23. พี่เสือ น้องกระต่ายกับเพื่อนบ้าน
ตอนเช้าๆ อากาศยังเย็นอยู่ นกบินออกจากรัง พระอาทิตย์เพิ่งจะลอยโผล่จากขอบฟ้าสีสวย เด็กชายสองคนจากกลับแต่งตัวเรียบร้อย ออกจากบ้านแล้ว เด็กชายคนแรกตัวโต แข็งแรง ผิวสีเข้ม หน้าตาหล่อเหลานั่งยองๆ ผูกเชือกรองเท้าให้เด็กตัวน้อย หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตา แก้มนุ่มเนียนละเอียดเป็นสีชมพูน่าเอ็นดู เด็กชายตัวโตปาดเหงื่อเม็ดโตบนหน้าผากออก ก่อนจะถอยออกมาจากข้อเท้าขาว
"เสร็จแล้ว" พี่เสือยิ้มอย่างพอใจ รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าผ้าใบมียี่ห้อ สีเทาคาดชมพูน่ารัก เหมาะกับผิวขาวๆ ของสุดที่รักเป็นที่สุด
คนตัวเล็กยิ้มหวาน กระโดดกอดคอพี่ชาย ให้รางวัลด้วยริมฝีปากอิ่มนุ่มนิ่มสัมผัสข้างแก้ม
"ชื่นใจจัง" พี่เสือชม ฟัดแก้มนวลอย่างมันเขี้ยว รองเท้าคู่นี้น่ะ พี่เสือเก็บเงินซื้อให้น้องเอง เพราะรองเท้าคู่เก่าของน้องเริ่มเยินแล้ว บวกกับคู่นี้สีสวย มีไซส์เล็กของกระต่ายน้อยพอดี พี่เสือเลยยอมควักกระเป๋าซื้อให้น้อง
เด็กทั้งคู่ทำงานกับเถ้าแก่และซ้อได้หลายสัปดาห์แล้ว ถึงแม้ว่างานค่อนข้างหนัก แต่ก็สนุก พี่เสือได้วิชาการค้าจากเถ้าแก่ ซึ่งปกติแล้วจะไม่ถ่ายทอดให้คนนอก นอกจากนั้นเถ้าแก่ยังเคยเป็นไต้ก๋งมาก่อน ออกทะเลมาแล้วครึ่งชีวิตจึงมีประสบการณ์สนุกๆ เร้าใจมากมาย พอช่วงร้านว่างๆ พี่เสือเลยมักจะนั่งจิบชาคุยกับแกเสียเพลิน
พี่เสือยังคงเป็นพี่เสือ เอาจริงเอาจังเสมอ จนเถ้าแก่ชมทุกครั้งที่เจอคุณพ่อคุณแม่ ร่างสูงแข็งแรงของเด็กวัยสิบสามอย่างพี่เสือยกลังบะหมี่ น้ำอัดลมสบายๆ ทั้งๆ ที่แรกๆ เถ้าแก่ตั้งใจจะจ้างพี่เสือให้ช่วยดูหน้าร้านและเรียงของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
"เถ้าแก่แก่ปูนนี้แล้ว ไม่ปวดหลังหรือครับ ?" พี่เสือถามเมื่อวันแรกของการทำงาน เพราะเถ้าแก่ทำเองทั้งหมด งานร้านขายของชำดูเหมือนสบาย แต่จริงๆ แล้วยุ่งยากและต้องยกของขึ้นลงตลอด ไหนจะราคาสินค้าที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลาและราคาที่แตกต่างกันไปแต่ละยี่ห้อ
หลังจากนั้นมา คนแถวนั้นก็จะเจอตี๋ใหญ่ของคุณพ่อยกลังน้ำอัดลมโครมๆ และเถ้าแก่นั่งจิบชาจีน แกว่งพัดอยู่ใกล้ๆ
สำหรับน้องกระต่าย ซ้อรักจนแทบจะยกสมบัติให้ เจ้าตัวเล็กขี้อาย ประหม่าตอนแรกๆ ที่อยู่กับหญิงชรา แต่พอมือเล็กจับมีด ซ้อคิดว่าต้องสอนเด็กน้อยหั่นผัก หั่นหมูเสียแล้ว กลับเป็นว่ามือเล็กหั่นผักคล่องแคล่วว่องไวเกินความคาดหมาย จะต้ม ผัด แกง ทอด ปิ้ง ย่าง น้องเล็กก็คล่อง ประหยัดแรงซ้อเง็กที่ปวดเอวประจำได้มากโข
