- 10 -
(part2)
“อา...”
“อ๊า.....”
ใคร...? เสียงอะไร?
แล้วทำไมผมรู้สึกชื้นๆที่หัวนมล่ะ? มีคนเช็ดตัวให้ผมงั้นเหรอ?
“นะโม...” เสียงครางเรียกชื่อทำให้ผมค่อยๆรวบรวมสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดเพื่อจับเหตุการณ์คร่าวๆของตัวผมในขณะนี้ แต่หนังตาผมเนี่ยสิ ทำไมมันหนักจัง
“อา...” คราวนี้เป็นเสียงผมที่หลุดออกไปบ้าง ร่างกายผมทั้งหนาวทั้งร้อน บางครั้งก็เกิดอาการเสียวแปลบที่ช่องท้องจนตัวผมกระตุก
ผมรู้สึกได้ว่ามีน้ำไหลออกมาจากน้องชาย ซึ่งเหมือนจะจบแล้วแต่เปล่าเลย ลิ้นร้อนไล่เลียจากท้องน้อยขึ้นสูงมาเรื่อยๆ ขบเม้มที่ซอกคอผมอยู่นานก่อนที่ริมฝีปากผมจะถูกประทับ
“อ้าปากหน่อย” เสียงนั้นบอก ผมยอมทำตามอย่างว่าง่าย ภายในปากผมถูกกระหวัดเกี่ยวอย่างร้อนแรง เรียกร้อง และเอาแต่ใจ ลำตัวผมถูกมือหนาป้ายไปทั่วทั้งตัว ไม่มีที่ไหนที่เขาไม่ได้สัมผัส จนกระทั่งมือเขาไล้วนที่หว่างขาผม ต่ำลงไปอีกนิด แตะช่องทางนั้นเพียงเล็กน้อย จิตใต้สำนึกผมก็ตื่นขึ้นมาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“อย่า!” ผมร้องพร้อมกับลืมตาตื่น ใบหน้าที่กำลังซุกไซร้คอผมเงยหน้าขึ้นมา
เพียงแต่ดวงตาคมกับหางคิ้วเชิดๆนั่นผมก็จำได้ทันที
“ไอ้โท..” ถึงแม้จะง่วงและไร้เรี่ยวแรง แต่ผมก็พยายามผลักตัวมันออกไป มันขืนเพียงเล็กน้อยผมก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้แล้ว คนตรงหน้าจับข้อมือผม จ้องตากันแบบไม่มีใครยอมใคร
“มึงยั่วกูเองนะ มึงบอกมึงร้อน” ไอ้โทพูดแล้วมองต่ำ “แล้วจู่ๆมึงก็ถอดเสื้อผ้า”
“กูไม่เชื่อ!” อย่างผมเนี่ยนะ...ที่จะนอนแก้ผ้าตัวเอง เหอะ ไปพูดให้ควายฟังไป
ตอนนี้ผมตื่นเต็มตาแล้ว สะบัดหัวไล่ความง่วงก่อนจะลุกขึ้น ไอ้โทมันปล่อยผมง่ายดายแต่ก็ไม่วายถามเสียงแข็ง
“มึงจะไปไหน?”
“กลับหอ”
“เหอะ มึงลืมแล้วเหรอว่ากูซื้อมึงแล้ว” มันย้ำในสิ่งที่ผมลืมไปเสียสนิท ร่างกำยำลุกขึ้นมาจากเตียง ย่างก้าวเข้ามาหาผม ส่วนผมก็เดินถอยหลังทีละก้าว ก้าวต่อก้าว...จนหลังผมสัมผัสกับความเย็นเฉียบของกำแพง เงาร่างสูงโน้มทับลงมา
“ตราบใดที่กูยังไม่เบื่อ มึงก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น” มันสั่ง “อยู่ที่นี่! กับกู!”
ให้อยู่กับมึง...สู้ให้กูไปอยู่ใต้สะพานลอยยังดีกว่า!
แต่แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ราคาแพงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ในนั้นมีรูปผม รูปที่ผมต้องการเห็นมันชัดๆอีกสักครั้ง ตอนนี้ในหัวสมองผมว่างเปล่า มีแต่หมอกควันเต็มไปหมด นึกอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
ยิ่งความรู้สึกคุ้นๆตอนที่ไปกินเหล้าเลี้ยงสายรหัสคราวที่แล้วยิ่งทำให้ผมอยากรู้
“มองอะไร? อยากได้รูปงั้นเหรอ?”
