[Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ  (อ่าน 185241 ครั้ง)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
         ตอนที่ ๘

 ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งปีหลังจากที่ได้พบกับกวินท์   อีกครั้ง โลกทั้งใบที่หงอยเหงาของรัญชน์มันกำลังกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

รัญชน์ย้ายกลับมาอยู่ไทยอีกครั้งกับกวินท์

ความอ้างว้าง ความเดียวดายที่เคยมีมันกำลังถูกเติมเต็มด้วยความอบอุ่นของหัวใจที่ได้รับจากกวินท์ ศัลยแพทย์หนุ่มที่กลายมาเป็นคนรักกันหลังจากที่เฝ้ารอที่จะได้พบกันมานานกว่าสิบห้าปี

รตามองความเปลี่ยนไปของน้องชายด้วยความรู้สึกที่ดีไม่น้อย

ถึงเธอจะต้องเจ็บปวดกับการหักห้ามใจตัวเองให้เลิกรักคุณหมอกวินท์ก็ตามที แต่เป็นเพราะที่ข้างกายนั้นเธอยังคงมีธันย์มาคอยอยู่เคียงข้าง ความเจ็บปวดนั้นก็ค่อยบรรเทาและจางหายไปในที่สุด

สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ก็มีแต่เพียงความกังวลเท่านั้นว่าทางครอบครัวจะรับได้ไหม..กับการที่น้องชายของเธอมีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกัน

“กวินท์เป็นคนดีนะ ได้คนดีๆแบบกวินท์มาเป็นคู่ชีวิตของน้องชายเธอ พี่ว่าคุณลุงน่าจะดีใจมากกว่านะ” ธันย์พูดอย่างมองโลกในแง่ดี

ถึงแม้ในใจจะคิดเป็นกังวลไม่ต่างจากรตาสักเท่าไหร่

เพราะรู้ว่าผู้เป็นพ่อของรตาและรัญชน์นั้นมีนิสัยเป็นอย่างไร

แต่พอมองภาพของรัญชน์ที่กำลังเดินเล่นอยู่ริมหาดกับกวินท์แล้ว ธันย์ก็นึกไม่อยากให้มีอะไรมาพรากสองคนนี้ออกจากกันอีก

ในขณะที่กวินท์กับรัญชน์เองก็กำลังพูดในเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

“คุณแน่ใจนะว่าจะไม่บอกเรื่องของเรากับพ่อของคุณ?”

รัญชน์พยักหน้าก่อนจะจับมือของคนรักที่จูงตัวเองเดินอยู่ริมหาดแน่นขึ้น เขาก้มลงมองดูชายคลื่นที่มากระทบกับเท้าเปลือยซึ่งกำลังย่ำอยู่บนผืนทรายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“อืม...ผมไม่คิดว่าพ่อจะรับเรื่องของเราได้ คุณเองทำงานกับพ่อก็น่าจะรู้นะว่าท่านมีนิสัยยังไง” รัญชน์บอกเสียงเบา แววตายังคงมีกังวลอยู่

ความทรงจำในวัยเด็กมันย้อนกลับมาอีกครั้ง

พ่อที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและหน้าตา ทั้งไม่ยอมทนต่อคำนินทาใดๆทั้งสิ้น ยืนกรานที่จะหย่าขาดจากแม่ของเขาและไล่เธอไปให้พ้นหน้าทันทีที่รู้ว่าแม่มีคนรักอื่นและมีเริ่มมีเสียงซุบซิบนินทากันในวงสังคม

ถ้าหากมารู้ว่าเขารักกับกวินท์ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน คนที่รักหน้าตาของตนเองอย่างพ่อคงจะไม่ยอมรับแน่ๆ สิ่งที่จะเป็นเรื่องอื้อฉาวแบบนี้

“ตามใจคุณก็แล้วกัน สิ่งไหนสบายใจกว่าก็ปล่อยให้เป็นแบบนั้นคงจะดีที่สุด” กวินท์บอกอย่างเข้าใจแล้วเอื้อมมือไปจับมือทั้งสองข้างของรัญชน์ไว้ แรงบีบเบาๆที่อบอุ่นทำให้รัญชน์สามารถเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคนรักได้เมื่อโล่งอกว่ากวินท์นั้นเข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่

“ขอบคุณนะ..”

รัญชน์บอกก่อนจะขยับเข้าไปสอดแขนกอดกวินท์เอาไว้ อิงแอบใบหน้ากับอกกว้างที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเสียยิ่งกว่าคนเป็นพ่อที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยนับตั้งแต่เขากลับไทยมา กวินท์ยกมือขึ้นกอดร่างเล็กๆของคนรักเอาไว้และเอียงหน้าลงมาจูบเบาๆข้างขมับ

ลมทะเลยามกลางคืนออกจะทำให้อากาศนั้นเย็นไม่น้อย

แต่ยามนี้สำหรับทั้งสองที่ได้อยู่เคียงข้างกัน ได้โอบกอดกันและกันด้วยสองมือนี้ก็สร้างความรู้สึกอบอุ่นได้ยิ่งกว่าสิ่งใด

ความจริงแล้วกวินท์เองก็กำลังนึกกังวลไม่น้อย ถ้าเป็นไปได้เขาเองก็ยังไม่อยากให้ท่านผู้อำนวยการรับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับรัญชน์ด้วยเช่นกัน กวินท์ยังจำได้ดีว่าช่วงปีแรกที่เขาเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลและสร้างชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาลด้วยการผ่าตัดเคสใหญ่ที่เป็นเคสซึ่งสื่อมวลชนและประชาชนจับตามองกันสำเร็จ

ยชญ์นั้นแสดงความปลาบปลื้มในตัวเขาไม่น้อย และแสดงท่าทีบอกให้เขารู้เป็นนัยๆว่าต้องการได้เขามาเป็นลูกเขย...แต่คนที่ยชญ์ปรารถนาให้เขาแต่งงานด้วยคงไม่ใช่ลูกชายคนเล็กของเขาแน่ แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะทำอย่างไรดีที่จะให้ผู้เป็นพ่อของรัญชน์ยอมรับในเรื่องของพวกเขา ทุกอย่างมันอาจจะง่ายกว่านี้ ถ้าตัวเขาเองกับพ่อไม่ได้มีหุ้นส่วนในโรงพยาบาลนี้

หากเขาไม่ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อที่จะพัฒนาโรงพยาบาลที่พ่อสร้างขึ้นมากับเพื่อนรักให้รุ่งเรืองก้าวหน้า ถ้าเขาเป็นแค่ศัลยแพทย์ธรรมดาๆที่ไม่ได้แบกรับภาระและความหวังของพ่อเอาไว้ เขาก็แค่เลือกที่จะไปทำงานต่อที่ไหนสักแห่งกับโรงพยาบาลในต่างประเทศและพารัญชน์ไปอยู่ด้วยกัน

ไปอยู่กันแค่สองคนที่ไม่ต้องมานั่งคิดกังวลกลัวอะไรทั้งสิ้น

กวินท์เก็บเรื่องนี้มาคิดจนไม่สามารถข่มตาหลับได้

ความอ่อนเพลียมันปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อคมของเขาในเช้าวันรุ่งขึ้นจนรัญชน์สังเกตได้

“ขอบตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน หมดหล่อเลยนะครับคุณหมอ” รัญชน์เย้าคนรักก่อนจะถูกโอบเอวเข้าไปกอดและหอมเบาๆที่แก้ม

“ก็ใครไม่รู้นอนทับแขนทั้งคืนเลยนอนไม่หลับ สงสัยว่าเย็นนี้จะเข้าผ่าตัดไม่ได้ซะแล้วสิ” กวินท์แกล้งว่าก่อนจะหยุดพูดไปเมื่อคนรักของเขาเขย่งขามาจูบที่ปาก โอบคนรักเข้ามาแนบอกแล้วจูบตอบด้วยความถนอม

“ถ้างั้น...ให้ผมขับแล้วคุณนั่งนะ จะได้งีบพักไประหว่างทาง”

รัญชน์บอกแล้วงับริมฝีปากล่างของคนรักเบาๆอย่างหยอกเอิน เรียวปากอุ่นกระตุกยิ้มจางๆ

“ผมหยอกคุณเล่นต่างหาก”

กวินท์พูดแล้วก้มลงจูบปากแดงๆที่แสนรักอีกครั้ง

“คุณรู้อะไรไหม...ผมชอบที่นี่นะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะค้างอีกสักคืน” รัญชน์บอกขณะเอนศีรษะลงอิงกับบ่าของคนรัก สองมือสวมกอดไว้แน่น ถึงจะได้มาพักที่นี่ไม่ถึงสามวัน แต่รัญชน์ก็รู้สึกว่ามีความสุขที่สุดกับการไม่ต้องคอยหลบซ่อนสายตาใคร ไม่ต้องกลัวว่าคนรู้จักจะมาพบ ไม่ต้องกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะมาเห็นเหมือนกับตอนอยู่ที่กรุงเทพ

ความรู้สึกของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนรักมากนัก

“ไว้ถ้ามีวันว่างอีกเมื่อไหร่ จะพามาอีกก็แล้วกันนะ” กวินท์บอกแล้วลูบศีรษะเล็กอย่างรักใคร่ก่อนส่งยิ้มให้รัญชน์ที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับเขา

“แต่ตอนนี้เราคงต้องกลับกันแล้วล่ะ”

เพราะกวินท์มีคิวผ่าตัดอีกในช่วงเย็น เขากับรัญชน์เลยพากันกลับกรุงเทพก่อน ในขณะที่รตากับธันย์นั้นจะกลับกันในตอนบ่าย

โดยที่พวกเขาไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่า..ในเย็นวันนั้นกวินท์จะไม่สามารถเข้าผ่าตัดให้กับคนไข้ได้...

และเป็นตัวเขากับรัญชน์...ที่ต้องกลายเป็นคนไข้ให้แพทย์ช่วยชีวิตแทน

“คู่กรณีเป็นฝ่ายผิดน่ะครับ หลับในแล้วพุ่งสวนเข้ามาในเลนของคุณหมอ” ตำรวจที่รับผิดชอบแจ้งเรื่องนี้ให้กับยชญ์ที่ยืนหน้าเครียดอยู่หน้าห้องฉุกเฉินได้รับทราบพร้อมกับกสิณผู้เป็นพ่อของกวินท์ในตอนที่รตากับธันย์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา

“รัญชน์กับคุณหมอกวินท์เป็นยังไงบ้างคะ?” กสิณยกมือให้เธอเงียบเสียงก่อนจะหันไปคุยรายละเอียดกับตำรวจ ในขณะที่ยชญ์หันมามองหน้าลูกสาวและลากเธอออกห่างจากตำรวจโดยมีธันย์เดินตามมา

“ทำไมเด็กคนนั้นถึงอยู่กับกวินท์ได้ฮึ?” แววตาน่าเกรงขามบ่งบอกความคาดคั้นอย่างคนที่ต้องการคำตอบของยชญ์ทำให้รตาอึดอัดใจไม่น้อย

เธอเหลือบมองสบตากับธันย์ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นพ่ออีกครั้ง

“เราบอกพ่อว่าจะไปเที่ยวกับกวินท์แล้วก็ธันย์ แต่ไม่ได้บอกพ่อเลยสักคำว่าจะเอาเด็กคนนั้นไปด้วย! พ่อไม่เห็นหน้ามันก็นึกว่ามันกลับไปอเมริกาแล้วเสียอีก!!” ยชญ์ตะคอกใส่ลูกสาวคนโตอย่างเหลืออดด้วยเสียงที่ดังพอให้ได้ยินแค่เฉพาะพวกเขา

“ผมชวนรัญชน์ไปเองแหละครับคุณลุง ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณลุงมาก่อนครับ”

ธันย์ออกรับหน้าให้ เขาก้มหัวให้กับชายสูงวัยแต่สิ่งที่เขาทำกลับไม่ได้ลดโทสะของยชญ์เลยแม้แต่น้อย

“ฮึ! อย่าคิดว่าเธอขอโทษแล้วฉันจะยกโทษให้มัน เพราะไอ้เด็กนั่นมันเป็นตัวซวย มันจะทำให้ฉันต้องเสียศัลยแพทย์มือหนึ่งของฉันไป!”

ยชญ์ระเบิดอารมณ์อีกรอบ แต่ยังดีที่เขาควบคุมเสียงให้เพียงแต่ลูกสาวของเขากับธันย์ได้ยินเท่านั้น ได้ยินคำพูดของพ่อแล้ว รตาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“พ่อหมายความว่ายังไงคะ?”

“อาการของกวินท์อยู่ในขั้นโคม่า ลักษณะเหมือนเขาเอี้ยวตัวมาบังไอ้เด็กบ้านั่นเอาไว้ โครงเหล็กมันกระแทกเข้าทางด้านหลังศีรษะของเขา แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือเส้นเอ็นข้อมือขวาของเขาขาด...ถึงจะหายเป็นปกติแต่ก็คงจับมีดผ่าตัดไม่ได้อีกแล้ว” ข่าวที่ได้ยินทำให้รตากับธันย์ต้องมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องมันเป็นอย่างไร รตาก็เพิ่งจะประสบกับมันในขณะนี้นั่นเอง

“แล้วรัญชน์ล่ะคะพ่อ?”

“ไม่รู้! แล้วมันจะเป็นหรือตายก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน!!”

พูดจบแล้วยชญ์ก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องรตาได้แต่มองตามบิดาไปอย่างไม่เข้าใจนัก ทั้งที่รัญชน์เคยเป็นเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจคนหนึ่งของพ่อ แต่ตั้งแต่พ่อกับแม่แยกทางกันด้วยสาเหตุที่เธอเคยได้ยินคนลือมาอย่างไม่แน่ชัดเพราะไม่เคยได้รับคำตอบจากพ่ออย่างชัดเจนว่าผู้เป็นแม่นั้นมีชู้จริงหรือไม่ พ่อก็แสดงท่าทางรังเกียจแม่และน้องชายคนเล็กของเธออย่างชัดเจน

รตาถอนหายใจออกมาอย่างหนักอกก่อนจะเงยหน้ามองสบตาคนที่เดินมาจับบ่าของเธอ

“พี่ว่าลองไปคุยกับคุณอากสิณก่อนดีกว่านะ”

รตาพยักหน้าให้กับสิ่งที่ธันย์เอ่ยมา ทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อของกวินท์ เมื่อเห็นว่าตำรวจที่เข้ามาประสานงานนั้นกลับออกไปแล้ว

“คุณอาคะ..”

“รตา...น้องชายของหนูอยู่ที่ห้องพักฟื้นนะ จะไปดูอาการหน่อยไหม อาจะให้คนพาหนูไป” ท่าทางสงบและใจเย็นของกสิณที่แตกต่างจากผู้เป็นพ่อลิบลับทำให้รตารู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

“เขาเป็นอะไรมากไหมคะ?”

“อืม..ศีรษะกระแทกเล็กน้อยต้องเย็บตรงเหนือขมับไปห้าเข็ม แล้วก็กระดูกข้อมือร้าว พักสักระยะก็จะหายดีเอง หลังจากนี้คงต้องเฝ้าดูอาการว่าสมควรจะต้องทำ CT Scan ไหม แต่โดยส่วนตัวอาคิดว่าคงไม่จำเป็น”

รตาพยักหน้าช้าๆ เธอเดินเข้าไปใกล้กสิณและจับมือเขาไว้

“หนูขอบคุณมากนะคะคุณอา...แล้วก็..หนูเสียใจกับเรื่องของคุณหมอกวินท์ด้วยนะคะ คุณพ่อบอกว่าคุณหมอกวินท์อาจจะไม่สามารถผ่าตัดได้อีก...จริงหรอคะ?” กสิณถอนหายใจช้าๆก่อนจะฝืนยิ้มออกมาให้เธอ มือที่ผ่านการผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วนและเป็นมือที่ใช้อุ้มและจูงมือนำทางให้กับลูกมาตั้งแต่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาลืมตาดูโลกตบลงที่บ่าของเธอเบาๆ

“กวินท์เป็นหมอ...ถึงจะผ่าตัดไม่ได้ก็ใช่ว่าเขาจะช่วยชีวิตคนไข้อีกไม่ได้” รตาฟังแล้วก็ต้องส่งยิ้มให้กับชายสูงวัยอย่างให้กำลังใจ เธอรู้ว่ากสิณภูมิใจกับความเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของลูกชายมากแค่ไหน การที่ กวินท์จะผ่าตัดไม่ได้นั้น ก็เหมือนโลกทั้งใบของกสิณถูกทำลายไปแล้วกว่าครึ่ง

แต่น่าแปลกที่ชายสูงวัยตรงหน้าเธอกลับรับเรื่องราวทั้งหมดได้ดีเกินกว่าที่เธอคาดเอาไว้มาก

“ว่าแต่ขอถามอะไรหนูสักอย่างได้ไหม?”

“ค่ะ คุณอา” ถึงกสิณจะยังไม่ถามออกมา แต่รตาก็คิดว่าเธอพอจะรู้คำถามที่ชายสูงวัยจะถามเธอทันทีเมื่อกสิณแบมือของเขาออกมา

มันเป็นแหวนสองวงที่เรียบๆและมีหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนรวมถึงขนาดของรอบวงด้วย ทั้งสองวงมีตัวอักษรย่อชื่อของทั้งคู่สลักไว้ด้านใน แค่พิจารณาดู กสิณก็เดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่อยากจะตัดสินเพียงเพราะความคิดของตนเองแค่ฝ่ายเดียวจึงตัดสินใจเอ่ยปากถามรตาออกไป

“หนูคงจะสนิทกับรัญชน์แล้วก็กวินท์ใช่ไหม? พ่อของหนูบอกอาว่าหนูไปเที่ยวกับกวินท์แล้วก็ธันย์...แต่ไม่รู้ว่าทำไมรัญชน์ถึงไปด้วยและกลับมากับกวินท์กันแค่สองคน และก็แหวนสองวงนี้..เจ้าหน้าที่พยาบาลเอามาให้อา บอกว่าเป็นของที่ติดตัวของสองคนนี้ หนูบอกอาได้ไหมว่ากวินท์กับรัญชน์สนิทกันมากแค่ไหน?” น้ำเสียงราบเรียบที่ยังคงแฝงไว้ด้วยความใจดีมันมีบางอย่างบอกให้รตารู้สึกว่ากสิณพอจะเดาความสัมพันธ์ของลูกชายเพียงคนเดียวของเขากับน้องชายของเธอออกแล้ว เพียงแต่ต้องการคำยืนยันจากปากของเธอเท่านั้น

แต่รตาไม่แน่ใจว่ากสิณนั้นจะรับได้ไหม และเธอสมควรจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้หรือไม่

หญิงสาวคิดอย่างว้าวุ่นและหนักใจไม่น้อย เธอเงยหน้ามองธันย์ที่ขยับเข้ามาวางมือลงกับสองไหล่ของเธอและบีบเบาๆ

“บอกคุณอาไปเถอะรตา อย่างน้อย..คุณอาก็สมควรจะรู้”

กสิณมองหน้าธันย์ก่อนหันกลับมามองเด็กสาวตรงหน้าเขารตาสูดลมหายใจลึกๆก่อนตัดสินใจตอบ

“คุณหมอกวินท์กับรัญชน์...เขาสองคนรักกันค่ะคุณอา”

ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศในตอนนั้นให้รตารู้สึกกดดันมากขึ้นไปอีก แม้จะมีเสียงรถเข็นที่บุรุษพยาบาลเข็นเตียงคนไข้ฉุกเฉินผ่านไปก็ตามที รออยู่อึดใจ กสิณก็พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงความขุ่นเคืองออกมา

“อย่างนั้นหรอ..แล้วเรื่องนี้พ่อของหนูรู้แล้วหรือยัง?”

รตาที่พรูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นปกติกิริยาในทางบวกของชายสูงวัยส่ายหน้าช้า สีหน้าเป็นกังวล

“ไม่ค่ะ...พนันได้เลยว่าพ่อต้องไม่ยอมให้พวกเขาได้รักกันแน่”

รตาพูดแล้วก็มองกสิณด้วยสายตาอ้อนวอน

“คุณอาคะ...คุณอาจะยอมให้พวกเขารักกันได้ใช่ไหมคะ?”

กสิณถอนลมหายใจออกเชื่องช้า สีหน้าครุ่นคิด เขาก้มลงมองแหวนสองวงในมือก่อนหันกลับไปมองห้องผ่าตัดที่คุณหมอท่านอื่นกำลังยื้อชีวิตของลูกชายเขาไว้

“ถ้าพูดกันในฐานะของคนเป็นพ่อ คงต้องบอกว่าเรื่องนี้มันก็ออกจะยอมรับยากอยู่นะ แต่ถ้าพวกเขารักกันจริง..มันก็ไม่ยากนักหรอกที่อาจะยอมรับได้” คำพูดอย่างคนที่มีเหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์ของกสิณนั้นทำให้รตาเบาใจลงไปไม่น้อย เธอส่งยิ้มอย่างจริงใจให้พร้อมกับเอ่ยคำยืนยัน

“พวกเขารักกันจริงแน่นอนค่ะคุณอา สองคนนี้รักกันมาสิบห้าปีแล้วนะคะ” กสิณที่หันไปมองห้องผ่าตัดเมื่อสักครู่หันกลับมามองหน้ารตาที่ยังคงส่งยิ้มให้เขาด้วยความประหลาดใจไม่น้อย

“สิบห้าปีอย่างนั้นหรอ?”

“ค่ะ”

สิบห้าปีแล้วที่พวกเขาสองคนผูกพันกันด้วยหัวใจและความรัก..

รักโดยที่ไม่ได้พบหน้ากัน ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ต้นรักมันก็เติบโตตามกาลเวลาและผลิดอกในวันที่พวกเขาได้มาพบกันอีกครั้ง

นั่นแหละคือความรักของกวินท์และน้องชายของเธอ

 

กสิณคิดเสมอว่ากวินท์ลูกชายเพียงคนเดียวของเขานั้นเป็นลูกชายที่ทำให้เขาภาคภูมิใจได้ทุกเรื่องอย่างไม่เคยทำให้ผิดหวังมาก่อน

บัดนี้..ลูกชายเพียงคนเดียวที่เขาภาคภูมินั้น กำลังมีความรักอยู่..

ความรักกับเพศเดียวกัน

น่าแปลกที่กสิณกลับไม่รู้สึกรังเกียจความรักของลูกชายเลยแม้แต่น้อย อาจมีบ้างที่รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้ากวินท์รักกับรัญชน์จริงแล้ว..เขาก็ไม่เห็นประโยชน์ใดที่จะขัดขวางความรักของลูก ถ้าเพียงแต่...ทั้งสองคนรักกันจริง มิใช่เผลอไผลไปตามอารมณ์เท่านั้น

“ฉันไม่อยากเชื่อเลยค่ะคุณ..กวินท์เจ็บตัวมากขนาดนี้ได้ยังไงกันก็แถบที่ลูกนั่ง มันไม่น่าจะ...”

กสิณหันมองดูภรรยาที่ไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้ น้ำตายังคงคลออยู่บนเบ้าตาของผู้เป็นแม่ที่รักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ

“ทำไมลูกต้องเอาตัวไปบังรัญชน์ไว้ด้วยคะคุณ...ทำไมกัน..”

กสิณถอนหายใจช้าๆ ขยับเข้าไปโอบกอดภรรยาแล้วดึงมือเธอมา แหวนที่คู่กันถูกหย่อนลงในมือของเธอ

“นี่มันอะไรคะ?”

“ของที่ติดตัวของเด็กสองคนนั่น...กรุณี...กวินท์กับรัญชน์รักกัน คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมลูกของเราถึงต้องปกป้องรัญชน์?”

คำบอกของสามีทำให้กรุณีตระหนกเล็กน้อย เธอก้มมองดูแหวนสองวงบนมือของเธออีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

“แต่รัญชน์เป็นเด็กผู้ชายนะคะ...จะเป็นไปได้...ยังไง...”

เธอครางเสียงเบาแล้วมองสามีด้วยสายตาอ้อนวอน ราวกับต้องการให้เขาบอกว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ไม่ใช่เรื่องจริง

“คุณก็รู้นิที่รัก..ว่าความรักมันไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแค่ชายกับหญิงเท่านั้น” กสิณพูดอย่างคนไม่มีอคติ แต่กรุณีนั้นยังคงส่ายหน้าช้าๆไปมาก่อนเอ่ยถาม

“แล้วคุณรับได้หรอคะกสิณ?..”

“สำหรับผมแล้ว ถ้าเด็กสองคนนั่นรักกันจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรไม่ใช่หรอ?..นี่คุณ...จำได้ไหมว่าเรายังเคยคุยกันเลยว่าเราไม่เคยเห็น กวินท์มีความรักเลยสักครั้งตั้งแต่เขาลืมตาดูโลกนี้ ตอนนั้นเรายังสงสัยกันเลยว่าเขาลืมหัวใจไว้ในท้องของคุณหรือเปล่า แต่ตอนนี้ลูกเรากำลังมีความรักนะ..ความรักที่ถึงขั้นทำให้เขายอมที่จะเสี่ยงชีวิตปกป้องคนที่เขารัก...ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ? คุณจะรังเกียจความรักของลูกได้หรือ?”

