“กำลังขู่ผมเหรอ ดร. แค่เรื่องเล็กน้อยที่คุณคาบมาบอกลูกน้องผม คิดว่าจะทำให้ผมกลัวอย่างนั้นเหรอ”เขายกยิ้มพูดใส่ผม แต่ถ้าเขาหันไปมองหน้าลูกน้องคนสนิทที่ซื่อสัตย์สักนิด จะเห็นสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด กับคำว่า เล็กน้อย ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวอันเป็นที่รักของมัน อืม กลายเป็นผลพลอยได้
“ผมไม่เคยขู่ใคร ผมแค่หวังดีบอกให้รู้เท่านั้น ในเมื่อมันน่าจะรู้ตั้งแต่เมื่อวาน จาก”ผมยกยิ้มพูดพร้อมกับเดินไปอีกมุม หยุดตรงประโยคท้ายมองหน้าเขาเป็นความนัย เท่านั้นมันหันไปมองหน้านายมันที่นิ่งไปทันที มันคงรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคแต่มันเลือกที่จะรักษาหน้านายมันไว้ก่อน
“ผมไม่ชอบสร้างศัตรูกับใคร ผมอยากอยู่อย่างสงบกับครอบครัว เหมือนคนทั่วไป ถ้าผมรับปากช่วยคุณ ผมก็ไม่มีวันจบสิ้น คุณต้องไม่ปล่อยผมแน่นอนตราบใดที่ผมยังมีประโยชน์อยู่โดยเฉพาะคุณมีจุดประสงค์เดียวกันกับท่านรองฯ”ผมพูดต่อเมื่อเขาไม่พูดอะไร และก็ดูจะแทงใจเขามากกับจุดประสงค์ที่แท้จริงลึกๆ
“แต่ถ้าคุณคิดจะทำร้ายครอบครัวของผม แค่คุณกดโทรสั่งหรือจะใช้วิธีไหนก็แล้วแต่”ผมจ้องหน้าเขาอย่างไม่ลดละหรือแม้แต่จะหลบตา ผมอยากให้จดจำทุกคำพูดที่ผมจะพูดต่อ
“ผมสาบานว่า คุณรวมถึงครอบครัวที่อยู่บนเกาะนอกเขตน่านน้ำจะสิ้นซากไม่ต่างกัน แค่มีน้ำล้อมรอบเดินทางโดยใช้เครื่องบินเจ็ทมี สัญญาณตรวจจับแค่ถูกรบกวนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ไหนจะระบบการเงินที่ซักฟอกจนสะอาดหมดจดจนมันหมุนเวียนในธนาคารโลกตามปกติก็อาจจะเปลี่ยนเป็นเงินเข้ากองกลางเมื่อไหร่ก็ได้นะคุณคิดว่ามันเป็นชีวิตที่มีความสุขจริงๆ เหรอ ไอ้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ไปไหนถึงมีคนคุ้มกันแต่ก็ยังมีแต่ความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาแต่ถ้าคุณคิดมีความสุขก็ตามใจ”ผมไม่ได้พูดขู่เหมือนที่เขากล่าวหา ผมพูดความจริง ถึงตอนนั้นสติใฝ่ดีผมคงไม่เหลือแล้วถ้าคนที่ผมรักเป็นอะไรไป
“คุณรู้เรื่องผมขนาดนี้ ยังคิดว่าจะได้ออกไปอีกเหรอ ดร. ผมควรจะฆ่าคุณเพื่อปิดปากหรือเป็นการแก้แค้นอย่างสาสมที่สู่รู้มากเกินไปดีล่ะ ยังไงคุณก็ไม่ช่วยผมอยู่แล้วนี่”เขาพูดถูกเหมือนที่ผมคิดเอาไว้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้
“ก็แล้วแต่คุณ เพราะยังไงเรื่องคุณทางการก็รู้ดีอยู่แล้ว คุณอย่าคิดว่าทางการพึ่งพาผมเพราะจะเป็นการดูถูกการทำงานของพวกเขามาก เขาทำได้มากกว่าผมด้วยซ้ำ ผมไม่ได้ฉลาดจนไม่มีใครเทียบได้ ก่อนหน้าที่ผมกับคุณจะได้มาเจอกัน คุณคิดว่าพวกเขาติดตามเรื่องคุณมากี่ปี ถึงจับคุณเข้าคุกได้โดยไม่มีผมเกี่ยวข้องด้วย”ผมไม่ได้พูดเอาตัวรอด ทางการมีคนเก่งและเข้าถึงหน่วยกรองได้มากกว่าผมที่เป็นแค่บุคคลธรรมดา เขาดูจะอึ้งไปนิดกับสิ่งที่ผมพูด เรื่องพวกนี้ผมให้เพื่อนสนิทอย่างวิทย์ที่กว้างขวางในวงการสื่อและนักสืบระดับสากลติดตามให้ และผมไม่ได้บอกพวกเจ้าหน้าที่เพราะอย่างที่บอกพวกเขาไม่ได้ทำความผิดโดยตรง คนที่ทำผิดคือผู้นำครอบครัวเขาต่างหาก และสถานการณ์ในตอนนี้คือ จ้องหน้ากัน ผมเหลือบตามองข้างนอก มีเจ้าหน้าที่เดินมา มองก่อนจะส่งเอกสารให้ไอ้ปราชญ์ มันยื่นมาส่งให้นายมันที่รับมาและเปิดดู ไล่อ่านไม่ถึงนาที หันหลังไปหายใจเข้าออกอย่างพยายามระงับสติอารมณ์ คงเกี่ยวกับเอกสารที่ผมไม่รู้ว่ามันมีข้อความอะไรเขาถึงมีอาการแบบนี้
“เชิญ”เขาพูดเชิงไล่โดยไม่หันมามอง ผมเดินออกไปทันที โดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้น คิดแต่ว่าขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาที่นี่อีก ผมเดินจนถึงจุดที่เจ้าหน้าที่คุมอยู่ มีการตรวจก่อนออกเช่นเคย
“นึกว่า ดร. จะไม่ออกมาซะแล้ว”เจ้าหน้าที่พูดด้วยรอยยิ้มเป็นคำถามทั่วไปมากกว่าจะเย้ยหยัน ผมยกยิ้ม
“ผมไม่ชอบการออกแบบอาคารของที่นี่ ก็เลยไม่คิดที่จะอยู่ บอกตามตรง ฮวงจุ้ยไม่ดีสักเท่าไหร่”ผมยกยิ้มตอบกลับเจ้าหน้าที่ ที่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะปล่อยตัวผม
“โชคดีนะครับ ขอให้ ดร.เจอฮวงจุ้ยที่ดีแล้วกัน”เจ้าหน้าที่พูดตามหลังอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณ ผมมีอยู่แล้วครับ”ผมหันไปบอกพร้อมก้มหัวเล็กน้อย ถือโอกาสบอกลาซะเลย เพราะอีกไม่นานผมจะกลับไปอยู่
ฮวงจุ้ยที่ถูกโฉลกกับผมสักที ผมได้ยินเสียงพูดหยอกเชิงแช่งแว่วๆ ว่า
‘กลับไปฮวงซุ้ยหรือเปล่า?’ผมก็ตอบด้วยความมั่นใจฝากไปกับสายลมว่า
‘ไม่’เพราะ
ตามประเพณี
ผมคนไทยพุทธ ตายก็เผาอย่างเดียว!อืม
‘เข้าใจตรงกันนะ’.
.
.
.
“อ๋ออออ เฮียก็เลยต้องอยู่จัดการเรื่องทั้งหมดก่อน อืม เป็นอย่างนี้นี่เอง”คนในอ้อมแขนพยักหน้าอย่างเข้าใจหลังฟังเรื่องทั้งหมดจากปากผม ว่าทำไม? ผมถึงต้องกลับไปที่นั่นอีก ใช่แล้ว หลังจบเรื่องนาย ผม และ พรรคพวกก็ไม่ได้อยู่เป็นสุขนัก ทั้งที่ในนั้นมันก็ไม่ได้มีความสุขหรอก เพียงแต่ก็อยากชดใช้ความผิดอย่างสงบ รอวันที่จะกลับออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ยังกลุ่มคนบางคนที่ไม่สำนึก คิดจะให้พวกเราช่วยในทางที่ผิด ลำพังผมคนเดียวใช่ว่าจะจัดการได้ โชคดีที่ ท่านอธิบดีฯ และเจ้าหน้าระดับสูงให้ความช่วยเหลือทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี อ้อ คุณตำรวจและก็ไอ้บียร์ด้วยที่คอยช่วยเหลืออยู่ข้างนอกอีกแรง ผมก็ตอบแทนทางการตามที่จะช่วยได้ และที่สำคัญ คือ พวกมันที่เป็น เพื่อน ไม่เคยทิ้งกันให้ความร่วมมือทุกอย่าง ไม่เอนเอียงเห็นแก่ได้ เพราะจุดประสงค์เดียวกัน คือ ครอบครัวที่รัก ที่รอเราอยู่ ถ้าจะกลับไปต้องกลับไปอย่างถูกต้อง
“หนูไม่โกรธเฮียนะที่ไม่ได้บอก ทั้งที่เฮียไม่อยากทิ้งหนูสักนิดเดียว”ผมพูดกับคนในอ้อมแขนพร้อมกระชับเข้าหาตัวอย่างแนบแน่น อย่างที่ไม่มีวันจะไปไหนแล้ว นอกจาก ความตาย ที่จะมาพรากเรา
“เฮียทำถูกแล้ว หนูจะโกรธได้ยังไง ถ้าเฮียไม่ทำสิ น่าโกรธกว่าถ้าหนูรู้ มันเหมือนทิ้งเพื่อนให้เผชิญชะตะกรรม โดยที่ตัวเองกลับมามีความสุขคนเดียว ถ้าเป็นหนูนะ ถึงจะไม่เก่งเท่าเฮีย หนูจะก็ทำเหมือนกัน”หนูหันมาพูดกับผมด้วยรอยยิ้มจริงใจ ตาสุกใส ไม่เคยเปลี่ยน จนผมจูบหน้าผากอย่างแสนรัก ในน้ำใจและความห่วงใยที่หนูมีให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเคยทำไม่ดีด้วย หรือ พวกเราเป็นใครในตอนนั้น หนูไม่เคยเอากลับมาพูดถึง ได้คุยกันทีไรก็ถามถึงไอ้พวกนั้นตลอด ไม่เคยละเลย
“ขอบคุณครับที่เข้าใจเฮีย และใครบอกหนูไม่เก่ง หืม?”ผมถามคนน่ารักที่หน้าแนบแก้มผมอยู่ มือโอบรอบคอก่อนจะพูดต่อให้คนน่ารักที่เลิกคิ้วเชิงว่า ‘หนูเก่งตรงไหน’
“หนูเก่งมาก เก่งกว่าใครที่เฮียเคยรู้จัก หนูเก่งตรงนี้”ผมชมพร้อมชี้อกด้านขวาที่มันมีเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะ
“ใจที่อ่อนโยน”
“ใจที่เข้มแข็ง”
“ใจสู้อย่างไม่กลัว”
“ใจที่มีน้ำใจให้กับทุกคน”
“และ”
“ใจ ที่เสียสละ มอบความรักให้ เฮีย”ผมพูดจบก็จูบหนูของเฮีย อย่างที่คิดว่า ชาตินี้จะไม่ได้กลับมาทำแบบนี้อีกแล้ว ใช่ว่าผมไม่กลัว จิตใจด้านอ่อนแอในบางครั้งมันคิดถึงหนู ลูก น้อง เสมอ ว่า ผมจะได้กลับมาหาพวกเขาไหม ผมจะเป็นอะไรไปก่อนหรือเปล่า ผมภาวนาอยู่ทุกวัน ถ้าบุญผมยังมีบ้างขอให้ได้กลับมาหาความรักของผมอีกครั้ง กลับมาไม่ใช่แค่ความสุขอย่างเดียว ผมจะอยู่ข้างพวกเขาทุกสถานการณ์ จะปกป้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด ก่อนจะจากโลกนี้ไป
“เฮียรักหนู รัก”
“หนูรักเฮีย ไม่ว่าจะนานแค่ไหน หนูจะรอเสมอ”
แล้วผมจะไปไหนได้ มีคนน่ารักขนาดนี้ ผมปิดปากที่มีรอยยิ้มสว่างไสวอย่างกลัวจะหัวใจวายไปซะก่อนกับคำแสนหวานที่ผมไม่อยากจะฟังจากใครอีกแล้ว แค่หนูเท่านั้น
“อืม หนู”เสียงครางของผมเรียกหนูชิดปากที่กำลังพัวพันกันอยู่ หนูตอบรับผมทุกอย่าง มือนุ่มลูบท้ายทอย แผ่นหลัง ก่อนจะกลับมาโอบรอบคอผมเข้าไปชิดและไล่ต้อนบดเบียดริมฝีปากผมอย่างโหยหา ทำเอาผมอดเป็นฝ่ายตื่นเต้นกับการกอด จูบอันมีชั้นเชิงของหนูที่มันก้าวไปไกลไม่ได้ ผมไม่ได้คิดว่า ระหว่างที่ผมไม่อยู่
‘ใครมาสอนเมียกูวะ’มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เคนรายงานชีวิตประจำวันของหนูเหมือนเรียลลิตี้ที่ถ่ายทอดออกสื่อ ให้ผมทราบทุกวัน และถึงเคนไม่รายงาน ผมก็เชื่อใจหนูอยู่แล้ว ว่าจะไม่มีวันนอกกายนอกใจผมแน่นอน ผมสัมผัสความรักที่หนูมอบให้ได้ สัมผัสได้ตั้งแต่วันที่เรารู้ตัวว่า รักและเป็นคนคนเดียวกัน รักและตายพร้อมกันได้ผมลูบใบหน้าแสนรักที่หอบนิดๆกับการผายปอด ดวงตาที่มีผมอยู่ในนั้น ริมฝีปากที่เรียกแต่ชื่อผมไม่ว่าจะเวลาไหน อารมณ์ไหน ผมก็ฟังว่าเพราะที่สุด แม้จะมียศข้างหน้าบ้างในบางครั้งก็ยังเพราะ ผมจรดจมูกลงไปช้าๆ ที่ริมฝีปาก ไล่มาซอกคอ จบที่อกด้านขวา
“เฮียจะรักษาดวงใจดวงนี้เอาไว้ ไม่ไปไหนอีกแล้ว พร้อมจะคืนให้เฮียดูแลหรือยัง”ผมพูดโดยไม่สบตาคนที่ฟังอยู่ รู้แค่แขนที่โอบเข้าไปหา และริมฝีปากนิ่มจรดลงบนหัว
