รักรั่วๆของ..พรต&รัน
Part 8
(Special Run) มาถึงรถ ไอ้รั่วชะตาขาดดูมีความสุขสวมหูฟังเปิดเพลงจากโทรศัพท์แทนเครื่องเล่นในรถ
หลับตาส่ายหัวไปมาดูครึ้มอกครึ้มใจ ผมเคาะเบาๆ ส่งสัญญาณ มันลืมตามองแถมส่งยิ้มหล่อให้อีก ก่อนปลดล็อคประตู
“มึงเปลี่ยนมานั่งฝั่งนี้ กูขับกลับ” ผมใช้น้ำเสียงปกติ ไม่ให้มีพิรุธจนผิดสังเกต
“ยุ่งยากทำไมวะ! กูขับแหละขี้เกียจย้าย” มีบ่น
“เออน่า! บอกให้เปลี่ยนก็เปลี่ยนดิวะ!” ผมเริ่มใช้น้ำเสียงหงุดหงิด ได้ผลมันจิ๊ปาก
แต่ยอมลงจากรถสลับที่ให้ผมขับ ไม่ลืมส่งถุงเป็ดให้มันหิ้วด้วยเรียบร้อย
“เจอหมวยเล็กเปล่า” ออกรถปุ๊บมันถามทันที
“เจอ..ฝากความคิดถึงมาให้มึงด้วย” ผมบอกตามจริง
“อืม..น้องมันลด ละ เลิก หลงกูแล้ว เชื่อหรือยังคราวนี้” มันยิ้มกว้างเหมือนเป็นผู้ชนะ ที่คำพูดมันมีมูลความจริง
หารู้ไม่วิธีการที่มึงใช้ ล่อซะกูหน้าชา ก่อนจะร้อนระอุเดือดปุดๆ ฉิบหาย! บอกสักคำจะไม่รู้สึกอะไรเลย
มีวิธีไม่น้อยที่จะทำให้เธอตาสว่าง ถึงวิธีที่มันใช้จะได้ผลก็เถอะ อย่างน้อยมันควรถามความเห็นผมหน่อย..ห่า!
“มึงกำลังจะไปไหน..หืม” มันถามหลังเห็นผมไปคนละทาง
“แวะห้างแป๊บ” บอกเสียงนิ่ง
“ซื้ออะไร ตอนอยู่ในแฟชั่นฯ ทำไมมึงไม่ซื้อ”
“ตอนนั้น..กูยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้”
“อะไรของมึง เสือกใช้อะไรตอนนี้” มันมองเสี้ยวหน้าผมเขม็ง
“จำเป็นมาก ต้องใช้คืนนี้ด้วย” ผมเน้นคำพูดเป็นพิเศษ
“ตกลงมึงจะซื้ออะไรหืม” ยังไม่หายสงสัย ต้องการคำตอบน่าดู
“เออน่า..มึงไม่ต้องรู้ทุกเรื่องหรอก” น้ำเสียงจริงจัง แฝงความหมายที่รู้คนเดียว ‘ทีมึงยังไม่ให้กูรู้..สัด’
“เหี้ยนะมึง ทำลับลมคม ชักแปลกนะรัน” คิ้วเข้มเริ่มผูกโบว์แล้ว
“คิดอย่างนั้นตามใจ กูซื้อมามึงเห็นอยู่ดี ถือเป็นความลับไม่ได้พรต ไม่เหมือนมึงแอบมีความลับกับกู
มีอะไรปิดบังกูหรือเปล่าหืม” ผมใช้หางตาชำเลืองมองมัน ก่อนหันกลับไปสนใจถนน
ทันเห็นสีหน้ามันเจื่อนรีบกลบเกลื่อนทันควัน
“หน้าอย่างกูเนี่ยะนะ ปิดบังอะไรมึง ไม่มี๊!!!” เสียงสูงเชียว..ฉิบหาย ไม่ออกอาการสักนิด..ห่า
“อืม..ไม่มีก็ดี อย่าให้กูจับได้ มึงต้องยอมรับการลงทัณฑ์ตกลงไหม” ได้ช่องจับมันรับปากเสียเลย
“เห้ย! บอกไม่มีก็ไม่มีดิวะ มึงไปรู้เห็นอะไรมา สงสัยถามกูดิ อย่าคิดเองเออเอง พี่พรตมีคำตอบให้รันเสมอ”
มันตีมึนเก๊กหน้าปกติ สายตาดันกลอกไปมาเหมือนไม่แน่ใจ ผมใช้วิธีชำเลืองสังเกตเอาเอง
“เมื่อไม่มีมึงกลัวอะไร ถือว่ายอมรับการลงทัณฑ์จากกูแล้ว..พรต!” มัดมือชกแม่งเลย
“ไม่โว้ย! เรื่องอะไรกูต้องยอม ไม่ได้ปกปิดนี่หว่า” แถได้หน้าเตะ
“ในเมื่อบริสุทธิ์ใจ ทำไมไม่รับปาก หรือว่า...” เจตนาเว้นให้มันเกิดความฮึดอยากเอาชนะ
“โด่! ก็ได้..ถ้ามึงมีหลักฐานชี้ชัดว่ากูปกปิดมีความลับล่ะก็ ลงทัณฑ์กูได้เลย ว่าแต่จะลงโทษกูวิธีไหน”
มันกลอกตากำลังใช้ความคิด ปากหนาเม้มเข้าหากัน คงหัวหมุนอยู่ว่าผมจะทำอะไรมัน
“เรื่องนั้น อยากรู้ลองหาเรื่องปกปิดกูดูสิ แล้วมึงจะรู้คำตอบกูจัดการมึงด้วยวิธีไหน หลักการกูไม่ยุ่งยาก
ปกปิดเรื่องอะไรกูลงทัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องที่มึงปกปิดคืน” ผมต่อยอดบอกใบ้ให้นิดหน่อย แค่นี้คิ้วเข้มก็พุ่งชนกันแล้ว
ปล่อยมันทำหน้ายุ่งไปคนเดียว มาถึงห้างวนรถเข้าจอดให้เรียบร้อย
“ลงด้วยไหม หรือจะรอในรถ กูไปไม่นาน” ผมบอก
“ไปดิ เดินหลีสาวในห้างเป็นอาหารตา ดีกว่านั่งเฝ้ารถ ร้านเป็ดก็หนหนึ่งแล้ว บังคับกูเฝ้ารถห่า
มาห้างยังจะกำจัดเสรีภาพกูอีก” มีบ่นครับมีบ่น ผมกลั้นขำเกือบตายกับคำพูดรั่วๆ ของมัน
“งั้นก็ไป” ล็อกรถเสร็จ พามันดิ่งไปยังชั้นเสื้อผ้าสตรีทันที
“เดี๋ยว! อย่าบอกซื้อของให้ผู้หญิง แอบซุกสาวนอกใจกูเหรอเหี้ย!” มันทำเสียงลอดไรฟัน
ถามให้ได้ยินกันสองคน ขณะมายังโซนแฟนตาซี
“หึ! ไม่มีน่า” พูดจบไม่รอมันเซ้าซี้ ปรีเข้าไปคุยกับพนักงานสาวที่จ้องพวกเราตาค้าง
ไม่เสียเวลาถามหาสิ่งที่ต้องการ บอกไซส์ด้วยเลย
เธอไม่รอช้าพาผมไปเลือกชุดกระต่ายสีขาว มีหูมีหาง แถมเป็นชุดบิกินีฉลุลายสีขาวทั้งตัว
“ตกลงผมเอาชุดนี้ครับ” ยื่นบัตรเครดิตให้เธอ สาวน้อยหน้าขึ้นสีเหมือนเขินผมนิดๆ
กุลีกุจอจัดการนำของที่ผมเลือกไปเคลียร์เงิน ไอ้พรตมันมองอยู่ห่างๆ พอผมเดินมาสมทบถามทันควัน
“มึงเลือกอะไรแวบๆ มีหูมีหางด้วย ซื้อให้ใครวะบอกกูมา”
หน้าหล่อฉายแววสงสัยเด่นชัด เห็นแล้วเกือบหลุดหัวเราะ
“เดี๋ยวมึงก็ได้คำตอบ” บอกแค่นั้นไม่สาธยายยืดยาว มันชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่โวยใส่
“สัดความลับเหี้ยไร มีความลับต้องลงทัณฑ์มึง ถึงเสมอภาค” คิดได้
“ความลับตรงไหน กูพามึงมาด้วย กล้ากล่าวหากูมีความลับ..หืม”
“แบบนี้ก็ความลับเว้ย! เพราะกูไม่รู้รายละเอียด” มันโวยผมใหญ่
“กูพูดหยกๆ เดี๋ยวมึงก็รู้ ถือเป็นความลับด้วยเหรอพรต”
“แต่กูอยากรู้ตอนนี้” ง่องแง่งเป็นเด็กเลยห่า
“หัดเอาแต่ใจตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยอะไรนักหนา อดใจรออีกนิดไม่ได้ ถึงบ้านมึงได้ความกระจ่างแน่..กูรับปาก”
ตัดบท มันยอมสงบปากสงบคำ แอบเห็นขยับยุกยิกไม่ส่งเสียง หลอกด่าผมชัวร์
กลับจากห้างมาถึงบ้าน ไอ้รั่วเหมือนลืมปัญหาคาใจโดยปริยาย
ลิ่วเข้าครัวแกะเป็ดลงจานตั้งโต๊ะอย่างขะมักเขม้น เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้
“รัน..กินเป็ด” เรียบร้อยเรียกผมที่เอกเขนกตรงโซฟา ไม่มีส่วนร่วมช่วยมันแต่ประการใด
บางครั้งการอยู่นิ่งๆ มองมันทำนั่นนี้โน้น รู้สึกเพลินและให้ความสุขทางใจอย่างหนึ่ง ไม่สามารถมีคำอธิบายได้
“อืม..” ผมตอบรับ พร้อมขยับลุกเดินไปลากเก้าอี้นั่ง เราสองคนลงมือทานเป็ดปักกิ่งรสชาติตามตำนาน
ไอ้รั่วเคี้ยวเอร็ดอร่อยเห็นแล้วพลอยเจริญอาหารตามไปด้วย สิ่งที่มันชอบมันจะทานได้น่าดูพิลึก เหมือนตอนนี้
“เบาหน่อยก็ได้ ไม่ต้องรีบ” ผมแกล้งแหย่ขำๆ
“รีบเหี้ยไร..กูว่าอร่อยสู้กินที่ร้านไม่ได้”
“ต่างตรงไหน ไม่เห็นเกี่ยว”
“เกี่ยวดิ..หนังเป็ดหมดกรอบไปเยอะ ทานใหม่ๆ กรุบกรอบตายชัก แล้วกระดูกเป็ดต้มซุปก็ได้รสชาติกว่านี้นะมึง”
“มึงคิดไปเองแหละ กูว่าเหมือนเดิม” ความจริงมันพูดถูก ไม่อยากยอมรับเฉยๆ
“ช่างเหอะ ถามลิ้นจรกาอย่างมึงจะรู้สึกอะไร” ฟังปากแม่งดิ
“จรกาพ่องมึง ลิ้นจระเข้สัด..เสียใจกูลิ้นสิงห์ไม่ใช่สัตว์ชนิดที่มึงใช้สำนวนเปรียบ”
ผมแก้ให้ พร้อมคุยทับไปในตัวเสร็จสรรพ
“คึคึ! สิงห์พ่องมึงแดกเป็ด” หัวเราะทั้งที่มีเป็ดคาอยู่ในปาก
“เออ..สิงห์อย่างกูแดกเป็ด ว่าแต่มึงเหยี่ยวประเภทไหนแดกสัตว์ปีกพวกเดียวกันลงคอวะ ชั่วซะไม่มี”
ความจริงผมอยากกวน วิถีชีวิตเหยี่ยวก็แดกหมดแหละ
“ห่า..เป็ดไก่เหยี่ยวแดกเหอะ ถึงจะสัตว์ปีกแต่สปีชี่ส์คนละชั้นเว้ย! เหยี่ยวกูบินสูง เหินลมบนฟ้า
เป็ดไก่เรี่ยดินย่อมเป็นอาหารกูตามระเบียบ มึงสิมั่ว..ข้อมูลไม่แน่นยังเสือกแถ” ฮะฮ่าๆๆ..ขำท่าทางมันชะมัด
“เหรอ..แสดงว่ามึงข้อมูลแน่น” ผมปูทางเข้าเรื่อง หลังเห็นสามในสี่ส่วนของเป็ดตรงหน้าหายเกลี้ยง
ตั้งท่าจะอิ่มในไม่กี่วินาทีนี้
“คึคึ! อย่างน้อยก็ไม่โง่เหมือนมึง..ฟราย!” มียักคิ้วกวนผมอีก
“งั้นตอบดิ..สิงห์ชอบแดกอะไรเป็นของโปรด” มีชะงักทำสีหน้าลังเล คงคาดคะเนว่าผมจะมีลูกไม้อะไรสิท่า
“สัตว์กินเนื้อแดกไม่เลือก แม้แต่คนมันก็แดก ลองหิวขึ้นมาไม่มีเว้น” หึหึ! ฉลาดตอบดีนัก
“แต่สิงห์รันอย่างกูนิยมแดกสัตว์ชนิดหนึ่งเป็นพิเศษ มึงเดาถูกไหม” ผมยังล่อไม่เลิก
“แดกตัวเหี้ยอะไร สิบสองปีนี้มึงแดกกูไม่เว้น ยังมีหน้าให้กูเดา ครวย! กะตลบหลังหัวเราะกูงั้นดิ”
เหอะๆ! กลั้นขำไม่อยู่ ผมหลุดยิ้มกว้างแต่ยังเก็บอาการไม่หัวเราะให้มันได้ใจมากนัก
“เสียใจพรต..กูชอบแดกกระต่ายเป็นพิเศษ” ผมขยิบตาเจ้าชู้ให้ไปที พร้อมกับยิ้มโชว์เขี้ยว
เผยลักยิ้มประจำตัว มันหน้าแดงทันควัน
“เชี้ย! อย่ามองแบบนี้ พาอิ่มเลยสัด” มันเขินทำมาอ้าง แทะเป็ดจนกระดูกแทบไม่เหลือมีหน้าพูดอีก
“ตกลงอิ่มแล้ว” เปลี่ยนหัวข้อฉับพลัน
“อืม..อาบน้ำพักผ่อนเหอะ พรุ่งนี้เจอไอ้โต๋กับตะเกียงแล้ว” มันบอก
“ดี..ไปอาบน้ำดิ กูเก็บล้างเอง” มันจัดให้กิน ผมเก็บล้างเสมอภาคไม่มีการเอาเปรียบ
“น่ารักนะมึง..คึคึ!” มีหยอกเอามือหยิกแก้มผมที ก่อนเผ่นหนีเข้าห้องไม่งั้นผมจะถีบมันสักดอก
เหี้ยเอร้ย! มือเหนียวเป็ดเสือกป้ายหน้ากู ไอ้สาดด..พรตตตต!!!