กรุณีรับฟังสิ่งที่สามีพูดด้วยความสงบและคิดตามทุกสิ่ง เธอขยับนิ้วกำแหวนสองวงนี้ช้าๆ..และยิ้มให้กับสามีของเธอแม้ดวงตาจะยังคงมีความกังวลกระจายอยู่ก็ตามที

“ถ้าพวกเขาทั้งสองคนปลอดภัยล่ะก็นะคะ...หากพวกแกเป็นอะไรไป ฉันคงจะทำใจให้อภัยความรักครั้งนี้ของลูกเราไม่ได้แน่ๆค่ะ ถ้าความรักของพวกแกต้องแลกด้วยชีวิตแบบนี้..”

กสิณฟังแล้วก็พยักหน้าช้าๆและส่งยิ้มให้กับภรรยาเป็นกำลังใจให้ในช่วงวิกฤติ เขายกมือขึ้นโอบกอดเธอไว้แล้วกระซิบเสียงอ่อน

“ลูกเราเป็นคนแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องกลับมาแข็งแรงให้คุณชื่นใจแน่ ส่วนรัญชน์น่ะ...ปลอดภัยแล้วล่ะ”

“ถ้าลูกเราแข็งแรงเมื่อไหร่ ฉันอยากจะตีแกแรงๆสักทีจังเลยค่ะที่ทำให้พวกเราต้องเป็นห่วงแบบนี้” กรุณีสูดลมหายใจน้อยๆแล้วกลั้นน้ำตาของตัวเอง ใจสั่นไม่น้อยด้วยความกลัวว่าลูกชายของเธอจะไม่สามารถกลับมาเป็นกวินท์คนเดิมได้อีก

“คุณทำไม่ได้หรอก...ผมรู้ ตั้งแต่แกเกิดมาคุณก็ไม่เคยตีแกเลยนะ”

“คราวนี้ฉันจะตีแกแน่ๆค่ะคุณ”

กรุณีพยายามยิ้มให้สามี เพื่อให้กำลังใจตัวเองด้วย

“ผมจะรอดูก็แล้วกันนะ..” กสิณเอ่ยเย้าภรรยากลับไปพร้อมกับหัวเราะออกมา การที่เขาหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ มันเรียกเอากำลังใจของผู้เป็นภรรยาออกมาได้มากโข กรุณียิ้มและหัวเราะเบาๆก่อนจะกอดเขาเอาไว้...คู่ชีวิตที่ดีที่สุดของเธอคนนี้

ห่างออกไปไม่ไกลนัก ยชญ์ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในมุมที่ทั้งสองคนไม่เห็น...มือของเขาจิกกำแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ

กวินท์กับรัญชน์รักกันอย่างนั้นรึ...

ไม่มีวัน!

ไม่มีวันที่เขาจะยอมให้ทั้งคู่ได้รักกันเด็ดขาด!!

-TBC-

ออฟไลน์ mind223

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ยชญ์ แกเป็นพ่อที่น่า ... :z3: :z3: :z3: :z3:


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:



230

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องกำลัง เข้มข้มมากกเก่าเดิมแล้วซิ

ออฟไลน์ followme

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
ให้ใจคุณพ่อกะคุณแม่ไปเลย

เยี่ยมค่ะ คนเป็นพ่อแม่แค่เห็นลูกมีความสุขก้อควรยินดีกับความรักของลูก

แต่ดูพ่อของนายเอก นี่อะไร เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
ว้าย คุณพ่อ ทำไมร้ายกาจอย่างนี้คะ จะเข้าข่ายนางร้ายในละครขึ้นทุกทีแล้วนะคะ
มีอะไรปิดบังอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ ถึงจงเกลียดจงชังรัญชน์นัก

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
รำคาญพ่อรัญชน์ แต่ไม่เซงนะเพราะมีซัพพอร์สดีอย่างครอบครัวกวินท์
โอ้ยคุณหมอขา ดีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
รู้ละเรื่องนี้ดราม่าเพราะอะไรเพราะพ่อของรัญชน์เนี่ยละ
นึกว่าจะดราม่าเพราะรตาหรืออะไรอย่างอื่น
โธคุณพ่อคะไม่ได้อยู่กับเค้าไปจนตายก็น่าจะยินดียินงามไม่ใช่มาเจ้าคิดเจ้าแค้นนะ

ออฟไลน์ Yuthaiz2

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เพราะพ่อของรัญชน์เข้าใจว่ารัญชน์เป็นลูกชู้ใช่ไหมคะเนี่ย

Mio

  • บุคคลทั่วไป
พ่อรัญชน์ใจร้ายไแล้วนะ -0-  ไม่รักลูกแล้วก็อย่ามายุ่งกับชีวิตลูกอีกเลย
ไม่ได้เลี้ยงมา ก็อย่ามากีดกันในสิ่งที่เขาเป็น
ท่าทางอีพ่อนี่มีปมเหมือนกัน 5555

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ ๙

 

การที่ได้มีใครสักคนให้รัก มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง และมีใครสักคนคอยปกป้อง มันทำให้มีความสุขมากแค่ไหน กวินท์คือคนที่ทำให้รัญชน์รับรู้ในสิ่งนี้

ทว่า...รัญชน์ไม่ได้เผื่อใจไว้เลยสักนิด

ถึงวันที่จะไม่มีผู้ชายแสนดีคนนั้นอยู่เคียงข้างเหมือนเช่นเคย...

หัวเราะ...

เขายังหัวเราะกับกวินท์อย่างมีความสุขอยู่เลยในวินาทีก่อนหน้านั้น แต่เพียงชั่วเสี้ยวนาที เสียงร้องอย่างตระหนกของกวินท์ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงล้อรถหมุนเบียดไปกับพื้นถนนก่อนจะมีเสียงชนกันดันสนั่นพร้อมกับร่างของกวินท์ที่เอี้ยวมากอดเขาเอาไว้

ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างที่รัญชน์ไม่คาดคิด

ร่างของเขามันเหวี่ยงไปตามแรงเลี้ยวของรถที่ถูกรถบรรทุกซึ่งพุ่งสวนมาจากอีกเลนดันไปจากจุดที่ชนกันอีกราวสิบเมตร ศีรษะของเขากระแทกเข้ากับกระจกบานประตู ร่างของเขากับกวินท์ถูกเม็ดกระจกที่แตกจากกระจกบานหน้าร่วงกราวเข้าใส่

สติของรัญชน์ดับไปในตอนนั้น...ดับไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข...

และดับไปพร้อมๆกับคนรัก

ฝันร้าย...

รัญชน์คิดขณะที่กำลังจะได้สติ

เปลือกตาบางกะพริบเบาๆ แต่อาการปวดร้าวที่ศีรษะและเจ็บระบมไปทั้งกายก็ทำให้รัญชน์เริ่มสำนึกได้ว่าอุบัติเหตุที่ตนกำลังคิดว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายนั้น..คือเรื่องจริง

“กะ..กวินท์”

ชื่อของคนรักคือสิ่งแรกที่หลุดออกจากริมฝีปากซีดจางที่แห้งผาก รัญชน์เบิกตาโพลงและพยายามดันตัวลุกขึ้นมานั่ง

ยิ่งตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองนอนอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล รัญชน์ก็ยิ่งตระหนกไม่น้อย รตาที่นั่งเฝ้าอยู่ภายในห้องกับธันย์โผเข้ามาทันทีเมื่อเห็นว่าน้องชายได้สติแล้ว

“รัญชน์..เป็นยังไงบ้าง?”

สีหน้าของพี่สาวนั้นซีดเซียวไม่น้อย รัญชน์หันมองเธอด้วยสายตาที่พล่าเลือน เขาหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพที่โฟกัสเข้ามาในสายตาชัดขึ้นกว่าเมื่อสักครู่

“กวินท์...กวินท์อยู่ไหน?”

รัญชน์ได้ยินเสียงที่แหบแห้งของ เขาถามพี่สาวที่เข้ามาพยุงตัวเขาให้ลุกนั่งไปเช่นนั้น และเห็นพี่สาวหันมองสบตากับธันย์กันอย่างไม่สบายใจ

“เรื่องกวินท์เอาไว้ก่อนเถอะ...ตอนนี้รัญชน์เจ็บตรงไหนหรือเปล่า พี่ตามคุณหมอมาตรวจอาการก่อนดีกว่านะ?”

รตาบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เธอยกมือขึ้นลูบแก้มน้องชายของตัวเอง ใบหน้าน่ารักของรัญชน์มันเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจางๆ ศีรษะเล็กมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เช่นเดียวกับมือข้างซ้ายของรัญชน์ที่เข้าเฝือกอ่อนอยู่ ทั้งหมดนี้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บไม่น้อย

ทำไมน้องชายของเธอถึงได้เคราะห์ร้ายเช่นนี้นะ

“ไม่!...กวินท์อยู่ไหน พี่บอกผมมาเถอะ...ได้โปรด...กวินท์อยู่ไหน เขาเป็นอะไรหรือเปล่า?”

รัญชน์ถามอย่างร้อนรนก่อนจะชะงักเมื่อประตูห้องเปิดเข้ามา

ผู้เป็นพ่อที่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้งนับตั้งแต่เขากลับมาไทย เดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเย็นชาเหมือนเคย

รัญชน์พยายามลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ถูกธันย์กับรตารั้งเอาไว้ให้นั่งอยู่บนเตียงขณะที่ยชญ์เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า

“พ่อครับ..กวินท์อยู่ที่ไหน..เขาเป็นยังไงบ้าง?”

รัญชน์ถามด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างต้องการคำตอบ จนลืมคิดถึงเรื่องที่เป็นกังวลอยู่ว่าไม่อยากให้พ่อล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรัก

ยชญ์กำลังมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายคนเล็กด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกเกลียดชังมันพลุ่งพล่านขึ้นมาในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก ความสมเพชก็เช่นด้วย ยิ่งเห็นใบหน้าที่ถอดแบบมาจากอดีตภรรยากำลังดูหวั่นกลัวนั่น

ยชญ์ก็ยิ่งชิงชังนัก

“เขาตายแล้ว...เพราะแกยังไงล่ะ”

คำพูดของยชญ์ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเหมือนฟ้ามันผ่าลงกลางใจของรัญชน์เท่านั้น แต่รตากับธันย์เองก็ด้วยเช่นกัน ทั้งสองตกตะลึงจนมือที่รั้งรัญชน์ให้นั่งอยู่กับเตียงนั้นร่วงลง

พวกเขามองยชญ์อย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดของชายสูงวัยที่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

อากัปกิริยานั้นไม่ต่างอะไรกับรัญชน์ที่ถึงกับพูดไม่ออก

ริมฝีปากของรัญชน์มันเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ ใจมันเหมือนกำลังจะแตกสลาย ขอบตาร้อนผ่าวและหยาดน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาราวกับทำนบที่กั้นมันไว้กำลังแตกสลายลงพร้อมกับใจ

“พ่อ...พูดเล่น...ใช่ไหม...ไม่จริง...ใช่ไหมครับ?”

ธันย์กับรตานึกสงสารรัญชน์จับใจ แต่เสียงที่สั่นเครือ ใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตาของรัญชน์ ไม่ทำให้ยชญ์นึกสงสารเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขายังคงเย็นชา ดวงตาที่มองดูรัญชน์มันยังคงความชิงชังไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และเมื่อรัญชน์เอื้อมมือมาจับแขนเขาเอาไว้ยชญ์ก็สะบัดอย่างแรงจนร่างเล็กของรัญชน์เซถลาลงล้มกับพื้น

“รัญชน์!”

รตากับธันย์ปราดเข้ามาหารัญชน์ที่ล้มอยู่กับพื้น ทั้งหมดเงยมองหน้ายชญ์ที่ชักสีหน้ารังเกียจที่จะให้รัญชน์สัมผัสถูกกายตัวเอง ชายสูงวัยก้มหน้าลงมากระชากเสียงใส่รัญชน์

“กวินท์ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่ก็เพราะแกคนเดียว! หายดีเมื่อไหร่ เชิญแกไสหัวกลับไปหาแม่ของแกที่อเมริกานู่นได้เลย! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก แล้วก็อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ! เพราะฉันไม่ใช่พ่อของแก!!”

ความที่หลุดจากปากของยชญ์มันเหยียบย่ำหัวใจที่กำลังแหลกสลายของรัญชน์ให้ย่ำแย่มากขึ้นไปอีก

ราวกับยชญ์จงใจที่จะกระทืบซ้ำให้รัญชน์ตายทั้งเป็น

รัญชน์ส่ายหน้ารัวๆ ริมฝีปากสั่นเทาอย่างควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่

“ไม่..ไม่จริง..ทั้งหมดนี่...ไม่จริง...ใช่ไหม”

เสียงของรัญชน์ขาดช่วงและแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ดวงตามันฝ้าฟางด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีสักคำที่จะหลุดจากปากของยชญ์อีก นอกจากแววตาเหยียดมองรัญชน์ที่กำลังเจ็บปวดอย่างสมเพชก่อนที่ชายสูงวัยนั้นจะเหยียดหลังขึ้นและปรายหางตามองคนที่เคยได้ชื่อว่าลูกชายของตัวเองแล้วออกจากห้องไป

รัญชน์นั่งอึ้งกับทุกสิ่งที่ถาโถมเข้ามา เช่นเดียวกับรตาและธันย์

รตาหันมองหน้าธันย์อีกครั้งอย่างพูดอะไรไม่ออกก่อนที่เธอจะผุดลุกวิ่งตามผู้เป็นพ่อไป

“พ่อคะ!”

ยชญ์สูดลมหายใจลึกๆและหันกลับมาหาลูกสาวที่เดินตามออกจากห้องมา สีหน้านิ่งขรึมแววตาดุดันทำให้รตาไม่กล้าสบตา แต่ก็โพล่งถามออกไปด้วยความอัดอั้นตันใจ

“ที่พ่อพูดเมื่อกี้ มันหมายความว่าไงคะ? คุณหมอกวินท์ตายแล้วอย่างนั้นหรอ? รัญชน์ไม่ใช่ลูกของพ่อ ไม่ใช่น้องของหนูจริงๆหรอคะ?”

คำถามของเธอทำให้กสิณกับกรุณีที่มาเยี่ยมรัญชน์ต้องหยุดชะงัก

พวกเขาหันมองหน้ากันก่อนจะมองมายังยชญ์ที่ยืนอยู่หน้าห้องพักฟื้นของรัญชน์อย่างไม่เข้าใจเรื่องราวสักเท่าใดนัก

ลูกชายของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ กสิณกับกรุณีเพิ่งจะไปเยี่ยมกวินท์ที่ห้องไอซียูนั้นแน่ใจเช่นนั้น ความสงสัยทำให้พวกเขานิ่งเงียบและยืนฟังยชญ์กับกรุณีในมุมที่ทั้งสองคนไม่เห็น

“กวินท์ยังไม่ตาย แต่สำหรับไอ้เด็กนั่น จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แล้วมันเป็นน้องของแก แต่ไม่ใช่ลูกฉัน!”

รตาพระพริบตาเบาๆ เธอไม่เข้าใจเรื่องราวเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หัวใจของพ่อ ความคิดของพ่อ ความรู้สึกของพ่อ เธอก็ไม่เข้าใจเลย

“หนูไม่เข้าใจ รัญชน์จะไม่ใช่ลูกของพ่อได้ยังไงกัน แล้วทำไมพ่อต้องหลอกรัญชน์ด้วยล่ะคะว่าคุณหมอตายแล้ว”

รตาโพล่งถามออกไปอย่างรวดเร็วจนเธอรู้สึกเหมือนลิ้นกำลังจะพันกัน คำถามของเธอเป็นคำถามเดียวกับที่กสิณและกรุณีกำลังคิดอยู่ และต้องการจะได้คำตอบด้วยเช่นกัน

ยชญ์เหยียดริมฝีปาก สีหน้ามึนตึง

“เพราะไอ้ความสัมพันธ์บ้าๆระหว่างมันกับกวินท์ยังไงล่ะ กวินท์คือคนที่ฉันอยากให้มาสืบทอดโรงพยาบาลนี้ต่อจากฉัน ฉันอยากให้เขาแต่งงานกับแกมากกว่าจะไปรักกับไอ้เด็กบ้านั่นที่ไม่มีเชื้อสายของฉันเลยแม้แต่น้อย! ฉันไม่ยอมปล่อยให้ไอ้เด็กบ้านั่นแย่งความหวังที่จะมีคนสานต่อให้โรงพยาบาลของฉันเจริญก้าวหน้าไปกว่านี้อย่างมันไม่ได้เด็ดขาด! และถ้าไม่มีมัน! กวินท์ก็คงไม่ต้องเจอกับอุบัติเหตุบ้าๆนี่ด้วย!!”

“อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของรัญชน์นะคะพ่อ!!” รตาเถียงกลับไปทันที เธอรับไม่ได้เลยแม้แต่น้อยกับความคิดของผู้เป็นพ่อ

“เพราะมันนั่นแหละ! เพราะมันเป็นตัวซวย! เพราะมันคนเดียว!!”

ยชญ์ตะคอกใส่ลูกสาวแล้วหอบหายใจแรง สีหน้าโกรธเกรี้ยวของเขาทำให้รตาผิดหวังในตัวของผู้เป็นพ่อไม่น้อย

“หนูไม่รู้มาก่อนเลย..ว่าพ่อจะเป็นคนที่ใจแคบแบบนี้..พ่อทำแบบนี้กับรัญชน์ไม่ได้! หนูจะไปบอกความจริงกับรัญชน์”

รตาว่าแล้วทำท่าจะเปิดประตูกลับเข้าไปในห้องพักของรัญชน์อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเปิดประตูเข้าไป ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อก็เหวี่ยงตบเข้ามาที่หน้าของเธออย่างแรง รตานิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อไม่เคยตบหน้าเธอเลยสักครั้งหญิงสาวค่อยๆหันกลับมามองหน้ายชญ์ด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง

“ถ้าแกบอกความจริงกับมัน แกก็ไม่ต้องมาเป็นลูกฉัน!”

รตาขยับริมฝีปากจะพูด แต่เสียงของเธอก็กลืนหายลงคอไปเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของน้องชายดังออกมาจากห้อง รตาผลุนผลันกลับเข้าห้องไปทันที

ในขณะที่ยชญ์พยายามสูดลมหายใจเข้าช้าๆเพื่อระงับโทสะของตนเองก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ยชญ์..” กสิณเพื่อนรักของเขากับภรรยากำลังยืนมองมาทางเขา

“พอดีเลย..ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” ยชญ์ว่าแล้วเดินไปหาทั้งคู่

 

เจ็บเจียนขาดใจมันเป็นยังไง รัญชน์ก็เพิ่งได้เรียนรู้มันวันนี้นี่เอง ความเจ็บทำให้ส่วนที่เจ็บมันชาก่อนจะแผลงฤทธิ์สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ถูกทำร้ายเสมอ..ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับรัญชน์ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

ทุกอณูของความรู้สึกมันด้านชาและไม่รับรู้อะไรไปเพียงชั่วครู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะถาโถมเข้าทำร้ายดวงใจเล็กๆของรัญชน์ราวกับคลื่นปิศาจที่พร้อมจะพัดพาความเจ็บปวดเข้ามาทำร้ายและกลืนกินรัญชน์ลงไปในห้วงแห่งความทุกข์ที่แสนสาหัส

เหมือนแสงสว่างทุกอย่างพลันดับมอดลง เสียงล้อยางที่เบียดถนนตอนรถชนมันก็ดังขึ้นในโสตประสาทอย่างหลอกหลอน รัญชน์รู้สึกเหมือนเศษกระจกมันร่วงกราวเข้าใส่อีกครั้ง ความนึกคิดถูกจูงกลับไปยังเหตุการณ์เลวร้ายนั้นอีกครั้งพร้อมกับคำพูดของพ่อที่ดังขึ้นย้ำไปย้ำมา

‘กวินท์ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่ก็เพราะแกคนเดียว!’

‘อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ! เพราะฉันไม่ใช่พ่อของแก!!’

กวินท์ตายแล้ว!

ทั้งหมดนี่เป็นเพราะรัญชน์คนเดียว!!

ร่างเล็กคู้กายลง ศีรษะต่ำโค้งจนเกือบถึงพื้น ทั้งร่างสั่นระริกราว จับไข้ ธันย์ขยับเข้าไปหมายจะช่วยพยุงขึ้นแต่รัญชน์ไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย

ยังไม่ทันที่ร่างสูงโปร่งจะช่วยพยุงให้ลุกยืน รัญชน์ก็ครางเสียงสั่นเทาเป็นชื่อของคนรัก..ซ้ำไปซ้ำมาอย่างคนไม่ได้สติ

“กะ..กวินท์.....”

“กวินท์!!!”

เสียงของรัญชน์กรีดร้องดังลั่นออกไปนอกห้อง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มชัก ธันย์ทรุดล้มพร้อมร่างของรัญชน์ที่ชักดิ้นอยู่ในอ้อมแขน

ความเจ็บปวดที่เหลือทนจะรับบั่นทอนสติสัมปชัญญะของรัญชน์จนสิ้น ร่างสูงพยายามง้างริมฝีปากของรัญชน์ออกและดึงเอาผ้าผืนขาวบนเตียงลงมายัดริมฝีปากเล็กไว้ไม่ให้รัญชน์กัดลิ้นพลางเรียกชื่อรัญชน์เพื่อรั้งสติของเจ้าตัวไว้

“รัญชน์..รัญชน์!!”

แววตาว่างเปล่าที่ยังคงมีน้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่องนั้นไม่รับรู้อะไรแล้ว... มันมีแต่ความเจ็บปวดเหลือคณนาอาบฉายอยู่

ร่างของรัญชน์สั่นกึกๆเหมือนจะแหลกสลายไปพร้อมกับหัวใจรตาที่ผลุนผลันเข้ามาถึงกับทำอะไรไม่ถูก เธอยืนมองภาพที่น้องชายดิ้นเร้าพลางส่งเสียงอึกอักออกมาด้วยความสงสารจับใจ

ความเศร้าสลดลอยวนอยู่ภายในห้องพักฟื้นนั้นอย่างไม่อาจจางหายได้โดยง่าย พยาบาลที่ได้ยินเสียงและวิ่งเข้ามาดูนั้นตามแพทย์เจ้าของไข้ของรัญชน์เข้ามาดูอาการทันที ร่างของรัญชน์ถูกบุรุษพยาบาลอุ้มกลับขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

ธันย์ถอยมายืนมองกับรตาและโอบหญิงสาวที่กำลังร้องไห้เพราะสงสารน้องชายจับใจเข้ามากอดไว้ สายตาของเขายังคงเฝ้ามองดูคุณหมอฉีดยาระงับประสาทและยานอนหลับให้กับรัญชน์ด้วยความเป็นห่วง

“ผมฉีดยาระงับประสาทกับยานอนหลับให้แล้ว ถ้ามีอะไรตามตัวผมได้ตลอดเวลานะครับ ยังไงช่วงนี้ก็ต้องรบกวนให้อยู่กับคนไข้ตลอดเวลาเช่นกัน”

ธันย์พยักหน้าให้กับคุณหมอที่เดินมาคุยด้วย หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เขากับรตาจึงเดินเข้าไปหารัญชน์อีกครั้ง

ผ้าที่เขายัดใส่ริมฝีปากกันไม่ให้รัญชน์กัดลิ้นนั้นถูกดึงออกไปแล้วรตาลูบใบหน้าที่ยังคงมีคราบน้ำตาของรัญชน์เปื้อนอยู่ไว้แผ่วเบา

ดวงตาของรัญชน์มันไม่ได้ปิดสนิท แต่ก็ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ารัญชน์นั้นได้สติหรือไม่ รตาเม้มริมฝีปากแน่นก่อนตัดสินใจเอ่ยออกไป

“กวินท์ยังไม่ตายนะรัญชน์..น้องต้องรักษาตัวให้แข็งแรง เพื่อที่จะได้พบกับกวินท์อีกครั้งนะรู้ไหม..”

รตาบอกด้วยเสียงสั่นเครือ ธันย์ฟังอย่างงุนงง หลังจากที่รตาเช็ดหน้าตาให้กับรัญชน์และดึงผ้าห่มมาห่มให้แล้ว เขาเลยดึงแขนเธอมาคุยที่ด้านนอกระเบียงของห้อง

“กวินท์ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมคุณลุงต้องพูดอย่างนั้นด้วย”

รตาส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าอ่อนล้าเกินกว่าจะพูดคำใดออกมา

เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนและนั่งลงที่เก้าอี้โดยมีธันย์ทรุดนั่งลงข้างๆ ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มอย่างคนมีอารมณ์ขันนั้นดูเคร่งเครียด

“ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพ่อต้องพูดอย่างนั้น พ่อบอกฉันว่ารัญชน์เป็นน้องของฉันแต่ไม่ใช่ลูกของพ่อ”

ธันย์นิ่งไป ตัวเขาเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี เขากลืนน้ำลายก่อนจะเรียบเรียงความคิดและถามออกมาอีกครั้ง

“แล้วเรื่องกวินท์ล่ะ? ทำไมคุณลุงต้องบอกรัญชน์ว่ากวินท์ตายแล้วด้วย” รตาเหลือบตามองคนถามและนึกลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะเล่าทุกสิ่งให้ธันย์ฟังเมื่อสำนึกได้ว่ายังไงเสีย ธันย์ก็ต้องรู้เรื่องในที่สุด..

