พันธนาการ...รัก #13 เถ้าแก่ใหญ่ของภัตตาคารไข่มุกทะเลถึงกับต้องลงมาคุมงานด้วยตัวเอง อากาศข้างในร้านยังคงเย็นดีดุจเดิม แต่ไม่รู้ทำไมตรงหัวล้านเลี่ยนของตัวเองถึงได้ผุดเหงื่อออกมาไม่หยุดกันห
“อาคุงหนูหงส์...อั๊วะบอกเลี้ยวช่ายม้าย ว่าอย่าพาอีสองคงนั่นมาที่ร้านอั๊วะพร้อมกังอีก อั๊วะม่ายมีเงิงจาไปซ่อมร้านใหม่แล้วนา...” เถ้าแก่ของภัตตาคารอาหารชื่อดังเอ่ยบอกคุณหนูหงส์แสนสวยที่เพิ่งเดินกลับมาจากห้องน้ำ หญิงสาวก้มลงเปิดกระเป๋าถือของตัวเองก่อนจะหยิบเช็คใบหนึ่งออกมาเขียน
“เอาน่าเถ้าแก่...ถ้าคราวนี้ร้านพังเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วอีก เถ้าแก่ก็เขียนจำนวนตัวเลขที่ต้องการลงไปในช่องนี้ได้เลย ฉันเซ็นต์เผื่อเอาไว้ให้แล้ว...”
“ฮั๊ยย๋า...อาคุงหนูพูดแบบนี้ แสดงว่าอั๊วะมีดวงได้ย้ายร้านใหม่อีกเลี้ยวช่ายม้า...ฮั๊ยหย๋า...หนี่ จือ เต้า หนี่ จ้าย จั้ว เสิน เมอ มา! (ลื้อรู้มั้ยเนี่ย ว่ากำลังทำอะไรอยู่!)...”
“เออเอาน่า...คราวนี้มีเด็กนั่นมาด้วยสองคนนั้นคงไม่กล้าลงมือลงไม้ทำอะไรรุนแรงหรอก เถ้าแก่อาจจะได้เปลี่ยนจำนวนเงินในช่องนี้เป็นแค่ค่าอาหารมื้อนี้แทนค่าซ่อมร้านก็ได้...เปี๋ย ผ้า (
ไม่ต้องกลัว/อย่ากลัว)...” หญิงสาวเอ่ยพลางตบไหล่เถ้าแก่ร้านอาหารอย่างให้กำลังใจ
“...เจิน เจา เกา (
ซวยจริงๆ)...หว่อ เจิน โฮ่ว ฮุ่ย เจ้อ เป้ยจี อวี้ เต้า หนี่ (
อั๊วะเสียใจจริงๆที่ชาตินี้ได้พบลื้อ)...” เถ้าแก่ร้านพึมพำเบาๆพลางส่ายหน้าแบบปลงตก
“หนี่ ซั่ว เสิน เมอ? (
คุณพูดอะไรน่ะ)” คุณหนูหงส์ของเถ้าแก่ยังคงหูดีเสมอต้นเสมอปลาย เจ้าของร้านวัยย่างเข้าหกสิบต้นๆรีบส่ายหน้าปฏิเสธพลางหยิบเช็คเปล่าพร้อมลายเซ็นมาพัดลมคลายร้อนให้กับตัวเอง หงส์มองตามร่างเถ้าแก่ไปอย่างนึกเห็นใจในโชคชะตา...แต่ไม่ได้นึกว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงชะตาของเถ้าแก่มีเกณฑ์ต้องตกต่ำเลยแม้แต่นิดเดียว
พระจันทร์ถอนหายใจอย่างอึดอัด ก้มหน้ามองมือสองมือที่วางประสานกันอยู่บนหน้าตักแล้วก็ถอนใจเฮือกออกมาอีกรอบ
“เอาล่ะ” หงส์มองบรรยากาศอึมครึมที่ปกคลุมโต๊ะอาหารแล้วก็ให้อึดอัดใจแทนพระจันทร์ เพราะสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งฝั่งเกาลูนและฝั่งฮ่องกงที่นั่งขนาบข้างเด็กตัวเล็กอยู่นั่น เล่นแผ่รัศมีอาฆาตพยาบาทพุ่งเข้าใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว...
“เอ่อ...หงส์มีคำถาม ถามได้มั้ย...” หญิงสาววางถ้วยน้ำชากระเบื้องเคลือบเขียนลายสีน้ำเงินใบเล็กลงบนโต๊ะ แล้วค่อยๆเอ่ยขออนุญาตสองผู้หญิงใหญ่ที่วางอำนาจข่มคนอื่นไปทั่ว “คือ...หงส์คิดว่าอาทิตย์ก็คงอยากจะรู้คำตอบของคำถามนี้เหมือนกัน...พี่กร...รู้จักกับพระจันทร์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
สิ้นคำถาม...ก็เกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วโต๊ะอาหาร จนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มนาฬิกาเรือนใหญ่บนฝาผนังตกเลยทีเดียว...
มังกรละสายตาจากสุริยะมณฑลกลับมามองเด็กหนุ่มตัวน้อยที่จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาเหมือนกันหลังจบคำถามของหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะ ชายหนุ่มจึงค่อยๆแง้มรอยยิ้มบางเบาบนริมฝีปากส่งให้อีกคน ซึ่งนั่นก็ช่วยให้พระจันทร์ค่อยหายเกร็งลงได้บ้าง จึงค่อยเผยยิ้มส่งตอบกลับ...และมันก็คำเอาสุริยะมณฑลที่นั่งมองอากัปกริยาของคนทั้งคู่อยู่ต้องรีบกระตุกมือพระจันทร์ให้หันกลับมามองตัวเอง
“พระจันทร์...” เสียงทุ้มเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเข้ม พระจันทร์ที่โดนยึดมือเอาไว้นิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะแรงที่พี่ยะกดลงบนผิวเนื้อของเขานั้นไม่เบาเลย
“...หยุดแตะต้องตัวพระจันทร์แรงๆเสียที...ไม่อย่างนั้น!...”
“ไม่อย่างนั้นแล้วจะทำไม...ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรกับ ‘คนของฉัน’ ยังไงก็ได้...” ชายหนุ่มเน้นเสียงอย่างหนักแน่น ถ้าไม่ติดว่าคนตัวบางจะอายมากไปกว่านี้เขาคงจะถือวิสาสะยกมานั่งตักให้มันรู้แล้วรู้รอด...ให้รู้เสียบ้างว่าใครที่เลี้ยงกันมาตั้งเป็นปี...
“แหวะ... ‘คนของฉัน’ ทีก่อนหน้านี้ยังบอกแค่ว่าเป็น ‘เด็กในปกครองของฉัน’ อยู่เลย...” หงส์เอ่ยเย้าสุริยะมณฑล กะแค่เบาๆให้พอได้ยินกันทั้งโต๊ะแค่นั้นเอง
สุริยะมณฑลตวัดสายตากลับไปมองหญิงสาวที่นั่งคีบหูฉลามเข้าปากพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแววตาขมวดหมุ่น...ก่อนจะยอมปล่อยมือที่ยึดแขนพระจันทร์เอาไว้ช้าๆ
“พระจันทร์ เจ็บมั้ย...” อีกคนได้ทีจึงรีบคว้าข้อมือของพระจันทร์มาพลิกดูเบาๆ จงใจลูบซ้ำรอยนิ้วที่ขึ้นแดงอยู่บนต้นแขนของพระจันทร์ต่อหน้าต่อตาคนทำรอย และแน่นอนว่ามือเขาถูกปัดออกในทันทีทันใดที่ได้สัมผัสผิวเนื้อนวลนั่น
“เป็นบ้าอะไรกัน...ให้หงส์เอามีดมาสับแบ่งแขนพระจันทร์ไปคนละข้างเลยมั้ย” หญิงสาวคิ้วกระตุก “กัดกันอยู่ได้...น้องเป็นคนนะ แย่งกันเหมือนเสือแย่งเนื้อสมันงั้นแหละ โลกนี้ไม่ได้มีสมันอยู่ตัวเดียวนะคะ...ทำอย่างกับจะฆ่ากันตายถ้าไม่ได้กิน”
“...ฉันก็นึกว่าแกตายไปตั้งนานแล้วเสียอีก...ยังอุตส่าห์รอดมาได้อีกนะ” สุริยะมณฑลเอ่ยต่อ ไม่สนใจคำพูดกระแหนะกระแหนของสาวเจ้า
“ฉันก็คงจะตายไปแล้วจริงๆอย่างที่แกเข้าใจนั่นแหละ...ถ้าวันนั้นฉันไม่ได้...” มังกรเหลือบตาไปมองคนนั่งข้างๆก่อนเอ่ยเสียงนุ่ม “ถ้าวันนั้น ฉันไม่ได้...พระจันทร์...เป็นคนช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
“...พี่กร!...อย่าบอกนะว่า...คนที่พี่...” หงส์ถึงกับอึ้งไปสักพักถึงค่อยหาเสียงตัวเองเจอ ในสมองนึกถึงเรื่องราวที่พี่ชายเคยเล่าให้ฟังถึงบุคคลคนหนึ่งที่พี่มังกรนับเป็นผู้มีพระคุณ และเฝ้าตามหามาตลอดสองปี หล่อนไม่เคยรู้ชื่อ เพราะเคยเซ้าซี้ถามหลายครั้งแต่พี่มังกรยืนยันว่าต้องการจะตามหาตัวให้เจอด้วยตัวเอง
“...ตอนที่พี่โดนพวกมาเฟียอิตาลีไล่ยิงเมื่อสามปีก่อน พี่ได้พระจันทร์ช่วยไว้...ถ้าไม่อย่างนั้นวันนี้พี่คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก” มังกรเอ่ย เขาหันข้างไปทางพระจันทร์ ใจอยากเอื้อมมือไปกอด ไปสัมผัสผิวนุ่มนั่นให้หายคิดถึง
...ติดอยู่อย่างเดียว สายตา ‘หวงก้าง’ ของผู้ชายอีกคนมันทำให้เขาไม่กล้าแตะต้องคนคนนี้แบบวู่วาม...สัญชาตญาณมันบอกว่า...
...ไอ้หมอนั่นมันเอาจริง...
“หายไปอยู่ที่ไหนมาพระจันทร์...หลังจากที่ผมรู้ข่าวว่าคุณโดนย้ายโรงพยาบาลไปที่สิงคโปร์ รู้มั้ยว่าผมไปตามหาคุณที่สิงคโปร์อยู่เป็นปี...ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคุณที่เกาลูนนี่เอง...” มังกรเอ่ย
ความจริงคืออยากรู้มากกว่า ว่าร่างเล็กๆบนเก้าอี้นี่ไปเจอกับไอ้เจ้าพ่อเกาะฮ่องกงนั่นได้ยังไง...โดนจับมา โดนทำร้าย...หรือจะโดนบังคับอะไรมารึเปล่า...
...แล้วทำไมหมอนั่นถึงได้ทำท่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพระจันทร์ออกนอกหน้าขนาดนี้...แถมยังต่อหน้าน้องสาวของเขา คู่หมั้นที่เจ้าตัวไม่เคยปฏิเสธอีกต่างหาก...
“คือ...เอ่อ เรื่องมัน...” พระจันทร์กำลังเรียบเรียงคำพูดและตรองดูในสมองว่าควรจะบอกเรื่องราวของตัวเองกับพี่ยะให้คนตรงหน้ารับรู้ได้มากน้อยแค่ไหน...จะบอกว่าเป็นน้อง...เป็นแค่คนอาศัย...หรือว่าเป็นแค่เด็กในปกครองดี
“ฉันไปพาพระจันทร์มาจากสิงคโปร์เมื่อสองปีที่แล้ว...แล้วก็พามาอยู่ด้วยกันที่ฮ่องกง ถ้ามีอะไรอยากรู้อีกก็ถามฉัน เพราะตอนนี้ฉันมีฐานะเป็นผู้ปกครองของพระจันทร์” สุริยะมณฑลตัดบท ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย ไม่ชอบเอามากๆที่ได้รู้ว่าไอผู้ชายตัวสูงตรงหน้ามันมารู้จักพระจันทร์ก่อนเขาตั้งเป็นปี...
...เหมือนมันเริ่มทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจยังไงพิกล...เริ่มไม่แน่ใจ ว่าตัวเองจะเป็นคนเดียวที่พระจันทร์จะพึ่งพาได้...
...ดูอย่างวันนี้สิ ทำไมถึงไม่ใช่เขาที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเจ้าเด็กนี่เป็นคนแรก...
สุริยะมณฑลนึกแล้วก็ได้แต่เจ็บใจตัวเอง...
“เฮอะ...! ในฐานะผู้ปกครอง พูดออกมาได้...ถ้าเป็นผู้ปกครองจริงใครเขาจะปล่อยให้เด็กในปกครองออกมาเสี่ยงอันตราย โดนวิ่งไล่ล่าตามจับแบบนี้...โดยที่ผู้ปกครองอย่างแก เอาแต่นั่งรถจีบกับน้องสาวฉันสบายใจเฉิบ...” มังกรได้ทีหัวเราะลึกในลำคอ ยกมือกอดอกเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้เปรียบ
“คือ...เรื่องนี้จันทร์ผิดเองครับคุณกร จันทร์ออกมาจากบ้านโดยไม่ได้บอกเขาเอง...ผมขอโทษนะครับคุณกร ที่ต้องลำบากให้คุณเข้ามาช่วยเหลือ...” ประโยคสุดท้ายถูกพูดขึ้นโดยที่มีมือน้อยยกขึ้นพนมแล้วโน้มหน้าไหว้ขอบคุณ ก่อนจะเลยมาที่หงส์ หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะ “ผมขอบคุณพี่หงส์มากๆครับ ที่ช่วยทำแผลที่มือให้...แล้วก็...”
มือบางยกขึ้นพนมอีกครั้งพร้อมหันไปทางคนที่นั่งอยู่ทางด้านขวา แล้วค่อยโน้มศีรษะค้างไว้ก่อนเอ่ย
“จันทร์ขอโทษนะพี่ยะ...ที่ทำตัวเป็นเด็กวุ่นวาย หาเรื่องเดือดร้อนให้พี่ยะอีกแล้ว...” พระจันทร์ไหว้ค้าง ในใจนึกสำนึกผิดเต็มที่...ถ้าวันนี้เขาไม่ขอให้พี่ตี้พาออกมาข้างนอก ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น...
“รู้ตัวก็ดี...กลับไปบ้านวันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน...” สุริยะมณฑลไม่ได้นึกติดใจว่าพระจันทร์เป็นตัวต้นเหตุเรื่องวันนี้ใดๆทั้งสิ้น...คำถามในศีรษะและความต้องการในจิตใจมีเพียงเรื่องเดียว ตอนนี้เขาอยากรู้ทุกเรื่องของพระจันทร์ที่เขาไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับหมอนี่ ไปสนิทสนมกันถึงขั้นไหน...ถึงยอมให้มันเดินโอบเอวอยู่กลางถนนแบบนั้น...
“พระจันทร์...ถ้าไม่สบายใจที่จะอยู่บ้านหลังนั้น คุณมาอยู่กับผมก็ได้นะ...ผมยินดี และเต็มใจมาก”
หงส์มองอาการพี่ชายที่ส่งสายตา ‘หวานเยิ้ม’ ไปให้เด็กผู้ชายคนนั้นแล้วรู้สึกขนลุกแปลกๆ...ฉายามังกรทมิฬไม่ใช่เพียงฉายาลอยลมปากนะ...แต่ตอนนี้ทำไมหล่อนหาความโหดในตัวพี่ชายไม่เจอเลยซักนิดเดียว...คิดแล้วก็จิ้มขนมจีบฮ่องเต้ใส่ปาก เค็มไปนิดแต่ยัดไส้เนื้อปูเยอะเหมือนเดิม
“เอาล่ะอาทิตย์ฉันรู้ว่าคุณกำลังจะเถียงอะไร...ไม่อนุญาตให้ไปใช่มั้ย ส่วนพี่กร...พี่ต้องยอมรับว่าพี่มาทีหลังอาทิตย์เขา ตอนนี้พระจันทร์เขาอยู่ในการปกครองของอาทิตย์ จะจู่ๆก็ไปขอ ‘หยางเฟิ่ง’ เขามาง่ายๆได้ยังไง...ใครเขาจะยอม” หงส์กล่าวตัดบท มังกรหันมองหน้าน้องสาวก่อนจะหันกลับไปมองพระจันทร์ที่เงยสบตากับสุริยะมณฑล
“...หงส์สุริยัน...ที่เขาลือกัน คือ...พระจันทร์...งั้นเหรอ” มังกรพึมพำ
หงส์สุริยัน...ฉายาของผู้ที่จะมาเป็นหงส์คู่มังกรแห่งพระอาทิตย์...ฉายาที่ตั้งกันเป็นจริงจังและรู้กันดีในหมู่ผู้มีอิทธิพลของเกาะฮ่องกง...ผู้หญิงเปรียบเป็นหงส์ ผู้ชายเป็นมังกร...แล้วถ้ามังกรตนไหนได้ครอบครองหงส์ที่คู่ควรกับตัวเอง...ทั้งดวงการค้า บารมี และอิทธิพลจะมั่งคั่งรุ่งเรือง ยากที่จะมีใครเทียบเทียมหรือเอาชนะได้...
...มิน่าล่ะ หมู่นี้ถึงได้มีข่าวลือหนาหูนัก ทั่วทั้งฝั่งฮ่องกงไม่มีใครหาญสู้เทียบรัศมีกับหยางหลง...ประธานบริษัทตระกูลหยาง...ที่ตอนนี้มือขึ้น หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด...ตัวเก็งอันดับต้นๆในการประมูลที่ดินอาทิตย์หน้านี่...
“...เพราะสาเหตุนี้ใช่มั้ย ถึงทำให้มีคนจ้องจะทำร้ายคุณ...พระจันทร์” มังกรถาม แววตาฉายแววเจ็บช้ำนิดๆ...หรือเราจะมาช้าไปจริงๆ...พระจันทร์ถึงได้ไม่อยู่รอเป็นหงส์ของเขา...
“เอ่อ...ไม่ใช่นะครับ คุณกรอย่าเข้าใจผิด...ยังไงเสีย...หยางเฟิ่งของพี่ยะก็คือพี่หงส์ ไม่ใช่จันทร์หรอกครับ...” พระจันทร์รีบตอบปฏิเสธทันทีเพราะกลัวหญิงสาวตรงหน้าจะเข้าใจผิด แต่คนถูกพาดพิงเพียงแต่วางตะเกียบลงก่อนเอ่ยบอก
“อ๊ะๆ...พี่เป็นแค่เหม่ยเฟิ่ง...หงส์ที่สวยงามเท่านั้นล่ะจ่ะพระจันทร์ ยังหามังกรที่คู่ควรด้วยไม่ได้เลย...”
“เอ๊ะ...แต่ แล้วพี่ยะ...”
“ขออนุญาตครับคุณหยาง...!” ไม่ทันที่พระจันทร์จะพูดจบ ก็มีเสียงดังฟังชัดของซานตงดังอยู่ตรงหน้าประตูห้องอาหารวีไอพีนี่ ผู้มาใหม่เดินเข้าไปโค้งให้สุริยะมณฑลแล้วเอ่ยปากรายงาน
“มันยอมเปิดปากบอกตัวบงการคนก่อเรื่องแล้วครับ...แต่มันมีข้อแม้ว่าให้เราต้องปล่อยตัวมันไป แล้วมันจะขอบอกต่อหน้าคุณหยางเท่านั้นด้วยครับ...”
“เรื่องมากจริง...ไม่ปล่อยให้ตายอยู่ในซากรถก็ดีเท่าไหร่แล้ว...” หงส์คีบชิ้นปลาจากหม้อสุกี้ปลาหยกขาวมาเป่า แล้วยกไปวางไว้ให้ในจานของพระจันทร์ที่ตอนนี้มันช่างว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย...อุตส่าห์สั่งอาหารมาเสียเต็มโต๊ะ นี่กะจะให้สาวน้อยร่างบอบบางของหล่อนเป็นคนจัดการเองทั้งหมดคนเดียวเลยรึไง...
“...ซากรถ...หรือว่า รถคนร้ายที่ชนกับรถบรรทุกตรง...”
“ใช่แล้วพระจันทร์...ที่พี่อาทิตย์มาช้าเนี่ยก็เป็นเพราะว่า พี่มัวแต่สั่งให้อาทิตย์หยุดหาตัวต้นตอคนบงการเรื่องนี้อยู่กลางทางน่ะสิ ดีนะที่ช่วยมาได้ตั้งหนึ่งคนเราเลยพอจะขู่เอาเบาะแสอะไรได้บ้าง...เสียดายอีกสองน่ะตายคาที่...”
“...ตาย...” พระจันทร์พึมพำ ตกใจกับภาพเสยท้ายรถบรรทุกที่ตนเองมองผ่านกระจกหลังแล้วเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นด้วย...ไม่คิดเลย ว่าจะมีคนตาย...
...เรา...แค่ถ้าเราไม่ออกจากบ้าน...
ในระหว่างที่พระจันทร์นิ่งเงียบไป ฝ่ามือหนาอบอุ่นของใครคนหนึ่งก็ขยับมาลูบศีรษะเขาเบาๆ ไม่มีคำปลอบหรือคำพูดใดๆจากเจ้าของมือที่ส่งมาให้ พระจันทร์เริ่มมีน้ำตาปริ่มที่ขอบตาพลางมองหน้าเจ้าของมือนั้นอย่างนึกสำนึกผิดจริงๆ...
“...อย่าร้องที่นี่นะ ถ้าจะร้องไปร้องที่บ้าน...” สุริยะมณฑลไล้มือที่แก้มนวลแผ่วเบา รู้ดีว่าอีกคนมักจะอ่อนไหวกับเรื่องคนรอบข้างมากกว่าตัวเอง...
...ร้องไห้ให้กับคนที่หวังจะทำร้ายตัวเองถึงตายได้...จำได้ว่าเขาไม่เคยสั่งสอนให้พระจันทร์กลายเป็นคนขี้แยแบบนี้นะ...
ทว่าภาพของสุริยะมณฑลที่ค่อยปาดไล้แก้มนวลของพระจันทร์ทำเอาหงส์นิ่งอึ้ง ค้างตะเกียบเอาไว้ในปากแล้วลืมเอาออก ส่วนมังกรก็มีท่าทางไม่ต่างกับน้องสาว...เพียงแต่เก็บอาการได้ดีกว่า จะมีเปิดเผยออกมาก็แค่สายตาเท่านั้น นอกนั้นถ้าไม่มีใครสังเกตก็คงไม่รู้...ว่ามังกรทมิฬ...แท้จริงแล้วก็มีหัวใจและเจ็บเป็นเหมือนกัน
ภาพนั้นมันย้ำชัด...ว่าโอกาสของเขาที่จะได้ครอบครองหงส์งามตรงหน้านั้นช่างน้อยนิดเหลือเกิน...
สุริยะมณฑลปรายตามองซานตงว่าให้พาตัวมาที่นี่ได้ ครู่เดียวที่ซานตงรับคำสั่งไป ชายคนหนึ่งในสภาพที่มีไม้ค้ำยันและมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบตัวก็ถูกหิ้วปีกเข้ามาในห้อง พระจันทร์จำหน้าชายคนนี้ไม่ได้ว่าเป็นหนึ่งในแก๊งค์คนร้ายจริงหรือเปล่า แต่ถ้าพี่ยะบอกว่าใช่ เขาก็จะเชื่อ...
“คุณหยาง...อันที่จริงเราไม่ต้องเค้นมันขนาดนี้เราก็มั่นใจได้แล้วนะครับ ว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือ...”
“ฉันแค่ต้องการพยานบุคคล...จะได้เอาตัวมันมาลงโทษอย่างถูกกฎหมายได้...” สุริยะมณฑลเอ่ยขัดซานตง ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วมองชายที่มีสภาพไม่ต่างไปจากผ้าขี้ริ้วตรงปลายเท้า
“บอกฉันสิ...ใครสั่ง” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยเนิบๆ แต่บรรยากาศกดดันมีเต็มเปี่ยมจนชายที่นั่งอยู่ที่พื้นแทบหายใจไม่ออก...เพิ่งเห็นว่าในนี้ไม่ได้มีมังกรแค่ตัวเดียว...แต่มีตั้งสองตัวนี่นา...!
“สะ...สัญญาก่อน ว่าจะไม่ฆ่าฉัน...ถ้าฉันบอก...” น้ำเสียงสั่นๆในภาษาจันกลางถูกเอ่ยออกมา
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่ะ...หยางหลงเขาให้คนรักษาพยาบาลแกขนาดนี้จะปล่อยให้ตายได้ยังไง” หงส์สาวที่นั่งมองอยู่อดไม่ได้ที่จะสอด
“สะ...สัญญา...สัญญาสิ!” เขารู้...เขารู้ดี สัญญาของเจ้าพ่อคือคำสัตย์ พูดแล้วพูดเลยไม่มีการคืนคำหรือทรยศหักหลัง...ถ้าผู้ชายตรงหน้านี้สัญญาเขาก็จะรอด...!