ดังนั้น เถ้าแก่และซ้อเง็กจึงขึ้นค่าแรงให้สองพี่น้องอย่างไม่ฟังเสียงประท้วงของพ่อแม่เจ้าตัว
และนอกเหนือไปจากนั้น สองพี่น้องที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีก็ขันอาสาไปซื้อของสดให้ซ้อเง็กที่ตลาดหน้าปากซอยทุกเช้าอีกด้วย เนื่องด้วยฝาแฝดสงสารหญิงชราที่งกๆ เงิ่นๆ หิ้วของเต็มสองมือ
ดังเช่นทุกวัน เหมือนวันนี้ พี่เสือเลยจูงมือน้องในรองเท้าคู่ใหม่ไปหน้าตลาด สองข้างทางมีร้านรวงเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แทบทั้งซอยรู้จักสองฝาแฝด ส่วนใหญ่ก็เพราะมาจากติดตากับแก้มยุ้ยๆ ตาโตๆ หวานๆ ของน้องเล็กที่มักจะขี้อาย หลบหลังพี่ชายเสมอ
"ต่าย กินน้ำเต้าหู้มั้ย ?" ป้าบัวขายน้ำเต้าหู้ส่งเสียงร้องอย่างอารมณ์ดี ก็สองพี่น้องน่ารักไม่หยอก คนพี่ทั้งดุทั้งหวงน้องอย่างกับเสือ... เหมือนชื่อ คนน้องขี้อาย น่ารักเหมือนกระต่ายนั่นแหละ
"สวัสดีจ้ะ" สองพี่น้องรีบยกมือไหว้ ก่อนที่พี่เสือจะรับหน้าที่ตอบ
"ขากลับนะฮะ ป้าบัว วันนี้จะไปซื้อซี่โครงไก่"
"จ้ะ พ่อจำเริญ" ป้าบัวตอบยิ้มๆ พอพี่เสือเผลอก็แอบยื่นมือมาหยิกแก้มนิ่มๆ ของเด็กน้อย
"อ๊ะ!" เจ้าตัวเล็กสะดุ้ง มือเหี่ยวย่นของป้าหยิกเบาๆ ก็จริง แต่พอไม่ตั้งตัวก็เจ็บเหมือนกัน
"น่ารักจริงจริ๊งหมวยเอ๊ย ไอ้เปี๊ยกลูกชายป้ามันเพิ่งจบปวส. นะ สนใจไหมลูก ?" ป้าบัวถามเหมือนทุกๆ วันที่สองพี่น้องเดินผ่านแผงน้ำเต้าหู้ของแก
น้องเล็กยิ้มแหยๆ พี่เสือกางแขนขู่ฟ่อเหมือนทุกที "กระต่ายเป็นของผมฮะ"
ป้าบัวหัวเราะลั่นอย่างถูกใจ ปฏิกิริยาของสองพี่น้องสร้างสีสันให้คนทั้งซอย
กระต่ายน้อยไม่ใช่แค่สเน่ห์แรงในหมู่คนชรา แต่สาวๆ แถวนั้นก็ชอบมาแกล้งเจ้าตัวเล็กเหมือนกัน แต่ที่พี่เสือหงุดหงิดที่สุดเห็นจะเป็นหนุ่มๆ ในซอย ที่ขยันตื่นเช้ากันเหลือเกิน ตอนพี่เสือออกมาวิ่งคนเดียว ซอยเงียบอย่างกับป่าช้า มีแต่คนเฒ่าคนแก่ตื่นเช้ามาเดินเล่น แม่ค้ามาตั้งแผงกับพระมาบิณฑบาตเท่านั้น
พอเลยแผงป้าบัว ก็เข้าสู่ด่านที่สอง ลุงอานนท์ขายโจ๊ก แกไม่เท่าไหร่หรอก แค่ชอบแถมหมูสับให้เจ้าตัวเล็กตลอด ลูกสาวแกชื่อเจ๊เป้า เป็นสาวโสดที่ชอบแกล้งกระต่ายที่สุด เจ๊เป้าก็ดีกับสองพี่น้องเสมอ แต่ที่พี่เสือหงุดหงิดเห็นจะเป็นบรรดาหนุ่มๆ ที่แวะเวียนมากินโจ๊กของลุงอานนท์นั่นแหละ บางคนแซวเพราะเห็นเป็นเด็กผู้หญิง บางคนมาเป็นขาประจำเพราะอยากเห็นหน้าใสๆ ของกระต่ายแค่นั้นเอง จนเจ๊เป้าอดกระแทกไม่ได้
"อะไรวะ ชั้นก็สาวก็โสด ทำไมไม่มองวะ ?"