ในขณะที่รตากำลังนั่งคุยกับธันย์อย่างหนักอกอยู่นั้นเองยชญ์ก็กำลังคุยเรื่องนี้อยู่กับผู้เป็นพ่อและแม่ของกวินท์อยู่เช่นเดียวกัน

“แต่กวินท์กับรัญชน์รักกันไม่ใช่หรือยังไง? นายจะบอกให้ฉันบังคับให้กวินท์เลิกกับรัญชน์แล้วมาแต่งงานกับรตาเพียงเพราะรัญชน์ไม่ใช่ลูกชายของนายอย่างนั้นหรอ?”

กสิณถามออกมาอย่างหนักใจ สีหน้าของเขากับภรรยานั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้ว่าเขาจะหนักใจอยู่บ้างกับการที่ลูกชายของเขารักกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง แต่กสิณก็ไม่มีความคิดที่จะบังคับให้ลูกเลิกรักหรือขีดเส้นชีวิตให้ลูกเดินไปตามทางที่ตัวเองต้องการเลยสักนิด

โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตคู่ด้วยแล้ว เขาอยากให้กวินท์ได้เป็นคนเลือกเอง อย่างน้อยถ้าการเลือกนั้นผิดพลาด กวินท์ก็จะได้เรียนรู้ที่จะเจ็บปวดและหาทางแก้ไขปัญหาจากความผิดพลาดของตัวเอง

ไม่ใช่จากความผิดพลาดที่คนอื่นเป็นคนยัดเยียดให้

“ใช่ ถือว่าเห็นแก่ฉันเถอะกสิณ เราเป็นเพื่อนกันมาก็นาน ที่นายมีทุกวันนี้ได้..ไม่ใช่เพราะเพื่อนคนนี้คอยช่วยเหลือนายหรืออย่างไรกัน ฉันไม่เคยขออะไรนายสักครั้ง นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะขอ...พอกวินท์หายดีเมื่อไหร่ ฉันอยากให้กวินท์กับรตาแต่งงานกันให้เร็วที่สุด และไม่ต้องการคำปฏิเสธจากครอบครัวของนายด้วย ได้ไหม..?”

กสิณถอนหายใจอย่างหนักในอกเมื่อได้ยินคำพูดคล้ายกับจะทวงบุญคุณกันของเพื่อน..ซึ่งเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่ยชญ์พูดมันก็คือความจริง

ที่เขาและครอบครัวมีวันนี้ได้ก็เพราะเพื่อนคนนี้...

บุญคุณที่เขาเคยคิดเมื่อนานมาแล้วว่า..ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อที่จะทดแทนมัน วันนี้ยชญ์เอ่ยปากขอร้องกับเขาแล้ว...

เขาจะทำอย่างไรดี...

“กสิณ...เรื่องมันง่ายนิดเดียว แค่นายบอกกวินท์ว่าไอ้เด็กนั่นมันตายไปแล้วเท่านั้นเอง...”

ยชญ์ยกมือขึ้นมาแตะแขนกสิณแล้วกล่อมทีละนิด

“ก่อนกวินท์จะฟื้นและแข็งแรง ฉันจะส่งไอ้เด็กนั่นกลับไปอเมริกาและจะไม่ให้กลับมาที่นี่อีก สองคนนั่นจะไม่มีวันได้เจอกัน..แต่นายต้องช่วยฉัน แค่บอกไปว่าไอ้เด็กนั่นตายไปแล้ว..เท่านั้น”

กสิณและกรุณียังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ยชญ์เลยสูดลมหายใจลึกๆ และเอ่ยโน้มน้าวอีกอย่างไม่ยอมแพ้

“กสิณ..กรุณี.. กวินท์กับไอ้เด็กนั่นไม่ได้รักกันเลย ก็แค่หลงใหลเท่านั้น ถ้าไม่อยากให้ลูกชายเดินทางผิดก็รีบแยกเด็กสองคนนั้นออกจากกันก่อนที่พวกเขาจะผูกพันกันมากไปกว่านี้ ผู้ชายกับผู้ชายน่ะมันจะรักกันจริงได้ที่ไหนกัน...เชื่อฉันสิ บอกกวินท์ว่าไอ้เด็กนั่นมันตายไปแล้ว กวินท์อาจจะเจ็บแค่ตอนแรก แต่ไม่นานก็จะหาย มันดีกว่าที่จะปล่อยให้เด็กสองคนนั่นรักกันแบบผิดๆอย่างนี้ไปชั่วชีวิตไม่ใช่หรือยังไงกัน?”

กสิณหันมองหน้าภรรยาที่ตีสีหน้าลำบากใจ ยชญ์เห็นแล้วจึงหันไปหากรุณีและเอ่ยกล่อม

“กรุณี...คุณไม่อยากอุ้มหลานหรอ?..ถ้าปล่อยให้เด็กสองคนนั่นรักกัน...คุณจะไม่มีวันได้อุ้มหลานตลอดไปเลยนะ...”

ความจริงข้อนี้ทำให้กสิณและกรุณีหนักใจไม่น้อย กรุณีขยับเข้ามาหาสามีและวางมือลงกับแขนของเขา

“คุณคะ..อย่างที่คุณยชญ์พูดก็ถูกนะ...ฉันว่าเรา...”

เธอหยุดพูดต่อเมื่อกสิณเลื่อนมือมาจับมือของเธอที่วางบนแขนไว้และหันไปหาเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง

“ฉัน...จะลองเอากลับไปคิดดูก็แล้วกัน” ยชญ์ฉีกยิ้มออกมาในที่สุดและพยักหน้าให้ด้วยความรู้สึกสมใจ

“อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน..”

ผิดหวังอย่างนั้นหรอ...

กสิณอยากบอกเพื่อนรักอย่างยชญ์นักว่า..ไม่ว่าเขาจะทำให้ยชญ์ผิดหวังหรือไม่ แต่ที่รู้ๆ..ในตอนนี้ยชญ์ทำให้เขาผิดหวังยิ่งนักกับความใจแคบที่ยชญ์มี

แต่ด้วยความอึดอัดใจที่จะเอ่ยออกไป กสิณจึงจำได้แต่เงียบเอาไว้ จนกระทั่งกรุณีผู้เป็นภรรยาเริ่มเปิดปากเอ่ยหลังจากที่ยชญ์เดินจากไป

“คุณคะ...” กสิณหันไปตามเสียงเรียกของภรรยา สีหน้าของกรุณีดูสับสนไม่น้อย เธอมองเขาด้วยความลังเลก่อนจะเริ่มเอ่ย

“ฉันรู้นะคะ..ว่าคุณไม่อยากทำร้ายจิตใจลูก แต่ที่ยชญ์พูดมาก็ถูก..พวกแกเป็นผู้ชายทั้งคู่ ไม่สมควรที่จะรักกันหรอกนะคะ แล้วอีกอย่าง..คุณแน่ใจหรอคะว่าพวกแกรักกัน ไม่ใช่เผลอไผลไปชั่วครั้งชั่วคราวอะไรทำนองนั้น?” กรุณีถามออกไปทั้งที่ความรู้สึกในใจมันชัดเจนในความสัมพันธ์ของลูกชายกับรัญชน์
(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com

“ผมเองก็ไม่รู้เรื่องของทั้งคู่มากหรอกนะคุณ..แต่ผมคิดว่าถ้าลูกเราไม่รักรัญชน์จริง คงไม่เอาตัวมาเสี่ยงปกป้องถึงขนาดนี้หรอก..” กสิณพูดแล้วหยิบแหวนสองวงของกวินท์กับรัญชน์ขึ้นมานั่งมองอีกครั้ง

“คุณคะ...ฉันเคารพทุกการตัดสินใจของคุณนะคะ...แต่ถ้าเป็นไปได้...ฉันก็อยากให้คุณตอบรับข้อเสนอของยชญ์อยู่เหมือนกัน..”

กรุณีพูดราวกับรำพันกับตัวเองเสียมากกว่าจะบีบบังคับให้สามีทำตาม แต่น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนคนอมทุกข์นั่น..ก็ทำให้กสิณต้องเก็บมาครุ่นคิดไม่น้อย..

เขาจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างไรดี...

ที่จะทำให้ทุกฝ่ายไม่เจ็บปวดมากนัก...

จะทำอย่างไรดี..เพื่อลูกชายของพวกเขา

ขณะที่กวินท์ยังคงไม่ได้สตินั้น..ในวันถัดมา รัญชน์ก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบรุ่งสาง..

ปฏิกิริยาแรกที่ทำเอาธันย์และรตาใจหายนั้นคือหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาที่ว่างเปล่า มันไม่สะท้อนการรับรู้ใดเลย

รัญชน์ไม่ตอบแม้กระทั่งเสียงของรตาที่เรียกชื่อของเขา

“รัญชน์..รัญชน์ฟังพี่นะ..”

รตาลูบมือสั่นๆไปที่ใบหน้าของน้องชาย น้ำตาของรัญชน์มันไหลลงมาฟ้องความอ่อนแอที่เกินเยียวยา

“รัญชน์...คุณหมอกวินท์น่ะ...”

เมื่อชื่อของคนรักผ่านเข้ามาให้ได้ยิน นัยน์ตาของรัญชน์มันก็กรอกมามองหน้าคนพูด หยาดน้ำตาใสไหลออกมาไม่หยุดจนรตาที่รู้สึกสงสารน้องชายจับใจก็ตัดสินใจได้ที่จะบอกความจริงให้รับรู้อีกครั้งเพราะคิดว่ารัญชน์คงไม่มีสติรับรู้ตอนที่เธอพูดคราวก่อน เธอเอื้อมมือไปจับมือของรัญชน์ไว้แล้วสูดลมหายใจลึกๆ

“คุณหมอน่ะ..”

ยังไม่ทันที่รตาจะพูดอะไรออกไป ประตูเบื้องหลังเธอก็เปิดออก ทันทีที่เธอกับธันย์หันกลับไปมองก็พบว่าผู้ที่เข้ามานั้นคือยชญ์ที่มีสีหน้ายากแก่การคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

“พ่อคะ..”

“แกกับธันย์ออกไปก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยกับรัญชน์”

รตาหันมองหน้าคนรักอย่างลังเลและไม่ยอมขยับออกห่างจากเตียงของรัญชน์

“พ่อบอกให้ออกไปก่อนยังไงล่ะ”

ยชญ์ย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม ธันย์จึงขยับมาหารตาและจับมือเธอไว้

“เราออกไปกันก่อนเถอะ”

รตายอมเดินออกมาด้านนอกทั้งที่ในใจยังคงเป็นกังวลและเป็นห่วงน้องชายของตัวเอง เธอจึงวนเวียนอยู่ด้านนอกของห้องแล้วมองผ่านกระจกบานเล็กเข้าไปด้านใน

เธอเห็นผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปใจใกล้เตียงที่น้องชายนอนอยู่ แต่พยายามเงี่ยหูฟังแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ธันย์เองก็เดินมายืนซ้อนหลังเธอ มองเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วงรัญชน์ด้วยเช่นเดียวกัน

 

มองหน้าคนที่นอนน้ำตานองหน้าอยู่บนเตียงแล้ว ยชญ์ก็บอกได้ยากนักว่าตัวเองมีความรู้สึกสงสารอยู่ในใจ เพราะสิ่งที่มันกระจ่างชัดอยู่ในความรู้สึกนั้นมีแต่ความเกลียดชังและสมเพช

ขณะที่รัญชน์นั้นมองผู้เป็นพ่อด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

ภายในหูยังดังก้องด้วยสิ่งที่ยชญ์พูดในคราวก่อน ความเจ็บช้ำเกินบรรยายนั้น หากต้องได้รับฟังอีกครั้ง รัญชน์ก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าตัวเองยังจะสามารถเจ็บมากเกินไปกว่านี้ได้อีกไหม..

“เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน..”

ยชญ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับสีหน้าของเขา

รัญชน์เม้มริมฝีปากที่สั่นเทาเอาไว้ ตลอดเวลาของการแสดงออกว่าตนเองเป็นคนไม่อ่อนไหว..แต่ลึกๆภายในแล้วแสนจะอ่อนแอและอ้างว้าง...และหวาดกลัวกับการถูกเกลียดชังเป็นที่สุด..

หลังจากเงียบกันไปครู่ใหญ่ ในที่สุดรัญชน์ก็เอ่ยถามออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ..

“ผม...ไม่ใช่...ลูกของพ่อหรอครับ?”

แวบหนึ่งที่ความชิงชังมันพุ่งขึ้นมาในใจจนเกือบเผลอแสดงออกมาให้คนถามได้เห็น แต่ยชญ์ก็กดมันเอาไว้ เขาพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ให้หลุดออกไปเหมือนเมื่อคราวก่อนและแสร้งถอนหายใจออกมาช้าๆราวกับคนที่อมความทุกข์เอาไว้

“รัญชน์เคยเป็นลูกของพ่อ..และพ่อก็หวังอยากให้รัญชน์เป็นลูกของพ่อตลอดไป...แต่..”

ยชญ์แกล้งเว้นช่วงไว้และยกมือขึ้นลูบศีรษะของคนที่เขาเคยรักและเอ็นดูมากกว่าใครก่อนเริ่มต้นพูดช้าๆ ดั่งจะตอกย้ำให้เด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องราวใดรับเอาความเจ็บปวดที่เขากล้ำกลืนไว้มากกว่าสิบห้าปีไป

“รัญชน์..มันเป็นเรื่องยากมากที่พ่อจะทำใจได้ เมื่อรู้ว่ารัญชน์ไม่ใช่ลูกของพ่ออีกต่อไป รัญชน์คงไม่รู้ว่าพ่อเจ็บปวดมากแค่ไหน กับการที่ต้องเห็นหน้าของรัญชน์อีก...รัญชน์ไม่ใช่เป็นแค่คนอื่นสำหรับพ่อ แต่เป็นผลจากการที่แม่ทรยศพ่อไปมีคนอื่น...รัญชน์เข้าใจไหม...ทุกครั้งที่พ่อเห็นหน้ารัญชน์ พ่อเจ็บเหมือนมีคนเอามีดมากรีดหัวใจซ้ำๆ พ่อถึงเลือกที่จะไม่เจอลูกเพราะกลัวมันจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวาน”

ยิ่งเมื่อยชญ์เอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้แล้วบีบเบาๆพร้อมกับคำพูดที่เอ่ยพร้อมเสียงแผ่วเบา น้ำตาของรัญชน์ไหลก็ออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อได้ยินคำพูดของคนที่เขาเรียกว่าพ่อมาทั้งชีวิต

“พ่อขอโทษ...ที่พูดไม่ดีแบบนั้นกับรัญชน์ แต่รัญชน์ต้องเข้าใจพ่อนะ”

“ผมต่างหาก..ที่ต้อง...ขอโทษ...” คำนี้มันหลุดออกมาจากปากของรัญชน์ ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น..ไม่ใช่ความผิดของรัญชน์เลยแม้แต่น้อย...

“รัญชน์ทำเพื่อพ่อนะ...หายดีแล้วกลับไปอยู่กับแม่เขาที่อเมริกานะ” รัญชน์เม้มริมฝีปากแน่นเมื่อยชญ์เอ่ยพูดคำนั้น ยชญ์ไม่เคยรู้เลยว่ารัญชน์ไม่ได้อยู่กับแม่มากว่าสิบสองปีแล้ว..

สิบสองปีที่แสนโดดเดี่ยว..สิบสองปีที่แสนอ้างว้าง...

“ครับ..”

กระนั้นรัญชน์ก็รับปากไปเช่นนั้นทั้งที่มองหาอนาคตไม่เจอ

“แล้ว...ใครเป็นพ่อของผมหรอครับ?”

รัญชน์ตัดสินใจถามออกไปทั้งที่รู้สึกว่าไม่ควรจะทำให้ยชญ์เจ็บไปมากกว่านี้ แววตาของยชญ์ที่รัญชน์มองอยู่มันเปลี่ยนไป รัญชน์สัมผัสได้ถึงความเย็นชาก่อนที่เขาจะตอบมา

“ภวัต..”

ชื่อนี้ทำให้รัญชน์รู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะสำลักเพราะศีรษะถูกกดลงไปใต้น้ำ เขาอ้าริมฝีปากค้างและไร้ซึ่งคำพูดในๆออกมา

น้ำตาไหลออกมาอีกเพียงหยดสุดท้ายก่อนที่รัญชน์จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความรู้สึกที่แสนทรมาน

“แล้วสำหรับกวินท์...เขาจากไปแล้ว...ทางที่ดีที่สุดสำหรับลูก คือการลืมเขาซะแล้วไปจากไทย...ไปเริ่มต้นชีวิตไหมนะรัญชน์...ถือว่าพ่อคนนี้ขอร้อง...กลับไปอเมริกาแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก..ได้ไหมรัญชน์?”

ยชญ์แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมองและคาดหวัง บีบบังคับรัญชน์ด้วยจิตวิทยาทั้งน้ำเสียงและแววตาจนเด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ก่อนเอ่ยคำพูดที่เขาแสนพึงพอใจออกมา

“ครับ...ผมจะไปจากที่นี่...”

รัญชน์บอกก่อนจะหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน จนไม่ทันเห็นรอยยิ้มและแววตาพึงพอใจของยชญ์ที่พูดตอบเขา

“ดีแล้ว...ขอบใจมากนะ”

ขอบใจที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้นมากกว่าเดิม...

ยชญ์กระตุกยิ้มมุมปากและมองคนที่เคยเป็นลูกชายคนเล็กของเขาด้วยความสมเพชระคนชิงชังก่อนจะเดินกลับออกมาด้านนอกและพบกับลูกสาวของเขาและธันย์ยืนคอยอยู่ ทันทีที่ยชญ์ปิดประตูลง รตาก็เดินมาหาพ่อของเธอ

“พ่อเข้าไปคุยอะไรกับรัญชน์คะ?”

“ก็ไม่มีอะไรสำคัญมาก อ่อแล้วแกกับธันย์ก็กลับไปพักได้แล้ววันนี้พ่อจะให้พยาบาลมาเฝ้ารัญชน์ต่อ...ยังไงก็กลับพร้อมพ่อเลยก็แล้วกัน”

“พ่อคะ..” รตาส่งสายตาอ้อนวอนขอคำตอบแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอย่างที่เธอต้องการ ยชญ์ขึงตาดุเธอแล้วฉวยข้อมือเธอลากออกมาจากหน้าห้องพักฟื้นของรัญชน์

“พ่อบอกว่ากลับก็กลับสิ เราก็ด้วยธันย์”

ธันย์ถอนหายใจช้าๆและมองเข้าไปในห้องที่รัญชน์นอนอยู่อีกครั้งก่อนจะเดินตามยชญ์ที่ลากมือรตาเดินไปยังลิฟต์ด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างจากคนรักสักเท่าใดนัก...

ความรู้สึกที่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนข้างๆรัญชน์เสียมากกว่าที่จะทิ้งให้รัญชน์อยู่เพียงลำพังเช่นนี้...

ดังนั้นเมื่อเขาลงไปส่งยชญ์กับรตาที่รถแล้ว ธันย์จึงกลับขึ้นมาบนห้องพักของรัญชน์อีกครั้งและพบกับพยาบาลสาวที่เดินสวนกลับออกมาด้านนอกพอดี

“คุณรัญชน์บอกว่าอยากอยู่คนเดียวสักพักน่ะค่ะ ห้ามใครเข้าไปรบกวน”ธันย์พยักหน้าช้าๆเมื่อได้ยินพยาบาลพูดเช่นนั้น...เขาจึงเดินกลับลงไปอีกชั้นเพื่อที่จะไปดูอาการของกวินท์

เขาได้พบกับกสิณและกรุณีที่อยู่เฝ้าอาการลูกชายของเขา

ทั้งสองต้อนรับธันย์ด้วยรอยยิ้มอ่อนระโหยแต่ดูมีกำลังใจมากขึ้นกว่าวันแรกที่เกิดเรื่อง

“พอดีเลย..เดี๋ยวทานมื้อเช้าด้วยกันนะจ้ะ”

กรุณีบอกก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาไปกดโทรศัพท์ต่อถึงรูมเซอร์วิสของโรงพยาบาลและสั่งอาหารเช้าให้กับทุกคน ขณะที่ธันย์เดินเข้ามานั่งกับกสิณและไตร่ถามถึงอาการของกวินท์

“คุณอาจะทำตามความต้องการของคุณลุงยชญ์อย่างนั้นหรอครับ?” ธันย์เอ่ยถามขึ้นหลังจากไตร่ถามเรื่องอาการของกวินท์เรียบร้อยดีแล้ว

“อาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี...”

กสิณตอบคำถามไปอย่างไม่ปิดบังและได้ยินเสียงเด็กหนุ่มถอนหายใจช้าๆก่อนจะเปรยกับเขา

“รตาเคยชอบกวินท์นะครับ..” ธันย์บอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบขณะหันมองสบตากับเขาและยิ้มน้อยๆมาให้

“แต่ตอนนี้เธอไม่เหลือความรู้สึกแบบนั้นแล้ว..”

น้ำเสียงของธันย์ ทำให้กสิณสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่เด็กสองคนนี้กำลังมีให้แก่กัน..เขาเลยตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

“หรือว่ารตากับเธอ...?”

“ครับ...”

ไม่ต้องมีคำถามอื่นใดให้มากความอีก กสิณก็รู้แล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากับพี่สาวของรัญชน์มีความสัมพันธ์เช่นไรต่อกัน

เพียงแต่คนที่ไม่รู้ก็คงจะเป็นยชญ์คนนั้น...คนที่หมายมาดอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของเขา

“ยชญ์คงไม่รู้สินะ...”

ธันย์ถอนหายใจอย่างหนักอกเมื่อเขาเปรยออกไปเช่นนั้น...

“ผมเองก็ไม่แน่ใจ..ว่าถ้าคุณลุงรู้แล้ว จะยอมรับลูกเขยที่ไม่ใช่หมออย่างผมได้ไหม..” กสิณตบบ่าคนที่อายุน้อยกว่าเบาๆแล้วทอดสายตามองไปยังลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง

“ถึงเธอจะไม่ใช่หมอ แต่เธอก็เป็นคนดีแล้วก็เป็นคนเก่งนะ..อาเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ยชญ์จะต้องยอมรับในตัวเธอ”

ธันย์หันมายิ้มให้จากใจจริงกับกสิณที่ให้กำลังใจเขา

“ขอบคุณครับ”

แต่สำหรับยชญ์แล้ว...

คนที่ทั้งเก่งและดีมากพอที่เขาจะยกรตาให้...คงจะมีแต่เพียงกวินท์คนเดียวเท่านั้น..

 -TBC-

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mind223

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ยชญ์ นายมัน  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

 :m31: :m31:


ออฟไลน์ Yuthaiz2

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ๊ยยยย คุณพ่อ ร้ายยิ่งกว่านางร้ายละครหลังข่าวอีก
สงสารรัญชน์มากๆ น้ำตาจะไหล TT

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
คือ ไม่แปลกใจเลย   ที่แม่ของรัชกับรตา  จะนอกใจไปมีคนอื่นเนี่ย  :เฮ้อ:
ในเมื่อสามีมันเป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดดดดดดดดดดดดดดดดนี้    ใครมันจะไปทนอยู่ด้วยได้วะคะ?   :angry2:

Mio

  • บุคคลทั่วไป
เอาพ่อไปเก็บเหอะ -*-  เสียอารมณ์  :z3:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เกลียดยศมากเลยคนเราต้องรู้จักให้อภัยสิ  :beat:

aekporamai2

  • บุคคลทั่วไป
 :z6:เลวได้ใจมาก 

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
         ตอนที่ ๑๐

 ทั้งที่คิดว่าตัวเองเคยชินกับความอ้างว้างโดดเดี่ยวที่อยู่ร่วมกันมานับสิบปีแล้ว...แต่ในเวลานี้รัญชน์กลับรู้สึกเจ็บปวดจนแทบลืมว่าจะหายใจต่อไปได้อย่างไร

ร่างบางดันตัวขึ้นจากเตียงที่กำลังนอน...

ภายนอกหน้าต่างนั้น ท้องฟ้าแลดูหม่นหมองไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของเขาทั้งที่ครั้งสุดท้ายที่เขายืนมองท้องฟ้ากับกวินท์ที่ชายทะเล มันยังสดใสและส่งผ่านความอบอุ่นให้กับหัวใจของเขาอยู่เลย

ความทุกข์มันกำลังแพร่ซ่านเข้าไปทุกอณูของความรู้สึก..

โลกของรัญชน์มันเปลี่ยนไปเสียแล้ว...

โลกที่ไม่มีกวินท์...

