Three
“คุณหนู ค่อยๆสิครับ ผมเจ็บ...”
“นายอ้ายอย่าเกร็งสิ...แบบนั้นแหละ ดีมาก”
“โอ๊ย!!” ผมร้องลั่น “เจ็บครับ” ผมไม่ชินซะที...
“บอกแล้วว่าอย่าเกร็ง” เขาดุ
“พอถอะครับคุณหนู ไม่ได้ผลหรอก คิดยังไงถึงอยากนวดให้ผมล่ะ”
ช่วงนี้คุณหนูติดนวดครับ เพื่อนคุณหนูคนหนึ่งเปิดร้านนวดสดๆร้อนๆเขาเลยติดใจกลับมาฝึกนวดให้ผมใหญ่
“ชั้นก็อยากทำให้อะไรให้นายอ้ายบ้าง...”
นับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ก็หนึ่งเดือนเข้าไปแล้วครับ ทีแรกในฐานะคนสวน แต่หลังๆต้องเป็นเมียเขาด้วย...
คุณหนูสั่งให้ผมหอบข้าวของมาไว้ที่ห้องคุณหนูเลยตั้งแต่กลับมาจากพะเยา ข้าวของผมมีนิดเดียวขนรอบเดียวก็เสร็จแล้ว
“นายอ้ายเซ็กซี่จริงๆ” เขาโลมเลียเรือนร่างผม ผมปล่อยให้เขาทำตามใจชอบโดยไม่ขัดขืน...
ผมได้แต่กล้ำกลืน คงต้องคำนี้แหละถึงจะเหมาะสมกับความรู้สึกผม ณ ตอนนี้ นอกจากงานสวนแล้ว ตกกลางคืนก็ต้องมาบำเรอเขาอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งสมเพชตัวเอง ทางออกก็ตีบตัน ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากก้มหน้ารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อเอาไว้ด้วย
“คุณหนู...อา...พอก่อน ผมเสียว” นิ้วคุณหนูดุนเข้านูผม มันคว้านลึกจนผมหัวหมุน
“อย่าเกร็งสินายอ้าย” คุณหนูยัดนิ้วเพิ่ม ชะโลมสารหล่อลื่นเข้าไปอีก มันเย็นจนผมต้องซี้ดปาก
เขาสาละวนอยู่กับการเปิดทางอยู่นานพอสมควร ... ที่ผมบอกว่าตั้งแต่กลับมาต้องทำหน้าที่เมีย ก็แค่อาบน้ำให้บ้าง แต่ตัว จัดชุด จัดหาอาหารให้ เราไม่ได้มีเซ็กซ์กันหรอกเพราะผมกลัว คุณหนูพยายามโอ้โลมแต่สุดท้ายก็จบกันแค่ภายนอก แต่คืนนี้ผมกำลังพลาดท่า....สองขาผมแยกกว้างเป็นเหมือนรูปตัววี บั้นท้ายผมมีหมอนวางซ้อนให้ยกสูง ผมได้แต่สั่น...คุณหนูชะโลมสารหล่อลื่นกับท่อนเนื้อของเขา ผมบอกไม่ถูก มันช่างน่ากลัว ขนาดของมันก็สูสีกับของผมนั่นยิ่งทำให้ผมกลัวเข้าไปใหญ่...
“คุณหนู อย่าเลยครับ ผมกลัว”
“นายอ้ายอย่ากลัวไปเลย...” แล้วคุณหนูก็จับมันมาจ่อ เขาแยกขาผมกว้างกว่าเดิม
ผมได้แต่ส่งเสียงฮึดเมื่อถูกรุกราน สองมือดิ้นพล่านด้วยความเจ็บ เขาโน้มตัวมาจูบผม ผมใช้มือเกร็งจิกแผ่นหลังเขาแน่น
สุดท้ายผมก็ต้องเป็นเมียเขาอีกครา....
////////////////////////////////////////////////////////////////////
ปฏิกิริยาของคนในบ้านนี้เมื่อรู้ว่าผมเป็นเมียคุณหนูคือ...สงสาร ทุกคนรู้ว่าคุณหนูเป็นคนดี แต่เจ้าอารมณ์ ไม่พอใจอะไรก็จะโหวกเหวกโวยวายจนแต่ละคนไม่กล้าหือ...
“พี่อ้าย จันต้มซุปมาให้” ผมรับมาด้วยความซาบซึ้ง ทุกคนต่างก็เห็นว่าผมต้องเดินขาถ่างลงมาโดยที่คุณหนูเดินผิวปากอารมณ์ดีออกไปแต่เช้า ผมซดน้ำซุปจนหมด มันทั้งร้อนและทำให้รู้สึกสดชื่น...
“พี่จะทำสวนไหวไหมอะ” จันทร์ดีถามต่อ
“ไม่ไหวว่ะ” ผมพูดความจริง
“คุณหนูใจร้าย” อีกสองสามคนพูดพร้อมกัน
“สงสารพี่อ้ายอะ” แต่ละเสียง เศร้าเชียว...
“เอาเถอะ พี่ยังไหว” ผมโกหก ความจริงก็อยากไปเสียให้พ้นๆ แต่จะทำยังไงได้ คนที่บ้านอีกเป็นพรวนที่อาจจะซวย
“กี่โมงแล้วเนี่ย” ผมถาม
“จะบ่ายโมงแล้วพี่อ้าย”
“ชิบหาย พี่ต้องไปเรียน” ครับ ผมยังต้องเรียนหนังสือกับครูนีอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่ผมหัวไวเลยทำให้ตอนนี้ได้วุฒิม.4 มาแล้ว เหลืออีกไม่กี่เดือนก็น่าจะจบม.6 ซึ่งเป็นภาคบังคับของคนบ้านนี้...
“อ้าว นายอ้ายมาอยู่นี่เอง” ลุงกอบเองครับ “วันนี้ไม่มีเรียนนะ คุณหนูสั่งให้นายอ้ายไปกับผม”
ผมได้แต่งง เดินตูดบิดเพราะความเจ็บไปกับลุงกอบ เรานั่งรถมาที่ห้างหรูกลางกรุงเทพฯ
“ระ...เรามาทำอะไรที่นี่อะครับ” ผมถามลุงกอบ
“คืนนี้มีงานเลี้ยง คุณหนูอยากให้นายอ้ายไปด้วย”
“ไปด้วย! ไปทำไมอะครับ ในฐานะอะไร”
ลุงกอบจ้องเขม็ง “ยังจะถามอีกเหรอว่าฐานะอะไร” ผมถูกลุงกอบดันเข้าร้านหรู “เลือกชุดกัน อย่าถามมาก”
สุดท้ายผมก็ได้เสื้อเชิ้ตสีครีมขุ่นกับเน็กไทสีเข้ม ชุดสูทสีเข้มซึ่งผมมองไม่ออกว่าจริงๆแล้วมันสีดำหรือสีน้ำเงินมืดกันแน่ แต่ตอนนี้ผมกำลังหน้ามืด เพราะทั้งหมด... “สามหมื่นสี่พันบาทค่ะ”
“ลุงกอบ อย่าซื้อเลย มันเปลืองเงินเปล่าๆ” ผมทำท่าจะคืนชุด
“ไม่ต้องห่วง คุณหนูบอกให้เอาเพิ่มในหนี้คงค้างของนายอ้ายนั่นแหละ”
ผมได้แต่ร้อง ห๊า!! ก่อนที่ลุงกอบจะเฉลย “ล้อเล่น คุณหนูซื้อให้ อย่าเรื่องมาก เดี๋ยวต้องไปกันต่ออีก”
ลุงกอบพาผมไปที่ร้านทำผมของช่างผมชื่อดังของเมืองไทย ผมที่เคยรุงรังกลับถูกตัดเสียเรียบ จัดทรงจนกลายเป็นคนละคน...
“เหลือแต่เครื่องประดับ” ลุงกอบพาผมไปต่อที่ร้านขายนาฬิกา ผมไล่ดู แต่ละเรือนสวยๆทั้งนั้น แต่พอดูราคา...
เฮือก!!
“ไม่ต้องก็ได้ครับลุงกอบ ใส่ไว้ในสูทก็ไม่มีคนเห็น”
“ไม่ได้ๆ มันจะสื่อถึงรสนิยมของผู้สวมใส่ ถึงแม้ไม่มีใครเห็น แต่บางครั้งเราก็ต้องมีบ้างที่เผลอมอง คนอื่นเขาจะเห็นว่าเราน่ะรสนิยมแบบไหน” ผมได้แต่ส่ายหน้า ถ้าคนเขารู้ว่าผมเป็นแค่ชาวนาจนๆก็คงเข้าใจแหละว่ารสนิยมผมน่ะเป็นแบบไหน
สุดท้าย ทั้งเนื้อทั้งตัวผมก็มีราคาเกินครึ่งแสน...ผมดูตัวเองในกระจก ชุดสูทสีเข้ม เข็มขัดยี่ห้อดังพร้อมรองเท้าหนังสีดำขัดมันวาว ... แค่เสื้อผ้าก็ทำให้ผีห่ากลายเป็นเทวดาได้แฮะ! นี่คือผมจริงๆเหรอ มันเหมือนฝันที่ตัวเองได้แต่งตัวแบบนี้ ผมหันข้าง ไปมา เออ...เราก็เป็นคนหล่อเหมือนกันแฮะ...เสียอย่างเดียว ดำไปหน่อย
เรากลับถึงบ้านตอนเกือบห้าโมงเย็น ลุงกอบให้เวลาผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมทั้งกำชับว่าให้ใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกับของคุณหนู ผมฉีดมาปื๊ดใหญ่ เหม็นฉุนกึ๊กจนผมแทบจะอ๊วก ก่อนจะแต่งตัว โดยมีจันท้องโย้ผูกไทให้
“พี่อ้ายหล่อสุดยอด” ผมล่ะเขินจริงๆเวลามีคนชมผมเนี่ย