กลิ่นหอมเครื่องเทศปนกลิ่นแป้งฝุ่นทำให้สุริยะมณฑลต้องก้มลงไปฝังปลายจมูกเข้าหาแก้มนิ่มกับซอกคอของคนที่เพลินกับการพับจีบอยู่บ่อยครั้ง ในสมองหวนนึกไปถึงเรื่องที่อเล็กซ์เพิ่งเล่าถึงตอนที่แดเนียลมาบอกความจริงกับตน แล้วจินตนาการว่าถ้าหากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง เขาจะรู้สึกยังไงแล้วก็จะทำยังไง พระจันทร์ไม่ใช่เด็กที่งี่เง่าจนไม่ยอมฟังเหตุผล อาจเป็นเด็กที่อ่อนไหวและอ่อนแอ เพราะเกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น แต่การที่เด็กคนนั้นยอมรับสภาพความเป็นจริงของอะไรหลายๆอย่างได้ แล้วก็กล้าที่จะเผชิญหน้าแล้วก็เลือกใช้ชีวิตต่อไปตามแบบที่ตัวเองเลือก ก็ถือเป็นเรื่องที่ผิดคาดไปมากแล้วสำหรับตัวเขา
นี่ถ้าเขาไม่รู้ความจริง แล้วก็ปล่อยพระจันทร์ไปเหมือนอย่างที่แม่ต้องการ คาดว่าพระจันทร์ก็คงจะยอมเลี้ยงลูกอยู่คนเดียวแล้วก็ปิดเรื่องลูกไปจนตลอดชีวิตแน่
...เฮ้อ...รู้สึกโชคดีชะมัดที่ยอมตามไอ้มังกรมาจนถึงนี่ ได้อยู่คอยดูแลพระจันทร์อยู่แบบนี้...ที่แท้จริงเป็นยังไง เขาคิดว่าเขาเพิ่งจะได้สัมผัสก็ตอนนี้เอง...
“พี่ยะ...พี่ยะเหม่ออะไร เอาไปนึ่งเร็ว ของแดเนียลคุณอเล็กซ์เขาเอาไปตั้งไฟแล้วนะเร็วสิ” พระจันทร์ตบเบาๆไปบนแขนที่กอดเอวบวมๆของเขาเพื่อเรียกสติ เดี๋ยวนี้พี่ยะชอบมานัวเนียมาสัมผัสอยู่ใกล้ๆ จับแตะร่างกายเขาไปทั่วๆอยู่บ่อยๆเสร็จแล้วก็เหม่อจ้องเขาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“อ๋อ อืม...จันทร์ไปล้างมือกับพี่ก่อน เดี๋ยวพี่เอาขนมจีบไปนึ่งให้นะ” ชายหนุ่มคว้ามือคนรักไปข้างหนึ่ง อีกข้างก็ยกถือจานขนมจีบเดินไปทางห้องครัวฝั่งตัวเองซึ่งตอนนี้มีคู่รักเพื่อนร่วมบ้านกำลังยืนหยอกล้อกันอยู่ที่หน้าเตา
สุริยะมณฑลพาพระจันทร์ไปยืนหน้าซิงค์แล้วจับมือน้อยทั้งสองข้างไปจ่อไว้ใต้สายน้ำ ฝ่ามือสากค่อยๆช่วยล้างคราบมันออกจากนิ้วน้อย ล้างข้างขวาเสร็จก็หันมาล้างข้างซ้ายต่อ พระจันทร์เหลือบมองคนตัวสูงที่อ้อยอิ่งกับการล้างนิ้วนางของเขานานเป็นพิเศษ ตัวแหวนดูหลวมไปนิดหน่อยเมื่อโดนน้ำสบู่ สุริยะมณฑลจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากเพื่อไม่ให้แหวนเผลอหลุดออกจากนิ้วมือน้อยแม้แต่นิดเดียว
“พี่ยะล้างนานไปแล้ว จันทร์ถอดแหวนให้ไปล้างเองเลยเอามั้ย” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกพลางทำท่าจะถอดแหวนออกจากนิ้วคล้ายแกล้ง ทว่าสายตาจริงจังและการกระชากมือสองข้างออกจากกันของสุริยะมณฑลก็ทำให้พระจันทร์แอบตกใจเล็กๆ เพราะสีหน้าของอีกฝ่ายแลดูถมึงทึงและขมวดคิ้วแน่นเสียจนพระจันทร์แอบขำ ถ้ารู้ว่าล้อเล่นกับความรู้สึกของพี่ยะแล้วอีกฝ่ายเต้นได้ขนาดนี้พระจันทร์ทำไปนานแล้ว
“อย่าเชียวนะ คราวนี้พี่เอากาวหยอดนิ้วจริงๆด้วย” เสียงทุ้มดุเสียงเข้ม
“เวอร์...ยอมรับแล้วเหรอว่าแหวนนี่...เป็นของพี่ยะ...” พระจันทร์ดึงมือซ้ายออกมาจากการเกาะกุมแล้วก็ชูนิ้วนางขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู
“...”
