Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ  (อ่าน 124296 ครั้ง)

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
สงสารเร็นจังเลย ซัทจังใจร้ายอ่ะ

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.6

 สรุปว่าเย็นวันนี้ผมกะจะค้างที่บ้านใหญ่ซึ่งไม่ค้างมาหลายเดือน แต่พอกินข้าวกับทุกคนเสร็จในตอนเย็นและออกมาเดินเล่นกับคุณมี๊ในสวน มันก็มีโทรศัพท์ที่ดังมากระชากผมออกไปจากครอบครัวจนได้ เบอร์โชว์ปลายสายบอก ให้ผมรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาคือไดสุเกะคุง

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทุกครั้งที่ไดสุเกะคุงโทรมาก็มักจะมีเรื่องเกี่ยวกับน้องเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่เลยจะเป็นปัญหาเสียมากกว่าด้วยสิ ผมเหลือบมองคุณมี๊ก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับสายของไดสุเกะคุง

น้ำเสียงของไดสุเกะคุงที่พูดมาก็กระตุ้นต่อมความเป็นห่วงของผมให้ทำงานได้เป็นอย่างดีเลยครับ

“ว่างหรือเปล่าครับรุ่นพี่?”

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“ก็นิดหน่อยครับ”

ก็นิดหน่อยของไดสุเกะคุงนี่มันคงไม่หน่อยหรอกครับ ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไม่กดโทรศัพท์มาหาผม ในตอนเกือบจะห้าทุ่มแบบนี้

“ซัทสึกิมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ผมถามดักไปทันทีแล้วก็ได้ยินเสียงไดสุเกะคุงครางรับในลำคอ เสียงที่ดังเข้ามาแว่วๆพอจะให้ผมจับทางถูกว่าไดสุเกะคุงคงจะยังอยู่ที่ร้านแต่คงจะเลี่ยงเดินออกมาคุยโทรศัพท์กับผมด้านนอก แล้วแบบนี้น้องอยู่ไหนนะ

“ผมถามตรงๆเลยก็แล้วกันนะครับ พี่มีปัญหาอะไรกับซัทสึกิหรือเปล่า?”

ผมเหยียดยิ้มกับคำถามของไดสุเกะคุงพลางนึกสมเพชในใจ ปัญหาที่มีน่ะหรอ...ก็รักเพื่อนของไดสุเกะคุงมากเกินไปไงล่ะ ผมอยากตอบไปแบบนั้นจริงๆ

“อืม..ซัทสึกิบอกว่าเขาเกลียดพี่”

ไดสุเกะคุงครางในลำคอกับคำพูดของผมจนยากแก่ความเข้าใจได้ว่า อีกฝ่ายนั้นจะเห็นใจผมหรือหน่ายใจกับผมกันแน่

“ซัทสึกิเขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ” ผมว่าตั้งใจนะ ดูจากแรงอัดของ ลูกบาสที่น้องขว้างใส่หน้าผมนี่ ตั้งใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ

“แล้วแบบนี้ พี่จะถอยหรอครับ? ฟันเพื่อนผมแล้วจะทิ้งหรือไงกัน?”

น้ำเสียงของไดสุเกะคุงดุขึ้นมาเลยครับ เห็นหน้าตาน่ารักนี่อย่าคิดเลยนะครับว่าเป็นสปีชี่ย์เดียวกับน้อง เวลาโหดไดสุเกะคุงก็โหดได้ใจเลยทีเดียว ถึง ขั้นกล้าใช้น้ำเสียงข่มขู่ผมได้นี่นับว่ากล้ามากครับ

“ไม่ถอยหรอกแค่ขอกลับมาตั้งหลักหน่อยเท่านั้น”

“ถ้าตั้งหลักและสติได้แล้ว ยังไงก็รบกวนมาที่ร้านผมด้วยแล้วกัน ตอนนี้ซัทสึกิกำลังเมาอยู่ ผมให้เคนอิจิเฝ้าไว้แต่หมอนั่นคงช่วยอะไรไม่ได้มาก..แล้วก็ทัตสึโอะกำลังนั่งจ้องซัทสึกิอยู่จากอีกมุมของร้านด้วย”

ชื่อของไอ้เหี้ยนั่นไม่ได้อยู่ในสาระบบของความเป็นห่วงที่เกิดขึ้นได้มากเท่ากับคำที่ไดสุเกะคุงบอกว่าน้องกำลังเมาครับ

ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตอบไดสุเกะคุงและหันไปบอกคุณมี๊ว่ายังไงก่อนจะขับรถออกมาจากบ้านไปยังร้านที่ไดสุเกะคุงทำงานพิเศษอยู่ด้วยความเร็วที่ไม่เคยเหยียบมาก่อน

น้องกำลังเมาได้ที่เลยครับ ตัวท่อนบนของเขาเลื้อยไปกับโต๊ะ ในมือมีแก้วเบียร์ที่เหลือแค่ฟองอยู่ก้นแก้ว ผมปราดสายตามองไปยังขวดเบียร์สามสี่ขวด ที่วางเอาไว้กับเคนอิจิที่บุ้ยใบ้ไปทางน้อง

“ผมห้ามแล้ว แต่ซัทจังมันไม่ยอมหยุด” ก็พอจะเข้าใจอยู่ครับว่าน้องค่อนข้างดื้อ กับเคนอิจินี่เขาไม่ค่อยฟังเท่ากับไดสุเกะคุงเท่าไหร่ แต่ไดสุเกะคุงเองก็ต้องไปทำงาน เคนอิจิคนเดียวเลยรับมือไม่อยู่สินะ

“นี่ค่าเบียร์ของซัทสึกิ พี่พาซัทสึกิกลับเลยก็แล้วกัน เคนอิจิจะกลับพร้อม พี่หรือจะรอไดสุเกะคุง?”

“ผมรอกลับกะไดจังแล้วกันครับ” ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานของนักดนตรีครับ ผมเห็นไดสุเกะคุงส่งสายตามามองผม ผมเลยพยักหน้าให้เขาไปก่อนจะพยุงน้องขึ้น พอหูผมอยู่ใกล้มากกว่าเมื่อกี้ ผมเลยได้ยินเสียงน้องพึมพำแบบขาดห้วง

“คนแรก...สำคัญ...หรอ?”

เคนอิจิที่พยุงน้องอีกด้านคงจะได้ยินเหมือนกัน แต่ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ รอจนจ่ายค่าเบียร์ของน้องเสร็จเราก็เลยหิ้วปีกน้องมานั่งบนรถของผม

“จำเป็น...ต้อง...สำคัญ?” น้องพึมพำอะไรของน้อง ผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ พอจัดให้เขาเอนนอนสบายๆบนเบาะแล้วผมก็ยืดตัวขึ้นมามองหน้าเคนอิจิที่ยักไหล่ก่อนจะอธิบายคำพูดของน้องให้ผมฟัง

“ซัทจังมันกำลังสับสนว่าพี่สำคัญกับชีวิตของมันหรือเปล่าน่ะ” ผมได้ยินแล้วก็ใจเต้นเบาๆแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ก่อนพยักหน้าให้เคนอิจิ

“อืม..คืนนี้พี่คงพาซัทสึกิไปค้างที่คอนโดก็แล้วกัน กลับไปให้มิซึรุเห็นสภาพแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่”

ขานั้นเหมือนเป็นพ่อคนที่สองของน้องครับ ขืนให้มาเห็นสภาพดูไม่ได้แบบนี้จะแย่เอา

“โอเคครับ ยังไงก็ฝากดูแลซัทสึกิด้วยก็แล้วกันครับ”

ผมยิ้มให้เคนอิจิจากใจจริง เรื่องนี้ถึงเขาไม่ฝากผมก็จะทำอยู่แล้วครับ ผมยืนมองเคนอิจิเดินเข้าไปในร้านอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่ฝั่งคนขับ

แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขึ้นรถหรอกครับ คู่อริเก่าของผมก็เดินกร่างออกมาจากร้าน ผมกดเปิดล็อกรถและเอื้อมมือหยิบอะไรบางอย่างจากช่องเก็บของข้างพวงมาลัยมาถือซ่อนไว้ด้านหลังและปิดล็อกรถไว้กันพลาด

ท่าทางของทัตสึโอะกับพวกที่กำลังเดินก้าวสามขุมเข้ามาใกล้มันไม่น่าไว้ใจเลยครับ แต่ถึงผมจะอยู่คนเดียวก็ไม่ได้นึกกลัวอะไร ไอ้เด็กบ้านั่นเดินกระตุก ยิ้มกวนอวัยวะเบื้องล่างมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“เพื่อนๆผมเขาจะมาขอบคุณรุ่นพี่สักหน่อย ที่รุ่นพี่ฝากรอยพวกนี้ไว้บนหน้าของผม” ทัตสึโอะชี้ไปบนรอยช้ำตรงแก้มกับดั้งจมูก ผมเหยียดยิ้มและขยับ ปืนพกอันเล็กในมือที่ซ่อนไว้ด้านหลัง มันคิดจะห้ารุมหนึ่งกับริวซากิ เร็นสินะ

“พูดมาก น่ารำคาญ” พอผมพูดออกไป พวกมันก็ตาลุกวาวเลยครับและตั้งท่าจะเข้ามากัน จริงๆถ้าให้สู้ผมก็สู้ได้อย่างสบายๆครับ แต่ผมเป็นห่วงซัทสึกิที่ เมาหลับอยู่ในรถเสียมากกว่า ผมใช้หางตามองและเห็นน้องเริ่มกระสับกระส่าย ผมก็ร้อนใจ ปิดเกมไร้สาระนี้เลยดีกว่า

“พ่อนายคงลำบากนะ มีลูกเป็นนักเลงแบบนี้ แต่คงจะลำบากกว่า ถ้าต้องเลี้ยงลูกพิการไปตลอดชีวิต” ทัตสึโอะมันชะงักเล็กน้อยแล้วมองหน้าผม แววตาไม่ไว้ใจปรากฏขึ้นบนดวงตาเหมือนกับเพื่อนๆของมัน ผมแกล้งเป็นทำยกมือขึ้นมาดูปลายนิ้วของตัวเอง รอดูท่าทีของพวกมัน

“ฮึ ทำเป็นปากดี ใครกันแน่ที่จะพิการ!!” มันตะคอกใส่ผมแล้วหันไปส่งสัญญาณให้ไอ้เพื่อนตัวใหญ่ของมันพุ่งเข้ามา ผมหลบและเตะขาเข้าไปกับท้องของไอ้คนที่พุ่งเข้ามาเต็มแรงจนมันทรุดไปกองที่พื้น พวกนี้ดีแต่ใช้กำลังแต่ไม่มีทักษะการต่อสู้สักเท่าไหร่ เพราะถ้ามีทักษะการต่อสู้ก็คงไม่ยกพวกมาหรอกครับ

“เฮ้อ..ฉันไม่อยากเสียเวลาไร้สาระกับพวกนายซะด้วยสิ”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆไม่ได้ลูกข่มขู่ไปให้พวกมันได้ยิน เพราะลำพัง แค่ผมยกปืนขึ้นมา ขนาดยังไม่ชี้หน้ามัน มันยังหน้าถอดสีแล้วเลยครับ

“ปกติแล้วฉันชอบยิงตรงหัวใจนะ แต่ระยะหลังมานี่ไม่ค่อยได้ไปซ้อมสักเท่าไหร่ ถ้ามันไปพลาดโดนจุดพิการแทนก็ต้องโทษทีล่ะ”

มันมองหน้ากันเลิ่กลั่กเชียวครับตอนนี้ก่อนจะพากันวิ่งหนีไป เหลือทิ้งไว้แต่ทัตสึโอะคนเดียวเท่านั้น แต่ผมกำลังคิดว่ามันขวัญอ่อนจนวิ่งไม่ออกเสียมากกว่าเมื่อเห็นผมทำท่าจะเอาจริง

“รุ่นพี่ยิงไม่ได้หรอก ก็แค่ขู่เท่านั้น”

“ปัง!!”

ผมยิงไปที่รองเท้าของมัน หัวกระสุนมันฝังเข้าไปในพื้นยางใต้รองเท้าของทัตสึโอะที่เข่าอ่อนล้มลงไปนั่งหมดท่าอยู่กับพื้น

“แย่จริง...ฉันอุตส่าห์เล็งนิ้วโป้งแล้วนะนี่”

ผมเดินไปเหยียดยิ้มเหี้ยมๆเหนือหัวมัน เพียงแค่นั้นไอ้เด็กทัตสึโอะก็ตะลีตะลานหนีตามหลังพรรคพวกของมันไป

“ฮึ!” ผมพ่นลมหายใจแรงๆอย่างหน่ายใจ หวังว่าการขู่ครั้งนี้ของผมจะทำให้มันเลิกราไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของผมและน้องอีก

ผมกดเปิดรถอีกครั้งและพาตัวเองเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ แต่ลำบากมากครับเพราะน้องไซร้หัวลงมาจะนอนตรงที่ผมต้องนั่ง

“ริว..ซากิ...นาย..สำคัญ...กับฉัน...หรอ?”

น้องพึมพำแบบนี้ออกมาอีกแล้วครับ ผมมองหน้าเขา น้องกำลังหลับตาอยู่ จะละเมอหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถามแบบนี้แล้ว...จะให้พี่คิดยังไงดีครับ

“แล้วฉันไม่มีความสำคัญกับนายบ้างเลยหรือไงซัทสึกิ?”

น้องเงียบครับ เงียบจนผมเกือบคิดว่าเขาหลับไปแล้ว ผมเลยเอื้อมมือไป ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้กับเขา แต่มือของน้องก็ดันมาผลักอกผมก่อน ผมเลย กอดเขาไว้

“เคนอิจิ~~!!” อยู่กับพี่แท้ๆแต่กลับเรียกหาเพื่อน ผมหึงจนเหนื่อยใจจังเลยครับ พอจับมือเอาไว้ไม่ให้ดิ้นเพื่อที่จะคาดเข็มขัดให้ น้องก็โวยวายขึ้นมาอีกหลังจากที่ผมปล่อยเขาแล้ว

“ไอ้บ้าเอ๊ย!! ปล่อยดิ๊!!”

เมาเต็มรูปแบบจริงๆนั่นแหละอิชิฮาระ ซัทสึกิ...

การเมาของน้องไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ครับ ผมรู้ดีเลยทีเดียวล่ะ ไดสุเกะคุงกับเคนอิจิเองก็รู้ด้วยเหมือนกันถึงได้เรียกให้ผมมารับน้องกลับมาแบบนี้ คนดีเขาดื่มเหล้าแล้วก็เมาเหมือนคนคออ่อนทั่วไปปกติ แต่มันจะไม่ปกติหลังจากนี้น่ะ สิครับ...

น้องเริ่มออกอาการตอนที่ผมเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของคอนโดครับ เขาเริ่มเอนตัวมาหาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของผม กลิ้งเกลือกหน้ากับไหล่ผมจนพอใจแล้วเขาก็ทำท่าจะทิ้งตัวนอนลงซุกตักของผม ทำเอาผมต้องรีบ ถอยรถเข้าไปจอดและพาเขาลงจากรถไป

พอจะพยุงให้น้องเดินน้องก็ไม่ยอมเดินครับ ผมเลยต้องแบกเขาขึ้นหลังแทน ยังดีที่น้องไม่แสดงอาการเต็มที่ตอนที่เราอยู่ในลิฟต์ ผมกลั้นหายใจเสียหลายครั้งกว่าเราสองคนจะมาถึงห้องของผม ทันทีที่ผมวางน้องให้นั่งลงบนโซฟา เจ้าตัวเขาก็ออกฤทธิ์กับผมอีกครั้งครับ...

