9. พี่เสือ น้องกระต่ายกับงานปาร์ตี้
วันเกิดของสองฝาแฝดเป็นวันพฤหัสบดี คุณแม่เลยเลื่อนไปเป็นวันเสาร์ กระต่ายน้อยตั้งอกตั้งใจช่วยคุณแม่ทำของว่างเป็นอย่างดี พอคืนวันศุกร์ คุณย่า คุณยายก็จูงมือกันมาจากบ้านสวน มีคุณป้าเพ็ญ - พี่สาวคุณพ่อขับรถมาส่ง
"โตเป็นหนุ่มหล่อ...." คุณป้าเพ็ญผู้อยู่บ้านสวนตั้งแต่ฝาแฝดเกิดทัก เมื่อเด็กสองคนยกมือไหว้เรียบร้อย
"กันนะ" คุณป้าชะงักไปเกือบนาทีตอนเห็นกระต่าย
เอ... จำได้ว่าตอนเด็กๆ ไม่สวยขนาดนี้นี่นา
นี่ถ้าไม่ใช่ว่าคุณป้าเพ็ญเลี้ยงกระต่ายน้อยมาแต่อ้อนแต่ออกคงจะจำเจ้าตัวน้อยไม่ได้เป็นแน่แท้
"น้องหน่อย ลงมาเล่นกับน้องสิลูก" คุณป้าเรียกพี่หน่อย ผู้เคยเล่าเรื่องผีหลอกแฝดน้องมาแล้ว
เด็กหญิงอายุสิบสี่กระโดดลงจากรถ ทรงผมติ่งหูตัดเรียบร้อย ยิ้้มเผล่ ตรงหัวเข่ามีรอยถลอก
"นี่ไปแข่งกับไอ้จุกแถวบ้านจนจักรยานล้มเป็นแผลน่ะ" คุณป้าบอกคุณจามจุรีพลางส่ายศีรษะ
"พี่ฝากคุณแม่กับคุณยายด้วยนะจุ๋ม" คุณป้าวางกระเป๋าของพี่หน่อยแล้วยกมือไหว้คุณย่า คุณยาย
"เพ็ญติดตรวจข้อสอบเด็ก ต้องไปก่อนนะคะ" ป้าเพ็ญยิ้มแล้วไปตบหลังน้องชายดังปั้ก เล่นเอาคุณฉัตรชัยยกมือไหว้ไม่ทัน
ป้าเพ็ญไปแล้ว คุณแม่จัดห้องนอนให้คุณย่า คุณยายนอนห้องนอนแขก พี่หน่อยนอนกับฝาแฝด
"จำพี่ได้ป่ะ ?" พี่หน่อยหน้าตาทะเล้นถาม
กระต่ายน้อยถอยหลังกรูด จำได้ว่าตอนอยู่บ้านสวน พี่สาวคนนี้เป็นหัวโจก ทะโมน ซุกซนที่สุดในหมู่บ้าน
"ได้จ้ะ"
เด็กหญิงยิ้มกริ่ม แล้วเอื้อมมือไปแอบหยิกแก้มนวลๆ ป่องๆ ของกระต่าย
"อั๊ยย่ะ! นิ่มชะมัด!"
"พี่หน่อย!" พี่เสือตวาด คว้าข้อมือพี่สาวออกทันใด ปราดเข้ามาแทรกตรงกลาง
"อะไรว้า จับก็ไม่ได้ เซ็งๆๆๆๆ" พี่สาวบ่น แต่เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
คุณแม่จัดให้พี่หน่อยนอนเตียง สองพี่น้องปูผ้านอนด้านล่าง ยังไม่ทันจะอะไร เสียงเอะอะก็ดังขึ้น
"พี่เสือออออออ!!!" กระต่ายร้องเสียงดังจากห้องน้ำ เล่นเอาผู้ใหญ่สะดุ้ง
"มีอะไร ?" องครักษ์ประจำตัวถลาเข้ามา เปิดประตูเลื่อนดังปัง ก็พบกระต่ายน้อยเปลือยกายอยู่มุมหนึ่ง
"พี่จ๋า! กะ....กบ!"
