“อืมมมมมมมมมมมม...ง่วงวะ” ไม่บอกกูเห็นสภาพมึงก็รู้แล้วไอ้ธาม แล้วไปกอดไอ้พี่มินมันทำไมวะ พิงหัวไว้ที่อกไอ้พี่มินขนาดนั้น สงสัยมันคงคิดว่าเป็นหมอน
“ให้มันมาพิงผมก็ได้นะพี่มิน”
“ไม่ต้อง!” เฮือกกกกกกกกกกก! สะดุ้งกันเป็นแถวๆเพราะไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้พี่มินถึงกับต้องตะคอกใส่ไอ้แบทที่หวังดีกลัวว่าพี่แกจะรำคาญไอ้ธาม เพราะเวลามันง่วงมันจะไม่เกรงใจอะไรใครทั้งนั้น เห็นไอ้แบทเหงื่อแตกหน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้วผมถึงกับสงสาร แต่ผมเองก็กลัวเหมือนกัน อะไรวะ วันนี้เทพบุตรเขาเป็นอะไรไป หรือเพราะวันนี้เป็นวันพระใหญ่ร่างอวตารพี่แกเลยหลุด?
“คะ...คือ ผะ...ผมกลัวพี่เมื่อย” ติดอ่างเลยเพื่อนกู
“พี่ไม่เป็นไร น้องธามยังงัวเงียอยู่เดี๋ยวซักพักคงตื่นเอง ขอบใจนะที่น้องแบทหวังดี” ยิ้มทีราวกับพ่อเทพบุตรสุดสวาทหล่อลากกระชากถุงน้ำดีขยี้ใจสาว นี่มึงคนหรือเทวดาตกจากฟ้ามาหรืออย่างไร เห็นอย่างนั้นไอ้แบทก็ใจชื้นขึ้นทันตาหายจากอาการตื่นกลัวกลับมาเป็นปกติได้ สงสัยพี่มินคงปรับโวลลุ่มเสียงไม่ทัน พี่แกเลยพูดดังไปหน่อย คนดีๆแบบพี่มินจะ “ร้าย” แบบไอ้พี่เหนือไปได้ยังไง ผมนี่คิดฟุ้งซ่านไปเองจริงๆ
“กว่าจะมาได้นะหล่อโคตรพ่อ” ไอ้ไนท์เดินหน้าบึ้งลงจากรถไอ้พี่แทนมา ไอ้คิมรีบสั่งหมาในปากต้อนรับมันทันที
“มึงมากับพี่แทนอีกแล้วหรอวะ มึงไปญาติดีกับพี่เขาตั้งแต่ตอนไหน?” ผมถามมันไป เพราะเห็นช่วงนี้มันไปไหนมาไหนกับไอ้พี่แทนบ่อยๆ
“ญาติดีกับผีดิไอ้ปอนด์ กูบอกว่าจะขับรถมาเอง แต่มันเสือกโผล่หน้าไปรับกูที่บ้านเฉย ตัวเสือกจริงๆ” ก็ถ้าขนาดเข้านอกออกในบ้านมึงได้แล้วแบบนี้ ไม่สนิทจริงกูก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วว่ะ
“ไนท์ เอาไฟแช็คมาให้กูหน่อย ของกูลืมไว้ที่บ้านมึง” ไอ้พี่แทนมันตะโกนมาแต่ไกลทั้งที่ยืนคุยอยู่กับไอ้พี่เหนือ ได้ข่าวคนตรงหน้ามึงกำลังพ่นมะเร็งอัดหน้ามึงอยู่นะครับ แล้วไม่เสือกขอไฟแช็คจากมันละ
“มึงมาเอาเอง อย่ากวนตีนกูไอ้แทน” ด่าไปแต่ก็จะให้ยืม
“มึงลองดีกับกูตลอดนะไอ้ไนท์” คนนี้ก็ไม่น้อยหน้าด่ากลับแต่ก็ยอมเดินมาเอาเอง มันเดินเข้ามาหาไอ้ไนท์ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วควานหาไฟแช็ค อีกฝ่ายก็ทั้งด่า ทั้งทุบ ทั้งถีบ สรุปมันก็เอาไฟแช็คไปจนได้ ยังไงกันวะคู่นี้?
“กูไม่เข้าใจวะเชี่ยปอนด์ ไฟแช็คแค่นี้มันขอจากผัวมึงก็ได้มั้ง นี่ถึงกับเดินมารับมือรับตีนไอ้ไนท์ ห่า กูว่าไม่บ้าก็ซาดิสต์”
“กูเห็นด้วยกับมึงนะไอ้ธาม แล้วมึงตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“การเสือกเรื่องชาวบ้านคืองานของกู!” สรุปคือมึงตื่นมาเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ?