จุดนี้ไม่อยากบอกว่า....น้องเมาแล้วยั่วมากครับ

คนดีเขาถอดเสื้อผ้าเหวี่ยงไปทั่ว ผมยืนกลั้นใจมองเขาอยู่ไม่ถึงนาทีซัทสึกิเขาก็จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมดแล้วลงไปนอนกลิ้งเกลือกบนโซฟาตัวใหญ่จนผมกลัวว่าเขาจะตกลงมา แต่ไม่ครับ น้องดันตัวเองลุกขึ้นมานั่ง อีกหน ใบหน้าของเขาแดงไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดวงตาก็ฉ่ำปรือเสียจนแทบไม่ลืม เขาค่อยๆช้อนตาขึ้นมามองผมที่ยืนอยู่ห่างจากเขาออกไปสามก้าว

“ริวซากิ~~” เสียงน้องเวลาเมานี่เซ็กซี่บาดใจมากครับ แล้วดูท่าว่าคืนนี้ ใจของผมคงโดนบาดอีกหลายรอบแน่ๆ บอกให้ก็ได้ครับว่าซัทสึกิเวอร์ชั่นเมา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมหลงเขาหัวปักหัวปำแบบนี้ล่ะครับ

“เร็น~~~”

ไอ้ความน้อยใจ ความหึงหวง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมเสียศูนย์ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ถูกสลัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใยมากครับเมื่อผมได้ยินเสียงน้องเรียกชื่อผมออกมาสองครั้งติดๆกันแบบนี้ ไม่ไหวครับ

หัวใจผมมันอ่อนแอเสียจริง แค่น้องเรียกชื่อผมสองครั้ง ใจไม่รักดีของผมมันก็พากายหยาบถลาเข้าไปหาน้องเสียแล้ว

“เร็น~~คิคิ” รอบที่สามแล้วครับ คราวนี้มาเสียงหัวเราะคิกคักกับรอยยิ้มหวานเชื่อมมาเลยทีเดียว กะให้พี่หลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นเลยสินะคนดี แถมยังลอย หน้าลอยตายื่นปากมาหาผมอีกต่างหาก

“จุ๊บ...หน่อย~~” คุณต้องเป็นพยานให้ผมนะครับว่าผมไม่ได้ฉวยโอกาส กับน้องแต่แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเอง ผมวาดยิ้มบนมุมปากแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้ แต่ยังไม่ยอมจุ๊บเขา น้องทำหน้างอเหมือนขัดใจก่อนจะเอื้อมมือมาโอบรอบคอผม ดึงให้ผมลงไปจูบเขาเอง

อา...ผมชอบจังเลยครับเวลาที่น้องยั่วผมแบบนี้ น้องออกแรงดึงให้ผมเข้าไปหาเขา กายหยาบของผมอ่อนปวกเปียกพอๆกับใจเลยครับ อารมณ์เหมือนเอาขี้ผึ้งไปลนไฟเลยประมาณนั้น

ผมหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาตามแรงดึงของน้องและปล่อยให้เด็กยั่วเขา ปีนขึ้นมานั่งคร่อมทำตาเชื่อมใส่

“จุ๊บเร็ว!..ม่ายจุ๊บ เดี๋ยว...ซัทจัง...ลงโทษน้า....~”

โอ๊ย ซัทจัง!...จะลงโทษแบบไหนดีล่ะ เวลานี้พี่เร็นยอมทั้งนั้นล่ะครับคนดี

น้องโหมดยั่วนี่ทำผมใจเต้นจนแทบระเบิดเลยครับ ครั้งแรกของเราเกิดขึ้นเพราะผมกึ่งๆบังคับน้อง ตอนนั้นผมก็ใจเต้นนะครับแต่ไม่เท่ากับตอนนี้

น้องตอนเวลาไม่เมาแล้วทำสีหน้าเหมือนถูกรังแกมันก็น่ากลืนลงอกอยู่แล้ว แต่พอมาอยู่ในโหมดยั่วแบบนี้ด้วย ไม่อยากบอกเลยครับว่าทำเอาผมไปต่อไม่เป็นเหมือนกัน เลยได้แต่นั่งมองว่าคนดีจะแผลงฤทธิ์เล่นอะไรกับผมบ้าง

และอิชิฮาระ ซัทสึกิก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ พอผมไม่จูบเขาตามที่เขาสั่ง ซัทสึกิก็ฟาดสองมือมาประกบหน้าของผม เล่นเอาเจ็บชาไปทั้งหน้าเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นมามันเกินคุ้มครับเพราะน้องเล่นเบียดกลีบปากนุ่มของเขาลงมาจูบผมเองแถมยังเอามือมาไล่เขี่ยอกผมอีกต่างหาก

ดีกรีความร้อนแรงของน้องมันสูงมากกว่าตอนเมาครั้งก่อนมากครับ มากจนผมอยากวิ่งกลับไปที่ร้านแล้วขอขวดเบียร์ที่น้องกินเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ เผื่อยามไหนน้องงอนผม ผมจะได้ไปหาซื้อเบียร์ยี่ห้อนี้มาให้น้องดื่มอีก

คืนนี้ดูท่าแล้วผมคงต้องรับศึกหนักแน่ๆครับ ถ้าขอเวลานอกกับคนดีวิ่งไปโด๊ปไข่ดิบก่อนจะทันไหมนะ...แต่คิดว่าคงไม่ทันครับ เพราะมือของน้องที่เขี่ยอกผมเมื่อครู่มันตะปบลงต่ำไปแล้ว เด็กยั่วซนๆคนนี้กำลังเขี่ยมือไปตามแนวซิปกางเกงของผมไปมาเหมือนกับต้องการสำรวจสัตว์โลกที่มันอยู่ใต้นั้น

“ถอด~”

ผมมองตาน้องปริบๆ อย่างที่สารภาพครับว่าไปต่อไม่เป็นจริงๆ น้องสั่งมาแล้วสมองผมไม่ยอมประมวลให้ออกมาเป็นการกระทำเลยครับ น้องเลยจิ๊ปาก ใส่ที่ผมนั่งนิ่ง แล้วเป็นฝ่ายดึงเสื้อผ้ากับกางเกงของผมเอง

“ซัทจังโป๊ เร็น...ก็โป๊ด้วยกันสิ~”

น้องลากเสียงยานคางมากครับงานนี้ แล้วมาสั่งให้พี่โป๊ด้วยกันเนี้ย จะรู้หรือเปล่าว่าคืนนี้คงไม่หยุดกันที่แต่ตัวเปลือยล่อนจ้อนหรอกนะ พี่จะทบดอกเบี้ยเอาคืนที่ทำร้ายหน้าหล่อๆของพี่ด้วยเลยดีไหมนะ

ผมโอบวงแขนกอดน้องที่นั่งคร่อมตักผมให้เอนเข้ามาซุกอกของผมไว้คนดีเขาตั้งหน้าตั้งตาแกะกระดุมเสื้อของผมมากครับ น้องก้มหน้าลงไปแกะจนตาจะชิดกระดุมอยู่แล้ว

ผมปล่อยให้น้องพยายามแกะกระดุมเสื้อของผมจนหมด ซึ่งกินเวลาไปพักใหญ่พลางลูบหลังลูบผิวนุ่มของเขาสลับกับหอมแก้มเขาเป็นระยะ พอผมหอมแก้มเขาทีไร ซัทสึกิก็จะหันเงยหน้ามาหัวเราะคิกคักใส่ผมแล้วจุ๊บปากผมเหมือนจะให้รางวัลกัน

น้องน่ารักจนผมเกือบน้ำตาร่วงมากเลยครับ นี่ถ้าเป็นซัทสึกิเวอร์ชั่นปกติที่ไม่ได้บ่มแอลกอฮอล์ไว้ในเส้นเลือดก็คงไม่มีทางได้เห็นกันแน่ๆ

อีกครู่ใหญ่(ใหญ่พอที่ผมจะจูบน้องจนปากเจ่อได้) ซัทสึกิเขาก็ปลดกางเกงของผมได้ครับ เขาหัวเราะคิกคักอย่างเด็กอารมณ์ดี สายตาเชื่อมๆมองดูลูกรัก ของผมเหมือนจะเอ็นดูกัน ผมเห็นสายตาของน้องแล้วก็ต้องหลุดขำครับ น่ากลัวว่าคืนนี้ผมจะถูกคนดีเขาปล้ำเอาแน่ๆครับงานนี้

น้องจ้องลูกชายของผมอยู่พักใหญ่จนผมเกือบคิดว่าเขาหลับในไปแล้วแต่พอผมเอื้อมมือขึ้นมาลูบแก้มเขา น้องก็เงยหน้ามามองผมตาใสแล้วยิ้มหวานจนแก้มฉีกก่อนจะพูดเสียงงุบงิบอยู่กับอกของผม

“ปวดฉี่..”

ผมแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเลยครับงานนี้ คนดีหนอ..จะรู้ไหมมาชวนพี่เร็นเข้าโหมดเอ็นซีสิบเจ็ดถึงขั้นนี้แล้วมาหยุดอารมณ์กันด้วยการบอกว่าปวดฉี่นี่นะ

ผมหัวเราะลงลูกคอก่อนจะดึงแขนของน้องให้ขึ้นมากอดคอผม ซัทสึกิเป็นเด็กว่าง่ายและรู้งานมากครับ พอผมดึงแขนขึ้นมาโอบรอบคอ น้องก็เหนี่ยว กอดคอผมไว้หมับพร้อมกับสองขาที่กอดเอวผม ผมเลยต้องอุ้มน้องเข้าห้องน้ำเหมือนกระเตงลูกลิงเข้าเอวอะไรทำนองนั้น

แต่เป็นอะไรที่วาบหวามมากครับเพราะช่วงล่างที่น้องปล่อยน้ำหนักให้ ผมอุ้มมันคอยแต่จะมากระแทกเข้ากับท้องน้อยและเบื้องล่างของผม ส่วนนั้นของเราเลยสัมผัสกันตามแต่จังหวะของการก้าวเดินแต่ละครั้ง

แถมน้องยังเกิดมันเขี้ยวอะไรไม่รู้อีกครับ เอาหน้าซุกกับไหล่ผมไม่พอน้องยังจะมาไล่งับใบหูผมเล่นอีกต่างหาก คนดีรุกพี่เหลือเกินนะวันนี้ แต่ที่ทำให้ผมขำมากกว่าก็คือเมื่อไปถึงห้องน้ำแล้ว ผมก็ปล่อยขาน้องให้น้องยืนเพื่อจัดการ ทำธุระของเขา แต่ซัทสึกิกลับมองหน้าผมแล้วโคลงหัวไปมา ตาเชื่อมๆมันบ่งบอกความง่วงอย่างน่ากลัวว่าน้องจะหลับไปทั้งยืนมากครับ ผมเผลอมองอยู่ได้อึดใจก่อนที่ปากเล็กๆพูดงุบงิบอีกครั้ง

“ฉี่...ห้าย...หน่อย...จิ”

คนดี..ถึงพี่อยากจะทำแทนให้แค่ไหนก็คงทำไม่ได้นะครับงานนี้ ผมยืนงงๆอยู่พักหนึ่งว่าน้องอยากให้ผมทำอะไรให้กันแน่ จะให้ฉี่แทนคงทำไม่ได้อยู่แล้วจริงไหมครับ เห็นผมนิ่งไป น้องก็เอื้อมมือมาคว้ามือผมไว้หมับก่อนจะลากมือผมไปกำน้องชายของเขาไว้ครับ

“งือ...ฉี่..ห้าย..หน่อย..”

น้องยังคงพูดเสียงอ้อแอ้แล้วกลิ้งหน้าเกลือกกับไหล่ของผมครับ นี่ถ้ามีกล้องวีดีโอผมก็จะอัดเก็บไว้ดูเล่นแน่ๆครับ

นึกๆไปแล้วก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าถ้าซัทสึกิเขารู้ว่ามีอีกด้านที่เป็น แบบนี้แล้วจะเป็นยังไง แก้มใสๆต้องแดงกล่ำแน่ๆแล้วก็คงค้อนตาใส่ผมหลายๆครั้งทำปากงุบงิบว่านี่มันไม่ใช่ตัวเขา เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แล้วหลังจากนั้นเขา คงเข็ดที่จะดื่มเบียร์อีก...งั้นอย่าดีกว่า ผมว่าผมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับตัวเองไปตลอดชีวิตดีกว่าครับ

“ไม่ฉี่หรอ?” ผมถามอย่างสงสัย เห็นน้องจับมือผมมาแบบนี้ผมก็นึกว่าเขาจะให้ผมเล็งให้เพราะกลัวไม่ลงโถหรือว่ายังไง

แต่คนเมาก็คือคนเมาครับ โดยเฉพาะคนเมาที่เป็นเด็กยั่วคนนี้น่ะ ท่าทางเริ่มจะแยกประสาทไม่ถูกแล้วครับว่าปวดฉี่จริงหรือไม่จริง น้องเงยหน้ามามองผมแล้วมีการลอยหน้าลอยตาพูดอีกทั้งๆที่ตาหรี่ปรือจะหลับอยู่แล้ว

“ม่ายช่ายแบบเน้....”

เอ่อ...มาตรฐานการฉี่เขามีกันกี่แบบครับ?

น้องเมาหรือผมมึนกันแน่ เขาทำปากยู่ใส่ผมแล้วบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง ในลำคอที่ผมจับใจความไม่ได้ ก่อนจะก้มหน้าลง ผมไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าน้องกำลังมองโถเพื่อจะฉี่หรือมองซัทสึกิน้อยที่ผมจับอยู่กันแน่

แต่ที่แน่ๆคือน้องเริ่มหัวทิ่มแล้วครับถ้าผมไม่รั้งเอาไว้นี่มีหวังได้เอาหัวไป มุดชักโครกเล่นแน่ๆ แต่น้องก็สามารถยืดตัวขึ้นมายืนได้อีกครั้ง เขาผลักมือผมออกแล้วเดินโซเซไปตรงอ่างที่อยู่ด้านใน

ผมเดินตามติดเขาไปเพราะกลัวว่าน้องจะล้ม ซัทสึกิเขาเดินเซไปทางซ้ายที ทางขวาที กว่าจะไปถึงอ่างได้โดยสวัสดิภาพก็เล่นเอาผมลุ้นแทบแย่

ว่าแต่...น้องบอกว่าปวดฉี่ไม่ใช่หรอ?

“ฉี่..ฉี่...ฉี่...”

น้องหย่อนก้นนั่งแหมะกับขอบอ่างได้น่ากลัวว่าจะหงายหลังหัวทิ่มลงไปในอ่างมากครับ ผมเลยต้องเดินตามมาดึงแขนข้างหนึ่งของเขาไว้ ซัทสึกิพึมพำอะไรอีกแล้วไม่รู้ในลำคอก่อนที่มืออีกข้างเขาจะคว้าหมับเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ของผม อย่างแรงจนผมสะดุ้ง

“ฉี่แบบเน้~~”

ครับน้องพูดไปหัวเราะไป อารมณ์ดีจังนะเด็กเมา แต่ไอ้ที่ทำนี่สาบานได้นะว่าเมา..เมรัยเข้าปากแล้วนิสัยเปลี่ยนมากเลยนะซัทสึกิจัง แบบนี้ผมไม่มีทางให้น้องกินของเมาแน่ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับผมเพียงลำพัง

และไม่อยากบอกว่าตอนนี้น้องตั้งหน้าตั้งตาทำมากครับ เขารูดมือไปแล้วก็โน้มหน้าเข้ามาเหมือนจะใช้ปากให้ผม

แต่ไม่หรอกครับ เขาแค่โน้มหน้าเข้ามาดูใกล้ๆแล้วหัวเราะคิกคัก นี่คือ ปวดฉี่ของน้องหรอครับพี่เพิ่งรู้...

