อยากมา รึไม่ก็มาแล้วก็ได้มั้ง ”

“นายใจเจ๊ง  จริงจังหน่อยๆ คำตอบที่ดูเลื่อนลอยของนายไม่ได้ช่วยฉันเลยนะ ”

“นายก็เหมือนกันแหละ เป็นไรมากป่ะ กับไอ้ตี๋เล็กอ่ะ ถามหาอยู่นั่นแหละ มันมีดีอะไรนักหนา ”

“มากสิ  มากกว่านายก็แล้วกัน ถ้าเป็นไปได้ขอเลือกพี่ตี๋เล็กแทนนายจะดีกว่า การมาเที่ยวครั้งนี้คงจะสนุกสุดๆไปเลย”

“หรอ…นี่นาย ถามไรหน่อยสิ ” ใจเจ๋งหรี่ตามองก่อนจะยิ้มมุมปาก

“ถามมาตอบได้ก็จะบอก ตอบไม่ได้ก็ไม่บอก”

“สำหรับนายแล้ว ตี๋เล็กมันอยู่ในฐานะไหนวะ ” ใจเจ๋งอมยิ้มเหมือนกับอยากรู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรยังไงกับเค้า มากน้อยแค่ไหน

“อ้าวถามแปลก ก็พี่ชายหน่ะสิ จะให้ฉันจับทำผัวรึไง ผู้ชายเหมือนกันนะเว้ย อีกอย่างป๊ากับม๊ารู้เค้ามีหวังตายแน่ๆ  เชียว”

“อ้อ…สรุปแล้วก็คือแอบชอบ แต่ไม่กล้าหล่ะสินะ  นี่ๆบอกเลยนะว่าไอ้ตี๋เล็กมันโสดแต่ไม่ซิงนะ ”

“อะไรของนายพูดให้มันดีๆนะ  มาบอกว่าแอบชอบ   แกหันมาดูปากฉันหันมานี่”

“โอ้ย จะเอามือจับหน้าให้มาดูปากอะไรนักหนา เจ็บนะ  โถ่” ใจเจ๋งทำสีหน้าอย่างกับเจ็บจริงๆ

“เจ็บก็ต้องตั้งใจฟังให้ดีๆ  ฉัน-รัก-พี่-ตี๋-เล็ก-แบบ-พี่ชาย-ที่-แสน-ดี เข้าใจไหม ไอ้รุ่นพี่ใจเจ…”

                 แค่นั้นแหละ ปากสองปากก็บรรจงจูบประกบกันอย่างอ่อนหวาน ท่ามกลางเตียงนอนอันนุ่มนิ่มและบรรยากาศห้องที่
เงียบสนิทได้ยินแต่เพียงเสียงแอที่เปิดไว้เท่านั้น


“…”

“…”

      ผ่านไป 45 วินาทีแห่งการจูบ ใจเจ๋งเริ่มรู้สึกตัวประกอบกับคนตรงหน้าที่ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นไม่กระพริบตา  แหมดูๆไปแล้วไอ้เกี๊ยวปลานี่เหมือนจะไม่เคย ดูสิฮามาก หน้าตามันตอนนี้หน้าแดงหูแดงไปหมดแล้วเกี๊ยวปลาเอ๋ย

“ขอโทษที ฉันอดใจไม่ไหว ใครบอกให้เอาปาก เอาหน้ามาใกล้ขนาดนั้น  สักดอกคงไม่ว่ากันนะ”

“…”

“อึ้ง อึ้ง อึ้งล่ะสินะ  แหมโดนฉันจูบปากทีเดียวจอดแบบนี้ เอาอีกซักทีดีไหม เผื่อจะได้นิ่งๆเป็นเด็กดีไม่ก้าวร้าวกับเค้าบ้าง”

“อะ เอ่อๆ  พอแล้ว ไม่ต้องเพิ่ม  เอาเป็นว่าเมื่อกี้มะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ”

“ได้ไง ฉันยังได้รสหวานๆที่ปากนายอยู่เลย จะให้บอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอโทษนะ ฉันไม่โกหกตัวเองอ่ะ เกี๊ยวปลา”

“แต่ฉันรับไม่ได…”

“หรอ  อึ้งตาโตปล่อยให้ฉันเลียลิ้นเลียปากตั้งเกือบนาทีเนี่ยนะ ฮ่าๆ”

“สนุกหรอๆ” เกี๊ยวปลาเอามือใกล้ๆคว้าหมอนหนึ่งใบจับตีจับตีหลายครั้ง จนคนตรงหน้าร้องโอ้ยทันที

“โอ้ยๆ  เกียวปลาพอแล้วๆ  เจ็บๆโอ้ยๆ  ขอโทษ ๆ ไม่ทำอีกแล้ว”

“เออดี  สรุปเมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นไหม”

“ไม่มีเลยจ๊ะ  ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว”

“เฮ้อ  จะว่าไปนายเองก็จูบเก่งไม่ใช่เล่นนะ  ผ่านผู้หญิงกี่คนแล้วหล่ะ ช่ำชองขนาดนี้ ”

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก  แต่ว่า…”

“แต่อะไร”

“นายเป็นผู้ชายคนแรกเลยนะที่ฉันจูบปากเนี่ย  ไม่นึกเลยว่าจูบผู้ชายมันก็หวานไม่แพ้ผู้หญิงเลย  เหลือก็แค่…” ใจเจ๋งลดสายตา
ลงมาหยุดอยู่ที่เป้าน้อยของเกี๊ยวปลาทำเอาเจ้าตัวนี่แทบจะจะหมอนปิดไม่ทัน

“ก็แค่อะไร  อย่ามามองนะ  ไอ้หื่น ลามก  ”

“ฮ่าๆ หยอกเล่นแค่นี้ทำเป็นหูแดงหน้าแดงไปได้”

“ฉันหูแดงหน้าแดงหรอ  เฮ้ยไม่นะ  แมนๆอย่างฉันไม่น่าจะอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้  ไม่ๆๆๆๆ”

“อะไรก็เปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งนั้นแหละ  เห็นฉันเป็นแบบนี้ฉันเป็นไบนะจะบอกให้”

“หมายความว่าไงไบหรอ?”

“ก็ได้ทั้งชายและหญิงนั่นแหละ”

“จริงหรอ แต่ฉันก็เห็นว่านายมีแต่สาวๆทั้งนั้นหนิ  แล้วผู้ชายนายไปได้ตอนไหนหล่ะ”

“เมื่อกี้”

“ไอ้หน้าด้าน  บอกแล้วไงว่าเมื่อกี้ คือไม่มีอะไรเกิดขึ้นแกนี่พูดไม่ฟังแฮะ”

“ล้อเล่นๆแต่อาจจะจริงก็ได้ ฉันหน่ะนะ  ตอนเด็กๆ แอบชอบเด็กผู้ชายคนนึง  เด็กคนนั้นร้องไห้ ขี้งอแง  แต่ฉันไม่เคยรู้สึกรำคาญ
ใจเลยนะ  แต่ฉันกลับอยากดูแลเค้าไปตลอดด้วยซ้ำ แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องจากกัน  เพราะป๊ากับม๊าฉันต้องย้ายมาอยู่เยาวราช
ขาดการติดต่อเป็นเวลานานทีเดียว…”

“แล้วตอนนี้นายเจอเค้าแล้วหรอ”

“ไม่เชิงหรอก เค้าอาจจะจำฉันไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันจำเค้าได้ดีทีเดียวเชียวแหละ  เด็กคนนั้น  ด้วยความดื้อของเค้าทำให้ฉันได้แผลเป็นด้วยรู้รึเปล่า”

“แผลเป็นหรอ?”

“อืมใช่แผลเป็นที่ไหล่ขวาตรงนี้”

“นี่นาย  แผลเป็นแบบนี้  ”

“ฮ่าๆ  อะไรของนาย เกี๊ยวปลา ฉันให้นายมาฟังเรื่องราวย้อนหลังของฉัน  ไม่ได้ให้มาทำสีหน้าเคร่งเครียดนะ”

“หยุด นั่งลงเดี๋ยวนี้! ให้ฉันดูแผลเป็นอีกรอบซิ”

“อืมก็เอาสิ ฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

“รอยแผลเป็น  เหมือนถูกแจกันโยนใส่แล้วเกิดแตกขึ้นมาตามแรงกระทบ…”

“อะไรของนายเนี่ย  เป็นหมอดูหรือไง” ใจเจ๋งแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเกี๊ยวปลานั่นแหละที่ทำ

“ฉันทายถูกใช่ไหม”

“มันก็ใช่  ทำไมหรอ  จะบอกว่าเหมือนกับชีวิตนายว่างั้น”

“เปล่า  ถึงมันจะเหมือนแต่นายคงไม่ใช่พี่ตี๋เล็กอยู่แล้วหล่ะ  นายใจเจ๊ง”

“หึ  กะแล้วเชียว ว่าต้องเป็นแบบนี้” ใจเจ๋งรีบลุกขึ้นไปส่องกระจกก่อนจะแต่งตัวให้ดูดีๆขึ้นมาอีกนิดหน่อย

“เดี๋ยวนายจะไปไหน  ”

“ไปที่ไหนก็ได้ที่ทำให้ฉันสบายใจ นายเองก็พักผ่อนเถอะ ไปเที่ยวมาทั้งวันแล้ว คงจะเหนื่อย เดี๋ยวเย็นฉันจะกลับ  ฝากซื้ออะไรไหม”

“เอ่อ มะ ไม่หล่ะขอบใจนะ”

“อืม  ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ฉันเล่าหรอกนะ ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริง ก็คงไม่เกี่ยวกับนายหรอก  สบายใจได้”

“เอ่อ อะ อืมๆ” เกี๊ยวปลารับคำ  ทำให้อีกฝ่ายยิ้มให้แล้วหันหลังออกไปจากห้อง  ความเงียบเงาเข้ามาปกคลุม เกี๊ยวปลาหรือซาน
หงตอนนี้กำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 15 ปีก่อน  โดยเฉพาะช่วงที่โยนแจกันไปใส่พี่ตี๋เล็กเข้าให้


ก๊อกๆ

“ ซานหงๆ   เปิดประตูให้ป้าหน่อยลูก ”

“ป้าเหมยหรอครับ แปบนึงนะครับ”

“อ้าว  อยู่คนเดียวหรอกหรอ  ป้านึกว่าอยู่กับตี๋เล็กซะอีก”

“ตี๋เล็กหรอครับ  ป้าเหมย นี่ๆแสดงว่าพี่ตี๋เล็กตามมาแล้วหรอครับ”

“ฮ่าๆ เด็กน้อย ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย   นี่ตี๋เล็กเค้ายังไม่บอกซานหงอีกหรอ”

“บอก?  เรื่องอะไรครับ  พี่ตี๋เล็กไม่ได้อยู่นี่หนิครับ  แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าพี่เค้าจะบอกอะไรผม”

“ฮ่าๆ เด็กน้อย  พี่ตี๋  เค้ามากับเราตั้งแต่เดินทางมาที่ประเทศจีนแล้วหล่ะจ๊ะ”

“จริงหรอครับ ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้หล่ะว่าพี่เค้าตามมาแล้ว   ”

“เอาล่ะๆ  ป้าไม่อยากเล่นละครตามเจ้าตี๋แล้ว     ตี๋เล็กมาเที่ยวกับซานซง อยู่ข้างๆซานหงตลอดเวลาที่เที่ยว  นั่นยังไม่พอก่อนหน้านี้เค้าเองก็เคยปรากฏตัวให้ซานหงเห็นแล้วไม่ว่าจะที่มหาวิทยาลัย ที่ห้างทองเยาวราช ไปให้ซานหงด่าต่อว่า กลั่นแกล้ง
สารพัดมานักต่อนัก  ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ตาม ซานหง  พี่ตี๋เล็กหน่ะเค้าอยู่กับซานหงมาตลอดพักใหญ่ๆแล้วหล่ะ แต่ซานหงหลาน
ป้าไม่รู้เรื่อง”

“คุณป้า พุดอะไรครับ ผมงง สับสนวนไปวนมา  อยู่ข้างๆผมตลอดงั้นหรอครับ  แล้วผมก็แกล้งพี่เค้าตลอดหรอครับ”

“ใช่จ๊ะ”

“คงไม่ใช่อ่ะครับป้าเหมย  ที่ป้าเหมยพูดมาทั้งหมด มันน่าจะเป็นหลานชายไอ้พี่ใจเจ๋งนั่นมากกว่าที่จะเป็นพี่ตี๋เล็กนะครับ ป้าเหมยคงเข้าใจผิด”

“ฮ่าๆ  ซานหง  ป้านี่นะเข้าใจผิด  ป้าเป็นแม่ตี๋เล็กนะ ทำไมคนเป็นแม่จะดูไม่ออกมาคนไหนลูกคนไหนหลาน”

“ป้าเหมยผมงงไปหมดแล้ว  เอาแบบง่ายๆครับสั้นๆ ผมงงจริงๆนะครับ”

“คนที่คิดว่าไม่ใช่ แต่เค้ากลับใช่  นี่ซานหง  พี่ตี๋เล็กก็คือ…”

“คือ…”

“…”

“พี่ใจเจ๋ง นั่นแหละ  ใจเจ๋งลูกป้าและก็เป็นพี่ตี๋เล็กของซานหงนั่นแหละ”

“แหนะๆ  คุณป้าๆ  หยอกผมซะแรงเลยนะครับ ไม่จริงหรอกใช่ไหมครับ  คุณป้าแค่แกล้งๆผมรู้หรอก ฮ่าๆ”


“สุดแล้วแต่หลานของป้าจะคิดได้นะจ๊ะ  เอาเป็นว่าถ้าตี๋เล็กกลับมาเมื่อไหร่บอกให้ไปหาป้าที่ห้องพักด้วยนะลูกนะ  อีกเดี๋ยวลุง
เกียว พ่อของพี่ตี๋เล็กจะมาโรงแรม  ”

“เอ่อคือ ได้ครับ  ผมจะบอกให้นะครับ”

“อะไรกันนายใจเจ๋ง  นายคงไม่ใช่พี่ตี๋เล็กหรอกใช่ไหมบอกฉันทีสิ”



          ที่ทุ่งนาของกำนันเบิ้ม  รวงข้าวสีเหลืองทองอร่ามตา พร้อมจะเก็บเกี่ยวไปที่โรงสีข้าว  ชายหนุ่มสองคนสแกนกับสิงโต
สองหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาเกี่ยวข้าวด้วยเคียว  ท่ามกลางคนในบ้านมามุงดูให้กำลังใจ  ในการแข่งขันว่าใครจะเกี่ยวข้าวได้หมด 1 ไร่ก่อนกันระหว่าง สแกนกับสิงโต เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อย ผิดกันกับข้าวตูที่ตอนนี้ดูกังวลอยู่มาก กลางทุ่งนาแสนจะอบอ้าว แดดก็ร้อน ต่อให้เป็นปลายฝนต้นหนาวก็เถอะนะ

“พ่อ  ฉันว่าไม่ดีมั้ง ยกเลิกเถอะ  เห็นๆอยู่ว่าแข่งไปไอ้พี่สิงโตมันก็ชนะ”

“อ้าว ๆไม่ได้นะครับน้องข้าวคนดีของพี่  การแข่งขันมันก็ต้องแข่งขัน  มันมาอยู่ที่บ้านฟรี ทำงานแค่นี้ไม่คุ้มหรอกนะ นี่พ่อตาของน้องข้าวเมตตาสุดๆแล้วนะที่ให้แค่เกี่ยวข้าวเนี่ย”

“หยุดพุดไปเลยไอ้พี่สิง  พ่อจ๋า ฉันขอหล่ะนะ  ให้ไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เกี่ยวข้าวไม่ได้หรือไงครับ”

“ไม่ได้หรอกไอ้ข้าว พ่อตัดสินใจแล้ว  พ่อเองก็อยากดูเหมือนกันว่ารุ่นพี่เอ็งนี่หน่วยก้านสายเลือดอีสานจะพอมีบ้างไหม  เอ้าทั้ง
สองคนประจำที่ เริ่มทำการทดสอบได้”

“เดี๋ยวก่อน   พ่อกำนัน  ฉันมีเรื่องหนึ่งยังไม่บอกพ่อกำนันครับ”

“ว่ามา หนุ่มเมืองกรุง”

“ที่ผมมาหนองคายในครั้งนี้ เพื่อที่จะมาบอกว่า ผม…ผม…ผมรักลูกชายพ่อกำนันนะครับ”

        สิ้นสุดประโยคนี้ ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะสิงโตตอนนี้มองเค้าอย่างกับจะขูดเลือดขูดเนื้อก็ไม่ปาน 

“ฉันว่าแล้วไหมหล่ะพ่อตา ว่าไอ้นี่มันจะมาเป็นมารหัวใจของฉันหน่ะ”

“เฮ้ย พ่อสิง  ใจเย็นๆก่อน  นี่ไอ้หนุ่มเอ็งรู้ใช่ไหมว่าเอ็งเล่นอยู่กับใคร”

“รู้ครับ พ่อกำนันเบิ้มที่น่าเกรงขาม  แต่ผมพูดจริงๆนะครับพ่อกำนัน”

“พ่อ  พี่สแกนเค้าพูดเล่นหน่ะครับ อย่าถือสาเลยนะ”

“ไม่ ผมพูดเรื่องจริง พูดจริงๆ  ผมรักลูกชายพ่อกำนันนะครับ” สแกนยังยืนกรานที่จะตอบ

“หันหลังกลับไปที่กอข้าวด้านหน้าพวกเอ็งทั้งสองได้แล้ว   ใครเกี่ยวได้หมดก่อนคนนั้นชนะ”

“พ่อ!”

“เริ่มได้!”

              สัญญาณเอ่ยขึ้นทำให้การแข่งขันก็เริ่มขึ้นอีกเหมือนกัน  ไม่นานเท่าไหร่ประมาณ 1 ชั่วโมงทุ่งนาของฝั่งสิงโต เกี่ยวข้าวเสร็จนำไปก่อน   ส่วนของสแกนยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย ยังไม่ถึง 2 งานด้วยซ้ำ

“เห็นไหมครับน้องข้าว  พี่สิงชนะแล้ว   ไม่มีอะไรที่ไอ้หน้าจืดนี่ชนะพี่ได้หรอกครับ”

“สรุปคือพ่อสิงชนะ  ไอ้รุ่นพี่ เอ็งแพ้แล้วหล่ะ” กำนันเบิ้มพูดพร้อมกับขำในลำคอ

“พ่อกำนัน ผมแพ้ครั้งนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นผมจะแพ้ตามหนิครับ”

“หมายความว่าไง พ่อหนุ่มเอ็งมีอะไรจะแข่งอีกอย่างนั้นหรอ”

“ดวนปืนครับ!”