พี่เสือคว้ารองเท้าสลิปเปอร์เตรียมตัวจะฟาดฟันกับเจ้าตัวเขียวลื่นๆ ที่อยู่ตรงชักโครก แต่เสียงดังขัดจากด้านนอก
"อย่าฆ่าบิลลี่นะ!"
"พี่หน่อย!"
"พี่เอาบิลลี่มาเลี้ยง"
"บิลลี่ ?" พี่เสือทวนถาม ขยับสลิปเปอร์ไปมา ดวงตาคมดุหรี่ลงอย่างเอาเรื่อง
"พี่หน่อยหาเรื่องแกล้งต่ายน้อย ?"
พี่หน่อยทำปากจู๋แล้วแลบลิ้น "แม่นแหล่ว ก็น่าแกล้งจะตาย" พี่หน่อยไม่สนใจพี่เสือที่ตั้งท่าจะขย้ำ เธอเดินไปช้อนเจ้าบิลลี่ผู้โชคร้ายแล้วโยนออกไปนอกหน้าต่าง
"อ่ะ ไม่เห็นต้องฆ่ากันเลยนี่นา" พี่หน่อยถอนหายใจ
"ตอนเด็กๆ ก็เห็นดีๆ หรอก ทำไมโตมาเป็นคนโหดร้ายแบบนี้นะ" พี่หน่อยดุ แล้วขยี้ศีรษะพี่เสือ
พี่เสือชะงัก เพราะไม่ค่อยมีใครเล่นศีรษะตนนัก ก่อนจะคำรามก้อง
"พี่หน่อย! มือข้างนั้นจับกบมา!"
สถานการณ์คืนนั้นจบลงด้วยเสียงหัวเราะลั่นของเด็กสาว
วันถัดมา คุณพ่อมักเรียกวันเกิดปีนั้นว่าวันวินาศสันตะโรและคุณแม่มักฮาแตกทุกครั้งที่พูดถึง
หลังใส่บาตรวันเกิดเรียบร้อย ครูเบิ้มก็ขับรถมาหาสองพี่น้องตั้งแต่เช้า หนูจิ๊บ หรือตอนนี้เป็นพี่หนูจิ๊บ เด็กสาวชั้นมอสามเดินตัวปลิวเข้าบ้านพร้อมกับคุณแม่ ปล่อยคุณพ่อร่างหมีปลุกปล้ำกับบรรดาอาหาร ของว่างที่นำมาเสริม
คุณฉัตรชัยเห็นระบบการปกครอง ภรรยาธิปไตย ของเพื่อนแล้วส่ายศีรษะ รีบเข้าไปช่วยเพื่อนหิ้วของเข้าบ้าน
แค่คุณป้านก แม่ของพี่หนูจิ๊บเห็นน้องกระต่ายเท่านั้นแหละ เธอก็กรี๊ดเสียงหลง
คุณป้านกเป็นแอร์โฮสเตส เลยไม่ค่อยอยู่บ้าน เวลาเจอกระต่ายเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ
ตัวกระต่ายเองก็เถอะ เจ้าตัวชอบป้านกเหมือนกัน เพราะป้านกเป็นคนสวย แต่งตัวสวย แล้วยังชอบมีของฝากแปลกๆ จากต่างประเทศมาฝากตลอด เจ้าเสือน้อยที่พี่เสือทิ้งไปก็มาจากป้านกนี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้น... เจ้าตัวมักหลบหลังพี่เสือทุกครั้งที่ป้านกมา เพราะ...