ไม่ไหวแล้วครับ น้องเร่งจังหวะมากแถมยิ่งเร่งเหมือนเจ้าตัวเขายิ่งทำ ยิ่งมันครับไม่ได้รู้เลยว่าไอ้คนที่ถูกกระทำมันจะตายเอา ผมเลยดึงมือเขาไว้ ซัทสึกิ เงยหน้ามามองผมแล้วทำหน้าเหมือนถูกขัดใจ ถึงจะเมาก็ยังไม่ทิ้งลายเหมือนกันครับ งอนได้น่ารักเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน

ผมกระตุกยิ้มขำแล้วช้อนอุ้มตัวเขาขึ้นจากขอบอ่างและก้าวลงอ่างไปด้วยกัน ซัทสึกิโอบกอดคอผมไว้แน่นและพอผมจัดการให้เขานั่งซ้อนคร่อมลงบน ตักของผมแล้ว เขาก็จ้องหน้าผมเขม็ง แต่ตาเยิ้มมากครับจุดนี้ ผมโอบคอน้องให้ลงมาจูบกับผมในระหว่างที่ผมใช้มือที่ว่างอีกข้างหมุนก๊อกให้น้ำอุ่นมันไหลเข้ามาในอ่าง

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
น้องจูบรับผมไปก็ขยับสะโพกของเขาเบียดกับตักของผมไปด้วย เกินทนมากครับจุดนี้ ผมตัดสินใจโยนความอดทนของตัวเองทิ้งไปหมด

จริงๆแล้วผมก็ยังไม่อยากมีอะไรกับน้องอีกครั้งหรอกครับเพราะน้องเพิ่งจะหายเป็นปกติ แต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมเอื้อมมือไปด้านหลังและสัมผัสกับปากทางอ่อนนุ่มของเขา ช่องทางเล็กคับแคบที่ผมได้เป็นเจ้าของมันตอดรัดปลายนิ้วชี้ของผมที่ค่อยๆสอดเข้าไปด้านในอย่างช้า

ผมยังสอดนิ้วเข้าไปไม่ถึงครึ่งข้อน้องก็ครางเสียงสั่นอยู่กับอกของผม เขา ซุกหน้าลงแล้วหอบหายใจถี่กระชั้นเมื่อผมตัดสินใจขยับนิ้วลึกเข้าไปอีก

“อะ..อา....”

เสียงน้องเพราะจังครับ ได้ฟังเสียงน้องครางสั่นๆอยู่ข้างหูแบบนี้ ทำให้ลืมเรื่องจะเปิดเพลงคลอบรรยากาศไปได้เลย เสียงน้องเพราะกว่าเสียงดนตรีไหนๆทั้งหมดแน่ ผมไม่รอให้ใครมาการันตีเพราะผมการันตีด้วยตัวเองไปแล้ว

ผมกดจูบลงขมับของเขาแล้วสายตามองเลยไปยังกระจกที่อยู่ข้างอ่างมันสะท้อนภาพความมืดในยามกลางคืนของกรุงโตเกียวที่มีแสงไฟอยู่ทั่วไปหมด แต่ภาพนั้นมันงดงามมากขึ้นเมื่อมีเงาของน้องที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวของผมสะท้อนรวมไปอยู่ด้วย ผมผละมองจากภาพเงาบนกระจกนั้นแล้วมามองความงามที่แท้ จริงตรงหน้า

น้องแหงนหน้าขึ้นหอบเอาหายใจเข้าปอด ริมฝีปากอิ่มสวยของน้องเป็นสีแดงจัดเพราะเราจูบกันไปหลายครั้งแล้วในคืนนี้

ผมเสียดายเล็กน้อยที่ดวงตาฉ่ำปรือของน้องหลับลงสนิทแล้วเลยไม่ได้เห็นลูกตาใสคู่สวยของเขา แต่แก้มสีชมพูของน้องนี่กินขาดพอกับผิวขาวๆทั่วทั้งร่างกายของเขาที่ขึ้นสีแดงระเรื่อจากทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่กระตุ้นเร้าอยู่

น้องแอ่นอกและเอามือเท้ากับต้นขาของผมด้านหลังสะโพกของเขา ผมรู้สึกได้ถึงแรงดันน้ำจากแรงเหวี่ยงเอวที่น้องร่อนรับการขยับมือของผม

ร่างกายของน้องมันงดงามไม่มีที่ติจริงๆครับ งดงามและไร้ข้อบกพร่องจนผมอดไม่ได้ที่จะโอบกอดเขาเข้ามาใกล้และฝากฝังรอยรักด้วยริมฝีปากของผม ตราประทับความเป็นเจ้าของร่างเล็กๆนี้ไว้ในทุกที่ๆริมฝีปากมันลากสัมผัสผ่านไป น้องเอื้อมสองมือมากอดรัดศีรษะผมเอาไว้แน่นในตอนที่ผมค่อยๆยกสะโพกเขา ขึ้นและกดลงให้เขารับเอาตัวตนของริวซากิ เร็นที่หลงรักเขาหมดหัวใจเข้าไปในร่างกาย

ผมจับเอวน้องค้างไว้อยู่ครู่หนึ่งเท่าที่ความอดทนอันน้อยนิดมันจะมอบให้ผมได้ก่อนที่จะส่งแรงให้คนดีเขาขยับ แต่แรงที่ผมส่งไปคงมีไม่พอกับความต้องการของน้องครับเพราะซัทสึกิเขาเป็นฝ่ายกระแทกสะโพกลงมาซ้ำๆ เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่อาจต้านทานความต้องการของเขาได้

ผมเลื่อนมือมาชักพาความต้องการของน้องให้ปลดปล่อยพร้อมกัน

นาทีที่ผมปล่อยความรักเข้าไปในร่างกายของเขา ซัทสึกิก็ซวนเซลงมาซบอิงกับไหล่ของผม เขาหอบหายใจหนักจนแผ่นอกของเขาเบียดสีกับอกของผมที่ประคองกอดเขาไว้ไม่ห่างอก

“นอนได้ป่ะ?”

“แล้วแต่นายสิ” เสียงน้องพึมพำถามอยู่ข้างหู ผมยิ้มอ่อนๆแล้วลูบศีรษะเขาให้ซุกกับซอกคอของผม น้องไซร้คอผมไปมาสองสามทีเหมือนจะหามุมที่นอนสบายและเขาก็เงียบไป

ผมกอดเขาไว้และกดจูบลงกับข้างขมับของเขา เสี้ยวหน้าของน้องที่หลับ ไปทำให้ผมทั้งมีความสุขและเหนื่อยใจไปพร้อมๆกัน

ถึงว่าในเวลานี้ผมจะมีความสุขจนมันแทบจะระเบิดล้นออกมาจากอก

แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าวันพรุ่งนี้เขาตื่นมาเจอกับผมอีกครั้งแล้ว...เขาจะพูดคำว่าเขาเกลียดผมออกมาอีกหรือเปล่า

“คนดี...พี่รักซัทสึกิมากนะครับ...”

ผมกระชับอ้อมแขนกอดน้องแน่นขึ้น ในใจลึกๆก็อดกลัวไม่ได้ครับว่าถ้าเขาไม่ยอมรับในความสัมพันธ์ของเราและปิดโอกาสที่เราจะได้รักกัน นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้กอดเขาแบบนี้ก็เป็นได้

พอคิดแบบนี้แล้ว...กำลังใจที่คุณมี๊ให้มามันก็ลดน้อยถอยลงไปอีกแล้ว

ผมรู้ดีกว่าพอเป็นเรื่องของซัทสึกิแล้ว จิตใจของผมไม่ได้เข้มแข็งเหมือน ริวซากิ เร็นคนเดิมที่ไม่เคยนึกกลัวอะไร ผมนึกกลัวอยู่ตลอดเวลา

กลัวว่าน้องจะไม่เห็นค่าความรักของผม

กลัวว่าน้องจะไม่รักผมเหมือนอย่างที่ผมรักเขา

และ...กลัวว่าเราจะไม่ได้รักกัน

“รักพี่บ้างสิครับ..สักนิด...ก็ยังดี”

ผมกระซิบบอกแผ่วเบากับคนที่หลับตาพริ้มเหมือนกำลังฝันดีอยู่ก่อนกด จูบลงกับกลีบปากนุ่มของน้อง…อิชิฮาระ ซัทสึกิที่ทำให้ผู้ชายอย่างริวซากิ เร็นหลงรักจนหมดท่าคนนี้..คนเดียวเท่านั้นที่ผมอยากได้ความรักจากเขา...

รักพี่บ้างนะครับ...

ตื่นเช้ามาผมก็อัปเปหิออกไปจากห้องก่อนที่น้องจะตื่นครับ ด้วยความกลัวว่าจะได้ยินน้องโวยวายหรือไม่ก็บอกว่าเกลียดผมอีก ทำให้ผมไม่กล้าที่จะอยู่คอย เขาตื่นขึ้นมา ทั้งๆที่ยังไงเขาก็ต้องรู้อยู่ดีว่าคืนนี้เขามากับผม

ผมหอบเอาเสื้อผ้าของน้องออกมาให้แม่บ้านไปส่งลอนดรีให้ แล้วก็กลับมายืนคิดอยู่นอกห้องนอนว่าจะเอายังไงต่อไปดีก่อนที่สายตาจะหันไปเห็นกรอบรูปของน้องที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ใจหนึ่งก็อยากเก็บมันลงไปไว้ในลิ้นชัก

แต่คิดอีกที..วางไว้ให้น้องเห็นเลยแล้วกัน เผื่อน้องจะเก็บเอาไปคิดบ้างอะไรบ้างว่าทำไมในห้องของผมถึงมีรูปเขาวางอยู่แบบนี้ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกัน

ผมยืนคิดอยู่อีกพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเขียนโน้ตไปแปะไว้ที่ประตูห้อง ว่าผมจะกลับมาตอนเที่ยง ก็คือในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

ผมตัดสินใจล็อกห้องและยึดมือถือกับกระเป๋าของน้องไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ เขาหนีกลับไปก่อน ยังไงเสียก็อยากให้เขารู้ว่าเขามากับผมด้วยตัวของผมเองไม่ใช่ ชิ่งกลับไปแล้วรู้ความเอาจากเคนอิจิหรือไดสุเกะคุง

ส่วนระหว่างนี้...ผมจะลงไปซื้อของมาเอาใจเขาแล้วกันครับ น้องต้องหิวแน่ๆเพราะเมื่อเย็นเขากินไปแต่เบียร์ ถ้าตื่นมาเพราะท้องร้องต้องมีโยเยกันแน่นอน เพราะงั้นผมไปหาซื้อของกินมาให้น้องไว้ก่อนเลยดีกว่า

สายๆใกล้เที่ยงแบบนี้ ร้านอาหารแถวคอนโดของผมมักจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งพวกที่ทำงานอยู่ในย่านนี้กับพวกนักศึกษาส่วนมากที่เรียน อยู่ที่มหาลัยเดียวกับผมและน้องนั่นแหละครับ

ผมเลยตัดสินใจขับรถออกมาวนดูว่าร้านไหนว่างพอที่ผมจะได้ซื้อของกินอร่อยๆกลับไปให้แมวน้อยที่ยังขี้เซาหลับอุตุอยู่บนเตียงของผมตอนนี้เร็วๆ ไม่ต้องไปต่อรอคิวยาวๆ

แต่ดูเหมือนโชคจะไม่ค่อยเข้าข้างผมสักเท่าไหร่ครับ ทุกร้านแถวนี้คนแน่นขนัดไปหมด ผมมองจำนวนรถของแต่ละร้านและจำนวนโต๊ะแล้วก็นึกเหนื่อยใจเบาๆ เลยตัดสินใจวนรถไปร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมพาน้องไปกินตอนวันแรกที่น้องได้รู้จักกับผม ดูจากเวลาแล้วร้านเพิ่งเปิด คนน่าจะยังน้อยกว่าร้านอาหารแถวนี้เพราะคนส่วนใหญ่มักชอบไปที่ร้านนี้ตอนค่ำๆกันมากกว่า

แล้วก็อย่างที่ผมคิดไว้ครับ ที่ร้านเพิ่งจะมีรถจอดอยู่เพียงสองสามคัน ผมยิ้มกว้างและเลี้ยวรถเข้าไปจอดทันที

พอลงจากรถนั่นแหละครับ ผมถึงเห็นว่ารถที่จอดอยู่ด้านในสุดมันเป็นรถของยูตะ ผมมองไปด้วยความสงสัยว่ามันมากับใคร จะมากับพวกจุนยะอย่างนั้นหรอ แต่ปกติพวกเราก็ชอบมากินกันที่นี่อยู่แล้ว ผมเลยไม่ค่อยติดใจอะไรเท่าไหร่ และยิ้มหน้าบานเดินเข้าร้านไปกะให้มันหมั่นไส้ในความสุขของผมเต็มที่ ถ้าพวกมันถามว่าผมมาทำไม ผมก็จะบอกว่าผมมาซื้อของอร่อยๆไปเลี้ยงแมวน้อยจอมดื้อ ของผม

แต่ผิดคาดครับ พอผมเดินเข้าไปแล้วถึงได้เห็นว่ายูตะมันไม่ได้มากับจุนยะ แต่มากับอาริซาวะ มาโดกะครับ

ผมกะพริบตามองอีกทีเผื่อว่าจะตาฝาดก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อไอ้ยูมันโบกมือมาเรียกข้ามหัวคนที่มันกำลังนั่งจีบอยู่มาหาผม

“มาคนเดียวหรอครับริวซากิซัง”

เอ่ยวาจาได้เยี่ยงสุภาพชนเชียวนะพออยู่ต่อหน้าผู้หญิง ผมเลิกคิ้วแล้ว เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงอีกข้างของโต๊ะ มาโดกะจังเธอเหลือบมองหน้าผมทีหนึ่งก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ

“มาหาซื้อมื้อเช้าให้น้อง น้องหลับอยู่ก็เลยไม่ได้มาด้วย” เมื่อมันเล่นบทสุภาพชน ผมก็เลยต้องสุภาพชนตามมันครับ

“มื้อเช้า? แถมป่านนี้แล้วน้องยังหลับอยู่? เมื่อคืนดึกหรือไง!?”

ครับ..ความเป็นสุภาพชนของยูตะมันหมดลงแค่นี้ครับ ผมหัวเราะในลำคอ เหล่มองสุภาพสตรีเพียงคนเดียวในโต๊ะเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่ใส่ไอ้เพื่อนตัวดีของผมที่ทำตาระริกระรี้อยากรู้เรื่อง

“ก็ไม่ดึกเท่าไหร่ครับ...แค่เช้าเท่านั้น” ไอ้ยูมันจิ๊ปากใส่ผม อารมณ์อยากชูนิ้วกลางส่งแทนความรู้สึกมาให้เต็มแก่ แต่คงเห็นว่ามาโดกะหันมาเหลือบมองเป็นระยะมั้งครับ มันเลยยกมือมาโบกไล่ผมแทน

“หมั่นไส้คนกำลังอินเลิฟว่ะ ไปเลยไป เดี๋ยวน้องตื่นมาแล้วไม่เจอแล้วจะงอแงเอา” ผมหัวเราะกับคำไล่ของมันก่อนจะลุกขึ้นและค้อมศีรษะน้อยๆให้มาโดกะที่มองมาพอดีแทนคำลาตามมารยาท เธอส่งยิ้มหวานมาให้ผมต่อหน้าต่อตาไอ้ยูด้วย

แต่ขอโทษนะครับ..น้องยิ้มได้บาดใจผมกว่าเยอะ โดยเฉพาะตอนเมาเมื่อคืนนี้ คิดแล้วยังใจเต้นไม่หายเลยครับ เด็กอะไรไม่รู้แย่จัง พ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนบ้างหรือไงกันว่าการทำให้คนอื่นเขาคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลาแบบนี้มันร้ายกาจที่สุดเลยนะซัทสึกิจัง!

ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์และบอกความประสงค์ว่าผมจะซื้อกลับบ้าน ก่อนที่พนักงานเขาจะยื่นเมนูมาให้ ผมลังเลอยู่ว่าจะสั่งอะไร แต่ที่แน่ๆคือผมสั่งคาโบนาร่าไปก่อนแล้วเป็นอันดับแรกเพราะจำได้ว่าน้องเคยสั่ง ส่วนอย่างอื่นผมสั่งตามที่ผม เห็นว่าน้องตักกินอะไรไปบ้าง อันไหนที่คนดีเขาตักกินเยอะผมก็สั่งไว้ก่อน อนุมานเอาว่าน้องคงจะชอบกิน

“รับของหวานด้วยไหมครับคุณชาย?” ตอนแรกผมกะซื้อไปแค่เท่าที่สั่งแต่พอบริกรถามขึ้นมา ผมก็อดไม่ได้ที่จะพลิกไปดูหน้าขนมหวานเอาเสียเลย เค้กกับขนมหวานของที่นี่ก็มีชื่อไม่น้อย ผมพลิกไปแล้วก็เจอจุดหมายเลยทันที

“เอาสตรอเบอร์รี่วิปครีมเค้กด้วยก็แล้วกัน มีขายเป็นปอนด์หรือเปล่า หรือ มีแต่เป็นชิ้น?” ผมถามเพราะดูจากปริมาณของหวานที่น้องกินไปเมื่อวันก่อนอย่างซอฟท์ครีมถ้วยโตแล้ว คิดว่าชิ้นหรือสองชิ้นอาจจะไม่พอกับการเอาใจน้องสักเท่าไหร่ครับ

“เป็นปอนด์มีแบบ สองปอนด์กับสี่ปอนด์ครับ หรือถ้าคุณชายไม่รีบแล้วต้องการน้อยกว่านี้หรือมากกว่านี้ เราทำไปส่งให้คุณชายทีหลังก็ได้ครับ รับรองไม่เกินสามชั่วโมงครับ”

“ไม่ต้องหรอก เอาสองปอนด์ก็แล้วกัน”

แค่สองปอนด์ก็คงเกินกระเพาะของน้องแล้วล่ะครับ ผมดูขนมหวานกับ ของว่างหน้าตาน่าทานอย่างอื่นไปอีกหลายอย่างไว้ด้วยเผื่อน้องเลี่ยนเค้กจะได้มี ของอย่างอื่นทานคืนนี้ เพราะยังไงคืนนี้ผมก็กะจะกักน้องไว้ให้อยู่ด้วยกันอีกสักคืน เอาของกินมาล่อไว้ดีที่สุดครับ ส่วนเรื่องมื้อเย็นยังไงผมรบกวนแม่บ้านให้โทรสั่งมาจากโรงแรมใกล้ๆให้ดีกว่า

“งั้นรอสักครู่นะครับ”

ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปเกร่รอที่โต๊ะใกล้ๆแคชเชียร์พลางมองไปที่โต๊ะของไอ้ยูเป็นระยะ ไอ้เพื่อนแสนรู้ของผมหันมายักคิ้วให้ก่อนจะหันกลับไปจีบน้อง มาโดกะจังของมันต่อ

ผมก็อยากรู้นักว่ามันนึกไงมาจีบมาโดกะแบบนี้ แต่ก็พอรู้นิสัยเพื่อนผมดีครับ ไอ้ยูมันไม่คิดจริงจังกับน้องเขาหรอก ไอ้นี่ประเภทจีบดะ จีบไปทั่ว

ไอ้ยูกับไอ้จุนมีบัญชีเช็คเมทกันอยู่ที่คอยจดว่าสาวๆคนไหนสวยแล้วมัน เช็คเมทได้หรือไม่ได้ยังไง บัญชีเช็คเมทของไอ้พวกนี้ไม่ได้มีแค่สาวๆเท่านั้นนะครับ หนุ่มน้อยน่าตาน่ารักก็มี อย่างผมเองก็ได้ข้อมูลของซัทสึกิจากในบัญชีของพวกมันมานี่แหละครับ

ไอ้ครั้นจะคิดว่าไอ้ยูกับไอ้จุนมันจะจริงจังกับใครสักคนนี่คงฝันกันไปก่อน นิสัยของมันก็เหมือนกับผมก่อนมาเจอน้องนั่นแหละ คิดว่าเรื่องรักเป็นเรื่องตลก

ในกลุ่มของพวกเราก็มีแต่ไอ้เฮย์นี่แหละครับที่มันรักจริงจังกับพี่สาวของผมเสียเหลือเกิน ส่วนซึงโฮ..ก็ไม่เคยเห็นมันจีบใครสักที ไอ้นี่มันมีโลกส่วนตัวของมัน มันบอกอยู่คนเดียวสงบกว่า

ส่วนมาโดกะจังนี่..ผมเองก็พอจะดูออกครับว่าเธอเองก็คงไม่จริงจังกับไอ้ยูหรอก ไม่อย่างนั้นคงไม่ชายตามายิ้มให้ผมอยู่หลายครั้งในระหว่างที่ไอ้ยูเผลอ

จริงๆผมไม่ได้ตั้งใจมองไปหรอกครับ แค่จะหาทางส่งซิกให้ไอ้ยูมันเดินมาหาผมสักหน่อยแค่นั้นเอง แต่สวรรค์ไม่เป็นใจครับ ใครสักคนโทรเข้ามาหาไอ้ยู มันเลยเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก น้องดาราคนสวยเธอก็เดินลุกมาหาผมทันที

“มาโดกะเห็นพี่เร็นหันมองไปหลายทีแล้ว..มีอะไรอยากคุยกับมาโดกะหรือเปล่าคะ?” เปล่าครับน้อง พี่มีเรื่องคุยกับเพื่อนพี่ แต่น้องดันหันมาพอดี

“เปล่าครับ” ผมตอบเธอไปสั้นๆแล้วคลี่ยิ้มสุภาพให้เธอ แต่พอจะหันไป หาบริกรเพื่อเร่งของที่สั่งไปเธอก็กระแซะตัวเข้ามาใกล้แล้วแตะแขนผม

“ถ้าพี่เร็นไม่สะดวกใจคุยตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ ไว้โทรมาก็ได้ค่ะ มาโดกะจะรอ” เธอมะโนเองได้ขั้นเทพมากครับว่าผมอยากจะคุยกับเธอ ผมมีน้องให้คุย แล้ว สาวอื่นใดอยากจะคุยกับผมนี่คงต้องรอประมาณชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆก็แล้วกันครับ

แต่ด้วยความมีอีโก้สูงมากของเธอ ถึงผมจะนิ่งแต่เธอก็ยังรุกผมต่อครับ เธอหยิบเอารูปใบหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าสตางค์ของเธอและยกขึ้นมาจุ๊บเบาๆที่ ริมฝีปากก่อนจะเขียนเบอร์โทรของเธอลงไปแล้วยื่นมาให้กับผมที่นั่งมองความกล้าของผู้หญิงสมัยนี้ตาปริบๆ

สงสัยผมจะห่างหายกับวงจรวิถีของผู้หญิงไปนานนับตั้งแต่ได้รู้จักน้องเลยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขากล้าที่จะอ่อยกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

“อย่าลืมโทรหามาโดกะนะคะ”

ได้ข่าวว่าเธอเองก็ได้ยินบทสนทนาของผมกับไอ้ยูแล้วนะ หรือเธอจะไม่เข้าใจว่าน้องที่พวกผมพูดหมายถึงอะไร ผมมองหน้าเธอก่อนจะหยิบรูปของเธอขึ้นมาและพยักหน้าให้น้อยๆ..เล่นตามเกมของเธอสักหน่อยก็คงสนุกดี

“แล้วพี่จะโทรไปนะครับ”

ผมบอกแล้วหยิบเอากระเป๋านามบัตรของผมขึ้นมาเสียบรูปเธอใส่ไว้ไม่อยากใส่ไว้ในกระเป๋าเงินครับเพราะไม่อยากเอาไปปนกับรูปน้องที่ผมใส่ไว้ในนั้น อย่างน้อยน้องก็คงยังไม่มาเปิดช่วงนี้

ถ้าไม่ลืมผมจะเอามันไปเผาทิ้งพร้อมกรวดน้ำให้เธอด้วย เป็นเมื่อก่อนผมอาจจะเล่นกับเธอด้วยครับ แต่ขอโทษที พอมีน้องแล้วรสนิยมผมเปลี่ยนครับมันรู้สึกขยะแขยงผู้หญิงที่อ่อยกันก่อนแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก ห้าวๆแมนๆ ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ งอแงโยเยเหมือนเด็กๆนี่ถูกใจผมกว่าเยอะครับ

มาโดกะจังยังคงยิ้มหวานให้กับผม เธอขยิบตาให้ผมก่อนจะลุกเดินกลับไปที่นั่งของเธอหลังจากโน้มมากระซิบข้างหูจนหน้าอกของเธอมาเบียดกับแขนผมเต็มๆ

“แล้วมาโดกะจะรอนะคะ”

จะรองั้นหรอครับ..ได้เลย..ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆนะครับน้อง

-TBC-

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.7

 กว่าผมจะได้อาหารทั้งหมดที่สั่งก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าแล้วครับ สงสัยจะ สั่งมากไปหน่อย บริกรเขากุลีกุจรช่วยเอาของมาขึ้นรถของผมให้ ผมเลยให้ทิปเขา ไปจำนวนหนึ่งที่มากพอจะทำให้เขาโค้งจนเกือบหัวคะมำได้ก่อนจะออกรถมา

ตอนแรกผมกะจะหาที่ทิ้งรูปของมาโดกะไปเสียก่อน ไม่อยากพกติดตัวเอาไว้แต่พอหันไปมองนาฬิกาแล้วก็ตัดสินใจขับรถตรงกลับไปที่คอนโดเลยดีกว่ามันเลยเวลาที่ผมแปะโน้ตบอกไว้มากแล้ว ไม่รู้ว่าน้องจะตื่นขึ้นมาหรือยัง

ถ้าน้องตื่นขึ้นมาแล้วหิวมันต้องแย่แน่ๆ เพราะที่คอนโดของผมไม่มีอะไรซื้อติดไว้ให้น้องพอทานได้เลย เรามาค้างกันกะทันหันเกินไป แม้แต่น้ำผมก็ไม่แน่ใจว่าแม่บ้านเขาจะซื้อมาใส่ติดตู้เย็นไว้ให้หรือเปล่า ส่วนรูปของมาโดกะ...เอาไว้เหมาะๆพ้นจากสายตาน้องก่อนค่อยเอาไปทิ้ง..ก็คงทันล่ะมั้ง

มาถึงคอนโดได้ผมก็รวบเอาของทุกอย่างออกจากรถแล้วพาตัวเองกลับ ไปบนห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่ความเร็วของผมจะไม่พาให้เค้กก้อนอร่อยมันเละเทะไปเสียก่อน ใจมันร่ำๆเป็นห่วงน้องครับ ป่านนี้คนดีจะตื่นหรือยัง จะหิวไหม จะงอแง หรือตกใจหรือเปล่าที่ต้องตื่นขึ้นมาด้วยสภาพโป๊และแปลกที่แปลกทาง กว่าจะเดินมาถึงห้องและเอาข้าวของไปวางทิ้งไว้บนโต๊ะก็เล่นเอาผมเกือบหอบครับ

แต่กลิ่นกาแฟที่ยังคงหอมฉุยอยู่ตรงแคนธีนพอจะทำให้ผมเดาได้ว่าเจ้าตัวเล็กของผมคงจะตื่นแล้ว น้องคงจะมาหาอะไรกินและหาไม่เจอถึงได้คุ้ยหา กาแฟออกมาชง แถมยังทิ้งซากอารยธรรมเป็นซองน้ำตาลกับครีมเทียมที่ฉีกทิ้งไว้ ตรงเคาน์เตอร์บาร์นี่อีกเสียด้วย

ผมคลี่ยิ้มก่อนจะปัดมันลงถังขยะไปและเดินไปหาน้องที่คงจะนั่งหิวที่ไหนสักแห่งไม่ตรงโซฟาหน้าทีวีก็ในห้องนอน แต่คงจะเป็นหน้าทีวีเสียมากกว่า

แล้วผมก็คิดถูกครับ น้องอยู่ตรงหน้าทีวีจริงๆด้วย แต่คนดีไม่ได้กำลังนั่งหิวอยู่ครับ น้องนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ตัวเล็กๆของเขาจมไปกับกองหมอนใบโตบนโซฟาเลยครับ ผมเดินเข้าไปใกล้พอที่จะให้ความน่ารักยามหลับของน้องเข้ามาพุ่งชนหัวใจแล้วถึงเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเอาผ้าห่มมาห่มให้น้อง

จริงๆก็อยากให้น้องนอนเปลือยแบบนั้นต่อไปครับ เป็นอาหารตาของผม ดีแต่ก็คงไม่ดีกับสุขภาพของน้องสักเท่าไหร่ ถึงห้องนี้จะมีระบบปรับอากาศให้ ห้องมันอบอุ่นหรือไม่ก็เย็นสบายพอที่เราจะอยู่อย่างไม่อึดอัดก็เถอะ แต่ที่ผม หมายถึงสุขภาพของน้องนี่คือถ้าผมจับน้องกดอีกหนตอนกลางวันแบบนี้น้องจะแย่เอาครับ..ให้น้องนอนให้เต็มอิ่มดีกว่า เพราะผมยังมีโปรแกรมคืนนี้อีกยาว

ผ้าห่มผืนหนาคงทำให้น้องรู้สึกรำคาญ เพราะพอผมคลี่ห่มให้เขา น้องก็ไซร้หน้าไปกับหมอนและขยับตัวขยุกขยิกเหมือนจะตื่นขึ้นมา

โธ่คนดี ผ้าห่มมันไม่อุ่นเหมือนกับกายพี่ใช่ไหมจ้ะ

ผมยืนลังเลอยู่ชั่วเสี้ยวนาทีว่าจะโดดลงไปนอนข้างๆแล้วจับน้องมานอน ซุกอกให้ไออุ่นเองดีหรือว่าจะไปเตรียมของกินไว้ให้เขาดี แต่เสียงท้องร้องดังสนั่นของน้องมันก็ดังมากระแทกหูผม จิกหัวไอ้คุณชายริวซากิผู้เพียบพร้อมให้เดิน กลับหลังหันไปเพื่อเตรียมอาหารให้ทูนหัวอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน ถึงมัน จะแค่เทใส่จานก็เถอะ แต่น้องตื่นขึ้นมาก่อนครับ ผมยังไม่ทันก้าวพ้นรัศมี ความน่ารักของเขาไปถึงห้าก้าวเลย คนดีก็ปาความรักมาใส่กระแทกหลังกันซะงั้น

อ่าวไม่ใช่ หมอนต่างหาก

“ไอ้ชั่ว!!” ผมขมวดคิ้วแล้วหันกลับไปให้น้องเห็นหน้า เผื่อว่าเขาเข้าใจผิดเลยใช้สรรพนามเรียกผมอย่างนั้น พอผมหันกลับไปน้องก็มองจ้องอยู่พอดี

“ริวซากิ เร็น!!”

ครับคนดี..พี่รู้ชื่อตัวเองอยู่แล้วครับ

น้องจ้องผมแล้วขยับจะลุกจากโซฟาขึ้นมาตั้งการ์ด แต่ดูเหมือนผ้าขนหนู ที่น้องนุ่งอยู่จะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามันเข้าข้างผมหรือเปล่าครับมันเลยกบฏทิ้งตัวลงพื้น น้องร้องอุทานดังเฮ้ยแล้วก้มลงตะครุบผ้าขนหนูผืนใหญ่นั่นเอาไว้ แต่..มันก็เป็นบุญตาของผมไปแล้วครับ...

น้องไม่ได้ใส่ชั้นในด้วยล่ะ...

ก็จะใส่ได้ยังไงล่ะเนอะ ผมเอามันใส่รวมไปกับเสื้อผ้าของน้องที่ส่งให้แม่บ้านเอาไปส่งลอนดรีด้วยนินา ขอสาบานด้วยความสัตย์จริงว่าไม่ได้คาดคะเนเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเลยครับ...(ยิ้มกว้าง)

ผมยืนใจเต้นกับเหตุการณ์ระทึกอย่างไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ได้อยู่ อึดใจเดียวครับ น้องก็ถามเสียงห้วนขึ้นมาทันที คนดีนั่งไม่ยอมลุกแล้วครับตอนนี้แถมยังทำหน้างอด้วย

“นายเอาเสื้อผ้าฉันไปไว้ที่ไหน?”