“ไอ้นนท์มาแล้วเฮ้ยๆๆๆ ไปๆๆ ขึ้นรถๆ” พูดจบก็เฮโลกันไปหารถไอ้นนท์ที่เพิ่งเลี้ยวเข้ามายังไม่ทันจอดได้สนิทไอ้คิมก็เปิดประตูถลาเข้าไปนั่งที่เบาะด้านหลัง มีไอ้ต้นตามไปนั่งข้างๆ ส่วนไอ้แบทนั่งหน้าคู่ไอ้นนท์
“ไม่มีใครอยากไปนั่งพอร์ชกับกูบ้างหรอวะ” ผมรู้สึกเหมือนถูกเพื่อนทอดทิ้งยังไงก็ไม่รู้
“กูว่าที่พวกมันพากันไปนั่งรถไอ้นนท์กันหมดเพราะไม่มีใครอยากไปกับผัวมึงนั่นแหละไอ้ปอนด์ ผู้ปกครองมึงดุยิ่งกว่าควายไบซันในป่าอเมซอนซะอีก” ถ้ามันได้ยินเข้าควายไบซันที่มึงพูดถึงนั่นแหละจะขวิดมึงไส้แตก แล้วป่าอเมซอนมีควายอยู่ด้วยหรอวะ? กูเคยได้ยินแต่เขาว่ามีอนาคอนด้า กลับจากวัดมากูคงต้องหาสารคดีสัตว์โลกมาดูบ้างแล้ว ชีวิตกูพลาดอะไรไปเยอะขนาดนั้นเชียว?
“แล้วมึงไปกับใคร ไอ้ไนท์ก็ไม่ได้เอารถมาด้วย” ผมถามไอ้ธาม
“ไปกับกูก็ได้ กูไม่อยากทำบาปโดยการฆ่าไอ้แทนตายก่อนไปวัด” หล่อโคตรพ่อมึงก็โหดเหลือเกิน ไอ้พี่แทนมันก็จะฆ่ามึงไม่ต่างกันนั่นแหละ คงหนีกันพ้นหรอกไปที่ไหนได้นองเลือดทุกทีสิน่า
“กูไม่อยากไปเป็นกรรมการคอยห้ามทัพเวลาพวกมึงจะฆ่ากันหรอกนะ ทะเลาะกันทีไรกูคนห้ามโดนลูกหลงด้วยตลอด”
“ธามไปกับพี่สิครับ พี่มีเรื่องเล่าให้ฟังด้วยนะ อยากรู้ไหมว่าทำไมวันเข้าพรรษาเขาถึงได้ใช้เทียนหล่อและแกะสลักให้เป็นลวดลายต่างๆ” ไม่ใช่แค่ไอ้ธามครับที่ทำหน้าอยากรู้ แต่ผมกับไอ้ไนท์ก็ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นไม่ต่างกัน โหมดต่อมเสือกทำงาน!
“ทำไมครับพี่มิน?” ไอ้ธามเดินเขาไปถามพี่มินใกล้ๆ ช่วงวินาทีที่พี่มินกำลังจะเอ่ยปากออกมานั้น..........
“ไอ้ปอนด์เร็วๆ มึงจะไปไหมวัด!” ไอ้พี่เหนือมันดันตะโกนเรียกผมขึ้นมาซะก่อน
“แป๊บเดียวพี่ ผมขอหนึ่งนาที” ตอบมันไปแบบไม่ใส่ใจใยดีแล้วพุ่งความสนใจมาที่ไอ้พี่มินต่อ ปากเรียวกำลังจะพ่นคำตอบของความสงสัยทั้งหมดออกมา ทุกคนตั้งจิตแน่วแน่รอฟัง กำลังจะได้รู้แล้วก็...
“เชี่ยไนท์! มึงช้ากว่านี้กูจะปล่อยให้มึงเดินไป!” ไอ้พี่แทนตะโกนเรียกไอ้ไนท์ขัดขึ้นมาซะก่อน แม่งเอ้ย! ขัดอารมณ์กูสามคนฉิบหาย!
“ขอเวลากูแป๊บเดียว มึงหุบปากแล้วนั่งรอกูไปเชี่ยแทน!” ไอ้ไนท์หันไปตะโกนบอกไอ้พี่แทนแบบไม่ใส่ใจเหมือนกัน ก่อนมันจะหันมาตั้งใจฟังที่ไอ้พี่มินจะพูดต่อ
“ถ้ามีใครตะโกนขัดอะไรอีกนะ กูจะเดินไปเตะเสยปลายคางแม่งเลย” ไอ้ธามพูดขึ้นบ้าง อารมณ์อยากรู้พลุ่งพล่านไม่ต่างกัน
“บอกมาสิพี่มินว่าทำไมวันเข้าพรรษาเขาถึงใช้เทียนหล่อแล้วแกะเป็นลวดลายต่างๆ” มันต้องมีประวัติศาสตร์อะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ มันจะต้องเป็นเรื่องราวที่พิเศษมากๆ ซีเคร็ดสุดๆผมโคตรตื่นเต้น นี่ผมกำลังจะได้รู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าพระไตรปิฎกอีกใช่ไหม ประวิติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึกคนคนนี้ไว้เลยพ่อเทพบุตรมิน
“เพราะอะไรถึงต้องใช้เทียนนะหรอ...ก็...” ก็อะไรรีบบอกมาสิวะ กูลุ้นยิ่งกว่ารอผลสลากกินแบ่งรัฐบาลอีก!
