“...พี่ยะ...” พระจันทร์พึมพำเรียกชื่ออีกคนเสียงอ่อน...
...สายตานั้น...ทำไมมันเหมือนเราไม่รู้จักกันเลย...
...แล้ว...แล้วว่าแต่...พี่ยะมาที่นี่ได้ยังไง!...แล้ว...แล้วทำไมถึงมา...แล้ว...แล้วยัง...
คำถามมากมายโผล่ตามเข้ามาในหัว ปลายนิ้วเย็นเฉียบเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอคนคนนี้อยู่ที่นี่ เมื่อเช้าตอนออกมาก็บอกคนที่บ้านไว้ว่าเขาจะมาบ้านโรส เย็นๆถึงจะกลับ ให้คนขับรถมาส่งตรงหน้าบ้านของโรส แล้วเขาถึงค่อยจับรถแท็กซี่ให้มาส่งที่หน้าตึกนี่ ไม่คิดว่าอีกคนจะรู้แล้วก็ตามมาเจอกัน
เอ๊ะ...หรือว่าพี่ยะจะไม่ได้ตามเขามา แต่แค่มาทำงานของเขาตามปกติ...แล้วงานอะไรที่พี่ยะถึงต้องมาที่นี่ด้วยล่ะ...หรือจะ...
“ลูน่า...นั่งคอยตรงนี้นะคะ เดี๋ยวคุณเหวินจิ้งจะมาเข้าฉากด้วยค่ะ” สต๊าฟคนนั้นเอ่ยบอกต่อ แต่พระจันทร์นั้นสติหลุดออกไปจากร่างเรียบร้อยแล้ว...
ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังพยายามสบสายตากับร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หลังผู้กำกับร่างท้วมด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทันใดนั้น...จู่ๆความรู้สึกเหมือนมีคนกำลังปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วตามด้วยมือหนาเย็นจัดที่สอดรัดเข้ามาที่ราวเอว ก็ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งขึ้นมาทั้งตัวแล้วผลักคนที่จู่ๆก็เข้ามาแตะต้องเขาออกไปทันที
เมื่อหันไปเพื่อจะมองว่าใครกันที่จู่ๆก็มาทำแบบนี้ พระจันทร์ก็ต้องเบิ่งตากว้างขึ้น คนตรงหน้าที่อยู่ในชุดกางเกงหนังสีดำและเสื้อเชิ๊ตสีดำผ่าหน้า ไม่ติดกระดุมแม้แต่ซักเม็ดเดียวคนนั้น...คือคนๆเดียวกับคนที่ถูกตำรวจจับ แล้วจ้องหน้าอาฆาตพี่ยะในคืนขับรถแข่ง ซึ่งภาพนั้นยังติดตาพระจันทร์อยู่ แม้อยากจะลืมก็ลืมไม่ลง มั่นใจได้ว่าไม่มีทางจำผิดแน่นอน...ศัตรูของพี่ยะ!
แต่...ท่าทางและสายตาที่มองกันวันนี้มันคืออะไร วันนั้นยังเป็นสายตามุ่งร้ายและโกรธแค้นอยู่เลย...แต่ตอนนี้มันไม่ใช่! มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง...มันทั้งจาบจ้วงและหื่นกามจนพระจันทร์ขนลุกไปทั่วร่าง...
“จะกระเถิบไปไหน...เข้ามานี่ เราต้องถ่ายแบบคู่กันนะ กระเถิบไปห่างขนาดนั้นจะเรียกว่าถ่ายคู่ได้ยังไง...” เสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังเข้ามากระทบหูให้พระจันทร์สติตื่น...เด็กหนุ่มเอามือลูบแขนที่มีอาการขนลุกจนสัมผัสได้พลางส่ายหน้าให้อย่าลืมตัว
“มะ...ไม่เอา”
“หึหึ ฮ่าๆ ไม่นึกเลยว่าไอ้แก่ของนายจะมาคุมการถ่ายภาพวันนี้ด้วยตัวเอง...ฉันจะทำให้มันหึงจนกระอักเลือดตายไปเลย คอยดูสิ...”
“...พูดอะไร...”
“พูดอะไร?...ถามมาได้ เดินมาให้ฉันจัดการถึงที่ด้วยตัวเองแล้วยังจะมาถามอีกเหรอ ก็ดี...จะได้ไม่ต้องเหนื่อย มานี่! มาใกล้ๆนี่ ให้ฉันลอกเปลือกนายเสียดีๆ”
“มะ...ไม่! หยุดนะ...ผมไม่ถ่ายกับคุณ ปล่อย!...” พระจันทร์สะบัดตัวดิ้นหนีมือที่ขยับตามติดเขามา พยายามกระเถิบตัวให้ออกจากเตียงกว้าง แต่เขาคงจะลืมไปว่าเตียงที่ตัวเองใช้ถ่ายแบบอยู่นั้นคือเตียงขนาดคิงไซส์ ซึ่งใหญ่กว่าตัวพระจันทร์หลายเท่านัก ทำให้ดิ้นหนีไปได้ไม่ไกลนักก็ถูกมือใหญ่ของชายในชุดหนังคว้ากลับเข้ามาปล้ำจูบได้อยู่ดี
“มะ...ไม่เอานะ หยุด...พอทีเถอะครับ...ฮึก พี่...พี่ยะ...” เสียงเล็กๆพยายามส่งเสียงเรียกใครอีกคนที่ยังยืนกอดอกมองเขาอยู่หลังจอมอนิเตอร์ให้ช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนว่าเสียงเล็กๆของเขาจะดังไปไม่ถึงใครอีกคนเอาเสียเลย
“พี่ยะ...” เสียงเล็กเอ่ยแหบแห้งปนสะอื้น แต่กลายเป็นช่างภาพหนุ่มต่างหากที่ขยับอยากจะเข้าไปช่วยเหลือทว่ากลับถูกเสียงทุ้มต่ำที่เจือกระแสอาฆาตดังขึ้นขัดขวางการกระทำนั้น
“จะทำอะไร...มีหน้าที่แค่ถ่ายรูปก็ทำไปสิ” สุริยะมณฑลปรายหางตาไปมองคนที่ละมือออกจากกล้องถ่ายรูปจากนั้นก็หันกลับไปจ้องเหตุการณ์บนเตียงเขม็ง...รู้สึกถึงปลายเล็บตัดสั้นของตัวเองที่กำลังจิกเข้าฝ่ามือเพื่อระงับอารมณ์โกรธ...
...เด็กคนนั้นสมควรจะได้รับรู้ความเลวร้ายของโลกภายนอกเสียบ้าง...
...จะได้รู้ ว่าขอบเขตของอิสระภาพที่เขามอบให้นั้นกว้างแค่ไหน...
...หลังจากนี้เขาก็จะไม่ต้องเหนื่อยคอยต้อนอีกคนเข้ากรงอีกต่อไป เพราะมันจะรู้ที่อยู่ของตัวเอง และจะบินกลับมาหาเขาเองทันทีที่ออกไปเผชิญโลกกว้างของตัวเองเสร็จแล้ว...เพระฉะนั้น เขาต้องอดทน...อดทนข่มอารมณ์ไว้ให้มากที่สุด!
“...ภาพมันยังอีโรติกไม่พอ...ถอดเสื้อออกให้หมดด้วยสิ เป็นผู้ชาย...มีใครเขาใส่เสื้อนอนกันบ้าง”
ประโยคเสียงทุ้มคุ้นหูที่ดังเข้ามาให้ได้ยินทำเอาพระจันทร์น้ำตาร่วงเผาะ...คิดว่าน่าจะช่วย น่าจะเห็นใจกันบ้าง...อย่างน้อยเราก็อยู่บ้านเดียวกัน...
คิดมาถึงตรงนี้ความคิดก็หยุดชะงัก...อย่างน้อยเราก็อยู่บ้านเดียวกันงั้นเหรอ...
...มันก็ตัวเขาเองไม่ใช่หรือที่คิดจะออกไปจากบ้านหลังนั้น...ไม่คิดอยากจะเป็นสมาชิกของบ้านนั้นเอง...
หรือว่า...เขาจะรู้...และกำลังมอบบทเรียน ให้กับเด็กดื้ออย่างเขากัน...