“ในตู้เสื้อผ้าก็มีนิ ทำไมไม่เอามาใส่” โธ่คนดี..นึกว่าจะโป๊เพื่อยั่วพี่ซะอีก

“มันล็อก” น้องบอกแล้วทำปากยื่นเป็นเป็ด เป็ดตัวนี้น่าจูบให้ปากเจ่อมากครับ แถมยังบ่นอะไรพึมพำอยู่ในลำคออีก ผมส่ายหน้าให้เขากลบเกลื่อนอาการขำและดึงเขาให้เข้าไปในห้องแต่งตัว

“เปิดล็อกตรงนี้” จริงๆมันเป็นระบบบานเลื่อนอัตโนมัติครับ แต่น้องคงไม่รู้เลยพยายามเปิดเอง ซึ่งมันระบบฟันเฟืองมันไม่ได้มีไว้ให้เลื่อนเอง พอไม่ได้ กดปุ่มมันก็ไม่ยอมเปิดให้ครับ หลังจากผมจิ้มเปิดตู้เสื้อผ้าของผมแล้วหันมามองน้องก็ทำตาโตใส่ผม ปากเรียวๆเม้มฉับคล้ายอาการไม่พอใจทันที

เอ่อทูนหัว...พี่ผิดอะไรหรอครับ?

ผมมองหน้าน้องแล้วก็มองลามลงไปยังอกขาวๆของเขาที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์คที่ผมทำไว้เมื่อคืน เห็นแล้วก็ตัดสินใจหันไปหยิบเสื้อให้น้องใส่ดีกว่าทำรักกันหน้าตู้เสื้อผ้ามันคงจะร้อนแรงไปหน่อย น้องยังไร้เดียงสาอยู่มากกับเรื่องอย่างว่า ถึงจะยั่วผมได้ขั้นเทพตอนเมาก็เถอะ จะข้ามมาแอดวานซ์นอกสถานที่กันหน้าตู้แบบนี้ก็กลัวคนดีจะตั้งตัวไม่ติด กลัวน้องจะยืนรับแรงกระแทกของผมไม่ไหว

แต่ว่าไปแล้วครั้งแรกของผมกับน้องก็ยืนนินา แถมในห้องน้ำลื่นๆอีกด้วย

ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านในสมองก่อนหยิบเอาเสื้อยืดสีดำกับกางเกง ขาสั้นมาให้น้องใส่ เขาจะได้สบายตัวหน่อย เราอยู่กันเองตามลำพังไม่จำเป็นต้อง ใส่กางเกงขายาวก็ได้ จริงๆอยากจะให้น้องใส่เสื้อกล้ามเหมือนกันครับ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ใส่เลยดีกว่า มีค่าเท่ากัน

“อะนี่ เอาไปใส่”

“เสื้อยืดดำกับเกงขาสั้น?”

“ทำไม ใส่ไม่ได้หรอ?” ผมขมวดคิ้วน้อยๆ คนดีเขาไม่พอใจอะไรกับเสื้อผ้าของผมหรือเปล่านะ หรือรังเกียจที่จะใส่กัน

“เปล่า..แต่ปกติเหตุการณ์แบบนี้ตามนิยายหรือหนัง มันต้องเป็นเชิ้ตขาว ตัวเดียวดิ” ผมช็อกจนแทบไปต่อไม่ถูกเลยครับ น้องเล่นผมแรงมากงานนี้ จะยั่วพี่แต่หัววันไม่กลัวลูกดกหรอครับซัทสึกิจัง

กายหยาบของผมมันไวก่อนใจและสติครับงานนี้ น้องออกปากอย่างนั้น มือผมมันก็โยนเสื้อกลับเข้าไปในตู้และดึงเอาเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุณแม่บ้านรีดแขวนไว้ให้อย่างเป็นระเบียบออกมาจากตู้ก่อนที่น้องจะทันดึงเอาเสื้อยืดกับกางเกงสีดำ ไปใส่ ในเมื่อออกตัวแรงขนาดนี้ พี่ก็อยากเห็นน้องใส่เหมือนกันแหละครับคนดี

“ไม่เอา เอาเสื้อยืดกับกางเกงเมื่อกี้มา” คนน่ารักมักเอาแต่ใจจริงๆครับถึงผมอยากจะตามใจน้องมากแค่ไหน แต่เรื่องนี้ขอไม่ยอมครับ ออกตัวแรงแล้วจะ มาเหยียบเบรกกันแบบนี้ไม่ได้นะครับซัทสึกิจัง

“เรื่องมาก ใส่นี่แหละ”

“แล้วเกงล่ะ?”

“เชิ้ตตัวเดียวพอ ก็นายอยากเสนอความคิดเองนี่” น้องมุ่ยหน้าใส่ผมที่คลี่เสื้อเชิ้ตลงไปทับไหล่ให้เขาและจับแขนเขาสวม อารมณ์เหมือนพ่อสวมเสื้อให้ลูกมากครับ นอกจากจะสวมให้แล้วยังต้องติดกระดุมให้ด้วยอีก

ระหว่างที่ผมติดกระดุมให้ น้องก็หันหน้าหันหลังก้มดูตัวเอง ไม่อยากบอกว่าแค่เหล่ๆตามสายตาของน้องผมก็ใจเต้นมากแล้วครับเพราะผ้าขนหนูที่จับไว้ตรงเอวมันหล่นไปบนพื้นแล้วตอนที่ผมจับแขนเขาใส่เสื้อ

“ขอกางเกงตัวหนึ่ง”

“ไม่ต้อง แบบนี้แหละ วิวดี”

ผมสวนกลับไปทันที น้องเบะปากใส่ผมแล้วขยับไปตรงตู้เสื้อผ้า ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เพราะน้องก้มไปจะหยิบไอ้ชุดที่ผมหยิบให้เขาตอนแรก ก้นขาวๆของเขาก็โผล่แพล่มออกมาให้ผมมอง ผมเลยต้องคว้าเอวเขาไว้ก่อนที่ผมจะตัดสินใจถอดกางเกงตัวเองลงและทำรักกับเขาตรงตู้เสื้อผ้านั่นจริงๆ

“ไปหาไรกินกัน” น้องยังคงบ่นงุบงิบแข่งกับเสียงท้องร้องของเขาอยู่ครับ ผมพอจะจับใจความได้ว่าน้องบ่นว่าผมใจร้ายที่ให้เขาใส่แต่เชิ้ตตัวเดียว มันหวิวมันหนาว มันดูน่าเกลียด พาให้รู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก

ผมก็อยากบอกว่าผมเองก็หวิวเหมือนกันครับ แต่เรื่องน่าเกลียดนี่ขอค้านหัวชนฝาเลยครับ เอ็กซ์สุดยอดล่ะไม่ว่า

ผมพยายามดึงสติคืนมาจากเรียวขาขาวๆของน้อง (นี่ไม่นับซัทสึกิน้อยที่พยายามออกมาอวดสายตาผมเวลาน้องขยับตัวอีกนะครับ) หันไปหยิบจานที่คุณแม่บ้านเก็บไว้ในชั้นเรียงมาวางกองไว้บนโต๊ะ น้องยังคงสาละวนกับสภาพ ของตัวเองอยู่ครับ เขาแบะขาออกแล้วก้มมองดูหว่างขาของตัวเอง

“เชิ้ตแม่มสั้นชะมัด ตัวยาวกว่านี้ไม่มีหรือไงกัน”

สารภาพตามตรงครับว่ามี แต่ผมตั้งใจหยิบตัวที่ชายมันสั้นที่สุดออกมาเองล่ะ แต่ผมก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และนั่งลงก่อนจะเกี่ยวเอวน้องให้มานั่งตักผม

“เฮ้ย!! ปล่อย!!”

“นั่งดีๆสิ” ผมข่มเสียงบอกเขาไปนิ่งๆ กายมันดันสะเหล่อไปไวกว่าใจครับ ดันไปเกี่ยวน้องให้มานั่งทับตักแบบนี้ ก้นกลมๆของน้องมันเบียดกับตักผมโดยมี เพียงแค่กางเกงที่ผมสวมอยู่เท่านั้นกั้น ขืนคนดีหยุกหยิกมาก ของจะเข้าตัวเอาพี่ไม่รู้ด้วยนะทูนหัว

น้องหันมาแยกเขี้ยวใส่ผมครับ คนดีพยายามจะถ่องศอกใส่ท้องผมด้วยแต่เพราะถูกผมกอดไว้อยู่เลยทำไม่ได้ดั่งใจคิด ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอาของกินออกมาจากถุง ถึงเวลาเอาใจ(ด้วยของกิน)แล้วครับ

“มีมีทซอสกับคาโบนาร่าเอาอะไร?” ผมสั่งมีทซอสมาด้วย เผื่อน้องเลี่ยนจากคาโบนาร่าที่กินไปวันก่อนแล้วอยากกินอย่างอื่นบ้าง แต่น้องทำให้ผมดีใจที่ เลือกมาทั้งสองอย่างด้วยการขอสองแบบไม่ลังเลเลยครับ

“สองอย่างเลยได้ไหม หิว”

ทำตาปริบๆใส่คล้ายจะอ้อนกันแบบนี้ พี่จะขัดใจได้ยังไงกันหนอ ผมยิ้มให้เขาแล้วลูบผมเขาเบาๆก่อนจะแกะกล่องเทใส่จานให้

ซัทสึกิเหมือนเป็นเด็กเลยครับ พอเห็นของกินก็ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจ เมื่อสักครู่ไปหมด คนดีเขากุลีกุจรหยิบจานมารอให้ผมเทอาหารลงใส่ให้อย่างน่ารักและจัดการเริ่มกินทันที ตาก็มองผมหยิบเอาอาหารอย่างอื่นออกมาจากถุง

“อันอื่นไม่ต้องใส่จานหรอก จะได้ไม่ต้องล้าง”

น้องบอกแล้วจ้วงเส้นเฟตตูชินีในคาโบนาร่าเข้าปากไป น้องดูดเส้นจนปากห่อกลมเลยครับ เห็นแล้วมันน่ามันเขี้ยวจนผมต้องหยิกแก้มเขาเบาๆ น้องหันมาทำแก้มพองใส่ผมก่อนจะหันไปสนใจกับลาซานญ่าที่ผมเพิ่งเปิดกล่องไป

“แล้วนั่นอะไร?”

น้องชี้มือไปที่ถุงใหญ่ที่อยู่ไกลมือผม สองแก้มของเขายังเคี้ยวตุ้ยๆจนมันพองกลมน่าหอมน่าฟัดมากครับ ผมเลยตอบสนองตัณหาตัวเองด้วยการกดจูบ แรงๆไปที่แก้มของเขา น้องเลยใจดีศอกเข้าให้กับยอดอกของผม เล่นเอาเกือบจุกเหมือนกัน ยังดีที่ล็อกตัวเขากอดเอาไว้น้องเลยเหวี่ยงมาได้ไม่แรงพอ

“ของว่างกับขนมหวานน่ะ มีเค้กสตรอเบอรี่นมสดที่นายชอบกินด้วยนะ”

ผมบอกแล้วมองน้องเอื้อมไปลากถุงนั้นเข้ามาใกล้ทั้งที่อีกมือยังจับส้อมที่จิ้มหอยแมลงภู่ไว้อยู่เลยครับ หันไปสนใจของหวานเอาซะแล้ว

เรื่องของหวานนี่ขอให้บอกเถอะครับ น้องล่ะชอบจริงๆ คนดีเขายิ้มแก้มปริสมใจผมที่ตัดสินใจซื้อยกปอนด์มาให้เขา ถึงขั้นวางส้อมแล้วหันไปแกะกล่องเค้ก แล้วครับตอนนี้ พอเห็นหน้าเค้กแล้วก็น้องก็ยิ้มกว้างแล้วทำท่าชื่นใจออกมา เขาก้มลงไปเอาแก้มแนบข้างกล่องแล้วเอามือลูบกล่องข้างๆ

“นายซื้อมาให้ฉันหรอ?”

“อืม”

“งั้นกินทั้งก้อนเลยก็ได้ใช่ป่ะ?”

“ถ้ากินไหวก็ได้” แต่ผมไม่คิดว่าน้องจะกินไหวนะ ก้อนมันใหญ่อยู่นะ ถ้าน้องกินหมดทีเดียวต้องพุงออกแน่ๆ คิดแล้วผมก็นึกมันเขี้ยวแล้วสิ ซัทสึกิจังตัวน้อยๆแต่มีพุงกะทิให้ผมฟัดเล่น แบบนี้มันน่ามันเขี้ยวจริงๆนะ

น้องทำหน้าเคลิ้มอยู่กับเค้กของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชักสีหน้าและตวัด ตามามองผมเหมือนจะจับผิด

“กินเค้กก่อนแล้วค่อยกินอาหารทีหลังก็ได้นะ”

ผมบอกแล้วหยิบส้อมคันใหม่มายัดใส่มือเขาไว้อย่างเอาใจ แต่น้องกลับ เอาส้อมคันเล็กที่ผมยัดใส่มือเขามาเป็นอาวุธจ่อคอผมแทนครับ ปลายส้อมมันจี้ เข้ากับใต้คางของผม ผมมองเขาตาปริบๆเมื่อเขาจ้องผมแบบนี้ เล่นเอาวางตัวไม่ ถูกเลยครับ ผมเลยเอื้อมมือไปดึงกล่องเค้กมาจะยกเค้กออกจากกล่องแทน

“นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบเค้กสตรอเบอร์รี่นมสด?” ผมชะงักไป..ผมหลุดปากเผลอออกไปแบบนี้ คนดีเลยเก็บเอามาสงสัย แต่ผมก็ไม่คิดจะแก้ตัวอะไรและก็ไม่ คิดจะบอกเขาตอนนี้ด้วยครับ อย่างเดียวกับเหตุผลที่ผมทิ้งรูปไว้ให้เขาเห็นนั่นแหละครับ ผมอยากให้เขาคิด...คิดมากๆเกี่ยวกับผม

เหมือนกับที่ผมคิดเรื่องเขาอยู่ตลอดเวลา

“เรียกพี่เร็นก่อนสิแล้วฉันจะตอบ” เชื่อได้ครับว่าน้องไม่มีทางเรียกผมว่าพี่หรอก เด็กห้าวคนนี้ขมวดคิ้วแล้วเม้มปากเชิดใส่ผมทันทีเลยครับ

“ทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย?”

“นายเด็กกว่าฉันสามปีนะซัทสึกิ”

“แล้วไง?” น้องถามกลับมาสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยมากครับแถมยังตีสีหน้าที่บอกผมได้ว่าน้องกำลังรู้สึกว่ามันไร้สาระมาก ผมเลยถอนหายใจออกช้าๆ อย่างจงใจให้เขาได้ยิน

“อย่าหวังว่าฉันจะเรียกนายว่าพี่เลย แค่ฉันไม่ต่อยนายดั้งยุบที่บังอาจมาปล้ำฉันอีกรอบเมื่อคืนก็ดีแค่ไหนแล้ว”

อ่าว! เวรแล้วไงครับ น้องคิดว่าเขาถูกผมปล้ำเอาเมื่อคืน...

โธ่คนดี...พี่ต่างหากที่ถูกน้องปล้ำ

“จำได้ด้วยหรอเมื่อคืน? แต่เมื่อคืนฉันไม่ได้ปล้ำนายนะ นายสมยอมต่างหาก” ถ้าบอกความจริงไปว่ายิ่งกว่าสมยอม ถอดเสื้อเองและยังยั่วก่อนอีกน้องต้องโมโหแล้วหาว่าผมโกหกเขาแน่ๆ เพราะงั้นบอกสมยอมไปก่อนแล้วกัน

“เอาอะไรกับคนเมาวะ!!” นั่นไงครับ ขนาดแค่บอกว่าสมยอมนะนี่ แมวดื้อของผมก็ลุกขึ้นมาโวยวายแถมจะลุกออกจากตักของผมอีกต่างหาก ผม เลยยึดข้อมือเล็กของเขาไว้และดึงเขาให้กลับมานั่งตักของผมต่อ

“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะซัทสึกิ”

“ไม่เพราะแล้วไงวะ!! กูเป็นของกูแบบนี้ มึงรับไม่ได้ก็เรื่องของมึงสิ!!”