“ก็อะไรวะพี่?!”
“ก็ถ้าเขาใช้ธูปมันก็จะหล่อแล้วแกะให้เป็นรูปแบบเทียนไม่ได้ไง” เชี่ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เรียบง่าย และตรงประเด็น แทงใจแบบเน้นๆ แต่มันจริงจนไม่รู้จะเถียงยังไง!!!!! เอาเป็นว่าผมกับไอ้ไนท์ต่างแยกย้ายเดินกลับไปที่รถเยี่ยงคนจิตหลุดแทบไม่อยากพูดจากับใคร เพราะเกรงว่าถ้าอยู่ตรงนั้นนานจะได้กระทืบคนตายก่อนไปทำบุญแน่
“พี่มิน!.....................มัน............จริงของพี่วะ!”
“มีอีกเยอะเลยนะ อยากฟังไหม? งั้นธามไปนั่งรถพี่สิ”
“ไปๆๆ ครับ” ยิ้มเริงร่าเดินผ่านหน้ารถไอ้พี่เหนือเข้าไปนั่งใน Audi สีบรอนซ์เงินสุดเฉี่ยวคันใหม่โคตรไฉไลของไอ้พี่มิน กูจะทำยังไงกับมึงดีวะไอ้ธาม คู่มึงแม่งโคตรล้ำเกินคน!
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น เห็นสุมหัวกันสี่คน ไอ้มินมันเล่าอะไรให้ฟังละ”
“เชื่อผมเถอะพี่เหนือ ว่าพี่อย่ารู้เลยดีกว่า”
“หึ มึงคิดว่าไอ้มินเป็นคนยังไง?” ตอนนี้รถขับออกมานอกตัวเมืองแล้วครับ วัดที่พวกเราจะไปอยู่แถวจังหวัดอยุธยาเป็นวัดเล็กๆไม่มีชื่อเสียงมากเท่าวัดในแถบนั้น ไอ้ต้นมันเคยไป เห็นมันบอกว่าคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ชาวบ้านอยู่กันแบบเรียบง่าย อัธยาศัยดี บวกกับไอ้พี่เหนือมันไม่ชอบไปที่ๆคนพลุกพล่านพวกเราเลยคิดว่าไปที่วัดนี้ดูจะเหมาะที่สุดแล้ว
“เป็นคนที่ภายนอกดูเทพบุตรสุดๆ แต่เวลาสติหลุดแม่งโคตรกวนตีน!”
“หึ พวกมึงโง่เหมือนกันจริงๆ” นั่นไง หาเรื่องด่ากูอีกแล้ว
“...............................” ขับรถมาอีกครึ่งชั่วโมงเลี้ยวเข้าซอยมาไม่ไกลจากถนนใหญ่มากนักก็เจอทางเข้าไปที่วัด สองข้างทางเป็นป่าดูร่มรื่น เพราะที่วัดแห่งนี้เป็นวัดป่าเน้นการนั่งปฏิบัติธรรมถือศีล ภายในวัดจึงมีแต่ความเงียบสงบ ร่มรื่น เย็นกายสบายใจ จากนั้นจึงช่วยกันขนข้าวของที่ซื้อมาเดินตรงไปที่ศาลาการเปรียญ เห็นชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ต่างทยอยนำของมาถวายทั้งกับข้าวใส่ปิ่นโต ผลหมากรากไม้ มีบางคนนำเทียนไขมาถวายด้วยแต่ส่วนใหญ่จะถวายเป็นหลอดไฟมากกว่า
