56. พี่เสือ กับน้องกระต่ายและทางเลือก
คุณแม่ไม่เข้าใจลูกทั้งสอง
กระต่ายเก็บตัวอยู่ในห้องมาสี่วันแล้ว เสือก็นั่งรอหน้าห้อง ลากทั้งผ้าปู ผ้าห่มและหมอนมานั่งรออย่างอดทน เมื่อกระต่ายไม่เคลื่อนไหว เสือก็ไม่เคลื่อนไหว
ตราบจนวันหนึ่ง คุณแม่ตื่นขึ้นมาและพบกับลูกชายคนโตนอนเกะกะทางเดิน ร่างกายใหญ่โตของลูกชายแทบเต็มพื้นที่ แต่กระนั้นเลย... ยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากในห้องเล็ก
กระต่ายโผล่หน้าออกมาเพียงเอาอาหารเข้าไปในห้องและออกมาวาง แทบไม่มีอะไรพร่อง บ่อยครั้งที่พ่อแม่พบว่าเขายื้อประตูกับพี่ชายที่พยายามเข้าไป
เสือยังไม่รู้จะพูดอะไรกับน้องดี แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้กระต่ายอยู่เพียงลำพังกับความเศร้าแน่ๆ
ร่างกายของกระต่ายเล็กลงกว่าเดิม เสือเห็นผมเผ้ารุงรัง ดวงตาดำคล้ำ กระดูกปูดโปนผอมผ่าย
เสือสะท้านในอก
คุณแม่ยกถาดอาหารให้เสือไปให้น้อง ตัวเองยืนดูอยู่ห่างๆ พี่เสือเคาะประตู นานช้า... กว่าคนในห้องจะออกมาเปิด เสือรีบดันตัวเข้าไป "ต่ายน้อย... กินข้าวเถอะนะ"
กระต่ายครางฮือ ร่างเล็กแทบปลิวลมดันพี่ชายออกไป เสือทดท้อใช้ขาดันประตูไว้ วันนี้ ต่อให้ใช้ต้องใช้กำลังก็ต้องเรียกเจ้าตัวเล็กมาคุยกันล่ะ
"ต่ายน้อย! ให้พี่เข้าไปนะ"
"ออกไป..." เสียงน้องแหบแห้ง ดวงตาแห้งผาก
"ต่ายน้อย! มาคุยกัน!"
"อึก... ออกไป!"
"ต่ายน้อย!" พี่ชายร้องหวือ กระต่ายผลักประตูด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด ก่อนที่ประตูจะปิดลง เสือตะโกนบอกคนตัวน้อย
"ต่ายน้อย! พี่จะสละสิทธิ์! เราจะไปเรียนด้วยกันนะ! กระต่ายอยากเรียนอะไร ที่ไหน พี่เสือจะตามกระต่ายไป!"
คุณแม่ตาโต อ้าปากค้าง ยังไม่ทันจะพูดแย้ง ประตูห้องก็เปิดออก คนตัวเล็กผมฟูยืนประจันหน้ากับมารดาและพี่ชาย
"...พี่เสือ"
"ต่ายน้อย..." เสือโล่งอก ในที่สุดกระต่ายก็ยอมออกมาเสียที แต่แล้วร่างเล็กก็สั่นระริก ริมฝีปากแห้งกรังขบเม้มจนเลือดซึม
"พี่เสือ... คิดว่าหนูเศร้าเพราะเรื่องนั้นเหรอ... หึ..." รอยยิ้มบาง ดูร้าวรานราวกับจะแตกสลายลง ดวงตาคู่โตปิดลง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยเสียงแหบ "พี่เสือนี่... มันน่ารังเกียจจริงๆ!"
แล้วประตูก็ปิดดังปัง!
คุณแม่สะดุ้งตามเสียง แล้วร้องลั่นเมื่อลูกชายคนโตเข่าอ่อนลงกับพื้น
"เสือ... เป็นอะไรไป!"