“พร้อมตั้งนานแล้ว หนูไม่เคยเอามันคืน ไม่ว่าเฮียจะอยู่ที่นี่หรือที่ไหนก็ตาม”เสียงแผ่วเบาแต่มั่นคงในคำพูดและความรู้สึก ทำให้ผมยิ้มกับอกที่หัวใจมันเต้นเป็นการยืนยันว่า
‘ให้เฮียคนเดียว’“อย่าทิ้งเฮีย อยู่กับเฮีย นะครับ”ผมเงยหน้าสบตา อ้อนวอนคนที่ยกใจให้แล้วทั้งดวง หนูยิ้มก่อนจะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
อ้าว กำลังซึ้ง หนูของเฮียหัวเราะเหมือนกับฟังเรื่องตลก
“เฮียแม่งแป๊บนะเฮีย ครึครึ”หนูขอเวลาขำอีกหน่อย จนพอใจก่อนจะพูดต่อ“ไม่ใช่หนูไม่ซึ้งนะเฮีย แต่ มันอดขำไมได้ว่ะ”
“ขำอะไร หน้าเฮียตลกเหรอ”ผมถามหนูอย่างสงสัย
“หน้าเฮียไม่ตลกหรอก แต่คำพูดเฮียมันดันตลกไปเข้ากับสโลแกน ครึครึ”หนูตอบทันที หน้ายังขำไม่เลิก
“สโลแกนอะไร ประกันชีวิตหรือไง”ผมงับปากหนูอย่างหมั่นเขี้ยว
“สโลแกนเสื้อน่ะสิเฮียหนูไปเจอมา ถ้าเฮียใส่นะมันเข้ากับคำพูดเฮียมากเลย มันเขียนว่า คิกคิก”หนูพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะบอกให้ผมหายสงสัย
“อย่าทิ้งกู กูแก่มากแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ทำเอาผมต้องแสดงสีหน้าให้รู้ว่า
‘เงิบ’แทนการหงายท้องแบบตัวการ์ตูนไลน์
“ครึครึ มันขำอ่ะ ดู ดู พูดปุ๊บ ย่นปั๊บเลย ยัง ยังไม่คลายออกอีก ครึครึ”หนูหัวเราะเอานิ้วคลายคิ้วผมที่ขมวดคลึงนวดไปมา
“แล้วจะทิ้งไหมล่ะ?”ผมถามพร้อมดึงหนูเข้ากอดหน้าแนบอก หนูประคองหน้าไม่ตอบแต่แสดงสัญลักษณ์ว่า
‘OK’
“อะไร โอเคนี่ ทิ้งแน่นอนหรือไม่ทิ้ง?”ผมถามสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ มือบีบสะโพก
“นี่แค่กลางคน ก็เรื่องมากแล้ว”หนูบิดแก้มผม ก่อนจะตะปบมือให้ขึ้นมาวางที่เอวตามเดิม นึกว่าเคลิ้มซะอีก
“อ้าว ก็มันแปลได้สองทางนี่ เฮียต้องการความมั่นใจมากกว่านี้”ผมดันหนูให้มาชิดมากขึ้น จนหน้าห่างกันแค่คืบ
“โอเคของหนูก็คือโอเค และเป็น โอเค ผอ.สอ.วอ. ด้วยจะบอกให้”หนูบอกชัดถ้อยชัด ผมเกือบจะดีใจแล้วที่หนูตกลง แต่ก็ยังสงสัย
“โอเค ผอ.สอ.วอ. “ผมทวนคำอย่างสงสัย หนูยิ้มก่อนจะบอกว่า
“ก็ OK ผัวสูงวัยไงเฮีย เลี้ยงดูจนสิ้นสุดอายุขัยไม่ขว้างทิ้งก่อนวัยอันควรแน่นอน เข้าใจยัง คร๊าบบบบบ เฮียยยยยยยย”หนูพูดพร้อมบิดหนังหน้าผมที่ส่ายตามมืออย่างสนุกสนาน มันก็ไม่ได้กระพือออกมากหรอกครับ ไม่ต้องคิดตาม
“สรูปเฮียจะเอาไหม ไม่เอา ก็”หนูเลิกคิ้ว
“เอา เฮียเอา” ผมพยักหน้าพูดรับทันที ไม่งั้นอาจจะถูกตอกย้ำและถูกทอดทิ้งก่อนวัยอันควรได้ถ้ายังไม่ OK กับประกันสุดพิเศษชั้นนี้ หนูยิ้มและพูดต่อ
“หนูไม่สัญญา”
ผมพยายามไม่ขมวดคิ้ว แต่เมื่อกี้รับปากแล้วแล้วนี่ ว่า OK อาวุโส แล้ว
“แต่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
คิ้วเลิกขึ้นมานิดใจเริ่มสั่น
“หนูจะอยู่ข้างเฮียตลอดไป หนูรักเฮีย”ผมยิ้มกว้างสุดชีวิต ริ้วรอยจะขึ้นกี่แฉกบนหน้าก็ช่างมันเถอะตอนนี้ แค่ได้ยินหนูพูดแบบนี้ผมก็ไม่มีอะไรต้องให้คิดมากอีกแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว
“เฮียรักหนู จะดูแลไปชั่วชีวิต หนูของเฮีย”เราจ้องหน้ากันและมอบสัมผัสให้กันและกันอย่างเรียกร้อง ก่อนผมจะผละออกและบอกว่า
“เฮียมีอะไรจะสารภาพ”ผมกระซิบบอกหนู ขณะที่สอดมือเข้าไปในเสื้อหนูเป็นการเปิดทางก่อน หนูตะครุบเอาไว้ทันทีเมื่อได้ยินคำว่า สารภาพ มันเหมือนสามีไปทำผิดมาและหลอกล่อภรรยาด้วยการเล้าโลมเพื่อจะได้เคลิ้มตามเรา แต่ไม่สำเร็จเจอดักไว้ก่อน
“ถ้าเฮียจะบอกว่า ระหว่างอยู่ในนั้นเฮียใช้มือ หนูไม่ว่าหรอก แต่ถ้าใช้คนช่วย ก็ ไม่เป็นหร๊ายยยยยยย หนูเข้าใจ หึ”หนูพูดดักคอเสียงสูงพร้อมเสียงหึผ่านลำคอในตอนท้าย ยักไหล่แต่ตาอีกข้างหรี่อย่างจับผิดว่า คิดถูกใช่ไหม ผมจุ๊บปากช่างคิดออกมาเป็นคำพูด
“หึหึ ไม่มีใครน่ารักเท่าหนูสักคน ถึงน่ารักก็ไม่เอา บอกแล้วไงแค่หนูเท่านั้น”ผมเป็นฝ่ายดักคอหนูไว้บ้าง ทำเอาเจ้าตัวอมยิ้มแต่เก็กหน้าไว้ไม่ให้รู้ว่ารู้สึกยังไง แต่ผมรู้สึกดีที่หนูก็หวงผมเหมือนที่ผมหวงหนู ก่อนจะเข้าเรื่องสารภาพ
“หนูจำตอนที่เราหนีไอ้พวกในป่ารอดได้ไหม”ผมย้อนไปตอนเมื่อประสบเหตุด้วยกันในป่า และน่าจะเริ่มเป็นชนวนให้ความสัมพันธ์เราดีขึ้นตามลำดับ
“แล้วหนูก็บนเอาไว้”ผมพูดต่อ หนูพยักหน้าก่อนจะหน้าแดงเมื่อนึกได้ว่าบนอะไร ผมยิ้ม
“คือ ตอนนั้น เฮียแก้ผ้าแต่ไม่ได้วิ่ง”ผมยิ้มเมื่อเห็นหนูหน้าแดงแปร๊ดขึ้นอีก ก่อนจะนึกได้ว่า
“อ๋อ จะบอกว่าเฮียได้แต่ยืนดูหนูแก้ผ้าวิ่นเป็นบนเป็นคนบ้าอยู่คนเดียวใช่ไหม”หนูโวยทุบหลังผมดังอักๆ ผมหัวเราะ ก่อนจะจับมือหนูมาจูบ
“ก็ตอนนั้นเฮียไม่ได้บนด้วยนี่ อุตส่าห์แก้เป็นเพื่อน แล้วเฮียก็ไม่ได้ห้ามหนูดูของเฮียซะที่ไหนล่ะ อยากไม่ดูเอง”ผมล้อคนบนเองอายเอง ทีตอนนั้นไม่แก้โทงๆไม่อาย คงเพราะตอนนั้นหนูไม่ได้คิดอะไรมาก กลัวว่าพูดแล้วไม่ทำจะโดนลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธ์ แต่ผมมองด้วยความใจสั่นเหมือนกันนะ เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้าแต่ไม่เคยเกิดความรู้สึกเหมือนที่เห็นหนูแก้ ตอนนั้นน้องๆเฮียผมชะเง้อไปที่เป้าหมายจนผมตกใจ รีบปรามมันเอาไว้ พลางคิดกลบเกลื่อนเรื่องอื่นไปซะ ไม่งั้นมีได้เสียกันก่อนเกิดเรื่องที่บ้านนายแน่ และถ้าผมห้ามตัวเองไม่ได้และทำลงไปด้วยการฝืนใจ หนูจะให้อภัยและรักผมหรือเปล่านะ
“แล้วเฮียจะรื้อฟื้นทำไมวะ”หนูพูดเสียงหาเรื่อง เอามือตีปากผมทีเผลอ
“เฮียอยากแก้ตัว”ผมยื่นหน้าไปพูดใกล้หนู มือกระดื๊บเข้าไปอีก
“อยากแก้ตัวหรืออยากแก้ผ้ากันแน่ เฮีย”หนูพูดอย่างรู้ทัน ผมยิ้มรับ
“ยังไงก็ได้ขอให้ได้ถอด แต่”ผมโน้มตัวค่อยๆผ่อนหนูลงกับที่นอน แต่ตัวเรายังไม่แยกออกจากกัน
“เปลี่ยนเป็นนอนขยับแทนแล้วกันนะ”หนูหลุบตาลงเป็นการตอบตกลงแทนคำพูด ผมยิ้มก้มหน้าไปจูบปากที่รอรับ มือดึงเสื้อยืดขึ้น คลึงเฟ้นจนคิดว่าจะเริ่มแก้บนก่อนจะตามไปแก้ล่าง
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ช่างเหมือนเสียงแห่งความยินดีกับความรักของเรา ที่ได้กลับมาบรรจบกันสักที หลังจากรอคอยมาแสนนาน
แต่
“เฮ้ย ! กูยังไม่อนุญาตให้พวกมึงผสมพันธุ์กันเลย มึงออกมาจากห้องลูกกูเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เฮีย”มันคือความจริง ที่ความรักถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะสมัยไหน
หรือแม้แต่สมัยนี้
สมัยที่ยอมให้
‘ลูกชายออกเรือนกับสามี’ก็ยังเป็นอุปสรรคชนิดหนึ่ง ที่ลูกเขยต้องสำรวม ประนีประนอม รอมชอม ระงับสติอารมณ์ไม่ลงไม้ลงมือ กับสิ่งที่เรียกว่า
‘พ่อตา’แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า
‘แม่ยาย’ที่สร้างมาคู่กับ พ่อตา ที่มักจะช่วยเหลือให้ลูกตัวเองและลูกเขยได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งผมมั่นใจว่า ถ้า ‘แม่ยาย’ ผมยังอยู่ต้องช่วยแน่นอน ถึงที่ผ่านมาจากประสบการณ์ที่เคยมี พ่อตาแม่ยาย โดยไม่ตั้งใจและพวกเขาไม่เคยช่วยลูกเขยอย่างผมเลย มีแต่ซ้ำเติมและเรียกร้อง ผมก็มั่นใจว่า แม่ยาย ผมที่จากไปแล้วคนนี้ ช่วยเหลือผมแน่นอนเพราะฉะนั้น สาธุ คุณแม่ยาย
“เฮีย! พ่อมา”หนูพูดกับหน้าตาตื่นกระเด้งตัวลุกขึ้นพยายามจะลงจากตักผม ใช่แล้วครับ ตั้งแต่เล่าเรื่องจนจบจนจับนอนและเด้งขึ้นมาอีกรอบเพราะเสียงพ่อ หนูนั่งตักหันหน้าเอาขาเกี่ยวเอวผมไว้ตลอด เพื่อจะได้ถนัดในการฟัง ถ้านั่งตักแต่หันหลังให้กันจะฟังรู้เรื่องได้ยังไง
“เฮียรู้แล้วว่าพ่อ หนูจะตื่นเต้นทำไม ทำอย่างกับว่าเราแอบได้เสียกันแล้วถูกจับได้อย่างนั้นแหละ”ผมบีบจมูกพูดล้อเลียนหนูไปด้วย
“เออ นั่นสิ เฮ้ย! แหม่เคลิ้มตามเลยกู ออกไปหาพ่อกันก่อน”หนูเกือบจะคล้อยตามผมแล้ว แต่ยังมีสตินึกได้รีบดันตัวเองหรอก แต่ผมยังไม่ปล่อย อยากจะแกล้งทั้งเมียและพ่อตาที่ยังเคาะไม่เลิก ว่าแต่ ตุลย์ของพ่อไปไหน ไม่มากันปู่เอาไว้
“ไอ้เฮีย มึงจะออกไม่ออก ห๊ะ”เสียงพ่อตายังโหวกเหวก ข่มขู่ ผมอยากจะสวนออกไปจังว่า ‘ยังไม่เข้าจะออกได้ไง’ แต่คาดว่าหนูคงเป็นหม้ายแน่ แต่ลูกชายสุดหวงกลัวพ่อเป็นห่วงจนพังห้องเข้ามา พูดออกไปว่า
“กำลังจะออกแล้วพ่อ แป๊บหนึ่ง เฮียปล่อยก่อน เร็วๆ”เสียงหนูตะโกนบอกพ่อออกไป มือผลักผมไปด้วย ผมนึกขำประโยคที่หนูตอบพ่อกลับไปยิ่งกว่าที่ผมคิดอีกทำเอาพ่อเคาะรัวกว่าเดิมปัง ปัง ปัง
“ฮึ่มมมมมมม ไอ้หนู อีลูกไม่รักนวลสงวนตัว ยังมีหน้าเร่งให้มันปล่อยออกเร็วๆอีก”เสียงพ่อตาตะโกนกลับเข้ามา ทำเอาผมอยากจะปล่อยเสียงหัวเราะกับการโต้ตอบของพ่อตากับเมียจริงๆ
“อ้าว ไม่ปล่อยแล้วจะออกไปได้ยังไงล่ะพ่อ เร็วๆสิเฮีย อย่าลีลา”หนูบอกพ่อก่อนจะหันมาว่าผมพร้อมแงะแขนผมออก
“หนูก็อย่ารัดแน่นสิ ปล่อยเอวเฮียก่อน”ผมเป็นฝ่ายบอกหนูกลับไปบ้าง มือแงะแต่ขารัดแน่นปึก หนูก้มไปมองก็เห็นจริง ผมยิ้มกริ่ม ประจวบเหมาะกับที่
ปัง
“นี่มึงใช้ลีลาท่าไหนกันอยู่ ถึงได้ออกยากออกเย็นนัก ห๊ะ!”“ท่านี่แหละพ่อ ว๊าคคคคคคคคคค พ่อเข้ามาแล้วเฮีย”หนูตกใจตอบพร้อมกระเด้งตัวเข้ารัดผมแน่นกว่าเดิม พ่อตายืนหายใจเข้าออก มองลีลาที่ผมกับหนูแสดงออกกันอยู่
“ปู่ ปู่ ตุลย์ยกมาทั้งพวงเลย อ้าว พ่อกับแม่หนู ทำไรอ่ะ”เสียงพูดพร้อมวิ่งมาถึงตัว ชูพวงให้ปู่ดู ก่อนจะหันมาสนใจผม
“มันไม่ทันแล้วลูก ปู่ทำเสร็จแล้ว”พ่อตาผมพูดกับหลานชายหมาดๆ เสียงอ่อน ก่อนจะกัดฟัน”มึงจะออกกันหรือยัง”ทำให้หนูสะดุ้งปล่อยขาและลดระดับความสัมพันธ์จากตักผมลงไปนั่งบนที่นอน
“อ้าว เสร็จไวจังปู่ ตุลย์อุตส่าห์ไปหาตั้งนาน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ดีนะมีคนบอก ไม่งั้นไม่ได้เข้ามานอนกับพ่อและก็แม่หนูแน่เลยปู่”ตุลย์เลิกคิ้วก่อนจะพูดเสียงสดใส มองหน้าผมด้วยรอยยิ้มกว้าง ผมหรี่ตามอง เชิงว่า ก่อนจะมาเราตกลงกันแล้ว ว่าจะห่างกันสักพักก่อนจะมาเราก็ใกล้ชิดกันพอสมควรแล้ว พ่อมีเรื่องต้องเคลียร์กับแม่หนู ดูลูกก็เข้าใจ แล้วตอนนี้หมายความว่ายังไง ลูกทำหน้าเหรอหรากับสายตาของผมพร้อมพยักหน้าช้าๆเดินเข้ามาหาผมแต่หันไปกอดเมียผม อืม
“ปู่บอกตุลย์ว่า เราควรนอนด้วยกัน เป็นการต้อนรับตุลย์กับพ่อที่แสนอบอุ่น ใช่ไหมฮะ ปู่”ตุลย์พูดเสียงอ้อน เอาหน้าซุกอกเมียผมไปมา โดยที่หนูกลั้นหัวเราะเอามือลูบหัวตุลย์อย่างเอ็นดู แต่ผมสิอดดู ฮึ่ม เติมเอาเองแล้วกัน
“ใช่แล้วลูก เป็นการสร้างความคุ้นเคยกันเอาไว้ เอ็งคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”พ่อตาผมแสยะยิ้มให้ก่อนจะเดินมานั่งข้างลูกชาย
“ไม่ว่าหรอกพ่อ ดีซะอีก จริงไหมเฮีย”ลูกพ่อเมียผมแม่หนูของตุลย์ รีบรับคำพ่อทันที สีหน้าดี๊ด๊าต่างจากตอนคลุกวงในลิบลับ มีการยิ้มแป้นถามผม
“เห็นด้วยไหมพ่อ”ลูกที่แปรพักต์ไปฝั่งปู่กับแม่ใหม่เรียบร้อยแล้ว
“ครับ”ผมจะตอบอะไรได้นอกจากคำนี้ ก่อนจะได้เวลานอนพักผ่อนกันเสียที ไม่เป็นไร เวลาที่จะอยู่ด้วยกันอีกยาวไกล วันนี้ปล่อยไปก่อน อย่างน้อยได้นอนกอดกันโดยมีตุลย์นอนกลางก็ยังดี
นั่นคือ
ความคิดผมตอนแรก
แต่ความจริงที่บิดเบือนไปนิดเดียวคือ
ผม ตุลย์ พ่อตา และ หนู ซึ่งมันน่าจะเป็น ผม ตุลย์ หนู และพ่อตา มากกว่า“เฮ้ย!”เสียงร้องของพ่อ ทำเอาพวกเราตกใจ หันไปมองพ่อเป็นศูนย์รวม
“อะไรพ่อ ร้องตกอกตกใจ คิดถึงลุงฉัตรหรือไง โอ้ย”ลูกชายถามเสียงทะเล้น ก่อนจะร้องเมื่อโดนโบก อยากจะเข้าไปปลอบแต่ติดพ่อตาขวางไว้
“กูจะคิดถึงมันทำไม มาทุกวัน ไอ้ที่กูเฮ้ย น่ะ ว่าจะถามตุลย์สักหน่อย”พ่อตาพูดเหมือนไม่ชอบที่ลุงฉัตรมาทุกวันแต่ทำเป็นเรื่องปกติ
“ถามอะไรเหรอปู่”ตุลย์เงยหน้าถามปู่ มือกอดเอวตามเดิม
“ก็ตุลย์บอกว่า มีคนหยิบกุญแจให้ ทั้งที่ไอ้ฉัตรมันขึ้นเวร แล้วใครหยิบให้ล่ะลูก”พ่อตาผมหันไปถามหลานอย่างสงสัย
“นั่นสิ เพราะนอกจากเราก็ไม่มีใครแล้วนะ จะว่าไอ้ตะบันก็ไม่น่าใช่ เพราะตุลย์บอกว่าคน”หนูสงสัยและออกความเห็นที่ไม่น่าจะทำให้หายสงสัย จนพ่อตาอยากจะโบกอีกสักดอก แต่ลูกรู้ทันหมุดหลบซะก่อน
“เดี๋ยวกูถีบไปนอนข้างล่าง”พ่อตาทำท่าแต่ไม่ถนัด ถีบมาฝั่งผมก็ได้ครับ รอรับอยู่ ตุลย์ขำคิกคักก่อนจะบอกว่า
“สวยด้วยปู่”ตุลย์พูดถึงคนที่น่าจะหยิบกุญแจให้
“สวย”
“สวยด้วยเหรอ ใครวะ จะว่าไอ้อ้อมก็ไม่น่าใช่”พ่อเอ่ยถึงเด็กที่จ้างมาทำงานบ้านคนใหม่ ออกจะทอมๆ แต่ทำงานบ้านงานเรือนเก่ง หนูบอกผม
“ใส่ชุดเหมือนเจ้าหญิง มีมงกุฎระยิบระยับ”ตุลย์ยังพูดต่อหน้ายิ้มแย้ม
“ระยิบระยับ!”พ่อกับหนูพูดแทบจะพร้อมกัน ตาโตทำไมต้องตกใจด้วย
“ใช่ ปู่ กระโปรงนี่ฟูฟ่องบานเป็นชั้นๆเลย”ตุลย์พยักหน้าทำมือประกอบ
“ชัดเลย!”พูดพร้อมกันอีกครั้ง เริ่มแน่ใจ
“ชัดมากเลยปู่ แม่หนู ตุลย์เห็นชัดมากเลย”ลูกชายผมสนับสนุน ก่อนจะเบิ่งตา
“นั่นไง คนสวย”ตุลย์ชี้ไปที่กรอบรูปติดผนังห้อง
“ไก่จ๋า! /แม่จ๋า!”ชัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเอ่ยชื่อคนในภาพเป็นอันสรุปว่า สาวสวยคนนั้นคือ ใคร !หญิงสาวที่สวยหยาดเยิ้ม ยิ้มหวาน จ้องมองเหมือนจะพยักหน้าบอกว่า
‘ใช่แล้วจ๊ะ ฉันเอง’=______=
ผม พ่อตา หนู มองหน้ากันเงียบกริบ มีแต่ตุลย์ที่
^_________^
“นอน!”คำเดียวสั้นๆของพ่อตาที่สั่ง ก่อนจะกอดตุลย์ที่หน้าเหรอหรา แต่ไม่ถามต่อกอดและเอาขาขี่ปู่ ผมกับหนูสบตากัน ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปจับกันเอาไว้ ก่อนจะหลับตาเพื่อนอนให้หลับแต่ใจยังกระสับกระส่าย เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะหวานหวิวพร้อมคำพูดแสนหวานลอยมาตามลมที่พัดผ่านเข้ามา
‘ยินดีต้อนรับนะ พ่อลูกเขยรูปหล่อ ฮิฮิๆๆๆ’ผมไม่รู้ว่าจริงไม่จริง หรือ มโนไปเองแต่ก็ต้องตอบรับไม่ให้เสียน้ำใจในคำชมและความเมตตาที่ท่านยอมรับผมเป็นลูกเขย
‘ขอบคุณครับ คุณแม่ยาย’แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอก หวังว่าคุณแม่ยายคงจะไม่โกรธผมนะครับ ถ้าย้อนขึ้นไปตอนที่ผมพูดถึง แม่ยาย ว่าถ้ายังอยู่คงจะช่วยผมแน่นอน และก็ที่ผมสาธุให้ช่วย คือ ให้ช่วยขัดขวางสามีของแม่ให้ผมหน่อย ไม่ใช่ไปช่วยสามีของแม่ ถีบประตูเข้ามาได้ง่ายดายอย่างนั้น เอาเป็นว่าคืนต่อไปและต่อๆไป ผมหวังว่าแม่จะเมตตาลูกเขยอย่างผมบ้าง
ผมสาบานว่าจะดูแลลูกชายสุดที่รักของแม่ซึ่งเป็นเมียรักที่สุดของผม คำสาบานนี้คลอบคุมถึงสามีของแม่ที่เป็นพ่อตาผมด้วย มีผลบังคับใช้โดยไม่มีกำหนด ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณแม่ยายด้วยรักและเคารพประกาศมาเพื่อแม่ยายทราบ โดย ลูกเขย (รูปหล่อ) ของแม่ยาย ******************************************************************************************************************
ปล. ช่วงแรกมาอย่างซีเรียส เครียดนิดๆ แต่ตอนท้าย จบแบบหวิวๆ แต่ไม่ใช่หวิวอย่างที่คิดกันไว้นะ ฮ่าๆๆๆ

เป็นหวิวเล็กๆของแม่ไก่ที่ขอออกมาแจมบ้างไรบ้าง คือ นางเหงา และเป็นห่วงลูกผัว ก็เลยมาหยอกหลานกับลูกเขยนิดหน่อย

เอาน่า เฮีย อดไปก่อน ไปเตรียมฟิตร่างกายให้พร้อมเอาไว้ หนูมันไม่เอาก้นหนีไปไหนหรอก อยู่ที่เดิมนั่นแหละ

และก็อย่าโกรธหรือมากระโดดถีบตบตีเขานะว่า สรุป มันเสร็จกันตรงไหนวะ

เขาหมายถึง เสร็จเรื่องร้ายๆและได้กลับมาสักทีต่างหากล่ะ ไป ไปดีฝ่า ฟิ้วววววววววววววววววววววว