“เฮอะ...ผิดแผนไปนิด ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าตาแก่นั่นจะเป็นพวกโรคจิต ชอบเห็นเด็กตัวเองโดนข่มขืนต่อหน้าคนทั้งสตูฯแบบนี้...ก็ได้ อยากเห็นนักฉันก็จะจัดให้” เหวินจิ้งกัดฟันกระซิบเสียงหื่นกามใส่คนตัวเล็กใต้ร่างที่นอนดิ้นขยับแขนขยับขาได้เพียงเล็กน้อยตามแรงที่เหลือ ใบหน้าหล่อตี๋ก้มลงซุกที่หลังใบหูและขบกัดดอมดมตักตวงกลิ่นหวานๆเอาตามใจชอบ ใช้ใบหน้าและท่อนขาตรึงอีกคนเอาไว้แน่น ส่วนมือก็รีบถอดเสื้อตัวเองทิ้งไปข้างเตียง แล้วก็ลงมือฉีกกระชากเสื้อนอนเนื้อนิ่มของคนใต้ร่างถอดตามไปด้วย
“ยะ...อย่านะ ไม่เอา...ผม...ฮึก...อย่า...” รู้แล้วว่าคนคนนั้นคงจะไม่มีทางยื่นมือเข้าช่วยเหลือกันอีก เขาคงจะยืนมองกันด้วยความสาแก่ใจที่ได้ลงโทษเขาแบบนี้...
แน่ใจแล้ว ว่าสิ่งที่คิดไว้นั้นถูกต้อง เขาคงจะดีใจมากสินะ ยามที่ได้เห็นพระจันทร์เดินออกไปจากบ้านหลังนั้นจนได้...ไม่ต้องอยู่เป็นภาระกันอีก...
อารมณ์น้อยใจ เสียใจ และช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้าบีบคั้นจนน้ำในตาไหลพรากไม่มีอาย เขาส่งเสียงสะอื้นออกมาอย่างน่าสงสารจนตากล้องที่ยืนถ่ายรูปตามคำสั่งของสุริยะมณฑลมือสั่น ไม่สามารถบังคับนิ้วให้ลั่นชัตเตอร์ต่อไปอีกได้ ผู้กำกับและสต๊าฟทุกคนภายในห้องก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก รู้สึกว่านี่มันชักจะไปกันใหญ่จนคล้ายเป็นการก่อาชยากรรมหย่อมๆ...แต่ที่อยู่บนเตียงนั่นก็ลูกคนใหญ่คนโต แล้วที่ยืนสั่งการแทนผู้กำกับนั่นก็ผู้มีอิทธิพล...ไม่มีใครอยากยื่นมือเข้าไปยุ่งแม้จะอยากช่วยเหลือนายแบบหนุ่มน้อยที่น่าสงสารคนนั้นมากแค่ไหนก็ตามที...
“มิสเตอร์หยาง...ผมว่าพอแค่นี้เถอะครับ ผมรู้ว่าคุณคิดอยากจะทำอะไร แต่ถ้าขืนปล่อยเอาไว้นานกว่านี้ผมคิดว่า...มิสเตอร์หยางจะถูกเกลียดเอานะครับ...” หยางจวิ้นทนดูพระจันทร์ถูกกระชากกางเกงจนหลุดจากขาและกำลังจะตามด้วยกางเกงชั้นในต่อไปอีกไม่ได้แล้ว จะโดนดุก็โดนดุเถอะ แต่เขาจะปล่อยให้หยางเฟิ่งผู้ค้ำจุนความมั่งคั่งของบริษัทเกลียดหยางหลงเจ้าของบริษัทไม่ได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง...เจ๊งแบบโดนเหยียบซ้ำหลายเท้าจนจมดินไม่มีสิทธิ์งอกเงยขึ้นมาใหม่กันเลยทีเดียว...แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันล่ะ...
“นั่นสิครับ...พอแค่นี้เถอะครับ...ผมขอร้อง” ด้วยความที่ติดตามเป็นบอดี้การ์ดเด็กผู้ชายผิวขาวคนนั้นมาถึงสองปีเต็ม อย่างน้อยสัญชาตญาณยามเห็นคนตัวบางตกอยู่ในอันตรายมันก็ต้องพอมีติดตัวมาบ้าง เมื่อก่อนเขาต้องคอยดูแลริ้นไม่ให้ไต่ แม้แต่ไรก็ไม่ให้ยุ่งได้เลยแม้แต่น้อย...แล้วนี่อะไร จะให้เขาต้องทนดูคุณหนูพระจันทร์โดนรังแกอยู่ต่อหน้า...แต่กลับยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้เลยนี่นะ มันสุดจะอึดอัดและคับแค้นอยู่ในอกจนแทบจะปะทุออกมาอยู่แล้ว...
ที่สำคัญ ไม่อยากจะคิดถึงคุณป้าแม่บ้านเลย...รายนั้นรักคุณหนูพระจันทร์เสียราวกับลูกในไส้...ถ้ารู้ว่าโดนคุณยะกลั่นแกล้งเอาแบบนี้...คงได้มีสงครามกลางบ้านกันยกใหญ่แน่ๆ...
และเมื่อตอนที่ซานตงกำลังจะเข้าไปเกลี้ยกล่อมเข้าอีกคน ร่างสูงใหญ่บึกบึนก็รีบเร่งสาวเท้าเดินเข้าไปที่เตียง ในตอนที่คุณหนูพระจันทร์กำลังโดนกระชากอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกไปจากร่างเป็นที่เรียบร้อย...
พระจันทร์แหงนเงยมองท่อนแขนใหญ่ที่จู่ๆก็โผล่เข้ามาในครรลองสายตาแบบเบลอๆเพราะมันคลอเอ่อเต็มไปด้วยหยาดน้ำ ท่อนแขนนั้นพุ่งเข้าไปจับลำคอของคนที่คล่อมอยู่เหนือร่างเขา แล้วออกแรงผลักจนร่างที่แสนน่ากลัวของผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปจนเกือบตกขอบเตียง ต่อจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มเสียมิดหัวด้วยผ้านวม ก่อนที่เขาจะถูกใครบางคนรวบทั้งร่างขึ้นอุ้มคล้ายเด็ก
เขาส่งเสียงร้องบอกให้ปล่อยผ่านผ้านวมที่ห่อพันรัดร่างเขาแน่น แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อคนที่อุ้มเขาอยู่จงใจฟาดฝ่ามือเข้ามาที่บริเวณก้นของเขาพลางตวาดว่าให้ ‘เงียบ’...
...เสียงพี่ยะ...พี่ยะเข้ามาช่วยกันจริงๆ...
“ไอ้แก่! ไหนบอกให้เล่นกับมันได้ยังไงล่ะวะ” เสียงด่าขรมเป็นภาษาจีนกลางดังมาจากร่างที่ยกมือขึ้นกุมลำคอของตัวเอง...แรงที่บีบเค้นคอกันเมื่อครู่นี้นั้นไม่เบาเลย ราวกับจงใจจะให้คอเขาหักเอาเสียให้ได้จริงๆ...
“ฉันให้แกเล่นได้แค่นี้...ขอบใจ...ที่ช่วยสอนให้นกน้อยของฉันรู้ว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริง และที่ไหน ที่สมควรจะใช้ชีวิตอยู่แล้วจะปลอดภัยที่สุด...แล้วก็ขอบใจอีกที ที่ช่วยสอนให้เด็กของฉันรู้ว่าไม่ควรโกหกและอวดดีใส่ผู้ปกครองอย่างฉันอีก ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ได้...มันจะเลวร้ายแค่ไหนในโลกแห่งความเป็นจริง...”
ประโยคท้ายสุดพระจันทร์ฟังจากระยะใกล้ไกลแล้วคิดว่าคนพูดคงจะหันมาทางเขา เพื่อจงใจให้ได้ยินกันชัดๆ พระจันทร์ร้องไห้เบาและพยายามจะกลั้นก้อนสะอื้นอยู่ใต้ผ้านวม ระหว่างที่ยินยอมให้อีกคนอุ้มพาเดินออกมาจากที่เดิมแต่โดยดี เขาได้ยินเสียงขยับร่างกายและเสียงคำรามแบบแค้นเคืองของคนที่อยู่บนเตียง แต่ไม่รู้ว่าพี่ยะทำอย่างไรอีกคนถึงได้นิ่งเงียบสนิท ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจเข้าออก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เสียงหายใจหอบหื่นยังเป่ารดวนเวียนอยู่ทั่วใบหน้าเขาอยู่เลย...
“เอ่อ...เอ่อท่านครับ แล้ว...แล้วการถ่ายแบบ...” เสียงนี้คือเสียงของผู้กำกับสินะ พี่ยะพาเขาเดินห่างออกมาจากเตียงนั่นแล้วใช่มั้ย
“ฉันเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้ และเด็กคนนี้ก็แอบฉันมาถ่ายแบบ โดยที่ผู้ปกครองอย่างฉันไม่ได้รับรู้และอนุญาต เพราะฉะนั้น...ภาพทั้งหมดที่ถ่ายไป ลบทิ้งซะ อย่างให้รู้นะว่ามีการเอาไปเผยแพร่...ไม่อย่างนั้น อย่าหวังเลยว่าจะมีหน้าอยู่ในวงการนี้ได้อีก...”
“แต่ท่าน! ท่านครับ!! พวกกระผมจะหาคนมาแทนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะครับ!! โธ่...ท่านครับ ได้โปรดอนุญาตให้พวกผมให้รูปเซตแรก...” เสียงร้องอ้อนวอนของผู้กำกับดังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าตัวพระจันทร์มากนัก เด็กหนุ่มจึงเดาเอาว่าอีกคนคงจะพยายามขอร้องพี่ยะของเขากระทั่งยอมคุกเข่ากันเลยทีเดียว แต่ว่า...
“คุณหยางบอกว่ายังไงก็ต้องเป็นตามนั้น หลังจากนี้ผมจะส่งคนเข้ามาควบคุมการทำงานของพวกคุณเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการเผยแพร่ภาพของคุณหนูหยางเฟิ่งออกไปแม้แต่ภาพเดียว...”
“แต่ว่า!! ท่านครับ...! ท่าน...!! ได้โปรดเห็นใจ...”
หลังจากนั้นผู้กำกับร่างท้วมพูดอะไรต่อไปอีกพระจันทร์ก็ไม่ได้ยินแล้ว เพราะร่างสูงของคนที่แบกเขาอยู่พาเขาออกเดินจนพ้นออกมาจากสตูดิโอ และพามาถึงรถคันหนึ่งภายในเวลาไม่นาน...พระจันทร์ร้องประท้วงให้อีกคนปล่อยตัวเองลงนั่งบนเบาะดีๆเสียงอ่อย แต่เหมือนทุกคำพูดของเขาจะโดนเมินโดยสิ้นเชิง ร่างเล็กๆบางๆจึงต้องนั่งตัวขดอยู่ภายใต้ผ้านวมบนตักของสุริยะมณฑลไปจนกระทั่งรถจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคอนโดแห่งหนึ่ง...
แสงสว่างโผล่ลอดเข้ามาในตอนที่ร่างของพระจันทร์ภายใต้ผ้านวมถูกสุริยะมณฑลอุ้มเข้าบ่าอีกครั้ง...แล้วพาออกมาจากรถ พระจันทร์ที่มองภายนอกไม่เห็นแต่หูยังได้ยินดีอยู่พยายามเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอกว่าที่นี่มันคือที่ไหน มั่นใจว่าเขาไม่ได้ถูกพากลับไปที่บ้านแน่ๆเพราะเสียงที่ได้ยินนั้นไม่คุ้นหูเลยซักนิด...
ทว่าในตอนนั้นเอง เสียงทุ้มนุ่มที่กล่าวเสียชิดตัวเขาก็ดังขึ้น...
“ถ้าอยากมีคอนโดเป็นของตัวเองนักก็เอา...อยากจะเป็นเด็กเสี่ยมีป๋าเลี้ยงก็ลองดู...พี่เองก็ยังไม่เคยเป็นเสี่ยเลี้ยงแบบนี้ดูซักทีเหมือนกัน แต่ว่า...ถ้าได้ลองเลี้ยงเด็กดื้ออย่างพระจันทร์ดู มันก็คงจะน่าสนุกไม่น้อยนะ...ว่ามั้ย”
---------------------------------------------------------
to be continue...
อัพฉลองวันเกิด เย้ !!!! >_<