“เอาของไปวางไว้ในศาลาการเปรียญก่อน แล้วค่อยออกมาใส่บาตรกัน เขาทำที่ไว้ให้ตักบาตรอยู่ด้านหน้า เดี๋ยวกูเอาพวกปิ่นโต ผลไม้ น้ำดื่ม ไปวางตรงที่พระท่านนั่งให้” ทำตามที่ไอ้ต้นบอก เลือกนั่งหลังๆเพราะไม่อยากให้เป็นจุดเด่น แต่คนทั้งศาลาก็หันมามองกันเป็นตาเดียว ไอ้คิม ไอ้แบท ไอ้ต้น ไอ้นนท์ยกของไปวางถวายพระด้านหน้า พร้อมกับไปจุดดอกไม้ธูปเทียนกราบบูชาพระประธานก่อน ส่วนผม ไอ้ไนท์ ไอ้ธาม พี่เหนือ พี่แทน แล้วก็พี่มิน จะไปใส่บาตรที่ตั้งไว้หน้าศาลาการเปรียญกันก่อน
“พี่ใส่ก่อนเลย เหลือข้าวไว้ให้ผมด้วยนะเดี๋ยวผมใส่บาตรทีหลัง” ผมตักข้าวมาแค่โถเดียวเพราะว่าจะแบ่งกันใส่กับไอ้พี่เหนือ
“อืม” มันรับแบบว่าง่ายก่อนจะมองคุณยายที่เดินใส่บาตรอยู่ข้างหน้าว่าเขาต้องทำแบบไหน
“ยกทูนหัวตั้งจิตอธิฐานก่อนนะพี่เหนือ” ผมบอกมันก่อนมันจะทำตาม แล้วเดินตักข้าวใส่ในบาตรที่ทางวัดจัดวางเรียงไว้ให้
“ไอ้แทนมึงเหลือข้าวไว้ให้กูใส่ด้วยนะมึง แล้วก็ยกทูนหัวก่อน” ได้ยินเสียงไอ้ไนท์บอกไอ้พี่แทนไป แต่เห็นไอ้พี่แทนหันมายักไหล่ให้ก่อนจะตักข้าวจนล้นทัพพีใส่ในแต่ละบาตร กูว่านะไอ้ไนท์มันคงเหลือข้าวให้มึงใส่บาตรละเมล็ดเท่านั้นแหละ
“ไอ้แทน เบามือหน่อยแค่ห้าบาตร มึงตักข้าวไปค่อนโถแล้ว กูยังไม่ใส่เลยนะ!”
“เออๆ กูเหลือไว้ให้มึงแน่” แต่แค่ไหนนั้นกูจะรอดู
“พี่มินเร็วๆเถอะพี่ ผมรอต่ออยู่นะ” เสียงไอ้ธามตะโกนเร่งพี่มินที่ยังไม่ตักข้าวในโถใส่บาตรซักทีเพราะมัวแต่ยืนสงสัยอะไรบางอย่าง
“ธาม จำเป็นไหมว่าต้องใส่ข้าวปริมาณเท่ากันทุกบาตร? แล้วถ้าใส่มากน้อยไม่เท่ากันจะมีปัญหาอะไรไหม? แล้วต้องใส่จากซ้ายไปขวา ใส่จากด้านบนหรือด้านล่างก่อน?” มาเป็นชุด จัดแบบต่อเนื่องรัวใส่ไอ้ธามไม่ยั้ง พี่มินจำไมเริ่มทำงาน ให้ตายเถอะวันนี้ผมจะได้บุญกลับไปไหมครับ
“ก็กะๆเอาสิพี่ มากน้อยไม่มีปัญหาแค่พี่ใส่ให้ครบทุกบาตรก็พอ ส่วนใส่จากด้านไหนพี่ก็ทำตามๆเขาไปแล้วกัน” ไอ้ธามอธิบายให้พี่มินฟังแต่ผมว่ามันแค่บอกปัดๆไปมากกว่า
“ปอนด์”
“หือ?” เห็นพี่เหนือทำหน้านิ่งไม่ยอมตักข้าวใส่บาตรต่อผมเลยสงสัย
“คือกู...” สีหน้ามันแปลกไป เกิดอะไรขึ้น หรือมันไม่สบาย แต่เมื่อเช้าก็ยังดีๆอยู่เลยนี่หว่า
“พี่เป็นอะไรบอกผมสิ” ผมเริ่มร้อนใจขึ้นมา เห็นมันทำท่าทางแปลกๆสีหน้าก็ดูเหมือนคนกลุ้มใจอะไรบางอย่าง
“กู...” อะไรกู? บอกมาสิวะ แม่งลีลา!