“ได้...ฉันสัญญา บอกมาว่าใครเป็นคนสั่ง...แล้วจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร” สุริยะมณฑลเอ่ยปาก ชายคนนั้นมีท่าทีสงบลงอย่างเห็นได้ชัด
“ได้...ได้ ฉันจะบอก...คือ ฉันได้รับคำสั่งให้มาจับตัวเด็กคนนั้นน่ะ...” ปลายคางที่มีผ้าพันแผลพยับเพยิดไปที่พระจันทร์ เด็กหนุ่มใช้สองมือจับเก้าอี้ที่นั่งไว้แน่นเมื่อมั่นใจแน่แล้วว่าเป้าหมายอันตรายในครั้งนี้คือตัวเอง “คนที่สั่ง...บอกแค่ว่าให้จับเป็น แต่ฉันไม่รู้จริงๆนะว่าเขาจะจับไปทำอะไร!!” ชายคนนั้นรีบเอ่ยต่อ เพราะท่าทางของซานตงที่ตรงเข้ามาจะขยุ้มคอเสื้อบอกว่าเขาตายจริงๆแน่ถ้าพูดออกมาไม่หมด
“แล้วใครเป็นคนบงการพวกแก...รีบบอกคุณหยางเขาไปสิ อย่าลีลาให้มันมากนัก...” ซานตงขู่ด้วยด้านปืนที่เอว ชายคนนั้นพยักหน้ารัวๆก่อนจะเอ่ยชื่อหนึ่งออกมา...
“คุณเหวินจิ้ง...”
เป็นจริงดังที่คาดไว้...ทั้งสุริยะมณฑลและซานตงไม่ตกใจอะไรกับคำตอบ ทว่ามังกรกับหงส์และพระจันทร์กลับรีบลุกยืนจากโต๊ะมาใกล้ๆชายผู้โชคร้าย...
“อย่าบอกนะ...ว่าเป็นนายเหวินจิ้ง ลูกชายของท่านรัฐมนตรีเหวินเป่า ที่กำลังจะโดนเด้งหลุดจากเก้าอี้ในสมัยหน้า” หงส์เอ่ยข้อมูลที่ตัวเองรู้พลางกอดอก
“ชะ...ใช่” ชายผู้โชคร้ายพยักหน้ารัวๆอีกรอบ...คิดในใจว่ารอดแล้วเรา
“คุณเหวินจิ้ง...ที่ถ่ายแบบกับผมเมื่อวานน่ะเหรอครับพี่ยะ” พระจันทร์กระตุกชายเสื้ออีกคนเบาๆ คนตัวใหญ่กว่าเอี้ยวหน้ามามองเล็กน้อยก่อนพยักหน้าให้
“...งั้นเรื่องนี้ขอฉันเคลียร์ปิดบัญชีเองได้มั้ย...รัฐมนตรีเหวินเป่าติดหนี้ป๊าฉันก้อนโตอยู่...และตอนนี้มันก็ใกล้เวลาครบกำหนดหนี้ที่จะต้องคืนทั้งต้นทั้งดอกแล้วด้วย...” มังกรเดินมายืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างๆสุริยะมณฑล สายตาหรี่ลงจ้องชายที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ข้างหน้า
“เดี๋ยว! เดี๋ยวสิ!! แต่แกสัญญาแล้วนะว่าจะไม่ฆ่าฉัน...!!” ชายคนนั้นคว้าไว้เท้าที่ถือไว้มากอดแน่น พลางพยายามกระเถิบตัวออกห่างสองชายร่างสูงตรงหน้าที่ไม่ได้ก้าวตามมาเลยซักนิด...แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องเขยิบหนีคือรัศมีการฆ่าฟันที่รายล้อมรอบตัวนี่อยู่ต่างหาก...ที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาเป็นเงาตามตัวเลยทีเดียว...
“ใช่...ฉันก็ไม่ได้ผิดสัญญาอะไรนี่ ฉันไม่ได้สั่งให้ใครฆ่าแก...แถมยังใจดีปล่อยแกให้เป็นอิสระอีกด้วย” สุริยะมณฑลเอ่ย มือคว้ามวนบุหรี่ขึ้นเตรียมสูบ เมื่อรู้แล้วว่าเรื่องวันนี้มันใกล้จะจบลงเต็มที
“ขะ...ขอบคุณ! ขอบคุณ!” ชายคนนั้นเอ่ยคำขอบคุณถี่ยิบ พยายามใช้ไม้เท้าค้ำยันร่างตัวเองเพื่อให้พาออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“เดี๋ยวสิ...ไอ้มังกรสุริยันมันใจดีปล่อยแก ก็เรื่องของมัน...แต่เรื่องของฉันยังไม่จบ ฉันไม่ได้สัญญาว่าจะไม่ฆ่าแกเหมือนมัน...และไม่ได้ใจดีคิดจะปล่อยแกไปเหมือนมันด้วย” มังกรเอ่ยเสียงเหี้ยม เขาไม่มีทางปล่อยให้คนที่คิดทำร้ายผู้มีพระคุณของเขาลอยนวลไปง่ายๆเหมือนไอ้ขี้เก็กข้างๆนี่แน่ “เฮ้ย!”
เขาสั่งคำเดียว ลูกน้องที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตูก็รุมเข้ามาจับตัวชายผู้น่าสงสารพร้อมไม้ค้ำยันออกจากห้อง เสียงโวยวายดังลั่นไปตลอดทางแต่มังกรไม่สน เขาหันกลับไปมองพระจันทร์ก่อนเอ่ยบอก...
“ผมไม่รู้ว่าคุณไปมีเรื่องอะไรกับไอ้เหวินจิ้งนั่น...แต่ไม่ต้องเป็นห่วง นับจากนี้เป็นต้นไปมันไม่มีทางไปก่อกวนคุณอีกได้แน่ แล้วถ้ามีอะไร...ให้รีบโทรบอกผม” มังกรยัดนามบัตรของตัวเองลงใส่มือบาง รู้ดีว่าถ้ายื่นให้ตรงๆชายร่างสูงอีกคนคงเอาไฟซิปโปมาจุดเผาทิ้ง...
“คุณกร...จันทร์ขอร้อง อย่าทำร้ายเขาอีกเลยนะครับ...เขาก็สารภาพออกมาแล้วว่าใครเป็นคนจ้างวาน จันทร์สงสารเขา ไม่อยากให้เขา...ตาย...ไปอีกคน” เสียงเล็กเอ่ยวอนน่าสงสาร
ชายหนุ่มในชุดสูทสีงาช้างถือวิสาสะเอื้อมไปลูบศีรษะเด็กหนุ่มตรงหน้าโดยไม่เกรงผู้ปกครองหน้ายักษ์ข้างๆแล้วยิ้มให้
“ไม่ต้องห่วงนะจันทร์...พี่จะช่วยขอละเว้นโทษตายให้มันเอง...ไม่ต้องกังวลนะ...” หงส์ที่เห็นท่าไม่ดีเมื่อสุริยะมณฑลตวัดสายตาราวมัจจุราชมามองพี่ชายของตัวเองจึงรีบออกปากไกล่เกลี่ย ดันหลังเสื้อสีงาช้างให้รีบออกเดินไปให้พ้นๆห้องแต่มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกินเมื่ออีกฝ่ายกลับเอาแต่ทอดสายตามองพระจันทร์และก้าวสั้นๆเพื่อถ่วงเวลาอยู่ในห้องอาหารนั้นให้นานที่สุด
“...พี่ยะ...” พระจันทร์เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆเมื่อทั้งห้องกลับมาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“
...กลับบ้าน...” และนั่นก็เป็นประกาศิตสุดท้ายที่พระจันทร์ยินดีและเต็มใจทำตามอย่างที่สุด...
--------------------------------------- -- - - - - --- - - - - -- - - -
to be continue...
ผักกาด! ผักกาด!! จะมาแจ้งแว้...
อาทิตย์หน้าเค้ามีส่งงานสองตัว เสาร์-อาทิตย์นี้คงไม่ได้อัพนะจ๊ะ T_T และ
อาจจะเลยไปจนพ้นวันพุธหน้ากันเลยทีเดียวเชียว
แต่หลังจากนี้รับรองมีตอนหวานๆและการพัฒนาการความสัมพันธ์ที่พี่ยะแกจัดให้มาให้อ่านอย่างแน่นอน...
แต่ตอนนี้เค้าต้องขอตัวก่อน...เชิญตามไปสะกิดเบาๆกันได้ที่เดิมนะจุ๊ >>
จิ้มจ่ะ!!!<<
ไปแว้วววว