ผมตวัดสายตามามองใบหน้าได้รูปอีกครั้ง
“ใช่”
“งั้นก็อยู่กับกู”
คราวนนี้ผมเงียบ ในสมองคิดอย่างรวดเร็ว
เอาไงดี...
“ไม่ต้องคิด อยู่กับกูนี่แหละ” ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าที่รู้สึกว่าน้ำเสียงมันอ่อนลง
“แต่ที่หอ...” ผมค้าน
“เดี๋ยวกูจัดการเอง หอมึงเหมือนจะพังได้ตลอดเวลา”
“งานร้านกุ้ง...”
“ลาออกซะ”
“แต่...” ผมค้านอีก
“มึงคนเดียวกูเลี้ยงไหว” นี่มึงจะให้กูพูดจบสักประโยคไหม ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “กูซื้อมึงแล้วก็ช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยนะ ซักผ้า กวาดถู ทำกับข้าว เป็นใช่ไหม?”
ผมไม่ตอบมัน ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ในเมื่อผมทำเป็นแค่มาม่าและอาหารประเภทไข่ดาว ไข่เจียวและไข่ต้ม ส่วนไข่ที่มีวิธีพลิกแพลงมากกว่านี้...ผมก็ยังไม่แน่ใจ
ไอ้โทมันเดินไปหยิบกระเป๋าเงิน แล้วเดินกลับมาหาผม ยื่นบัตรอะไรไม่รู้มาให้
“รับไปสิวะ นี่ค่าตัวมึง จะใช้เท่าไหร่ จะซื้ออะไรก็แล้วแต่มึง”
ผมรับบัตรมาอย่างกล้าๆกลัวๆ สำรวจบัตรในมือ มันไม่ใช่บัตรเครดิตหรูหราอะไร เป็นเพียงแค่บัตรเดบิตที่ใช้ถอนเงินตามตู้ธนาคารธรรมดาๆ
“วันเกิดมึง”
“อะไร?” คราวนี้ผมเงยหน้า จู่ๆก็มาบอกว่าวันเกิดผม อะไรของมันวะ?
“รหัสบัตรไงสัด โง่อีก” มันบอกตบท้ายด้วยการด่าผม ขายาวๆของมันเดินไปทางห้องน้ำ แต่ผมตะโกนเรียกมันไว้ ทำให้มันหยุดชะงัก
“เดี๋ยว! มึงยังไม่ได้ให้รูปกู”
“กูบอกเหรอว่าจะให้มึงตอนนี้?”
ไอ้เหี้ยยยย กูยอมมึงขนาดนี้แล้ว นี่มึงยังคิดจะ...
“ไปอาบน้ำไป แล้วค่อยมาคุยกัน”
แล้วแผ่นหลังขาวๆของมันก็หายไปในห้องน้ำ ผมก้มมองดูบัตรแข็งในมือ
นี่ผมกลายเป็นเด็กขายอย่างเต็มตัวแล้วใช่ไหม?
ที่กลางโต๊ะอาหารมีไข่เจียว น่องไก่ซีพีที่ทอดเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ผู้ชายอีก 2 คน คนหนึ่งกำลังกินด้วยท่าทางสบายๆ ส่วนอีกคน...กำลังนับเม็ดข้าวอยู่
“แดกสิวะ” แล้วมันก็เขี่ยน่องไก่มาให้ผม เน้นย้ำว่าเขี่ย
วันนี้เป็นวันเสาร์ เมื่อวานที่จัดนิทรรศการเป็นวันศุกร์ ไอ้พวกเพื่อนๆในเจอร์มันเลยเมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนตัวผมที่จู่ๆก็เกิดอาการง่วงจนล้มพับไปกลางร้านก็มีไอ้โทพาผมมานอนที่คอนโด ณ ที่ผมกำลังนั่งอยู่ตอนนี้
จากการให้คำของมัน มันบอกว่าผมตัวเบามาก กรุณาแดกเยอะๆ
“กินให้หมด สงสารชาวนาที่เค้าปลูกข้าวบ้าง”
แหม่ไอ้สัด ก็มึงเล่นตักมาให้กูพูนจานแบบนี้กูคงกินหมดหรอก
ในใจผมคิดแบบนั้น แต่ความจริงคือผมตักข้าวเข้าปากแบบเงียบๆ
เมื่อคืนหลังจากที่มันเข้าไปอาบน้ำ ผมก็ไปอาบน้ำบ้าง พออาบน้ำเสร็จก็พบว่ามันนอนรออยู่ที่เตียงแล้ว ผมหันหลังเพื่อนที่จะไปนอนโซฟาด้านนอกทันที แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้ไปนอนหรอก เกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย แต่เพื่อรักษาระดับอารมณ์ของมันแล้ว ผมว่าผมหยุดเถียงมันดีกว่า