“หา  จะบ้าหรอพี่สแกน  มันอันตรายนะ”

“อย่ากังวลไปเลยข้าวตู  แข่งเล็งใส่เป้าหน่ะ  หุ่นไล่กา  2ตัวพ่อกำนันโอเคไหมครับ  ”

“ว่าไงพ่อสิง สู้เค้าไหมล่ะ”

“ยิงปืน สบายมากครับพ่อผู้ใหญ่  แต่บอกแกไว้ก่อนเลยนะว่า ถ้าแกแพ้ฉันอีกครั้งนี้ครั้งเดียว  แกต้องกลับกรุงเทพไปซะ  แล้วก็
ห้ามยุ่งกับข้าวตูในฐานะชู้ชาย”

“อะไรคือชู้ชายลูกพี่”

“ไอ้โง่ ชู้สาวนั่นแหละ แต่น้องข้าวตูเป็นผู้ชายเลยต้องพูดว่า ชู้ชายเข้าใจรึยัง ไอ้โง่ พวกเอ็งนี่ไม่ต้องพูดไม่ต้องถามเข้าใจไหม”

“ครับๆ”

“ว่ายังไงไอ้หนุ่มเมืองกรุง”

“ได้ฉันรับปาก แต่ถ้าฉันชนะ  นายก็ต้องทำตามคำพูดนายด้วยเหมือนกัน”

“ได้เลยไม่มีปัญหา  น้องข้าวครับ พี่สิงจะแข่งแล้วนะ ชะตาฟ้าลิขิตพี่สิงเชื่อว่า น้องข้าวได้คู่กันกับพี่สิงแน่นอน ส่วนแกก็ตกกระป๋อง ”

“จะทำอะไรก็ทำเถอะ พ่อฉันไปหาหลวงตาที่วัดนะ  จะแข่งอะไรกันก็แข่งไป  เห็นฉันเป็นสิ่งของเอาไว้เดิมพันรึไง  ”

“อ้าวไอ้ข้าว เอ็งจะไปไหน  นังสำลีไปกับพี่เค้าไปเร็วๆ”

“จ๊ะๆลุงกำนัน”

“พร้อมแล้วหรือยังไอ้ขี้แพ้” สิงโตพูดเยาะเย้ยแล้วยิ้มให้แบบเหยียดๆ ทั้งๆที่ตัวเองเตี้ยกว่าสแกนไปคืบหนึ่ง

“แต่ฉันว่าอีกไม่นาน  นายต้องถอนคำพูด  ว่าที่กำนันสิงโต”

                ศึกดวนปืนกำลังจะเริ่มในไม่ช้า  ทั้งสองคนเข้าประจำที่  ปืนที่ใช้ก็เอามาจากกองกลางนั่นแหละ กองไหนรู้ไหม กองกำนันเบิ้มนั่นแหละครับ  กติกาก็คือยิงให้เข้ากระดาษที่ติดอยู่กับหุ่นไล่กาด้วยกระสุนคนละ 5 นัด  ใครเข้าตรงกลางได้มากกว่ากันคนนั้นชนะ

“เริ่มได้!” เสียงกำนันเบิ้มออกคำสั่ง พร้อมกับชาวบ้านที่สนใจในการยิงปืนพากันแห่มาดูที่ทุ่งนาพ่อกำนันเบิ้มเป็นจำนวนมาก 
ต่างคนก็ต่างมี FC เป็นของตัวเอง  แต่ดูเหมือนแฟนคลับของสแกนจะเยอะกว่านะ  อย่างนี้แหละคนหน้าตาดี สแกนยิ้มแล้วยักคิ้วให้สิงโตว่ายังไงเกมส์นี้เค้าก็ไม่ปล่อยให้พลาดแน่



 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

wishes

  • บุคคลทั่วไป
 :L1: เป็นกำลังใจให้ครับ  :mew2:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
ช่วงนี้ยุ่ง ๆ ไปหน่อย ทำให้พลาดตอนที่แล้วเลยได้เข้ามาอ่าน 2 ตอนรวดเลย

คนแก่เอาใจช่วยหลานสแกนเด้อ   :m19:

ส่วนหลานเกี้ยวปลาก็ใจเย็น ๆ นะหลาน  :try2:

 :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ DNT48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ฮาฮ่าๆๆ  หายไปนาน 2 เดือน ยังไม่ลืมเรื่องนี้กันใช่ไหมครับ อิอิ



ตอนที่ 16




       ที่บ้านหลังใหญ่ของปาร์ตี้ตั้งตระหง่านหน้าทางเข้าไร่   ดูเหมือนว่าเช้านี้ปาร์ตี้จะตื่นเช้าเป็นพิเศษ   ลงทุนลงมานั่งรอพ่อของเค้ากับเพื่อนบ้านที่ห้องนั่งเล่นแต่เช้า ท่าทีคุยกันออกรส  เพื่อนที่เค้ามาเล่นด้วยแต่เช้านี้ไม่ใช่ใครอื่นไกลนักหรอกแต่เป็นนอสนั่นเอง    เด็กชายหน้าตาน่ารักสดใสร่าเริงแต่ตัวสูงกว่าปาร์ตี้นิดหน่อย เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อ วันสองวันก่อนหน้านี้เอง  และล่าสุดเค้าเพิ่งจะปรากฏตัวไปไม่นานก่อนหน้านี้  น่าจะจำเค้าได้…   

“อ้าวปาร์ตี้ ตื่นเช้าจังลูก แล้วนั่น…ใครกันหน่ะ” 

“คุณอาสวัสดีครับ ผมนอสเองครับ สบายดีไหมครับคุณอา ” นอสรีบเสนอชื่อออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่ตรงหน้าเริ่มสีหน้างุน
งง

“นอสหรอ อืม…อ้อ นึกออกแล้วๆ ลูกชายเจ้าของไร่ข้างๆนี่เอง  อาสบายดี ไงเรา สบายดีนะ กลับมาจากต่างประเทศแล้วหรอลูก
มาคราวนี้หน้าตาดูดีขึ้นเยอะเลยนะ  ว่าแต่พ่อกับแม่เราหล่ะสบายดีไหม”

“สบายดีครับคุณอา ทั้งครอบครัวแฮปปี้กันทุกคนครับ  เมื่อวันก่อนผมก็แวะมานะครับแต่เผอิญไม่ได้แวะเข้ามาคุณอา  ”

“อืมๆ ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ก็เจอกันแล้วนี่เรา ”

“คุณพ่อครับ  ผมทำตามสัญญาแล้วนะครับ” ปาร์ตี้ยิ้มให้พ่อทำเอาพ่อต้องเอียงหน้างงนิดหน่อย

“สัญญา?  สัญญาอะไรอีกลูก”

“อ้าวก็ที่ผมจะบอกว่าจะพาพี่โปเลย์มาเจอคุณพ่อที่บ้านและเป็นวันนี้…ไงครับ  แหมพ่อลืมไวจัง”

“อ้อพี่คนนั้นหรอ อืมๆ พ่อไม่ลืมหรอกคนดีของพ่อ   เอ้าพี่เค้ามาถึงแล้วหรอลูก  เอาสิ ไหนหล่ะ  ไปพาเค้าเข้ามาเร็วๆเข้า พ่อ
อยากเห็นอยากรู้จักแทบแย่อยู่แล้ว จะสมกับที่ลูกเอ่ยอ้างมาซะเยอะรึเปล่านะ”

              ปาร์ตี้ขยิบตาให้เพื่อนรัก ก่อนที่นอสจะยิ้มให้แล้วเดินไปที่ประตูหน้าบ้านก่อนจะจูงมือ หนุ่มร่างสูงหล่อเหลาพร้อมกับใส่ชุดสุภาพราวกับหนุ่มออฟฟิศก็ไม่ปานเดินเข้ามา   พอโปเลย์เข้ามาถึงก็ถอดแว่นสีดำออกพร้อมกับไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้านี้อย่างน้อบน้อม   พ่อของปาร์ตี้เองพอเห็นหน้าก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น  บุคคลตรงหน้า ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าเค้าหน้าตาเหมือนราวกับเพื่อนชายร่วมห้องสมัยมัธยมหลายปีที่แล้ว ไม่ใช่สิเค้าเพิ่งไปหาเพื่อนสนิทคนนั้นไม่นานมานี้เอง    อะไรจะบังเอิญไปเสียหมดที่ทำให้หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้นะ 

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“…”

“คุณพ่อครับ พี่โปเลย์เค้าไหว้พ่อแล้วนะครับ” ปาร์ตี้สะกิดพ่อตัวเอง

“อ้าวหรอ  เออๆ หวัดดีๆ   ชื่อโปเลย์หรอลูก  มาๆนั่งตรงนี้กับพ่อมา  ปาร์ตี้ นอส พ่อวานไปเอาน้ำ ขนมมาหน่อยนะลูกนะ  แขก
มาบ้านทำไมไม่รู้จักหน้าที่นะเด็กคนนี้”

“ได้ครับคุณพ่อ/อา”

“เห็นปาร์ตี้พูดถึงนายตั้งแต่กลับมาบ้านได้สักพักแล้ว  เรื่องของนายพ่อเองก็พอจะได้ยินมาบ้าง แต่ที่ทำให้พ่อตงิดใจก็คือ  นายชอบลูกชายคนเล็กและคนเดียวของพ่อที่ยังอยู่กับพ่อตอนนี้  จริงรึเปล่าพ่อหนุ่ม”

“จริงครับ แต่เรื่องนั้นผมอธิบายได้นะครับ แล้วก็ผมได้แจ้งให้พ่อกับแม่ของผมรู้ก่อนหน้านี้แล…”

“ฮ่าๆ  ไม่ต้องตกใจๆ  ฉันไม่คิดจะปฏิเสธนายหรอกนะ ใจเย็นๆ ถ้าไม่รังเกียจช่วยเล่าประวัติฐานะข้อมูลส่วนตัวของนายให้พ่อฟัง
หน่อยได้ไหม ”

“เอ่อได้ครับ  ผมนาย…  …  ชื่อเล่นโปเลย์  เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัย…  ชั้นปีที่ 4 เกรดเฉลี่ย 3.88 ลุกชาย
คนเดียวของตระกูล   มีธุรกิจ 3 แห่งใหญ่ๆ  1 โรงแรม และที่เหลืออีกสองคือห้างสรรพสินค้ากลางเมืองกรุงเทพ  แล้วก็ยังมี
พื้นที่ต่างจังหวัดในการทำเกษตรกรรม มากกว่า 1000 ไร่ รายได้และกำไรอย่างเดียวจากธุรกิจเหล่านี้ตกเดือนละเกือบ
200,000 – 300,000  บาท…  ”

“พอๆๆ   ฉันเข้าใจแล้ว  นายลูกชายของชล สินะ เอ้… ฉันมองใครไม่เคยพลาดจริงๆ ”

“เอ่อใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณพ่อรู้จักพ่อผมด้วยหรอครับ?”

“ฮ่าๆๆๆ…รายนั้นเค้าเป็นเพื่อนกับพ่อตั้งแต่มัธยมแล้วหล่ะ  พ่อสงสัยตั้งแต่นายถอดแว่นแล้ว แวบแรกที่เห็นใบหน้าถอดเค้าโครง
กันมากทีเดียว ไม่นึกว่ารุ่นลูกยังจะต้องโคจรมาเจอกันอีก  แล้วก็เป็นการโคจรมาเจอกันแบบความรักสินะ”

“ถ้าคุณพ่อไม่ว่าอะไรผมว่าจะพาคุณพ่อคุณแม่ทางบ้านมาสู่ขอลูกชายเร็วๆนี้เลยได้ไหมครับ”

“ฮ่าๆๆ  ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ลูกชายเพื่อนรักทั้งที ถ้าถามฉันฉันคงอนุญาต ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกนักแต่ปัจจุบันคนเรายังไม่คุ้นชิน การจัดพิธีสู่ขอถ้าจะจัดพ่อก็ไม่ว่าแต่ถ้าจัดไปแล้วกลัวคำวิจารณ์จากคนอื่นๆพ่อก็ว่าไม่ควรจัด   ที่พ่อกังวลก่อนหน้านี้  พ่อแค่อยากรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครกันแน่  ไม่ใช่หวังเงินทอง ไม่ได้อยากได้ทรัพย์สิน แต่ฉันต้องการคนที่จะอยู่เพื่อให้ลุกชายของฉันนั้นรอดและไม่อดตายในโลกใบนี้ และที่สำคัญฉันต้องการคนที่จะปกป้องดูแลลุกชายฉันได้  และที่สำคัญ ตอนนี้พ่อมีลุกชายแค่คนเดียวและเป็นคนเล็กสุดในชีวิตพ่อ  คำพูดพ่อเข้าใจใช่ไหม…”

“ผมรับปากครับ จะทำตามที่คุณพ่อพูดทั้งหมด  ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง และไม่ขาดตกบกพร่องครับผม”

“เอาล่ะๆ พ่อได้ยินแบบนี้ก็สบายใจขึ้นมาเยอะแล้ว   ที่เหลือคงจะเป็นปาร์ตี้แล้วล่ะนะ  มาพอดีเลย ว่าไงเรา”

“เอ่อคือ  ผม มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมจะทำอะไรได้อีกหล่ะครับพ่อ เอาเป็นว่าผม เต็มใจครับ ผมก็รักพี่โปเลย์เหมือนกัน  ” ปาร์ตี้พูดแล้วแอบเขินไปบ้าง แต่ไม่ชัดเจนมากนัก กาลเวลาที่ผ่านมาของทั้งสองคน ไม่มีอะไรที่ต้องชั่งใจกันอีกแล้ว  เพราะที่ผ่านมาก็มากพอแล้ว

“ดีใจด้วยนะปาร์ตี้  เพื่อนฉันมีความสุขแล้ว  เย้!” นอสยิ้มทำหน้าเหมือนโลกสวยมากกกกก

“นี่ลูกเขย  นายอาจจะทำงานเป็นหลายอย่างแล้วก็จริงนะ  แต่งานทางไร่ทางสวนแบบนี้นายก็ต้องเป็นด้วย ถ้าไม่รังเกียจพ่อจะ
ให้นายเรียนรู้งานที่นี่ด้วย ที่นี่มีเนื้อที่ทั้งหมด 200 ไร่ทั้งหมดเป็นทุ่งหญ้าแบบลูกฟูก  แบ่งสัดส่วนได้ 4 ส่วน  ส่วนแรกเป็นฟาร์ม
ไก่พันธุ์ไข่  อาจจะมีเป็ดและนกกระทาด้วย  อย่าได้กังวลที่ทำไปไม่บาปหรอก เพราะพ่อเลี้ยงไว้เอาไข่อย่างเดียว   ส่วนที่สอง
เป็นฟาร์มแกะ  ไกลไปทางโน้นเอาไว้ตัดขนไปทำเครื่องนุ่งห่มหลากหลาย   ส่วนที่ 3 ฟาร์มโคนม  เอานมอย่างเดียวฮ่าๆ  ส่วนที่ 4 ผลไม้หลากหลายสายพันธุ์ ลิ้นจี่ ลำไย ละมุด มังคุด ทุเรียน องุ่น มากมาย   รายได้ที่นี่พ่อจะบอกให้นะไอ้ลูกเขย วันต่อวัน อยู่ที่  เกือบ 50,000 เชียวนะ ฮ่าๆ   ถ้าดีหน่อยบางวันผลไม้งามดีก็ 70,000  กำไรที่ได้ก็เก็บให้ลุกชายนี่แหละที่เหลือก็โบนัสให้ลูกจ้างที่นี่ด้วย”

“รับทราบครับ  ไม่น่าหล่ะครับ  บ้านถึงได้หลังใหญ่ขนาดนี้  ”

“ฮ่าๆ ไม่สู้โรงแรมของลุกหรอก ไอ้ลูกเขย มาๆ พ่อจะพาไปทัวร์ที่ไร่ ปาร์ตี้มาด้วยกันสิลูก นอสด้วยนะ”

“เอ่อ นอสขอไม่ไปนะครับคุณอา  ขออยู่ดูทีวีอยู่นี่แล้วกันครับ”

“โอเคๆ ถ้าอยากมาก็ตามๆมานะนอส” ปาร์ตี้ยิ้มให้เพื่อน

“โอเคปาร์ตี้  ดีใจด้วยนะ  เดี๋ยวฉันขอทำอะไรซักอย่างทางนี้แล้วเดี๋ยวจะตามไป”

      นอสมองดูสามคนที่กำลังเดินต้อยๆไปขึ้นรถกอล์ฟจอดไว้ประมาณ 4 5 คันก่อนจะขับพุ่งออกไปทางหลังบ้านตามทางดินแดงที่ปูไว้แล้ว  นอสหันไปมองที่มุมเสาอีกด้านที่พอจะรู้แล้วว่าเนตแอบเข้ามาฟังการสนทนาได้ซักพักหนึ่งได้แล้ว  นอสเองก็ได้แต่ยิ้มแล้วแล้วเดินไปที่เสาต้นนั้นทันที

“ไง เนต  สบายดีไหม  ยืนอยู่ตรงตั้งนานมีอะไรรึเปล่า”

“อย่ายุ่งกับฉันน่า…”

“เดี๋ยว  จะไปไหน เมื่อกี้มาแอบฟังคุณอากับพี่โปเลย์เค้าทำไม มันเสียมมารยาทนะ  เอ๊ะ!  รึว่าจะ...อิจฉาหรอ”

“พูดบ้าๆหน่ะ นอส  ฉันจะอิจฉาอะไรได้ นายท่านเลือกแล้วหนิว่าใครจะได้คู่กับน้องปาร์ตี้  ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉันซักหน่อย”

“ก็ดี  ต่อไปนี้นายก็ไม่ต้องแสดงความหึงหวงเกินเหตุแล้วนะ เพราะช่วงปิดเทอมที่เหลือนี้พี่โปเลย์เค้าจะมาอยู่ที่นี่และคอยช่วย
งานที่ไร่นี้ด้วย เพื่อนฉันกำลังมีความสุขนายอย่าขวางเลยนะ”

“หึ… จะมาทำไม รวยนักไม่ใช่หรอ ธุรกิจก็มีแทบจะนับไม่ถ้วน มีเวลาว่างมาช่วยคนอื่นอีกหรือไง”

“ไม่ต้องห่วงแทนเค้าหรอก พี่เค้าครอบครัวใหญ่ญาติๆเค้าช่วยกันทำธุรกิจ  ถึงไม่มีพี่เค้า แต่กำไรแต่ละเดือนก็งอกงาม…”

“มาบอกฉันทำไมนอส”

“เอ้าก็อยากให้ตาสว่างไงหล่ะ  อย่าลืมสิว่าปาร์ตี้คิดกับนายแค่พี่ชาย ไม่ใช่คนรัก!  อีกอย่างนะคนรักเค้าก็มาฝากตัวฝากตนกับคุ
รอาเรียบร้อยแล้วด้วย ชิ”

“ใช่!...ฉันมันแค่พี่ชาย พี่ชายที่โง่ๆคนนึงเท่านั้นแหละนอส  พอใจรึยังหล่ะ  ฮึ”

“จะเดินไปไหน  มาคุยกันให้รู้เรื่องนะเนต ทำไมเอาแต่เดินหนีแบบนี้ล่ะ  นี่หยุดเดินเดี๋ยวนี้”

“พอซักที ไอ้บ๊องเลิกตามเลิกมาขวางทางฉันซักที ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน  นายไม่เกี่ยว… ถอยไป”

“เอ๊ะ!  นายนี่ หัวดื้อชะมัด  ทำไมฉันจะไม่เกี่ยวฮะ”

“…”

“ดี  ในเมื่อไม่มีอะไรต้องปิดอยู่แล้ว ฉันบอกให้ก็ได้ ว่าฉันหน่ะ  ฉันชอบนายมากๆๆๆๆๆนายเนตตาเฉิ่มเอ้ย  ถึงปาร์ตี้จะไม่ได้รัก
นาย แต่นายก็ยังมีฉันนะ   โอ้ยพอแล้ว ฉันอายหน้าแดงไปหมดแล้ว  เบื่อจริงๆเลย  นายพูดถูก นายหน่ะมันคนโง่  บ้าเอ้ย  หลีก
ทางไปซะทีสิ  ” 

นอสเดินชนไหล่เนตออกไป แล้วเดินตรงไปที่รถกอล์ฟแล้วขับออกไปทางทุ่งหญ้าลูกฟูกทิ้งให้เนตที่เอาแต่อึ้ง ก็นั่งทรุดลงกับพื้น

“เอ่อ…  นอส  นาย…?”

