Title: ความรักทำให้คนตาบอด 14/?
Characters: จีน, อิง, โอม, ปาย, เทมส์, ไท, ชาร์ม, บูม, ยิว, คิน
Rating: R
Warnings: Minor character death, Suicide, หน่วง
Words:
Disclaimer: ไม่ต้องอินมากนะ ไม่ใช่เรื่องจริง ^^
Summary: มันน่าจะผิดที่เป็นอย่างนี้ ที่มันยังรักเธอจนสุดหัวใจ เมื่อรู้ว่าไม่มีทาง แต่ฉันก็ไม่ตัดใจ เหมือนคนไม่รู้ตัว... มันน่าจะถูกที่ใครบอกไว้ ความรักมันทำให้ตาบอด จนมองไม่เห็นความจริง ว่าฉันเป็นใคร ทำให้ไม่เข้าใจ ทำไมหมดทั้งหัวใจ มันยังคงรักแต่เธอ
A/N: ขอโทษที่หายไปนาน(มากกกกก 555+) และก็จะหายไปอีกสักพักเพราะต้องไปต่อ Unintentional Love ให้จบก่อน... แล้วเจอกันใหม่ ^^
“อาจจะฟังดูเหมือนเห็นแก่ตัว... แต่เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม?”
“คงไม่ได้” เสียงของบุคคลที่สี่ทำให้คนทั้งสองรวมถึงผมสะดุ้งตกใจ... เจ้าของเสียงเดินออกมาจากเงามืด แล้วดึงน้องอิงเข้าไปกอดอย่างหวงแหน “มึงจะเลิกกับแฟนมึงก็เลิกไป แต่อย่ามายุ่งกับคนของกู”
“กูถามอิงไม่ใช่มึง” ไอ้โอมเถียงอย่างดื้อดึงหลังจากตั้งสติได้ “มีงไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนอิง”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ กูเป็นแฟนอิง”
“แค่แฟน” ไอ้โอมว่าเยาะๆ แล้วบอก “แต่กูเป็นผัว” ก่อนจะโดนซัดหน้าหงาย “ผลั๊วะ!”
“ไอ้สัตว์” คนต่อยสบถออกมาพร้อมกับปรี่เข้าไปเตรียมซ้ำ แต่ถูกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รั้งไว้เสียก่อน “พี่บูม! อย่าครับ”
ไอ้บูมหันมองคนห้าม แล้วถามเสียงหงุดหงิด “จะห้ามพี่ทำไม ไม่ได้ยินหรือไงว่ามันดูถูกอิง”
น้องอิงปล่อยมือที่จับแขนไอ้บูมออกช้าๆ สายตามองอยู่ที่ปลายเท้า แล้วบอกเสียงเบา “เค้าพูดเรื่องจริงครับ”
ไอ้โอมแสยะยิ้มออกมาทั้งๆ ที่เลือดยังกลบปาก “หึ”
แต่ไม่มีใครสนใจ...
น้องอิงเงยหน้ามองไอ้บูมแล้วเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด “อิงขอโทษ... ที่ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้พี่บูมรู้”
ไอ้บูมยืนจ้องหน้าคนพูดนิ่งๆ แต่ไม่พูดอะไรออกมา...
หลังจากรออยู่สักครู่แล้วไอ้บูมก็ยังไม่พูดอะไรออกมา น้องอิงก็บอกด้วยเสียงที่เหมือนพยายามเค้นออกมาขาดๆ หายๆ “ถ้า... ถ้าพี่บูมจะเลิกกับอิงก็... ก็ไม่เป็นไร... อิง... อิงขอโทษ” ก่อนจะถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆ เมื่อคนที่พูดด้วยไม่ยอมปริปากออกมาสักคำ
“อิงยังรักมันอยู่ไหม?” ไอ้บูมถามออกมาในที่สุด
“รักสิ น้องเพิ่งบอกกูเมื่อกี้นี้” เสียงไอ้โอมเอ่ยแทรกออกมา
แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจมันอยู่ดี...
น้องอิงพยักหน้าช้า “อิงยังรักพี่โอมอยู่” และต่อด้วยประโยคที่ทำให้คนที่กำลังยิ้มหน้าบานถึงกับเต้น “แต่อิงก็รักพี่บูมด้วย”
“อิง?” ไอ้โอมเรียกชื่อคนพูดพร้อมกับนิ่วหน้า “หมายความว่าไง พี่ไม่คิดจะแบ่งอิงให้ใครหรอกนะ”
ไอ้บูมและน้องอิงหันไปมองคนพูด ก่อนคนเป็นเจ้าของชื่อที่ไอ้โอมเรียกจะส่ายหน้าแล้วบอก “พี่โอมไม่ต้องแบ่งอิงให้ใครหรอกครับ... อิงไม่ใช่ของพี่โอม”
“แต่อิงบอกว่ายังรักพี่อยู่” ไอ้โอมยืนยันความเข้าใจของตัวเองด้วยเสียงที่ไม่มั่นคงนัก
“ใช่ครับ อิงยังรักพี่โอมอยู่” น้องอิงยอมรับ ก่อนจะยักไหล่ “แต่ก็แค่รัก... เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”
“เพราะอะไร? เพราะไอ้บูม?”
น้องอิงส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวกับพี่บูม ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น... เพราะระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว” แล้วบอกไอ้บูม “อิงขอโทษจริงๆ ถ้าพี่บูมจะเล-” คำพูดสุดท้ายไม่สามารถหลุดรอดออกมาได้ เพราะถูกคนที่ยืนนิ่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมานับจากที่ได้ยินว่าน้องอิงยังรักไอ้โอมอยู่ยกนิ้วขึ้นทาบที่ริมฝีปาก ห้ามไม่ให้เอ่ยอะไรออกมาอีก
“พี่จะไม่เลิกกับอิง... ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน” ไอ้บูมบอกเสียงหนักแน่น ไม่สนใจท่าทางฮึดฮัดจากอีกคนที่เป็นส่วนเกิน “วันนี้อิงอาจจะยังรักไอ้โอมอยู่... แต่สักวันพี่จะทำให้อิงลืมมันให้ได้”
ผมผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมาด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน
ทั้งโล่งอก... ยินดี... และเสียดาย...
ผมยกมือขึ้นลูบอกด้วยความประหลาดใจกึ่งกังวล...
เสียดาย?
ความรู้สึกนี้คืออะไร? ทำไมผมต้องเสียดาย? ทำไมถึงต้องรู้สึกโหวงๆ ในใจ?
ผมควรจะยินดีสิที่ไอ้บูมมั่นคงพอที่จะไม่แกว่งไกวไปกับอดีตของอิง...
ผมควรจะยินดีสิที่น้องมีคนเหมาะสมมาดูแล...
แต่ผมกลับรู้สึกเสียดาย...
ที่คนดูแลน้อง... ไม่ใช่ตัวเอง
เพราะมัวแต่วิเคราะห์พิจารณาความรู้สึกของตัวเองอยู่ ผมจึงไม่ทันได้สังเกตว่าไอ้บูมและน้องอิงหายไปตอนไหน ที่ยังคงยืนอยู่ก็มีเพียงไอ้โอมเท่านั้น...
ในเมื่อไม่มีอะไรต้องคอยระวังแล้ว ผมจึงตั้งใจจะกลับไปที่ชายหาด หากไม่ได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นเสียก่อน...
“พี่โอม...”
ผมหันกลับไปมอง เห็นน้องเทมส์เดินตรงไปหาไอ้โอมช้าๆ ก่อนจะหยุดยืนไม่ห่างมากนัก พร้อมกับถอดแหวนที่อยู่ในนิ้วออกมายื่นให้คนเป็นแฟน
“อะไร?” ไอ้โอมถามท่าทางมึงงง
“แหวนครับ” น้องเทมส์ตอบเรียบๆ “ที่พี่โอมเคยซื้อให้เทมส์”
“พี่รู้ว่ามันคือะไร” ไอ้โอมว่า “แต่พี่ไม่เข้าใจว่าเทมส์เอามาให้พี่ทำไม?”
อีกฝ่ายแค่นเสียงหัวเราะออกมา “อย่าทำเป็นแกล้งโง่เลยครับ...” แล้วบอกโกรธๆ “กี้นี้พี่โอมบอกเองไม่ใช่เหรอ ถึงไม่มีอิง ยังไงพี่กับเทมส์ก็ต้องเลิกกัน ก็เลิกกันซะวันนี้เลยเป็นไง”
ไม่ใช่ไอ้โอมเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ผมเองก็ยังรู้สึกตะลึง... น้องเทมส์มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“พะ พี่...” คนโดนบอกเลิกท่าทางอึกอัก ไม่ยอมยื่นมือออกไปรับแหวนที่อีกฝ่ายยื่นให้จนเกือบจะชิดหน้า “พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“หึ” น้องเทมส์หัวเราะขื่นๆ “ไม่ได้ตั้งใจให้เทมส์ได้ยินใช่มั้ยครับ?”
“............”
“เทมส์ไม่ใช่ของตายของใคร ไม่มีพี่ เทมส์ก็อยู่ได้!” น้องเทมส์ว่าเสียงสั่น ก่อนจะขว้างแหวนใส่คนที่ซื้อให้ “ไม่ต้องมายุ่งกับเทมส์อีก ขอให้เราหมดเวรกันเท่านี้!” แล้วหันหลังวิ่งกลับไปทางเดิมที่มาในตอนแรก
ไอ้โอมก้าวออกไปเหมือนจะวิ่งตาม “เทมส์!” ก่อนจะชะงัก หยุดยืนคอตกอยู่กับที่ คงรู้ว่าไม่มีประโยชน์ หลักฐานมัดตัวขนาดนี้...
“เจอป๊ะ?”
ผมมองคนถามงงๆ “ฮึ?”
“โทสับมึงอะ หาเจอเปล่า หายไปซะนานเลย” ไอ้ชาร์มว่า
ลืมไปเลยว่าบอกมันจะไปเอาโทรศัพท์ “อะ เออ เจอๆ” ผมตบกระเป๋าประกอบการพูด ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มัน “แล้วไมเหลือแค่นี้ คนอื่นๆ ไปไหนกันหมด”
ไอ้ชาร์มยักไหล่ “ไอ้บูมกับน้องอิงไปเดินเล่น ไอ้คินกับแฟนมันด้วย ส่วนไอ้โอมยังไม่กลับมาเลย ตกส้วมตายไปแล้วมั้ง น้องเทมส์ไปตามยังไม่กลับมาเหมือนกัน”
ส่วนไอ้ไทก็เพิ่งจะเดินสวนกันไปเมื่อตะกี้
ผมพยักหน้าเข้าใจ เทเหล้าในแก้วที่น้ำแข็งละลายใส่จนเสียรสชาติทิ้ง ตั้งใจจะชงใหม่ แต่จังหวะที่เอื้อมไปหยิบขวดเหล้าตรงกลางโต๊ะนั้น มือนุ่มๆ ของใครคนหนึ่งก็เอื้อมมาหยิบพร้อมกันพอดี...
ผมหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้นแล้วก็ไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าไหร่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร
น้องปาย...
เช่นเดียวกับไอ้โอม... ตั้งแต่มาถึง น้องปายก็พยายามสบตาและพยายามเข้ามาพูดคุยกับผมหลายต่อหลายครั้ง...
เพื่ออะไรกัน?
เสียดาย?
ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความลุ่มหลงที่ผมมีต่ออีกฝ่ายหายไปไหนหมด... ทำไมตอนนี้ผมมีแต่ความรู้สึกขบขันกับการกระทำเหมือนให้ท่าของอีกฝ่าย
ไม่รู้สึกหวั่นไหวสักนิดเดียว...
ผมมองสบตาอีกฝ่ายนิ่งๆ แล้วชักมือออก... “เชิญก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ พี่จีนเชิญก่อนดีกว่า” น้องปายตอบยิ้มๆ
และผมก็ไม่เกรงใจ ยกเหล้าเทใส่แก้ว แล้วยกขึ้นจิบ แต่อีกอีกฝ่ายก็ยังมองมาไม่เลิก... รู้สึกรำคาญสายตาของน้องปาย ผมวางแก้วเหล้าลง แล้วหันไปชวนไอ้ชาร์ม “ไปเดินเล่นกัน”
ไอ้ชาร์มหันมามองหน้าผมงงๆ ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่เอา กูจะกินเหล้า”
“กินอะไรเยอะแยะ เดี๋ยวก็เมาหัวทิ่ม”
“กินไม่เมาจะกินไมวะ” มันเถียงเหมือนคนลิ้นไก่สั้น
ผมไม่สนใจ ดึงแขนมันให้ลุกขึ้น “เดี๋ยวค่อยมากินใหม่ ไปเดินรับลมก่อน”
แล้วแรงมดหรือจะสู้แรงผมได้ ในที่สุดมันก็ต้องลุกตามแรงรั้ง แต่ก็ยังไม่วายบ่น “เป็นห่าไรวะ จะมาเดินเล่นไรตอนนี้ ผีโรแมนติกเข้าสิงเหรอมึง?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หัวเราะขำกับคำประชดประชัน แล้วผมก็ยกแขนขึ้นพาดไหล่มัน รั้งให้ออกเดินไปที่ชายหาด
+++++lovemakesmeblind+++++
กำลังย้อนอ่านที่ตัวเองแต่ง เพื่อบิ้วท์อารมณ์อยู่