“แล้วก็...เป็นคนเอาแหวนมาใส่นิ้วคนอื่นเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย”
“...ทำไมพี่ต้องขอ ในเมื่อคนเซ็นอนุมัติน่ะพี่ใส่ลงไปในท้องของเราแล้วอยู่นี่ไง”
“...พี่ยะ!!” พระจันทร์ตวาดแว้ดแล้วก็อ้าปากค้าง ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนฝ่ามือใหญ่ลูบพุงแอบป่องนิดๆของตัวเองอยู่ พระจันทร์รีบงอตัวแล้วก็บิดเอวตัวเองให้ออกมาจากการเกาะกุม มองอีกฝ่ายด้วยความอายจนใบหูร้อน เด็กหนุ่มเดินก้มงุดๆไปหาแดเนียลแล้วกอดแขนเพื่อนร่วมบ้านไว้ สายตาล้อเลียนที่ส่งมาจากแดเนียลที่แม้จะไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยเรื่องอะไรกันทว่าท่าทางที่สุริยะมณฑลขยับใกล้ชิดกับพระจันทร์ แถมยังทำให้คนตัวเล็กกว่าอายม้วนต้วนได้ขนาดนี้นั้นก็ทำให้เขาพอจะรู้ว่า...สิ่งที่ทั้งคู่คุยกันนั้นคงจะเป็นเรื่องที่น่าอายพอดู
“อายอะไร พ่อเขาแค่อยากคุยกับลูก...” แดเนียลเดาเอาจากท่าทางที่สุริยะมณฑลลูบลงบนหน้าท้องของพระจันทร์เมื่อสักครู่
“แล้วแดนไม่รู้สึกอายบ้างเหรอเวลาโดนอเล็กซ์จับที่ท้องน่ะ” พระจันทร์ย้อนกลับ
“ไม่หรอก เพราะเวลาอเล็กซ์จับมันจะรู้สึกเจ็บมากกว่า...” แดเนียลเอามือป้องปากระหว่างที่ก้มลงไปคุยกับพระจันทร์ที่ข้างหูว่า “...ลูกชอบดิ้นน่ะเวลาอเล็กซ์อยู่ใกล้ๆแล้วก็พยายามจะสื่อสารกับเขา”
พระจันทร์ยิ้มเล็กๆกับท่าทางมีความสุขที่แดเนียลแสดงออก เขาหันไปมองสุริยะมณฑลที่จ้องมาทางเขาตาเป็นมันแล้วก็หันมาลากแขนแดเนียลให้ไปนั่งรอขนมยามบ่ายที่โซฟาด้วยกันแทน ผิวแก้มร้อนผ่าวๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่สุริยะมณฑลเพิ่งพูดออกมา ที่จริงแล้วมันก็แค่บทสนทนาธรรมดาๆ แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้รู้สึกอายกับคำพูดนั้นนักนะ
...ให้ตายเถอะ ถ้าเขาท้องลูกได้ด้วยตัวคนเดียวก็คงไม่ต้องมาโดนชายหนุ่มเอาลูกมาอ้างเช้าเย็นแบบนี้แน่... อย่าเชียวนะ อย่าให้ถึงทีเขาบ้าง...