หนุ่มน้อยวัยมัธยมต้นและปลายรีบหันหน้าไปอีกทาง บางคนมองชามโจ๊ก บางคนมองนกมองไม้
"เฮอะ! มาจีบกันอยู่นั่น! รู้แล้วไม่ใช่เรอะว่าหมวยมันเป็นผู้ชาย! พี่ชายมันก็ดุอย่างกับเสือ เออ..." เจ๊เป้าหยุดนิดหนึ่งเพราะตรงกับชื่อพอดี "ไอ้พี่มันหวงชิบหาย!"
พอถึงตรงนี้ พี่เสือจะรีบจูงข้อมือเล็กให้พ้นจากรัศมีร้าน เพราะเสียงเจ๊เป้าดังน้อยเสียเมื่อไหร่
ถัดมาเป็นพี่พี ลูกชายเขียงหมูที่สองพี่น้องไปรับประจำ ที่ปกติขี้เกียจตัวเป็นขน วันหนึ่งพี่พีโดนแม่บังคับมาส่งหมูเลยบังเอิญเจอกับหน้าใสๆ ของน้องพอดี ก็ตาโตๆ กับเม็ดเหงื่อเล็กๆ ข้างขมับและเส้นผมดำขลับชื้นเหงื่อนั่นน่ะ น่ารักน่ามองจะตาย ผิดกับสาวๆ ที่โรงเรียนลิบที่เอาแต่ทาหน้าขาว ปากแดงน่าเกลียด
หลังจากนั้นพี่พีก็คล้ายบรรลุ ไม่สนใจหรอกว่านั่นน่ะเด็กผู้ชายอายุสิบสาม! ก็ความน่ารักไม่เกี่ยวกับเพศและวัยนี่!
หลังจากนั้นพี่พีมักจะแต่งตัวหล่อ ตื่นเช้า ทำตัวเป็นชวนป๋วยปีแป่ก่อของเนียมฉื่ออำช่วยแม่ยกหมูทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ที่ร้านเถ้าแก่ปิด กระต่ายคนสวยจะไม่มาที่เขียงหมู
วันนี้พี่พีใส่เสื้อยืดสุดเก๋กับยีนส์ตัวใหม่ที่สอยมาจากตลาดนัดคลองถม เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดมองตัวเองในกระจกเป็นร้อยๆ รอบ ควักแว๊กซ์แต่งผมหลายทีจนได้ลุคหล่อกระชากใจ
นั่นไงเล่า น้องกระต่ายตัวน้อยเดินจูงมือพี่เสือ... ที่พี่พีเขม่นสุดๆ มาแล้ว พี่พีรีบวิ่งปรูดไปหาแม่ คว้าขาหมูในมือมายกเอง ได้จังหวะพอดีกับที่สองพี่น้องมายืนที่หน้าแผง
"ป้าสาย ขอโครงไก่สี่กิโลฮะ" พี่เสือร้องบอกแม่พี่พี จงใจละเลยเด็กหนุ่มตรงหน้า
แต่พี่พีจะแคร์ทำไม ในเมื่อเขาสนใจเจ้าตัวเล็กที่ยืนมองผักสดแผงข้างๆ มากกว่า
"กระต่าย อรุณสวัสดิ์ครับ" พี่พีมั่นใจว่าตัวเองเสียงเพราะยิ่งกว่านักร้องค่ายอาร์เอส
คนตัวเล็กเงยหน้าจากแผงผักสด ยิ้มหวานให้ "อรุณสวัสดิ์ครับ พี่พี"
ชื่นใจที่สุด... ในที่่สุดคนสวยก็จำชื่อเขาได้เสียที ยังไม่ทันจะได้คุยต่อ พี่ชายจอมสอดก็สั่งเสียงห้วน
"ต่าย ไปซื้อผักกัน"
พี่พีเลยได้โอกาสถือความอาวุโสกว่าต่อว่า "เสือ ทำไมดุน้องอย่างนั้น"
ใบหน้าเยาว์วัยของตัวต้นเหตุมองหน้าเด็กหนุ่มและพี่ชายสลับกัน รู้สึกเหตุการณ์คุ้นๆ ยังไงชอบกล
"กูไม่ได้พูดกับมึง" พี่เสือตอบ ดวงตาดุวาวโรจน์ น้องเล็กตกใจ เพราะถึงแม้พี่เสือจะพูดกูมึงกับเพื่อนๆ แต่ไม่เคยขึ้นคำหยาบกับคนอาวุโสกว่า กระต่ายน้อยเลยท้วงเบาๆ