ลูกชายไม่ตอบ เขาเอามือยันกำแพงไว้ ดวงตาแดงก่ำหันกลับมามองแม่ มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกไว้ "คุณแม่... ต่ายน้อย... เพิ่งบอกว่า... รังเกียจใช่ไหม ?"
คุณแม่กลืนน้ำลาย เจ้าตัวนิ่มที่เคยว่านอนสอนง่าย ตอนนี้ทั้งดื้อรั้นและหดหู่ ริมฝีปากอิ่มที่เคยเจื้อยแจ้วฉอเลาะคนในบ้าน พ่นคำทำร้ายคนที่รักออกมาอย่างง่ายดาย
แล้วเสือเล่า... พี่ชายที่สู้ทะนุถนอม อยู่เคียงข้างมาตลอดจะรู้สึกอย่างไร
"เสือ... ลงไปกับแม่ป่ะ เรามาค่อยๆ คิดกันนะ"
ดวงตาลูกชายว่างเปล่า... ร้าวราน ยังอยู่ในสภาพช็อค
คุณแม่นิ่งเงียบ มองบานประตูที่ปิดสนิท ในใจวางแผนช้าๆ
'ต่ายน้อย! พี่จะสละสิทธิ์! เราจะไปเรียนด้วยกันนะ! กระต่ายอยากเรียนอะไร ที่ไหน พี่เสือจะตามกระต่ายไป!'น่ารังเกียจที่สุด...พี่ชายที่แสนดี เก่งกาจ ไม่ว่าต้องการอะไร ก็คว้ามาได้อย่างง่ายดาย
รอยร้าวเล็กบางเบาที่เคยทอดตัวยาวระหว่างกระต่ายและพี่เสือได้ขยายออก มันขยายกว้างซึมลึกในใจ กระต่ายเกลียดพี่เสือ... แต่ในใจกลับเจ็บแสบไม่แพ้กัน
เกลียดรอยร้าวนั้น... ที่ทำให้กระต่ายล้มลง เหมือนถูกหมัดหนักๆ ของพี่เสือต่อยเข้าเต็มหน้า หลังความมึนงงจากหมัดหนัก ดวงตากระต่ายจึงสว่างขึ้น
เห็นรอยร้าวนั้นชัดเจน
คำรักของพี่ชายฟังดูห่างไกล...
...มีเพียงความจริงที่เน้นย้ำเท่านั้นว่า
กระต่ายไม่เอาไหน ไม่สามารถสู้พี่ชายได้แม้แต่เรื่องเดียว อนาคตก็ไม่มี คงต้องผูกติดกันตลอด ที่ผ่านมา... ทำไมกระต่ายจะไม่รู้ว่าพี่เสือลดตัวเองมาอยู่ระดับเดียวกันกับกระต่าย เด็กโง่ที่เดินตามหลังพี่ชาย เกาะติด ดูดกิน สูบเลือดสูบเนื้อ และอนาคตที่รุ่งโรจน์ไปเรื่อยๆ
เกลียดตัวเองที่อ่อนแอ...
เกลียดตัวเองที่สร้างรอยร้าวขึ้นมา แต่มันกลับหยั่งรากลึกโดยไม่รู้ตัว
กระต่ายคุกเข่าลง ซบใบหน้าลงบนฝ่ามือ
เกลียดหัวใจตัวเอง... ที่รัก... และอยากอยู่ใกล้ จนไม่เจียมตัว เมื่อผิดหวัง กลับโทษรอยร้าว โทษพี่ชาย โทษทุกอย่าง...
...กระต่ายนัยน์ตามืดมัว มองไม่เห็นสิ่งใด...
เหมือนอยู่ในเขาวงกตไร้ซึ่งทางออก เต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ฉุดรั้งทุกอย่าง อยากให้เขากอด จูบ ปลอบประโลม แต่กลับรู้สึกทรมาน ดูถูกตัวเองทุกครั้งที่เขามองตา...