พระจันทร์ยังคงเฝ้ารอคอยเวลานั้นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ...แม้ว่ามันไม่ค่อยมีวี่แววเท่าไหร่เลยก็ตาม...
------------------------------------------------------
สองอาทิตย์ถัดมา...ในช่วงเวลากลางดึก พระจันทร์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อจู่ๆอ้อมแขนที่โอบกอดเขาเอาไว้อย่างอบอุ่นมาตลอดทั้งคืนก็เลือนหาย เด็กหนุ่มขยี้ตาสู้แสงไฟหัวเตียงที่ปกติแล้วพวกเขาจะปิดก่อนเข้านอน แต่ตอนนี้มันกลับเปิดเอาไว้สลัวๆบนหัวเตียงฝั่งที่พี่ยะนอน พระจันทร์เอามือสัมผัสผ้าปูเตียงแล้วก็พบว่ามันยังอุ่นๆอยู่ แสดงว่าพี่ยะคงจะเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นานสินะ
เด็กหนุ่มค่อยๆลุกออกจากเตียงแล้วก็สวมรองเท้านุ่มๆที่ใช้เดินในบ้าน เป้าหมายคือประตูห้องน้ำซึ่งเขาคิดว่าคนรักคงเพิ่งลุกเดินเข้าไป ทว่าจู่ๆเสียงประตูห้องนอนก็ดังแอ๊ดขึ้นแผ่วเบาพร้อมกับที่ไฟจากนอกห้องนอนก็ส่องเข้ามาข้างในจนพระจันทร์ต้องรีบหยีตา แล้วสัมผัสอุ่นๆที่ขาดหายไปจากตอนตื่นนอนก็รีบเดินตรงเข้ามาหาเขา ก่อนจะกดศีรษะของพระจันทร์ให้ซบลงบนไหล่กว้าง พร้อมกับที่ท่อนแขนยาวแน่นกล้ามก็พยายามจะกอดตัวเขาให้จมลงไปในอกอุ่นจนมิด
พระจันทร์ตบลงไปที่บ่ากว้างเบาๆ เขารู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแต่ก็พอดูออกว่าพี่ยะในตอนนี้นั้นไม่ปกติ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จู่ๆคนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดอย่างชายหนุ่มคนนั้นถึงได้มาซบลงบนตัวเขาอยู่ในตอนนี้ อารมณ์ที่ส่งผ่านมาทำให้พระจันทร์รู้ว่านี่ไม่ใช่การเข้ามาอ้อนแบบปกติด้วย ท่าทางเหมือนต้องการกำลังใจหรืออะไรสักอย่างอย่างนั้นแหละ
“พี่ยะ...เป็นอะไรไปครับ” พระจันทร์ถามเสียงอู้อี้ แต่ชายหนุ่มกลับตอบเขากลับด้วยกริยาร่างกายคือกอดเขาแน่นขึ้น
“พี่ยะ คุยกันก่อน...เป็นอะไรครับ” พระจันทร์พยายามเกลี้ยกล่อมอีกรอบ และคราวนี้ก็ได้ผลเมื่อแรงผลักร่างเขาออกห่างพร้อมท่าทีก้มหน้าก้มตาปิดบังใบหน้าไม่ให้พระจันทร์ได้รับรู้สีหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้
