พิมพ์หน้านี้ - [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: zynestras ที่ 13-12-2012 18:47:55

หัวข้อ: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 13-12-2012 18:47:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

---------------------------------------------------------

(http://upic.me/i/kl/untitled-16.jpg)
[Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก (กวินท์ & รัญชน์)

:: สารบัญ ::
 อารัมภบท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2230049#msg2230049) Update : 13/1212
 บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2231827#msg2231827) Update : 15/12/12
 บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2309239#msg2309239) Update : 4/3/13
 บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2312330#msg2312330) Update : 7/3/13
 บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2313091#msg2313091) Update : 8/3/13
 บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2314085#msg2314085) Update : 9/3/13
 บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2314837#msg2314837) Update : 10/3/13
 บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2315187#msg2315187) Update : 10/3/13
 บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2315781#msg2315781) Update : 11/3/13
 บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2316504#msg2316504) Update : 12/3/13
 บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2317332#msg2317332) Update : 13/3/13
 บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2319921#msg2319921) Update : 16/3/13
 บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2321068#msg2321068) Update : 17/3/13
 บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2322443#msg2322443) Update : 18/3/13
 บทที่ 14 (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.msg2326178#msg2326178) Update : 22/3/13



:: ผลงานเรื่องอื่นๆ ::
 Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ (เร็น x ซัทสึกิ)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.0)
 Passionate Game เกมรัก..ร่านร้าย (เซย์จิxไคริ)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.0) (Warning SM)
To Be Continue

ติดต่อพูดคุยกันได้ที่(http://upic.me/i/zo/button-facebook.png) (http://www.facebook.com/ZynestrasFix) (http://upic.me/i/o0/button-twitter.png) (https://twitter.com/Zynestras)
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาล "รัก"...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.Intro (Update 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 13-12-2012 18:50:14
แนะนำตัวละคร

กวินท์ ::
ศัลยแพทย์หนุ่มวัย 28 เป็นคนฉลาด มากความสามารถ  มีรักแรกและรักเดียวคือเด็กผู้ชายตัวเล็กที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง ที่ได้พบเมื่อสิบห้าปีก่อน มาเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลซึ่งพ่อเป็นรองผู้อำนวยการอยู่เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กคนนั้น

รัญชน์ :: ชายหนุ่มวัย 24 เป็นคนที่ภายนอกดูดื้อรั้น แต่ภายในเป็นคนอ้างว้างและโดดเดี่ยวที่กลัวคนรอบข้างเกลียดตนเอง ผลพวงเพราะการที่บิดาและมารดาแยกทางกันในตอนเด็กและตนเองเข้ากับครอบครัวใหม่ของมารดาไม่ได้ มีรักแรกและรักเดียวคือกวินท์ เด็กผู้ชายที่จูบกับเขาท่ามกลางฝนตกเมื่อสิบห้าปีก่อน

อารัมภบท


                เมฆฝนเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาครอบคลุมพื้นที่ของกรุงเทพตั้งแต่รุ่งเช้า บรรยากาศมันช่างชวนหดหู่ไม่น้อยสำหรับการเริ่มต้นวันที่ต้องแยกจากผู้เป็นพ่อและพี่สาวอย่างเด็กน้อยวัยเก้าขวบอย่างรัญชน์


                “ทำไมเราต้องไปอเมริกากันด้วยล่ะฮะ?”


เด็กน้อยถามผู้เป็นแม่ที่เดินจูงเขาเข้ามาในโรงพยาบาลของพ่อก่อนที่พวกเขาจะไปสนามบินเพื่อเดินทางไปสู่อีกซีกโลกหนึ่งซึ่งเด็กน้อยรับรู้ว่ามันจะเป็นสถานที่ที่จะกลายเป็นบ้านของเขาแทนที่กรุงเทพแห่งนี้


ผู้เป็นแม่ไม่ตอบคำถามที่รัญชน์ถามออกไป...เธอจูงเขาเดินมายังริมระเบียงและพาเขามานั่งที่ม้านั่งตัวยาวที่จัดวางเอาไว้


“ลูกรอแม่อยู่ที่นี่นะรัญชน์ แล้วก็ถ้าฝนตก..ลูกก็เข้ามาหลบฝนข้างในแต่อย่าไปไหนไกลนะ เข้าใจไหม?”


ศีรษะเล็กพยักหงึกหงักรับคำอย่างเด็กว่าง่าย ดวงตาคู่ใสไร้เดียงสาติดจะดื้อรั้นเล็กๆตามประสาเด็กที่ถูกเอาใจเสมอๆของเด็กน้อยมองไปยังสีหน้าอมทุกข์ของมารดาและตัดสินใจไม่ถามอะไรออกไปอีก


ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะของเขาแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในของตึก...


รัญชน์รู้...รู้ว่าแม่คงจะไปหาพ่อที่อยู่บนชั้นบนสุดของโรงพยาบาลเพื่อบอกลา...แต่รัญชน์ไม่เข้าใจสักนิด..ว่าทำไมแม่กับเขาถึงต้องย้ายไปอยู่อเมริกา..


ทำไมแม่ไม่พารัญชน์ขึ้นไปหาพ่อด้วย...รัญชน์ไม่ได้เจอหน้าพ่อมานับเดือนแล้ว พ่อไม่ยอมกลับบ้านเอาแต่ค้างอยู่ที่โรงพยาบาลนี่...รตาผู้เป็นพี่สาวของเขาด้วยเช่นกัน พ่อส่งพี่สาวที่กำลังปิดเทอมไปอยู่กับคุณย่าที่ลอนดอน รัญชน์ไม่เจอทั้งพ่อกับพี่สาวอีกเลย..นับตั้งแต่วันที่รัญชน์ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันตอนกลางดึก มันเป็นการทะเลาะกันที่สร้างความตื่นตระหนกให้เขากับพี่สาวไม่น้อย เพราะครอบครัวของเขาไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงเช่นนี้มาก่อน


สุดท้ายแล้ว...แม่ก็ร้องไห้ เอาแต่ร้องไห้สะอื้นจนรัญชน์กับรตาต้องเดินเข้าไปกอดปลอบ แต่พ่อก็มาดึงพี่สาวของรัญชน์ไป พ่อจูงพี่รตาขึ้นรถไปโดยไม่สนใจรัญชน์และขับรถออกจากบ้านกลางดึกวันนั้น ตั้งแต่นั้นรัญชน์ก็ไม่เคยเจอพ่อกับพี่สาวอีกเลย..


ที่บ้านเหลือรัญชน์อยู่กับแม่ตามลำพังกับพวกคนรับใช้...แม่ที่มีสีหน้าอมทุกข์และดูเหมือนจะยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับคนที่แม่บอกให้รัญชน์เรียกว่าคุณลุงทนายตลอดเวลา..


เด็กน้อยเหงา....


เด็กน้อยว้าเหว่...


เด็กน้อยไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น…


รัญชน์รู้แต่ว่ารัญชน์ไม่อยากไปอเมริกา...รัญชน์อยากจะอยู่กับพ่อ รัญชน์อยากจะอยู่กับพี่รตา รัญชน์อยากจะให้ครอบครัวกลับมาเป็นแบบเดิม อยากให้แม่หันมายิ้มสวยๆให้รัญชน์เหมือนเมื่อก่อน..


แต่อะไรบางอย่าง...ก็บอกให้เด็กวัยเก้าขวบอย่างรัญชน์รู้สึกได้ว่า ทุกสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้น..จะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
ครอบครัวแสนสุขของรัญชน์..มันไม่มีอีกต่อไปแล้ว...


เด็กน้อยแสนเหงาและว้าเหว่...กับสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนไป..


เด็กน้อยนั่งอยู่กับความเหงาของตัวเอง สายตาทอดมองออกไปนอกระเบียง ท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตั้งแต่ช่วงเช้าก็เริ่มที่จะมีฝนโปรยปรายลงมา ก่อนจะเทกระหน่ำลงมาเป็นฝนเม็ดใหญ่ แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้ขยับหนี..รัญชน์นั่งอยู่ตรงนั้น ตรงที่เดิมที่แม่จูงมานั่ง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบจากดวงตาและกลืนหายไปกับสายฝนที่สาดเข้ามาปะทะกับใบหน้า


อีกด้านหนึ่ง..เด็กชายร่างผอมสูงขยับลุกจากเตียงเล็กที่ตัวเองกำลังเอนนอนอยู่ในห้องพักของผู้เป็นพ่อเมื่อสายฝนที่ตกลงมามันสาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เขาเปิดทิ้งเอาไว้ กวินท์กระโจนเพียงสองก้าวก็มาถึงหน้าต่าง เด็กชายมุ่ยหน้ากับตัวเองเมื่อเห็นสายฝนมันสาดเข้ามาเปียกพื้นภายในห้องและเครื่องเรือนบางส่วน แต่ก็ต้องปัดมันทิ้งไปจากใจและหันไปปิดหน้าต่างอีกด้าน


แล้วกวินท์ก็ต้องนั่งค้างมือที่จับบานหน้าต่างนั้นไว้ เมื่อสายตาของเขาพบกับร่างเล็กๆของเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งด้านนอก เด็กคนนั้นนั่งอยู่ท่ามกลางสายฝน ไม่ยอมขยับลุกไปไหน กวินท์ดึงหน้าต่างปิดเข้ามาแล้วก้าวยาวๆไปทางประตู เขาเดินออกไปข้างนอก ไปหาเด็กคนนั้น


“นี่เธอ..ฝนตกอยู่นะ ทำไมมานั่งตากฝนแบบนี้ล่ะ?”


เด็กตัวเล็กที่นั่งตากฝน เงยหน้าขึ้นมามองเขา แววตาดูดื้อรั้นแต่เต็มไปด้วยความเหงาที่กวินท์สัมผัสได้ เด็กคนนั้นไม่ยอมพูดกับเขา กวินท์เลยดึงมือของเด็กคนนั้นแล้วจูงให้ลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินกลับมายังห้องพัก


“ตัวเปียกไปหมดแล้ว รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวจะเอาผ้าขนหนูมาให้เช็ดผม”


เด็กชายว่าแล้วเดินหายไปยังด้านหลังของฉากบังตา รัญชน์มองตามไปแล้วก้มหน้าลง มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาเบาๆ เด็กน้อยพยายามเช็ดน้ำตาให้หมดไปจากใบหน้าของตนเอง หยดน้ำจากฝนที่พาให้ร่างเล็กๆเปียกปอนและสั่นหนาวมันหยดไหลไปนองอยู่บนพื้นห้อง แต่กวินท์ก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกมา เด็กชายกลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหญ่


“ขยี้ตาแบบนั้นเดี๋ยวตาก็ช้ำหมดหรอก เงยหน้าสิ”


รัญชน์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา เด็กชายแปลกหน้าที่ดูเหมือนพี่ชายใจดีส่งยิ้มมาให้แล้วใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่ค่อยๆซับน้ำออกจากหน้าของรัญชน์


“หนาวหรอ?”


กวินท์ถามขึ้นขณะที่สองมือก็ใช้ผ้าซับน้ำออกจากเรือนผมที่ยาวละต้นคอของอีกฝ่าย บางสิ่งที่กวินท์รับรู้ได้เมื่อเห็นแววตาของเด็กคนนี้ ทำให้กวินท์รู้สึกอยากดูแล อยากจะเป็นเพื่อนด้วย อีกฝ่ายตัวเล็ก..และสูงเพียงแค่ปลายจมูกของกวินท์เท่านั้น ดวงตากลมโต ผิวขาวจัด ใบหน้าสะสวยชนิดที่กวินท์บอกได้เลยว่าเพื่อนผู้หญิงในชั้นเรียนของเขาไม่มีใครสวยและน่ารักได้เท่านี้


“อือ”


รัญชน์ยกสองมือขึ้นมากอดตัวเอง แล้วลูบต้นแขนไปมา กวินท์โผกลับไปหยิบผ้าขนหนูมาอีกผืนและเอามาห่มให้ ก่อนจะย่อตัวลงไปเช็ดสองขาของรัญชน์ที่เปียกปอนไปหมด


“ฉันไม่มีชุดให้เธอเปลี่ยนด้วยสิ มานั่งตรงนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะเอาผ้าขนหนูมาให้อีก”


กวินท์จับเพื่อนใหม่ไปนั่งที่เก้าอี้ปลายเตียงและเดินกลับไปหยิบผ้าขนหนูมาให้ กวินท์เอาผ้าขนหนูห่มไปให้เพื่อนใหม่อีกสองผืน รัญชน์ขดขาขึ้นมามากอดเข่าเอาไว้แล้วหันมองออกไปทางนอกหน้าต่าง เหม่อมองดูม้านั่งตัวเดิมที่ตัวเองนั่งเมื่อสักครู่ แม้ว่าบัดนี้ฝนจะสาดเข้ามาจนแทบจะมองฝ่าออกไปไม่เห็นอะไรก็ตามที


“ทำไมเธอถึงมานั่งตรงนั้นคนเดียวอย่างนั้นล่ะ?”


“....รอแม่น่ะ....”


เพื่อนใหม่ของกวินท์ตอบสั้นๆโดยที่ไม่หันมามองหน้าเขาแล้วก็เงียบไป แต่เพราะอะไรไม่รู้ แค่ได้มองหน้าเด็กคนนี้ กวินท์ก็รู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองมันดังตึกตักขึ้นมาชอบกล


เด็กชายยิ้มกับตัวเองน้อยๆ เด็กชายขยับเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวที่อีกฝ่ายนั่งแล้วก็มองใบหน้าน่ารักอยู่อย่างนั้นจนรัญชน์หันกลับมา


แววตาเล็กที่ทั้งดื้อรั้นและแสนเหงาดึงดูดกวินท์ไว้จนเด็กชายไม่อาจละสายตาได้ ยิ่งได้มองใกล้ๆ กวินท์ก็รู้สึกติดใจเสียยิ่งกว่าหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ที่ตัวเองแสนจะชื่นชอบเสียอีก


กวินท์นั่งมองคนตัวเล็กไปอยู่อีกพักใหญ่จนกระทั่งฝนตกไม่แรงเท่าตอนแรกแล้ว เพื่อนใหม่ตัวเล็กที่ไม่ค่อยพูดของเขายังนั่งอยู่ท่าเดิม กวินท์ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วมองออกไปทางเดียวกับที่รัญชน์มองอยู่


“ชอบฝนหรอ?” เด็กชายพยายามชวนคุย เพื่อนใหม่ตัวน้อยของเขาส่ายหน้าจนเรือนผมยาวเคลียไหล่สะบัดไปมา กวินท์สังเกตเห็นสร้อยสีเงินคล้องกับจี้รูปหยดน้ำดีไซน์แปลกตาประดับพลอยสีฟ้าที่อีกฝ่ายสวมอยู่ที่คอในช่วงเวลานั้น


“ไม่ชอบหรอก?”


“ทำไมล่ะ?”


“มันเหงาจะตาย...”


น้ำเสียงเหงาหงอยของเพื่อนใหม่ทำให้กวินท์ต้องเอียงศีรษะเล็กน้อย เด็กชายหันมองไปยังนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ตอนนี้เริ่มใสมากขึ้นเมื่อพระอาทิตย์คลายแสงออกมา ถึงจะยังคงมีฝนตกลงมา แต่กวินท์กลับคิดว่ามันดูสวยและไม่ได้เหงาอย่างที่อีกฝ่ายว่า


“โรแมนติกดีออก?” รัญชน์ตัวน้อยเอียงคออย่างไม่เข้าใจคำที่อีกฝ่ายพูดสักเท่าไหร่


“เคยมีคนบอกว่า... ถ้าได้จูบกับใครสักคนท่ามกลางสายฝนแบบนี้มันโรแมนติกที่สุดเลยนะ” กวินท์พูดไปแล้วก็เกิดอาการหัวใจเต้นตึกตักขึ้นมา แถมใบหน้ายังมาร้อนผ่าวๆให้รู้สึกแปลกประหลาดเสียอีก


“ถ้าอย่างนั้น...ลองมาจูบกันดูไหมล่ะ?”


กวินท์ตกใจเล็กน้อยที่เพื่อนใหม่ตัวเล็กบอกมาอย่างนั้น จากที่หัวใจมันแค่เต้นตึกตักเมื่อสักครู่..คราวนี้กวินท์สัมผัสได้ว่าหัวใจของตัวเองมันเต้นกระหน่ำแรงมากแค่ไหน เด็กชายมองดูเพื่อนตัวเล็กเงยหน้าแล้วหลับตาลง นาทีที่จ้องใบหน้าขาวน่ารักนั้น กวินท์ก็ต้องยิ้มออกมาตามประสาเด็กที่กำลังดีใจแล้วเขยิบตัวเข้าไปใกล้


กวินท์ในวัยสิบสามขวบนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของการจูบสักเท่าไหร่และนี่มันก็เป็นจูบแรกของเขา..


จูบแรกกับเพื่อนใหม่ที่เขาคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่น่ารัก..


ขณะที่กวินท์ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของการจูบสักเท่าไหร่นัก รัญชน์วัยเก้าขวบเองก็เช่นเดียวกัน


เด็กสองคนที่ยังคงไร้เดียงสาและไม่เข้าใจความหมายสิ่งที่ทำกันอยู่สักเท่าไหร่ แต่เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่มันสัมผัสซึ่งกันและกัน ความรู้สึกบางอย่างมันก็พัดฟุ้งพาเด็กทั้งสองให้เข้าไปอยู่ในโลกที่มีเพียงกันและกัน


ความเหงา..ความทุกข์ที่ห้อมล้อมรัญชน์อยู่มันค่อยๆเลือนหายไป เด็กน้อยเผยอปากเล็กๆและเบียดริมฝีปากกลับไปหาคนจูบอย่างไม่รู้ประสา มือที่กอดเข่าอยู่เมื่อสักครู่มันคลายลง รัญชน์จิกหน้าขาของตัวเองเมื่อรู้สึกหัวใจมันเต้นตูมตามอย่างบอกไม่ถูก
เช่นเดียวกับกวินท์ที่รู้สึกแบบเดียวกันไม่มีผิด


“จูบอีกได้ไหม?” กวินท์ถามขึ้นอย่างเขินๆ หลังจากที่พวกเขาผละจูบจากกัน ก่อนจะกลับมาอมยิ้มอีกครั้งเมื่อรัญชน์พยักหน้าให้
รสชาติความหอมหวานของจูบแรกท่ามกลางสายฝนมันกำลังตราตรึงเด็กสองคนให้เกิดความรู้สึกที่ยากแก่การจะลืมเลือน โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยสักนิดว่ามันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของตัวเองและอีกฝ่ายในอนาคต..


“เรา...เป็นเพื่อนกันได้ไหม?” กวินท์รวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป แต่คนถูกถามกลับมีสีหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด


“ก็ได้...แต่ว่า...” เพื่อนใหม่ของกวินท์หันมองกลับไปยังจุดเดิมด้านนอกอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาพูดเสียงเบา


“ฉันกับแม่ต้องไปอเมริกาแล้ววันนี้..” เป็นครั้งแรกที่เด็กชายกวินท์ได้รู้จักกับความรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เด็กชายนิ่งเงียบไปอยู่ชั่วครู่ก่อนเอ่ยอีกครั้ง


“แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่หรอ?” รัญชน์ส่ายหน้าช้าๆ เด็กน้อยไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่กัน จึงให้คำตอบแก่เพื่อนใหม่ของตนไม่ได้


“ฉันไม่รู้เหมือนกัน..แม่บอกว่าถ้าฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็อาจจะได้กลับมา” กวินท์ฟังแล้วก็เม้มริมฝีปาก ทำท่าเหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล แต่สุดท้ายตัดสินใจพูดมันออกไป


“ถ้าอย่างนั้น...ถ้าเธอกลับมาเมื่อไหร่ เรามาเป็นแฟนกันนะ..ฉันจะกลับมาเป็นหมอที่นี่ เธอกลับมาอีกครั้ง...เราจะได้เจอกันยังไงล่ะ”


รัญชน์ยิ้มแล้วพยักหน้าให้ รอยยิ้มของเพื่อนใหม่ทำให้กวินท์ต้องยิ้มตาม เขายกนิ้วก้อยขึ้นมาชูให้ รัญชน์ยื่นนิ้วก้อยเล็กๆของตัวเองไปเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของกวินท์


“อื้อ..”


รัญชน์ยิ้มเต็มแก้มก่อนจะหันขวับไปทางด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเปิดประตูออกมาทางนอกระเบียง


คนที่ออกมาตรงระเบียงก็คือแม่ของเขาที่หันมองไปรอบๆเพื่อหาลูกชายของเธอ รัญชน์ผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพาให้กวินท์ตกใจ


“แม่ฉันมาแล้ว ฉันต้องไปแล้วล่ะ” รัญชน์บอกพลางดึงเอาผ้าขนหนูที่กวินท์เอามาห่มไว้ออก กวินท์เสียดายไม่น้อยที่เพื่อนตัวน้อยต้องไปเสียแล้ว เขาจับมือของรัญชน์ที่กำลังจะเดินออกไว้


“ฉันชื่อกวินท์นะ..กวินท์...เธอจำชื่อของฉันไว้นะ”


“อืม..จะไม่มีวันลืมเลย” รัญชน์บอกแล้วเขย่งขาไปจูบเบาๆที่ปากของกวินท์ก่อนจะวิ่งออกไปหาแม่ข้างนอก


กวินท์ได้แต่ยืนมองดูรัญชน์ถูกแม่จูงเดินจากเขาไปท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกพรำ..


เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ใส่เอี๊ยมขาสั้นและมีสร้อยคอห้อยจี้รูปหยดน้ำประดับพลอยสีฟ้าดีไซน์แปลกตานั้น...กลายมาเป็นรักแรกของเขาไปเสียแล้ว
 


“รัญชน์ลูกเข้าไปทำอะไรในห้องนั้นหรอ?” รศนาถามลูกชายของเธอขณะเดินจูงรัญชน์เข้าไปในลิฟต์


“กวินท์ให้ผมไปหลบฝนในห้องนั้นน่ะฮะ” รัญชน์บอกแล้วอมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงเพื่อนใหม่ของเขาที่สอนให้รู้จักกับการจูบเป็นครั้งแรก ขณะที่รศนากลอกตาไปมาก่อนจะเอียงคอกลับมาถามลูกชาย


“กวินท์? ลูกชายของคุณอากสิณใช่ไหม?” เด็กน้อยเอียงคอไปมาก่อนก่อนจะเงยหน้าสบตาคนเป็นแม่


“ไม่รู้สิฮะ...อาจจะใช่ก็ได้มั้ง แต่เราเป็นเพื่อนกันแล้วด้วยนะฮะ”


“หรอ...ดีแล้วล่ะ” รศนาลูบศีรษะของลูกชายแผ่วเบา พลางถอนหายใจช้าๆ..เธอรู้ดีว่ารัญชน์จะไม่ได้เป็นเพื่อนกับกวินท์อย่างที่ลูกชายพูด เพราะความร้าวฉานในครอบครัวที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเธอ ทำให้รัญชน์ต้องย้ายไปอยู่อเมริกากับเธอ..


ชีวิตของรัญชน์ที่ไทยนี่...มันจบลงแล้ว...


 -TBC-
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาล "รัก"...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.Intro (Update 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-12-2012 18:57:05
โอ๊ะ
เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ค่ะ
น่าสนใจดีจัง
รอตามต่อนะคะ

+1 บวกเป็ดค่า
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาล "รัก"...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.Intro (Update 13/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 15-12-2012 11:36:57
บทที่ 1

ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปรายไปทั่วเมืองนิวยอร์ก..ชายหนุ่มร่างเล็กสัญชาติเอเชียคนหนึ่งกำลังเดินฝ่าสายฝนมาอย่างรีบร้อน รัญชน์ในวัยยี่สิบสี่เอื้อมมือไปดึงฮู้ดสีเทาที่สวมทับอยู่บนศีรษะให้ขยับมาข้างหน้าอีกเล็กน้อยพลางประคองกล่องเลม่อนสปันจ์เค้กที่ตัวเองเพิ่งจะซื้อมาจากร้านเมื่อสักครู่ไว้ ก่อนก้าวเดินไวๆไปยังรถที่จอดอยู่ในลานจอดรถ

แต่กว่าจะก้าวขึ้นรถได้ ทั่วทั้งร่างของรัญชน์ก็เปียกชุ่มไปทุกตารางนิ้ว

ชายหนุ่มวางกล่องเค้กไว้ที่เบาะข้างๆอย่างทะนุถนอม รัญชน์ปรับอุณหภูมิในรถให้อุ่นขึ้นก่อนที่จะเสยฮู้ดที่คลุมศีรษะอยู่ให้หล่นไปด้านหลัง เขาหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ติดรถไว้มาซับน้ำออกจากหน้าและศีรษะขณะที่สายตาเหม่อมองดูสายฝนที่ตกกระทบกับกระจกรถตรงหน้า

ความคิดถูกดึงไปยังความทรงจำในวัยเด็ก รัญชน์สะบัดศีรษะเล็กน้อยเมื่อภาพของเด็กผู้ชายที่บอกว่าตัวเองชื่อกวินท์นั้นแวบเข้ามาในหัว เขายิ้มเล็กน้อยที่มุมปากก่อนจะขยับไปจับพวงมาลัยและแล่นรถออกมาจากลานจอดรถแห่งนั้น

รัญชน์ขับรถออกจากบรูคลินมุ่งหน้าไปยังฟิลาเดลเฟียด้วยความรู้สึกแปลกๆกับตนเอง มันเป็นความรู้สึกว้าเหว่และจนถึงขั้นสมเพชตัวเอง

กว่าสองชั่วโมงต่อมา รัญชน์ก็มาถึงที่หมาย ชายหนุ่มจอดรถเอาไว้ที่และนั่งครุ่นคิดอย่างลังเลใจอยู่นานจนกระทั่งความมืดมันโปรยลงมาครอบคลุมท้องฟ้า รัญชน์ถอนหายใจช้าๆ เรียกความมั่นใจของตัวเองออกมาก่อนหันไปประคองกล่องเค้กที่เขาตั้งใจซื้อมาไว้แล้วเปิดรถเดินลงไป

ยิ่งเข้าไปใกล้ที่หมาย รัญชน์ก็ได้ยินเสียงเพลงที่เปิดคลอไว้ของบ้านหลังนั้น แสงไฟสีนวลส่องผ่านออกมาจากหน้าต่างของบ้าน รัญชน์หยุดยืนมองเข้าไปภายในบ้านหลังนั้น

ครอบครัวนั้นกำลังจัดปาร์ตี้เล็กๆอยู่ รัญชน์ยืนมองดูผู้ชายสูงวัยชาวไทยยกเอาเค้กก้อนใหญ่ที่จุดเทียนสว่างมาวางเอาไว้เบื้องหน้าผู้หญิงสัญชาติเดียวกัน โดยมีเด็กผู้ชายตัวสูงกว่าวัยกำลังปิดตาคนเป็นแม่เอาไว้ แม้จะอยู่ข้างนอกรั้ว แต่รัญชน์ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งสามอย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อเธอเปิดตาแล้วพบกับเซอร์ไพร์สของสามี รัญชน์ยืนนิ่งมองดูเธอยกมือขึ้นมาประสานขอพรและเป่าเทียนบนเค้กก้อนนั้นจนหมดก่อนหันไปจูบแก้มสามีกับลูกชายของเธอ

ครอบครัวที่อบอุ่น...

ครอบครัวที่มีแต่ความสุขเติมเต็มให้กัน...ความสุขที่ไม่จำเป็นต้องมีส่วนเกินอย่างรัญชน์...

ใช่แล้ว...ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของเขา...แม่ของเขากับสามีใหม่และลูกชายของเธอ..

รัญชน์เม้มริมฝีปากเล็กน้อย รู้สึกถึงความว้าเหว่และโดดเดี่ยวมากกว่าที่เคยมี รัญชน์ก้มมองดูกล่องเค้กในมือก่อนจะเหยียดยิ้มสมเพชตัวเองที่ไปซื้อมันมาและถ่อสังขารขับรถมาถึงฟิลาเดลเฟียเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเองมากกว่าเดิม

ร่างบางหลับตาลง สะกดกั้นห้วงอารมณ์ที่มืดมนของตัวเองและลืมตามองผู้เป็นแม่อีกครั้ง

“สุขสันต์วันเกิด...นะฮะแม่”

รัญชน์กระซิบแผ่วเบาก่อนหันหลังให้กับครอบครัวแสนสุขของแม่และเดินกลับไปตามทางของตนเอง

 

กว่าสิบห้าปีแล้วที่รัญชน์จากไทยมา จากที่เคยมีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม..รัญชน์กลายเป็นเด็กที่ครอบครัวแตกแยก แม่ของเขาหย่าขาดจากผู้เป็นพ่อ พาเขามาอยู่ที่อเมริกา เธอเริ่มต้นชีวิตที่นี่ด้วยการแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น..ภวัต...ผู้ชายไทยที่มีอายุอานามใกล้เคียงกับพ่อของรัญชน์ รัญชน์เกลียดผู้ชายคนนี้จับใจ

“ต่อจากนี้ไปคุณภวัตจะเป็นพ่อของรัญชน์นะลูก”

“ไม่!! พ่อของผมมีแต่พ่อยชญ์คนเดียวเท่านั้น!!”

รัญชน์วัยเก้าขวบไม่สามารถที่จะยอมรับผู้ชายคนใหม่ของแม่ได้ ยิ่งคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นสาเหตุให้พ่อกับแม่หย่าร้างและเขาถูกพรากจากพ่อแล้วก็พี่สาวที่เขารักมากแล้ว รัญชน์ก็ยิ่งชิงชังผู้ชายคนนี้จับใจ

รัญชน์ไม่ยอมรับภวัตเป็นพ่อใหม่ ไม่ยอมรับครอบครัวของแม่ และไม่ยอมรับแม้กระทั่งน้องชายที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมา จากเด็กที่อมทุกข์อยู่แล้วก็กลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าว รัญชน์จำได้ดีว่าตอนนั้นตัวเองทำไม่ดีออกไปกับแม่และพ่อเลี้ยงมากแค่ไหน

จนกระทั่งวันหนึ่งที่แสนจะเลวร้ายมันก็มาถึง

แม่ดุที่รัญชน์กล่าวผรุสวาทใส่สามีใหม่ของเธอ เมื่อผู้ชายคนนั้นพยายามตื้อให้รัญชน์ออกไปเที่ยวด้วยกันกับเขาและแม่ รัญชน์ไม่พอใจที่แม่ดุก็เลยตะคอกใส่แม่..มันเป็นถ้อยคำที่รุนแรงจนรัญชน์ตกใจตัวเองที่ใช้มันพูดกับแม่ไปแบบนั้น

เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะแก้ไขกับพฤติกรรมของตนเองที่ได้หลุดไปอย่างนั้นก็หันหลังให้แม่ ทว่ามือของแม่ก็คว้าแขนของรัญชน์เอาไว้ ด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจมันทำให้เขาสะบัดแขนอย่างแรง..นาทีนั้นเองที่แม่เสียหลักล้มลงกระแทกกับขั้นบันไดที่อยู่ด้านหลัง

เขาได้ยินเสียงแม่กรีดร้อง...เขาได้ยินเสียงสามีของแม่ที่อุทานอย่างตกใจและรีบถลาเข้ามาอุ้มเธอไปต่อหน้ารัญชน์...

นาทีต่อจากนั้น..รัญชน์ยืนอยู่กับคราบเลือดของแม่ที่นองอยู่เต็มพื้น สามีของแม่รีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาล

รัญชน์ทรุดลงกับพื้นอย่างเข่าอ่อน เด็กชายตัวน้อยคู้เข่าขึ้นมาแล้วสะอื้นอยู่ตรงหน้ากองเลือดของแม่

รัญชน์ไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด....ไม่ได้ตั้งใจเลยที่จะทำร้ายแม่อย่างนั้น...

รัญชน์ร้องไห้จนหมดแรงและหลับไปอยู่หน้ากองเลือดของแม่ มารู้ตัวอีกทีก็รุ่งเช้าที่บ้านแสนจะเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ แต่เมื่อเดินลงมาแล้ว..รัญชน์ก็พบกับสามีของแม่ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว บนโต๊ะมีอาหารเช้าวางไว้ มันเป็นมื้อเช้าสำหรับรัญชน์ รัญชน์ไม่กล้าเงยหน้ามองสบตากับสามีแม่ แต่ก็สังเกตเห็นสีหน้าเหนื่อยอ่อนของภวัตอยู่ เด็กน้อยยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่กล้าเข้าไปข้างในถึงแม้ท้องจะหิวมากแค่ไหน ไม่กล้าแม้แต่จะถามถึงแม่แม้จะอยากรู้มากเพียงใด

“มาทานสิ..”

รัญชน์เดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาอยากให้ภวัตดุเขาที่ทำตัวไม่ดีเสียมากกว่าจะนิ่งเฉยอย่างนี้

“ฉันเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว อยู่ในตู้เย็น รัญชน์อุ่นเองได้ใช่ไหม? ฉันแปะโน้ตวิธีการอุ่นด้วยไมโครเวฟไว้ให้ทุกห่อแล้วว่าต้องใช้ไฟเท่าไหร่กับอุ่นกี่นาที...”

รัญชน์ที่ก้าวเข้ามานั่งลงตรงหน้านิ่งเงียบและก้มหน้า เขาได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงถอนหายใจช้าๆ

“แม่ของเธอคงต้องอยู่โรงพยาบาลอีกพักหนึ่ง...ฉันคงต้องไปคอยอยู่ดูแล ระหว่างนี้รัญชน์อยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม? ถ้าขาดเหลืออะไร ฉันเอาเงินใส่ลิ้นชักไว้ให้แล้ว แล้วก็..ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรไปหาฉันก็แล้วกัน”

พ่อเลี้ยงของเขาทิ้งเบอร์โทรเอาไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกไป

รัญชน์ได้ยินเสียงรถสตาร์ท เด็กชายวิ่งไปเกาะที่บานหน้าต่าง เขาเห็นพ่อเลี้ยงถอยรถออกมาจากที่จอด พ่อเลี้ยงของเขาหันมามองทางที่รัญชน์ยืนอยู่ก่อนจะหันกลับไป รัญชน์วิ่งออกจากห้องทานอาหารที่ตัวเองยืนอยู่เมื่อสักครู่..แต่มันก็สายไปแล้ว พ่อเลี้ยงของเขาขับรถจากไปแล้ว

เด็กชายยืนเคว้งคว้างอยู่กลางถนน

น้ำตามันไหลลงมาอีกครั้ง...

รัญชน์เสียใจ...

 

หลังจากวันนั้น..แม่ที่เกือบเสียน้องในท้องไป ก็ตัดสินใจส่งรัญชน์เข้าเรียนโรงเรียนประจำในบรูคลิน นับตั้งแต่นั้น..รัญชน์ก็ใช้ชีวิตอย่างอ้างว้าง เขาเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ได้...เด็กชายได้แต่นับวันรอที่จะได้กลับบ้าน แต่ทว่าแม่ก็ไม่เคยมารับรัญชน์กลับไป แม้จะส่งเสียเงินมาให้ใช้ แต่รัญชน์ก็ไม่เคยต้องการมันมากเท่ากับการได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น

พออายุได้สิบหก..รัญชน์ก็ปฏิเสธเงินของแม่และเริ่มหางานพิเศษทำ ด้วยความสามารถทางด้านศิลปะ รัญชน์ใช้มันหาเงินด้วยการเป็นผู้ช่วยของอาจารย์ที่โรงเรียน อาจารย์ที่เห็นพรสวรรค์เขาช่วยส่งเสริม ทำให้รัญชน์ได้เงินจากการประกวดและขายภาพของตนเองจนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

พออายุได้ยี่สิบปี..รัญชน์ก็มีเงินจำนวนมากจากการขายวาดภาพให้กับแกลอรี่ดังของบรูคลินและมีเงินมากพอที่จะส่งตัวเองเรียนจบปริญญาด้านศิลปะ รัญชน์สร้างตัวเองขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว เขามีทุกอย่างที่หลายๆคนอยากได้ ไม่ว่าจะชื่อเสียง ที่อยู่สุดหรูในย่านคนรวยหรือรถยนต์คันงาม แต่มีเพียงแต่ครอบครัวกับรอยยิ้มเท่านั้น..ที่เงินซึ่งรัญชน์หามานั้น..ซื้อไม่ได้

-----ไม่สิ...ยังมีความรักอีกอย่างหนึ่ง-----

สิบห้าปีแล้วที่เขาสัญญากับเด็กผู้ชายคนนั้นว่าจะถ้าได้กลับไปไทยก็จะยอมเป็นแฟนด้วย

สัญญาของเด็กๆแต่กลับผูกมัดรัญชน์เอาไว้จนไม่สามารถที่จะเริ่มต้นความรักกับใครได้..ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือกับผู้ชายคนไหน

ผู้หญิงหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิตโดยที่รัญชน์ไม่ได้ยินดีนัก พยายามแสดงท่าทีให้รู้ว่าชอบพอในตัวเขา แต่รัญชน์ก็ไม่ได้นึกใคร่อยากผูกสัมพันธ์กับใคร ด้วยรู้ตัวดีกว่าตัวเองนั้นคงจะไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่จะพูดว่าตัวเองนั้นชอบพอผู้ชาย..รัญชน์ก็รับมันไม่ได้เช่นกัน เพราะไม่ใช่แค่เพียงแต่ผู้หญิงที่พยายามพาตัวเข้ามาในชีวิตเขา ผู้ชายเองก็เช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นได้เท่ากับเด็กผู้ชายคนนั้น..

“กวินท์..”

รัญชน์พึมพำชื่อของเด็กผู้ชายที่เป็นรักแรกคนนั้นแผ่วเบา เขากลับมาถึงที่พักของตัวเองในแมนชั่นใจกลางเมืองบรูคลินเมื่อชั่วโมงที่แล้ว และพาตัวเองมานั่งอยู่ที่โซฟาข้างกระจกหน้าต่างท่ามกลางห้องที่ไม่ได้เปิดไฟ

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าห้าชั่วโมง แต่ในบรูคลินยังคงมีฝนตกพรำๆอยู่ รัญชน์ยกมือขึ้นมาไล้ไปตามกระจก สายฝนทำให้กระจกนั้นเย็นเฉียบ แต่รัญชน์ก็ต้องคลี่ยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงความทรงจำในอดีตที่แสนหวานของตนเอง

มันเป็นเหมือนสิ่งเดียวที่ชโลมให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวของเขาได้มีกำลังใจจะใช้ชีวิตในวันต่อไป รัญชน์มักจะคิดถึงมันเสมอเมื่อเขารู้สึกว้าเหว่..มันช่วยให้รัญชน์หายรู้สึกอย่างนั้นได้ทุกครั้ง

รัญชน์ยิ้มหมองๆ ก่อนหันไปมองเค้กก่อนสวยที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยข้างกาย...เขาถอนหายใจช้าๆก่อนจะขยับขาที่กอดเข่าอยู่มาทางโต๊ะและดึงเค้กที่เขาซื้อมาด้วยความตั้งใจว่าจะเอาไปอวยพรวันเกิดให้กับคนเป็นแม่และเอ่ยคำขอโทษที่ช้าไปสิบห้าปีแต่ก็ล้มเหลวเข้ามาใกล้ เขาบรรจงปักเทียนทีละเล่มและจุดมันขึ้น

“ไว้สักวันนะฮะ...ผมจะไปขอโทษแม่ให้ได้..”

รัญชน์บอกเสียงเบากับเค้กก่อนสวยก่อนจะเป่าเทียนแทนแม่ของตัวเอง

น้ำตาแห่งความเหงามันเรื้อรินขึ้นมา รัญชน์สูดลมหายใจลึกๆก่อนจะปาดมันออกไป พอดีกับที่มือถือซึ่งวางอยู่ข้างกล่องเค้กมันสั่นขึ้นพร้อมกับเมโลดี้เรียกเข้า แสงของมันส่องสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด

รัญชน์หยิบมันมาอย่างรวดเร็ว คนที่โทรเข้ามานั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ผู้ร่วมงานหรือเจ้าของแกลอรี่ที่รัญชน์ทำงานให้ก็จะเป็นพี่สาวของตนเองหรือธันย์ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของเขา

คนที่โทรมาคือคนหลังที่มักจะโทรมาคุยถามสารทุกข์สุกดิบของรัญชน์ประมาณอาทิตย์ละครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายที่พี่ธันย์โทรมามันก็เมื่อวานนี้เอง รัญชน์ขมวดคิ้วก่อนจะกดรับ...

โดยที่ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่ธันย์โทรมาหาเขาในค่ำคืนนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา...

 

 
ก่อนหน้านั้นประมาณห้าชั่วโมงที่กรุงเทพ กวินท์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในห้องพักของเขาที่โรงพยาบาล กวินท์ลุกขึ้นพร้อมฉวยเอาเสื้อกาวน์ที่แขวนไว้มาสวมด้วยรู้ดีว่าโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกเขาระหว่างพักเวรอย่างนี้ก็คงหนีไม่พ้นเคสฉุกเฉินที่เข้ามากะทันหัน และก็เป็นจริงอย่างที่คาดเอาไว้ ทันทีที่เขารับสาย เจ้าหน้าที่ประจำห้องฉุกเฉินก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“เคสด่วนครับ ลูกสาวท่านผ.อ.ยชญ์รถชน เพิ่งถูกส่งมาถึงโรงพยาบาลเมื่อสักครู่ ท่านผ.อ.ยชญ์บอกให้ตามคุณหมอลงมาด่วนเลยครับ”

“เข้าใจแล้ว ผมจะรีบลงไป”

กวินท์ว่าแล้ววางสายไปก่อนจะวิ่งออกจากห้องพักของตนเอง ตรงไปทางบันไดหนีไฟ กวินท์วิ่งลงไปถึงห้องฉุกเฉิน

แต่พอลงไปถึงและได้ตรวจดูอาการของคนไข้สาวแล้ว กวินท์ก็พบว่าคนไข้สาวนั้นกระดูกข้อมือหักและมีความจำเป็นที่ต้องผ่าตัดเพื่อใส่ลวดดามกระดูกให้กับเธอ

“แต่จริงๆแล้วเคสแบบนี้ให้ทางคุณหมอโกเมศจัดการจะชำนาญกว่าผมนี่นา”

กวินท์เปรยกับผู้ช่วยของเขาขณะที่ล้างมือฆ่าเชื้อเตรียมการผ่าตัด ผู้ช่วยของเขาหัวเราะในลำคอขณะที่หยิบแปรงมาขัดมือตัวเอง

“เมื่อครู่ผมเห็นคุณหมอโกเมศพูดอยู่นะครับว่าโล่งอกที่ผ.อ.ยชญ์เรียกคุณมา ใครๆก็รู้ว่าคุณรตาเธอเป็นลูกสาวสุดที่รักของท่านผ.อ. ขืนผ่าตัดผิดพลาดอะไรมีหวังโดนเด็ดหัวแน่ๆ ถึงจะเป็นการผ่าตัดง่ายๆก็เถอะ..”

“ผ.อ.ยชญ์นี่เขามีลูกสาวคนเดียวหรอคะ? ฉันไม่ค่อยเห็นมีใครพูดถึงครอบครัวของเขาเลย”

นางพยาบาลประจำห้องผ่าตัดที่เดินเข้ามาพร้อมกับถุงมือที่นำมาสวมให้กวินท์หลังจากล้างมือเสร็จแล้วถามขึ้นอย่างใคร่รู้ กวินท์นิ่งเงียบไปเพราะไม่อยากจะเป็นคนพูดไป ด้วยรู้ว่าผ.อ.ยชญ์ที่เป็นเพื่อนของพ่อเขานั้น ไม่ชอบให้ใครพูดถึงลับหลังสักเท่าไหร่ แต่ผู้ช่วยของเขาก็เป็นคนตอบแทนให้

“เห็นว่ามีลูกชายอีกคน แต่อยู่กับอดีตภรรยาที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วน่ะ น้อยคนจะเคยเห็นหน้านะ เพราะผ.อ.ยชญ์กับอดีตภรรยาก็แยกทางกันมาเป็นสิบปีแล้ว”

“หรอคะนี่..ฉันเพิ่งรู้”

นางพยาบาลครางเสียงเบา น้ำเสียงดูเหมือนอยากใคร่รู้ กวินท์เหล่มองดูและเห็นเหมือนกับว่าคนถูกนินทากำลังจะเข้ามา

“ผมว่ามีเรื่องที่คุณควรจะรู้มากกว่านี้อีก ผ.อ.ยชญ์น่ะไม่ชอบให้คนพูดถึงเขากับเรื่องส่วนตัวของเขา แล้วเขาก็กำลังจะเข้ามาแล้วด้วย”

นางพยาบาลกับผู้ช่วยของเขาสะดุ้งและหันกลับไปมองด้านหลังก่อนจะรีบก้มหน้าและหลีกทางให้เมื่อเห็นว่าผ.อ.ยชญ์เดินตรงมาหากวินท์

“กำลังจะเข้าผ่าตัดแล้วใช่ไหม?”

“ครับ”

“ลุงเชื่อในฝีมือเธอนะ..ฝากรตาด้วยก็แล้วกัน”

กวินท์ค้อมศีรษะให้กับอีกฝ่ายก่อนจะเดินไปยังห้องผ่าตัด พลางปัดความคิดบางอย่างที่มันผุดขึ้นมาหลังจากได้ยินคำฝากที่เหมือนแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้...

-To Be Continue-

Rafael
ขอบคุณมากค่ะ ^^~  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาล "รัก"...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.1 (Update 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: superr ที่ 15-12-2012 12:26:10
สนุกมากกกก
เนื้อเรื่องน่าติดตาม o13
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาลรัก...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.1 (Update 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 22-12-2012 23:21:36
นี่คงเป็นชะตาฟ้าลิขิตสินะ รัญชย์ จะกลับไทยเพราะพี่สาวเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมเนี่ยแล้วก็จะมาพบกับหมอกวิน ตามสัญญา ว่าแต่จะเป็นยังไงหนอถ้ากวินรู้ว่า รัญชย์เป็นผู้ชาย  :impress2: :impress2: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาลรัก...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.1 (Update 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: toey-jiraporn ที่ 04-03-2013 15:55:00
น่าติดตามมากๆเลย รีบๆมาต่อนะคะ  :m5:
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาลรัก...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.1 (Update 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 04-03-2013 18:44:06
ต่อๆๆๆ สนุกกกกกกกกกกกกกก  :กอด1:
สามคำ>>>เร็ว เร็ว เร็ว  :z3:
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาลรัก...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.1 (Update 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 04-03-2013 19:23:35
ติดตามตอนต่อไปจ้า  :mc4:
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาลรัก...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.1 (Update 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 04-03-2013 19:41:22
 :mc4:    :pig2:   o13.  :call:
หัวข้อ: Re: [[..ฤดูกาลรัก...]] When It Rains เพียงเพราะรัก - Chapter.1 (Update 15/12/12
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 04-03-2013 20:10:48
บทที่ 2

การผ่าตัดนั้นสำเร็จลงไปได้ด้วยดี กวินท์ที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดก็เดินมาหายชญ์ที่นั่งรออยู่

“อาการของเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก แต่หลังจากนี้ต้องให้เธอหมั่นทำกายภาพบำบัดทุกวัน ให้กลับไปทำเองที่บ้านก็ได้นะครับ แล้วก็ตรวจซ้ำอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ดูจากลักษณะแล้ว...ผมว่าไม่เกินห้าเดือนกระดูกเธอจะติดสนิทเหมือนเดิม”

“ลุงว่าจะให้พักอยู่ที่นี่สักระยะ กลับไปบ้านก็มีแต่พวกคนใช้ที่จะคอยดูแล สู้อยู่ที่นี่มีพยาบาลมีนักกายภาพคอยดูแลดีกว่า ที่สำคัญหลานเองก็คงแวะมาดูแลน้องสะดวกขึ้น พรุ่งนี้ลุงต้องไปร่วมสัมมนาแพทย์ที่ภูเก็ตด้วย ยังไงก็คงต้องฝากให้กวินท์ช่วยดูแลน้องด้วยนะ”

สุ่มเสียงและคำพูดที่ดูเหมือนจะเกินกว่าความคาดหวังที่ญาติคนไข้จะฝากให้นายแพทย์เจ้าของไข้ดูแลนั้นทำให้กวินท์หนักใจพอสมควร แต่ก็จำต้องค้อมศีรษะน้อยๆและเอ่ยรับคำไป

“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”

รอยยิ้มพึงพอใจวาดขึ้นบนใบหน้าของชายสูงวัย ยชญ์ตบบ่าของเขาเบาๆก่อนจะเดินไปดูอาการของลูกสาว

ทิ้งกวินท์ให้ยืนครุ่นคิดอยู่ตรงนั้นตามลำพัง...

ก็ใช่ว่ากวินท์จะไม่รู้ความต้องการของยชญ์...นับตั้งแต่ที่เขากลับมาจากอังกฤษหลังเรียนจบและกลายเป็นศัลยแพทย์ที่มีอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ยชญ์ก็แสดงท่าทางให้รู้ว่าชื่นชมในตัวเขามากแค่ไหน แต่ในความชื่นชมที่เพื่อนสนิทของพ่อมีให้กับเขามันก็ออกจะทำให้กวินท์ลำบากใจไม่น้อย

เพราะยชญ์มักแสดงทีท่าอยากให้เขาสนิทชิดเชื้อกับผู้เป็นลูกสาวอยู่บ่อยครั้ง

ถึงแม้ว่ารตาจะเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมคนหนึ่งไม่ว่าจะทั้งหน้าตา การศึกษา ชาติตระกูล..และยังมีทีท่าว่าจะชอบพอในตัวเขาเช่นกันแต่กวินท์ก็รู้ดีว่าเธอไม่ใช่บุคคลที่เขาปรารถนาจะอยู่เคียงข้างด้วยตลอดไป..

อาจเป็นเพราะหัวใจของเขา...มีใครบางคนแอบซุกซ่อนเอาไว้ภายใน..

กวินท์เก็บความรักนี้ไว้เป็นความลับไม่เคยบอกใคร...

เขารักเด็กคนหนึ่ง...

เด็กที่ได้เจอกันเพียงชั่วระยะเวลาแสนสั้น...

แต่เด็กคนนั้นก็ได้ครอบครองหัวใจของกวินท์ไว้แสนนาน..

กวินท์ปฏิเสธตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเรียนจบ มุ่งหน้ากลับมายังไทยเพื่อทำงานเป็นศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลที่พ่อของตนเองเป็นรองผู้อำนวยการ....

ที่โรงพยาบาลแห่งนี้...

สถานที่ที่เขาได้เคยสัญญาไว้กับรักแรก..

ว่าจะมาพบกันอีกครั้ง....

แม้จะเลือนราง... แต่กวินท์ก็รอคอยด้วยความหวังมาเสมอ

 

หลังจากผ่าตัดแล้ว...รตาก็มาได้สติในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาภายในห้องพักฟื้นเวลาเดียวกับที่กวินท์นั้นเข้ามาตรวจตอนเช้าพอดี ศัลยแพทย์หนุ่มพับแฟ้มที่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อสักครู่ หันไปสนใจรตาที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมา

“รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”

น้ำเสียงทุ้มของคนที่ไม่คาดคิดไว้ว่าจะฟื้นขึ้นมาพบทำให้รตาต้องกระพริบตาเบาๆอีกครั้งก่อนจะลืมตามองกวินท์อย่างงุนงง

“ปวดข้อมือไหมครับ?”

กวินท์ถามแล้วเลื่อนสายตาจากใบหน้าของคนไข้สาวมายังข้อมือที่เขาเป็นคนผ่าตัดให้เมื่อวาน

“ปวด..ค่ะ”

รตาบอกกลับไปอย่างอ่อนแรง ดวงตาของเธอหรี่ลงอีกครั้งและคล้ายว่าจะหลับไปอีกรอบ กวินท์มองเธอแล้วก็เลื่อนแฟ้มกลับมาเขียน เขาสั่งยาให้เธอและกำชับการดูแลหญิงสาวกับนางพยาบาลอยู่ครู่หนึ่ง และพอเขาจะออกไป คนที่สนิทกันดีอย่างธันย์ก็เดินเข้ามาในห้องพอดี

“แวะมาตรวจรตาก่อนเข้าเวรหรอ?”

กวินท์พยักหน้าแล้วหันไปมองคนไข้สาวที่หลับไปอีกครั้งก่อนหันมามองหน้าธันย์

“รตาฟื้นแล้วหรือยัง?”

“เมื่อครู่เธอรู้สึกตัวมาแปบเดียวแล้วก็หลับไปอีก พี่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ธันย์เป็นทั้งญาติห่างๆกับรตาและก็เป็นรุ่นพี่เขาที่มหาวิทยาลัย ในช่วงแรกๆที่เขาไปเรียนต่อนั้น กวินท์ไปอาศัยอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่คนนี้เพราะได้ยชญ์แนะนำให้ กวินท์เลยได้ไปพักอยู่กับธันย์กว่าสองปีกว่าจนกระทั่งธันย์เรียนจบปริญญาตรีและไปต่อปริญญาโทที่อเมริกา กวินท์ถึงได้ออกไปหาห้องพักที่เล็กลงสำหรับอยู่คนเดียว

แต่ช่วงเวลาสองปีก็สร้างความสนิทสนมให้กับเขากับธันย์ที่นิสัยคล้ายๆกันได้ไม่น้อย เพียงแต่เพื่อนรุ่นพี่คนนี้ของเขาออกจะเป็นคนอารมณ์ดีและร่าเริงมากกว่าคนที่เงียบขรึมอย่างเขาเท่านั้น

“อืม..ก็เพิ่งกลับมาถึงเมื่อตอนตีห้า พอได้ยินข่าวก็เลยรีบมา เห็นว่าต้องผ่าตัดด้วย แต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงใช่ไหม?”

กวินท์ฟังแล้วก็ลอบสังเกตเห็นความอิดโรยมันแทรกซึมอยู่ในใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนรุ่นพี่อยู่ถึงมันจะน้อยกว่าความเป็นห่วงก็ตามที

“กระดูกข้อมือเธอหักน่ะ ผมผ่าดามลวดไว้ให้ ไม่เกินห้าหกเดือนก็คงจะหายดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการหมั่นทำกายภาพบำบัดของเธอด้วย”

ธันย์พยักหน้าแล้วยกมือตบไหล่กวินท์สองสามที

“ยังไงก็ช่วยดูแลรตาด้วยก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ไปตรวจคนไข้ต่อเถอะคุณหมอ”

ธันย์ว่าแล้วหลิ่วตาให้กับกวินท์ก่อนจะเดินเข้าไปหารตาที่ยังคงนอนอยู่ที่เตียง...กวินท์ทำท่าจะเดินออกไปแต่ก็นึกอะไรขึ้นได้เลยหันกลับไปหาอีกครั้ง

“วันนี้พี่จะอยู่เฝ้าคุณรตาหรือเปล่า?”

“ก็คงจะอย่างนั้น”

ธันย์ตอบกลับมาอย่างไม่ปิดบัง

“วันนี้อย่าเพิ่งให้เธอดื่มน้ำหรือทานอะไรก็แล้วกันนะ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดนะ”

กวินท์บอกและย้ำด้วยสีหน้าจริงจังจนธันย์พยักหน้ารับคำ

“อือ..เข้าใจแล้ว”

และก่อนที่จะออกจากห้องไปศัลยแพทย์หนุ่มก็ยืนมองภาพรุ่นพี่คนสนิทที่เอื้อมมือไปลูบแก้มคนไข้สาวที่นอนอยู่บนเตียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวาดยิ้มน้อยๆบนริมฝีปาก..

ถึงธันย์จะไม่เคยพูด...แต่กวินท์คิดว่าเขารู้ดีว่ารุ่นพี่คนสนิทคนนี้รู้สึกยังไงกับหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั่น

 

รตามาได้สติเต็มที่ในราวๆตอนสายของวัน ธันย์ที่นั่งเฝ้าอยู่ก็ลุกขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงครางอือๆแผ่วเบาในลำคอจากคนที่นอนอยู่บนเตียง

“เป็นยังไงบ้าง”

ธันย์ถามอย่างห่วงใย มือใหญ่วางลูบแก้มรตาเบาๆ

“ปวด..ไปหมด...เลย”

หญิงสาวบอกเสียงแผ่วและแหบแห้ง ดวงตาที่มองมาแม้จะดูอิดโรยแต่มันก็ทำให้ธันย์โล่งใจได้มากขึ้น

“พี่..ฉัน..หิวน้ำ..”

ธันย์มองเธอด้วยความรู้สึกผิด เขาลูบแก้มที่ยังคงมีรอยแผลเล็กๆและรอยฟกซ้ำก่อนเอ่ย

“เธอยังดื่มน้ำหรือกินอะไรไม่ได้นะ..อดทนไว้ก่อนได้ไหม?”

“อือ...แย่จัง...”

รตาครางเบาๆแล้วหลับตาลง...ทั่วทั้งร่างมันอุทรต่ออาการเจ็บปวดทางร่างกายมากกว่าที่คิดเอาไว้ หัวคิ้วขมวดมุ่นจนธันย์อดไม่ได้ที่จะปลอบโยน

“อดทนหน่อยนะ...เอางี้ ระหว่างนี้พี่จะตามใจเธอทุกอย่างเลย โอเคไหม?”

ธันย์ยื่นข้อเสนออย่างหลอกล่อเพราะรู้ว่าหญิงสาวชอบคนที่ตามใจเธอ พอเขาพูดไปอย่างนั้นแล้ว ริมฝีปากของรตาก็กระตุกยิ้มน้อยๆ เธอพูดด้วยเสียงอ่อนระโหย..

“สัญญา..นะ”

“อืม..สัญญา ด้วยเกียรติของพี่เลย!”

รตาพยักหน้าเล็กน้อยเท่าที่เธอจะพอทำได้ก่อนที่เงียบเสียงไป...เพียงไม่นานเธอก็หลับไปอีกครั้งหลังจากครางบ่นเบาๆว่าปวดบ้างหรือเจ็บบ้างอยู่สองสามหน

ธันย์ยังคงมองเธออย่างห่วงใย มือหนาลูบศีรษะของหญิงสาวช้าๆ และโดยที่ไม่รู้ตัว..ธันย์ก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากเนียน..ประทับความรู้สึกเป็นห่วงไว้เนิ่นนานก่อนที่จะยืดตัวขึ้นยืน...

มันกิริยาอ่อนโยนที่ธันย์ไม่เคยแสดงกับรตามาก่อน

และไม่คิดจะทำตอนที่รตามีสติด้วยเช่นกัน...

เพราะธันย์รู้ดี...ว่าสำหรับรตาแล้ว...

เขาก็เป็นเพียงแค่ญาติผู้พี่คนสนิทเท่านั้น

 

หลายวันต่อมา..อาการของรตาดีขึ้นตามลำดับ จากที่ดูซีดเซียวก็ค่อยสดใสขึ้นมาบ้าง กวินท์ยังคงแวะมาตรวจดูอาการของเธอทุกวัน เช่นเดียวกับธันย์ที่พอมีเวลาว่างก็จะแวะมาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อน

เช่นเดียวกับในวันนี้ที่ธันย์มาเยี่ยมตั้งแต่ช่วงเช้า ชายหนุ่มบรรจงป้อนอาหารเช้ามื้อแรกที่รตาได้รับอนุญาตให้ทานได้ทีละคำๆจนหมดชาม

“ปกติฉันไม่ชอบกินอาหารจืดๆแบบนี้เลยนะรู้ไหม...นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่มานั่งป้อนให้..ฉันก็คงไม่กินหรอก”

รตาว่าแล้วมุ่ยหน้าไปยังชามที่ธันย์ยกออกไปก่อนยกแก้วน้ำอุ่นมาป้อนให้เธอดื่ม อาหารหน้าตาจืดชืดไม่ผิดกับรสชาติแบบนี้ไม่เคยถูกปากเธอเลยตั้งแต่เล็ก แต่ก็ต้องยอมทานเพราะธันย์คอยป้อนให้ทีละคำ

“เอาน่า...พอหายแล้วจะพาไปกินของอร่อยๆก็แล้วกัน”

ธันย์ว่าแล้วยิ้มอย่างปลอบใจ รตาทำเสียงอือๆในลำคอก่อนจะเอนหลังพิงหัวเตียงที่ธันย์ยกสูงไว้ตั้งแต่แรกตอนประคองให้ลุกขึ้นมานั่งทานอาหาร เธอเอียงคอมามองร่างสูงโปร่งที่ขยับเดินเข้ามาหาหลังจากเข็นโต๊ะที่ใช้ทานอาหารออกไปไว้มุมห้องแล้ว

“สัญญาแล้วนะ..ว่าแต่ระหว่างนี้พี่บอกจะตามใจฉันทุกอย่างใช่ไหม?” รตาทวงสัญญาด้วยรอยยิ้มและเพราะรอยยิ้มนั้นเองที่ทำให้ธันย์ไม่อาจปฏิเสธได้ลง ชายหนุ่มพยักหน้า

“อยากได้อะไรล่ะ?” รตาอมยิ้ม ดวงตาพราวระยับน้อยๆ เธอยกมือข้างที่ไม่เจ็บชูขึ้นมาสองนิ้ว

“ฉันมีอยู่สองเรื่องที่อยากให้พี่ช่วยล่ะ”

“เรื่องอะไรบ้างล่ะ?”

“ข้อหนึ่งเลยนะ..” รตาเริ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เธอเปลี่ยนมาชูนิ้วหนึ่งนิ้วแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“ฉันอยากให้พี่ช่วยตามรัญชน์กลับมาที่นี่หน่อย”

พอบอกไปแล้วธันย์ก็ต้องขมวดคิ้วนิดหน่อย สีหน้าดูลำบากใจไม่น้อย

“ข้อนี้น่ะยากนะ..รัญชน์จะยอมกลับมาหรอ?”

ธันย์บอกไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่ารัญชน์มีทีท่าไม่ค่อยอยากกลับมาที่ไทยสักเท่าไหร่ เขากับรตาพยายามชวนมาให้กลับไทยมาหลายครั้งแล้ว แต่รัญชน์ก็ปฏิเสธไปทุกที

“โถ่..พี่ก็พยายามหน่อยสิ บอกรัญชน์ไปก็ได้ว่าฉันถูกรถชน อาการโคม่า สมองกระทบกระเทือน แขนหัก ขาขาด ตับแตกอะไรก็ว่าไป”

รตาบอกพลางทำหน้ามุ่ยก่อนแสร้งถอนหายใจแล้วทำหน้าตาหงอยๆเรียกร้องความสงสารจากญาติคนสนิทของเธอ

“นะ...พี่ธันย์นะ นี่มันโอกาสดีไม่ใช่หรอ ที่จะให้รัญชน์กลับมาตอนนี้ อย่างน้อยถ้ารัญชน์กลับมาแล้วได้มีโอกาสคุยกับพ่อสักนิด รัญชน์กับพ่อน่าจะเข้าใจกันมากขึ้นไม่ใช่หรอ?”

“โอเค..เข้าใจล่ะ จะพยายามก็แล้วกัน”

ธันย์พูดพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาเองก็อยากให้ญาติผู้น้องที่น่าสงสารซึ่งอยู่ตามลำพังในต่างแดนได้มีโอกาสที่จะกลับมามีอยู่กับครอบครัวเช่นกัน

“แล้วข้อสองล่ะ?”

“ข้อสองน่ะหรอ...”

สองแก้มของรตามันแดงขึ้นน้อยๆ เธออมยิ้มด้วยท่าทางเขินอายอยู่นิดหน่อยก่อนตัดสินใจพูดออกมา

“พี่สนิทกับคุณหมอกวินท์ใช่ไหม? เล่าเรื่องของคุณหมอให้ฉันฟังบ้างสิ”

ความรู้สึกหน่วงๆมันเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม ธันย์กลบเกลื่อนมันด้วยการแสดงสีหน้าสงสัยออกไป

“เธออยากรู้เรื่องของกวินท์ไปทำไมล่ะ?”

รตาเม้มริมฝีปากอยู่สองสามทีก่อนจะยิ้มเขินพลางพูดเสียงเบา

“ฉันคิดว่า...ฉันชอบคุณหมอล่ะ ก็เลยอยากรู้เรื่องของเขาให้มากขึ้น นะ...พี่เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ คุณหมอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พี่ต้องรู้แน่ๆเลยใช่ไหมล่ะ?”

น้ำเสียงอ้อนๆกับรอยยิ้มเขินๆที่เห็นแล้วก็รู้ว่าถ้าปฏิเสธไป คงจะทำให้รตาผิดหวังไม่น้อย ธันย์เลยถอนหายใจในอกแล้วส่งยิ้มกลับไปให้เธอถึงจะหน่วงในใจแค่ไหนก็ตาม

“ก็ได้ๆ จริงๆเลยนะเรา”

ธันย์ว่าก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของกวินท์ให้กับรตาที่นั่งฟังด้วยความกระตือรือร้น โดยไม่รู้เลยสักนิดว่ารอยยิ้มของเธอที่นั่งฟังอย่างตั้งใจนั้น จะทำให้คนเล่ารู้สึกน้อยใจมากแค่ไหนกับการที่เธอมองข้ามความรู้สึกของเขาไป...

บางที...อาจเป็นเพราะความรู้สึกของเขามันคงจะสื่อไปไม่ถึงใจของเธอก็ได้ล่ะมั้ง...

ธันย์คิดเช่นนั้น

 

“ขอหนูทำนะคะป้าสร้อย”

รตาเอ่ยขึ้นพลางขยับเดินมาหาสร้อยซึ่งเป็นแม่บ้านเก่าแก่ที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็ก สร้อยหันมามองอย่างห่วงใยแต่ก็ยอมส่งช้อนกาแฟไปให้คุณหนูของเธอ

“ถ้าทำได้ก็อยากทำเองทั้งหมดนะคะ แต่สภาพแบบนี้อย่างน้อยแค่ชงกาแฟก็อยากทำเองน่ะค่ะ”

รตาบอกยิ้มๆ ตรงหน้าของเธอคือตะกร้าใบย่อมที่มีกล่องพลาสติกใส่พายชิ้นเล็กน่าตาน่าทานที่สร้อยทำมาเอาไว้ แม่บ้านที่แสนใจดีกำลังยืนชงกาแฟอยู่ในตอนที่เธอเดินเข้ามาหา

สร้อยได้แต่ยิ้มๆและยืนช่วยคุณหนูของเธอจนกระทั่งรตาชงกาแฟเสร็จ เธอเลยหยิบเอาถ้วยเก็บความร้อนมาเทกาแฟใส่และปิดฝาให้แน่นก่อนวางมันลงไปในตะกร้าที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ..หนูเดินได้”

รตาบอกยิ้มๆ เธอใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขยับคาร์ดิแกนที่คลุมทับไหล่ไว้ให้กระชับขึ้นก่อนจะลากเสาน้ำเกลือเดินออกมาพร้อมกัน

รตาพาแม่บ้านของเธอเดินไปยังระเบียงที่จะเป็นห้องพักของกวินท์ สร้อยวางตะกร้าไว้ตรงโต๊ะที่อยู่ด้านนอก หญิงสูงวัยหยิบเอาอาหารว่างออกมาจัดวางบนก่อนจะเดินกลับออกไปรอภายในอาคาร ส่วนคุณหนูของเธอนั้นก็เดินไปยังห้องพักของกวินท์ รตาเดินเกร่อยู่หน้าห้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเคาะประตูเมื่อแน่ใจว่าคนที่อยู่ภายในห้องนั้นไม่ได้หลับ

“คุณรตา? มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

กวินท์ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นคนไข้สาว รตาส่งรอยยิ้มมาให้เขาก่อนจะหันไปชี้ที่โต๊ะซึ่งพอมองไปแล้วก็หามีอาหารว่างวางจัดเอาไว้

“พอดีได้ยินจากพยาบาลที่มาวัดไข้เมื่อเย็นน่ะค่ะ ว่าคุณหมอมีเข้าเวรตอนดึก เลยให้คุณป้าแม่บ้านจัดของว่างมาให้ทานก่อนลงไปเข้าเวร ทานสักหน่อยนะคะ”

“เอ่อ..ขอบคุณครับ รบกวนคุณจริงๆ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ได้คุณหมอช่วยรักษา ก็เลยอยากตอบแทนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที”

กวินท์ไม่ได้ตอบอะไรเธอไปอีกแต่ก็ปิดประตูและเอื้อมมือมาจับเสาน้ำเกลือของคนไข้สาวเพื่อลากให้ ทั้งสองเดินกลับไปที่โต๊ะ

กวินท์ออกจะแปลกใจไม่น้อยที่เห็นพายแอปเปิ้ลชิ้นเล็กกับกาแฟสีเข้มบนโต๊ะนั้น

“ได้ยินมาจากพี่จองซูว่าคุณหมอชอบทานพายแอปเปิ้ลกับอเมริกาโน่ใช่ไหมคะ..แต่ไม่รู้กาแฟที่ฉันชงว่าจะถูกปากคุณหมอหรือเปล่า”

น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความคาดหวังของหญิงสาวทำให้กวินท์ออกจะอึดอัดใจไม่น้อย เขาประคองเธอให้นั่งลงก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ศัลยแพทย์หนุ่มยกกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆ

“รสชาติดีมากครับ”

คำชมของกวินท์ทำให้รตาต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจ กวินท์ที่รู้สึกอึดอัดกับรอยยิ้มและสายตาของเธอเลยหันไปหยิบพายแอปเปิ้ลที่ทำเป็นชิ้นเล็กๆขึ้นมากัดทาน

“คุณหมอนี่ชอบอะไรคล้ายๆน้องชายของฉันเลยนะคะ”

กวินท์ชะงัก แววตาสงสัยมองหญิงสาวที่ยิ้มๆ รตาเลยพูดต่อ

“ตารัญชน์น่ะค่ะ ชอบทั้งพายแอปเปิ้ลแล้วก็อเมริกาโน่เหมือนกับคุณหมอเลยล่ะค่ะ”

ตอนแรกที่ได้ฟังจากธันย์ที่เล่าให้ฟังเมื่อช่วงเช้า รตาก็นึกประหลาดใจไม่น้อย

“แถมยังชอบทำเองด้วยนะคะ ตารัญชน์น่ะทำพายแอปเปิ้ลอร่อยมากเลย ที่จริงพายที่คุณหมอทาน ฉันให้คุณป้าแม่บ้านเป็นคนทำให้จากสูตรของตารัญชน์นี่แหละค่ะ แต่ดูเหมือนว่าทำยังไงก็ยังอร่อยสู้ที่ตารัญชน์ทำไม่ได้เลยค่ะ”

รตาพูดแล้วหัวเราะอย่างสดใส จากทั้งน้ำเสียงและประกายในดวงตาของเธอเวลาที่พูดทำให้กวินท์รู้สึกได้ถึงความรักและเอ็นดูที่เธอมาให้น้องชายไม่น้อย

“ดูคุณกับน้องชายจะเป็นพี่น้องที่รักกันดีจังเลยนะครับ”

“ก็ฉันมีน้องชายแค่คนเดียวนี่คะ..จริงๆก็มีน้องชายต่างพ่ออีกคน แต่ก็ไม่สนิทกันหรอกค่ะ”

รตาบอก และเลื่อนกล่องพลาสติกที่มีพายแอปเปิ้ลอยู่เข้าไปใกล้กวินท์มากขึ้น

“เก็บไว้ทานนะคะคุณหมอ”

“ขอบคุณมากครับ..”

กวินท์บอกแล้วก้มลงมองพายแอปเปิ้ลที่อยู่ในมือของตนเอง..

ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆในใจเมื่อได้ยินว่ามีใครอีกคนที่ชอบในสิ่งที่เหมือนกับตัวเองแบบนี้กันนะ..

-TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.2 (Update 4/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 05-03-2013 15:03:15
มาต่ออีกนะคับ o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.2 (Update 4/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 07-03-2013 22:07:32
(http://upic.me/i/kl/untitled-16.jpg)

กว่าสิบห้าปีแล้วที่ไม่ได้เหยียบแผ่นดินไทย หากไม่ใช่เพราะพี่สาวเพียงคนเดียวประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสแล้วล่ะก็..รัญชน์ก็คงจะยืดเวลากลับมาให้ไกลออกไปอีก

ร่างบางลากกระเป๋าเดินออกมาจากตัวอาคารและเตรียมจะเรียกแท็กซี่เพื่อให้มาส่งที่โรงพยาบาลอยู่แล้วในจังหวะที่ธันย์โผเข้ามาดึงแขนเอาไว้

“พี่กะแล้วว่ารัญชน์ต้องมาไฟล์ทนี้ ก็เลยมารอรับ มาสิ..ของมีแค่นี้ใช่ไหม?”