“พี่เหนือบอกผมสิ พี่เป็นอะไร ผมเป็นห่วงนะพี่ บอกผมมา” เดินไปคว้าแขนมันเขย่าเบาๆจนทัพพีในมือมันแก่วงไปโดนโถข้าวจนเกิดเป็นเสียง คุณตาคุณยายที่ใส่บาตรกันอยู่ไม่เว้นแม้แต่มัคทายกวัดที่ยืนดูอยู่ไม่ห่างต่างหันมามองที่เรา แต่ผมไม่สนใจ ผมแคร์แค่ไอ้พี่เหนือคนเดียว ซึ่งมันกำลังเป็นอะไร ผมอยากรู้ใจแทบขาด ไม่ชอบที่เห็นมันทำสีหน้ากังวลแบบนี้
“ปอนด์...........................คือ......กูจำไม่ได้ว่าใส่บาตรถึงไหนแล้ว มันเยอะกูสับสน” โถ๊วววววววววววววววววววววววววว! กูก็คิดว่าเรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตายที่ไหนได้เสือกจำไม่ได้ว่าตักข้าวใส่ในบาตรไหนไปบ้างแล้ว ไม่น่าไปหวังดีห่วงใยมันจนออกนอกหน้าขนาดนั้นเลยผม
“บาตรนี้ลูก ยายจำได้” คุณยายที่อยู่ด้านหน้าหันมาบอกมันพร้อมยิ้มโชว์ฟันเคลือบสีดำมันเลื่อมสวย น่ารักจริงๆครับ ผมชอบความเป็นชนบทแบบนี้แหละครับ ผู้คนอัธยาศัยดี กลิ่นไอของความอบอุ่นอันเกิดจากความสุขทางใจโดยแท้จริง
“ขอบคุณครับคุณยาย” ผมเดินเข้าไปจับแขนท่านแล้วช่วยพยุงยายเดินเข้าไปในศาลาจนถึงที่นั่ง กลับออกมาอีกทีไอ้พี่เหนือก็ใส่บาตรเสร็จพอดี
“ไอ้แทน! เหลือข้าวให้กูแค่นี้กูจะใส่ยังไงวะ!” เหลือบไปเห็นข้าวในมือไอ้ไนท์ก็ถึงกับไปไม่ถูก ประมาณจากสายตาแล้วเหลือข้าวราวๆทัพพีเศษเห็นจะได้ หล่อโคตรพ่อเอ้ยนับเมล็ดเอาเถอะมึง!
“เอ่อ พี่มิน มึงยังไม่เสร็จอีกหรอ?!” รายนี้ก็พิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน คนอื่นเขาใส่กันจนได้ไปนั่งรอฟังพระสวดในศาลาแต่พี่มินมันยังไม่เสร็จเลยครับ
“ธามอย่าเร่งสิ ทำบุญเราต้องทำด้วยจิตที่สงบนะ” อืม ผมว่าไอ้ธามมันจะสงบไม่ได้ก็เพราะพี่นี่แหละ ว่าแล้วผมก็จัดการตักบาตรของตัวเองจนแล้วเสร็จไอ้พี่มินก็ยังได้ไม่ถึงไหน ในขณะที่ไอ้ไนท์ก็ต้องคอยกะปริมาณข้าวให้ใส่ได้ครบทุกบาตร ลำบากนะครับ แทบจะเห็นมันนับเมล็ดข้าวเลยที่เดียว พี่แทนมันไม่กลัวบาปบ้างหรือไงนะแกล้งอะไรกันเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้ แต่ดูจากสีหน้ามันที่คอยอยู่ข้างๆคอยเชียร์คอยลุ้นไปกับไอ้ไนท์ด้วยแล้ว ผมว่ามันตักไปเพราะความที่มือหนักมากกว่า คงกะประมาณไม่ได้ด้วยความที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เพราะคนไม่รู้ย่อมไม่ผิดใช่ไหมละครับ
“เย้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” สองเสียงประสานดังลั่นศาลา ดีใจเหมือนกำลังเชียร์บอลโลกกันอยู่ ที่ในที่สุดไอ้ไนท์ก็ตักข้าวในโถอันน้อยนิดใส่ในบาตรจนครบ ผมก็พลอยปลื้มไปกับพวกเขาด้วยครับ น้ำตาแทบไหล มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
“พี่มินมึงจะอีกนานไหม?!” ความอดทนของไอ้ธามคงเริ่มหมดลงไปพร้อมๆกับที่พวกผมทนรออีกต่อไปไม่ไหวจึงเดินเข้าไปนั่งในศาลาก่อน ซักพักก็เห็นไอ้ธามลากแขนไอ้พี่มินวิ่งเข้ามาในศาลาหน้าตาตื่นเหมือนเพิ่งหนีตายอะไรมา
“รีบร้อนอะไรขนาดนั้นวะไอ้ธาม ในวัดนะเว้ยสำรวมหน่อย” ไอ้นนท์ถามไอ้ธามที่นั่งหอบแฮ่กเหงื่อแตกพลั่กๆอยู่ข้างๆ
“ไม่รีบได้ไง มัคทายกบอกว่าถ้ากูสองคนยังใส่บาตรกันไม่เสร็จอีกแกจะเอาหนังสติ๊กไล่ยิงหัวกบาล แกโหดฉิบหาย!”