“พี่ยะ...หันหน้ามา...” พระจันทร์เรียกพลางพยายามเดินตามเมื่อสุริยะมณฑลหันหน้าหนีเขาอีกครั้งหลังจากที่ยอมปล่อยพระจันทร์ออกจากอ้อมแขนง่ายๆ
“โอะ...โอ๊ย...” ใครว่ามีแต่ผู้หญิงที่ใช้มารยาได้ คุณแม่ดารกานต์เคยบอกเขาไว้ ว่าผู้ชายอย่างเขาก็ใช้ได้ไม่ต่างกันหรอก
พระจันทร์แสร้งทำเป็นตัวงอกุมท้องพร้อมร้องโอ๊ยออกมาเบาๆ ซึ่งมันส่งผลดีมากเมื่อสุริยะมณฑลรีบหันกลับมาพร้อมคว้าตัวเขาไว้ทำท่าจะอุ้ม และในแว่บที่พระจันทร์มองเห็นหน้าอีกฝ่าย เขาก็ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อบนใบหน้านั้นมีแสงแวววาวสะท้อนแสงไฟอยู่สองข้างโหนกแก้ม พระจันทร์นิ่งค้างปล่อยให้ชายหนุ่มอุ้มตัวเองขึ้นจนตัวลอย แล้วพอสติกลับมาเด็กหนุ่มก็ค่อยๆยกสองมือของตัวเองไปช้อนหน้าอีกฝ่ายไว้ให้มองสบตาตนก่อนจะเอ่ยถามเสียงสั่นว่า
“พี่ยะร้องไห้...พี่ยะเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นครับ...บอกจันทร์มาเร็ว...พี่...”
“แดเนียลเจ็บท้องคลอด รถพยาบาลเพิ่งมาเอาตัวไปเมื่อกี๊...พี่ไปช่วยอเล็กซ์มา ก็เลย...”
“เอ๋...แดนจะคลอดคืนนี้เหรอ! เรื่องน่ายินดีนี่ครับ...แล้วพี่ยะร้องไห้ทำไม ดูสิ...หมดมาดเจ้าพ่อแห่งเกาะฮ่องกงหมด ถ้าคุณแม่ดารกานต์มาเห็นนะจะต้อง...” พระจันทร์พูดไปก็พยายามปาดเช็ดน้ำตาที่ยังมีซึมๆอยู่ปลายตาของชายหนุ่มออกให้ ฝ่ามือใหญ่ที่ช้อนอุ้มเขามาวางที่เตียงยกขึ้นรวบแขนของเขาไปจับไว้ ก่อนจะจ้องตาเขม็งมาที่ใบหน้าของเขาก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ว่า
“พระจันทร์ วันที่จันทร์ต้องคลอดลูกของพี่...เราจะต้องปวดท้องเหมือนที่แดเนียลปวดมั้ย”
พระจันทร์จ้องหน้าคนถามแล้วกระพริบตาปริบๆ
“เอ่อ...ก็ อาจจะปวด เอ๊ย...ไม่ปวดหรอกครับ...จันทร์...”
“โกหก...” เสียงเข้มเอ่ยดังขึ้น พระจันทร์นั่งตัวแข็งเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อจู่ๆสายตาคมกล้าก็แวววับขึ้นมาในความมืด “พี่ไม่ยอมให้เราต้องปวดท้องตอนจะคลอดเหมือนแดเนียลแน่ พี่...พี่...”