ผมไม่ชอบเลยครับ...ผมไม่ชอบเลยกับการที่น้องพูดจาแบบนี้กับผม ถึง จะรู้ว่าเขาห้าวมากแค่ไหนแต่ก็อดไม่ชอบใจไม่ได้ที่เขาขึ้นกูมึงกับผมแบบนี้

แม้ว่าผมเองจะใช้คำพูดคำจาแบบนี้กับเพื่อนและก็เคยได้ยินน้องใช้กับเพื่อนของเขามาแล้ว แต่พอน้องเอามาใช้กับผม ปีศาจร้ายในอกของผมมันก็แผลงฤทธิ์เสียอย่างนั้น ผมโมโหตัวเองที่ทำให้เขาหลุดพูดคำหยาบใส่ผมครับ

“ช่างเถอะ...ฉันคงคาดหวังมากเกินไป”

ผมบอกเขาแบบนั้นและดันให้น้องลุกจากตักของผมไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆก่อนจะลุกขึ้น เพราะถ้าอยู่ตรงนี้ต่อแล้วน้องเผลอใช้คำหยาบกับผมอีก ผมก็ไม่รู้ว่า ไอ้ปีศาจร้ายในอกจะบงการให้ผมจับแมวดื้อตัวนี้ไปลงโทษแบบไหนเหมือนกัน ที่แน่ๆ..คงไม่ใช่แบบที่น้องชอบนักหรอกครับ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินหนีไป แมวดื้อของผมก็แผลงฤทธิ์ฆ่าปีศาจร้ายในอกของผมตายเพียงแค่เสี้ยวนาทีเลยครับ

“เดี๋ยวดิ๊!!” น้องรั้งชายเสื้อผมไว้ พอผมหันมามอง เขาก็ก้มหน้าลง พวงแก้มของเขาซับสีขึ้นมาอย่างน่าสงสัย และหัวใจของผมก็หยุดเต้นเพราะประโยคถัดมา

“ถ้าคิดจะเป็นแฟนกันก็ต้องรับได้ทุกอย่างดิ”

พระเจ้า! ขอให้โลกหยุดหมุนตรงนี้เถอะ วันพรุ่งนี้พระอาทิตย์มันจะขึ้นทางตะวันตกหรือเปล่าครับ น้องถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมา ผมยืนมองเขาตาปริบๆอย่างคิดว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า แต่มองดูแก้มแดงจัดของเขาแล้ว ผมไม่ได้ฝันไป แน่นอนครับ ตอนนี้ผมเหมือนคนบ้าเลย ผมยิ้ม..และยิ้ม แล้วก็ยิ้มได้เพียงอย่างเดียว กายหยาบมันทรุดลงนั่งข้างๆน้องอีกครั้งเพราะไร้เรี่ยวแรงจะเดินไปไหน

“ฉันรับทุกเรื่องของนายได้อยู่แล้วซัทสึกิ แต่ฉันก็แค่อยากให้เป็นเด็กน่ารักมากกว่าเด็กหยาบคายนี่นา” ผมนับถือตัวเองจังเลยครับที่พูดออกมาได้โดยที่เสียง ไม่สั่นและไม่กัดลิ้นตัวเอง ผมขยับเข้าไปกอดน้องไว้แล้วหอมแก้มเขาอย่างรักใคร่

“ฉันน่ะน่ารักอยู่แล้ว ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วด้วยขอบอก” เด็กน่ารักเขาบอกอย่างนั้นครับ ผมนึกเอ็นดูเขาจนต้องยกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มแดงๆและปัดปอยผมไป ทัดหูให้เขา น้องหน้าหวานขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียวตอนนี้

“ฉันรู้แล้วว่านายน่ะน่ารักขนาดไหน”

พอผมบอกเสียงเนิบๆ น้องก็หันมามองหน้าผม แมวดื้อของผมกัดปลายส้อมเอาไว้จนผมกลัวว่าเขาจะเจ็บฟันเอาเสียก่อนก็เลยดึงมันออก (จริงๆแล้วคือ ถ้าน้องกัดส้อมไว้พี่ก็จูบน้องไม่ได้นะคนดี)

“ถ้านายไม่น่ารัก ฉันก็ไม่กล้าบอกต่อหน้าไอ้บ้านั่นหรอกว่านายเป็นแฟนฉัน” แก้มแดงๆของน้องยังแดงจัดขึ้นมาได้อีกครับ เห็นแล้วมันเขี้ยวจัง

“ขี้ตู่ชะมัด ฉันเป็นแฟนนายตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้แค่รับพิจารณาหรอก”

แค่รับพิจารณามันก็เกินความคาดฝันของพี่แล้วล่ะคนดี ผมที่ใจพองโตตอนนี้กับโอกาสที่พระเจ้าประทานให้ โน้มหน้าเข้าไปจูบเขาแผ่วเบา คนดีหลับตาพริ้มให้ผมซับเอาความหอมหวานของเขาให้โดยไม่ผลักไสอะไร

ผมนึกขอบคุณที่พระเจ้าไม่ใจร้ายกับผมมากเกินไป ถึงผมจะไม่ใช่คนดี ของสังคมสักเท่าไหร่ แต่ท่านก็ยังเห็นใจผมบ้าง

ริมฝีปากของน้องหวานเหลือเกิน มันหวานจนผมใจสั่นเหมือนไอ้หนุ่ม ริลองรักเลยครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้องจูบตอบผมด้วยหรือเป็นเพราะมือเล็กที่ยกขึ้นมาทาบอกผมแล้วไล้เบาๆนี่กันแน่

“อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานนายต้องรับฉันเป็นแฟน” ผมกระซิบบอกน้องหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกมา น้องสบตากับผมอยู่ได้แค่สองวิก่อนที่เขาจะก้มหน้าไปตักคาโบนาร่าเข้าปาก คาดว่าคงทำแก้เขินมากกว่า

“จะรอดูก็แล้วกัน” น้องบอกแล้วก็บ่นอะไรต่ออีกไม่รู้ในลำคอ ผมได้แต่มองเขาและยิ้มได้เพียงอย่างเดียว ไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไรมากไปกว่านี้แล้วครับ

ผมรักปากแดงๆที่กำลังยื่นบ่นงุบงิบอะไรในลำคอนั่น รักตาใสๆที่กำลังมองค้อนผมนั่นด้วย รักแก้มใสที่กำลังแดงกล่ำทั้งสองข้าง รักอิชิฮาระ ซัทสึกิที่กำลังเขินเพราะจูบของเราเมื่อครู่ รักมากจนอยากจะกลืนลงอกไปเลยจะได้ไม่ต้องให้ใครมาเจอกับความน่ารักของเขาแบบผม

อา...ผมรักน้องจังเลยครับ

เย็นนั้นผมรั้งน้องไว้ด้วยของหวานและอาหารค่ำสุดหรูครับ ถึงน้องจะกระฟัดกระเฟี้ยดแล้วบอกว่าเขาไม่ใช่คนเห็นแก่กินก็เถอะ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มานั่งจ้วงกินเค้กที่หมดไปแล้วครึ่งก้อนหน้าทีวีอยู่กับผมครับตอนนี้

“นายชอบดื่มไวน์หรอ?” น้องละจากเค้กมาถามผมในตอนที่ผมวางแก้ว น้ำผลไม้ให้เขาลงข้างๆ ผมเลิกคิ้วน้อยๆแล้วน้องก็พยักพเยิดไปทางแคนธีน

“เห็นมีตู้แช่ไวน์อยู่”

“ก็ชอบ พวกเพื่อนฉันก็ชอบ เลยต้องมีติดไว้” ผมบอกไปอย่างนั้นแล้ว น้อง ก็พยักหน้างึกงั่กตามคำพูดของผม คนดีเขากลืนเค้กที่เพิ่งตักเข้าปากไป ผมเลยเอื้อมมือไปเช็ดครีมที่เลอะอยู่กับกลีบปากบางของเขาให้

“งั้นฉันดื่มมั่งได้ป่ะ?”

ชิบหายแล้วครับ...น้องขอแบบไม่ทันให้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว ไม่ใช่ผมหวงไวน์หรืออะไรนะครับ แต่ผมกำลังตกใจที่น้องจะลุกขึ้นมาดื่มของมึนเมากันแบบนี้ นึกครึ้มอะไรกันนะคนดี จะให้โอกาสพี่มากเกินไปแล้วนะครับทูนหัว

“ได้สิ” ผมบอกแล้วก็มองรอยยิ้มของน้องแบบอึ้งๆ พอผมอนุญาต ซัทสึกิเขาก็ยิ้มเต็มแก้มแล้วขยับลุกขึ้นเดินไปยังตู้เก็บไวน์ของผมอย่างอารมณ์ดี

“ฉันดื่มขวดไหนก็ได้หรอ?” ซัทสึกิเขาหันมาโคลงหัวถามผมที่เดินตามมายืนอยู่ข้างๆเขา ผมพยักหน้าอนุญาตอย่างไม่ลังเล ถึงแม้ว่าในตู้นั้นจะมีโรมานี คอนติ ปี 1945 ของแท้ที่มีเพียงหกร้อยขวดบนโลกใบนี้ ซึ่งมีราคาแพงพอๆกับการถอยรถออกมาใหม่สักคันออกมาชนเล่นหรือชาโตเปตรุสปี 1921 ที่ราคาไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าน้องอยากดื่มผมจะเปิดให้น้องดื่มอย่างไม่เสียดายเลยครับ

น้องเอานิ้วไล่ไปตามชั้นวางไวน์ของผมครับ เขาโคลงหัวไปมาอีกรอบแล้ว ก็หันมามองหน้าผม

“ไม่ดื่มหรอก ถามไปงั้นแหละ” โธ่ทูนหัว อย่ามาให้ความหวังพี่แล้วจากไปแบบนี้ ผมรั้งแขนเขาไว้เมื่อคนดีทำท่าจะกลับไปหาเค้กของเขาต่อ

“ไม่ดื่มสักหน่อยหรอ?” น้องเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม มองหน้าผมสลับกับไวน์ในตู้ไปมา ผมกลั้นลมหายใจรอ ไม่อยากบอกครับว่ากับอิแค่ให้น้องดื่มไวน์เนี้ย หัวผมคิดไปไกลกว่านั้นมากแล้วครับ ภาพน้องยั่วผมเมื่อคืนมันยังติดตาอยู่เลย

“ดื่มก็ได้ นายเลือกมาสิ เอาแบบไม่ขมนะ” ผมเกือบหลุดหัวเราะกับคำสั่งของน้องแล้วครับ คนดี..ไวน์มันไม่ขมเหมือนเบียร์หรอกนะครับ

“ไวน์ไม่ขมหรอก นายอยากดื่มขวดไหนก็เลือกมาเลยแล้วกัน”

ไม่ไหวครับ ถ้าผมเลือกให้น้องแล้วล่ะก็ ผมต้องหยิบเอาเบลม็อธ[1]มาให้ น้องดื่มแน่ๆครับ มันก็เป็นไวน์ชนิดหนึ่งเหมือนกันแต่คนส่วนมากชอบคิดว่ามันเป็นเหล้าเสียมากกว่าไวน์ครับ

แต่ถ้าผมหลอกน้องดื่มเบลม็อธ น้องคงน็อคหลับตั้งแต่แก้วแรกแน่ๆ อย่าเสี่ยงดีกว่า คืนนี้ผมอยากหลอกล่อให้น้องดื่มพอมึน ดูสิว่าแมวน้อยของผมจะ ช่างยั่วพอๆกับตอนเมาหรือเปล่า

“งั้นเอาอันนี้” น้องชี้ฉับไปที่ขวดใสๆบรรจุดน้ำไวน์สีเขียวที่อยู่มุมล่างของตู้ทันทีเลยครับ ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องชี้ไปที่ขวดนั้น

“เยลโล่ เทล มอสกาโต้? มันไวน์ของผู้หญิงนะ เอาอันนี้หรอ?”

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
น้องขมวดคิ้วมองหน้าผมเลยครับ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่ไอ้มอสกาโต้ขวดนี้น่ะ ไอ้ยูมันเป็นคนซื้อมา มันบอกไวน์ดีกรีต่ำราคาพื้นๆแบบนี้เหมาะไว้มอมผู้หญิงให้มึนครับ ดีกรีของไวน์ขวดนี้มันมีแค่ไม่ถึงแปดเปอร์เซ็นต์ เลยไม่ถูกคอพวกผมเท่าไหร่ ปกติพวกผมดื่มกันส่วนมากที่สิบสี่เปอร์เซ็นต์กันเสียมากกว่า

“ไม่เอาก็ได้ ก็แค่เห็นว่าสีมันแปลกตาสวยดี” น้องสะบัดเสียงใส่ผมครับ ผมเลยยกมือขึ้นวางบนหัวเขาแล้วจับโคลงไปมาอย่างเอ็นดู คาดว่าน้องคงหงุดหงิด นิดหน่อยที่ผมบอกว่าไวน์ที่เขาเลือกมันเป็นไวน์ผู้หญิง คนแมนๆคนนี้น่าเอ็นดูจังเลยครับ เลือกไวน์จากสีที่ดูแปลกตาแบบนี้เป็นความคิดที่สมกับเป็นตัวเขาดีครับ

“เอาd’Yquem ขวดนี้ไหม มันออกรสหวานหน่อย นายน่าจะชอบ”

น้องผงกหัวแต่ไม่ยอมมองหน้าผมครับ

เย็นวันนั้นผมก็เลยหลอกล่อให้น้องออกมานั่งตรงข้างนอกระเบียงซึ่ง เป็นดาดฟ้าและมีสระว่ายน้ำอยู่โดยมีผ้าผูกตาเขาเอาไว้ครับ

ผมขู่น้องไว้ว่าห้ามเปิดตาจนกว่าผมจะอนุญาต ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วผมจะ ไม่สอนให้เขาดื่มไวน์ ซัทสึกิเลยนั่งแกว่งขาอยู่กับเก้าอี้ยาวตรงใต้ต้นไม้ข้างสระ ปล่อยให้ผมเตรียมสถานที่เซอร์ไพรส์เขาพลางพูดเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ซึ่งส่วนมากจะวิจารณ์อาหารที่กินไปวันนี้ครับ

สมองผมเปิดรับข้อมูลวิจารณ์ของน้องเอาไว้เผื่อคราวหน้า แต่โดยส่วนใหญ่แล้วน้องจะวิจารณ์ไปในทางบวกมากกว่าทางลบจะมีก็แต่เรื่องมอสกาโต้ขวดนั้นแหละครับที่เจ้าตัวบ่นอุบว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าไวน์มันมีแบ่งประเภทชายหญิงด้วย

“จริงๆก็ไม่มีหรอก แต่มอสกาโต้ขวดนั้นส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบดื่มกว่าผู้ชายเพราะมันดีกรีต่ำแค่นั้นแหละ” ผมบอกเขาเสียงนุ่มและเดินจูงน้องมา ซัทสึกิเขายอมเดินตามมาแต่โดยดี

“อ่อ ก็นายเล่นเรียกบอกว่าไวน์ของผู้หญิง ฉันก็นึกว่ามันแบ่งประเภทน่ะสิ”

ผมหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเขาครับ น้องเลยยกมือขึ้นมาต่อย อกของผมที่ถือโอกาสโอบแขนขึ้นมากอดเขาเอาไว้

“นายไม่รู้มันไม่ผิดหรอก ฉันอาจจะใช้คำชวนให้นายคิดผิดไปเอง แต่ไวน์ขวดนั้นมันรสชาติพื้นๆ ฉันอยากให้นายลองอย่างอื่นที่ดีกว่านั้น” น้องหน้าแดงกับคำพูดของผมด้วยแหละครับ เขาเม้มปากอยู่สองสามทีก่อนจะถามเสียงเบา

“แล้วนี่เปิดตาได้หรือยัง?”