“พ่อหนุ่ม… บางทีคนเราถ้าลดถอยความมุ่งมั่นบางอย่างแล้วลองมองดูรอบๆตัว บางทีสิ่งที่ดีที่สุดที่กำลังเดินตามหา หนุ่มอาจจะ
เจอแล้วก็ได้นะ”

“เอ่อ  แต่ลุงครับ  ผม…”

“ลุงว่า พ่อหนุ่มคงได้ยินชัดเจนแล้วหล่ะนะ  คำพูดของหนุ่มน้อยคนเมื่อกี้  ชัดเจนที่สุดแล้ว  ลองเปิดใจดูแล้วค่อยตอบคำถามในใจตัวเอง…” ลุงชาวสวนในไร่ พูดพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินหลีกไปอีกทางอย่างไม่หวนที่จะหันหลังกลับมามองเนสเลยแม้แต่น้อย 
    เนสไปนั่งครุ่นคิดอยู่นานเกือบ 2 ชั่วโมง  เวลาที่ผ่านมา รอยยิ้ม ความทุกข์  ความสุข  แสงสว่าง  ตั้งแต่เด็กๆจนถึงปัจจุบันนี้ เนตไม่เคยสงสัยและสังเกตในสิ่งสิ่งเดียวที่นอสมีให้  บางครั้งเมื่อนึกย้อนกลับไปเค้าเองอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้การตัดสินใจไปต่างประเทศของนอสเมื่อ 5 ปีก่อนก็ได้  เพียงเพราะนอสต้องการหลีกทางให้กับเค้าและปาร์ตี้นั่นเอง     

“อะไรกันเนี่ย  นอส เมื่อกี้นายติดตลกใช่ไหม  รึว่านายชอบฉันอย่างนั้นหรอ    เป็นไปไม่ได้น่า   ที่ผ่านฉันมองข้ามจุดนี้ไปได้ยังไง   ฉันทำไม่ดีเอาไว้มากเลยนะ   เสียมารยาท พูดจาไม่ดี ทำร้ายจิตใจนายมาตลอดหรอเนี่ย  แล้วที่นายต้องไปเรียนต่างประเทศก็เพราะฉัน ฉันเคยบอกว่าไม่อยากเห็นหน้านายอีกอย่างนั้นสินะ  พอนายกลับมาวันนี้ตอนนี้ฉันก็ทำร้ายจิตใจนายอีกแล้ว  ฉันมันไม่เอาไหน  ฉันมันแย่ๆ แย่เสียจนไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่กำลังตามหา  นอส ฉันตามมันเจอแล้วหล่ะ  ฉันตามหาคำตอบของหัวใจฉันได้แล้วนอส  นอสนายอยู่ไหน   นอส  ฉันก็รักนาย  ฉันขอโทษ…”

“จะพร่ำเพ้ออีกนานไหมพ่อเนต  คุณหนูนอสเค้าขับรถกอล์ฟไปไม่รู้ไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว  ยังไม่รีบตามไปอีก”  คุณป้าแม่บ้านตะโกนบอกเนตลงมาจากบ้านชั้นสองที่กำลังทำความสะอาดอยู่ สงสัยจะทนฟังเค้าเพ้อไม่ไหว

“ครับป้า ผมจะไปตามเดี๋ยวนี้แหละ”

       ที่ธารน้ำเล็กๆกั้นพื้นที่สองสวนไว้ด้วยธารน้ำ   นอสนั่งเอามือโอบเข่าที่ชันขึ้นก่อนจะมองลงไปที่ธารน้ำเล็กไหลเชี่ยว

“คนใจร้าย  นายมันใจร้าย ไอ้เนตบ้า  ภูตแห่งธารน้ำ ถ้าได้ยินคำเรียกร้องของผม ช่วยบอกเค้าทีว่าผมน้อยใจเค้า  ผมจะงอนเค้า ผมจะไม่มองหน้าเค้า ผมจะไม่พูดกับเค้าอีกแล้ว ผมจะกลับต่างประเทศในเร็ววันนี้ด้วย”

“ข้าแต่ภูตธารน้ำ ถ้าได้ยินคำเรียกร้องของผม ช่วยบอกเค้าทีว่าผมรักเค้ามาก  ผมจะดูแลเค้า ผมจะไม่ไล่เค้าไปไหนอีก  ผมจะ
มองหน้าเค้า ผมจะไม่ทำร้ายเค้าทั้งทางจิตใจและร่างกาย และช่วยบอกให้เค้าอยู่ด้วยกันที่นี่  ที่จันทบุรีตลอดไป…”

“เนต  นายจะตามมาอีกทำไม  กลับไปเลย กลับไปๆๆๆๆๆๆ ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกต่อไปแล้ว”

“จะให้กลับไปไหนได้ล่ะ หัวใจฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนี่นา  ”

“ตรงไหน ไม่เห็นมีเลยมีแต่ฉันกับนายสองคนเท่านั้น”

“ฮ่าๆ ก็นายนั่นแหละนอส นายคือหัวใจที่ฉันตามหามาตลอดต่างหากไม่ใช่ปาร์ตี้หรอก  ”

“อะไรของนายอีกเล่า  อย่ามาหลอกฉันเล่นนะ ไม่ขำด้วยหรอก”

“นี่…ฉันอาจจะค้นหาหัวใจดวงนี้ช้าไปหน่อย  แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว  ดีกันนะ”

“ไม่!”

“เอ้า นอส  ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว  ฉันโง่เองแหละที่ไม่เห็นความรักของนายที่มีให้ฉัน  ฉันมันไม่เอาไหน  ฉัน…ฉันรักนาย
จริงๆนะ” เนตชูนิ้วก้อยทำหน้าละห้อย น่าสงสารทำเอานอสหมดปัญญาเล่นตัวต่อไป

“รู้แล้ว พุดอยู่ได้  ”

“เอ้า  โถ่  เมื่อกี้ยังหน้าบึ้งอยู่เลย ไอ้เราก็นึกว่าโกรธ  ”

“มันเป็นแผน ที่คนอย่างนายก็ตามไม่ทันอีกนั่นแหละ นายเนตตาเฉิ่มเอ้ย!”

“หืม…ว่าฉันตามไม่ทันหรอ   อย่าหนีนะ มาให้จับซะดีๆ”

“ไม่เอา ถ้าให้จับฉันก็ซวยสิเนต”

“หรอ…ถ้าจับได้เมื่อไหร่นะ จะหอมแก้มซัก 10 ทีดีไหม”

“ไม่ดี”

“ถ้างั้นก็ซัก 100 ทีเป็นไง”

“ไม่เวิร์ก”

“นี่ไงจะหนีไปไหนจับได้แล้ว  ถ้างั้นก็ขอจูบปาก 5 นาทีเลยเป็นไง”

“ตายพอดีสิเนต ใครเค้าพาทำ”

“ไม่มีใครพาทำ เมียฉัน ฉันก็ต้องทำเองซิ มานี้”

“เนต จะจูบจริงๆหรอ”

“ฮ่าๆ ไม่หรอก ล้อเล่นหน่าถ้านายไม่พร้อม ฉันก็…..อุ๊บ”

        นอสเอามือจับคอเนตลงมาจูบปากเอง ทำให้เจ้าตัวนี่ถอนตัวไม่ขึ้นได้แล้วเอาปากประกบกันอย่างนั้นเกิน 5 นาทีที่ตั้งไว้เสียด้วยซ้ำ

“ขอบคุณนะเนต ”

“เรื่องจูบเนี่ยหรอ   ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ  ไม่งั้นนายได้ขอบคุณฉันทั้งคืนนี้แน่นอส”

“คิดว่ากลัวหรอเนต  ตัวเท่านาย ไม่ได้ใหญ่ไปซักเท่าไหร่หรอก”

“ลองดูไหมหล่ะ  ถ้าได้ดูแล้วอย่ามาถอนคำพูดคืนนะ เนตไม่ให้นะ   ”

“ฟังดูน่ากลัวเนต  ไม่เอาๆ เปลี่ยนเรื่อง”

“ไม่เปลี่ยน…ก็เรื่องนี้แหละที่คู่ชาย-ชายเค้ามีความสุขกัน ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่ากลัว”

“ก็นอสไม่เคยหนิเนต”

“ฮ่าๆ ไก่อ่อน  เดี๋ยวเนตฝึกให้  เอาคืนนี้เลยไหม”

“ไวไปๆเนต  คนอะไรหื่นเป็นบ้าเลย คิดถูกไหมเนี่ยมาหลงชอบคนแบบนายเข้าให้”

“อยากบอกว่าคิดถูกมากเลยแหละ เนตดีใจที่สุดที่นอสรักเนต”

“ มันก็แน่นอนอยู่แล้ว  ว่าแต่เนตเถอะ เดือนหน้านอสจะกลับต่างประเทศแล้วนะ ดุแลตัวเองด้วย ”

“ไม่เอา ย้ายกลับมา  เนตอยากเห็นหน้านอสทุกวันทุกวันเลยนะ  ได้ไหม”

“มันก็ได้อยู่หรอก แต่นอสจะไม่ย้ายมาหรอก ห่างกันนานๆ มาเจอกันจะได้ไม่เบื่อกันไง”

“ไม่เอาๆ เนตได้ตายไปเพราะความเหงามากกว่าความเบื่อแน่นอน  ”

“ไว้เดี๋ยวนอสดูอีกทีนะเนต”

“ไม่ได้เนตต้องได้คำตอบเดียวเท่านั้นคือ นอสต้องมาอยู่ให้เนตเห็นหน้าตลอดนะ”

“อืม…”

“เป็นไงบ้างลูกเขย พอไหวไหม งานในสวนในไร่มันก็ประมาณนี้แหละ”

“ก็เหนื่อยพอดูครับ โห นี่ถ้าไม่มีลูกมือหลายสิบชีวิตนี่ ดูท่าจะไม่รอดเหมือนกันนะครับ”

“ฮ่าๆ ไอ้ลุกเขยพุดดีเว้ย  ด้านซ้ายมือเป็นอพาร์ทเม้นต์ของลุกจ้างที่นี่ ฉันสร้างให้โดยเฉพาะเชียวหล่ะ”

“โห ดูสวยมากเลยครับ   คนงานที่นี่คงจะรักและเคารพคุณอามากเลยนะครับ”

“อืม ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ นี่ลูกเขยเรียกคุณพ่อก็ได้นะ  พ่ออนุญาต ”

“โอเคครับ คุณพ่อ ”

“อืมๆนี่ๆปาร์ตี้  ขับรถกอล์ฟถึงบ้านเมื่อไหร่ อย่าลืมไปทำความสะอาดห้องให้สมกับเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อด้วยนะ”

“ครับพ่อ”

“เออนี่  จบวิศวกรรมมาแล้วก็อย่าลืมเอาแผงโซล่าพลังงานแสงมาติดให้ที่ฟาร์มพ่อหน่อยนะลูกเขย”

“ครับพ่อ  ผมจะให้คนทำตามนั้นเลยครับ พอดีผมรู้จักกับเพื่อนที่เค้ามีอุปกรณ์ขายด้านนี้อยู่บ้าง  น่าจะช่วยได้เยอะ”

“นั่นไงๆ ปาร์ตี้  ได้แฟนดีๆแบบนี้พ่อเองก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากแล้วล่ะ  นี่ลุกเขย  เงินสินสอดไม่ต้องให้พ่อหรอกนะ เท่านี้ก็มาก
พอที่จะเรียกสินสอดแล้วล่ะฮ่าๆ”

“แล้วแต่คุณพ่อก็ได้ครับ ผมยังไงก็ได้”

“เออดีๆ พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดีหน่อย  ชีวิตคู่  แรกๆมันก็โอเคอยู่หรอกนะ  แต่ตอนหลังๆก็ดูกันเอา ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ พ่อ
อยากให้ลูกทั้งสองใจเย็นๆ ค่อยๆพูดค่อยจา อย่าให้เป็นเหมือนพ่อกับแม่เค้าใจไหมปาร์ตี้”

“ครับคุณพ่อ  ผมจะพยายามเชื่อฟังพี่โปเลย์ให้มากๆครับ ”

“ไอ้ลูกเขยพ่อฝากด้วยนะ  ปาร์ตี้เป็นเด็กดี  แต่ซุ่มซ่ามไปนิดหน่อย คงไม่ว่ากันนะ  ”

“ได้เลยครับคุณพ่อ  ผมจะดูแลลูกชายคุณพ่อให้เท่ากับดูแลชีวิตของผมเลยครับ”

“อืมๆ  พ่อเองก็แก่เข้าทุกวันๆ ไม่อยู่จะอยู่ถึงวันไหน แต่ขอแค่มีคนดูแลลูกชายของพ่อได้ พ่อก็ดีใจแล้วหล่ะนะ”

     ชายวัยกลางคนยิ้มให้โปเลย์พร้อมกับตบบ่าให้กำลังใจ แล้วยิ้มให้ก่อนจะเอามือแก้วตาดวงใจมาแตะกุมไว้กับมือของโปเลย์ แล้วพยักหน้าให้ทั้งสองได้รู้ว่า  เค้าอนุญาตแล้ว ทางสะดวกทุกอย่าง ในอนาคตจะเป็นยังไงนั้นคนเป็นพ่อไม่อาจรู้ได้ แต่ตอนนี้ลูกชายของเค้ากำลังมีความสุขที่สุด มีหรอที่เค้าจะไม่มีความสุขด้วย 




ว้าาาาาาา   บอกข่าวดีมาก  เรื่องนี้กำลังเดินทางไปถึงฝั่งแล้วนะครับ  อีก 4 ตอนเท่านั้นเอง ^^  อย่าลืมติดตามกันนะทุกคน ฮุฮุ :o8: :-[ :serius2:



loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 17



 :L2: :L2: :L2:
         ผับขนาดใหญ่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย สถานที่ๆ ทั้ง 6 คนต้องมาเจอกันและเกิดความวุ่นวาย ปั่นป่วน และเจอเรื่องราวหลากหลายความรู้สึก  ผับแห่งนี้คงหนีไม่พ้นกรรมสิทธิ์ของยอร์ชอีกนั่นแหละ  ชายหนุ่มลูกครึ่งเยอรมัน  ตอนนี้แววตาที่ดูเคร่งเครียดของเค้ากำแก้วเหล้าไว้แน่น แล้วยกมันเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที มีลูกน้องที่มองดูเจ้านายตัวเองอย่างเป็นห่วงเพราะยอร์ชเล่นเอาแต่กินเหล้ามาติดต่อกัน 3 วันแล้ว  ข้าวปลาก็กินบ้างไม่กินบ้าง  บางทีกินข้าวเข้าไปก็อาเจียนออกมา และจะเป็นแบบนี้ไปไม่รู้จะสิ้นสุดลงวันไหน…

“ไปเอามาเพิ่มอีก ไป!” ยอร์ชสั่งเสียงดัง แต่สภาพตอนนี้แทบจะพยุงตัวเองนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาว์เตอร์ไม่ได้เลย

“นายครับ ผมว่านายดื่มมากไปแล้วนะครับ”

“ยุ่งหน่า ไปไกลๆเลยไปพวกมึง ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ต้องมาคอยตามซ้ำเติมกูหรอก ถึงเวลากูกลับเอง”

“นาย แต่นายไม่ได้กลับบ้านมา 3 4 วันแล้วนะครับ นายใหญ่ถามหาแล้วนะครับ”

“บอกพ่อกูไปว่าเดี๋ยวกูจะกลับไปเอง ไปได้แล้ว ไป๊!”

“คะ…ครับ!”

“หึ  ปาร์ตี้  ทำไมปาร์ตี้ทำกับพี่อย่างนี้  เฟสก็ไม่เล่น โทรศัพท์ก็ไม่เปิด นี่นายกำลังหนีหน้าพี่ไปมีความสุขอยู่กับไอ้โปเลย์นั่น ไอ้
มารความสุขอยู่เป็นแน่   ฉันจะฆ่าแกไอ้โปเลย์”

         แววตาที่ดูเหมือนดุดัน แต่ก็คล้ายๆกับเหม่อลอยอยู่นั้น กลับมาน้ำตาที่ไหลรินออกมา  น้ำตาที่ดูเหมือนว่าเค้ากำลังได้รับ
ความพ่ายแพ้อย่างมหันต์  และเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้  ที่สำคัญนั้นคือความพ่ายแพ้ของความรัก

“ขอโทษนะคะ  เก้าอี้ข้างๆคุณมีคนนั่งแล้วหรือยังคะ” สาวสวยในชุดสีชมพูเปรี้ยวจี๊ด  กำลังยืนถามเค้าอยู่ใกล้ๆ  ยอร์ช ไม่สบอารมณ์อะไรมาก  และเค้าแทบจะไม่เงยหน้าขึ้นไปมองเสียด้วยซ้ำ  ก่อนตอบคำถามแบบปัดๆไปที

“ยังครับ  เอาไปนั่งเลย  ”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ออกจากเก้าอี้ตัวนี้

“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณใช่คุณยอร์ชรึเปล่าคะ” หญิงสาวยังคงถามเค้าต่อไป

“อืมใช่ แล้วเธอหล่ะ เป็นใคร!”