ธันย์แย่งเอากระเป๋าใบย่อมของรัญชน์ไปลากเสียเอง เขาพารัญชน์เดินมาขึ้นรถที่จอดเอาไว้และขับมุ่งหน้าตรงมายังโรงพยาบาลเมื่อรัญชน์ปฏิเสธที่จะกลับไปที่บ้านหรือไปยังที่พักของตน

“ไม่ได้กลับมาตั้งสิบห้าปี คิดถึงกรุงเทพบ้างหรือเปล่า?”

ธันย์เอ่ยถามคล้ายจะเย้ากัน แต่คนฟังดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์จะหยอกเล่นด้วย

รัญชน์ดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ธันย์จึงได้แต่มองญาติผู้น้อยแล้วยิ้มอ่อนๆ ไม่ถือสาอะไรที่รัญชน์เสียมารยาทด้วยการไม่พูดตอบเขา ด้วยรู้ดีว่ารัญชน์มีนิสัยอย่างไร...

ญาติผู้น้องที่น่าสงสารของเขา...

ฝ่ายรัญชน์นั้น..ใจหนึ่งก็กำลังพะวงเรื่องพี่สาวที่ประสบอุบัติเหตุ

อีกใจก็กำลังนึกกลัวว่าการกลับมาไทยครั้งนี้ของเขาจะพาเอาความเจ็บปวดกลับมาให้

รัญชน์จำได้ว่าตอนเล็กๆเขาพยายามโทรกลับมาหาพ่อกับพี่สาวที่ไทย บางครั้งโชคดีหน่อยก็จะได้คุยกับรตาผู้เป็นพี่ แต่ถ้าโชคร้ายก็จะถูกพ่อตัดสายไปโดยไม่ยอมพูดอะไรกับเขาสักคำ

ซึ่งนั่นมันทำให้รัญชน์ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเป็นเพราะอะไรกัน

พอโตขึ้นมาอีกหน่อย..การติดต่อระหว่างเขากับพี่สาวก็ง่ายขึ้นมาก เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปและก็ได้ธันย์คอยช่วยเหลือให้เขากับพี่ติดต่อกันโดยที่พ่อไม่รู้

“พี่รตาเป็นยังไงบ้าง?”

อยู่ๆรัญชน์ก็โพล่งถามมันออกมา ร่างบางถามออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดที่เจ็บปวดมากเกินไป ธันย์เลิกคิ้วเล็กน้อย

“อืม..ไปดูด้วยตาตัวเองดีกว่านะ”

หัวใจของรัญชน์มันหน่วงขึ้นมาทันที ความคิดมันมุ่งไปแนวด้านร้ายเสียมากกว่าจะเป็นด้านดี ร่างบางเงียบลงอีกครั้ง สีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีนักจนธันย์ต้องเอื้อมมือมาวางไว้ที่ศีรษะเบาๆอย่างปลอบโยน

“ไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอกน่า...เชื่อสิ”

ใช่...มันไม่เลวร้ายอย่างที่คิดเอาไว้เลย หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ธันย์พูดอย่างนั้น รัญชน์ก็มาพบกับความจริงที่เป็นเช่นนั้นด้วยสายตาของตนเอง

พี่สาวของเขายิ้มร่าเริงโบกมือมาให้จากทางเตียงทันทีเมื่อเขาเดินเข้าประตูห้องมา

“รัญชน์!~ มาแล้วหรอ?”

รัญชน์ชะงักไปทันที น้ำเสียงของพี่สาวดูสดใสร่าเริง สีหน้าไม่มีร่องรอยของอาการป่วยอย่างที่คิดไว้ จะมีก็แต่ที่แขนข้างซ้ายของเธอมีเฝือกใส่เอาไว้ รัญชน์มองดูพี่สาวแล้วหันกลับมามองหน้าคนที่โทรไปตามเขามาจากบรูคลิน

“ไหนพี่บอกว่าพี่รตาอาการสาหัส หัวแตก กระดูกข้อมือร้าว ซี่โครงหัก อาการโคม่าไง?”

น้ำเสียงและแววตาของรัญชน์ที่กำลังหันมาเอาเรื่องเขา ทำให้ธันย์ต้องหัวเราะเสียงแห้งในลำคอ

“ก็นะ..”

“รัญชน์เดินทางมาไกลเลยน้า..หิวหรือเปล่า พี่ธันย์ลงไปซื้ออะไรมาให้รัญชน์รองท้องหน่อยสิคะ ในตู้เย็นเหมือนจะไม่มีของกินเลย เดี๋ยวเที่ยงป้าสร้อยคงเอามื้อเที่ยงมาให้เหมือนเดิม ซื้อแค่ขนมกับเครื่องดื่มขึ้นมาก็พอค่ะ”

รตาหันไปบอกให้กับญาติผู้พี่คนสนิท ที่พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปอย่างเข้าใจในความนัยในแฝงมากับสายตายิ้มๆของเธอ ธันย์ตบบ่ารัญชน์เบาๆก่อนจะเดินออกไปข้างนอก

ทันทีที่ธันย์เดินออกจากห้องไป รัญชน์ก็ถอนหายใจหนักๆแล้วเดินมาหาพี่สาวที่นอนอยู่บนเตียง

ครั้งสุดท้ายที่รัญชน์ได้เจอกับรตามันก็เมื่อปลายปีที่แล้ว พี่สาวของเขาอ้างกับพ่อว่าไปเที่ยวแคนาดากับเพื่อนแต่จริงๆแล้วบินไปหาเขาที่บรูคลินพร้อมกับธันย์

“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”

รัญชน์ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ก็แฝงไว้ห่วงใยถึงแม้ว่าสีหน้ายังคงจะบึ้งตึงอยู่บ้างกับการที่ถูกหลอกให้กลับมาไทยกะทันหันเช่นนี้

“นิดหน่อย..แต่ไม่เป็นไรมากหรอก”

รตายิ้มสวยให้น้องชายที่มีใบหน้าถอดมาจากผู้เป็นแม่

ยิ่งโตรัญชน์ก็มีเค้าใบหน้าที่สวยงามเสียยิ่งกว่าที่ผู้ชายควรจะมี จนบางทีพี่สาวอย่างเธอยังนึกอิจฉา เพราะถึงแม้ว่าเธอกับรัญชน์จะมีเค้าโครงหน้าที่เหมือนกัน แต่ทุกสิ่งที่ประกอบเป็นเครื่องหน้าของรัญชน์นั้นมันช่างวิเศษสุด

ดวงตาเรียวสวยของรัญชน์มันมีเสน่ห์แฝงเอาไว้ชนิดที่ใครได้มองก็ไม่อาจละสายตาไปได้

อาจเป็นเพราะบุคลิกที่ชอบเก็บตัวกับความเหงาของน้องชายนั่นก็ได้ล่ะมั้งที่หยุดสายตาคนมองเอาไว้ ไหนจะจมูกโด่งกับริมฝีปากบางได้รูปที่เป็นสีชมพูอ่อนอย่างไม่ต้องพึ่งพาลิปกลอสแต่อย่างใด แล้วก็ผิวเนียนขาวอย่างคนสุขภาพดีนั่นก็ด้วย...

มองน้องชายของตัวเองแล้วรตาก็ต้องแอบอมยิ้มอย่างภูมิใจ รัญชน์ที่ทั้งดูดีเหนือใคร น้องชายที่มากความสามารถของเธอ ถ้าหากมีใครสักคนได้มาอยู่เคียงข้างและลบความเหงา ความโดดเดี่ยวไปได้ก็คงดี..

หากเพียงแต่ใครสักคนจะยอมทำให้รัญชน์เปิดใจยอมรับให้มาอยู่เคียงข้างได้...รตาคิดว่าตนเองคงจะนึกยินดีไม่น้อย

“ยิ้มอะไรน่ะ?” รัญชน์ถามออกไปเมื่อเห็นพี่สาวเอาแต่มองหน้าแล้วก็ยิ้มไม่พูด

“เปล่า แค่ดีใจที่ได้เห็นรัญชน์ในกรุงเทพอีกครั้ง”

รัญชน์ชะงักไปกับคำพูดของพี่สาว สีหน้ามีความเจ็บปวดทอประกายเอาไว้อย่างที่คนมองจับสังเกตได้

“ถ้าอยากให้กลับก็บอกกันดีๆสิ อย่าโกหกกันอย่างนี้ ผมไม่ชอบ!”

รัญชน์เผลอตัวเสียงดังออกไป แต่รตาก็ไม่ถือโทษโกรธน้องชายของเธอ หญิงสาวเอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บมาจับมือรัญชน์ที่วางอยู่บนราวกั้นข้างเตียง

“ก็รัญชน์เอาแต่บอกว่างานยุ่งยังกลับมาไม่ได้ตลอดนี่นา...กลับมาคราวนี้แล้วก็อยู่นานๆหน่อยนะ อย่างน้อยพี่ก็อยากให้เธอปรับความเข้าใจกับพ่อสักหน่อย”

พอรตาพูดจบรัญชน์ก็ทำเสียงหัวเราะขื่นๆในลำคอ เขาสูดลมหายใจยาวๆขณะมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง

“พี่หวังสูงเกินไปมั้ง..”

“เรื่องที่จะให้เธออยู่ไทยนานๆหรือว่าเรื่องคุณพ่อ?”

“ก็เรื่องของพ่อน่ะสิ! พี่ก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือไงกัน!”

รัญชน์เผลอตัวเสียงดังออกไปอีกครั้ง พอเห็นสีหน้าที่หมองลงของพี่สาวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด รัญชน์ถอนหายใจช้าๆแล้วยกอีกมือมาจับมือของพี่สาวที่บีบมือเขาอยู่

“แต่ยังไงก็จะลองพยายามดูแล้วกัน”

“อืม..”

รตายิ้มออกมาได้อีกครั้ง เธอมองน้องชายด้วยความรักและเอ็นดู มือเรียวออกแรงบีบมือน้องชายเบาๆ

“ยังไงพี่ก็อยากให้รัญชน์กลับมาอยู่ที่นี่นะ อย่างน้อยพี่ก็จะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอยังไงล่ะ”

รัญชน์พยักหน้า...เขาเข้าใจในความเป็นห่วงของพี่สาวเป็นอย่างดี เพราะทุกครั้งที่รตาไปหาเขาที่บรูคลิน หรือโทรศัพท์คุยกันก็มักจะพูดบ่นว่าอยากให้เขาหาใครสักคนมาเป็นแฟน จะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยกันไม่เหงาหรือมีคนดูแล แต่ทุกครั้งรัญชน์ก็ปฏิเสธไป

เพราะคิดว่าตัวเองไม่พร้อมจะรักใคร...ในขณะที่หัวใจมันยังเอาแต่นึกถึงรักแรกของตัวเองโดยที่ไม่อาจลืมได้อยู่แบบนี้

รัญชน์คิดเสมอว่าการที่เขาจะรักใครสักคน และคนนั้นไม่ใช่กวินท์ที่เป็นรักแรกของเขา มันคงจะทำให้เขารู้สึกผิดไม่น้อย...

รู้สึกผิดทั้งกับกวินท์ที่เขาเคยสัญญาว่าถ้าหากได้กลับมาก็จะมาเป็นคนรักกัน

รู้สึกผิดกับคนใหม่..ที่เขาไม่อาจลืมรักแรกได้..

แต่ทั้งที่เขาอยากจะรักกับกวินท์แค่ไหน..รัญชน์ก็รู้ตัวดีว่าอีกด้านหนึ่งของจิตใจมันแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว

เขาเลื่อนเวลาที่จะกลับไทยมาหลายปีทั้งที่รตาเซ้าซี้อยากให้กลับมาโดยตลอด...มันมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากการหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อ...

รัญชน์กลัว...

กลัวว่ากลับมาแล้วจะต้องพบกับความผิดหวัง...กลัวว่ากลับมาแล้วจะหากวินท์ไม่พบ...

หรือ...ต้องกลับมาพบว่ากวินท์มีคนรักอื่น..

สิบห้าปี..มันเนิ่นนานมากเสียจนรัญชน์ไม่แน่ใจว่ากวินท์จะยังยึดมั่นในสัญญานั้นเหมือนกันไหม กับเด็กผู้ชายอีกคนที่ได้พบกันเพียงครั้งเดียว ในช่วงระยะเวลาที่แสนสั้น..กวินท์จะรู้สึกรักและผูกพันจนเรียกได้ว่ารักฝังใจอย่างรัญชน์หรือเปล่า

ถ้าต้องกลับมาแล้วพบกับความผิดหวัง...สู้อยู่อย่างเหงาๆแต่มี ความทรงจำที่งดงามนั่นคอยอยู่เป็นเพื่อนในบรูคลินตามลำพังเสียดีกว่า

รัญชน์คิดเช่นนั้น...

แล้วห้วงความคิดของรัญชน์ก็ต้องหยุดลงเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับร่างของนายแพทย์คนหนึ่งที่เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับพยาบาล ผู้ชายตัวสูงนัยน์ตาคมผู้เป็นแพทย์นั้นหันมามองหน้าเขา

นาทีที่สบตากัน..รัญชน์ก็ต้องเบือนหน้าหนีเมื่อพบว่าสายตานั้นออกจะตำหนิเขาอยู่ไม่น้อย

รัญชน์ไม่ชอบ...

ไม่ชอบการถูกตำหนิ...ไม่ว่าจะจากใครก็ตาม

โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งเคยเห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกแบบนี้ รัญชน์ก็ยิ่งไม่ชอบใจนัก..ถึงขั้นเรียกได้ว่าไม่ถูกชะตาเลยก็ว่าได้เลยตัดสินใจเดินออกจากห้องมาหลังจากที่ยืนมองนายแพทย์คนนั้นตรวจดูอาการของพี่สาวได้เพียงครู่เดียว

“อ๊ะ! ขอโทษครับ”

รัญชน์อุทานออกมาเมื่อประตูที่เขาเปิดออกมาเกือบจะชนกับใครบางคน แต่แล้วรัญชน์ก็ต้องตัวชาเมื่อเงยหน้ามองดูผู้ชาย คนนั้นแล้วก็พบว่าเป็นพ่อของตนเอง

“พ่อ..”

ชายสูงวัยเองก็มีทีท่าตกใจด้วยเช่นกัน แต่เพียงครู่เดียวมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา ยชญ์เม้มริมฝีปากแน่นจนมันกลายเป็นเส้นบางๆประดับอยู่บนใบหน้าแสดงถึงอาการไม่พอใจที่ได้เห็นลูกชายอย่างรัญชน์มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า

“แกมาที่นี่ได้ยังไง?”

“ผม...มาเยี่ยมพี่รตา”

รัญชน์ตอบเสียงเบาอย่างรู้สึกขมขื่นในใจ

พ่อที่ไม่ได้เจอกันร่วมสิบห้าปี ไม่มีแม้แต่คำทักทายที่แสดงถึงความคิดถึงและห่วงใยกัน แม้แต่อ้อมกอดที่พ่อเคยมีให้เสมอๆในสมัยก่อนก็คงไม่มีอีกแล้วด้วยเช่นกัน พ่อทำเหมือนกับเขาและแม่เป็นศัตรูของพ่อไม่มีผิด

“รตาไม่เป็นอะไรแล้ว เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกล่ะ”

ผู้เป็นพ่อพูดอย่างเย็นชาก่อนจะเดินสวนเข้าไปในห้องโดยไม่มองหน้ารัญชน์เลยสักนิด

ความอ่อนแอมันเหมือนแทรกซึมออกมาจากกำแพงที่รัญชน์สร้างไว้เพื่อปกป้องตัวเอง ขอบตามันร้อนผ่าวเสียจนน่ากลัวว่าความอ่อนแอมันจะปรากฏออกมาในรูปแบบของน้ำตา

รัญชน์เงยหน้าขึ้นแล้วสูดลมหายใจลึกๆเพื่อเก็บอารมณ์ที่อ่อนแอเอาไว้ข้างใน

ดวงตาแสนเศร้าของรัญชน์มันทำให้ธันย์ที่ยืนมองอยู่อีกด้านต้องนึกสงสารญาติผู้น้องคนนี้จับใจ เขาก้าวเดินเข้าไปหาและพยายามกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“รัญชน์...เหนื่อยหรือเปล่า เอาของกลับไปเก็บที่ห้องแล้วนอนพักสักหน่อยดีไหม แล้วตอนเย็นๆเราค่อยมาหารตาอีกรอบกัน”

รัญชน์เงยหน้าขึ้นมามองญาติผู้พี่แล้วพยายามฝืนส่งยิ้มไปให้ ในใจนึกรู้เหตุผลของธันย์ดีว่าอีกฝ่ายนั้นคงจะเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่และพยายามจะพาเขาออกจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้เลยพยักหน้าไป

ธันย์มองสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง เขาขยับเข้ามาลูบศีรษะรัญชน์เบาๆแทนการปลอบประโลมแล้วโอบมือขึ้นมากอดรัญชน์ไว้

กวินท์ที่เพิ่งจะออกมาจากห้องพักฟื้นของรตาได้มองภาพที่เพื่อนรุ่นพี่คนสนิทกอดผู้ชายรูปร่างผอมบางที่เขารู้ว่าเป็นลูกชายของผู้อำนวยการยชญ์ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ

ความรู้สึกที่มันซับซ้อนเกินกว่าที่กวินท์จะเข้าใจตัวเองได้ว่าความรู้สึกนั้น...มันคืออะไรกัน

 

การที่ได้เห็นลูกชายคนเล็กมาปรากฏตัวต่อหน้าโดยที่ไม่คาดคิดเอาไว้ทำให้อารมณ์ของยชญ์ขุ่นมัวเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งจะเห็นหน้า กวินท์ซึ่งเขาคาดหวังที่จะได้มาเป็นลูกเขยอยู่ภายในห้องพักฟื้นของรตาก็มิอาจดับอารมณ์ขุ่นมัวที่มีได้

เขายืนนิ่งเงียบอยู่ห่างๆจนกระทั่งศัลยแพทย์หนุ่มขอตัวออกจากห้องไป ยชญ์ถึงได้ขยับเข้ามาที่ข้างเตียง

“ไอ้เด็กนั่นมันกลับมาทำไม?”

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของผู้เป็นพ่อจะนิ่งเรียบ แต่แววตาขุ่นเคืองก็บอกอารมณ์ในตอนนี้ของพ่อได้เป็นอย่างดี

“หนูตามน้องกลับมาเองแหละค่ะ พ่อไม่ดีใจหรอคะที่รัญชน์กลับมา?”

รตาตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ใจเย็นถึงแม้ว่าสิ่งที่พูดออกไปจะทำให้คนเป็นพ่อชักสีหน้าอย่างไม่พอใจมากขึ้นก็ตามที

“หนูไม่รู้หรอกนะคะว่าทำไมพ่อถึงทำท่าเกลียดรัญชน์แบบนั้น แต่ยังไงรัญชน์ก็กลับมาแล้ว พ่อน่าจะหาโอกาสคุยกับรัญชน์บ้างนะคะ”

“ฉันจะคุยกับมันหรือไม่คุยก็ไม่เกี่ยวกับแก ว่าแต่แกเองเถอะ เป็นยังไงบ้าง?”

ยชญ์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที สีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ปรารถนาที่จะคุยเรื่องลูกชายคนเล็กอีก รตาถอนหายใจน้อยๆแล้วยิ้มออกไปอย่างปลงตกกับความหัวแข็งของพ่อก่อนจะเอ่ยเล่าอาการของตัวเองที่ดีขึ้นแล้วให้พ่อฟัง

เสียงของรตาที่เอ่ยเล่าให้ฟังมันไหลผ่านหูของยชญ์ไปโดยที่เขาไม่ได้รับฟังเลยแม้แต่น้อย ห้วงความคิดยังคงจมอยู่กับลูกชายคนเล็กอย่างรัญชน์

สำหรับยชญ์แล้ว มันมีบางอย่างที่เขาเก็บเอาไว้เป็นความลับที่ไม่เคยเอ่ยบอกใคร ไม่ใช่เพราะกลัวที่จะทำร้ายจิตใจของคนที่เกี่ยวข้อง แต่เพราะไม่อยากให้ความลับนั้นมาทำลายตัวเองเสียมากกว่า

ศักดิ์ศรีมันค้ำคอจนยชญ์ยอมที่จะเก็บงำมันเอาไว้กับตนเองและจำทนรับบทบาทที่ต้องแสดงต่อไป

โดยบางครั้งสิ่งที่คิดว่าฝืนทนเก็บงำเอาไว้มันได้ลบเลือนเอาความรู้สึกที่แท้จริงซึ่งเขาเก็บซ่อนลึกไว้ภายใน

ลึกเสียจนตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้สึกถึงมัน...

 

อีกด้านหนึ่งของกรุงเทพ ธันย์ขับรถพารัญชน์มายังแมนชั่นของตนเองที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก รัญชน์เดินไปที่หน้าต่างและเปิดผ้าม่านออก สายตากวาดมองไปยังข้างนอก วิวของกรุงเทพจากชั้นที่สี่สิบดูแปลกตาของรัญชน์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในบรูคลินจนเคยชินไม่น้อย

“ห้องนี้พี่ซื้อทิ้งไว้เมื่อสองปีก่อน ปกติแล้วให้พวกต่างชาติเช่าอยู่ แต่พอดีเมื่อเดือนก่อนคนเช่ารายสุดท้ายเขากลับไปญี่ปุ่นแล้ว และก็ยังไม่มีใครเช่าต่อ พี่คิดว่าให้รัญชน์มาอยู่ที่นี่น่าจะสะดวกกว่าไปอยู่โรงแรมนะ แถมยังอยู่ใกล้โรงพยาบาลด้วย”

ธันย์เดินเข้ามาใกล้และเอ่ยบอก รัญชน์หันมายิ้มน้อยๆอย่างขอบคุณให้กับญาติผู้พี่

“อ่ะ แล้วก็นี่กุญแจรถ เผื่อรัญชน์จะไปไหนเอง ในรถมีจีพีเอสอยู่แล้ว ใช้ได้ตามสบายเลยนะ”

“ขอบคุณครับ”

รัญชน์บอกแล้วรับกุญแจมา ธันย์มองสีหน้าหมองๆแล้วก็นึกเห็นใจไม่น้อย

“อยากได้อะไรอีกไหม? พี่จะได้หามาให้”

รัญชน์ส่ายหน้าช้าๆ ธันย์ยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะรัญชน์ไว้แล้วพยักพเยิดไปยังห้องนอน

“งั้นไปนอนพักก่อนเถอะ ตื่นมาจะได้สดใส เดี๋ยวพี่จะเข้าสำนักงานเสียหน่อย สักสี่โมงเย็นจะแวะมาหาก็แล้วกัน แล้วเราค่อยไปหารตาพร้อมกัน โอเคไหม?”

ธันย์ยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้ รัญชน์ฝืนยิ้มแล้วยกนิ้วเกี่ยวก้อยไว้ก่อนจะพยักหน้ารับ

ภายนอก..เมฆฝนที่มืดครึ้มตั้งแต่ตอนที่ธันย์พารัญชน์ออกมาจากโรงพยาบาลก็ทิ้งสายฝนลงมาโปรยปรายเหนือกรุงเทพ

กว่าจะเลิกงานก็เย็นค่ำมากแล้ว กวินท์ที่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดยิ้มให้กับพยาบาลที่ทักทายขณะเดินสวนกัน บรรยากาศภายในโรงพยาบาลยามค่ำเงียบเหงากว่าตอนช่วงกลางวัน

กวินท์เดินอย่างไม่รีบร้อนแวะทักทายคนไข้บ้างเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลบ้างจนกระทั่งไปถึงลานจอดรถ

ปกติแล้วเวลาพักผ่อนของกวินท์มีไม่มากสักเท่าไหร่นัก อย่างในวันนี้ที่ได้หยุดพักตั้งแต่สองทุ่มถึงเจ็ดโมงเช้าก็ถือว่ามากกว่าหลายๆวันที่ผ่านมาแล้ว แต่ยิ่งทำงานหนักเท่าไหร่ ก็หมายความว่าทุกนาที ทุกชั่วโมงที่อยู่ในห้องผ่าตัดนั้น เขาได้ช่วยชีวิตคนไข้ให้มีชีวิตอยู่รอดมากยิ่งขึ้น

การเป็นแพทย์นั้นคืออาชีพที่กวินท์รักและอุทิศชีวิตให้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกวินท์ได้เห็นตัวอย่างจากพ่อซึ่งเป็นศัลยแพทย์ที่ประเสริฐที่สุดเท่าที่กวินท์เคยได้เห็นมา

ไม่ใช่เพียงแต่การเป็นแพทย์ของพ่อเท่านั้นที่กวินท์นับถือ

แต่ในด้านของครอบครัวและผู้ชายคนหนึ่ง กวินท์ก็นับถือพ่อมากที่สุด พ่อที่ทั้งใจดีและเข้าใจทุกคนรอบข้าง พ่อที่รักครอบครัว และแบ่งหน้าที่ของการเป็นแพทย์เพื่อช่วยรักษาชีวิตคน เป็นพ่อที่คอยสั่งสอนและดูแลเขา และเป็นสามีที่คอยเป็นคู่ชีวิตของแม่

เช่นเดียวกับแม่ที่เป็นทั้งแม่และภรรยาที่ดีที่สุด ทุกอย่างนี้กวินท์ยึดเอาเป็นแบบอย่างทั้งสิ้น

ทุกครั้งที่หลายคนบอกว่าเขาเป็นคนดีเหมือนพ่อ กวินท์จะยิ้มรับด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจและดีใจที่ได้เป็นลูกของพ่อกับแม่

กวินท์อยากเป็นอย่างพ่อและอยากมีคู่ชีวิตที่รักและเข้าใจกัน พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างด้วยกันตลอดไป

แต่กวินท์ก็รู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นไม่เคยคิดที่จะขวนขวายหาความรักจากใครแม้ว่าตัวเองจะอยู่เป็นโสดมาตลอดก็ตามที นั่นเป็นเพราะเขามีใครบางคนที่แอบซ่อนเอาไว้ในใจมานานกว่าสิบห้าปี

ใครบางคนที่เขาเฝ้ารอมาตลอด ที่จะได้พบกันอีกครั้ง
(ต่อ)
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.2 (Update 4/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 07-03-2013 22:22:10
กวินท์คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งกลับถึงห้องพัก เขาเปิดไฟในห้องขึ้น ทุกอย่างภายในห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดตาอย่างที่เป็นวิสัยปกติของเขา แต่มันก็เป็นห้องที่ไร้สีสันและดูแห้งแล้งไม่มีชีวิตชีวาด้วยเช่นกัน

กวินท์ถอดเสื้อโค้ทที่สวมไว้ไปแขวนก่อนจะเดินเข้าไปเปิดเพลงให้ห้องมันหายเงียบ เสียงเพลงพอจะคลายความเหงาให้จางหายลงไปได้บ้าง กวินท์ยิ้มอ่อนๆที่มุมปากขณะมองไปยังรูปวาดจี้สีฟ้าที่วางอยู่ตรงข้างชั้นสเตอริโอ

พอมองแล้วก็ให้นึกถึงรักแรกที่มอบใจให้ไป เป็นสิ่งที่ทำให้กวินท์หายเหงาได้ทุกครั้งที่นึกถึง

ป่านนี้...ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะหน้าตาเป็นอย่างไร จะยังคงมีแววตาที่ทั้งเศร้าและดื้อรั้นอยู่อีกไหม และเมื่อใด..ถึงจะกลับมาไทย...

กลับมาพบกับเขาตามที่เธอเคยให้สัญญาเอาไว้

แววตาที่ทั้งเศร้าและดื้อรั้น?

คำๆนี้ทำให้ใบหน้าของใครบางคนที่ได้พบกันในระยะเวลาสั้นๆเมื่อวานนี้ลอยเด่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด...หัวใจของกวินท์เต้นผิดจังหวะอย่างบอกไม่ถูกก่อนที่จะส่ายหน้าให้กับความคิดของตนเอง

คนๆนั้นเป็นผู้ชาย...คงไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขา

กวินท์บอกตัวเองเช่นนั้นก่อนเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง หยาดน้ำฝนที่หยุดตกไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วยังคงเกาะอยู่บนบานกระจก

ศัลยแพทย์หนุ่มขยับเข้าไปใกล้บานกระจกและยกมือขึ้นมาแตะกระจกเอาไว้ หยาดน้ำค่อยๆไหลลงมาด้านล่าง แสงไฟสะท้อนเข้ามาพราวระยับเหมือนประกายอัญมณี

กว่าสิบห้าปีแล้วที่กวินท์เฝ้ามองดูน้ำฝนหยาดร่วงลงจากฟ้าท่ามกลางการรอคอยรักแรกของเขา

“เมื่อไหร่..ผมจะได้พบกับคุณกันนะ...”

กวินท์อยากรู้นัก..ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่มีจี้พลอยสีฟ้าที่ชิงเอาหัวใจของเขาไปนั้น..

จะยังจำเขาได้หรือเปล่า...

คิดแล้วกวินท์ก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ เขาฮัมเพลงตามเสียงเมโลดี้ของเพลงที่ดังอยู่ก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำไป น้ำอุ่นช่วยให้เขาผ่อนคลายได้เสมอๆ กวินท์เปิดน้ำให้ไหลวนลงไปในอ่างขณะที่ถอดเสื้อผ้าออกและลงไปแช่ เสียงเพลงในห้องนอนยังคงดังเข้ามาให้ได้ยิน

I know you're there
A breath away's not far
To where you are

ตื่นเช้ามาฝนก็กำลังตกอีกครั้ง..เหนือฟากฟ้าของกรุงเทพมันมืดครึ้มด้วยสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัวมาได้สามสี่วันแล้ว บรรยากาศเปียกชื้นมันพาให้รู้สึกไม่ค่อยปลอดโปร่งเท่าที่ควรนัก

เวลาพักผ่อนที่หาได้ยากของกวินท์มันกำลังจะหมดลงและกำลังเริ่มต้นเข้าสู่วันใหม่ที่กวินท์มุ่งมั่นที่จะตั้งใจทำงานเช่นเคย

หน่วยตาคมทอดมองออกไปข้างนอกตัวรถที่กำลังขับเคลื่อนไปตามท้องถนนอย่างช้าๆเพราะความแออัดบนเส้นทางจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนของวันทำงานที่ทุกคนก็ต่างมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของตนเอง

ทุกครั้งที่ฝนตก ความรู้สึกและความทรงจำในช่วงเวลานั้นก็มักจะย้อนกลับมาอย่างแจ่มชัด สัมผัสชั่ววินาทีที่แผ่วเบา อ่อนหวานและซาบซึ้งเข้าไปถึงข้างในจิตใจ ทั้งยังตราตรึงไม่จางหายแม้เวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตามที

รอยยิ้มวาดขึ้นมุมปากของร่างสูงขณะที่หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้า
ไปในโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของตนเอง ทิ้งเอาม่านสายฝนที่ปลุกความทรงจำแสนหวานให้หวนกลับคืนมาไว้เบื้องหลังเพื่อเผชิญหน้ากับหน้าที่ๆต้องทำในวันนี้ต่อไปอีกแปดชั่วโมง หนึ่งในนั้นคือการไปตรวจดูอาการของคุณหนูรตาลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา

นึกถึงรตาแล้วต้องให้นึกถึงน้องชายของเธออีกครั้ง

ยังจะอยู่หรือเปล่านะ..

ขณะเดียวกัน รัญชน์ที่อยู่ค้างคืนที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานตอนที่มาหาพี่สาวอีกครั้งพร้อมกับธันย์ในช่วงเย็นกำลังยืนคุยกับพี่สาวอยู่ ประเด็นของการพูดคุยก็หนีไม่พ้นของชิ้นเล็กๆที่เป็นของสำคัญของพี่สาว

“มันขาดตอนวันก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุน่ะ รัญชน์คิดว่าจะซ่อมได้ไหม?” รตาถามอย่างเป็นกังวล สายตาเฝ้ามองดูน้องชายของเธอพลิกดูสร้อยคอที่อยู่ในมือ

“ก็น่าจะได้นะ ยังไงเดี๋ยวผมเอาไปส่งซ่อมให้ ระหว่างนี้เอาของผมไปแทนก่อนก็แล้วกัน”

รัญชน์ว่าแล้วเอื้อมมือมาปลดสร้อยที่ตนเองสวมอยู่ออก จี้สีฟ้าที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้อสะท้อนเป็นประกายกับแสงไฟที่เปิดไว้ตรงหัวเตียง รัญชน์จัดการเปลี่ยนสร้อยของพี่สาวที่ขาดให้เป็นสร้อยของตนเองแทน

“สำหรับพี่อาจจะยาวไปหน่อยมั้ง แต่ไว้ซ่อมเสร็จแล้วค่อยมาเปลี่ยนกลับไปก็แล้วกัน”

“อื้อ ขอบใจนะ”

รตาส่งยิ้มอย่างขอบคุณให้น้องชายที่จัดการเก็บสร้อยคอพร้อมจี้อันสำคัญของเธอลงกล่องคืนมาให้

“แล้วระวังอย่าให้ขาดอีกเส้นล่ะ”

รัญชน์ว่ายิ้มๆแล้วเก็บเอาจี้ของตัวเองพร้อมสร้อยที่ขาดของพี่สาวใส่กระเป๋ากางเกงไว้ พอดีกับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น รัญชน์เบ้หน้าน้อยๆเมื่อเห็นหน้าแพทย์ที่เข้ามาตรวจดูอาการของพี่สาว

เห็นออกการทางสีหน้าของน้องชายแล้ว รตาก็อดไม่ได้ที่จะตีแขนขาวและส่ายหน้าอย่างนึกขำกับกิริยาของน้องชายที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนักก่อนหันไปทักทายคนที่เข้ามา

“สวัสดีค่ะคุณหมอ”

“สวัสดีครับ”

กวินท์ตอบกลับมาอย่างสุภาพ เขาเหลือบมองใบหน้าดื้อรั้นของคนที่ถอยห่างออกไปยืนดูอยู่ใกล้ๆก่อนหันกลับมาหาคนไข้สาวที่ยิ้มแย้มให้อย่างสดใสแล้วเริ่มไตร่ถามถึงอาการอย่างที่เคยทุกวัน

รอยยิ้มแย้มบนใบหน้าของพี่สาวขณะตอบคำถามของศัลยแพทย์หนุ่มกับน้ำเสียงทุ้มที่ไตร่ถามอาการสลับกับเสียงลากปากกาเพื่อจัดบันทึกลงในแผ่นแฟ้ม มองดูยังไงก็ขัดหูขัดตาจนคนที่กอดอกอยู่แสดงทีท่าฮึดฮัดออกมาก่อนจะกระแทกส้นเท้าเดินปึงปังออกจากห้องพักฟื้นของพี่สาวออกไปด้านนอก

“ขอโทษนะคะที่ตารัญชน์ทำเสียมารยาทแบบนี้”

ร่างสูงในชุดกาวน์คลี่ยิ้มอ่อนๆก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่เป็นไรครับ”

กวินท์พับแฟ้มในมือลงก่อนจะยื่นให้กับพยาบาลรับไป

รอยยิ้มสวยหวานของคุณหนูรตาบางครั้งก็ทำให้เขานึกอึดอัดใจไม่น้อยระหว่างที่รับหน้าที่รักษาเธอเช่นนี้พอๆกับความคาดหวังของผู้เป็นบิดาของเธอ แต่เพราะต้องรักษามารยาทเอาไว้ร่างสูงจึงยิ้มให้เธออย่างสุภาพ

“ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วตอนเย็นจะมาใหม่อีกครั้ง”

ดวงตาของหญิงสาวบ่งบอกความเสียดายให้กวินท์รู้สึกอึดอัดใจหนักขึ้นไปอีก

เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเพื่อเดินออกไป แต่มือของเธอก็เอื้อมมาดึงชายเสื้อเขาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนค่ะ..อ๊ะ!”

บางสิ่งที่กวินท์ไม่ทันสังเกตในตอนแรกเพราะหญิงสาววางมือทับมันเอาไว้กลิ้งตกจากเตียงเนื่องจากรตาปัดมันหล่น

กล่องเล็กๆนั้นตกกระแทกพื้นจนฝามันเปิดออก ของที่อยู่ในนั้นหล่นออกมากองอยู่กับพื้น ศัลยแพทย์หนุ่มที่ถูกรั้งไว้ก็ย่อตัวลงมาเก็บให้กับหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง

กวินท์เลิกคิ้วเมื่อเห็นสิ่งที่ตกอยู่ มันเป็นสร้อยทองคำขาวที่มีจี้รูปหยดน้ำประดับพลอยคล้องเอาไว้ รูปแบบของจี้ที่กวินท์ปรารถนาที่จะได้เห็นอีกครั้งมีโดยตลอดมันหยุดสายตาของเขาไว้

ศัลยแพทย์หนุ่มหยิบมันขึ้นมาพินิจมองด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เขาหยิบมันขึ้นมาและลุกขึ้นยืนมองหน้าของคนไข้สาว

“ของคุณหรอครับ?”

“ค่ะ”

รตายิ้มให้เขาและยื่นมือไปรับมันมา ประกายสีชมพูอ่อนบนพลอยเม็ดใสยังสะท้อนอยู่ในดวงตาคมที่จับจ้องมองอยู่

“สวยดีนะครับ แบบแปลกตาดี ผมไม่เคยเห็นจี้แบบนี้มาก่อน”

กวินท์เอ่ยอย่างลองเชิงดู เขาเคยตามหาจี้แบบนี้มาหลายหนจนเริ่มท้อ แต่อยู่ๆมันก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

เพียงแต่สิ่งเดียวที่เขาติดใจ..ก็คือสีชมพูที่สะท้อนอยู่กับประกายของพลอยเม็ดโตนั้น กวินท์ยังจำได้ดีถึงภาพของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆซึ่งสวมสร้อยคอที่ห้อยจี้แบบนี้โดยมีม่านน้ำฝนเป็นฉากหลัง

และประกายของพลอยเม็ดนั้น มันเป็นสีฟ้าไม่ใช่สีชมพูเช่นนี้

“เป็นจี้ที่คุณแม่ของฉันออกแบบเองค่ะ ไม่มีขายทั่วไป ท่านให้ตอนวันเกิดอายุสิบขวบของฉัน คุณหมอชอบหรอคะ?”

รตาถามด้วยใบหน้ายิ้มๆ เธอมองดูจี้ในมือของตัวเองสลับกับใบหน้าหล่อคมของคุณหมอที่ยังคงจับจ้องไปที่สร้อยเส้นสำคัญของเธออย่างไม่วางตา

“เห็นว่าแบบมันสวยดีน่ะครับ ยังไงผมก็ขอตัวก่อนนะครับ”

ศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยลาอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาจากห้องของเธอ กวินท์ยังรู้สึกว่าหัวใจยังคงเต้นรัวอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นสร้อยเส้นนั้น

โดยไม่รู้เลยว่าจี้พลอยสีฟ้าที่เขาตามหาอยู่นั้น..อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมของเขาเลย

พอเห็นศัลยแพทย์หนุ่มเดินออกมาแล้ว รัญชน์ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงริมระเบียงด้านนอกก็เมินหน้าหนี กวินท์ที่เดินออกมาเจอว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่นั้นก็นิ่วหน้าก่อนจะเปรยขึ้นมา

“ที่นี่คือโรงพยาบาล ผมว่าคุณไม่ควรจะสูบบุหรี่นะครับ”

น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยสำเนียงตำหนิทำให้รัญชน์ต้องชักสีหน้า

ร่างบางกดบุหรี่ลงกับที่ตลับเขี่ยแล้วเดินกระแทกส้นเท้ากลับเข้าไปในห้อง โดยทิ้งสายตาไม่พอใจที่ศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยตำหนิไว้ตอนที่เดินสวนกัน

กวินท์มองตามไล่หลังไปก่อนจะส่ายหน้าช้าๆกับกิริยาที่ไม่น่ารักของอีกฝ่าย ได้เจอหน้าลูกชายคนเล็กของผู้อำนวยการมาสองครั้ง กวินท์ก็สัมผัสได้แต่ความดื้อรั้นของอีกฝ่าย

ไม่สิ...บางอย่างในแววตาคู่สวยที่แสนดึงดูดนั่น ไม่ได้มีแค่ความดื้อรั้น..มันมีความเหงาและความอ้างว้างซ่อนเอาไว้อย่างที่เจ้าตัวคงไม่อยากเปิดเผยให้ใครได้เห็นด้วย ถึงได้ดึงเอาความดื้อรั้นออกมากลบเกลื่อนเอาไว้

มันเป็นเพราะอะไรกันนะ...

คิดแล้วกวินท์ก็ต้องยิ้มขำตัวเองขณะเดินนำนางพยาบาลออกไป แต่รอยยิ้มนั้นกลับสะดุดคนที่เดินสวนมาจนต้องเอ่ยถาม

“กวินท์มีเรื่องอะไรดีๆหรือไง ถึงได้เดินไปยิ้มไปน่ะหืม?”

กวินท์ชะงักเท้าก่อนเงยหน้าขึ้นมาคนที่เอ่ยทัก ธันย์ที่หิ้วอาหารเช้ามาให้รัญชน์ส่งรอยยิ้มสดใสมาให้เขา กวินท์หันไปพยักหน้าให้พยาบาลล่วงหน้าไปยังห้องคนไข้รายต่อไปก่อน

“ขำญาติของพี่น่ะสิ”

“รตาน่ะหรอ?” ธันย์ถามพลางเลิกคิ้ว กวินท์เลยส่ายหน้า

“ไม่ใช่ คนน้องน่ะ”

“รัญชน์น่ะหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”

“ชื่อรัญชน์อย่างนั้นหรอ ชื่อน่ารักดีนะ” ศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยชมก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟัง

“เขาคงไม่พอใจผมอะไรสักอย่าง เลยเดินออกจากห้องมายืนสูบบุหรี่อยู่ตรงริมหน้าต่าง พอผมเตือนเขาก็ชักสีหน้าใส่ผมเดินกระแทกเท้ากลับเข้าห้องไป ดูท่าคงจะเกลียดขี้หน้าผมแล้วล่ะ”

ธันย์ฟังแล้วก็หัวเราะก่อนจะตบบ่าของเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทไปสองสามที

“รัญชน์น่ะอาจจะดูเป็นเด็กดื้อ แต่จริงๆเป็นเด็กดีนะ แค่ออกจะมีโลกส่วนตัวสูงไปหน่อยเท่านั้นแหละ ไว้เย็นนี้เลิกงานแล้วขึ้นมาสิ จะแนะนำให้รู้จัก รัญชน์กับกวินท์มีอะไรหลายอย่างที่ชอบเหมือนๆกัน ได้คุยกันบ้างน่าจะถูกคอนะ”

กวินท์พยักหน้ารับทั้งที่รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของธันย์ไม่น้อย

เขากับรัญชน์ชอบอะไรหลายอย่างเหมือนๆกันอย่างนั้นหรอ?

กวินท์นึกแล้วก็อดคิดไปถึงหลายวันก่อนที่รตาเอาของว่างมาให้เขาตอนกลางคืนก่อนเขาเข้าเวรดึกไม่ได้

วันนั้นหญิงสาวบอกเขาว่าเขาชอบพายแอปเปิ้ลกับอเมริกาโน่เหมือนกับน้องชายของเธอ วันนี้ธันย์ก็มาพูดอีกว่าเขากับรัญชน์ชอบอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนกัน

ศัลยแพทย์หนุ่มอดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่ายังจะมีอะไรนอกเหนือพายแอปเปิ้ลกับอเมริกาโน่อีกที่รัญชน์ชอบเหมือนกับเขา

อีกด้านภายในห้องพักฟื้นของรตา รัญชน์เดินกระแทกเท้ากลับเข้าไปหาพี่สาว ใบหน้าชวนมองของเขายังคงบึ้งตึงจนคนเป็นพี่อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและยกมือขึ้นมาหยิกไหล่น้องชาย

“มารยาทไม่ดีเลยนะรัญชน์ ทำกิริยาแบบนั้นกับคุณหมอกวินท์ได้ยังไงกัน”

กวินท์!?

“พี่บอกว่าหมอคนนั้นชื่ออะไรนะ? กวินท์อย่างนั้นหรอ!?”

ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของพี่สาวทำให้หัวใจของรัญชน์เต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากร่าง ทั้งกายเหมือนโดนฟ้าผ่าลงมา ทั้งความช็อกและความดีใจมันวิ่งพล่านไปทั่ว

“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า?”

รตาถามอย่างงุนงงกับปฏิกิริยาของน้องชาย

แต่รัญชน์ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาผลุนผลันออกจากห้องไปอีกครั้ง

กวินท์ยืนอยู่ตรงสุดปลายทางเดินนั่น แต่ขาของรัญชน์กลับก้าวต่อไปไม่ออก เขายืนนิ่งอยู่หน้าห้องของพี่สาว ดวงตาจ้องมองไปยังรักแรกของตนด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่โถมเข้ามาพาให้สับสน

ทั้งนึกกลัวและไม่กล้าที่จะเข้าไปหาเพราะคาดเดาไม่ถูกว่ากวินท์จะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อได้พบเขา

จะจำได้ไหม..กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ได้พบกันเมื่อสิบห้าปีก่อน

จะยังจำคำสัญญาที่เคยพูดออกมาได้หรือเปล่า

และกวินท์จะจำรัญชน์คนนี้ได้หรือเปล่านะ..

หรือจะลืมกันไปแล้ว ในเมื่อเวลามันก็ผ่านไปเกือบสิบห้าปีแล้ว ขนาดหน้าตา..รัญชน์ยังจำไม่ได้เลย

สิ่งที่ยังคงจำได้..มันก็เป็นเพียงรสจูบแผ่วหวานท่ามกลางเสียงฝนที่ตกลงมากระทบพื้นไม้เท่านั้น...

รสจูบที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดมา

พอนึกถึงแล้ว..รัญชน์ก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วขึ้นมาแตะกับริมฝีปากของตนเอง ใบหน้าน่ารักนั้นร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เพราะมัวแต่ลังเลและรีรออยู่นั้นเอง กวินท์ที่คุยกับธันย์เสร็จแล้วก็หันหลังเดินเข้าไปในลิฟต์เสียก่อน

รัญชน์ถอนหายใจด้วยความเสียดายกับความไม่กล้าของตนเองและต้องรีบปรับสีหน้าของตนเองเมื่อธันย์เดินเข้ามาหา

“ว่าไงเรา จะออกมาหาเรื่องกวินท์หรือไง?”

ชื่อของกวินท์ดังออกมาจากปากของญาติผู้พี่มันเหมือนกระชากหัวใจรัญชน์ให้เต้นแรงอีกรอบ

ร่างบางเม้มริมฝีปากสะกดความตื่นเต้นข้างใน

แต่อากัปกิริยานั้นพาให้ธันย์เข้าใจไปว่ารัญชน์กำลังขุ่นเคืองอะไรศัลยแพทย์หนุ่มอยู่ เขาตั้งท่าจะเปลี่ยนเรื่องแต่รัญชน์ก็โพล่งถามขึ้นมาก่อน

“หมอคนนั้น..ชื่อกวินท์อย่างนั้นหรอ?”

คำถามนี้ต้องทำให้ธันย์ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจก่อนจะพยักหน้าทั้งที่ยังคงสงสัยอยู่

“ใช่ คุณหมอกวินท์..กวินท์น่ะ รัญชน์อาจจะไม่คุ้น แต่เป็นลูกชายคนเดียวของคุณอากสิณไง มีอะไรหรือเปล่า?”

รัญชน์สั่นศีรษะให้กับคำถามที่ย้อนถามกลับมา หัวใจที่เต้นแรงมันกำลังบีบรัดอยู่ในอกของรัญชน์ คงจะเป็นกวินท์เดียวกันกับที่เป็นรักแรกของเขาแน่ๆ รัญชน์ยังคงจำคำถามที่ผู้เป็นแม่ย้อนถามกลับมาหลังจากที่รัญชน์ได้พบกับกวินท์ได้เป็นอย่างดี

‘กวินท์? ลูกชายของคุณอากสิณใช่ไหม?’

“ว่าแต่รัญชน์ถามทำไมหรอ?” ธันย์ถามอย่างไม่หายสงสัย รัญชน์สะดุ้งอย่างมีพิรุธ

“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่พี่สนิทกับเขาหรอ? เห็นยืนคุยเหมือนสนิทกันเลย”

“อืม กวินท์น่ะเคยเป็นรูมเมทกับพี่ตอนสมัยเรียนที่ลอนดอนเมื่อหลายปีก่อนน่ะ หมอนี่น่ะเรียนเก่งมากเลยนะ ฝีมือการผ่าตัดก็เป็นเลิศ คุณลุงถึงได้เรียกให้กวินท์มารับผิดชอบเคสผ่าตัดของรตาไง”

ธันย์พูดอย่างภูมิใจในตัวเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทที่แสนเก่งของเขา โดยไม่ทันสังเกตอาการของรัญชน์ที่รับฟังอยู่ว่าดูจะสนใจในข้อมูลที่ได้ยินมากแค่ไหน

“เขา..เป็นศัลยแพทย์อย่างนั้นหรอ?”

“ใช่แล้ว มือหนึ่งของที่นี่เลยล่ะ เพิ่งจะเลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกศัลยแพทย์เมื่อต้นปีนี้เอง ดูท่าทางแล้วคุณลุงจะคาดหวังเอาไว้มาก ทั้งเรื่องโรงพยาบาลที่จะให้สานต่อแล้วก็เรื่องแต่งงานกับรตา”

สิ่งที่ธันย์พูดทำให้รัญชน์ตกตะลึงจนลืมสังเกตว่าญาติผู้พี่นั้นมีน้ำเสียงและแววตาหม่นหมองมากเพียงใด

รัญชน์มองหน้าธันย์แต่ในใจมีแต่ประโยคที่ธันย์บอกว่าพ่อของเขาต้องการให้รักแรกของเขาแต่งงานกับพี่สาวซ้ำไปซ้ำมาราวกับมีใครอัดเทปมาเปิดซ้ำๆให้ฟัง

“พ่ออยากให้เขาแต่งงานกับพี่รตาอย่างนั้นหรอ?”

“ใช่..แล้วดูท่า รตาเองก็มีใจให้กวินท์ด้วยอยู่เหมือนกัน”

ธันย์พูดออกไปโดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่ามันไม่ได้ทำร้ายหัวใจของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่กับญาติผู้น้องที่ยืนนิ่งเงียบไปนั้นก็ถูกทำร้ายด้วยเช่นกัน

“เขาเป็นคนดีใช่ไหม?"

รัญชน์ถามออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง เขากำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงสิบนาที น้ำเสียงที่เอ่ยตักเตือนเขาไม่ให้สูบบุหรี่มันยังคงก้องอยู่ที่หูจนรัญชน์นึกเสียใจที่ทำกิริยาไม่ดีไปให้กวินท์ได้เห็นเช่นนั้น

"อืม เป็นผู้ชายที่นิสัยดีมากเลยล่ะ"

ถ้าอย่างนั้นเขาควรจะดีใจสินะ ที่พี่สาวของเขาจะมีคู่ครองที่เหมาะสมและเป็นคนดีอย่างกวินท์

ทว่า..ภายในหัวใจมันเจ็บแปลบ ราวกับเกิดบาดแผลที่มองไม่เห็นขึ้นบนก้อนเนื้อที่กำลังเต้นช้าลง รัญชน์ฝืนยิ้มให้กับญาติผู้พี่

"ว่าแต่พี่เอาอะไรมาบ้าง? ผมหิวแล้วล่ะ"

"พี่ซื้อมาหลายอย่างเลยล่ะ แต่เป็นอาหารไทยมั้งนั้นเลยนะ คิดว่ารัญชน์น่าจะคิดถึงรสชาติไทยดั้งเดิมน่ะ"

รัญชน์พยักหน้าทั้งที่ยังคงฝืนยิ้มให้ กล้ำกลืนเอาความเจ็บปวดที่เคยคิดกลัวลงไปซ่อนไว้เพื่อไม่ให้ธันย์รู้

"ดีเลย งั้นเข้าไปทานกันดีกว่า พี่เองก็ยังไม่ทานมาใช่ไหมล่ะ"

รัญชน์ว่าอย่างรู้ดีในนิสัยของพี่ชาย ตอนที่ธันย์ไปเรียนต่อโทที่นิวยอร์กและอาศัยอยู่ในแมนฮัตตันก็มักจะมาหารัญชน์ที่บรูคลินอยู่เสมอๆ

มาแล้วก็ไม่มามือเปล่า มักจะหิ้วอาหารมาด้วยซึ่งก็หนีไม่พ้นอาหารไทยเกือบทุกครั้ง มีทั้งที่ธันย์ลงมือทำเองและซื้อมาจากเจ้าประจำ บางครั้งก็ซื้อของสดมาทำที่แมนชั่นเขาก็มี

"ก็แน่นอนอยู่แล้ว มากินกับนายดีกว่านั่งกินคนเดียวแล้วมานั่งมองนายกินนี่นา"

รัญชน์พยักหน้าเข้าใจก่อนดันไหล่พี่ชายที่แสนใจดีให้เดินเข้าไปในห้องที่เขาหันไปเปิดประตูให้ แต่ก่อนจะเดินตามเข้าห้องไป รัญชน์ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังลิฟต์อีกครั้งอย่างคาดหวังว่าจะได้พบกับกวินท์อีกรอบ

ทว่าคนที่ออกมาจากลิฟต์ซึ่งขึ้นมาถึงชั้นพอดีนั้นกลับไม่ใช่กวินท์

แต่เป็นพ่อของเขาเองที่ชักสีหน้าทันทีเมื่อเห็นหน้าเขา

รัญชน์ละมือจากบานประตู เขาก้มหน้าลงเพราะไม่อยากสบตากับผู้เป็นพ่อ ไม่อยากเห็นแววตาชิงชังที่รัญชน์ได้แต่เดาว่ามันเป็นเพราะตัวเขาทำให้พ่อคิดถึงแม่ที่ทรยศหนีไปแต่งงานใหม่กับภวัต

"แกยังไม่กลับไปอเมริกาอีกหรือ?"

น้ำเสียงของพ่อลดความดุดันลงจากเมื่อวาน แต่ก็ยังแสดงชัดถึงความห่างเหิน

"ผมคงจะอยู่อีกสองสามวันก็จะกลับไปครับ พ่อ..สบายดีนะครับ?"

รัญชน์กลั้นใจถามออกไป เขาตัดสินใจเงยหน้าขึ้น มองหน้าพ่อที่เขาคิดถึงมาตลอดและได้เห็นแววตาห่างเหินอย่างถือตัวจากพ่อที่เคยรักและใจดีของเขา

"ก็สบายแต่ตัว ส่วนใจน่ะ อาจจะสบายขึ้นถ้าแกกลับไปอยู่กับแม่ของแกที่อเมริกา ฉันไม่อยากมีปัญหากับแม่แก เข้าใจไหม?"

น้ำเสียงบังคับเป็นกลายๆว่าให้เขารีบกลับไปอเมริกา หรือไปให้พ้นหน้าเสียตั้งแต่ตรงน้ำ รัญชน์เม้มริมฝีปากอย่างขมขื่นก่อนพยายามฝืนยิ้ม

"พ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ จะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น ผมรับรอง"

"ก็ดี"

ยชญ์พูดสั้นๆก่อนเดินผ่านรัญชน์เข้าไปในห้อง ทิ้งรัญชน์ให้อยู่กับความเจ็บปวดของการที่กลายเป็นลูกที่พ่อไม่รัก น้ำตามันเรื้อรินขึ้นมาบนหน่วยตาคู่งาม รัญชน์สูดลมหายใจเข้าลึกๆและแหงนหน้าขึ้น

เขา..ไม่อยากเสียน้ำตาให้กับความอ่อนแอที่แสนจะเคยชินของตนเอง

-TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.3 (Update 7/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 07-03-2013 23:10:40
อยู่กับแม่ก็ไม่ได้ อยู่กับพ่อพ่อก็ดันมาเกลียด มันจะอะไรนักหนาครอบครัวนี้สงสารรัญ (ชื่อ่านว่ายังไงคะ ช่วยเขียนเป็นคำอ่านให้หน่อย พอดีอยากรู้ค่ะ)
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.3 (Update 7/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 08-03-2013 19:45:24
(http://upic.me/i/kl/untitled-16.jpg)

  ตอนที่ ๔

 

“โตขึ้นฉันจะเป็นหมอ จะกลับมาทำงานที่นี่ เธอกลับมาอีกครั้ง เราจะได้เจอกันอีกไง..”

สายฝนที่ผ่านมาในม่านสายตากับเสียงหยดน้ำที่ตกกระทบลงกับพื้น สัมผัสเปียกชื้นที่สาดกระเด็นลงบนใบหน้า ทุกอย่างนี้มันกำลังเคาะ ความทรงจำเก่าๆให้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง

รัญชน์ยิ้มอย่างเศร้าๆกับความทรงจำอันแสนดีนั้น

มันเป็นรักแรกพบ..

ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปรายอยู่เหนือท้องฟ้าของกรุงเทพเมื่อสิบห้าปีก่อนและเป็นรักเดียวที่เขาปรารถนามาโดยตลอด..

เด็กผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวนัยน์ตาคมที่ได้พบกันโดยบังเอิญเพียงครั้งเดียว..ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ทิ้งความทรงจำอันแสนหวานให้กับเขาจนไม่อาจลืมได้..

ทั้งที่เคยเฝ้าฝันให้ได้เจอกันอีกครั้ง..

แต่ก็ไม่อยากเชื่อเลยสักนิดว่าจะได้เจอกันอีกทีอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้

รัญชน์คงจะดีใจไม่น้อยที่ได้พบกับกวินท์อีกครั้ง..

หากไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของผู้เป็นพี่สาวที่มีต่อกวินท์

รัญชน์ยิ้มหยันให้กับความรู้สึกของตนเองในยามนี้ก่อนเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่ขมุกขมัวไม่ต่างอะไรกับความรู้สึก

จะทำอย่างไรดี..

จะค้นหาความรู้สึกนี้ต่อหรือไม่...

กวินท์เอง...จะรู้สึกเช่นเดียวกันหรือเปล่า

คำพูดที่เคยบอกว่าจะรอเพื่อให้ได้พบกันอีกครั้ง กวินท์ยังจะจำมันได้ไหม...

รัญชน์จะคาดหวังเกินไปไหม...

ที่จะคิดเข้าข้างตัวเองว่าการที่อีกฝ่ายกลับมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลนี้..ก็เพราะอยากจะพบกันอีกครั้ง..ทั้งที่กวินท์อาจเพียงสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อก็เป็นได้

เขาอาจจะลืมไปแล้ว อาจไม่เคยใส่ใจอีกเลย

กับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆอีกคน...

ที่เคยได้จูบกันท่ามกลางสายฝนเมื่อสิบห้าปีก่อนอย่างรัญชน์...

สายฝนยังตกโปรยปรายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลาเลิกงานของกวินท์ สาเหตุก็คงเป็นเพราะลมมรสุมที่พัดผ่านเข้ามาจากทางทะเล กวินท์มองดูท้องฟ้าที่ดูมืดราวกับหัวค่ำแล้วก็ถอนหายใจช้าๆ

ศัลยแพทย์หนุ่มดึงเอาสายหูฟังจากคอของตัวเองไปแขวนไว้ที่ผนังอันเป็นที่ประจำของมันก่อนส่งแฟ้มของคนไข้รายสุดท้ายของวันนี้ให้กับนางพยาบาลที่เข้ามารับไปแล้วถึงเดินออกมาจากห้องตรวจ

เพราะคืนนี้เขาเป็นเวรต้องอยู่ต่อตอนหลังจากเที่ยงคืน กวินท์เลยเลือกที่จะขึ้นไปงีบบนห้องพักของเขาที่อยู่บนชั้นวีไอพีซึ่งเคยเป็นห้องพักของพ่อเขามาก่อนที่จะปลดเกษียณเพื่อที่จะได้ไม่ต้องขับรถฝ่าสายฝนกลับไปยังที่พักของเขาให้มันลำบากเสียเปล่าๆ

กวินท์ยิ้มรับคำทักทายจากทั้งนางพยาบาลและคนไข้ที่เดินสวนมาก่อนที่จะปลีกตัวเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยบันไดหนีไฟ

เขาเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆ ความคิดจมอยู่กับจี้ห้อยคอของคนไข้สาวที่เขาได้เห็นเมื่อเช้าอีกครั้ง

แต่กวินท์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อความคิดของเขาถูกรบกวนด้วยใบหน้าน่ารักกับสายตาขุ่นมัวของลูกชายคนสุดท้องของผ.อ.ยชญ์

พอพบว่าความคิดของตนเองมันไปหยุดอยู่ที่เด็กคนนั้นแล้ว กวินท์ก็ต้องส่ายหน้าให้กับตัวเอง อะไรบางอย่างในแววตาดื้อรั้นคู่นั้นมันทำให้กวินท์รู้สึกคุ้นเคยจนต้องเก็บมาคิดกันนะ..

ศัลยแพทย์หนุ่มเพียรนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียทีจนน่าโมโห

กวินท์ยังจมอยู่กับความสงสัยของตัวเองจนกระทั่งเดินขึ้นมาจนถึงชั้นวีไอพี

สิ่งที่ผ่านเข้ามาในสายตาของศัลยแพทย์หนุ่มทันทีที่เปิดประตูออกไปตรงนอกระเบียงที่จะเป็นทางเข้าไปยังห้องพักด้านนอกของเขาทำให้สองขาหยุดชะงักลงอย่างสงสัย

แผ่นหลังเล็กสมส่วนของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนตากฝนอยู่ มันพาให้เขาเดินเข้าไปหาพร้อมกับคิ้วเรียวเข้มที่ขมวดขึ้นวงหน้าคมดูดุขึ้นราวกับไม่พอใจกับสิ่งที่เห็น

“ทำไมคุณถึงมายืนตากฝนอยู่แบบนี้?”

พอเข้าไปใกล้แล้วดึงอีกฝ่ายให้เข้ามายังด้านในของระเบียงที่ไม่โดยฝนสาดแล้วกวินท์ถึงได้รู้ว่าเจ้าของแผ่นหลังเล็กนี้คือคนที่ตนเองกำลังคิดถึงอยู่ แม้รัญชน์จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาก็ตามที

กวินท์สะกดอารมณ์ของตัวเองที่อยู่ดีๆก็เริ่มใจเต้นขึ้นมาอีกครั้งยามมองใบหน้าใสของอีกฝ่ายที่ละอองฝนมันยังคงสาดกระทบเข้ามาเพราะแรงของลมกลางคืนบนชั้นที่สิบเก้านี้

รัญชน์นิ่งเงียบไม่ตอบคำถามของศัลยแพทย์หนุ่ม

เขาเอาแต่ก้มหน้าลงมองพื้นไม้บนระเบียง น้ำฝนที่สาดเข้ามามันค่อยไหลลงไปตามร่องของระเบียงไม้ที่จัดไว้เป็นสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนนี้

รัญชน์มองมันทั้งที่รู้ว่ามองไปก็ไร้ประโยชน์แต่ก็ยังเลือกที่จะมองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมองหน้าคู่สนทนาที่อยู่ๆก็มาปรากฏกายให้เขาทั้งรู้สึกยินดีและอึดอัดไปพร้อมๆกัน

“เข้าไปข้างในก่อนเถอะ..”

ศัลยแพทย์หนุ่มบอกแล้วดึงแขนจะพาคนตัวเล็กให้กลับเข้าไปด้านในของตึก แต่รัญชน์กลับยืนนิ่งไม่ยอมเดินไปตามแรงดึงของเขา

กวินท์จึงหันมามองหน้ารัญชน์อีกครั้งทั้งที่มองไปก็เห็นแต่อีกฝ่ายก้มหน้าไม่ยอมเงยมามองเขา

ศัลยแพทย์หนุ่มพรูลมหายใจออกช้าๆก่อนจะดึงแขนให้รัญชน์เข้าไปในห้องพักของเขาที่อยู่ด้านในของระเบียง

รัญชน์ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินตามไปด้วยเหตุผลบางอย่างที่หัวใจกำลังบงการ..

ภายในห้องพักของศัลยแพทย์หนุ่มดูสะอาดตาและเป็นระเบียบ ราวกับถอดรูปลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน

รัญชน์ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูหลังจากเดินเข้าไปแล้วรู้สึกได้ว่าไม่อยากทำให้พื้นห้องที่เป็นไม้ปาร์เก้ต์สีเข้มนี่ต้องเปื้อนน้ำฝนที่ไหลหยดลงจากตัวของเขา

กวินท์หันมาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่

ค่ำวันนี้ลูกชายคนเล็กของผู้อำนวยการดูนิ่งเงียบเสียยิ่งกว่าทุกครั้ง ใบหน้าที่ดูไม่ค่อยเหมือนเพศชายสักเท่าไหร่นักของรัญชน์มันระบายไปด้วยความกังวลใจที่กวินท์สัมผัสได้...

และก็รุนแรงมากพอที่ทำให้กวินท์ยื่นมือออกไปวางทาบกับศีรษะเล็กที่เปียกชุ่มนั่นอย่างอ่อนโยนดั่งผู้ใหญ่ที่ต้องการจะปลอบเด็กหลงทางให้หายหวั่นวิตก

รัญชน์ค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมามองร่างสูง เมื่อสบตากันแล้ว กวินท์ก็รู้สึกเหมือนบางอย่างมันกำลังทำให้เขาตัวชา

ถ้าพูดกันตามความจริงแล้ว โครงหน้าของรัญชน์ที่กำลังสบตาเขาอยู่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับรตาผู้เป็นพี่สาวเลยแม้แต่น้อย ทั้งลักษณะดวงตาคู่สวยเหมือนลูกแก้ว สันจมูกเรียวสวยหรือริมฝีปากได้รูปสีชมพูอ่อนนั่นก็ด้วย

จะมีเพียงความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือแววตาที่ดูดื้อรั้นและหยิ่งทะนงตน ต่างจากผู้เป็นพี่สาวที่ดูมีจริตจะก้านอย่างหญิงสาว

แต่ที่ทำให้กวินท์รู้สึกตัวชานั้นก็คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาดื้อรั้นของเด็กหนุ่ม

ความเหงา...ความเดียวดาย มันถูกซ่อนไว้ลึกๆในความดื้อรั้นราวกับเป็นบาดแผลเก่าที่ไม่มีวันจางหาย...

ใช่แล้ว...

มันเหมือนกับแววตาของเด็กคนนั้น...

คนที่ได้ซุกอิงแอบซ่อนอยู่ในหัวใจของกวินท์มานานกว่าสิบห้าปีคนนั้น...

เพราะแววตาคู่นั้นเอง มันทำให้กวินท์เลื่อนมือจากกลางกระหม่อมลงมาประคองแก้มของรัญชน์แทน

ทั้งสองยังคงสบตากันขณะที่รัญชน์ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงอย่างท้อแท้ที่จะคิดหาทางออกให้กับความรักของตนเอง

และความท้อแท้นั้นเองที่ทำให้รัญชน์เบี่ยงหน้าออกจากฝ่ามืออบอุ่นของศัลยแพทย์หนุ่ม พาให้กวินท์รู้สึกตัวจากภวังค์ที่เห็นใบหน้าของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักเมื่อสิบห้าปีก่อนทับซ้อนบนใบหน้าของรัญชน์ทันทีด้วยเช่นกัน

เขาสูดลมหายใจลึกๆและพยายามปัดสิ่งที่รบกวนจิตใจจนพาให้รู้สึกเก้อเขินที่จะมองหน้าเด็กหนุ่มออกไปด้วยการหันหลังให้

“จะไปเอาผ้าขนหนูกับเสื้อผ้ามาให้”

รัญชน์ได้ยินเขาพึมพำแบบนั้นก่อนจะหายไปด้านในของห้องที่มีฉากกั้น รัญชน์ได้แต่ยืนนิ่งก้มหน้ามองดูหยดน้ำที่ไหลจากเรือนผมชุ่มชื้นของเขาโดยไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ดี

กวินท์เปิดประตูตู้เสื้อผ้าเล็กๆที่วางตั้งเอาไว้อีกฝั่งของผนังซึ่งตรงกันข้ามกับเตียงนอนหลังเล็กที่เขาไว้ใช้พักผ่อนยามอยู่ระหว่างรอเข้าเวรซึ่งจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับไปยังคอนโดของเขา

สายตาคมดูเหม่อลอยเล็กน้อยยามเมื่อมองดูตู้เสื้อผ้าที่ไม่มีเสื้อผ้าแขวนอยู่ กวินท์ยกมือขึ้นมาทุบหน้าผากตัวเอง เขาลืมไปแล้วว่าเมื่อวานเพิ่งจะขนเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้ที่นี่เอากลับไปซักและก็ยังไม่ได้เอากลับมา

ยังเคราะห์ดีอยู่บ้างที่ยังเหลือผ้าขนหนูผืนใหญ่สองผืนวางพับเอาไว้

กวินท์หยิบมันมายื่นให้กับรัญชน์ พลางนึกกังวลใจที่เขาไม่มีเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายเปลี่ยนเพื่อกำจัดเสื้อที่เปียกชุ่มซึ่งคนตัวเล็กสวมอยู่ในตอนนี้ ทั้งที่เขาไม่จำเป็นเลยสักนิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเด็กหนุ่มซึ่งตั้งท่าจะไม่เป็นมิตรกับเขาสักเท่าไหร่จากอาการที่รัญชน์แสดงออกเมื่อเช้า

แต่ไม่รู้เป็นเพราะว่านิสัยชอบช่วยเหลือคนอย่างมีเมตตาตามประสาคนที่ถูกปลูกฝังให้เติบโตมาเป็นหมอตั้งแต่เยาว์วัยหรือเพราะกวินท์ทนไม่ได้กับความเหงาที่ค้นพบในแววคู่นั้นของเด็กหนุ่มกันแน่ที่ทำให้อดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปหาและยื่นมือเข้าไปปลอบประโลม

“คุณเข้าไปอาบน้ำแล้วเป่าผมให้แห้งเถอะ ระหว่างนี้ผมจะให้แม่บ้านเอาเสื้อผ้าคุณไปซักแห้งให้”

รัญชน์ทำแค่เหลือบมองสีหน้าของกวินท์และรับเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวกลิ่นสะอาดมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาอย่างรำคาญใจหรือสักแต่ว่าจะช่วยเพราะเขาเป็นลูกของผู้อำนวยการ

“ขอบคุณ”

คราวนี้เป็นกวินท์บ้างที่ได้ยินเสียงพึมพำออกมาจากริมฝีปากของเด็กหนุ่ม เขากระตุกยิ้มจางๆที่มุมปากยามมองเจ้าของร่างเพรียวพาตนเองที่เปียกโชกเดินเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ติดกับประตูทางเข้า

“ถอดเสร็จแล้วส่งเสื้อมาให้ผมก่อนนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะแอบดูหรอก” รัญชน์ที่กำลังจะก้าวผ่านกรอบประตูห้องน้ำเข้าไปหันมาชำเลืองมองศัลยแพทย์หนุ่มอีกครั้ง

เขาพยักหน้าแทนการบอกว่ารับรู้แล้วก่อนเดินเข้าไปข้างใน กวินท์ยิ้มให้กับความว่าง่ายของเด็กหนุ่ม ไม่ถึงนาทีรัญชน์ก็เคาะประตูเบาๆและยื่นเสื้อผ้าออกมาให้กับเขา

“ชั้นในด้วย”

กวินท์ด้วยน้ำเสียงเรียบๆแม้ในใจจะนึกกระดากอายอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นว่ามีเพียงเสื้อกับกางเกงเท่านั้น

คนข้างในก็นึกเขินไม่แพ้กันที่ต้องยื่นเอาส่วนปกปิดสิ่งสำคัญของตัวเองออกไปให้คนที่ไม่คุ้นเคยกัน

รัญชน์หน้าร้อนตัวร้อนไปหมด และแน่ใจว่ามันไม่ใช่เพราะพิษไข้แน่ๆ เขารีบปิดประตูห้องน้ำทันทีเมื่อกวินท์รับชั้นในของเขาไป

เห็นปฏิกิริยานั้นแล้ว จากตอนแรกที่เก้อเขิน กวินท์ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำออกมากับตัวเอง

ลึกๆ กวินท์อดไม่ได้ที่จะสัมผัสได้ว่าเขา..