"กรี๊ด!" ป้านกกรีดร้องคับห้องนั่งเล่น พี่หนูจิ๊บคุ้นเคยกับอาการวี๊ดว๊ายของแม่ดีเลยแค่เอามืออุดหู อีกมือจิ้มลูกชิ้นทอดของโปรดเข้าปาก
"น้องกระต่ายน่าร๊ากกกกกกกกกกก" คุณป้าจก... หยิบเอวบางออกจากหลังพี่เสือง่ายดาย
"มาดูซิลูก ไหนๆ หนูจิ๊บ เอาเสื้อผ้ามาซิลูก! อ๊ายยย" สั่งเสียงแหลม มือเรียวสวยหมุนร่างเล็กไปมาจนเจ้าตัวเล็กมึน
"หา ?" พี่หนูจิ๊บชะงัก "อะไรนะแม่ ? ชุดที่แม่เอามา ?"
"เออ!"
"หา ? หนูนึกว่าซื้อมาให้หนู!" พี่หนูจิ๊บร้อง พี่เสือชักเดาอะไรได้ลางๆ
"สวัสดีครับ ป้านก" พี่เสือไม่ยินดียินร้ายกับป้านกนัก แต่ก็ยกมือไหว้สวยงาม เพราะถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็....
"ชุดกระโปรงน่ารักๆ ทั้งนั้น ป้าซื้อมาให้กระต่ายจ้า!"
นั่นไง! พี่เสือหัวเราะลั่นในใจ
พี่เสือรักหนูกระต่ายตอนเปลือย... ตอนใส่กางเกงขาสั้น... ตอนใส่ชุดนักเรียน...
และชอบหนูกระต่ายตอนใส่ชุดเด็กผู้หญิงมากด้วย!
คุณแม่ง่วนอยู่ในครัว กว่าจะออกมาดูผลงานของคุณป้านกก็สิบโมงกว่าแล้ว คุณพ่อกับครูเบิ้มทำหน้าพะอืดพะอม ส่วนคุณป้านก คุณยาย คุณย่า พี่หนูจิ๊บ พี่หน่อยสองคนหลังไม่รู้สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่กำลังคึกสุดชีวิต
พี่เสือแค่หน้านิ่งๆ แต่ในมือมีกล้องแคนนอนราคาแพงของคุณพ่อ เจ้าตัวถ่ายทุกช็อตของน้องชายแบบถวายชีวิต
"หนูต่าย!" คุณแม่ร้อง พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับลูกชายคนเล็ก
กระต่ายน้อยในชุดเดรสหวานแหวว ใบหน้าเล็กเท่างบอ้อยถูกป้านกแต่งเสียจนดู... เป็นสาว ป้านกรอบคอบหยิบวิกสีน้ำตาลมาด้วย ตอนนี้เจ้าตัวเอวบาง อรชรเลยน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด
"อร๊ายย หนูจะเอากลับบ้านอ่ะคุณย่า!" พี่หน่อยตะโกน พี่หนูจิ๊บไม่ยอมแพ้
"คุณแม๊! คลอดน้องแบบนี้ให้หนูซักคน!"
"เสือ ชัตเตอร์ลูก ชัตเตอร์รัวๆ" คุณยายบงการจากด้านหลัง พี่เสือไม่ตอบคำคุณยาย แต่แสงแฟลชวูบวาบไม่ขาดสายก็แทนคำตอบได้อย่างดี
"ยิ้มสิลูก ยิ้ม!" ป้านกสั่งราวกับโมเดลลิ่งล่อลวงเด็ก กระต่ายน้อยหน้าเหยเก เพราะจู่ๆ ก็โดนจับถอดเสื้อผ้า ยัดชุดกระโปรงที่เจ้าตัวไม่ชอบให้ใส่ หนำซ้ำป้านกยังไวว่องสมเป็นแอร์โฮสเตสมือฉมัง ปาดรองพื้นบนใบหน้าเนียนใส ตบแป้งชาแนลว่องไว คอนทัวร์ บรอนเซอร์ ไล้ดั้ง กรีดอายไลเนอร์ ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า ปาดลิปสติกสีชมพูใสบนริมฝีปากจิ้มลิ้ม ตบท้ายด้วยลิปกลอสแวววาว ยิ่งดูหวานฉ่ำ ทุกอย่างป้านกทำรวดเร็วจนเจ้าตัวมองไม่ทัน สุดท้ายพี่หนูจิ๊บกับพี่หน่อย... ที่แค่มองหน้ากันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ไฮไฟว์กันเงียบๆ พี่หน่อยคว้าศีรษะน้อยที่หันไปมาอย่างมึนงงให้ตั้งตรง พี่หนูจิ๊บคว้าวิกผมสีน้ำตาลดัดลอนปลายอ่อนๆ ใส่ให้กระต่ายน้อยฉับไวไม่แพ้แม่
สุดท้าย...
กระต่ายน้อยหน้าตางงๆ ในชุดเดรสสีหวาน กับใบหน้าหวานเหมือนตุ๊กตาก็สำเร็จ
คุณแม่หันไปมองคุณพ่อกับครูเบิ้มด้วยสายตาคำถาม คุณพ่อเล่าให้ฟังคร่าวๆ แล้วยักไหล่ คุณแม่หัวเราะก๊ากตามมา
"เออ สวยดีแฮะพี่นก" คุณแม่ชม ป้านกยิ้มชอบใจ
"เห็นไหม! มีลูกสวยมีชัยไปกว่าครึ่ง" ป้านกตอบ แต่คุณแม่ยิ้มกริ่ม
"พี่นก หนูต่ายเป็นเด็กผู้ชายนะ"
ป้านกหุบยิ้มไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะร่า "ไว้อายุ 18 ป้านกจะพาหนูต่ายไปแปลงเพศเองลูก!"
คุณแม่ถึงกับมือไม้อ่อน คุณพ่อที่ได้ยินถึงกับกระดกเบียร์อึกใหญ่ ครูเบิ้มได้แต่ส่งสายตาขอโทษให้ทั้งคู่
งานปาร์ตี้ดำเนินไปคล้ายกับงานเดบูตองของกระต่ายน้อยชอบกล ป้านกสั่งให้สองสมุน พี่หน่อยกับพี่หนูจิ๊บข่มขืน เอ๊ย ข่มขู่หนูน้อยให้เปลี่ยนชุดแล้วชุดเล่า เจ้าตัวเล็กได้แต่มองพี่ชายฝาแฝดตาละห้อย แต่เที่ยวนี้องครักษ์ส่วนตัวกลับแปรพักตร์หน้าตาเฉย เจ้าตัวยืนอีกฝั่ง มือถือกล้องตัวโต ถ่ายกระต่ายน้อยไม่ว่างเว้น
คุณยายคุณย่าก็แสนจะพึ่งไม่ได้ ทั้งคู่นั่งจิบชา คุยเรื่องเครื่องสำอางกันสนุกสนาน บางทีจะมีชำเลืองมาหาหลานคนเล็กแล้วหัวเราะกันคิกคัก
คล้ายดั่งนรกสาป เมื่อตอนบ่ายสอง เสียงออดก็ดังขึ้น คุณแม่ไปเปิดรับ... เป็นบุรุษไปรษณีย์
"เอ๊ะ ?" คุณแม่อุทานเบาๆ พลางหอบกล่องโตมาด้วย
"อะไรเหรอ ?" คุณพ่อช่วยยกและวางกล่องบนโต๊ะกลางห้อง
"อ้าว! จากเมย์!" คุณแม่อ่านชื่อผู้ส่งแล้วอุทานอย่างดีใจ
ป้าเมย์เป็นเพื่อนรักคุณแม่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ที่สาธารณรัฐคองโกอันเป็นที่ตั้งของสำนักงาน WHO สาขาแอฟริกา (World Health Organization : องค์กรอนามัยโลก) เด็กๆ ไม่เคยเห็นป้าเมย์ เพราะป้าเมย์นั้นพอเรียนจบ ก็ทำงานกับ WHO เลย งานป้าเมย์ยุ่งมาก ไม่เคยมางานแต่งคุณพ่อคุณแม่ หรือพอคุณแม่เกิดฝาแฝด ป้าเมย์แค่ส่งรูปถ่ายมาทางอีเมล์มาหนึ่งรูป
เป็นรูปยอดเขาคีลิมันจาโรที่โผล่กระจึ๋งเดียว ป้าเมย์บอกว่า ถ่ายตอนอยู่บนเครื่องตอนบินไปไนโรบี ประเทศเคนยา
'ขอให้หลานรักส์เป็นดั่งยอดเขาคีลิมันจาโรที่เปรียบเสมือนดั่งบัวพ้นน้ำ'
คุณแม่ปลาบปลื้ม คุณพ่อบอกว่า ป้าเมย์แค่แถไปงั้น
ส่วนของคราวนี้... คงจะเป็นของขวัญวันเกิดเด็กแฝด
"เปิดสิลูก" คุณแม่อนุญาต พี่เสือกับน้องต่ายเลยเปิดกล่องใบใหญ่
ความเงียบปกคลุมบ้านแก้วกิจการทันใด... แม้กระทั่งป้านกยังไม่กล้าส่งเสียงดัง....