ผมกลัวนะ ตอนที่นอนข้างมัน กลัวว่ามันจะ...ทำแบบนั้นกับผมอีก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไร มันแค่นอนกอดผมเฉยๆเท่านั้นเอง วงแขนกว้างโอบกอดผมราวกับจะปกป้อง แต่ผมคงลืมไปว่าก็วงแขนนี้ไม่ใช่เหรอ...ที่ทำร้ายผม
บทจะโหดก็โคตรน่ากลัว บทจะร้ายก็ร้ายแบบไม่ฟังใคร แต่พอมาเจอมันบทนี้ บอกตรงๆว่ามันทำให้ผมนึกไปถึงตอนที่มันยังไม่ได้รูปบ้าๆจากไอ้เวรที่มันจงใจใส่ร้ายผม
ดังนั้นผมควรจะทำตัวดีๆ เพื่อไม่ให้มันกลายร่างอีก
“จะยัดเข้าไปอีกนานมะ?” ไอ้โทกินหมดนานแล้ว มันนั่งจ้องผมที่พยายามฝืนกินข้าวให้หมด จนสุดท้ายมันคงทนไม่ไหว หยิบจานข้าวผมไปทิ้งหน้าตาเฉย
แล้วหมาตัวไหนมันตักข้าวให้ผมเยอะๆแล้วบอกว่าให้สงสารชาวนาวะ?
“คงไม่ต้องบอกนะว่าต้องทำอะไรต่อไป”
ครับ จานที่เพิ่งกินเสร็จวางเต็มอยู่ตรงหน้า สายตาที่มึงมองมามันฟ้องว่าให้กูไปล้างจาน ซึ่งผมก็เก็บไปล้างแบบเงียบๆ ส่วนไอ้คุณชายเจ้าของห้องไปเปิดหนังนอนดู
พอผมล้างเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
“ยืนค้ำหัวกูอยู่ได้ มานวดให้กูสิวะ” ผมมองไปยังขายาวๆที่พาดเลยไปยังเก้าอี้นั่งเล่นอีกตัว
เห็นแล้วหมั่นไส้ ทำไมผมไม่เกิดมีขายาวๆแบบนี้มั่ง?
ในจอกว้างยาวราบแบนที่ติดกับผนังฉายหนังเรื่องอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าคงเป็นแนวบู๊แอคชั่น เดาจากปกแผ่น ซึ่งถ้าคนอื่นมาเห็นคงรู้แหละครับว่ามันคือเรื่องอะไรและอาจเคยดูมาแล้ว แต่ผม...จนๆอย่างผม ไม่มีเวลาฟุ่มเฟือยไปดูหนังในโรงหรอกครับ เวลาเพื่อนๆคุยกันก็ได้แต่นั่งฟังเก็บข้อมูล
“ตอนบ่าย ไปเก็บของ” ระหว่างที่ผมกำลังนวดขายาวๆของมัน (ซึ่งบางทีผมแอบเน้นน้ำหนักลงไปมากกว่าปกติ แต่ก็ไม่เห็นมันจะร้องโอ๊ยอะไร หมั่นไส้ชิบ) มันก็พูดขึ้นมา สายตาก็ยังคงจับจ้องที่จอขนาดใหญ่
“เอามาแต่หนังสือ พวกเสื้อผ้าของใช้เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่” มันพูดต่อ นั่นทำให้ผมพอเข้าใจแล้วว่ามันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
เปลือง...ผมกำลังจะอ้าปากด่า แต่หากมาคิดๆดูแล้ว ผมควรจะใช้เม็ดเงินที่มันซื้อผมให้คุ้มค่าสิ
หึหึหึ
แล้วมึงจะรู้ว่าค่าตัวกูแพงกว่าที่มึงคิด
รถยุโรปคันหรูไม่ได้เข้ากับหน้าหอพักเก่าๆโทรมๆเลย ดูแล้วขัดตาชอบกล แต่ก็เรื่องของมัน อยากจะจอดตรงนี้ก็ช่าง คงอยากให้คนอื่นสนใจ แต่กูไม่ได้อยากให้คนอื่นสนใจเลยโว๊ยยยยยยยยยยย
“ลงไปสิ” น้ำเสียงมันติดจะขำนิดๆ
ก็ดูมัน!! คนรอบข้างที่เค้าพักกันแถวนี้หันมามองรถของมันใหญ่ แถมบางคนยังชี้และยืนรอคนที่กำลังจะก้าวลงจากรถอย่างใจจดใจจ่อ
“ให้เวลา10นาที”
ห๊ะ มึงให้กูขึ้นไปมองห้องตัวเองเฉยๆใช่มั้ย?
“9 นาที 57 วินาที”
ไอ้สาดดดดดดดดดดดดดดด
ผมจำใจลงจากรถ เดินก้มหน้าก้มตาเข้าหอพักอย่างเร่งรีบ เมื่อถึงหน้าประตูห้องก็ไขกุญแจผลักเข้าไป ภายในห้องยังเหมือนเดิมทุกอย่าง คิดแล้วก็ใจหาย นี่ผมต้องไปอยู่กับมันจริงๆเหรอเนี่ย?
แต่เมื่อคืนมันบอกว่า...ผมจะอยู่กับมัน จนกว่ามันจะเบื่อ...
เหอะๆ น่าสมเพชตัวเองชะมัดเพราะอีกไม่นานมันก็คงเบื่อผม แบบที่มันทำกับผู้หญิงมานักต่อนัก
แต่นั่นก็เท่ากับว่าผมจะเป็นอิสระจากมันไม่ใช่เหรอ...? แล้วผมจะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆอีกครั้ง แม้จะมีบางอย่างที่มันคงไม่เหมือนเดิมก็ตาม
ผมรวบหนังสือมาไว้ในอ้อมกอด ข้าวของผมไม่มีอะไรมาก สำรวจห้องอีกครั้ง ปิดไฟและล๊อคห้องดังเดิม
เดี๋ยวก็ได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม กลับมาอยู่ห้องนี้เหมือนเดิม...
เมื่อลงมาถึงรถ ผมรีบโยนหนังสือไปไว้ที่เบาะหลังแล้วสอดตัวมานั่งคู่กับมันหน้ารถ
“คอม...กูต้องการคอม” เจ้าพีซีที่อยู่ในห้องของผมก็เป็นอีกสิ่งที่ผมคงจะคิดถึงมันมาก ในเมื่อมันบอกว่าผมอยากได้อะไรให้ซื้อ ผมก็จะซื้อ
ไอ้โทมันไม่พูดอะไรนอกจากสตาร์ทรถและเคลื่อนตัวไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังภายในเวลาไม่กี่นาที มันพาผมเดินเข้าออกร้านแบรนด์เนมชื่อดังเป็นว่าเล่น บัตรเครดิตของมันถูกรูดแล้วรูดอีก มันตวัดลายเซ็นนับครั้งไม่ถ้วน จากที่ผมบอกว่าจะซื้อของให้มันหมดตัว กลับกลายเป็นว่าผมนี่แหละกำลังเอ๋อเพราะจำนวนเงินที่ถูกรูดเพื่อใช้จ่ายเสื้อผ้ามันมากขึ้นเรื่อยๆ
“พอแล้วไอ้เหี้ย กะให้กูใส่ยันชาติหน้าเลยเหรอ” ครับ ผมไม่ได้คิดในใจ แต่ด่ามันไปตรงๆพลางชูถุงแบรนด์เนม นี่ในมือผมยังไม่หมด บางส่วนมันสั่งให้ส่งไปที่คอนโดมัน ชุดนิสิตนักศึกษามันก็พาไปตัดที่ร้านซึ่งผมคงไม่กล้าแม้แต่จะเฉียดหน้าร้าน
พอได้ด่ามัน มันก็เหมือนจะรู้สึกตัว มันเลยพาผมไปไอสตูดิโอต่อ มันคุยกับพนักงาน ส่วนผมก็เดินจิ้มโน่นดูนั่นไปเรื่อย ไม่นานนักมันก็เดินมาบอกว่าให้ไปร้านอื่น
มันพามายังศูนย์เครือข่ายโทรศัพท์ชื่อดังแห่งหนึ่ง มันก็จัดการของมันไป ส่วนผมก็ยืนรอเฉยๆเพราะเริ่มเมื่อยแล้ว
“เอาโทรศัพท์มึงมา” ผมล้วงหยิบให้มันอย่างงงๆ มันรับไปแล้วแกะฝาหลัง จัดการถอดแบตหยิบซิมแล้ว...หักทิ้ง
“เห้ย! นั่นซิมกูนะ!”
“ทำไม? กลัวลูกค้าติดต่อไม่ได้เหรอ?” มันถามกลับนิ่งๆ ก่อนจะยื่นไอโฟนสีดำมาให้ผม
ผมไม่ได้อยากได้เลยสักนิด
“กูเมมเบอร์ป้ากู เพื่อนกู เฮียโกวไว้ในนั้น” ผมตอบกลับไป ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดดูถูกถากถาง หากผมเถียงมัน มันก็คงอาละวาด ซึ่งที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง คงไม่เหมาะเท่าไหร่
“แน่ใจเหรอว่ามีแค่นั้น? ไม่ใช่มีเบอร์ไอ้เด็กเหี้ยนั่นด้วยเหรอ?” มันถามเหยียดๆก่อนจะเดินต่อ ทิ้งให้ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของมัน
อย่าบอกนะว่าเมื่อเช้ามันแอบดูโทรศัพท์ของผม แต่ในโทรศัพท์ผมก็ไม่มีอะไรนี่หว่า เบอร์ที่เมมไว้ก็มีแค่...เห้ย เมื่อกี้มันพูดว่าไงนะ? ไอ้เด็กเหี้ย? มัน...หมายถึงปกป้องงั้นเหรอ?
กว่าผมกับมันกลับมาถึงคอนโดก็ปาไปเกือบ 3 ทุ่ม เพราะก่อนที่จะออกไปเก็บของที่หอผมนั้นก็ 6 โมงเย็นแล้ว เรากินข้าวกันที่ห้างนั่นเรียบร้อย ซึ่งผมขอสาบานเลยว่าจะไปกับมันเพียงลำพังเป็นครั้งสุดท้าย
ทั้งๆที่พยายามเดินตามมันต้อยๆให้เหมือนคนใช้มากที่สุด แต่มันกลับดึงตัวผมให้เดินตีคู่กับมัน และก็ยิ่งเห็นความแตกต่างทั้งรูปร่าง หน้าตา ส่วนสูง(อย่าย้ำ) คนรอบข้างมองมันเหลียวหลัง โดยเฉพาะสาวๆบางคนถึงกับกรี๊ด บางคนอาการหนักถึงกับเดินตามเข้าร้านอาหารที่มันพาผมไปกิน
ส่วนคอม...อืมมม มันไม่ได้ซื้อพีซีตั้งโต๊ะ แต่มันซื้อแมคบุคโปรให้ผมตอนทีมันเดินเข้าไปในไอสตูนั่นแหละ วันนี้ผมตามใจมันมาทั้งวันแล้ว ดังนั้นควรถึงเวลาที่ผมจะได้สิทธิของผมซักที
“รูป” ผมเอ่ยขึ้นมาขณะที่มันกำลังเดินเข้าห้องน้ำ
“...” มันไม่พูดอะไร นอกจากเปลี่ยนตำแหน่งการก้าวเท้า มันตรงไปยังโต๊ะทำงานของมัน หยิบไอโฟนขึ้นมาแล้วเอามาให้ผม เบือนสายตาหนีไอโฟนในมือราวกับไม่อยากมอง
“ลูกค้าคนไหนล่ะ? หรือว่าเยอะจนจำไม่ได้?” และไอ้โทก็เดินเข้าห้องน้ำไป
ผมสำรวจรูปในจอ จัดการขยาย เลื่อนทีละมุมอย่างช้าๆ
เตียงแบบนี้...ผมคุ้นๆ ยิ่งเป็นเตียงที่ผ้าปูและผ้าห่มเป็นสีขาว...เตียงในโรงแรมสินะ ผมเลื่อนรูปมายังจุดที่เป็นส่วนหัวของผู้ชายข้างๆ
สีผมแบบนี้...แล้วภาพในหัวภาพหนึ่งก็แว๊บเข้ามา
ตอนปี1 พี่พลก็ทำสีแบบนี้...ไม่ผิดแน่ๆ...จากนั้นในหัวสมองผมก็บรรยายตอนที่ผมไปกินเลี้ยงสายรหัสเป็นฉากๆ
ที่โต๊ะมีพี่พลซึ่งเป็นพี่รหัสและพวกเพื่อนๆที่ผมเจอเมื่อคืนวาน พี่กุ้งที่เป็นลุงรหัส และพี่ดอมซึ่งเป็นปู่รหัส เนื่องจากงานนี้เป็นงานเลี้ยงสายรหัส ไอ้จ๊อบ ไอ้หลาม ไอ้บูม ไอ้โทเลยไม่มีใครมาด้วย ผมเมามาก เดี๋ยวคนนี้ชนแก้ว เดี๋ยวคนนี้ชงให้ ผมดื่มตามที่พี่ๆเขาบอกจนรู้สึกมึนและง่วงมาก ทั้งง่วงทั้งร้อน ผมสลบคาโต๊ะ
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายแก่ ผมจำได้ว่าผมตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเอง ตอนนั้นผมปวดหัวจากอาการแฮงค์มาก แต่เสื้อผ้าอะไรก็ใส่เรียบร้อย ตามตัวไม่มีร่องรอยใดๆทั้งสิ้นนอกจากความปวดล้าของกล้ามเนื้อ
หากผมเดาไม่ผิด...คนที่มาส่งผมที่ห้องคือพี่พล แต่ก่อนที่พี่เขาจะมาส่งผมที่ห้อง...
เขาพาผมไปไหน?
ในรูป...ใช่ตอนก่อนที่พี่พลจะพาผมกลับมาที่ห้องรึเปล่า?
คนที่ตอบได้ก็มีแต่พี่พลซึ่งเป็นพี่รหัสของผมเท่านั้น
Next Chapter >> - 11 - (part1)Talk
แฮร่ แอบมาลง อิอิ
แต่แพรคงมาลงอีกทีคือหลังสอบเสร็จเลยน้า (วันที่27)
พูดถึงเนื้อหากันมั่ง
จะเฉลยแล้ววววว จะได้เขียนพาร์โทแล้ววว (หลังจากที่พระเอกเราโดนด่ามานานมาก)
แพรอ่านทุกคอมเม้นท์นะ ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ ทุกคอมเม้นท์คือแรงผลักดันให้แพรเขียนต่อจริงๆ
บางอันอ่านแล้วขำ บางอันอ่านแล้วเครียด
แบบว่าแต่ละคนคิดเยอะมากก ด่าโทจนแพรสงสารโทเลยอะ แต่ก็ชอบให้โดนด่านะ 5555+
อยากจะบอกว่าเรื่องนี้แพรเขียนเอามันส์ เอาแต่ใจ ซาดิส โรคจิต ข่มขืน (หึหึหึหึหึ)
ดังนั้นหากตรงไหนอ่านแล้วขัดใจกับการกระทำของตัวละครทุกตัวแพรต้องขออภัยด้วยนะคะ
แต่บอกเลยว่าทุกตัวละครมีเหตุผลในตัวของมันค่ะ ซึ่งแพรจะค่อยๆเฉลยนะ ใจเย็นๆ
และนิยายเรื่องนี้ แพรคือคนกำหนด แพรถูกเสมอ กร๊ากกกกกกกก
ทุกท่านนนนน แพรมีเรื่องขอร้องอยากให้ช่วยค่า
ช่วยหาอิมเมจของ นะโมและโทหน่อยค่ะ แพรพลิกหาทั่วแผ่นดินแล้ว
ไม่เจอที่ฟินๆเลย เฮ้ออออ
คือแพรไม่อยากได้ idol เกาหลีอะ มันเกลื่อน
ถ้าให้ดีอยากได้เป็นคนไทย วัยมหาลัย ที่ไม่ดังมาก แบบยังไงดี เอาเป็นว่าหล่อ แต่ไม่ดังเวอร์
อย่างเช่นที่แพรเล็งๆตอนนี้ อิมเมจโทคือพี่ธูป สุดหล่อคณะวิศวะแห่งมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน
(ไม่มีใครรู้จักใช่มั้ยล่ะ? แต่ขอบอกว่าพี่เขาหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)
อิมเมจน้องปกป้องก็อย่างที่เคยโชว์รูปไป หล่อน่ารัก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หึหึ
ช่วยกันเสนอแนะมาน้า
ขอบคุณมากค่ะ
จุ้บๆๆ

รักทุกคน