ผมไม่ตอบเขาแต่เอื้อมมือไปกระตุกปมของผ้าออกและดึงผ้าทิ้งไปที่พื้น น้องกะพริบตาเบาๆก่อนจะหันมองไปรอบๆที่ผมสร้างบรรยากาศเอาไว้

เทียนหอมอโรม่าที่ซื้อมาไว้แต่ยังไม่เคยใช้ถูกจุดไว้ส่องให้แสงสว่างแทนหลอดไฟสีนวล น้องหันมองไปรอบแล้วยังไม่พูดอะไรออกมา ผมยืนกลั้นใจรอฟังคำพูดจากปากของเขาว่าชอบหรือเปล่า

“นี่นายสร้างสวรรค์ได้ด้วยหรอ?”

ผมหัวเราะในลำคอกับคำพูดของน้องเมื่อเขาหันมามองหน้าผมอีกครั้งผมรั้งเอวเขาแล้วพาเดินไปนั่งห้อยขาริมสระที่วางไวน์กับแก้วไว้

ตรงข้ามของพวกเราเป็นราวกั้นขอบดาดฟ้าที่เป็นกระจกเลยทำให้มองเห็นวิวของกรุงโตเกียวในยามค่ำคืนได้ ผมได้ยินเสียงน้องผิวปากดังวิ๊วก่อนที่เขาจะขยับขาตีน้ำในสระเล่นเบาๆพอไม่ให้มันกระเด็นขึ้นมาใส่ตัวเขาเอง

“ดูโรแมนติกดีจัง”

แววตาของน้องมันระยิบระยับยิ่งกว่าแสงเทียนอีกครับ ผมมองด้วยความหลงใหลก่อนจะรีบปรับสายตาแทบไม่ทันเมื่อแมวดื้อของผมเงยหน้าขึ้นมามองค้อน

“คงจะพาใครมาทำแบบนี้บ่อยๆล่ะสิ” ผมหัวเราะขื่นๆในลำคอ

“ไม่เคย..นายเป็นคนแรก” ผมบอกก่อนจะหันไปเทไวน์ลงแก้ว ซัทสึกิเอียงหน้ามองผมเทไวน์แบบจ้องเขม็งเลยครับ ผมเทไวน์เสร็จก็วางขวดลงและมองหน้าเขา น้องเบ้ปากใส่ผมได้น่าจับตีก้นมาก

“ไม่เชื่อหรอก”

โธ่คนดี..กับคนอื่นพี่ไม่ต้องมานั่งสร้างบรรยากาศแบบนี้หรอกครับ

“ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ดื่มหน่อยไหม?” น้องทำเชิดหน้าหรี่ตามองแก้วไวน์ที่ผม ยื่นให้ก่อนจะรับไป

“ชวนดื่มไวน์ นี่กะจะมอมกันหรือเปล่า?” เดาใจกันได้แม่นจริงๆ ผมเขยิบเข้าไปโอบมือวางไว้ข้างสะโพกของเขา แล้วกระซิบถามเขากลับไป

“อยากโดนมอมหรือเปล่าล่ะ?” น้องไม่ตอบครับ แต่มองค้อนผมก่อนจะ หันไปจิบอีเคมแล้วทำหน้าเคลิ้มนิดๆ

ทำยังไงดีครับ..ผมอยากฟัดกับน้องมากเลย

ยังไงคืนนี้พวกเราก็ต้องได้รักกันอีกครับ แต่มันจะต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปและน้องจะต้องสมยอมผมโดยไม่มีการบังคับเหมือนที่แล้วมาหรือไม่มีการเมาจนไร้สติแบบเมื่อคืน แค่คิดหัวใจของผมก็เต้นจนแทบระเบิดเสียแล้ว

ผมมันเป็นคนโลภมากครับ ครอบครองน้องเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ

แต่คืนนี้ผมจะทำให้เขาได้รู้จักและเรียนรู้ถึงความวาบหวามที่เกิดขึ้นเพราะความรัก ทำให้เขารู้สึกว่าสัมผัสที่ผมจะมอบให้กับเขามันเป็นเพราะ ความรู้สึกจากใจไม่ใช่แต่เพียงความต้องการของร่างกายเท่านั้น

ผมเงียบลงเมื่อน้องไม่ยอมพูดอะไรและเอาแต่จิบไวน์เข้าปากไป ตาของ ผมมองกลีบปากบางที่แตะอยู่กับขอบแก้วซึ่งไวน์ค่อยๆไหลผ่านเข้าไป แล้วก็พยายามหักห้ามใจเอาไว้ให้รอคอยอย่างใจเย็น ช่วงเวลานั้นผมเลยฮัมเพลงเบาๆกล่อมทั้งน้องและใจของตัวเองที่มันเต้น ไม่เป็นจังหวะไปด้วย น้องเริ่มโยกหัวไป ตามจังหวะเสียงฮัมเพลงของผมและแกว่งสองขาไปด้วย

ผมอาศัยช่วงจังหวะนั้นเบียดตัวเองเข้าไปชิดร่างเล็กของน้องมากกว่า เดิมจนกอดเขาเอาไว้หลวมๆ ผมเคลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้แก้มใส ชั่วจังหวะนั้น..ความน่ารักของน้องที่ไม่เคยปรานีผมมันก็วิ่งเข้ามาทำร้ายกัน

แพขนตายาวรับกับดวงตาสดใสของน้องมันสะท้อนเข้ากับแสงเทียน สีนวลไม่ต่างอะไรกับแก้มใสอมชมพูของเขา ริมฝีปากนุ่มของน้องมันอิ่มสวยน่ากดปากลงไปจูบเล่นจนมันเห่อช้ำมากครับ พอผมหยุดชะงักมองเขาด้วยความหลงใหล น้องก็หันมามองหน้าผม ผมมองตาเขาและขยับเข้าไปใกล้ จุดมุ่งหมายคือกลีบปากนุ่มๆที่จูบเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอครับ

“เฮ้ย!!”

ตู้ม!!

ไม่สำเร็จครับ...น้องผลักผมเต็มแรง แต่ผมไม่ยอมตกมาคนเดียวหรอกผมเกี่ยวเอวน้องไว้อยู่แล้วเลยรั้งให้เขาหล่นลงมาในสระพร้อมกัน

เสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้จุ๊บปากแดงๆของน้อง แต่คุ้มค่ามากครับงานนี้ เพราะพอเราร่วงมาในสระพร้อมกัน เสื้อเชิ้ตของน้องก็ตีขึ้นมาลอยกับน้ำ เอวของเขาที่ผมเกี่ยวไว้เลยเป็นเนื้อเปลือยๆแทนครับ

ทว่ามันก็ไม่ได้ดึงดูดผมมากพอกับท่าสำลักน้ำของน้อง เขาสะบัดหัวไปมาแล้วเสียผมไปมาเหมือนลูกหมาน้อยตกน้ำ ผมมองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ น้องทำตัวเองนะครับงานนี้

“หัวเราะอยู่ได้!! ขำอะไรนักหนา!!” น้องหันมาเล่นงานผมครับพอเห็นผมหัวเราะเขา ตาใสๆนี่ถ้าอยู่ใต้หลอดนีออนคงเห็นได้ว่ามันเขียวปั๊ดแน่นอน ผมกลั้น ยิ้มแล้วก็ประคองเขาให้ขึ้นมานั่งตรงริมสระ น้องฮึดฮัดแล้วก็สะบัดน้ำจากผมเขา ใส่หน้าผมที่แอบดึงเอาเสื้อเขาลงมาให้เรียบร้อย แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยครับเสื้อขาวพอโดนน้ำแล้วมันโปร่งใสทำลายสติการยับยั้งชั่งใจผมมากเลย

“กลัวฉันจูบนายหรือไง?”

“ใครกลัว!! เปล่ากลัวซะหน่อย!!....แค่ตกใจ” เหตุผลของน้องน่ารักเท่าโลกแบบนี้ พี่จะโกรธได้ที่ไหนกัน ผมเลยได้แต่ยิ้มอย่างเดียว แต่รอยยิ้มของผมคงไม่ถูกใจน้องเท่าไหร่เพราะคนดีเขายกขาขึ้นมาเหมือนจะเตะท้องผม ผมเลยขยับเข้าไปหาจนชิดไม่ให้มีที่ว่างที่เขาจะทำร้ายร่างกายของผมได้

“อย่าเข้ามาใกล้นะเว้ย!!” ห้าวจังเด็กคนนี้ แย่จังเลยครับ ตอนนี้ผมอยากจับเด็กห้าวคนนี้มาจูบให้ปากเจ่ออีกแล้ว นอกจากนี้แล้วก็อยากเห็นเด็กห้าวเขินจนตัวม้วนอีกด้วย ทำไงดีนะ?

“เซ็กซี่จัง~” ปากผมหลุดพูดออกไปตามที่ใจกำลังคิด น้องก้มหน้ามองตัวเองทันทีเลยครับแล้วเขาก็ทำตาโตเมื่อเห็นว่าผมกำลังกดสายตาลงต่ำมอง ความน่ารักของเขาตรงหว่างขาอยู่

“อย่ามองนะ!! บอกว่าอย่ามองไงโว้ย!!”

น้องโวยเสียงดังลั่นเอามือไปกุมตักเขาไว้แน่นเหมือนกับผมจะไปแย่ง ของเขามา โธ่ทูนหัว..ป่านนี้แล้วยังจะเขินอายอะไรกันอีกจ้ะ

“พูดไม่เพราะอีกแล้ว” จริงๆผมไม่ได้อยากดุน้องหรอกครับ แต่ก็ไม่รู้จะ พูดยังไงดี ปากมันร่ำๆจะเข้าไปประชิดส่วนที่น้องกุมเอาไว้ แสงเทียนรอบๆสระมันสะท้อนให้ผมเห็นทั่วร่างของน้อง งดงามมากครับภาพนี้ พอน้องเห็นผมจ้องเขาอยู่นานเขาก็เลยนึกหมั่นไส้เอามือขึ้นมาปิดตาผมเสียอย่างนั้น

“มองมากเดี๋ยวก็เรียกค่าเสียหายหรอก!!”

“เรียกมาสิ คำนวณบวกค่าสินสอดมาด้วยนะ” ผมสวนกลับไปทันที น้องทำหน้าเหวอกับคำหยอดของผมก่อนจะเม้มปากฉับ อาการเม้มปากของน้องตีได้สองความครับ คือหนึ่งไม่พอใจกับอีกหนึ่งคือกำลังเขิน

สถานการณ์แบบนี้บอกได้คำเดียวครับว่าน้องกำลังเขินแน่นอน!

“อย่ามาเกรียน”

“เกรียนที่ไหน เรียกมาสิอยากได้เท่าไหร่ พร้อมจ่ายสดงดเชื่อไม่ต้องทวงด้วย” ที่พูดมาเนี้ย..ความจริงจากใจพี่ล้วนๆเลยนะคนดี

“นายคิดจะจริงจังกับฉันหรือไง?”

สีหน้าน้องดูจริงจังขึ้นมาครับ พาให้ผมต้องจริงจังตาม ผมลูบแก้มของเขาเบาๆน้องก็ยังคงจ้องหน้าผมอยู่

“คำถามนี้ฉันเคยตอบไปแล้วนะ” ในรถตอนน้องเมาไง!

“ไม่รู้ จำไม่ได้ ตอบใหม่ดิ”

“ไม่ล่ะ ไม่อยากตอบ” ผมเลื่อนมือที่ลูบแก้มเขาลงมาจับมือเขาไว้และเกลี่ยนิ้วเล่นๆที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา อ่า...นิ้วน้องสวยจนอยากวิ่งไปออกแบบแหวนมาไว้ให้เขาใส่เล่นติดนิ้วนี้สักวงมากเลยครับ

“ไม่อยากตอบ แต่อยากพิสูจน์ นายอยากให้ฉันพิสูจน์ไหมล่ะ?” น้องแอบกัดปากด้วยแหละครับ คนดีเขามองผมแล้วเชิดหน้าชี้นิ้วไปที่กลางสระ

“ถ้าฉันขอให้นายดำน้ำสักหนึ่งชั่วโมงในสระนี้โดยไม่มีถังออกซิเจนเพื่อ เป็นการพิสูจน์ นายจะทำหรือเปล่า?”

ข้อเรียกร้องของน้องมันเป็นอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้วสินะ แต่พอผมหันมา มองหน้าเขา น้องก็ยิ้มเย้ยใส่ผม ผมเลยหรี่ตามองสีหน้าอวดภูมิของเขาที่มั่นใจว่า ผมคงทำไม่ได้แน่นอน เพราะงั้นอย่ามาปากดีว่าจะพิสูจน์ด้วยความกระหยิ่มในใจ

หนึ่งชั่วโมงใต้น้ำโดยไม่มีถังออกซิเจนน่ะ..ต่อให้เป็นเทวดาก็ยังยาก

แต่ถ้านานพอให้แมวดื้อคนหนึ่งตกใจเล่นได้น่ะ..

ริวซากิ เร็นไม่หวั่นอยู่แล้ว

ผมเหนี่ยวคอน้องลงมาจูบแรงๆทีหนึ่งเพื่อเรียกแรงฮึดก่อนจะปล่อยเขา ส่งสายตาจริงจังย้ำคำพูดให้น้องมั่นใจ

“ฉันจะทำ” น้องทำหน้าตื่นเมื่อผมบอกอย่างนั้น เขานิ่งค้างทำตาโตมองผมที่ถอยหลังเดินไปกลางสระและกดตัวลงให้ศีรษะมันจมลงมาใต้น้ำ

พระเจ้าครับ..ผมกำลังถูกเด็กดื้อที่น่ารักคนหนึ่งลองใจอยู่ ผมจะบาปมากไหมครับ..ถ้าผมคิดจะลองใจเด็กดื้อคนนี้กลับไปบ้าง

พระเจ้าครับ..ผมไม่เคยขอร้องอะไรท่านมาก่อนในชีวิตที่แสนเพอร์เฟคนี้ แต่วันนี้ผมมีเรื่องจะขออย่างหนึ่ง

ขอให้น้องรักผมได้ไหมครับ..

ไม่ต้องรักมากเท่าที่ผมรักเขาก็ได้ครับ...ขอแค่เขารักผมบ้างและให้โอกาสผมได้อยู่ใกล้ๆคอยดูแลเขา

เท่านี้...ผมก็พอใจมากแล้ว

.

.

“ริวซากิ เร็น!! ฉันขอสั่งให้นายขึ้นมา!!” เสียงของน้องกำลังเรียกชื่อผมอยู่..

เสียงของเขามันทั้งสั่นและตื่นตระหนก ผมควรจะขึ้นไปหรือยังนะ ถ้าผมขึ้นไปตอนนี้ น้องจะโกรธหรือเปล่าที่ผมอยู่ได้ไม่ครบชั่วโมง

“ไอ้บ้า!! ขึ้นมานะโว้ย!! เดี๋ยวก็ได้ตายก่อนจะรักกันหรอก!!”

ไม่ไหวแล้วครับ ใจมันวิ่งไปหาน้องก่อนกายเอาเสียแล้ว คำตะโกนของ น้องทำให้ผมสำลัก ร่างกายที่ตอนแรกคิดว่าจะต้านทานการขาดอากาศในน้ำได้มันก็หนักอึ้งขึ้นมา ผมเรียกแรงฮึดเพื่อที่จะโผล่ขึ้นผิวน้ำไปหาน้อง แต่ก่อนที่ผมจะ ทำอย่างนั้น แรงกระเพื่อมของน้ำทำให้ผมต้องหรี่ตามองดู

แสงไฟที่อยู่ก้นสระส่องให้เห็นภาพตรงหน้า ถึงผมจะหรี่ตาดูแต่ผมก็เห็นแล้ว...ร่างเล็กของน้องกำลังพุ่งเข้ามาหา น้องเอื้อมมือมาจับแขนของผมแล้วกระชากผมขึ้นจากน้ำ

หมดแรงจริงๆครับงานนี้...

ความดีใจมันดึงเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดของผมหายไปไหนแล้วไม่รู้ น้องโอบ มือเข้ากับซอกไหล่ของผมแล้วดึงผมไปริมสระ ผมปล่อยให้เขาพยายามดึงผมขึ้น จากสระด้วยความตื้นตันใจ

น้องกำลังช่วยชีวิตผมอยู่ครับ...