โลกที่รัญชน์ที่รัญชน์ไม่ได้มียชญ์เป็นพ่ออีกต่อไป...แต่คนที่เป็นพ่อของเขา คือคนที่รัญชน์เกลียดจับใจ

ร่างบางยกมือข้างที่ไม่เจ็บขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ น้ำตามันกำลังไหลทะลักออกมา ทุกหยาดหยดของมันคือความทุกข์ ความเจ็บปวดและความ อัดอั้นตันใจ...

รัญชน์สะอื้นกับความทุกข์ของตนเองจนร่างเล็กๆนั้นสั่นเทา

“กวินท์...คุณอยู่ที่ไหน...?”

เสียงนั้นครางถามแผ่วเบาราวคนพูดกำลังจะขาดใจ...

คุณบอกว่าจะดูแลผมตลอดไป…แล้วตอนนี้...คุณอยู่ที่ไหน...

คุณอยู่ที่ไหน...ตอนที่ผมต้องการให้คนอยู่เคียงข้างมากที่สุด...

คุณอยู่ที่ไหน...ตอนที่ผมต้องการอ้อมกอดของคุณมาปลอบประโลมหัวใจของผม...

คุณอยู่ที่ไหน...กวินท์...

รัญชน์ขยับลุกขึ้นจากเตียง ร่างเล็กพยายามเดินอย่างโซเซเพื่อไปหาคนรัก แต่เพราะอ่อนแรงมากเกินไป รัญชน์จึงเซล้มลงกับพื้น มือเล็กปัดถูกของที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงร่วงลงมาแตะกระจายอยู่กับพื้นข้างๆกัน

ความรู้สึกแรกคือเจ็บแปลบไปทั่วฝ่ามือข้างขวาที่ยันลงกับพื้น

รัญชน์กะพริบตามองมันก็พบกับเลือดที่ไหลซึมออกมาเพราะคมแก้วที่แตกเกลื่อนอยู่กับพื้น...

สายตาที่มองไปยังเศษแก้วพวกนั้นมันว่างเปล่า..ความเจ็บที่พวกมันทำร้ายร่างกายของรัญชน์มันไม่เท่ากับความทุกข์ที่รุมกัดทึ้งอยู่..

หยาดน้ำตาใสไหลร่วงลงอาบแก้ม รัญชน์ยิ้มให้กับตัวเองอย่างขมขื่น

ความคิดชั่ววูบมันแล่นผ่านเข้ามา..

รัญชน์เคยคิดอยู่เสมอว่าทำไมเขาต้องเกิดมาบนโลกใบนี้..

โลกที่ไม่มีใครต้องการเขา..แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันที่ไม่อยากอยู่ต่อบนโลกใบนี้ได้มากถึงเพียงนี้

ความทุกข์บงการให้รัญชน์เอื้อมมือไปจับเศษแก้วนั้นมา สายตาจับจ้องอย่างเหม่อลอย...

รัญชน์ยิ้มให้กับมันอย่างสิ้นหวัง

ริมฝีปากที่ซีดจางอ้าออกช้าๆ...รัญชน์กัดเศษแก้วชิ้นคมนั้นไว้และยกข้อมือขึ้นมาจ่อ

กวินท์...ผมจะไปหาคุณ...

หยาดเลือดสีแดงไหลลงไปตามข้อมือเล็ก...หยดลงกับกระเบื้องสีขาวพร้อมหยาดน้ำตาของความเจ็บปวด...

รัญชน์หลับตาลงช้าๆ เขาเอนหัวพิงกับผนัง..

เศษแก้วที่รัญชน์ใช้กรีดข้อมือของตัวเองร่วงลงไปที่หน้าตักขณะที่เลือดยังคงรินไหลออกมาไม่หยุด..พร้อมกับลมหายใจของรัญชน์ที่แผ่วเบาลง

กับหัวใจที่กำลังจะตาย..

รอผมด้วยนะ...กวินท์...

บางที...ความรักมันก็สร้างความทุกข์แสนสาหัสให้กับผู้ที่มีความรัก แต่อย่างน้อย..ความทุกข์นั้นก็มิสมควรเกิดจากผู้อื่น

กสิณคิดเช่นนั้น

หากแต่ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ทำร้ายลูกชายและคนรักของลูกชาย เขาก็ต้องทำร้ายเพื่อนรักซึ่งมีบุญคุณกับเขาและครอบครัว...

คิดแล้วก็หาทางออกกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย กสิณยกมือขึ้นมาบีบขมับที่ตึงเครียดแล้วพรูลมหายใจออกช้าๆ

เมื่อเช้านี้หลังจากที่ธันย์มาเยี่ยมกวินท์แล้ว เขากับภรรยาก็แวะขึ้นไปเยี่ยมรัญชน์อีกครั้งพร้อมกับธันย์ที่บอกว่าจะขึ้นมาอยู่เฝ้ารัญชน์

แต่พวกเขาก็ต้องพบว่าเด็กหนุ่มนั้นทำร้ายตัวเองไปเสียแล้ว

หลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่นานหลายชั่วโมง ที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือกองข้าวของของกวินท์และรัญชน์ ไม่ว่าจะกระเป๋าเงิน มือถือ กุญแจรถ นาฬิกาข้อมือและคีย์การ์ดใบหนึ่ง..

ทุกอย่างมันเป็นของที่คู่กันหมด..แค่ดูก็รู้ว่าทั้งสองคนเปลี่ยนทุกสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันให้ใช้ของเหมือนกัน

ชายสูงวัยเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินใบหนึ่งมาเปิดดู สิ่งที่อยู่ในนั้นก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเอาไว้สักเท่าไหร่

มันมีรูปของทั้งสองที่ถ่ายคู่กันถูกสอดเอาไว้ รูปที่ทั้งคู่มีรอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่นไม่ต่างอะไรกับภาพถ่ายที่มีอยู่ในมือถือทั้งสองเครื่อง มันเป็นรอยยิ้มของความสุข..ที่ทำอย่างไรกสิณก็ทำใจให้ทำลายมันไม่ลง..

“คุณ...ผมจะไปห้องของกวินท์หน่อย..คุณจะไปกับผมไหม?”

กรุณีที่เพิ่งจะเดินเข้ามาชะงักเล็กน้อยด้วยความสงสัย สามีของเธอพับกระเป๋าเงินที่นั่งมองอยู่วางไว้บนโต๊ะตามเดิมและหยิบเอาคีย์การ์ดมาถือไว้พร้อมกับกุญแจรถของเขาเอง

“คุณจะไปทำไมคะ? นี่มันก็ค่ำแล้วนะ” แม้จะถามออกไปอย่างสงสัย แต่เธอก็หยิบเอาโค้ทสีเข้มมาส่งให้กับสามีและหยิบของตัวเองมาสวม

แต่กสิณก็ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ

ที่พักของกวินท์นั้นอยู่ในละแวกเดียวกับโรงพยาบาล กสิณขับรถออกมาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงที่หมาย เขากับภรรยาเดินขึ้นไปบนห้องพักของกวินท์อย่างไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่เพราะหลังจากที่ซื้อห้องชุดที่นี่ให้เป็นของขวัญแก่กวินท์ตอนเรียนจบกลับมาและตอนที่กวินท์ไม่สบายล้มป่วยจับไข้เพราะโหมทำงานหนัก เขากับภรรยาก็ไม่เคยได้มาที่นี่อีก ถือว่าเป็นอาณาเขตส่วนตัวของลูกชายที่พวกเขาไม่ควรเข้ามายุ่งย่าม แต่ในวันนี้...เขาอยากหาคำตอบให้กับความสับสนวุ่นวายที่มันพัดฟุ้งในใจ

กสิณเชื่อว่ากวินท์กับรัญชน์คงจะอยู่ด้วยกันที่นี่

และมันก็เป็นอย่างที่ชายสูงวัยคาดคิดเอาไว้

ภายในห้องที่เก็บกวาดและจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบสมกับเป็น ลูกชายของเขา ดูมันอบอุ่นขึ้นมากกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้ก้าวเข้ามา ราวกับความเงียบเหงามันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกพิเศษที่กสิณสัมผัสได้

“ลูกเราอยู่กับรัญชน์ที่นี่หรอคะคุณ?” กสิณหันไปตามเสียงของภรรยาที่กำลังยกรูปถ่ายของเด็กทั้งสองขึ้นมามอง เขาเดินไปหาและมองรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากรูปก่อนๆที่เขาเคยได้ยินก่อนจะครางตอบเสียงแผ่ว

“ผมคิดว่าอย่างนั้น...”

เขาทั้งสองมองไปรอบๆห้อง และเห็นของใช้หลายชิ้นวางจัดเอาไว้อย่างลงตัว บางสิ่งมันเป็นของที่เขาคิดว่าไม่ใช่ของใช้ของลูกชายของพวกเขาอย่างแน่นอน อาทิพวกขาตั้งวาดรูปหรือหนังสือภาพศิลปะต่างๆ

และที่กสิณสังเกตเห็นได้คือพวกกระถางต้นไม้ที่กวินท์ไม่เคยนำเอามาวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นที่นี่หรือห้องนอนที่บ้าน ลูกชายของพวกเขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะดูแลพวกมันให้เขียวสดชอุ่มอยู่เสมอเพราะเอาเวลาทั้งหมดไปดูแลคนเจ็บป่วย คนที่นำมันมาวางไว้และเลี้ยงดูจนต้นไม้พวกนี้เพิ่มสีสันให้กับห้องที่ว่างเปล่าของกวินท์ก็คงจะหนีไม่พ้นรัญชน์เป็นแน่

ทั้งสองคนเดินไปรอบๆห้องและมองดูด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในอก จนกระทั่งกรุณีหยุดยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือภายในห้องน้ำ น้ำตาของเธอก็รินขึ้นมาคลอที่หน่วยตาจนต้องยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปเมื่อเห็นเงาของสามีเดินเข้ามาจากด้านหลังสะท้อนเข้ามาในกระจก เธอสูดจมูกน้อยๆก่อนชี้นิ้วไปยังของที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบบนเคาน์เตอร์หินแกรนิตของอ่างล้างหน้า...แปรงสีฟันสองอันกับแก้วมัคสีขาวดำสองใบ

“พวกเขาวางไว้เหมือนกับของเราเลยนะคะ”

กรุณีบอกเมื่อสามีเดินเข้ามาจับบ่าของเธอไว้และมองของสองอย่างนั้นด้วยสายตาที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

“ถึงฉันจะไม่เคยเห็นพวกเขาใช้มันด้วยกัน แต่พอมองแล้วฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กสองคนนั่น...อาจไม่มีวันที่ได้แปรงฟันด้วยกันทุกเช้าอย่างที่เคยเป็นอีก...อยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหลออกมา” เธอบอกเสียงเครือเหมือนกับจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งขณะอิงหัวลงกับบ่าของสามีที่โอบแขนกอดเธอไว้

จากที่หวั่นไหวไปกับคำพูดของยชญ์..กรุณีในตอนนี้กลับรู้สึกไม่อยากทำลายความรักของลูกชายเลยแม้แต่น้อย

หากเพียงหลงใหล..มิใช่รักใคร่กันจากใจจริงแล้ว

สถานที่เล็กๆแห่งนี้ของเด็กทั้งสองคนนั้น..คงไม่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและละมุนละไมไปด้วยความรักจนทำให้เธอสัมผัสได้ถึงเพียงนี้...

กรุณีสูดลมหายใจลึกๆ เธอขยับตัวหันกลับมากอดสามีเอาไว้และเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาอย่างสับสน..

ภาพของรัญชน์ที่กรีดข้อมือจนเลือดอาบไปทั่วนั้นยังคงติดตาเธออยู่อย่างชัดเจนเหมือนกับชื่อของลูกชายที่รัญชน์เรียกซ้ำไปซ้ำมาตอนพวกเขาถลาเข้าไปหา เสียงอ่อนระโหยที่ดังแผ่วเบาอย่างคนสิ้นหวัง..

หากแค่เผลอไผลไม่ใช่รักใคร่กันอย่างแท้จริงแล้ว..มันจะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน...แล้วลูกชายของพวกเขาล่ะ...ถ้าหากพวกเขาบอกว่ารัญชน์นั้นตายไปแล้วอย่างที่ยชญ์ขอร้องไว้...

กวินท์จะมีสภาพอย่างไร...

จะเป็นเหมือนกับรัญชน์หรือเปล่า...

กรุณีกลัวจับใจนักว่าลูกชายของเธอจะคิดสั้นไม่ต่างกัน...

“เราจะทำยังไงดีคะคุณ...?”

บางครั้ง..คำที่ใช้ถาม..มันก็ง่ายกว่าคำที่ใช้ตอบนัก..

กสิณยังคงหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้ เขากับภรรยากำลังยืนมองยชญ์ทะเลาะอยู่กับผู้เป็นลูกสาวที่หน้าห้องพักของรัญชน์

ถึงแม้จะปลอดภัยแล้ว แต่บาดแผลที่รัญชน์ทำร้ายตัวเองหวังที่จะฆ่าตัวตายนั้น..ก็ส่งผลให้รัญชน์อาจใช้มือข้างนั้นเหมือนเก่าอีกไม่ได้ทั้งชีวิต

หากหายดี...เด็กคนนั้นก็จะมีบาดแผลทางใจไม่ต่างอะไรกับลูกชายของเขา...

โชคชะตาผูกกันอย่างน่าตลก ถ้าเขาทำตามความต้องการของยชญ์เพื่อนรักแล้ว เด็กทั้งสองไม่ได้เสียแค่คนที่ตัวเองรัก แต่จะเสียงานที่ตัวเองรักไปพร้อมๆกันด้วย..

รึบางที..สวรรค์..อาจอยากให้เขาสงสารเด็กทั้งสองคน

ยอมให้พวกเขารักกัน..เพื่อที่เด็กทั้งสองจะได้แค่สูญเสียงานที่รักไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

เสียงที่ยชญ์ทะเลาะกับรตามันเงียบลงไปแล้ว..การทะเลาะของพ่อลูกที่กินเวลากว่าครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็จบลงได้เสียที

แต่มันคงไม่ใช่การหยุดที่จบลงด้วยความเข้าใจกัน เพราะเมื่อเงยหน้ามองไปแล้ว กสิณก็ได้เห็นสีหน้าไม่พอใจของยชญ์และรตาเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก ใบหน้าสะสวยของเธอมีน้ำตาไหลคลออยู่ เรียวปากบางขบเม้มราวกับต้องการสะกดกั้นคำพูดที่อยากเถียงผู้ให้กำเนิดออกไป แต่ก็ยอมยุติเพราะไม่อยากต่อความอะไรทำนองนั้น

กสิณขยับตัวอย่างอึดอัดใจเมื่อเห็นยชญ์กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากลูกสาวเดินมุ่งหน้ามาหาเขากับภรรยา

“รัญชน์เป็นยังไงบ้าง?” ยชญ์ชักสีหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อเขาถามออกไปเช่นนั้น ถึงแม้เจ้าตัวจะรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แต่คนที่มองอยู่อย่างกสิณและกรุณีก็สังเกตเห็นมันไปเสียแล้ว

“นายไม่ต้องไปใส่ใจกับไอ้เด็กนั่นหรอก มันก็แค่..เรียกร้องความสนใจเท่านั้น” กสิณแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยสักนิดว่านี่จะเป็นคำพูดที่หลุดจากปากเพื่อนรักที่คบกันมานานกว่าสี่สิบปีของเขา

เพราะสิ่งที่เขาเห็น..มันเกินกว่าคำที่จะพูดได้ว่ารัญชน์นั้นทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” กสิณบอกกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ยชญ์พ่นลมหายใจออกก่อนจะเอ่ยเสียงเยาะ

“ถ้ามันคิดจะตายจริง ก็คงไม่ได้อยู่สร้างปัญหาให้ฉันหนักอกต่อแบบนี้หรอก” ยชญ์ว่าอย่างนั้นแล้วทำท่าจะเดินไป แต่ก็ชะงักแล้วหันมามองหน้ากสิณด้วยสายตากึ่งบังคับ

“อ่อ..แล้วนายกับกรุณีไม่ต้องเสียเวลามาเยี่ยมไอ้เด็กนี่หรอกนะ เดี๋ยวจะใจอ่อนอย่างที่ไม่ควรเอาเสียก่อน ตัดไฟยังไงก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้มีลมมาตีให้มันปะทุขึ้นมาอีก ถือว่าฉันขอร้องล่ะ”

ยชญ์ตบบ่าเขาแล้วเดินจากไป กสิณถอนหายใจและมองหน้าภรรยาของตัวเองก่อนหันกลับมาหารตาและธันย์ที่เดินเข้ามาหา

“คุณอาคะ..”

“รัญชน์เป็นยังไงบ้าง?” กสิณถามอย่างห่วงใย สีหน้าของรตาเองก็ยังไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอถอนหายใจช้าๆก่อนจะตอบเขา

“ได้สติแล้วค่ะ...เห็นพยาบาลบอกว่าไม่ยอมพูดไม่ยอมทานยาเอาแต่ร้องไห้อยู่ตลอด”

“พยาบาลบอก? หนูไม่ได้เข้าไปดูรัญชน์เองหรอรตา?”

กรุณีถามอย่างสงสัย เด็กสาวพยักหน้าตอบเธอ

“ค่ะ...พ่อไม่ยอมให้หนูกับพี่ธันย์เข้าไปหารัญชน์ ที่ห้องก็มีบุรุษพยาบาลคอยเฝ้ากันพวกหนูไม่ให้เข้าไป หนูว่าพ่อคงกลัวหนูกับพี่ธันย์ บอกความจริงเรื่องกวินท์กับรัญชน์”

“ตายจริง...”

กรุณีรำพันแผ่วเบา เธอยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองขณะที่มองไปที่ห้องพักฟื้นของรัญชน์และเห็นบุรุษพยาบาลยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง

“งั้นอาจะเข้าไปเอง”

“เปล่าประโยชน์ครับ...คนของคุณลุงยชญ์ไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลย แม้แต่คุณอาทั้งสองก็ถูกห้ามด้วยเหมือนกันครับ”

ธันย์บอกด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยใจกับการกระทำของยชญ์ กสิณได้แต่มองหน้าภรรยาด้วยความหนักใจ

“ถ้าอย่างนั้น..เราลงไปที่ห้องข้างล่างกันก่อนดีกว่าไหม?”

กสิณเอ่ยชวนและพาทุกคนกลับลงมายังห้องพักฟื้นของกวินท์ที่อยู่ด้านล่างก่อนจะพบว่ายชญ์ที่เดินจากมาเมื่อสักครู่นั้นอยู่ภายในห้องพักฟื้นของกวินท์อยู่ก่อนแล้ว

และที่สำคัญ..กวินท์นั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว

“ก็อย่างที่ลุงบอกไป...รัญชน์จากไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่กวินท์จะคิดถึงเด็กคนนั้นอีก เด็กคนนั้นคงไม่ชอบแน่ ถ้าเห็นกวินท์ต้องเสียใจ”

ยชญ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เป็นการโกหกที่ทำให้ทั้งสี่คนแทบไม่อยากเชื่อเลยสักนิดว่าคนอย่างเขาจะเห็นแก่ตัวทำได้ถึงขั้นนี้..

รตาที่โมโหเป็นทุนเดิมอยู่แล้วขยับเข้าไปพร้อมที่จะบอกความจริงให้กวินท์รู้ แต่ก็ถูกกสิณกันเอาไว้

“คุณอา..?”

รตาครางเสียงเบาอย่างสงสัยที่เห็นกสิณห้ามเธอเอาไว้

ขณะที่กสิณนั้นมองไปยังลูกชายของตัวเองและจับจ้องทุกปฏิกิริยานั้น กวินท์รับรู้การจากไปของคนรักด้วยความสงบ ต่างจากรัญชน์โดยสิ้นเชิง

ยชญ์แอบลอบยิ้มในใจ

เขาเดินกลับออกมาตรงจุดที่ทุกคนยืนอยู่หน้าประตูและดันประตูปิดเพื่อไม่ให้กวินท์ที่อยู่ด้านในห้องได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา

“เห็นหรือเปล่า..กวินท์ไม่ได้รักรัญชน์จริงอย่างที่ทุกคนคิดหรอก ฉันบอกนายแล้วกสิณ..มันก็แค่ความเผลอไผลเท่านั้น..” ยชญ์ว่าอย่างพึงพอใจและเดินกลับออกไปเมื่อบรรลุจุดประสงค์ของตน

“ไม่จริงหรอกนะคะคุณอา..กวินท์กับรัญชน์น่ะรักกันจริงๆนะคะ”

รตาเถียงเสียงเบาก่อนถูกกสิณยกมือปราม ชายสูงวัยหันมาหารตากับธันย์ด้วยสายตาครุ่นคิด

“อามีเรื่องจะขอร้องทั้งสองคน...อาอยากให้อย่าเพิ่งบอกความจริงกับกวินท์ว่ารัญชน์ยังมีชีวิตอยู่ ได้ไหม?”

“ทำไมล่ะคะ?” ไม่เพียงแต่รตาเท่านั้นแต่กรุณีกับธันย์ที่ยืนฟังเองก็สงสัยไม่แพ้กัน กสิณถอนหายใจช้าๆ

“อาอยากแน่ใจว่ากวินท์รักรัญชน์จริงๆ..ถ้าเป็นแค่เผลอไผลล่ะก็ปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าใจแบบนี้มันก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้”

“หนูยืนยันได้ค่ะคุณอา..ว่าทั้งสองคนรักกันจริงๆ”

รตาเน้นเสียงหนักในทุกคำพูดของเธอ
(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com

ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคนที่เกือบจะทำลายความรักของน้องชายลงไปโดยไม่รู้ตัว มันเป็นตราบาปที่อยู่ในใจของเธอมาโดยตลอด และเธอก็อยากจะรักษารอยยิ้มของน้องชายที่เธอได้เห็นอีกครั้งเพราะได้ความรักนี้ให้คงอยู่ตลอดไป ไม่อยากให้ใครทำลายมันลงเลยสักนิด

“อาอยากให้เด็กทั้งสองคนเป็นคนพิสูจน์ให้เราได้เห็น ว่าเขารักกันแค่ไหน..รตา..แค่คำพูดน่ะ ไม่สามารถทำให้พ่อของหนูเข้าใจหรอกนะ ว่าพวกเขารักกันจริงและรักกันมากแค่ไหน.. เราต้องให้พวกเขาพิสูจน์ให้พวกเราและพ่อของหนูได้เห็น ได้สัมผัสในความรักที่มาจากใจจริงของพวกเขา และอาก็เชื่อว่าถ้าพวกเขารักกันจริง เขาจะผ่านบททดสอบครั้งนี้ได้”

ใจของรตาค่อยเย็นลงบ้างเมื่อได้ยินคำอธิบายจากกสิณ

เธอพยักหน้าอย่างยอมรับและหันไปหาธันย์ที่เข้ามาจับไหล่เธอเอาไว้และกล่าวเห็นด้วยกับกสิณ

“ผมเองก็คิดอย่างคุณอาครับ” ธันย์ว่า

“แต่เวลานี้มันเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางของทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะรัญชน์..อากลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง..ยังไงก็อยากให้หนูกับธันย์เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลนี่ก่อนจะได้ไหม ถึงจะเข้าไปในห้องของรัญชน์ไม่ได้ แต่อยู่ที่นี่มีอะไรก็มาหากันได้เร็วกว่าที่จะกลับไปที่บ้านนะ ไปพักที่ห้องพักของกวินท์ก็ได้ ตรงด้านนอกระเบียงชั้นวีไอพีนั่นน่ะ ห้องนั้นยังว่างอยู่ แล้ววันนี้พวกหนูก็ไปพักกันก่อนเถอะ ส่วนกวินท์พวกอาจะจัดการเอง”

“ค่ะคุณอา..ขอบคุณมากนะคะ..”

รตาบอกหลังจากรับกุญแจห้องที่กสิณยื่นมาให้ ก่อนจะค้อมศีรษะให้กับกสิณและภรรยาก่อนจะยืนส่งพวกเข้ากลับเข้าไปในห้องพักฟื้นของกวินท์อีกครั้ง ธันย์เอื้อมมือไปจับมือเธอไว้ ทั้งสองคนเดินกลับขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน เมื่อต้องผ่านหน้าห้องของรัญชน์ รตาก็อดไม่ได้ที่จะมองผ่านประตูนั้นเข้าไปหาน้องชายของเธอและหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

ภาพของน้องชายที่นอนลืมตาอยู่ แม้จะเห็นในระยะไกล แต่รตาก็รู้ได้ทันทีว่ารัญชน์กำลังร้องไห้อยู่

หยาดน้ำตาใสๆมันไหลกลิ้งลงมาสะท้อนกับแสงไฟตรงหัวเตียงที่พยาบาลเปิดทิ้งเอาไว้

“รัญชน์..” รตาครางเสียงเบาจนธันย์ต้องเข้ามาโอบกอดเธอเอาไว้และกระซิบบอก

“มีพยาบาลคอยเฝ้าอยู่ คงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ..พี่จะพาเธอไปพักก่อนนะรตา” รตายอมเดินตามแรงจูงของธันย์ไปยังระเบียงด้านนอกเพราะบุรุษพยาบาลที่พ่อของเธอสั่งให้มาเฝ้านั้นทำท่าจะเดินมาไล่

“มีเตียงเดียวเองแหะ..งั้นเธอนอนพักไปก่อนก็แล้วกัน อยากได้เสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือเปล่า พี่จะได้ขับรถไปเอาที่บ้านมาให้?”

รตาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆแล้วทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้

“พี่ให้ฉันนอนพักแล้วพี่ล่ะ ไม่นอนหรอ?”

ช่วงที่ผ่านมานี้ทั้งเธอกับคนรักแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนพอๆกัน ความอ่อนเพลียมันเกาะกินทั้งร่างกายพอๆกับที่ความอ่อนล้ามันเกาะกินจิตใจ ธันย์ส่งยิ้มอบอุ่นให้กับเธอ มือใหญ่วางลงกลางศีรษะและโยกไปมาอย่างหยอกล้อ

“เตียงมันแคบ เธอนอนไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปงีบตรงโซฟาของล็อบบี้ข้างล่าง มีอะไรก็โทรไปเรียกแล้วกัน” ได้ยินคำพูดของคนรักแล้ว รตาก็หันมองไปที่เตียงก่อนหันกลับมาอีกครั้ง

“งั้นพี่ก็นอนกับฉันที่นี่นั่นแหละ ฉันนอนไม่ดิ้นหรอก แล้วอีกอย่าง..เราเป็นคนรักกันนะ..ฉันเชื่อใจพี่” ธันย์หัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปด้านในห้องน้ำ เสียงน้ำไหลดังซ่าๆขณะที่รตายกมือขึ้นมาทุบไหล่ตัวเองอย่างเมื่อยล้า ไม่นานนักคนรักของเธอก็เดินออกมาพร้อมอ่างน้ำเล็กๆและผ้าผืนสะอาด

“เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง”

ธันย์ว่าแล้วยกผ้าขนหนูขึ้นมาบิดจนหมาดและใช้ผ้านั้นค่อยๆเช็ดหน้าให้กับรตา หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ

เรียกได้ว่าเป็นรอยยิ้มแรกหลังจากเกิดเรื่องก็ว่าได้

“ขอบคุณนะคะ”

ธันย์รับรู้ได้ว่าคำขอบคุณของเธอนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเช็ดหน้าให้กับเธอ แต่เป็นคำขอบคุณที่เขาอยู่เคียงข้างเธอในยามนี้เสียมากกว่า รตาจับมือเขาไว้และดึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กนั้นวางกลับไปที่อ่างก่อนลุกขึ้นยืน อ้อมแขนของเธอสวมกอดเขาไว้

“ขอบคุณมากจริงๆ..” เสียงของเธอกระซิบบอกแผ่วเบาขณะที่ศีรษะอิงลงกับบ่ากว้าง..ธันย์คลี่ยิ้มน้อยๆแล้วกอดตอบเธอไว้

“พี่จะทิ้งให้เธออยู่กับเรื่องพวกนี้คนเดียวได้ยังไงกัน..”

“ลุงเสียใจที่ต้องบอกว่า..รัญชน์ตายแล้ว..”

“แต่กวินท์ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ..อุบัติเหตุมันเป็นเรื่องที่ใครก็คาดไม่ถึงทั้งนั้น..”

“ก็อย่างที่ลุงบอกไป...รัญชน์จากไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่กวินท์จะคิดถึงเด็กคนนั้นอีก เด็กคนนั้นคงไม่ชอบแน่ ถ้าเห็นกวินท์ต้องเสียใจ”

ปฏิกิริยาที่ได้ยินว่าคนรักนั้นเสียชีวิตแล้วของกวินท์ช่างแตกต่างจากรัญชน์นัก แต่ก็ใช่ว่ากวินท์จะไม่รู้สึกอะไรเหมือนกับที่แสดงออกมา...

ภายในหัวใจของกวินท์มันกำลังอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ความเจ็บปวดมันมีมากมายจนแม้กระทั่งน้ำตายังไม่ยอมไหลรินออกมา..

โกหก...ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหกใช่ไหม..

กวินท์วนเวียนถามตัวเองซ้ำๆเช่นนั้น

เขาแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางร่างกายเลยสักนิด...หัวใจมันก็เหมือนกำลังจะหยุดเต้นเพียงเพราะคำพูดนั้น..

รัญชน์ตายแล้ว...

คนรักของเขาตายแล้วจริงๆอย่างนั้นหรือ?

“กวินท์...ลูกเป็นยังไงบ้าง?”

กรุณีเดินเข้ามาหา มือของเธอเอื้อมมาลูบแก้มลูกชายอย่างห่วงใย แต่กวินท์ไม่ได้ตอบคำถามของแม่ ไม่แม้แต่จะเหลือบตามามองพวกเขา...

แววตาคู่คมนั้นว่างเปล่าจนกรุณีใจคอไม่ดีนัก

“กวินท์...”

ริมฝีปากของกวินท์ขยับเล็กน้อย ทั้งกสิณและกรุณีต่างก็จ้องมองลูกชายด้วยความเป็นห่วง

“ระ..รัญชน์..ตายแล้ว..หรอครับ...?”

เสียงของกวินท์ช่างแหบแห้ง..และน้ำเสียงแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ กรุณีอึกอักไม่กล้าตอบ เธอเงยหน้ามองสามีที่ถอนหายใจช้าๆ

กสิณขยับเอื้อมมือไปแตะไหล่ของลูกชาย

“กวินท์...ถ้ามันเป็นเรื่องจริง...ลูกจะทำยังไง..?”

ความเงียบเข้าครอบคลุม...กวินท์ปิดเปลือกตาลงช้าๆ

“ขอผม...อยู่คนเดียวนะครับ...”

ลูกชายของพวกเขาอาจต้องใช้เวลาทำใจและขบคิด กสิณมองหน้าภรรยาแล้วพยักหน้าช้าๆ ถึงจะลังเลแต่กรุณีก็ยอมเดินออกมาพร้อมกับกสิณ

เมื่อทั้งสองมองกลับเข้าไปในห้อง ผ่านกระจกสี่เหลี่ยมบานเล็กตรงบานประตู...ก็ได้เห็นว่าลูกชายของพวกเขายังคงนอนนิ่งอยู่เช่นนั้น

“คุณว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่คะ?”

กสิณถอนหายใจช้าๆ มือของเขาเลื่อนขึ้นมาโอบภรรยาไว้โดยที่สายตายังคงมองไปยังลูกชายคนเดียวของพวกเขา

“ผมคิดว่า...คุณก็รู้นะว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่”

กรุณีไม่ปฏิเสธในคำพูดของสามีเลย เธอคิดว่าลูกชายคงกำลังจะคิดถึงคนรักที่เข้าใจว่าจากตัวเองไปแล้ว ทั้งที่รัญชน์นั้นยังมีชีวิตอยู่

ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงเพดานกับพื้นกัน แต่ความรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกันคนละโลกเพียงเพราะคำโกหกของยชญ์เท่านั้น...

ทว่า...คำโกหกนั้นจะพาให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองต้องแตกสลายลงไปหรือไม่...จากนี้ไปก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับความมั่นคงของหัวใจที่เด็กทั้งสองคนมีให้แก่กันเท่านั้น...

ผู้ใหญ่อย่างพวกเธอ...ก็คงได้แต่ภาวนาให้เรื่องทุกอย่างไม่เลวร้ายเกินไปจากที่หวังไว้..

สิ่งที่กวินท์คิด...หาใช่แค่คิดถึงรัญชน์เท่านั้น...แต่มันมีทั้งความสิ้นหวังและปวดร้าวอยู่ในห้วงของความคิดนั้นมากมาย

มากมายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แม้กระทั่งตัวของกวินท์เอง

น้ำตา...หากมันไหลหยดลงมาก็คงจะบรรเทาความทุกข์ให้เจือจางลงไปได้บ้าง...

แต่นับตั้งแต่นาทีที่รู้ว่าคนรักของเขาได้จากไปแล้ว...น้ำตามันก็แห้งเหือดไปจากใจของกวินท์...ราวกับสายฝนที่จะไม่มีวันได้โปรยปรายลงมา...

หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง

รัญชน์ของเขา...ไร้ซึ่งลมหายใจแล้วเช่นนั้นหรือ...

หากคุณจากโลกนี้ไปแล้วจริง...

ทำไมถึงทิ้งผมไว้ในโลกที่ไม่มีคุณ..

กวินท์แทบไม่รู้สึกถึงอาการบาดเจ็บต่างๆของร่างกายเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดมันอยู่ภายในใจ มันเป็นความเจ็บปวดเกินคณนา

ทั้งที่เขา...กับรัญชน์...เพิ่งจะได้เริ่มต้นความรักที่เฝ้าคอยมานาน แต่เหตุใดกัน...เรื่องมันถึงกลายเป็นเช่นนี้

กวินท์ยันกายขึ้นมาช้าๆ แวบแรกที่ลงน้ำหนักกับมือข้างขวาก็ต้องพบว่ามันเจ็บร้าวขึ้นมาจนต้องหันไปมอง กวินท์ตระหนักได้ในตอนนั้นเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา นอกจากรัญชน์ที่เขาต้องสูญเสียไปแล้ว เขาก็ต้องเสียมือข้างที่เป็นเหมือนชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน

ไม่สิ...บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น

รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรฝืนร่างกาย แต่กวินท์ก็พยายามจะขยับนิ้วมือข้างที่บาดเจ็บ...แต่มันก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง ราวกับมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งในร่างกายของกวินท์อีกต่อไป และยังนำพามาซึ่งความเจ็บมากกว่า

“โธ่เว้ย!” กวินท์สบถออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มือข้างซ้ายทุบลงกับพื้นเตียงจนมันสะเทือน ก่อนที่เขาจะใช้มือข้างนั้นยกขึ้นมาลูบใบหน้าของตนเองและสูดลมหายใจลึกๆ กวินท์ค่อยๆยกมือข้างขวาขึ้นมาอีกครั้งแม้จะฝืนมากเพียงใด

สายตาคมมองไปที่มันอย่างเศร้าหมอง...คำพูดที่ครั้งหนึ่งคนรักเคยพูดกับเขามันย้อนกลับมาอีกครั้ง

ในวันนั้นกวินท์เผอเรอทำมีดบาดนิ้วตัวเองขณะที่ล้างจานอยู่คนรักของเขาที่กำลังทำอาหารค่ำรีบถลาเข้ามาหาและดึงเขาไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะหายไปและกลับมาพร้อมกับพลาสเตอร์และยาใส่แผล

“คุณเป็นศัลยแพทย์นะ...มือของคุณมีค่าเท่ากับชีวิตคนไข้อีกนับพัน...ระวังอย่าทำให้มือข้างนี้บาดเจ็บอีกนะ”

รัญชน์บอกแล้วลูบมือข้างนั้นของเขาเบาๆ กวินท์รู้สึกได้ถึงทั้งความห่วงใย ความรักและความภาคภูมิใจของคนรักที่ส่งผ่านมาได้เป็นอย่างดี

แต่วันนี้รัญชน์จะรู้บ้างไหม...ว่าการที่เขาสูญเสียมือที่แสนมีค่าข้างนี้ไป กวินท์ไม่รู้สึกเสียใจเท่ากับเสียรัญชน์ไปเลยสักนิด...

เพราะสิ่งเดียวที่มีค่าในชีวิตของกวินท์...ก็คือรัญชน์...

รัญชน์...ผมอยากให้คุณอยู่เคียงข้าง...

ผมอยากจะคว้าคุณมากอดอีกครั้ง...

แต่คุณจากผมไปอยู่ในที่ไกลแสนไกล...

ผมต้องทำยังไง...

เราถึงจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง...

รัญชน์...

กวินท์นั่งก้มหน้าอยู่พักใหญ่ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังข้างนอกหน้าต่าง...

ท้องฟ้าข้างนอกมันมืดมิด...

แม้จะมีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องแต่มันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของกวินท์แม้แต่น้อย..ศัลยแพทย์หนุ่มเหม่อมองดูท้องฟ้าที่ไร้ดาว...

รัญชน์...คุณอยู่ที่นั่นใช่ไหม...

คุณต้องจากไปตามลำพังแบบนั้น...เหงาหรือเปล่าคนดี...

ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ...เดินออกไปนอกระเบียงคล้ายคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในความคิด จมอยู่กับความทุกข์ที่ไม่อาจแบกรับได้...

อย่าเหงาเลยนะที่รักของผม...ผมจะไปหาคุณ...

เมื่อเราพบกันอีกครั้ง...ช่วยยิ้มให้ผม...และผมจะกอดคุณไว้ด้วยสองมือของผม...

เราจะไม่จากกันอีก...ชั่วนิรันดร์...

หากรัญชน์เป็นต้นไม้...ก็คงจะเป็นต้นไม้ที่มันยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งกว้าง...ไม่มีผู้ใดสนใจ ไม่มีผู้ใดใส่ใจ ได้แต่รอคอยว่าสักวันฝนจะตกลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้เมื่อไหร่

และกวินท์...ก็คือสายฝนอันอบอุ่นที่หล่อเลี้ยงชีวิตของต้นไม้ที่ น่าสงสารต้นนั้น...ความรักของกวินท์คืนชีวิตให้กับรัญชน์เหมือนที่สายฝนคืนชีวิตให้กับต้นไม้...

ทว่า...เมื่อใดที่สายฝนจางหายไปจากโลกนี้...

ต้นไม้ก็ไม่อาจจะหยั่งรากยืนต้นได้อีกต่อไป...

เมื่อชีวิตของกวินท์ไม่มีอีกแล้วบนโลกใบนี้...รัญชน์ก็ไม่อยากแล้วที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างเดียวดาย

เช่นเดียวกัน..หากไม่มีรัญชน์อยู่บนโลกใบนี้แล้ว

กวินท์ก็ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เช่นกัน

-TBC-

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นส์ด้วยจากใจจริง
ยังไงแวะไปพูดคุยหรือติดตามข่าวสารต่างๆได้ที่ http://facebook.com/zynestrasfix นะคะ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
 :o12: :o12: :o12: :o12:
เมื่อไหร่จะหายเศร้าาาาาาาา แงๆ  อยากได้หวานๆๆๆๆ

Mio

  • บุคคลทั่วไป
ติดเรื่องนี้มากมาย สงสารทั้งคู่ เกลียดอีพ่อ -*-
 :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ followme

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
 :sad11: โอ๊ยยยยยย ดราม่าโครตตตตตตตตตต
เมื่อไหร่จะแฮปปี้ซะทีหล่ะคะ สงสารทั้งรัญชน์ ทั้งกวิน
คนเขียนมาลงหลายๆตอนไม่ได้เหรอคะ
เห็นที่บอร์ดนู้นลงถึงตอน 14 แล้วอ่ะ ขาดตอนม๊ากกกกกกกกมากค่ะ

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ไม่เอานะไม่ใช่กวินท์จะตายตามรัญชน์ที่ตายเพราะคำโกหกนะ...
เศร้ามากกกกกกกกแบบมากจริงๆทำให้รู้สึกว่าเออผู้ใหญ่ในสังคมมีแบบนี้จริงๆ
เค้าว่ากันว่าฟ้าหลังฝนยอมดีใช่มั้ยคะ?
ขอให้กวินท์กับรัญชน์มีความสุขเร็วๆช่วงนี้ก็คงช้ำๆปวดใจกันไปก่อนแง

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ขอให้ยชนะแหละตาย!!!(อินไปหน่อยน่ะค่ะ)
เป็นกำลังใจให้รัญชน์และกวินทร์นะคะ

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
         ตอนที่ ๑๑

 

พยาบาลที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงของรัญชน์ขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่าคนที่เธอเฝ้าอยู่นั้นนอนหลับไปแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกไป รัญชน์ที่นางพยาบาลนึกว่าหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความหม่นหมองยังคงเกาะอยู่กับแววตาที่ว่างเปล่าเลื่อนลอย

ภายในห้องที่มีเพียงเขาอยู่ตามลำพัง รัญชน์ค่อยๆดันกายขึ้นมานั่งอีกครั้ง น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วก็กลับไหลลงมาอีกรอบ ร่างบางคู้เข่าขึ้นมากอดซุกหน้าลงไป

เขา...กับกวินท์...ห่างกันเพียงแค่ความตาย...

ก็ยังมีคนมาขวางไว้...

ทำไม...ถึงไม่ยอมให้เขาตาย...

มันจะมีประโยชน์อะไรอีก...ถ้าเขาต้องอยู่ในโลกใบนี้เพียงลำพัง...

อยู่กับความเหงาและความเดียวดายที่แสนทรมานจากการไม่มีกวินท์...

รัญชน์สะอื้นจนร่างกายสั่นเทา ร่างบางกัดฟันลงกับข้อมือของตัวเองอย่างสิ้นหวัง...ดึงทึ้งผ้าพันแผลอย่างบ้าคลั่ง..

บาดแผลที่ถูกเย็บอย่างประณีตเพื่อรั้งชีวิตไว้ถูกขบกัดจนมีเลือดไหลออกมา..รัญชน์สูดลมหายใจลึกๆเมื่อเห็นเลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมาจากแผลบนข้อมือของตัวเอง

เขายิ้มให้กับหยาดเลือดเหล่านั้นแล้วยกข้อมือขึ้นมาอยู่ระดับสายตา

รอผมก่อนนะ...กวินท์

รัญชน์อ้าริมฝีปากอีกครั้ง ร่างบางกัดข้อมือของตัวเองด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอย่างไม่หวั่นกลัวต่อความตาย..

เพราะสิ่งที่รัญชน์กลัวนั้น...

คือการมีชีวิตต่อ...อย่างไร้ซึ่งกวินท์...

 “คุณหมอโกเมศมาที่ห้องผู้ป่วน2113ด่วนคุณหมอโกเมศมาที่ห้องผู้ป่วย2113ด่วนค่ะ”

เสียงประกาศที่ดังขึ้นทำให้ธันย์ที่ยังไม่หลับต้องสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งและหันไปเขย่าปลุกคนรักที่นอนอยู่ข้างกัน รตาสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความมึนงงและงัวเงีย

“มีอะไรหรอคะ?”

“มีประกาศเรียกหมอฮยอนซูไปที่ห้องของรัญชน์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” พอบอกไปเช่นนั้นแล้ว รตาก็ถลาลุกออกจากห้องไปทันทีพร้อมกับธันย์

ทั้งสองวิ่งมายังห้องของรัญชน์ที่อยู่ชั้นเดียวกันและพบกับกสิณและกรุณีที่ขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงประกาศด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าห้องที่ตอนนี้พยาบาลเพิ่งจะวิ่งเอารถเข็นปฐมพยาบาลฉุกเฉินเข้าไป

“เกิดอะไรขึ้นคะ?”

“อาก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราเข้าไปไม่ได้”

กรุณีบอกแล้วพยักพเยิดไปทางบุรุษพยาบาลสองคนที่มากันไม่ให้เธอกับสามีเข้าไปดูอาการของรัญชน์

ทันทีที่ได้ฟังรตาก็เม้มริมฝีปาก แววตาไม่พอใจเป็นที่สุด เธอถลาเข้าไปที่ห้องของรัญชน์ และก็พบกับบุรุษพยาบาลสองคนที่ปราดเข้ามาขวางหน้าไว้

“ถอยไป!!”

เป็นครั้งแรกที่ธันย์จะเห็นคนรักอารมณ์เดือดขนาดนี้

รตาผลักบุรุษพยาบาลสองคนให้ออกไปพ้นทางของเธอแล้วตวาดเสียงดัง สีหน้าเหมือนนางเสือที่พร้อมจะขย้ำทุกคนที่ขวางหน้า แต่บุรุษพยาบาลสองคนก็ยังคงยืนขวางอยู่แม้จะมีสีหน้าลังเล ธันย์เลยเดินเข้าไปหา

“ถอยไปเถอะคุณ...อย่างน้อยก็ขอให้พวกเราเข้าไปดูอาการของรัญชน์หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ไม่ได้หรอกครับ...ท่านผ.อ.สั่งห้ามพวกคุณเข้าไปเด็ดขาด ถ้าท่านรู้..พวกผมต้องแย่แน่ๆ”

บุรุษพยาบาลบอกอย่างอึดอัดใจ ธันย์ได้ยินเสียงรตาสบถในลำคอก่อนที่คนรักของเขาจะหมุนตัวเดินสวนไปทางกสิณและกรุณี

เมื่อธันย์หันกลับไปมองก็พบว่าเธอนั้นเดินเลยผู้ใหญ่ทั้งสองไปยังที่วางหนังสือพิมพ์

รตาหยิบมันออกมาจากแท่นและรูดหนังสือพิมพ์ออกจากราวไม้ เธอเดินกลับมาพร้อมกับไม้อันนั้น

“ถอยไป!! ฉันจะเข้าไปดูน้องฉัน!!”

รตาตวาดเสียงดังแล้วเงื้อไม้ในมือขึ้นสูง พาเอาบุรุษพยาบาลทั้งสองคนต้องมองหน้ากัน

“ฉันบอกให้ถอยไปไงเล่า!!”

ไม้ในมือของรตาฟาดลงมาเต็มแรงที่เธอมี และทำท่าจะกระหน่ำซ้ำถ้าบุรุษพยาบาลทั้งสองคนไม่ยอมจำนนหลีกทางให้เธอ รตาขว้างไม้ลงพื้นเมื่อทางของเธอเปิดโล่งแล้ว แต่ก็ไม่วายจะทิ้งสายตาอาฆาตมองดูบุรุษพยาบาลทั้งสองคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ก่อนเดินเข้าห้องไป

กสิณกับภรรยาที่ยืนมองอยู่ต้องยิ้มให้ความบ้าดีเดือดของหญิงสาวก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปในห้อง

ภาพที่เห็นพาให้ทุกคนนั้นพูดแทบไม่ออก รัญชน์กำลังอาละวาดใส่นางพยาบาลที่พยายามยื้อข้อมือของเขาเอาไว้ ริมฝีปากของรัญชน์ยังคงเปื้อนเลือด เมื่อเลื่อนสายตาไปมองที่ข้อมือข้างขวาแล้วทุกคนก็ตระหนักได้ในตอนนั้นว่ารัญชน์ทำร้ายตัวเองอีกครั้งอย่างที่พวกเขานึกกลัวกันไว้

“รัญชน์...”

รตาถลาเข้าไปหาน้องชายของตัวเองที่กำลังคลุ้มคลั่งอยู่และคว้าน้องชายเข้ามากอดไว้ ใจสั่นจนแทบบ้าที่เห็นสภาพน้องชายเป็นเช่นนี้

“พี่...” รัญชน์กอดพี่สาวไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ

“ผมอยากตาย...ปล่อยให้ผมตายเถอะ...”

เสียงสั่นเทาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นพาให้ทุกคนต้องนึกใจหายกับความท้อแท้และสิ้นหวังของรัญชน์

รตาถึงกับร้องไห้ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัญชน์พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน

“ไม่มีกวินท์..ผมก็ไม่อยากอยู่อีกแล้ว”

เธอยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าของน้องชายให้เงยขึ้นมามองหน้าเธอและตัดสินใจบอกความจริงให้รัญชน์รับรู้

“รัญชน์...กวินท์ยังไม่ตาย..กวินท์ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ได้ยินไหม...กวินท์ยังไม่ตาย!”

รัญชน์นิ่งอึ้ง เขามองพี่สาวด้วยความตกตะลึง แต่มันเป็นความตกใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

“จริงหรอ...? พี่ไม่ได้โกหกผมใช่ไหม...”

รตาพยักหน้าทั้งน้ำตา กรุณีที่น้ำตาซึมอยู่ก็เงยหน้ามองสามีของเธอที่ยิ้มจางๆมาให้..

ไม่มีใครคัดค้านที่รตาบอกความจริงกับรัญชน์ไปอย่างนั้นอีกแล้ว..

แม้กระทั่งกสิณที่ในตอนแรกคิดอยากจะลองให้เด็กทั้งสองคนพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่ารักกันแค่ไหนและจะฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันได้อย่างไรก็ต้องยอมแพ้เมื่อเห็นว่ารัญชน์รักลูกชายของตนเองมากกว่าชีวิตของตนเองแบบนี้

“จริงสิ..รัญชน์อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ...” รตาบอกก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับน้องชายที่น่าสงสารของเธอ

“งั้นพาผมไปหาเขา..ผมอยากเจอกวินท์..ได้โปรด..พาผมไปหาเขา”

รัญชน์อ้อนวอนทั้งน้ำตา..คราวนี้มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความหวัง

ความหวังที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกครั้ง

“ได้..แต่รัญชน์ต้องให้คุณหมอทำแผลให้ก่อนนะ”

รัญชน์ส่ายหน้าปฏิเสธและพยายามลุกขึ้น ทั้งที่สองมือบาดเจ็บ

“ไม่...ผมจะไปหากวินท์!”