...ขัดแย้งกันเหลือเกิน
ถ้าหากว่า อายุมากกว่านี้และเป็นอิสระกว่านี้ ใจกระต่ายอยากทอดกายลง... ให้เป็นของพี่เสือเพียงคนเดียว อยากให้รัก ทะนุถนอม อยากให้ดูแล จะกักขังกระต่ายไว้ในห้องก็ไม่มีปัญหา กระต่ายจะเป็นเมียที่แสนดี ทำอาหาร ทำความสะอาดและรับใช้พี่เสือทุกอย่าง... ขอเพียงอย่างเดียว ปิดตากระต่ายไว้ อย่าให้ดวงตามองเห็นภาพใครที่ผิดหวังในตัวกระต่าย หรือให้กระต่ายแข่งขันกับใครอีกเลย
...ความคิดนั้นวนเวียนอยู่ในสมอง ยิ่งพาลให้ตัวเองเกลียดตัวเองมากยิ่งขึ้น
อ่อนแอ... ไร้กำลัง...
ความคิดว่ายวนเพียงเท่านั้น... กระต่ายไร้ความสามารถจะหลุดพ้นจากก้อนโคลนแห่งความทรมาน
...
คุณพ่อเสนอให้พังประตูเข้าไปเลย คุณแม่และพี่เสือรีบค้าน ในที่สุด วันหนึ่งพี่เสือก็โทรเรียกหาตัวช่วย
พี่ชายพาเพื่อนขึ้นชั้นบน ปล่อยให้สอางค์เคาะประตู
"ออกไปนะ!" เสียงแหบตะโกนมาจากในห้อง สอางค์จึงร้องบอก
"ต่ายน้อย นี่อางค์นะ"
กระต่ายเงียบเสียงไป ก่อนประตูจะแง้มออกน้อยๆ ใบหน้าเล็กซีดเซียวโผล่มาเพียงเสี้ยว ลูกโป่งเลยรีบผลักประตูเข้าไป ลักซอร์เดินตามเข้าห้อง ก่อนประตูจะปิดลงอีกครั้ง
พี่เสือสูดลมหายใจอย่างข่มอารมณ์ เขาเดินลงชั้นล่าง พยายามระงับความเป็นห่วง
นับจากนี้ไป... อนาคตของกระต่ายขึ้นอยู่กับคำพูดไม่กี่คำของเพื่อนๆ แล้ว... เสือสำนึกได้ว่า... เรื่องบางเรื่องเสือก็ไม่สามารถจัดการให้ได้ ไม่ว่าจะรักเท่าใด... ห่วงหาเพียงใด
แต่หากส่งไปไม่ถึง... ก็ไร้ค่ายิ่งกว่ากรวดทราย
กระต่ายขดตัวอยู่ในอ้อมแขนสอางค์ ดวงตากลมปิดแน่น ลูกโป่งลูบหน้าลูบหลังเบาๆ
"อยากร้องก็ร้องเถอะ" ลักซอร์ถอนหายใจ ยืนดูอยู่ห่างๆ
เปลือกตาบางสั่นระริก ก่อนน้ำตาจะไหลออกมา... สอางค์ปลอบดังโอ๋ โอ๋เหมือนเด็กเล็ก
เมื่ออยู่กับเพื่อน ราวกับว่าความทุกข์จะลดลง ความคิดฟุ้งซ่านที่ลอยฟ่องในหัวค่อยๆ สลายไปเหมือนม่านหมอกต้องแสงอาทิตย์ ลูกโป่งและลักซอร์ช่วยกันเปิดหน้าต่างระบายอากาศ
ลูกโป่งรื้อตู้เสื้อผ้าออกมา กระต่ายกัดริมฝีปาก ซบหน้าลงกับไหล่แล้วปล่อยโฮ
"ชู่ว์ ต่ายน้อย ต่ายน้อย ร้องไห้เลย... ร้องออกมาให้หมด"
ร่างเล็กสะอื้นจนตัวโยน "ฮึก... อางค์ ต่ายเกลียด... ฮึก"
"โอ๋... อย่าเพิ่งพูด ไม่เป็นไรนะ ร้องออกมาเลย"
ราวครึ่งชั่วโมง... กว่ากระต่ายจะระบายน้ำตาออกมาจนหมด เพื่อนนิ่งเงียบ มีเสียงปลอบโยนดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว
"ต่ายน้อย ป่ะ ไปอาบน้ำล้างหน้านะ" ลูกโป่งดึงแขนบาง ยัดห่อผ้าใส่มือ แล้วจูงเด็กน้อยเข้าห้องน้ำ
น้ำร้อนและกลิ่นหอมของสบู่ช่วยให้กระต่ายรู้สึกดีขึ้นมาก เขากลับมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ และพบว่าโต๊ะกลางห้องมีขนมนมเนยและอาหารร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมแตะจมูก
"มากินก่อนเร็ว"
กระต่ายสะอื้นอีกครั้ง โผเข้ากอดเพื่อนๆ ทุกคน ละล่ำละลักบอกขอบคุณ สอางค์เพียงลูบหลังเบาๆ แล้วฉุดให้กระต่ายนั่งลง
อาหารอร่อย ขนมก็อร่อย เค้กครีมสดหอมหวาน ชอกโกแลตเย็นๆ กับนมปั่น พอเริ่มเข้าปากกระต่ายถึงรู้ว่าตัวเองหิวแค่ไหน
หลังมื้ออาหารแล้ว ความคิดของคนตัวเล็กจึงเข้าที่ กระต่ายลูบท้องที่กินทุกอย่างจนอิ่มแล้วเริ่มต้นเล่าช้าๆ
ทั้งความรู้สึกต่างๆ ทั้งความเสียใจ ความเกลียดชัง ความผิดหวังและความรู้สึกต่อพี่เสือ ถึงจะวกวน แต่เพื่อนๆ ก็ช่วยกันฟังเงียบๆ ในที่สุด ลักซอร์จึงยื่นน้ำให้ดื่ม สอางค์ถอนหายใจและบอกว่า
"กระต่ายได้บอกพี่เสือไหม ?"
น้องเล็กส่ายหน้า พึมพำตอบ "ไม่ได้บอกใครเลย... ตั้งแต่วันนั้น... วันนี้เพิ่งได้ร้องไห้"
"โถ..." สอางค์ร้องได้คำเดียว
"ต่ายรู้ไหม มีคนสอบไม่ติดเหมือนกันนะ" ลูกโป่งค่อยๆ ชักจูง กระต่ายเงยหน้าขึ้นมามองตาปริบๆ
"โป่งเหรอ ?"
"เอ่อ... ไม่ใช่ จัมโบ้น่ะ"
"อ๊ะ แล้ว..." ที่ผ่านมากระต่ายมัวแต่นึกถึงตัวเอง ไม่คิดถึงเพื่อนเลย น้องเล็กกัดริมฝีปากน้อยๆ จัมโบ้กับกระเจี๊ยบ... เป็นแฟนกันนี่นา แล้วกระเจี๊ยบต้องไปต่างจังหวัดนี่...
"เลิกกันแล้ว" ลักซอร์ตอบเรียบๆ เพื่อนๆ ถอนหายใจ "พวกมันก็... พยายามยื้อกันอยู่น่ะนะ แต่โบ้มันไม่ฟังใครไง เอาแต่ใจจะให้กระเจี๊ยบสละสิทธิ์"
ลูกโป่งยักไหล่ "ใครจะไปทำ"
มีสิ... สอางค์ส่งสายตาตอบ ลักซอร์เลยพูดต่อ
"ต่ายไม่ใช่คนเดียวที่ผิดหวัง เสียใจนะ โบ้มันยิ่งกว่าสิ โดนแพ๊คคู่เลย"
"แล้ว แล้วตอนนี้..."
"เมาอยู่"
"พวกเราไปเยี่ยมโบ้วันก่อนเนี่ย ทั้งอกหัก ทั้งสอบไม่ติด"
"เห็นว่าจะเข้าเอกชนน่ะ... แล้วจะพยายามง้อเจี๊ยบใหม่"
กระต่ายพยักหน้า "อื้อ ดีจัง..."
"กระต่ายก็เหมือนกันนะ สอบไม่ได้ไม่ใช่จุดจบเสียหน่อย ยังมีอีกตั้งหลายที่นะ" ลูกโป่งปลอบ
ใบหน้าหวานซูบก้มลง ก่อนเอ่ยตะกุกตะกัก "มัน... ไม่ใช่เรื่องนั้นเรื่องเดียวน่ะ"
"ที่ว่าเกลียดตัวเองเพราะสู้เสือไม่ได้น่ะหรือ ?" ลักซอร์ยิงตรงกลางเป้า เธอเชยคางมนขึ้น สบตากลมตรงๆ "แล้วทำไมต้องสู้ ? ทำไมต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ ? ถึงจะเป็นฝาแฝดกันแต่ก็เป็นคนละคน"
"แต่... แต่... รู้ไหมว่าเราฉุดพี่เสือแค่ไหน" พูดแล้วน้ำตารื้นเบ้า สอางค์พยายามสะกิดลักซอร์ให้หยุด แต่เพื่อนสาวกลับชักสีหน้าตอบ
"แล้วยังไง ? ใครมันจะไปฉุดใครได้ เสือมันเลือกของมันเอง ต่ายจะทำอะไรได้ ? ถ้าชีวิตมันฉิบหายเพราะต่าย แล้วไง ? มันเลือกของมันเอง"
กระต่ายอ้าปากค้าง "แต่... แต่..."
"เหมือนต่าย ชีวิตของต่าย เลือกเอา จะนั่งเศร้า เกลียดทุกคนบนโลกแบบนี้ไปเรื่อยๆ โทษคนนั้นคนนี้ หรือจะเดินต่อไป พิสูจน์ว่าตัวเองดีพอที่จะเคียงข้างเสือ ?"
"ใจร้าย" ลูกโป่งพูดเบาๆ สอางค์ถอนหายใจ แต่ลักซอร์ยังไม่หยุด
"ทำสิ่งที่อยากทำ อย่าให้ใครมาหยุดได้ ถ้าหากเสือมันเลือกแบบนั้น ก็ช่างมันปะไร ไม่มีใครมีสิทธิเปลี่ยนใครได้ เลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ อยากได้ ในขณะที่ยังมีสิทธิเลือกเถอะ"
"..." กระต่ายก้มหน้าลง เห็นหยาดน้ำใสหล่นลงบนมือ สอางค์รีบโอ๋อีกครั้ง
"ใจเย็นๆ นะต่ายน้อย"
"มึงนี่น้า... มาทำให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้นนะโว้ย ไม่ใช่ทำให้เลวลง" ลูกโป่งเบ้ปาก
"กูแทงใจดำใช่ไหม ?" ลักซอร์ลุกขึ้นยืน กอดอกมอง "สิ่งที่ต่ายต้องการคืออะไร กลับไปคิดดู แล้วทำมันซะ อย่าเอาคนอื่นมาเป็นตัวแปร ป่ะ อางค์ โป่ง กลับ!"
"หะ หา!" สอางค์ลุกแทบไม่ทัน
ลูกโป่งฟังแล้วนิ่ง ก่อนจะพยักหน้า "จริงของซอมัน ป่ะ กลับ!"
"อ๊ะ" กระต่ายน้ำตาคลอเบ้า ยื้อเพื่อนสาวไว้แน่น
สอางค์จับมือน้อยไว้ "ต่ายน้อย... ถึงซอมันจะใจร้าย แต่มันพูดถูก... บางครั้งที่คนเราต้องการไม่ใช่มือที่ลูบหลังนะ แต่เป็นมือที่ผลักไปข้างหน้า... ต่ายน้อยต้องเจ็บ ถึงจะเดินต่อได้"
สิ้นคำพูด เพื่อนก็จากไปหมดแล้ว ปล่อยกระต่ายอยู่ที่เดิม...
ประตูห้องเปิดทิ้งไว้ พี่เสือเยี่ยมหน้าเข้ามา...
ดวงตากลมชุ่มน้ำสบเข้า กระซิบเบาๆ "พี่เสือ..."
"คนดี..." พี่ชายค่อยๆ เดินเข้ามา เมื่อกระต่ายอ้าแขนออก พี่เสือจึงอุ้มน้องไว้ในวงแขน พรมจูบบนหน้าผากนิ่ม "ตัวเล็ก... สุดที่รักของพี่"
กระต่ายมุดตัวอยู่ในอ้อมแขนอุ่น แล้วเงยหน้าขึ้น ยืดจนสุดตัว อ้าแขนกอดคอพี่ชาย ริมฝีปากอิ่มจึงค่อยวางทาบทับบนริมฝีปากร้อน
...จูบที่กระต่ายเริ่มต้นก่อน เหมือนจะขอโทษและบอกความรู้สึกทั้งหมดในหัวใจ
จูบหวาน... นุ่มนวล กระต่ายค่อยๆ เผยอริมฝีปากออก ให้พี่เสือสอดลิ้นเข้ามาอย่างเต็มใจ และปล่อยให้ดูดดื่มทั้งความคิดถึงและความรัก
จนเมื่อผละออก กระต่ายพนมมือไหว้ กราบลงกลางอก "หนูขอโทษนะครับ..."
หัวใจพี่เสือพองฟู รีบคว้ามือน้อยไว้ พรมจูบทุกนิ้ว "ไม่เป็นครับ... ไม่เป็นไร ไม่ว่าต่ายน้อยจะเป็นยังไง พี่เสือก็รักกระต่าย"
น้องเล็กไม่ตอบ มีเพียงอ้อมแขนที่โผเข้าหา "รัก... รักพี่เสือที่สุดเลย"
พอจบเรื่อง กระต่ายกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่ที่ตัก คุณพ่อดุลูกชายคนเล็กก่อนจะรับขวัญด้วยจูบแรงๆ ตรงแก้ม คุณแม่เองก็น้ำตาซึม ขอร้องไม่ให้กระต่ายทำแบบนี้อีก
"อย่าทำแบบนี้นะลูก... รู้ไหมว่าพ่อแม่เป็นห่วง" กระต่ายฟังแล้วก็ร้องไห้อีกครั้ง โผเข้าหาแม่แล้วเกาะแน่นเป็นลูกลิง
...ไม่มีใครรักกระต่ายได้เท่าคุณพ่อคุณแม่อีกแล้ว...
หลังจากนั้นสองสามวันคุณพ่อมีของเซอร์ไพร์สให้เด็กๆ แบบที่ลูกทั้งสองคนตาค้าง ขยี้ตาแรงๆ ก่อนหันไปหาความช่วยเหลือจากแม่
คุณแม่ยิ้มกริ่ม แต่ไม่ตอบอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่สามี
"คอนโดนี้น่ะ พ่อซื้อไว้ห้องนึง เอาไว้ให้เสือกับต่าย"
คอนโด... กระต่ายกับเสือไม่ใช่เด็กฟุ่มเฟือย แทบไม่เคยขอร้องเอาแต่ใจกับพ่อแม่ขอข้าวของราคาแพง แล้วจู่ๆ คุณพ่อก็ยื่นกุญแจคอนโดที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยพี่เสือนักให้ บอกว่าพ่อซื้อไว้ให้สองพี่น้อง
ของชิ้นโต... ชิ้นแรกๆ ที่ได้รับมูลค่ามหาศาลสำหรับเด็กอายุสิบแปดสองคน
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโอนชื่อกัน ทำหน้าแบบนั้นทำไม ?"
"เอ่อ สำหรับเสือ... เสือว่ามัน... เยอะไป" พี่เสือกระแอม แต่คุณพ่อหัวเราะ
"เสือเอ๊ย... เรายังเด็กเกิน คอนโดตรงนี้น่ะ พ่อซื้อมาได้ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดเพราะหลุดจำนอง... แล้วก็ พ่อกับแม่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรจะให้เราสองคน ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไม่เคยมีขาดทุน ยิ่งทำเลตรงนี้แล้ว ไม่ต้องห่วง พอเรากับน้องโตขึ้น ก็ขายตรงนี้เสีย เอาเงินไปตั้งตัว เข้าใจไหม ?" คุณพ่อสมเป็นคุณพ่อ ขนาดของขวัญมูลค่าสูงยังมีความหมายและมองการณ์ไกล
เสือพยักหน้า กระต่ายน้อยที่หลบหลังพี่ชายพยักหน้าตาม แต่สีหน้าไม่ค่อยเข้าใจนัก
"แล้ว... หนูกับพี่เสือกลับบ้านไม่ได้แล้วเหรอ ?" ลูกคนเล็กถามเสียงอ่อย คุณพ่อตอบยิ้มๆ
"ได้ทุกเมื่อ คอนโดนี่ก็ถือเป็นบ้านพักก็แล้วกัน"
"แต่หนู... แต่หนู... สอบไม่ติด"
"ยังอยากเรียนกับพี่เสืออยู่ไหมล่ะ ?"
เจ้าตัวน้อยพยักหน้า คุณพ่อเลยสรุปให้ "งั้นก็ไม่ยาก หลังจากนี้มีรอบเก็บตกอีก แต่ไม่มีของคณะต่ายน้อย เพราะฉะนั้นคงต้องรอสอบปีหน้า"
"เอ๋..."
"เสียเวลาอีกปีก็ช่างมันเถอะ กระต่ายเตรียมตัวให้ดีๆ ปีหน้าจะได้เข้าเรียน เข้าใจนะครับ ?"
กระต่ายตั้งตัวไม่ทัน ใบหน้าน้อยเงยขึ้นสบพี่ชายและบุพการี
หลังเรื่องราววันนั้นแล้ว กระต่ายนึกว่าจะโดนดุด่าเสียอีก... แต่สิ่งที่กระต่ายเผชิญไม่ใช่ความผิดหวังจากครอบครัว แต่เป็นอ้อมกอดแข็งแรงและของขวัญชิ้นใหญ่ ทั้งๆ ที่กระต่ายเป็นเด็กโง่ ไม่ได้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจอะไรเลยแท้ๆ
ก้อนแข็งๆ บางอย่างจุกอยู่ที่คอ ดวงตาแสบร้อน แล้วคนบ่อน้ำตาตื้นก็ร้องไห้โฮ ผละออกจากพี่ชาย กางแขนให้คุณพ่ออุ้ม
"พ่อจ๋า ฮือออ หนูขอโทษ"
"โอ๋ๆ ร้องไห้ทำไมตัวเล็ก ร้องอีกแล้วนะ เดี๋ยวพ่อตีเลย"
กระต่ายมุดอยู่ในวงแขนกว้าง ซุกใบหน้ากับอกคุณพ่อ ไม่ใช่ดีใจที่ได้รับของขวัญหรือการอภัย แต่เพราะดีใจเหลือเกินที่เป็นที่รัก... ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เอาไหนที่สุด
....
ต่อด้านล่างค่ะ