กำลังต้องการจะรู้จักตัวตนของเด็กคนนี้ให้มากขึ้น

ศัลยแพทย์หนุ่มเอาเสื้อผ้าของรัญชน์ไปฝากให้แม่บ้านช่วยซักรีดให้ ในขณะที่ตัวเองนั้นเดินกลับเข้ามาในห้องและใช้เพียงแต่ผ้าขนหนูผืนที่เหลือซับน้ำออกจากเรือนผมและเสื้อผ้าของตัวเอง

เขาไม่ได้เปียกชุ่มทั้งตัวเหมือนกับเด็กหนุ่ม ดังนั้นเมื่อแม่บ้านกลับมากดกริ่งอีกครั้ง กวินท์จึงดูดีกว่าตอนแรกมาก

ร่างสูงเดินก้าวยาวๆตัดผ่านระเบียงไปยังประตูทางเข้าตัวตึกอีกครั้งอย่างสงสัย

ยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำหลังจากที่เขาส่งเสื้อผ้าไปให้แม่บ้าน แม่บ้านไม่น่าจะซักแห้งได้ในเวลาสั้นๆขนาดนั้น

“คุณหมอลืมของไว้ในกระเป๋ากางเกงน่ะค่ะ ดูแล้วราคาน่าจะแพงเอาการเลยทีเดียว ฉันกลัวว่าจะทำหายเอาเสียก่อนเลยเอามาคืนให้ก่อน”

แม่บ้านยื่นมือออกไปและปล่อยให้ของที่เธอว่าร่วงลงบนมือของศัลยแพทย์หนุ่มคนเก่งประจำโรงพยาบาลก่อนที่จะเดินกลับไป

ทิ้งไว้แต่กวินท์ที่รู้สึกตัวชาเสียยิ่งกว่าตอนเห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นในแววตาของลูกชายคนเล็กของยชญ์เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาแล้ว

บนฝ่ามือกว้างของเขามีสร้อยคอทองคำขาวเส้นงามที่ขาดออกจากกันวางอยู่ มันจะไม่ทำให้กวินท์หัวใจเต้นเลยแม้แต่น้อย หากตัวเรือนจี้ที่ประดับอยู่บนสร้อยเส้นที่ขาดนี้คือจี้ที่เขาตามหามาตลอดสิบห้าปี

จี้รูปหยดน้ำประดับพลอยสีฟ้า!

สร้อยคอของเด็กผู้หญิงคนนั้น!

คนที่ช่วงชิงความรักของเขาไปเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว!!

แรงลมที่พัดพาเอาละอองน้ำฝนมาถูกมันทำให้รู้สึกเย็นและหนาว แต่หัวใจของกวินท์กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกยามจ้องมองจี้บนมือของตัวเองที่อยู่ดีๆก็มาปรากฏตรงหน้าอย่างไม่คาดคิด

กวินท์ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นชั่วครู่หนึ่งก่อนจะผลุนผลันกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองด้วยความใจร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาอาจจะจำพลาดไป

เขาอาจจะเข้าใจผิด เด็กคนนั้นอาจไม่ใช่เด็กผู้หญิงตั้งแต่แรก

กวินท์พยายามดึงเอาความทรงจำเมื่อสิบห้าปีก่อนของตนเองออกมา

รอยยิ้มสวยหวานปนเศร้านิดๆของเด็กคนนั้น..ใบหน้าน่ารักที่มีดวงตากลมโตกับริมฝีปากสีชมพูจิ้มลิ้มกับเรือนผมยาวเคลียไหล่..

ทั้งหมดนั่นมันอาจเป็นรัญชน์ก็เป็นได้

อาจเป็นเด็กผู้ชายตั้งแต่แรก เขาเพียงแต่เข้าใจผิดไปเองใช่ไหม!?

ทั้งหมดของคำถามที่รุมเร้าขึ้นมากระชากทึ้งจังหวะหัวใจของเขามันอยู่ภายในห้องนี้แล้ว

หากไม่ใช่รัญชน์..ก็อาจเป็นรตา

แต่ทำไมนะ..

ศัลยแพทย์หนุ่มถึงได้รู้สึกว่าคนที่เป็นเด็กคนนั้น จะต้องเป็นผู้เป็นน้อง ไม่ใช่พี่

รัญชน์อาบน้ำเสร็จแล้ว กวินท์ได้ยินเสียงเครื่องเป่าผมกำลังทำงานอยู่ในห้องน้ำ ศัลยแพทย์หนุ่มลังเลเล็กน้อยแต่ก้าวไปยังห้องน้ำนั้นเพราะไม่ต้องการที่จะรอคอยอีกต่อไป

เขาเคาะประตูสองสามครั้งและเปิดเข้าไป รัญชน์ที่กำลังเป่าผมอยู่ตรงหน้ากระจกสะดุ้ง

ร่างบางวางไดร์เป่าผมลงกับข้างอ่างและหันมามองกวินท์อย่างสงสัย แต่กวินท์ไม่สนใจกับสายตานั้น เขาหยุดยืนอยู่ตรงกรอบประตูห้องน้ำและยกสร้อยในมือขึ้นให้รัญชน์ดู

“สร้อยเส้นนี้ของคุณใช่ไหม?”

รัญชน์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นสร้อยของตนอยู่ในมือของอีกฝ่าย

เขาเกือบจะพยักหน้ารับออกไปแล้ว

แต่บางอย่างในแววตาที่ต้องการคำตอบของกวินท์มันทำให้รัญชน์ต้องนิ่ง

สมองบอกให้เอ่ยคำปฏิเสธออกไป

ทว่าหัวใจกลับไม่ยอมทำตาม กวินท์จึงไม่ได้คำตอบใดๆทั้งสิ้นจากร่างเพรียวตรงหน้า

ในความเงียบที่แสนทรมาน กวินท์ได้ยินเพียงแต่หัวใจร่ำร้องถามซ้ำๆระหว่างรอคำตอบว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไปดี...หากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือเด็กคนนั้นจริง

“คุณอยากรู้ไปทำไม?”

น้ำเสียงของรัญชน์ช่างราบเรียบและแผ่วเบา

กวินท์นิ่งและกำสายสร้อยไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะถูกกระชากออกไปจากมือเขาและไม่สามารถไขว่คว้ากลับมาได้

สิ่งที่เขารอคอยมาตลอดสิบห้าปีนี้

“เพราะสร้อยอันนี้...เป็นของเด็กที่ผมตามหาอยู่”

หัวใจของรัญชน์กระตุกกับคำตอบของกวินท์ ริมฝีปากบางเม้มช้าๆ นัยน์ตาจับจ้องอยู่กับจี้ที่คล้องอยู่บนสายสร้อยทองคำขาวโดยไม่ยอมมองหน้าคนถือ

จะทำอย่างไรดี..หากยอมรับว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของเขา รัญชน์ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาจะต้องทำให้พี่สาวเสียใจอย่างแน่นอน

แต่ถ้าปฏิเสธไป..ความรักของพี่สาวก็อาจจะมีหวังขึ้นมาและกลายเป็นรัญชน์เองนั่นแหละที่ต้องรับเอาความเสียใจนั้นเอาไว้

ทว่า..ท่ามกลางความสับสน

รัญชน์ดีใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่ากวินท์ยังจำเขาได้ ยังตามหาเขา..

การที่กวินท์มาเป็นศัลยแพทย์ที่นี่นั้นหมายความว่าเขากลับมารอรัญชน์ตามที่เคยให้สัญญาเอาไว้

“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไรกัน”

รัญชน์ทำใจแข็งพูดออกไปและตีสีหน้าวางเฉย เขาพยายามสบตาเพื่อไม่ให้กวินท์จับพิรุธได้ แต่ก็ทำได้ไม่ดีนักจึงเสเบี่ยงหลบสายตาลงกับพื้น

บรรยากาศภายในห้องน้ำมันช่างอึดอัด รัญชน์เลยตัดสินใจเดินสวนกวินท์จะออกจากห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวเดินผ่านไป มือของศัลยแพทย์หนุ่มก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้

ชั่ววินาทีที่รัญชน์หยุดเดินและหันมามองหน้า กวินท์ก็โน้มตัวลงมาประทับแนบริมฝีปากเพื่อจ้วงจูบ

เพราะเค้นเอาคำตอบจากปากเล็กนี้ไม่ได้ กวินท์จึงตัดสินใจที่จะหาคำตอบด้วยตนเอง เขาเชื่อว่าเขาจะได้คำตอบจากการกระทำนี้อย่างแน่นอน

ริมฝีปากเล็กของรัญชน์มันอ่อนนุ่มจนกวินท์ไม่รู้สึกเลยว่าตนเองกำลังจูบอยู่กับผู้ชายด้วยกัน

ร่างเล็กขาวบางที่ผิวกายยังคงชื้นจากการอาบน้ำถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขน

กวินท์ปล่อยมือจากสายสร้อยที่กำเอาไว้เมื่อแน่ใจว่าตนเองกำลังไขว่คว้าสิ่งที่สำคัญกว่าสร้อยอันนั้นหลายล้านเท่าได้แล้ว

เพียงแค่ริมฝีปากประทับแนบเข้าหากัน กวินท์ก็มั่นใจว่าคนที่ตัวเองกอดอยู่นี่คือเด็กคนนั้นอย่างแน่นอน

หัวใจของกวินท์อบอุ่นด้วยความยินดีที่มันทะลักล้นออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจ

ไม่ต้องมีคำตอบใดๆออกมาเป็นคำพูดทั้งนั้น

กวินท์รู้ได้เองด้วยสัมผัสที่กำลังซึมซับนี้ว่ารัญชน์คือเด็กคนนั้น!

“คุณคือเด็กคนนั้น..”

กวินท์ได้ยินเสียงตัวเองพูดซ้ำๆแผ่วเบาราวกับกระซิบทั้งที่ริมฝีปากของเขายังคงคลอเคลียอยู่กับเรียวปากนุ่ม ร่างบางในอ้อมแขนพยายามเบือนหน้าหนี

แต่กวินท์ยังไม่ลดละที่จะตามติดไปจนท้ายที่สุดแล้วรัญชน์ก็หยุดนิ่งและมองสบตาเขา

กวินท์เห็นความไม่แน่ใจสะท้อนมองกลับมา

ศัลยแพทย์หนุ่มตระหนักได้ในนาทีนั้นว่าเขากำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่มันผุดขึ้นมายามมองดวงหน้าของอีกฝ่าย

สิบห้าปีนี้เขาอยู่ด้วยความหวังว่าจะได้พบกับรักที่เขารอคอยอีกครั้ง

ความหวังที่ไม่เคยเหลือพื้นที่ของความเผื่อใจเอาไว้ว่าจะได้พบกับความผิดหวัง

“คุณลืมผมแล้ว?”

เสียงที่แผ่วเบาของเขามันแหบแห้งจนกวินท์ไม่แน่ใจว่าลำคอของเขามันเปล่งคำถามนั้นออกมาหรือเขาแค่ร้องถามอยู่ข้างในใจเท่านั้น

แต่ทันทีที่คำถามมันหลุดออกไป ถึงจะแผ่วเบาแค่ไหนแต่กวินท์ก็เชื่อว่าร่างบางต้องได้ยินมันอย่างแน่นอน ดวงตาของรัญชน์มันสั่นไหวราวกับต้องการปกปิดอะไรบางอย่างที่กวินท์ไม่เข้าใจเลยสักนิด

“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร...สร้อยเส้นนั้น..”

รัญชน์สูดลมหายใจลึกๆ เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร กำลังจะพูดอะไรและกำลังจะเจ็บมากแค่ไหนกับคำพูดของตัวเอง

“..เป็นของพี่สาวผม”

กวินท์รู้สึกเหมือนมีหมัดที่มองไม่เห็นมันเหวี่ยงกระแทกเข้ากับกกหูของเขาเต็มแรงกับคำพูดนั้น

“อย่าโกหก...”

กวินท์บอกเสียงดุ ในใจของเขากำลังดื้อดึงอย่างเด็กเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาปฏิเสธคำพูดของรัญชน์เพราะเชื่อว่าความรู้สึกของตัวเองถูกต้อง แม้จะสับสนที่เห็นอีกฝ่ายเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เคยจำได้

แต่แววตาที่เห็นกับสัมผัสที่ได้พิสูจน์ทำให้กวินท์มั่นใจอย่างที่เชื่อว่าตัวเองไม่มีวันเข้าใจผิดอย่างแน่นอน

“คุณคือเด็กคนนั้น..”

รัญชน์แทบจะร้องไห้ เขาทั้งรู้สึกยินดีและทุกข์ใจไปพร้อมๆกัน

ขอบตามันร้อนผ่าวเหลือเกินยามที่ต้องพยายามข่มใจให้เข้มแข็งพอที่จะมองตากวินท์กลับไปและแสดงทีท่าไม่เข้าใจคำพูดของกวินท์ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าศัลยแพทย์หนุ่มกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

ถึงจะยินดีที่กวินท์จำเรื่องทั้งหมดได้ แต่เมื่อนึกถึงพี่สาวแล้ว รัญชน์ก็อยากให้กวินท์เชื่อในคำพูดที่เขาโกหกออกไป

เพื่อรตา...และเพื่อตัวกวินท์เอง..

“ไม่ใช่..” รัญชน์ปฏิเสธเสียงแผ่ว

“มองตาผมสิ...แล้วบอกอีกครั้งว่าสร้อยเส้นนั้นไม่ใช่ของคุณ คุณไม่ใช่เด็กคนนั้น..”

ในใจอยากย้ำคำพูดโกหกของตัวเองอีกครั้ง

แต่ยิ่งถูกสายตาผิดหวังของกวินท์มองมานานเท่าไหร่ รัญชน์ก็ไม่สามารถเอ่ยคำโกหกซ้ำออกไปได้ เขาเม้มริมฝีปากแน่นและรู้สึกได้ถึงแรงกอดที่ไม่ยอมคลายลงเลยแม้แต่น้อยของกวินท์

เวลาผ่านไปชั่วอึดใจที่ทั้งสองต่างเงียบงัน

กวินท์ยังคงมองหน้าร่างบางอยู่ตลอดเวลา แต่ในที่สุดเขาก็คลายอ้อมกอดลงอย่างผิดหวัง เขาถอยห่างจากรัญชน์สองสามก้าวและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความผิดหวังและท้อแท้

“คุณคงลืมไปหมดแล้ว..นั่นสินะ เรื่องเมื่อสิบห้าปีก่อน มันก็คงเป็นแค่ความทรงจำที่ไร้ค่าสำหรับคุณ”

น้ำเสียงน้อยใจมันบาดลงลึกกับหัวใจของรัญชน์

ลืมอย่างนั้นหรือ...รัญชน์ไม่เคยลืมเลยสักนิด

ความอบอุ่น ความหอมหวาน ความละมุนละไมที่ช่วยปลอบประโลมเด็กที่กำลังอ้างว้างอย่างเขาในวันนั้น เขาไม่มีวันลืมเลยสักนิด

รัญชน์กัดริมฝีปากขบอาการสั่นเทาที่อยากจะสะอื้นออกมาเมื่อเห็นแววตาว่างเปล่าของกวินท์ในวินาทีที่อีกฝ่ายหันหลังเพื่อเดินหนีออกมา

รัญชน์ยกสองมือขึ้นลูบต้นแขนของตัวเอง

เขาก้มหน้าและสูดลมหายใจลึกๆอยู่สองสามหน ทบทวนความต้องการของจิตใจที่กำลังสับสนอยู่นี้ก่อนเงยหน้ามองดูแผ่นหลังห่องุ้มด้วยความผิดหวังของกวินท์

รัก...

คำนี้มันฝังรากลึกและซ่อนเร้นมานานกว่าสิบห้าปี มันเติบโตโดยมีเพียงคำว่ากาลเวลาเป็นตัวบำรุงมัน

รัก..โดยที่ไม่ต้องใกล้ชิด ไม่ต้องเรียนรู้จักกันและกัน

แต่ก็รักจนหมดใจ

รัญชน์วางทิ้งความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อพี่สาว ทั้งความรักและความรู้สึกผิดก่อนจะตัดสินใจก้าวเดินไปหาผู้ชายที่ทั้งเขาและพี่สาวต่างก็รัก

ฝ่ามือเรียวแตะเข้าที่ไหล่กว้างอันห่องุ้ม กวินท์หันกลับมาช้าๆเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย

รัญชน์ค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมาสบและวินาทีจากนั้นเอง..ที่รัญชน์แทบไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเขาทำอะไรลงไปหลังจากนั้น

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันแจ่มชัดในใจที่เขาได้ตัดสินใจลงไปแล้ว

เพียงแค่คืนนี้เท่านั้น...

รัญชน์อยากเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่มอบใจให้ไปตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อน

เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...

ก่อนที่จะตัดใจจากความรักนี้...

เพื่อความหวังของพ่อ และเพื่อความรัก...ของพี่สาว...

-TBC-

อยู่กับแม่ก็ไม่ได้ อยู่กับพ่อพ่อก็ดันมาเกลียด มันจะอะไรนักหนาครอบครัวนี้สงสารรัญ (ชื่อ่านว่ายังไงคะ ช่วยเขียนเป็นคำอ่านให้หน่อย พอดีอยากรู้ค่ะ)

ชื่อน้องรัญชน์ของพี่หมออ่านว่า "รัน" ค่ะ :))
 
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.4 (Update 8/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 08-03-2013 22:23:21
เป็นกำลังใจจให้คน เขียนนะคับ o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.4 (Update 8/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 08-03-2013 23:39:00
ไวดี ต่อๆๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.4 (Update 8/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 09-03-2013 01:33:49
เชื่อมั้ยว่าไม่รู้ทำไมเราอ่านแล้วบีบหัวใจมากโคตรลุ้นว่าคุณหมอจะเชื่อรัญชน์มั้ยหรือจะเชื่อเซนส์ตัวเองแล้วก็โคตรเปรมเลยตอนที่รัญชน์ทำตามใจตัวเองแต่ก็มาหงายตรงที่บอกแค่ครั้งเดียว โธ่เอ้ย.....หาความสุขให้ตัวเองบ้างก็ได้นะรัญชน์
คุณหมอช่วยตะครุบนายเอกจอมดื้อคนนี้ทีค่ะ คือจริงๆนะลุ้นอะ

ละพ่อก็ใจร้ายมาก ไม่คิดจะลดทิฐิเลยทีเดียว
สนุกมากเลยค่ะติดตามนะคะ^^
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.4 (Update 8/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 09-03-2013 02:47:45
เศร้าอึมครึมมากเลยค่ะ
สนุกมาก o13 o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.4 (Update 8/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 09-03-2013 22:55:01

 ตอนที่ ๕

 
ทุกอย่างเริ่มต้นราวกับพายุฝน มันโหมกระหน่ำทุกความรู้สึกด้วยสิ่งที่เก็บกักไว้ในใจของทั้งสองคนมานานกว่าสิบห้าปี สัมผัสแลกเปลี่ยนสัมผัสกันอย่างโหยหา

ท่ามกลางเสียงสายฝนที่ตกกระหน่ำยิ่งกว่าทั้งวันที่ผ่านมา

รัญชน์ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกผิดของตนเอง ความรักของพี่สาว หรือแม้กระทั่งความเป็นเพศเดียวกันระหว่างเขากับกวินท์

รัญชน์ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของกวินท์ที่กำลังมองเขาอย่างช้าๆ ลากปลายนิ้วสัมผัสไปทุกส่วนบนใบหน้าคมเหมือนกับที่กวินท์กำลังทำเช่นเดียวกันกับเขา ตั้งใจจดจำทุกสัมผัสและทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ เหมือนกับที่เคยตั้งใจจดจำรสจูบในวันนั้นเมื่อสิบห้าปีก่อน

“คุณคือเด็กคนนั้น...”

กวินท์กระซิบอีกครั้งก่อนจะประทับแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากของรัญชน์

รสจูบมันทั้งหวานซึ้งและหนักหน่วงจนรัญชน์อดคิดไม่ได้ว่าเพราะกวินท์กลัวว่าเขาจะเอ่ยปฏิเสธอีกหรืออย่างไรกันแน่

รัญชน์จึงจำได้แต่โอบแขนกอดร่างสูงเอาไว้และปล่อยตัวไปให้กับสัมผัสชิดเชื้อที่กวินท์มอบให้เขาด้วยความรู้สึกอ่อนหวานและคำว่ารักที่ลอยล่องอยู่ในความรู้สึก

เขาไม่เคยปล่อยตัวปล่อยใจให้กับคนอื่นมากเท่านี้มาก่อน

ความไร้เดียงสาในสัมผัสทางเพศทำให้ร่างกายของรัญชน์สั่นเทาเมื่อกวินท์เอื้อมมือมาลูบเบาๆที่สีข้างด้านซ้ายและต่ำลงไปจนเกี่ยวเอาผ้าเช็ดตัวที่เขานุ่งอยู่ให้คลายออก

ศัลยแพทย์หนุ่มกดจูบหนักๆลงกับหน้าผากราวกับจะปลอบโยนทั้งรัญชน์และตนเอง

ร่างสูงสัมผัสแผ่วเบา เขาแตะต้องรัญชน์ด้วยความถนอมเท่าที่จิตใจของเขาจะห้ามปรามได้

กระนั้น..ทุกความรู้สึกมันกำลังหลอมเป็นไฟ เขาจูบอีกครั้งลงกับปากนุ่มของรัญชน์ จูบ..และจูบอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ ทั้งยังเอื้อมมือไปจับมือเล็กของรัญชน์ลากให้มาสัมผัสเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำ

“ถอดให้ผมสิ..”

กวินท์ออดเสียงทุ้มที่ข้างหู ใจของรัญชน์สั่นรัวยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ้อนนั้น

ร่างบางบังคับให้มือเล็กที่สั่นเทาของตัวเองปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของกวินท์ทีละเม็ดๆ จนกระทั่งปลายนิ้วไปหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงของอีกฝ่าย เมื่อสบตากัน รัญชน์จึงสูดหายใจลึกๆและเริ่มต้นปลดกางเกงของศัลยแพทย์หนุ่มที่โน้มลงมาจูบแผ่วหวานให้รางวัลกับเขา

ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนี่คือโชคชะตาที่กำลังเล่นตลกใช่ไหม

รัญชน์ถามตัวเองซ้ำๆอย่างไม่ได้คำตอบ เขาจึงหยุดคิดและซึมซับเอาความรักที่กวินท์ถ่ายทอดมาให้ผ่านทางสัมผัสของร่างกาย

ริมฝีปากร้อนของกวินท์มันประทับลงมาตีตราที่ฐานลำคอและลากไล้ลงไปยังแผ่นอกขาว

กวินท์จูบเนิ่นนานที่อกข้างซ้ายซึ่งกำลังเต้นแรงเขาเม้มริมฝีปากเบาๆจนทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้และพึงพอใจเมื่อรัญชน์ไม่ขัดขืน

ความยินดีมันปิติไปทั้งหัวใจของกวินท์ที่รัญชน์ยอมให้เขาแสดงความเป็นเจ้าของเช่นนี้

“เป็นของผมนะ..”

ราวกับเป็นคำขออนุญาต กวินท์ช้อนมือเล็กขึ้นมาจูบแผ่วเบาแล้วขยับทิ้งน้ำหนักลงทาบทับกายขาวเขาดึงเอาผ้าเช็ดตัวที่เป็นปราการขวางทั้งสองออกเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าช้าๆ

หน้าของรัญชน์ร้อนผ่าวเมื่อสิ่งสำคัญของทั้งสองสัมผัสกัน

เขายกหลังมือขึ้นมาปิดหน้า รัญชน์ไม่ชอบสถานการณ์เช่นนี้สักเท่าไหร่แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขารู้สึกดีมากกว่าจะรู้สึกแย่

แต่ทั้งหมดนี้..เป็นเพราะในเวลานี้รัญชน์ไม่ได้เผื่อความรู้สึกไปนึกถึงพี่สาวที่กำลังนอนอยู่ห่างออกไปอีกฝั่งหนึ่งของตึกเลยแม้แต่เศษเสี้ยว

เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้ว กวินท์ก็เอื้อมมือไปทาบกับมือเล็กนั้นและดึงให้รัญชน์เปิดใบหน้าอีกครั้ง

สีหน้าแดงระเรื่อที่ได้พบทำให้กวินท์ต้องยิ้มจางๆ เขาจูบลงที่ปลายจมูกโด่งและเลื่อนไปจูบทับเปลือกตาของรัญชน์ขณะที่ละมือมารั้งแยกเรียวขาให้แยกออกกว้าง

เขาสัมผัสที่ต้นขาด้านในของรัญชน์ช้าๆแล้วลากมือมายังแกนกายน่ารักที่เบียดอยู่กับส่วนของเขา..

แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์แต่สัญชาตญาณก็บอกให้รู้ว่าควรจะทำเช่นไรในสถานการณ์เช่นนี้

กวินท์กอบกุมรัญชน์เอาไว้ ชักพามือไปตามความยาวนั้น เร่งเร้าปลุกอารมณ์ให้รัญชน์ต้องครางเสียงแผ่วอยู่ใต้ร่าง

รัญชน์จิกมือลงกับไหล่กว้างเมื่อความเสียวซ่านมันตีขึ้นมาเป็นระลอกเข้าใส่เขาทั้งร่างมันอ่อนระทวยไปหมดเมื่อกวินท์สร้างความต้องการให้แก่เขา

สัมผัส...มันแสนละมุนละไม

นี่น่ะหรือ...สัมผัสของความรัก

รัญชน์ยิ้มให้กับตัวเองเมื่อความคิดนี้มันแทรกผ่านเข้ามาในชั่ววูบ

และเพราะความรู้สึกนี้เอง ทำให้รัญชน์กล้าที่จะยกมือขึ้นโอบกอดกายอุ่นของศัลยแพทย์หนุ่มไว้อย่างแนบแน่นแล้วเชื้อเชิญให้กวินท์ครอบครองร่างกายของเขาด้วยการแยกเรียวขาออกกว้างขึ้นพร้อมทั้งบิดสะโพกเร้าอย่างเชิญชวน

“..ทำให้ผม...”

รัญชน์กระซิบเสียงแผ่วเบาทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเลยสักนิด มือเขาเอื้อมไปจับให้มือของกวินท์เลื่อนลงไปด้านล่าง

ภายใต้สิ่งสำคัญของเขา..ส่วนที่ซ่อนเร้นเอาไว้เบื้องหลัง แล้วกระซิบต่อคำพูดที่ค้างเอาไว้ด้วยใจสั่นเทา...

“...เป็นของคุณสิ”

ด้วยคำพูดของรัญชน์ กวินท์ลังเลอยู่เล็กน้อย

เขาไม่เคยกอดผู้ชายมาก่อน...และจากทางกายภาพแล้ว เขาคิดว่ารัญชน์คงไม่สามารถรับตัวตนของเขาได้ในตอนนี้แน่

ถึงแม้ว่าความต้องการของเขามันจะผลักดันให้ความเป็นชายมันแข็งขึงจนปวดร้าวมากเพียงใด แต่กวินท์ก็ไม่ปรารถนาที่จะให้ความต้องการของตนทำความบาดเจ็บให้กับคนที่ตนรัก

ศัลยแพทย์หนุ่มขยับตัวเล็กน้อยไปเอื้อมหยิบเอาโลชั่นมาจากลิ้นชักโต๊ะ รัญชน์ขยับตัวพลิกขึ้นมานั่งและมองกวินท์อย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่

“นี่คงจะช่วยทำให้คุณไม่เจ็บได้บ้าง”

กวินท์อธิบายและดันให้รัญชน์เอนกลับลงไปนอนช้าๆ

ร่างบางเอนนอนตะแคงแล้วสูดลมหายใจลึกๆ ความรู้สึกมันเย็นวูบวาบตรงบั้นท้ายเมื่อกวินท์บีบเอาครีมโลชั่นทาผิวที่ใช้แทนเจลหล่อลื่นเทไปตามซอกหนั่นเนื้อและลูบไล้เบาๆ นิ้วหัวแม่มือกดคลึงอยู่กับปากทางที่จะรับเอาความรักของกวินท์ฝังลึกเข้าไปในกายของรัญชน์

กวินท์รั้งรออยู่หลายนาทีกว่าที่จะขยับมือกลับไปลูบไล้แกนกายเล็กของรัญชน์อีกครั้ง เขารั้งให้รัญชน์กลับมานอนหงายแล้วดึงให้สะโพกนุ่มมือของรัญชน์ขึ้นมาเกยบนตัก

ความต้องการของกวินท์ผลักชิดจ่อกับช่องทางรักของรัญชน์ แค่เขาดุนดันอยู่กับปากทางที่อ่อนนุ่มลง รัญชน์ก็กอดเขาแน่นขึ้น

ทั้งสองต่างก็ตื่นเต้นระคนหวั่นกลัวกับสิ่งที่กำลังจะทำ..

“ผมพร้อมแล้ว..”

รัญชน์สูดลมหายใจลึกๆและเอ่ยออกไป เขาเลื่อนมือขึ้นมาโอบคอของกวินท์ให้โน้มลงมาจูบกับเขาอีกครั้งและยกสะโพกตอบรับการสอดใส่ที่กวินท์กำลังดันเข้ามา

ความเป็นชายของกวินท์ค่อยๆสอดแทรกลึกเข้าไปในกายเล็กอย่างช้าๆ สะโพกขาวของรัญชน์สั่นระริกและตอดรัดเขาไว้แน่นจน กวินท์ไม่อาจขยับกายได้

ทั้งสองประคองกอดซึ่งกันและกันเอาไว้ยามที่ขยับกายให้สอดรับไปในจังหวะรักที่โหมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆไม่ต่างอะไรกับพายุฝนที่กำลังพัดกระหน่ำอยู่ด้านนอก...

“ผมรักคุณ...”

“รักมาสิบห้าปีแล้ว..”

ท่ามกลางเสียงสายฝน..รัญชน์ได้ยินคำพูดที่ด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนโยนจากปากของร่างสูงเช่นนั้น...

 

มองดูสายฝนที่เริ่มซาลงแล้ว รตาก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง ถึงแม้จะปวดแผลที่เพิ่งผ่าตัดไปบ้าง แต่เพราะมีกำลังใจจากสิ่งที่กำลังทำเลยพาให้หญิงสาวยิ้มออกมาได้ขณะที่เดินไปหาแม่บ้านที่เตรียมเอาอาหารมื้อดึกมาให้

อาหารมื้อนี้ไม่ใช่ของรตาเอง หญิงสาวสั่งให้แม่บ้านจัดหามาให้เพราะรู้ว่าคืนนี้กวินท์จะลงเวรดึกตอนเที่ยงคืน เธอเลยถือวิสาสะเตรียมเอาไว้ให้เพื่อให้ศัลยแพทย์หนุ่มได้ทานอะไรรองท้องก่อนลงไปอยู่เวรอีกเช่นเคย

สีหน้ายิ้มแย้มของคุณหนูใหญ่ที่ถึงแม้จะยังซีดอยู่บ้างแต่ก็ดูแจ่มใสดีทำให้แม่บ้านแอบลอบยิ้มขณะที่ถือตะกร้าอาหารเดินตามไป

“จากตรงนี้ หนูถือเข้าไปเองก็ได้ค่ะคุณป้า”

รตาหันมาบอกแล้วดึงเอาตะกร้ามาถือไว้เองก่อนจะหลิ่วตาให้กับแม่บ้านที่เลี้ยงเธอมา แม่บ้านยิ้มรับอย่างเข้าใจในคำพูดของเธอ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้

“ตะกร้ามันหนักนะคะคุณหนู แล้วพื้นก็ลื่นด้วย”

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง”

แม่บ้านวัยกลางคนยิ้มให้กับความเข้มแข็งและร่าเริงของคุณหนูก่อนจะยอมปล่อยตะกร้าให้คุณหนูเดินถือเข้าไป เธอรีบกุลีกุจอเปิดประตูให้และยืนคอยอยู่ข้างนอกอย่างห่วงใยและโล่งอกเล็กน้อยเมื่อเห็นคุณหนูวางตะกร้าลงกับโต๊ะม้านั่งที่อยู่ด้านในแล้วเรียบร้อย

รตาหยิบกล่องอาหารที่ยังคงอุ่นอยู่ออกจากตะกร้ามาวางไว้ก่อนที่เธอจะก้าวเดินไปยังห้องพักของกวินท์ที่อยู่ด้านในอย่างระมัดระวัง

แต่เมื่อเข้าไปใกล้ รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆจางหายไป ตัวของเธอเริ่มชาเมื่อได้ยินเสียงครางครึมของคนสองคนรอดผ่านเข้ามา เธอหยุดยืนอยู่ห่างจากบานหน้าต่างราวหนึ่งเมตรและลังเลที่จะก้าวเดินต่อรวมทั้งถอยกลับด้วยเช่นกัน

แต่ในที่สุด...ความอยากรู้ก็ผลักดันให้เธอก้าวต่อไปข้างหน้า..

และพบกับสิ่งที่บาดหัวใจของเธอจนแตกร้าว

รตามองผ่านหน้าต่างไปยังร่างของคนสองคนที่ตระกองกอดกันอยู่บนเตียงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

เธอรู้สึกราวกับจะหายใจไม่ทัน ลมหายใจที่สูดเข้าปอดมันติดขัดจนคล้ายคนเป็นหอบ ริมฝีปากมันสั่นเทาไปหมด

คนที่อยู่บนเตียงและกำลังแนบชิดอยู่กับคนที่เธอหลงรักคือน้องชายเพียงคนเดียวของเธอ!

รัญชน์กำลังนั่งอยู่บนตักของกวินท์ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน น้องชายของเธอกำลังแหงนหน้าหันกลับไปรับจูบจากร่างสูงและขยับโยกร่างกายไปด้วย

มือของกวินท์กำลังลูบไล้อยู่กับแผ่นอกและหว่างขาของรัญชน์

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอกำลังมองมันบาดใจจนอยากจะหลับตาเพื่อไม่ต้องเห็น แต่รตาก็ยังคงยืนมองภาพนั้นรวมทั้งฟังชื่อของทั้งสองที่ต่างฝ่ายต่างก็ครางเรียกออกมาเป็นเสียงกระเส่าแผ่วเบาเหมือนละอองน้ำฝนหลังจากที่หยุดตกไป...

รตากัดริมฝีปากตัวเองแน่น...

เธอทั้งสับสนและมึนงง..

รตาบอกได้เลยว่าภาพที่เห็นตรงหน้า..มันทำให้เธอรู้สึกถึงความเสน่หาไม่ใช่แค่ความพิศวาสที่ทั้งสองมีให้แก่กันเท่านั้น..

มีเพียงคำถามเดียวที่เกิดขึ้นในตอนนี้

ความสัมพันธ์ของรัญชน์กับคุณหมอกวินท์เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน!?

 

รัญชน์รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยอ่อนไหวและอ่อนหวานสักเท่าไหร่นัก แทบจะเรียกได้ว่าเขาไม่สนใจอะไรที่มันลึกซึ้งทางอารมณ์เลยแม้แต่น้อย

สิ่งเดียวที่ตราตรึงในความรู้สึกของเขานับตั้งแต่จำความได้ ก็มีแต่เพียงความทรงจำของครอบครัวที่อบอุ่นกับรสจูบแสนอ่อนหวานที่ได้จาก กวินท์เมื่อสิบห้าปีก่อนเท่านั้น

ร่างบางไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่มนุษย์จะมอบให้แก่กัน

แต่ในวันนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่าทำไมมนุษย์ถึงโหยหามันอย่างนั้น ทั้งความรู้สึกรักและอิ่มเอมใจยามได้เป็นของกันและกันเช่นนี้

กวินท์ได้สอนให้เขารับรู้แล้วในค่ำคืนนี้..

หยาดของเหลวอุ่นร้อนที่ไม่ได้มาจากอารมณ์เผลอไผลแต่มาจากความรักนั้นกำลังไหลหยดจากซอกสะโพกที่ยังคงมีร่างกายของศัลยแพทย์หนุ่มเชื่อมโยงไว้อยู่ลงเปื้อนกับผ้าปูที่นอนสีขาว ช่องทางเล็กที่คลายความขึงเครียดแล้วยังคงโอบอุ้มร่างกายของกวินท์เอาไว้

มือที่จับมีดผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วนยังคงกอบกุมอยู่กับส่วนอ่อนไหวที่เริ่มอ่อนตัวลงของร่างบาง แผ่นอกของทั้งสองยังสะท้านสั่นจากลมหายใจที่หอบหนักจากสิ่งที่ได้ทำร่วมกัน

แม้ทุกอย่างจะหยุดนิ่ง แต่รัญชน์ก็รู้ดีว่ามันไม่ได้สิ้นสุดลงแต่อย่างใด

มันก็แค่เหมือนจังหวะหัวใจที่เต้นแรงแล้วก็กลับมาเต้นเป็นปกติเท่านั้น เพียงแต่จังหวะหัวใจของรัญชน์ตอนนี้มันเต้นในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเท่านั้น

เขา..ไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกเช่นไรดีในตอนนี้..ความรู้สึกยินดีมันปะปนกับความรู้สึกผิดจนทำให้เขารังเกียจตัวเองไม่น้อย

ร่างบางซุกหน้าลงกับหมอนและไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

กวินท์พรมจูบที่กลางกระหม่อมก่อนจะยันตัวลุกขึ้น เขาโน้มมาจูบ ตรงท้ายทอยของร่างบางอีกหนแล้วค่อยๆถอนกายออกมา

ความรักของเขามันไหล่ทะลักออกมา มันไหลไปสมทบกับคราบที่เปื้อนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วรัญชน์ขยับกายจะลุกขึ้นทันทีหลังจากนั้น แต่เขาก็ถูกรวบกอดเอาไว้

ร่างบางพยายามไม่มองหน้าหรือพูดอะไรออกมาเพราะกลัวว่ากวินท์จะสังเกตเห็นสิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาและน้ำเสียงของตน

แต่กระนั้น..ทุกสิ่งก็ทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยมือจากเขา กวินท์เอื้อมมือไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียง

รัญชน์เหลือบมองดูเมื่อได้ยินเสียงเขากดแป้นโทรศัพท์ก่อนจะยอมเงยหน้ามองคนที่กอดตัวเองอยู่อย่างสงสัยกวินท์จูบทับเปลือกตาแทนคำอธิบายระหว่างรอให้คนทางปลายสายรับ

ความรู้สึกที่อยากลุกไปจากเตียงของรัญชน์หายไปแทบจะในทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มพูดกับคนปลายสาย

“ขอโทษครับ นี่ผมกวินท์นะ คืนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ คงไม่ได้ลงไปอยู่เวรคืนนี้ แต่ถ้าหากมีเคสฉุกเฉินเข้ามา คุณตามตัวผมได้เลย คืนนี้ผมพักอยู่ข้างบนนี้”

กวินท์พูดกับใครสักคนที่รัญชน์เดาเอาว่าอาจจะเป็นพยาบาลประจำแผนกศัลยกรรมก็เป็นได้

พอวางหูไปแล้ว แขนของกวินท์ก็โอบกอดกระชับร่างเปลือยของรัญชน์เอาไว้ เขาวางคางลงกับไหล่เล็กและบรรจงจูบเบาๆที่ข้างแก้มซ้ำๆอยู่หลายครั้งจนให้ความรู้สึกคล้ายกับลูกแมวที่กำลังคลอเคลียเจ้าของ

รัญชน์อ่อนยวบไปกับสัมผัสนั้นจนยอมที่จะหันกลับมารับจูบหวานๆที่พาให้สัมผัสเร่าร้อนมันปะทุอีกครั้งท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังเปียกชื้นหลังจากพายุฝน

รตาอยู่ในห้วงของความสับสน ภาพที่เห็นมันยังคงสะท้อนติดอยู่ในมโนสำนึกจนเหมือนเครื่องฉายที่ถูกกรอซ้ำไปซ้ำมา

ความตกตะลึงงันทำให้ตัวของเธอชาไม่หาย

จากที่เธอเดินโซซัดโซเซให้คุณแม่บ้านประคองกลับมายังห้องพักจนถึงเวลานี้เธอก็ยังสลัดภาพที่น้องชายของตนเองกำลังร่วมรักกับศัลยแพทย์หนุ่มออกไปไม่ได้ อยากจะร้องไห้ อยากจะกรีดร้องโวยวาย หรือยิ้มรับกับเรื่องนี้เธอก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้นหรอคะคุณหนู?”

คุณแม่บ้านถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อประคองให้คุณหนูของเธอเอนนอนลงกับเตียงแล้ว เธอหยิบเอาผ้าห่มมาคลี่ห่มให้คุณหนูแล้วจับมือเรียวเอาไว้

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...คุณป้ากลับไปก่อนเถอะค่ะ คืนนี้หนูอยู่คนเดียวได้”

รตาเอ่ยปากก่อนจะพลิกหน้าหันไปมองทางหน้าต่าง

รอยหยดน้ำจากฝนยังคงเกาะพราวอยู่บนหน้าต่างใสสะอาด

สายตาของเธอจับจ้องอยู่กับน้ำฝนหยดหนึ่งที่ค่อยๆไหลไปรวมกับเม็ดข้างๆจนทิ้งตัวตกลงมาเป็นทางคล้ายกับหยาดน้ำตาของคนที่ไหลลงอาบแก้ม รตารู้สึกเหมือนกับน้ำตาของเธอกำลังจะไหลลงมาด้วยเช่นกัน

“แต่คุณหนู...ให้ป้าอยู่ด้วยไม่ดีกว่าหรอคะ?”

รตาผ่อนลมหายใจยาว เธอรู้ดีว่าคุณป้าแม่บ้านที่เลี้ยงเธอมานั้นห่วงใยมากเพียงใด แต่เธอไม่ต้องการให้ใครมาเห็นช่วงเวลาที่น่าสมเพชของเธอ..

“ขอหนู..อยู่คนเดียวนะคะ”

คำพูดที่แสนแผ่วเบาแต่ดูเหินห่างนั้นทำให้แม่บ้านวัยกลางคนยอมกลับออกไปแต่โดยดี เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงแล้ว รตาก็ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับห้วงความคิดที่มันทั้งสับสนและเจ็บปวด

 

ในที่สุดค่ำคืนที่มีทั้งความสุขและความเจ็บปวดดำเนินไปเคียงคู่กันก็หมดลง รัญชน์กะพริบตาเบาๆและพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาภายในห้องพักของ กวินท์ตอนยามเช้า

เสียงนกสองตัวหยอกเย้ากันอยู่ตรงข้างหน้าต่างทำให้รัญชน์ต้องยิ้มน้อยๆขณะที่ขยับลุกขึ้นไปมองมันสองตัวผลัดกันไซร้ขนให้แก่กัน

“คุณตื่นแล้วหรอ?”

กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นโชยเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาหา รัญชน์หันไปรับแก้วกาแฟที่ศัลยแพทย์หนุ่มยื่นมาให้

พอดื่มกาแฟรสกลมกล่อมแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกถึงยามเช้านั้นมาถึงแล้วจริงๆ รัญชน์จิบไปอีกสองอึกใหญ่ก่อนจะลดแก้วลงมาประคองไว้กับตักก่อนหันไปหาคนที่เอื้อมมือมาเขี่ยแก้มของเขาเบาๆ

“ผมไปเอาเสื้อผ้าของคุณมาให้แล้วนะ เดี๋ยวสองโมงเช้าผมต้อง ลงไปอยู่เวรแทนคนที่มาอยู่เมื่อคืนนี้ คงต้องอยู่เวรถึงบ่ายสาม ระหว่างนี้คุณจะไปไหนหรอ?”

รัญชน์ชะงักไปกับคำถามนั้น เขายกกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งอย่างอึดอัดใจ พอเห็นกวินท์ยังคงมองมาอย่างต้องการคำตอบ รัญชน์เลยลดแก้วกาแฟลงอีกครั้ง

“ก็อาจจะไปหาพี่รตาล่ะมั้ง..”

ถึงจะบอกไปอย่างนั้น แต่รัญชน์เองก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทนไหวกับการเผชิญหน้ากับพี่สาวของตนเองหรือเปล่าในตอนนี้...

แม้ว่ารตาจะไม่ได้ล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขากับกวินท์ แต่ใจของรัญชน์มันก็รู้สึกผิดกับพี่สาวไปไม่น้อยเสียแล้ว

“อย่างนั้น...บ่ายสามคุณมาหาผมที่นี่นะ..”

รัญชน์ไม่ได้ตอบหรือพูดอะไรออกมา กวินท์จึงหอมแก้มซ้ำอีกครั้งก่อนจูบลงกับกลางกระหม่อมของรัญชน์ที่เอาแต่มองดูกาแฟในแก้ว

“ไม่อย่างนั้น..ให้ผมไปรับคุณดีไหม?”

รัญชน์ส่ายหน้าแทบจะในทันที หากกวินท์ไปรับเขาที่ห้องของรตาก็เท่ากับเป็นการป่าวประกาศให้พี่สาวของเขารู้ถึงความสัมพันธ์นี้ชัดๆ

“ไม่ต้องหรอก..เดี๋ยวผมจะมาหาคุณก็แล้วกัน”

ร่างบางบอกก่อนจะหันไปมองนกสองตัวที่อยู่ข้างนอก..

แต่มันเหลือเพียงตัวเดียวเสียแล้ว..

เจ้านกน้อยอีกตัวที่อยู่ด้วยกัน..มันโผบินไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้

หลังจากแยกจากกวินท์ที่ลงไปทำงานแล้ว รัญชน์ก็ยืนเหม่ออยู่ตรงระเบียงอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปหาพี่สาวที่ห้องพักของเธอ

“คุณหนูใหญ่บอกไม่อยากพบใครนะคะ ดูเธออารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าคุณหนูจะเข้าไปก็ระวังหน่อยนะคะ”

รัญชน์เลิกคิ้วกับคำเตือนของคุณแม่บ้าน เขาหันไปมองดูประตูห้องที่รตานอนอยู่ก่อนหันกลับมามองหน้าแม่บ้านอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นหรอครับ..?”

คุณแม่บ้านวัยกลางคนเม้มปากอยู่สองสามครั้งสายตาของเธอดูทั้งกังวลและเป็นห่วง รัญชน์ยืนมองดูเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะตัดสินใจบอกออกมา

“เมื่อคืนตอนประมาณก่อนเที่ยงคืน...คุณหนูใหญ่เธอไปหาคุณหมอกวินท์ค่ะ”

รัญชน์สะดุ้งวาบกับคำพูดของคุณแม่บ้าน เขายืนนิ่งและรู้สึกชาไปทั้งร่าง หายใจเต้นอย่างตื่นตระหนก

“ป้าไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น ป้ารออยู่ข้างนอก แต่พอคุณหนูใหญ่เดินไปที่ห้องพักของคุณหมอ เธอยืนมองเข้าไปในหน้าต่างอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินกลับออกมา หลังจากนั้นเธอก็บอกว่าอยากอยู่คนเดียว ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ไม่ดีค้างมาตั้งแต่คืนจนถึงเช้านี้ล่ะค่ะ.. อาหารเช้าเธอก็ไม่ยอมทาน นี่เพิ่งไล่ให้ป้ายกออกมาเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ”

รัญชน์พยักหน้ารับรู้ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาเดินเข้าไปจับถาดอาหารที่คุณแม่บ้านยกออกมา

“ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยเช้านี้ ยังไงรบกวนคุณป้าหาอาหารเช้าให้ผมสักหน่อยได้ไหมครับ ส่วนเรื่องของพี่รตาผมจัดการเองครับ”

คุณแม่บ้านมองเขาก่อนจะพยักหน้ารับ และช่วยจัดการเปิดประตูให้รัญชน์ถือถาดเข้าไปด้านใน รัญชน์ประคองถาดเข้าไปถึงแม้ใจจะสั่นมากแค่ไหน..

รตาไม่หันมาแม้แต่น้อยเมื่อรัญชน์ก้าวเข้าไปในห้อง

รัญชน์วางถาดอาหารลงกับโต๊ะและเข็นโต๊ะเข้าไปที่ข้างเตียงของเธอ ใบหน้าของพี่สาวดูนิ่งเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก แต่จากคำพูดของคุณแม่บ้านทำให้รัญชน์รู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง...

“ทานอะไรสักหน่อยสิ...พี่ยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเช้าเลยไม่ใช่หรอ?”

รตาหันมองมาด้วยสายตาเย็นชา เธอมองอยู่อย่างนั้นจนรัญชน์ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาแทน รตาลดสายตามองดูเสื้อผ้าของน้องชายที่ยังอยู่ในชุดของเมื่อวาน

“พี่นั่งภาวนาอยู่ทั้งคืน..”

ใจของรัญชน์มันกำลังบีบรัดเมื่อพี่สาวเริ่มต้นพูดอย่างช้าๆ สายตาตำหนิและผิดหวังชัดเจนทำให้เขาหน้าชาไม่น้อย รัญชน์จิกมือลงกับขอบโต๊ะ มันอึดอัดไปหมดยามรอฟัง

“พี่ภาวนาให้สิ่งที่ได้เห็นเมื่อคืน...มันเป็นแค่ภาพลวงตาหรือความฝันเท่านั้น...แต่ดูจากสภาพของนายแล้ว ยังไง...มันก็เป็นความจริงสินะ”

น้ำเสียงห่างเหินยิ่งทำให้รัญชน์รู้สึกผิด

“นาย..คือรัญชน์...น้องชายของฉันจริงๆน่ะหรอ?”

“พี่...” รัญชน์รู้สึกเหมือนมีคำพูดหลายอย่างที่อยากพูดออกไป

อยากเล่าเรื่อง อยากอธิบายให้ผู้เป็นพี่สาวฟัง

แต่คำพูดเหล่านั้นก็ได้แต่ไหลผ่านความคิดของเขาไปเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าพูดออกไปมันก็เหมือนกับเป็นการแก้ตัวเสียเปล่าๆ รัญชน์ไม่คิดว่าจะมีคนเชื่อได้ว่าเขาจะรักกับกวินท์ได้ ก็ในเมื่อเคยเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเมื่อสิบห้าปีก่อน...แม้กระทั่งพี่สาวของเขาก็ตามที

เห็นน้องชายเงียบไปแล้ว รตาก็เมินหน้าหนีไปอีกทาง

“ออกไปซะ..พี่ยังไม่อยากเห็นหน้านายตอนนี้”

เพราะคำไล่นั้น...ทำให้รัญชน์ยอมที่จะก้าวกลับออกไปจากห้องพักของพี่สาว แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเดินออกไป..รัญชน์หันกลับมาอีกครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา...

“ถ้าพี่ไม่อยากเห็นหน้าผม..ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับอเมริกาก็แล้วกัน”

รตาหันมาอีกครั้ง แต่คนเป็นน้องก็เดินจากไปเสียแล้ว...

หญิงสาวกำมือแน่นและเริ่มต้นถามตัวเองอีกครั้ง ด้วยคำถามที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งคืน

เธอควรจะโกรธน้องชายดีหรือเปล่า...?

ควรจะเก็บปวดกับสิ่งที่น้องชายของเธอทำใช่ไหม..?

ควรจะตัดใจจากคุณหมอกวินท์ใช่ไหม..?

หรือจะโกรธตัวเอง...ที่ทำใจยอมรับความสัมพันธ์ของน้องชายไม่ได้ดี..?

แต่ถ้าถามว่ารตาเกลียดผู้เป็นน้องหรือไม่กับสิ่งที่เกิดขึ้น

หญิงสาวบอกได้เลยว่าไม่

เธอเพียงแต่เจ็บเท่านั้น

เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกหักหลังจึงไม่อยากแม้แต่จะมองหน้ารัญชน์ในตอนนี้ เธออยากได้เวลาทำใจ..ที่จะยอมรับความสัมพันธ์ของคนที่เธอรักกับผู้เป็นน้องชาย

รตาตะแคงหน้าหันมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดยามเช้าทำให้เธอตาพร่าไปไม่น้อย...

มีเพียงนกน้อยตัวหนึ่งที่โผบินมาเกาะอยู่ข้างหน้าต่างเท่านั้น ที่รู้ว่าหญิงสาวภายในห้องกำลังร้องไห้อยู่อย่างอัดอั้นใจ...

 -TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.5 (Update 9/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 09-03-2013 23:42:17
ในที่สุดอิฉัน เอ้ย ทั้งสอง ก็มีวันนี้  :z1:  อิอิ 
คุณพี่สาวก็ทำใจเหอะค่า ปล่อยให้น้องชายได้มีความสุขบ้างเหอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.5 (Update 9/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-03-2013 00:27:59
รตาไม่มีสิทธิ์โกรธรัญชน์สักนิด เพราะตัวเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณหมอ แล้วคุณหมอก็ไม่ได้พิศวาสหล่อน
มีแต่หล่อนที่ชอบเค้าอยู่ฝ่ายเดียว
จะโกรธน้องลงอีกหรอไม่สงสารรัญชน์บ้างหรออออออออชีวิตฮีไม่เคยมีความสุขเลยนะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.5 (Update 9/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: So_Da_Za ที่ 10-03-2013 09:01:26
แค่รักกันก้อผิดเหรอ
เฮ้อ!!!
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.5 (Update 9/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 10-03-2013 21:07:19
         ตอนที่ ๖

 

มันเป็นช่วงเวลาโดดเดี่ยวเสียยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าพ่อ กับแม่กำลังจะแยกทางกันแล้วต่างฝ่ายต่างไปมีครอบครัวใหม่

รัญชน์ขับรถออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความเจ็บปวด...

ความอ้างว้างที่มีในตอนนั้น เขายังมีความรักของพี่สาวอยู่..

แต่ในวันนี้..รัญชน์รู้ตัวดีว่าตัวเองทำอะไรลงไป

เขาเป็นทั้งคนเห็นแก่ตัวและคนเลว...

ชีวิตจริงมันไม่ง่ายเหมือนในนิยายหรือละครเลยสักนิด..

เขายังคงต้องการความรักจากพี่สาวและยังต้องการเพียงแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นของกวินท์ แต่ว่านั่นมันคือการหักหลังกับความรู้สึกของพี่สาวที่รัญชน์เองก็รู้แก่ใจดี

น้ำตาไหลจากหางตาของรัญชน์ที่กำลังสับสนอย่างเงียบๆ..

จากสิ่งที่เขาทำลงไป..พี่สาวคงไม่เหลือความรักไว้ให้กับเขาอีกแล้ว และจะให้ไขว่คว้าความรักจากกวินท์ รัญชน์ก็ทำไม่ได้เช่นกัน เขาไม่อยากทำให้พี่สาวกับพ่อเสียใจและผิดหวังในตัวเขาไปมากกว่านี้..

ไม่อยาก...จะถูกเกลียดไปมากกว่านี้

รัญชน์เหยียดริมฝีปากเย้ยหยันตัวเองอย่างสมเพช..

ทำไม..วิถีชีวิตของคนเรา..มันถึงได้ยุ่งยากแบบนี้กันนะ..

 

กว่ากวินท์จะตรวจคนไข้ในวันนี้เสร็จก็เลยเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง ศัลยแพทย์หนุ่มพลิกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาด้วยความร้อนใจ

เขาเลือกที่จะวิ่งขึ้นไปทางบันไดแทนการไปยืนคอยลิฟต์ซึ่งตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้ป่วยและญาติที่ต่อคิวรอกันอยู่เป็นจำนวนมาก

กวินท์กลับขึ้นไปยังห้องพักด้วยจิตใจเบิกบานเมื่อนึกถึงใบหน้าน่ารักชวนมองของคนที่จะรอเขาอยู่ด้านบน

ความสุขใจที่มีทำให้กวินท์ไม่ได้เผื่อใจไว้เลยสักนิดว่าจะรู้สึกผิดมากแค่ไหนเมื่อเขาเจอแต่ห้องที่ว่างเปล่า..

“รัญชน์?..”

ไม่มีแม้แต่เงา...ไม่มีแม้กระทั่งโน้ตอะไรทั้งสิ้น

กวินท์ตัดสินใจถอยกลับออกมาและเดินไปยังห้องพักของรตาที่อยู่อีกฟากของชั้นเดียวกัน เห็นหน้าศัลยแพทย์หนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อนแล้ว รตาก็ต้องเบือนหน้าหนี พอจะรู้ดีถึงจุดประสงค์ของการมาในเวลานี้

กวินท์ไม่ได้มาตรวจเยี่ยมเธอ แต่คงมาถามหาผู้เป็นน้องชายกับเธอเสียมากกว่า ชั่ววูบนั้นเอง..ที่รตารู้สึกได้ว่าเธอเกลียดเขา

เกลียดที่เขาใจดีจนทำให้เธอหลงรัก...

เกลียดความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับน้องชายของตัวเอง

เกลียดที่เธอไม่รู้เลยว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

และสุดท้าย...เธอกำลังเกลียด..

ที่เขาจะแย่งความรักของน้องชายไปจากเธอ..

พรวดพราดเข้ามาในห้องของคนไข้สาวแล้ว กวินท์ก็ถึงได้คิดว่าเขาไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงกับเธอดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้ามาแล้วไม่พบกับรัญชน์อยู่ในห้องนี้

การจะถามหาผู้เป็นน้องชายที่เขาเพิ่งได้พบหน้าเพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อวานจากผู้เป็นพี่สาวแบบนี้ มันจะดูผิดวิสัยไปหรือเปล่า..

กวินท์คิดอย่างอึดอัดใจ เขาไม่รู้ว่ารัญชน์จะยินดีหรือไม่ที่จะให้ครอบครัวล่วงรู้ความสัมพันธ์ ที่เกิดขึ้นระหว่างเขา ดังนั้นกวินท์จึงได้แต่หยุดยืนค้างอยู่ที่กรอบประตูอยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งรตาหันกลับมาอีกครั้ง

“มาหา..รัญชน์สินะคะ” น้ำเสียงของเธอดูห่างเหินและเย็นชา

คำพูดนั้นก็ดูเหมือนไม่ใช่คำถาม แต่เป็นประโยคที่บ่งบอกถึงจุดประสงค์ของศัลยแพทย์หนุ่มที่เธอมองออก

กวินท์ตัดสินใจก้าวเดินเข้าไปหาเธอและปิดประตูลง ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่เปลี่ยนไป ทำให้เขาพอจะเดาได้ว่าเธอคงรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วอย่างแน่นอน

“ครับ...ตอนนี้เขาอยู่ไหนหรอครับ?” ถามออกไปแล้ว กวินท์ก็ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจออกแรงๆคล้ายไม่พอใจของเธอ

“แล้วคุณหมอคิดว่าฉันสมควรบอกหรือเปล่าล่ะคะว่าตอนนี้น้องชายของฉันอยู่ไหน?” คำพูดที่ย้อนกลับมาทำให้กวินท์ต้องขมวดคิ้วทันที

เขาเห็นอุปสรรควางขวางกั้นอยู่ลางๆตรงหน้าเอาเสียแล้ว และนี่คงเป็นเหตุผลที่รัญชน์ไม่อยู่ในห้องพักของเขาทั้งที่นัดกันเอาไว้แล้วแน่ๆ

“คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”

คิ้วของกวินท์เริ่มขมวดเข้าหากันจนเป็นร่องจางๆสองสามรอยระหว่างหัวคิ้วทั้งสอง สายตาคมมองอย่างประเมินคำพูดอีกฝ่าย

รตายังคงจ้องมองมาด้วยสายตาที่บอกถึงความไม่พอใจในตัวเขาเป็นอย่างดี

“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าเรื่องเมื่อคืนระหว่างคุณหมอกับน้องชายของฉันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แต่ฉันหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”

คำพูดของเธอชัดเจนเป็นอย่างยิ่งจนกวินท์เริ่มมองเห็นเค้าลางเอาเสียแล้วว่าอุปสรรคชิ้นใหญ่ของเขาคือหญิงสาวตรงหน้าอย่างแน่นอน

ศัลยแพทย์หนุ่มระบายลมหายใจออกช้าๆและควบคุมอารมณ์ร้อนของตนเองไว้เพื่อพูดกับเธอ

เมื่อเขาเจอความรักที่ตามหาแล้ว..กวินท์ไม่มีทางยอมปล่อยให้มันหลุดลอยไปอีกครั้งอย่างแน่นอน

“ได้โปรดเถอะครับ...รัญชน์อยู่ที่ไหน?”

กวินท์พยายามควบคุมโทนเสียงของตนให้ดูไม่ดุดันและก้าวร้าวเกินไป สองขมับของเขาบีบรัดเข้าหากันจนมันเริ่มปวดร้าว

กวินท์แปลกใจตัวเองไม่น้อยที่อารมณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเขา

ที่ผ่านมาไม่เคยมีอะไรที่ทำให้คนที่ควบคุมอารมณ์ได้เก่งพอสมควรอย่างเขารู้สึกสติแตกแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน

“คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาถามหาน้องชายของฉัน” รตาสะบัดเสียงใส่เขา ทั้งความผิดหวังจากความรักที่มีให้ศัลยแพทย์หนุ่มและความกลัวว่าจะสูญเสียน้องชายไปมันผสมรวมกันเป็นอารมณ์ที่รุนแรง

“คุณเองก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับความรักของผมกับน้องชายของคุณเหมือนกัน!!” เหลือที่จะอดทนแล้วกวินท์จึงตวาดใส่เธอที่หันมามองอย่างตกตะลึง กวินท์มองสีหน้าเธอแล้วก็รู้สึกผิดในใจ เขาไม่เคยตวาดใส่ใครมาก่อนและคิดว่าตัวหญิงสาวเองก็คงไม่เคยถูกใครตวาดใส่มาก่อนด้วยเช่นกัน

“ความรัก..ระหว่างคุณกับน้องชายของฉัน...อย่างนั้นหรอ?”

รตาทวนคำเสียงเยาะ ความไม่เชื่อมันปรากฏชัดเจนบนใบหน้าของเธอที่กำลังเผชิญหน้ากับกวินท์ หากสังเกตให้ดีจะพบว่าสองมือของเธอกำลังจิกผ้าห่มสีขาวไว้แน่น

“คุณกล้าใช้คำว่ารักเลยหรอคะคุณหมอ...คุณกับรัญชน์เพิ่งจะได้พบกันเมื่อวานซืนนี้ไม่ใช่หรือยังไงกัน อย่ามาใช้คำว่ารักกับน้องชายของฉันให้มันตลกหน่อยเลย!” หญิงสาวตะคอกออกมาด้วยอารมณ์ที่มันอัดอั้นอยู่ในใจที่กำลังสั่นเทา เธอโกรธไปหมดทุกอย่างจนไม่รู้ว่าความหวงน้องชายหรือความผิดหวังที่ชายหนุ่มเลือกน้องชายของเธอจะมีมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆคือทั้งสองอย่างมันผสมกันอยู่

“ไม่ใช่เมื่อวานซืน..” รตาชะงักกับคำพูดเรียบๆของกวินท์

มันเป็นประโยคคำพูดเรียบๆแต่ที่เธอสะดุดคือน้ำเสียงอ่อนโยนของเขายามพูดถึง รวมทั้งแววตาที่อ่อนลง

พอเห็นเธอสงบลงแล้ว...กวินท์จึงได้พูดขึ้นอีกครั้ง

“ผมกับน้องชายคุณ...เราเคยเจอมาก่อนเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว”

แววตาของรตาบ่งบอกชัดเจนถึงความไม่เข้าใจ

“ผมกับน้องชายของคุณเจอกันที่โรงพยาบาลนี้เมื่อสิบห้าปีก่อน การที่ผมมาเป็นแพทย์ที่นี่ก็เพราะเราให้สัญญากันไว้ว่าจะต้องพบกันอีกครั้งเมื่อเขากลับมาที่ไทย” ความหึงหวงและความผิดหวังมันถูกปล่อยออกไปราวกับลูกโป่งที่โดนปล่อยลม รตาอึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้

“คุณหมออยากให้ฉันเชื่อคำพูดลอยๆอันนี้ของคุณอย่างนั้นหรอคะ?” มนุษย์มักจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ เช่นเดียวกับที่จะปฏิเสธที่จะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากเชื่อ รตาก็เช่นเดียวกัน

“แล้วถึงเรื่องที่คุณพูดมาจะเป็นเรื่องจริง แต่คุณกับน้องชายของฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมารักกันหรอกนะ” รตาพูดเสียงสั่น..เธอยังคงไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนถึงแม้ลึกๆแล้วจะรู้ตัวดีว่าตัวเธอเองเป็นส่วนเกินของทั้งสองคนแล้วจริงๆ..กวินท์ถอนหายใจยาว

“ขอร้องล่ะครับ คุณจะเชื่อหรือไม่มันก็เป็นเรื่องของคุณ และเรื่องที่ผมกับน้องชายของคุณสมควรจะรักกันหรือไม่ ขอให้เราสองคนได้ตัดสินใจกันเอง น้องชายของคุณคือรักแรกและรักเดียวที่ผมตามหามาตลอดสิบห้าปี คุณเองก็เป็นผู้หญิงที่ดี อย่าให้ความรู้สึกของคุณมาเป็นตัวทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจด้วยการกีดกันผมกับน้องชายของคุณจากกันเลย”

รตาหน้าชากับคำพูดของศัลยแพทย์หนุ่มไม่น้อย

คำพูดที่กวินท์เอ่ยมาทำให้เธอเริ่มรู้สึกตัวเช่นเดียวกันว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่เธอรู้เรื่องมันทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจอย่างที่ กวินท์ว่าจริงๆ...

เธอเป็นพี่สาว...ก็ควรจะยินดีกับความรักของน้องชายไม่ใช่หรืออย่างไรกัน..ถึงความรักของน้องชายนั้น...มันจะเกิดขึ้นกับเพศเดียวกันก็ตาม

และก็เป็นตัวเธอเองไม่ใช่หรือ ที่เคยคาดหวังอยากให้ผู้เป็นน้องชายมีใครสักคนที่เป็นที่รักและเข้ามาอยู่เคียงข้าง

แต่ทำไมพอถึงวันที่น้องชายจะมีความรัก จิตใจของเธอถึงยอมรับในความรักของน้องชายไม่ได้เช่นนี้

“ผมขอโทษที่พูดแบบนี้ แต่ถ้าคุณไม่คิดจะช่วย ก็อย่ามาขัดขวาง เพราะผมยอมที่จะสูญเสียทุกอย่าง แต่ผมยอมไม่ได้ที่จะต้องเสียน้องคุณไป”

กวินท์พูดทิ้งท้ายก่อนจะทิ้งให้เธออยู่ในห้องตามลำพังกับความรู้สึกสับสน

ท่ามกลางห้องที่เงียบสงบ..รตายกมือขึ้นแตะสร้อยบนคอของเธออย่างเหม่อลอย..พอกวินท์ออกไปแล้วเธอถึงได้กลับมาค่อยๆคิดอีกครั้งถึงความทรงจำเมื่อสองปีก่อนระหว่างที่เธอไปเยี่ยมรัญชน์ที่บรูคลิน

“อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่เหงาหรอ? ไม่หาแฟนสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนล่ะ?”

“ไม่ล่ะ”

“ทำไมล่ะ มีแฟนสักคนจะได้ไม่เหงาไง”

“ไม่ได้หรอก..สัญญากับใครบางคนไว้ ว่าถ้ากลับไปไทยเมื่อไหร่...จะยอมเป็นแฟนด้วยน่ะ”

“แหน่ะๆ..แอบไปสัญญากับใครไว้จ้ะ พี่รู้จักหรือเปล่า?”

รัญชน์ในวันนั้นได้แต่อมยิ้มและไม่ยอมบอกอะไรกับเธอสักอย่าง

คนที่น้องชายของเธอสัญญาเอาไว้...ก็คงจะเป็นกวินท์สินะ

รตาหลับตาลง คำตอบมันค่อยๆชัดเจนขึ้นมาแล้วว่าหลังจากนี้เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี...

เพื่อน้องชายของเธอ

 

ออกจากห้องพักของรตาแล้ว กวินท์ก็กลับไปยังห้องพักของตนเองอีกครั้ง แต่ก็เช่นเคย ภายในห้องมันไร้ซึ่งเงาของรัญชน์ แต่ก่อนจะออกจากห้องไป กวินท์ก็หันไปเห็นสร้อยคอของรัญชน์เอาเสียก่อน

เขาเดินไปหยิบมันขึ้นมาและเก็บใส่กระเป๋าของตนไป

ตอนออกจากห้องนี้ไปรัญชน์คงจะไม่ทันเห็นมันสินะ บางทีอาจจะมีอะไรรบกวนจิตใจของรัญชน์อยู่ ถึงได้หลงลืมของสำคัญชิ้นนี้เอาไว้ ปล่อยให้มันถูกทิ้งไว้อย่างเดียวดาย เหมือนกับความรักของกวินท์

หลังจากนั้นกวินท์ก็วิ่งไปทั่วโรงพยาบาลเพื่อตามหารัญชน์

ศัลยแพทย์หนุ่มหวังว่าจะได้เห็นร่างเล็กของรัญชน์ยืนอยู่ที่ไหนสักที่ที่เขาจะคว้ามากอดไว้ได้ ทั้งที่ในใจลึกๆกำลังรู้สึกว่ามันเหมือนช่วงเวลาเมื่อสิบห้าปีก่อนตอนที่แม่ของรัญชน์เดินมาตามลูกชายของเธอเพื่อออกเดินทางไปอเมริกาไม่มีผิด

ความรู้สึกที่บอกว่ารัญชน์กำลังจะจากเขาไปอยู่ในที่ห่างไกลแบบนั้น ทำยังไงกวินท์ก็ยอมรับไม่ได้ รัญชน์เป็นของเขาแล้ว เขาไม่อยากจะสูญเสียรัญชน์ไปอีก ถึงแม้ว่าจะมีคนไม่ยอมรับความรักของเขาก็ตามที

แต่หลังจากวิ่งไปทั่วและถามหารัญชน์เอากับทุกคนที่น่าจะรู้จักแล้ว กวินท์ก็แทบจะทรุดขาลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เมื่อรปภ.ของโรงพยาบาลที่จำรัญชน์ได้นั้น บอกว่ารัญชน์ออกไปจากโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าและยังไม่ได้กลับเข้ามาอีก..

กวินท์เดินเซไปพิงรถของตัวเอง

ใจหนึ่งอยากจะไปถามเอากับยชญ์ผู้เป็นพ่อของรัญชน์ แต่ก็นึกขึ้นมาได้เสียก่อนว่าผอ.ลีไม่ค่อยให้ใครยุ่งเรื่องครอบครัวเขาสักเท่าไหร่

โดยเฉพาะเรื่องลูกชายคนเล็กที่ไปอยู่เมืองนอก ถึงกวินท์จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อลูกแต่ก็ไม่อยากไปยุ่งด้วยมากนัก

ศัลยแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นมาทุบหน้าผากตัวเองซ้ำๆอย่างหงุดหงิดใจ เขาโมโหตัวเองมากกว่าใครที่ไม่ถามที่อยู่หรือช่องทางติดต่อกับรัญชน์เอาไว้ ความดีใจมันทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่ง..

บ้าชะมัด..

อย่างน้อยถ้ารตายอมช่วยเหลือ...เขาก็อาจจะพอมีทางหารัญชน์เจอได้บ้าง แต่จากที่คุยกันเมื่อสักครู่ เขาก็ไม่อยากคาดหวังอะไรนัก ถ้ารู้เรื่องที่เขาวิ่งวุ่นไปทั่วโรงพยาบาลเพื่อตามหาน้องชายของเธอ บางทีหญิงสาวอาจจะนั่งหัวเราะเยาะเขาอยู่ก็เป็นได้

กวินท์เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แต่เขาก็ไม่ได้ขับรถออกจากโรงพยาบาลไป เขายังคงนั่งรออยู่ด้วยความหวังว่าจะได้พบรถสักคันเลี้ยวเข้ามาจอดและคนที่ลงมาจากรถนั้นก็คือรัญชน์

รถแล่นผ่านไปคันแล้วคันเล่า..

สองชั่วโมงกว่าจากที่มองตามรถทุกคัน กวินท์ก้มหัวลงซุกหน้ากับพวงมาลัย เขาไม่อยากยอมรับว่าจะต้องสูญเสียรัญชน์ไป ไม่อยากเชื่อว่าความรักที่เขาได้สัมผัสมันกำลังจะหลุดลอยไปจริงๆ

“โธ่เว้ย!” กวินท์ระบายอารมณ์ออกมาด้วยการทุบพวงมาลัยรถแรงๆอย่างหัวเสียก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกๆ ระงับสติอารมณ์ของตนเองให้กลับคืนมาอย่างยากลำบากในเวลาเดียวกับที่เสียงมือถือของเขาดังขึ้น

เบอร์โทรที่ไม่คุ้นสักเท่าไหร่ทำให้เขารีบกดรับด้วยความหวังว่าจะเป็นรัญชน์โทรมา แต่ปลายสายนั้นกลับเป็นเสียงของหญิงสาวที่กวินท์เพิ่งจะเดินจากมาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว

“คุณรักน้องชายของฉันจริงหรอคะ?” รตายิงคำถามนี้ทันทีเมื่อกวินท์รับสาย และโพล่งอีกคำถามทันทีก่อนที่กวินท์จะทันตอบ

“คุณสาบานได้ไหมว่าจะรักรัญชน์ตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะรักและดูแลเด็กคนนั้นอย่างดีที่สุด”

ถึงรตาจะดูแข็งกร้าวคล้ายคนไม่ยอมฟังอะไรเมื่อสักครู่ แต่จากคำถามและน้ำเสียงของเธอในตอนนี้ กวินท์เริ่มเห็นความหวังกลับคืนมาแล้ว

“ผมสาบาน...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะรักน้องคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น” กวินท์บอกอย่างมั่นใจในความรักของตนเอง..