...น้องกระต่ายหน้าซีดเผือก
คุณพ่อมือสั่นระริก หยิบการ์ดอวยพรออกจากกล่อง อ่านออกเสียงเสียงดัง
"ถึงหลานๆ ส์ ที่รัก มีเอสทุกครั้งนะจ๊ะเมื่อเป็นพหูพจน์ ป้าส่งของขวัญวันเกิดมาให้ เป็นกิโมโนที่ใส่ในเทศกาล 357 จริงๆ แล้วป้าต้องให้ตอนหนูๆ อายุเจ็ดขวบ แต่ลืม! ป้าเลยส่งมาให้ใหม่ ขอให้มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ" คุณพ่อยื่นการ์ดต่อให้คุณแม่
"ปล. ป้าทำงานอยู่คองโก ชุดกิโมโนนี้ป้าสั่งทางอินเตอร์เน็ต..."
ป้านกทำสีหน้าพิลึก ก่อนจะมองหน้าคุณแม่เชิงขออนุญาต
คุณแม่พยักหน้า
ป้านกหยิบกิโมโนในกล่องออกมา...
ผ้าสีชมพูพลิ้วสวย... ปักลายดอกไม้ นกและก้อนเมฆงดงาม
ริมฝีปากป้านกสั่นระริก ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะก๊ากลั่น พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ
"ก๊ากกก... นี่ของหนูกระต่ายจริงๆ!"
"ส่วนนี่... นี่" คุณแม่ยังหัวเราะไปด้วย หยิบอีกชุดออกมาจากกล่อง เป็นกิโมโนของเด็กผู้ชาย สีดำ "ของเสือ"
เจ้าของวันเกิดตัวเล็กหน้าแดงจัด ปากอิ่มเบะลงได้องศาอันคุ้นเคยแบบที่พี่เสือต้องรีบปราดเข้าไปกอดเอว
"มะ... ไม่ตลกนะ... หนู... หนูไม่ใช่เด็กผู้หญิง หนู... หนู... ไม่อยากใส่กระโปรง!" สิ้นคำ เสียงหัวเราะยังไม่ทันจางหายดี น้องกระต่ายน้อย นางแบบตลอดงานก็ปล่อยโฮใหญ่ น้ำตาเม็ดโตกลิ้งออกจากดวงตาคู่สวยไม่หยุด พี่เสือรีบวางกล้อง... อย่างทะนุถนอมไม่แพ้ตอนกอดน้อง
"โอ๋ๆ หนูต่ายน่ารักนะครับ" พี่เสือรีบปลอบ ป้านกก็ยิ้มค้าง งานชักกร่อย
เป็นครั้งแรกที่พี่ชายปลอบแล้วไม่ได้ผล น้องกระต่ายร้องไห้ลืมตาย มือเล็กผลักไสอกพี่แล้วนั่งเผละลงบนพื้นห้อง
"หนูม่ายน่าร้ากก" เสียงหวานยังเถียง แม้จะสะอึกสะอื้นก็ตาม
"โอ๋ๆ ไม่น่ารักครับๆ" พี่เสือว่าง่าย จูบแก้มเนียนปลอบประโลม น้องกระต่ายเบี่ยงหน้าหนีจนพี่เสือชักใจเสีย น้องน้อยไม่เคยหลบจุมพิตพี่ชายสักครั้ง