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ! แล้วตกลงมึงได้ใส่บาตรไหม?” ก่อนสงสัยว่ามันได้ใส่บาตรกันไหม ทำไมมึงไม่เสือกสงสัยว่ามันใส่บาตรกันท่าไหนถึงโดนขู่ไล่ยิงขนาดนั้นดีกว่าไหมไอ้คิม
“ได้ใส่ดิ ก็ไอ้พี่มินนั่นแหละชักช้า ถึงคิวกูลุงมัคทายกแกคงหมดความอดทน กูเลยซวยไปด้วย” เป็นกูก็หมดความอดทนว่ะ
“พูดไม่เพราะเลยนะธาม พี่ไม่ชอบ”
“เอ่อ ผมขอโทษครับพี่มิน แหะๆ ลืมตัว”
“..............................” จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ส่วนไอ้พี่เหนือมันก็นั่งพนมมือฟังพระสวดไปเงียบๆอยู่ข้างผม บางครั้งผมเห็นมันคอยมองดูชาวบ้านที่หอบลูกจูงหลานเข้ามาในศาลาการเปรียญ เป็นภาพที่น่ารักกันจริงๆครับ ดูอบอุ่นแบบวิถีชาวพุทธ ผมชอบนะครับครอบครัวไหนที่ให้ลูกหลานฟังเทศน์ฟังธรรมปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก
“พี่เหนือ”
“..............................” มันหันมามองหน้าผม
“เดี๋ยวเสร็จจากนี่เราไปให้อาหารปลากันนะ”
“อืม”
“..................................” นั่งฟังพระสวดกันได้ซักพักก็ถวายภัตตาหาร ฟังพระท่านเทศน์ต่ออีกครึ่งชั่วโมงเสร็จสรรพก็มีคนนำกล่าวบทสวดถวายเทียนพรรษาหรือใครจะถวายเป็นหลอดไฟก็แล้วแต่จิตศรัทธา ว่ากล่าวตามกันไม่นานก็เสร็จสิ้นพิธีการ พวกผมกราบพระเสร็จจึงเดินออกมาที่ด้านหลังวัดจะมีที่ให้อาหารปลาอยู่ เลือกเอาว่าจะให้อาหารเม็ดหรือเป็นขนมปัง ผมกับพี่เหนือเลือกเป็นอาหารเม็ดถุงขนาดกลาง เห็นพี่มินกับไอ้ธามเหมาอาหารถุงใหญ่แบกไปที่ท่าน้ำเป็นกระสอบ ส่วนพี่แทนกับไอ้ไนท์เลือกเป็นขนมปังก้อนใหญ่ได้อีก เห็นมันสามัคคีช่วยกันหอบสองไม้สองมือดูแล้วก็น่ารักดีเหมือนกันนะครับเวลามันสงบศึกกันแบบนี้
“ไนท์แบ่งมาให้กูถืออีกสิ มึงจะทำร่วงแล้ว”
“เออๆ มึงถือไหวแน่นะ” มีเป็นห่วงกันด้วย น่ารักนะพวกมึงเนี่ย
“พี่เหนือโยนไปไกลๆหน่อยสิ เผื่อตัวที่อยู่ไกลๆมันยังไม่ได้กิน” ผมสั่งไอ้พี่เหนือให้โยนอาหารไปไกลๆหน่อยมันก็จัดให้ผมสุดแรงเกิดสาดกระจายไปไกล อื้อหือ แรงเขาดีจริงๆ
“ปอนด์วันนี้กูมีความสุข” พูด...แต่ไม่ยอมมองหน้าอีกแล้ว...มันเขินทีไรเป็นแบบนี้ทุกที...ทำแบบนี้...ผมก็ยิ้มไม่หุบอีกตามเคย
“ผมก็เหมือนกัน ไว้ปีหน้าเราค่อยมาด้วยกันอีกนะ”
“อืม...ปีหน้า...ปีต่อๆไป...จะปีไหนๆกูก็อยากมากับมึง”
“.............................” หันไปคนละทิศละทาง พูดกันแต่ก็ไม่ได้มองหน้า เผลอปาอาหารใส่น้ำอย่างแรงจนปลาแตกตื่น เขินแล้วแรงควายขึ้นมาทันที ให้ตายเถอะ! ผมไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้คนน่ารักข้างๆผมตอนนี้ คือคนเดียวกับที่ร้ายใส่ผมมาตลอด! บอกได้คำเดียว.........................น่ารักเหี้ยๆ
“เปรี้ยง! มึงจะแข่งกับกูใช่ไหมห๊ะ!” น้ำแตกกระจาย ปลาแหวกกระจุย เมื่อขนมปังก้อนโตถูกปาใส่น้ำอย่างแรง
“เปรี๊ยง! เออสิ มึงมีแรงแค่นั้นหรอวะไอ้ไนท์ อ่อนฉิบหาย” อีกก้อนตามไปติดๆตกไปไกลไม่ห่างมากนักแต่หนักหน่วงถึงขั้นปลาสวายตีลังกาหงายท้องเพราะก้อนขนมปังหล่นใส่หัวกันเลยทีเดียว สังเกตได้จากบริเวนที่มันสองคนให้อาหารอยู่จะมีปลาจำนวนน้อยมากแหวกว่ายไปรอรับอาหารจากมันสองคน จะฆ่าปลากันหรอพวกมึง?