"พี่เสือ พูดไม่เพราะเลย"
พี่พีเลยได้ทีขี่กระต่ายไล่ "นั่นสิครับเสือ เป็นเด็กต้องพูดเพราะๆ นะครับ" เน้นพิเศษตรงคำว่าเด็ก
พี่เสือหันขวับ ใบหน้าถมึงทึงจนน้องกระต่ายได้กลิ่นทะเลาะวิวาทลางๆ แล้ว
แต่แล้ว
"เอ้า ตี๋ โครงก่าย!" คนงานชาวพม่าหิ้วโครงไก่มาให้พี่เสือเป็นระฆังขอนอกเวลา เล่นเอากระต่ายถอนหายใจเบาๆ
พี่เสือคำรามแล้วจ่ายเงิน หิ้วโครงไก่มาถือด้วยมือข้างเดียว คว้ามือน้อยให้ไปทางอื่นก่อนจะเปิดศึก
"พี่จ๋า หนูช่วยถือ" กระต่ายทำท่าจะถือหูหิ้วอีกข้างหนึ่ง แต่มือหนายั้งไว้
"มันหนักนะต่าย เดี๋ยวหูหิ้วบาดมือด้วย"
พี่พีหูผึ่งรอฟังบทสนทนาสองพี่น้องต่อไป
เสียงหวานๆ เงียบไปสักพักก่อนจะดังขึ้นอย่างชื่นชมว่า "พี่เสือแข็งแรงจังเลยจ้ะ"
ประโยคนี้เล่นเอาพี่พีเกือบสะดุดกะละมังใส่หนังหมูข้างๆ ใบหน้าหวานแอร่มของน้องเล็กสดใสยิ่งกว่าแสงแดดยามเช้า ริมฝีปากอิ่มจิ้มลิ้มยักแย้มน่ารักแบบที่ไม่มีให้ใครนอกจากพี่เสือ ดวงตากลมโตสีดำขลับส่องประกายแวววาว เล่นเอาคนมองตั้งแต่พี่เสือ พี่พี พี่สาวคนงานชาวพม่า ป้าขายผักสดแผงข้างๆ หัวใจเกือบหยุดเต้น
"น่ารักที่สุดเลย" พี่เสือพึมพำ ก่อนจะขมวดคิ้ว สำนึกได้ว่านี่ตลาดสดไม่ใช่ที่บ้าน อารมณ์หึงหวงพลุ้งพล่าน
รอยยิ้มน่ารักของน้องเล็กเป็นของพี่เสือ ยิ้มให้พี่เสือ คนอื่นห้ามมอง!
ร่างใหญ่ของพี่ชายรีบเลื่อนมาบังร่างกระจิดริดแล้วคว้าข้อมือบางให้ไปอีกแผงหนึ่งรวดเร็ว ถ้าหากไม่ติดว่าอยู่ในตลาด ทุกคนที่เห็นเชื่อว่าพี่เสือคงรีบอุ้มน้องไปแล้วเป็นแน่แท้
หลังจากนั้น สองศรีพี่น้องก็จัดการซื้อหมูสามชั้น เนื้อหมู ผักสด ของทะเลอีกจำนวนมาก พี่ซื้อรับหน้าที่ถือของหนักๆ โดยไม่บ่นสักคำ แถมยังไม่มีท่าทางเหนื่อยอีกด้วย น้องกระต่ายแค่หิ้วถุงผักสดสองสามใบ อีกมือหนึ่งถือใบรายการ ท่าทางเช่นนั้นเองทำให้คนทั้งตลาดหัวเราะครื้นเครง แผงไหนที่ปากไวหน่อยก็จะแซวเสียงดัง
"แหม พ่อคู๊ณณ ตัวแค่นี้ช่วยเมียจ่ายตลาดแล้ว"
พี่เสือยิ้มแป้นเสมือนว่าได้รับคำชม ส่วนน้องกระต่ายกลับก้มหน้างุดๆ ไม่ยอมพูดจา
____
คำตาม
มาแล้วค่า มาแบบเบาๆ หวานๆ หลังเสียเลือดเสียเนื้อไปกับภาคพิเศษกัน 5555 >///<
แจ้งข่าวค่า Mr. Summer time ON AIR แล้วนะค้า นิยายสั้นๆ ว่าด้วยปรัชญาการยึดติด ชีวิต ความตายค่ะ ไปงง ไปมึน ไปเมนต์ ไปตีความกันได้นะคะ <3
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38010.0