รัญชน์บอกเสียงหนักแน่นจนรตาลังเล เธอหันมามองหน้ากสิณและกรุณีด้วยสายตาอ้อนวอน เพราะไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่จะเห็นชอบไหมกับการที่จะให้รัญชน์พบกับกวินท์ตอนนี้

“พารัญชน์ลงไปหากวินท์เถอะ...” กสิณบอกเมื่อประเมินแล้วว่าบาดแผลของรัญชน์นั้นยังไม่เข้าขั้นอันตราย เขาหันไปหานางพยาบาลที่ยืนทำหน้าวิตกกันอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียง

“พวกเธอเอาอุปกรณ์ทำแผลตามลงไปข้างล่างก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะเป็นคนทำแผลให้คุณรัญชน์เอง” นางพยาบาลค้อมศีรษะให้กับกสิณแล้วเข็นรถปฐมพยาบาลออกไป ขณะที่ธันย์ก้าวเข้ามาพยุงรัญชน์ขึ้นจากเตียง

กรุณีก้าวเข้าไปหารัญชน์ เมื่อรัญชน์เงยหน้าขึ้นมามองเธอ เธอก็ส่งยิ้มจากใจจริงไปให้ทั้งที่ยังมีน้ำตาคลออยู่

“เราคือพ่อกับแม่ของกวินท์...ฉันดีใจนะที่ได้หนูมาเป็นคนรักของลูกชายของพวกเรา..” มือของกรุณีเอื้อมไปจับแก้มของรัญชน์ไว้ นิ้วของเธอปาดเช็ดคราบเลือดที่อยู่ข้างแก้มของรัญชน์ออกไป

รัญชน์มีหลายคำพูดที่อยากบอกเธอแต่มันก็จุกแน่นอยู่ในอก รอยยิ้มอารีของผู้เป็นพ่อและแม่ของคนรักทำให้รัญชน์ต้องค้อมศีรษะลงมาแทนคำพูดของตัวเอง...ใช้การกระทำสื่อบ่งบอกว่าขอบคุณมากแค่ไหนกับคำพูดที่กรุณีพูดกับเขา...

ขอบคุณที่ยอมรับในความรักของเขากับกวินท์...

คืนนี้ท้องฟ้ามันไร้ดาว...มีแต่เมฆฝนตั้งเค้าครึ้มดูเหมือนจะมีฝนโปรยปรายลงมาในไม่ช้า เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะดูหม่นหมองไม่น้อย กวินท์ก้าวช้าๆออกไปที่ระเบียง

ศัลยแพทย์หนุ่มที่สิ้นความหวังเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่ไร้ดาว...แสงมันสว่างวาบเป็นระยะจากในจุดที่ห่างไกลพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง

“รัญชน์...”

เสียงของกวินท์แหบแห้ง...มือข้างซ้ายจับราวระเบียงไว้แน่นขณะที่ขาอีกข้างก้าวขึ้นไปเหยียบเก้าอี้ที่ลากมาชิดขอบระเบียงเพื่อใช้ต่างบันได กวินท์หย่อนขาลงไปที่พื้นด้านนอกระเบียง..

“รอผมด้วยนะ...ผม...กำลังจะไปหาคุณ...แล้ว..” กวินท์เอ่ยเสียงเบาและหลับตาลง

มันอาจจะโง่..มันอาจจะบ้า..

ที่เขาจะทิ้งชีวิตเพียงเพราะคนที่รักไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้...

หากแต่กวินท์รู้ดี...ว่าเขาไม่อาจทปล่อยให้รัญชน์จากไปแบบนั้นตามลำพังได้...

คนรักที่น่าสงสารของเขา...ต้องโดดเดี่ยวมามากกว่าครึ่งชีวิต...

กวินท์ไม่อยากให้รัญชน์ต้องอยู่ตามลำพังและก็ไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อตามลำพังโดยไร้ซึ่งคนรักที่ชื่อว่ารัญชน์ด้วยเช่นกัน

ริมฝีปากของกวินท์คลี่ยิ้ม..ฝ่าเท้ายกขยับก้าวออกไปอีกหนึ่งก้าว

สู่ความตายที่รัญชน์นั้นรออยู่..

รอผมด้วยนะ...รัญชน์...

.

.

“กวินท์!”

เสียงเรียกอย่างตื่นตระหนกนั้นทำให้กวินท์ต้องหันขวับกลับมา สองตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนรักวิ่งถลาเข้ามาหา

ในขณะที่รัญชน์นั้นใจสั่นไปหมดด้วยความกลัว

“รัญชน์..”

กวินท์ขยับเข้ามาจนชิดขอบระเบียง รัญชน์โผเข้ามาหาเข้าด้วยใบหน้าที่ตื่นกลัว

“คุณกำลังจะทำอะไร...คุณจะทิ้งผมไปอย่างนั้นหรอ?”

“รัญชน์...คุณ..ยังมีชีวิต”

กวินท์เอ่ยเสียงสั่น..แต่เมื่อยกมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมาลูบเบาๆที่แก้ม กวินท์ก็แน่ใจว่าคนรักที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมีชีวิตไม่ใช่วิญญาณ...แก้มของรัญชน์ถึงจะซีดเซียวแต่ก็ยังมีความอบอุ่นของเลือดเนื้ออยู่

“รัญชน์...คุณยังมีชีวิตอยู่..”

กวินท์ใช้มือที่ลูบแก้มของคนรักกอดร่างบอบบางนั้นไว้อย่างหวงแหน น้ำตาที่มันไม่ยอมไหลนับตั้งแต่ได้ยินว่ารัญชน์เสียชีวิตมันก็ไหลออกมา

มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เสมือนน้ำฝนที่ตกลงมาเพื่อสร้างชีวิตใหม่...กวินท์กับรัญชน์กอดกันไว้แล้วต่างก็ร้องไห้ออกมา

“ใช่..ผมยังไม่ตาย...คุณก็ยัง..ไม่ตาย”

รัญชน์สะอื้นแล้วเงยหน้ามองดูคนรักเต็มตา เช่นเดียวกับที่กวินท์มองเขา ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน รัญชน์ยกมือที่เลือดกำลังไหลโอบกอดร่างสูงไว้แม้จะเจ็บแปลบเพราะบาดแผลมากเพียงใด

แต่จะไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด...

ความรักของเขา

ทุกคนมองภาพที่ทั้งคู่กอดกันอยู่ริมระเบียงด้วยความโล่งอกและนึกใจสั่นไม่น้อย...หากลงมาช้ากว่านี้เพียงเสี้ยวนาที มันคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก

“กวินท์..เข้ามาก่อนเถอะ...”

ธันย์ว่าและขยับเดินเข้าไปช่วยพยุงให้กวินท์ปีนกลับเข้ามาข้างในระเบียง ทันทีที่กวินท์กลับมายืนในที่ปลอดภัยแล้ว ศัลยแพทย์หนุ่มก็คว้าคนรักเข้ามากอด ธันย์ที่เข้าไปพยุงเมื่อครู่ก็ถอยออกมายืนอยู่ข้างรตาที่มองน้องชายด้วยรอยยิ้มแม้จะมีน้ำตาอยู่บนใบหน้าของเธอ แต่ก็เป็นน้ำตาแห่งความดีใจและโล่งอก

“รัญชน์...”

อ้อมกอดของทั้งสองกระชับกันแน่น อ้อมกอดที่ไม่มีกำแพงระเบียงมาขวางกัน...

ไม่มีความตาย...มาขวางกั้นอีกต่อไป...

หัวใจที่คิดว่าเคยอยากให้หยุดเต้นมันกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงมีชีวิต

และก็เป็นเวลาเดียวกันที่ต้นเหตุของเรื่องราวเดินเข้ามาในห้องพอดี กวินท์เป็นคนแรกที่เห็น สายตาของเขามองไปยังยชญ์ที่เดินเข้ามาอย่างขุ่นเคือง และสายตานั้นเองที่พาให้ทุกคนหันไปมอง

“นี่มันอะไรกัน?”

น้ำเสียงโมโหและตำหนินั้นดังขึ้นทันทีอย่างไม่รีรอ กวินท์กอดคนรักไว้แน่นเมื่อเห็นว่ารัญชน์จะผละออกจากอ้อมแขน

“ผมต่างหากที่ควรถามคุณว่านี่มันอะไรกัน? ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วยว่ารัญชน์ตายแล้ว!?”

รัญชน์เงยหน้าขึ้นมองคนรักอย่างงุนงงก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่เคยได้ชื่อว่าพ่ออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงโกหกเช่นนี้

แต่สำหรับคนอื่นๆที่รู้ว่ายชญ์โกหกเพราะอะไรต่างก็พากันหันมองดูว่าผู้ที่โกหกนั้นจะพูดยังไง

“เพราะ...ฉันไม่อยากให้เธอรักกับไอ้เด็กนั่นยังไงล่ะ!”

ยชญ์ตวาดออกมาคล้ายอาการเหลืออด

กวินท์ที่ไม่รู้เรื่องนั้นสงสัยไม่น้อยกับแววตาที่มองมายังรัญชน์อย่างชิงชัง ถึงพอจะรู้มาบ้างว่ารัญชน์กับผู้เป็นพ่อนั้นเข้ากันไม่ได้ แต่ถึงขั้นจะมองลูกชายด้วยสายตาแบบนั้น มันไม่เกินไปหน่อยหรือยังไงกัน

“ขอโทษนะครับ..ถึงคุณลุงจะเป็นพ่อ แต่ยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดขวางความรักของลูกได้หรอกนะครับ”

กวินท์พูดอย่างใจเย็น เขาได้ยินเสียงเหมือนรัญชน์ครางอือแล้วตั้งท่าจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดคำพูดเอาไว้เพราะยชญ์พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“มันไม่ใช่ลูกของฉัน!!”

ยชญ์ตวาดลั่น ชายสูงวัยขยับเข้ามาแต่ก็ถูกรตาเดินเข้ามาขวางเอาไว้ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงตวาดออกไปด้วยอารมณ์ที่เหลือจะเก็บกั้น

“ฉันไม่มีทางให้มันมีความสุข!! ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้มันรักกับเธอหรอกกวินท์!!”

“คุณจะมาตัดสินเอาเองไม่ได้หรอกนะครับ! และไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่มีทางเลิกรักรัญชน์เด็ดขาด! ในเมื่อคุณบอกว่าไม่มีทางที่จะให้รัญชน์มีความสุข ผมก็ขอบอกไว้เลยว่าผมนี่แหละ ที่จะเป็นคนทำให้รัญชน์มีความสุขเอง!”

น้ำเสียงของกวินท์หนักแน่น หนักแน่นเสียจนหัวใจของรัญชน์เต้นแรง ร่างบางค่อยๆหันไปทางยชญ์

“พ่อครับ...” หลายคำพูดที่รัญชน์อยากพูดกับผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อหันสบตา สายตาของยชญ์ก็ทอความเกลียดชังรุนแรงมาให้

“อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่พ่อของแก!!”

ยชญ์ตวาดลั่นและปรี่เข้าไปทำท่าจะหาเรื่องทำร้ายรัญชน์ด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ แต่ก็ถูกกสิณเข้ามาขวางเอาไว้

“พอเถอะยชญ์...”

“อย่ามาห้ามฉัน!”

ยชญ์พยายามจะผลักให้กสิณออกไปพ้นทางของตนเอง

“ยชญ์..ถ้ารัญชน์ไม่ใช่ลูกของนายจริงๆแล้ว นายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามเรื่องความรักของเด็กสองคนนี่หรอกนะ”

“ว่ายังไงนะ!!”

“ถึงนายจะไม่พอใจมากแค่ไหน แต่ฉันคงต้องบอกว่า ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กสองคนนี้รักกัน! ไม่ว่านายจะขัดขวางยังไงก็ตาม!”

“กสิณ!!”

ยชญ์อุทานชื่อเพื่อนรักอย่างไม่คาดคิด เขากำหมัดแน่นแล้วเดินถอยหลังไปสองก้าว

“นายคิดจะทรยศฉันหรือยังไง?”

ยชญ์กัดฟันถามออกไปด้วยโทสะที่คุกรุ่นขึ้นมาอย่างพลุ่งพล่าน

“ฉันไม่เคยคิดที่จะทรยศนาย...แต่ให้ฉันทำร้ายเด็กสองคนนี้อย่างที่นายคิดจะทำ ฉันทำไม่ได้หรอก”

แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาแค่อึดใจ แต่ภาพของรัญชน์ที่ทำร้ายตัวเองอย่างสิ้นหวังเหมือนกับลูกชายของเขาที่เกือบจะคิดสิ้นกระโดดตึกฆ่าตัวตายนั้น

ทำให้กสิณรู้ซึ้งถึงความรักที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน ความคิดที่จะปกป้องความรักของเด็กทั้งสองมันก็กระจ่างชัดขึ้นมาในความรู้สึกทันที

ในขณะเดียวกัน คนที่ฟังอยู่อย่างรัญชน์และกวินท์ก็รู้สึกขอบคุณนัก

รัญชน์มองหน้าคนรักก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของกวินท์ ร่างบางสาวเท้าเข้าไปหายชญ์ที่ยังคงดูโกรธจัด

“พ่อครับ...”

ยชญ์ทำท่าจะตวาดใส่รัญชน์อีกครั้ง แต่เมื่อมองหน้ารัญชน์แล้วเขาก็ต้องเก็บคำพูดที่อยากจะตวาดนั้นไว้ก่อน เหลือเพียงแต่สายตาชิงชังเท่านั้นที่ทำอย่างไรก็ปิดไม่มิด..

“ถึงผมจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อ...แต่ผมก็ยังรักพ่อเหมือนเดิมนะครับ”

รัญชน์พูดช้าๆจากความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ น้ำตาของรัญชน์ไหลอีกครั้งขณะสูดลมหายใจลึกๆและพูดออกไปอย่างหนักแน่น..

“และผมเอง..ก็รักกวินท์ด้วย...”

รัญชน์บอกก่อนที่เข่าทั้งสองข้างจะทรุดลงกับพื้น ศีรษะค้อมลงไปแทบติดพื้น เป็นครั้งแรกที่เขายอมก้มหัวลง เสียสละซึ่งศักดิ์ศรีทั้งหมดเพื่อขอร้องใครสักคน

“ได้โปรด..อย่าพรากความรักของผมกับกวินท์เลยนะครับ..”

ทุกคนแทบจะกลั้นลมหายใจกับภาพของรัญชน์ที่คุกเข่าก้มหัวขอร้องยชญ์...ท่ามกลางความเงียบที่ทุกคนรอคำตอบจากยชญ์นั้น กวินท์ก้าวเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆคนรักและทำเช่นเดียวกัน

“ผมกับรัญชน์...เรารักกัน ได้โปรด...อย่าขัดขวางเลยนะครับ..”

รัญชน์เงยหน้าขึ้นมามองคนรักที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ กวินท์ส่งสายตาจริงใจและรักใคร่มาให้ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บมาจับมือเล็กของรัญชน์ที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา รตามองภาพของทั้งคู่ด้วยความรู้สึกตื้นตันก่อนจะจับมือธันย์ไว้แล้วจูงให้เดินก้าวเข้าไปหาผู้เป็นพ่อพร้อมกัน

“พ่อคะ...หนูรู้ว่าพ่ออยากให้หนูแต่งงานกับคุณหมอกวินท์...แต่...หนูมีคนรักอยู่แล้ว...หนูรักพี่ธันย์ค่ะ หนูจะแต่งงานกับพี่ธันย์เท่านั้น ขอโทษนะคะพ่อ”

ธันย์หันมองหน้าคนรักอย่างอึ้งๆก่อนจะยิ้มให้เมื่อรตาหันมามองหน้าเขา ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆแล้วหันไปมองหน้ายชญ์

“ผมรู้ว่าสำหรับคุณลุงแล้ว...ผมอาจไม่ดีพอที่คุณลุงจะไว้ใจมอบรตาให้ผมดูแล แต่ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ...ผมรักรตา และสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด..ไม่ทำให้คุณลุงเสียใจแน่นอนครับ”

เมื่อได้รับรู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวมีคนรักแล้ว...ยชญ์รู้สึกอย่างไรนั้น ไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ความเกรี้ยวโกรธที่มันปรากฏบนใบหน้าเมื่อครู่นั้นจางหายไป

ใบหน้าของยชญ์ดูจะซีดลง ชายสูงวัยเซไปพิงผนังด้านหลังคล้ายคนหมดแรง รัญชน์ผวาลุกขึ้นมาพร้อมกับกวินท์เพื่อเข้าไปประคอง

นาทีที่ทุกคนคิดว่ายชญ์จะล้มนั้นเอง...เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน

.

.

ปัง!

ร่างของรัญชน์ทรุดฮวบลงต่อหน้าทุกคน สายตาของรัญชน์ยังคงจ้องมองใบหน้าของผู้ที่ตัวเองเรียกว่าพ่อมาทั้งชีวิต เลือดอุ่นๆไหลทะลักออกมาจากบาดแผลตรงช่วงอกและแผ่นหลังที่ลูกกระสุนทะลุผ่านไป

“รัญชน์!”

รัญชน์ได้ยินเสียงทุกคนอุทานเรียกชื่อตัวเอง รู้สึกถึงมือของคนรักที่พยายามคว้าประคองตัวเองไว้ แต่ดวงตาของรัญชน์ยังคงมองชายที่เคยเป็นพ่อซึ่งเซล้มไปนั่งกับพื้นหลังจากที่ยิงรัญชน์ด้วยปืนกระบอกเล็กในมือ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บหรือเปล่าที่ทำให้รัญชน์คิดว่าตัวเองเห็นความเสียใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของพ่อ

“พ่อ..ครับ” รัญชน์เอ่ยได้เพียงเท่านั้นก่อนที่สติทั้งหมดจะดับสิ้นไป ปืนในมือของยชญ์หล่นลงกับพื้น สายตาจ้องมองไปยังร่างของรัญชน์ที่กวินท์ประคองอยู่

“รัญชน์...รัญชน์!” กวินท์ร้องเรียกคนรักที่หมดสติไปแล้วอย่างหวาดกลัวว่ารัญชน์จะจากตัวเองไป เขาพยายามจะอุ้มรัญชน์ขึ้นแต่ก็ติดที่มืออีกข้างนั้นได้รับบาดเจ็บ

“พี่เอง!” ธันย์ร้องบอกก่อนสอดแขนเข้าไปอุ้มรัญชน์ไว้ กสิณถลาไปกระแทกประตูให้เปิดกว้างเพื่อให้ธันย์พารัญชน์ออกไป

ทุกคนพากันตามหลังธันย์ไปด้วยความเป็นห่วงรัญชน์...และไม่มีผู้ใดหันมาสนใจยชญ์เลยสักคน…ยกเว้นรตาที่ยืนมองพ่อของเธอเงียบๆด้วยสายตาผิดหวัง

ยชญ์ไม่ได้สังเกตรตาเลยสักนิด

เขายกมือตัวเองขึ้นมาดู...มือคู่ที่จับปืนลั่นไกยิงรัญชน์เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมันสั่นเทา...

ความทรงจำบางอย่างมันผุดขึ้นมาในสมอง...ราวกับคลื่นแทรกที่ ตัวเขาไม่ต้องการ

‘มือของพ่อ...อุ่นจังเลยฮะ..’

ใบหน้าเล็กๆของรัญชน์ตอนเด็กกำลังส่งยิ้มมาให้เขาที่กำลังจูงมือลูกทั้งสองอยู่...

มือคู่นี้ที่เคยจับจูงคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นลูก...

วันนี้กลับลั่นไกเพื่อสังหาร...

เขาทำได้อย่างไรกัน...เขาทำมันลงไปได้ยังไงกัน...

ถึงแม้จะบอกว่าตัวเองเกลียดชังเด็กคนนั้นมากเพียงใด...ก็ตามที

“พ่อเกลียดรัญชน์มาก...ถึงขั้นอยากให้ตายจริงๆหรอคะ?” ยชญ์เงยหน้ามองดูลูกสาวที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด..

“ที่ฉันทำ...ก็เพื่อแก”

ยชญ์ข่มเสียงอันสั่นเทาของตัวเองตอบกลับไป รตาขยับเข้ามาใกล้แต่ก็ไมjยื่นมือมาช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นยืน

“หนูไม่เข้าใจ..”

“ไอ้เด็กนั่น...ฉันต้องกำจัดมัน..ก่อนที่มันจะแย่งทุกอย่างไปจากแกเหมือนกับที่พ่อของมันแย่งแม่แกไปยังไงล่ะ...เชื้อมันไม่ทิ้งแถว..ไม่เห็นหรือไงว่ามันกลับมาคราวนี้...มันแย่งกวินท์ไปจากแก แล้วก็คงไม่คิดจะแย่งผู้ชายไปจากแกอย่างเดียวด้วย มันต้องหวังสมบัติของฉันแน่ๆ กลับมาครั้งนี้เพราะจะมาเรียกร้องเงินทองจากฉันด้วยแน่นอน”

รตาสูดลมหายใจลึกๆเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของพ่อ เธอส่ายหน้าช้าๆ สายตามองพ่อด้วยความผิดหวังกับสิ่งที่พ่อพูดออกมา

“รัญชน์ไม่ได้แย่งคุณหมอกวินท์ไปจากหนูค่ะ พวกเขารักกันมาก่อนหน้าที่พ่อจะแนะนำคุณหมอให้รู้จักกับหนูด้วยซ้ำ หนูต่างหากที่เกือบจะเป็นคนที่แย่งคนรักของน้อง แล้วก็รัญชน์น่ะ..ไม่ต้องการสมบัติของพ่อหรอกนะคะ รัญชน์น่ะหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ เขาหาเงินเลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่อายุสิบหก เผื่อพ่ออยากรู้ หนูจะบอกให้ก็ได้ค่ะ ภาพเขียนของรัญชน์น่ะขายได้ทีเป็นล้านดอลลาร์ แล้วหนูก็บอกได้เลยว่าตอนนี้รัญชน์น่ะมีเงินมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำ!”

ยชญ์นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน เขาเงยหน้ามองลูกสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช้าๆ สบตากัน รตาก็เอ่ยคำพูดที่เธอต้องการจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่บาดลึกลงกลางหัวใจคนฟัง

“รัญชน์..เคยเป็นลูกรักของพ่อไม่ใช่หรอคะ...หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อต้องการให้รัญชน์ตายจริงๆ...”

รตามองพ่อตัวเองอย่างผิดหวังก่อนจะเดินออกจากห้องตามหลังทุกคนไป...แต่ก่อนจากไปเธอพูดอีกหนึ่งประโยคด้วยเสียงอันแสนเศร้า

ทิ้งให้ยชญ์อยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำและสิ่งที่ได้รับรู้ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมา

“รัญชน์น่ะ...ไม่ว่าเมื่อไหร่...ก็ยังคงรักพ่อเสมอนะคะ...”

ยชญ์ก้มลงมองมือของตัวเองอีกครั้ง มือของเขามันยังไม่หยุดสั่น...

เขากำหมัดและทุบมันลงกับหน้าขาตัวเอง แต่ความเจ็บนั้นมิอาจเทียบกับสิ่งที่มันทิ่มแทงหัวใจ...

“รัญชน์...พ่อขอโทษ...”

มันเป็นเพียงเสียงกระซิบขอโทษจากผู้ชายคนหนึ่งถึงคนที่เคยเป็นลูกชายซึ่งมีเพียงแต่หยาดน้ำฝนเท่านั้นที่จะได้ยิน

 

รัญชน์ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง กวินท์ได้แต่ยืนมองดูคนรักถูกพาตัวเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างเจ็บปวด ศัลยแพทย์หนุ่มยกมือข้างที่บาดเจ็บขึ้นมามองด้วยความเจ็บใจ

สองมือของเขาช่วยชีวิตคนไข้มานับร้อยนับคน...แต่เมื่อคนรักต้องการการรักษา...เขากลับไม่สามารถทำได้..

“กวินท์...”

ธันย์เดินมานั่งลงข้างๆแล้ววางมือลงกับไหล่ของ กวินท์ที่มีสีหน้าตึงเครียด ศัลยแพทย์หนุ่มหันหน้าไปหารุ่นพี่คนสนิท

“นายเพิ่งจะฟื้น..กลับขึ้นไปพักก่อนดีไหม..”

กวินท์ส่ายหน้าแทนคำตอบ สีหน้าเคร่งเครียดไม่มีคลายลง ดวงตาหันกลับไปมองที่ประตูหน้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง ใจร่ำร้องอยากจะเป็นคนที่เข้าไปช่วยชีวิตคนรักแทน แต่ก็ต้องเจ็บที่ในใจเพราะไม่อาจทำได้

“กวินท์...แม่มีเรื่องอยากพูดกับลูกหน่อย..”

กรุณีเดินเข้ามาพูดเสียงเบา ธันย์หันมองหน้าเธอก่อนจะค้อมศีรษะน้อยๆและเดินไปนั่งกับรตาที่อยู่อีกด้าน กรุณีกับกสิณจึงเดินมานั่งข้างๆลูกชายของพวกเขา

“กวินท์..แม่รู้นะคะว่าลูกรักรัญชน์มาก...”

กรุณีเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน เธอเอื้อมมือไปจับมือของลูกชายเอาไว้

“แต่ลูกอย่าลืมนะคะว่าพ่อกับแม่ก็รักลูกมากด้วยเหมือนกัน...สัญญากับพ่อแล้วก็แม่ได้ไหม...ว่าลูกจะไม่ทำแบบเมื่อกี้อีก..สัญญาได้ไหม..ว่าลูกจะไม่คิดสั้น...ถ้าหากรัญชน์เป็นอะไรไป”

“แม่ครับ...”