เขารักรัญชน์มาสิบห้าปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรืออยู่ข้างกันเขาก็รักหมดทั้งหัวใจ และเชื่อว่าตนเองจะรักรัญชน์มากขึ้นไปอีก ถ้าได้อยู่เคียงข้างกัน ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยกลับมา

“ถ้าอย่างนั้น...คุณหมอช่วยขึ้นมาหาฉันหน่อยแล้วกันนะคะ”

สายถูกตัดไปก่อนที่กวินท์จะได้ทันรับคำอะไร

ศัลยแพทย์หนุ่มมองหน้าจอมือถืออีกครั้งก่อนจะรีบร้อนลงจากรถและตรงไปหารตาทันทีอย่างไม่สนใจคำทักทายของใครทั้งสิ้น

ถึงจะพอแน่ใจว่าขึ้นไปก็คงไม่ได้พบกับรัญชน์ในทันที แต่การขึ้นไปหารตานี่แหละคงเป็นก้าวแรกที่เขาจะได้เจอกับรัญชน์อีกครั้ง

รตากำลังเคาะปลายปากกาลงกับกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าของเธออย่างเหม่อลอยตอนที่กวินท์เปิดประตูเข้ามาภายในห้อง เธอมองมาที่ศัลยแพทย์หนุ่มก่อนจะวางปากกาลงและหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาพับ กวินท์เองก็มองไปที่กระดาษแผ่นนั้น แต่รตาไม่ได้ยื่นมาให้เขา กวินท์จึงทำได้แค่ยืนคอยดูว่าเธอจะทำอะไรกันแน่

“คุณหมอ..คุณคงจะรู้มาบ้างว่าฉันกับรัญชน์เป็นลูกที่เกิดจากภรรยาเก่าของผ.อ.ยชญ์..” กวินท์พยักหน้ารับและไม่ได้เอ่ยขัดอะไรทั้งที่เริ่มรู้สึกสงสัยว่ารตาต้องการพูดเรื่องอะไรกันแน่

แต่น้ำเสียงและแววตาที่อ่อนลงของเธอ ทำให้เขาพอจะใจชื้นขึ้นมาบ้างในตอนนี้ กวินท์เองก็รู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่หากต้องเผชิญหน้ากันด้วยอารมณ์โมโหรุนแรงแบบเมื่อสักครู่อีกครั้ง

“พอพ่อกับแม่หย่ากัน เราสองคนพี่น้องก็ถูกแยกจากกัน ฉันอยู่กับพ่อที่ไทย แม่พารัญชน์ไปอยู่ที่อเมริกาด้วย แต่แม่เอง..ก็มีสามีใหม่ เด็กหัวรั้นอย่างรัญชน์จึงกลายเป็นส่วนเกินของครอบครัวใหม่ของแม่ในที่สุด สุดท้ายแล้ว..แม่ก็ส่งรัญชน์เข้าเรียนโรงเรียนประจำที่นั่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัญชน์ต้องอยู่คนเดียวมาตลอด”

รตาเล่าไปเสียงก็สั่นเทาไปด้วยความสงสารผู้เป็นน้องที่ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวตลอดมา และนี่เองก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

“ถึงจะดูเป็นเด็กที่เข้มแข็งแต่จริงๆแล้วภายในของรัญชน์อ้างว้างและโดดเดี่ยวอยู่ตลอดเวลา คุณพอจะเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อหรือเปล่าคะ?...”

หญิงสาวหันมาพยายามยิ้มให้กับกวินท์ เค้าโครงหน้าที่เหมือนกันแต่แตกต่างกันที่แววตานั้นทำให้กวินท์นึกถึงรัญชน์ทันที..

เขารู้สาเหตุแล้วว่าทำไมรัญชน์ถึงได้มีแววตาอ้างว้างแบบนั้น

ถึงจะแสดงออกว่าเป็นเด็กหัวรั้นแต่ภายในแล้วรัญชน์ก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่ยังต้องการความรักและความอบอุ่นจากครอบครัวรวมถึงคนรอบข้างด้วยเช่นเดียวกัน

ได้ยินเรื่องเล่าจากปากของผู้เป็นพี่สาวแล้ว กวินท์ก็นึกเสียใจที่เขาไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างคนที่เขารักในยามว้าเหว่ ยามที่รัญชน์ไม่มีใครตอนนั้น ทำไมโชคชะตาถึงไม่ให้โอกาสเขาได้อยู่ข้างรัญชน์กันนะ

กวินท์ขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวและจับมือของเธอไว้

“ทุกสิ่งที่น้องคุณขาดไป..ผมจะทดแทนด้วยความรักของผม ผมจะไม่มีวันปล่อยให้เขาต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ผมจะดูแลเขาเอง”

ศัลยแพทย์หนุ่มเห็นน้ำตาหยดหนึ่งไหลจากดวงตาของเธอยามที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาและยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้

“ที่อยู่ของรัญชน์กับเบอร์โทรติดต่อ ทั้งในกรุงเทพและบรูคลิน ฉันช่วยคุณได้แค่นี้นะคะ ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนี้รัญชน์ยังจะอยู่ในกรุงเทพไหม เด็กคนนั้นบอกว่าจะกลับอเมริกา แล้วเด็กคนนั้นก็เป็นคนพูดจริงทำจริงด้วย”

รตาบอกแล้วก้มศีรษะลงให้กับศัลยแพทย์หนุ่ม

“ฉันขอโทษนะคะที่เข้ามายุ่งทำให้เรื่องมันวุ่นวาย และก็..ฝากรัญชน์ด้วยนะคะ”

“ขอบคุณนะครับ”

กวินท์รับคำสั้นๆก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับกระดาษแผ่นนั้น รตามองตามแผ่นหลังของศัลยแพทย์หนุ่มไปด้วยดวงตาที่ฝ้าฟาง

เธอเริ่มสะอื้นอีกครั้งแต่รอยยิ้มยังคงระบายบนใบหน้า ถึงจะเจ็บเพียงใด แต่เพื่อน้องชายที่น่าสงสารของเธอแล้ว เธอก็สมควรหลีกทางให้

เธอสะอื้นอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่ประตูจะเปิดเข้ามาอีกครั้ง หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองและหันมองไปนอกหน้าต่าง เจ้านกน้อยที่เมื่อเช้ามีเพียงตัวเดียว ตอนนี้กลับมาอยู่สองตัวและกำลังมองเข้ามาภายในห้องที่ผู้ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาตรงเตียงคนไข้

“อืม..เหมือนจะได้ยินใครกันนะกำลังร้องไห้อยู่” มืออบอุ่นวางลงบนกลางกระหม่อมของเธอ รตาสูดจมูกเบาๆแล้วหันมามองค้อนใส่คนพูด

“ถ้าจะมาหัวเราะเยาะกันล่ะก็ ไม่ต้องเลยนะ”

ธันย์แค่ยิ้มเท่านั้นกับคำพูดของเธอก่อนเลื่อนมือที่วางอยู่กลางศีรษะลงมาประคองแก้มเอาไว้ ปลายนิ้วหัวแม่มือของเขาไล้เอาคราบน้ำตาที่ยังคงเปื้อนแก้มของเธอออกไปอย่างทะนุถนอม

“พี่จะหัวเราะเธอได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเธอทำไปเมื่อกี้มันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดเลยนินา”

ชายหนุ่มบอกก่อนที่จะทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆแล้วรั้งให้เธอเอนมาซุกกับไหล่ของเขา อ้อมกอดของธันย์ถึงไม่ใช่สิ่งที่รตาฝันถึง แต่มันก็อบอุ่นจนทำให้เธอยอมอิงหัวลงกับบ่าของเขา

“เจ็บไม่นานหรอก..เดี๋ยวก็หาย” รตาได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหูเช่นนั้น เธอครางรับคำในลำคอเบาๆก่อนจะขยับแขนกอดเอวของธันย์ไว้อย่างต้องการที่พักพิง และชายหนุ่มก็ยินดีเป็นที่พักพิงให้แก่เธอ

บางที..จุมพิตเบาๆกลางกระหม่อมของเธอกับอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้...อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความรักครั้งใหม่ก็เป็นได้...

 

ยิ่งได้ฟังเรื่องราวจากรตาแล้ว กวินท์ก็รู้สึกว่าตัวเองจะปล่อยรัญชน์ไปไม่ได้เด็ดขาด เขาอยากจะอยู่ข้างๆ คอยปลอบโยนเวลารัญชน์ทุกข์ คอยหัวเราะด้วยกันยามที่มีความสุขและทำทุกอย่างให้ดวงตาคู่เหงานั้นเปลี่ยนเป็นดวงตาที่สดใสให้ได้

พอตั้งปณิธานกับตัวเองได้แล้ว กวินท์ก็รีบไปยังที่อยู่ของรัญชน์ที่ รตาเขียนไว้ให้ ที่อยู่ในกรุงเทพนั้นอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ อันที่จริงแล้วมันอยู่ใกล้กับคอนโดของกวินท์ไม่น้อย

แต่กวินท์ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อทราบจากเจ้าหน้าที่ของคอนโดว่ารัญชน์นั้นออกไปข้างนอกแล้วพร้อมกับกระเป๋าเดินทางเมื่อสามชั่วโมงก่อน

กวินท์กลับมาที่รถของตนเอง เขาหยิบกระดาษขึ้นมาดูอีกครั้งและลองโทรเข้าเบอร์มือถือของรัญชน์อีกรอบ แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็เป็นเพียงแค่ระบบฝากข้อความเหมือนกับที่กวินท์ได้ฟังมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

ชายหนุ่มลดกระดาษลงในมือ เขากรอกเสียงทุ้มลงฝากข้อความไว้

“ถ้าคุณได้ยินข้อความนี้แล้ว..โทรกลับมาหาผมนะรัญชน์..ได้โปรด อย่าหนีไปแบบนี้...”

มือที่ถือโทรศัพท์มือถือมันสั่น กวินท์ก้มหน้าลงไปเอาหน้าผากกดกับพวงมาลัยรถก่อนจะกรอกประโยคที่ใจเขาร้องบอก..

“อย่าเดินหนีจากความรักของเรา...ได้ไหม..”

ดูเหมือนว่า..กำแพงที่ใหญ่ที่สุดที่เขาต้องข้ามไปให้ได้ ไม่ใช่รตาเสียแล้ว..แต่เป็นหัวใจของรัญชน์เองต่างหาก

กวินท์พรูลมหายใจออกช้าๆ ก่อนจะกดวางสายไป

เขาลดสายตามองดูที่อยู่อีกหนึ่งที่ในแผ่นกระดาษแล้วตัดสินใจกดมือถือโทรออกอีกครั้ง

“ผมจะไปบรูคลินสักสิบวัน ช่วยทำเรื่องลาพักร้อนให้ผมด้วย แล้วคิวผ่าตัดช่วงนี้ไม่ฉุกเฉินนักยังไงก็รบกวนคุณช่วยแจ้งเลื่อนให้กับคนไข้ด้วยก็แล้วกัน”

กวินท์นึกขอบคุณในใจที่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีคิวผ่าตัดสักเท่าไหร่นัก หลังจากที่ฝากคิวให้ศัลยแพทย์คนอื่นมาดูแลคนไข้ที่พักฟื้นช่วงนี้ให้เรียบร้อยแล้ว กวินท์จึงขับรถกลับที่พักของตนเองท่ามกลางสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา

ศัลยแพทย์หนุ่มมองหยดน้ำที่ตกลงกระทบกับกระจกข้างหน้าแล้วก็อดนึกถึงรัญชน์ไม่ได้ เขาหยิบเอาสร้อยของรัญชน์ที่เขาเก็บมาหลังจากขึ้นไปห้องพักที่โรงพยาบาลแล้วไม่พบกับรัญชน์ขึ้นมาอีกครั้งและลูบไปตามจี้นั้นอย่างโหยหา

ไม่ว่าจะยังไง..เขาก็ต้องตามหาเจ้าของจี้อันนี้จนเจอให้ได้

-TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.5 (Update 9/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 10-03-2013 22:50:57
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.5 (Update 9/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-03-2013 23:52:51
อัพตอน6แล้วววววววววววเอ้ะคนแต่งลืมแก้หัวเรื่องรึเปล่าคะ?
อย่าลืมมาแก้น้าแล้วเอาคำว่าดราม่าออกด้วยนะเห็นแล้วใจหายฮ่าๆ
เชื่อว่ารตาจะพบเจอความรักที่ดีแล้วก็ดีใจแต่ได้พบกับธันย์
เอาใจช่วยคุณหมอออออออตามหารัญชน์ให้เจอนะ
อยากอ่านฉากหวานๆของสองคนนี้บ้าง
ไม่ใช่หากันไปหนีกันมาแบบฉากในหนังอินเดียก๊ากกกกกกก็เปรียบไปเรื่อย
ขอให้กวินท์ปกป้องรัญชน์เรื่องพ่อด้วยนะ
ดูรายนี้จะหนักหนากว่าใครเลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.5 (Update 9/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 11-03-2013 00:57:20
         ตอนที่ ๗

 

ที่บรูคลินเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว สีเหลืองทองของใบไม้ที่เริ่มร่วงหล่นจากต้นไม้รอบๆ มันสร้างความรู้สึกหงอยเหงาเสียยิ่งกว่าทุกครั้ง รัญชน์ที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าถอนหายใจช้าๆก่อนจะเก็บเอาอุปกรณ์วาดภาพลงใส่กระเป๋า เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งและปัดเศษหญ้าออกจากกางเกงก่อนหยิบเอากระดานวาดรูปหนีบติดแขนเดินกลับออกมาจากสวนสาธารณะ

ร่างบางเดินอย่างเหม่อลอยกลับไปทางที่พักของตนเอง...

ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงดีที่เขามาถึงบรูคลินนี้ ถึงจะรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทาง แต่จิตใจที่ว้าวุ่นไม่สงบมันก็พาให้รัญชน์ต้องหาอะไรทำสักอย่าง เขาเลยหยิบกระดานวาดรูปออกมานั่งสเก็ตภาพตั้งแต่ช่วงเช้า แต่นั่งมาจนถึงเกือบเย็น ภาพรูปปั้นตรงกลางลานน้ำพุที่เขาตั้งใจจะวาดนั้น..กลับกลายเป็นภาพสเก็ตของศัลยแพทย์หนุ่มไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รัญชน์มารู้สึกตัวเอาอีกทีก็ตอนตั้งใจลากดินสอแรเงานัยน์ตาคมเข้มของกวินท์นั่นเอง..

ร่างบางเดินลากขากลับไปยังที่พักของตนเองอย่างไม่กระตือรือร้นสักเท่าไหร่ ระหว่างทางรัญชน์แวะซื้อเค้กกลับมาด้วยก้อนหนึ่ง..วันนี้เป็นวันเกิดของเขา และมันก็คงเป็นวันเกิดที่เดียวดายเหมือนกับทุกๆปีสินะ...

เพราะการได้พบกับกวินท์อีกครั้งและเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้จะเป็นเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น แต่มันก็ทำให้รัญชน์ไม่สามารถดึงเอาความรู้สึกเคยชินที่ต้องอยู่คนเดียวออกมาได้

รัญชน์หยุดยืนอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ลที่ใบของมันกลายเป็นสีส้มแดงไปหมดทั้งต้นและเริ่มร่วงหล่นกระจายอยู่เต็มใต้ต้นของมัน

อยู่ดีๆก็เหมือนกับโลกทั้งใบมันหยุดหมุน แม้ทุกคนกำลังจะเดินสวนไปมาหรือรถจะวิ่งผ่านไป แต่รัญชน์ก็ไม่รู้สึกถึงทุกสิ่งรอบกาย นอกจากสิ่งที่เต้นอยู่ใต้อก

หัวใจ..มันกำลังเต้นช้าลงทุกที

กล่องเค้กและกระดานวาดรูปมันตกลงกับพื้น คนที่เดินสวนไปมาได้แต่มองไปที่ร่างเล็กของผู้ชายสัญชาติเอเชียคนหนึ่งที่ย่อตัวลงและร้องไห้สะอื้นอย่างโดดเดี่ยวตรงใต้ต้นเมเปิ้ลริมถนนนั้น

กว่าจะเดินมาถึงที่พักมันก็ค่ำแล้ว ที่รออยู่ไม่ใช่เพียงแต่ห้องที่ให้ความรู้สึกหงอยเหงาเท่านั้น แต่ยังมีร่างสูงของใครบางคนในแจ็คเก็ตสีเทาดูแปลกตายืนรออยู่ตรงหน้าประตู

“กวินท์...” รัญชน์ครางชื่อของศัลยแพทย์หนุ่มแผ่วเบา

กวินท์กำลังมองไปทางทิศตรงข้ามกับที่รัญชน์ยืนอยู่ เสี้ยวหน้าคมที่สะท้อนกับแสงไฟสีส้มตรงรั้วริมถนนนั้นสะกดให้รัญชน์รู้สึกเหมือนกับสองขาของตัวเองมันถลาเข้าไปหาแล้วทั้งที่เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม

แม้จะคิดถึงและโหยหามากแค่ไหน แต่รัญชน์ก็ยังลังเลที่จะไขว่คว้าความรักไว้ ร่างบางตัดสินใจที่จะเดินหนี ทว่าก่อนที่จะได้ทำอย่างที่ใจต้องการ กวินท์ก็หันมาและเห็นเขาเข้าเสียก่อน

รัญชน์หันหลังกลับทันทีและเดินหนีฝ่ากลุ่มคนที่เดินสวนมาไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่กวินท์ยืนอยู่ ร่างเล็กๆที่กำลังเดินหนีไกลออกไปทำให้กวินท์นึกปวดใจไม่น้อยแต่กวินท์ก็ไม่นึกยอมแพ้

“รัญชน์...รัญชน์!”

กวินท์รีบวิ่งฝ่ากลุ่มคนไปหารัญชน์และคว้าต้นแขนรัญชน์เอาไว้ได้ เขาออกแรงดึงคนที่รักไว้ในอ้อมแขน กระดานวาดรูปและกล่องเค้กตกลงกับพื้น รัญชน์ดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของเขาก่อนจะหยุดยืนนิ่งในที่สุด

“อย่าหนีเลยนะ...อย่าหนีผมอีกเลยได้ไหม..” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออยู่ข้างหู รัญชน์ที่ขืนตัวเองในตอนแรกก็ค่อยๆอ่อนลง

หัวใจมันพ่ายแพ้เหลือเกินกับคนที่มีอิทธิพลกับหัวใจคนนี้

“ผมมารับคุณกลับไปด้วยกัน..”

กวินท์ยกมือจับสองไหล่ของรัญชน์และหมุนให้หันมาเผชิญหน้ากัน

แต่คนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยมองสบตา กวินท์กอดร่างบางเอาไว้ อ้อมกอดมันแนบแน่นจนรัญชน์ไม่อาจสะบัดหลุดได้

“รักกันนะรัญชน์..ให้ผมดูแลคุณตลอดไปได้ไหม?”

รัญชน์เงยหน้าขึ้นมาเขาอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แต่รอยยิ้มอบอุ่นของศัลยแพทย์หนุ่มคือคำยืนยัน

มันเป็นคำเว้าวอนที่รัญชน์ไม่เคยฝันถึงมาก่อนว่าจะได้ยิน แต่กระนั้นรัญชน์ก็ยังคงรู้สึกสับสนอยู่ในใจ ร่างบางเอียงหน้ามองถนน รถคันแล้วคันเล่าแล่นผ่านไป กวินท์เริ่มรู้สึกใจไม่ดีสักเท่าไหร่ที่เห็นรัญชน์นิ่งเงียบไม่ยอมตอบอะไรเขา

“หรือคุณไม่รักผมเลย..” คำพ้อของกวินท์ทำให้รัญชน์ต้องหันมามองสบตาอีกหนแล้วส่ายหน้าช้าๆ

สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่รัญชน์กำลังคิดอยู่ เขาเพียงแต่กำลังคิดถึงพี่สาวเท่านั้น รัญชน์อยากรู้ว่ารตาจะรู้สึกอย่างไรถ้าหากเขากับกวินท์รักกัน

“ผมรักคุณ...” กวินท์ยิ้มได้กับคำพูดนั้น เขาอิงแก้มลงกับหน้าผากเล็ก กอดรัญชน์ไว้แนบอก

“แต่คนเรา..ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันเพื่อรักกันหรอกนะ ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน..ก็ยังรักกันได้”

รัญชน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองไม่ต่างอะไรกับแววตา เขาคลี่ยิ้มให้กับกวินท์ สองมือโอบกอดกวินท์เอาไว้แน่นเท่ากับที่กวินท์กอดเขา แต่มันเป็นทั้งรอยยิ้มและอ้อมกอดที่แสนเศร้า รัญชน์แนบริมฝีปากของตนเองมอบจูบแผ่วเบาให้กับกวินท์แล้วกระซิบ

“แค่รู้ว่าคุณรักผม แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว..”

คำพูดนั้นทำให้กวินท์ตัวชาไปหมด เขากอดร่างเล็กของรัญชน์ไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย

“ไม่..อย่าพูดแบบนี้..” สองมือประคองแก้มรัญชน์ให้เงยสบตาและได้เห็นว่าดวงตาคู่สวยกำลังมีหยาดน้ำตาที่กำลังใกล้จะไหลอาบแก้มคลออยู่ กวินท์พรมจูบที่เปลือกตานั้นอย่างอ่อนโยน

“ผมรู้ว่าคุณกำลังนึกถึงพี่สาวของคุณ...แต่เธอยอมรับความรักของเราแล้ว” รัญชน์มองกวินท์ด้วยความประหลาดใจ

“พี่รตา...ยอมรับเรื่องของผมกับคุณ..อย่างนั้นหรอ?”

“ใช่..พี่สาวของคุณยอมรับความรักของเรา...”

“รัญชน์..ได้โปรด...อย่าทิ้งความรักของเราเลยนะ ให้ผมได้รักคุณนะครับ” กวินท์เอ่ยและยิ้มให้กับรัญชน์ รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นและเต็มเปี่ยมด้วยความรัก เขาพยักหน้าช้าๆก่อนโน้มหน้าลงไปหารัญชน์

“เธอฝากให้ผม..ดูแลน้องชายของเธอ”

คำพูดนั้นสร้างความตื้นตันในอก รัญชน์รู้สึกว่าขอบตาตัวเองมันร้อนผ่าวขณะที่เอ่ยถามกลับไปเพื่อย้ำความมั่นใจอีกหน

“เรารักกันได้ใช่ไหม?” รัญชน์ถามด้วยความตื้นตัน เขายิ้มให้กวินท์พร้อมกับน้ำตาของความดีใจที่ไหลลงมา สองมือโอบกอดรอบคอของกวินท์เอาไว้ขณะที่ถูกอีกฝ่ายอุ้มขึ้นมา

“ได้สิ..ตราบเท่าที่คุณจะยอมให้เราได้รักกัน”

รัญชน์ยิ้มสวยให้คนรัก มือเรียวประคองใบหน้าคมเอาไว้และมอบจุมพิตแสนหวานกลางบรูคลินให้กับคนรักของเขาหลังจากกระซิบตอบแผ่วเบาที่พาให้ความสุขมันอาบซ่านไปทั่วร่างของทั้งคู่..

“ผมยอม..”

จากค่ำคืนนี้ไป..รัญชน์คงไม่ต้องทนกับความเดียวดายอีกต่อไปแล้ว เขามีกวินท์ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยกัน แบ่งปันเสียงหัวเราะและความสุขที่มีให้แก่กัน..

ด้วยความรักที่เรามีให้กัน..

ทั้งที่เมื่อวานฝนยังคงตกไปทั่วบรูคลินเลยแท้ๆ แต่วันนี้รัญชน์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศที่สดใส ร่างบางกะพริบตาเบาๆเมื่อแสงแดดมันส่องผ่านผ้าม่านสีครีมที่อยู่ทางซ้ายมากระทบกับตาของเขา

ฝันไปหรือเปล่านะ..สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

ที่กวินท์มาหาและบอกรักนั้น..เป็นเพียงความฝันที่เพ้อเจ้อของรัญชน์เองหรือเปล่า รัญชน์ครุ่นคิดโดยที่ยังไม่กล้าลืมตา กลัวว่าจะตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่าที่ไร้ตัวตนของกวินท์

แต่แล้วอ้อมแขนอบอุ่นที่ขยับกอดเขาแน่นขึ้นก็ต้องทำให้รัญชน์ลืมตาขึ้นมาในที่สุด ใบหน้าหล่อคมของผู้ชายที่นอนข้างกันส่งยิ้มอบอุ่นที่ไม่แพ้อ้อมกอดมาให้เขา

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

รัญชน์ยิ้มตอบก่อนจะหลับตาลงเมื่อใบหน้าของคนรักเคลื่อนเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของทั้งสองแนบกัน อาจเรียกได้ว่าเป็นเช้าวันแรกของช่วงเวลาหลายปีที่รัญชน์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มและความรู้สึกเป็นสุขในใจ

เขากอดตอบกวินท์เอาไว้ กอดผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักและคนที่จะมาเติมเต็มความอ้างว้างในหัวใจ

“ผมนึกว่าคุณเป็นแค่ความฝัน ที่พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะหายไปเสียอีก” รัญชน์บอกเสียงเบา กวินท์กอดคนรักแน่นขึ้นและกดจูบลงกับหน้าผากเนียน

“ผมอยู่กับคุณตรงนี้แล้ว และจะอยู่กับคุณตลอดไป..”

สิ่งที่กวินท์พูด มันไม่ใช่คำหวานที่พร่ำเพ้อออกมาให้คนฟังหลงใหล แต่เป็นคำมั่นที่ศัลยแพทย์หนุ่มตั้งใจมอบให้กับคนรัก

คำมั่นสำหรับคนสำคัญที่อยากใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป

แสงแดดอ่อนๆ ท้องฟ้าสีฟ้าครามที่ต่างจากเมื่อวานมันทำให้ กวินท์อดไม่ได้ที่จะชวนคนรักให้ออกมาข้างนอก ในตอนนี้กวินท์กับรัญชน์เลยเดินทอดน่องอยู่ในบรูคลินอย่างสบายอารมณ์

“รัญชน์..เมื่อวานเป็นวันเกิดของคุณ ผมยังไม่ได้ให้อะไรคุณเลย บอกผมสิว่าคุณอยากได้อะไร?” กวินท์เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เขาสองคนเดินเล่นด้วยกันมาได้ครู่ใหญ่

ศัลยแพทย์หนุ่มหันมองหน้าคนรักและขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะจับมือเล็กขาวเอาไว้ รัญชน์ชะงักเล็กน้อยก่อนยิ้มและส่ายหน้าช้าๆ เขาบีบมือใหญ่ของกวินท์แล้วจับกระชับไว้พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ

“แค่มีคุณ..ก็พอแล้ว”

สำหรับรัญชน์แล้ว แค่มีกวินท์อยู่ข้างกายก็ถือได้ว่าเป็นของขวัญที่แสนพิเศษสุดในชีวิตแล้วก็ว่าได้

กวินท์ยิ้มน้อยๆกับคำตอบของคนรัก เขาจับมือของรัญชน์แน่นขึ้น จังหวะหัวใจมันเต้นอย่างอบอุ่นเมื่อตระหนักได้ว่าตนเองสามารถไขว่คว้าสิ่งที่ปรารถนาที่สุดในชีวิตมาไว้ได้แล้ว

หลายนาทีต่อมา...ทั้งสองคนพากันมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ลานน้ำพุภายในสวนสาธารณะ ตรงจุดเดิมที่รัญชน์มานั่งสเก็ตภาพเมื่อวาน รัญชน์มองไปที่รูปปั้นแล้วก็ยิ้มขำตัวเองออกมา

“ผมชอบเวลาคุณยิ้มจัง”

กวินท์ที่มองหน้าคนรักอยู่เอ่ยออกมา รัญชน์ยิ้มเขินๆ ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันแบบนั้น แม้บทสนทนาจะน้อยนิด แต่ความสุขมันกับแผ่ซ่านไปทั่วใจ

“นั่งอยู่เฉยๆแบบนี้ คุณเบื่อหรือเปล่า?” กวินท์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ รัญชน์หันมาเหลือบมองคนรักแล้วส่ายหน้า

“ไม่หรอก แค่รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย”

“ทำไมล่ะ?” กวินท์ละสายตาจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่กำลังหัดขี่จักรยานอยู่ในสวนสาธารณะโดยมีเด็กผู้ชายที่วัยไล่เลี่ยกันสอนให้มามองหน้าคนรัก รัญชน์ยิ้มนิดๆที่มุมปากก่อนจะบอกมาด้วยสีหน้าเขินๆ

“ปกติผมมักจะมานั่งสเก็ตรูปเล่นที่นี่น่ะ แต่พอไม่ได้ทำมันเลยรู้สึกแปลกๆ”

“ผมเห็นรูปที่อยู่ในห้องคุณแล้ว สวยทุกรูปเลย คุณวาดเองทั้งหมดเลยใช่ไหม? งานอดิเรกหรอ?”

รัญชน์ยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อได้รับคำชมจากคนรักอีกครั้ง มันเป็นคำชมที่มีค่าเสียยิ่งกว่านักวิจารณ์ชื่อดังเอ่ยชมรูปวาดของเขาเสียอีก

“มันเป็นทั้งงานอดิเรกแล้วก็อาชีพของผม คุณอยากเห็นรูปวาดของผมอีกไหม? สิบโมงแบบนี้ที่แกลอรี่เพิ่งเปิด เราไปกันดูไหม?”

กวินท์พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นและยื่นมือมาให้คนรักจับ รัญชน์ยิ้มแล้วเอื้อมมือไปจับมือกวินท์ไว้ก่อนจะลุกขึ้นมา

ทั้งสองเดินออกจากสวนสาธารณะมุ่งหน้าไปยังแกลอรี่ที่อยู่ห่างออกไปสองบล็อก ระหว่างทาง รัญชน์ก็เล่าเรื่องของตนเองให้กวินท์ได้ฟังไปพลางๆ

“ผมเข้าเรียนในโรงเรียนประจำของที่นี่ตั้งแต่เกรดเจ็ด อยู่ที่นี่มาตลอดก็เลยรู้สึกผูกพันธ์กับเมืองนี้ แล้วผมก็ชอบวาดรูปมาก ตอนเกรดสิบก็เลยวาดรูปเมืองนี้ขึ้นมาจากวิวที่มองเห็นบนดาดฟ้าของอาคารเรียน...

อาจารย์ศิลปะเห็นแววผมก็เลยให้ผมไปช่วยงานบ่อยๆ และก็ผลักดันให้ผมส่งงานเข้าประกวดอยู่เรื่อยๆจนได้มาหลายรางวัล

จนพอผมจบไฮสคูล อาจารย์ก็แนะนำให้ผมรู้จักกับพี่คีตะที่เป็นเจ้าของแกลอรี่ที่ผมจะพาคุณไป ผมกับพี่คีตะก็เลยได้ร่วมงานกันตั้งแต่ตอนนั้น มันก็เลยกลายเป็นอาชีพถาวรที่ทำเงินให้ผมมีกินมีใช้มาจนถึงวันนี้”

“แค่มีกินมีใช้ที่ไหน ระดับอย่างนายน่ะมีทิ้งมีขว้างเลยด้วยซ้ำ”

รัญชน์กับกวินท์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีเสียงดังแทรกขึ้นมาข้างหลัง

ผู้ชายสัญชาติไทยที่สูงพอๆกับกวินท์และท่าทางเหมือนนายแบบที่หลุดออกมาจากนิตยสารส่งยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีมาให้

“เห็นแบบนี้ แต่หมอนี่น่ะเป็นอาร์สติสชื่อดังเลยนะจะบอกให้ ภาพเขียนของรัญชน์น่ะ ขายได้ทีเป็นแสนเหรียญเลย บางภาพเป็นล้านเลยด้วยซ้ำ” กวินท์อดตกใจไม่ได้กับความเก่งของคนรัก เขาทำหน้าประหลาดใจอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อนเมื่อหันมองหน้ารัญชน์ที่หันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนรุ่นพี่ที่พูดมากเกินไป

“พี่ก็พูดเกินไป”

“พูดเกินไปที่ไหน ที่พูดมาน่ะเรื่องจริงทั้งนั้น นี่ไม่อยากคุยนะ แต่ขนาดประธานาธิบดียังมาซื้อภาพเขียนของรัญชน์ไปติดผนังห้องตัวเองในไวท์เฮ้าส์เลยด้วยซ้ำ”

“พี่คีตะ หยุดพูดได้แล้วน่ะ”

รัญชน์เรียกย้ำชื่ออีกฝ่ายแล้วขึงตาใส่ แต่สองแก้มนั้นแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังเขินที่ถูกเผาต่อหน้าคนรัก

“โอเค เลิกพูดแล้วก็ได้ ว่าแต่นี่จะไม่แนะนำเพื่อนให้พี่รู้จักหน่อยหรือไง” กวินท์อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นระคนกดดันว่ารัญชน์จะแนะนำเขาให้ อีกฝ่ายรู้จักยังไง จะเปิดเผยไหมว่าเขาคือคนรัก หรือจะปกปิดไว้ไม่ยอมบอก

แต่กวินท์ก็คิดว่าตัวเองพร้อมทั้งนั้นไม่ว่ารัญชน์จะเปิดเผยความรักของพวกเขาให้คนอื่นรักรู้หรือจะปิดไว้เป็นความลับระหว่างกัน

รัญชน์หันมองหน้ากวินท์อย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วจับมือของกวินท์ไว้

“นี่คุณหมอกวินท์ เป็นคนรักของผม”

คีตวิชญ์เบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังพลางตบไหล่รัญชน์อย่างร่าเริง

“นึกว่าชาตินี้จะไม่เห็นนายมีแฟนแล้วซะอีก ยินดีด้วยนะ”

คีตวิชญ์ว่าแล้วหันมายื่นมือให้กวินท์ด้วยรอยยิ้ม

“ผมคีตวิชญ์ เรียกคีตะก็ได้ เป็นเจ้านายของรัญชน์ เป็นเจ้าของแกลอรี่นี่ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

กวินท์ตอบกลับแล้วยื่นมือไปจับ รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าคีตวิชญ์ไม่ได้มีปฏิกิริยาในแง่ลบกับความรักของพวกเขา เช่นเดียวกับรัญชน์ที่หันมายิ้มให้ตอนที่หันไปสบตากัน

 

ภาพของรัญชน์ที่จัดแสดงอยู่ในแกลอรี่นั้นมีทั้งความสวยงามและเอกลักษณ์ในตนเอง กวินท์ไล่มองทีละภาพอย่างพิจารณาและซึมซับในอารมณ์ที่รัญชน์ถ่ายทอดไว้บนแต่ละภาพนั้นช้าๆจนกระทั่งสายตาหันไปพบกับภาพหนึ่งที่ประดับเอาไว้ตรงกลางห้อง

ฉับพลันความรู้สึกอบอุ่นมันก็แผ่ซ่านเข้ามาในใจของกวินท์ที่เดินเข้าไปยืนอยู่ตรงภาพนั้น รัญชน์ก้มหน้าเล็กน้อยซ่อนใบหน้าที่เขินอายเอาไว้ขณะที่กวินท์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ เขายกมือขึ้นแตะรูปใบนั้น

มันเป็นรูปเด็กผู้ชายสองคนที่กำลังจูบกันอยู่โดยมีฉากหลังเป็นม่านน้ำฝน ภาพนี้ต่างจากทุกภาพที่กวินท์สัมผัสได้

มันมีความรู้สึกรักและความหวังแฝงเอาไว้ แขนของกวินท์ขยับโอบคนรักไว้โดยไม่รู้ตัว

คีตวิชญ์มองทั้งสองแล้วยิ้มๆก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้ทั้งสองมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัว

“ผมชอบภาพนี้จัง ถ้าจะขอซื้อ คุณจะขายไหม?”

“ภาพนี้แพงที่สุดเลยนะ...แล้วผมก็ไม่รับเป็นเงินด้วย”

รัญชน์แกล้งบอกแล้วอมยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับน่ามอง

“แล้วคุณอยากได้อะไรล่ะ?”

รัญชน์ไม่ตอบแต่หันไปปลดภาพนั้นลงมาจากผนัง กวินท์ขยับเข้าไปช่วยจนยกภาพนั้นลงมาวางกับพื้นได้ รัญชน์จับกรอบด้านบนไว้และจับมือคนรักให้มาจับที่ภาพแล้วมองสบตา

“คุณจ่ายมันมาให้ผมครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งผมต้องขอดูไปก่อน ถ้าคุณจ่ายมันไม่ครบ ผมก็จะขอภาพนี้คืนจากคุณ”

กวินท์มองสบตากับคนรักอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าใดนัก

รัญชน์ยิ้มกว้างและโน้มหน้าไปหา กระซิบข้างหูเบาๆให้กวินท์ ได้ยินแต่เพียงคนเดียวเพราะในแกลอรี่เริ่มมีคนเข้าชมบ้างแล้ว

“ความรักของคุณไง...ผมขอไม่มากหรอก แค่ทั้งชีวิตนี้เอง คุณคิดว่าคุณจ่ายไหวหรือเปล่าล่ะ?”

กวินท์หัวเราะเบาๆกับคำพูดของคนรักที่ขยิบตาให้เขาคล้ายจะหยอกเล่นกัน เขาจับมือเล็กที่วาดรูปนี้ขึ้นมาแล้วจูบเบาๆที่หลังมือก่อนส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้

“ไหวอยู่แล้ว...ขอบคุณนะครับ”

ภาพวาดแห่งความทรงจำถูกนำกลับมายังแมนชั่นของรัญชน์

กวินท์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อมองไปที่ภาพนั้น ในขณะที่ห้องเริ่มมีกลิ่นหอมฟุ้งของขนมหวานที่อบใหม่

กวินท์หันมองไปยังแคนธีนที่คนรักของเขากำลังง่วนอยู่ตรงหน้าเตาอบ กวินท์เดินเข้าไปหา เขาหยิบเอาแก้วกาแฟสองใบออกมาชงกาแฟขณะรอรัญชน์เอาพายแอปเปิ้ลที่ทำเองออกมาจากเตาอบและหั่นเป็นชิ้น

“นอกจากคุณจะเป็นอาร์สติสชื่อดังแล้ว ยังเป็นปาร์ติซิเย่ฝีมือเยี่ยมด้วยอีกสินะครับ”

กวินท์พูดพลางยื่นแก้วกาแฟให้กับคนรักซึ่งยกจานที่มีพายแอปเปิ้ลหน้าตาน่าทานมาวางลงตรงหน้า รัญชน์ยิ้มและนั่งลงข้างกันหลังจากรับแก้วกาแฟมาแล้ว

“คุณรู้ได้ไงว่าผมฝีมือเยี่ยม พายแอปเปิ้ลอันนี้มันอาจจะรสชาติไม่ได้เรื่องเลยก็ได้นะ”

รัญชน์เย้ากลับแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มโดยไม่ทันสังเกตว่ามันเป็นอเมริกาโน่ที่เขาชอบ แต่พอจิบไปแล้วรัญชน์ก็ต้องทำตาโตขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เขาลดถ้วยกาแฟลงก่อนหันมองหน้าคนรักที่ส่งยิ้มมาให้

“อเมริกาโน่อย่างที่คุณชอบ ผมชงให้ถูกปากไหม?”

“คุณชงได้อร่อยมากเลย ว่าแต่คุณรู้ได้ไงว่าผมชอบอเมริกาโน่?”

“พี่สาวของคุณเคยพูดไว้ก่อนที่ผมจะเจอคุณอีกครั้งน่ะ”

“แล้วคุณก็จำได้ด้วยหรอ?” รัญชน์ถามอย่างประหลาดใจก่อนเอื้อมมือไปหยิบเอาพายส่งให้กับคนรัก

“เพราะคุณชอบเหมือนผมยังไงล่ะ พายแอปเปิ้ลนี่ก็ด้วย”

รัญชน์ทำตาโตอีกครั้งก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา กวินท์มองคนรักที่กำลังหัวเราะด้วยสายตารักใคร่ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของรัญชน์ดูเหมือนมีพลังแปรเปลี่ยนให้โลกนี้สดใสขึ้นมาทันตา รัญชน์ยกกาแฟขึ้นมาจิบอีกรอบก่อนจะหันมาถามเขาอีก

“นอกจากกาแฟกับขนมสุดโปรดที่เราชอบเหมือนกันแล้ว ยังมีอะไรที่ชอบเหมือนกันอีกหรือเปล่า พี่รตาเขาบอกคุณอีกไหมว่าผมชอบอะไรบ้าง?” กวินท์ส่ายหน้าช้าๆก่อนเอ่ย

“แต่ผมรู้นะว่าคุณชอบอะไรบ้าง”

รัญชน์ทำท่าประหลาดใจอีกครั้ง เขาวางแก้วกาแฟลงแล้วยกมือขึ้นมาเท้าคางทำท่าตั้งใจฟัง

“ไหนคุณลองบอกมาสิ ว่าคุณคิดว่าผมชอบอะไรบ้าง?”

“นอกจากคุณจะชอบวาดภาพกับทำขนมแล้ว คุณยังชอบอ่านนิยายสืบสวน ชอบดูหนังทริลเลอร์ แล้วก็ยังชอบฟังเพลงป็อปคลาสสิคอีกด้วยโดยเฉพาะเพลงของ Josh Groban[1] คุณมีทุกอัลบั้มเลยแถมยังมีไลฟ์คอนด้วย” กวินท์บอกยิ้มๆ ขณะส่งสายตามองไปยังชั้นวางที่อยู่ข้างทีวี ซึ่งเป็นที่ที่รัญชน์ใช้เก็บซีดีและดีวีดีต่างๆ

“ถูกต้องทั้งหมดเลย แค่คุณเห็นของในห้องผมคุณก็รู้แล้วหรอว่าผมชอบอะไรบ้าง?” รัญชน์ถามอย่างประหลาดใจ เพราะหลายคนถึงจะเห็นซีดีเพลง ซีดีหนังหรือปกหนังสือก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเพลงหนังและหนังสือที่เห็นนั้นเป็นประเภทไหนบ้าง นอกเสียจากว่า...

“นี่ อย่าบอกนะ...ว่าคุณเองก็...?” กวินท์พยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง

“ใช่..ผมเองก็ชอบแนวนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะ Groban ผมเองก็เก็บครบทุกอัลบั้มเหมือนกัน ตอนเขาไปเปิดคอนเสิร์ตที่ลอนดอน ผมก็ไปดูอยู่ อ่อ เมื่อปีที่แล้วผมก็เพิ่งไปดูที่เขาไปเปิดแสดงที่มิวนิคมาด้วย”

“จริงหรอ! คอนที่มิวนิคผมก็ไปมาเหมือนกัน” รัญชน์อุทานอย่างอัศจรรย์ใจก่อนจะหัวเราะออกมา

“เราสองคนนี่มีอะไรเหมือนๆกันหลายอย่างจังเลยนะ ว่าแต่เพลงโปรดของคุณกับผมจะเหมือนกันอีกหรือเปล่า?” รัญชน์จ้องหน้าคนรักแล้ว ทั้งคู่เหมือนจะรู้สัญญาณซึ่งกันและกันโดยไม่ได้เอ่ยปาก เพราะหลังจากวินาทีนั้น ทั้งคู่ก็พูดชื่อเพลงโปรดออกมาพร้อมกัน

“To Where You Are”

ทั้งกวินท์และรัญชน์นิ่งอึ้งไปสักพักก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันกับความน่าอัศจรรย์ที่ทั้งตัวเองและอีกฝ่ายต่างก็ใจตรงกันอย่างน่าทึ่งเช่นนี้ รัญชน์ยิ้มละไมก่อนจะหันไปหยิบรีโมตมากดเปิดสเตอริโอที่อยู่ในชั้นซึ่งฝังอยู่ในผนังที่อยู่อีกด้านของห้องนั่งเล่น เพลงโปรดของเขาทั้งสองก็เริ่มดังขึ้น

“ผมเริ่มฟังเพลงของGroban ก็เพราะเพลงนี้นั่นแหละ...”

รัญชน์บอก รอยยิ้มละไมยังคงวาดอยู่บนหน้า เขามองสบตาคนรักก่อนจะเอียงหับอิงซบกับไหล่ของกวินท์ที่ยกมือขึ้นมาโอบไว้ก่อนเอ่ยต่อเสียงเบาอย่างสารภาพความในใจ

“เพราะเพลงนี้...ทำให้ผมนึกถึงคุณ”

“ผมก็เหมือนกัน...”

กวินท์ตอบ หัวใจที่เต้นอย่างอบอุ่นมันมีความสุขอย่างที่กวินท์ปรารถนามาโดยตลอด เขาขยับหน้าเข้าไปใกล้และเมื่อรัญชน์ แหงนหน้ามามองสบตา กวินท์ก็ทาบทับริมฝีปากลงไปบนเรียวปากนุ่มของคนรัก จูบแสนหวานท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังคลออยู่

Fly me up to where you are

Beyond the distant star

I wish upon tonight to see you smile

If only for awhile to know you're there

A breath away's not far

To where you are

-TBC-

อัพตอน6แล้วววววววววววเอ้ะคนแต่งลืมแก้หัวเรื่องรึเปล่าคะ?
อย่าลืมมาแก้น้าแล้วเอาคำว่าดราม่าออกด้วยนะเห็นแล้วใจหายฮ่าๆ

อร้ายยยย :sad4: ลืมค่ะ T^T :o12: เลยไถ่โทษเอาตอน 7 มาฝากด้วยเลย
// แต่ดราม่า....ไม่เอาออกได้ม่า เพราะมันดราม่าจริงไรจริง(มั้ง...) :z2: :z2: :z2:
ป.ล....พอจะหวานได้มั้ยคะตอนนี้ :mc4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.7 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 11-03-2013 04:03:46
อย่าดราม่าเลยนะคะ มีความสุขนานๆ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.7 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 11-03-2013 05:21:03
ใช่ๆ อย่าดราม่าเลยเนอะๆ 
ชอบหวานๆ น่ารักๆมากกว่า   อ่านแล้วมันกระชุ่มกระชวยหัวใจดี

อัพบ่อยๆนะคะ  นิยายสนุก และภาษาก็ดีมากกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.7 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 11-03-2013 19:45:09
         ตอนที่ ๘

 ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งปีหลังจากที่ได้พบกับกวินท์   อีกครั้ง โลกทั้งใบที่หงอยเหงาของรัญชน์มันกำลังกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

รัญชน์ย้ายกลับมาอยู่ไทยอีกครั้งกับกวินท์

ความอ้างว้าง ความเดียวดายที่เคยมีมันกำลังถูกเติมเต็มด้วยความอบอุ่นของหัวใจที่ได้รับจากกวินท์ ศัลยแพทย์หนุ่มที่กลายมาเป็นคนรักกันหลังจากที่เฝ้ารอที่จะได้พบกันมานานกว่าสิบห้าปี

รตามองความเปลี่ยนไปของน้องชายด้วยความรู้สึกที่ดีไม่น้อย

ถึงเธอจะต้องเจ็บปวดกับการหักห้ามใจตัวเองให้เลิกรักคุณหมอกวินท์ก็ตามที แต่เป็นเพราะที่ข้างกายนั้นเธอยังคงมีธันย์มาคอยอยู่เคียงข้าง ความเจ็บปวดนั้นก็ค่อยบรรเทาและจางหายไปในที่สุด

สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ก็มีแต่เพียงความกังวลเท่านั้นว่าทางครอบครัวจะรับได้ไหม..กับการที่น้องชายของเธอมีคนรักเป็นผู้ชายด้วยกัน

“กวินท์เป็นคนดีนะ ได้คนดีๆแบบกวินท์มาเป็นคู่ชีวิตของน้องชายเธอ พี่ว่าคุณลุงน่าจะดีใจมากกว่านะ” ธันย์พูดอย่างมองโลกในแง่ดี

ถึงแม้ในใจจะคิดเป็นกังวลไม่ต่างจากรตาสักเท่าไหร่

เพราะรู้ว่าผู้เป็นพ่อของรตาและรัญชน์นั้นมีนิสัยเป็นอย่างไร

แต่พอมองภาพของรัญชน์ที่กำลังเดินเล่นอยู่ริมหาดกับกวินท์แล้ว ธันย์ก็นึกไม่อยากให้มีอะไรมาพรากสองคนนี้ออกจากกันอีก

ในขณะที่กวินท์กับรัญชน์เองก็กำลังพูดในเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

“คุณแน่ใจนะว่าจะไม่บอกเรื่องของเรากับพ่อของคุณ?”

รัญชน์พยักหน้าก่อนจะจับมือของคนรักที่จูงตัวเองเดินอยู่ริมหาดแน่นขึ้น เขาก้มลงมองดูชายคลื่นที่มากระทบกับเท้าเปลือยซึ่งกำลังย่ำอยู่บนผืนทรายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“อืม...ผมไม่คิดว่าพ่อจะรับเรื่องของเราได้ คุณเองทำงานกับพ่อก็น่าจะรู้นะว่าท่านมีนิสัยยังไง” รัญชน์บอกเสียงเบา แววตายังคงมีกังวลอยู่

ความทรงจำในวัยเด็กมันย้อนกลับมาอีกครั้ง

พ่อที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและหน้าตา ทั้งไม่ยอมทนต่อคำนินทาใดๆทั้งสิ้น ยืนกรานที่จะหย่าขาดจากแม่ของเขาและไล่เธอไปให้พ้นหน้าทันทีที่รู้ว่าแม่มีคนรักอื่นและมีเริ่มมีเสียงซุบซิบนินทากันในวงสังคม

ถ้าหากมารู้ว่าเขารักกับกวินท์ที่เป็นผู้ชายด้วยกัน คนที่รักหน้าตาของตนเองอย่างพ่อคงจะไม่ยอมรับแน่ๆ สิ่งที่จะเป็นเรื่องอื้อฉาวแบบนี้

“ตามใจคุณก็แล้วกัน สิ่งไหนสบายใจกว่าก็ปล่อยให้เป็นแบบนั้นคงจะดีที่สุด” กวินท์บอกอย่างเข้าใจแล้วเอื้อมมือไปจับมือทั้งสองข้างของรัญชน์ไว้ แรงบีบเบาๆที่อบอุ่นทำให้รัญชน์สามารถเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคนรักได้เมื่อโล่งอกว่ากวินท์นั้นเข้าใจสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่

“ขอบคุณนะ..”

รัญชน์บอกก่อนจะขยับเข้าไปสอดแขนกอดกวินท์เอาไว้ อิงแอบใบหน้ากับอกกว้างที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเสียยิ่งกว่าคนเป็นพ่อที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยนับตั้งแต่เขากลับไทยมา กวินท์ยกมือขึ้นกอดร่างเล็กๆของคนรักเอาไว้และเอียงหน้าลงมาจูบเบาๆข้างขมับ

ลมทะเลยามกลางคืนออกจะทำให้อากาศนั้นเย็นไม่น้อย

แต่ยามนี้สำหรับทั้งสองที่ได้อยู่เคียงข้างกัน ได้โอบกอดกันและกันด้วยสองมือนี้ก็สร้างความรู้สึกอบอุ่นได้ยิ่งกว่าสิ่งใด

ความจริงแล้วกวินท์เองก็กำลังนึกกังวลไม่น้อย ถ้าเป็นไปได้เขาเองก็ยังไม่อยากให้ท่านผู้อำนวยการรับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับรัญชน์ด้วยเช่นกัน กวินท์ยังจำได้ดีว่าช่วงปีแรกที่เขาเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลและสร้างชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาลด้วยการผ่าตัดเคสใหญ่ที่เป็นเคสซึ่งสื่อมวลชนและประชาชนจับตามองกันสำเร็จ

ยชญ์นั้นแสดงความปลาบปลื้มในตัวเขาไม่น้อย และแสดงท่าทีบอกให้เขารู้เป็นนัยๆว่าต้องการได้เขามาเป็นลูกเขย...แต่คนที่ยชญ์ปรารถนาให้เขาแต่งงานด้วยคงไม่ใช่ลูกชายคนเล็กของเขาแน่ แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะทำอย่างไรดีที่จะให้ผู้เป็นพ่อของรัญชน์ยอมรับในเรื่องของพวกเขา ทุกอย่างมันอาจจะง่ายกว่านี้ ถ้าตัวเขาเองกับพ่อไม่ได้มีหุ้นส่วนในโรงพยาบาลนี้

หากเขาไม่ต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อที่จะพัฒนาโรงพยาบาลที่พ่อสร้างขึ้นมากับเพื่อนรักให้รุ่งเรืองก้าวหน้า ถ้าเขาเป็นแค่ศัลยแพทย์ธรรมดาๆที่ไม่ได้แบกรับภาระและความหวังของพ่อเอาไว้ เขาก็แค่เลือกที่จะไปทำงานต่อที่ไหนสักแห่งกับโรงพยาบาลในต่างประเทศและพารัญชน์ไปอยู่ด้วยกัน

ไปอยู่กันแค่สองคนที่ไม่ต้องมานั่งคิดกังวลกลัวอะไรทั้งสิ้น

กวินท์เก็บเรื่องนี้มาคิดจนไม่สามารถข่มตาหลับได้

ความอ่อนเพลียมันปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อคมของเขาในเช้าวันรุ่งขึ้นจนรัญชน์สังเกตได้

“ขอบตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน หมดหล่อเลยนะครับคุณหมอ” รัญชน์เย้าคนรักก่อนจะถูกโอบเอวเข้าไปกอดและหอมเบาๆที่แก้ม

“ก็ใครไม่รู้นอนทับแขนทั้งคืนเลยนอนไม่หลับ สงสัยว่าเย็นนี้จะเข้าผ่าตัดไม่ได้ซะแล้วสิ” กวินท์แกล้งว่าก่อนจะหยุดพูดไปเมื่อคนรักของเขาเขย่งขามาจูบที่ปาก โอบคนรักเข้ามาแนบอกแล้วจูบตอบด้วยความถนอม

“ถ้างั้น...ให้ผมขับแล้วคุณนั่งนะ จะได้งีบพักไประหว่างทาง”

รัญชน์บอกแล้วงับริมฝีปากล่างของคนรักเบาๆอย่างหยอกเอิน เรียวปากอุ่นกระตุกยิ้มจางๆ

“ผมหยอกคุณเล่นต่างหาก”

กวินท์พูดแล้วก้มลงจูบปากแดงๆที่แสนรักอีกครั้ง

“คุณรู้อะไรไหม...ผมชอบที่นี่นะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะค้างอีกสักคืน” รัญชน์บอกขณะเอนศีรษะลงอิงกับบ่าของคนรัก สองมือสวมกอดไว้แน่น ถึงจะได้มาพักที่นี่ไม่ถึงสามวัน แต่รัญชน์ก็รู้สึกว่ามีความสุขที่สุดกับการไม่ต้องคอยหลบซ่อนสายตาใคร ไม่ต้องกลัวว่าคนรู้จักจะมาพบ ไม่ต้องกลัวว่าผู้เป็นพ่อจะมาเห็นเหมือนกับตอนอยู่ที่กรุงเทพ

ความรู้สึกของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนรักมากนัก

“ไว้ถ้ามีวันว่างอีกเมื่อไหร่ จะพามาอีกก็แล้วกันนะ” กวินท์บอกแล้วลูบศีรษะเล็กอย่างรักใคร่ก่อนส่งยิ้มให้รัญชน์ที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับเขา

“แต่ตอนนี้เราคงต้องกลับกันแล้วล่ะ”

เพราะกวินท์มีคิวผ่าตัดอีกในช่วงเย็น เขากับรัญชน์เลยพากันกลับกรุงเทพก่อน ในขณะที่รตากับธันย์นั้นจะกลับกันในตอนบ่าย

โดยที่พวกเขาไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่า..ในเย็นวันนั้นกวินท์จะไม่สามารถเข้าผ่าตัดให้กับคนไข้ได้...

และเป็นตัวเขากับรัญชน์...ที่ต้องกลายเป็นคนไข้ให้แพทย์ช่วยชีวิตแทน

“คู่กรณีเป็นฝ่ายผิดน่ะครับ หลับในแล้วพุ่งสวนเข้ามาในเลนของคุณหมอ” ตำรวจที่รับผิดชอบแจ้งเรื่องนี้ให้กับยชญ์ที่ยืนหน้าเครียดอยู่หน้าห้องฉุกเฉินได้รับทราบพร้อมกับกสิณผู้เป็นพ่อของกวินท์ในตอนที่รตากับธันย์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา

“รัญชน์กับคุณหมอกวินท์เป็นยังไงบ้างคะ?” กสิณยกมือให้เธอเงียบเสียงก่อนจะหันไปคุยรายละเอียดกับตำรวจ ในขณะที่ยชญ์หันมามองหน้าลูกสาวและลากเธอออกห่างจากตำรวจโดยมีธันย์เดินตามมา

“ทำไมเด็กคนนั้นถึงอยู่กับกวินท์ได้ฮึ?” แววตาน่าเกรงขามบ่งบอกความคาดคั้นอย่างคนที่ต้องการคำตอบของยชญ์ทำให้รตาอึดอัดใจไม่น้อย

เธอเหลือบมองสบตากับธันย์ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นพ่ออีกครั้ง

“เราบอกพ่อว่าจะไปเที่ยวกับกวินท์แล้วก็ธันย์ แต่ไม่ได้บอกพ่อเลยสักคำว่าจะเอาเด็กคนนั้นไปด้วย! พ่อไม่เห็นหน้ามันก็นึกว่ามันกลับไปอเมริกาแล้วเสียอีก!!” ยชญ์ตะคอกใส่ลูกสาวคนโตอย่างเหลืออดด้วยเสียงที่ดังพอให้ได้ยินแค่เฉพาะพวกเขา

“ผมชวนรัญชน์ไปเองแหละครับคุณลุง ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณลุงมาก่อนครับ”

ธันย์ออกรับหน้าให้ เขาก้มหัวให้กับชายสูงวัยแต่สิ่งที่เขาทำกลับไม่ได้ลดโทสะของยชญ์เลยแม้แต่น้อย

“ฮึ! อย่าคิดว่าเธอขอโทษแล้วฉันจะยกโทษให้มัน เพราะไอ้เด็กนั่นมันเป็นตัวซวย มันจะทำให้ฉันต้องเสียศัลยแพทย์มือหนึ่งของฉันไป!”

ยชญ์ระเบิดอารมณ์อีกรอบ แต่ยังดีที่เขาควบคุมเสียงให้เพียงแต่ลูกสาวของเขากับธันย์ได้ยินเท่านั้น ได้ยินคำพูดของพ่อแล้ว รตาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“พ่อหมายความว่ายังไงคะ?”

“อาการของกวินท์อยู่ในขั้นโคม่า ลักษณะเหมือนเขาเอี้ยวตัวมาบังไอ้เด็กบ้านั่นเอาไว้ โครงเหล็กมันกระแทกเข้าทางด้านหลังศีรษะของเขา แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือเส้นเอ็นข้อมือขวาของเขาขาด...ถึงจะหายเป็นปกติแต่ก็คงจับมีดผ่าตัดไม่ได้อีกแล้ว” ข่าวที่ได้ยินทำให้รตากับธันย์ต้องมองหน้ากันอย่างตกตะลึง ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องมันเป็นอย่างไร รตาก็เพิ่งจะประสบกับมันในขณะนี้นั่นเอง

“แล้วรัญชน์ล่ะคะพ่อ?”

“ไม่รู้! แล้วมันจะเป็นหรือตายก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน!!”

พูดจบแล้วยชญ์ก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องรตาได้แต่มองตามบิดาไปอย่างไม่เข้าใจนัก ทั้งที่รัญชน์เคยเป็นเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจคนหนึ่งของพ่อ แต่ตั้งแต่พ่อกับแม่แยกทางกันด้วยสาเหตุที่เธอเคยได้ยินคนลือมาอย่างไม่แน่ชัดเพราะไม่เคยได้รับคำตอบจากพ่ออย่างชัดเจนว่าผู้เป็นแม่นั้นมีชู้จริงหรือไม่ พ่อก็แสดงท่าทางรังเกียจแม่และน้องชายคนเล็กของเธออย่างชัดเจน

รตาถอนหายใจออกมาอย่างหนักอกก่อนจะเงยหน้ามองสบตาคนที่เดินมาจับบ่าของเธอ

“พี่ว่าลองไปคุยกับคุณอากสิณก่อนดีกว่านะ”

รตาพยักหน้าให้กับสิ่งที่ธันย์เอ่ยมา ทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อของกวินท์ เมื่อเห็นว่าตำรวจที่เข้ามาประสานงานนั้นกลับออกไปแล้ว

“คุณอาคะ..”

“รตา...น้องชายของหนูอยู่ที่ห้องพักฟื้นนะ จะไปดูอาการหน่อยไหม อาจะให้คนพาหนูไป” ท่าทางสงบและใจเย็นของกสิณที่แตกต่างจากผู้เป็นพ่อลิบลับทำให้รตารู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

“เขาเป็นอะไรมากไหมคะ?”

“อืม..ศีรษะกระแทกเล็กน้อยต้องเย็บตรงเหนือขมับไปห้าเข็ม แล้วก็กระดูกข้อมือร้าว พักสักระยะก็จะหายดีเอง หลังจากนี้คงต้องเฝ้าดูอาการว่าสมควรจะต้องทำ CT Scan ไหม แต่โดยส่วนตัวอาคิดว่าคงไม่จำเป็น”

รตาพยักหน้าช้าๆ เธอเดินเข้าไปใกล้กสิณและจับมือเขาไว้

“หนูขอบคุณมากนะคะคุณอา...แล้วก็..หนูเสียใจกับเรื่องของคุณหมอกวินท์ด้วยนะคะ คุณพ่อบอกว่าคุณหมอกวินท์อาจจะไม่สามารถผ่าตัดได้อีก...จริงหรอคะ?” กสิณถอนหายใจช้าๆก่อนจะฝืนยิ้มออกมาให้เธอ มือที่ผ่านการผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วนและเป็นมือที่ใช้อุ้มและจูงมือนำทางให้กับลูกมาตั้งแต่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาลืมตาดูโลกตบลงที่บ่าของเธอเบาๆ

“กวินท์เป็นหมอ...ถึงจะผ่าตัดไม่ได้ก็ใช่ว่าเขาจะช่วยชีวิตคนไข้อีกไม่ได้” รตาฟังแล้วก็ต้องส่งยิ้มให้กับชายสูงวัยอย่างให้กำลังใจ เธอรู้ว่ากสิณภูมิใจกับความเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของลูกชายมากแค่ไหน การที่ กวินท์จะผ่าตัดไม่ได้นั้น ก็เหมือนโลกทั้งใบของกสิณถูกทำลายไปแล้วกว่าครึ่ง

แต่น่าแปลกที่ชายสูงวัยตรงหน้าเธอกลับรับเรื่องราวทั้งหมดได้ดีเกินกว่าที่เธอคาดเอาไว้มาก

“ว่าแต่ขอถามอะไรหนูสักอย่างได้ไหม?”

“ค่ะ คุณอา” ถึงกสิณจะยังไม่ถามออกมา แต่รตาก็คิดว่าเธอพอจะรู้คำถามที่ชายสูงวัยจะถามเธอทันทีเมื่อกสิณแบมือของเขาออกมา

มันเป็นแหวนสองวงที่เรียบๆและมีหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนรวมถึงขนาดของรอบวงด้วย ทั้งสองวงมีตัวอักษรย่อชื่อของทั้งคู่สลักไว้ด้านใน แค่พิจารณาดู กสิณก็เดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่อยากจะตัดสินเพียงเพราะความคิดของตนเองแค่ฝ่ายเดียวจึงตัดสินใจเอ่ยปากถามรตาออกไป

“หนูคงจะสนิทกับรัญชน์แล้วก็กวินท์ใช่ไหม? พ่อของหนูบอกอาว่าหนูไปเที่ยวกับกวินท์แล้วก็ธันย์...แต่ไม่รู้ว่าทำไมรัญชน์ถึงไปด้วยและกลับมากับกวินท์กันแค่สองคน และก็แหวนสองวงนี้..เจ้าหน้าที่พยาบาลเอามาให้อา บอกว่าเป็นของที่ติดตัวของสองคนนี้ หนูบอกอาได้ไหมว่ากวินท์กับรัญชน์สนิทกันมากแค่ไหน?” น้ำเสียงราบเรียบที่ยังคงแฝงไว้ด้วยความใจดีมันมีบางอย่างบอกให้รตารู้สึกว่ากสิณพอจะเดาความสัมพันธ์ของลูกชายเพียงคนเดียวของเขากับน้องชายของเธอออกแล้ว เพียงแต่ต้องการคำยืนยันจากปากของเธอเท่านั้น

แต่รตาไม่แน่ใจว่ากสิณนั้นจะรับได้ไหม และเธอสมควรจะเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้หรือไม่

หญิงสาวคิดอย่างว้าวุ่นและหนักใจไม่น้อย เธอเงยหน้ามองธันย์ที่ขยับเข้ามาวางมือลงกับสองไหล่ของเธอและบีบเบาๆ

“บอกคุณอาไปเถอะรตา อย่างน้อย..คุณอาก็สมควรจะรู้”

กสิณมองหน้าธันย์ก่อนหันกลับมามองเด็กสาวตรงหน้าเขารตาสูดลมหายใจลึกๆก่อนตัดสินใจตอบ

“คุณหมอกวินท์กับรัญชน์...เขาสองคนรักกันค่ะคุณอา”

ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศในตอนนั้นให้รตารู้สึกกดดันมากขึ้นไปอีก แม้จะมีเสียงรถเข็นที่บุรุษพยาบาลเข็นเตียงคนไข้ฉุกเฉินผ่านไปก็ตามที รออยู่อึดใจ กสิณก็พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงความขุ่นเคืองออกมา

“อย่างนั้นหรอ..แล้วเรื่องนี้พ่อของหนูรู้แล้วหรือยัง?”

รตาที่พรูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นปกติกิริยาในทางบวกของชายสูงวัยส่ายหน้าช้า สีหน้าเป็นกังวล

“ไม่ค่ะ...พนันได้เลยว่าพ่อต้องไม่ยอมให้พวกเขาได้รักกันแน่”

รตาพูดแล้วก็มองกสิณด้วยสายตาอ้อนวอน

“คุณอาคะ...คุณอาจะยอมให้พวกเขารักกันได้ใช่ไหมคะ?”

กสิณถอนลมหายใจออกเชื่องช้า สีหน้าครุ่นคิด เขาก้มลงมองแหวนสองวงในมือก่อนหันกลับไปมองห้องผ่าตัดที่คุณหมอท่านอื่นกำลังยื้อชีวิตของลูกชายเขาไว้

“ถ้าพูดกันในฐานะของคนเป็นพ่อ คงต้องบอกว่าเรื่องนี้มันก็ออกจะยอมรับยากอยู่นะ แต่ถ้าพวกเขารักกันจริง..มันก็ไม่ยากนักหรอกที่อาจะยอมรับได้” คำพูดอย่างคนที่มีเหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์ของกสิณนั้นทำให้รตาเบาใจลงไปไม่น้อย เธอส่งยิ้มอย่างจริงใจให้พร้อมกับเอ่ยคำยืนยัน

“พวกเขารักกันจริงแน่นอนค่ะคุณอา สองคนนี้รักกันมาสิบห้าปีแล้วนะคะ” กสิณที่หันไปมองห้องผ่าตัดเมื่อสักครู่หันกลับมามองหน้ารตาที่ยังคงส่งยิ้มให้เขาด้วยความประหลาดใจไม่น้อย

“สิบห้าปีอย่างนั้นหรอ?”

“ค่ะ”

สิบห้าปีแล้วที่พวกเขาสองคนผูกพันกันด้วยหัวใจและความรัก..

รักโดยที่ไม่ได้พบหน้ากัน ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ต้นรักมันก็เติบโตตามกาลเวลาและผลิดอกในวันที่พวกเขาได้มาพบกันอีกครั้ง

นั่นแหละคือความรักของกวินท์และน้องชายของเธอ

 

กสิณคิดเสมอว่ากวินท์ลูกชายเพียงคนเดียวของเขานั้นเป็นลูกชายที่ทำให้เขาภาคภูมิใจได้ทุกเรื่องอย่างไม่เคยทำให้ผิดหวังมาก่อน

บัดนี้..ลูกชายเพียงคนเดียวที่เขาภาคภูมินั้น กำลังมีความรักอยู่..

ความรักกับเพศเดียวกัน

น่าแปลกที่กสิณกลับไม่รู้สึกรังเกียจความรักของลูกชายเลยแม้แต่น้อย อาจมีบ้างที่รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้ากวินท์รักกับรัญชน์จริงแล้ว..เขาก็ไม่เห็นประโยชน์ใดที่จะขัดขวางความรักของลูก ถ้าเพียงแต่...ทั้งสองคนรักกันจริง มิใช่เผลอไผลไปตามอารมณ์เท่านั้น

“ฉันไม่อยากเชื่อเลยค่ะคุณ..กวินท์เจ็บตัวมากขนาดนี้ได้ยังไงกันก็แถบที่ลูกนั่ง มันไม่น่าจะ...”

กสิณหันมองดูภรรยาที่ไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้ น้ำตายังคงคลออยู่บนเบ้าตาของผู้เป็นแม่ที่รักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ

“ทำไมลูกต้องเอาตัวไปบังรัญชน์ไว้ด้วยคะคุณ...ทำไมกัน..”

กสิณถอนหายใจช้าๆ ขยับเข้าไปโอบกอดภรรยาแล้วดึงมือเธอมา แหวนที่คู่กันถูกหย่อนลงในมือของเธอ

“นี่มันอะไรคะ?”

“ของที่ติดตัวของเด็กสองคนนั่น...กรุณี...กวินท์กับรัญชน์รักกัน คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมลูกของเราถึงต้องปกป้องรัญชน์?”

คำบอกของสามีทำให้กรุณีตระหนกเล็กน้อย เธอก้มมองดูแหวนสองวงบนมือของเธออีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

“แต่รัญชน์เป็นเด็กผู้ชายนะคะ...จะเป็นไปได้...ยังไง...”

เธอครางเสียงเบาแล้วมองสามีด้วยสายตาอ้อนวอน ราวกับต้องการให้เขาบอกว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ไม่ใช่เรื่องจริง

“คุณก็รู้นิที่รัก..ว่าความรักมันไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นแค่ชายกับหญิงเท่านั้น” กสิณพูดอย่างคนไม่มีอคติ แต่กรุณีนั้นยังคงส่ายหน้าช้าๆไปมาก่อนเอ่ยถาม

“แล้วคุณรับได้หรอคะกสิณ?..”

“สำหรับผมแล้ว ถ้าเด็กสองคนนั่นรักกันจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรไม่ใช่หรอ?..นี่คุณ...จำได้ไหมว่าเรายังเคยคุยกันเลยว่าเราไม่เคยเห็น กวินท์มีความรักเลยสักครั้งตั้งแต่เขาลืมตาดูโลกนี้ ตอนนั้นเรายังสงสัยกันเลยว่าเขาลืมหัวใจไว้ในท้องของคุณหรือเปล่า แต่ตอนนี้ลูกเรากำลังมีความรักนะ..ความรักที่ถึงขั้นทำให้เขายอมที่จะเสี่ยงชีวิตปกป้องคนที่เขารัก...ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ? คุณจะรังเกียจความรักของลูกได้หรือ?”

กรุณีรับฟังสิ่งที่สามีพูดด้วยความสงบและคิดตามทุกสิ่ง เธอขยับนิ้วกำแหวนสองวงนี้ช้าๆ..และยิ้มให้กับสามีของเธอแม้ดวงตาจะยังคงมีความกังวลกระจายอยู่ก็ตามที

“ถ้าพวกเขาทั้งสองคนปลอดภัยล่ะก็นะคะ...หากพวกแกเป็นอะไรไป ฉันคงจะทำใจให้อภัยความรักครั้งนี้ของลูกเราไม่ได้แน่ๆค่ะ ถ้าความรักของพวกแกต้องแลกด้วยชีวิตแบบนี้..”

กสิณฟังแล้วก็พยักหน้าช้าๆและส่งยิ้มให้กับภรรยาเป็นกำลังใจให้ในช่วงวิกฤติ เขายกมือขึ้นโอบกอดเธอไว้แล้วกระซิบเสียงอ่อน

“ลูกเราเป็นคนแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องกลับมาแข็งแรงให้คุณชื่นใจแน่ ส่วนรัญชน์น่ะ...ปลอดภัยแล้วล่ะ”

“ถ้าลูกเราแข็งแรงเมื่อไหร่ ฉันอยากจะตีแกแรงๆสักทีจังเลยค่ะที่ทำให้พวกเราต้องเป็นห่วงแบบนี้” กรุณีสูดลมหายใจน้อยๆแล้วกลั้นน้ำตาของตัวเอง ใจสั่นไม่น้อยด้วยความกลัวว่าลูกชายของเธอจะไม่สามารถกลับมาเป็นกวินท์คนเดิมได้อีก

“คุณทำไม่ได้หรอก...ผมรู้ ตั้งแต่แกเกิดมาคุณก็ไม่เคยตีแกเลยนะ”

“คราวนี้ฉันจะตีแกแน่ๆค่ะคุณ”

กรุณีพยายามยิ้มให้สามี เพื่อให้กำลังใจตัวเองด้วย

“ผมจะรอดูก็แล้วกันนะ..” กสิณเอ่ยเย้าภรรยากลับไปพร้อมกับหัวเราะออกมา การที่เขาหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ มันเรียกเอากำลังใจของผู้เป็นภรรยาออกมาได้มากโข กรุณียิ้มและหัวเราะเบาๆก่อนจะกอดเขาเอาไว้...คู่ชีวิตที่ดีที่สุดของเธอคนนี้

ห่างออกไปไม่ไกลนัก ยชญ์ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในมุมที่ทั้งสองคนไม่เห็น...มือของเขาจิกกำแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ

กวินท์กับรัญชน์รักกันอย่างนั้นรึ...

ไม่มีวัน!

ไม่มีวันที่เขาจะยอมให้ทั้งคู่ได้รักกันเด็ดขาด!!

-TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: mind223 ที่ 11-03-2013 21:31:08
ยชญ์ แกเป็นพ่อที่น่า ... :z3: :z3: :z3: :z3:


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:


หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 11-03-2013 21:49:22
เรื่องกำลัง เข้มข้มมากกเก่าเดิมแล้วซิ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: followme ที่ 11-03-2013 22:00:34
ให้ใจคุณพ่อกะคุณแม่ไปเลย

เยี่ยมค่ะ คนเป็นพ่อแม่แค่เห็นลูกมีความสุขก้อควรยินดีกับความรักของลูก

แต่ดูพ่อของนายเอก นี่อะไร เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 11-03-2013 22:04:30
ว้าย คุณพ่อ ทำไมร้ายกาจอย่างนี้คะ จะเข้าข่ายนางร้ายในละครขึ้นทุกทีแล้วนะคะ
มีอะไรปิดบังอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ ถึงจงเกลียดจงชังรัญชน์นัก
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 12-03-2013 00:01:08
รำคาญพ่อรัญชน์ แต่ไม่เซงนะเพราะมีซัพพอร์สดีอย่างครอบครัวกวินท์
โอ้ยคุณหมอขา ดีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
รู้ละเรื่องนี้ดราม่าเพราะอะไรเพราะพ่อของรัญชน์เนี่ยละ
นึกว่าจะดราม่าเพราะรตาหรืออะไรอย่างอื่น
โธคุณพ่อคะไม่ได้อยู่กับเค้าไปจนตายก็น่าจะยินดียินงามไม่ใช่มาเจ้าคิดเจ้าแค้นนะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Yuthaiz2 ที่ 12-03-2013 08:32:49
เพราะพ่อของรัญชน์เข้าใจว่ารัญชน์เป็นลูกชู้ใช่ไหมคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 12-03-2013 09:56:48
พ่อรัญชน์ใจร้ายไแล้วนะ -0-  ไม่รักลูกแล้วก็อย่ามายุ่งกับชีวิตลูกอีกเลย
ไม่ได้เลี้ยงมา ก็อย่ามากีดกันในสิ่งที่เขาเป็น
ท่าทางอีพ่อนี่มีปมเหมือนกัน 5555
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 12-03-2013 15:09:48
ตอนที่ ๙

 

การที่ได้มีใครสักคนให้รัก มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง และมีใครสักคนคอยปกป้อง มันทำให้มีความสุขมากแค่ไหน กวินท์คือคนที่ทำให้รัญชน์รับรู้ในสิ่งนี้

ทว่า...รัญชน์ไม่ได้เผื่อใจไว้เลยสักนิด

ถึงวันที่จะไม่มีผู้ชายแสนดีคนนั้นอยู่เคียงข้างเหมือนเช่นเคย...

หัวเราะ...

เขายังหัวเราะกับกวินท์อย่างมีความสุขอยู่เลยในวินาทีก่อนหน้านั้น แต่เพียงชั่วเสี้ยวนาที เสียงร้องอย่างตระหนกของกวินท์ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงล้อรถหมุนเบียดไปกับพื้นถนนก่อนจะมีเสียงชนกันดันสนั่นพร้อมกับร่างของกวินท์ที่เอี้ยวมากอดเขาเอาไว้

ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างที่รัญชน์ไม่คาดคิด

ร่างของเขามันเหวี่ยงไปตามแรงเลี้ยวของรถที่ถูกรถบรรทุกซึ่งพุ่งสวนมาจากอีกเลนดันไปจากจุดที่ชนกันอีกราวสิบเมตร ศีรษะของเขากระแทกเข้ากับกระจกบานประตู ร่างของเขากับกวินท์ถูกเม็ดกระจกที่แตกจากกระจกบานหน้าร่วงกราวเข้าใส่

สติของรัญชน์ดับไปในตอนนั้น...ดับไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข...

และดับไปพร้อมๆกับคนรัก

ฝันร้าย...

รัญชน์คิดขณะที่กำลังจะได้สติ

เปลือกตาบางกะพริบเบาๆ แต่อาการปวดร้าวที่ศีรษะและเจ็บระบมไปทั้งกายก็ทำให้รัญชน์เริ่มสำนึกได้ว่าอุบัติเหตุที่ตนกำลังคิดว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายนั้น..คือเรื่องจริง

“กะ..กวินท์”

ชื่อของคนรักคือสิ่งแรกที่หลุดออกจากริมฝีปากซีดจางที่แห้งผาก รัญชน์เบิกตาโพลงและพยายามดันตัวลุกขึ้นมานั่ง

ยิ่งตื่นขึ้นมาเห็นตัวเองนอนอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล รัญชน์ก็ยิ่งตระหนกไม่น้อย รตาที่นั่งเฝ้าอยู่ภายในห้องกับธันย์โผเข้ามาทันทีเมื่อเห็นว่าน้องชายได้สติแล้ว

“รัญชน์..เป็นยังไงบ้าง?”

สีหน้าของพี่สาวนั้นซีดเซียวไม่น้อย รัญชน์หันมองเธอด้วยสายตาที่พล่าเลือน เขาหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพที่โฟกัสเข้ามาในสายตาชัดขึ้นกว่าเมื่อสักครู่

“กวินท์...กวินท์อยู่ไหน?”

รัญชน์ได้ยินเสียงที่แหบแห้งของ เขาถามพี่สาวที่เข้ามาพยุงตัวเขาให้ลุกนั่งไปเช่นนั้น และเห็นพี่สาวหันมองสบตากับธันย์กันอย่างไม่สบายใจ

“เรื่องกวินท์เอาไว้ก่อนเถอะ...ตอนนี้รัญชน์เจ็บตรงไหนหรือเปล่า พี่ตามคุณหมอมาตรวจอาการก่อนดีกว่านะ?”

รตาบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เธอยกมือขึ้นลูบแก้มน้องชายของตัวเอง ใบหน้าน่ารักของรัญชน์มันเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจางๆ ศีรษะเล็กมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เช่นเดียวกับมือข้างซ้ายของรัญชน์ที่เข้าเฝือกอ่อนอยู่ ทั้งหมดนี้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บไม่น้อย

ทำไมน้องชายของเธอถึงได้เคราะห์ร้ายเช่นนี้นะ

“ไม่!...กวินท์อยู่ไหน พี่บอกผมมาเถอะ...ได้โปรด...กวินท์อยู่ไหน เขาเป็นอะไรหรือเปล่า?”

รัญชน์ถามอย่างร้อนรนก่อนจะชะงักเมื่อประตูห้องเปิดเข้ามา

ผู้เป็นพ่อที่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้งนับตั้งแต่เขากลับมาไทย เดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเย็นชาเหมือนเคย

รัญชน์พยายามลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ถูกธันย์กับรตารั้งเอาไว้ให้นั่งอยู่บนเตียงขณะที่ยชญ์เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า

“พ่อครับ..กวินท์อยู่ที่ไหน..เขาเป็นยังไงบ้าง?”

รัญชน์ถามด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอย่างต้องการคำตอบ จนลืมคิดถึงเรื่องที่เป็นกังวลอยู่ว่าไม่อยากให้พ่อล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรัก

ยชญ์กำลังมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายคนเล็กด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกเกลียดชังมันพลุ่งพล่านขึ้นมาในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก ความสมเพชก็เช่นด้วย ยิ่งเห็นใบหน้าที่ถอดแบบมาจากอดีตภรรยากำลังดูหวั่นกลัวนั่น

ยชญ์ก็ยิ่งชิงชังนัก

“เขาตายแล้ว...เพราะแกยังไงล่ะ”

คำพูดของยชญ์ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเหมือนฟ้ามันผ่าลงกลางใจของรัญชน์เท่านั้น แต่รตากับธันย์เองก็ด้วยเช่นกัน ทั้งสองตกตะลึงจนมือที่รั้งรัญชน์ให้นั่งอยู่กับเตียงนั้นร่วงลง

พวกเขามองยชญ์อย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดของชายสูงวัยที่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

อากัปกิริยานั้นไม่ต่างอะไรกับรัญชน์ที่ถึงกับพูดไม่ออก

ริมฝีปากของรัญชน์มันเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ ใจมันเหมือนกำลังจะแตกสลาย ขอบตาร้อนผ่าวและหยาดน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาราวกับทำนบที่กั้นมันไว้กำลังแตกสลายลงพร้อมกับใจ

“พ่อ...พูดเล่น...ใช่ไหม...ไม่จริง...ใช่ไหมครับ?”

ธันย์กับรตานึกสงสารรัญชน์จับใจ แต่เสียงที่สั่นเครือ ใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตาของรัญชน์ ไม่ทำให้ยชญ์นึกสงสารเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขายังคงเย็นชา ดวงตาที่มองดูรัญชน์มันยังคงความชิงชังไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และเมื่อรัญชน์เอื้อมมือมาจับแขนเขาเอาไว้ยชญ์ก็สะบัดอย่างแรงจนร่างเล็กของรัญชน์เซถลาลงล้มกับพื้น

“รัญชน์!”

รตากับธันย์ปราดเข้ามาหารัญชน์ที่ล้มอยู่กับพื้น ทั้งหมดเงยมองหน้ายชญ์ที่ชักสีหน้ารังเกียจที่จะให้รัญชน์สัมผัสถูกกายตัวเอง ชายสูงวัยก้มหน้าลงมากระชากเสียงใส่รัญชน์

“กวินท์ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่ก็เพราะแกคนเดียว! หายดีเมื่อไหร่ เชิญแกไสหัวกลับไปหาแม่ของแกที่อเมริกานู่นได้เลย! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก แล้วก็อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ! เพราะฉันไม่ใช่พ่อของแก!!”

ความที่หลุดจากปากของยชญ์มันเหยียบย่ำหัวใจที่กำลังแหลกสลายของรัญชน์ให้ย่ำแย่มากขึ้นไปอีก

ราวกับยชญ์จงใจที่จะกระทืบซ้ำให้รัญชน์ตายทั้งเป็น

รัญชน์ส่ายหน้ารัวๆ ริมฝีปากสั่นเทาอย่างควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่

“ไม่..ไม่จริง..ทั้งหมดนี่...ไม่จริง...ใช่ไหม”

เสียงของรัญชน์ขาดช่วงและแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ดวงตามันฝ้าฟางด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีสักคำที่จะหลุดจากปากของยชญ์อีก นอกจากแววตาเหยียดมองรัญชน์ที่กำลังเจ็บปวดอย่างสมเพชก่อนที่ชายสูงวัยนั้นจะเหยียดหลังขึ้นและปรายหางตามองคนที่เคยได้ชื่อว่าลูกชายของตัวเองแล้วออกจากห้องไป

รัญชน์นั่งอึ้งกับทุกสิ่งที่ถาโถมเข้ามา เช่นเดียวกับรตาและธันย์

รตาหันมองหน้าธันย์อีกครั้งอย่างพูดอะไรไม่ออกก่อนที่เธอจะผุดลุกวิ่งตามผู้เป็นพ่อไป

“พ่อคะ!”

ยชญ์สูดลมหายใจลึกๆและหันกลับมาหาลูกสาวที่เดินตามออกจากห้องมา สีหน้านิ่งขรึมแววตาดุดันทำให้รตาไม่กล้าสบตา แต่ก็โพล่งถามออกไปด้วยความอัดอั้นตันใจ

“ที่พ่อพูดเมื่อกี้ มันหมายความว่าไงคะ? คุณหมอกวินท์ตายแล้วอย่างนั้นหรอ? รัญชน์ไม่ใช่ลูกของพ่อ ไม่ใช่น้องของหนูจริงๆหรอคะ?”

คำถามของเธอทำให้กสิณกับกรุณีที่มาเยี่ยมรัญชน์ต้องหยุดชะงัก

พวกเขาหันมองหน้ากันก่อนจะมองมายังยชญ์ที่ยืนอยู่หน้าห้องพักฟื้นของรัญชน์อย่างไม่เข้าใจเรื่องราวสักเท่าใดนัก

ลูกชายของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ กสิณกับกรุณีเพิ่งจะไปเยี่ยมกวินท์ที่ห้องไอซียูนั้นแน่ใจเช่นนั้น ความสงสัยทำให้พวกเขานิ่งเงียบและยืนฟังยชญ์กับกรุณีในมุมที่ทั้งสองคนไม่เห็น

“กวินท์ยังไม่ตาย แต่สำหรับไอ้เด็กนั่น จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แล้วมันเป็นน้องของแก แต่ไม่ใช่ลูกฉัน!”

รตาพระพริบตาเบาๆ เธอไม่เข้าใจเรื่องราวเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หัวใจของพ่อ ความคิดของพ่อ ความรู้สึกของพ่อ เธอก็ไม่เข้าใจเลย

“หนูไม่เข้าใจ รัญชน์จะไม่ใช่ลูกของพ่อได้ยังไงกัน แล้วทำไมพ่อต้องหลอกรัญชน์ด้วยล่ะคะว่าคุณหมอตายแล้ว”

รตาโพล่งถามออกไปอย่างรวดเร็วจนเธอรู้สึกเหมือนลิ้นกำลังจะพันกัน คำถามของเธอเป็นคำถามเดียวกับที่กสิณและกรุณีกำลังคิดอยู่ และต้องการจะได้คำตอบด้วยเช่นกัน

ยชญ์เหยียดริมฝีปาก สีหน้ามึนตึง

“เพราะไอ้ความสัมพันธ์บ้าๆระหว่างมันกับกวินท์ยังไงล่ะ กวินท์คือคนที่ฉันอยากให้มาสืบทอดโรงพยาบาลนี้ต่อจากฉัน ฉันอยากให้เขาแต่งงานกับแกมากกว่าจะไปรักกับไอ้เด็กบ้านั่นที่ไม่มีเชื้อสายของฉันเลยแม้แต่น้อย! ฉันไม่ยอมปล่อยให้ไอ้เด็กบ้านั่นแย่งความหวังที่จะมีคนสานต่อให้โรงพยาบาลของฉันเจริญก้าวหน้าไปกว่านี้อย่างมันไม่ได้เด็ดขาด! และถ้าไม่มีมัน! กวินท์ก็คงไม่ต้องเจอกับอุบัติเหตุบ้าๆนี่ด้วย!!”

“อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของรัญชน์นะคะพ่อ!!” รตาเถียงกลับไปทันที เธอรับไม่ได้เลยแม้แต่น้อยกับความคิดของผู้เป็นพ่อ

“เพราะมันนั่นแหละ! เพราะมันเป็นตัวซวย! เพราะมันคนเดียว!!”

ยชญ์ตะคอกใส่ลูกสาวแล้วหอบหายใจแรง สีหน้าโกรธเกรี้ยวของเขาทำให้รตาผิดหวังในตัวของผู้เป็นพ่อไม่น้อย

“หนูไม่รู้มาก่อนเลย..ว่าพ่อจะเป็นคนที่ใจแคบแบบนี้..พ่อทำแบบนี้กับรัญชน์ไม่ได้! หนูจะไปบอกความจริงกับรัญชน์”

รตาว่าแล้วทำท่าจะเปิดประตูกลับเข้าไปในห้องพักของรัญชน์อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเปิดประตูเข้าไป ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อก็เหวี่ยงตบเข้ามาที่หน้าของเธออย่างแรง รตานิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อไม่เคยตบหน้าเธอเลยสักครั้งหญิงสาวค่อยๆหันกลับมามองหน้ายชญ์ด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง

“ถ้าแกบอกความจริงกับมัน แกก็ไม่ต้องมาเป็นลูกฉัน!”

รตาขยับริมฝีปากจะพูด แต่เสียงของเธอก็กลืนหายลงคอไปเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของน้องชายดังออกมาจากห้อง รตาผลุนผลันกลับเข้าห้องไปทันที

ในขณะที่ยชญ์พยายามสูดลมหายใจเข้าช้าๆเพื่อระงับโทสะของตนเองก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ยชญ์..” กสิณเพื่อนรักของเขากับภรรยากำลังยืนมองมาทางเขา

“พอดีเลย..ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” ยชญ์ว่าแล้วเดินไปหาทั้งคู่

 

เจ็บเจียนขาดใจมันเป็นยังไง รัญชน์ก็เพิ่งได้เรียนรู้มันวันนี้นี่เอง ความเจ็บทำให้ส่วนที่เจ็บมันชาก่อนจะแผลงฤทธิ์สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ถูกทำร้ายเสมอ..ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับรัญชน์ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

ทุกอณูของความรู้สึกมันด้านชาและไม่รับรู้อะไรไปเพียงชั่วครู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะถาโถมเข้าทำร้ายดวงใจเล็กๆของรัญชน์ราวกับคลื่นปิศาจที่พร้อมจะพัดพาความเจ็บปวดเข้ามาทำร้ายและกลืนกินรัญชน์ลงไปในห้วงแห่งความทุกข์ที่แสนสาหัส

เหมือนแสงสว่างทุกอย่างพลันดับมอดลง เสียงล้อยางที่เบียดถนนตอนรถชนมันก็ดังขึ้นในโสตประสาทอย่างหลอกหลอน รัญชน์รู้สึกเหมือนเศษกระจกมันร่วงกราวเข้าใส่อีกครั้ง ความนึกคิดถูกจูงกลับไปยังเหตุการณ์เลวร้ายนั้นอีกครั้งพร้อมกับคำพูดของพ่อที่ดังขึ้นย้ำไปย้ำมา

‘กวินท์ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่ก็เพราะแกคนเดียว!’

‘อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ! เพราะฉันไม่ใช่พ่อของแก!!’

กวินท์ตายแล้ว!

ทั้งหมดนี่เป็นเพราะรัญชน์คนเดียว!!

ร่างเล็กคู้กายลง ศีรษะต่ำโค้งจนเกือบถึงพื้น ทั้งร่างสั่นระริกราว จับไข้ ธันย์ขยับเข้าไปหมายจะช่วยพยุงขึ้นแต่รัญชน์ไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย

ยังไม่ทันที่ร่างสูงโปร่งจะช่วยพยุงให้ลุกยืน รัญชน์ก็ครางเสียงสั่นเทาเป็นชื่อของคนรัก..ซ้ำไปซ้ำมาอย่างคนไม่ได้สติ

“กะ..กวินท์.....”

“กวินท์!!!”

เสียงของรัญชน์กรีดร้องดังลั่นออกไปนอกห้อง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเริ่มชัก ธันย์ทรุดล้มพร้อมร่างของรัญชน์ที่ชักดิ้นอยู่ในอ้อมแขน

ความเจ็บปวดที่เหลือทนจะรับบั่นทอนสติสัมปชัญญะของรัญชน์จนสิ้น ร่างสูงพยายามง้างริมฝีปากของรัญชน์ออกและดึงเอาผ้าผืนขาวบนเตียงลงมายัดริมฝีปากเล็กไว้ไม่ให้รัญชน์กัดลิ้นพลางเรียกชื่อรัญชน์เพื่อรั้งสติของเจ้าตัวไว้

“รัญชน์..รัญชน์!!”

แววตาว่างเปล่าที่ยังคงมีน้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่องนั้นไม่รับรู้อะไรแล้ว... มันมีแต่ความเจ็บปวดเหลือคณนาอาบฉายอยู่

ร่างของรัญชน์สั่นกึกๆเหมือนจะแหลกสลายไปพร้อมกับหัวใจรตาที่ผลุนผลันเข้ามาถึงกับทำอะไรไม่ถูก เธอยืนมองภาพที่น้องชายดิ้นเร้าพลางส่งเสียงอึกอักออกมาด้วยความสงสารจับใจ

ความเศร้าสลดลอยวนอยู่ภายในห้องพักฟื้นนั้นอย่างไม่อาจจางหายได้โดยง่าย พยาบาลที่ได้ยินเสียงและวิ่งเข้ามาดูนั้นตามแพทย์เจ้าของไข้ของรัญชน์เข้ามาดูอาการทันที ร่างของรัญชน์ถูกบุรุษพยาบาลอุ้มกลับขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง

ธันย์ถอยมายืนมองกับรตาและโอบหญิงสาวที่กำลังร้องไห้เพราะสงสารน้องชายจับใจเข้ามากอดไว้ สายตาของเขายังคงเฝ้ามองดูคุณหมอฉีดยาระงับประสาทและยานอนหลับให้กับรัญชน์ด้วยความเป็นห่วง

“ผมฉีดยาระงับประสาทกับยานอนหลับให้แล้ว ถ้ามีอะไรตามตัวผมได้ตลอดเวลานะครับ ยังไงช่วงนี้ก็ต้องรบกวนให้อยู่กับคนไข้ตลอดเวลาเช่นกัน”

ธันย์พยักหน้าให้กับคุณหมอที่เดินมาคุยด้วย หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เขากับรตาจึงเดินเข้าไปหารัญชน์อีกครั้ง

ผ้าที่เขายัดใส่ริมฝีปากกันไม่ให้รัญชน์กัดลิ้นนั้นถูกดึงออกไปแล้วรตาลูบใบหน้าที่ยังคงมีคราบน้ำตาของรัญชน์เปื้อนอยู่ไว้แผ่วเบา

ดวงตาของรัญชน์มันไม่ได้ปิดสนิท แต่ก็ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ารัญชน์นั้นได้สติหรือไม่ รตาเม้มริมฝีปากแน่นก่อนตัดสินใจเอ่ยออกไป

“กวินท์ยังไม่ตายนะรัญชน์..น้องต้องรักษาตัวให้แข็งแรง เพื่อที่จะได้พบกับกวินท์อีกครั้งนะรู้ไหม..”

รตาบอกด้วยเสียงสั่นเครือ ธันย์ฟังอย่างงุนงง หลังจากที่รตาเช็ดหน้าตาให้กับรัญชน์และดึงผ้าห่มมาห่มให้แล้ว เขาเลยดึงแขนเธอมาคุยที่ด้านนอกระเบียงของห้อง

“กวินท์ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมคุณลุงต้องพูดอย่างนั้นด้วย”

รตาส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าอ่อนล้าเกินกว่าจะพูดคำใดออกมา

เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนและนั่งลงที่เก้าอี้โดยมีธันย์ทรุดนั่งลงข้างๆ ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มอย่างคนมีอารมณ์ขันนั้นดูเคร่งเครียด

“ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพ่อต้องพูดอย่างนั้น พ่อบอกฉันว่ารัญชน์เป็นน้องของฉันแต่ไม่ใช่ลูกของพ่อ”

ธันย์นิ่งไป ตัวเขาเองก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี เขากลืนน้ำลายก่อนจะเรียบเรียงความคิดและถามออกมาอีกครั้ง

“แล้วเรื่องกวินท์ล่ะ? ทำไมคุณลุงต้องบอกรัญชน์ว่ากวินท์ตายแล้วด้วย” รตาเหลือบตามองคนถามและนึกลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะเล่าทุกสิ่งให้ธันย์ฟังเมื่อสำนึกได้ว่ายังไงเสีย ธันย์ก็ต้องรู้เรื่องในที่สุด..

ในขณะที่รตากำลังนั่งคุยกับธันย์อย่างหนักอกอยู่นั้นเองยชญ์ก็กำลังคุยเรื่องนี้อยู่กับผู้เป็นพ่อและแม่ของกวินท์อยู่เช่นเดียวกัน

“แต่กวินท์กับรัญชน์รักกันไม่ใช่หรือยังไง? นายจะบอกให้ฉันบังคับให้กวินท์เลิกกับรัญชน์แล้วมาแต่งงานกับรตาเพียงเพราะรัญชน์ไม่ใช่ลูกชายของนายอย่างนั้นหรอ?”

กสิณถามออกมาอย่างหนักใจ สีหน้าของเขากับภรรยานั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้ว่าเขาจะหนักใจอยู่บ้างกับการที่ลูกชายของเขารักกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง แต่กสิณก็ไม่มีความคิดที่จะบังคับให้ลูกเลิกรักหรือขีดเส้นชีวิตให้ลูกเดินไปตามทางที่ตัวเองต้องการเลยสักนิด

โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตคู่ด้วยแล้ว เขาอยากให้กวินท์ได้เป็นคนเลือกเอง อย่างน้อยถ้าการเลือกนั้นผิดพลาด กวินท์ก็จะได้เรียนรู้ที่จะเจ็บปวดและหาทางแก้ไขปัญหาจากความผิดพลาดของตัวเอง

ไม่ใช่จากความผิดพลาดที่คนอื่นเป็นคนยัดเยียดให้

“ใช่ ถือว่าเห็นแก่ฉันเถอะกสิณ เราเป็นเพื่อนกันมาก็นาน ที่นายมีทุกวันนี้ได้..ไม่ใช่เพราะเพื่อนคนนี้คอยช่วยเหลือนายหรืออย่างไรกัน ฉันไม่เคยขออะไรนายสักครั้ง นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะขอ...พอกวินท์หายดีเมื่อไหร่ ฉันอยากให้กวินท์กับรตาแต่งงานกันให้เร็วที่สุด และไม่ต้องการคำปฏิเสธจากครอบครัวของนายด้วย ได้ไหม..?”

กสิณถอนหายใจอย่างหนักในอกเมื่อได้ยินคำพูดคล้ายกับจะทวงบุญคุณกันของเพื่อน..ซึ่งเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่ยชญ์พูดมันก็คือความจริง

ที่เขาและครอบครัวมีวันนี้ได้ก็เพราะเพื่อนคนนี้...

บุญคุณที่เขาเคยคิดเมื่อนานมาแล้วว่า..ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อที่จะทดแทนมัน วันนี้ยชญ์เอ่ยปากขอร้องกับเขาแล้ว...

เขาจะทำอย่างไรดี...

“กสิณ...เรื่องมันง่ายนิดเดียว แค่นายบอกกวินท์ว่าไอ้เด็กนั่นมันตายไปแล้วเท่านั้นเอง...”

ยชญ์ยกมือขึ้นมาแตะแขนกสิณแล้วกล่อมทีละนิด

“ก่อนกวินท์จะฟื้นและแข็งแรง ฉันจะส่งไอ้เด็กนั่นกลับไปอเมริกาและจะไม่ให้กลับมาที่นี่อีก สองคนนั่นจะไม่มีวันได้เจอกัน..แต่นายต้องช่วยฉัน แค่บอกไปว่าไอ้เด็กนั่นตายไปแล้ว..เท่านั้น”

กสิณและกรุณียังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ยชญ์เลยสูดลมหายใจลึกๆ และเอ่ยโน้มน้าวอีกอย่างไม่ยอมแพ้

“กสิณ..กรุณี.. กวินท์กับไอ้เด็กนั่นไม่ได้รักกันเลย ก็แค่หลงใหลเท่านั้น ถ้าไม่อยากให้ลูกชายเดินทางผิดก็รีบแยกเด็กสองคนนั้นออกจากกันก่อนที่พวกเขาจะผูกพันกันมากไปกว่านี้ ผู้ชายกับผู้ชายน่ะมันจะรักกันจริงได้ที่ไหนกัน...เชื่อฉันสิ บอกกวินท์ว่าไอ้เด็กนั่นมันตายไปแล้ว กวินท์อาจจะเจ็บแค่ตอนแรก แต่ไม่นานก็จะหาย มันดีกว่าที่จะปล่อยให้เด็กสองคนนั่นรักกันแบบผิดๆอย่างนี้ไปชั่วชีวิตไม่ใช่หรือยังไงกัน?”

กสิณหันมองหน้าภรรยาที่ตีสีหน้าลำบากใจ ยชญ์เห็นแล้วจึงหันไปหากรุณีและเอ่ยกล่อม

“กรุณี...คุณไม่อยากอุ้มหลานหรอ?..ถ้าปล่อยให้เด็กสองคนนั่นรักกัน...คุณจะไม่มีวันได้อุ้มหลานตลอดไปเลยนะ...”

ความจริงข้อนี้ทำให้กสิณและกรุณีหนักใจไม่น้อย กรุณีขยับเข้ามาหาสามีและวางมือลงกับแขนของเขา

“คุณคะ..อย่างที่คุณยชญ์พูดก็ถูกนะ...ฉันว่าเรา...”

เธอหยุดพูดต่อเมื่อกสิณเลื่อนมือมาจับมือของเธอที่วางบนแขนไว้และหันไปหาเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง

“ฉัน...จะลองเอากลับไปคิดดูก็แล้วกัน” ยชญ์ฉีกยิ้มออกมาในที่สุดและพยักหน้าให้ด้วยความรู้สึกสมใจ

“อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน..”

ผิดหวังอย่างนั้นหรอ...

กสิณอยากบอกเพื่อนรักอย่างยชญ์นักว่า..ไม่ว่าเขาจะทำให้ยชญ์ผิดหวังหรือไม่ แต่ที่รู้ๆ..ในตอนนี้ยชญ์ทำให้เขาผิดหวังยิ่งนักกับความใจแคบที่ยชญ์มี

แต่ด้วยความอึดอัดใจที่จะเอ่ยออกไป กสิณจึงจำได้แต่เงียบเอาไว้ จนกระทั่งกรุณีผู้เป็นภรรยาเริ่มเปิดปากเอ่ยหลังจากที่ยชญ์เดินจากไป

“คุณคะ...” กสิณหันไปตามเสียงเรียกของภรรยา สีหน้าของกรุณีดูสับสนไม่น้อย เธอมองเขาด้วยความลังเลก่อนจะเริ่มเอ่ย

“ฉันรู้นะคะ..ว่าคุณไม่อยากทำร้ายจิตใจลูก แต่ที่ยชญ์พูดมาก็ถูก..พวกแกเป็นผู้ชายทั้งคู่ ไม่สมควรที่จะรักกันหรอกนะคะ แล้วอีกอย่าง..คุณแน่ใจหรอคะว่าพวกแกรักกัน ไม่ใช่เผลอไผลไปชั่วครั้งชั่วคราวอะไรทำนองนั้น?” กรุณีถามออกไปทั้งที่ความรู้สึกในใจมันชัดเจนในความสัมพันธ์ของลูกชายกับรัญชน์
(ต่อ)
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.8 (Update 11/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 12-03-2013 15:12:44

“ผมเองก็ไม่รู้เรื่องของทั้งคู่มากหรอกนะคุณ..แต่ผมคิดว่าถ้าลูกเราไม่รักรัญชน์จริง คงไม่เอาตัวมาเสี่ยงปกป้องถึงขนาดนี้หรอก..” กสิณพูดแล้วหยิบแหวนสองวงของกวินท์กับรัญชน์ขึ้นมานั่งมองอีกครั้ง

“คุณคะ...ฉันเคารพทุกการตัดสินใจของคุณนะคะ...แต่ถ้าเป็นไปได้...ฉันก็อยากให้คุณตอบรับข้อเสนอของยชญ์อยู่เหมือนกัน..”

กรุณีพูดราวกับรำพันกับตัวเองเสียมากกว่าจะบีบบังคับให้สามีทำตาม แต่น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนคนอมทุกข์นั่น..ก็ทำให้กสิณต้องเก็บมาครุ่นคิดไม่น้อย..

เขาจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างไรดี...

ที่จะทำให้ทุกฝ่ายไม่เจ็บปวดมากนัก...

จะทำอย่างไรดี..เพื่อลูกชายของพวกเขา

ขณะที่กวินท์ยังคงไม่ได้สตินั้น..ในวันถัดมา รัญชน์ก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งตอนเกือบรุ่งสาง..

ปฏิกิริยาแรกที่ทำเอาธันย์และรตาใจหายนั้นคือหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาที่ว่างเปล่า มันไม่สะท้อนการรับรู้ใดเลย

รัญชน์ไม่ตอบแม้กระทั่งเสียงของรตาที่เรียกชื่อของเขา

“รัญชน์..รัญชน์ฟังพี่นะ..”

รตาลูบมือสั่นๆไปที่ใบหน้าของน้องชาย น้ำตาของรัญชน์มันไหลลงมาฟ้องความอ่อนแอที่เกินเยียวยา

“รัญชน์...คุณหมอกวินท์น่ะ...”

เมื่อชื่อของคนรักผ่านเข้ามาให้ได้ยิน นัยน์ตาของรัญชน์มันก็กรอกมามองหน้าคนพูด หยาดน้ำตาใสไหลออกมาไม่หยุดจนรตาที่รู้สึกสงสารน้องชายจับใจก็ตัดสินใจได้ที่จะบอกความจริงให้รับรู้อีกครั้งเพราะคิดว่ารัญชน์คงไม่มีสติรับรู้ตอนที่เธอพูดคราวก่อน เธอเอื้อมมือไปจับมือของรัญชน์ไว้แล้วสูดลมหายใจลึกๆ

“คุณหมอน่ะ..”

ยังไม่ทันที่รตาจะพูดอะไรออกไป ประตูเบื้องหลังเธอก็เปิดออก ทันทีที่เธอกับธันย์หันกลับไปมองก็พบว่าผู้ที่เข้ามานั้นคือยชญ์ที่มีสีหน้ายากแก่การคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

“พ่อคะ..”

“แกกับธันย์ออกไปก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยกับรัญชน์”

รตาหันมองหน้าคนรักอย่างลังเลและไม่ยอมขยับออกห่างจากเตียงของรัญชน์

“พ่อบอกให้ออกไปก่อนยังไงล่ะ”

ยชญ์ย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม ธันย์จึงขยับมาหารตาและจับมือเธอไว้

“เราออกไปกันก่อนเถอะ”

รตายอมเดินออกมาด้านนอกทั้งที่ในใจยังคงเป็นกังวลและเป็นห่วงน้องชายของตัวเอง เธอจึงวนเวียนอยู่ด้านนอกของห้องแล้วมองผ่านกระจกบานเล็กเข้าไปด้านใน

เธอเห็นผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปใจใกล้เตียงที่น้องชายนอนอยู่ แต่พยายามเงี่ยหูฟังแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ธันย์เองก็เดินมายืนซ้อนหลังเธอ มองเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วงรัญชน์ด้วยเช่นเดียวกัน

 

มองหน้าคนที่นอนน้ำตานองหน้าอยู่บนเตียงแล้ว ยชญ์ก็บอกได้ยากนักว่าตัวเองมีความรู้สึกสงสารอยู่ในใจ เพราะสิ่งที่มันกระจ่างชัดอยู่ในความรู้สึกนั้นมีแต่ความเกลียดชังและสมเพช

ขณะที่รัญชน์นั้นมองผู้เป็นพ่อด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

ภายในหูยังดังก้องด้วยสิ่งที่ยชญ์พูดในคราวก่อน ความเจ็บช้ำเกินบรรยายนั้น หากต้องได้รับฟังอีกครั้ง รัญชน์ก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าตัวเองยังจะสามารถเจ็บมากเกินไปกว่านี้ได้อีกไหม..

“เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน..”

ยชญ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับสีหน้าของเขา

รัญชน์เม้มริมฝีปากที่สั่นเทาเอาไว้ ตลอดเวลาของการแสดงออกว่าตนเองเป็นคนไม่อ่อนไหว..แต่ลึกๆภายในแล้วแสนจะอ่อนแอและอ้างว้าง...และหวาดกลัวกับการถูกเกลียดชังเป็นที่สุด..

หลังจากเงียบกันไปครู่ใหญ่ ในที่สุดรัญชน์ก็เอ่ยถามออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ..

“ผม...ไม่ใช่...ลูกของพ่อหรอครับ?”

แวบหนึ่งที่ความชิงชังมันพุ่งขึ้นมาในใจจนเกือบเผลอแสดงออกมาให้คนถามได้เห็น แต่ยชญ์ก็กดมันเอาไว้ เขาพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ให้หลุดออกไปเหมือนเมื่อคราวก่อนและแสร้งถอนหายใจออกมาช้าๆราวกับคนที่อมความทุกข์เอาไว้

“รัญชน์เคยเป็นลูกของพ่อ..และพ่อก็หวังอยากให้รัญชน์เป็นลูกของพ่อตลอดไป...แต่..”

ยชญ์แกล้งเว้นช่วงไว้และยกมือขึ้นลูบศีรษะของคนที่เขาเคยรักและเอ็นดูมากกว่าใครก่อนเริ่มต้นพูดช้าๆ ดั่งจะตอกย้ำให้เด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องราวใดรับเอาความเจ็บปวดที่เขากล้ำกลืนไว้มากกว่าสิบห้าปีไป

“รัญชน์..มันเป็นเรื่องยากมากที่พ่อจะทำใจได้ เมื่อรู้ว่ารัญชน์ไม่ใช่ลูกของพ่ออีกต่อไป รัญชน์คงไม่รู้ว่าพ่อเจ็บปวดมากแค่ไหน กับการที่ต้องเห็นหน้าของรัญชน์อีก...รัญชน์ไม่ใช่เป็นแค่คนอื่นสำหรับพ่อ แต่เป็นผลจากการที่แม่ทรยศพ่อไปมีคนอื่น...รัญชน์เข้าใจไหม...ทุกครั้งที่พ่อเห็นหน้ารัญชน์ พ่อเจ็บเหมือนมีคนเอามีดมากรีดหัวใจซ้ำๆ พ่อถึงเลือกที่จะไม่เจอลูกเพราะกลัวมันจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวาน”

ยิ่งเมื่อยชญ์เอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้แล้วบีบเบาๆพร้อมกับคำพูดที่เอ่ยพร้อมเสียงแผ่วเบา น้ำตาของรัญชน์ไหลก็ออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อได้ยินคำพูดของคนที่เขาเรียกว่าพ่อมาทั้งชีวิต

“พ่อขอโทษ...ที่พูดไม่ดีแบบนั้นกับรัญชน์ แต่รัญชน์ต้องเข้าใจพ่อนะ”

“ผมต่างหาก..ที่ต้อง...ขอโทษ...” คำนี้มันหลุดออกมาจากปากของรัญชน์ ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น..ไม่ใช่ความผิดของรัญชน์เลยแม้แต่น้อย...

“รัญชน์ทำเพื่อพ่อนะ...หายดีแล้วกลับไปอยู่กับแม่เขาที่อเมริกานะ” รัญชน์เม้มริมฝีปากแน่นเมื่อยชญ์เอ่ยพูดคำนั้น ยชญ์ไม่เคยรู้เลยว่ารัญชน์ไม่ได้อยู่กับแม่มากว่าสิบสองปีแล้ว..

สิบสองปีที่แสนโดดเดี่ยว..สิบสองปีที่แสนอ้างว้าง...

“ครับ..”

กระนั้นรัญชน์ก็รับปากไปเช่นนั้นทั้งที่มองหาอนาคตไม่เจอ

“แล้ว...ใครเป็นพ่อของผมหรอครับ?”

รัญชน์ตัดสินใจถามออกไปทั้งที่รู้สึกว่าไม่ควรจะทำให้ยชญ์เจ็บไปมากกว่านี้ แววตาของยชญ์ที่รัญชน์มองอยู่มันเปลี่ยนไป รัญชน์สัมผัสได้ถึงความเย็นชาก่อนที่เขาจะตอบมา

“ภวัต..”

ชื่อนี้ทำให้รัญชน์รู้สึกเหมือนคนที่กำลังจะสำลักเพราะศีรษะถูกกดลงไปใต้น้ำ เขาอ้าริมฝีปากค้างและไร้ซึ่งคำพูดในๆออกมา

น้ำตาไหลออกมาอีกเพียงหยดสุดท้ายก่อนที่รัญชน์จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความรู้สึกที่แสนทรมาน

“แล้วสำหรับกวินท์...เขาจากไปแล้ว...ทางที่ดีที่สุดสำหรับลูก คือการลืมเขาซะแล้วไปจากไทย...ไปเริ่มต้นชีวิตไหมนะรัญชน์...ถือว่าพ่อคนนี้ขอร้อง...กลับไปอเมริกาแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก..ได้ไหมรัญชน์?”

ยชญ์แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมองและคาดหวัง บีบบังคับรัญชน์ด้วยจิตวิทยาทั้งน้ำเสียงและแววตาจนเด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ก่อนเอ่ยคำพูดที่เขาแสนพึงพอใจออกมา

“ครับ...ผมจะไปจากที่นี่...”

รัญชน์บอกก่อนจะหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน จนไม่ทันเห็นรอยยิ้มและแววตาพึงพอใจของยชญ์ที่พูดตอบเขา

“ดีแล้ว...ขอบใจมากนะ”

ขอบใจที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้นมากกว่าเดิม...

ยชญ์กระตุกยิ้มมุมปากและมองคนที่เคยเป็นลูกชายคนเล็กของเขาด้วยความสมเพชระคนชิงชังก่อนจะเดินกลับออกมาด้านนอกและพบกับลูกสาวของเขาและธันย์ยืนคอยอยู่ ทันทีที่ยชญ์ปิดประตูลง รตาก็เดินมาหาพ่อของเธอ

“พ่อเข้าไปคุยอะไรกับรัญชน์คะ?”

“ก็ไม่มีอะไรสำคัญมาก อ่อแล้วแกกับธันย์ก็กลับไปพักได้แล้ววันนี้พ่อจะให้พยาบาลมาเฝ้ารัญชน์ต่อ...ยังไงก็กลับพร้อมพ่อเลยก็แล้วกัน”

“พ่อคะ..” รตาส่งสายตาอ้อนวอนขอคำตอบแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอย่างที่เธอต้องการ ยชญ์ขึงตาดุเธอแล้วฉวยข้อมือเธอลากออกมาจากหน้าห้องพักฟื้นของรัญชน์

“พ่อบอกว่ากลับก็กลับสิ เราก็ด้วยธันย์”

ธันย์ถอนหายใจช้าๆและมองเข้าไปในห้องที่รัญชน์นอนอยู่อีกครั้งก่อนจะเดินตามยชญ์ที่ลากมือรตาเดินไปยังลิฟต์ด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างจากคนรักสักเท่าใดนัก...

ความรู้สึกที่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนข้างๆรัญชน์เสียมากกว่าที่จะทิ้งให้รัญชน์อยู่เพียงลำพังเช่นนี้...

ดังนั้นเมื่อเขาลงไปส่งยชญ์กับรตาที่รถแล้ว ธันย์จึงกลับขึ้นมาบนห้องพักของรัญชน์อีกครั้งและพบกับพยาบาลสาวที่เดินสวนกลับออกมาด้านนอกพอดี

“คุณรัญชน์บอกว่าอยากอยู่คนเดียวสักพักน่ะค่ะ ห้ามใครเข้าไปรบกวน”ธันย์พยักหน้าช้าๆเมื่อได้ยินพยาบาลพูดเช่นนั้น...เขาจึงเดินกลับลงไปอีกชั้นเพื่อที่จะไปดูอาการของกวินท์

เขาได้พบกับกสิณและกรุณีที่อยู่เฝ้าอาการลูกชายของเขา

ทั้งสองต้อนรับธันย์ด้วยรอยยิ้มอ่อนระโหยแต่ดูมีกำลังใจมากขึ้นกว่าวันแรกที่เกิดเรื่อง

“พอดีเลย..เดี๋ยวทานมื้อเช้าด้วยกันนะจ้ะ”

กรุณีบอกก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาไปกดโทรศัพท์ต่อถึงรูมเซอร์วิสของโรงพยาบาลและสั่งอาหารเช้าให้กับทุกคน ขณะที่ธันย์เดินเข้ามานั่งกับกสิณและไตร่ถามถึงอาการของกวินท์

“คุณอาจะทำตามความต้องการของคุณลุงยชญ์อย่างนั้นหรอครับ?” ธันย์เอ่ยถามขึ้นหลังจากไตร่ถามเรื่องอาการของกวินท์เรียบร้อยดีแล้ว

“อาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี...”

กสิณตอบคำถามไปอย่างไม่ปิดบังและได้ยินเสียงเด็กหนุ่มถอนหายใจช้าๆก่อนจะเปรยกับเขา

“รตาเคยชอบกวินท์นะครับ..” ธันย์บอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบขณะหันมองสบตากับเขาและยิ้มน้อยๆมาให้

“แต่ตอนนี้เธอไม่เหลือความรู้สึกแบบนั้นแล้ว..”

น้ำเสียงของธันย์ ทำให้กสิณสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่เด็กสองคนนี้กำลังมีให้แก่กัน..เขาเลยตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

“หรือว่ารตากับเธอ...?”

“ครับ...”

ไม่ต้องมีคำถามอื่นใดให้มากความอีก กสิณก็รู้แล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากับพี่สาวของรัญชน์มีความสัมพันธ์เช่นไรต่อกัน

เพียงแต่คนที่ไม่รู้ก็คงจะเป็นยชญ์คนนั้น...คนที่หมายมาดอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของเขา

“ยชญ์คงไม่รู้สินะ...”

ธันย์ถอนหายใจอย่างหนักอกเมื่อเขาเปรยออกไปเช่นนั้น...

“ผมเองก็ไม่แน่ใจ..ว่าถ้าคุณลุงรู้แล้ว จะยอมรับลูกเขยที่ไม่ใช่หมออย่างผมได้ไหม..” กสิณตบบ่าคนที่อายุน้อยกว่าเบาๆแล้วทอดสายตามองไปยังลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง

“ถึงเธอจะไม่ใช่หมอ แต่เธอก็เป็นคนดีแล้วก็เป็นคนเก่งนะ..อาเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ยชญ์จะต้องยอมรับในตัวเธอ”

ธันย์หันมายิ้มให้จากใจจริงกับกสิณที่ให้กำลังใจเขา

“ขอบคุณครับ”

แต่สำหรับยชญ์แล้ว...

คนที่ทั้งเก่งและดีมากพอที่เขาจะยกรตาให้...คงจะมีแต่เพียงกวินท์คนเดียวเท่านั้น..

 -TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: mind223 ที่ 12-03-2013 16:08:24
ยชญ์ นายมัน  :fire: :fire: :fire: :fire: :fire:

 :m31: :m31:

หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Yuthaiz2 ที่ 12-03-2013 19:19:37
โอ๊ยยยย คุณพ่อ ร้ายยิ่งกว่านางร้ายละครหลังข่าวอีก
สงสารรัญชน์มากๆ น้ำตาจะไหล TT
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 12-03-2013 21:42:59
คือ ไม่แปลกใจเลย   ที่แม่ของรัชกับรตา  จะนอกใจไปมีคนอื่นเนี่ย  :เฮ้อ:
ในเมื่อสามีมันเป็นคนเห็นแก่ตัวขนาดดดดดดดดดดดดดดดดนี้    ใครมันจะไปทนอยู่ด้วยได้วะคะ?   :angry2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 12-03-2013 22:53:38
เอาพ่อไปเก็บเหอะ -*-  เสียอารมณ์  :z3:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 12-03-2013 23:14:03
เกลียดยศมากเลยคนเราต้องรู้จักให้อภัยสิ  :beat:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 12-03-2013 23:19:36
 :z6:เลวได้ใจมาก 
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 13-03-2013 17:47:00
         ตอนที่ ๑๐

 ทั้งที่คิดว่าตัวเองเคยชินกับความอ้างว้างโดดเดี่ยวที่อยู่ร่วมกันมานับสิบปีแล้ว...แต่ในเวลานี้รัญชน์กลับรู้สึกเจ็บปวดจนแทบลืมว่าจะหายใจต่อไปได้อย่างไร

ร่างบางดันตัวขึ้นจากเตียงที่กำลังนอน...

ภายนอกหน้าต่างนั้น ท้องฟ้าแลดูหม่นหมองไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของเขาทั้งที่ครั้งสุดท้ายที่เขายืนมองท้องฟ้ากับกวินท์ที่ชายทะเล มันยังสดใสและส่งผ่านความอบอุ่นให้กับหัวใจของเขาอยู่เลย

ความทุกข์มันกำลังแพร่ซ่านเข้าไปทุกอณูของความรู้สึก..

โลกของรัญชน์มันเปลี่ยนไปเสียแล้ว...

โลกที่ไม่มีกวินท์...

โลกที่รัญชน์ที่รัญชน์ไม่ได้มียชญ์เป็นพ่ออีกต่อไป...แต่คนที่เป็นพ่อของเขา คือคนที่รัญชน์เกลียดจับใจ

ร่างบางยกมือข้างที่ไม่เจ็บขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ น้ำตามันกำลังไหลทะลักออกมา ทุกหยาดหยดของมันคือความทุกข์ ความเจ็บปวดและความ อัดอั้นตันใจ...

รัญชน์สะอื้นกับความทุกข์ของตนเองจนร่างเล็กๆนั้นสั่นเทา

“กวินท์...คุณอยู่ที่ไหน...?”

เสียงนั้นครางถามแผ่วเบาราวคนพูดกำลังจะขาดใจ...

คุณบอกว่าจะดูแลผมตลอดไป…แล้วตอนนี้...คุณอยู่ที่ไหน...

คุณอยู่ที่ไหน...ตอนที่ผมต้องการให้คนอยู่เคียงข้างมากที่สุด...

คุณอยู่ที่ไหน...ตอนที่ผมต้องการอ้อมกอดของคุณมาปลอบประโลมหัวใจของผม...

คุณอยู่ที่ไหน...กวินท์...

รัญชน์ขยับลุกขึ้นจากเตียง ร่างเล็กพยายามเดินอย่างโซเซเพื่อไปหาคนรัก แต่เพราะอ่อนแรงมากเกินไป รัญชน์จึงเซล้มลงกับพื้น มือเล็กปัดถูกของที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงร่วงลงมาแตะกระจายอยู่กับพื้นข้างๆกัน

ความรู้สึกแรกคือเจ็บแปลบไปทั่วฝ่ามือข้างขวาที่ยันลงกับพื้น

รัญชน์กะพริบตามองมันก็พบกับเลือดที่ไหลซึมออกมาเพราะคมแก้วที่แตกเกลื่อนอยู่กับพื้น...

สายตาที่มองไปยังเศษแก้วพวกนั้นมันว่างเปล่า..ความเจ็บที่พวกมันทำร้ายร่างกายของรัญชน์มันไม่เท่ากับความทุกข์ที่รุมกัดทึ้งอยู่..

หยาดน้ำตาใสไหลร่วงลงอาบแก้ม รัญชน์ยิ้มให้กับตัวเองอย่างขมขื่น

ความคิดชั่ววูบมันแล่นผ่านเข้ามา..

รัญชน์เคยคิดอยู่เสมอว่าทำไมเขาต้องเกิดมาบนโลกใบนี้..

โลกที่ไม่มีใครต้องการเขา..แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันที่ไม่อยากอยู่ต่อบนโลกใบนี้ได้มากถึงเพียงนี้

ความทุกข์บงการให้รัญชน์เอื้อมมือไปจับเศษแก้วนั้นมา สายตาจับจ้องอย่างเหม่อลอย...

รัญชน์ยิ้มให้กับมันอย่างสิ้นหวัง

ริมฝีปากที่ซีดจางอ้าออกช้าๆ...รัญชน์กัดเศษแก้วชิ้นคมนั้นไว้และยกข้อมือขึ้นมาจ่อ

กวินท์...ผมจะไปหาคุณ...

หยาดเลือดสีแดงไหลลงไปตามข้อมือเล็ก...หยดลงกับกระเบื้องสีขาวพร้อมหยาดน้ำตาของความเจ็บปวด...

รัญชน์หลับตาลงช้าๆ เขาเอนหัวพิงกับผนัง..

เศษแก้วที่รัญชน์ใช้กรีดข้อมือของตัวเองร่วงลงไปที่หน้าตักขณะที่เลือดยังคงรินไหลออกมาไม่หยุด..พร้อมกับลมหายใจของรัญชน์ที่แผ่วเบาลง

กับหัวใจที่กำลังจะตาย..

รอผมด้วยนะ...กวินท์...

บางที...ความรักมันก็สร้างความทุกข์แสนสาหัสให้กับผู้ที่มีความรัก แต่อย่างน้อย..ความทุกข์นั้นก็มิสมควรเกิดจากผู้อื่น

กสิณคิดเช่นนั้น

หากแต่ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ทำร้ายลูกชายและคนรักของลูกชาย เขาก็ต้องทำร้ายเพื่อนรักซึ่งมีบุญคุณกับเขาและครอบครัว...

คิดแล้วก็หาทางออกกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย กสิณยกมือขึ้นมาบีบขมับที่ตึงเครียดแล้วพรูลมหายใจออกช้าๆ

เมื่อเช้านี้หลังจากที่ธันย์มาเยี่ยมกวินท์แล้ว เขากับภรรยาก็แวะขึ้นไปเยี่ยมรัญชน์อีกครั้งพร้อมกับธันย์ที่บอกว่าจะขึ้นมาอยู่เฝ้ารัญชน์

แต่พวกเขาก็ต้องพบว่าเด็กหนุ่มนั้นทำร้ายตัวเองไปเสียแล้ว

หลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่นานหลายชั่วโมง ที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือกองข้าวของของกวินท์และรัญชน์ ไม่ว่าจะกระเป๋าเงิน มือถือ กุญแจรถ นาฬิกาข้อมือและคีย์การ์ดใบหนึ่ง..

ทุกอย่างมันเป็นของที่คู่กันหมด..แค่ดูก็รู้ว่าทั้งสองคนเปลี่ยนทุกสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันให้ใช้ของเหมือนกัน

ชายสูงวัยเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินใบหนึ่งมาเปิดดู สิ่งที่อยู่ในนั้นก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเอาไว้สักเท่าไหร่

มันมีรูปของทั้งสองที่ถ่ายคู่กันถูกสอดเอาไว้ รูปที่ทั้งคู่มีรอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่นไม่ต่างอะไรกับภาพถ่ายที่มีอยู่ในมือถือทั้งสองเครื่อง มันเป็นรอยยิ้มของความสุข..ที่ทำอย่างไรกสิณก็ทำใจให้ทำลายมันไม่ลง..

“คุณ...ผมจะไปห้องของกวินท์หน่อย..คุณจะไปกับผมไหม?”

กรุณีที่เพิ่งจะเดินเข้ามาชะงักเล็กน้อยด้วยความสงสัย สามีของเธอพับกระเป๋าเงินที่นั่งมองอยู่วางไว้บนโต๊ะตามเดิมและหยิบเอาคีย์การ์ดมาถือไว้พร้อมกับกุญแจรถของเขาเอง

“คุณจะไปทำไมคะ? นี่มันก็ค่ำแล้วนะ” แม้จะถามออกไปอย่างสงสัย แต่เธอก็หยิบเอาโค้ทสีเข้มมาส่งให้กับสามีและหยิบของตัวเองมาสวม

แต่กสิณก็ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ

ที่พักของกวินท์นั้นอยู่ในละแวกเดียวกับโรงพยาบาล กสิณขับรถออกมาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงที่หมาย เขากับภรรยาเดินขึ้นไปบนห้องพักของกวินท์อย่างไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่เพราะหลังจากที่ซื้อห้องชุดที่นี่ให้เป็นของขวัญแก่กวินท์ตอนเรียนจบกลับมาและตอนที่กวินท์ไม่สบายล้มป่วยจับไข้เพราะโหมทำงานหนัก เขากับภรรยาก็ไม่เคยได้มาที่นี่อีก ถือว่าเป็นอาณาเขตส่วนตัวของลูกชายที่พวกเขาไม่ควรเข้ามายุ่งย่าม แต่ในวันนี้...เขาอยากหาคำตอบให้กับความสับสนวุ่นวายที่มันพัดฟุ้งในใจ

กสิณเชื่อว่ากวินท์กับรัญชน์คงจะอยู่ด้วยกันที่นี่

และมันก็เป็นอย่างที่ชายสูงวัยคาดคิดเอาไว้

ภายในห้องที่เก็บกวาดและจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบสมกับเป็น ลูกชายของเขา ดูมันอบอุ่นขึ้นมากกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้ก้าวเข้ามา ราวกับความเงียบเหงามันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกพิเศษที่กสิณสัมผัสได้

“ลูกเราอยู่กับรัญชน์ที่นี่หรอคะคุณ?” กสิณหันไปตามเสียงของภรรยาที่กำลังยกรูปถ่ายของเด็กทั้งสองขึ้นมามอง เขาเดินไปหาและมองรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากรูปก่อนๆที่เขาเคยได้ยินก่อนจะครางตอบเสียงแผ่ว

“ผมคิดว่าอย่างนั้น...”

เขาทั้งสองมองไปรอบๆห้อง และเห็นของใช้หลายชิ้นวางจัดเอาไว้อย่างลงตัว บางสิ่งมันเป็นของที่เขาคิดว่าไม่ใช่ของใช้ของลูกชายของพวกเขาอย่างแน่นอน อาทิพวกขาตั้งวาดรูปหรือหนังสือภาพศิลปะต่างๆ

และที่กสิณสังเกตเห็นได้คือพวกกระถางต้นไม้ที่กวินท์ไม่เคยนำเอามาวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นที่นี่หรือห้องนอนที่บ้าน ลูกชายของพวกเขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะดูแลพวกมันให้เขียวสดชอุ่มอยู่เสมอเพราะเอาเวลาทั้งหมดไปดูแลคนเจ็บป่วย คนที่นำมันมาวางไว้และเลี้ยงดูจนต้นไม้พวกนี้เพิ่มสีสันให้กับห้องที่ว่างเปล่าของกวินท์ก็คงจะหนีไม่พ้นรัญชน์เป็นแน่

ทั้งสองคนเดินไปรอบๆห้องและมองดูด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในอก จนกระทั่งกรุณีหยุดยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือภายในห้องน้ำ น้ำตาของเธอก็รินขึ้นมาคลอที่หน่วยตาจนต้องยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปเมื่อเห็นเงาของสามีเดินเข้ามาจากด้านหลังสะท้อนเข้ามาในกระจก เธอสูดจมูกน้อยๆก่อนชี้นิ้วไปยังของที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบบนเคาน์เตอร์หินแกรนิตของอ่างล้างหน้า...แปรงสีฟันสองอันกับแก้วมัคสีขาวดำสองใบ

“พวกเขาวางไว้เหมือนกับของเราเลยนะคะ”

กรุณีบอกเมื่อสามีเดินเข้ามาจับบ่าของเธอไว้และมองของสองอย่างนั้นด้วยสายตาที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

“ถึงฉันจะไม่เคยเห็นพวกเขาใช้มันด้วยกัน แต่พอมองแล้วฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กสองคนนั่น...อาจไม่มีวันที่ได้แปรงฟันด้วยกันทุกเช้าอย่างที่เคยเป็นอีก...อยู่ดีๆน้ำตามันก็ไหลออกมา” เธอบอกเสียงเครือเหมือนกับจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งขณะอิงหัวลงกับบ่าของสามีที่โอบแขนกอดเธอไว้

จากที่หวั่นไหวไปกับคำพูดของยชญ์..กรุณีในตอนนี้กลับรู้สึกไม่อยากทำลายความรักของลูกชายเลยแม้แต่น้อย

หากเพียงหลงใหล..มิใช่รักใคร่กันจากใจจริงแล้ว

สถานที่เล็กๆแห่งนี้ของเด็กทั้งสองคนนั้น..คงไม่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและละมุนละไมไปด้วยความรักจนทำให้เธอสัมผัสได้ถึงเพียงนี้...

กรุณีสูดลมหายใจลึกๆ เธอขยับตัวหันกลับมากอดสามีเอาไว้และเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาอย่างสับสน..

ภาพของรัญชน์ที่กรีดข้อมือจนเลือดอาบไปทั่วนั้นยังคงติดตาเธออยู่อย่างชัดเจนเหมือนกับชื่อของลูกชายที่รัญชน์เรียกซ้ำไปซ้ำมาตอนพวกเขาถลาเข้าไปหา เสียงอ่อนระโหยที่ดังแผ่วเบาอย่างคนสิ้นหวัง..

หากแค่เผลอไผลไม่ใช่รักใคร่กันอย่างแท้จริงแล้ว..มันจะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน...แล้วลูกชายของพวกเขาล่ะ...ถ้าหากพวกเขาบอกว่ารัญชน์นั้นตายไปแล้วอย่างที่ยชญ์ขอร้องไว้...

กวินท์จะมีสภาพอย่างไร...

จะเป็นเหมือนกับรัญชน์หรือเปล่า...

กรุณีกลัวจับใจนักว่าลูกชายของเธอจะคิดสั้นไม่ต่างกัน...

“เราจะทำยังไงดีคะคุณ...?”

บางครั้ง..คำที่ใช้ถาม..มันก็ง่ายกว่าคำที่ใช้ตอบนัก..

กสิณยังคงหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้ เขากับภรรยากำลังยืนมองยชญ์ทะเลาะอยู่กับผู้เป็นลูกสาวที่หน้าห้องพักของรัญชน์

ถึงแม้จะปลอดภัยแล้ว แต่บาดแผลที่รัญชน์ทำร้ายตัวเองหวังที่จะฆ่าตัวตายนั้น..ก็ส่งผลให้รัญชน์อาจใช้มือข้างนั้นเหมือนเก่าอีกไม่ได้ทั้งชีวิต

หากหายดี...เด็กคนนั้นก็จะมีบาดแผลทางใจไม่ต่างอะไรกับลูกชายของเขา...

โชคชะตาผูกกันอย่างน่าตลก ถ้าเขาทำตามความต้องการของยชญ์เพื่อนรักแล้ว เด็กทั้งสองไม่ได้เสียแค่คนที่ตัวเองรัก แต่จะเสียงานที่ตัวเองรักไปพร้อมๆกันด้วย..

รึบางที..สวรรค์..อาจอยากให้เขาสงสารเด็กทั้งสองคน

ยอมให้พวกเขารักกัน..เพื่อที่เด็กทั้งสองจะได้แค่สูญเสียงานที่รักไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

เสียงที่ยชญ์ทะเลาะกับรตามันเงียบลงไปแล้ว..การทะเลาะของพ่อลูกที่กินเวลากว่าครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็จบลงได้เสียที

แต่มันคงไม่ใช่การหยุดที่จบลงด้วยความเข้าใจกัน เพราะเมื่อเงยหน้ามองไปแล้ว กสิณก็ได้เห็นสีหน้าไม่พอใจของยชญ์และรตาเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก ใบหน้าสะสวยของเธอมีน้ำตาไหลคลออยู่ เรียวปากบางขบเม้มราวกับต้องการสะกดกั้นคำพูดที่อยากเถียงผู้ให้กำเนิดออกไป แต่ก็ยอมยุติเพราะไม่อยากต่อความอะไรทำนองนั้น

กสิณขยับตัวอย่างอึดอัดใจเมื่อเห็นยชญ์กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากลูกสาวเดินมุ่งหน้ามาหาเขากับภรรยา

“รัญชน์เป็นยังไงบ้าง?” ยชญ์ชักสีหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อเขาถามออกไปเช่นนั้น ถึงแม้เจ้าตัวจะรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ แต่คนที่มองอยู่อย่างกสิณและกรุณีก็สังเกตเห็นมันไปเสียแล้ว

“นายไม่ต้องไปใส่ใจกับไอ้เด็กนั่นหรอก มันก็แค่..เรียกร้องความสนใจเท่านั้น” กสิณแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยสักนิดว่านี่จะเป็นคำพูดที่หลุดจากปากเพื่อนรักที่คบกันมานานกว่าสี่สิบปีของเขา

เพราะสิ่งที่เขาเห็น..มันเกินกว่าคำที่จะพูดได้ว่ารัญชน์นั้นทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” กสิณบอกกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ยชญ์พ่นลมหายใจออกก่อนจะเอ่ยเสียงเยาะ

“ถ้ามันคิดจะตายจริง ก็คงไม่ได้อยู่สร้างปัญหาให้ฉันหนักอกต่อแบบนี้หรอก” ยชญ์ว่าอย่างนั้นแล้วทำท่าจะเดินไป แต่ก็ชะงักแล้วหันมามองหน้ากสิณด้วยสายตากึ่งบังคับ

“อ่อ..แล้วนายกับกรุณีไม่ต้องเสียเวลามาเยี่ยมไอ้เด็กนี่หรอกนะ เดี๋ยวจะใจอ่อนอย่างที่ไม่ควรเอาเสียก่อน ตัดไฟยังไงก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้มีลมมาตีให้มันปะทุขึ้นมาอีก ถือว่าฉันขอร้องล่ะ”

ยชญ์ตบบ่าเขาแล้วเดินจากไป กสิณถอนหายใจและมองหน้าภรรยาของตัวเองก่อนหันกลับมาหารตาและธันย์ที่เดินเข้ามาหา

“คุณอาคะ..”

“รัญชน์เป็นยังไงบ้าง?” กสิณถามอย่างห่วงใย สีหน้าของรตาเองก็ยังไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอถอนหายใจช้าๆก่อนจะตอบเขา

“ได้สติแล้วค่ะ...เห็นพยาบาลบอกว่าไม่ยอมพูดไม่ยอมทานยาเอาแต่ร้องไห้อยู่ตลอด”

“พยาบาลบอก? หนูไม่ได้เข้าไปดูรัญชน์เองหรอรตา?”

กรุณีถามอย่างสงสัย เด็กสาวพยักหน้าตอบเธอ

“ค่ะ...พ่อไม่ยอมให้หนูกับพี่ธันย์เข้าไปหารัญชน์ ที่ห้องก็มีบุรุษพยาบาลคอยเฝ้ากันพวกหนูไม่ให้เข้าไป หนูว่าพ่อคงกลัวหนูกับพี่ธันย์ บอกความจริงเรื่องกวินท์กับรัญชน์”

“ตายจริง...”

กรุณีรำพันแผ่วเบา เธอยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองขณะที่มองไปที่ห้องพักฟื้นของรัญชน์และเห็นบุรุษพยาบาลยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง

“งั้นอาจะเข้าไปเอง”

“เปล่าประโยชน์ครับ...คนของคุณลุงยชญ์ไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลย แม้แต่คุณอาทั้งสองก็ถูกห้ามด้วยเหมือนกันครับ”

ธันย์บอกด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยใจกับการกระทำของยชญ์ กสิณได้แต่มองหน้าภรรยาด้วยความหนักใจ

“ถ้าอย่างนั้น..เราลงไปที่ห้องข้างล่างกันก่อนดีกว่าไหม?”

กสิณเอ่ยชวนและพาทุกคนกลับลงมายังห้องพักฟื้นของกวินท์ที่อยู่ด้านล่างก่อนจะพบว่ายชญ์ที่เดินจากมาเมื่อสักครู่นั้นอยู่ภายในห้องพักฟื้นของกวินท์อยู่ก่อนแล้ว

และที่สำคัญ..กวินท์นั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว

“ก็อย่างที่ลุงบอกไป...รัญชน์จากไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่กวินท์จะคิดถึงเด็กคนนั้นอีก เด็กคนนั้นคงไม่ชอบแน่ ถ้าเห็นกวินท์ต้องเสียใจ”

ยชญ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เป็นการโกหกที่ทำให้ทั้งสี่คนแทบไม่อยากเชื่อเลยสักนิดว่าคนอย่างเขาจะเห็นแก่ตัวทำได้ถึงขั้นนี้..

รตาที่โมโหเป็นทุนเดิมอยู่แล้วขยับเข้าไปพร้อมที่จะบอกความจริงให้กวินท์รู้ แต่ก็ถูกกสิณกันเอาไว้

“คุณอา..?”

รตาครางเสียงเบาอย่างสงสัยที่เห็นกสิณห้ามเธอเอาไว้

ขณะที่กสิณนั้นมองไปยังลูกชายของตัวเองและจับจ้องทุกปฏิกิริยานั้น กวินท์รับรู้การจากไปของคนรักด้วยความสงบ ต่างจากรัญชน์โดยสิ้นเชิง

ยชญ์แอบลอบยิ้มในใจ

เขาเดินกลับออกมาตรงจุดที่ทุกคนยืนอยู่หน้าประตูและดันประตูปิดเพื่อไม่ให้กวินท์ที่อยู่ด้านในห้องได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา

“เห็นหรือเปล่า..กวินท์ไม่ได้รักรัญชน์จริงอย่างที่ทุกคนคิดหรอก ฉันบอกนายแล้วกสิณ..มันก็แค่ความเผลอไผลเท่านั้น..” ยชญ์ว่าอย่างพึงพอใจและเดินกลับออกไปเมื่อบรรลุจุดประสงค์ของตน

“ไม่จริงหรอกนะคะคุณอา..กวินท์กับรัญชน์น่ะรักกันจริงๆนะคะ”

รตาเถียงเสียงเบาก่อนถูกกสิณยกมือปราม ชายสูงวัยหันมาหารตากับธันย์ด้วยสายตาครุ่นคิด

“อามีเรื่องจะขอร้องทั้งสองคน...อาอยากให้อย่าเพิ่งบอกความจริงกับกวินท์ว่ารัญชน์ยังมีชีวิตอยู่ ได้ไหม?”

“ทำไมล่ะคะ?” ไม่เพียงแต่รตาเท่านั้นแต่กรุณีกับธันย์ที่ยืนฟังเองก็สงสัยไม่แพ้กัน กสิณถอนหายใจช้าๆ

“อาอยากแน่ใจว่ากวินท์รักรัญชน์จริงๆ..ถ้าเป็นแค่เผลอไผลล่ะก็ปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าใจแบบนี้มันก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้”

“หนูยืนยันได้ค่ะคุณอา..ว่าทั้งสองคนรักกันจริงๆ”

รตาเน้นเสียงหนักในทุกคำพูดของเธอ
(ต่อ)
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.9 (Update 12/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 13-03-2013 17:48:18

ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคนที่เกือบจะทำลายความรักของน้องชายลงไปโดยไม่รู้ตัว มันเป็นตราบาปที่อยู่ในใจของเธอมาโดยตลอด และเธอก็อยากจะรักษารอยยิ้มของน้องชายที่เธอได้เห็นอีกครั้งเพราะได้ความรักนี้ให้คงอยู่ตลอดไป ไม่อยากให้ใครทำลายมันลงเลยสักนิด

“อาอยากให้เด็กทั้งสองคนเป็นคนพิสูจน์ให้เราได้เห็น ว่าเขารักกันแค่ไหน..รตา..แค่คำพูดน่ะ ไม่สามารถทำให้พ่อของหนูเข้าใจหรอกนะ ว่าพวกเขารักกันจริงและรักกันมากแค่ไหน.. เราต้องให้พวกเขาพิสูจน์ให้พวกเราและพ่อของหนูได้เห็น ได้สัมผัสในความรักที่มาจากใจจริงของพวกเขา และอาก็เชื่อว่าถ้าพวกเขารักกันจริง เขาจะผ่านบททดสอบครั้งนี้ได้”

ใจของรตาค่อยเย็นลงบ้างเมื่อได้ยินคำอธิบายจากกสิณ

เธอพยักหน้าอย่างยอมรับและหันไปหาธันย์ที่เข้ามาจับไหล่เธอเอาไว้และกล่าวเห็นด้วยกับกสิณ

“ผมเองก็คิดอย่างคุณอาครับ” ธันย์ว่า

“แต่เวลานี้มันเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางของทั้งสองคนมาก โดยเฉพาะรัญชน์..อากลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง..ยังไงก็อยากให้หนูกับธันย์เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลนี่ก่อนจะได้ไหม ถึงจะเข้าไปในห้องของรัญชน์ไม่ได้ แต่อยู่ที่นี่มีอะไรก็มาหากันได้เร็วกว่าที่จะกลับไปที่บ้านนะ ไปพักที่ห้องพักของกวินท์ก็ได้ ตรงด้านนอกระเบียงชั้นวีไอพีนั่นน่ะ ห้องนั้นยังว่างอยู่ แล้ววันนี้พวกหนูก็ไปพักกันก่อนเถอะ ส่วนกวินท์พวกอาจะจัดการเอง”

“ค่ะคุณอา..ขอบคุณมากนะคะ..”

