“มีอะไรเหรอครับ”ไอ้พี่สิบกลับมาแล้ว
“เอ้อ ไม่มีอะไรครับ ผมมาทักเฉยๆ ไม่คิดว่าน้องเขาจะเป็นใบ้ ขอโทษครับ แหะ แหะ”มันรีบพูดหัวเราะแหะๆและเดินเหยาะๆจากไป
“มันทำอะไรหรือเปล่า”พี่สิบถามทันทีหลังมันเดินไปแล้วหันมามอง ก่อนจะหันกลับจ้ำเดิน
“เปล่า มันมาคุยห่าเหวอะไรไม่รู้ ขี้เกียจพูดเลยใบ้ให้มันใบ้แดกไปซะ”ผมส่ายหน้าพลางตอบพี่สิบที่พยักหน้า
“เฮ้ย แสดงว่ามันมาจีบแน่เลย ใช่ไหม”ไอ้พี่สิบเสือกนึกออกถามกลับ
“จีบบ้าอะไร ดูไม่ออกหรือไงวะ”ผมบ่นเชิงด่ามันถ้าคิดจะจีบผมจริงๆ
“ถ้าไม่เห็นลูกกระเดือกก็กลมกลืนนะ ฮ่าๆๆๆ”ไอ้พี่สิบพูดพลางหัวเราะ ก่อนแกจะยื่นเอกสารให้
“เก็บไว้ให้ดี ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้แสดงเอกสารพวกนี้ อย่างบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เราจะ Cover ไปก่อน”พี่สิบพูดกลั้วหัวเราะ ผมเหล่มองก่อนจะรับแล้วเก็บ สักพักเขาประกาศเรียกผู้โดยสาร ผมใจหายทันที ถึงที่นี่จะไม่ใช่ที่ผมจากมาแต่มันก็ใกล้กว่ามาก ผมเริ่มใจเต้นแรงสีหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่กลั้นไว้ พี่สิบเหมือนจะรู้แกตบหลังมือเป็นการปลอบ ผมมองไปรอบๆอย่างคาดหวังว่าจะเห็นเฮียโผล่มาเหมือนฉากในหนังที่รอใครสักคนเหมือนจะไม่มาแต่ก็มา ไม่เฉพาะที่นี่ ทั้งวันผมหวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่มี ไม่มีเฮียโผล่มาเลย
“ไปกันเถอะ”พี่สิบพูดพร้อมดึงมือให้ผมเดินแต่ก็ยังหันไปมอง จนถึงจุดตรวจเอกสาร ผมยื่นที่เตรียมไว้ให้เขาดู เจ้าหน้าที่มองเอกสารและมองหน้าผมที่สนใจมองแต่ด้านนอก เผื่อว่าเฮียจะมา ผมยังหวังอีกเหรอป่านนี้แล้ว
“ชื่ออ่านว่าอะไรครับ”เจ้าหน้าที่ถามผมที่ยังคงเหม่อลอยแต่หูไม่ได้เหม่อยังกางรับฟังตามเดิม
“‘พฤษภ (อ่านว่า พรึ-สบ,พรึด-สบ)”ผมตอบแต่ไม่ได้มอง จนพี่สิบต้องสะกิดให้สนใจเขาหน่อย
“อืม อ่านยากแหะ แปลกดี”เสียงเขาพึมพึม และพูดต่อ
”นางพฤษภ อาชวกรกุล” ผมพยักหน้าอย่างคล้อยตามก่อนจะ
“อะไรนะ!”ผมหลุดถามเสียงดัง เมื่อเขาเอ่ยชื่อผมที่ถูกแล้ว แต่ไอ้คำนำหน้ากับสกุลตามหลัง มันใครวะ ผมมองหน้าไม่มีใคร มองหลังก็ไอ้พี่สิบ กลับมามองตัวเอง
“ถูกต้องไหมครับ”เขาถามย้ำสีหน้าฉงน จนพี่สิบต้องสะกิดและมองตอกย้ำให้รู้ว่า ชื่อสกุลมึงที่ COVER อยู่นั่นแหละ
“ครับ เอ้ย ค่ะ”ผมตอบผิดตอบถูกกับสถานะใหม่ที่ไม่คุ้นเคย อะไรวะ จากนาย เป็น นาง ไม่คิดจะให้กูใช้ นางสาว ก่อนเลยหรือไง ถึงจะเสียตัวแต่ไม่ต้องประกาศออกสื่อขนาดนี้ก็ได้
“เชิญครับ”เขาผายมือส่งยิ้ม จนพี่สิบเดินมาใกล้ ผมมองด้านนอกอีกครั้ง จนลับตาหายเข้าไปด้านใน
.
.
.
.
“พี่บอกแล้ว ให้ดูเอกสารก่อน ดีนะไม่เผลอแย้งเขา”ไอ้พี่สิบพูดกับผมหลังจาก เครื่องบินเหิรถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ป้ายไม่มีบอก
“ผมไม่คิดว่าจะเปลี่ยนขนาดนี้นี่หว่า”ผมหันไปเถียงแกก่อนจะเปิดกระเป๋าใบเล็ก หยิบเอกสารออกมาดู
“ต้องเปลี่ยนดิ ดูสารรูปเราตอนนี้สิ”พี่สิบพยักหน้าใส่ ผมมองนิดนึงกับคำว่า ‘สารรูป’ ที่ไอ้พี่สิบมันควรจะใช้คำว่า ‘รูปร่าง’ มากกว่าเหมือนจะพูดไม่ตั้งใจแต่จงใจ ฮึ ฝากไว้ก่อนเจอไอ้เบียร์กูจะใส่ไฟให้ ก่อนจะสนใจเอกสารต่อ โอ้โห รูปกูซิงๆเลยติดหราบนบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด เก่าหมด ยกเว้น คำนำหน้ากับนามสกุลได้มาใหม่ ทะเบียนบ้าน มีอยู่สองคน
สองคน
นายกรกฎ อาชวกรกุล (สามี)
นางพฤษภ อาชวกรกุล (ภรรยา)
ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นนามสกุลปรากฎ บอกให้รู้ว่าเป็นของใครให้มา เผลอยกยิ้มก่อนจะควานหาต่อ
ไม่มี
ไม่มี
เฮียจัดมาเยอะขนาดนี้ไม่น่าจะลืม
‘ทะเบียนสมรส’
นะ
เพื่อความสมจริง แต่ก็ไม่มี สงสัยจะลืม หรือว่าจะส่งตามมาทีหลัง เพราะยังเลือกเขตจดที่ถูกใจไม่ได้
“หาทะเบียนสมรสหรือไง”เสียงพูดล้อเลียนดังข้างๆ ทำเอาผมหันขวับ ที่เสือกมีคนรู้ทันเหมือนมานั่งในใจ
“ถามจริง เป็นหม้ายเมียทิ้งมานานหรือไง ถึงได้ปากอย่างนี้”ผมตอกใส่แกกลับแก้เขิน ทำเอาแกหุบปากแต่ลอยหน้ากวนเป็นที่สุด ผมส่ายหน้ากับคุณตำรวจของไอ้เบียร์ ก่อนจะสงสัยคิดไปอีกว่า
แล้วลูกล่ะ เฮียไม่เห็นใส่ไปด้วยเลย แล้วมันจะสมบรูณ์ได้ยังไงกัน
.
.
.
.
ผมกับพี่สิบมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ใจผมเต้นแรงมากขึ้น ตื่นเต้น ตื้นตัน ที่จะได้เจอพ่อ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งของหัวใจยังคิดถึงเฮียไปด้วย
“มือเย็นจัง ตื่นเต้นเหรอ”พี่สิบถามผมที่จับแขนแกอยู่ ตอนอยู่บนเครื่องหลังจากเถียงกันก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เราปล่อยใจคิดถึงคนที่ตัวเองรัก ผมกับเขาตอนนี้หัวอกเดียวกัน ถ้าวันนี้คนที่อยู่ข้างเราเป็นคนที่รักก็คงจะดีไม่น้อย
“ผมดีใจที่จะได้เจอพ่อสักที มันไม่นานแต่เหมือนนานมาก”ผมบอกพี่สิบที่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“งั้นก็ไปกันเถอะ”พี่สิบยิ้มก่อนจะเดินนำไปที่รถ
“ระหว่างนี้หนูอย่าติดต่อใครนะ แม้แต่ญาติ ก็ห้าม”พี่สิบพูดกับผมหลังขับออกจากสนามบินและขึ้นทางด่วน
“ทำไมล่ะครับ”ผมถามแก ตาก็มองกรุงเทพฯที่ไม่ได้เข้ามาสักพักแล้ว
“ก็เฮียของหนูอีกนั่นแหละสั่งมา เขากลัวว่าจะถูกติดตาม”พี่สิบพยักเพยิดถึงคนที่ห่างไกลกันไปทุกที
“แล้วถ้าเกิดตามจริงๆ ญาติ และ คนที่รู้จักผมล่ะ”ผมถามต่อเมื่อนึกถึงคนรอบข้าง ถ้าคนพวกนั้นจะติดตามก็ต้องเริ่มจากคนใกล้ตัวผม ผมเบิกตาหันไปเขย่าแขนถามพี่สิบอย่างลืมตัว
“พี่สิบ แล้วพ่อล่ะ ตอนนี้พ่อยังอยู่บ้านไหม ผมว่าโทรหาพ่อก่อนดีกว่า”ผมร้อนใจเหลือเกิน ถ้ามันเป็นอย่างที่เฮียคิด คนแรกที่ใกล้ชิดผมก็คือ พ่อ ต่อไปคือญาติ และเพื่อนๆ
“เฮ้ย ๆ ปล่อยก่อน พี่ขับรถอยู่ พ่อเราปลอดภัยดี”พี่สิบรีบพูดพร้อมประคองรถตามเดิม
“พี่ไม่หลอกผมนะ”ผมถามพี่สิบอย่างระแวง คิดว่าแกพูดเพื่อให้สบายใจ
“จะหลอกทำไมล่ะ แกยังฝากจดหมายให้หนูอย่เลยไม่ใช่เหรอ”พี่สิบท้วงผมชะงักไปนิดอย่างนึกได้
“แต่นั่นมันหลายวันแล้วนะพี่ ผมว่า”และก็คิดได้อีก
“พ่อหนูสบายดี ตอนนี้อยู่ที่ปลอดภัย และกำลังไปหานี่ไง”พี่สิบรีบขัดขึ้นมาก่อนที่ผมจะระแวงไปมากกว่านี้
“และก่อนหน้านั้น ก็มีคนไปดูแลให้อยู่แล้ว ไม่ต้องบอกมั้งว่าใครสั่ง”พี่สิบพูดต่ออีก ผมหันไปมองพลางนึกว่าใคร คงเป็นตำรวจ แต่พี่สิบพูดเหมือนไม่ใช่
“เฮีย”ผมพึมพำอย่างไม่แน่ใจ
“อืม เฮียของหนูส่งคนไปคุ้มครอง ทีนี้สบายใจได้หรือยัง”พี่สิบยกยิ้มเมื่อเห็นผมเงียบและพยักหน้าช้าๆ
“หนูไม่รู้จริงๆเหรอว่า เฮีย ของหนูเป็นใคร”พี่สิบถามผมแต่สีหน้าแกไม่ได้สงสัยอะไร ออกจะล้อซะมากกว่า
“รู้แค่เป็น เฮีย นอกนั้นก็ไม่เคยถาม”ผมส่ายหน้าพร้อมตอบหัวพิงกระจก หลังเลิกวิตกเรื่องพ่อก็วกกลับมาเรื่องเฮียอีก พี่สิบไม่ได้พูดต่อ
“ไม่ใช่ผมไม่อยากรู้นะ แต่เหมือนเฮียจะไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่”ผมพูดลอยๆพร้อมนึกถึงหน้าเฮียเวลาพูดถึงครอบครัวดูเจ็บปวด ยกเว้นพูดถึงลูกจะดูมีความสุข ผมจำได้เฮียเคยฝันร้าย ผมได้ยินเฮียเอ่ยชื่อพ่อ และ ผู้หญิง ชื่อ ดา และผมพูดถึงจุดหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ เฮียตกใจมากเขย่าถามจนผมไม่กล้าพูดความจริง เลยต้องโกหก น่าแปลกที่ผมไม่ได้กลัวหรือคิดว่าเฮียเป็นฆาตกร กลับอยากปลอบใจเฮียในตอนนั้นเลยพูดเรื่องชวนไปทำบุญ และก็ได้ไปทำมาแล้ว
“และหนูอยากรู้ไหมว่าเขาติดคุกคดีอะไร”พี่สิบเอ่ยออกมาระหว่างรถติดไฟแดง ผมหันไปมองหน้าที่มองอยู่แล้ว แค่เสี้ยวเวลาก่อนรถจะออกตัว ผมตัดสินใจ
“ไม่ครับ ผมอยากฟังจากปากเฮียมากกว่า ผมจะรอให้เขามาตอบเอง ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม”ผมตอบพี่สิบด้วยความมั่นใจทั้งเสียงและสีหน้า
“พี่กะแล้วว่าหนูต้องตอบแบบนี้”พี่สิบยกยิ้มพูดพยักหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะเลี้ยวรถไปตามเส้นทางที่ผมเห็นว่าไม่ใช่ทางมุ่งตรงไปสู่จังหวัดบ้านผม ผมน่าจะเอะใจตั้งแต่แรกว่าทำไมต้องขึ้นเครื่องบินนั่งรถทัวร์ลงมาก็ถึงบ้านผมแล้ว มัวแต่คิดเรื่องเฮียซะจนไม่ได้เอะใจอะไรเลย
“พี่จะพาผมไปไหน”ผมถามเสียงเรียบ ไม่ได้ตกใจ ถ้าเขาบิดพลิ้วเฮียไม่ปล่อยเขาแน่
“ไปเซฟเฮ้าส์ ตอนนี้พ่ออยู่ที่นั่น บ้านที่หนูเคยอยู่ปิดไปก่อนแต่ไม่ต้องห่วงมีคนดูแลอยู่”พี่สิบบอกผมให้หายสงสัย
“เฮียรู้ไหม”ผมอดจะถามถึงเฮียอีกไม่ได้ ผมอยากให้เขารู้ด้วย
“เขารู้แค่ว่าหนูกับพ่อไปเซฟเฮ้าส์ แต่ไม่รู้ที่ตั้ง พี่ไม่ได้บอกและเขาก็ไม่ได้ถาม”พี่สิบตอบแบบดับความหวังผมลง แล้วเฮียจะมาหาหนูถูกได้ยังไงล่ะ แล้วบอกให้รอ
“พี่ว่าเขาคงมีเหตุผลอาจจะกลัวถูกติดตาม และอดใจแว่บมาหาไม่ได้มั้ง อย่าทำหน้าเหมือนถูกทิ้งสิ”พี่สิบพูดให้เหตุผลปนให้กำลังใจแบบกลั้วหัวเราะ
“ไม่ต้องเอาประสบการณ์ตัวเองมาใช้กับผมหรอก”ผมพูดใส่เขาแก้เก้อที่เผลอทำหน้าให้เขาจับได้ ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเงียบ อาจเป็นอย่างที่พี่สิบบอกก็ได้ แต่ส่วนลึกผมเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากถ้าเฮียจะหาผมเจอ
.
.
.
.
เกือบสองชั่วโมงพี่สิบขับรถพาผมมาถึงบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ คล้ายบ้านสวน ให้บรรยากาศไม่ต่างจากบ้านเดิมผมเท่าไรนัก ตรงปากทางเข้ามีบ้านประมาณสิบกว่าหลัง มีไฟทางห่างๆกัน ดูน่ากลัวในตอนกลางคืน
“บ้านพี่เอง ซื้อไว้นานแล้ว นานซะจนไม่รู้ว่าคนร่วมชีวิตจะกลับมาอยู่ด้วยไหม”พี่สิบพูดเสียงเรียบแต่รู้ได้ว่า รออย่างมีความหวัง
“แสดงว่าไอ้เบียร์ก็ต้องรู้สิ ว่าผมอยู่ที่ไหน”ผมพูดกับพี่สิบ ทั้งที่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดถึงเรื่องตัวเอง ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นใจแก แต่ผมไม่รู้เรื่องระหว่างสองคนนี้เลย รู้แค่ว่ารักกันอยู่แน่นอน
“ไม่รู้หรอก พี่กะว่าจะเซอร์ไพรส์เขา แต่เกิดเรื่องซะก่อน”แกแอบถอนหายใจเบาๆเอามือลูบหน้า
“พี่บอกให้ผมรอ งั้นพี่ก็ต้องเหมือนกัน เราต้องมีความหวังสิพี่”ผมตบหลังมือแกบ้าง แกยิ้มเอามือขยี้หัว ผมชักจะชอบแกแล้วสิ นึกอยากจะมีพี่ชายสักคน
“อืม สู้สู้”แกทำมือทำหน้าด้วย ก่อนจะพากันหัวเราะ และลงจากรถ พี่สิบไขกุญแจบ้าน
“พ่อจ๋า หนูกลับมาแล้ว ฮึกฮึก”ผมพูดเสียงเครือ สะอื้นทันทีทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าพ่อก่อนจะปาดและกลั้นสะอื้น
“หน้าผมดียัง ไม่เละใช่ไหม”ผมถามพี่สิบหลังลืมไปว่าแต่งหน้า ป่านนี้เฟะแล้วมั้ง เดี๋ยวพ่อเห็นช็อกกันพอดี
“ยังดีอยู่ เอาทิชชู่ซับสักหน่อย ดูกระจกดิ”พี่สิบบอกพร้อมส่งทิชชู่ให้ เมื่อเรียบร้อยแกขับรถเข้าไปในตัวบ้านที่เปิดไฟสลัวๆหน้าบ้าน มีหมาตัวใหญ่นอนอยู่ลักษณะคุ้นๆ พอผมลงจากรถ มันหูตั้งวิ่งมาทันทีทำเอาเกือบตกใจ ก่อนมันจะกระดิกหาง
“บรู๊ววววว บรู๊วววววววว หงิงงงงงงงง หงิงงงงงงงง”
“ไอ้ตะบัน กูยังไม่ตายห่าราก เสือกหอนทำไม มึงนิ”ผมว่ามันผสมหัวเราะ กอดมันอย่างคิดถึงไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ที่นี่ด้วย ไอ้ตะบันมันติดพ่อผมมาก สักพักประตูเปิดออก ร่างสูงโปร่งพอกับผมก้าวออกมา
“ไอ้ตะบัน มึงจะหอนทำไมวะ กูยิ่งเสียวๆอยู่”เสียงที่คุ้นเคย ถึงจะออกดุ แต่อบอุ่นเสมอ
“ฮืฮอออออออออออ ฮืออออออออออออออ”ผมส่งเสียงทันที ว่าจะไม่ร้องไห้ กำลังจะอ้าปากวิ่งเข้าไปหา กลับเป็นพ่อเบิ่งตาถลาเข้ามาหาผมที่รออยู่ ผมกำลังจะกอดแต่หวืด
พ่อทรุดตัวคุกเข่ากอดเอวผมแนบแน่น เปล่งเสียงออกมาอย่างดัง
“ฮืออออออออออออออ ไก่จ๋จจจจจจจจจจา ไก่กกกกกกก จริงด้วยๆๆ ฮืออออออออ นกขอโทษที่ไม่ดูแลลูกหนูไม่ดี ปล่อยให้โจรเอาไป ฮือออออออออ นกขอโทษษษษษษษษ”
“จะโกรธนกก็ไม่ว่า นกยอมรับดูแลลูกไม่ดี ฮึกฮึก จะมารับนกไปอยู่ด้วยก็ได้ แต่ขอให้นกได้เจอลูกหนูก่อนนะ ไก่จ๋า ฮือออออออออออ”
ผมตั้งสติจับใจความในคำพูด นี่พ่อเห็นผมเป็นแม่เหรอนี่
“พ่อ พ่อ”
ผมเรียกพ่อพร้อมดึงให้ลุกขึ้น พ่อไม่ยอมลุก ผมเลยทรุดลงไปกอดพ่อที่สะอื้นร้องไห้โฮ เอามือลูบหลัง หอมแก้ม จนพ่อผละออกมา ผมยิ้มให้พ่อทั้งน้ำตา ยกมือปาดให้พ่อเห็นผมชัดขึ้น ก้มไปหอมแก้มอีกข้าง
“พ่อจ๋า หนูเอง หนูกลับมาแล้ว ฮึก ฮึก”ผมพูดเสียงสะอื้อน พ่อยังอ้าปากกระพริบไล่น้ำตาที่ไหลลงมาอีกรอบ
“หนู หนู เหรอลูก หนูจริงด้วย ไอ้หนูลูกพ่ออออออออออออออ”พ่อส่งเสียงดังอย่างดีใจก่อนจะกอดผมอย่างแน่น
“พ่ออออออของไอ้หนู ฮืออออออออออออ คิดถึงพ่ออออออ หนูคิดถึงพ่อ ฮึกกกกกกกก”ผมกอดพ่อกลับบ้าง อย่างไม่สนอะไรทั้งนั้น นอกจากอ้อมกอดที่อบอุ่น อ้อมกอดที่โอบผมมาตั้งแต่เกิด อ้อมกอดที่ไม่เคยทำร้ายผมแม้แต่นิดเดียว เรากอดกันอยู่อย่างนั้น ผลัดกันหอมแก้มไปมา พอตั้งสติได้ ผมประคองพ่อให้ลุกขึ้น พนมมือก้มไปกราบเท้าพร้อมจูบเหมือนที่พ่อเคยจูบเท้าผมตอนเล็กๆ ผมเห็นจากรูปถ่าย
“หนู ฮึก ลุกลูก”พ่อลูบหัวพร้อมประคองผมลุกขึ้นมากอดอีกครั้ง จับออก
“ฮ่าๆๆๆๆ ดูหน้าลูหนูดิ เหมือนแม่เลย พ่อนึกว่าแม่มาหา ร้องไห้ซะหน้าเละเลยลูก”พ่อหัวเราะมองสำรวจผมเอามือค่อยๆเช็ดหน้าให้ ผมยิ้ม
“ดีนะพ่อไม่หัวใจวาย เห็นตัวเองครั้งแรกยังนึกว่าแม่มาสิงร่างเลย”ผมพูดกลั้วหัวเราะ ตาสำรวจมองพ่อที่ผอมลงไปถนัดตา หน้าหมองคล้ำ ทำเอาผมน้ำตาไหลแต่กลั้นเสียงร้องเอาไว้
“พ่อหล่อและหุ่นเฟริม์ขึ้นล่ะสิ ถึงได้มองเหมือนอิจฉา หืม ไอ้ลูกหนู”พ่อหยิกแก้มผมส่ายไปมา
“เฟริม์หุ่นแล้วไม่เฟริม์หน้าด้วยล่ะ ดูสิยิ่งกว่าแปดริ้วอีก ฟิตหน่อยๆ”ผมแซวพ่อบ้าง ในเมื่อพ่อไม่อยากให้ผมกังวล ผมก็จะทำตาม
"พ่อไม่ใช่ช่างจะได้ฟิต"พ่อตบมุกกลับปากหัวเราะแต่น้ำตาเอ่อพอกับผม
“ผมว่าเราเข้าบ้านกันก่อนดีกว่าครับ”พี่สิบที่เก็บรถปิดประตูบ้านเดินสำรวจและวกกลับมาบอก
“เออ พ่อลืมเลย ไปไป เข้าบ้านอาบน้ำอาบท่า กินข้าวก่อน”พ่อนึกได้พูดเร็ว ผมกอดเอวพาพ่อเดินเข้าบ้านที่ถึงแม้จะไม่ใช่บ้านตัวเอง แต่แค่มีพ่อไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนบ้านแล้ว
.
.
.
.
“ก็ตามนี้แหละครับ ลุงนก”พี่สิบเป็นคนอธิบายให้พ่อฟัง แต่ไม่ทั้งหมด
“อ๋อ ครับ พ่อก็นึกว่าเอ็งอยากเปลี่ยนแนว”พูดกับพี่สิบ ก่อนจะหันมาพูดขำๆกับผมที่ตอนนี้ฮอร์โมนเพศเดิมกลับมาแล้ว หลังอาบน้ำกินข้าว ก็มานั่งคุยกัน
“พ่อเปลี่ยนเมื่อไหร่หนูก็เปลี่ยนเมื่อนั้นแหละ พ่อลูกกันต้องเหมือนกันดิ”ผมกอดแขนพ่อพูดใส่ยิ้มๆ
“ไอ้หนู ถ้าพ่อจะเปลี่ยนคงตั้งแต่แม่เอ็งตายแล้ว”พ่อผลักหัวผมอย่างหมั่นเขี้ยว ตั้งแต่กลับมาเรายังเกาะกันไม่ปล่อย เหมือนชดเชยเวลาที่ห่างกันไป
“ไม่ต้องห่วงนะครับ อยู่ตามสบาย ไม่มีใครรู้ ขอแค่อย่าเพิ่งติดต่อใครเท่านั้น ส่วนที่โน่นก็ไม่ต้องห่วงมีคนดูแลให้แล้ว”พี่สิบพูดให้พ่อกับผมสบายอีกครั้ง ยังไงเราก็ห่วงคนรอบตัวอยู่ดี พอดีมีโทรศัพท์เข้ามา แกเลยขอตัว
“หนูคิดถึงพ่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกก”ผมกอดพ่อล้มตัวนอนบนตัก พ่อลูบหัวผม
“พ่อก็คิดถึงหนู คิดถึงมาก หนูรู้ไหมพ่อมารอเอ็งที่หน้าบ้านทุกวันเลย”พ่อยิ้มน้ำตาจะปริ่มอีกแล้ว
“ไม่ใช่พี่มากนะเนี่ย ทำเป็นมายืนรอ ฮึก”ผมแหย่พ่อกลับแต่เสียงเครือ ก่อนจะหัวเราะกันกลบเกลื่อนความเศร้า ผมจับมือพ่อมาจูบแนบอกตรงหัวใจ
“ไม่นึกเลยว่าพ่อจะได้เจอหนูอีก รู้ไหมถ้าหนูเป็นอะไรพ่อคงอยู่ไม่ได้”พ่อยิ้มพร้อมกอดผมที่กอดตอบ
“หนูรู้ หนูรักพ่อ”ผมพยักหน้ากับอกพ่อ นึกไปถึงที่ผมกับเฮียสัญญากัน ไม่ใช่ว่าผมไม่รักพ่อ แต่ถ้ามันสุดวิสัย ผมก็ยังยืนยันจะตายพร้อมเฮีย แต่ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว ผมจึงตายไม่ได้ ผมต้องอยู่กับพ่อ และรอว่าวันหนึ่งจะได้เจอเฮียอีกครั้ง
“ไอ้หนุ่มนั่นมันก็รักษาคำพูดดีนะ ดูสิ เอ็งกลับมาแทบจะไม่มีรอยขีดข่วนเลย เขาดูแลดีใช่ไหม”พ่อจับผมลุกขึ้นสำรวจอีกครั้งพูดถึงเฮียที่เคยรับปากว่าจะดูแลผมเป็นอย่างดี
“ดี เฮียดูแลหนูดีมาก”ผมตอบพ่อเสียงใส พ่อลูบหัว
“เรียกเฮียเลยเหรอ”พ่อถามเสียงขำ
“ไม่ใช่ เขาชื่อ เฮีย เฮียเป็นคนดีนะพ่อ”ผมเงยหน้าบอกพ่ออมยิ้มเมื่อพูดถึงเฮีย ผมอยากให้พ่อรู้ เผื่อวันหนึ่งได้เจอกันอีก
“ตั้งแต่ในป่าจนหลุดไปโน่น เฮียไม่เคยทิ้งหนูเลย ดูแลตลอด ไอ้สองคนนั้นด้วยนะ ไอ้เบียร์กับไอ้รัน ไอ้เบียร์คนที่ตาตี๋ ไอ้รันคนเตี้ยสุดในกลุ่มหน้ามันออกลูกครึ่ง พ่อจำได้ไหม”ผมเล่าให้พ่อฟังต่ออย่างหยุดไม่ได้
“เอ็งก็บ้าพ่อจะจำได้ไงเล่า มันคลุมหน้าเห็นแต่ลูกตากับส้นตีนแค่นั้น แต่ถ้าลักษณะพอจำได้อยู่ ขนาดมันออกทีวี พ่อดูแป๊บเดียวก็ลืมหน้าแล้ว”พ่อพูดไปขำไป ทำเอาผมขำด้วย
“เขาเป็นคนดีกันจริงๆนะ หนูไม่รู้จะบอกพ่อยังไง หนูเอาความรู้สึกตัวเองตัดสินเขามากไปหรือเปล่า”ผมพูดพร้อมกับถามพ่อที่สบตา
“ไม่หรอกลูก บางครั้งเราต้องเชื่อความรู้สึกบ้าง พ่อก็เชื่อว่าพวกนั้นมันเป็นคนดีนะ ดูสิ ความหวังที่พ่อจะได้เอ็งกลับมาน้อยมาก แต่เอ็งก็กลับมา”พ่อลูบหัวผมเสียงเริ่มจะเครืออีกแล้ว
“หนูกลับมาแล้ว จะไม่ไหนอีกแล้ว จะอยู่กับพ่อ เราจะอยู่ด้วยกัน”ผมกอดพ่อพร้อมกับบอก พ่อกอดตอบ
“ดึกแล้วเอ็งกลับมาเหนื่อย นอนเถอะ พรุ่งนี้ ใส่บาตรกันนะลูก จะได้หมดเคราะห์หมดโศกกันสักที”พ่อจับผมออกเอามือลูบหัวไปมา
“หนูอยากนอนกอดพ่อ จะกอดแบบสิงร่างเลย ฮ่าๆๆๆๆ”ผมกับพ่อพากันหัวเราะ ก่อนจะพากันขึ้นบ้าน ปล่อยให้พี่สิบปิดบ้านเอง
.
.
.
.
ผมนอนยิ้มกอดพ่อที่หลับไปแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าผมจะได้กลับมากอดพ่อ ไม่อยากเชื่อว่าผมจะกลับมาแล้ว กลับมาในโลกความจริงที่ไม่มีเฮีย บางครั้งผมก็อยากจะให้มันเป็นความฝันนะ แต่ผมก็หลอกตัวเองไม่ได้ ถึงจะได้อยู่กับพ่อแล้ว แต่ใจรวมถึงความคิดก็ยังมีเฮียแทรกซึมเสมอ สัมผัสยังแนบกาย คำพูดยังติดหู
‘เฮียรักหนู’
‘รัก’
ผมรู้สึกนอนไม่หลับ กลัวจะกระสับกระส่ายจนพ่อรู้สึก จะพลอยให้ไม่สบายใจด้วย ก่อนผมจะค่อยยกมือพ่อออก ห่มผ้าให้
“หนูขอเวลาแป๊บนะพ่อ”ผมพูดเบาๆ ก่อนจะเดินไปตรงระเบียง และทรุดตัวหนึ่งพิงผนังห้อง ผมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอีกแล้ว ความรู้สึกอายที่ต้องมานั่งคร่ำครวญหาผู้ชายเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อน แต่กับผู้ชายที่ผมรัก ผมกลับทำได้โดยไม่อายสักนิด ทำเพราะรักและคิดถึง ผมไม่รู้ว่านั่งปล่อยน้ำตาปล่อยใจไปนานขนาดไหน ขนาดที่ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาเข้าหู ที่รู้สึกว่าจะตรงใจเหลือเกิน ใครกันนะรู้ว่าผมกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่
ลืมตาทุกเช้า เหมือนมีความเหงามานั่งรอ
นานเกินแล้วหนอ ที่เราห่างไกลกันอย่างนี้
เจอะเจอได้เพียงแต่ในฝัน ตื่นนอนกันคนละที่
อยู่แบบนี้ข้อดีอยู่ที่ไหน
เมื่อไหร่ไม่รู้จะได้ตื่นมาเจอหน้ากัน
ช่วยเอาคืนวันของเรากลับมาจะได้ไหม
โลกใบเดิมใบนี้ ไม่มีเธอเหมือนไม่มีใคร
ได้โปรดเห็นใจคนที่รักเธอบ้าง
ถ้าหากความคิดถึง ฆ่าคนหนึ่งคนให้ตายได้
อยากให้รู้เอาไว้ ว่าฉันคงตายเป็นหมื่นหมื่นครั้ง
กลับคืนมาได้ไหม กลับมาใช้ชีวิตเคียงข้าง
กลับคืนมาได้ไหม กลับมาใช้คำว่าเราบ้าง
ต้องคิดถึงอีกกี่ครั้ง พรุ่งนี้ถึงจะมีเธอ
เมื่อใจของฉันไม่เคยจะชินความห่างไกล
ยังคงหวั่นไหวถึงใจอีกใจอยู่เสมอ
ห่างกันนานนานอย่างนี้ เธอคิดถึงฉันไหมเธอ
อยากขอร้องเธออย่าทิ้งฉันไว้ลำพัง
ถ้าหากความคิดถึง ฆ่าคนหนึ่งคนให้ตายได้
อยากให้รู้เอาไว้ ว่าฉันคงตายเป็นหมื่นหมื่นครั้ง
กลับคืนมาได้ไหม กลับมาใช้ชีวิตเคียงข้าง
กลับคืนมาได้ไหม กลับมาใช้คำว่าเราบ้าง
ต้องคิดถึงอีกกี่ครั้ง พรุ่งนี้ถึงจะมีเธอ
ต้องคิดถึงอีกกี่ครั้ง พรุ่งนี้ถึงจะมีเธอ
ผมฟังจนจบ ทั้งที่หน้ายังซบกับเข่า ปล่อยความคิดไปกับเสียงเพลง และฝากไปถึงคนที่ผมคิดถึง เมื่อไหร่จะได้เจอกัน เมื่อไหร่จะได้ใช้คำว่า ‘เรา’ มันจะมีวันนั้นไหม
“รัก หนูรักเฮีย รีบมานะ หนูจะรอ”เป็นประโยคสุดท้ายที่ผมฝากไปถึง ก่อนจะกลับเข้าไปซุกอ้อมกอดพ่อตามเดิม ผมจะต้องเข้มแข็ง เพราะยังต้องดูแลผู้ชายคนนี้ที่รักผมและผมก็รักที่สุดอีกคน
.
.
.
.
.
.
“ไอ้หนูเอ้ย ถ้าไอ้หนุ่มนั่นมันเป็นผู้หญิง พ่อคงคิดว่าเอ็งร้องไห้คิดถึงเมียแน่เลย”เสียงพึมพำมืออุ่นลูบหัวลูบหลังอย่างปลอบใจ ทำให้ผมที่รู้สึกว่ายังสะอื้นค่อยคลายลง
“เอ็งโตเกินพ่อจะกล่อมให้หลับได้แล้ว หวังว่าเพลงนี้คงถูกใจเอ็ง พ่อไม่ได้ซ้ำเติมนะ แค่คิดว่ามันน่าจะทำให้เอ็งบลิ้วอารมณ์ได้ดี พรุ่งนี้และวันต่อๆไป เอ็งต้องเข้มแข็งนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะยืนข้างเอ็งเสมอ สู้สู้ ไอ้หนูลูกพ่อ”ผมต้องขอบคุณเจ้าของมือนี้ที่ทำให้ผมอบอุ่นและหลับสนิทลงได้ ผมรักพ่อ แต่ ผมขอให้พ่อรักเฮียด้วยนะ
****************************************************************************************************************
ปล.ชิวๆกันตอนนี้ไม่มีอะไรสบายๆ หลังจากเครียดมาพัก (มีด้วยเหรอ?) น้องหนูถึงมือพ่อนกแล้วจ้า ขอบคุณเพลงเพราะๆจากคุณไม้เมือง ที่คนเขียนขอยืมมาทำมิวสิคให้น้องหนู เนื้อหามีความหมายบวกกับเสียงร้องที่เข้าถึงบทเพลง ทำเอาเราขนลุกและรู้สึกตามไปด้วย ยิ่งบรรยากาศฝนตก ดูเหงา เศร้า ชวนหลับตามน้องหนู แต่ฉันหลับไม่ได้งานทับหัวอยู่ ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจกันจ้า ตอนต่อไปเราจะไปเลือดสาดดดดดกัน ใจเย็นนะคะใกล้จะไคลแม็กซ์แล้ว เจอกันใหม่เด้อ
อีกนิด เรื่อง IMG บางทีคนเขียนถูกใจหน้ามากกว่าหุ่น ก็เลยมักง่ายประมาณตัดหัวมาใส่ร่างตามที่คิด หุหุ