เหมือนบางสิ่งมันจุกอยู่ที่คอ ใจของกวินท์มันบีบรัดเกินทานทนแค่เพียงได้ยินผู้เป็นแม่ขอสัญญาที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อหากรัญชน์เป็นอะไรไป...

มีชีวิตอยู่ต่ออย่างไร้รัญชน์...

“กวินท์...พ่อกับแม่ไม่ห้ามหรอกนะที่ลูกจะรักกับรัญชน์ แต่ถ้าลูกรักรัญชน์มากถึงขั้นยอมตายตามกันไปแบบนั้น...พ่อกับแม่ไม่ยอมหรอกนะ”

กวินท์ได้แต่ก้มหน้าเงียบ กรุณีมองดูลูกขายที่ไม่ยอมพูดอะไรอีกและเอาแต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกตื้อในอก น้ำตาไหลผ่านดวงตาของเธอลงมาที่แก้ม

“สัญญากับแม่นะ..ว่าลูกจะไม่คิดสั้น...”

เสียงของแม่ดูสั่นเทากวินท์เงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ต้องรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจเมื่อเห็นน้ำตาของแม่ ตลอดเวลาที่เกิดมาบนโลกใบนี้ เขาไม่เคยทำให้แม่ต้องร้องไห้มาก่อน

“ครับแม่...ผมสัญญา...”

กวินท์บอกเสียงเบาแล้วขยับเข้าไปกอดแม่เอาไว้ด้วยมือข้างที่ไม่เจ็บ..

สายตาคมทอดมองไปที่ประตูหน้าห้องผ่าตัดอย่างหนักใจ...

รัญชน์...ผมรู้ว่าผมคงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ไม่ได้

ได้โปรด...

มีชีวิตอยู่ต่อกับผมด้วย...

-TBC-

230

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
โหยประโยคสุดท้ายแบบโคตรพิสูจน์เลยว่ากวินท์รักรัญชน์มาก
โกรธพ่อรัญชน์สุดๆ คิดจะฆ่าให้ตายกันเลย?
จุกอะเม้นไรไม่ออกรู้แค่ว่าอยากให้รัญชน์ปลอดภัย
อยากเห็นนางแฮปปี้ร่างกายไม่มีแผลรักกับกวินท์ไปนานๆฮือ

Mio

  • บุคคลทั่วไป
อีพ่อนี่น่าจะไปบำบัดนะ โรคจิต  :z6:
รันนนนนนนนนนน อย่าเป็นอะไรนะ ถ้ารัญชน์เป็นอะไรนางฟ้าจะโป้งคนเขียน โป้งๆๆๆๆๆๆ
 :m16:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
         ตอนที่ ๑๒

 

ยชญ์พาร่างกายที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนกลับเข้ามาภายในบ้านที่มืดมิดและไม่มีคน

เป็นครั้งแรกที่ยชญ์พบกับความรู้สึกเหงาเข้ามาเยือนในจิตใจ

เขาก้าวผ่านห้องรับแขกที่ไม่เปิดไฟและเดินไปยัง ชั้นสองของบ้านหลังใหญ่

ห้องทำงานคือสถานที่ที่ยชญ์พาตัวเองเข้ามา เขากดเปิดสวิตซ์ไฟและเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

แลปท็อปที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเปิดขึ้น ทันทีที่เครื่องรันเปิด ยชญ์ก็เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทันทีเพื่อหาข้อมูลของรัญชน์ตามที่รตาพูด

 “รัญชน์น่ะ..ไม่ต้องการสมบัติของพ่อหรอกนะคะ รัญชน์น่ะหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ เขาหาเงินเลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่อายุสิบหก เผื่อพ่ออยากรู้ หนูจะบอกให้ก็ได้ค่ะ ภาพเขียนของรัญชน์น่ะขายได้ทีเป็นล้านดอลลาร์ แล้วหนูก็บอกได้เลยว่าตอนนี้รัญชน์น่ะมีเงินมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำ!”

แค่เพียงใส่ชื่อของรัญชน์ลงไป ข้อมูลของรัญชน์ก็ขึ้นมาให้เขาได้อ่านในทันที ยชญ์กวาดตาอ่านประวัติของรัญชน์ก่อนจะตระหนักได้ว่าที่รตาพูดมาไม่ใช่เรื่องที่โกหกเขาแต่อย่างใด...รัญชน์เป็นจิตรกรที่มีชื่อซึ่งเรียกได้ว่าเป็นระดับแนวหน้าของยุคนี้จริงๆ

คงเป็นเพราะเขามองเรื่องศิลปะเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคยติดตาม ไม่เคยสนใจข่าวด้านนี้ กอปรกับการที่คนใกล้ชิดเขาล้วนแต่รู้ดีว่าเขาจะไม่พอใจมากแค่ไหนหากใครเอ่ยถึงชื่อลูกชายคนนี้ให้ได้ยิน

เขาจึงไม่ได้รับรู้เลยว่ารัญชน์ประสบความสำเร็จมากแค่ไหน

ยชญ์จมอยู่กับความคิดของตัวเองขณะที่เปิดดูภาพถ่ายภาพวาดของรัญชน์ที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่ภาพๆหนึ่ง

มันเป็นภาพครอบครัวที่มีพ่อ มีแม่ มีลูกสาวและลูกชายตัวน้อยนอนหลับอยู่บนเตียง

ทั้งที่ควรจะเห็นความอบอุ่นบนภาพนั้น แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดและอ้างว้างในภาพนั้น

ยชญ์ยื่นมือไปสัมผัสหน้าจอแลปท็อปที่อยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วไล้ไปตามใบหน้าของพ่อแม่ลูกที่นอนหลับอยู่บนภาพนั้นก่อนจะหลับตาลง

“พ่อ..ครับ”

พอหลับตาลง..ในความมืดก็ยังปรากฏให้เห็นภาพของรัญชน์ที่ถูกยิงด้วยฝีมือตนเอง เมื่อเห็นภาพแล้ว...เสียงก็พาลจะดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในหู

เกลียดชัง...

เขาอยู่กับความรู้สึกที่บอกตัวเองมาตลอดเวลาอันยาวนานกว่าสิบห้าปีว่าเขาเกลียดรัญชน์...เกลียดคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของตัวเอง แต่ความจริงแล้วคือลูกของผู้ชายที่เขาเกลียดชัง..

“รัญชน์..เคยเป็นลูกรักของพ่อไม่ใช่หรอคะ...หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อต้องการให้รัญชน์ตายจริงๆ...”

ใช่..รัญชน์เคยเป็นลูกรักของเขา

เป็นลูกรัก..ที่เขารักเสียยิ่งกว่ารตา...

ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจเขา...

ไม่มีใครเข้าใจความเสียใจของเขาว่ามันมีมากมายแค่ไหนที่ได้รู้ว่าแก้วตาดวงใจที่เขารักมากที่สุด กลับกลายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่เขาเกลียดมากที่สุด

เขาเกลียดรัญชน์...

เกลียดมากเท่ากับที่รักเด็กคนนี้นับตั้งแต่ลืมตาดูโลก...

แต่ในวันนี้...เขากลับได้รู้สึกถึงความในใจตอนที่เขาขาดสติยิงรัญชน์ออกไป จากที่เคยคิดว่าอยากให้เด็กคนนี้ตายหรือหายไปจากโลกใบนี้...

แท้จริงมันไม่ใช่เลยสักนิด...

เขาเคยคิดมาเสมอว่าตัวเองเกลียดรัญชน์เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกชายของภวัตที่เขาชิงชัง

เกลียดเพราะรัญชน์เป็นเหมือนสิ่งที่คอยเตือนใจให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่เขากลายเป็นไอ้คนหน้าโง่ที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเมียตัวเองสวมเขาให้แถมยังเอาลูกของผู้ชายที่เขาเกลียดมาให้เขาเลี้ยงอีกร่วมสิบปี...

แต่ที่แท้จริงแล้ว...

เขาเกลียด...ที่รัญชน์ไม่ใช่ลูกในไส้...

เขาเกลียด...ที่ตัวเองไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของรัญชน์...

ยชญ์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองตระหนักถึงข้อนี้ในวันที่ช้าไป..น้ำตามันกำลังจะไหลลงมา

ความรู้สึกเจ็บปวดกำลังทิ่มแทงในความรู้สึกมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มือสั่นเทาของเขาเอื้อมไปยังลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะที่เขาไม่เคยเปิดมันอีกเลยนับตั้งแต่นำบางสิ่งมาใส่เอาไว้เมื่อสิบห้าปีก่อน

ในลิ้นชักที่แสนโล่ง มันมีกรอบรูปใบหนึ่งวางเอาไว้

ภาพครอบครัวที่มีแต่รอยยิ้ม...ตัวเขา รศนา รตาและรัญชน์

ภาพที่ถ่ายก่อนที่เขาจะรู้ว่ารัญชน์ไม่ใช่ลูกในไส้ของเขา กับรูปภาพที่รัญชน์ตอนเด็กวาดเอาไว้

มันเป็นภาพที่เหมือนกับที่เขาเห็นในแลปท็อปเมื่อสักครู่ รัญชน์คงจะวาดมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งตอนที่อยู่ที่อเมริกา

แต่เป็นเพราะช่วงเวลาวาดมันต่างกัน ภาพทั้งสองภาพมันถึงให้ความรู้สึกที่แตกต่าง

ภาพใบนี้รัญชน์วาดมันขึ้นตอนที่ครอบครัวของพวกเขาอยู่กันอย่างแสนสุข ถึงลายเส้นและการลงสีมันจะยังเป็นแบบเด็กๆแต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจยามที่ได้มอง

ส่วนภาพที่เขาเห็นในแล็ปท็อปนั้น..รัญชน์คงจะวาดมันขึ้นด้วยความรู้สึกที่อยากให้ครอบครัวได้กลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเช่นเดิม

น้ำตาไหลหยดลงมา..มันหยดลงบนภาพในมือของยชญ์

เสียงสะอื้นดังขึ้นภายในห้องที่เขาอยู่ตามลำพัง ยชญ์ยกรูปทั้งสองเข้ามากอดไว้แนบอก มีเพียงประโยคเดียวที่หลุดจากริมฝีปากที่แห้งผากและพึมพำพร่ำไปมาซ้ำๆ

“รัญชน์...พ่อขอโทษ...”

ที่ด้านนอกของบ้าน..รถตำรวจสองคันแล่นเข้ามาจอดเทียบ

เสียงของรถตำรวจทำให้ยชญ์ชะงัก เขาหันมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตามองดูตำรวจหลายนายกำลังเดินเข้ามาภายในบ้านของเขา

ยชญ์เม้มริมฝีปากและเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักที่อยู่ด้านข้างปืนกระบอกเล็กอีกอันถูกหยิบออกมา เขากอดกระชับรูปทั้งสองเอาไว้แน่นก่อนยกปืนขึ้นจ่อขมับของตัวเอง

“รัญชน์...พ่อรักลูกนะ...”

คำพูดสุดท้ายที่รัญชน์ไม่มีวันจะได้ยิน...

คำพูดจากใจที่รู้สึกตัวช้าเกินไป...

และอาจเป็น...คำพูดสุดท้ายของชีวิต...

แต่ก่อนที่ยชญ์จะทันได้ลั่นไกสังหารตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายก็บุกเข้ามาถึงเสียก่อนหลังจากที่เคาะเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบรับ

“รบกวนวางปืนของคุณลงด้วยครับ”

นายตำรวจเอ่ยช้าๆด้วยน้ำเสียงที่ไม่คุกคามเมื่อเห็นว่าผู้ต้องหาที่พวกเขามาเพื่อเรียกไปให้ปากคำนั้นมีปืนอยู่ในมือ และปืนกระบอกนั้นก็จ่อติดอยู่กับขมับ

ยชญ์สูดลมหายใจลึก มือสั่นๆที่จับปืนอยู่ลดลง

ยชญ์วางปืนลงกับโต๊ะในขณะที่นายตำรวจเดินเข้ามาหาอย่างระมัดระวังและยึดปืนของเขาไป เขาถูกเชิญตัวไปที่สถานีตำรวจหลังจากนั้น ในมือของเขายังคงกอดรูปทั้งสองใบไว้แน่น

ในขณะที่ยชญ์ถูกสอบสอนนั้น รัญชน์ก็ถูกพาตัวออกจากห้องผ่าตัด แม้อาการจะยังน่าเป็นห่วงและยังต้องพักฟื้นในไอซียู แต่ทุกคนก็วางใจได้ในระดับหนึ่งเมื่อคุณหมอสามารถช่วยชีวิตรัญชน์เอาไว้ได้

กวินท์ยืนมองคนรักจากด้านนอกห้อง ศัลยแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นมาและไล้ปลายนิ้วไปกับกระจกที่ระดับใบหน้าของคนรักซึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีเครื่องช่วยหายใจช่วยยื้อชีวิตเอาไว้

“กวินท์..รัญชน์ก็ปลอดภัยแล้ว ลูกก็น่าจะไปพักบ้างได้แล้วนะ”

กรุณีเดินมาหาลูกชายของเธอที่ยังคงยืนมองคนรักอยู่ ตอนนี้เหลือเพียงเธอกับสามีที่อยู่กับกวินท์ เพราะธันย์กับรตานั้นไปที่สถานีตำรวจเพื่อจัดการกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“ขอผม..อยู่กับรัญชน์อีกสักพักนะครับ...”

กวินท์หันมามองหน้าผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยช้าๆ แม้จะมีกระจกขวางกั้นเอาไว้ แต่อย่างน้อยก็ได้มองเห็น ก็ยังแน่ใจว่ารัญชน์นั้นยังมีชีวิต

“ก็ได้จ้ะ..”

กรุณีลูบศีรษะลูกชายของเธออย่างเข้าใจก่อนหันมองไปข้างในห้องและยิ้มน้อยๆให้กับรัญชน์ที่นอนอยู่ด้านใน

ขอบใจนะจ้ะ...ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อกวินท์

ความโกรธยังคุกรุ่นอยู่ในรตาเมื่อเดินเข้ามาในสถานีตำรวจ

เธอเดินเข้าไปหานายตำรวจเจ้าของเรื่องโดยที่ไม่มองหาผู้เป็นบิดาของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่คนที่หันมองหายชญ์ก็คือธันย์

ชายหนุ่มพบว่าคนสูงวัยนั้นเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่ในห้องขัง แม้กระทั่งจนถึงเวลาที่ทั้งสองคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยชญ์ก็ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

“ตอนเราไปถึงที่บ้าน พ่อของคุณกำลังจะยิงขมับตัวเองครับ ผมว่ายังไงคืนนี้ฝากขังไว้ที่นี่ให้ใจเย็นก่อน ดีกว่าให้ประกับตัวกลับไปบ้านนะครับ”

ตำรวจเจ้าของเรื่องบอกกับรตาและธันย์เมื่อทั้งสองพากันลุกขึ้นหลังจากให้ปากคำเสร็จแล้ว

“คุณตำรวจจะบอกว่า...พ่อจะฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรอคะ?”

“ครับ..”

นายตำรวจตอบเพียงสั้นๆก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น รตามองหน้าธันย์ก่อนจะมองเลยไปยังห้องขัง

รตาบอกได้เลยว่าวินาทีที่เห็นพ่อนั่งอยู่ในนั้นด้วยสภาพที่ก้มหน้าและไหล่ห่อลู่ มันทำให้เธอรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

พ่อที่เธอเห็นมาตลอดชีวิตไม่เคยอยู่ในสภาพเช่นนี้มาก่อน ตลอดชีวิตของยชญ์อยู่อย่างเชิดหน้ายืดอกสู้ในทุกสถานการณ์ไม่เคยเลยที่จะก้มหน้าลงเหมือนคนพ่ายแพ้เช่นนี้

“พ่อคะ..?”

รตาส่งเสียงเรียกเบาๆหลังจากที่ตัดสินใจเดินเข้ามาหาแม้ว่าในใจจะยังไม่ให้อภัยกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อทำกับน้องชายของเธอ

ยชญ์ค่อยๆหันหน้ามาหาลูกสาวของเขา แววตาคู่คมที่มักจะเหยียดสายตามองดูราวกับตัวเองคือผู้ขับเคลื่อนโลกใบนี้มันอ่อนพลังลงอย่างไม่น่าเชื่อ คล้ายกับในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ทำให้ยชญ์กลายเป็นคนแก่ที่ไร้ค่าและไร้กำลังที่จะอยู่ต่อไม่มีผิด

“พ่อจะไม่ถามถึงรัญชน์บ้างหรอคะ..ว่ารัญชน์เป็นยังไงบ้าง?”

รตาถามเสียงสั่น เธอไม่รู้ว่าอารมณ์โกรธ อารมณ์น้อยใจ อารมณ์ไม่เข้าใจอะไรมันจะมากกว่ากันในตอนนี้

“เด็กคนนั้น...เก่งนะ..”

ยชญ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา รตาเผลอตัวกำลูกกรงเอาไว้แน่นขณะที่มองพ่อของตัวเอง ขณะที่ธันย์ยืนอยู่เงียบๆไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขาก็จ้องมองไปยังรูปถ่ายที่ยชญ์ยังคงกำเอาไว้ตรงหน้าอกและพยายามเพ่งมองดูว่ามันคือรูปอะไร

“ไม่มีอย่างอื่นจะพูดอีกหรอคะพ่อ?...”

รตาถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง แต่ยชญ์นั้นไม่ตอบกลับมาอีก เขาขยับหันหลังให้ทั้งสองคนคล้ายจะบอกว่าไม่ต้องการสนทนาอะไรต่อไปอีก..

“หนูหวังว่า...พ่อคงจะได้คิดนะคะว่าสิ่งที่พ่อทำลงไป..มันไม่ถูกต้องเลย...พ่อเลิกเกลียดรัญชน์ตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะคะ แล้วก็..อย่าคิดสั้นแบบนี้อีกนะคะ..หนูขอร้อง..”

รตาพูดช้าๆก่อนเดินกลับออกไปพร้อมกับธันย์อย่างยอมแพ้เมื่อยชญ์ไม่ตอบอะไรมาอีก

พอทั้งสองจากไปแล้ว มือของยชญ์ก็ค่อยๆแบออก ชายสูงวัยร่ำไห้เงียบๆในห้องขังขณะที่มองรูปภาพในมือ

“รัญชน์...พ่อ..ขอโทษ...”

ยชญ์ถูกปล่อยตัวออกมาในที่สุดเมื่อตำรวจเห็นว่าเขามีท่าทีสงบมากขึ้นจนไม่น่าจะคิดทำร้ายตัวเองอีกแล้ว

สถานที่แรกที่ยชญ์มุ่งไปหลังจากออกสถานีตำรวจก็คือโรงพยาบาลของตนเอง..หลังจากที่ถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินไปยังห้องพักฟื้นที่รัญชน์อยู่โดยไม่มองหน้าใครและไม่หยุดฟังคำทักทายของใครทั้งสิ้น

ทันทีที่เห็นหน้าคนเป็นพ่อเดินเข้ามาในห้อง รตาก็ที่นั่งอยู่บนโซฟาก็จ้องมองเขม็งราวกับจะจับตามองดูผู้เป็นพ่อทุกการกระทำ

กวินท์ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียงก็หันมามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่ยชญ์ไม่ได้มองหน้าใครเลยนอกจากรัญชน์

“จะมาดูว่ารัญชน์ตายแล้วหรือยัง..อย่างนั้นหรอครับ?”

กวินท์ข่มความโกรธไว้แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขามองยชญ์ที่ยื่นมือมาแตะที่แขนของรัญชน์อย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก ชายสูงวัยไม่ตอบเขาแต่กลับมองไปยังคนที่นอนบนเตียงด้วยสายตารู้สึกผิด และยืนมองอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรนานนับสิบนาทีก่อนจะหันมาหาเขา

“ถ้ารัญชน์ฟื้นแล้ว..บอกฉันด้วยนะ...”

น้ำเสียงของยชญ์มันขาดพลังอย่างที่เคยมีมา พอมองหน้าแล้ว กวินท์ถึงได้เห็นว่าขอบตาของยชญ์นั้นมันบวมและแดงก่ำราวกับคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง

“ฉัน..อยาก..ขอโทษเด็กคนนี้...”

ยชญ์พูดด้วยเสียงสั่นเทา เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มรัญชน์เบาๆก่อนจะหันกลับมามองกวินท์กับรตาที่ยืนอยู่ข้างๆ และเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางที่เหมือนไม่อยากจากไปสักเท่าใดนัก แต่ก็ต้องจำใจออกไปเพราะจับความรู้สึกไม่ยินดีของกวินท์ที่จะให้เขาอยู่ต่อได้

หลังจากยชญ์ออกจากห้องไปแล้ว กวินท์ก็ขยับเอื้อมมาจับมือของรัญชน์เอาไว้ เขามองใบหน้าคนรักที่ยังไม่ฟื้นด้วยความห่วงใยและรู้สึกเจ็บปวดกับความบาดเจ็บของคนรัก

ทั้งแผลที่สองข้างของข้อมือและแผลที่ถูกยชญ์ยิง

ถ้าเป็นไปได้...กวินท์ก็อยากรับความเจ็บปวดนี้ไว้เพียงผู้เดียว

“รัญชน์..คุณหลับนานไปแล้วนะ วันนี้อากาศสดใสมากเลยนะ..คุณน่าจะตื่นขึ้นมายิ้มให้ผมนะ...โลกใบนี้สำหรับผม..มันจะได้สดใสเหมือนกับอากาศภายนอกบ้าง”

กวินท์พูดแผ่วเบากับคนรักที่ยังไม่ได้สติ รตาที่นั่งอยู่ที่โซฟาก็ก้มหน้าและเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง น้ำตาเธอไหลลงมาอย่างสงสารทั้งผู้เป็นน้องชายของเธอและกวินท์ขณะทอดสายตามองดูแสงแดดภายนอก นกสองตัวกำลังบินโฉบอย่างหยอกเย้ากันอยู่ตรงริมระเบียงใกล้ๆ

รตาสูดลมหายใจลึกๆและยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกไปจากดวงตาของเธอก่อนจะหันกลับมาหากวินท์

“ลองคุณหมอลองจุมพิตตารัญชน์ดูสิคะ แบบที่เจ้าชายปลุกเจ้าหญิงนิทราไงคะ..ไม่แน่ตารัญชน์อาจจะฟื้นขึ้นมายิ้มให้คุณหมอไวขึ้น”

กวินท์หันมายิ้มให้กับคำพูดของเธอ

แต่มันเป็นรอยยิ้มหม่นหมองเหลือเกิน...

“รัญชน์..ถ้าผมจูบคุณ...คุณจะฟื้นขึ้นมาอย่างที่คุณรตาบอกหรือเปล่า..?”

“คุณนอนนานเกินไปแล้วนะ...ตื่นขึ้นมายิ้มให้ผมบ้าง..มาคุยกับผมบ้าง...ไม่ได้หรอ?”

“ผมคิดถึงเสียงเพราะๆของคุณ..คิดถึงรอยยิ้มของคุณมากเลยนะรู้ไหม...”

“ผมอยู่ไม่ได้นะรัญชน์...ถ้าไม่มีคุณ”

ภายในห้องที่มีเพียงเขาอยู่กับคนรักตามลำพังในคืนวันเดียวกันนั้น คำพูดเหล่านี้หลุดจากปากของกวินท์ซ้ำไปซ้ำมาด้วยเสียงแผ่วเบา

กวินท์ยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงของรัญชน์ ดวงตายังคงมองใบหน้าของคนรักอย่างรอคอย

รู้ดีว่ารัญชน์พ้นขีดอันตรายแล้ว...

แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้รัญชน์ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที..

ใจที่ยังคงมีความหวังมันเริ่มบีบรัดด้วยความทรมานจากการรอคอย

น้ำตาค่อยๆไหลซึมลงมา กวินท์รู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามยิ้มออกมาขณะที่ขยับลุกขึ้นยืน มือข้างที่ไม่เจ็บยื่นออกไปสัมผัสแก้มของคนรักอย่างทะนุถนอม

“ตื่นขึ้นมายิ้มให้ผมเถอะนะ...รัญชน์”

กวินท์กระซิบก่อนโน้มกายลง ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงกับเรียวปากซีดจางของคนรัก

มันเป็นรสชาติจูบที่เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ น้ำตาของกวินท์ไหลลงเปื้อนแก้มของรัญชน์ที่ยังคงไม่ได้สติ กวินท์จับมือเล็กไว้แน่น เขาผละริมฝีปากมาก่อนซุกหน้าลงกับไหล่ของคนรักแล้วสะอื้นออกมา

เป็นครั้งแรก..ที่กวินท์ได้เรียนรู้ที่จะร้องไห้เพราะความเสียใจ

ภายนอกห้อง...ยชญ์กำลังยืนมองผ่านกระจกบานเล็กเข้ามาด้วยแววตาว่างเปล่า...อย่างที่ไม่มีใครคาดเดาความคิดของเขาได้

แม้กระทั่ง...ตัวของเขาเอง...