รตาบอกหลังจากรับกุญแจห้องที่กสิณยื่นมาให้ ก่อนจะค้อมศีรษะให้กับกสิณและภรรยาก่อนจะยืนส่งพวกเข้ากลับเข้าไปในห้องพักฟื้นของกวินท์อีกครั้ง ธันย์เอื้อมมือไปจับมือเธอไว้ ทั้งสองคนเดินกลับขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน เมื่อต้องผ่านหน้าห้องของรัญชน์ รตาก็อดไม่ได้ที่จะมองผ่านประตูนั้นเข้าไปหาน้องชายของเธอและหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

ภาพของน้องชายที่นอนลืมตาอยู่ แม้จะเห็นในระยะไกล แต่รตาก็รู้ได้ทันทีว่ารัญชน์กำลังร้องไห้อยู่

หยาดน้ำตาใสๆมันไหลกลิ้งลงมาสะท้อนกับแสงไฟตรงหัวเตียงที่พยาบาลเปิดทิ้งเอาไว้

“รัญชน์..” รตาครางเสียงเบาจนธันย์ต้องเข้ามาโอบกอดเธอเอาไว้และกระซิบบอก

“มีพยาบาลคอยเฝ้าอยู่ คงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ..พี่จะพาเธอไปพักก่อนนะรตา” รตายอมเดินตามแรงจูงของธันย์ไปยังระเบียงด้านนอกเพราะบุรุษพยาบาลที่พ่อของเธอสั่งให้มาเฝ้านั้นทำท่าจะเดินมาไล่

“มีเตียงเดียวเองแหะ..งั้นเธอนอนพักไปก่อนก็แล้วกัน อยากได้เสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือเปล่า พี่จะได้ขับรถไปเอาที่บ้านมาให้?”

รตาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆแล้วทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้

“พี่ให้ฉันนอนพักแล้วพี่ล่ะ ไม่นอนหรอ?”

ช่วงที่ผ่านมานี้ทั้งเธอกับคนรักแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนพอๆกัน ความอ่อนเพลียมันเกาะกินทั้งร่างกายพอๆกับที่ความอ่อนล้ามันเกาะกินจิตใจ ธันย์ส่งยิ้มอบอุ่นให้กับเธอ มือใหญ่วางลงกลางศีรษะและโยกไปมาอย่างหยอกล้อ

“เตียงมันแคบ เธอนอนไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปงีบตรงโซฟาของล็อบบี้ข้างล่าง มีอะไรก็โทรไปเรียกแล้วกัน” ได้ยินคำพูดของคนรักแล้ว รตาก็หันมองไปที่เตียงก่อนหันกลับมาอีกครั้ง

“งั้นพี่ก็นอนกับฉันที่นี่นั่นแหละ ฉันนอนไม่ดิ้นหรอก แล้วอีกอย่าง..เราเป็นคนรักกันนะ..ฉันเชื่อใจพี่” ธันย์หัวเราะเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปด้านในห้องน้ำ เสียงน้ำไหลดังซ่าๆขณะที่รตายกมือขึ้นมาทุบไหล่ตัวเองอย่างเมื่อยล้า ไม่นานนักคนรักของเธอก็เดินออกมาพร้อมอ่างน้ำเล็กๆและผ้าผืนสะอาด

“เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง”

ธันย์ว่าแล้วยกผ้าขนหนูขึ้นมาบิดจนหมาดและใช้ผ้านั้นค่อยๆเช็ดหน้าให้กับรตา หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ

เรียกได้ว่าเป็นรอยยิ้มแรกหลังจากเกิดเรื่องก็ว่าได้

“ขอบคุณนะคะ”

ธันย์รับรู้ได้ว่าคำขอบคุณของเธอนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเช็ดหน้าให้กับเธอ แต่เป็นคำขอบคุณที่เขาอยู่เคียงข้างเธอในยามนี้เสียมากกว่า รตาจับมือเขาไว้และดึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กนั้นวางกลับไปที่อ่างก่อนลุกขึ้นยืน อ้อมแขนของเธอสวมกอดเขาไว้

“ขอบคุณมากจริงๆ..” เสียงของเธอกระซิบบอกแผ่วเบาขณะที่ศีรษะอิงลงกับบ่ากว้าง..ธันย์คลี่ยิ้มน้อยๆแล้วกอดตอบเธอไว้

“พี่จะทิ้งให้เธออยู่กับเรื่องพวกนี้คนเดียวได้ยังไงกัน..”

“ลุงเสียใจที่ต้องบอกว่า..รัญชน์ตายแล้ว..”

“แต่กวินท์ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ..อุบัติเหตุมันเป็นเรื่องที่ใครก็คาดไม่ถึงทั้งนั้น..”

“ก็อย่างที่ลุงบอกไป...รัญชน์จากไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่กวินท์จะคิดถึงเด็กคนนั้นอีก เด็กคนนั้นคงไม่ชอบแน่ ถ้าเห็นกวินท์ต้องเสียใจ”

ปฏิกิริยาที่ได้ยินว่าคนรักนั้นเสียชีวิตแล้วของกวินท์ช่างแตกต่างจากรัญชน์นัก แต่ก็ใช่ว่ากวินท์จะไม่รู้สึกอะไรเหมือนกับที่แสดงออกมา...

ภายในหัวใจของกวินท์มันกำลังอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ความเจ็บปวดมันมีมากมายจนแม้กระทั่งน้ำตายังไม่ยอมไหลรินออกมา..

โกหก...ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหกใช่ไหม..

กวินท์วนเวียนถามตัวเองซ้ำๆเช่นนั้น

เขาแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางร่างกายเลยสักนิด...หัวใจมันก็เหมือนกำลังจะหยุดเต้นเพียงเพราะคำพูดนั้น..

รัญชน์ตายแล้ว...

คนรักของเขาตายแล้วจริงๆอย่างนั้นหรือ?

“กวินท์...ลูกเป็นยังไงบ้าง?”

กรุณีเดินเข้ามาหา มือของเธอเอื้อมมาลูบแก้มลูกชายอย่างห่วงใย แต่กวินท์ไม่ได้ตอบคำถามของแม่ ไม่แม้แต่จะเหลือบตามามองพวกเขา...

แววตาคู่คมนั้นว่างเปล่าจนกรุณีใจคอไม่ดีนัก

“กวินท์...”

ริมฝีปากของกวินท์ขยับเล็กน้อย ทั้งกสิณและกรุณีต่างก็จ้องมองลูกชายด้วยความเป็นห่วง

“ระ..รัญชน์..ตายแล้ว..หรอครับ...?”

เสียงของกวินท์ช่างแหบแห้ง..และน้ำเสียงแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ กรุณีอึกอักไม่กล้าตอบ เธอเงยหน้ามองสามีที่ถอนหายใจช้าๆ

กสิณขยับเอื้อมมือไปแตะไหล่ของลูกชาย

“กวินท์...ถ้ามันเป็นเรื่องจริง...ลูกจะทำยังไง..?”

ความเงียบเข้าครอบคลุม...กวินท์ปิดเปลือกตาลงช้าๆ

“ขอผม...อยู่คนเดียวนะครับ...”

ลูกชายของพวกเขาอาจต้องใช้เวลาทำใจและขบคิด กสิณมองหน้าภรรยาแล้วพยักหน้าช้าๆ ถึงจะลังเลแต่กรุณีก็ยอมเดินออกมาพร้อมกับกสิณ

เมื่อทั้งสองมองกลับเข้าไปในห้อง ผ่านกระจกสี่เหลี่ยมบานเล็กตรงบานประตู...ก็ได้เห็นว่าลูกชายของพวกเขายังคงนอนนิ่งอยู่เช่นนั้น

“คุณว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่คะ?”

กสิณถอนหายใจช้าๆ มือของเขาเลื่อนขึ้นมาโอบภรรยาไว้โดยที่สายตายังคงมองไปยังลูกชายคนเดียวของพวกเขา

“ผมคิดว่า...คุณก็รู้นะว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่”

กรุณีไม่ปฏิเสธในคำพูดของสามีเลย เธอคิดว่าลูกชายคงกำลังจะคิดถึงคนรักที่เข้าใจว่าจากตัวเองไปแล้ว ทั้งที่รัญชน์นั้นยังมีชีวิตอยู่

ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงเพดานกับพื้นกัน แต่ความรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกันคนละโลกเพียงเพราะคำโกหกของยชญ์เท่านั้น...

ทว่า...คำโกหกนั้นจะพาให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองต้องแตกสลายลงไปหรือไม่...จากนี้ไปก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับความมั่นคงของหัวใจที่เด็กทั้งสองคนมีให้แก่กันเท่านั้น...

ผู้ใหญ่อย่างพวกเธอ...ก็คงได้แต่ภาวนาให้เรื่องทุกอย่างไม่เลวร้ายเกินไปจากที่หวังไว้..

สิ่งที่กวินท์คิด...หาใช่แค่คิดถึงรัญชน์เท่านั้น...แต่มันมีทั้งความสิ้นหวังและปวดร้าวอยู่ในห้วงของความคิดนั้นมากมาย

มากมายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แม้กระทั่งตัวของกวินท์เอง

น้ำตา...หากมันไหลหยดลงมาก็คงจะบรรเทาความทุกข์ให้เจือจางลงไปได้บ้าง...

แต่นับตั้งแต่นาทีที่รู้ว่าคนรักของเขาได้จากไปแล้ว...น้ำตามันก็แห้งเหือดไปจากใจของกวินท์...ราวกับสายฝนที่จะไม่มีวันได้โปรยปรายลงมา...

หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง

รัญชน์ของเขา...ไร้ซึ่งลมหายใจแล้วเช่นนั้นหรือ...

หากคุณจากโลกนี้ไปแล้วจริง...

ทำไมถึงทิ้งผมไว้ในโลกที่ไม่มีคุณ..

กวินท์แทบไม่รู้สึกถึงอาการบาดเจ็บต่างๆของร่างกายเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดมันอยู่ภายในใจ มันเป็นความเจ็บปวดเกินคณนา

ทั้งที่เขา...กับรัญชน์...เพิ่งจะได้เริ่มต้นความรักที่เฝ้าคอยมานาน แต่เหตุใดกัน...เรื่องมันถึงกลายเป็นเช่นนี้

กวินท์ยันกายขึ้นมาช้าๆ แวบแรกที่ลงน้ำหนักกับมือข้างขวาก็ต้องพบว่ามันเจ็บร้าวขึ้นมาจนต้องหันไปมอง กวินท์ตระหนักได้ในตอนนั้นเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา นอกจากรัญชน์ที่เขาต้องสูญเสียไปแล้ว เขาก็ต้องเสียมือข้างที่เป็นเหมือนชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน

ไม่สิ...บางทีอาจไม่เป็นเช่นนั้น

รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรฝืนร่างกาย แต่กวินท์ก็พยายามจะขยับนิ้วมือข้างที่บาดเจ็บ...แต่มันก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง ราวกับมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งในร่างกายของกวินท์อีกต่อไป และยังนำพามาซึ่งความเจ็บมากกว่า

“โธ่เว้ย!” กวินท์สบถออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มือข้างซ้ายทุบลงกับพื้นเตียงจนมันสะเทือน ก่อนที่เขาจะใช้มือข้างนั้นยกขึ้นมาลูบใบหน้าของตนเองและสูดลมหายใจลึกๆ กวินท์ค่อยๆยกมือข้างขวาขึ้นมาอีกครั้งแม้จะฝืนมากเพียงใด

สายตาคมมองไปที่มันอย่างเศร้าหมอง...คำพูดที่ครั้งหนึ่งคนรักเคยพูดกับเขามันย้อนกลับมาอีกครั้ง

ในวันนั้นกวินท์เผอเรอทำมีดบาดนิ้วตัวเองขณะที่ล้างจานอยู่คนรักของเขาที่กำลังทำอาหารค่ำรีบถลาเข้ามาหาและดึงเขาไปนั่งที่โต๊ะก่อนจะหายไปและกลับมาพร้อมกับพลาสเตอร์และยาใส่แผล

“คุณเป็นศัลยแพทย์นะ...มือของคุณมีค่าเท่ากับชีวิตคนไข้อีกนับพัน...ระวังอย่าทำให้มือข้างนี้บาดเจ็บอีกนะ”

รัญชน์บอกแล้วลูบมือข้างนั้นของเขาเบาๆ กวินท์รู้สึกได้ถึงทั้งความห่วงใย ความรักและความภาคภูมิใจของคนรักที่ส่งผ่านมาได้เป็นอย่างดี

แต่วันนี้รัญชน์จะรู้บ้างไหม...ว่าการที่เขาสูญเสียมือที่แสนมีค่าข้างนี้ไป กวินท์ไม่รู้สึกเสียใจเท่ากับเสียรัญชน์ไปเลยสักนิด...

เพราะสิ่งเดียวที่มีค่าในชีวิตของกวินท์...ก็คือรัญชน์...

รัญชน์...ผมอยากให้คุณอยู่เคียงข้าง...

ผมอยากจะคว้าคุณมากอดอีกครั้ง...

แต่คุณจากผมไปอยู่ในที่ไกลแสนไกล...

ผมต้องทำยังไง...

เราถึงจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง...

รัญชน์...

กวินท์นั่งก้มหน้าอยู่พักใหญ่ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังข้างนอกหน้าต่าง...

ท้องฟ้าข้างนอกมันมืดมิด...

แม้จะมีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องแต่มันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของกวินท์แม้แต่น้อย..ศัลยแพทย์หนุ่มเหม่อมองดูท้องฟ้าที่ไร้ดาว...

รัญชน์...คุณอยู่ที่นั่นใช่ไหม...

คุณต้องจากไปตามลำพังแบบนั้น...เหงาหรือเปล่าคนดี...

ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ...เดินออกไปนอกระเบียงคล้ายคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในความคิด จมอยู่กับความทุกข์ที่ไม่อาจแบกรับได้...

อย่าเหงาเลยนะที่รักของผม...ผมจะไปหาคุณ...

เมื่อเราพบกันอีกครั้ง...ช่วยยิ้มให้ผม...และผมจะกอดคุณไว้ด้วยสองมือของผม...

เราจะไม่จากกันอีก...ชั่วนิรันดร์...

หากรัญชน์เป็นต้นไม้...ก็คงจะเป็นต้นไม้ที่มันยืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งกว้าง...ไม่มีผู้ใดสนใจ ไม่มีผู้ใดใส่ใจ ได้แต่รอคอยว่าสักวันฝนจะตกลงมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้เมื่อไหร่

และกวินท์...ก็คือสายฝนอันอบอุ่นที่หล่อเลี้ยงชีวิตของต้นไม้ที่ น่าสงสารต้นนั้น...ความรักของกวินท์คืนชีวิตให้กับรัญชน์เหมือนที่สายฝนคืนชีวิตให้กับต้นไม้...

ทว่า...เมื่อใดที่สายฝนจางหายไปจากโลกนี้...

ต้นไม้ก็ไม่อาจจะหยั่งรากยืนต้นได้อีกต่อไป...

เมื่อชีวิตของกวินท์ไม่มีอีกแล้วบนโลกใบนี้...รัญชน์ก็ไม่อยากแล้วที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออย่างเดียวดาย

เช่นเดียวกัน..หากไม่มีรัญชน์อยู่บนโลกใบนี้แล้ว

กวินท์ก็ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เช่นกัน

-TBC-

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นส์ด้วยจากใจจริง
ยังไงแวะไปพูดคุยหรือติดตามข่าวสารต่างๆได้ที่ http://facebook.com/zynestrasfix (http://facebook.com/zynestrasfix) นะคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.10 (Update 13/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 13-03-2013 17:55:55
 :o12: :o12: :o12: :o12:
เมื่อไหร่จะหายเศร้าาาาาาาา แงๆ  อยากได้หวานๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.10 (Update 13/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 13-03-2013 18:45:22
ติดเรื่องนี้มากมาย สงสารทั้งคู่ เกลียดอีพ่อ -*-
 :z3:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.10 (Update 13/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: followme ที่ 13-03-2013 21:45:04
 :sad11: โอ๊ยยยยยย ดราม่าโครตตตตตตตตตต
เมื่อไหร่จะแฮปปี้ซะทีหล่ะคะ สงสารทั้งรัญชน์ ทั้งกวิน
คนเขียนมาลงหลายๆตอนไม่ได้เหรอคะ
เห็นที่บอร์ดนู้นลงถึงตอน 14 แล้วอ่ะ ขาดตอนม๊ากกกกกกกกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.10 (Update 13/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 13-03-2013 22:58:14
ไม่เอานะไม่ใช่กวินท์จะตายตามรัญชน์ที่ตายเพราะคำโกหกนะ...
เศร้ามากกกกกกกกแบบมากจริงๆทำให้รู้สึกว่าเออผู้ใหญ่ในสังคมมีแบบนี้จริงๆ
เค้าว่ากันว่าฟ้าหลังฝนยอมดีใช่มั้ยคะ?
ขอให้กวินท์กับรัญชน์มีความสุขเร็วๆช่วงนี้ก็คงช้ำๆปวดใจกันไปก่อนแง
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.10 (Update 13/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 13-03-2013 23:29:24
ขอให้ยชนะแหละตาย!!!(อินไปหน่อยน่ะค่ะ)
เป็นกำลังใจให้รัญชน์และกวินทร์นะคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.10 (Update 13/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 16-03-2013 13:59:20
         ตอนที่ ๑๑

 

พยาบาลที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงของรัญชน์ขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่าคนที่เธอเฝ้าอยู่นั้นนอนหลับไปแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกไป รัญชน์ที่นางพยาบาลนึกว่าหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความหม่นหมองยังคงเกาะอยู่กับแววตาที่ว่างเปล่าเลื่อนลอย

ภายในห้องที่มีเพียงเขาอยู่ตามลำพัง รัญชน์ค่อยๆดันกายขึ้นมานั่งอีกครั้ง น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วก็กลับไหลลงมาอีกรอบ ร่างบางคู้เข่าขึ้นมากอดซุกหน้าลงไป

เขา...กับกวินท์...ห่างกันเพียงแค่ความตาย...

ก็ยังมีคนมาขวางไว้...

ทำไม...ถึงไม่ยอมให้เขาตาย...

มันจะมีประโยชน์อะไรอีก...ถ้าเขาต้องอยู่ในโลกใบนี้เพียงลำพัง...

อยู่กับความเหงาและความเดียวดายที่แสนทรมานจากการไม่มีกวินท์...

รัญชน์สะอื้นจนร่างกายสั่นเทา ร่างบางกัดฟันลงกับข้อมือของตัวเองอย่างสิ้นหวัง...ดึงทึ้งผ้าพันแผลอย่างบ้าคลั่ง..

บาดแผลที่ถูกเย็บอย่างประณีตเพื่อรั้งชีวิตไว้ถูกขบกัดจนมีเลือดไหลออกมา..รัญชน์สูดลมหายใจลึกๆเมื่อเห็นเลือดสีแดงค่อยๆไหลออกมาจากแผลบนข้อมือของตัวเอง

เขายิ้มให้กับหยาดเลือดเหล่านั้นแล้วยกข้อมือขึ้นมาอยู่ระดับสายตา

รอผมก่อนนะ...กวินท์

รัญชน์อ้าริมฝีปากอีกครั้ง ร่างบางกัดข้อมือของตัวเองด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอย่างไม่หวั่นกลัวต่อความตาย..

เพราะสิ่งที่รัญชน์กลัวนั้น...

คือการมีชีวิตต่อ...อย่างไร้ซึ่งกวินท์...

 “คุณหมอโกเมศมาที่ห้องผู้ป่วน2113ด่วนคุณหมอโกเมศมาที่ห้องผู้ป่วย2113ด่วนค่ะ”

เสียงประกาศที่ดังขึ้นทำให้ธันย์ที่ยังไม่หลับต้องสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งและหันไปเขย่าปลุกคนรักที่นอนอยู่ข้างกัน รตาสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความมึนงงและงัวเงีย

“มีอะไรหรอคะ?”

“มีประกาศเรียกหมอฮยอนซูไปที่ห้องของรัญชน์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” พอบอกไปเช่นนั้นแล้ว รตาก็ถลาลุกออกจากห้องไปทันทีพร้อมกับธันย์

ทั้งสองวิ่งมายังห้องของรัญชน์ที่อยู่ชั้นเดียวกันและพบกับกสิณและกรุณีที่ขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงประกาศด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าห้องที่ตอนนี้พยาบาลเพิ่งจะวิ่งเอารถเข็นปฐมพยาบาลฉุกเฉินเข้าไป

“เกิดอะไรขึ้นคะ?”

“อาก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราเข้าไปไม่ได้”

กรุณีบอกแล้วพยักพเยิดไปทางบุรุษพยาบาลสองคนที่มากันไม่ให้เธอกับสามีเข้าไปดูอาการของรัญชน์

ทันทีที่ได้ฟังรตาก็เม้มริมฝีปาก แววตาไม่พอใจเป็นที่สุด เธอถลาเข้าไปที่ห้องของรัญชน์ และก็พบกับบุรุษพยาบาลสองคนที่ปราดเข้ามาขวางหน้าไว้

“ถอยไป!!”

เป็นครั้งแรกที่ธันย์จะเห็นคนรักอารมณ์เดือดขนาดนี้

รตาผลักบุรุษพยาบาลสองคนให้ออกไปพ้นทางของเธอแล้วตวาดเสียงดัง สีหน้าเหมือนนางเสือที่พร้อมจะขย้ำทุกคนที่ขวางหน้า แต่บุรุษพยาบาลสองคนก็ยังคงยืนขวางอยู่แม้จะมีสีหน้าลังเล ธันย์เลยเดินเข้าไปหา

“ถอยไปเถอะคุณ...อย่างน้อยก็ขอให้พวกเราเข้าไปดูอาการของรัญชน์หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ไม่ได้หรอกครับ...ท่านผ.อ.สั่งห้ามพวกคุณเข้าไปเด็ดขาด ถ้าท่านรู้..พวกผมต้องแย่แน่ๆ”

บุรุษพยาบาลบอกอย่างอึดอัดใจ ธันย์ได้ยินเสียงรตาสบถในลำคอก่อนที่คนรักของเขาจะหมุนตัวเดินสวนไปทางกสิณและกรุณี

เมื่อธันย์หันกลับไปมองก็พบว่าเธอนั้นเดินเลยผู้ใหญ่ทั้งสองไปยังที่วางหนังสือพิมพ์

รตาหยิบมันออกมาจากแท่นและรูดหนังสือพิมพ์ออกจากราวไม้ เธอเดินกลับมาพร้อมกับไม้อันนั้น

“ถอยไป!! ฉันจะเข้าไปดูน้องฉัน!!”

รตาตวาดเสียงดังแล้วเงื้อไม้ในมือขึ้นสูง พาเอาบุรุษพยาบาลทั้งสองคนต้องมองหน้ากัน

“ฉันบอกให้ถอยไปไงเล่า!!”

ไม้ในมือของรตาฟาดลงมาเต็มแรงที่เธอมี และทำท่าจะกระหน่ำซ้ำถ้าบุรุษพยาบาลทั้งสองคนไม่ยอมจำนนหลีกทางให้เธอ รตาขว้างไม้ลงพื้นเมื่อทางของเธอเปิดโล่งแล้ว แต่ก็ไม่วายจะทิ้งสายตาอาฆาตมองดูบุรุษพยาบาลทั้งสองคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ก่อนเดินเข้าห้องไป

กสิณกับภรรยาที่ยืนมองอยู่ต้องยิ้มให้ความบ้าดีเดือดของหญิงสาวก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปในห้อง

ภาพที่เห็นพาให้ทุกคนนั้นพูดแทบไม่ออก รัญชน์กำลังอาละวาดใส่นางพยาบาลที่พยายามยื้อข้อมือของเขาเอาไว้ ริมฝีปากของรัญชน์ยังคงเปื้อนเลือด เมื่อเลื่อนสายตาไปมองที่ข้อมือข้างขวาแล้วทุกคนก็ตระหนักได้ในตอนนั้นว่ารัญชน์ทำร้ายตัวเองอีกครั้งอย่างที่พวกเขานึกกลัวกันไว้

“รัญชน์...”

รตาถลาเข้าไปหาน้องชายของตัวเองที่กำลังคลุ้มคลั่งอยู่และคว้าน้องชายเข้ามากอดไว้ ใจสั่นจนแทบบ้าที่เห็นสภาพน้องชายเป็นเช่นนี้

“พี่...” รัญชน์กอดพี่สาวไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ

“ผมอยากตาย...ปล่อยให้ผมตายเถอะ...”

เสียงสั่นเทาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นพาให้ทุกคนต้องนึกใจหายกับความท้อแท้และสิ้นหวังของรัญชน์

รตาถึงกับร้องไห้ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัญชน์พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน

“ไม่มีกวินท์..ผมก็ไม่อยากอยู่อีกแล้ว”

เธอยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าของน้องชายให้เงยขึ้นมามองหน้าเธอและตัดสินใจบอกความจริงให้รัญชน์รับรู้

“รัญชน์...กวินท์ยังไม่ตาย..กวินท์ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ ได้ยินไหม...กวินท์ยังไม่ตาย!”

รัญชน์นิ่งอึ้ง เขามองพี่สาวด้วยความตกตะลึง แต่มันเป็นความตกใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

“จริงหรอ...? พี่ไม่ได้โกหกผมใช่ไหม...”

รตาพยักหน้าทั้งน้ำตา กรุณีที่น้ำตาซึมอยู่ก็เงยหน้ามองสามีของเธอที่ยิ้มจางๆมาให้..

ไม่มีใครคัดค้านที่รตาบอกความจริงกับรัญชน์ไปอย่างนั้นอีกแล้ว..

แม้กระทั่งกสิณที่ในตอนแรกคิดอยากจะลองให้เด็กทั้งสองคนพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่ารักกันแค่ไหนและจะฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันได้อย่างไรก็ต้องยอมแพ้เมื่อเห็นว่ารัญชน์รักลูกชายของตนเองมากกว่าชีวิตของตนเองแบบนี้

“จริงสิ..รัญชน์อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ...” รตาบอกก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับน้องชายที่น่าสงสารของเธอ

“งั้นพาผมไปหาเขา..ผมอยากเจอกวินท์..ได้โปรด..พาผมไปหาเขา”

รัญชน์อ้อนวอนทั้งน้ำตา..คราวนี้มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความหวัง

ความหวังที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกครั้ง

“ได้..แต่รัญชน์ต้องให้คุณหมอทำแผลให้ก่อนนะ”

รัญชน์ส่ายหน้าปฏิเสธและพยายามลุกขึ้น ทั้งที่สองมือบาดเจ็บ

“ไม่...ผมจะไปหากวินท์!”

รัญชน์บอกเสียงหนักแน่นจนรตาลังเล เธอหันมามองหน้ากสิณและกรุณีด้วยสายตาอ้อนวอน เพราะไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่จะเห็นชอบไหมกับการที่จะให้รัญชน์พบกับกวินท์ตอนนี้

“พารัญชน์ลงไปหากวินท์เถอะ...” กสิณบอกเมื่อประเมินแล้วว่าบาดแผลของรัญชน์นั้นยังไม่เข้าขั้นอันตราย เขาหันไปหานางพยาบาลที่ยืนทำหน้าวิตกกันอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียง

“พวกเธอเอาอุปกรณ์ทำแผลตามลงไปข้างล่างก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะเป็นคนทำแผลให้คุณรัญชน์เอง” นางพยาบาลค้อมศีรษะให้กับกสิณแล้วเข็นรถปฐมพยาบาลออกไป ขณะที่ธันย์ก้าวเข้ามาพยุงรัญชน์ขึ้นจากเตียง

กรุณีก้าวเข้าไปหารัญชน์ เมื่อรัญชน์เงยหน้าขึ้นมามองเธอ เธอก็ส่งยิ้มจากใจจริงไปให้ทั้งที่ยังมีน้ำตาคลออยู่

“เราคือพ่อกับแม่ของกวินท์...ฉันดีใจนะที่ได้หนูมาเป็นคนรักของลูกชายของพวกเรา..” มือของกรุณีเอื้อมไปจับแก้มของรัญชน์ไว้ นิ้วของเธอปาดเช็ดคราบเลือดที่อยู่ข้างแก้มของรัญชน์ออกไป

รัญชน์มีหลายคำพูดที่อยากบอกเธอแต่มันก็จุกแน่นอยู่ในอก รอยยิ้มอารีของผู้เป็นพ่อและแม่ของคนรักทำให้รัญชน์ต้องค้อมศีรษะลงมาแทนคำพูดของตัวเอง...ใช้การกระทำสื่อบ่งบอกว่าขอบคุณมากแค่ไหนกับคำพูดที่กรุณีพูดกับเขา...

ขอบคุณที่ยอมรับในความรักของเขากับกวินท์...

คืนนี้ท้องฟ้ามันไร้ดาว...มีแต่เมฆฝนตั้งเค้าครึ้มดูเหมือนจะมีฝนโปรยปรายลงมาในไม่ช้า เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะดูหม่นหมองไม่น้อย กวินท์ก้าวช้าๆออกไปที่ระเบียง

ศัลยแพทย์หนุ่มที่สิ้นความหวังเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่ไร้ดาว...แสงมันสว่างวาบเป็นระยะจากในจุดที่ห่างไกลพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง

“รัญชน์...”

เสียงของกวินท์แหบแห้ง...มือข้างซ้ายจับราวระเบียงไว้แน่นขณะที่ขาอีกข้างก้าวขึ้นไปเหยียบเก้าอี้ที่ลากมาชิดขอบระเบียงเพื่อใช้ต่างบันได กวินท์หย่อนขาลงไปที่พื้นด้านนอกระเบียง..

“รอผมด้วยนะ...ผม...กำลังจะไปหาคุณ...แล้ว..” กวินท์เอ่ยเสียงเบาและหลับตาลง

มันอาจจะโง่..มันอาจจะบ้า..

ที่เขาจะทิ้งชีวิตเพียงเพราะคนที่รักไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้...

หากแต่กวินท์รู้ดี...ว่าเขาไม่อาจทปล่อยให้รัญชน์จากไปแบบนั้นตามลำพังได้...

คนรักที่น่าสงสารของเขา...ต้องโดดเดี่ยวมามากกว่าครึ่งชีวิต...

กวินท์ไม่อยากให้รัญชน์ต้องอยู่ตามลำพังและก็ไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อตามลำพังโดยไร้ซึ่งคนรักที่ชื่อว่ารัญชน์ด้วยเช่นกัน

ริมฝีปากของกวินท์คลี่ยิ้ม..ฝ่าเท้ายกขยับก้าวออกไปอีกหนึ่งก้าว

สู่ความตายที่รัญชน์นั้นรออยู่..

รอผมด้วยนะ...รัญชน์...

.

.

“กวินท์!”

เสียงเรียกอย่างตื่นตระหนกนั้นทำให้กวินท์ต้องหันขวับกลับมา สองตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนรักวิ่งถลาเข้ามาหา

ในขณะที่รัญชน์นั้นใจสั่นไปหมดด้วยความกลัว

“รัญชน์..”

กวินท์ขยับเข้ามาจนชิดขอบระเบียง รัญชน์โผเข้ามาหาเข้าด้วยใบหน้าที่ตื่นกลัว

“คุณกำลังจะทำอะไร...คุณจะทิ้งผมไปอย่างนั้นหรอ?”

“รัญชน์...คุณ..ยังมีชีวิต”

กวินท์เอ่ยเสียงสั่น..แต่เมื่อยกมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมาลูบเบาๆที่แก้ม กวินท์ก็แน่ใจว่าคนรักที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมีชีวิตไม่ใช่วิญญาณ...แก้มของรัญชน์ถึงจะซีดเซียวแต่ก็ยังมีความอบอุ่นของเลือดเนื้ออยู่

“รัญชน์...คุณยังมีชีวิตอยู่..”

กวินท์ใช้มือที่ลูบแก้มของคนรักกอดร่างบอบบางนั้นไว้อย่างหวงแหน น้ำตาที่มันไม่ยอมไหลนับตั้งแต่ได้ยินว่ารัญชน์เสียชีวิตมันก็ไหลออกมา

มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เสมือนน้ำฝนที่ตกลงมาเพื่อสร้างชีวิตใหม่...กวินท์กับรัญชน์กอดกันไว้แล้วต่างก็ร้องไห้ออกมา

“ใช่..ผมยังไม่ตาย...คุณก็ยัง..ไม่ตาย”

รัญชน์สะอื้นแล้วเงยหน้ามองดูคนรักเต็มตา เช่นเดียวกับที่กวินท์มองเขา ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน รัญชน์ยกมือที่เลือดกำลังไหลโอบกอดร่างสูงไว้แม้จะเจ็บแปลบเพราะบาดแผลมากเพียงใด

แต่จะไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด...

ความรักของเขา

ทุกคนมองภาพที่ทั้งคู่กอดกันอยู่ริมระเบียงด้วยความโล่งอกและนึกใจสั่นไม่น้อย...หากลงมาช้ากว่านี้เพียงเสี้ยวนาที มันคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก

“กวินท์..เข้ามาก่อนเถอะ...”

ธันย์ว่าและขยับเดินเข้าไปช่วยพยุงให้กวินท์ปีนกลับเข้ามาข้างในระเบียง ทันทีที่กวินท์กลับมายืนในที่ปลอดภัยแล้ว ศัลยแพทย์หนุ่มก็คว้าคนรักเข้ามากอด ธันย์ที่เข้าไปพยุงเมื่อครู่ก็ถอยออกมายืนอยู่ข้างรตาที่มองน้องชายด้วยรอยยิ้มแม้จะมีน้ำตาอยู่บนใบหน้าของเธอ แต่ก็เป็นน้ำตาแห่งความดีใจและโล่งอก

“รัญชน์...”

อ้อมกอดของทั้งสองกระชับกันแน่น อ้อมกอดที่ไม่มีกำแพงระเบียงมาขวางกัน...

ไม่มีความตาย...มาขวางกั้นอีกต่อไป...

หัวใจที่คิดว่าเคยอยากให้หยุดเต้นมันกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงมีชีวิต

และก็เป็นเวลาเดียวกันที่ต้นเหตุของเรื่องราวเดินเข้ามาในห้องพอดี กวินท์เป็นคนแรกที่เห็น สายตาของเขามองไปยังยชญ์ที่เดินเข้ามาอย่างขุ่นเคือง และสายตานั้นเองที่พาให้ทุกคนหันไปมอง

“นี่มันอะไรกัน?”

น้ำเสียงโมโหและตำหนินั้นดังขึ้นทันทีอย่างไม่รีรอ กวินท์กอดคนรักไว้แน่นเมื่อเห็นว่ารัญชน์จะผละออกจากอ้อมแขน

“ผมต่างหากที่ควรถามคุณว่านี่มันอะไรกัน? ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วยว่ารัญชน์ตายแล้ว!?”

รัญชน์เงยหน้าขึ้นมองคนรักอย่างงุนงงก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่เคยได้ชื่อว่าพ่ออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงโกหกเช่นนี้

แต่สำหรับคนอื่นๆที่รู้ว่ายชญ์โกหกเพราะอะไรต่างก็พากันหันมองดูว่าผู้ที่โกหกนั้นจะพูดยังไง

“เพราะ...ฉันไม่อยากให้เธอรักกับไอ้เด็กนั่นยังไงล่ะ!”

ยชญ์ตวาดออกมาคล้ายอาการเหลืออด

กวินท์ที่ไม่รู้เรื่องนั้นสงสัยไม่น้อยกับแววตาที่มองมายังรัญชน์อย่างชิงชัง ถึงพอจะรู้มาบ้างว่ารัญชน์กับผู้เป็นพ่อนั้นเข้ากันไม่ได้ แต่ถึงขั้นจะมองลูกชายด้วยสายตาแบบนั้น มันไม่เกินไปหน่อยหรือยังไงกัน

“ขอโทษนะครับ..ถึงคุณลุงจะเป็นพ่อ แต่ยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดขวางความรักของลูกได้หรอกนะครับ”

กวินท์พูดอย่างใจเย็น เขาได้ยินเสียงเหมือนรัญชน์ครางอือแล้วตั้งท่าจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดคำพูดเอาไว้เพราะยชญ์พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“มันไม่ใช่ลูกของฉัน!!”

ยชญ์ตวาดลั่น ชายสูงวัยขยับเข้ามาแต่ก็ถูกรตาเดินเข้ามาขวางเอาไว้ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงตวาดออกไปด้วยอารมณ์ที่เหลือจะเก็บกั้น

“ฉันไม่มีทางให้มันมีความสุข!! ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้มันรักกับเธอหรอกกวินท์!!”

“คุณจะมาตัดสินเอาเองไม่ได้หรอกนะครับ! และไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่มีทางเลิกรักรัญชน์เด็ดขาด! ในเมื่อคุณบอกว่าไม่มีทางที่จะให้รัญชน์มีความสุข ผมก็ขอบอกไว้เลยว่าผมนี่แหละ ที่จะเป็นคนทำให้รัญชน์มีความสุขเอง!”

น้ำเสียงของกวินท์หนักแน่น หนักแน่นเสียจนหัวใจของรัญชน์เต้นแรง ร่างบางค่อยๆหันไปทางยชญ์

“พ่อครับ...” หลายคำพูดที่รัญชน์อยากพูดกับผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อหันสบตา สายตาของยชญ์ก็ทอความเกลียดชังรุนแรงมาให้

“อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่พ่อของแก!!”

ยชญ์ตวาดลั่นและปรี่เข้าไปทำท่าจะหาเรื่องทำร้ายรัญชน์ด้วยอารมณ์เกรี้ยวโกรธ แต่ก็ถูกกสิณเข้ามาขวางเอาไว้

“พอเถอะยชญ์...”

“อย่ามาห้ามฉัน!”

ยชญ์พยายามจะผลักให้กสิณออกไปพ้นทางของตนเอง

“ยชญ์..ถ้ารัญชน์ไม่ใช่ลูกของนายจริงๆแล้ว นายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะห้ามเรื่องความรักของเด็กสองคนนี่หรอกนะ”

“ว่ายังไงนะ!!”

“ถึงนายจะไม่พอใจมากแค่ไหน แต่ฉันคงต้องบอกว่า ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กสองคนนี้รักกัน! ไม่ว่านายจะขัดขวางยังไงก็ตาม!”

“กสิณ!!”

ยชญ์อุทานชื่อเพื่อนรักอย่างไม่คาดคิด เขากำหมัดแน่นแล้วเดินถอยหลังไปสองก้าว

“นายคิดจะทรยศฉันหรือยังไง?”

ยชญ์กัดฟันถามออกไปด้วยโทสะที่คุกรุ่นขึ้นมาอย่างพลุ่งพล่าน

“ฉันไม่เคยคิดที่จะทรยศนาย...แต่ให้ฉันทำร้ายเด็กสองคนนี้อย่างที่นายคิดจะทำ ฉันทำไม่ได้หรอก”

แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาแค่อึดใจ แต่ภาพของรัญชน์ที่ทำร้ายตัวเองอย่างสิ้นหวังเหมือนกับลูกชายของเขาที่เกือบจะคิดสิ้นกระโดดตึกฆ่าตัวตายนั้น

ทำให้กสิณรู้ซึ้งถึงความรักที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน ความคิดที่จะปกป้องความรักของเด็กทั้งสองมันก็กระจ่างชัดขึ้นมาในความรู้สึกทันที

ในขณะเดียวกัน คนที่ฟังอยู่อย่างรัญชน์และกวินท์ก็รู้สึกขอบคุณนัก

รัญชน์มองหน้าคนรักก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนของกวินท์ ร่างบางสาวเท้าเข้าไปหายชญ์ที่ยังคงดูโกรธจัด

“พ่อครับ...”

ยชญ์ทำท่าจะตวาดใส่รัญชน์อีกครั้ง แต่เมื่อมองหน้ารัญชน์แล้วเขาก็ต้องเก็บคำพูดที่อยากจะตวาดนั้นไว้ก่อน เหลือเพียงแต่สายตาชิงชังเท่านั้นที่ทำอย่างไรก็ปิดไม่มิด..

“ถึงผมจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อ...แต่ผมก็ยังรักพ่อเหมือนเดิมนะครับ”

รัญชน์พูดช้าๆจากความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ น้ำตาของรัญชน์ไหลอีกครั้งขณะสูดลมหายใจลึกๆและพูดออกไปอย่างหนักแน่น..

“และผมเอง..ก็รักกวินท์ด้วย...”

รัญชน์บอกก่อนที่เข่าทั้งสองข้างจะทรุดลงกับพื้น ศีรษะค้อมลงไปแทบติดพื้น เป็นครั้งแรกที่เขายอมก้มหัวลง เสียสละซึ่งศักดิ์ศรีทั้งหมดเพื่อขอร้องใครสักคน

“ได้โปรด..อย่าพรากความรักของผมกับกวินท์เลยนะครับ..”

ทุกคนแทบจะกลั้นลมหายใจกับภาพของรัญชน์ที่คุกเข่าก้มหัวขอร้องยชญ์...ท่ามกลางความเงียบที่ทุกคนรอคำตอบจากยชญ์นั้น กวินท์ก้าวเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆคนรักและทำเช่นเดียวกัน

“ผมกับรัญชน์...เรารักกัน ได้โปรด...อย่าขัดขวางเลยนะครับ..”

รัญชน์เงยหน้าขึ้นมามองคนรักที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ กวินท์ส่งสายตาจริงใจและรักใคร่มาให้ก่อนจะเอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บมาจับมือเล็กของรัญชน์ที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา รตามองภาพของทั้งคู่ด้วยความรู้สึกตื้นตันก่อนจะจับมือธันย์ไว้แล้วจูงให้เดินก้าวเข้าไปหาผู้เป็นพ่อพร้อมกัน

“พ่อคะ...หนูรู้ว่าพ่ออยากให้หนูแต่งงานกับคุณหมอกวินท์...แต่...หนูมีคนรักอยู่แล้ว...หนูรักพี่ธันย์ค่ะ หนูจะแต่งงานกับพี่ธันย์เท่านั้น ขอโทษนะคะพ่อ”

ธันย์หันมองหน้าคนรักอย่างอึ้งๆก่อนจะยิ้มให้เมื่อรตาหันมามองหน้าเขา ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆแล้วหันไปมองหน้ายชญ์

“ผมรู้ว่าสำหรับคุณลุงแล้ว...ผมอาจไม่ดีพอที่คุณลุงจะไว้ใจมอบรตาให้ผมดูแล แต่ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ...ผมรักรตา และสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด..ไม่ทำให้คุณลุงเสียใจแน่นอนครับ”

เมื่อได้รับรู้ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวมีคนรักแล้ว...ยชญ์รู้สึกอย่างไรนั้น ไม่มีใครคาดเดาได้ แต่ความเกรี้ยวโกรธที่มันปรากฏบนใบหน้าเมื่อครู่นั้นจางหายไป

ใบหน้าของยชญ์ดูจะซีดลง ชายสูงวัยเซไปพิงผนังด้านหลังคล้ายคนหมดแรง รัญชน์ผวาลุกขึ้นมาพร้อมกับกวินท์เพื่อเข้าไปประคอง

นาทีที่ทุกคนคิดว่ายชญ์จะล้มนั้นเอง...เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน

.

.

ปัง!

ร่างของรัญชน์ทรุดฮวบลงต่อหน้าทุกคน สายตาของรัญชน์ยังคงจ้องมองใบหน้าของผู้ที่ตัวเองเรียกว่าพ่อมาทั้งชีวิต เลือดอุ่นๆไหลทะลักออกมาจากบาดแผลตรงช่วงอกและแผ่นหลังที่ลูกกระสุนทะลุผ่านไป

“รัญชน์!”

รัญชน์ได้ยินเสียงทุกคนอุทานเรียกชื่อตัวเอง รู้สึกถึงมือของคนรักที่พยายามคว้าประคองตัวเองไว้ แต่ดวงตาของรัญชน์ยังคงมองชายที่เคยเป็นพ่อซึ่งเซล้มไปนั่งกับพื้นหลังจากที่ยิงรัญชน์ด้วยปืนกระบอกเล็กในมือ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บหรือเปล่าที่ทำให้รัญชน์คิดว่าตัวเองเห็นความเสียใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของพ่อ

“พ่อ..ครับ” รัญชน์เอ่ยได้เพียงเท่านั้นก่อนที่สติทั้งหมดจะดับสิ้นไป ปืนในมือของยชญ์หล่นลงกับพื้น สายตาจ้องมองไปยังร่างของรัญชน์ที่กวินท์ประคองอยู่

“รัญชน์...รัญชน์!” กวินท์ร้องเรียกคนรักที่หมดสติไปแล้วอย่างหวาดกลัวว่ารัญชน์จะจากตัวเองไป เขาพยายามจะอุ้มรัญชน์ขึ้นแต่ก็ติดที่มืออีกข้างนั้นได้รับบาดเจ็บ

“พี่เอง!” ธันย์ร้องบอกก่อนสอดแขนเข้าไปอุ้มรัญชน์ไว้ กสิณถลาไปกระแทกประตูให้เปิดกว้างเพื่อให้ธันย์พารัญชน์ออกไป

ทุกคนพากันตามหลังธันย์ไปด้วยความเป็นห่วงรัญชน์...และไม่มีผู้ใดหันมาสนใจยชญ์เลยสักคน…ยกเว้นรตาที่ยืนมองพ่อของเธอเงียบๆด้วยสายตาผิดหวัง

ยชญ์ไม่ได้สังเกตรตาเลยสักนิด

เขายกมือตัวเองขึ้นมาดู...มือคู่ที่จับปืนลั่นไกยิงรัญชน์เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมันสั่นเทา...

ความทรงจำบางอย่างมันผุดขึ้นมาในสมอง...ราวกับคลื่นแทรกที่ ตัวเขาไม่ต้องการ

‘มือของพ่อ...อุ่นจังเลยฮะ..’

ใบหน้าเล็กๆของรัญชน์ตอนเด็กกำลังส่งยิ้มมาให้เขาที่กำลังจูงมือลูกทั้งสองอยู่...

มือคู่นี้ที่เคยจับจูงคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นลูก...

วันนี้กลับลั่นไกเพื่อสังหาร...

เขาทำได้อย่างไรกัน...เขาทำมันลงไปได้ยังไงกัน...

ถึงแม้จะบอกว่าตัวเองเกลียดชังเด็กคนนั้นมากเพียงใด...ก็ตามที

“พ่อเกลียดรัญชน์มาก...ถึงขั้นอยากให้ตายจริงๆหรอคะ?” ยชญ์เงยหน้ามองดูลูกสาวที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด..

“ที่ฉันทำ...ก็เพื่อแก”

ยชญ์ข่มเสียงอันสั่นเทาของตัวเองตอบกลับไป รตาขยับเข้ามาใกล้แต่ก็ไมjยื่นมือมาช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นยืน

“หนูไม่เข้าใจ..”

“ไอ้เด็กนั่น...ฉันต้องกำจัดมัน..ก่อนที่มันจะแย่งทุกอย่างไปจากแกเหมือนกับที่พ่อของมันแย่งแม่แกไปยังไงล่ะ...เชื้อมันไม่ทิ้งแถว..ไม่เห็นหรือไงว่ามันกลับมาคราวนี้...มันแย่งกวินท์ไปจากแก แล้วก็คงไม่คิดจะแย่งผู้ชายไปจากแกอย่างเดียวด้วย มันต้องหวังสมบัติของฉันแน่ๆ กลับมาครั้งนี้เพราะจะมาเรียกร้องเงินทองจากฉันด้วยแน่นอน”

รตาสูดลมหายใจลึกๆเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของพ่อ เธอส่ายหน้าช้าๆ สายตามองพ่อด้วยความผิดหวังกับสิ่งที่พ่อพูดออกมา

“รัญชน์ไม่ได้แย่งคุณหมอกวินท์ไปจากหนูค่ะ พวกเขารักกันมาก่อนหน้าที่พ่อจะแนะนำคุณหมอให้รู้จักกับหนูด้วยซ้ำ หนูต่างหากที่เกือบจะเป็นคนที่แย่งคนรักของน้อง แล้วก็รัญชน์น่ะ..ไม่ต้องการสมบัติของพ่อหรอกนะคะ รัญชน์น่ะหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ เขาหาเงินเลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่อายุสิบหก เผื่อพ่ออยากรู้ หนูจะบอกให้ก็ได้ค่ะ ภาพเขียนของรัญชน์น่ะขายได้ทีเป็นล้านดอลลาร์ แล้วหนูก็บอกได้เลยว่าตอนนี้รัญชน์น่ะมีเงินมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำ!”

ยชญ์นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน เขาเงยหน้ามองลูกสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช้าๆ สบตากัน รตาก็เอ่ยคำพูดที่เธอต้องการจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่บาดลึกลงกลางหัวใจคนฟัง

“รัญชน์..เคยเป็นลูกรักของพ่อไม่ใช่หรอคะ...หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อต้องการให้รัญชน์ตายจริงๆ...”

รตามองพ่อตัวเองอย่างผิดหวังก่อนจะเดินออกจากห้องตามหลังทุกคนไป...แต่ก่อนจากไปเธอพูดอีกหนึ่งประโยคด้วยเสียงอันแสนเศร้า

ทิ้งให้ยชญ์อยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำและสิ่งที่ได้รับรู้ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมา

“รัญชน์น่ะ...ไม่ว่าเมื่อไหร่...ก็ยังคงรักพ่อเสมอนะคะ...”

ยชญ์ก้มลงมองมือของตัวเองอีกครั้ง มือของเขามันยังไม่หยุดสั่น...

เขากำหมัดและทุบมันลงกับหน้าขาตัวเอง แต่ความเจ็บนั้นมิอาจเทียบกับสิ่งที่มันทิ่มแทงหัวใจ...

“รัญชน์...พ่อขอโทษ...”

มันเป็นเพียงเสียงกระซิบขอโทษจากผู้ชายคนหนึ่งถึงคนที่เคยเป็นลูกชายซึ่งมีเพียงแต่หยาดน้ำฝนเท่านั้นที่จะได้ยิน

 

รัญชน์ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง กวินท์ได้แต่ยืนมองดูคนรักถูกพาตัวเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างเจ็บปวด ศัลยแพทย์หนุ่มยกมือข้างที่บาดเจ็บขึ้นมามองด้วยความเจ็บใจ

สองมือของเขาช่วยชีวิตคนไข้มานับร้อยนับคน...แต่เมื่อคนรักต้องการการรักษา...เขากลับไม่สามารถทำได้..

“กวินท์...”

ธันย์เดินมานั่งลงข้างๆแล้ววางมือลงกับไหล่ของ กวินท์ที่มีสีหน้าตึงเครียด ศัลยแพทย์หนุ่มหันหน้าไปหารุ่นพี่คนสนิท

“นายเพิ่งจะฟื้น..กลับขึ้นไปพักก่อนดีไหม..”

กวินท์ส่ายหน้าแทนคำตอบ สีหน้าเคร่งเครียดไม่มีคลายลง ดวงตาหันกลับไปมองที่ประตูหน้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง ใจร่ำร้องอยากจะเป็นคนที่เข้าไปช่วยชีวิตคนรักแทน แต่ก็ต้องเจ็บที่ในใจเพราะไม่อาจทำได้

“กวินท์...แม่มีเรื่องอยากพูดกับลูกหน่อย..”

กรุณีเดินเข้ามาพูดเสียงเบา ธันย์หันมองหน้าเธอก่อนจะค้อมศีรษะน้อยๆและเดินไปนั่งกับรตาที่อยู่อีกด้าน กรุณีกับกสิณจึงเดินมานั่งข้างๆลูกชายของพวกเขา

“กวินท์..แม่รู้นะคะว่าลูกรักรัญชน์มาก...”

กรุณีเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน เธอเอื้อมมือไปจับมือของลูกชายเอาไว้

“แต่ลูกอย่าลืมนะคะว่าพ่อกับแม่ก็รักลูกมากด้วยเหมือนกัน...สัญญากับพ่อแล้วก็แม่ได้ไหม...ว่าลูกจะไม่ทำแบบเมื่อกี้อีก..สัญญาได้ไหม..ว่าลูกจะไม่คิดสั้น...ถ้าหากรัญชน์เป็นอะไรไป”

“แม่ครับ...”

เหมือนบางสิ่งมันจุกอยู่ที่คอ ใจของกวินท์มันบีบรัดเกินทานทนแค่เพียงได้ยินผู้เป็นแม่ขอสัญญาที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อหากรัญชน์เป็นอะไรไป...

มีชีวิตอยู่ต่ออย่างไร้รัญชน์...

“กวินท์...พ่อกับแม่ไม่ห้ามหรอกนะที่ลูกจะรักกับรัญชน์ แต่ถ้าลูกรักรัญชน์มากถึงขั้นยอมตายตามกันไปแบบนั้น...พ่อกับแม่ไม่ยอมหรอกนะ”

กวินท์ได้แต่ก้มหน้าเงียบ กรุณีมองดูลูกขายที่ไม่ยอมพูดอะไรอีกและเอาแต่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกตื้อในอก น้ำตาไหลผ่านดวงตาของเธอลงมาที่แก้ม

“สัญญากับแม่นะ..ว่าลูกจะไม่คิดสั้น...”

เสียงของแม่ดูสั่นเทากวินท์เงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ต้องรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจเมื่อเห็นน้ำตาของแม่ ตลอดเวลาที่เกิดมาบนโลกใบนี้ เขาไม่เคยทำให้แม่ต้องร้องไห้มาก่อน

“ครับแม่...ผมสัญญา...”

กวินท์บอกเสียงเบาแล้วขยับเข้าไปกอดแม่เอาไว้ด้วยมือข้างที่ไม่เจ็บ..

สายตาคมทอดมองไปที่ประตูหน้าห้องผ่าตัดอย่างหนักใจ...

รัญชน์...ผมรู้ว่าผมคงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ไม่ได้

ได้โปรด...

มีชีวิตอยู่ต่อกับผมด้วย...

-TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.11 (Update 16/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 16-03-2013 21:53:49
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.11 (Update 16/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 16-03-2013 23:59:00
โหยประโยคสุดท้ายแบบโคตรพิสูจน์เลยว่ากวินท์รักรัญชน์มาก
โกรธพ่อรัญชน์สุดๆ คิดจะฆ่าให้ตายกันเลย?
จุกอะเม้นไรไม่ออกรู้แค่ว่าอยากให้รัญชน์ปลอดภัย
อยากเห็นนางแฮปปี้ร่างกายไม่มีแผลรักกับกวินท์ไปนานๆฮือ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.11 (Update 16/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 17-03-2013 00:09:49
อีพ่อนี่น่าจะไปบำบัดนะ โรคจิต  :z6:
รันนนนนนนนนนน อย่าเป็นอะไรนะ ถ้ารัญชน์เป็นอะไรนางฟ้าจะโป้งคนเขียน โป้งๆๆๆๆๆๆ
 :m16:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.11 (Update 16/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 17-03-2013 17:03:40
         ตอนที่ ๑๒

 

ยชญ์พาร่างกายที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนกลับเข้ามาภายในบ้านที่มืดมิดและไม่มีคน

เป็นครั้งแรกที่ยชญ์พบกับความรู้สึกเหงาเข้ามาเยือนในจิตใจ

เขาก้าวผ่านห้องรับแขกที่ไม่เปิดไฟและเดินไปยัง ชั้นสองของบ้านหลังใหญ่

ห้องทำงานคือสถานที่ที่ยชญ์พาตัวเองเข้ามา เขากดเปิดสวิตซ์ไฟและเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะทำงานอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

แลปท็อปที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเปิดขึ้น ทันทีที่เครื่องรันเปิด ยชญ์ก็เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทันทีเพื่อหาข้อมูลของรัญชน์ตามที่รตาพูด

 “รัญชน์น่ะ..ไม่ต้องการสมบัติของพ่อหรอกนะคะ รัญชน์น่ะหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ เขาหาเงินเลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่อายุสิบหก เผื่อพ่ออยากรู้ หนูจะบอกให้ก็ได้ค่ะ ภาพเขียนของรัญชน์น่ะขายได้ทีเป็นล้านดอลลาร์ แล้วหนูก็บอกได้เลยว่าตอนนี้รัญชน์น่ะมีเงินมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำ!”

แค่เพียงใส่ชื่อของรัญชน์ลงไป ข้อมูลของรัญชน์ก็ขึ้นมาให้เขาได้อ่านในทันที ยชญ์กวาดตาอ่านประวัติของรัญชน์ก่อนจะตระหนักได้ว่าที่รตาพูดมาไม่ใช่เรื่องที่โกหกเขาแต่อย่างใด...รัญชน์เป็นจิตรกรที่มีชื่อซึ่งเรียกได้ว่าเป็นระดับแนวหน้าของยุคนี้จริงๆ

คงเป็นเพราะเขามองเรื่องศิลปะเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคยติดตาม ไม่เคยสนใจข่าวด้านนี้ กอปรกับการที่คนใกล้ชิดเขาล้วนแต่รู้ดีว่าเขาจะไม่พอใจมากแค่ไหนหากใครเอ่ยถึงชื่อลูกชายคนนี้ให้ได้ยิน

เขาจึงไม่ได้รับรู้เลยว่ารัญชน์ประสบความสำเร็จมากแค่ไหน

ยชญ์จมอยู่กับความคิดของตัวเองขณะที่เปิดดูภาพถ่ายภาพวาดของรัญชน์ที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่ภาพๆหนึ่ง

มันเป็นภาพครอบครัวที่มีพ่อ มีแม่ มีลูกสาวและลูกชายตัวน้อยนอนหลับอยู่บนเตียง

ทั้งที่ควรจะเห็นความอบอุ่นบนภาพนั้น แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดและอ้างว้างในภาพนั้น

ยชญ์ยื่นมือไปสัมผัสหน้าจอแลปท็อปที่อยู่เบื้องหน้า ปลายนิ้วไล้ไปตามใบหน้าของพ่อแม่ลูกที่นอนหลับอยู่บนภาพนั้นก่อนจะหลับตาลง

“พ่อ..ครับ”

พอหลับตาลง..ในความมืดก็ยังปรากฏให้เห็นภาพของรัญชน์ที่ถูกยิงด้วยฝีมือตนเอง เมื่อเห็นภาพแล้ว...เสียงก็พาลจะดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในหู

เกลียดชัง...

เขาอยู่กับความรู้สึกที่บอกตัวเองมาตลอดเวลาอันยาวนานกว่าสิบห้าปีว่าเขาเกลียดรัญชน์...เกลียดคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของตัวเอง แต่ความจริงแล้วคือลูกของผู้ชายที่เขาเกลียดชัง..

“รัญชน์..เคยเป็นลูกรักของพ่อไม่ใช่หรอคะ...หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อต้องการให้รัญชน์ตายจริงๆ...”

ใช่..รัญชน์เคยเป็นลูกรักของเขา

เป็นลูกรัก..ที่เขารักเสียยิ่งกว่ารตา...

ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจเขา...

ไม่มีใครเข้าใจความเสียใจของเขาว่ามันมีมากมายแค่ไหนที่ได้รู้ว่าแก้วตาดวงใจที่เขารักมากที่สุด กลับกลายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนที่เขาเกลียดมากที่สุด

เขาเกลียดรัญชน์...

เกลียดมากเท่ากับที่รักเด็กคนนี้นับตั้งแต่ลืมตาดูโลก...

แต่ในวันนี้...เขากลับได้รู้สึกถึงความในใจตอนที่เขาขาดสติยิงรัญชน์ออกไป จากที่เคยคิดว่าอยากให้เด็กคนนี้ตายหรือหายไปจากโลกใบนี้...

แท้จริงมันไม่ใช่เลยสักนิด...

เขาเคยคิดมาเสมอว่าตัวเองเกลียดรัญชน์เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกชายของภวัตที่เขาชิงชัง

เกลียดเพราะรัญชน์เป็นเหมือนสิ่งที่คอยเตือนใจให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่เขากลายเป็นไอ้คนหน้าโง่ที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเมียตัวเองสวมเขาให้แถมยังเอาลูกของผู้ชายที่เขาเกลียดมาให้เขาเลี้ยงอีกร่วมสิบปี...

แต่ที่แท้จริงแล้ว...

เขาเกลียด...ที่รัญชน์ไม่ใช่ลูกในไส้...

เขาเกลียด...ที่ตัวเองไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของรัญชน์...

ยชญ์เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองตระหนักถึงข้อนี้ในวันที่ช้าไป..น้ำตามันกำลังจะไหลลงมา

ความรู้สึกเจ็บปวดกำลังทิ่มแทงในความรู้สึกมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มือสั่นเทาของเขาเอื้อมไปยังลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะที่เขาไม่เคยเปิดมันอีกเลยนับตั้งแต่นำบางสิ่งมาใส่เอาไว้เมื่อสิบห้าปีก่อน

ในลิ้นชักที่แสนโล่ง มันมีกรอบรูปใบหนึ่งวางเอาไว้

ภาพครอบครัวที่มีแต่รอยยิ้ม...ตัวเขา รศนา รตาและรัญชน์

ภาพที่ถ่ายก่อนที่เขาจะรู้ว่ารัญชน์ไม่ใช่ลูกในไส้ของเขา กับรูปภาพที่รัญชน์ตอนเด็กวาดเอาไว้

มันเป็นภาพที่เหมือนกับที่เขาเห็นในแลปท็อปเมื่อสักครู่ รัญชน์คงจะวาดมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งตอนที่อยู่ที่อเมริกา

แต่เป็นเพราะช่วงเวลาวาดมันต่างกัน ภาพทั้งสองภาพมันถึงให้ความรู้สึกที่แตกต่าง

ภาพใบนี้รัญชน์วาดมันขึ้นตอนที่ครอบครัวของพวกเขาอยู่กันอย่างแสนสุข ถึงลายเส้นและการลงสีมันจะยังเป็นแบบเด็กๆแต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจยามที่ได้มอง

ส่วนภาพที่เขาเห็นในแล็ปท็อปนั้น..รัญชน์คงจะวาดมันขึ้นด้วยความรู้สึกที่อยากให้ครอบครัวได้กลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเช่นเดิม

น้ำตาไหลหยดลงมา..มันหยดลงบนภาพในมือของยชญ์

เสียงสะอื้นดังขึ้นภายในห้องที่เขาอยู่ตามลำพัง ยชญ์ยกรูปทั้งสองเข้ามากอดไว้แนบอก มีเพียงประโยคเดียวที่หลุดจากริมฝีปากที่แห้งผากและพึมพำพร่ำไปมาซ้ำๆ

“รัญชน์...พ่อขอโทษ...”

ที่ด้านนอกของบ้าน..รถตำรวจสองคันแล่นเข้ามาจอดเทียบ

เสียงของรถตำรวจทำให้ยชญ์ชะงัก เขาหันมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตามองดูตำรวจหลายนายกำลังเดินเข้ามาภายในบ้านของเขา

ยชญ์เม้มริมฝีปากและเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักที่อยู่ด้านข้างปืนกระบอกเล็กอีกอันถูกหยิบออกมา เขากอดกระชับรูปทั้งสองเอาไว้แน่นก่อนยกปืนขึ้นจ่อขมับของตัวเอง

“รัญชน์...พ่อรักลูกนะ...”

คำพูดสุดท้ายที่รัญชน์ไม่มีวันจะได้ยิน...

คำพูดจากใจที่รู้สึกตัวช้าเกินไป...

และอาจเป็น...คำพูดสุดท้ายของชีวิต...

แต่ก่อนที่ยชญ์จะทันได้ลั่นไกสังหารตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายก็บุกเข้ามาถึงเสียก่อนหลังจากที่เคาะเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบรับ

“รบกวนวางปืนของคุณลงด้วยครับ”

นายตำรวจเอ่ยช้าๆด้วยน้ำเสียงที่ไม่คุกคามเมื่อเห็นว่าผู้ต้องหาที่พวกเขามาเพื่อเรียกไปให้ปากคำนั้นมีปืนอยู่ในมือ และปืนกระบอกนั้นก็จ่อติดอยู่กับขมับ

ยชญ์สูดลมหายใจลึก มือสั่นๆที่จับปืนอยู่ลดลง

ยชญ์วางปืนลงกับโต๊ะในขณะที่นายตำรวจเดินเข้ามาหาอย่างระมัดระวังและยึดปืนของเขาไป เขาถูกเชิญตัวไปที่สถานีตำรวจหลังจากนั้น ในมือของเขายังคงกอดรูปทั้งสองใบไว้แน่น

ในขณะที่ยชญ์ถูกสอบสอนนั้น รัญชน์ก็ถูกพาตัวออกจากห้องผ่าตัด แม้อาการจะยังน่าเป็นห่วงและยังต้องพักฟื้นในไอซียู แต่ทุกคนก็วางใจได้ในระดับหนึ่งเมื่อคุณหมอสามารถช่วยชีวิตรัญชน์เอาไว้ได้

กวินท์ยืนมองคนรักจากด้านนอกห้อง ศัลยแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นมาและไล้ปลายนิ้วไปกับกระจกที่ระดับใบหน้าของคนรักซึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีเครื่องช่วยหายใจช่วยยื้อชีวิตเอาไว้

“กวินท์..รัญชน์ก็ปลอดภัยแล้ว ลูกก็น่าจะไปพักบ้างได้แล้วนะ”

กรุณีเดินมาหาลูกชายของเธอที่ยังคงยืนมองคนรักอยู่ ตอนนี้เหลือเพียงเธอกับสามีที่อยู่กับกวินท์ เพราะธันย์กับรตานั้นไปที่สถานีตำรวจเพื่อจัดการกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“ขอผม..อยู่กับรัญชน์อีกสักพักนะครับ...”

กวินท์หันมามองหน้าผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยช้าๆ แม้จะมีกระจกขวางกั้นเอาไว้ แต่อย่างน้อยก็ได้มองเห็น ก็ยังแน่ใจว่ารัญชน์นั้นยังมีชีวิต

“ก็ได้จ้ะ..”

กรุณีลูบศีรษะลูกชายของเธออย่างเข้าใจก่อนหันมองไปข้างในห้องและยิ้มน้อยๆให้กับรัญชน์ที่นอนอยู่ด้านใน

ขอบใจนะจ้ะ...ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อกวินท์

ความโกรธยังคุกรุ่นอยู่ในรตาเมื่อเดินเข้ามาในสถานีตำรวจ

เธอเดินเข้าไปหานายตำรวจเจ้าของเรื่องโดยที่ไม่มองหาผู้เป็นบิดาของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่คนที่หันมองหายชญ์ก็คือธันย์

ชายหนุ่มพบว่าคนสูงวัยนั้นเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่ในห้องขัง แม้กระทั่งจนถึงเวลาที่ทั้งสองคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยชญ์ก็ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

“ตอนเราไปถึงที่บ้าน พ่อของคุณกำลังจะยิงขมับตัวเองครับ ผมว่ายังไงคืนนี้ฝากขังไว้ที่นี่ให้ใจเย็นก่อน ดีกว่าให้ประกับตัวกลับไปบ้านนะครับ”

ตำรวจเจ้าของเรื่องบอกกับรตาและธันย์เมื่อทั้งสองพากันลุกขึ้นหลังจากให้ปากคำเสร็จแล้ว

“คุณตำรวจจะบอกว่า...พ่อจะฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรอคะ?”

“ครับ..”

นายตำรวจตอบเพียงสั้นๆก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น รตามองหน้าธันย์ก่อนจะมองเลยไปยังห้องขัง

รตาบอกได้เลยว่าวินาทีที่เห็นพ่อนั่งอยู่ในนั้นด้วยสภาพที่ก้มหน้าและไหล่ห่อลู่ มันทำให้เธอรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

พ่อที่เธอเห็นมาตลอดชีวิตไม่เคยอยู่ในสภาพเช่นนี้มาก่อน ตลอดชีวิตของยชญ์อยู่อย่างเชิดหน้ายืดอกสู้ในทุกสถานการณ์ไม่เคยเลยที่จะก้มหน้าลงเหมือนคนพ่ายแพ้เช่นนี้

“พ่อคะ..?”

รตาส่งเสียงเรียกเบาๆหลังจากที่ตัดสินใจเดินเข้ามาหาแม้ว่าในใจจะยังไม่ให้อภัยกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อทำกับน้องชายของเธอ

ยชญ์ค่อยๆหันหน้ามาหาลูกสาวของเขา แววตาคู่คมที่มักจะเหยียดสายตามองดูราวกับตัวเองคือผู้ขับเคลื่อนโลกใบนี้มันอ่อนพลังลงอย่างไม่น่าเชื่อ คล้ายกับในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ทำให้ยชญ์กลายเป็นคนแก่ที่ไร้ค่าและไร้กำลังที่จะอยู่ต่อไม่มีผิด

“พ่อจะไม่ถามถึงรัญชน์บ้างหรอคะ..ว่ารัญชน์เป็นยังไงบ้าง?”

รตาถามเสียงสั่น เธอไม่รู้ว่าอารมณ์โกรธ อารมณ์น้อยใจ อารมณ์ไม่เข้าใจอะไรมันจะมากกว่ากันในตอนนี้

“เด็กคนนั้น...เก่งนะ..”

ยชญ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา รตาเผลอตัวกำลูกกรงเอาไว้แน่นขณะที่มองพ่อของตัวเอง ขณะที่ธันย์ยืนอยู่เงียบๆไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขาก็จ้องมองไปยังรูปถ่ายที่ยชญ์ยังคงกำเอาไว้ตรงหน้าอกและพยายามเพ่งมองดูว่ามันคือรูปอะไร

“ไม่มีอย่างอื่นจะพูดอีกหรอคะพ่อ?...”

รตาถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง แต่ยชญ์นั้นไม่ตอบกลับมาอีก เขาขยับหันหลังให้ทั้งสองคนคล้ายจะบอกว่าไม่ต้องการสนทนาอะไรต่อไปอีก..

“หนูหวังว่า...พ่อคงจะได้คิดนะคะว่าสิ่งที่พ่อทำลงไป..มันไม่ถูกต้องเลย...พ่อเลิกเกลียดรัญชน์ตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะคะ แล้วก็..อย่าคิดสั้นแบบนี้อีกนะคะ..หนูขอร้อง..”

รตาพูดช้าๆก่อนเดินกลับออกไปพร้อมกับธันย์อย่างยอมแพ้เมื่อยชญ์ไม่ตอบอะไรมาอีก

พอทั้งสองจากไปแล้ว มือของยชญ์ก็ค่อยๆแบออก ชายสูงวัยร่ำไห้เงียบๆในห้องขังขณะที่มองรูปภาพในมือ

“รัญชน์...พ่อ..ขอโทษ...”

ยชญ์ถูกปล่อยตัวออกมาในที่สุดเมื่อตำรวจเห็นว่าเขามีท่าทีสงบมากขึ้นจนไม่น่าจะคิดทำร้ายตัวเองอีกแล้ว

สถานที่แรกที่ยชญ์มุ่งไปหลังจากออกสถานีตำรวจก็คือโรงพยาบาลของตนเอง..หลังจากที่ถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินไปยังห้องพักฟื้นที่รัญชน์อยู่โดยไม่มองหน้าใครและไม่หยุดฟังคำทักทายของใครทั้งสิ้น

ทันทีที่เห็นหน้าคนเป็นพ่อเดินเข้ามาในห้อง รตาก็ที่นั่งอยู่บนโซฟาก็จ้องมองเขม็งราวกับจะจับตามองดูผู้เป็นพ่อทุกการกระทำ

กวินท์ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียงก็หันมามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่ยชญ์ไม่ได้มองหน้าใครเลยนอกจากรัญชน์

“จะมาดูว่ารัญชน์ตายแล้วหรือยัง..อย่างนั้นหรอครับ?”

กวินท์ข่มความโกรธไว้แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขามองยชญ์ที่ยื่นมือมาแตะที่แขนของรัญชน์อย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก ชายสูงวัยไม่ตอบเขาแต่กลับมองไปยังคนที่นอนบนเตียงด้วยสายตารู้สึกผิด และยืนมองอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรนานนับสิบนาทีก่อนจะหันมาหาเขา

“ถ้ารัญชน์ฟื้นแล้ว..บอกฉันด้วยนะ...”

น้ำเสียงของยชญ์มันขาดพลังอย่างที่เคยมีมา พอมองหน้าแล้ว กวินท์ถึงได้เห็นว่าขอบตาของยชญ์นั้นมันบวมและแดงก่ำราวกับคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง

“ฉัน..อยาก..ขอโทษเด็กคนนี้...”

ยชญ์พูดด้วยเสียงสั่นเทา เขาเอื้อมมือไปลูบแก้มรัญชน์เบาๆก่อนจะหันกลับมามองกวินท์กับรตาที่ยืนอยู่ข้างๆ และเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางที่เหมือนไม่อยากจากไปสักเท่าใดนัก แต่ก็ต้องจำใจออกไปเพราะจับความรู้สึกไม่ยินดีของกวินท์ที่จะให้เขาอยู่ต่อได้

หลังจากยชญ์ออกจากห้องไปแล้ว กวินท์ก็ขยับเอื้อมมาจับมือของรัญชน์เอาไว้ เขามองใบหน้าคนรักที่ยังไม่ฟื้นด้วยความห่วงใยและรู้สึกเจ็บปวดกับความบาดเจ็บของคนรัก

ทั้งแผลที่สองข้างของข้อมือและแผลที่ถูกยชญ์ยิง

ถ้าเป็นไปได้...กวินท์ก็อยากรับความเจ็บปวดนี้ไว้เพียงผู้เดียว

“รัญชน์..คุณหลับนานไปแล้วนะ วันนี้อากาศสดใสมากเลยนะ..คุณน่าจะตื่นขึ้นมายิ้มให้ผมนะ...โลกใบนี้สำหรับผม..มันจะได้สดใสเหมือนกับอากาศภายนอกบ้าง”

กวินท์พูดแผ่วเบากับคนรักที่ยังไม่ได้สติ รตาที่นั่งอยู่ที่โซฟาก็ก้มหน้าและเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง น้ำตาเธอไหลลงมาอย่างสงสารทั้งผู้เป็นน้องชายของเธอและกวินท์ขณะทอดสายตามองดูแสงแดดภายนอก นกสองตัวกำลังบินโฉบอย่างหยอกเย้ากันอยู่ตรงริมระเบียงใกล้ๆ

รตาสูดลมหายใจลึกๆและยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกไปจากดวงตาของเธอก่อนจะหันกลับมาหากวินท์

“ลองคุณหมอลองจุมพิตตารัญชน์ดูสิคะ แบบที่เจ้าชายปลุกเจ้าหญิงนิทราไงคะ..ไม่แน่ตารัญชน์อาจจะฟื้นขึ้นมายิ้มให้คุณหมอไวขึ้น”

กวินท์หันมายิ้มให้กับคำพูดของเธอ

แต่มันเป็นรอยยิ้มหม่นหมองเหลือเกิน...

“รัญชน์..ถ้าผมจูบคุณ...คุณจะฟื้นขึ้นมาอย่างที่คุณรตาบอกหรือเปล่า..?”

“คุณนอนนานเกินไปแล้วนะ...ตื่นขึ้นมายิ้มให้ผมบ้าง..มาคุยกับผมบ้าง...ไม่ได้หรอ?”

“ผมคิดถึงเสียงเพราะๆของคุณ..คิดถึงรอยยิ้มของคุณมากเลยนะรู้ไหม...”

“ผมอยู่ไม่ได้นะรัญชน์...ถ้าไม่มีคุณ”

ภายในห้องที่มีเพียงเขาอยู่กับคนรักตามลำพังในคืนวันเดียวกันนั้น คำพูดเหล่านี้หลุดจากปากของกวินท์ซ้ำไปซ้ำมาด้วยเสียงแผ่วเบา

กวินท์ยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงของรัญชน์ ดวงตายังคงมองใบหน้าของคนรักอย่างรอคอย

รู้ดีว่ารัญชน์พ้นขีดอันตรายแล้ว...

แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้รัญชน์ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที..

ใจที่ยังคงมีความหวังมันเริ่มบีบรัดด้วยความทรมานจากการรอคอย

น้ำตาค่อยๆไหลซึมลงมา กวินท์รู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามยิ้มออกมาขณะที่ขยับลุกขึ้นยืน มือข้างที่ไม่เจ็บยื่นออกไปสัมผัสแก้มของคนรักอย่างทะนุถนอม

“ตื่นขึ้นมายิ้มให้ผมเถอะนะ...รัญชน์”

กวินท์กระซิบก่อนโน้มกายลง ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงกับเรียวปากซีดจางของคนรัก

มันเป็นรสชาติจูบที่เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ น้ำตาของกวินท์ไหลลงเปื้อนแก้มของรัญชน์ที่ยังคงไม่ได้สติ กวินท์จับมือเล็กไว้แน่น เขาผละริมฝีปากมาก่อนซุกหน้าลงกับไหล่ของคนรักแล้วสะอื้นออกมา

เป็นครั้งแรก..ที่กวินท์ได้เรียนรู้ที่จะร้องไห้เพราะความเสียใจ

ภายนอกห้อง...ยชญ์กำลังยืนมองผ่านกระจกบานเล็กเข้ามาด้วยแววตาว่างเปล่า...อย่างที่ไม่มีใครคาดเดาความคิดของเขาได้

แม้กระทั่ง...ตัวของเขาเอง...

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.11 (Update 16/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 17-03-2013 17:07:26
กวินท์นั่งเฝ้ารัญชน์จนกระทั่งเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้

เขามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีศัลยแพทย์รุ่นน้องเขย่าไหล่เบาๆ

กวินท์สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างเพลียๆ เขานิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกปวดแขนที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งเผลอนอนทับไปแต่ก็พยายามรักษาสีหน้าเอาไว้เมื่อหันมองรุ่นน้อง

“หมอน่ะเอง..มีอะไรหรือเปล่า?”

“เอ่อ...จริงๆแล้วผมไม่อยากรบกวนนะครับ แต่พอดีมีเคสพิเศษเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ อาจารย์โกเมศบอกว่าพี่เคยดูแลเคสนี้สมัยตอนอยู่ที่ลอนดอน เลยอยากให้พี่ช่วยลงไปวิเคราะห์น่ะครับ”

กวินท์พยักหน้าช้าๆก่อนจะลุกขึ้นยืน สายตามองดูใบหน้าคนรักที่ยังคงหลับอยู่แล้วหันมาหารุ่นน้องอีกครั้ง

“ได้สิ...ตอนนี้เลยใช่ไหม?”

“ครับ”

กวินท์เดินออกจากห้องไปพร้อมกับคนที่มาตามทั้งที่ในใจยังคงอยากจะอยู่กับรัญชน์โดยไม่รู้เลยว่าคนรักนั้น..กำลังจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเจ็บปวดอีกครั้ง

 

หลังจากที่กวินท์ออกไปได้สักพักใหญ่ ยชญ์ก็ก้าวเข้ามาเงียบๆ เขาเดินไปยังเตียงที่รัญชน์นอนอยู่และเอื้อมมือไปลูบแก้มรัญชน์เบาๆ สายตาที่มองเริ่มฝ้าฟางด้วยหยาดน้ำตา

“รัญชน์...ลูกพ่อ..”

น้ำตาของยชญ์ไหลตกลงบนเปลือกตาของรัญชน์ซึ่งกำลังกะพริบเบาๆ ยชญ์ชะงักเมื่อเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว รอยยิ้มวาดขึ้นบนริมฝีปากของเขา มือสั่นเทาลูบแก้มของรัญชน์ช้าๆพลางพร่ำถาม...

“รัญชน์..เจ็บมากไหมลูก..?” คนถูกถามนั้นได้ยินเสียงมันดังก้อง ภาพของยชญ์ก็ดูไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แม้จะพยายามเพ่งมอง ริมฝีปากก็ดูเหมือนไม่ใช่ของตัวเองเมื่อบังคับให้เปล่งคำพูดออกมาไม่ได้ จนรัญชน์ไม่แน่ใจนักว่าตนเองกำลังฝันไปหรือว่ามันเป็นความจริงกันแน่

แต่ขณะที่รัญชน์นึกสงสัยนั้น ยชญ์ก็เอ่ยพูดระบายความรู้สึกออกมาขณะที่ยังคงลูบแก้มรัญชน์อยู่

“เพราะอะไร...ลูกถึงไม่ใช่ลูกของพ่อ..ทำไมเราถึงไม่ใช่พ่อลูกกัน..ถ้าเราเป็นพ่อลูกกัน พ่อก็คงไม่เกลียดลูกจนเผลอทำร้ายลูกไปแบบนั้น..”

ยชญ์พูดแล้วก้มหน้าสะอื้น รัญชน์รู้สึกหน่วงในใจกับสิ่งที่คนซึ่งเคยคิดว่าเป็นพ่อนั้นระบายออกมา แต่แล้วความรู้สึกหน่วงนั้นก็กลายเป็นความหวาดกลัวเมื่อยชญ์เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

รัญชน์เห็นภาพของเขาชัดมากขึ้น

แววตาของยชญ์มันว่างเปล่าและเลื่อนลอยอย่างคนไม่ได้สติ ยิ่งเมื่อเอ่ยพูดประโยคต่อมา...มันก็ยิ่งทำให้รัญชน์หวาดกลัวผู้ชายคนนี้มากขึ้น

“เราจะยังมีโอกาสได้เป็นพ่อลูกกันอีกไหม..ถึงในชาตินี้คงไม่มีทางเป็นไปได้...แต่ชาติหน้า..ลูกจะมาเป็นลูกของพ่อหรือเปล่า?”

ยชญ์ถามราวกับคนจิตหลุด เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้รัญชน์ที่พยายามจะพูดอะไรสักอย่างแล้วส่งยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่รัญชน์นึกกลัวเป็นอย่างยิ่งเมื่อเขาถามซ้ำๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ลูกจะเกิดมาเป็นลูกของพ่อใช่ไหมรัญชน์...พ่อสัญญา พ่อจะรักลูกมากกว่าใคร จะรักให้มากกว่าที่เคยรักและเกลียดลูกในชาตินี้..”

ยชญ์ยิ้มให้รัญชน์ทั้งน้ำตาขณะที่เอื้อมมือไปหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆมาช้าๆ รัญชน์มองตามมองเขาอย่างหวาดกลัว..

“พะ...พ่อ..ครับ..”

รัญชน์พยายามจะขยับลุก แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะบังคับพยุงร่างกาย ความเจ็บปวดจากบาดแผลมันทำให้รัญชน์นิ่วหน้า ซ้ำยชญ์ยังใช้มือกดไหล่เขาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นอีก

“ไปกับพ่อนะรัญชน์...ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน...”

“พ่อจะรักลูก..พ่อสัญญา...”

ยชญ์ว่าแล้วส่งยิ้มมาให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะใช้หมอนซึ่งหยิบมานั้นกดลงกับใบหน้าของรัญชน์เต็มแรงอย่างหมายเอาชีวิต

ชั่ววินาทีที่ถูกหมายเอาชีวิตอีกครั้ง รัญชน์หวาดกลัวจับใจ

เขาพยายามรวบรวมแรงอันน้อยนิดที่มีดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นพ่อ แต่ยิ่งดิ้น ยชญ์ก็ยิ่งออกแรงกดลงมามากขึ้นจนรัญชน์รู้สึกหายใจไม่ออก ศีรษะมันบีบรัดมากขึ้นจนปวดร้าวไปหมดเพราะขาดออกซิเจน

“ทำอะไรของคุณน่ะ!”

ยชญ์สะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงตวาดดังขึ้น กวินท์ที่เพิ่งกลับมาจากด้านล่างปราดเข้ามาทันทีอย่างตื่นตะหนกกับภาพที่ได้เห็น

จับแขนของยชญ์ได้ กวินท์ก็เหวี่ยงชายสูงวัยออกจากคนรักของตนเอง เขาปัดหมอนทิ้งออกไปทันที

รัญชน์สำลักออกกาศเข้าปอด ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา สองแก้มแดงก่ำไม่แพ้กับดวงตา กวินท์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นรัญชน์ยังคงหายใจอยู่ แต่แล้วเขาก็ถูกยชญ์กระชากเหวี่ยงไปที่พื้น จังหวะที่กวินท์เซล้ม ยชญ์ก็ขึ้นมาคร่อมแล้วใช้สองมือบีบคอกวินท์เอาไว้

“อึ่ก..”

กวินท์ดิ้นรน ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บผลักยชญ์ออกไป แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งใดแล้ว แรงบีบมันมากขึ้นจนกวินท์ปวดร้าวไปทั่วศีรษะเหมือนกับที่รัญชน์เป็นตอนถูกหมอนกด

ศัลยแพทย์หนุ่มงอขาขึ้นพยายามถีบยชญ์ให้พ้นออกไป

ในเวลานั้นเขาได้ยินยชญ์พึมพำตลอดเหมือนคนที่มีอาการทางประสาทว่ารัญชน์เป็นลูกของเขา ใครจะมาแย่งรัญชน์ไปไม่ได้ เขาจะพารัญชน์ไปเกิดใหม่เป็นลูกของเขาอีกครั้ง

กวินท์กลัวอาการทางประสาทที่ยชญ์มีจับใจ

ร่างกายของเขาก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะมีแรงสู้กับชายที่เสียสติคนนี้

แต่กวินท์ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ เพราะหากเขายอมแพ้ มันไม่ได้หมายถึงเพียงชีวิตของเขา แต่ยังมีชีวิตของคนที่เขารักอย่างรัญชน์ด้วย

ศัลยแพทย์หนุ่มพยายามดึงแรงมาผลักยชญ์ออกไป

จังหวะที่ยชญ์หันไปพยายามจะฆ่ากวินท์นั้นเอง รัญชน์ก็พยายามสุดชีวิตที่จะเอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกพยาบาล กริ่งมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น รัญชน์พยายามจนคว้ามันไว้ได้แล้วกดทันที

---ปิ๊งป่อง...---

“มีอะไรให้ช่วยคะ”

เสียงของนางพยาบาลถามกลับมาทันที รัญชน์สูดลมหายใจลึกๆและตะโกนออกไปพร้อมกับที่กวินท์เองก็ตะโกนออกมาเช่นกัน

“ช่วยด้วย!!”

“เกิดอะไรขึ้นกันคะ?”

ประจวบเหมาะกับที่รตาและธันย์เข้ามาถึงห้องพอดี พวกเขาตื่นตกใจไม่น้อยกับภาพที่เห็น และการเข้ามาของพวกเขาทำให้ยชญ์ผงะ \สองมือที่บีบคอกวินท์อยู่ เป็นจังหวะให้กวินท์ยกขาขึ้นมาถีบยชญ์ออกไปสุดแรง

ศีรษะของยชญ์กระแทกเข้ากับมุมโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เลือดซึมออกมาจากบาดแผลไหลย้อยลงมาตามหน้าผาก เขาลุกขึ้นและเอามือกุมศีรษะของตัวเองไว้ สายตาเกรี้ยวโกรธอย่างไร้สติที่ทุกคนมาขัดขวางความตายของตนกับลูกชายอย่างรัญชน์

“กะ..กวินท์...” ยชญ์หันขวับไปตามเสียงและเห็นภาพที่รัญชน์ซึ่งพยายามตะกายลงจากเตียงมาหาคนรัก กวินท์ลุกขึ้นแล้วโผเข้าไปกอดรัญชน์ไว้ก่อนส่งสายตาไม่ไว้วางใจมองมา

“รัญชน์..มาหาพ่อสิลูก...”

ยชญ์เอื้อมมือออกไป เขายังคงส่งยิ้มทั้งน้ำตา

แต่ฝ่ายรัญชน์นั้นส่ายหน้าปฏิเสธ สองมือของรัญชน์กอดกวินท์ไว้แน่นอย่างเป็นที่พึ่งพิง

รัญชน์หวาดกลัวยชญ์จับใจ

ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อ...

แต่เป็นฆาตกรที่จะเอาชีวิตเขาถึงสองครั้ง..

“คุณ...ยังมีหน้าเรียกว่าตัวเองว่าพ่ออีกหรอ คุณจะฆ่ารัญชน์ถึงสองครั้งแล้วนะ!”

กวินท์ตวาดออกไปด้วยโทสะ เขากอดรัญชน์แน่นและก้าวถอยหลังพร้อมรัญชน์ในอ้อมแขนเมื่อยชญ์ก้าวสามขุมเข้ามาหา

“แกจะเข้าใจอะไร! แกไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก!!”

ยชญ์ตะคอกกลับ กวินท์ได้ยินแล้วก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา สายตาเหยียดมองคนที่อายุมากกว่าอย่างสมเพช

“ใช่..ผมไม่เข้าใจหรอก ความรู้สึกของฆาตกรน่ะ! และผมก็ไม่อยากเข้าใจด้วย!” กวินท์ตวาดลั่น พอดีกับที่นางพยาบาลสองคนซึ่งได้ยินเสียงกริ่งวิ่งเข้ามาพอดี พยาบาลทั้งสองหยุดยืนอยู่ตรงประตูด้วยความงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ฆาตกร..ฆาตกรอย่างนั้นหรอ..?”

ยชญ์ทวนคำซ้ำไปซ้ำมา สีหน้าเหม่อลอยก่อนจะมีแววตาหวาดกลัวขึ้นมา เขาก้มลงมองสองมือของตัวเองแล้วส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง รตาจะเดินเข้าไปหาแต่ก็ถูกธันย์ที่รู้สึกผิดสังเกตรั้งเอาไว้

“เปล่านะ..ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!”

ยชญ์ร้องเสียงดังก่อนจะถอยหลังหนี

เขามองหน้าทุกคนแล้วผลุนผลันออกจากห้องไป

รตาผวาจะตามพ่อไปแต่ก็ต้องหันกลับมาเมื่อกวินท์ร้องอุทานเรียกน้องชายของเธอ

“รัญชน์!”

รัญชน์ที่ฝืนร่างกายมากเกินควรทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของคนรัก ใบหน้าของน้องชายที่ซีดเซียวจนน่าวิตกนั้นดึงเอาความสนใจจากรตาเอาไว้

เธอโผเข้าไปหาพร้อมกับธันย์ที่เข้าไปช่วยกวินท์อุ้มรัญชน์กลับขึ้นมานอนบนเตียง ก่อนที่ทุกคนจะถอยออกมาเพื่อให้นางพยาบาลที่เข็นรถปฐมพยาบาลเข้ามานั้นได้ช่วยปฐมพยาบาลรัญชน์ให้ดีขึ้น

“ฉัน..จะออกไปตามหาพ่อ..”

รตาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่ารัญชน์ปลอดภัยดีแล้ว..เธอเงยหน้ามองสบตาคนรักแล้วหันไปหากวินท์

“ฝากรัญชน์ด้วยนะคะคุณหมอ”

“ครับ”

กวินท์พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆเตียง รตาออกจากห้องไปพร้อมกับธันย์ ศัลยแพทย์หนุ่มถอนหายใจช้าๆ ข่มอารมณ์โกรธให้สงบลงแล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนรักอย่างถนอม

รัญชน์พลิกหน้าหันมาหาเขา น้ำตามันยังคงคลออยู่ที่หน่วยตาคู่งาม กวินท์ใช้ปลายนิ้วเช็ดมันออกไปและโน้มหน้าไปจูบหน้าผากของคนรักไว้

“ไม่เป็นไรนะ...ผมจะไม่ยอมให้เขาทำร้ายคุณอีกเด็ดขาด..”

กวินท์ให้คำมั่นพร้อมจับมือของรัญชน์เอาไว้ รัญชน์ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็บีบมือที่จับไว้แน่น

กวินท์รู้ว่ารัญชน์ยังคงขวัญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย เขาอิงหน้าลงซบกับหน้าของคนรักและจับมือเอาไว้อย่างนั้น

ใช้ไออุ่นของตัวเองเป็นเครื่องปลอบประโลมให้คนรักตื่นจากฝันที่เลวร้ายนี้

ยชญ์ที่คลุ้มคลั่งหนีทุกคนขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเองที่ชั้นบนและปิดล็อคขังตัวเองอยู่ในห้อง เขาเดินโซเซไปที่ขอบหน้าต่าง ปากก็พูดพร่ำคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาสลับกับปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่ฆาตกร

“พ่อขอโทษ...พ่อไม่ได้ตั้งใจ..”

“ฉัน..ไม่ได้เป็นฆาตกร...ไม่ได้เป็น...”

“รัญชน์...พ่อขอโทษ...”

มือสั่นเทาของยชญ์ควานหยิบเอารูปสองใบที่เขาพกติดตัวเอาไว้ขึ้นมาจ้องมองแล้วร้องไห้สะอื้น

หยาดน้ำตาไหลลงมาเปื้อนรูปในมือหยดแล้วหยดเล่า

“พ่อ...ขอโทษ...”

ยชญ์พูดซ้ำๆน้ำเสียงขาดช่วง มือข้างหนึ่งกำรูปเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็จิกลงกับกรอบบานหน้าต่าง

หากยชญ์นึกตรองดูสักนิด..ก็จะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันก็เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งสิ้น...

ครอบครัวที่แสนสุข..มันไม่มีค่าใด เขาเฝ้าหลอกตัวเองเช่นนั้น นับตั้งแต่ที่รศนาเดินจากเขาไปพร้อมรัญชน์...ลูกชายที่เขารักมากที่สุด

ยชญ์บ่มเพาะความเกลียดชังรศนากับรัญชน์ไว้ในใจเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนแอจากการสูญเสีย จนลืมคิดว่าทุกอย่างก็เป็นเพราะตนเอง

การแต่งงานของเขากับรศนาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก แต่เขาก็รักเธอจนไม่ยอมยกให้ใครและพยายามทำหน้าที่พ่อที่ดี

ยชญ์รู้อยู่แก่ใจว่ารตาไม่ใช่ลูกที่เกิดขึ้นจากความรัก

แต่สำหรับรัญชน์นั้น..เขาเคยคิดว่าการที่รศนายอมอยู่กินกับเขาจนกระทั่งให้กำเนิดรัญชน์ขึ้นมานั้น ก็เพราะเธอเห็นความรักของเขาและเปิดใจรักเขาบ้างแล้ว รัญชน์ถึงได้ลืมตามาดูโลกใบนี้

เด็กคนนี้จึงกลายเป็นลูกรักของเขา...

ทว่า..เมื่อรู้ความจริงว่ารัญชน์ไม่ใช่ลูกของเขา ไม่ใช่ผลผลิตจากความรักที่เขาคิดไว้ ความเจ็บปวดมากมายมันถาโถมเข้ามาหาจนเขาไม่อาจจะทำได้แม้กระทั่งมองหน้ารัญชน์..

มันคงจะดีเสียกว่า...หากเขาไม่รู้ความจริงนี้...

ในห้วงสติที่สิ้นหวังมันแสนจะมืดมนและไร้ทางออก ยชญ์ปีนขอบหน้าต่างขึ้นไปนั่งและทอดสายตามองดูท้องฟ้าที่เริ่มตั้งเค้าฝนทั้งที่เมื่อวานนี้อากาศสดใสอย่างเหม่อลอย

“พ่อ...ขอโทษ...”

สิ้นคำพูดนั้น...ร่างของเขาก็พลัดตกลงมาจากขอบหน้าต่างลงสู่พื้นเบื้องล่างกว่าสามสิบชั้นและสิ้นใจในทันที

ยชญ์เลือกที่จบชีวิตลง...โดยลืมที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตนเอง

“พ่อคะ?..”

รตาที่เดินขึ้นมาบนห้องทำงานของยชญ์หลังจากได้ยินนางพยาบาลบอกว่าเห็นยชญ์วิ่งกลับขึ้นมาข้างบน หญิงสาวส่งเสียงเรียกออกไปก่อนหันมาสบตากับคนรักเมื่อเห็นภายในห้องทำงานนั้นว่างเปล่า

มีเพียงแต่บานหน้าต่างที่เปิดกว้างเอาไว้ สายฝนที่เพิ่งจะโปรยปรายลงมามันสาดเข้ามาในห้องจนพื้นเปียกเป็นวงกว้าง รตาคงจะหันหลังกลับออกไป หากไม่ได้ยินเสียงคนกรีดร้องมาจากเบื้องล่าง เธอถลาไปมองก่อนจะกรีดเสียงร้องออกมา

“พ่อคะ!!!”

เข่าของรตาทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงเมื่อเห็นภาพร่างของยชญ์ที่อาบไปด้วยเลือดนอนอยู่กับพื้นถนนที่ด้านล่างของโรงพยาบาล

ธันย์ผวารับร่างของเธอไว้ก่อนที่หงายหลัง หญิงสาวกอดคนรักไว้แน่นแล้วสะอื้นโฮออกมา

ถึงแม้ว่าบิดาจะทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย..แต่อย่างไรก็ตาม ยชญ์ก็คือพ่อของเธอ..

แม้จะไม่ชอบใจกับสิ่งที่ยชญ์ทำลงไปมากเพียงใด แต่ผู้เป็นพ่อก็คือพ่อ รตาสูดลมหายใจลึกๆขณะที่น้ำตาเอ่อคลออยู่ที่หน่วยตาเรียวสวย

เธอเงยหน้ามองดูทุกคนแล้วเริ่มพูดช้าๆ มันเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกหลังจากที่ยชญ์เสียชีวิต

“ตอนแรกหนูคิดว่าพ่อคงจะฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถทนที่จะตกเป็นผู้ต้องหาหรือนักโทษในสิ่งที่พ่อทำผิดไป”

พ่อของเธอเกลียดการตกเป็นข่าว ตกเป็นเป้าหมายให้ผู้คนนินทาอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่รตาจะคิดเช่นนั้น แต่เธอก็ได้รู้ว่าเธอคิดผิด

รตาดึงรูปสองใบมาวางต่อหน้าทุกคน กวินท์นิ่งไปเมื่อเห็นรูปที่เปื้อนเลือดทั้งสอง

“รูปสองใบนี้เปลี่ยนความคิดของหนู พ่อกำมันไว้แน่น...ตอนที่...”

รตาไม่สามารถพูดต่อให้จบได้ ริมฝีปากของเธอสั่นเทา คำพูดจึงหยุดลงแค่นั้น แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเธอจะพูดต่อว่าอย่างไร

รัญชน์ที่นั่งอยู่ข้างๆกวินท์เอื้อมมือหยิบรูปทั้งสองมาดูใกล้ๆแล้วก็ร้องไห้ออกมา กวินท์ขยับเข้ามากอดรัญชน์เอาไว้อย่างปลอบประโลม

“บางที...คุณลุงคงอยากให้ครอบครัวกลับมาเป็นแบบในภาพพวกนี้อีกครั้ง...แต่เพราะรู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว ก็เลย..” แม้แต่ธันย์เองก็ยังไม่อาจพูดต่อให้จบได้ ความรู้สึกหม่นหมองมันเข้ามาครอบคลุมในใจทุกคน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดและทิฐิของตัวยชญ์เองแท้ๆ คนที่ไม่เคยพบกับความผิดพลาดในชีวิต

“แล้วหนูบอกข่าวกับคุณรศนาบ้างแล้วหรือยัง?” รตาส่ายหน้าช้าๆให้กับยองอวาที่เอ่ยถาม เธอถอนหายใจยาวอย่างหนักอก

“ยังเลยค่ะ..หนูไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ไหนจะเรื่องพ่อที่แท้จริงของรัญชน์อีก หนูบอกตามตรงเลยค่ะ ว่าไม่กล้าตัดสินใจ”

“อย่า..เพิ่งบอกแม่เลย” รัญชน์พูดออกมาเป็นครั้งแรก เขาสูดจมูกน้อยๆและส่ายหน้าช้า...

“ปล่อยให้แม่มีความสุขกับครอบครัวของเขา..แบบนั้นน่ะดีแล้ว..”

ภาพของแม่ที่ยิ้มอย่างมีความสุขในครั้งสุดท้ายที่รัญชน์ได้เห็นเธอ มันทำให้รัญชน์ไม่อยากเอาเรื่องวุ่นวายที่ตอนนี้มันจบลงแล้วไปกวนใจให้เธอคิดมาก สู้ปล่อยให้มีความสุขโดยที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆเสียดีกว่า

“แล้วเรื่องพ่อที่แท้จริงของคุณล่ะ?..”

กวินท์ถามออกไปอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของคนรัก

รัญชน์นิ่งไป แววตาแสนเศร้ามันแฝงด้วยความรู้สึกผิดอย่างที่กวินท์จับสังเกตได้ก่อนที่รัญชน์จะฝืนยิ้มให้ทุกคน

“ผม...ทำไม่ได้กับเขาไว้ เขาอาจจะไม่อยากได้ผมเป็นลูก แต่...ยังไงเขาก็คือพ่อของผม...”

รัญชน์พูดแล้วหันมาฝืนยิ้มให้กับคนรักทั้งที่ดวงตายังคลอด้วยน้ำตา

“ไว้เรารักษาตัวให้หาย...แล้วผมจะพาคุณไปหาพวกท่านนะ”

กสิณกับกรุณีฟังแล้วก็ต้องยิ้มออกมาจากใจจริงกับความเข้มแข็งที่รัญชน์มี และรู้สึกเอ็นดูคนรักของลูกชายขึ้นมาอีกไม่น้อย

เช่นเดียวกันกับรตาที่มองน้องชายเธออย่างภูมิใจที่รัญชน์ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งหลังจากพ้นอุปสรรคมา...

จากนี้ไป...น้องชายของเธอจะไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว นอกจากมีกวินท์อยู่เคียงข้าง มีเธอเป็นพี่สาว รัญชน์กำลังจะได้กลับไปเริ่มต้นรู้จักคำว่าครอบครัวอีกครั้งกับพ่อและ

แม่ที่รัญชน์เคยปฏิเสธมาตลอด..

หลังฝนตก..มักจะมีสายรุ้งรออยู่เสมอ...

-TBC-

อีกไม่กี่ตอนก็ใกล้จะจบแล้ว  :impress2:
ขอบคุณคนอ่านที่ติดตามทุกท่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นส์ที่ทำให้มีแรงใจลงต่อนะคะ รักน้าจุ๊บๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.12 (Update 17/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 17-03-2013 18:50:45
อีพ่อโรคจิตจริงๆด้วย  :a5: 
ขอให้รัญชน์มีความสุขกับหมอกวินท์  :กอด1:
รออ่านต่อ รักคนเขียน จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.12 (Update 17/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 18-03-2013 22:16:47
         ตอนที่ ๑๓

 

ฤดูฝนกำลังกลับเข้ามาอีกครั้ง เมฆดำครึ้มที่เคลื่อนที่มาช้าๆกำลังลอยอยู่เหนือบรูคลินและทิ้งเอาหยาดน้ำฝนโปรยปรายลงมาด้านล่าง

รัญชน์ละมือจากข้าวของที่กำลังเก็บเรียงเข้าชั้นมายืนมองดูสายฝนที่กำลังตกอยู่ข้างหน้าต่าง บรรยากาศที่ดูเหงาหงอยสำหรับใครหลายๆคนกลับเป็นบรรยากาศที่รัญชน์นั้นแสนรัก

“ผมอยากจะวาดรูปอีกครั้ง...”

รัญชน์เปรยขึ้นมา สิ่งที่เขาพูดออกไปทำให้กวินท์ที่กำลังคัดหนังสือจากชั้นวางย้ายมาลงกล่องใกล้ๆต้องละสายตาขึ้นมามอง

ใบหน้าละมุนด้วยรอยยิ้มน้อยๆกำลังมองดูหยาดน้ำฝนอยู่

กวินท์มองสิ่งที่คนรักกำลังมองดูก็รู้ว่ารัญชน์นั้นกำลังคิดอะไรอยู่จึงเดินมาหาคนรัก

“ลองวาดดูสิ..ผมเชื่อว่าคุณทำได้”

สองมือของกวินท์เอื้อมไปจับสองมือรัญชน์ไว้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นเพื่อส่งกำลังใจให้

รัญชน์มองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกที่คลายกังวลลง เพราะกลัวว่าความต้องการของตนเองจะไปกระทบกับจิตใจของคนรักเข้า

ทั้งเขากับกวินท์ต่างก็ต้องยุติในอาชีพของตนเองมาปีกว่าแล้วนับตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุ แม้ว่าจะได้รับการผ่าตัดจากกสิณผู้เป็นพ่อของกวินท์และทำกายภาพบำบัดจนมือที่ได้รับบาดเจ็บหายเป็นปกติดี แต่ทั้งเขาและกวินท์ก็ไม่เคยกลับไปทำในสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นพรสวรรค์ของตนเลยสักครั้ง

กวินท์เคยบอกไว้ว่าการบังคับมือและนิ้วถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งในการผ่าตัดแต่ละครั้ง ถึงแม้ว่ามือของเขาจะหายดีจนใช้งานได้เป็นปกติ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมที่จะใช้งานได้อย่างไร้กังวล

อาการเจ็บที่บาดแผลมันจะเกิดขึ้นเมื่อใช้งานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ และการผ่าตัดแต่ละครั้งบางทีก็ไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง เขาไม่อยากทำให้คนไข้เกิดภาวะเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเพราะตัวเขาเอง

ได้ยินเช่นนั้นแล้ว รัญชน์ก็เลยถามกลับไปว่ากวินท์ไม่เสียใจหรือที่จะไม่ได้ใช่สิ่งที่เรียนมาช่วยชีวิตคนอีก คนรักของเขายิ้มๆและบอกว่าถึงไม่ได้เป็นศัลยแพทย์ก็สามารถช่วยชีวิตคนในสาขาอื่นได้อีก

ดังนั้นกวินท์กับเขาเลยย้ายมาอยู่ที่บรูคลินเพื่อให้กวินท์เข้าศึกษาต่อในสาขาด้านจิตวิทยาที่กวินท์เองก็สนใจอยู่

รัญชน์เคยคิดแบบคาดเดาเอาเองว่าการที่กวินท์สนใจในเรื่องสาขาจิตวิทยานี้เป็นเพราะยชญ์ก็เป็นได้

แต่เขาก็ไม่เคยได้ถามกวินท์อย่างจริงจังสักครั้ง

อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่วันที่พี่สาวเอารูปถ่ายมาให้ดูวันนั้น พวกเขาก็ไม่เคยพูดถึงคนที่เคยเป็นพ่ออีกเลย

“แต่อย่าหักโหมมากเกินไปก็แล้วกัน”

กวินท์บอกอย่างเป็นห่วง รัญชน์พยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะยิ้มให้กันและหันกลับไปช่วยกันจัดเรียงตำราแพทย์ของกวินท์เข้าชั้นวางกวินท์จัดชั้นหนังสือไปก็ลอบมองคนรักไปด้วย

รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นเมื่อเขาเฝ้ามองดูคนรักที่มีกำลังใจจะกลับไปสร้างสรรค์ผลงานของตนอีกครั้ง

ที่กวินท์เลือกมาเรียนที่นี่ก็เพราะอยากให้รัญชน์กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เมืองที่รัญชน์รักและก็ใกล้กับแกลอรี่ของคีตวิชญ์

กวินท์คาดหวังเสมอที่จะให้คนรักกลับมาวาดรูปอีกครั้ง

แต่นับตั้งแต่เกิดเรื่อง รัญชน์ก็ไม่ยอมจับดินสอหรือพู่กันขึ้นมาเลยสักครั้ง ราวกับเป็นคนที่ไร้แรงจูงใจที่จะสร้างผลงานขึ้นมา

พอรัญชน์เอ่ยปากว่าอยากวาดรูป กวินท์เลยมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับอาการอิ่มเอมใจก็ว่าได้

“คุณยิ้มอะไรน่ะ?”

รัญชน์หันมาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนรักที่มองตัวเอง กวินท์เอื้อมมือไปเกลี่ยผมที่ยาวเคลียไหล่ของคนรักไปทัดไว้ที่หลังใบหูก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมมีความสุขนะ..ที่คุณไม่ทิ้งความฝันของคุณ แล้วก็อยากเห็นภาพวาดภาพแรกจากมือข้างนี้ของคุณด้วย”

กวินท์จับมือข้างขวาของรัญชน์มาลูบเบาๆอย่างทะนุถนอม รัญชน์ยกมือซ้ายขึ้นมาวางทับมือของกวินท์ไว้

“แล้วคุณล่ะ...ไม่เสียใจแน่นะ ที่จะไม่ได้ผ่าตัดอีก?”

“ไม่ถึงขั้นเสียใจหรอก แค่เสียดายสิ่งที่เรียนมามากกว่า แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ สำหรับผมแล้ว จะสาขาไหนก็ช่วยคนไข้ได้เหมือนกัน”

น้ำเสียงและแววตาของกวินท์ยังคงอบอุ่น รัญชน์มองแล้วก็วางใจคลายกังวลลง

“ผมเชื่อว่าคุณจะเป็นจิตแพทย์ที่ดีเยี่ยมได้ เหมือนกับที่คุณเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งอย่างแน่นอน”

รัญชน์บอกอย่างมั่นใจในตัวคนรัก

รัญชน์หันกลับไปวาดรูปอีกครั้งในช่วงเวลาว่างๆที่กวินท์ไปเรียนต่อ แม้ว่าจะยังใช้มือไม่คล่องเหมือนเก่าสักเท่าไหร่ แต่หลังจากร่างรูปคร่าวๆเสร็จแล้ว รัญชน์ก็ยืนมองมันด้วยความภูมิใจไม่แพ้คนที่เดินเข้ามายืนแอบดูตั้งแต่เขาเริ่มวาดอย่างคีตวิชญ์

“พี่ดีใจนะ ที่นายกลับมาวาดรูปอีกครั้ง”

รัญชน์ยิ้มรับคำพูดของคีตวิชญ์ เพื่อนรุ่นพี่ของเขาอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้ในรอยยิ้มนั้นจนต้องยื่นมือมาขยี้ผมรัญชน์จนยุ่งไปเสียหมด

“หมั่นไส้แหะ คนเรานะ พอมีความรักแล้วก็เปลี่ยนเหมือนเป็นคนละคนเลย แต่ก่อนนายเคยยิ้มแบบนี้ซะที่ไหนกัน ถามจริงเถอะ ความรักทำให้นายมีความสุขมากขนาดนั้นเลยหรอ?”

รัญชน์ยิ้มเขินๆก่อนจะหันไปหยิบจานสีขึ้นมาเริ่มต้นผสมสี

“พี่ก็มีความรักดูบ้างสิจะได้รู้ไงว่าความรักทำให้คนเรามีความสุขได้มากแค่ไหน”

“แต่ตอนนี้พี่ก็มีความสุขดีอยู่แล้วนี่นา” คีตวิชญ์ยักไหล่ก่อนยกมือไปลูบหัวของรัญชน์ที่เขารักเหมือนน้องชายคนหนึ่งก่อนพูดเสียงอ่อน

“ยังไงนายก็อย่าฝืนล่ะ เดี๋ยวพี่ลงไปข้างล่างก่อนก็แล้วกัน มีอะไรก็เรียกนะ”

รัญชน์พยักหน้า ก่อนทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไปเสียก่อน คีตวิชญ์มองแล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างสงสัย รัญชน์เลยโพล่งถามออกไป

“แล้วพี่..ไม่กลับมาวาดรูปบ้างหรอ?”

คีตวิชญ์ไม่ตอบแต่ส่งยิ้มมาให้เขาเท่านั้น

กว่าสองเดือนที่รัญชน์จะวาดภาพที่ตั้งใจไว้ออกมาสำเร็จ

ด้วยปรารถนาที่จะให้คนรักได้เห็นภาพที่สมบูรณ์เป็นคนแรก รัญชน์จึงนำมันกลับมาที่ห้องของตน

ร่างบางจัดการวางรูปไว้บนโต๊ะก่อนจะหันไปเปิดเพลงฟังฆ่าเวลาระหว่างที่รอกวินท์กลับมาในตอนเย็นจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว

กวินท์กลับมาถึงห้องในตอนเกือบสามทุ่ม

รอยยิ้มของความอบอุ่นมันวาดขึ้นบนใบหน้าหล่อคมเมื่อก้าวเดินไปหาคนรักที่นอนหลับอยู่บนโซฟานั้น กวินท์หันไปหยิบเอาผ้าห่มผืนนุ่มที่วางพับอยู่ตรงเบาะโซฟาขึ้นมาคลี่ห่มให้คนรักแล้วถึงหันไปหาภาพวาดที่รัญชน์วางไว้

ภาพของสายฝนที่โปรยปรายอยู่ในเมืองผ่านมุมมองบนระเบียงที่กวินท์รู้ดีว่าเป็นที่ไหน มองเผินๆอาจไม่มีคุณค่าทางใจให้กับคนดูนอกจากความสวยงามของภาพวาด แต่กลับเป็นภาพที่มีคุณค่าทางใจยิ่งสำหรับกวินท์

“กลับมาแล้วหรอ..?” รัญชน์งัวเงียตื่นขึ้นมาเห็นคนรักของเขากำลังยกกรอบรูปขึ้นมาดูจึงขยับลุกขึ้นและเดินเข้าไปกอดคนรักไว้

“ผมคิดแล้วว่าคุณต้องวาดภาพนี้” กวินท์บอกยิ้มๆ รัญชน์ซุกหน้าลงอิงไหล่ของคนรักไว้แล้วถามอย่างเขินๆ

“แล้วคุณชอบไหม?”

“ชอบสิ” แม้จะเป็นเพียงคำสั้นๆ แต่รัญชน์ก็รู้ดีว่าคนรักชอบมากแค่ไหน เขาผละจากกอดกวินท์แล้วเอื้อมมือไปลูบกรอบรูปในมือคนรัก

“ผมว่าภาพนี้จะไม่เอาไปไว้ที่แกลอรี่ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะแขวนไว้ตรงไหนดี คุณว่ายังไงดีล่ะ?” กวินท์หันมามองหน้าคนรักพลางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งทำท่าคิดก่อนพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ผมอยากให้คุณเอาไปไว้ที่แกลอรี่มากกว่านะ” รัญชน์เอียงคออย่างสงสัย กวินท์จึงพูดต่อ

“ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นผลงานของคุณ หนึ่งปีที่ผ่านมาคุณหยุดวาดรูปไป ทุกคนรู้ว่ามีอุบัติเหตุทำให้คุณไม่สามารถใช้ข้อมือได้ ผมอยากให้รูปนี้เป็นแรงใจสำหรับทุกคนที่เคยประสบเหตุการณ์เลวร้าย อยากให้เขาได้รู้ว่าเขายังยืนหยัดที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หากเขาไม่ท้อแท้และมีกำลังใจมากพออย่างคุณ สักวันพวกเขาก็จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้”

ฟังเหตุผลที่แสนใจดีของคนรักแล้วรัญชน์ก็ต้องพยักหน้ารับ เขาดึงรูปออกจากมือของกวินท์และวางไปบนโต๊ะก่อนหันกลับมาจับมือของคนรักเอาไว้

“กำลังใจของผมก็คือคุณ...ถ้ามีใครถาม ผมก็จะบอกว่าผู้ชายคนนี้นั่นแหละครับที่สร้างกำลังใจให้กับผม” รัญชน์ยิ้มอย่างมีความสุข เขายกมือของกวินท์ขึ้นมาแนบหน้าก่อนเอ่ยเสียงหวาน

“ขอบคุณนะครับ”

“คุณเองก็เป็นกำลังใจของผมเช่นกัน”

กวินท์บอกแล้วรวบคนรักเข้ามากอดแนบอก จูบแสนหวานถูกมอบให้แก่กันแทนคำขอบคุณที่รักและอยู่เคียงข้างกันมาจนถึงบัดนี้

รัญชน์กอดเกี่ยวคนรักเอาไว้แล้วค่อยๆทรุดนั่งลงกับโซฟา

กวินท์ขยับตามติดมา สัมผัสของความรักถูกแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ริมฝีปากอุ่นยังคงแนบจูบแสนหวานให้ขณะที่มือนั้นลูบไล้อย่างถนอมไปตามเรือนร่างของคนรัก

รัญชน์สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกวาบหวามที่เข้ามาเป็นระลอก

มือบางยกทาบอกกว้างที่เบียดลงมาแนบชิดพร้อมกับตอบสนองจูบหวานไปพร้อมๆกัน ก้านนิ้วยาวของกวินท์ลูบผ่านอกบางไปยังสีข้าง ริมฝีปากเลื่อนขึ้นไปกดจูบแนบแน่นที่หน้าผากเนียน

รัญชน์รู้สึกใบหน้ามันร้อนผ่าวและหัวใจกำลังเต้นแรงขึ้น

กวินท์ยิ้มอ่อนโยนอย่างรักใคร่เมื่อเห็นใบหน้าน่ารักของคนรักที่กลายเป็นสีแดงเรื่ออย่างน่ามองนั้นกำลังเอียงหนีอย่างเขินอาย กวินท์ซุกหน้ากับแก้มหอมแล้วสอดแขนโอบเอวรัญชน์ไว้ ออกแรงดึงคนรักให้ลุกขึ้นมาคร่อมนั่งบนตักของตัวเองแล้วเอื้อมมือไปหยิบรีโมตมาเปลี่ยนไปเปิดไฟแชนเดอเลียสีดำ

แสงไฟสีนวลสะท้อนร่างบอบบางของรัญชน์ที่นั่งคร่อมตักเขาอยู่บนบานหน้าต่างกระจกซึ่งมีหยาดน้ำฝนสาดกระทบอยู่

แม้จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาหลายครั้ง แต่ทั้งสองต่างก็อดไม่ได้ที่จะวาบหวามในใจเพราะสัมผัสที่แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

มันคือการแสดงออกถึงความรักไม่ใช่ความใคร่และความต้องการที่ปรารถนาจะปลดปล่อยตามอารมณ์ดิบเท่านั้น

รัญชน์ไล้ปลายนิ้วจากมุมกรามของกวินท์ลงต่ำมาที่กระดุมเสื้อเชิ้ตสีเทา ริมฝีปากกดจูบเบาๆที่มุมปากของคนรักก่อนจะริดกระดุมของกวินท์ออกทีละเม็ดๆ ขณะที่ปลายนิ้วยาวของกวินท์นั้นลูบไล้ไปมาที่ขอบเอวบาง รัญชน์สั่นสะท้านเมื่อกวินท์ลากมือผ่านมายังหัวเข็มขัดและไล้นิ้วลงไปตามแนวซิบกางเกง ต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงอาการตื่นตัวทางร่างกาย ความคับแน่นใต้กางเกงที่เบียดดันกันทำให้รัญชน์ต้องเลื่อนมือจากกระดุมเสื้อของกวินท์ที่ปลดค้างไว้ลงมาปลดหัวเข็มขัดของกวินท์ออก ก้านนิ้วเรียวรูดซิบกางเกงคนรักลงมาช้าๆ

ริมฝีปากประกบกันอีกครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนความหอมหวานจนกระทั่งกวินท์ถอดกางเกงของรัญชน์ลงและขยับมือมาจับส่วนอ่อนไหวที่เริ่มแข็งขึงรูดเร้าเชื่องช้า รัญชน์ก็เชิดหน้าขึ้นหอบหายใจเข้าไปเต็มปอด

“อะ...อา..” เสียงแผ่วหวานดังสั่นจากลำคอ รัญชน์ซุกหน้าลงกับไหล่ของกวินท์ที่ยิ้มน้อยๆแล้วพรมจูบกับแนวไหล่เนียน

กวินท์ขยับมือกับส่วนหน้าของรัญชน์อีกสองสามครั้งแล้วจึงลากมือไปด้านหลัง มือที่ชุ่มด้วยหยาดเหลวอุ่นร้อนที่ไหลซึมจากแกนกายสีสวยของรัญชน์ไล้วนอยู่บริเวนปากทางแคบเล็กที่ร้อนจัด

รัญชน์สั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิมเมื่อภายในถูกล่วงล้ำเข้ามา มือซ้ายจับไหล่กวินท์เอาไว้เพื่อพยุงกาย ส่วนมือขวาเลื่อนต่ำลงมาเตรียมความพร้อมให้กับสิ่งที่จะรุกรานเข้ามาภายใน จนกระทั่งช่องทางแคบเล็กผ่อนคลายอาการเกร็ง กวินท์ก็ประคองสะโพกของคนรักให้ยกสูงขึ้น รัญชน์ยังคงจับความเป็นชายที่แข็งร้อนไว้จรดจ่อเข้ากับปากทางแล้วกดสะโพกลงมาเชื่องช้า เสียงครางครึมในลำคอบอกให้รู้ว่ากวินท์พอใจแค่ไหนที่ได้เข้ามาในกายของเขา ทั้งสองโอบกอดกันไว้ก่อนจะเริ่มต้นจังหวะอันแสนรัญจวน

ภายในอ้อมแขนที่อบอุ่น ร่างกายของทั้งสองสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวไม่ต่างจากหัวใจ รัญชน์ครางเสียงสั่นแผ่วเบาพลางขยับสะโพกขึ้นลงบนตักกวินท์โดยมีมือหนาคอยช่วยพยุงเอวเอาไว้ ทั้งสองแลกจูบกันอย่างไม่รู้เบื่อก่อนที่มือของกวินท์จะผละจากเอวบางไล้ไปตามแผ่นท้องเรียบลื่นและสัมผัสเข้ากับรอยแผลเป็นที่ประทับอยู่กลางอกของรัญชน์ เขามองสบตาคนรักก่อนที่จะก้มศีรษะลงไปจูบที่ลาดไหล่เล็ก ไล้ริมฝีปากลงต่ำจนกระทั่งจูบแผ่วเบาลงที่บาดแผลนั้นเนิ่นนานขณะที่จังหวะรักยังคงดำเนินต่อไป

เพลิงรักโหมพัดทุกอณูความรู้สึกจนทุกสิ่งพล่าเลือน

เหลือไว้เพียงแต่ความรู้สึกรักที่มีให้แก่กัน..

 

ธันย์กับรตาเดินทางมาถึงบรูคลินในเช้าวันถัดจากที่รัญชน์วาดภาพเสร็จ รัญชน์ยิ้มรับพี่สาวที่ก้าวเข้ามากอดอย่างคิดถึง

รอยยิ้มสดใสของน้องชายทำให้รตาต้องยิ้มตามก่อนจะแก้มรัญชน์ไว้อย่างมันเขี้ยว ขณะที่ธันย์ซึ่งลากกระเป๋าตามมาหันไปมองภาพวาดบนผนังอย่างสงสัย มันคือภาพเขียนที่รัญชน์เพิ่งจะวาดเสร็จและนำขึ้นไปแขวนไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าที่ทั้งสองจะมาถึง

“ภาพนี้?...พี่ว่าคราวก่อนมายังไม่เห็นนะ รัญชน์วาดเมื่อไหร่หรอ?”

ถึงไม่ได้บอกว่ารัญชน์เป็นคนวาด แต่ธันย์ก็แน่ใจว่ามันเป็นภาพที่น้องชายของคนรักวาดขึ้น เขาจำฉากนี้ได้และจำลายเส้นของรัญชน์ได้ด้วย

“วาดเมื่อสองเดือนก่อน เพิ่งจะเสร็จเมื่อวานนี้นี่เอง”

รตาตาโตก่อนจะจับมือของน้องชายขึ้นมา รอยยิ้มดีใจมันกระจ่างอยู่บนใบหน้าสวยของเธอ

“รัญชน์กลับมาวาดรูปได้แล้วหรอ พี่ดีใจจัง”

รัญชน์ยิ้มให้กับอาการตื่นเต้นของพี่สาว ก่อนหันไปมองหน้าคนรักที่เดินเข้ามาหา

รอยยิ้มอบอุ่นของกวินท์และรอยยิ้มที่ยินดีของรตากับธันย์คือกำลังใจให้รัญชน์ได้ก้าวเดินต่อไปและนอกจากเรื่องที่รัญชน์ตั้งใจจนกลับมาวาดรูปได้อีกครั้งแล้วนั้น รัญชน์ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่มุ่งมั่นอยากจะทำอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งทุกคนเองก็เห็นด้วยและอยากให้รัญชน์ทำได้สำเร็จ

เลม่อนสปันจ์เค้กขนาดสี่ปอนด์ถูกบรรจุใส่กล่องและยื่นให้กับรัญชน์ที่รับมันมาด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

แต่รัญชน์ก็ยังเงยหน้ามาคลี่ยิ้มให้กับคนรักที่อยู่ข้างๆ

ทั้งสองเดินเลียบถนนมายังลานจอดรถที่ธันย์กับรตาคอยอยู่ก่อนที่ทั้งหมดจะมุ่งหน้าไปยังฟิลาเดเฟียด้วยกัน

วันนี้เมื่อสองปีก่อน รัญชน์มาที่บ้านของแม่เพียงลำพังกับความรู้สึกโดดเดี่ยวและแปลกแยกจากครอบครัว แต่วันนี้รัญชน์พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับคำว่าครอบครัว

ครอบครัวที่เขาเคยคิดว่าถูกทอดทิ้ง แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวเขาเองต่างหากที่เดินออกไปจากครอบครัว

วันนี้รัญชน์จะกลับไปหาแม่...จะกลับไปหาพ่อที่แท้จริงของตัวเอง

จะขอโทษพวกเขา...ด้วยความรู้สึกจากใจ

และก็อยากถามแม่สักครั้ง ว่าทำไมถึงไม่บอกกับรัญชน์ว่าลีภวัตคือพ่อที่แท้จริงของเขา ทำไมแม่ถึงปล่อยให้รัญชน์เข้าใจว่ายชญ์คือพ่อของเขาตลอดมา มันเป็นแค่สิ่งเดียวที่ติดค้างอยู่ในใจของรัญชน์

กว่าจะมาถึงบ้านของแม่ที่อยู่ในฟิลาเดเฟียก็เกือบจะค่ำ

กวินท์จอดรถไว้ริมถนนที่ไม่ไกลจากตัวบ้านนักแล้วเอื้อมมือมาจับมือของรัญชน์ที่ยังคงกอดประคองกล่องเค้กเอาไว้

“คุณแม่ของคุณต้องดีใจแน่ๆที่ได้เห็นคุณ” รัญชน์หันไปยิ้มอย่างประหม่าให้กับคนรัก

รตาชะโงกหน้ามาจากด้านหลังแล้วเอามือลูบหัวน้องชายของตัวเอง

“เราไปหาแม่กันเถอะ”

รตาเองก็ประหม่าเล็กน้อย แต่ดีใจเสียมากกว่าที่จะได้พบแม่ เพราะเธอเองก็ไม่ได้พบแม่เลยนับตั้งแต่ที่แม่จากไทยมาอยู่ที่อเมริกานี่

ทั้งหมดลงมาจากรถเดินไปยังบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก พุ่มไม้หน้าบ้านที่ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบสวยงามมีโคมไฟที่สูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งฟุตประดับอยู่ แสงสีส้มของมันสะท้อนกับพุ่มไม้สีเขียวดูละมุนตา พื้นหินขัดมันที่ทอดยาวจากถนนสู่ประตูบ้านราวห้าเมตรไร้ซึ่งใบไม้แห้งตกหล่น รัญชน์ก้าวไปด้วยใจที่เต้นตึกตัก ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้เขาก็ยิ่งได้ยินเสียงเพลงเปิดคลอเอาไว้ ได้ยินเสียงพูดคุยของคนในบ้าน

รัญชน์หันมองหน้าทุกคนอีกครั้งก่อนที่รตาจะเอื้อมมือไปกดกริ่ง รออยู่เพียงอึดใจก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตึงตังมาและประตูก็เปิดออก เด็กชายวัยรุ่นตัวสูงที่มีเชื้อชาติไทยเอียงคอมองคนแปลกหน้าทั้งสี่ก่อนจะถามออกมา

“มาหาใครครับ?”

รัญชน์มองใบหน้าของน้องชายด้วยความรู้สึกตื้อๆในอก และยังไม่ทันจะตอบอะไรออกไป แม่ของเขากับพ่อก็เดินตามน้องชายออกมา

“วินท์ใครมานะ?”

แม่เอ่ยถามออกมาก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของแขกชัดๆ เธอหยุดนิ่งและมองมาเหมือนกับไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

“ระ..รัญชน์...รตา?...รัญชน์กับรตาใช่ไหมลูก?”

ทั้งสองไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ที่เดินเข้ามาหา แต่ดวงตาที่เหมือนกับแม่นั้นกำลังเรื้อรินด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ

“แม่ครับ..สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

รศนารับเค้กจากรัญชน์มาและยื่นให้ลูกชายคนเล็กของเธอที่งุนงงกับเหตุการณ์ไปถือเอาไว้แล้วเธอก็โถมเข้ากอดร่างโปร่งของรัญชน์ไว้แน่น

รัญชน์กอดแม่ไว้ ปากก็พูดขอโทษแม่ซ้ำๆด้วยความรู้สึกที่มาจากใจ

“แม่ครับ...ผมขอโทษ...ผมขอโทษ..”

“รัญชน์...รัญชน์ลูกแม่...”

เสียงแม่เรียกชื่อรัญชน์อย่างสั่นเทา ไหล่เล็กของเธอในอ้อมแขนของรัญชน์ก็สั่นเทาไม่แพ้เสียง เธอมองลูกชายอย่างทั้งรักและคิดถึง ก่อนหันไปหาลูกสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆและเอื้อมมือมาหา รตาเดินไปหาแม่และกอดเธอไว้

“รัญชน์...รตา...” ทั้งสามกอดกันแน่น สิ่งที่รัญชน์ติดค้างอยู่ในใจมันถูกพล่าเลือนไปจนกระทั่งแม่ปล่อยกอดจากเขา รัญชน์ถึงได้เงยหน้าขึ้นและเห็นพ่อของตนที่ยืนอยู่ด้านหลังแม่กำลังมองมา

รัญชน์สัมผัสได้ว่าพ่ออยากเข้ามาหารัญชน์แต่ก็ลังเลด้วยความไม่กล้า รัญชน์เลยยิ้มออกไปให้พ่อและเดินเข้าไปหา

“พ่อครับ...” ทั้งภวัตและรศนาต่างก็ตกใจไม่น้อยที่ได้ยินรัญชน์เรียกเช่นนั้น รัญชน์ก้าวเข้าไปหาและก้มศีรษะลงให้พ่อ

“ผมขอโทษนะครับพ่อ...”

สำหรับภวัตแล้ว...มันเหนือกว่าความคาดหมายใดๆนัก ชายสูงวัยกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ เขายกมือขึ้นมาแตะไหล่ลูกชายคนโตของตนก่อนจะรั้งรัญชน์เข้ามากอดอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน

“ไม่เป็นไรลูก...ไม่เป็นไร...”

เพียงแค่พ่อ..ได้รับการยอมรับจากลูก...

เพียงเท่านั้น...ที่พ่อต้องการ

-TBC-
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.13 (Update 18/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 18-03-2013 23:03:33
ในที่สุดดดดดด :กอด1:  เรื่องนี้สนุกจังค่ะ นางฟ้าชอบ ^^
รอตอนต่อไปปปปป :call:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.13 (Update 18/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: mind223 ที่ 18-03-2013 23:48:20
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.13 (Update 18/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 19-03-2013 01:59:45
จริงๆแล้ว คนที่น่าสงสารคือคุณพ่อของรตานะ โดนพรากอกจากลูกที่รักที่สุด จมอยู่กับความทุกข์มาตลอด
จนมาตายไปพร้อมๆกับความรู้สึกผิดบาป ไม่เคยเลยสักนิดที่จะได้เจอความสุข
เฮ้ออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.13 (Update 18/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-03-2013 12:32:39
อืม....คงใกล้ครบและสมบูรณ์แล้วซินะ!!!

รอคอยตอนต่อไปจร๊า!
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.13 (Update 18/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 19-03-2013 13:39:52
ยชญ์ก็ขอให้ไปสบายชดใช้กรรมในนรกนะ เอ๊ะ?ฮ่าๆ
โหยยยยตอนล่าสุดหวานจัง ชอบๆ
แบบไม่ต้องทุกข์แล้วนะรัญชน์
กวินท์ก็ดูแลดีเหมือนเดิมเลยงะ
โฮกพระเอกในนวนิยาย กรี๊ดกร๊าด
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.13 (Update 18/3/13) Drama
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 22-03-2013 20:35:51
  ตอนที่ ๑๔

 

ทั้งภวัตและรศนาได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของธันย์และรตาที่เล่าโดยเว้นเรื่องราวในความสัมพันธ์ของกวินท์กับรัญชน์ไปบ้าง ด้วยไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ทั้งสองจะยอมรับความสัมพันธ์ที่รัญชน์และกวินท์มีต่อกันได้หรือไม่ รวมถึงเรื่องที่รัญชน์ฆ่าตัวตายด้วยเช่นกัน

รัญชน์และกวินท์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็นิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน

ได้ฟังเรื่องจนจบ ภวัตก็ถอนหายใจยาวสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เช่นเดียวกับรศนาที่มีน้ำตาคลอ เธอหันมาลูบหัวรัญชน์ไว้แล้วดึงลูกชายเข้ามากอด แม้รัญชน์จะขัดเขินบ้างเพราะไม่ได้กอดแม่มานานแต่ก็สอดมือเข้าไปกอดแม่เอาไว้เช่นกัน

“แม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น...”

รศนาพูดได้เพียงเท่านั้น กวินท์ที่นั่งมองอยู่กับธันย์สัมผัสได้ถึงความเสียใจของเธอจริงๆ คนนอกอย่างเขายังรู้สึกได้ว่าทั้งรศนาและภวัตต่างก็รักรัญชน์ มองแล้วก็อดคิดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้ปล่อยให้รัญชน์อยู่ตามลำพังโดยไม่สนใจมาจนถึงบัดนี้

“ทำไม..แม่ถึงไม่บอกผมว่าพ่อภวัต...เป็นพ่อที่แท้จริงของผม?”

รัญชน์หันหน้าไปมองภวัตที่นั่งอยู่อีกข้างของโซฟาแล้วหันกลับมามองแม่ รศนาปล่อยกอดจากลูกชายของเธอ เลื่อนมือมาจับมือรัญชน์ไว้ขณะที่มองสบตากับสามี

“เพราะลูกรักพ่อยชญ์มากน่ะสิรัญชน์..” รศนาเอ่ยเสียงแผ่ว เธอยกอีกมือมาเกลี่ยปอยผมที่ปรกตารัญชน์อยู่แล้วเอ่ยต่อ

“แม่อยากให้เวลาลูกปรับตัวกับครอบครัวใหม่ของเรา อยากให้ลูกโตอีกสักหน่อยก่อนที่เราจะบอกความจริงกับลูก ลูกจะได้ยอมรับพ่อได้..”

รศนาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี พูดไปแล้วก็ไม่รู้ว่าลูกชายจะเข้าใจไหม แต่ทุกอย่างมันก็เป็นความผิดพลาดจากการตัดสินใจของเธอทั้งสิ้น

“แต่ผม...ก็...” รัญชน์รู้ดีว่าความดื้อรั้นในวัยเด็กของตนมันต่อต้านคนที่ก้าวเข้ามาเป็นพ่อใหม่มากแค่ไหน

ทุกคนต่างก็เงียบ รวมถึงภวัตด้วยเช่นกัน

“ลูกอยู่กับพ่อเขาก็ไม่มีความสุข ในครอบครัวมีแต่ความตึงเครียด แม่ส่งลูกไปเรียนที่บรูคลินก็เพราะไม่อยากให้ลูกเกลียดพ่อเขาไปมากกว่านี้ อยู่ด้วยกันก็มีแต่ทะเลาะกัน เพิ่มความเกลียดชังไม่รู้จบ ลูกไม่รู้หรอกว่าแม่ปวดใจมากแค่ไหนที่ต้องส่งลูกไปอยู่คนเดียวแบบนั้น”

รศนาร้องไห้ออกมาอีกครั้ง รัญชน์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้แม่อย่างเก้ๆกังๆก่อนหันมาหาพ่อที่ยื่นมือมาแตะเข่าของเขา

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่เขาเป็นห่วงรัญชน์นะ ตอนที่เราตัดสินใจส่งลูกไปโรงเรียนประจำ ทั้งที่ร่างกายก็ไม่แข็งแรงแต่แม่เขาก็ฝืนไปเฝ้าแอบดูว่าลูกอยู่ได้ไหม สบายดีหรือเปล่าทุกอาทิตย์”

“ผมไม่เคยรู้เลย...” รัญชน์ครางอย่างรู้สึกผิดที่เข้าใจพ่อกับแม่ของตนเองผิด

“ตอนที่ลูกไม่ยอมรับเงินที่พ่อกับแม่ส่งไปให้ พวกเราเป็นห่วงลูกมากรู้ไหม...ยังดีที่พ่อเขาสนิทกับอาจารย์คิม เราเลยขอร้องให้เขาช่วยดูแลลูกให้ ให้หางานให้ลูกทำบ้างเพื่อที่เราจะฝากเงินไปให้ลูกใช้”

รัญชน์นึกย้อนไปถึงตอนที่อาจารย์คิมซึ่งเป็นพ่อของคีตวิชญ์เข้ามาหาเขา ถามเขาว่าสนใจช่วยงานด้านศิลปะไหม รัญชน์ในวันนั้นรีบรับข้อเสนอของอาจารย์เอาไว้เพราะต้องการเงินมาใช้จ่าย

เขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นความช่วยเหลือจากพ่อและแม่ที่เขาปฏิเสธอย่างดื้อรั้นนั่นเอง

พ่อกับแม่..ไม่ได้ทอดทิ้งเขาเลยสักนิด

“พ่อกับแม่เขาคิดถึงพี่อยู่ตลอดเวลาจริงๆนะฮะ อาทิตย์ก่อนยังแอบไปมองพี่ที่แกลอรี่ของพี่คีตะอยู่เลย”

น้องชายคนเล็กของรัญชน์โพล่งขึ้นมา รัญชน์มองหน้าน้องชายก่อนหันมามองหน้าพ่อกับแม่ตัวเอง ความสงสัยอดเกิดขึ้นไม่ได้

พ่อกับแม่รู้จักอาจารย์คิมก็ไม่แปลกที่จะรู้จักคีตวิชญ์ด้วย

แต่ว่า...

“หรือที่ผลงานของผม ได้จัดแสดงที่แกลอรี่ของพี่คีตะเมื่อหกปีก่อน เป็นเพราะพ่อกับแม่?”

ทั้งรศนาและภวัตต่างก็ส่ายหน้าช้าๆ รศนายิ้มให้กับลูกชายของเธอและเอื้อมมือขึ้นลูบหัวของรัญชน์อย่างรักใคร่

“นั่นเป็นเพราะฝีมือและก็พรสวรรค์ของตัวลูกเองจ้ะ อาจารย์คิมกับคีตวิชญ์ต่างก็บอกว่าลูกมีพรสวรรค์กว่าศิลปินหลายๆคน พวกเขาบอกว่าที่ลูกมาจนถึงจุดนี้ได้ก็เพราะตัวของลูกเอง พวกเขาเป็นเพียงแค่คนที่ช่วยประกาศให้คนอื่นๆเห็นพรสวรรค์ของลูกเท่านั้น ลูกเก่งมากนะจ้ะ”

กวินท์อดที่จะลอบยิ้มอย่างภูมิใจในตัวคนรักไม่ได้ และก็สังเกตเห็นด้วยว่ารัญชน์ออกจะเขินไม่น้อยที่ได้รับคำชมจากคนเป็นแม่

“พ่อกับแม่ขอโทษลูกนะรัญชน์..ที่ไม่ได้ดูแลลูกมากเท่าที่ควรจะเป็น”

ภวัตเอ่ยขึ้นแล้วอ้าแขนรับรัญชน์ที่ขยับเข้ามากอดตัวเองไว้ก่อนเอ่ยสิ่งที่มาจากใจ

“แล้วก็ขอบคุณ..ที่ลูกยอมรับพ่อ”

“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อกับแม่” รัญชน์ตอบเสียงเบาแล้วยิ้มให้พ่อเมื่อผละกอด

“ตกลงว่าเข้าใจกันแล้วนะฮะ แบบนี้เราก็จะได้เป็นครอบครัวสมบูรณ์กันแล้วใช่ไหมฮะ?”

ไรวินท์ยิ้มแป้นอย่างดีใจเช่นเดียวกับทุกคนรตาที่นั่งอยู่ข้างธันย์ขยับเข้าไปหาภวัตก่อนเอ่ยอย่างเขินๆ

“ขอหนูเป็นลูกอีกคนนะคะ..พ่อ”

“ได้สิ” ภวัตบอกก่อนจะอ้าแขนรับลูกสาวคนใหม่เข้ามากอดไรวินท์เห็นพ่อกับพี่สาวคนใหม่กอดกันขณะที่แม่กอดพี่ชายเอาไว้ก็แกล้งทำแก้มตูมเล็กน้อย

“ขี้โกงนี่ ให้ผมกอดด้วยสิ” ว่าแล้วไรวินท์ก็โผเข้าไปกอดทั้งสี่เอาไว้ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

กวินท์กับธันย์อดยิ้มตามอย่างมีความสุขไม่ได้

คนที่พวกเขารักได้เริ่มต้นใหม่กับครอบครัวอย่างมีความสุขแล้ว

คืนนั้นทั้งสี่ตั้งใจจะค้างแรมที่บ้านของพ่อกับแม่ หลังจากอาหารมื้อค่ำที่รศนากับรตาตั้งใจทำเต็มที่แล้ว รัญชน์ก็เลยรับหน้าที่ล้างจานกับกวินท์ ในขณะที่คนอื่นๆนั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“คุณรู้ไหม วันนี้ผมมีความสุขมาก เหมือนกับวันที่คุณตามผมมาที่ บรูคลินแล้วบอกว่าพวกเรารักกันได้”

รัญชน์เอ่ยขึ้นมาขณะที่ปิดก๊อกน้ำและหันมาหาคนรักที่รับเอาจานใบสุดท้ายไปเช็ดให้แห้งและคว่ำลงบนที่ล้างจาน

คนรักของเขาสิ่งรอยยิ้มอบอุ่นที่รัญชน์แสนรักมาให้

“ผมรู้”

“แต่ผมก็ยังอดรู้สึกไม่ได้อยู่ดีว่าเป็นเพราะความดื้อรั้นของผมที่ไม่ยอมรับพ่อ เลยทำให้พ่อกับแม่ต้องทุกข์เพราะความเป็นห่วงของผม”

กวินท์มองใบหน้าหวานที่มีความรู้สึกผิดปรากฏอยู่บนดวงตาอย่างห่วงใย เขาขยับเข้าไปหาและจับสองมือของรัญชน์ไว้

“ตอนนั้นคุณยังเด็กนะรัญชน์...และตอนนี้ทุกอย่างมันก็เคลียร์หมดแล้ว ผมไม่อยากให้คุณนึกโทษตัวเอง คุณมีความทุกข์มามากแล้ว ตอนนี้ผมอยากให้คุณมีแต่ความสุขนะ เพราะงั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้วนะครับ”

คำพูดของคนรักทำให้รัญชน์ได้คิด ร่างบางพยักหน้าก่อนจะยิ้มให้ คนรัก กวินท์เลยให้รางวัลกับคนรักของเขาเป็นจูบอ่อนโยนที่เปลือกตา

“จูบที่ปากด้วยสิ..” รัญชน์อดใจสั่นไม่ได้ที่เอ่ยอ้อนออกไปเช่นนั้น กวินท์ยิ้มให้กับความน่ารักของคนรักก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาจะแตะเรียวปากบาง มอบจูบแสนหวานให้ตามคำขอที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

ความสุขมันพองล้นในอกของทั้งคู่...

หากแต่ไม่ใช่สำหรับภวัต...

“รัญชน์?...กวินท์?”

ทั้งสองผละจากกันราวกับถูกไฟช็อต รัญชน์หันขวับไปทางที่ภวัตยืนเมื่อได้ยินเสียง ความสุขผละจากรัญชน์ไปทันทีเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของพ่อ เช่นเดียวกับกวินท์ที่นึกเป็นกังวลขึ้นมา

ทั้งรัญชน์และกวินท์อดกลัวไม่ได้ว่าภวัตจะมีปฏิกิริยาเช่นไร จะเหมือนยชญ์หรือไม่ที่รับเรื่องที่พวกเขารักกันไม่ได้ หรือจะเหมือนพ่อกับแม่ของกวินท์ที่รับเรื่องพวกเขารักกันได้

“พ่อครับ...คือ...”

รัญชน์เองก็ไม่รู้ด้วยเช่นกันว่าจะเอ่ยว่ายังไงดี เขาก้าวเข้าไปหาพ่อที่ทำหน้าเหมือนกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น และพอจะเอ่ยต่อ แม่ก็โผล่เข้ามาในครัวอีกคน

“ยังไม่ได้น้ำส้มอีกหรอคะคุณ?...เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?”

ประโยคท้ายรศนาถามออกไปด้วยสัญชาตญาณของตนเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคน ภวัตอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแล้วก็หุบลงก่อนจะส่ายหน้าสองสามครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นหรอคะคุณ?”

รศนาถามย้ำอีกครั้ง ภวัตหันมองรัญชน์และกวินท์ก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะพูดออกมาได้เลยด้วยซ้ำ

“พวกเขา..จูบกัน”

“จูบกัน!? รัญชน์กับกวินท์จูบกันอย่างนั้นหรอ? จริงหรอลูก?”

รศนาอุทานถามอย่างตกใจ

รัญชน์หันกลับมามองหน้ากวินท์ก่อนสูดลมหายใจลึกๆ เขาเดินกลับมาหากวินท์และจับมือคนรักไว้แล้วหันมามองพ่อกับแม่

“จริงครับ...พวกเรารักกัน...รักกันมาสิบเจ็ดปีแล้ว”

“สิบเจ็ดปี!?”

ทั้งรศนาและภวัตต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันอย่างไม่คาดคิด

“ครับ...แม่จำวันที่เราจากไทยมาได้หรือเปล่า ตอนที่แม่ไปที่โรงพยาบาล แล้วแม่ให้ผมคอยอยู่ที่ระเบียงนั่น ผมกับกวินท์เจอกันที่นั่น พวกเรารักกันโดยไม่ได้เจอหน้ากันอีกตั้งแต่วันนั้น...จนกระทั่งได้พบกันอีกทีเมื่อสองปีก่อน”

ความจากปากลูกชายที่สารภาพออกมายิ่งทำให้รศนาและภวัตตกตะลึงมากกว่าเดิม ทั้งสองหันไปมองหน้ากวินท์ที่เดินเข้ามาหา

“ผมรักรัญชน์ครับ ได้โปรด...อนุญาตให้พวกเราได้รักกันด้วยนะครับ” กวินท์ก้มหัวให้ทั้งสองที่ให้กำเนิดคนรักของเขาขึ้นมาลืมตาดูโลกใบนี้อย่างอ่อนน้อม

รัญชน์ก้าวเข้ามายืนข้างๆและค้อมศีรษะลงเช่นเดียวกับคนรัก

“ให้พวกเรารักกันเถอะครับ”

รศนาหันมองสบตากับสามีอย่างลังเล ภวัตเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน รตาที่เดินตามมาเพราะเห็นว่าทุกคนหายไปนานก็เดินเข้ามาหา

“ให้รัญชน์กับกวินท์รักกันเถอะค่ะ...หนูรับรองได้ว่าพวกเขารักกันจริง และรักกันมากด้วย”

ถึงแม้ว่าลูกสาวจะช่วยยืนยันเช่นนั้น แต่หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังอดที่จะห่วงไม่ได้ ภวัตมองสบตากับภรรยาอีกครั้ง ความกังวลถูกถ่ายทอดผ่านทางแววตาซึ่งกันและกัน

“ขอพ่อกับแม่คุยกับกวินท์ตามลำพังได้ไหม?”

รัญชน์เงยหน้าขึ้น แววตากังวลอย่างเห็นได้ชัด

แต่กวินท์ก็พยักหน้าก่อนจะแตะหลังให้รัญชน์เดินไปหารตาที่รับรัญชน์และพาออกไปจากห้องครัว

“อย่ากังวลไปเลยรัญชน์ พี่เชื่อว่ากวินท์จะทำให้พ่อกับแม่ยอมรับในตัวเขาได้”

รตาว่า เธอรู้สึกได้ว่าภวัตนั้นเป็นคนที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์อย่างยชญ์ ถึงจะพบกันไม่กี่ชั่วโมง แต่รตาก็ตระหนักได้ว่าภวัตนั้นคล้ายกับกสิณผู้เป็นบิดาของกวินท์ไม่น้อย เป็นคนที่อารมณ์เย็นและใจดีให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

“อืม..”

รัญชน์ครางในลำคอ ในใจนึกกังวลระคนตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่พ่อกับแม่ยอมรับความรักของเขากับกวินท์เท่านั้น

ชีวิตของรัญชน์ก็จะบริบูรณ์ด้วยความสุขยิ่งนัก

ขณะเดียวกันทางด้านของกวินท์ที่อยู่ตามลำพังกับรศนาและภวัตก็อดรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยไม่ได้กับสายตาที่กำลังมองมาอย่างพิจารณาจากผู้ใหญ่ทั้งสอง

รศนายังอดวิตกไม่ได้ เธอมองหน้าสามีก่อนจะหันมาหากวินท์และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่วิตกไม่ต่างอะไรจากแววตา

“กวินท์..รักกับรัญชน์จริงๆน่ะหรือ?...เอ่อ แม่หมายความว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเผลอไผลใจอะไรไปทำนองนั้นใช่ไหม?”

“ครับ ผมรักรัญชน์ และผมก็เป็นลูกผู้ชายมากพอที่เชื่อมั่นว่าความรักของตนเองหนักแน่นมากพอ จนกว่าจะมาถึงวันนี้ ผมกับรัญชน์ เราผ่านอุปสรรคด้วยกันมาหลายอย่าง และสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ที่พวกเราต้องการ ก็คือการยอมรับจากพวกคุณทั้งสอง”

กวินท์พูดความในใจออกมาอย่างสุภาพและจริงใจก่อนที่จะก้มหัวลงให้กับทั้งสอง

“ได้โปรด...ให้ผมดูแลรัญชน์ด้วยนะครับ”

ภวัตมองหน้าภรรยาอีกครั้ง เธอยิ้มให้เขา แววตาดูจะคลายวิตกลงไปมาก เช่นเดียวกับเขา ภวัตเดินเข้าไปแตะไหล่กว้างของกวินท์ไว้

“พวกเราต่างหาก ที่ต้องขอร้องให้คุณดูแลลูกชายของเราด้วย และก็ขอบคุณ...ที่คอยดูแลรัญชน์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา”

กวินท์เงยหน้าและส่งยิ้มให้กับพ่อและแม่ของคนรักที่ยอมรับในความรักของพวกเขา

รัญชน์ออกจะกระวนกระวายไม่น้อยที่ปล่อยให้คนรักต้องเผชิญหน้ากับพ่อและแม่ตามลำพังเช่นนั้น

รตาเองก็มองน้องชายที่นั่งไม่ติดด้วยความเข้าใจ เธอเอื้อมมือไปบีบไหล่น้องชายเบาๆ รัญชน์หันมาหาเธอและจับมือของเธอไว้

“มือเย็นเฉียบเลยรัญชน์”

รตาบอกก่อนจับมือน้องชายไว้ให้แน่นขึ้น

รัญชน์ไม่พูดอะไร เอาแต่สงสัยตามมองไปยังประตูอย่างเฝ้าคอยให้ใครสักคนออกมาจากครัวเสียที จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที แม่ก็เดินเข้ามาในห้องและยิ้มให้กับเขา ที่ด้านหลังนั้นมีกวินท์กับพ่อที่ดูเหมือนว่าจะพูดคุยกันอย่างถูกคอเดินตามเข้ามา

“ไปนั่งกับพี่เขาสิจ้ะลูก” รศนาบอกกับลูกชายที่ทำหน้างุนงงอยู่และบุ้ยใบ้ให้ไปนั่งข้างๆ กวินท์ที่นั่งลงตรงโซฟาข้างเตาผิง

“เอ่อ..ครับ”

รัญชน์วางตัวไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งเพราะยังคงเก้อเขินกับการเปิดเผยความสัมพันธ์ในครั้งนี้และยังไม่กล้าเข้าข้างตัวเองว่าสีหน้ายิ้มๆของพ่อกับแม่นั้นจะหมายถึงว่าพ่อกับแม่อนุญาตให้เขากับกวินท์ได้รักกัน

“ตกลงว่า..พ่อกับแม่ว่ายังไงคะ? อนุญาตให้รัญชน์รักกับกวินท์หรือเปล่า” รตาโพล่งถามออกไปแทนรัญชน์ที่กำลังร้อนใจ

แก้มของรัญชน์ขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องชายคนเล็กของตัวเองหันมาจากเกมส์ที่เล่นอยู่กับธันย์มามองตาแป๋วอย่างสนใจ

“พ่อกับแม่น่ะ..ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความรักของลูกหรอกนะจ้ะ ไม่ว่าจะรัญชน์หรือรตา แม้แต่ไรวินท์ด้วยเช่นกัน ลูกแต่ละคนต่างก็มีทางเดินของตัวเอง มีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะมีความรักของลูกกับคนที่ลูกเลือกพ่อกับแม่ก็แค่อยากคุยกับกวินท์เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะห้ามปรามหรือขัดขวางอะไรเสียหน่อย”

รศนาพูดทั้งรอยยิ้ม แววตากังวลของเธอในตอนนี้เปลี่ยนเป็นความภูมิใจที่ลูกชายของเธอมีคนรักอย่างกวินท์

“พ่อกับแม่ดีใจนะ..ที่ลูกมีคนที่รักคอยอยู่เคียงข้างแบบนี้”

รัญชน์ยิ้มรับคำพูดของพ่อก่อนหันไปยิ้มกับคนรักที่เอื้อมมือมาจับมือของเขาเอาไว้ ความรู้สึกปลอดโปร่งมันแผ่ซ่านในหัวใจที่ได้รับการยอมรับจากพ่อและแม่

ด้วยความรักที่พวกเขามีให้แก่กันมานานนับสิบเจ็ดปี

ในที่สุดวันนี้...พวกเขาก็สามารถที่จะอยู่เคียงข้างกันได้โดยไม่มีใครขัดขวางอีกต่อไป..

และสิ่งที่ทำให้พวกเขามีวันนี้ได้

ก็มีเพียงเพราะความรักเท่านั้น...

          บทส่งท้าย

 

แสงแดดละมุนยามเช้าส่องผ่านเข้ามาผ่านผ้าม่านสีขาว รัญชน์ในชุดสูทสีครีมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะกระจก สายตาเลื่อนไปมองดูบูเก้ร์ช่องามที่วางอยู่ รัญชน์ยิ้มและยกมือขึ้นมาแตะกลีบไลแซนทัสสีขาวขอบชมพูสวยนั้นไว้ก่อนจะหันไปหาคนที่เดินเข้ามา กวินท์ในชุดสูทสีเทาจัดทรงผมเนี้ยบกว่าปกติดูหล่อแปลกตาไม่น้อย เมื่อเห็นรัญชน์หันมามอง กวินท์ก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม

“คุณจะโกรธผมไหม ถ้าผมจะบอกว่าวันนี้คุณสวยมาก”

กวินท์บอกแล้วยกมือขึ้นเกลี่ยผมที่อยู่ข้างแก้มใส

วันนี้ใบหน้าของรัญชน์ดูสวยหวานกว่าทุกวันด้วยฝีมือของคนเป็นแม่ รศนาจับลูกชายคนโตของเธอทักเปียคาดศีรษะโดยเหลือผมหน้าม้าเอาไว้และจัดการดัดผมที่ยาวละบ่าให้เป็นลอนอ่อนๆ รวมถึงปัดแก้มและทาปากรัญชน์จนกลายเป็นสีชมพูสวยน่ารักและอ่อนหวานจนผิดตาไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อวันพิเศษของครอบครัววันนี้

รัญชน์ยิ้มรับคำชมของคนรักก่อนจะหลับตาลงเมื่อกวินท์โน้มหน้าเข้ามาหาและประทับจูบลงแผ่วเบาที่เรียวปากอิ่มของตน

“อะแฮ่ม ได้เวลาแล้วนะจ้ะ”

รัญชน์กับกวินท์ผละกันอย่างเขินๆ รศนาและรตาที่เพิ่งออกมาจากห้องด้านในหันมายิ้มให้แก่กันกับภาพความน่ารักของทั้งสองคน

“พี่พร้อมแล้วใช่ไหม?” รัญชน์หันไปถามแก้เขินก่อนจะหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาส่งให้กับพี่สาวของตน รตาพยักหน้าก่อนจะทำแก้มพองน้อยๆ

“ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็ยังดีนะที่มีแค่พวกเราน่ะ” รตาบอกก่อนรับเอาช่อบูเก้ร์มาถือไว้ เป็นเวลาพอดีกับที่ไรวินท์เข้ามาตามทุกคน กวินท์หันมาหารัญชน์ก่อนจะบีบมือคนรักเบาๆแล้วเดินออกไปพร้อมกับรศนา

“จริงๆรัญชน์กับกวินท์ก็น่าจะแต่งพร้อมพี่เลยนะ” รตาเปรยขึ้นขณะที่เดินไปคล้องแขนภวัตที่ทำหน้าที่พาเธอเดินเข้าไปในโบสถ์

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนั้น” รัญชน์บอกยิ้มๆก่อนจะเดินนำหน้าพี่สาวไป

เพราะเขามีสิ่งสำคัญอยู่ข้างกายอยู่แล้ว

 

วันนี้เป็นวันแต่งงานของธันย์กับรตา ทั้งสองคนเลือกที่จะจัดงานแต่งเล็กๆที่โบสถ์ภายในหมู่บ้านที่แม่กับพ่ออาศัยอยู่

ทั้งรตาและธันย์ต่างก็ถูกใจโบสถ์แห่งนี้ไม่น้อยนับตั้งแต่คริสมาสต์อีฟเมื่อปลายปีที่แล้วที่ได้มาทำมิสซาร่วมกับครอบครัว

พิธีแต่งงานเล็กๆที่เรียบง่ายและมีคนร่วมงานไม่ถึงสิบคน แต่กลับเป็นพิธีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

รัญชน์มองรอยยิ้มของพี่สาวและธันย์ที่กลายมาเป็นพี่เขยอย่างมีความสุข และมีความสุขมากขึ้นไปอีกเมื่อกวินท์ส่งยิ้มมาให้ขณะที่เดินมาอยู่เคียงข้าง รตาที่หันมาเห็นกวินท์กำลังเอื้อมมือไปจับมือของรัญชน์ไว้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นบูเก้ร์ช่อสวยให้

รัญชน์รับมันมาอย่างเขินๆ สองแก้มแดงปลั่งจนกวินท์อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาใช้ข้อนิ้วเกลี่ยเบาๆ

“โธ่ ให้รัญชน์ซะงั้น พี่อุตส่าห์รอนะนี่” คีตวิชญ์แซวขึ้นมายิ่งทำให้แก้มของรัญชน์แดงกว่าเดิม รตาหันไปค้อนใส่

“พี่น่ะ ไปหาแฟนมาก่อนเถอะ แก่แล้วนะ หาแฟนซะทีได้แล้ว”

ฟังคำของพี่สาวแล้วรัญชน์ก็อดไม่ได้ที่จะยกช่อบูเก้ร์ขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงไปหัวเราะ เสียงหัวเราะที่สดใสของรัญชน์ทำให้ทุกคนต้องยิ้มตาม

รศนากับภวัตที่ยืนมองอยู่ก็พลอยรู้สึกสุขใจตามไปด้วยที่เห็นลูกๆของพวกเขามีความสุข

ตรงข้างโบสถ์นั้นเป็นสวนหย่อมที่ติดริมทะเลสาบของหมู่บ้านรัญชน์กับกวินท์เดินปลีกตัวจากทุกคนที่กำลังสนุกสนานกับการถ่ายภาพออกมาตามลำพัง บูเก้ร์ช่อสวยยังคงอยู่ในมือของรัญชน์อยู่

ร่างบางก้มมองช่อดอกไม้ในมือแล้วก็หัวเราะเบาๆก่อนเดินไปนั่งที่ชิงช้าซึ่งห้อยอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ กวินท์ยิ้มนิดๆแล้วยกกล้องของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปคนรักที่นั่งอยู่ที่ชิงช้าไว้หลายรูปก่อนเดินเข้าไปหา

“ที่นี่สวยดีนะ...เงียบสงบดีด้วย”

รัญชน์ว่าพลางยกมือขึ้นลูบดอกกุหลาบสีขาวที่ทางโบสถ์เอามาทำเป็นเถาวัลย์พันไว้กับชิงช้าแล้วเงยหน้ามองคนรักที่เดินเข้ามาหา

“รัญชน์..” คนถูกเรียกเอียงคอน้อยๆมองดูคนรักที่ย่อตัวลงมานั่งทับส้นเท้าเบื้องหน้าตนเอง กวินท์เอื้อมมือมาจับมือซ้ายของเขาไว้ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“คุณอยากแต่งงานบ้างไหม?”

รัญชน์ทำสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่คนรักถามขึ้นมา สีหน้าของกวินท์ดูอ่อนโยนแต่ก็แฝงไว้ด้วยแววตาจริงจัง

“เดี๋ยวนี้มีหลายที่ที่ผู้ชายอย่างเราสองคนจะแต่งงานจดทะเบียนกันได้ เราสามารถเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเหมือนกับที่พี่ธันย์กับคุณรตาแต่งงานกัน รัญชน์...คุณอยากแต่งงานกับผมหรือเปล่า?”

รัญชน์ฟังแล้วก็ตื้นตันกับคำขอแต่งงานของคนรัก ไม่ต้องมีคำรักหวานซึ้ง แต่รัญชน์ฟังแล้วก็รู้สึกได้ถึงความรักที่แท้จริง เขายิ้มให้คนรักก่อน บีบมือกวินท์ที่จับมือซ้ายของตนเองอยู่

“สำหรับผม...เรื่องการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย คุณอยู่กับผมตรงนี้แล้ว ทะเบียนสมรสมันไม่มีความหมายเท่ากับสิ่งนี้ที่คุณให้ผม”

รัญชน์ใช้มือที่กวินท์จับอยู่จิ้มลงที่อกซ้ายของคนรัก

“และผมก็เชื่อ..ว่าคุณจะรักผมตลอดไปและผมก็จะรักคุณตลอดไปเช่นกัน”

“รัญชน์..” กวินท์ครางชื่อคนรักแผ่วเบาในลำคอ รัญชน์ยังคงยิ้มให้เขาก่อนที่จะดึงมือออก รัญชน์ใช้มือข้างนั้นเกลี่ยผมที่ลงมาปรกตาเขาไว้ก่อนโน้มหน้ามาจูบแผ่วเบาที่หน้าผากของเขา

กวินท์สอดมือไปกอดคนรักเอาไว้แล้วแหงนหน้าไปจูบที่ปากคนรัก

“ผมก็จะรักคุณ..ตลอดไป” กวินท์กระซิบบอกก่อนขยับขึ้นไปนั่งบนชิงช้าข้างๆรัญชน์ รัญชน์ยิ้มอย่างมีความสุขขณะเอนศีรษะลงพิงไหล่กว้าง กวินท์สอดมือโอบกอดเอวคนรักเอาไว้อย่างมีความสุขเช่นกัน

สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตคู่คือความเข้าใจซึ่งกันและกัน

เพียงเท่านี้ก็เติมเต็มความรักที่มีให้แก่กันอย่างสมบูรณ์

The End

จบแล้วววว ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและติชมพูดคุยกันนะคะ

เรื่องต่อจากซีรีย์shade of seasonนี้คือ Sunshine You เพราะผมรักคุณ (เป็นตัวละครคู่ใหม่นะคะ แต่ก็มีคุณหมอกวินท์กับรัญชน์มาร่วมแจมบ้าง)
แต่เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการวางพล็อตและตั้งชื่อตัวละครค่ะ
ระหว่างนี้ มี 1 เรื่องมาคั่นรอให้อ่านกันจากซีรีย์ Tragedy Series
คือเรื่อง Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37264.0)
สำหรับเรื่องtell me the legend เป็น Tragedy Drama สุดโศก เป็นเรื่องราวของอนิรุทธ์อาจารย์แพทย์ประจำวอร์ดศัลยกรรมกับศราวินคนรักที่เป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้าย ความรักของทั้งสองเป็นตำนานที่เลื่องลือภายในโรงเรียนแพทย์มานานกว่าสี่สิบปี เรื่องราวที่น่าเศร้าเมื่อศราวินที่ใครๆต่างก็เอ็นดูถูกฆ่าข่มขืนในบริเวณละแวกโรงพยาบาล ศพของเขาถูกพบและนำมาชันสูตรที่โรงพยาบาลโดยผู้ที่ทำหน้าที่ชันสูตรนั้นคืออนิรุทธ์คนรักของเขา ที่ในวันต่อมาทีมแพทย์นิติเวชพบเป็นศพอยู่ในโลงของคนรัก ทั้งสองศพอยู่ในสภาพที่กอดกันเอาไว้ราวกับไม่ต้องการที่จะแยกจากกัน
จากการตายที่ทำให้ทุกคนตกใจ กลับมีเรื่องสั่นขวัญขึ้นในโรงพยาบาลเพราะนางพยาบาลประจำวอร์ดศัลยกรรมและคนไข้มักจะได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งสองและเสียงฝีเท้าเดินไปตามระเบียง ราวกับทั้งสองคนกำลังราวน์วอร์ดเหมือนกับตอนที่มีชีวิต
เรื่องลึกลับนี้กลายเป็นตำนานของโรงพยาบาลเรื่อยมา
จนกระั่ทั่งสี่สิบปีให้หลัง
เหล่าพยาบาลประจำวอร์ดก็ต้องตื่นตระหนกอีกครั้ง เมื่ออาจารย์กับนักเรียนแพทย์ที่มาบรรจบพบกันอีกครั้งบนวอร์ดศัลยกรรมนี้
มีชื่อเดียวกันกับคู่รักที่เสียชีวิตไปแล้ว!
ดั่งว่าตำนานนั้นจะย้อนกลับมาดำเนินเรื่องอีกหน จึงให้ทั้งสองมาพบกัน ณ ที่แห่งนี้

ใครสนใจนิยายแนวtragedy drama ตามอ่านได้โล้ด  :mc4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ (Update 22/3/13) -รอ
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 22-03-2013 21:30:57
 :mc4: จบแล้ววววววววววววววว ขอให้รันกับพี่หมอรักกันนานๆ
คนเขียนเก่งมากค่า  :กอด1:  อยากได้รวมเล่มแต่จะไม่อยู่เมืองไทยแล้ว แง้วววว
ปล. อยากอ่านเรื่องแพทย์ๆ นะ แต่ไม่อาจทนความดราม่าได้ นางฟ้าแพ้ดราม่า  :m15:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ (Update 22/3/13) -รอ
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 23-03-2013 01:31:52
เรื่องทำให้ค้องร้องไห้จนตาบวมเลย ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ (Update 22/3/13) -รอ
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 23-03-2013 02:19:00
จบแล้ววววแฮปปี้เอนดิ้งงงง เรื่องนี้เรียกน้ำตาเราไปเยอะเหมือนกันนะ
โหยกวินท์ยังคงเส้นคงวาความอบอุ่นฮือ
แต่เรื่องแพทย์โคตรรรรน่าอ่านเลยค่ะ!
ตอนแรกนึกว่าเรื่องผีแหะๆ(ก็เค้ายังอ่านดีเทลเรื่องไม่จบ)

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆอย่างนี้ออกมานะคะ
ถึงจะไม่ได้สั่งจองหนังสือแต่ก็สัญญว่าจะตามอ่านทุกเรื่องแล้วก็เม้นให้น้า :D
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ (Update 22/3/13) -รอ
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 23-03-2013 19:55:46
แหม ก็จบแบบที่ว่า ต่างจากที่คิดไว้มาก อารมณืตอนแรกนะ อยากด่าไอ้พ่อเลวๆนั่นมากอ่ะ โรคจิตชะมัด
มีอย่างที่ไหนรักลูกมากกกกก ซะจนไม่อยากยกให้ใคร แต่แกก็ตายไปแล้วอ่ะนะ  :bye2: :bye2:
เฮ้อ ชีวิตรัญชน์ นี่น่าสงสารเนอะ ฆ่าตัวตายสองรอบ โดนฆ่าสองรอบ พระเอกเรา รอบเดียวก็ตายละ แต่ดีนายเอกทันเวลา

ชอบมาก จะมาติดตามการจองละกัน(ถ้ามีตังค์ 555) สนุกมากอ่ะ อยากถามจังเลยครับ(นัยๆคืออยากให้ตอบ)
มันคือเรื่องสั้นใช่หรือป่าวครับ เพราะมีแค่ 14 ตอน ถ้าเป็นเรื่องยาวคงเป็นเรื่องยาวที่แหม่งๆนิดหน่อยนะ เอ๊ะยังไง :m28:
แต่ก็สนุกดีนะ ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านวันเดียวจบ (ก็มันตอนน้อยนี่นา) ชอบๆๆๆๆๆ

คนเขียนสู้ๆ จะตามอ่านทุกเรื่องเลยยยยยยยยยยยยยยย  o13 o13 o13 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ /เปิดจอง P.3 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-03-2013 07:16:06
จบแบบหวานๆ

น่ารักอ่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ /เปิดจอง P.3 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Violet Rose ที่ 24-03-2013 10:22:55
 :-[ :-[ อ๊ายๆ หวานเชียวนะ อิอิ
รอเรื่องใหม่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ /เปิดจอง P.3 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 24-03-2013 21:48:49
สนุกมากเลยค่ะ บรรยายได้สวยมากๆเลย
เดี๋ยวมาอ่านต่อนะคะ ชอบมากเลย
คุณหมออ่อนโยนมากก รัญชน์จะได้มีคนดูแลซะที
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ /เปิดจอง P.3 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 27-03-2013 09:23:18
จบซะแล้ว แต่งเก่งมากๆเลยค่ะ ภาษาก็สวย ลื่นมากกก
ชอบทุกเรื่องเลย ตอนแรกนึกว่าเรื่องนี้จะแบบสบายๆ
ที่ไหนได้ ตอนหลังนี้ทำน้ำตาซึมกัยเลยทีเดียว
ดีใจที่ทุกคนได้อยู่ด้วยกัน แต่สงสารยชน์อ่ะ
คือรู้สึกว่าที่เขาทำไปเขาก็มีเหตุผลของเขา
แม้มันจะเป็นการจัดการปัญหาที่ไม่ดีเลยก็ตาม
สุดท้ายก็ตายแบบไม่ได้แก้ไข ปรับความเข้าใจยิ่งทำให้เศร้าTT
ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันนะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ /เปิดจอง P.3 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mind223 ที่ 27-03-2013 11:17:24
จบซะแล้ววว :man1: :man1:

หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ /เปิดจอง P.3 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 27-03-2013 19:15:43
อ่าแล้วสนุกมากค่า มีหลายอารมณ์
แต่ทำเค้าเสียน้ำตาเป็นลิตรเลย
จะรอติดตามผลงานเรื่องถัดไปค่า
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ /เปิดจอง P.3 ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 31-03-2013 08:31:32
ร้องไห้จนตาบวมเลย สนุกมาก เศร้ามาก ซึ้งมาก :monkeysad:
ตามไปอ่านเรื่องใหม่ก็น้ำตาไหลเป็นลิตร สะเทือนใจสุดๆ มันทำให้เค้ารู้จักตัวเองว่าอยู่สาย M จริงๆ :z3:
ติดตามผลงานต่อไปค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 01-04-2013 01:17:24
สุดยอดดดดดดดดดดด ฝีมือไม่ธรรมดา สุดยอดมากๆค่ะ สงสารยช ยังปล่อยวางไม่ได้จนวาระสุดท้าย

โรแมนติกม๊ากๆค่า
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 01-04-2013 21:06:16
ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 01-04-2013 23:35:49
น้ำตาไหลพราก ๆ ตอนที่สองคนรถชนแล้วพ่อโกหกว่ากวินและรัญชน์ตายแล้ว
โอย อิพ่อโรคจิตมาก มารในใจคนอ่านสุด ๆ ใจร้าย ใจดำ พยายามฆ่ารันตั้งหลายหน
กว่าสองคนจะรักกันได้ผ่านเวลาเนิ่นนาน แล้วยังผ่านอะไรที่พิสูจน์ความรักเยอะแยะไปหมด
รัญชน์เป็นนายเอกที่โคตรน่าสงสารมากเลยเนอะ เหมือนไม่มีใครเลย จนมาเจอพระเอกนี่แหละ
ตอนท้ายดีใจที่รันได้ปรับความเข้าใจกับครอบครัว ได้ขอโทษพ่อตัวเอง แฮปปี้เอนดิ้งสุดๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-04-2013 22:19:44
เสียน้ำตาไปหลายลิตร  :hao5:

สนุกมากจริงๆค่ะ จะติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 03-04-2013 22:52:13
อ่านรวดเดียว อ่านไปร้องไห้ไป ร้องไห้จนหายใจไม่ออก หายใจไม่ทัน

 ต้องแอบหยุดพัก เช็ดน้ำตาเพราะมองตัวอักษรไม่เห็น แอบพักหายใจเข้าลึกเพราะร้องไห้จนหายใจไม่ออก

สนุกๆมากๆๆๆเลยค้่าาจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเลยยยย :mew1:

หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 04-04-2013 11:11:53
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ เศร้ามากกก แต่หยุดอ่านไมไ่ด้เหมือนกัน...
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 04-04-2013 21:36:37
น้ำตาแตกตั้งแต่อ่านไปแค่สี่ตอน เศร้ามากค่ะ สิบห้าปีกว่าจะได้กลับมารักกันก็ต้องผ่านอุปสรรคจนแทบจะต้องพรากจากกันอีก
อ่านรวดเดียวจนจบ สนุกมากๆเลยค่ะ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 04-04-2013 23:12:14
โอยยยย ลุ้นกับความรักของเค้าทั้งสองมาก ๆ เลยค่ะ
กว่าจะลงเอยกันได้ ผ่านนู่นนี่กันมา ...

โรแมนติกมากเลยค่ะ รักกันมา 15 ปี .. แล้วต่างคนก็ต่างรอจะได้มาเจอกัน  :monkeysad:

ขอบคุณคนแต่งมาก ๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: wasawath ที่ 05-04-2013 14:34:25
อ่านเรื่องนี้แล้วน้ำตาซึมอ่ะ ชอบมาก <3
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 06-04-2013 12:38:17
เสียน้ำตาไปเยอะกับเรื่องนี้สะเทือนใจมากๆ
แต่ก็แฮบปี้เอนดิ้งเนาะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: YOSHIKUNI RUN ที่ 07-04-2013 04:36:00
    ร้องไห้จนตาบวมเลย :mew4:
จบได้ซึ้งๆดีค่ะ
สนุกมากกก ขอบคุณน่ะค้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 07-04-2013 12:57:43
อ่านจบหน้าสอง รัญชน์กำลังจะกลับไปหาครอบครัว หาแม่ และพ่อแท้ๆ
แต่เราคาใจอ่ะ จริงๆความโดดเดี่ยวที่เกิดกับรัญชน์มันไม่ใช่ความผิดของรัญชน์คนเดียวซะหน่อย
รัญชน์เข้ากับครั้วครัวของแม่ไม่ได้ ครอบครัวก็ดูจะไม่ได้พยายามอะไรนอกจากแก้ไขปัญหา(ตรงไหน?)โดยการส่งรัญชน์ไปเข้าโรงเรียนประจำ รัญชน์รอให้ไปรับก็ไม่มีใครไปรับ จนสุดท้ายกลายเป็นความห่างเหิน รัญชน์แยกออกมาหาตังได้เองใช้ชีวิตอยู่เองคนเดียวโดยที่แม่กับครอบครัวใหม่(พ่อแท้ๆที่รัญชน์ไม่เคยรู้)ก็อยู่กันปกติดีไม่รู้ว่าเคยคิดออกไปตามรัญชน์กลับมาอยู๋ด้วยกันมั้ย
แบบนี้ไม่ใช่ว่าคนที่มีส่วนผิดก็คือครอบครัวนั้นหรอกเหรอที่ทิ้งให้รัญชน์อยู่คนเดียว กลายเป็นว่ารัญชน์จะกลับไปทั้งที่เอาจริงๆคงลืมไปแล้วว่าครอบครัวเค้าต้องการรัชญ์มั้ยทำไมถึงทิ้งให้อยู่คนเดียวไม่ตามหาไม่ไปรับกลับมา ไม่พยายามหาทางให้อยู่ด้วยกันได้อะไรเลย
ดูเค้าเหมือนก็ไม่ได้รักรัญชน์กันเลยนะ
แล้วตกลงว่าแม่รัณชน์มีชู้จริงๆ? รัญชร์เป็นลูกชู้งั้นเหรอ?

เฮ้อออ ไปอ่านต่อเผื่อหน้าสุดท้ายจะเคลียร์เรื่องที่เราคาใจได้

-------------------------------

อ่านจบแล้ว

“ลูกอยู่กับพ่อเขาก็ไม่มีความสุข ในครอบครัวมีแต่ความตึงเครียด แม่ส่งลูกไปเรียนที่บรูคลินก็เพราะไม่อยากให้ลูกเกลียดพ่อเขาไปมากกว่านี้ อยู่ด้วยกันก็มีแต่ทะเลาะกัน เพิ่มความเกลียดชังไม่รู้จบ ลูกไม่รู้หรอกว่าแม่ปวดใจมากแค่ไหนที่ต้องส่งลูกไปอยู่คนเดียวแบบนั้น”

^
^

แอบเคืองครอบครัวรัญชน์นิดๆเพราะเรารู้สึกว่าตรงนี้มันฟังไม่ขึ้น ตัวแม่ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ พ่อภวัตก็อยู่ไม่ช่วยกันคิดเลยเหรอว่าวิธีนี้มันไม่ควรอย่างยิ่งเลย ดูไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้มาเลย มันดูเหมือนส่งตัวรัญชน์เพื่อให้ออกจากครอบครัวสามพ่อแม่ลูกมากกว่า เหมือนว่ารัญชน์คือตัวปัญหา ไม่อยากให้มีปัญหาก็เลยส่งไปอยู่โรงเรียนประจำครอบครัวตัวเองจะได้อยู่กันอยางมีความสุข แม้แต่วันเกิดตัวเองก็ยังไม่หาไม่ตามไม่ไปเจอ รัยชน์รอให้ไปรับกลับก็ไม่ไป มันฟังไม่ขึ้นอ่ะ จริงๆ เหมือนทำเพื่อผลักรัญชน์ออกไปมากกว่า ทำแบบนั้นแทนที่พ่อลูกจะเข้ากันได้ก็กลายเป็นยิ่งทำให้เค้ายิ่งห่างเหิน ดูเป็นวิธีตัดสินใจแก้ปัญหาที่แย่มากๆเลย คิดได้ยังไงเนี่ย ลูกจะรู้สึกยังไงไม่รู้เลยเหรอ

ณ จุดนี้ยังโกรธอยู่ทั้งพ่อทั้งแม่ แล้วสรุปแม่ก็เล่นชู้จริงๆอ่ะดิ่ถึงมีรัญชน์ได้อ่ะ แต่ก่อนนั้นก็มีรตาโดยเกิดจากแม่กับยชมาก่อน

เฮ้อออออ ให้ตาย ไม่ชอบครอบครัวนี้เลยจริงๆ



*แต่คอมเม้นนิดนึงว่าคนเขียนเก่งมาก เราอินมากและร้องไห้จนหายใจไม่ออก เขียนเก่งมากๆเลยค่ะ ^^ ชาบูๆ
ชอบที่พระเอกฉลาดด้วย ตอนที่นายเอกปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่เด็กคนนั้นพระเอกก็ไม่เชื่อ จับจูบพิสูจน์ม่ามเลย ชอบมาก
เป็นเรื่องอื่นคงเชื่อว่าเป็นพี่สาวนายเอกไปแล้ว 55555

ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 07-04-2013 15:30:25
อ่านจบแว้ว ดราม่าสุด ๆเบยยยย
เศร้ามากกกก กว่าจะลงเอยกันได้เน้ออออ
แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันกันนะฮ๊าฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 07-04-2013 19:32:59
ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kabung ที่ 07-04-2013 21:23:33
ชอบมากกกกกกกกกก อ่านไปน้ำตามนองหน้า ประทับใจ  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ckkk. ที่ 08-04-2013 03:42:03
มาอ่านรวดเดียวใน thaiboyslove ทีเดียวจบ
เนื่องจากเฟิร์นเข้าเว็บไม่ได้คิดว่าน่าจะเว็บล่ม แง่งง
ขอเม้นในนี้เลยแล้วกันนะฮ้าบบ T___T

เอาล่ะ มาพูดถึงเนื้องเรื่อง

อย่างแรกเลยคือพี่โกะไม่เคยทำให้ผิดหวังกับนิยายของพี่เลย
ยังแต่งออกมาได้ดีเหมือนเดิมเท่าที่อ่านมาส่วนมากพี่โกะจะถนัดแนวดราม่า โรมานซ์ เนอะ
เสียน้ำตาไปหลายหยดมากเวลาอ่านนิยายดราม่าของพี่โกะ5555555555
กว่าตัวละครตัวเอกทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแฮปปี้ก็ต้องผ่านอุปสรรคมา ต่างๆ นาๆ
มีทุกข์สุขปะปนแต่ก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก อ่านแล้วประทับใจมากๆ เลยค่ะ
ยังไงก็จะติดตามผลงานของพี่โกะเรื่อยๆ เลยนะคะ ชอบมากๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ♥  :3
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 08-04-2013 06:05:26
น้ำตาไหลพรากเลย เขียนได้เก่งมากจริงๆ อินซะ เกือบหยุดน้ำตาไม่ได้
ปกติเวลาเดาพล็อตเรื่องได้แล้ว มันจะไม่อินแต่ครั้งนี้บ่อน้ำตาแตกเลย

ไม่ผิดใช่ไหมถ้าบอกว่าเดาแล้วว่ารัญชน์ ไม่ใช่ลูกของยญชน์ตั้งแต่ตอน
ที่รัญชน์เล่าว่ายญชน์กีดกันไม่ให้รตาคุยกับรัญชน์ แล้วก็คิดตั้งแต่ตอน
นั้นว่าภวัตน่าจะเป็นพ่อแท้ๆ
เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการจัดการของพ่อแม่ต่อรัญชน์ ถึงจะบอกว่า
ยังคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง แต่มันใช่สิ่งที่เด็กต้องการหรือเปล่าละ
ไม่คิดในมุมมองของลูกบ้างเหรอ ดีเท่าไรที่ไม่เตลิดไปนะ แม้จะไม่เคย
ตกอยู่ในสภาพปัญหาแบบเดียวกัน แต่ก็รู้จักหลายคนที่ถูกส่งไปเรียน
นอกเพราะทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาในไทย เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงส่ง
เด็กไป แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ตัดสายสัมพันธ์ทางใจ เหมือนอย่าง
พ่อแม่รัญชน์ ดังนั้นสรุปคือเข้าใจเหตุผล แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการกระทำ

ส่วนผลงานเรื่องแนวหลอนๆ นี้ เอ่อ ขออนุญาตไม่อ่านแล้วกันนะครับ
เดาว่าฝีมือเขียนคงดีจนทำผมหลอน ไม่กล้านอนแน่ ดังนั้น ไม่ขออ่านดีกว่า
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 08-04-2013 19:30:19
เขียนเก่งมากค่ะ  ภาษาก็ไหลลื่น
น้ำตาท่วมเลยกว่าจะอ่านจบ
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมาก :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-04-2013 21:24:15
ได้มีโอกาสนั่งอ่านเรื่องนี้ยาวจนจบ ตอนดราม่าก็เล่นเอาซะน้ำตาไหลเป็นปี๊บ
สนุกมากค่ะ จะติดตามเรื่องอื่นๆต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Mrl● ที่ 09-04-2013 20:22:31
อ่านในมือถือตอนเที่ยงคืนถึงตี3รวดเดียวจบเลยค่ะ
สนุกมากกกกกกกดราม่าน้ำตาไหลตลอดๆ
ชอบมากๆเลยค้ะ ติดตามเรื่องอื่นอยู่น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 12-04-2013 06:59:53
อ่านเรื่องนี้จบแล้วเปิดหัวปวดตาไปหมด :mew4:
มันซึ้งอ่ะ :mew6:
แต่พออ่านแล้วมันวางไม่ลง  ต้องอ่านต่อไปจนจบนั่นแหละ
ขอบคุณคนเขียนนะ
หนุกมากๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: netsu ที่ 12-04-2013 09:12:39
อ่านไปน้ำตาก็ไหล เศร้ามากมาย
ดีนะที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่งั้นน้ำตาคงหมดไปเป็นปี๊บ
 :mew2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 12-04-2013 22:26:10
อ่านจบแล้วววว รวดเดียวเลย สนุกมากค่ะ  หลังๆนี่ดราม่าหนักมาก อ่านแล้วยังนึกโกรธพ่อของรตาเลย ว่าทำไมถึงร้ายขนาดนี้ แต่ก็จบลงด้วยดีอะเนอะ ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆมาให้อ่านกันนะคะ :))
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Firebird ที่ 25-04-2013 23:02:30
จะบอกว่า ร้องไห้ทั้งเรื่อง
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: rayjikung ที่ 01-05-2013 19:36:10
โรแมนติก ดราม่า อบอุ่น  :hao5:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bbc52 ที่ 02-05-2013 09:30:42
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลย  อ่านแล้วบีบอารมณ์มาก ร้องไห้  มีหลากหลายอารมณ์  แต่งได้ดีมากเลย
ไว้รออ่านเรื่องใหม่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: in_blu ที่ 02-05-2013 13:58:47
โอ้ววว เป็นเรื่องที่คลาดสายตาไปได้ยังไง

พลอตเรื่องสนุกมากค่ะ ดราม่าน้ำตาไหลพราก

ชีวิตน้องรันก็ช่างรันทดเหลือเกิน ส่วนพี่หมอก็น่าร๊าก น่ารัก

ยังไงจะรออ่านเรื่องอื่นๆ ในซีรีย์ต่อไปนะคะ

ปล. ขอตอนพิเศษคู่นี่อีกหน่อยก็จะดีมากๆ เลยคะ ^^
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: a_claire ที่ 02-05-2013 19:02:31
ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นคนไม่อ่านดราม่า ไม่ค่อยชอบ
คิดเสมอว่านิยายมันต้องอ่านแล้วมีความสุขสิ
แต่พออ่านเรื่องนี้ ปิดไม่ลง น้ำตาไหลเป็นสายตลอดเรื่อง
จนที่บ้านบอกว่าเป็นเอามากนะเนี้ย
แล้วเราเป็นคนที่เซ็นซิทีฟมากกับเรื่องครอบครัวบ้านแตก
ยิ่งอ่านยิ่งร้องง สะเทือนอารมณ์สุดๆ
สงสารรัญมากๆ เข้าใจความรู้สึกที่ต้องโดดเดี่ยวสุดๆ
ขอบคุณที่สุดท้ายนิยายเรื่องนี้ยังจบแบบมีความสุข
ตอนแรกคิดว่าจะจบแบบโรมิโอ จูเรียตซะแล้ว
ประทับใจเรื่องนี้มากจริงๆ  o13 o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: treerat002 ที่ 27-05-2013 10:52:37
อ่านจบแล้วค่ะ เป็นนิยายที่ทรงคุณค่ามาก  :hao5:

ครอบครัวของนายเอกเรานี่...ดูเห็นแก่ตัวกันทั้งสองครอบครัวเลยนะ  :katai1:


ฝั่งคุณพ่อ...โรคจิตเกิน!!! คงจะเพราะรักมาก จึงเกลียดมาก สุดท้ายแล้วก็เลยมีจุดจบเช่นนี้ เราคิดว่าคนนี้แหละเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้


ฝั่งคุณแม่...แลดูจะเห็นแก่ตัวมากจนสังเกตเห็นได้ชัด อันที่จริงเวลาเกิดปัญหาที่ลูกเข้ากับพ่อเลี้ยง (ซึ่งมารู้ที่หลังว่าเป็นพ่อจริง) ไม่ได้นั้น ควรจะต้องใช้เวลาและความใกล้ชิดเป็นตัวเยียวยา เห็นจากตอนที่นายเอกเราเผลอผลักคุณแม่จนเกือบแท้ง ที่จริงตอนนั้นนายเอกเรารู้สำนึกแล้ว ถ้ามาปรับความเข้าใจกัน คุยกันดี ๆ ก็คงจะแฮ๊บปี้กว่านี้ นี่พี่แกเล่นทอดทิ้งเลย ถึงจะบอกว่าตามช่วยเหลือและคอยไปดูทุกอาทิตย์ก็เหอะ เด็กเขารู้สึกว่าโดดเดี่ยวและไม่ได้รับความรัก เข้ากับครอบครัวไม่ได้เลยโดนทิ้งมาอยู่โรงเรียนประจำ เกิดเป็นปมด้อยขึ้นมา นึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีสัญญากับพระเอก พ่อนายเอกของเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร :serius2:


ชอบบุคลิกของพระเอกมากค่ะ นายเอกเราก็แกร่งมาก


ในที่สุดก็มีความสุขเสียทีละนะ เฮ้อ~  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: perrfungirl ที่ 27-05-2013 14:25:41
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ อยากบอกคนเขียนเก่งมาก เขียนได้อารมณ์แบบว่าอินสุดๆ ร้องไห้หยุดตัวเองไม่ได้เลย
ขอบคุณมากค่ะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้เราได้อ่าน :)
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 01-06-2013 08:00:40
โห เล่นเสียน้ำตาเป็นลิตรๆเลย

สนุกมากครับ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้

พระเอกเรื่องนี้ perfect มากๆ

You raise me up.
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 02-06-2013 22:47:02
โอ๊ยย ซึ้งมาค่ะ อ่านไปน้ำตาคลอไป :sad4:
แต่ตอนจบนี่หวานมากๆ น่ารักมากๆอีกด้วย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-06-2013 10:04:22
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากเลยค่ะ อ่านไป น้ำตาไหลไป สุดยอดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ระฆัง ที่ 02-07-2013 06:02:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อ่านจบแล้วซูฮกคนเขียนมากๆคะ
ตามมาจากเรื่องของหมออนิรุทธ์และศราวินนะคะ
ชอบการเขียนรวมไปถึงการเล่าเรื่องของคนเขียนมากคะ
เก่งมากๆ ฉากหวานมันไม่หวานจนเลี่ยนไป
เป็นสีชมพู+ส้มจางๆ ดูอบอุ่น มีความสุข
ฉากเศร้า ขอโทษนะคะ โคตรเศร้าเลยคะ T^T
มันค่อนข้างบีบหัวใจ อ่านแล้วอึดอัด เจ็บปวดแทนตัวรัญชน์
เหมือนถูกฆ่าทั้งเป็น ผู้ชายคนนั้นใจร้ายมากคะแล้วก็เห็นแก่ตัวมาก
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าทำร้ายคนบริสุทธิ์คนนึง

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเขียนอะไรเจ๋งๆแบบนี้ออกมาอีกนะคะ
ถึงจะไม่ค่อยชอบเสพดราม่าเท่าไหร่
แต่เหมือนมันซึมลึกไปละ 555 :mew4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 07-07-2013 20:05:34
โอยย  น้ำตาไหลพรากกกกก เลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 15-07-2013 11:39:04
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 19-07-2013 21:45:27
อ่านเรื่องแล้วเฟลตั้งแต่ต้นเลยค่ะ แบบว่ามันรันทดเกินปายยยยยยยยยยยย  :hao5:

แต่ชอบพี่สาวนายเอกมั่กๆ แบบว่าชีแมนมาก ฮาาาา

เรื่องนี้อ่านไปสงสารไปแถมยังเกลียดพ่อนายเอกมากแบบว่าเกลียดคนแบบนี้ที่สุด แต่พออ่านมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าน่าสงสารแทนที่จะเกลียดซะแล้วสิ สุดท้ายเลยกลายเป็นที่น่าสงสารที่สุดไปแทน

น่าสงสารตรงที่ตัวเองไม่เคยรับรู้ความผิดพลาดของตัวเอง ไม่เคยที่จะย้อนมองการกระทำตัวเอง เอาแต่โยนความผิดไปให้คนอื่น แล้วก็บอกแต่ว่าตัวเองน่าสงสาร คนแบบนี้น่าสมเพชที่สุด

ส่วนพระเอกแมนมาก ยืดอกรับการกระทำของตัวเอง รักก็รัก ตามง้อ ตามไปถึงอเมริกาเพื่อขอให้นายเอกยอมรับว่ารักเนี่ย แถมยังเอาตัวเองเข้าปกป้องด้วย ชอบบบบบบบบ  :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 28-07-2013 15:47:24
ร้องไห้เลยอ่ะกับเรื่องเนี๊ย เป็นเรื่องที่อบอุ่นกับความรักของกวินท์กับรัญชน์ดีนะ แต่ดราม่าเพราะครอบครัวเยอะไปหน่อยอ่ะ เลยไม่ค่อยมีฉากหวานๆใส่กันเลย ถึงจะรู้ถึงความรักที่ทั้งสองมีให้กันก็เหอะ เรื่องนี้... บ่งบอกถึงการควบคุมอารมณ์ของคนด้วยนะ จริงๆต้องบอกเลยว่าจะอ่านเรื่องนี้ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วย จริงๆนะ เรื่องนี้มันสื่อถึงการที่คนเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าอารมณ์ต่างๆ เช่น โมโหโทสะ จะโตตามไปด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องของสติกับการปล่อยวางเลยล่ะค่ะ แล้วพ่อแม่ที่คิดว่าการทำแบบนู้นนี้ดีแล้วโดยไม่อธิบายอะไรให้ลูกฟังสักอย่างจะเป็นการกระทำที่ดีหรอกนะคะ ไอคิดคนเราควรหันคุยกันนะ อย่าคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่องสิ เขารู้เรื่องนะ แต่ในตอนแรกอาจจะยอมรับไม่ได้เท่านั้นเอง คุณพ่อแม่ก็ควรรอหน่อยสิ สักวันเขาก็ต้องยอมรับได้เอง ไม่ใช่ผลักไสลูกไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ที่ทำให้ลูกยิ่งหวาดกลัวและคิดว่าถูกทิ้งซะมากกว่า การหวังดีแบบนั้นไม่เคยเห็นครอบครัวไหนกลับมาหัวเราะให้กันอย่างมีความสุขจริงๆสักที บาดแผลในใจเพราะเรื่องครอบครัวนี่มันลึกกว่าที่คิดนะคะ เฮ้อออออ ก็นะ แค่อยากบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างโฟกัสไปที่ครอบครัวมากกว่าเรื่องของเราสองคนซะอีก จะอ่านก็ต้องมีสติด้วย ไอไม่คิดจะจัดเรตให้เพราะคนบางคนโตแล้วแต่ไม่ได้ความคิดจะโตตาม เรื่องนี้มันต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ ^^ แต่จัดว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะ ถึงจะไม่ค่อยมีฉากหวานๆระหว่างสองเรา แต่เกือบทุกตอนรู้สึกถึงความรักระหว่างพวกเขาชัดเจนเลยล่ะค่ะ นี่ก็เป็นอีกเสน่ห์ของเรื่องนี้นะ !   o13

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: บี ที่ 22-09-2013 16:01:16
เรื่องนี้เหมือนจะเศร้าๆ แต่ก้อปนหวานด้วยนะเนี่ย อิอิ ชอบมากเรยนายแพทย์กวินท์น่ารัก หวานมากๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 22-09-2013 22:19:35
ร้องไห้เกือบจะทุกตอนเลย ดีใจกับความรักที่มั่นคงของทั้ง สองคน และของพี่สาวที่น่ารัก :L1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 04-11-2013 00:48:45
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:อ่านไปร้องไห้ไป :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 14-11-2013 11:53:44
จบแล้ว  :sad11:

เศร้ามากเลย อ่านแล้วน้ำตาคลอ

แต่ก็ดีใจที่จบแบบแฮ๊ปปี้

ขอบคุณมากๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ไอหมอก ที่ 10-12-2013 01:23:51
อ่านจบแบบตาบวมเลยทีเดียวซึ้งมากค่ะ

เป็นความรักอันอบอุ่ขอบคุณที่สร้างผลงานดีๆให้ได้อ่านนะคะ

หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 27-12-2013 21:29:34
ดราม่าน้ำตาจะไหล จะหยุดอ่านก็ไม่ได้
ไม่รู้เป็นความผิดของใคร แล้วก็ไม่มีใครช่วยทำให้ดีขึ้นได้
เฮ้อ สงสารหนูรัญชน์ แต่โชคดีมีคุณหมอกวินน์เข้ามาเป็นรักแท้ของทั้งคู่
ปลาบปลื้มที่จบแบบมีความสุข คู่นี้เค้ารักกันมากๆ  :L2:

แอบไม่ชอบใจคุณพ่อ คุณแม่แท้ๆของหนูรัณชน์นิดๆว่าไม่เอาใจใส่ลูกเลย
จนลูกคิดว่าอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งสิบสองปี

ขอบคุณผู้เขียนคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 28-12-2013 15:21:42
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Vavaviz ที่ 04-03-2014 14:44:19
อ่านแล้วอยากมีรักแรกแบบนี้มั่ง

แต่ไม่เอาเศร้าขนาดนี้ก่อนลงเอยนะ 555
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 04-03-2014 22:06:35
เศร้าจัง สงสารรัญชน์เหมือนถูกปล่อยเกาะจากครอบครัวที่อบอุ่นกลายเป็นไม่เหลือใครดีที่มีกวินท์ไม่งั้นชีวิตนี้จะดราม่าไปถึงไหน  :mew4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-03-2014 22:09:32
ดราม่าสุดยอด :sad4:ค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KhunMay ที่ 06-04-2014 23:21:39
สุดยอด ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
ร้องไห้ได้หลายตอนมาก
อินจัด อารมณ์ทุกอย่างเหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ชอบทั้งพระเอกและนายเอก
เชื่อมั่นในรักมากๆ หายากแบบนี้ ชอบสุดๆ
ขอบคุณที่มีนิยายดีๆให้อ่านค่ะ
ปล. ตราตรึงในใจกับความรักของทั้งคู่ไม่หยุดซักที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-04-2014 23:23:08
อ่านไปน้ำตาคลอ

เก่งมากจริงๆค่ะ
อินจนพูดไม่ออก
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~ ที่ 25-04-2014 17:52:39
อ่านรวดเดียวจบขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
กว่าจะจบแฮปปี้ได้ทำคนอ่านเสียน้ำตากับรัญชน์ไปเป็นกระบุง

                           :sad4:       
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 15-06-2014 17:21:13
สนุกมากๆ เข้มข้นมากๆ เรียกน้ำตาได้หลายตอนเลย :mew4:
จบดีมากๆ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammie_mn ที่ 20-06-2014 14:55:28
ร้องไห้ตามแบบสะอึกสะอื้นมาก เรียกได้ว่าผ้าซับน้ำตาเปียกเลย

หลงรักในความรักของทั้งคู่มาก เป็นรักที่มั่นคงและแท้จริง

กว่าจะอ่านจบได้ต้องหยุดเป็นพักๆ กลัวตาจะบวมไปมากกว่านี้

คนเขียน เขียนได้ดีมากอินสุดๆ เล่นเอาเกลียดพ่อยชไปเลย แต่ใช่ว่าฝั่งแม่จะดีนะ ไม่ชอบทั้งคู่เลย

หมอกวินท์ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของรัญชน์ ขอบคุณที่มาเติมส่วนที่ขาด
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 18-07-2014 02:28:26
ซึ้งได้ใจมากๆๆๆครับ ร้องไห้หลายรอบมากครับ  :hao5: :hao5: :hao5:

ชอบเรื่องนี้มากๆ  :hao7: :hao7:

คนเขียนเขียนได้ดีมากๆ  :katai2-1: :katai2-1:

 :L2: :L2:ชอบชอบ :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 22-07-2014 13:05:22
กรี้ดดดดดด อ่านจบแล้ว ชอบเรื่องนี้มาก
แต่งดีแถมเนื้อเรื่องดีภาษาดีสรุปดีหมดทุกอย่าง
มีฉากที่ทำให้น้ำตาซึมเยอะมากจนตอนแรกคิดว่าจะจบแบบดราม่ารึเปล่า
แต่สุดท้ายก็แฮปปี้
อ่านแรกๆรู้สึกสงสารนายเอกที่ต้องทนเหงาว้าเหว่อยู่คนเดียวมากกก รู้สึกว่าถ้าเป็นเราจะทำยังไงดี555
โชคดีมากเลยที่มาเจอกวินท์อีกครั้ง พรมลิขิตชัดๆ  อ่านแล้วรู้สึกมีความสุขไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 12-08-2014 20:25:20
อ่านแล้วอยากได้หนังสือจังเลยค่ะ
คนเขียนตีพิมพ์เรื่องไหนบ้างเหรอคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-08-2014 13:42:58
อ่านจบแล้วจ้า พร้อมกับน้ำตานองหน้าและกระดาษทิชชู่กองโต  :mew6:
เป็นเรื่องที่สนุกมาก และก็เศร้ามากด้วย ร้องไห้จนปวดหัวไปหมด
แต่ก็ต้องขอบคุณคนแต่งมากนะคะ ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ แบบนี้ออกมาให้ได้อ่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: b2friend ที่ 30-08-2014 20:15:09
อ่านแล้วเศร้า ซึ้ง และกินใจมากกกก  o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 02-09-2014 23:30:12
จบแล้ว หวานแว๋วมากเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 03-09-2014 17:01:47
น้ำตาจะไหลค่ะ แต่ต้องกลั้นไว้เพราะอยู่บนรถเมล์

มันหน่วงมาก สะท้านไปทั้งใจเลย คุณพ่อเป็นที่ชอบหนีปัญหานะคะ ถ้ายอมเผชิญหน้ากับความจริง เรื่องเลวร้ายอย่างนี้ก็คงไม่ต้องเกิดขึ้น

อย่างน้อยก็มีเรื่องดีนะคะที่น้องรัญชน์วาดรูปได้แล้ว และคุณหมอก็ยังทำหน้าที่ของหมอต่อไป

ปล. ชอบชื่อน้องรัญชน์มาก. ขอเมมไว้เก็บไปตั้งชื่อลูกหลานเหลนโหลนในอนาคต ^^
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 03-09-2014 20:47:40
หน่วงมากกก ลุ้นอยู่ตลอดว่ารัญชน์จะเจอกับอะไรอีกให้ต้องเจ็บซ้ำ
น้ำตาร่วงตลอดเรื่องเลย เป็นรักที่มั่นคงมากกกก
ชอบพระเอกที่เชื่อมั่นใจในตัวเองจนได้รัญชน์กลับมา!!!

ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 20-02-2015 22:22:37
อ่านไปเช็ดน้ำตาไป แต่ก็อ่านจนจบ คุณเขียนเรื่องได้ดี อ่านแล้วอินมาก ทั้งหน่วงและน่าอัดอึด แต่ก็มีความอบอุ่นแทรกอยู่  o13

เอาใจช่วยให้น้องรัญชน์ได้รับสิ่งที่หวังมาตลอด ซึ่งมันก็คุ้มค่ากับการรอคอย แต่ไม่ค่อยเข้าใจความคิดพ่อแม่ของรัญชน์สักเท่าไหร่ ในเมื่อเด็กมีปัญหาเข้ากับครอบครัวใหม่ไม่ได้ แทนที่จะใช้ความรักความเอาใจใส่ในการเยียวยา แต่กลับผลักลูกออกไปให้ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น จะมาอ้างว่าทำไปเพราะรัก และแอบตามดูแลอยู่ห่างๆ มันฟังไม่ขึ้น ถ้าเราเป็นรัญชน์เราคงยิ่งเสียใจ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 03-03-2015 20:09:38
อ่านแล้วน้ำตาไหนยิ่งกว่าประจำเดือนอีกค่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 01-04-2015 20:30:24
จิ้มก่อนอ่านที่หลังง :z13:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 27-05-2015 13:40:05
 :pig4:

เศร้า และ ซึ้งมาก

ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Vanillaเปรี้ยว ที่ 24-06-2015 14:10:49
หน่วงมาก อ่านเรื่องนี้แล้วร้องไห้สะอื้นฮั่กๆเลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Vanillaเปรี้ยว ที่ 24-06-2015 14:14:25
หน่วงมาก อ่านเรื่องนี้แล้วร้องไห้สะอื้นฮั่กๆเลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 05-07-2015 22:27:31
เพราะศรัทธาในรัก ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ด้วยดี เหมือนเรื่องนี้เลย ชอบมากเลยค่ะ เศร้า หน่วง ละมุน ครบเครื่่องมากๆเลยค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 31-07-2015 11:11:01
ชอบเรื่องนี้ อ่านรวดจนจบเลยยย
ชอบตัวละครพระเอกนายเอกไม่มีใครงี่เง่าจนน่าขัดใจ
แต่พ่อนี่แบบเกินนนนนนน จิตมาก
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 31-07-2015 18:06:38
เรื่องนี้ทำให้หมดน้ำตาไปเยอะเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 09-08-2015 22:41:04
ชาบูคนแต่งเลยค่ะ
เราเสียน้ำตาไปสามถังกะกระดาษทิชชูอีก 1 ม้วน
ทั้งซึ้งทั้งสะเทือนใจ ชีวิตนายเอกโคตะระรันทด ดีนะที่พี่หมอกวินทร์เป็นคนอบอุ่น
ไม่งั้นชีวิตนายเอกเราหงอยกว่านี้แน่

สนุกดีค่ะ คนแต่งเก่งมากกกกกก  :hao3:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 18-09-2015 21:07:47
สนุกมากค่ะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: MYYAOI ที่ 28-09-2015 23:10:52
ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ เราอ่านรวดเดียวจบ ไม่มีคำบรรยายอะไรให้มันสวยหรู รู้แต่อินจัด ทั้งยิ้ม ทั้งเศร้าไปกะทั้งคู่ ที่สำคัญน้ำตานองเสมือนเป็นเรื่องของตัวเองงั้นเลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 02-10-2015 09:16:44
ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้ง กว่าจะได้รักกันสมใจได้ก็ผ่านเรื่องราวร้ายๆเยอะแยะเชียว
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 04-10-2015 09:32:29
เขียนได้ดีมากค่ะ มันดราม่ามากจริงๆ อ่านไปเคล้าน้ำตากว่าจะอ่านจบเสียน้ำตาเป็นกระบุงโกย ทรมาน มาดเลยค่ะทำไมเรื่องมันเศร้าแบบี้ แต่ดีที่จบด้วยความสุขค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 18-10-2015 19:15:19
อ่านแล้วรู้สึกสงสารนายเอกจัง ดีใจที่ทั้งสองคนกลับมาเจอกันแล้วผ่านอุปสรรค์ต่างๆไปด้วยกัน
ซึ่ง ร้องไห้ตาม  o13 o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 19-10-2015 00:10:28
อินมากกกก น้ำตาไหลพรากเลยยยยยยย :hao5: รอๆๆๆๆ อยากเห็นคู่ คีตะ อ่า ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 20-10-2015 01:09:36
ดราม่าตาบวมเลยยยย ฮือออออออออออออ :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ในที่สุดก็แฮปปี้ ลุ้นแทบแย่ :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 07-11-2015 04:43:34
อ่านจบเเล้ว เสียน้ำตาตั้งเเต่ต้นจนจบ เขียนดีจริงอะไรจริง
เรื่องนี้เราไม่ชอบเเม่มากกว่าพ่อเสียอีก นอกใจสามีตัวเองเเล้วยังส่งลูกไปที่อื่น โดยที่ไม่บอกกล่าวเลยเพราะอะไร
เเถมยังอ้างว่าดูห่างๆ เเต่มันใช่เรื่องป่ะ? ทำไมไม่พูด ไม่คุย? ดูห่างๆ ไม่ลืมมันก็เหมือนลืมนั่นเเหละ ในความเด็กวัยรุ่น
เห็นเเก่ตัวจริงๆ ทำมาเป็นพูดดี ตัวเองมีความสุขเเต่ลูกกับผัวเก่าเป็นทุกข์ เเล้วยังเจือกไม่บอกความจริงเรื่องพ่อเเท้ๆ อีก
ที่รัญชน์ต่อต้านก็เพราะเขารู้สึกเเปลกเเยก ถ้าบอกความจริงไป เเรกๆ อาจรับไม่ได้ เเต่นานๆ ไปก็คงรับได้ ไม่ใช่ส่งไปไกลๆ
ผ่านไปหลายปี ยังไม่ไปรับกลับไม่ยินดียินร้ายอะไร เเหม เฝ้าดูห่างๆ โลกสวยทั้งผัวทั้งเมีย บ้าพอๆ กัน
ส่วนผู้ชายที่รักมากจนเเละผิดหวังจนเสียสติ กับผู้หญิงโลกสวยที่นอกใจสามี เราว่านังเเม่เนี่ยเเหละตัวดี
เสียดายคนเขียนไม่ได้ใส่ตัวละครที่มีนิสัย realistic ไปเป็นเพื่อนสนิดหรือญาติครอบครัวนี้ จะได้ตอกกลับให้ตาสว่าง

ยังไงก็ชื่นชมความรักของคู่พระนายจริงๆ ตั้งสิบกว่าปี เเต่ยังรักเเน้นเเฟ้น เเละพี่สาวที่คิดได้ ไม่ทำร้ายน้องเพราะความอิจฉา
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 15-02-2016 00:22:53
หนักมากต้นเรื่อง จบแบบดีงาม
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 07-03-2016 08:35:50
 :กอด1: :katai2-1: แต่งเก่งมากเลยค่ะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 08-03-2016 00:32:28
น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: taroni ที่ 08-03-2016 21:55:04
อ่านรวดเดียวจบ หลากหลายอารมณ์มาก  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-05-2016 04:45:31
ปมของเรื่องนี้คือการที่คนในครอบครัวไม่เข้าใจกัน เรื่องทั้งหมดมันเลยบานปลายไปแบบนี้ หนักหน่วงและหดหู่มาก  ต่างคนต่างก็มีปมในใจ
โชคดีที่กวินท์และก็รัญชน์ผ่านอุปสรรคนี้มาได้ มีความสุขกับคนรักและก็ครอบครัวที่เข้าใจกันแล้ว
ขอบคุณไรท์สำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 24-05-2016 06:25:57
ขอบคุณนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 06-06-2016 20:58:12
เข้ามาอ่านตอนหน้าฝนพอดีเลยค่ะ

อ่านไปน้ำตาไหลไป แสบตาเลยค่ะ 555

นับถือในความรักของกวินท์กับรัญชน์มากๆ เลยค่ะ

ขอบคุณที่ทำให้ทั้งสองได้พบกับความสุขในชีวิตกันเสียที
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 10-06-2016 17:14:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 02-07-2016 13:18:29
สนุกมากกกกกกกก ชอบบบบบ  o13
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 02-07-2016 21:28:09
เขียนเก่งมากค่ะ  ภาษาก็ไหลลื่น
น้ำตาท่วมเลยกว่าจะอ่านจบ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 04-12-2016 10:38:35
รบกวนสอบถามค่ะว่าที่มีคนเอาเรื่องนี้ไปลงที่อื่น ผู้เขียนอนุญาตหรือยังคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 22-12-2016 17:40:10
รบกวนสอบถามค่ะว่าที่มีคนเอาเรื่องนี้ไปลงที่อื่น ผู้เขียนอนุญาตหรือยังคะ

ขอบคุณที่แจ้งนะคะ โกะเพิ่งเข้ามาเห็นไม่ทราบว่าใช่ในธัญวลัยหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 03-04-2017 20:17:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mammam ที่ 06-04-2017 01:12:05
ดีมาก  :z2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-04-2017 10:34:05
เศร้าโศกมาก ชีวิตบัดซบจนถึงตอนจบ กว่าจะได้มีความสุข
แต่สนุกมากกกก ไม่ยืดเยื้อเลย กระชับ เขียนดี ลื่นไหลอ่านง่าย
ชีวิตรันทดแต่ก็ไม่สิ้นหวัง สนุกมากครับ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆ สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-04-2017 22:48:31
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวจบ
น้ำตานองหน้ามากค่ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 10-04-2017 14:22:30
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 13-04-2017 10:21:46
ร้องไห้น้ำตาจะหมดตัวอุปสรรคเยอะมาก
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Themamo ที่ 16-04-2017 19:20:25
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่อ่านไม่จบ :a5: คือทำใจไม่ได้ที่แม่นายเอก รศณาชะนีที่มีชู้จนท้อง :z6: :z6: :z6:แต่มึงดูเป็นคนที่ได้รับผลจากการกระทำของตัวเองน้อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ดูชีวิตดีมีความสุข ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรมีชู้ก็คือมีชู้ ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะคิดว่านิยาย ละคร และสังคมในปัจจุบันทำให้เราชินกับเรื่องแบบนี้ จนมันกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นแปลกใครๆก็ทำ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NewBaBy ที่ 16-04-2017 20:41:58
คุณแม่แลดูรับไม่ได้รับบทเรียนอะไรซะเท่าไหร่เลยนะ
ขัดใจจจ 555555 เราว่าชีนี่ตัวดีเลยอ่ะ มีชู้จนท้องแถม
มีการดูแลอยู่ห่างๆ Waht!? อินี่รับบ่ได้จร้าาา
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: นิรนาม ที่ 14-08-2017 00:44:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 14-08-2017 02:10:43
 :กอด1:ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 16-08-2017 16:36:15
เขียนดีมากเลยค่ะ เกือบร้องไห้ตาม (ร้องไม่ได้เพราะอ่านในที่ทำงาน 55555) รักแรกและรักเดียวคือเธอ งื้อออออ โรแมนติดม๊วกกก
 :mew4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 18-10-2017 14:25:43
โหหหห ไม่คิดเลยว่า อ่านแล้วทำร้องไห้ได้ขนาดนี้
สงสาร และทราบซึ้งในความรักของทั้งสองมากๆเลย
อินขนาดหนัก  ทำไมรัชต์ต้องเจออะไรขนาดนี้ด้วย ถือว่าเข้มแข็งสุดๆ
จบแฮปปี้ดีงามมมม
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 15-11-2017 13:14:54
 :L2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-01-2018 14:15:14
สงสารน้องรันนะค่ะ ชีวิตมีแต่อุปสรรค

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 18-08-2018 20:50:43
ขอบคุณไรท์มากๆค่ะสำหรับนิยายดีๆ โรแมนติกแต่ก็เศร้ามาก ได้อ่านเรื่องแรกจากตำนานรักโรงเรียนแพทย์เลยตามมาอ่านเรื่องนี้ด้วย ชื่นชมการแต่งค่ะ ดาร์ก เศร้า หน่วงทั้ง2เรื่องเหอๆ แต่ได้อารมณ์มากจริงๆ ติดตามเพจของไรท์แล้วจะตามให้ครบทุกเรื่องนะคะ
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 20-09-2018 06:39:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 30-01-2019 21:08:20
กว่าจะอ่านจบเรื่องก็หมดน้ำตาไปเยอะ :hao5: เขียนดีเกิน อินกับเรื่องมากกกก บอกเลย ขอบคุณนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-02-2019 17:08:46
หัวร้อนกับความเห็นแก่ตัวของคนเป็นพ่อกันไปเลยทีเดียว  :katai1: นึกไมพอใจคนเป็นแม่อยู่เหมือนกันแต่ก็เข้าใจได้นะว่าคนเราไม่แปลกที่จะอยากใช้ชีวิตกับคนที่รักแต่ก็เสียดายเวลาเหมือนกันถ้าพูดและทำความเข้าใจกับลูกให้เร็วกว่านี้รัญชน์คงไม่ต้องอ้างว้างและเจอกับความเจ็บปวดขนาดนี้แต่โชคดีที่มีกวินทร์อยู่ข้าง ๆ แล้วก็ยินดีด้วยที่ในที่สุดทุกคนก็มีความสุข  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nayagirl86 ที่ 19-07-2019 14:41:03
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: roygerll ที่ 23-07-2019 01:11:17
ในที่สุดก็หาเรื่องนี้เจอ คนเเต่ง เเต่งเก่งมาก ร้องไห้จนหายใจไม่ออกเลยครับ สุดยอดในการเเต่งมาก ชื่นชมยังไงถึงจะพอดี ..... :o8: :ling2:
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 23-07-2019 17:41:41
อ่านๆไปก็สงสารพ่อยญชนะ เพราะรักมาก เมื่อไม่ใช่ที่หวังเลยเปลี่ยนเป็นความเกลียด สุดท้ายคนรับกรรมคือลูก
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.2 (Update 4/3/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 21-09-2020 18:49:39


 
 
 
 

สำหรับยชญ์แล้ว มันมีบางอย่างที่เขาเก็บเอาไว้เป็นความลับที่ไม่เคยเอ่ยบอกใคร ไม่ใช่เพราะกลัวที่จะทำร้ายจิตใจของคนที่เกี่ยวข้อง แต่เพราะไม่อยากให้ความลับนั้นมาทำลายตัวเองเสียมากกว่า

ศักดิ์ศรีมันค้ำคอจนยชญ์ยอมที่จะเก็บงำมันเอาไว้กับตนเองและจำทนรับบทบาทที่ต้องแสดงต่อไป

โดยบางครั้งสิ่งที่คิดว่าฝืนทนเก็บงำเอาไว้มันได้ลบเลือนเอาความรู้สึกที่แท้จริงซึ่งเขาเก็บซ่อนลึกไว้ภายใน

ลึกเสียจนตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้สึกถึงมัน...

 

 
เดาว่ารัญชน์ไม่ใช่ลูก น่าจะเป็นลูกชู้
หัวข้อ: Re: [Shade of Season] When It Rains เพียงเพราะรัก - Ch.14 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Achaya ที่ 09-01-2021 18:04:28
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ ชอบทั้งภาษา ชอบทั้งเนื้อเรื่อง นานๆจะเจอนิยายที่บรรยายภาษาสวยๆแบบนี้ ดีใจที่จบอย่างแฮปปี้กันทุกคนนะคะ