“กูปาได้ไกลกว่ามึงอีกไอ้แทน เปรี้ยง! ตู้มมมมมม!” นี่มึงมาแข่งกันว่าใครปาขนมปังได้ไกลกว่ากันหร๊อ!?
“อย่าท้ากูไอ้ไนท์ มึงคอยดูกู ตู้มมมมมมมมมมม!” บิดเป็นชิ้นเล็กๆก่อนก็ไม่มีว่านะมึง ปลาหนีหายหมดแล้ว บางตัวถึงขั้นว่ายน้ำท่ากรรเชียงกันเลยทีเดียว
“พี่มินผมว่าปลามันกินอิ่มไปป่าววะ?” นี่ก็ถามไม่คิด เหมาอาหารเขามาเป็นกระสอบถ้าปลามันยังกินไหวก็เกินไปล่ะ
“มันมีหลายตัวนะธาม ให้มันกินๆไปเถอะ” พูดแบบไร้ความรับผิดชอบสุดๆ ถ้าเป็นปลาทองมันคงท้องแตกตายกันเกลื่อน
“รอบตัวมึง..............ทำไมมีแต่คนไม่ปกติ”
“ฮ่าๆๆๆเพื่อนพี่ก็ไม่ต่างจากเพื่อนผมหรอก”
“อืม” เห็นมันหลุดขำออกมาเหมือนกัน ขนาดทำให้ไอ้พี่เหนือมันหัวเราะออกมาได้เต็มที่แบบนี้แสดงว่าพวกมึงไม่ธรรมดากันจริงๆ
“เฮ้ย! ไอ้ปอนด์ ไอ้ไนท์ ไอ้ธาม หนีเร็ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ไอ้นนท์ตะโกนเรียกพวกผมอยู่บนฝั่งด้วยท่าทางรีบร้อน ดูลุกลี้ลุกลน เหงื่อแตกเต็มหน้าเหมือมันหนีอะไรมา
“มาแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เฟี้ยววววววววววววว!” ไอ้ต้นกับไอ้แบทร้องโหยหวนวิ่งผ่านหน้าไอ้นนท์ไปแบบไม่ใยดีฝุ่นตลบกลบหน้าไอ้นนท์ทันที ใส่ตีนผีกันสุดๆ
“ฉิบหาย! เจอกันลานจอดรถ ขอให้รอดนะพวกมึง!” ไอ้นนท์ตะโกนบอกพวกผมแค่นั้นก่อนที่มันจะแหกปากร้องวิ่งตามไอ้คิมกับไอ้แบทไปติดๆ
“ลุงใจเย็นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พวกผมไม่ได้ทำ เฟี้ยวววววววววววววว!” แล้วไอ้คิมก็วิ่งผ่านหน้าใส่เกียร์หมาตามไอ้นนท์ไปอีกคน ทิ้งให้พวกผมหกคนมองหน้ากันแบบงงๆ จนเมื่อลุงมัคทายกวิ่งถือหนังสติ๊กในมือมาหยุดยืนหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้าพวกผม
“พวกเอ็งก็มากับไอ้สี่ตัวนั่นใช่ไหม วันนี้ต้องสั่งสอนซักหน่อยไอ้เด็กหัวขโมยพวกนี้” ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรลุงแกก็บรรเลงสาดเม็ดกระสุนเล็งใส่หัวพวกผมทันที หลบกันเหมือนในหนังเรื่องเดอะแมททริกแต่จริงๆแค่เม็ดมะขามคั่วถูกดีดจากหนังสติ๊ก
“ป๊าบ!!!!!” ไอ้พี่มินเตะถุงอาหารกระจายเพื่อใช้เป็นสิ่งกีดขวางทางวิ่งของลุง ก่อนมันจะเข้าไปคว้าแขนไอ้ธามแล้วลากให้วิ่งหนีไปตามทางที่พวกไอ้นนท์เผ่นไปก่อนหน้า
“เชี่ยไนท์ไว้แข่งกันวันหลัง” พูดจบหลบกระสุนเม็ดมะขามคั่วที่เฉี่ยวแก้มขวาไปแค่คืบไอ้พี่แทนก็จับมือไอ้ไนท์ลากมันให้วิ่งตามไอ้พี่มินไปเช่นกัน เอาละสิ เหลือแค่คู่ผมแล้ว ทำไงละทีนี้ ตายแน่ๆ
“ปอนด์”
“ครับ”
“มึงพร้อมไหม?” ผมกับมันมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“พร้อม”
“3…2…1…………………….วิ่ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ตะโกนขึ้นพร้อมกันก่อนจะจับมือพากันวิ่ง พร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเราไปตลอดทาง เห็นไอ้คิมโดนยิงตูด ไอ้ต้นก็โดนเข้าที่กลางหลัง สงสารก็สงสาร แต่ขำก็ขำ กว่าจะหลุดจากการไล่ล่าของลุงแกมาได้ก็นานเหมือนกัน เห็นอายุเยอะๆใครจะรู้ว่าลุงแกแข็งแรงมาก แต่มากแค่ไหนก็แพ้แรงของพวกผมอยู่ดี เดินมาหอบแฮ่กกันที่รถ เหงื่อแตก ขาไร้เรี่ยวแรงตะกายเกาะรถหมดสภาพกันแทบทุกคน
“มึงสี่ตัวไปสร้างวีรกรรมอะไรกันมาห๊ะ!” ไอ้พี่แทนถามขณะที่เหงื่อแตกเต็มหน้า หมดหล่อเลยมึง ฮ่าๆๆ
“ก็ไอ้คิมดิ มันจะเอาเงินไปใส่ในตู้รับบริจาค แต่ช่องมันแคบแบงค์ที่มันใส่เลยติดอยู่ด้านบน ไอ้ต้นมันเกิดหวังดีอยากช่วยเลยไปตบๆเคาะๆตู้ให้แบงค์หล่นไปด้านล่าง ลุงมัคทายกแกมาเห็นพอดีเลยคิดว่าพวกผมกำลังช่วยกันขโมยเงินจากตู้รับบริจาค”
“อธิบายเท่าไหร่ลุงแกก็ไม่เชื่อ จ้องจะยิงกันท่าเดียว” นี่พวกกูหนีตายกันเพราะความเข้าใจผิดหรอกหร๊อ!
“..........................” เงียบกันไปซักพัก จู่ๆก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆจะมีใครทำบุญแล้วแตกตื่นแบบพวกเราอีกไหมเนี่ย” ไอ้คิมพูด
“ฮ่าๆๆๆ กูก็ว่างั้น”
“วัดนี้พวกเราคงมาอีกไม่ได้แล้วว่ะ เพราะลุงแกคงติดป้ายห้ามพวกเกรียนเข้า ฮ่าๆๆๆๆๆ” เห็นด้วยกับมึงเลยไอ้นนท์
“กลับกันเถอะเดี๋ยวลุงแกตามมาเจอจะยุ่ง” พูดแล้วก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ พี่แทนลากไอ้ไนท์ไปเหมือนเดิม ด่ากันเหมือนเดิม แต่ก็ไปด้วยกันเหมือนเดิม!
“เป็นการทำบุญที่ผมว่าได้บาปมากกว่าได้บุญนะพี่”
“หึ ถ้าดูกันที่เจตนาไม่ใช่การกระทำ กูว่ามันก็พอได้นะ” หันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา...ผมดีใจที่ไอ้พี่เหนือมันยิ้มได้แบบนี้
“ผมดีใจที่พี่ยิ้มได้”
“เพราะกูมีมึง”
“.........................” ไม่มองหน้ากัน...อีกคนตั้งใจขับรถ...ส่วนผมก็สนใจข้างทาง...กลัวว่าถ้ามองหน้า...จะรู้ว่าดีใจแค่ไหน
การกระทำที่แตกต่าง...แม้ใครจะมองว่าผิด
เจตนากับการกระทำที่ดูสวนทาง...
ไม่สามารถบ่งบอกได้ถึงจิตใจมนุษย์
รอบตัวผมมีแต่คนไม่ปกติ...แต่เชื่อไหม
คนเหล่านี้ทำให้โลกของผมน่าอยู่...และทำให้โลกของพี่เหนือมีรอยยิ้ม...
“ทำบุญ” วันนี้ผมได้มากกว่าความสุขกายสบายใจ...
เพราะผมได้รู้ว่าในชีวิต...มีคนสำคัญมากมายแค่ไหนอยู่รอบตัว...
ตอนพิเศษมาอย่างรวดเร็ว I-AM มันมีกำลังใจมากคะ ขอบคุณRyojung อีกครั้งสำหรับสารบัญที่ทำให้ น่ารักจริงๆ

ตอนนี้สบายๆขอให้อ่านแล้วยิ้มตาม หัวเราะไปกับแก๊งค์เด็กเกรียนพวกนี้นะคะ I-AMมันอยากให้เห็นถึงมิตรภาพของแต่ละคนที่แสดงออกได้อย่างเป็นตัวของตัวเอง รูปแบบการดำเนินชีวิตและนิสัยที่แตกต่าง พอมาอยู่ด้วยกันก็เป็นอย่างที่เห็น ไปที่ไหนป่วนที่นั่น

ปล.ให้ดอกไม้กับทุกคนเหมือนเดิมน้า ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กัน ทุกความเห็นสร้างกำลังใจได้เสมอ

ปล.2 ทุกความเห็นถือเป็นกำลังใจของนักเขียน และคนอัพเสมอค่ะ