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
กวินท์นั่งเฝ้ารัญชน์จนกระทั่งเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้

เขามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีศัลยแพทย์รุ่นน้องเขย่าไหล่เบาๆ

กวินท์สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างเพลียๆ เขานิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกปวดแขนที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งเผลอนอนทับไปแต่ก็พยายามรักษาสีหน้าเอาไว้เมื่อหันมองรุ่นน้อง

“หมอน่ะเอง..มีอะไรหรือเปล่า?”

“เอ่อ...จริงๆแล้วผมไม่อยากรบกวนนะครับ แต่พอดีมีเคสพิเศษเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ อาจารย์โกเมศบอกว่าพี่เคยดูแลเคสนี้สมัยตอนอยู่ที่ลอนดอน เลยอยากให้พี่ช่วยลงไปวิเคราะห์น่ะครับ”

กวินท์พยักหน้าช้าๆก่อนจะลุกขึ้นยืน สายตามองดูใบหน้าคนรักที่ยังคงหลับอยู่แล้วหันมาหารุ่นน้องอีกครั้ง

“ได้สิ...ตอนนี้เลยใช่ไหม?”

“ครับ”

กวินท์เดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนที่มาตามทั้งที่ในใจยังคงอยากจะอยู่กับรัญชน์โดยไม่รู้เลยว่าคนรักนั้น..กำลังจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเจ็บปวดอีกครั้ง

 

หลังจากที่กวินท์ออกไปได้สักพักใหญ่ ยชญ์ก็ก้าวเข้ามาเงียบๆ เขาเดินไปยังเตียงที่รัญชน์นอนอยู่และเอื้อมมือไปลูบแก้มรัญชน์เบาๆ สายตาที่มองเริ่มฝ้าฟางด้วยหยาดน้ำตา

“รัญชน์...ลูกพ่อ..”

น้ำตาของยชญ์ไหลตกลงบนเปลือกตาของรัญชน์ซึ่งกำลังกะพริบเบาๆ ยชญ์ชะงักเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว รอยยิ้มวาดขึ้นบนริมฝีปากของเขา มือสั่นเทาลูบแก้มของรัญชน์ช้าๆพลางพร่ำถาม...

“รัญชน์..เจ็บมากไหมลูก..?” คนถูกถามนั้นได้ยินเสียงมันดังก้อง ภาพของยชญ์ก็ดูไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แม้จะพยายามเพ่งมอง ริมฝีปากก็ดูเหมือนไม่ใช่ของตัวเองเมื่อบังคับให้เปล่งคำพูดออกมาไม่ได้ จนรัญชน์ไม่แน่ใจนักว่าตนเองกำลังฝันไปหรือว่ามันเป็นความจริงกันแน่

แต่ขณะที่รัญชน์นึกสงสัยนั้น ยชญ์ก็เอ่ยพูดระบายความรู้สึกออกมาขณะที่ยังคงลูบแก้มรัญชน์อยู่

“เพราะอะไร...ลูกถึงไม่ใช่ลูกของพ่อ..ทำไมเราถึงไม่ใช่พ่อลูกกัน..ถ้าเราเป็นพ่อลูกกัน พ่อก็คงไม่เกลียดลูกจนเผลอทำร้ายลูกไปแบบนั้น..”

ยชญ์พูดแล้วก้มหน้าสะอื้น รัญชน์รู้สึกหน่วงในใจกับสิ่งที่คนซึ่งเคยคิดว่าเป็นพ่อนั้นระบายออกมา แต่แล้วความรู้สึกหน่วงนั้นก็กลายเป็นความหวาดกลัวเมื่อยชญ์เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

รัญชน์เห็นภาพของเขาชัดมากขึ้น

แววตาของยชญ์มันว่างเปล่าและเลื่อนลอยอย่างคนไม่ได้สติ ยิ่งเมื่อเอ่ยพูดประโยคต่อมา...มันก็ยิ่งทำให้รัญชน์หวาดกลัวผู้ชายคนนี้มากขึ้น

“เราจะยังมีโอกาสได้เป็นพ่อลูกกันอีกไหม..ถึงในชาตินี้คงไม่มีทางเป็นไปได้...แต่ชาติหน้า..ลูกจะมาเป็นลูกของพ่อหรือเปล่า?”

ยชญ์ถามราวกับคนจิตหลุด เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้รัญชน์ที่พยายามจะพูดอะไรสักอย่างแล้วส่งยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่รัญชน์นึกกลัวเป็นอย่างยิ่งเมื่อเขาถามซ้ำๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ลูกจะเกิดมาเป็นลูกของพ่อใช่ไหมรัญชน์...พ่อสัญญา พ่อจะรักลูกมากกว่าใคร จะรักให้มากกว่าที่เคยรักและเกลียดลูกในชาตินี้..”

ยชญ์ยิ้มให้รัญชน์ทั้งน้ำตาขณะที่เอื้อมมือไปหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆมาช้าๆ รัญชน์มองตามมองเขาอย่างหวาดกลัว..

“พะ...พ่อ..ครับ..”

รัญชน์พยายามจะขยับลุก แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะบังคับพยุงร่างกาย ความเจ็บปวดจากบาดแผลมันทำให้รัญชน์นิ่วหน้า ซ้ำยชญ์ยังใช้มือกดไหล่เขาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นอีก

“ไปกับพ่อนะรัญชน์...ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน...”

“พ่อจะรักลูก..พ่อสัญญา...”

ยชญ์ว่าแล้วส่งยิ้มมาให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะใช้หมอนซึ่งหยิบมานั้นกดลงกับใบหน้าของรัญชน์เต็มแรงอย่างหมายเอาชีวิต

ชั่ววินาทีที่ถูกหมายเอาชีวิตอีกครั้ง รัญชน์หวาดกลัวจับใจ

เขาพยายามรวบรวมแรงอันน้อยนิดที่มีดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นพ่อ แต่ยิ่งดิ้น ยชญ์ก็ยิ่งออกแรงกดลงมามากขึ้นจนรัญชน์รู้สึกหายใจไม่ออก ศีรษะมันบีบรัดมากขึ้นจนปวดร้าวไปหมดเพราะขาดออกซิเจน

“ทำอะไรของคุณน่ะ!”

ยชญ์สะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงตวาดดังขึ้น กวินท์ที่เพิ่งกลับมาจากด้านล่างปราดเข้ามาทันทีอย่างตื่นตะหนกกับภาพที่ได้เห็น

จับแขนของยชญ์ได้ กวินท์ก็เหวี่ยงชายสูงวัยออกจากคนรักของตนเอง เขาปัดหมอนทิ้งออกไปทันที

รัญชน์สำลักออกกาศเข้าปอด ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา สองแก้มแดงก่ำไม่แพ้กับดวงตา กวินท์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นรัญชน์ยังคงหายใจอยู่ แต่แล้วเขาก็ถูกยชญ์กระชากเหวี่ยงไปที่พื้น จังหวะที่กวินท์เซล้ม ยชญ์ก็ขึ้นมาคร่อมแล้วใช้สองมือบีบคอกวินท์เอาไว้

“อึ่ก..”

กวินท์ดิ้นรน ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บผลักยชญ์ออกไป แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งใดแล้ว แรงบีบมันมากขึ้นจนกวินท์ปวดร้าวไปทั่วศีรษะเหมือนกับที่รัญชน์เป็นตอนถูกหมอนกด

ศัลยแพทย์หนุ่มงอขาขึ้นพยายามถีบยชญ์ให้พ้นออกไป

ในเวลานั้นเขาได้ยินยชญ์พึมพำตลอดเหมือนคนที่มีอาการทางประสาทว่ารัญชน์เป็นลูกของเขา ใครจะมาแย่งรัญชน์ไปไม่ได้ เขาจะพารัญชน์ไปเกิดใหม่เป็นลูกของเขาอีกครั้ง

กวินท์กลัวอาการทางประสาทที่ยชญ์มีจับใจ

ร่างกายของเขาก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะมีแรงสู้กับชายที่เสียสติคนนี้

แต่กวินท์ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ เพราะหากเขายอมแพ้ มันไม่ได้หมายถึงเพียงชีวิตของเขา แต่ยังมีชีวิตของคนที่เขารักอย่างรัญชน์ด้วย

ศัลยแพทย์หนุ่มพยายามดึงแรงมาผลักยชญ์ออกไป

จังหวะที่ยชญ์หันไปพยายามจะฆ่ากวินท์นั้นเอง รัญชน์ก็พยายามสุดชีวิตที่จะเอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกพยาบาล กริ่งมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น รัญชน์พยายามจนคว้ามันไว้ได้แล้วกดทันที

---ปิ๊งป่อง...---

“มีอะไรให้ช่วยคะ”

เสียงของนางพยาบาลถามกลับมาทันที รัญชน์สูดลมหายใจลึกๆและตะโกนออกไปพร้อมกับที่กวินท์เองก็ตะโกนออกมาเช่นกัน

“ช่วยด้วย!!”

“เกิดอะไรขึ้นกันคะ?”

ประจวบเหมาะกับที่รตาและธันย์เข้ามาถึงห้องพอดี พวกเขาตื่นตกใจไม่น้อยกับภาพที่เห็น และการเข้ามาของพวกเขาทำให้ยชญ์ผงะ \สองมือที่บีบคอกวินท์อยู่ เป็นจังหวะให้กวินท์ยกขาขึ้นมาถีบยชญ์ออกไปสุดแรง

ศีรษะของยชญ์กระแทกเข้ากับมุมโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เลือดซึมออกมาจากบาดแผลไหลย้อยลงมาตามหน้าผาก เขาลุกขึ้นและเอามือกุมศีรษะของตัวเองไว้ สายตาเกรี้ยวโกรธอย่างไร้สติที่ทุกคนมาขัดขวางความตายของตนกับลูกชายอย่างรัญชน์

“กะ..กวินท์...” ยชญ์หันขวับไปตามเสียงและเห็นภาพที่รัญชน์ซึ่งพยายามตะกายลงจากเตียงมาหาคนรัก กวินท์ลุกขึ้นแล้วโผเข้าไปกอดรัญชน์ไว้ก่อนส่งสายตาไม่ไว้วางใจมองมา

“รัญชน์..มาหาพ่อสิลูก...”

ยชญ์เอื้อมมือออกไป เขายังคงส่งยิ้มทั้งน้ำตา

แต่ฝ่ายรัญชน์นั้นส่ายหน้าปฏิเสธ สองมือของรัญชน์กอดกวินท์ไว้แน่นอย่างเป็นที่พึ่งพิง

รัญชน์หวาดกลัวยชญ์จับใจ

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อ...

แต่เป็นฆาตกรที่จะเอาชีวิตเขาถึงสองครั้ง..

“คุณ...ยังมีหน้าเรียกว่าตัวเองว่าพ่ออีกหรอ คุณจะฆ่ารัญชน์ถึงสองครั้งแล้วนะ!”

กวินท์ตวาดออกไปด้วยโทสะ เขากอดรัญชน์แน่นและก้าวถอยหลังพร้อมรัญชน์ในอ้อมแขนเมื่อยชญ์ก้าวสามขุมเข้ามาหา

“แกจะเข้าใจอะไร! แกไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก!!”

ยชญ์ตะคอกกลับ กวินท์ได้ยินแล้วก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา สายตาเหยียดมองคนที่อายุมากกว่าอย่างสมเพช

“ใช่..ผมไม่เข้าใจหรอก ความรู้สึกของฆาตกรน่ะ! และผมก็ไม่อยากเข้าใจด้วย!” กวินท์ตวาดลั่น พอดีกับที่นางพยาบาลสองคนซึ่งได้ยินเสียงกริ่งวิ่งเข้ามาพอดี พยาบาลทั้งสองหยุดยืนอยู่ตรงประตูด้วยความงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ฆาตกร..ฆาตกรอย่างนั้นหรอ..?”

ยชญ์ทวนคำซ้ำไปซ้ำมา สีหน้าเหม่อลอยก่อนจะมีแววตาหวาดกลัวขึ้นมา เขาก้มลงมองสองมือของตัวเองแล้วส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง รตาจะเดินเข้าไปหาแต่ก็ถูกธันย์ที่รู้สึกผิดสังเกตรั้งเอาไว้

“เปล่านะ..ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!”

ยชญ์ร้องเสียงดังก่อนจะถอยหลังหนี

เขามองหน้าทุกคนแล้วผลุนผลันออกจากห้องไป

รตาผวาจะตามพ่อไปแต่ก็ต้องหันกลับมาเมื่อกวินท์ร้องอุทานเรียกน้องชายของเธอ

“รัญชน์!”

รัญชน์ที่ฝืนร่างกายมากเกินควรทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของคนรัก ใบหน้าของน้องชายที่ซีดเซียวจนน่าวิตกนั้นดึงเอาความสนใจจากรตาเอาไว้

เธอโผเข้าไปหาพร้อมกับธันย์ที่เข้าไปช่วยกวินท์อุ้มรัญชน์กลับขึ้นมานอนบนเตียง ก่อนที่ทุกคนจะถอยออกมาเพื่อให้นางพยาบาลที่เข็นรถปฐมพยาบาลเข้ามานั้นได้ช่วยปฐมพยาบาลรัญชน์ให้ดีขึ้น

“ฉัน..จะออกไปตามหาพ่อ..”

รตาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่ารัญชน์ปลอดภัยดีแล้ว..เธอเงยหน้ามองสบตาคนรักแล้วหันไปหากวินท์

“ฝากรัญชน์ด้วยนะคะคุณหมอ”

“ครับ”

กวินท์พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆเตียง รตาออกจากห้องไปพร้อมกับธันย์ ศัลยแพทย์หนุ่มถอนหายใจช้าๆ ข่มอารมณ์โกรธให้สงบลงแล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนรักอย่างถนอม

รัญชน์พลิกหน้าหันมาหาเขา น้ำตามันยังคงคลออยู่ที่หน่วยตาคู่งาม กวินท์ใช้ปลายนิ้วเช็ดมันออกไปและโน้มหน้าไปจูบหน้าผากของคนรักไว้

“ไม่เป็นไรนะ...ผมจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายคุณอีกเด็ดขาด..”

กวินท์ให้คำมั่นพร้อมจับมือของรัญชน์เอาไว้ รัญชน์ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็บีบมือที่จับไว้แน่น

กวินท์รู้ว่ารัญชน์ยังคงขวัญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย เขาอิงหน้าลงซบกับหน้าของคนรักและจับมือเอาไว้อย่างนั้น

ใช้ไออุ่นของตัวเองเป็นเครื่องปลอบประโลมให้คนรักตื่นจากฝันที่เลวร้ายนี้

ยชญ์ที่คลุ้มคลั่งหนีทุกคนขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเองที่ชั้นบนและปิดล็อคขังตัวเองอยู่ในห้อง เขาเดินโซเซไปที่ขอบหน้าต่าง ปากก็พูดพร่ำคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาสลับกับปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่ฆาตกร

“พ่อขอโทษ...พ่อไม่ได้ตั้งใจ..”

“ฉัน..ไม่ได้เป็นฆาตกร...ไม่ได้เป็น...”

“รัญชน์...พ่อขอโทษ...”

มือสั่นเทาของยชญ์ควานหยิบเอารูปสองใบที่เขาพกติดตัวเอาไว้ขึ้นมาจ้องมองแล้วร้องไห้สะอื้น

หยาดน้ำตาไหลลงมาเปื้อนรูปในมือหยดแล้วหยดเล่า

“พ่อ...ขอโทษ...”

ยชญ์พูดซ้ำๆน้ำเสียงขาดช่วง มือข้างหนึ่งกำรูปเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็จิกลงกับกรอบบานหน้าต่าง

หากยชญ์นึกตรองดูสักนิด..ก็จะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันก็เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งสิ้น...

ครอบครัวที่แสนสุข..มันไม่มีค่าใด เขาเฝ้าหลอกตัวเองเช่นนั้น นับตั้งแต่ที่รศนาเดินจากเขาไปพร้อมรัญชน์...ลูกชายที่เขารักมากที่สุด

ยชญ์บ่มเพาะความเกลียดชังรศนากับรัญชน์ไว้ในใจเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอจากการสูญเสีย จนลืมคิดว่าทุกอย่างก็เป็นเพราะตนเอง

การแต่งงานของเขากับรศนาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก แต่เขาก็รักเธอจนไม่ยอมยกให้ใครและพยายามทำหน้าที่พ่อที่ดี

ยชญ์รู้อยู่แก่ใจว่ารตาไม่ใช่ลูกที่เกิดขึ้นจากความรัก

แต่สำหรับรัญชน์นั้น..เขาเคยคิดว่าการที่รศนายอมอยู่กินกับเขาจนกระทั่งให้กำเนิดรัญชน์ขึ้นมานั้น ก็เพราะเธอเห็นความรักของเขาและเปิดใจรักเขาบ้างแล้ว รัญชน์ถึงได้ลืมตามาดูโลกใบนี้

เด็กคนนี้จึงกลายเป็นลูกรักของเขา...

ทว่า..เมื่อรู้ความจริงว่ารัญชน์ไม่ใช่ลูกของเขา ไม่ใช่ผลผลิตจากความรักที่เขาคิดไว้ ความเจ็บปวดมากมายมันถาโถมเข้ามาหาจนเขาไม่อาจจะทำได้แม้กระทั่งมองหน้ารัญชน์..

มันคงจะดีเสียกว่า...หากเขาไม่รู้ความจริงนี้...

ในห้วงสติที่สิ้นหวังมันแสนจะมืดมนและไร้ทางออก ยชญ์ปีนขอบหน้าต่างขึ้นไปนั่งและทอดสายตามองดูท้องฟ้าที่เริ่มตั้งเค้าฝนทั้งที่เมื่อวานนี้อากาศสดใสอย่างเหม่อลอย

“พ่อ...ขอโทษ...”

สิ้นคำพูดนั้น...ร่างของเขาก็พลัดตกลงมาจากขอบหน้าต่างลงสู่พื้นเบื้องล่างกว่าสามสิบชั้นและสิ้นใจในทันที

ยชญ์เลือกที่จบชีวิตลง...โดยลืมที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตนเอง

“พ่อคะ?..”

รตาที่เดินขึ้นมาบนห้องทำงานของยชญ์หลังจากได้ยินนางพยาบาลบอกว่าเห็นยชญ์วิ่งกลับขึ้นมาข้างบน หญิงสาวส่งเสียงเรียกออกไปก่อนหันมาสบตากับคนรักเมื่อเห็นภายในห้องทำงานนั้นว่างเปล่า

มีเพียงแต่บานหน้าต่างที่เปิดกว้างเอาไว้ สายฝนที่เพิ่งจะโปรยปรายลงมามันสาดเข้ามาในห้องจนพื้นเปียกเป็นวงกว้าง รตาคงจะหันหลังกลับออกไป หากไม่ได้ยินเสียงคนกรีดร้องมาจากเบื้องล่าง เธอถลาไปมองก่อนจะกรีดเสียงร้องออกมา

“พ่อคะ!!!”

เข่าของรตาทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงเมื่อเห็นภาพร่างของยชญ์ที่อาบไปด้วยเลือดนอนอยู่กับพื้นถนนที่ด้านล่างของโรงพยาบาล

ธันย์ผวารับร่างของเธอไว้ก่อนที่หงายหลัง หญิงสาวกอดคนรักไว้แน่นแล้วสะอื้นโฮออกมา

ถึงแม้ว่าบิดาจะทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย..แต่อย่างไรก็ตาม ยชญ์ก็คือพ่อของเธอ..

แม้จะไม่ชอบใจกับสิ่งที่ยชญ์ทำลงไปมากเพียงใด แต่ผู้เป็นพ่อก็คือพ่อ รตาสูดลมหายใจลึกๆขณะที่น้ำตาเอ่อคลออยู่ที่หน่วยตาเรียวสวย

เธอเงยหน้ามองดูทุกคนแล้วเริ่มพูดช้าๆ มันเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกหลังจากที่ยชญ์เสียชีวิต

“ตอนแรกหนูคิดว่าพ่อคงจะฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถทนที่จะตกเป็นผู้ต้องหาหรือนักโทษในสิ่งที่พ่อทำผิดไป”

พ่อของเธอเกลียดการตกเป็นข่าว ตกเป็นเป้าหมายให้ผู้คนนินทาอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่รตาจะคิดเช่นนั้น แต่เธอก็ได้รู้ว่าเธอคิดผิด

รตาดึงรูปสองใบมาวางต่อหน้าทุกคน กวินท์นิ่งไปเมื่อเห็นรูปที่เปื้อนเลือดทั้งสอง

“รูปสองใบนี้เปลี่ยนความคิดของหนู พ่อกำมันไว้แน่น...ตอนที่...”

รตาไม่สามารถพูดต่อให้จบได้ ริมฝีปากของเธอสั่นเทา คำพูดจึงหยุดลงแค่นั้น แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเธอจะพูดต่อว่าอย่างไร

รัญชน์ที่นั่งอยู่ข้างๆกวินท์เอื้อมมือหยิบรูปทั้งสองมาดูใกล้ๆแล้วก็ร้องไห้ออกมา กวินท์ขยับเข้ามากอดรัญชน์เอาไว้อย่างปลอบประโลม

“บางที...คุณลุงคงอยากให้ครอบครัวกลับมาเป็นแบบในภาพพวกนี้อีกครั้ง...แต่เพราะรู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว ก็เลย..” แม้แต่ธันย์เองก็ยังไม่อาจพูดต่อให้จบได้ ความรู้สึกหม่นหมองมันเข้ามาครอบคลุมในใจทุกคน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดและทิฐิของตัวยชญ์เองแท้ๆ คนที่ไม่เคยพบกับความผิดพลาดในชีวิต

“แล้วหนูบอกข่าวกับคุณรศนาบ้างแล้วหรือยัง?” รตาส่ายหน้าช้าๆให้กับยองอวาที่เอ่ยถาม เธอถอนหายใจยาวอย่างหนักอก

“ยังเลยค่ะ..หนูไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ไหนจะเรื่องพ่อที่แท้จริงของรัญชน์อีก หนูบอกตามตรงเลยค่ะ ว่าไม่กล้าตัดสินใจ”

“อย่า..เพิ่งบอกแม่เลย” รัญชน์พูดออกมาเป็นครั้งแรก เขาสูดจมูกน้อยๆและส่ายหน้าช้า...

“ปล่อยให้แม่มีความสุขกับครอบครัวของเขา..แบบนั้นน่ะดีแล้ว..”

ภาพของแม่ที่ยิ้มอย่างมีความสุขในครั้งสุดท้ายที่รัญชน์ได้เห็นเธอ มันทำให้รัญชน์ไม่อยากเอาเรื่องวุ่นวายที่ตอนนี้มันจบลงแล้วไปกวนใจให้เธอคิดมาก สู้ปล่อยให้มีความสุขโดยที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆเสียดีกว่า

“แล้วเรื่องพ่อที่แท้จริงของคุณล่ะ?..”

กวินท์ถามออกไปอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของคนรัก

รัญชน์นิ่งไป แววตาแสนเศร้ามันแฝงด้วยความรู้สึกผิดอย่างที่กวินท์จับสังเกตได้ก่อนที่รัญชน์จะฝืนยิ้มให้ทุกคน

“ผม...ทำไม่ได้กับเขาไว้ เขาอาจจะไม่อยากได้ผมเป็นลูก แต่...ยังไงเขาก็คือพ่อของผม...”

รัญชน์พูดแล้วหันมาฝืนยิ้มให้กับคนรักทั้งที่ดวงตายังคลอด้วยน้ำตา

“ไว้เรารักษาตัวให้หาย...แล้วผมจะพาคุณไปหาพวกท่านนะ”

กสิณกับกรุณีฟังแล้วก็ต้องยิ้มออกมาจากใจจริงกับความเข้มแข็งที่รัญชน์มี และรู้สึกเอ็นดูคนรักของลูกชายขึ้นมาอีกไม่น้อย

เช่นเดียวกันกับรตาที่มองน้องชายเธออย่างภูมิใจที่รัญชน์ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งหลังจากพ้นอุปสรรคมา...

จากนี้ไป...น้องชายของเธอจะไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว นอกจากมีกวินท์อยู่เคียงข้าง มีเธอเป็นพี่สาว รัญชน์กำลังจะได้กลับไปเริ่มต้นรู้จักคำว่าครอบครัวอีกครั้งกับพ่อและ

แม่ที่รัญชน์เคยปฏิเสธมาตลอด..

หลังฝนตก..มักจะมีสายรุ้งรออยู่เสมอ...

-TBC-

อีกไม่กี่ตอนก็ใกล้จะจบแล้ว  :impress2:
ขอบคุณคนอ่านที่ติดตามทุกท่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นส์ที่ทำให้มีแรงใจลงต่อนะคะ รักน้าจุ๊บๆ  :z2:

Mio

  • บุคคลทั่วไป
อีพ่อโรคจิตจริงๆด้วย  :a5: 
ขอให้รัญชน์มีความสุขกับหมอกวินท์  :กอด1:
รออ่านต่อ รักคนเขียน จุ๊บๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด