[ 4 ]
เหี้ยแล้ว!! ทำไมผมถึงไม่รังเกียจ เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากของไอ้ต้าร์ที่บดเบียดอยู่บนปากผมวะ
กูไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว้ย แต่...ไอ้ต้าร์แม่งจูบซะกูเคลิ้ม
เดี๋ยวนะ...ถึงกูจะเคลิ้ม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะยอมให้มึงสอดลิ้นเข้ามานะโว้ย ไอ้สัด!!
โครม!!!ผมถีบไอ้ต้าร์ลงไปกองอยู่ที่พื้น รีบโกยอากาศเข้าปอด ยืนหน้าแดง หอบหายใจแฮ่กๆ ไอ้ต้าร์ที่นั่งอยู่บนพื้นมองผมไม่วางตา ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยคำพูดที่ทำเอาผมหน้าแดงแปร๊ด
“เหี้ย...หวานฉิบ!!”
“มึง!!...มึงจูบกู”
“กูอยากทำมากกว่าจูบด้วยซ้ำ”
“มะ...มึงเป็นเกย์เหรอวะต้าร์”
“เออ! กูเป็นเกย์ แล้วกูก็ชอบมึงมานานแล้วด้วย”ผมถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ อ้าปากค้างกับสิ่งที่เพิ่งรู้
...เรื่องที่ไอ้ต้าร์เป็นเกย์ยังไม่น่าตกใจเท่ากับเรื่องที่มันชอบผม
“นะ...นานแค่ไหนแล้ววะ” ผมถามออกไปเสียงตะกุกตะกัก มีอะไรน่าช็อกกว่านี้อีกไหมวะ
โดนเพื่อนสนิทจูบ รู้ว่าเพื่อนสนิทเป็นเกย์ แถมเพื่อนสนิทคนที่ว่ามันยังชอบผมอีก!!!
ไอ้ต้าร์ลุกขึ้นมาช้าๆ ปัดเศษฝุ่นที่ติดตามเนื้อตามตัวออก ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม แววตาที่จริงจังของมันเหมือนสะกดให้ผมยืนอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับไปไหน จนปล่อยมันเดินเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้ง
“มอหก...” มันบอกก่อนจะจ้องหน้าผม “มึงรู้ไหมว่าแค่กูเห็นมึงอาบน้ำตอนเข้าค่ายปัจฉิม กูก็มีอารมณ์แล้วหว่ะดรีม...”
“อะ...ไอ้เหี้ย...”
ผมด่ามันออกไปแล้วก็ต้องหน้าแดง ไม่เข้าใจว่าอกแบนๆของผมไปเร้าอารมณ์มันตรงไหน
“แล้วแฟนมึงล่ะ มึงคบกับผู้หญิงมาตลอดไม่ใช่เหรอวะ”
“กูคบ แต่กูไม่ได้ชอบ คนที่กูชอบคือมึง” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูผม “กูบอกแล้วว่ากูเป็นเกย์ กูไม่เคยเอากับผู้หญิงคนไหนเลย”
“อะ...ไอ้เหี้ย”
“วันนี้มึงด่ากูเหี้ยมาหลายรอบแล้วนะ ถ้ามึงด่ากูอีกคำ...กูกระชากมึงเข้ามาจูบแน่ๆดรีม”
“อะ...ไอ้หื่น มึงโรคจิตเหรอไงวะต้าร์ ถ้ามึงจูบกูอีก กูจะ...”
“จะทำอะไรกู อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้มึงรังเกียจ ถ้ามึงไม่ชอบ มึงคงไม่ทำหน้าเคลิ้มขนาดนั้น”
“กูไม่ได้ชอบ แต่กูแค่ไม่รังเกียจ มึงพูดไม่รู้เรื่องเหรอ”
“มึงไม่รังเกียจเกย์ก็ดี กูบอกไว้เลยว่า...กูจะจีบมึงแน่ๆ”
“แล้วแฟนมึงล่ะ?” ผมถามมันเสียงหลง ทำไมไอ้ต้าร์มันถึงได้พูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆเลยวะ
“ก็เลิกสิ พวกนั้นรู้อยู่แล้วว่ากูไม่ได้ชอบ ก็แค่อยากคบกูอวดคนอื่น” มันพูดก่อนจะยักไหล่อย่างไม่แคร์อะไร
“แต่กูมีแฟนแล้วนะเว้ย” ผมนึกอะไรไม่ออก รีบเอาไอ้พี่เต็งมาอ้างก่อนเลย
“มึงคิดว่ากูเป็นใครวะดรีม กูรู้จักมึงมานานแค่ไหน วันๆมึงก็อยู่กับส้ม จู่ๆมาบอกกูว่ามีแฟน คิดว่ากูจะเชื่อเหรอ”
“แล้วทำยังไงมึงถึงจะเชื่อครับ”ผมไม่ได้พูดนะเว้ย ไอ้คนที่เพิ่งมาถึงต่างหากที่พูด ไอ้พี่เต็งมายืนข้างหลังผมกับไอ้ต้าร์ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“ดรีม...มาหาพี่”
ผมขยับจะเดินไปหาพี่เต็ง แต่ไอ้ต้าร์ก็คว้าข้อมือผมเอาไว้ ไม่ยอมให้ไปไหน เล่นเอาไอ้พี่เต็งถึงกับกัดฟันกรอด ก่อนจะคว้าข้อมือผมไว้อีกข้าง เลยกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างจับแขนผมคนละข้าง โดยมีผมยืนอยู่ตรงกลางอย่างกับกำลังเล่นชักกะเย่อกันอยู่
“ไอ้ดรีม...”
ผมมองซ้ายทีขวาที แล้วก็จิ๊ปากออกมาด้วยหงุดหงิด
ทำไมมึงสองตัวต้องทำให้กูตกอยู่ในสถานการณ์น้ำเน่าแบบนี้ด้วยวะ
กูเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องมารุมแย่งกู
“ดรีม...เลือกมาว่าจะไปกับใคร”
“มึงเลือกเลยดรีม”
อยากให้กูเลือกนักใช่ไหม ได้...เดี๋ยวกูจะเลือกให้
ผมสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของทั้งคู่ ก่อนจะหันไปตะโกนใส่หน้า
“ไม่เลือกโว้ย อย่ามาไร้สาระ”
.
.
ผมเดินสาวเท้าเร็วๆกลับมาหาส้ม กูหิวข้าวจะแย่ พวกแม่งยังเสือกไร้สาระกันอีก
“หิวข้าวแล้ว ไปกันเถอะ” ผมพูดพร้อมกับแย่งของจากมือส้มมาถือไว้เอง
“แล้วต้าร์ล่ะ” ส้มถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นผมกลับมาคนเดียว
“ไม่รู้ ช่างหัวมัน”
“แล้วได้เจออาจารย์เต็งหนึ่งหรือเปล่า เห็นเขามาถามหาแกอยู่”
เฮ้ย!! ชื่อคุ้นหว่ะ อย่าบอกนะว่า...
“นั่นไง เดินตามหลังแกมาพอดี”
ผมหันขวับกลับไปมอง เลยได้เห็นไอ้พี่เต็งพาหน้าหล่อๆกลับมา แต่ไอ้ที่เพิ่มขึ้นนี่สิ...รอยช้ำตรงมุมปาก นี่อย่าบอกนะว่ามึงต่อยกับไอ้ต้าร์มา ประสาท!!
“อาจารย์เต็งหนึ่งจะมาเป็นอาจารย์พิเศษแทนอาจารย์พิชญ์ที่ภาคการตลาดหนึ่งเดือน แกกับฉันก็มีลงเรียนวิชาเขาไว้ด้วยนะ”
“หา...”
“วิชาเลือกที่ฉันชวนแกลงไง ลืมแล้วเหรอวะดรีม”
“มะ...ไม่ได้ลืม แต่ว่า...” ผมขยับจะอ้าปากถามส้มต่อ แต่เจ้าตัวก็หันไปยกมือไหว้ไอ้พี่เต็ง เอ๊ย อาจารย์เต็งหนึ่ง
“สวัสดีค่ะอาจารย์เต็งหนึ่ง นี่ไงคะดรีม ที่อาจารย์ตามหาอยู่”
“ผมเจอเขาแล้วล่ะ ขอบใจมาก พวกคุณยังไม่ได้ทานข้าวกันใช่ไหม ขอผมไปทานด้วยคนนะ” สาบานเถอะว่ามันพูดกับยัยส้ม แต่ทำไมถึงได้เอาแต่มองผมวะ
“ได้เลยค่ะอาจารย์ พวกหนูกำลังจะไปทานที่โรงอาหารพอดี”
นี่มันอะไรวะเนี่ย!! ไอ้ต้าร์ชอบผม แล้วไอ้พี่เต็ง...แฟนกำมะลอที่ผมเช่ามาแบบไม่รู้เรื่องก็ยังเสือกมาเป็นอาจารย์ที่คณะอีก
“พี่สาวสบายดีนะ...”
“หะ...หา?...” ทำไมวันนี้กูหาหลายรอบจังวะ
ยัยส้มส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะผ่อนฝีเท้าลงมาเดินข้างผม แล้วยื่นหน้ามากระซิบข้างหู
“อาจารย์เต็งหนึ่งเขาเป็นเพื่อนกับพี่สาวแกไง นี่แกจำเขาไม่ได้เหรอ”
ว้อทททท!!! มีอะไรวุ่นวายกว่านี้อีกไหมวะ
เอาเลยเว้ย...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของไอ้ดรีมวะ
.
.
“ผมว่าพวกคุณต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลักการตลาดอยู่บ้างจากที่เรียนกับอาจารย์พิชญ์มา เอาเป็นว่าผมจะขอสั่งงาน...”
ผมทำหน้าเบ้ ก่อนจะหันไปกระซิบเสียงเบากับส้มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เพิ่งมาสอนคาบแรกก็สั่งงานเลยเหรอวะ”
“คุณกรวิชญ์มีตรงไหนไม่เข้าใจถามผมได้นะครับ ไม่ต้องถามเพื่อนข้างๆ”
แม่ง!!...กูเกลียดไอ้พี่เต็งเว้ย เรียกชื่อผมออกไมค์เลย
“ถ้าไม่มีอะไรสงสัย ผมจะสั่งงานต่อเลยนะครับ...ผมจะให้พวกคุณสมมติว่าตัวเองเป็นโปรดักส์ชนิดหนึ่ง แล้วเขียนว่าจะพรีเซ้นต์ตัวเองยังไง ส่งคาบหน้านะครับ ส่วนวันนี้ก็พอแค่นี้ครับ อ้อ...คุณกรวิชญ์อย่าเพิ่งกลับนะครับ เดี๋ยวอยู่คุยกับผมหน่อย”
ผมจิ๊ปากออกมาอย่างขัดใจ ยัยส้มก็เอาแต่ทำหน้าเยาะเย้ย ผมเลยต้องรีบโบกมือไล่ให้ไปไกลๆ คนอื่นๆพากันเดินออกไปหมด จนเหลือแค่ผมกับไอ้พี่เต็งสองคน ไอ้พี่เต็งเดินมาหาผมที่นั่งกอดอกอยู่ที่โต๊ะเลกเชอร์ก่อนจะถามเสียงทุ้ม
“เข้าใจที่พี่สอนหรือเปล่า”
“เข้าใจสิ พี่สอนเข้าใจง่ายจะตาย”
ผมไม่ได้พูดเอาใจมันนะครับ แต่ไอ้พี่เต็งสอนเข้าใจง่ายจริงๆ หยิบยกตัวอย่างในชีวิตประจำวันมาเปรียบเทียบ ทำให้ผมนึกภาพออก ไม่เหมือนกับอาจารย์คนอื่น ที่ชอบยัดแต่หลักวิชาการใส่หัวของผม
แต่เดี๋ยวก่อนนะ...
“ตกลงพี่รับจ้างเป็นแฟนหรือว่าเป็นอาจารย์กันแน่เนี่ย ผมงงไปหมดแล้วนะ”
ไอ้พี่เต็งทำตาหลุกหลิกอย่างมีพิรุธแวบนึง จนผมแทบมองไม่เห็น ถ้าไม่ทันได้สังเกต ก่อนจะปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิม
“อยากรู้เรื่องพี่เหรอไง” นอกจากมันจะไม่ตอบคำถามผมแล้ว มันยังทำเฉไฉอีก
“ไม่ได้อยากรู้หรอก พี่จะเป็นอะไรก็เรื่องของพี่ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับผมเลยซักนิด” ผมตอบปัดๆอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเก็บของลงกระเป๋า
“ไม่สนใจพี่ซักนิดเลยเหรอ” เสียงหงอยๆนี่มันอะไรกัน ผมเช่ามาเป็นแฟนเฉยๆ ทำไมทำอย่างกับโดนผมหักอกเลยวะ
“ตกลงพี่เรียกให้ผมอยู่ทำไมเนี่ย”
“กลับด้วยกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“จะบ้าเหรอพี่ เราเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์กันนะ”
“พี่เป็นแค่อาจารย์พิเศษเฉยๆ แล้วพี่ก็เป็นเพื่อนพี่สาวดรีมด้วย ที่สำคัญ...พี่เป็นแฟนดรีมอยู่นะ”
“แฟนเช่า!!”.
.
‘กฎข้อที่สาม อย่าคิดว่าเป็นแค่ลูกค้า บอกตัวเองว่าเขาเป็นแฟนเรา’ผมกับไอ้พี่เต็งเดินออกมาถึงหน้าคณะด้วยกัน ก่อนจะต้องชะงัก เมื่อเห็นไอ้ต้าร์ยืนพิงรถของมันอยู่ ไอ้ต้าร์กับไอ้พี่เต็งยืนจ้องตากัน โดยไม่มีใครหลบสายตาใคร จนผมต้องทำหน้าหน่ายๆออกมา แล้วเป็นฝ่ายเอ่ยถามไอ้ต้าร์
“มึงมาทำไมวะต้าร์”
“กูมารับมึง” ไอ้ต้าร์ตอบสั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ
“ไม่เป็นไรหรอกน้องต้าร์ เดี๋ยวพี่ไปส่ง
แฟนพี่เอง”
พี่เต็งเน้นคำว่าแฟนเสียงหนัก พร้อมกับโอบบ่าผมไว้หลวมๆ ผมเห็นไอ้ต้าร์ขบกรามแน่น ขณะมองมือพี่เต็งที่อยู่บนบ่าผมเขม็ง จนแล้วจนรอด...ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ยังติดค้างคาใจอยู่
“แล้วแพรว
แฟนมึงล่ะ?” ผมย้ำคำว่าแฟนมัน ให้มันสำนึกว่าตัวเองยังมีแฟนอยู่
“ไม่มี เลิกแล้ว” มันยังคงตอบสั้นๆ ง่ายๆ
ผมนึกโกรธไอ้ต้าร์ขึ้นมาตงิดๆ ทำไมมันถึงทำเหมือนทุกเรื่องเป็นเรื่องง่ายๆ
จู่ๆนึกจะมาบอกผมว่าชอบ มันก็ทำได้ง่ายๆ
พอมันนึกจะบอกเลิกแฟนมัน มันก็ทำได้ง่ายๆเหมือนกัน
“มึงบ้าไปแล้วเหรอวะต้าร์ มึงประสาทหรือเปล่า”
“กูไม่ได้บ้า ที่ผ่านมากูยอมรับว่ากูเองขี้ขลาดจนเกือบจะต้องเสียมึงไป แต่กูไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ๆ”
“ไม่คิดว่าช้าไปหน่อยเหรอไง” พี่เต็งถามมันพร้อมกับทำหน้าเหยียดๆ
“กูรู้ว่าดรีมแค่เอามึงมาแอบอ้างเป็นแฟน เพราะงานเลี้ยงรุ่น”
ผมถึงกับชะงักไปทันที ไอ้ต้าร์มันรู้ ผมน่าจะจำได้ว่าเพื่อนในกลุ่มที่รู้จักผมดีกว่าใครก็คือมัน
“เรื่องพนันงานเลี้ยงรุ่นบ้าบออะไรนี่ก็เป็นความคิดกูเอง”
“ทำไม?...”
“กูรู้ไงว่ามึงไม่มีใคร มึงไม่มีแฟน กูคิดว่าถ้ามึงมาปรึกษากู กูอาจจะเสนอตัวเป็นแฟนมึงให้ แต่ใครจะไปรู้...ว่ามึงจะไปคว้าใครที่ไหนไม่รู้มาเป็นแฟน กูจะไม่เจ็บใจเลยถ้าไอ้คนที่มึงคว้ามาเป็นแฟน...ไม่ใช่ผู้ชายเหมือนกู”
“กู...”
“ทำไมวะดรีม ทั้งๆที่มึงเคยบอกว่ามึงรังเกียจเกย์ จนกูถอดใจ...”
“กูไม่เคยพูด มึงไปเอามาจากไหน”
“พี่เดียร์บอกกูว่ามึงรังเกียจเกย์”
หา...ยัยเจ๊ของผมเนี่ยนะ!?!ผมพยายามมองหาความล้อเล่นจากแววตาของไอ้ต้าร์ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เจอจริงๆ และไอ้ต้าร์เองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกผมด้วย ตัดประเด็นเรื่องที่มันจะพูดเล่นกับพูดโกหกออกไป ผมก็ต้องจำใจยอมรับว่าไอ้ต้าร์พูดความจริง แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ...
เจ๊เดียร์ไปบอกไอ้ต้าร์ตอนไหน แล้วบอกทำไม บอกเพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจพี่สาวผมจริงๆ
“ดูท่าว่าคงคุยกันยาวแน่ๆ กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่าไหม”
.
.
หลังจากที่พี่เต็งเสนอความเห็น ผม พี่เต็ง และไอ้ต้าร์เลยตรงกลับมาที่คอนโดผมด้วยกัน ตอนแรกไอ้ต้าร์จะลากผมไปนั่งรถมัน แต่ช้ากว่าพี่เต็งที่รอจังหวะอยู่แล้ว ไอ้ต้าร์เลยได้แต่ขับรถตามมาด้วยความหงุดหงิด
ผมเสียบคีย์การ์ดลงกับประตูห้อง ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องมาอย่างเบลอๆ มึนยิ่งกว่าเจอโจทย์แคลคูลัสอีกเว้ย เดินลากขาเอื่อยๆมานั่งแปะลงบนโซฟา มีไอ้ต้าร์กับไอ้พี่เต็งที่เขม่นกันมาตลอดทาง เดินตามผมมาติดๆ
กำลังล้าๆเหนื่อยๆ แก้วน้ำก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้ามองเจ้าของๆมันก่อนจะเอ่ยขอบคุณเสียงเบา
“ขอบคุณครับ...”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปเตรียมอาหารเย็นนะ”
ผมมองพี่เต็งที่เดินเข้าครัว เปิดตู้เย็นอย่างคล่องแคล่ว ทำเหมือนกับอยู่คอนโดนี้มานาน และทำเหมือนกับว่าเป็นแฟนผมจริงๆ พี่เต็งเองก็คงรู้สึกถึงสายตาของผมถึงมองอยู่ ถึงได้หันกลับมายิ้มให้นิดๆ ทำเป็นมองไม่เห็นไอ้ต้าร์ที่ยืนฮึดฮัดอยู่ข้างๆผม
“ไอ้หมอนั่นมาที่นี่บ่อยเหรอ”
ผมส่ายหน้าช้าๆ พี่เต็งเพิ่งจะมาที่นี่ไม่กี่ครั้ง ไม่บ่อยเท่าไอ้ต้าร์ด้วยซ้ำ แต่ดูคุ้นเคยกับที่นี่จนผมเองยังนึกแปลกใจ ท่าทางต่างๆของพี่เต็งทำเอาผมถึงกับมองเพลิน หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว ดูกระฉับกระเฉงทะมัดทะแมง คนที่เป็นแฟนเช่าเขาต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า
ถ้าไอ้พี่เต็งเป็นแฟนผมจริงๆ ผมคงสบายน่าดูเลย...
“ดรีม...ดรีม...”
“หา...” ผมถึงกับสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงมือไอ้ต้าร์ที่วางลงบนไหล่
“สนใจกูหน่อยได้ไหม กูอยู่ข้างมึงตรงนี้ ทำไมถึงเอาแต่มองคนอื่น”
ผมหันกลับมามองหน้ามันช้าๆ จ้องเข้าไปในแววตาของไอ้ต้าร์
“กูก็อยู่ข้างมึงมาตลอดไม่ใช่เหรอไง”
“กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึง กูรู้ว่ามันผิดที่เพิ่งมาบอกมึงตอนนี้ แต่ขอ...ขอโอกาสให้กูหน่อย”
“ลองให้โอกาสต้าร์ดูสิดรีม ให้พี่กับต้าร์ได้แข่งกันแบบแฟร์ๆ ถ้าต้าร์ทำให้ดรีมชอบได้ พี่ก็จะถอย หรือถ้าดรีมไม่เลือกใครเลย พี่ก็จะยอมเป็นแค่พี่ชาย ส่วนนาย...ก็ต้องยอมรับสถานะเพื่อน โอเคไหม?”
ผมชั่งน้ำหนักคำพูดของพี่เต็ง พูดตรงๆเลยนะ...ผมยังไม่ชอบพี่เต็งและไอ้ต้าร์ แต่เอาเป็นว่าผมจะให้โอกาสทั้งสองคนละกัน แต่เดี๋ยวก่อน...
“แล้วพี่เต็งจะมาทำให้ผมชอบด้วยทำไมล่ะ”
ในเมื่อผมแค่เช่าพี่เต็งมาเพื่อพาไปงานเลี้ยงรุ่นเฉยๆ ยังไงพี่เต็งก็เป็นแค่แฟนเช่าอยู่ดี
“ถ้ายังไม่รู้ พี่ก็จะบอก...พี่ชอบดรีม...”TBCคำเตือน อ่านเพลินๆ อย่าถามหาสาระ เพราะมันไม่มี อ่านเอามัน
ไม่มีพล็อต เขียนไปเรื่อยๆ แล้วแต่จะนึกออก ตอนนี้ยาวกว่าเดิมนิ๊ดนึง
ว่าแต่...ทำไมไม่มีใครให้โอกาสต้าร์เลย ไหงชูป้ายเชียร์พี่เต็งกันหมด
เจอกันตอนหน้านะคะ การเขียนเรื่องนี้ทำให้รู้ว่า...ไม่วางพล็อต นี่ไม่เวิร์คจริงๆ แหะๆ