“พี่ยะ รู้สึกไม่ดีกับการคลอดลูกเหรอครับ” พระจันทร์กระเถิบตัวลงจากตักของชายหนุ่มไปนั่งเองบนเตียง ฝ่ามือเล็กลูบแขนใหญ่ไปมาเบาๆก่อนจะสอดปลายนิ้วประสานเข้าไปในฝ่ามือใหญ่ สุริยะมณฑลตอบรับปลายนิ้วน้อยนั้นด้วยการจับมือแน่นทันที
“พี่...ไม่รู้สิ พี่แค่เห็น...เลือดเต็มขาแดเนียล แล้วเขาก็มีท่าทางเจ็บปวดแบบทรมานเอามากๆ อเล็กซ์เองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก พี่ได้ยินเสียงก็เลยเป็นคนโทรเรียกรถพยาบาลมาให้เขาเมื่อกี๊...” สุริยะมณฑลถอนหายใจเหมือนพยายามระงับความรู้สึกตัวเอง เขารู้สึกได้เลยว่าตอนที่กดโทรศัพท์นั้นปลายนิ้วเขาเย็นจนชาแค่ไหน ในหัวเขามีภาพของพระจันทร์ที่เข้ามาซ้อนทับภาพของแดเนียล และเพียงแค่คิด...ขนทั้งตัวเขาก็ลุกชันพร้อมกับที่ความเจ็บปวดมันแล่นแปร๊บจากหัวใจลงไปปลายเท้า ก่อนจะวกกลับขึ้นมาตีเข้าในสมองจนเขาปวดหนึบ
อาการที่เขาเป็นอาจดูเวอร์ไป แต่มันคืออารมณ์จริงๆของผู้ชายที่ต้องมาทนเห็นคนรักของตัวเองเจ็บปวดทรมานเจียนตายตรงหน้า แล้วตัวเองก็ช่วยอะไรคนรักไม่ได้เลยสักอย่าง มันทั้งอึดอัดและเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก...เข้าใจแล้วที่อเล็กซ์เคยพูดกับเขาไว้ว่า
‘...นอกเหนือไปจากความดีใจที่ได้รู้ว่าแดนท้อง คือความกังวลและเป็นห่วงเขามากกว่า เพราะผมเป็นคนพาพี่สาวไปโรงพยาบาลตอนเจ็บท้องจะคลอดหลาน ผมไม่อยากให้แดนต้องเจ็บเหมือนที่พี่สาวผมเจ็บ...แล้วผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแค่ยืนมอง’
...ใช่ นอกเหนือไปจากความดีใจที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกกับคนที่รัก...ก็คือความกังวลและความเป็นห่วง เพราะกว่าที่เขาจะได้โซ่ทองคล้องใจมาให้ชื่นชมได้สักคนนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ พระจันทร์ต้องอดทนแค่ไหนกันนะกว่าที่จะได้ให้เขาเห็นหน้าลูก...
“พระจันทร์...หลังจากนี้พี่สัญญา...พี่จะดูแลเรากับลูกให้ดีที่สุด พี่จะไม่ยอมให้พระจันทร์ต้องเจ็บอีก พี่สัญญา...”
“พี่ยะ...” พระจันทร์มองตอบสายตาแน่วแน่ที่พ่อของลูกมองส่งมาให้ด้วยความซาบซึ้ง “แล้วพี่ยะไม่อยากมีลูกคนที่สองเหรอ”
“ถึงมีได้พี่ก็จะไม่ให้มี ครอบครัวเรามีทั้งหนูลิน มีทั้งลูกของเราก็พอแล้ว...พี่ไม่คิดนี่ว่าคนจะคลอดลูกเขาต้องเจ็บกันขนาดนั้น พี่ไม่อยากให้จันทร์เจ็บ...”
“จันทร์ทนได้...เพราะถึงมันจะเป็นวันที่ต้องเจ็บปวดเจียนตาย แต่มันก็จะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้จันทร์มีความสุขที่สุดเหมือนกัน เพราะมันเป็นวันที่จันทร์จะได้มอบของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตให้พี่ แล้วก็ให้ตัวจันทร์เองด้วย...นะ” พระจันทร์ใช้น้ำเสียงเหมือนปลอบโยนเด็ก สองมือโอบกอดเรือนร่างสูงใหญ่เข้ามาหาตัวเอง สุริยะมณฑลซุกซบใบหน้าลงกับลาดไหล่เล็กๆ สองมือกอดกระชับคนรักเอาไว้ให้มั่นใจว่าเขาจะสามารถปกป้องอันตรายทุกอย่างให้คนรักได้
“นั่นสินะ ถึงจันทร์จะเจ็บปวด แต่พี่ก็ยังอยากเห็นหน้าเจ้าตัวเล็กของเราสองคนลืมตาดูโลก...พี่ดีใจนะ ที่เราท้องได้...พระจันทร์”
“ฮึก...ฮือ...” จู่ๆพอสิ้นคำพูดนั้น พระจันทร์ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ทั้งๆที่ทนมาได้ไม่ยอมร้องไห้เลยตั้งแต่วันที่พี่ยะรู้ความจริงวันนั้น ก็ดันเผลอมาอ่อนแอร้องไห้เอาตอนนี้เสียได้
...พี่ยะจะรู้มั้ย ว่าจันทร์รอคอยคำพูดนี้มานานแค่ไหน...
“จันทร์คิดว่าพี่ยะจะรังเกียจ จะไม่ชอบจันทร์ จะคิดว่าจันทร์เป็นตัวประหลาด ที่ผ่านมาก็แค่สงสารแล้วก็ยอมดูแลจันทร์ไปตามหน้าที่...ฮึก...ตัวจันทร์พูดความจริงไม่ได้...แต่จันทร์ก็ไม่ได้อยากจะโกหกพี่นะ แต่...ฮึก...พี่ยะ...กลับดีใจที่จันทร์เป็นอย่างนี้ แล้ว...แล้วก็...”
“พี่อาจบอกเราไม่บ่อย แต่รู้ไว้นะ...ทุกครั้งที่พี่กอดจันทร์ นั่นคือทุกครั้งที่พี่กำลังบอกรักจันทร์ เหมือนอย่างตอนนี้ที่พี่กำลังกอดจันทร์ พี่กำลังบอกรักเด็กคนนี้ เด็กขี้แยที่คอยแต่จะให้คนอื่นคอยปกป้อง เด็กงี่เง่าเอาแต่ใจ...แต่กลับสำคัญที่สุดในชีวิตของพี่ พระอาทิตย์ดวงนี้ยอมหมอบแทบเท้าพระจันทร์ดวงน้อยนี่แล้วนะ...ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง”
รอยยิ้มทั้งปากทั้งตาของสุริยะมณฑลส่งไปให้คนตัวเล็กขี้แยในอ้อมกอดเป็นการจบคำพูด จริงสินะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน...พี่ยะกอดเขาเอาไว้กี่ครั้งแล้ว...ผู้ชายคนนี้...รักเราจริงๆใช่มั้ย
...แทนคำพูดโต้ตอบทั้งหมด พระจันทร์ฮึดกลืนก้อนสะอื้นไว้ในอก แล้วยื่นริมฝีปากสั่นๆเข้าไปประกบจุมพิตแผ่วเบาลงบนริมฝีปากนิ่มยุ่นของคนตรงหน้า จูบที่แผ่วเบาราวเจ้าผีเสื้อที่บินลงมาแตะบนเกสรดอกไม้ค่อยๆทวีความร้อนแรงขึ้นตามลำดับ เมื่อสุดท้ายแล้วเจ้าผีเสื้อตัวน้อยเพิ่งจะสำเหนียกได้ว่า...สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นเกสรดอกไม้ กลับเป็นหนวดของสิงห์เจ้าป่าตัวใหญ่ ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อน้อยตรงหน้าลงท้องไปอย่างไม่ลังเล...
------------------------------------------------------
แฮ่...มาต่อจนจบตอนแล้วจ้าาาาา
หลังจากนี้ก็จะเป็นตอนหวานๆกุ๊กกิ๊กน่ารักของครอบครัวนี้เขาแล้วล่ะเน้อ เพราะมันใกล้จบเต็มทีเหลืออีกสองสามตอนแล้วจ้า
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้เน้อ... ^_^
แล้วก็...สุดท้ายเค้าก็ยังไม่ได้กลับไปโพสต์เนื้อหาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงเบย T_T
ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่อยู่เป็นกำลังใจมาจนถึงตอนนี้กับเรื่องที่สองของแพท ต่อไปก็คงจะได้เจอกับครูบัวกันบ่อยขึ้นละ หุหุ
...ขอให้เพื่อนๆที่รักรักษาสุขภาพกันด้วยเน้อ อาศัยอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่ามันก็ร้อนตับจะแตกกันแบบนี้ล่ะ แฮ่กๆ...