“นอนนะ” มันตั้งท่าปิดไฟ หลังพวกเราอาบน้ำกันเรียบร้อย
“ยัง..มึงมีคดีต้องชำระความก่อน” ผมเข้าเรื่องทันที
“ความเหี้ยไร มึงจะเล่นอะไรรัน นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว มีอะไรไว้คุยพรุ่งนี้
อย่าบอกมึงนอยด์กู ล้อมึงเรื่องน้องพลัส” พูดเองถามเอง
“เปล่า” ผมตอบ
“งั้นก็หึงกูกับหมวยเล็ก”
“มีส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด”
“หืม..ตกลงเรื่องอะไร ไหนว่าดิ” เข้าทาง ในที่สุดมันทนไม่ได้ นิสัยมันเป็นเช่นนี้เสมอ
“มึงใช้วิธีไหน ปฏิเสธหมวยเล็กให้เธอตัดใจ ตอนมาสารภาพรักมึง” ผมเน้นคำหลังเสียงต่ำ
“ง่าาา!!!..” มันมีชะงัก หลุดเสียงฟังไม่ได้ศัพท์
“บอกกูมา” ผมเร่ง
“มึงจะรู้ไปทำไม รู้แค่ว่าเธอเลิกชอบกูแล้ว แต่งงานมีผัวก็พอน่ารัน” มันหาทางตัดบท
“มึงมีอะไรปิดบังกู..พรต” ผมจ้องเขม็ง เก๊กหน้าจริงจังไม่ติดเล่นน้ำเสียงก็เน้นเป็นพิเศษ หน้ามันเลิ่กลั่กแล้ว
“กูแค่บอกมีคนรักแล้ว ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกเธอได้ก็เท่านั้น” ยังเหนียวเอาตัวรอดได้อีก
“เหรอ..แค่นั้นจริง” ผมไม่ปล่อย ไล่บี้มันต่อ
“มึงจะอะไรวะ..ผีเข้าตอนดึกเหรอ” มันชวนตีแล้ว โวยวายใส่อาการหาเรื่องเพื่อจะจบเกม
“มึงโกหกปิดบังกู ข้อหาสองกระทงนี้ กูมีสิทธิ์ลงทัณฑ์ จะยอมรับความผิดไหม..วรพรต” ตีแสกหน้าโดยไม่รอแล้ว
“โกหกเรื่องอะไร ปิดบังอะไรวะ” มันไม่ยอม หน้านิ่วคิ้วขมวดเต็มที่ งานนี้เหมือนมันจะยังไม่รู้ตัว
“มึงไม่ได้บอกหมวยเล็กอย่างที่พูด วันนี้กูเจอน้องเค้าตอนซื้อเป็ด กูสังหรณ์อยู่ว่าต้องเจอ
แต่ดันเซอร์ไพรส์เกินคาด เธอเรียกกู ‘พี่สะใภ้’ มึงมีอะไรจะแก้ตัวไหม วรพรต”
ผมขู่เสียงแข็ง มันหน้าเหวอเรียบร้อย หลังรู้ว่าความแตก
“ไรเล่า..กูเห็นเป็นวิธีที่เหมาะทำให้เธอตัดใจได้ มึงสมควรภูมิใจที่กูแก้ปัญหาลุล่วงถึงจะถูก
มาฟื้นฝอยขุดคุ้ยเป็นเรื่องทำไมกัน” ไหลลื่นดีนัก
“กูจะไม่ฟื้นฝอย ถ้ามึงบอกฐานะตามจริง นี่มึงเล่นสลับบทบาทของเราโดยไม่ขอความเห็นจากกูก่อน
ไหนเคยตกลงกันไม่ใช่ เรื่องเราสองคน หากต้องมีบุคคลที่สามรับรู้ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนิทเป็นพิเศษ
เราจะปรึกษาคุยกันก่อน มึงผิดคำพูด หนำซ้ำยังให้บทบาทกูเพี้ยนอีก คิดสิ..กูเจอทักแบบนี้ซึ่งหน้า
ถ้าควบคุมสติไม่เก่งจะรู้สึกยังไง ในเมื่อมึงไม่ระแคะระคายให้กูรู้แม้แต่น้อย” ผมโยนความผิดให้มันทันที
ความจริงไม่ได้โกรธอะไรมากมาย แค่หาทางทำเรื่องสนุกอย่างที่ฝันอยากทำกับมัน
บังเอิญสบโอกาสเลยอาศัยจังหวะนี้เล่นมันซะ
“กะ..กู ไม่คิดว่าเธอจะกล้าเรียกมึงนี่หว่า” น้ำเสียงอ่อนลงเหมือนสำนึกผิด
ผมหัวเราะในใจ แต่ยังเก๊กหน้านิ่งไม่หลุดฟอร์ม
“ไม่ใช่แค่กล้าเรียก เธอยังเล่าให้กูฟังถึงสิ่งที่มึงบอกหมดเปลือก
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถือว่ามึงปิดบังกู ยอมรับความจริงไหมวรพรต” ผมได้ที
“เออ..ยอมก็ได้ฟ่ะ! ครวยแม่ง..แค่นี้ก็ไม่ใจเลย..ห่า”
มีบ่นผมตาขมึงอีกต่างหาก ผมไม่ใจอ่อนหรอก รอจังหวะมานาน
“งั้นยอมรับการลงทัณฑ์จากกูตามกฎ คืนนี้กูเอามึงจนกว่าจะพอใจ ตกลงไหม”
ผมยืนเงื่อนไข มันทำตาโต ก่อนเผยรอยยิ้มกว้าง
“โด่! นึกว่าเรื่องอะไร กูยอม..ความจริงมึงไม่ต้องหาเรื่องมาอ้างเพื่อจะอัดตูดกูหรอก
ขอร้องดีๆ มีหรือกูไม่ใจอ่อน..ฮะฮ่าๆๆ” ดันหัวเราะร่าสนุกสนานเสียอย่างนั้น
“ยังไม่หมด มึงต้องใส่ชุดนี้ขณะที่เรามีอะไรกันด้วย”
ผมลุกไปหยิบถุงก่อนจะดึงสิ่งที่อยู่ข้างในมายื่นให้มัน
“ชุดเหี้ยไร กูไม่ใส่” มันส่ายหัวพรืดทันควัน
“มึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ตอนนี้มึงเป็นจำเลย ต้องโทษทัณฑ์อยู่ จำที่โต๊ะมื้อค่ำได้ไหม
กูบอกสิงห์อย่างกูแดกกระต่าย มึงจงเป็นกระต่ายน้อยซะดีๆ” ผมจ้องตาบังคับมันไม่ให้ค้าน
มันออกอาการฮึดฮัดคว้าชุดกระต่ายไปดู ก่อนจะทำหน้าปุเลี่ยนสุดชีวิต
“ควาย! มึงดูกูดิ อย่างกับกรูปรีให้กูใส่ชุดกระต่ายขาว ติดหูติดหางแบบนี้นี่นะ
เอามีดมาแทงกูแทนเหอะรัน” ผมบิดหน้าหนีกลั้นขำท้องเกร็ง ฉิบหาย! เปรียบซะกูเห็นภาพเลยสัด
“เออ..กระต่ายหน่อมแน้มกูไม่ปรารถนา กระต่ายล่ำกล้ามสวยอย่างมึงแหละ
กูจะแดกทั้งตัว ใส่ซะดีๆ” มันอึ้งตาค้าง หน้าแดงแปร๊ดเป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายชุดรัดรูปสีขาวฉลุลาย
เผยเนื้อหนังล่อแหลมพร้อมหูหางฟูก็อยู่บนร่างถึกบึกบึนสมชายของมันจนได้
“อุบาทว์จนกูไม่กล้ามองตัวเอง ไว้มึงพลาดกูจะให้ใส่ชุดนางแมวอย่าว่ากูไม่เตือน
มึงต้องมีพลาดให้กูสักครั้งแหละน่า” มันขู่ผมทั้งที่หูแดงหน้าแดง แม้แต่คอยังแดงเถือก
“คึคึ! ไว้ถึงตอนนั้นกูจะใส่ให้มึงเองพรต” ว่าแล้วผมก็รั้งตัวมันลงมานอนแอ้งแม้งบนเตียง
ก่อนจะตามประกบบดจูบดูดดื่มโหมโรงเล็กๆ นำร่องของคืนนี้ มันออกอาการประหม่าเพราะเขินจัด แต่ก็ให้ความร่วมมือโดยดี
“มึง..รอบเดียวพอนะ” พอถอนจูบออก มันรีบยื่นข้อเสนอ
“ทำไม..เดิมทีกูบอกทำจนพอใจมึงไม่มีค้าน” ผมอ้างคำพูดที่ดี๊ด๊าก่อนหน้านี้
“ฟราย! กูไม่คิดมึงจะพิเรนทร์จับใส่ชุดกระต่ายนี่หว่า” สบถผมใหญ่
“ไม่เกี่ยว..กูให้มึงเต็มที่ไม่เกิน 3” จบประโยค โถมร่างลงทับพร้อมกับระดมปากจมูกซุกไซร้ทั่วร่างมันทันที
“อ่า..อ๊า!” เสียงครางระงมของเราทั้งคู่ ให้ความรู้สึกตื้นเต้นเร้าใจชะมัดยาด ไอ้รั่วในชุดกระต่าย
ให้ตายชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสบ่อย จะถ่ายคลิปไว้กลัวมันเสียอารมณ์ คงได้แต่บันทึกในความทรงจำ
ที่แน่ๆ ผมจัดหนักเพราะรู้สึกคึกเป็นพิเศษ..อืมมมม!!!
ขอตัวไปฟัดกระต่ายยักษ์หน้าหล่อ หุ่นนายแบบเนื้อแน่นกล้ามสวยตรงหน้านี่ก่อน
ให้ตายกระต่ายตัวนี้มีหูกับหางสีขาว แต่ตามตัวขนดำขึ้นเป็นพรืดดดดด!!!...ฮะฮ่าๆๆๆ
ก่อนอื่นต้องขอแก้ไขความเข้าใจกันหน่อย
ไม่ใช่ว่าจะจบเร็วๆ นี้ แค่บอกไม่เกินสิ้นเดือนหน้า คงจบแล้วค่ะ
ใครที่อยากเก็บชุดนี้ไว้ เก็บตังค์ได้ เปิดโอนเช่นเคย
ราคาไม่เกิน 800 แน่นอนค่ะ อาจจะมีเสื้อยืดอีก 1 ตัว สกรีนพรต รัน
ราคาหนังสือตามปกที่เสร็จแล้ว 600 บาทค่ะ 2 เล่มจบ
ถ้ามีบ็อกเซทก็ถึง 800 แน่ๆ เสื้อตั้งใจทำแจกฟรีจร้าาาาา
แต่ถ้าไม่มีบ็อกเซทคงไม่ถึงอ่ะค่ะ
หรืออาจสกรีนรูปสิงห์กับเหยี่ยว ขอเสียงร่วมโหวตหน่อยนะคะ
ส่วนข้อความ 'รักรั่วๆ..ไม่กลัวลองดู' ทั้งหมดสกรีนด้านหลัง
ส่วนรูปพรต รัน เห็นว่ามันส่อเยอะไปอ่า อาจใช้สัญลักษ์รูปสิงห์กับเหยี่ยวแทน
ใครคิดเห็นเป็นอย่างไร ร่วมแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ปล.ชุดนี้มีบ็อกเซทหรือไม่มีดี ขอแสดงความคิดเห็นอีกข้อค่ะ 
Luk.