"ม่ายอาวพี่เสือแล้วววว" เจ้าตัวเป่าปี่ ป้านกเลยปรี่เข้ามารับผิดชอบ
"งั้นมาหาป้านกมะ! ป้าจะให้ตุ๊กตา" กระต่ายไม่ทันฟังป้านก เจ้าตัววิ่งขึ้นห้อง ล็อกประตูแล้วปล่อยโฮเสียงลั่นบ้านอีกรอบ
กว่าจะขอโทษขอโพยกันเสร็จ ป้านกกับพี่หนูจิ๊บก็หน้าเสียกลับบ้าน ป้านกฝากเค้กไอศกรีมก้อนใหญ่ไว้ให้ โมเดลกันดั้มหนึ่งตัว กับตัวต่อเลโก้กล่องใหญ่อีกหนึ่งชุด พี่หนูจิ๊บรีบถองแม่เมื่อคุณป้ากำลังจะวางตุ๊กตาบาร์บี้ราคาแพงให้อีกตัว
"เอ่อ! ไม่ใช่! อันนี้ให้หนูจิ๊บ เนาะ!?" คุณป้าหัวเราะแหยๆ แล้วหันไปหาลูกสาว
พี่หนูจิ๊บพยักหน้าอย่างแรง "ใช่ๆ"
คุณพ่อส่ายศีรษะอย่างปวดหัว "ขอบคุณมากนะพี่นก"
ป้านกหัวเราะเสียงแห้ง ก่อนขอตัวกลับ
คุณย่าคุณยายหัวเราะจนปวดท้อง ไม่มีทีท่าจะขอโทษหลานรักสักนิด
"ก็แต่งอยู่แล้วนี่" คุณย่าพูดหน้าตาเฉย
"ตอนอยู่บ้านสวน" คุณยายต่อ
"แล้วก็ร้องไห้ทุกที" พี่หน่อยเสริม
ป้าเพ็ญที่มารับสามสหายกลับถึงกับกุมขมับ รีบขอโทษน้องชายเป็นการใหญ่ คุณฉัตรชัยไม่โกรธ... เพียงแค่เหนื่อยใจกับบรรดาคนรอบข้าง
พี่เสือนั่งจุมป๊อกรับโทษแต่โดยดีอยู่หน้าห้อง คุณแม่แอบหัวเราะไม่ได้
ก็ท่าทางเหมือนสามีโดนภรรยาโกรธไม่ให้เข้าห้องอย่างไรอย่างนั้น!
ท่าทางเสือน้อยจอมกร่าง หัวโจกเด็กประถมกลับนั่งจ๋อง นั่งมองประตูห้องตาแป๋วทำให้คุณแม่เอ็นดูนัก ท่าทางแบบนี้แม้กระทั่งคุณแม่ยังไม่เคยเห็น
คุณแม่เลยช่วยเคาะประตูห้องให้
"กระต่าย เปิดหน่อยนะลูก"
พี่เสือเงยหน้ามองคุณแม่ด้วยสายตาอ้อนวอน คุณแม่อดไม่ได้จะลูบศีรษะลูกชายคนโต
"เปิดหน่อยคร้าบ... คนเก่ง ล้างเครื่องสำอางเร้ว... แม่จะล้างให้"
เจ้าตัวน้อยที่อยู่อีกฟากหน้าตาเลอะเทอะด้วยน้ำตา เครื่องสำอางของป้านกคุณภาพดีเกินไป ไม่เป็นคราบสักนิด เด็กๆ ไม่รู้ว่าป้านกบรรยายสรรพคุณว่า
'วอเธ่อะว์ พรู๊ฟฟ์!! กันน้ำ กันลม กันแดด กันฝน กันผี เอ๊ย! นี่ขนาดตกตึกเวิร์ดเทรดลงมา หน้ายังเป๊ะอ่ะ!'