“อิอิ  ก็เป็นแฟนคลับพี่ยอร์ชยังไงหล่ะคะ” เธอหัวเราะแล้วฉีกยิ้มกว้างออกมา

“ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด คิดแต่เรื่องสนุกๆ  ขอโทษนะช่วงนี้ฉันงดรับแขกที่เป็นผู้หญิง!”

        ประโยคนี้ทำเอาผู้หญิงที่เข้ามาใหม่หน้าหวอ ก่อนจะกัดฟันแน่นข่มอารมณ์ไว้ ไม่งั้นคนตรงหน้าได้ลงไปจมอยู่พื้นเป็นแน่  สภาพก็ดูไม่ได้ แล้วยังจะปากดีอีก  เชื่อเค้าเลยนายยอร์ชผู้แข็งแกร่ง

“ค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”

 “จะไปไหนก็ไปสิ  มาบอกฉันทำไม”

            สาวน้อยเดินออกมาจากบทสนทนาที่แสนจะรวดเร็ว  เร็วมาก! แล้วเดินหน้ามุ่ยตรงมาทางประตูที่มีติวายืนยิ้มให้อยู่ก่อน
หน้านี้แล้ว

“ติวา  แผนนายห่วยมากเลยรู้ไหม  บ้าจริงๆเลย  ให้ฉันไปอี้อ๋อ กับตานั่นก็ว่าต่ำแล้วนะ  แต่นี่  เค้ากลับด่าฉัน ฉันเสียหายนะแบบนี้  ให้ตายสิ…”

“รุ้แล้วน่า ลีน่า  ทำไงถึงจะให้ไอ้ยอร์ชนี่มันเลิกยุ่งกับน้องปาร์ตี้นะ”

“ว่าแต่นายเถอะ เอาอะไรคิดแผนนี้ฮะ เป็นถึงทันตแพทย์หนุ่มปี 4 แต่ความคิดนายเนี่ยมัน…”

“มัน…มันทำไม ยัยลีน่าจอมโวยวาย พูดมาให้จบ”

“ก็…มันไม่ได้เรื่องหน่ะสิ ให้ฉันเข้าไปหาผู้ชายแบบนั้นมันไม่งามรู้ไหม นี่ถ้ามีใครมาเห็นเข้าจะว่ายังไงยะ  ดีนะที่ตานั่นหลงผู้ชาย
ด้วยกันเองหัวปรักหัวปรำ ไม่งั้นฉันต้องไปเล่นละครเลิฟซีนแน่ๆ  แหวะ อี๋”

“เอาหน่านะ ไหนๆก็ผ่านไปแล้ว ขอบใจเธอมากแล้วกัน ยัยบ๊อง ”

“รู้แล้วหน่า คราวหลังหัดปรึกษาแผนการก่อนนะ ปรึกษากับสแกน โปเลย์ ใจเจ๋ง รึว่าใครก็ได้ที่เป็นมวยกว่านี้”

“อะไรวะเป็นมวย”

“ก็เป็นงานเป็นการหน่อยหน่ะสิจ๊ะ  พ่อคุณตามโลกทันไหมเนี่ย”

“ไม่ทันก็ได้อ่ะ”

“ไปเถอะอยู่ที่แบบนี้นานๆ ฉันหายใจไม่ออกติวา กลับกันเถอะ  ไปคิดแผนใหม่กัน  ยังพอมีเวลาก่อนที่พวกเค้าทุกคนจะกลับมาที่
มหาวิทยาลัยอีกครั้ง”

“ก็ได้ๆ ยัยบ๊อง ฉันรับบัญชา”




“พี่ข้าวตูๆๆ”

“อะไรของแกวะสำลี วิ่งหอบมาเชียว ไม่เห็นหรอว่าฉันอยู่กับหลวงตาอยู่หน่ะ”

“ขอโทษจ๊ะหลวงตา  แต่เรื่องนี้พี่ไม่รู้ไม่ได้นะจ๊ะ  หนีมากลางคันแบบนี้…”

“อะไร!”

“พี่สแกนเค้าดวนปืนชนะแล้วจ๊ะ พี่ข้าวตู”

“อืมก็ดี แค่นี้ใช่ไหม  ”

“ไม่ใช่จ๊ะ ในเมื่อแข่งขันกันแล้วเสมอแบบนี้ ก็ต้องมีการแข่งอีกครั้งเพื่อตัดสินสิจ๊ะ”

“แข่งอะไรกันอีกหล่ะ พ่อนะพ่อ  ทำอะไรอยู่รู้ตัวไหมเนี่ย”

“ไม่ใช่พ่อหรอกจ๊ะ แข่งขันครั้งสุดท้าย  พวกพี่สแกน พี่สิงโตเค้าจะตกลงแข่งกันเองจ๊ะ”

“แล้วนั่นจะแข่งอะไรกันหล่ะ”

“แข่งมวยกันจ๊ะ”

“มวย!  แข่งขันอะไรบ้าๆอีกแล้ว  ช่างเค้าเถอะสำลี เอ็งกลับไปได้แล้ว  ฉันจะคุยกับหลวงตาต่อ”

“ไม่ต้องคุยไม่ได้หรอจ๊ะ  แข่งครั้งนี้อันตรายมากเลยนะจ๊ะ  เพราะพวกเค้าเล่นไม่ใส่นวมจ่ะพี่ ดูๆไปเหมือนจะเป็นการท้าตีกันเสีย
มากกว่า”

“หาเรื่องวุ่นวายยุ่งยากให้ฉันจริงๆไอ้พวกนี้   หลวงตาผมลาก่อนนะครับ  กราบลาครับ”

“อืมๆ…เจริญพรโยม”

“เร็วๆพี่ข้าวตู เดี๋ยวไม่ทันการ”

“รู้แล้วน่าเร่งฉันอยู่ได้  เอ็งก็เดินนำไปสิวะ”

“จ๊ะ”


“เฮ้ยๆ  เฮ้ยๆ” เสียงเชียร์ดังขึ้นอย่างกับเชียร์ไก่ชนก็ไม่ปาน หลายคนยืนมองมุงหัวกันดู  ข้าวตูจะไปเห็นได้ยังไงตัวเท่าลุกแมว สายตามองไปเห็นลังที่ไม่ได้ใช้อยู่ 2 3 ลังก็ไปยกมาต่อกันพอให้ได้เหยียบขึ้นไปเห็นได้ชัดเจนขึ้น

“พี่สแกน  สู้ๆ ต่อยมันเลยไอ้พี่สิง เอาให้มันน่วมไปเลย” เสียงของสำลีดังขึ้นเชียร์หนุ่มกรุงเทพอย่างสุดตัว

“พี่สแกน  เลือดไหลที่ปลายคิ้ว  นี่มันมวยบ้าอะไรวะเนี่ย เห็นๆอยู่ว่ามวยเถื่อนชัดๆ แล้วนั่นไอ้พี่สิงมันเอาท่าต่อยมวยมาจากไหน
ไม่เคยเห็นมาก่อน  นั่นมันมวยปล้ำแล้ว  ”

“พี่ข้าวตู ช่วยกันเชียร์หน่อยสิจ๊ะ แฟนพี่ไม่ใช่หรอ”

“ไอ้สำลีพี่สแกนคิ้วแตก  เราต้องเข้าไปห้าม ให้เค้าหยุดตีกันก่อนเดี๋ยวนี้เลยนะ  แล้วก็วิ่งไปบอกพ่อเร็วๆเข้า”

“เอางั้นหรอจ๊ะ ฉันว่าฉันไปตามพ่อกำนัน ส่วนพี่ข้าวตูก็เข้าไปบอกเค้าหยุดกันเองดีกว่านะจ้ะ”

“เออๆ ได้  ไปเร็วๆ จะไม่ทันการณ์   เลือดท่วมสนามมวยบ้านี่ขึ้นมาจะว่ายังไง”

“จ๊ะๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ”

ฟุบ!! สิงโตลักไก่เอาเท้าเตะกลางหลังสแกนอย่างแรงทำเอาคนโดนเตะหน้าคว่ำไปหมอบอยู่กับพื้นทันที สิงโตสีหน้ายิ้มแสยะ อย่างกับผู้ที่เหมือนเป็นต่อ  พร้อมกับเดินเข้าไปในร่างสูงที่กำลังนอนฟุบลงไปด้วยแรงถีบเมื่อกี้ แล้วยกเท้าของเค้าจะเหยียบซ้ำ
ลงไปที่ร่างที่นอนเอามือป้องกันหน้าเอาไว้

“พี่สแกน!”

“อ้าวน้องข้าวตู มาดูความพ่ายแพ้ของไอ้นี่หรอครับ  ไม่ต้องห่วงนะ พี่นี่แหละจะชนะในไม่ช้านี้แล้ว”

“พอเถอะไอ้สิง เอาตีนที่แกกำลังจะยกขึ้นเอากลับไปเดี๋ยวนี้นะ  ก้าวก่ายรุ่นพี่ของฉันเกินไปแล้ว”

“พี่ไม่ได้ก้าวก่ายแต่มันเป็นการแข่งขัน”

“จะไม่มีการแข่งขันอะไรทั้งนั้น  คนรักของฉันฉันตัดสินเองว่าต้องการหรือไม่ต้องการ”

“หลบหน่อยจ๊ะๆ กำนันเบิ้มมาแล้ว” เสียงสำลีดังขึ้น มันทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้รู้ว่า มันจบลงแล้ว

“พี่สแกน พี่สแกน  พ่อจ๋าพ่อพี่สแกนสลบไปแล้วพ่อ ช่วยฉันพาพี่เค้ากลับไปบ้านที”

“เออๆรู้แล้ว พ่อสิง ฉันต้องขอโทษด้วยนะ  ฉันต้องทำตามลูกชายฉัน นายเข้าใจนะ”

“อ้าวพ่อตาครับ ไหงเป็นอย่างนี้ไปได้   อ้าวไปกันซะแล้วไม่ฟังกูเลย  เซ็งหว่ะ ”

3 ชั่วโมงผ่านไป  ข้าวตูอยู่เฝ้าดูแลสแกนที่ห้องนอนอยู่ไม่ห่างคอยเช็ดแผล ทำแผลให้  รอยฟกช้ำที่ถูกกระทำเมื่อครู่อยู่ตามตัวสแกนเป็นระยะๆ สีเขียวมันทำให้ร่างบางที่นั่งคอยดูอาการอยู่ข้างๆอย่างอดห่วงไม่ได้ ไม่นานหนุ่มนัยน์ตาคมเข้มเข้มคู่นี้ก็กำลังลืมตาขึ้นมองภาพอย่างยากลำบาก 

“พี่สแกน ฟื้นแล้วหรอครับ”

“…”

“คราวหลังไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นแล้วนะ ผมรักใครผมตัดสินใจเองได้”

“พี่ก็แค่อยากให้ข้าวตูรู้ว่าพี่รักข้าวตูมากแค่ไหนเท่านั้นเอง”

“ก็เพราะเหตุผลนี้ไง พี่ถึงได้เจ็บตัวแบบนี้  อย่าทำแบบนั้นอีกนะครับ”

“อืมๆ พี่เข้าใจแล้ว  ”

“ไหนดูสิ คิ้วแตกหมดแล้ว  พี่คงไม่รู้อะไรไอ้สิงโตหน่ะเป็นนักเลงตำบลโน้นเรื่องแบบนี้ ท้าตีท้าต่อย เป็นของถนัดเค้าอยู่แล้ว  พี่ก็ยังจะตามน้ำเค้าไปอีก”

“ก็พี่ไม่อยากเสียฟอร์มหนิ  มันท้ามาถ้าพี่ไม่อยากปฏิเสธ  พี่ก็เลย…รับคำไป”

“เฮ้อ แล้วเป็นยังไงล่ะฟอร์มเยอะนะ  เจ็บไปหมดทั้งตัวอยู่แล้ว”

“เออว่าแต่  ข้าวตูพาพี่กลับมาได้ไงกัน”

“ปล่าวหรอก ผมให้พ่อกับชาวบ้านอีก 2 คนหามพี่มาหน่ะ”

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  นอนพักเถอะ ตื่นมาอาการจะได้ทุเลา”

“อืมๆ  นี่ถ้าพี่หายแล้ว ข้าวตูกลับกรุงเทพพร้อมกับพี่เลยนะ”

“ก็ได้ครับ กลับก่อนกำหนดเปิดเรียน 4 วันไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

“ขอบใจนะ โอ้ยเจ็บจังข้าวตูดูให้พี่หน่อยสิครับตรงคิ้วตรงนี้อ่ะ”

“ไหนไม่เห็นมีเลย  คิ้วด้านขวาพี่ไม่แตกไม่ใช่หรอผมดูดีแล้วนะ  ”

“เอ้าก็ก้มดูใกล้ๆสิจะได้เห็นนั่งหลังตรงดูอย่างนั้นจะเห็นได้ไงเล่า”

“อยู่ไหนหล่ะผมหาแล้วไม่มีเลย”

จุ๊บ

“พี่สแกน  เจ้าเล่ห์นักนะ ทีเผลอตลอด” ข้าวตูว่าแล้วก็เอาสำลีที่จุ่มแอลกอออล์เช็ดไปที่แผลตรงหลังมือทันที

“โอ้ย พี่แสบนะ แหม…จูบนิดจูบหน่อยพอให้หัวใจของพี่กระชุ่มกระชวยก็พอแล้ว โอ้ย! พอแล้วๆ พี่ไม่ทำแล้ว”

“นี่ไง  กระชุ่มกระชวย  โดนแอลกอฮอล์ล้างแผลหน่อยเป็นไง เจ้าเล่ห์หรอฮะๆ”

“พอแล้วๆแสบๆๆ ไม่เอาแล้วข้าวตู”

“ไม่เอาก็ต้องเอา ถ้างั้นมันจะหายไหมครับ”

“อ้าวก็มันแสบนี่ครับ ข้าวตู”

“…”

“เป็นอะไรไปหรอ ข้าวตู  เงียบทำไม”

“ป่านนี้  เกี๊ยวปลาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะครับพี่สแกน  ไปเที่ยวจีนครั้งนี้  เค้าคงสนุกนะ”

“เฮ้อ  เรื่องของเรื่อง ก็อยู่ที่ไอ้ใจเจ๋งกับเกี๊ยวปลาแหละ   ไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมากเลยนะ”

“ถ้าเกี๊ยวปลารู้ว่าพี่ใจเจ๋งเป็นพี่ตี๋เล็กของเค้า เค้าจะว่ายังไงนะ  คู่นั้นหนักกว่าเราอีกนะ  ไหนจะปาร์ตี้อีกรายนั้นเค้ามีคนโน้นมารุม
ตอมเยอะจะตาย”

“พี่ว่า 100% ไอ้ใจเจ๋งมันไม่กล้าบอกหรอก  มันเคยพูดกับพี่ว่า ไม่อยากทำให้เกี๊ยวปลาเสียใจ ไม่อยากให้ผิดหวัง”

“งั้นหรอครับ  พี่สแกน แล้วปาร์ตี้กับพี่โปเลย์จะเป็นยังไงบ้างนะ”

“นี่ๆ ห่วงแต่คู่คนอื่นอยู่ได้โถ่  คู่ตัวเองเคยถามถึงไหมครับ หืม  แต่ก็นะพี่ว่า คู่เราไม่ต้องมีคู่แข่ง ไม่มีคนแย่งดีแล้ว ไม่งั้นพี่หึง
ข้าวตูใจขาดก่อนพอดี”

 สแกนโยกตัวใกล้เข้ามาหาข้าวตูที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ไม่ทันได้สังเกต  พอเจ้าเห็นเท่านั้นแหละกลับเอียงตัวพร้อมกับเอามือดันหน้าหล่อๆของข้าวตูหนีทันที  สแกนเองพอเข้าไปหอมแก้มไม่ได้ก็หัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มตัวลงนอนแล้วกุมมือข้าวตูไว้อย่างนั้น  เจ้าตัวเล็กได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข  สแกนเป็นคนที่มีความอ่อนโยนอยู่ไม่น้อย ผิดกันกับตอนแรกที่เห็น ข้าวตูเห็นเค้าเป็นเพียงหนุ่มหล่อขี้เก๊ก หยิ่งในตัว พูดมีหลักมีการ ลูกคนหนู ใครขัดใจเสียก็ไม่ได้ซะอย่างนั้น  แต่ตอนนี้เค้ากลับเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายแทบเกือบเหมือนเป็นคนๆเดียวกันไปเสียแล้ว



ที่ประเทศจีน
     เวลาประมาณบ่าย 3 ประตูห้องพักที่โรงแรมกำลังถูกแง้มออกมาเบาๆ  ก่อนจะเผยโฉมชายหนุ่มที่เกี๊ยวปลานั่งรออยู่ทั้งวัน    ใบหน้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างสดชื่น  ผิดกันกับเกี๊ยวปลาที่ทำอะไรไม่ถูกเลย   เค้าเพิ่งได้ยินข่าวใหม่ล่าสุดจากทางป้าเหมยมาไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว  มันทำให้เกี๊ยวปลาใจหวั่น วิตก  คนตรงหน้าคือพี่ตี๋เล็กไปเสียแล้ว  สมองของหนุ่มตัวเล็กประมวลผล ตีกันไปมาเหมือนหัวจะระเบิดเป็นจุน

“เกี๊ยวปลา  เป็นไรไป เมื่อกี้ฉันเรียกชื่อนาย นายไม่ได้ยินหรือไง  เหม่อลอยอยู่ได้”

“ขอโทษทีครับ  เอ่อ ว่าแต่พี่ไปไหนมาครับ”

“ฮั่นแน่ เป็นห่วงฉันด้วยหรอ  มีอะไรรึเปล่า รึว่าเปลี่ยนใจไม่ทะเลาะกับฉันแล้ว”

“…”

“นี่ เป็นไรไป เกี๊ยวปลา  ฉันไม่อยู่ 4 ชั่วโมง เปลี่ยนไปเยอะเลยนะนายอ่ะ  มากินขนมนี่มา ฉันซื้อมาให้จากข้างนอก”

“พี่ใจเจ๋ง   เมื่อกี้ป้าเหมย…”

“แม่หรอ   แม่ทำไมหรอเกี๊ยวปลา  แม่บอกอะไรนาย!”

“ปล่าวครับ  ป้าเหมยบอกว่า ถ้าพี่มาแล้วให้ไปหาคุณลุงด้วย  ท่านรออยู่ที่ห้องพักของป้าเหมยครับ”

“เฮ้อ แล้วไป นึกว่าเรื่อง…ป๊ามาถึงแล้วหรอเนี่ย” ใจเจ๋งหยุดพูดก่อนจะมีอะไรบานปลายไปกว่านี้ แต่เกี๊ยวปลากลับหลบสายตา
มองไปข้างๆตัวเค้าแทน

“เดี๋ยวเกี๊ยวปลา จะไปไหน  ”

“ผมจะไปเดินเล่นข้างล่างโรงแรมนี้ซักหน่อยครับ  ”

“งั้นหรอ  เอานี่ไปกินด้วยสิ พี่ซื้อมาให้นะ  อร่อยน้าไอ้ซานหงตัวน้อย”

             ใจเจ๋งเอามือขยี้หัวเกี๊ยวปลาไปมา  คำพูดที่เรียกชื่อเล่นของเค้าแบบนี้ ฟังดูแล้ว เกี๊ยวปลายิ่งสัมผัสและรับรู้ได้มาก
เรื่อยๆ ความอ่อนโยนแบบนี้ ที่เค้าเคยได้รับจากพี่ตี๋เล็ก  กำลังทำให้เค้าเริ่มจะมั่นใจแล้วว่าที่ป้าเหมยพูดถูก  เค้าคือคนคนเดียวกันกับตี๋เล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้   คือพี่ตี๋เล็กที่เค้าคอนรอและตามหาอยากเจอหน้ามาโดยตลอด  เรื่องราวที่ผ่านมา เค้าคนนึงแหละที่อยากให้มันเป็นแค่ฝันร้าย  ถ้าเปลี่ยนอดีตได้เค้าเองไม่อยากจะรู้จักพี่ใจเจ๋งในสภาพแบบนี้หรอก  เกี๊ยวปลาเดินเล่นลงไปตามโรงแรมไปเรื่อยๆคิดนั่นคิดนี่คิดโน่นไปต่างๆนาๆ




ตอนที่ 18 จะอัพลงประมาณ เที่ยงวันนะจ้ะ

 :mew3: :mew4: :mew3: :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 18


“ …อะไรนะครับม๊า   นี่ม๊าบอกความจริงให้ซานหงรู้แล้วหรอครับ!” ใจเจ๋งตะโกนออกมาสีหน้าตกใจ

“ใจเย็นๆ ตี๋เล็ก  ม๊าก็ต้องบอกความจริงน้องเค้าไป จะปล่อยให้คารังคาซังอยู่แบบนี้ ม๊าไม่เอาด้วยหรอกนะ ”

“แต่ม๊าครับ…”

“เออน่า  ม๊าเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้แกแล้วตี๋เล็ก  ที่เหลือก็ไปอธิบายน้องเอาเอง”

“…ก็ได้ครับม๊า   แต่ผมว่าน้องต้องโกรธ” ใจเจ๋งพูดก้มหน้าแล้วนั่งลงบนโซฟาที่ห้องพักของแม่เค้า

“ม๊าว่าเค้าไม่โกรธตี๋เล็กของม๊าหรอก   ลูกเป็นหนึ่งในดวงใจของซานหงเค้า  เค้ารักและเคารพลูกอย่างกับอะไรดี  ม๊าเชื่อว่าซานหงไม่ได้โกรธลูกหรอกนะ เพียงแค่ต้องให้เวลาน้องนิดนึง”

“จริงหรอครับม๊า  ผมหวั่นๆยังไงชอบกล  เมื่อกี้ตอนผมกลับมา ไม่เห็นน้องจะมีท่าทีเหมือนซานหงคนเดิมที่คอยซ่าคอยกัดกับผม
ตลอดเลยนะครับ ที่ไหนได้เพราะรู้เรื่องนี้แล้วสินะ”

“ก็แหงสิ ม๊าเพิ่งบอกความลับลูกไปให้ซานหงเค้าฟังหนิ  ดีแค่ไหนแล้วที่ซานหงไม่ได้โกรธลูกเอา”

“ผมไปหาน้องก่อนนะม๊า”

“เออๆ ดีๆ  รีบๆไปหล่ะเดี๋ยวไม่ทันเอานะ   ”

“ครับม๊า”

           เกี๊ยวปลาเดินออกมาตามทางเดินฟุตบาทเรื่อยๆไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่นัก  พอดีเหลือบไปเห็นคุณป้าที่กำลังถือของพะรุงพะรัง และอีกอย่างก็เหมือนกับจะเดินไปทางข้างที่เดียวกัน   

“ป้าครับ  ป้าถือไหวไหมให้ผมช่วยไหมครับ”

“ไม่เป็นไรพ่อหนุ่ม  ป้าไหวใกล้ถึงที่หมายแล้วนิดเดียวเอง  ข้างหน้ามีงานประจำปีของชาวมณฑลยูนาน สนุกนะ สนใจไหมหนุ่ม
น้อย”

“น่าสนุกดีนะครับ ถ้างั้นให้ผมช่วยถือของแล้วกันนะครับ ไหนๆก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว”

“ผมด้วยครับป้า!” เสียงที่คุ้นหู  เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวอะไรทำนองนั้นดังขึ้นมา ทำให้เกี๊ยวปลาต้องรีบหันไปมองตามเสียง

“อ้าว มาจากไหนอีกคน  อ้อๆ ป้านึกออกแล้ว คงจะเป็นแฟนกันสิท่า  น่ารักทั้งสองคนเลย ว้าเดี๋ยวนี้ผู้ชายน่ารักๆก็เป็นแฟนกันหมดแล้ว  ผู้หญิงเค้าจะได้คนขี้เหร่เป็นแฟนหมดแน่ๆ”

“เอ่อ  ไม่ใช่นะครับป้า ป้าเข้าใจผิดแล้วครับ นี่! นาย!  ตามมาทำไมเนี่ย”

“อ้าวทำไมต้องดุด้วยหล่ะซานหง   พี่ตี๋แค่เป็นห่วงตัวเองหนิ”

“นี่ นาย  รู้เรื่องแล้วหรอ?”

“ครับ  รู้จากแม่พี่เมื่อกี้เอง   ซานหง  รู้เรื่องนี้แล้วทำไมไม่บอกพี่หล่ะครับ  แล้วเดินหนีออกมาเที่ยวสถานที่ๆตัวเองไม่ชินแบบนี้ไม่
ดีหรอกนะรู้ป่าว”

“ใจเจ๋ง  ฉันขอหล่ะนะ  อย่าเพิ่งใช้คำว่าตี๋ในตอนนี้ได้ไหม คือ… ฉันยังยอมรับมันไม่ได้”

“เฮ้อ  พี่เข้าใจนะ  ไม่เป็นไร ซานหงจะเรียกพี่ว่าใจเจ๊ง หรือ ใจเจ๋ง เหมือนเดิมก็ได้ขอแค่นายสบายใจ”

“ขอบใจนะ”

“นี่พ่อหนุ่ม สรุปจะถือของให้ป้าตรงนั้นอีกนานไหม  ป้าหนักแทน”

“อ้อๆครับๆไปแล้วครับป้า รอด้วยครับ”

“อ้าว ซานหงรอพี่ด้วยสิ ใจร้ายชะมัด”

              สองคนเข้าร่วมงาน ซื้อของกิน ถ่ายรูป เยอะแยะไปหมด  ระหว่างทางก็มีคนขอถ่ายรูปเหมือนราวกับว่าเป็นคนดังอะไรทำนองนั้น  ใจเจ๋งได้แต่ยืนประชิดเกี๊ยวปลาโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้  ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะหนุ่มจีนแถวนี้สายตาทองผ่านทะลุมาทางเกี๊ยวปลากันทั้งนั้น  มีหรอที่ใจเจ๋งจะยอม  ไม่ได้หรอกของของใครใครก็หวงจริงไหม?

“สนุกจังเลยเนาะว่าไหม  เทศกาลชาวยูนนานนี่ก็สวยดีนะพี่ว่า  ซานหงว่าไงครับ”

“ก็ดีครับ  แต่คนเยอะไปหน่อย”

“ฮ่าๆ  ไม่แปลกหรอกครับที่คนเยอะ   นี่พี่หิวจะแย่แล้ว หาอะไรกินดีกว่านะพี่ว่า”

“แล้วแต่ครับ ผมยังไงก็ได้  ”

“ซานหงไม่หิวก็ไม่เป็นไร  พี่ไม่กินแล้วแหละ”

“จะกินไหม  ถ้ากินก็กินตอนนี้แหละ   ไม่ใช่เวลามาทำเสียงงอนนะครับ”

“ว้าวเกี๊ยวปลาคนเดิมกลับมาแล้ว”

“กวนประสาทจริงๆเลย   แล้วอย่างนี้นายจะใช่พี่ตี๋เล็กของฉันจริงปะเนี่ย”

“ตัวจริงเสียงจริงฉบับจริงครับ  รอยแผลเป็นด้านไหล่ขวายังอยู่นะ ใครไม่รู้ทำพี่เจ้บเจ็บ”

“รู้แล้วน่า  ผมขอโทษ  ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่นา  พี่ตี๋เล…เอ๊ย  นายใจเจ๊ง”

“พี่ว่าเรานั่งกันตรงนั้นดีกว่าเงียบดี   เอ้าเดินมานั่งสิครับ  หนุ่มจีนเค้ามองนายตาโตไปหมดแล้ว”

“ก็ให้เค้ามองไปสิ”

“ไม่ได้ พี่หวง”

“จะหวงทำไม   ไม่ได้เป็นเจ้าของซะหน่อย”

“ใครว่าหล่ะ  ก่อนพูดถาม คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วรึยังครับ  ถ้าเป็นไปได้อยากทำหลักฐานไว้ว่าเป็นแฟนพี่ตั้งนานแล้ว”

“ไม่อยากถาม  คนที่ชอบหม้อสาวแบบพี่ผมไม่เชื่อหรอก”

“เอ้าซะงั้น  เฮ้อ   ลุง เอาอันนี้ อันนั้น  อันโน้นอย่างละ 1  แล้วก็ขอข้าว 2 จานนะครับ ”

“สั่งเก่งจัง  เคยมาบ่อยหรือไงเมืองจีน  พูดอาหารจีนซะคล่องเชียว”

“ก็พอตัวนะ   ว่างๆไม่มีไรทำ พี่ก็จะนั่งเครื่องมาหาป๊าที่นี่”

“อ้อ งั้นหรอ”



“ไง  ทั้งอิ่มทั้งอร่อยหล่ะสิ  เห็นตั้งหน้าตั้งตากินใหญ่เลย”

“งั้นมั้ง”

“ฮ่าๆ  ตอบได้กวนตลอดทางเลยนะ  น่ารักอ่ะ”

“น่ารักตายแหละ  ถึงห้องเมื่อไหร่จะได้อาบน้ำนอนซักที”

“เดี๋ยวก่อน   คืนนี้คืนสุดท้ายแล้วที่จะพักอยู่จีน   วันนี้พี่ขอนอนบนเตียงด้วยได้ป่าว”

“ไม่ได้หรอก”

“เอ้า   ทำไมอ่ะ  พี่อุตส่าห์นอนบนโซฟามาเกือบเป็นอาทิตย์นึงแล้วนะ  คืนสุดท้ายเห็นใจหน่อยเถอะ”

“ก็นอนสิครับ ผมล้อเล่น  ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นซะหน่อย”

“อย่างนายมันโหดร้ายหล่ะสิไม่ว่า”

“แล้วพี่หล่ะหม้อหญิงเป็นว่าเล่นหล่ะสิไม่ว่า”

“เกี่ยวไรกันเค้าพูดถึงเรื่องที่นอน ฮ่าๆ”

“พี่ตี๋เล…อุย นายใจเจ๊ง   ก็ฉันจะพูดให้มันเกี่ยวจะทำไม   ”

“ปล่าว  อืมๆ คืนนี้มีบอล รอดูด้วยกันป่าว ชอบแมนยูเหมือนพี่เลย”

“ก็ดี   ไม่ได้ดูนานแล้ว   จะว่าไปนะ  นี่ผมไม่ดูบอลมาเป็นพักใหญ่ๆแล้วนะ  ผมทำได้ไงวะเนี่ย”

“อ้าว  ไม่เห็นยาก คำตอบก็คือ นายทำได้ไง”

“กวนผมได้ตลอดนะพี่อ่ะ”

           ใจเจ๊งเงยหน้ามายิ้มหวานให้เกี๊ยวปลาก่อนจะคีบลูกชิ้นให้คนตรงหน้า  ป้อนกันไปมา ทำเอาคนที่เค้าไปกินด้วยข้างๆพากันมองอมยิ้มมีความสุขไปด้วยเลย

“ถึงโรงแรมซะที คืนนี้สนุกที่สุดเลย  ขอบคุณนะครับที่ไปเป็นเพื่อน”

“ป่าวไปเป็นเพื่อนซะหน่อย   เค้าไปในฐานะแฟนต่างหาก แบร้  ขึ้นห้องดีกว่า”

“พี่ตี๋เล็ก!”

“เอาเข้าไปๆ   นี่ๆทำไมคนสวยๆอย่างลีน่าต้องมาคอยตามนายเรื่องกำจัดไอ้ยอร์ชขี้เก๊กแทบทุกวันแบบนี้นะ  แล้วนี่จะรอให้มันได้
อะไรขึ้นมาวะ  งานโปรเจกปี 4 ฉันยังไม่เสร็จดีเลยนะ  นายติวา!  นี่ฉันบ่นขนาดนี้แล้วนายฟังฉันอยู่มั้ยยะ”

“โอ้ย  ฟังอยู่นี่ไง  แสบหูเป็นบ้าเลย  พามาแค่นี้ทำเป็นบ่น”

“นี่ๆ   ฉันถูกนายพาตามมาสถิตอยู่ตรงนี้คณะนี้ทุกวันนะยะ  เวลาฉันก็หมดไปกับไอ้บ้าขี้เก๊กนั่น  แล้วก็ไหนจะ…”

“ยัยลีน่า หุบปากไปเถอะน่า  โน่น มันเดินมาโน่นแล้ว”

“เอ้า ก็ไปสิ เดี๋ยวก็พลาดอีกหรอกติวา”

“เออๆหน่า ไปแล้ว รอตรงนี้นะ”

“อืม”
        ติวาเดินลิ่วไปขวางหน้ายอร์ชไว้ทำเอาเจ้าตัวมองติวาที่กล้ามาดักทางเดินเค้าอย่างน่ากลัว
“มาขวางทางฉันไว้ทำไมวะ”

“ยอร์ช   พวกเราขอเวลาคุยอะไรกับนายหน่อยสิ”

“ฉันจำเป็นด้วยหรอ หลบไป!”

“เดี๋ยวถ้าฉันจะบอกว่าเรื่องที่จะพูดคือเรื่องของปาร์ตี้ นายจะว่ายังไง”

“ฮึ! ปาร์ตี้หรอ โอเค  น่าสนใจหนิ เชิญว่ามา”

“ปาร์ตี้ รักโปเลย์เพื่อฉันมาก…”

“รู้แล้ว อย่าตอกย้ำได้ไหม ”

“ไม่ได้ตอกย้ำ ฟังก่อนดิวะ”

“ว่ามา”

“ฉันเลยขออยากให้นายปล่อยน้องไปซะเถอะนะ เพื่ออนาคตของน้อง”

“นี่คือคำขอร้องสินะ นายหน่ะคิดว่าความรักมันทำได้ง่ายๆแล้วก็ตัดขาดได้ง่ายๆขนาดนั้นเลยหรอวะ เสียใจด้วยนะติวา  ลูกหมาที่
ซื่อสัตย์ต่อไอ้โปเลย์แบบนาย ฉันว่าอย่าพยายามเลยดีกว่า  ฉันเลือกและกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้  รึแม้แต่คนอื่นฉันก็กำหนดได้เหมือนกัน!”

“ติวา  เค้าเดินหนีไปเฉยเลย  ดูสิ”

“เห็นแล้วน่า นี่ลีน่าช่วยหยุดพูดในเรื่องที่ฉันเองก็เห็นอยู่หลัดๆพร้อมกับเธอจะได้ไหม”

“เออก็ได้   แล้วนี่คิดว่าเค้าจะทำตามที่เราขอร้องไหมอ่ะติวา”

“ไม่รู้  อยู่ที่นายยอร์ชคนเดียวแล้วหล่ะนะ  ขอแค่เค้าไม่ไปราวีปาร์ตี้กับเพื่อนของฉันก็พอแล้ว”

“แต่เมื่อกี้นายได้ยินไหมว่า หมอนั่นสามารถกำหนดชะตาชีวิตใครก็ได้  อย่างนี้โปเลย์ไม่ปลอดภัยนะ”

“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าเค้าไม่ทำ  ถ้าเค้ารู้จะคำว่ารักได้ ก็ต้องรู้จักคำว่าเสียสละได้เหมือนกัน  เค้าต้องไม่ทำแบบนั้นแน่ลีน่า เชื่อสิ อย่า
ห่วงไปเลยนะ”

“ถ้างั้นก็กลับกันเถอะ ฉันจะได้ทำงานฉันต่อ”

“เออๆ ขอบใจนะลีน่าที่คอยช่วยมาซักพักนึงแล้ว”

        ลีน่าได้แต่ยิ้มพยักหน้าพร้อมกับตบบ่าเพื่อนชายอย่างเข้าใจดี   ต่อไปนี้พวกเค้าก็คงจะไม่ได้เข้าไปช่วยอะไรมากแล้ว  ที่เหลืออยู่ที่ความคิดความอ่านของทั้งสามคนนี้  ผลจะเป็นยังไงก็คงต้องปล่อยมันไป

“พ่อครับ  ผ่านมาหลายวันแล้ว ผมขออนุญาตพาปาร์ตี้ลาพ่อตรงนี้เลยนะครับ”

“ว้า คนแก่ก็ต้องเหงาอีกแล้ว   เปิดเทอม 2 แล้วสินะ  ปาร์ตี้   ”

“ครับพ่อ”

“ฟังพ่อนะ    ให้ทำตามคำพุดของพ่อให้มากๆ  อย่ขัดขืนเข้าใจไหมลูก”

“เรื่องเมื่อคืนที่พ่อบอกผมใช่ไหมครับพ่อ”

“เอ่อ คุณพ่อครับ…”

“ไอ้ลูกเขย  อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย  รอไปถามเจ้าตัวในรถตอนเดินทางกลับเอาจะดีกว่านะ”

“ปาร์ตี้กอดหน่อยเร็ว” นอสอ้าแขนรอกอดเพื่อนรักคนนี้อย่างดีใจ

“อืมๆ นอส ฉันจะกลับไปสานฝันต่ออาชีพในฝันแล้วนะ   กลับมาบ้านปิดเทอมตุลาคมครั้งนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลย  นายเองก็
เหมือนกันนะนอส   ไปต่างประเทศเมื่อไหร่ ถ้าย้ายกลับมาไทยได้เร็วๆก็ดีนะ  สงสารคนที่หน้าหงอยยืนอยู่ตรงข้างบ้าง”

“ใครว่าหล่ะปาร์ตี้  พี่ไม่ให้นอสไปไหนทั้งนั้นแหละ  ข้าวของก็ไม่ให้กลับ หาซื้อใหม่ที่นี่เลย”

“พี่เนตว่าไปเรื่อยนะพี่  อายคุณอากับพี่โปเลย์เค้ามั่ง”

“เอ้าเกี่ยวอะไรกับนายท่านหล่ะนอส  เกี่ยวแค่เราสองคนเท่านั้นพอ”

“ถ้างั้นถือโอกาสลาคุณพ่อแล้วก็เพื่อนๆทุกคนเลยนะ ทั้งเนตและนอส   เมษานี้เราคงได้พบกันอีก”โปเลย์ยกมือไหว้คนสูงอายุอย่างน้อบน้อม

“พี่เนต ฝากดูแลพ่อปาร์ตี้ด้วยนะพี่”

“ได้เลยน้องชาย  อย่าห่วงเลยน่า  ไปเรียนมหาลัยมาเทอมนึงแล้ว พี่ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่ใช่หรอ”

“อะไรกันปาร์ตี้เห็นพ่อเป็นคนแก่ขนาดนั้นเลยเชียว  พ่อยังพอดูแลตัวเองไหวน่าลูก”

“ฮ่าๆ ไม่รู้แหละครับ ก็ผมเป็นห่วงพ่อหนิ  ไปแล้วนะครับพ่อ สวัสดีครับ บ้ายบายเพื่อนๆ”

          ระหว่างทางกลับไปที่มหาวิทยาลัยโปเลย์ได้แต่มองปาร์ตี้เป็นระยะๆ  ก่อนจะตัดสินใจถามคนที่นั่งข้างๆด้วยความข้องใจ

“นี่ปาร์ตี้  คุณพ่อกำชับเรื่องอะไรหรอครับ”

“พี่โปเลย์ ผมนึกว่าพี่จะลืมไปแล้วซะอีกนะครับ”

“พี่เนี่ยนะลืม   ไม่ลืมหรอกครับ  ว่าแต่จะเล่าให้พี่ฟังหรือยังเอ่ย”

“ก็…คุณพ่อบอกว่า  อย่าทำร้ายจิตใจพี่  อย่าดื้อกับพี่   อย่าขึ้นเสียงและด่าพี่  สุดท้ายเป็นคู่รักของพี่ให้สมกับว่าที่ลูกเขยของคุณ
พ่อ   เท่านี้แหละครับ”

“ว้าแย่จัง  คุณพ่อน่าจะเพิ่มอีกอย่งนึงด้วยนะ”

“อะไรครับ”

“ก็…ห้ามหมดรักพี่ด้วยไงครับ”

“พี่โปเลย์  ประการสุดท้ายนั้นไม่ต้องกำชับหรอกแต่อยู่ที่ในหัวใจผมแล้วต่างหาก”

“หรอ ไหนขอดูหน่อย”

“เฮ้ยไม่เอา จะดูได้ไงมันเป็นความรู้สึกนะ ”

“ถ้างั้นพี่ก็จะดูด้วยความรู้สึกไงครับ   ”

ฟอดดดด   โปเลย์เอาหน้าเข้ามาหอมแก้มคนตัวเล็กก่อนจะหน้าแดงจนต้องหันหน้าไปทางถนนด้านข้างทีเดียว

“ไง รู้สึกไหมครับ”

“ยิ่งกว่ารู้อีกครับ  พี่โปเลย์ขับรถช่วยดูถนนด้วยครับ  รถพี่นี่ใช่ราคาจะถูกนะ ถ้าชนขึ้นมา…”

“ปาร์ตี้ไม่ดีครับอย่าพูดถึงเรื่องรถชนหรืออุบัติเหตุสิ ”

“ขอโทษครับ  ไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรครับ  แหม หน้าหงิกเชียว  โอ๋ๆ พี่พูดเล่นหน่าเด็กน้อยแว่นแดงคนดีของพี่ ”



สองตอนที่เหลือพุ่งนี้เจอกันใหม่นะจ้ะ

 :L2: :L1: :3123: :L2: :L1: :3123:

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ขอยคุณคนเขียน มากๆ
มาลงอีกไวๆนะ
อิอิ

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 19


 :L1: :L1: :L1:
           ผ่านมา 1 สัปดาห์หลังจากที่ทุกคนเดินทางกลับมาที่เมืองหลวง กลับมาเรียนต่อ กลับมาเพื่อทำภารกิจและเผชิญหน้ากับบางเรื่องที่ยังไม่สะสาง   เที่ยงคืนของวันนั้นอุณหภูมิลดลงมา ถึง 16 องศา  ในยามราตรีที่แสนจะหนาวเย็นเช่นนี้กลับมีเงาของชายหนุ่มพาดทอดลงมาตามทางเท้า เดินจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของปาร์ตี้ เกี๊ยวปลา กับข้าวตู ในมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มผู้นั้นเดินขึ้นมาจนถึงหน้าประตูพร้อมกับเผยรอยยิ้มแสยะที่น่ากลัว  ก่อนจะยกมือหนาๆข้างนั้นเคาะประตูห้องรัวหลายครั้ง

ก๊อกๆ ก๊อกๆ

“อืมมมมมม   ใครมาเคาะประตูตอนนี้นะ คนเพิ่งได้นอนไปไม่กี่นาทีเอง  ข้าวตูแกอยู่ใกล้ๆประตูเดินไปดูหน่อยดิว่าใครมา” เกี๊ยวปลาผู้ที่กำลังจะเคลิ้มหลับได้ที่ กลับสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนใคร แต่เค้าก็พยายามที่จะตะโกนบอกข้าวตูที่หลับไปแล้วให้ตื่นนอนเพื่อ
ไปเปิดประตูแทนเค้า

“อืมๆ เดี๋ยวลุกไปดูให้” ข้าวตูตอบกลับพร้อมกับท่าทางที่งัวเงียได้ที่ ดวงตาสองดวงกลับปิดสนิทแต่เค้ากลับลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
ได้อย่างชำนาญ  แล้วตัดสินใจปลดล็อกกลอนประตูอย่างใจเย็นก่อนจะพยายามหรี่ตามองดูแขกที่มาเยือนเค้าตรงหน้า 

“คุณพระ!” ข้าวตูตะโกนเสียงดัง อย่างควบคุมไม่ได้  ดวงตาที่กำลังหนักถ่วงอยู่นั้นก็เบิกกว้างอย่างกับถูกน้ำสาดใส่หน้าไม่มี
ผิด   ทำให้เพื่อนๆทั้งสองคนที่กำลังลุ้นรอฟัง ตาตื่นไปตามๆกัน และมันทำให้คนที่เหลือยิ่งอยากรู้ไปใหญ่

       
“ว่าไงข้าว  ใครมาหรอวะ” เกี๊ยวปลาถามข้าวตูทันทีที่เริ่มผิดปกติ

“เอ่อ เกี๊ยว ยะ…แย่แล้ว ดูแลปาร์ตี้ด้วย พี่ยอร์ชมา!” ข้าวตูพูดพร้อมกับเอามือออกแรงผลักประตูให้ปิดกลับเหมือนเดิม แต่ดู
เหมือนว่ามือหนาๆที่มีกำลังมากกว่าจะดันไว้ได้ก่อนและเริ่มออกแรงมหาศาลดันประตูเข้าไปข้างใน ทำเอาคนที่พยายามปิดถึง
กลับเสียหลักไปอยู่อีกมุมห้อง

“ฮึ จะปิดประตูหนีฉันไปอีกนานแค่ไหน ไงสบายดีนะ  ไม่เจอกันนานนี่พวกนาย เห็นฉันเป็นปีศาจไปแล้วหรอ”

“พี่ยอร์ช มะ…มาที่นี่ทำไมครับ แล้วทำไมสภาพของพี่ถึงได้…” ปาร์ตี้ถามไปตามที่เค้าเห็นคนตรงหน้า  ดูไม่ค่อยเป็นผู้เป็นคน
เสียเท่าไหร่นัก  เสื้อผ้าที่ใส่ดูเก่าๆเหมือนใส่มาหลายวัน และกลิ่นที่มีแอลกอฮอล์คะคลุ้งไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม ตลบอบอวลไปหมด

“ใช่  ฉันมันดูไม่จืดเลยใช่ไหมเล่าปาร์ตี้ ไง…ต้องขอบคุณน้ำเมาแล้วสินะที่ทำให้ฉันได้คลายความทุกข์ไปได้บ้าง  รู้ไหมพอพี่รู้ว่า
ปาร์ตี้กลับแล้วพี่แทบ ดีใจ! จนตัวสั่นถึงได้มาหาที่นี่ไง ที่ร้ากกก  มาให้พี่กอดหน่อยน้า”

“ไอ้ยอร์ช  แกมันน่ากลัวมากเลยรู้ไหมตอนนี้  อาบน้ำบ้างไหมหน่ะ อี๋เหม็นหว่ะ  ไม่ต้องเดินเข้ามาเลยนะ หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”

“เฮ้ย  พูดมากหน่าไอ้เกี๊ยว  แกปล่อยตัวปาร์ตี้มาให้ฉันได้แล้ว  ฉันอยากคุยกับเค้า  ใจ จะ ขาด!”
            ยอร์ชเน้นเสียงหนักและเยือกเย็นจนหน้ากลัว  พร้อมกับแววตาที่จ้องมองไปยังหนุ่มแว่นแดงที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังเกี๊ยวปลาเอาไว้เพราะความกลัว

“ไม่ได้ ฉันไม่ให้เพื่อนฉันไปหาแกแน่  แกกลับไปได้แล้ว ไม่งั้นฉันโทรมาพี่ตี๋เล็กเดี๋ยวนี้แน่”

“แส่หาเรื่องน่าเกี๊ยวปลา ปล่อยปาร์ตี้มาหาฉัน เดี๋ยวนี้!  อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง!”

           ยอร์ชเดินดุ่มๆเข้ามากลางห้อง  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงข้าวตูที่เพิ่งหลบไปโทรศัพท์ที่มุมห้องด้านหนึ่ง 

“พี่สแกนหรอครับ  แย่แล้วครับ  พี่ยอร์ชมาที่หอของพวกเรา  มาช่วยด่วน…”

เพล้ง!

“โทรหามันให้ได้อะไรขึ้นมาข้าวตู  เห็นไหมความแส่ของแกทำให้โทรศัพท์แกเป็นเศษเหล็กไปแล้ว ฮ่าๆ”

        ยอร์ชในตอนนี้ต่อให้มีพวกข้าวตูอีกซัก 10 คนก็ดูเหมือนจะต้านไว้ไม่ได้ผล  คนที่ดูน่ากลัวกึ่งเมากึ่งรู้เรื่องแบบนี้ กำลังมัน
เยอะขนาดไหนใครก็รู้

“ถ้าใครยังดื้ออีก ฉันจะทำมากกว่านี้   ปาร์ตี้ มาหาพี่ มาอยู่กับพี่เถอะนะ พี่ใจจาขาด”

“ปาร์ตี้ต้องตกอับแน่ถ้าได้ไปอยู่กับคนอย่างแก แกไม่อายแต่เพื่อนฉันอายเข้าใจไหม ไอ้ยอร์ช”

“เฮ้ย! เงียบหน่า หนวกหู  แกรู้ได้ไง  ถามปาร์ตี้เค้าซะก่อนดิ  ปาร์ตี้อย่าเงียบสิคนดี บอกพวกเพื่อนๆปาร์ตี้ไปเร็วๆเข้าสิครับ พี่รอ
ปาร์ตี้เดินออกมาหาพี่อยู่นะ  อีกแค่ไม่กี่เมตรเองพี่ก็จะได้ปาร์ตี้แล้ว อย่าให้พี่ต้องทรมานอีกเลย  ปาร์ตี้  ปาร์ตี้คนดีของพี่  ฮ่าๆๆๆ  ฮือๆๆ”


“พี่ยอร์ช  พี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ  ไม่เหมือนพี่ยอร์ชที่ผมรู้จักแม้แต่น้อย  ”

“ทำไมปาร์ตี้พูดกับพี่แบบนี้หล่ะครับ  พี่รักปาร์ตี้นะ  แต่ปาร์ตี้ก็เลือกมัน  มันมีดีกว่าพี่ตรงไหนปาร์ตี้  พี่พร้อมเริ่มต้นใหม่กับปาร์ตี้
น้าครับ  พี่สัญญาพี่จะทำทุกอย่างที่ปาร์ตี้สบายใจ”

“ความรัก มันไม่มีเหตุผลหรอกนะครับ แต่ที่ผมเลือกพี่โปเลย์เพราะผมรักพี่เค้า  พี่ยอร์ชเป็นพี่ชายที่ดีของผมและจะเป็นพี่
ชายอย่างนี้ตลอดไป…”

“ไม่!  พี่ไม่อยากได้ยินคำนี้  ไปบอกมันว่าพี่จะฆ่ามัน มันกับพี่ต้องตายกันไปข้างนึง  พี่จะฆ่ามัน พี่จะฆ่ามัน พี่…”

“ไอ้ยอร์ช!”

ผลัวะ        เสียงคุ้นเคยที่ดูเหมือนจะเป็นความเคยชิน การกระทำเมื่อกี้เป็นฝีมือของใจเจ๋งเอง  พร้อมกับสแกนและโปเลย์ที่ตามสมทบทีหลัง   ยอร์ชเสียหลักล้มกลิ้งลงไปนอนอยู่พื้นห้องก่อนจะพยุงตัวเองแล้วหันมามองคนที่ลงมือทำเมื่อกี้ 

“ไอ้ใจเจ๋ง มึง  มึงกล้าต่อยกู มึงต่อยกู”

“เออ กูต่อยมึง  ไอ้เลย์  เอาไงดีวะ เมาเหมือนหมาไปทุกวันทุกวันแล้ว   ไม่อยากจะเชื่อว่าเพลบอยอย่างมันจะจบลงด้วยสภาพ
ทุเรศแบบเนี่ย”

“คงต้องพูดกันให้รู้เรื่องไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า  ฉันไม่อยากให้อะไรมันย้ำแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว  ถึงแม้เค้าจะสติไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ก็ตาม  ”

“หมาลอบกัน พวกมึงมีกันตั้ง 3 คน กูคนเดียวมึงได้เปรียบดิวะ  ไอ้โปเลย์ถ้ามึงแน่จริงมึงก็มาดวนกับกูตัวต่อตัวดิวะ  กูพร้อม
แล้ว” ยอร์ชพยายามพยุงตัวประคองตัวเองขึ้นมายืนชี้หน้าโปเลย์อีกครั้ง

“ได้ นายยอร์ช ถ้านายต้องการแบบนั้น” ยอร์ชไม่พูดปล่าว  เค้าเดินออกจากห้องนำหน้าดปเลย์ลงไปด้านล่างหอพักอย่างทุลัก
ทุเล   โปเลย์เองที่เดินตามมาด้วยก็เอาแต่ถอนหายใจ 

          ริมถนนห่างจากห้องพักมาไม่กี่ 10 เมตร  ถนนเงียบมาก มีเพียงรถที่แล่นอยู่บนทางถนนไม่กี่คัน  บรรยากาศที่หนาวเย็นมีเพียงแค่ยอร์ชเท่านั้นที่สภาพเสื้อผ้าดูรุ่งริ่ง ไม่รู้จักหนาวจักร้อน  แล้วเค้าก็หยุดเดิน มีโปเลย์ที่เดินตามมาติดตามทิ้งช่วงระยะแค่ ไม่ถึง 5 เมตร

“มีอะไรว่ามา ยอร์ช ”  โปเลย์ถามหยั่งเชิง และคอยระวังตัวเองอยุ่ไม่น้อย

“เอาปาร์ตี้มาให้ฉัน แล้วแกก็เลิกเซ้าซี้ ให้รำคาญลูกตาฉันสักที” ยอร์ชพูดขึ้นแต่ไม่ยอมหันหลังกลับมาสบตา

“เห็นทีฉันคงจะทำอย่างที่นายว่าไม่ได้  เพราะฉันก็รักของฉัน  มาถึงจุดนี้ฉันไม่มีวันยกปาร์ตี้ให้ใครอีกแล้ว”

“แล้วฉันหล่ะ ฉันก็รักปาร์ตี้  อย่างนี้ยุติธรรมที่ไหน ไอ้โปเลย์ ไอ้ขี้แย่ง” ยอร์ชยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าโปเลย์ด้วยอารมณ์หงุดหงิด

“โทษทีนะยอร์ช  แต่ฉันมีอย่างนึงที่ชนะนายและเป็นการันตีได้ดีทีเดียว”

“อะไร?”

“ปาร์ตี้รักฉัน! ไม่ใช่นาย”

“ไม่!  กูไม่เชื่อ  ไอ้โปลย์ไอ้ปากเสีย  กูจะไม่หยุดแค่นี้แน่ โปเลย์” ยอร์ชคาดโทษไว้เสร็จก็หันหน้ากลับไปแล้วเดินต่อไปอย่างไม่
มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน

“ยอร์ช  ยอร์ช  กลับไปคิดดูนะ ความรักคืออะไรกันแน่ ถ้านายเข้าใจเมื่อไหร่ เมื่อนั้นนายเองจะต้องยอมรับและมีความสุขที่เห็นปาร์ตี้มีความสุข… ตะโกนขนาดนี้มันจะได้ยินไหมนะ เฮ้อ!”


              โปเลย์เดินกลับมาอย่างเป็นผู้ที่ชนะไม่ภาคภูมิใจนัก เพราะยอร์ชยังคอยบอกคาดโทษไม่จบไม่สิ้น เค้าได้แค่ระแวงความปลอดภัยของปาร์ตี้  ตัวเค้าเองเค้าไม่ห่วงเท่าไหร่นักหรอก  ถึงปาร์ตี้จะมีเพื่อนๆอยู่ด้วยกันแต่นั่นมันไม่ได้บ่งบอกว่าจะปลอดภัยได้เลยนะ

“ว่าไงวะ ไอ้เลย์  ไอ้ยอร์ชมันว่าไงบ้าง แล้วนี่ มันเข้าใจแล้วใช่ไหม”

“ยังหว่ะ  เค้าบอกมาแค่ว่า จะไม่หยุดแค่นี้”

“อะไรของมันวะ แม่ง ไม่รู้จักยอมไม่รู้จักจบสิ้น  ไอ้สแกน   เอาไงวะเนี่ย นี่ก็ดึกแล้ว  จะไปกันเลยมั้ย” ใจเจ๋งพูดถามความคิดเห็น
เพื่อนๆหลังจากดูนาฬิกาที่ข้อมือ

“ไปไหนวะ”

“อ้าว ไปหามันไง มันจะได้ตาสว่างซักที”

“อย่าไปเลยครับ  พี่ยอร์ชเค้าคงไม่อยู่บ้านหรอก  ทางลูกน้องของเค้าก็พูดมาว่าพี่ยอร์ชไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว เอาแต่ไป
หลบกลบดานอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ” เกี๊ยวปลาเสริมขึ้นมาทันที พร้อมกับแสดงท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

“เฮ้อ  คงต้องปล่อยเค้าไป  อีกอย่างนะฉันเองก็สงสารเค้าอยู่เหมือนกันนะ  คนอย่างเค้าชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่เค้าอยากได้และไม่
ได้ ” โปเลย์พูดขึ้นอย่างเห็นใจยอร์ช ทั้งๆที่เค้าเพิ่งคาดโทษไว้เมื่อกี้นี้

“ก็ดี เจอแบบนี้ซะบ้างจะได้ตาสว่าง เลิกดื้อเลิกพูดจาไม่รู้เรื่องซักที  ที่ผ่านๆมาก็เห็นแค่คนนี้คนเดียวนี่แหละที่เป็นตัวป่วนมาตลอด” สแกนพูดขึ้นมาบ้าง

“เอ่อ เอาเป็นว่าตอนนี้แยกย้ายกันกลับบ้านก่อนนะครับ ขอบคุณพี่ๆมากนะครับที่อุตส่าห์มาช่วย” ข้าวตูพูดเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ใช่ไรหรอกนะ  เค้าอยากนอนต่อแล้ว

“ไม่เป็นไร มีอะไรก็ช่วยๆกันสิ  ยิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้” โปเลย์ยิ้มให้น้องๆแล้วก็มองตาปาร์ตี้อย่างไม่ละสายตา

“โอเค ฉันคนนึงแหละที่ไม่กลับจะขอนอนเตียงเดียวกับซานหงที่นี่  ใครจะกลับก็กลับเลยนะ” ใจเจ๋งพุดเสร็จก็กระโดดเข้าไป
นอนที่นอนเกี๊ยวปลาทันที

“อะไรเล่า นายไม่กลับ พวกฉันก็ขอไม่กลับแล้วกัน เนาะโปเลย์” สแกนพูดพร้อมกบเดินเข้าไปกอดข้าวตูจาก้างหลังไว้แน่น

“ไม่ได้เด็ดขาด!”  เกี๊ยวปลาตะดกนลั่นห้องจนทุกคนสะดุ้งไปกันหมด

“อ้าว!” ทั้งสามหนุ่มตะโกนขึ้นพร้อมกัน แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ  สรุปคือ คืนนั้นสามคนนี้ก็กินแห้วเหมือนเดิมฮ่าๆๆ


 :L2: :L2: :L2:

        1 ร้อน  1 ฝน 1 หนาว  กาลเวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีเดือนเมษายนหน้าร้อน  ตอนนี้ทั้งปาร์ตี้ เกี๊ยวปลาแล้วก็ข้าวตู ทั้งสามหนุ่มนี้กำลังจะขึ้น ปี 3 กันแล้ว แต่พี่ๆหวานใจของทั้ง 3 คนนั้นก็จบกันไปหมดแล้ว ทำงานตามหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบกันไป  ตอนนี้พวกเค้าทั้งสามคนกำลังจะออกไปเที่ยวกันหลังจากที่ต้องวิ่งวุ่นและยุ่งเหยิงกับการเรียนและสอบไฟนอลอย่างอลหม่าน  และที่ที่พวกเค้าเลือกคือ ทะเล อย่างเดิมๆ

“ นี่ๆ ปาร์ตี้ ไอ้ทามเพื่อนนายนี่เค้ายังจะมาอยู่ไหนเนี่ย  รอเป็น 3 ชาติแล้วยังไม่มาอีก ” เกี๊ยวปลาบ่นพร้อมกับดูนาฬิกาข้อมือไป
พลางๆ

“เอาหน่า เกี๊ยว ใจเย็นๆสิ  เดี๋ยวก็มา”

“มาแล้วทุกๆคน  ว่าไปรอนานไหนครับ  โอ้ย!”  กำปั้นของเกี๊ยวปลาเขกเข้าที่กลางหัวทามเต็มๆ

“ไงๆ  ถามได้ว่ารอนานไหม  ไปเที่ยว 9 โมงเช้านะครับ ไม่ใช่ บ่าย 3 เดี๋ยวจะโดนอีกหรอก”

“ก็รีบแล้วไงแหม  เป็นโสดทั้งที ให้หัวใจดวงนี้ลั้ลลาแต่งตัวหน่อยไม่ได้รึไง”

“นี่ๆ ปาร์ตี้ฉันว่านะ ไม่เจอนายทามนี่นานเหมือนกันเนาะ เจออีกทีแหม เหมือนฉันมีเพื่อนเป็นบ้าเลยหว่ะ” ข้าวตูแอบหยอกทาม
เบาๆ ก่อนจะหลุดขำออกมา

“ไง  พร้อมแล้วก็เชิญลงไปรอที่รถของกระผมได้เลยนะครับ  อ้อ แล้วก็กรุณาล็อคห้องและตรวจดูให้ระเอียดด้วยเพราะถ้าล้อหมุน
เมื่อไหร่ จะไม่มีการตีรถพากลับมาเอาโน่นนี่นั่นแล้วนะครับ” ทามบ่นไปปรอยๆๆ

“ฉันปิดบ้านรอแกมาเป็นชาติแล้วเหอะไอ้ทาม” เกี๊ยวปลาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“แหม คุณเกี๊ยวปลาดุแบบนี้ คงอยากไปเที่ยวทะเลจะแย่อยู่แล้วชิมิ”

“ก็เออดิ ไปรอล่างล่างนะ ทาม  คนอื่นๆก็ตามๆลงมาแล้วกัน อย่าช้าหล่ะ  ฉันฆ่าพวกแกแน่ อย่าให้รู้นะว่าใครอู้อีก”


“ฉันยอมเค้าจริงๆเลย ดูสิ นี่พี่ใจเจ๋งเค้าอยู่หมัดก็เพราะว่าเกี๊ยวปลามีเอกลักษณ์แบบนี้อยู่สินะ” ทามนินทาลับหังเกี๊ยวปลาที่เดินหน้ายิ้มบานแฉ่งลงไปรอข้างล่าง

“นี่แหละเกี๊ยวปลา  ฉันอยู่กับเค้าแล้วฉันมีความสุขมากๆเลยรู้เปล่า” ข้าวตูยิ้มให้ทามแล้วตบบ่าทามเบาๆก่อนจะเบี่ยงตัวลงไปรอ
ข้างล่างเหมือนกัน

“นี่ๆ  ปาร์ตี้…”

“อะไรหรอทาม”

“อย่าบอกใครเชียวนะว่าตอนนี้   ฉัน… ฉันโสด”

“อ้าว ทามพูดจริงๆหรอ นึกว่าพูดเล่น แล้วผู้หญิงคนก่อนหน้านี้หล่ะ  เพิ่งคบกับไปแค่ 2 สัปดาห์เองนะ”

“แฮะๆ  เอ้า ก็แบบว่า ไม่ยึดติดไง  ”

“เอาอีกแล้วนะ  ทำไมนะทาม นายเป็นคาสโนวาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“ก็ตั้งแต่ นายไม่อยู่กับพ่อที่ฟาร์มแล้วแหละ  ก็แหม  นายทิ้งฉันไว้คนเดียวฉันก็เลยเหงาเป็นธรรมดาแหละหน่า ปาร์ตี้”

“เฮ้อ พอแล้วไม่ฟังนายแล้ว  ให้ตายเถอะเรามีเพื่อนคาสโนวาแล้วหรอเนี่ย   ไปเถอะลงไปข้างล่าง เกี๊ยวปลาจะโกรธเอาอีกนะ”

“รับทราบครับ”

               ลมเอย ลมทะเล  พัดเข้าชายฝั่งกระทบใบหน้าอ่อนหวานของผู้คน ทั้งหลายไม่ว่าจะนักท่องเที่ยวเอย คนแถวๆชายฝั่งเอย  แล้วก็ที่ขาดไม่ได้พวกเค้าทั้ง  4 คนด้วย   ท้องฟ้าเป็นใจสีฟ้าคราม นกนางแอ่นบินว่อนลู่ลมอยู่บนท้องฟ้า  คลื่นทะเลน้อยใหญ่กระทบเข้าชายฝั่ง บรรยากาศเย็นสบายไสต์หน้าร้อน  เหมาะที่สมแล้วที่จะมาทะเล   เอ๊ะ แต่นั่น!  ดูสิว่าใครตื่นเต้นกว่าเพื่อน

“ทะเลๆๆๆ   ฮ่าๆๆ สนุกหว่ะ   อ้าวพวกนายรีบๆลงมาเล่นน้ำทะเลสิเร็วๆๆ  ”

“เอ่อเกี๊ยวปลา   ไม่เปลี่ยนชุดก่อนหรอ”

“ไม่ต้องปงต้องเปลี่ยนหรอก  มาเร็วๆ  อย่าให้ฉันโมโหนะ”

“นี่ๆ เพื่อนพวกนายเค้าเพิ่งเคยเห็นทะเลหรือไงกันหน่ะ?”

“พี่ใจเจ๋ง!”

“อ้าว  แน่นอน  ไม่ใช่ณเดช หรอกหน่า พี่หล่อกว่าเยอะ ฮ่าๆๆๆๆ”

“แหม ขี้โม้  พี่ตี๋เล็ก แล้วนี่มาคนเดียวหรอครับ”

“ป่าวมาหมดคอกเลยแหละ  โน่นไงมากันแล้ว  ไอ้สแกน ไอ้โปเลย์ ไอ้ติวา ยัยลีน่าทางนี้โว้ย”

“โห  นี่มากันได้ไงครับ”

“นั่งรถ โอ้ยยย”

“เพื่อนเล่นหรอพี่สแกน  ที่ถามนี่หมายถึงว่ามาที่นี่ถูกได้ยังไง”

“ทาม หรอ?”

“อ้าว  งานเข้าแล้ว ทำไมพี่ๆทำกับผมงี้เนี่ย ไหนบอกว่าจะไม่บอกไงว่าผมชวน”

“ขอโทษทีนะ  พอดีเมียคาดคั้นเอาคำตอบหน่ะ”

“ฮ่าๆๆๆ  คนไม่มีแฟนแบบฉันก็ดีไปไม่ต้องมีใครมาคอยควบคุมชีวิต”

“ปากดีไอ้ติวา  อย่าให้มีนะ  ถ้ามีเมื่อไหร่ จะแช่งให้แม่งไม่ต้องทำไร ให้ตามแต่ตูดแฟนต้อยๆๆ”

“ทำไมต้องตามตูดด้วยวะ”

“อ้าวก็นึกว่าชอบ”

“ไอ้เชี่ย  กูไม่ได้ชอบแนวนี้นะพวกมึงอ่ะ กูหมดสภาพหมด”

“ฮ่าๆๆ  แล้วจะซีเรียดกันนายมั้ยคะ ลีน่าพร้อมเล่นน้ำทะเลสีครามแล้วนะ  ปะเร็วๆๆ  นี่ก็จะเย็นแล้วเดี๋ยวเรามานั่งกิน dinner ที่
ร้านอาหารติดชายฝั่ง ทางโน้น เดินไปอีกหน่อยก็ถึง  ฉันจองไว้แล้ว  ”

“โห้   เจ้ เตรียมการเตรียมงานได้เป๊ะมากอ่ะ   ”

“ขอบคุณ ไม่ต้องชมๆ ฉันรู้ตัวดีหน่าฮ่าๆๆ”

          พอถึงเวลาเข้าจริงๆ  ค่ำคืนวันนั้นทุกคนก็สนุกกับการกินอาหารทะเลสมใจ  ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักหน้าร้อนมากมายหลากหลายผู้คนเช่นกัน  แต่ดูเหมือนกามเทพน้อยจะเป็นใจ เริ่มยิงลูกธนูแห่งรักเข้าที่อกติวาเต็มๆ  เพราะถัดจาดโต๊ะเค้าไปสองโต๊ะ มีหนุ่มน้อยวัย 18 ปี ดูท่าเหมือนว่าจะเป็นปี 1 สะด้วย  น่าตาน่ารัก ไม่เห็นจะเหมือนผู้ชายซะเท่าไหร่  ดวงตากลมโต น่าเอ็นดู นั่งกินข้าวกับครอบครัวใหญ่  ติวามองดูด้วยสายตาละห้อย  มีเพียงสแกนเท่านั้นที่รู้ทันแล้วแอบยิ้มเบาๆ  พลางคิดในใจว่า เนี่ยหน่ะหรอที่บอกว่าไม่ชอบรสนิยมแบบพวกเค้า  เอาเข้าจริงๆ ก็ชอบตามตูดเหมือนกันแหละหน่าเพื่อนติวา!





ว่าจะจบตอนนี้ไม่จบวะแล้ว แต่งเพลิน  ตอนหน้าจบแน่นอนครับ ฮ่าๆๆ



ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
น่ารักชอบทุกคู่เลยยยย

loveice

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 20



สิ้นปี  ในเดือนธันวาคม วันที่ 30  ทุกคนทั่วโลกแน่นอนว่าต้องรอคอย Count Down  ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า  ต้องรับปีใหม่และเป็นปี ม้า  ปี 2014 อย่างไรล่ะ

“ปาร์ตี้ โทรศัพท์   ใครโทรมาไม่รู้ ”

“หรอ อืมๆ ขอบใจนะเกี๊ยว ”

เพล้ง!

“อุ้ย ขอโทษทีนะ เกี๊ยว ฉันไม่ทันระวัง แหะๆ จานหมูปิ้งนายหล่น แล้วก็…”

“แตก!  เออช่างเถอะ ไปรับโทรศัพท์โน่นไป  ทางนี้ฉันเก็บเอง  เดี๋ยวอีกหน่อยก็เข้าบ้านแล้ว บอลฉันกำลังเริ่ม  พลาดไม่ได้ทุก
วินาที”

“ขอบใจนะ ไปรับโทรศัพท์แล้วนะ”

“อ้าว ก็ไปสิ ปัดโถ่ ”


“สวัสดีครับ  ”

“ปาร์ตี้ นี่พี่เองนะ”

“พี่?  ใครกันครับ”

“แหม หายหน้าไปไม่กี่ปี  ลืมพี่แล้วสินะ  พี่เอง ยอร์ช!”

“พี่ยอร์ช  อืม พี่เปลี่ยนเบอร์ใหม่หรอครับ”

“อืม เปลี่ยนนานแล้วแหละ โทษทีนะที่พี่ต้องทำแบบนี้ เพราะพี่แค่อยากไปให้พ้นๆจากสภาพเดิมๆน่ะ”

“เอ่อ  ผมขอโทษนะครับพี่”

“เฮ้ยไม่เป็นไร พี่สบายดี  พี่รับได้แล้วแหละ  อืม ธุระที่พี่โทรมาก็คือ  พี่จะไปต่างประเทศแล้ว  และคิดว่าคงจะอีกนานกว่าจะ
กลับ ดีไม่ดีอาจจะไปอยู่ที่นั่นเลย พี่ก็เลย อยากโทรมาบอกปาร์ตี้ไว้เท่านั้น”

“จริงหรอครับ  แล้วพี่จะไปที่ประเทศอะไรครับ”

“พี่บอกปาร์ตี้ไม่ได้หรอกนะครับ พี่ต้องการไปอย่างเงียบๆ ไม่ต้องมีใครรู้ไม่ต้องมีใครเห็น  พี่คิดว่ามันคงจะดี”

“อย่างน้อยๆก็น่าจะบอกกันบ้างนะครับ”

“ป่าวประโยชน์  ปาร์ตี้มีความสุขในปัจจุบันพี่ก็ถือว่าดีแล้ว  อย่าเอาเรื่องของพี่ไปเก็บไว้เป็นความทรงจำที่แย่ๆในหัวสมองทำไม
จริงไหม”

“พี่ยอร์ช!  แล้วนี่พี่จะไปตอนไหนครับ”

“เอ่อ วันนี้ เวลา 2 ทุ่มครับ”

“อ้าว ตายจริง ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนซัก 3  4 ชั่วโมงหล่ะครับ”

“โทษทีนะพี่ไม่อยากให้ปาร์ตี้คิดมาก และพี่คิดว่าไม่ต้องการให้ปาร์ตี้เดินทางเพื่อมาส่งพี่หรอก เอาหล่ะ อีก 15 นาที เที่ยวบินจะ
ออกแล้ว พี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ”

“เอ่อ เดี๋ยวครับพี่ยอร์ช!”

“ครับว่าไง”

“พี่ไปแล้ว พี่จะโทรหาผมอีกไหม  ไม่สิไม่สิ มีทางไหนที่ผมจะติดต่อพี่ได้บ้าง”

“ฮ่าๆ คิดมาก เดี๋ยวพี่โทรหานะ อืม เอาล่ะ พี่ไปแล้ว”

“ดะ เดี๋ยวครับ!”

“ว่าไง ปาร์ตี้”

“ผมคิดถึงและจะรักพี่ตลอดไปนะครับ  พี่ชายของผม”

“ครับ สุดท้ายพี่ก็เป็นได้แค่พี่ชาย โชคดีครับ ปาร์ตี้”

“เหมือนกันนะครับพี่ยอร์ช ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะครับ”

“ครับ  พี่ไปแล้วนะ”


         


สิ้นเสียงของปลายสาย  หนุ่มลูกครึ่งอย่างยอร์ช แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่  ความพยายามของเค้ามันจบลงแล้ว เส้นทางข้าง
หน้ายังอีกยาวไกล ให้ชายหนุ่มคนนี้ออกตามหารักแท้ที่อยู่เหนือกาลเวลาแบบ ปาร์ตี้ โปเลย์ ให้ได้

“ลาก่อนนะปาร์ตี้  พี่คงไม่ได้ติดต่อนายไปอีกแล้วแหละ พี่ตัดสินใจแล้ว  บ้ายบายครับ  อุ้ย  ขอโทษครับที่ผมไม่ทันระวัง”

“เอ่อ  ไม่เป็นไรครับ นี่คุณกำลังไปเที่ยวบินเดียวกันสินะครับ”

“อ้อ เอ่อ ครับ  ผม ยอร์ชครับ  ”

“ยินดีครับ ผมชื่อ ทิว  ผมต้องการไป อิตาลี่ ไปหารักแท้  ใครๆเค้าก็ว่าผมเป็นคนที่ไม่เข้าใจคำว่ารัก ทำให้ผมต้องออกตามหา
มัน แล้วคุณหล่ะครับ”

“เอ่อ ผม  ผมอกหัก และต้องการไปอิตาลีไปหารักแท้เหมือนกันกับคุณนั่นแหละ”

“จริงหรอครับ หน้าตาอย่างคุณผมนึกว่าจะมีแฟนไปแล้วซะอีก”

“ผมมันไม่ได้เรื่องเองครับ  ไปเถอะครับเดี๋ยวไม่ทันกันพอดี”

“เอ่อ ยอร์ช ผมขอโทษนะ  ผมไม่ได้ตั้งใจ  ไม่แน่นะ คุณอาจจะเจอรักแท้แล้วก็ได้”

“ใครครับ”

“ไม่รู้สินะ  ผมแค่รู้สึกเฉยๆ  ไปกันเถอะครับ อิตาลีรอเราอยู่  ว่าแต่คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ยอร์ช”

“25 ครับ ถามทำไมหรอ”

“ป่าวครับพี่ยอร์ช ฮ่าๆ  ผมแค่ต้องการวางตัวให้ถูกเฉยๆ”

“ร้ายนะเรา ”

“เบาะๆครับ ถ้าพี่ยอร์ชรู้จักตัวผมจริงๆแล้ว ผมร้ายกว่านี้อีก ฮ่าๆ  ”

“นั่นสินะ  พี่ชักจะอยากรู้ตัวตนของน้องทิวเสียแล้วหล่ะ”

“จริงหรอ ว่าไปเถอะ ถ้าได้เห็นแล้วจะกลัวเอานะ”

“ในชีวิตพี่ พี่เห็นความน่ากลัวมานับไม่ถ้วน กับน้องทิวไผ่ พี่ไม่คิดจะกลัวหรอก”

“ทิวไผ่?”

“ฮ่าๆ  พี่ตั้งให้เองแหละ  คิดว่ามันน่าจะเหมาะกับน้องทิวดี  เพราะทั้งซนท ทั้งดื้อ  ร่าเริง  แล้วก็…”

“แล้วก็อะไรครับ ทิวอยากรู้”

“ไม่บอก”

“ไม่เอา อย่างขี้โกงสิพี่ยอร์ช   บอกทิวมาเร็วๆ เข้า”

“อ่ะๆ  บอกแล้วๆ  อย่าเกาะแขนดึงพี่อย่างนี้สิ คนเค้ามองหมดแล้ว”

“ก็ได้ อ่ะ ทิว ปล่อยแล้ว”

“น่ารัก ไง”

“หูย  หยอดอีกนี้เลยหรอ  เขินดีไหมเนี่ย  ไม่เอา ไปเขินบนเครื่องดีกว่า ”

“เดี๋ยวๆ ทิวไผ่   พี่พุดจริงๆนะ”

“รู้แล้วน่า ย้ำอยู่ได้ หน้าทิวไม่ได้หนานะครับ”

“ไปกันเถอะ พี่ชักคิดว่า สวรรค์ส่งมาถูกคนแล้ว”

“ส่งอะไรครับ?”

“ป่าว ไม่มีอะไร”

“พี่ยอร์ช บอกทิวมาสิ  แกล้งอำอยู่ได้”

“ไม่บอกฮ่าๆๆ  เอาไว้ถึงอิตาลีพี่บอกเลยครับ ”

“จริงๆนะ ผมจะจำไว้  ว่าแต่พี่ไปถึงแล้วพี่จะไปพักที่ไหนครับ”

“พี่มีบ้านพักตากอากาศที่ซื้อไว้นานแล้ว ที่ใจกลางกรุงโรมครับ”

“ว้าววิเศษณ์ไปเลยครับ  ส่วนผมนะ บลาๆๆๆ”

            การเดินทางครั้งใหม่ของยอร์ชดูท่าแล้วจะมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง และเค้าก็ต้องเชื่อมั่นแล้วว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเค้านั้นมันคุ้มแล้วแหละ ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า  ดีไม่มีคนๆนี้ยอร์ชอาจจะคิดว่า ใช่  สำหรับเค้าแล้วก็เป็นได้





“ปาร์ตี้  คุยกับใครครับ ทำไมนานจัง”

“อ้อ กับเพื่อนเก่าหน่ะครับ ทำไมหรอ”

“ป่าว ก็เห็นคุยแล้วก็อมยิ้มดีใจไป  พี่ตกใจนะรู้รึเปล่า”

“คิดมากครับพี่โปเลย์  อุย ปล่อยสิครับ จะกอดผมทำไม”

“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่า  คุยกับใคร”

“อืมถ้าผมไม่บอกหล่ะครับ”

“ไม่บอกก็โดนแบบนี้ไง จุ๊บ  เป็นไง ยอมบอกรึยัง”

“บอกไปแล้วไงครับว่าเพื่อน”

“จุ๊บ  สองครั้ง  จะยอมบอกไหมว่าเพื่อนอ่ะ  เพื่อนคนไหนกัน  ผู้ชายรึว่าผู้หญิง”

“ผู้ชาย”

“ฮะ  แล้วคนนั้นเป็นใครกันครับ หล่อกว่าพี่รึเปล่า”

“พี่โปเลย์  คิดมากไปแล้วนะครับ”

“อ้าวบอกมาก่อนว่า  หล่อกว่าพี่รึเปล่า”

“ก็น่าจะพอๆกันครับ”

“ไม่เอา บอกมาต้องเลือกต้องตัดสินใจสิ”

“พี่โปเลย์ก็รู้อยู่แล้วหนิครับ”

“พี่รู้อะไร เปล่าซะหน่อยพี่ยังไม่รู้ บอกก่อนสิ พี่ถึงจะรู้”

“ก็พี่โปเลยืแหละครับ หล่อที่สุดในโลกแล้ว”

“ไม่เอาอย่างนี้ ต้องบอกด้วยว่าหล่อที่สุดในดวงใจปาร์ตี้”

“อืม ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”

“ฟอดดดด   น่ารักจังแฟนใครเนี่ย”

“นั่นสิครับแฟนใครนะ”

“อ้าว ปาร์ตี้หมายความว่าไงครับ เดี๋ยวพี่ฟ้องคุณพ่อเลย”

“ครับๆ แฟนพี่โปเลย์ครับ คนเดียวและคนเดียวเท่านั้น”

“อย่างนี้ค่อยเคลียร์หน่อย  เอาแหละ ไปกินหมูปิ้งเถอะ เกี๊ยวปลาปิ้งไว้ให้นานแล้ว เดี๋ยวจะเย็นหมด”

“ครับ”


“กินไปได้ไง  แล้วใครให้มา กลับไปบ้านเลยนะ ไปๆๆๆ”

“โหยซานหง  พี่ตี๋เล็ก เพิ่งจะมาเองนะ ไล่แล้วหรอ ”

“ไม่ได้ไล่ ก็ดูสิ นี่ของปาร์ตี้กับพี่โปเลย์เค้า   ของพี่ๆต้องไปปิ้งเองสิ”

“มีอะไรกันหรอ เกี๊ยว”

“แกก็ดู ไอ้พี่ใจเจ๊งนี่สิ  กินหมูปิ้งของแกไปหมดแล้ว บ้าจริงๆเลย”

“นี่ก็พี่ไม่รู้หนิ ซานหง  ขอโทษนะ พี่ไปปิ้งใหม่ก็ได้”

“อืมดี ไปปิ้งเลยไป”

“นี่ๆ  เกี๊ยว ไปทำแบบนั้น ไม่สงสารพี่ใจเจ๋งเลยหรอ”

“ช่างสิ ปาร์ตี้ก็อย่ามาดราม่าหน่อยเลย ฉันเอียน”

“ป่าวดราม่า ความรักมันต้อง ใจเย็น พูดจาหวานๆ ถึงจะเรียกว่าคู่กัน”

“เอาหล่ะ ต้องการให้ฉันทำอะไรว่ามาเลยดีกว่า พ่อคนจิตใจอ่อนโยน”

“ไปพูดกับพี่เค้าดีๆ สงสารพี่เค้า  พี่เค้ารักนายมากนะ  คนแบบนั้น ยอมที่จะหยุดทุกอย่างเพื่อนายคนเดียวนะเกี๊ยว”

“เออๆ รู้แล้วๆ  ฉันจัดการเอง นายก็ไปนั่งกินหมูปิ้งกับพี่โปเลย์โน่นไป”

“พี่ตี๋   หมูไหม้หมดแล้ว ทำไมไม่พลิกหล่ะครับ”

“อ้าวไหม้แล้วหรอ  โทษทีนะพี่ปิ้งไม่ดี มันเลยไหม้หน่ะ”

“เฮ้อ เลิกพูดคำว่าโทษที ได้แล้วครับ  ไม่เป็นไร มายี่เดี๋ยวซานหงปิ้งให้  นี่มันต้องอย่างนี้ เห็นรึเปล่า”

“อ้อ อืมๆ  พี่เข้าใจแล้ว ”

“ขอบใจมากนะ”

“เล็กน้อยน่า พี่ตี๋เล็ก  เอ่อ พี่ตี๋เล็กครับ”

“หือ ว่าไง”

“ผมขอโทษนะ ที่พูดไม่ดีเท่าไหร่ ใช้แต่อารมณ์”

“คิดมากหน่า  เป็นตัวของซานหงแหละพี่ตี๋คิดว่ามันดีที่สุด”

“พี่ไม่รำคาญ  ไม่น้อยใจหรอ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่จะทนอยู่ที่นี่ ตรงนี้ กับ ซานหงทำไมกันหล่ะครับ”

“พี่ตี๋เล็ก ขอบคุณครับ  ขอกอดหน่อยนะ”

“เฮ้ย ซานหง ทำไรเนี่ย  พี่เขินนะ เดี๋ยวหมูปิ้งก็ไหม้อีกหรอก”

“ถ่างมันเถอะ ขอแค่ได้กอดพี่ตี๋ก็พอแล้ว  กอดพี่แล้วผมว่ามันอุ่นดีออก ”

“อุ่นจริงหรอ”

“มากๆๆๆ”

“ไม่เชื่อ”

“อ้าวทำไมไม่เชื่อหล่ะครับ”

“หอมแก้มพี่ก่อน”

“ฟอดดดด”

“เฮ้ยไม่ลังเลด้วย”

“ลังเลทำไม แก้มของพี่ ผมหอมได้คนเดียวเท่านั้นนะ  คนอื่นอย่าคิด”

“ฮ่าๆๆๆ  หวงด้วยแฮะ ไปเอาท่าทางน่ารักๆ คำพูดอ้อนๆแบบนี้มาจากไหน”

“ป่าว มันมาเอง feeling อ่ะ เข้าใจป่าวครับ”

“ไม่เข้าใจครับ เพราะซานหงทำให้พี่เริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่า ใช่ซานหงตัวจริงรึเปล่า”

“อ้าว ก็นึกว่าชอบซะอีก ผมว่าผมเป็นแบบเก่าดีกว่าเนาะ”

“เฮ้ยๆ ไม่เอาๆ เอาแบบนี้แหละ แฟนอ้อนเก่งๆ แบบนี้พี่ชอบจะตายนายก็รู้”

“หรอ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย  ฮ่าๆๆ”

“อ้าว  อย่างนี้มันน่าจะจับกดซะตรงนี้ดีไหม”

“ไม่ดีครับ เพราะ ผมไม่ชอบตรงสนามหญ้า”

“หรอ งั้นดีเลย คืนนี้นอนด้วยกันที่เตียงนุ่มๆ รับรอง”

“พอเลยครับพอเลย ผมแค่พูดหยอกนิดหน่อย ฝันเป็นตุเป็นตะเชียวนะ  บอลผมจะมาแล้ว  สนใจไปดูเป็นเพื่อนกันไหม”

“เอาสิ พี่ชอบอยู่แล้ว ว่าแต่เราเชียทีมไหนอ่ะ”

“ผมหรอ ผมก็เชียร์…”

  สองคนคุยกันลื่นคอ จะว่าไปแล้ว คู่นี้ก็น่ารักดีออก  ถึงจะกัดกันมากไปหน่อยก็เถอะ แต่ดีที่ใจเจ๋งไม่ทิ้งเกี๊ยวปลาไปไหน  แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ดีจังเลยนะครับพี่โปเลย์  ที่สุดท้ายสองคนนี้ก็คุยกันแบบดีๆเหมือนคนอื่นๆเค้าบ้าง  เฮ้อ  กว่าจะถึงวันนี้ไม่ง่ายเอาซะเลย”

“ถ้าคิดแล้วมันปวดหัว ก็อย่าไปคิดเลยครับ เราอยู่มาถึงจุดนี้ได้พี่ว่ามันก็สุดคุ้มแล้ว  ขอแค่มีปาร์ตี้ ที่ไหนๆพี่ก็ไปด้วย”

“จริงรึเปล่าครับ อย่าพูดให้ผมดีใจนะ”

“จริงสิ พี่จะโกหกทำไม  พี่มีความสุขที่สุดแล้วที่ปาร์ตี้เลือกพี่  และพี่ก็ดีใจที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นคู่ชีวิตของปาร์ตี้  พี่สัญญานะว่าพี่…”

“อย่าสัญญาครับ คนโบราณเค้าถือ  เอาเป็นว่า พี่โปเลย์ทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นพอ  แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วหล่ะ
ครับ  ”

“ครับ พี่รับปาก  อืมเสาร์นี้ พี่ไม่ได้ทำงานพอดี  พี่ว่าจะพาปาร์ตี้กลับบ้านที่จันทบุรี ไปเยี่ยมคุณพ่อเป็นไง  อีกอย่างก็ไปเยี่ยม
เพื่อนๆ ที่นั่นด้วย”

“ดีครับ ผมพร้อมเสมอ  ว่าแต่ว่า ทัวร์ของข้าวตูกับพี่สแกนนี่ไปถึงไหนกันแล้วนะ  ไม่เห็นส่งข่าวคราวกันเลย”





“นี่ๆๆ  ข้าวตู  พี่ว่าพวกเราหลงทางกันแน่ๆเลย เดินมาตั้งไกลแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นบ้านคนเมืองคนเลยนะ”

“นั่นสิครับพี่สแกน  ตอนนี้ผมก็เหนื่อยแล้วด้วย  3G ก็ดันใช้ไม่ได้อีก  คลื่นโทรศัพท์ก็ฮ่วยแตกที่สุดบ้าชะมัด   ”

“พี่บอกแล้วว่าให้เดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวก้ไม่เชื่อ  เห็นไหม เพราะเจ้ากระต่ายป่าตัวเดียวทำให้เราพลัดหลงเข้ามาในป่าลึก
ขนาดนี้”

“ขอโทษครับ ก็ผมไม่นึกว่าจะหลงทางเอาได้นี่นา  พี่สแกน เหนื่อยไหม”

“ถ้ามีคนเช็ดเหงื่อให้ พี่ก็คงไม่กล้าเหนื่อยแล้วแหละ”

“อ่ะ  หลับตาครับ เช็ดให้ก็ได้”

“ว่าง่ายจังอย่างนี้ขอจูบปากหน่อยดิ”

“จะบ้าหรอ กลางป่าเขาแบบนี้ เกรงใจเจ้าป่าเจ้าเขาบ้าง”

“อ้าว ก็ไม่เห็นเป็นไรหนิ ก็คนเป็นแฟนกัน ไม่ผิดหรอก อีกอย่างนะ ไม่เห็นจะมีใครอีกด้วย”

“แต่ว่า อุ๊บ!”

“อืมยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ  ปากข้าวตูนี่พี่โคตรฟิน”

“ตลกแล้วๆ  ทีเผลอตลอดเลย”

“แล้วชอบไหมหล่ะครับ”

“ไม่รู้สิ”

“จะตอบดีๆไหม ไม่งั้นพี่จูบปากอีกทีนะเอ้า”

“อืมชอบครับ ชอบมากๆ เพราะพี่สแกนน่ารักที่สุดในโลก และหล่อที่สุดในจัรวาล โอเคยัง”

“ที่สุด ก็แหงแหละ พี่ระดับเดือนคณะนิติศาสตร์เชียวนะ”

“อดีตเถอะครับ กี่ปีแล้วก็ไม่รู้ โม้จนอายุ 25  26 ปี”

“อ้าวเค้าเรียกว่าหล่อระดับตำนานครับ อิอิ”

“อ้าว  คุณสองคน  มานั่งทำอะไรตรงนี้ ไปได้แล้วครับ นี่ก็จะค่ำแล้ว เดี๋ยวสัตว์ป่าจะออกหากินแล้ว อันตรายมากนะครับ โดยเฉพาะช้างป่า”

“ขอบคุณครับ คุณเจ้าหน้าที่ป่าไม้  ถ้าไม่ได้คุณพวกเราคงได้พักแรมที่ป่าแน่ๆๆ”

“ไม่เป็นไรครับ ไปเถอะ เดี๋ยวผมจะมากลับที่พัก  ว่าแต่คุณเป็นนักท่องเที่ยวที่เค้าแจ้งว่าหลงทีมทัวร์ป่าหรือเปล่า”

“ใช่ครับ!”

“ดีแล้วแหละ ในที่สุดก็เจอตัว ไปครับ เดี๋ยวจะมืด”

“นี่พี่สแกน  ผมมีอะไรจะบอก”

“ว่า…”

“ผมรักพี่นะ”

“เนื่องด้วยอะไรหล่ะ  คำนี้พี่ได้ยินบ่อยแล้ว”

“อ้าวก็บอกรักปิดท้ายนิยายไง  ถึงเราจะจบไม่สวยหรูเหมือนคู่อื่นก็ตาม แต่จบแบบท่ามกลางธรรมชาตินี่แหละเจ๋งสุดๆแล้ว”

“อ่ะๆ ก็ได้ พี่ก็รักข้าวตูครับ ”

“และที่สำคัญ…” สแกนและข้าวตูมองหน้ากันแล้วยิ้ม  หันหน้ามาทางจอกล้องพร้อมพูดว่า

“นิยาย น้องปีหนึ่งสุดซ่ากับพี่นักศึกษาสุดเท่ห์ จบแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ   กิ้วๆๆ”



จบบริบูรณ์

  :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: 

ออฟไลน์ DNT48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ไม่อยากให้จบเลย ยังฟินไม่หายเลย อ้ากกกกกก จบเร็วเกินนนน  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
หวานกันจังอิจฉาคนมีคู่

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด