ตอนที่ 9 # รังเกียจ “จะนอนท่านั้นอีกนานไหมครับ คอเคล็ดหมดแล้วมั้ง” ใครบางคนที่มุมห้องพูด เหอะ อย่ามาถาม และถึงถามมา ก็อย่าหวังว่าจะได้คำตอบจากกู…แต่ก็จริงอย่างที่มันพูด ผมเริ่มเมื่อยคอแล้วจริงๆ ลุกไปเข้าห้องน้ำบ้างดีกว่ากู...
“
หยุด! อย่าแม้แต่จะคิดกดไอ้ปุ่มบ้านี่อีก” มันคว้าหมับตรงข้อมือของผมที่กำลังจะกดปุ่มเรียกบุรุษพยาบาลนั่น เจ็บใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
“จะเอาอะไร...จะเข้าห้องน้ำก็บอกผมสิ” มันบอกเสียงอ่อนลง คลายข้อมือของผมออกเพียงนิด ผมเลยถือโอกาสกระชากข้อมือตัวเองออก แล้วล้มตัวลงนอน น้ำตาไหลออกมาเงียบเชียบ…ไม่รักกัน แล้วมาทำแบบนี้ทำไม
“
ไอ้นิด!” เสียงใครบางคนเรียกมาจากทางประตู ผมเลยหันหน้าไปมอง
“คุณจิต!” ผมร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นภูมิจิตรีบพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น
“ทำไมมึงถึงซวยอย่างนี้” มันเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอามือลูบหัว ลูบหน้า ลูบตา จับไหล่ของผมพลิกซ้ายพลิกขวาสำรวจหน้าหลัง
“บะ...เบาครับ ผมเจ็บ”
“เออ ขอโทษ กูลืมไปว่ามึงซี่โครงหัก แต่คนมันดีใจนี่หว่า นึกว่ามึงถูกจับไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านแล้วซะอีก ไม่ยอมติดต่อกูเลยนะไอ้นิด” ไอ้จิตกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นเขี้ยวสุดกำลัง เออ กูนอนเจ็บอยู่นี่เดือนกว่าคงจะติดต่อมึงได้อ่านะ...
“คุณจิตรู้ได้ยังไงครับว่าผมอยู่ที่นี่” ผมสงสัย เพราะจู่ๆมันก็โผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“นู่น...” ภูมิจิตทำปากบุ้ยใบ้ไปทางคนที่ตีหน้ายักษ์อยู่มุมห้อง ผมปรายตามองแวบเดียว แล้วเมินหลบ
“มึงหายไปเดือนกว่า ติดต่อไม่ได้ ทุกคนเป็นห่วงแทบแย่ พอรู้ข่าวว่ามึงถูกรถชนเข้าโรงพยาบาล เขาก็เกือบจะยกกันมาทั้งแผนกแล้ว” มันว่า พลางรินน้ำในเหยือกใส่แก้ว ผมยื่นมือออกไปเตรียมรับ เพราะคิดว่ามันรินให้ แต่ผมต้องหน้าหงายไปสามวินาที เมื่อมันเอาไปกินซะเอง...ไอ้เหี้ยจิต
“อ๊ะ...” ผมตกใจ เมื่อจู่ๆข้างแก้มสัมผัสได้ถึงความเย็นของวัตถุ คุณฉกาจเขารินน้ำใส่แก้วมาให้ครับ หึ กูยอมคอแห้งตายดีกว่า
“แบบนั้นจะดีเหรอครับ เดี๋ยวโดน ผอ. ว่าหรอก” ผมเสหลบ หันหน้าไปพูดกับไอ้จิตต่อแบบขำๆ
“น้อยๆหน่อย มึงดูสิว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น” ผมมองตามสายตาของมันไปตรงทางเข้า บุคคลที่ยืนอยู่ทำเอาผมน้ำตาคลอ และเมื่อร่างท้วมเดินเข้ามาหา ผมถึงกับต้องก้มหน้าหลบด้วยความเสียใจ
“ผอ. ครับ ผม...อึก...ผมขอโทษ” ผมอดพูดออกไปไม่ได้ ความรู้สึกผิดมันจุกอยู่ในอกมากมายเหลือเกิน
“อย่าพูดแบบนั้นเลยคุณนิธาน ยิ่งคุณพูด ผมยิ่งละอายใจนะ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมเอง ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ” คนตรงหน้าพูดปลอบ ผมรับฟัง พยักหน้าอย่างเข้าใจ พลางเอามือปาดน้ำตาทิ้ง ผมทำใจให้โล่งอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าหันไปยิ้มให้กับคนตรงหน้า
“ผมเอาเงินของคุณมาคืน... ตอนนี้ผมไม่ต้องการอะไร นอกจากขอให้คุณหายไวๆแล้วกลับไปทำงานกับผมอีกครั้ง ลูกน้องที่ทุ่มเทและรักองค์กรอย่างคุณ หาไม่ได้อีกแล้วนะรู้ไหม...” ผอ. พูดพลางเอามือลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ผมดีใจกับคำพูดของท่าน แต่...
“ขอบคุณครับ แต่ว่าผม...คงกลับไปทำงานไม่ได้อีกแล้ว” ผมพูด แอบขยับขาตัวเอง หวังว่าจะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวขึ้นมาบ้าง...แต่ก็ไม่มี
“ทำไมล่ะ…ผมจะไม่ให้คุณทำงานอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ผมสัญญา” น้ำเสียงคนพูดร้อนรนเมื่อได้ยินคำตอบจากผม
“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำนะครับ แต่ว่าขาผม...ขาของผมมันไม่มีความรู้สึกอะไรอีกแล้ว...ผมเดินไม่ได้...”
“อะไรนะไอ้นิด!” ภูมิจิตร้องออกมาทันที พร้อมกับเปิดผ้าห่มที่คลุมขาออก จัดการเลิกขากางเกงที่ปิดบังรอยแผลของผมขึ้น แขกผู้มาเยือนถึงกับผงะ เมื่อเห็นขาที่เต็มไปด้วยรอยแผลผ่าตัด...แต่ละคนน้ำตาซึม ไม่ต่างกับวันแรกที่ผมฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นขาตัวเอง
.
.
.
ภูมิจิตกับ ผอ. กลับไปแล้ว ทั้งสองคนนั่งให้กำลังใจผมอยู่นาน จนผมต้องบอกให้กลับได้แล้ว เสียการเสียงานหมด ก่อนกลับทั้งสองคนบอกว่าเดี๋ยวจะมาใหม่ แล้วจะยกโขยงมาถล่มที่นี่กันทั้งแผนก ทำให้วันนี้ผมอารมณ์ดีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผมบอกให้ไอ้จิตมาเยี่ยมผมทุกวัน เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าที่อยู่กับใครที่ไม่คุ้นเคย มันทำให้ผมอึดอัด แม้ป้าเรืองจะดีกับผมมากก็ตาม แต่ป้าเรืองก็เป็นพวกเดียวกันกับคุณฉกาจอยู่ดีนี่
อยากเข้าห้องน้ำอีกแล้ว...ผมคิด ไม่ได้อยากจะรบกวนคุณบุรุษพยาบาลบ่อยๆหรอกนะ แต่ผมไม่มีทางเลือกนี่นา เอื้อมมือจะไปกดปุ่ม อีกนิดเดียวก็จะถึงอยู่แล้ว ใครบางคนก็ปัดมือผมออกในรอบครั้งที่สองของวันนี้
“
นิด!” มันตะคอกเสียงดัง...อ้อ เดี๋ยวนี้คงไม่มีคำว่า
คุณนิด แล้วสินะ
ผมพยายามเอามือเอื้อมไปลากรถเข็นคนไข้ที่อยู่ข้างเตียงมา รู้ดีว่าลุกจากเตียงไปด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ยังอยากจะประชด แต่จู่ๆ ตัวของผมก็ลอยหวือ ผมพยายามขัดขืนสุดกำลังที่ผมมี แต่ร่างหนานั่นก็ไม่ได้สะเทือนกับแรงข่วน จิก ตบ ของผม มันพาร่างของผมเข้าไปในห้องน้ำ ใช้ขาเขี่ยเปิดฝาชักโครก ก่อนจะวางตัวผมลงเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาจะดึงกางเกง
“มะ...ไม่ ผมทำเอง!” ผมบอกมัน เอามือดึงกางเกงตัวเองไว้ไม่ให้มันถอดได้ง่ายๆ
“
หึ...ในที่สุดก็ยอมพูดกับผมสักทีสินะ แล้วนี่จะอายอะไร ของมันก็เคยๆเห็นกันมาหมดแล้ว” มันพูดพร้อมกับกระชากกางเกงของผมลงไปกองที่ข้อเท้า แล้วแยกขาของผมออกจากกัน ผมน้ำตาเอ่อ ทั้งเจ็บใจ ทั้งอาย โกรธ และเกลียด ผสมปนเปกันไป แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง เพราะไม่อยากเห็นหน้ามัน!
“จะร้องทำไม เวลาจะฉี่ก็ต้องให้คนอื่นแยกขาออกให้แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ตัวเองขยับขาได้รึไง
อ้อ...หรือที่เรียกบุรุษพยาบาลมาบ่อยๆ เพราะอยากให้มันเห็น ที่เข้าห้องน้ำนานๆเพราะคงทำอย่างอื่นกันมากกว่านี้สินะ!”
ผมเงยหน้ามองมันทันทีที่พูดจบ ทำไมชอบดูถูกกันนัก ผมได้แต่กัดริมฝีปาก จิกมือกับหน้าขาที่ไร้ความรู้สึกของตัวเอง นึกอยากให้มันขยับได้เสียตอนนี้ จะได้กระทืบคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านั่น
มันดึงมือที่จิกเกร็งของผมออก เล็บเข้าเนื้อจนเลือดซึมออกมาตามรอยแผล แน่นอน ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บทางร่างกายอยู่แล้ว... แต่ผมกำลังเจ็บที่ใจ มันใช้มือของตัวเองปาดน้ำตาให้ผม แล้วใช้อีกมือคลึงตรงริมฝีปากให้คลายออก ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามา จนผมต้องเบี่ยงหลบเพราะนึกรังเกียจ
“รู้แล้วๆ เสร็จแล้วก็เรียกผมด้วยแล้วกัน” มันผละออกเมื่อเห็นปฏิกิริยาทั้งหมดของผม ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างหัวเสีย
ผมจัดการธุระอะไรของตัวเองเรียบร้อยนานแล้ว แต่ไม่อยากเรียกมัน ไม่อยากให้มันเข้ามาเห็นสภาพที่น่าสมเพชของผม... เลยตัดสินใจทิ้งตัวเองลงมาจากชักโครก แรงปะทะกับพื้นทำให้รู้สึกเจ็บร้าวไปตามกระดูกของร่างกายส่วนบน แต่ใครจะสน... ผมค่อยๆใช้กำลังแขน พาร่างตัวเองคลานไปที่ประตูห้องน้ำ ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นเท่าที่ทำได้ แล้วเอื้อมมือไปยังลูกบิดนั่น และด้วยความซวยที่เกิดมาเตี้ย ผมเลยเอื้อมไม่ถึง... เวรแล้วไงกู
“นิด...เสร็จรึยัง” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงมันเคาะเรียกอยู่หน้าประตู เสียง...ที่ห่างกันเพียงบานประตูกั้น
“
นิด! ทำไมไม่ตอบ ผมเข้าไปแล้วนะ” ทันทีที่มันพูดจบ ประตูตรงหน้าผมก็ถูกเปิดออกอย่างแรง เห็นมันยืนนิ่งค้าง ก่อนจะทำหน้าโกรธใส่ผม
“คุณทำบ้าอะไร!...” มันเดินเข้ามาช้อนตัวผม พาออกจากห้องน้ำ และตอนนี้กำลังจะวางตัวผมลงที่เตียง แต่เดี๋ยวก่อน...มึงอยากอุ้มกูนักใช่ไหมไอ้ฉกาจ
“ดะ...เดี๋ยวครับ” ผมเรียก มันชะงักมือค้าง
“ผมอยากดูวิวที่หน้าต่าง ช่วยอุ้มผมไปตรงนั้นที” ผมชี้ไปที่จุดหมาย มันพยักหน้าเข้าใจอย่างงงๆ ก่อนจะเดินพาร่างผมไปตรงที่บอก
“ผมอยากดูวิวสักสิบห้านาทีนะครับ อุ้มไว้อย่างนี้นะ” ผมบอก ปรายตาออกไปมองนอกหน้าต่าง ไม่มีอะไรน่าดูสักนิด ผมแค่อยากแกล้งมันเท่านั้น
“ถ้าคุณอยากดูวิวมาก ผมพานั่งรถเข็นออกไปดูข้างนอกเอาไหม” มันพูด
“ไม่! ผมอยากดูจากตรงนี้ วิวสวยดี ผมขอเพิ่มอีกสามสิบนาทีแล้วกัน”
“อะไรนะ!”
“หรือถ้าคุณอุ้มไม่ไหว ก็ให้คุณสุทิน ไม่ก็เรียกคุณบุรุษพยาบาลมาอุ้มผมแทนก็ได้นะ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล...”
“ผมมีปัญหาแน่!” ยังพูดไม่จบประโยคดีมันก็พูดแทรกเสียงแข็ง
“ตัวเท่าลูกแมวแบบนี้ ให้อุ้มทั้งวันยังได้ สบายมาก” มันพูด ผมแอบเห็นเหงื่อตรงขมับมันซึมออกมา นี่เพิ่งผ่านไปห้านาทีนิดๆเองนะ
เหอะ...ผมได้แต่หัวเราะเยาะในใจ ตาก็มองออกไปด้านนอก ทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้มอง...มึงได้อุ้มกูจนกล้ามปูดแน่ ไอ้ฉกาจ!
.
.
.
เพื่อนๆพี่ๆ ในแผนกผลัดกันมาเยี่ยมผมทุกวันครับ ผมหายเหงาเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ภูมิจิตก็มาเยี่ยมผมทุกวันหลังเลิกงาน บางวันมันก็มานอนค้าง เราคุยกันจนดึกดื่นกว่าจะได้นอน พลอยทำให้ใครบางคนที่มานอนค้างเป็นประจำทุกคืนอย่างมันต้องนอนดึกไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
“มึงออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่นะนิด” ภูมิจิตถามขึ้น ผมที่กำลังนอนพิงหมอนดูทีวีอยู่ยกนิ้วขึ้นมานับ
“อีก...อ่าว พรุ่งนี้แล้ว” จะนับนิ้วทำไมวะกู อยู่ที่นี่นานจนลืมวันลืมคืน
“มึงคิดรึยังว่าจะไปอยู่ไหน” มันถาม ทำหน้าเครียด...ก่อนหน้านี้ผมคิดมาบ้างแล้ว ผมคงออกไปอยู่ด้วยตัวเองคนเดียวไม่ได้แน่...
“ก็คงเป็น...สถานสงเคราะห์คนพิการครับมั้งครับ” ผมตอบเสียงเบา
“มึงบ้าไปแล้ว! ใครจะไปให้มึงอยู่ กูไม่ยอม” มันบอกพร้อมกับมองหน้าผมดุๆ
“แล้วจะให้ทำยังไง ให้ผมไปอยู่กับคุณจิตไหมล่ะครับ” ผมถามกลับ
“อยู่กับกูยิ่งแล้วใหญ่ กูทำงานทุกวัน ใครจะดูแลมึงเวลาจะขี้จะเยี่ยว” มันบอก เรื่องนี้ผมรู้อยู่แล้ว ผมถามมันไปอย่างนั้นแหล่ะ...คนพิการอย่างผม ไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากเป็นภาระให้คนอื่น...ผมเลยคิดว่าจะไปอยู่ในที่ๆเขาไม่คิดว่าผมเป็นภาระ
“ทำไมมึงไม่ไปอยู่กับไอ้ประธานนั่น ไหนๆก็ออกค่ารักษาพยาบาลให้มึงหมด อีกอย่าง เขาบอกกูว่าเขาจ้างหมอกายภาพไว้ให้มึงแล้ว มีหมอกายภาพประจำตัว ดีกว่าไปสถานสงเคราะห์แล้วให้เขาดูแลมึงแบบตามมีตามเกิดนะ” มันร่ายยาวถึงคุณความดีของคนที่อยู่มุมห้อง…พวกมึงไปแอบคุยกันตอนไหน
“
ไม่! ยังไงผมก็ไม่ไปอยู่กับเขาแน่ ผมยอมอยู่ที่สถานสงเคราะห์ดีกว่า” คับที่อยู่ได้ คับใจมันอยู่ยาก
“ไอ้นิด มึงอยากกลับมาเดินได้เร็วๆไหม” มันถาม จับไหล่ผมแน่น
“คุณจิตอยู่ข้างเขาเหรอ” ผมถามกลับน้ำตาคลอ
“กูอยู่ข้างมึง อยู่ข้างมึงตลอด กูก็ไม่รู้ว่ามึงกับไอ้ประธานนั่นมีปัญหาอะไรกัน แต่กูเห็นว่านี่เป็นโอกาสของมึง กูแค่อยากให้มึงกลับมาเดินได้เร็วๆ ไม่อยากให้มึงพิการไปชั่วชีวิต มึงเข้าใจกูไหม” ภูมิจิตพูดพร้อมกับกอดปลอบผม
“กูจะไปเยี่ยมมึงที่บ้านของหมอนั่นทุกวันเหมือนเดิม กูสัญญา” มันบอกพร้อมกับเอามือโคลงหัวผมเบาๆไปมา ผมผละหน้าออก แล้วพยักหน้าให้มันอย่างจำยอม
“ดีมาก”
.
.
.
จิตกลับไปแล้ว หลังจากพูดเกลี่ยกล่อมผมได้สำเร็จ คนที่นั่งฟังอยู่มุมห้องยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินมาหาผมที่เตียง ผมปาดคราบน้ำตาทิ้งลวกๆ ก่อนจะเงยหน้ามองมัน
“อย่าคิดโง่ๆที่จะไปอยู่สถานสงเคราะห์บ้าบออะไรนั่น เพราะผมไม่ยอมแน่ๆ” มันบอกเสียงรอดไรฟัน
“คุณพูดอย่างกับว่าชีวิตของผมมันมีทางเลือกมากมายอย่างนั้นสิ” ผมพูด นึกตลกกับชะตากรรมของตัวเอง เห็นมันอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เปลี่ยนใจ ตีหน้าขรึม แล้วปิดปากลงเอาไว้อย่างเดิม
“ไม่ต้องห่วง ผมยอมไปอยู่ให้คุณทรมานเล่นแน่ และทันทีที่ผมเดินได้ ผมจะหาเงินค่ารักษามาคืนให้คุณทุกบาททุกสตางค์ เมื่อครบแล้ว ผมรบกวนขอให้คุณออกไปจากชีวิตของผมด้วย...” ผมบอก มันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างกับว่าไม่ชอบใจในคำพูดของผม
“แล้วผมอยากจะบอกให้คุณรู้เอาไว้อย่าง ไม่ว่าคุณจะแสดงหรือแสร้งทำดีกับผมขนาดไหน มันก็ไม่สามารถลบล้างสิ่งที่คุณทำไว้กับผมได้
เพราะผมจะไม่มีวันหลงกลคุณอีกต่อไป!”
........................................................................
มาแล้ววันศุกร์ตามสัญญา ขอโทษที่ให้รอนานจ้า พรุ่งนี้เดี๋ยวมาต่อ ขอบคุณ คุณไอ้หัวแห้ว ด้วยนะคะที่ช่วยดูคำผิดให้