กระต่ายน้อยลังเล รู้สึกเหนอะหนะจนอยากล้างออก เมื่อครู่แอบใช้น้ำล้างแล้วแต่ก็ยังไม่ออก
แล้วที่สำคัญที่สุด... เจ้าตัวน้อยชักคิดถึงพี่เสือเสียแล้ว
ห่างกันไม่ถึงสองชั่วโมง แต่สำหรับกระต่ายน้อยช่างนานแสนนาน สำหรับเด็กอ่อนไหวอย่างน้องเล็ก การที่โดนจับแต่งตัวยังพอทนได้ เพราะน้องชอบเห็นคนที่รักมีความสุข กระต่ายน้อยรักทุกๆ คน รักคุณพ่อคุณแม่ ครูเบิ้ม พี่หนูจิ๊บ พี่หน่อย คุณย่าคุณยาย ป้านกและที่สำคัญ... พี่เสือ ถึงพี่เสือจะไม่ยิ้ม แต่ใบหน้ามีความสุขของพี่ชายตัวเอง มีหรือที่คนตัวเล็กจะไม่รู้
แต่พอทุกคนหัวเราะ... หนูน้อยรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง เหมือนตัวเองเป็นตัวตลก... คนสำคัญที่สุดอย่างพี่เสือยังยิ้มๆ เลย...
ขนาดพี่เสือยังไม่อยู่ข้างหนู....
คิดได้แล้วน้ำตาก็พาลจะไหลอีกรอบ รู้สึกร้อนผ่าวตรงกระบอกตา หัวก็ปวดตุบๆ ด้วย
ฮือ.... ตอนนี้อยากให้พี่เสือกอด อยากให้พี่เสือหอมแก้ม ถ้าหากเอาศีรษะแนบกับอกพี่เสือ ต่ายน้อยอาจจะปวดหัวน้อยลง...
เจ้าตัวขาวขี้งอนนอนฟุบอยู่หน้าประตู เอาใบหน้าแนบพื้นกระเบื้อง หูได้ยินบทสนทนาอีกฟาก แล้วตามมาด้วยเสียงกริ๊ก!
กระต่ายน้อยสะดุ้ง
คุณแม่ถือกุญแจเปิดประตูเข้ามา ตามด้วยพี่เสือ
"มาล้างหน้าก่อนลูก" คุณแม่ชูขวดคลีนซิ่งออยล์ให้ดูเหมือนขอสงบศึก ส่วนพี่เสือก็ไม่น้อยหน้า รีบวิ่งมากอดน้องชายแน่น
"ขอโทษนะต่ายน้อย อย่าร้องนะครับ ตาแดงๆ หมดแล้ว" พี่เสือทำไมจะไม่รู้... ว่าทำไมน้องถึงร้องไห้ เจ้าตัวเล็กอ่อนไหวกว่าใครๆ ทั้งนั้น
คนในอ้อมกอดขยุ้มเสื้อตัวใหม่ของพี่เสือแน่น แนบศีรษะกับอกพี่ชาย
เหมือนที่คิดไว้เลย...
ปวดหัวน้อยลงจริงๆ ด้วย
คุณแม่ได้แต่ยิ้มเพลียๆ พยายามแงะฝาแฝดออกจากกัน ก่อนจะเทคลีนซิ่งออยล์ลงบนสำลีแผ่นบาง แล้วค่อยๆ เช็ดใบหน้าเล็กเบาๆ พี่เสือเห็นดังนั้น จึงยื่นมือมา ขอทำหน้าที่แทน
คุณแม่ยิ้มรับ มองภาพลูกชายคนโตเช็ดเครื่องสำอางให้ลูกชายคนเล็กออกอย่างแผ่วเบา ทะนุถนอมราวกับเป็นกระเบื้องเคลือบชั้นดี กระต่ายน้อยก็หลับตาพริ้ม รอรับสัมผัสอ่อนโยนจากพี่ชาย ริมฝีปากสีหวานจิ้มลิ้มเผยอเล็กน้อย ราวกับตุ๊กตาเจ้าหญิงที่รอรับจุมพิตจากเจ้าชาย
เอ๊ะ... คุณแม่ขมวดคิ้ว
ตะหงิดๆ ยังไงชอบกลแฮะ ?
_____
คำตาม
แปะตอบเมนต์ไว้นะคะ ตอนนี้จะเห็นหลากหลายอารมณ์ของสองพี่น้องมากขึ้น ให้เห็นว่าพี่เสือมีอนาคตกลัวเมีย
กร๊ากกก
ตอนนี้กลับมายาวแล้วค่ะ (แต่ก็จะกลับไปสั้นเหมือนเดิม
)
เทศกาล 357 : เป็นเทศกาลของญี่ปุ่นที่จะจัดเมื่อเด็กผู้ชาย/หญิงอายุ 3,5,7 ปีค่ะ โดยทั่วไปเด็กจะแต่งตัวกันสวยๆ แล้วไปไหว้พระขอพร
ความจริงป้าเมย์จะออกโรงด้วย แต่ด้วยที่เราหาข้อมูลไม่ทันเลยอวตารร่างเป็นป้านกแทน
ส่วนตัวเราชอบป้านกที่สุดในเรื่องเลยค่ะ ถ้าถามเราว่าเรานิสัยเหมือนใครมากที่สุด คงเป็นป้านกค่ะ เราเอานิสัยนางมาจากตัวละครในใจดีทีวี "แมนี่" ตัวร้าย ขี้อิจฉา ขี้วีน ขี้เหวี่ยง เอาแต่ใจ เสียงดังกับ "คุณโพลย" ตัวละครสุดไฮโซ พูดไทยคำอังกฤษคำค่ะ
ออริจินัล "คุณโพลย"
http://www.youtube.com/watch?v=VV2YHy-aJbsออริจินัล "คุณแมนี่"
http://www.youtube.com/watch?v=QafPbFpCSoAจริงๆ อยากลงลึกข้อมูลของประเทศคองโกมากกว่านี้ แต่ก่อนที่จะเป็นนิยายรักษ์เพื่อนมนุษย์ สันติภาพ + ไม่มีเวลาหาข้อมูลด้วยเลยตัดมาแค่นี้ แต่ใจจริงอยากแทรกบทป้าเมย์มากกว่านี้ค่ะ
ข้อมูลนิดหน่อยเรื่องประเทศคองโกค่ะ :
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=hotfeet&month=10-2010&date=03&group=3&gblog=11ถ้าหากใครอ่านคำตามนี้อยู่นะคะ อยากถามเล็กน้อยว่า ถ้าเราเขียนเรื่องสั้น... ที่ไม่อบอุ่น ไม่หื่น ไม่ดราม่า เป็นเรื่องธรรมดาๆ ของผู้ชายสองคน แฝงปรัชญาทุกตอนนี่ จะมีคนตามไปอ่านไหมคะ
จริงๆ วางโครงเรื่องไว้แล้วค่ะ รอแต่เก็บข้อมูลให้สมบูรณ์ค่ะ จะเป็นนิยายรัก วาย เราว่าจะเป็นนิยายรักที่อ่านยากนิดค่ะ แต่คงไม่ถึงขั้นกามนิต วาสิฏฐีนะคะ ปรัชญาที่แฝงจะเป็นปรัชญาศาสนา และคำถามเกียวกับจิตวิญญาณค่ะ
แค่เขียนเองยังฟังดูยากเลยอ้ะ
คนอ่านอาจจะต้องมีพื้นฐานทางด้านปรัชญาฮินดูมานิดนึง