อา..ถ้าเขาเอาผมขึ้นจากสระได้ ต่อไปมันก็ต้องเป็นเวลาปฐมพยาบาล ใช่ไหมครับ..

งั้นผมจะแกล้งเนียนไม่ได้สติต่อก็แล้วกัน น้องจะได้ผายปอดให้ผม เราจะได้เมาส์ทูเมาส์กัน แค่คิดก็ใจเต้นแล้วครับ น้องจะต้องจูบผมก่อนนินา

น้องลากผมมาตรงบันไดริมสระ มือเล็กๆของเขาตบเบาๆกับแก้มของผม เสียงน้องดูจะตื่นกลัวไม่น้อย มันสั่นไม่แพ้มือของเขาเลยครับ

“เร็น!! ริวซากิ เร็น!! อย่าแกล้งสลบนะเว้ย!!”

คนดี..พี่ไม่ได้สติ น้องก็เมาส์ทูเมาส์สิจ้ะ...

ผมกลั้นใจรอริมฝีปากของน้อง..โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่จะมามันไม่ใช่

.

.

เพี้ยะ!!

พระเจ้าครับ...ท่านใจร้ายจัง ทำไมถึงให้น้องตบหน้าผมแบบนี้ ผมแทบสะดุ้งลุกขึ้นมา แต่ในเมื่อเนียนหน้าด้านมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอเนียนต่อเลยแล้วกัน

แต่หลังจากโดนน้องตบมาเต็มแรงแล้ว น้องก็ทำให้ผมสมปรารถนาด้วยการก้มลงมาผายปอดให้กับผมครับ

พระเจ้าครับ..ผมขอถอนคำพูดที่บอกว่าท่านใจร้ายนะครับ ^^

 -TBC-

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
เฮ้อ เรน กว่านายจะได้น้องมาอยู่ใกล้ตัว ช่างลำบากเหลือเกิน

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.8

 จริงๆเวลาคนจมน้ำเขาก็จะหมดสติแล้วก็แลกลิ้นกับคนที่ผายปอดให้ไม่ได้ใช่ไหมครับ แต่เผอิญผมเป็นคนจมน้ำกำมะลอ พอน้องประกบปากลงมาแบ่งอากาศหายใจให้ได้ ผมก็เลยจูบตอบเขาแล้วก็ยกมือขึ้นจับคอเขาไว้ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเขาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

น้องนิ่งให้ผมแลกลิ้นอยู่ได้ไม่ถึงสามวินาทีดีเขาก็ผละออกและทุบอกผมมาเต็มแรงรัก แรงทุบของน้องทำให้ผมสำลักจนตัวงอเลยดีเดียว แถมน้องยัง กระโดดลุกขึ้นยืนและตั้งท่าจะกระทืบเท้าลงซ้ำรอยทุบอีก ผมเลยต้องรีบลุกขึ้นมากอดเขาเอาไว้ก่อน

ซัทสึกิพยายามดิ้นให้ผมปล่อยเขาแต่ผมกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม ดูท่าว่างวดนี้น้องจะโกรธผมจริงครับ คนดีเขาถึงกับร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว

“เดี๋ยวสิซัทสึกิ!!” ผมกดคางลงกับไหล่ของน้อง เขาพยายามแกะมือของผมที่กอดอยู่รอบเอวของเขา ผมเลยต้องรวบมือเขาเอาไว้ด้วย

“ฉันขอโทษ..ฉันแค่อยากรู้ว่านายเป็นห่วงฉันบ้างไหมเท่านั้น”

ผมกดเสียงทุ้มบอกเขาอย่างอ่อนโยนอยู่ข้างหู น้องนิ่งลงและหันกลับมามองผม นัยน์ตาของเขาบอกผมอย่างชัดเจนว่าเขาโกรธผมมากแค่ไหน

“ต่อไปจะทิ้งให้ตายเป็นผีเฝ้าสระไปเลย!!” ผมรักคนขี้โมโหจังเลยครับ

“งั้นจะเป็นวิญญาณที่รอให้นายกลับมาปลดพันธนาการแล้วกัน”

“ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก!!”

คนดีสะบัดเสียงใส่ผมอีกรอบ แต่ทำไมหัวใจของผมมันพองโตขนาดนี้ระหว่างที่มองน้องยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง น้ำตามันยังคงไหลจากตาทั้งสองของน้องไม่หยุด ผมรั้งเขาไว้ให้เงยหน้ามามองผมแล้วเอ่ยถามออกไปจากความรู้สึก ของตัวเองที่ค่อนข้างมั่นใจ

“ซัทสึกิ...”

.

.

“ร้องไห้แบบนี้..? เพราะนายรักและเป็นห่วงฉันใช่ไหม?”

ใช่หรือเปล่าคนดี..ถึงได้เสียน้ำตามากขนาดนี้ตอนเห็นว่าพี่เกือบตาย

น้องทำหน้าเหวอใส่ผม เขาอ้าปากค้างแล้วกะพริบตาถี่ๆใส่ผมอยู่อึดใจหนึ่งก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาหยิกท้องผม

อา..ช่างเป็นการลงโทษที่แมนเหลือเกินเลยครับซัทสึกิจัง

“โอ๊ย!! มาหยิกกันทำไม ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่มีทาง!! ฉันไม่ได้รักนายแล้วก็ไม่ได้เป็นห่วงนายด้วย!!”

ทำเป็นพูดไป สองแก้มมันแดงปลั่งมากเลยนะครับซัทสึกิจัง น้องมุ่ยหน้าหนีผม มองแล้วอยากกลืนลงอกจริงจัง ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ความรักที่มีให้น้องมันล้นอกจนผมจะตายแล้วถ้าไม่ได้แสดงความรักให้เขารู้

“โอเค....ไม่ได้รักก็ไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นห่วงก็ไม่ได้เป็นห่วง”

ผมเลื่อนสองมือที่กอดเอวเขามาประกบสองแก้มให้น้องกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง สายตาของน้องค่อยๆช้อนขึ้นมาสบตากับผม ผมเห็นความน่ารักอยู่ในความโกรธของเขา ซัทสึกิเหมือนแมวน้อยช่างขู่ พอโกรธทีก็ออกฤทธิ์อาละวาดแต่ยังไงแมวน้อยก็เป็นแมวน้อยครับ ผมรักเขาก็เพราะเขาเป็นแบบนี้

“งั้นมาเมคเลิฟกัน” คำนี้หลุดออกจากปากของผมไปเพียงเพราะอยาก เห็นแก้มของน้องแดงจัดกว่านี้ ถ้าให้สารภาพตามความจริงแล้วล่ะก็ ผมคาดหวังเล็กน้อยถึงปานกลางว่าให้น้องยอมตกลง..

แต่เชื่อเถอะครับ คนอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิไม่มีทางตกลงหรอก น้องเบือนหน้าหนีผมด้วยเถอะตอนนี้

“หน่า...นะ” ผมโน้มลงไปหอมแก้มเขา เบียดไซร้ปลายจมูกสูดดมกลิ่น หอมหวานของแก้มใสนั้นเบาๆ ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนใจมันโดนกระชากขึ้นสู่ที่สูงในเวลาอันรวดเร็ว

“ก็ได้..”

โอ้! พระเจ้าครับ คืนนี้ท่านจะใจดีกับผมมากเกินไปหรือเปล่าครับ!

ด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า...(อันที่จริงมันเป็นความประสงค์ของผมมากกว่า) น้องยอมให้ผมคลายอ้อมกอดจากเขาเพื่อมาแกะกระดุมเสื้อของเขาออกได้ครับ

น้องเอนหน้าไปข้างๆ อวดแก้มใสที่มันแดงจัดใต้แสงเทียนให้ผมหอมซ้ำๆอยู่หลายครั้ง ผมประคองให้เขานั่งลงกับม้านั่งที่อยู่ริมสระก่อนจะเดินกลับไป หยิบเอาขวดไวน์และแก้วมาอีกครั้ง

พอกลับมา น้องก็เปลี่ยนท่ามานั่งทับขาแล้วพยายามดึงเอาชายเสื้อมา ปิดตักตัวเอง พอทำแบบนั้นแล้วเสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกๆนั่นมันก็เลื่อนหลุดจากไหล่มากองอยู่ที่ข้อแขนของเขา ผมพรมจูบเบาๆที่กระหม่อมเล็กขณะส่งแก้วไวน์ให้คนดีเขาถือและเทไวน์จากขวดรินให้

น้องเหลือบตามองผมแล้วทำท่าจะยกไวน์แก้วนั้นขึ้นดื่มเอง แต่ผมรั้งมือ เขาเอาไว้ คนดีมองอย่างสงสัยระหว่างที่ผมดึงแก้วจากมือเขาและเป็นฝ่ายจิบไวน์นั้นเอง เห็นผมเทไวน์ให้แต่กลับเอามาดื่มเองแบบนี้ คนดีก็ทำแก้มตูมใส่ผมครับ

เขาตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปหยิบแก้วไวน์อีกใบที่ผมไม่ได้หยิบมา แต่ผมก็จับแขนเขาไว้และดึงให้เขาลงมานั่งบนตักของผม ผมเบียดริมฝีปากลงกับ กลีบปากนุ่ม ป้อนเอาไวน์ที่ผมเพิ่งดื่มให้น้องก่อนเริ่มต้นและเล็มความหอมหวานที่ผมปรารถนา

ร่างของน้องกำลังสั่นน้อยๆ ผมแน่ใจว่ามันไม่ใช่เพราะอากาศเย็นๆยามค่ำคืนแน่นอน ผมลูบผ่านแผ่นท้องของเขาขึ้นมาตรงอกขาว ผมไล้ปลายนิ้วสะกิดเบาๆกับยอดอกสีสวย

น้องครางฮือเบาๆแล้วแหงนหน้ายอมให้ผมก้มลงไปไซร้กับคอระหง เหมือนน้องชอบให้ผมเล่นกับยอดอกเขาครับ เพราะยิ่งผมบี้นิ้วกับยอดอกน่ารัก ของเขา น้องก็ยิ่งเบียดสะโพกลงกับตักของผม

“เอาอีก..”

น้องบอกเสียงเบาแล้วกระตุกมือผม คราวนี้ผมไม่เสียเวลาเทไวน์ใส่แก้วแล้วครับ ผมหยิบเอาขวดไวน์ขึ้นมาเทใส่ปากตัวเองเลย น้องเผยอปากรอไวน์จาก ผมเหมือนรู้งานแล้ว ไม่รู้ว่าติดใจไวน์หรือว่าคนป้อนไวน์กันแน่

แต่ที่รู้แน่ๆคือน้องทำตัวมอมเมาผมได้ยิ่งกว่าไวน์ขวดไหนๆในโลกนี้ครับ

“เร็น~~เอาอีก..”

ดูสิครับ...เสียงหวานขนาดนี้ ถ้าคืนนี้ผมไม่เมาก็ไม่ใช่คนแล้วครับ

จนเราดื่มไวน์กันไปเกือบหมดขวดพอมองหน้าน้องอีกที คนดีก็แก้มแดงปลั่งทั้งสองข้าง ดวงตาหวานเชื่อมหรี่ปรือมากครับ น้องเมาง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าน้องแพ้แอลกอฮอล์หรือเปล่า อุตส่าห์ว่าจะแค่ให้เขาดื่มพอมึนเท่านั้นนะแต่ดูท่าแล้วจะไม่สำเร็จครับ

เห็นผมมองหน้าเขา น้องก็หลับตาพริ้มและยอมให้ผมเบียดจูบกับเขาอย่างดูดดื่มอีกครั้ง ลิ้นร้อนของผมไล้เลียไปตามกลีบปากเล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะดูดเบาๆและได้รับการโต้ตอบแบบเดียวกลับคืนมาทันที

“ริวซากิ..เร็น...ทำไม...นาย....ชอบลามกใส่ฉันจัง?”

น้องถามด้วยเสียงอ้อแอ้เมื่อเราผละจูบจากกัน ดวงตาฉ่ำปรือมองหน้าผม คนดีลากปลายนิ้วตามแนวแก้มของผมก่อนเปลี่ยนมาคล้องสองแขนกอดคอผมไว้

“แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ?”

“ใครจะไปชอบ..” น้องค้อนแล้วทำปากยื่นน้อยๆก่อนจะตอบด้วยประโยคที่ผมอดเอ็นดูไม่ได้

“นาย....ลามกใส่ฉันทีไร ใจมันเต้นตึกตัก...เหมือนกับ...จะระเบิดเลย..”

ผมยิ้มอย่างเอ็นดูเขาก่อนดึงรั้งเขามากอดแนบอกและพรมจูบทับเปลือกตา น้องครางฮือในลำคอแล้ววางสองมือลงบนอกผม เขาเงยหน้ามาแล้วยิ้มหวานให้ผมที่มองเขาอยู่อย่างไม่อาจละสายตาได้

“เร็น...นาย...เป็น...คนแรกของฉันนะ...รู้หรือเปล่า?”

ผมเชื่อว่าน้องเมาแล้วเต็มที่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เอ่ยประโยคนี้ออกมา ซัทสึกิยิ้มให้ผมแล้วก็ก้มหน้าลง เสียงอ้อแอ้ของเขายังคงดังขึ้นเรื่อยๆแม้จะเป็นยามที่มือเล็กไล้ลงต่ำไปยังกลางกายของผม

“ถ้านายทำฉันเสียใจล่ะก็...”

ผมหยุดคำพูดของน้องไว้ด้วยริมฝีปากของผม ผมใช้สองมือประคองใบหน้าเขาไว้ ใช้จูบหวานปิดคำพูดที่ผมแน่ใจว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น

“ฉันจะไม่มีวันทำให้นายเสียใจหรอกซัทสึกิ”

ผมกระซิบบอกเขาก่อนที่เราจะเริ่มต้นบทรักที่หวานซึ้งเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งริมสระน้ำบนดาดฟ้าที่มีดวงดาวและดวงจันทร์กำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่...โรแมนติกใช่เล่นเลยจริงไหมครับ?

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับลูกแมวน้อยที่ยอมให้ผมล่วงล้ำเข้าไปรักเขาจากภายในร่างกายหรอกครับ น้องกัดริมฝีปากแล้วกอดผมไว้แน่นเมื่อผมขยับสะโพก ให้เขาคร่อมทับลงมารับผมไว้ในกาย

พอเขานั่งลงมาสวมทับความยาวที่ปรารถนาเขาไม่รู้จักพอแล้วน้องก็เริ่มต้นขยับอย่างเชื่องช้าโดยมีผมคอยกระตุ้นเร้าส่งอารมณ์รักให้และพาให้ผม แทบขาดใจเมื่อคนดีเขาเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักร้อนแรงในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง แรงขยับของน้องพาให้เราสุขสมอย่างที่ต้องการ แต่มันก็ไม่เท่ากับคำพูดสั่นเทาของ เขาที่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ข้างหูผม

“ริวซากิ เร็น...นาย...ต้องรักฉันนะ...”

คนดี..พี่รักซัทสึกิอยู่แล้วนะครับ รู้ตัวเสียทีสิครับ ที่รักของพี่...

เมื่อคืนที่ผ่านมานี่มันฝันหรือความจริงกันครับ..

ผมลองหยิกแขนตัวเองหลายๆครั้งเพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือผมฝันไปเองกันแน่ แมวดื้อตัวน้อยของผมยังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มข้างๆ ผมยก มือขึ้นลูบผมของเขาสลับจูบลงกลางกระหม่อมซ้ำๆกันด้วยความรู้สึกที่มันแน่น อยู่ในอก

ผมรักน้องเหลือเกินครับ โดยเฉพาะยิ่งผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนมา ผมก็ยิ่งแน่ใจว่าผมรักน้องและเลือกรักคนไม่ผิด ผมรักเขาที่เป็นอิชิฮาระ ซัทสึกิแบบนี้ เป็นเด็กงอแงเอาแต่ใจตัวเอง ขี้โวยวาย ห้าวๆและอ่อนไหว ผมรักทุกอย่างที่เป็นเขา

เมื่อคืนเรารักกันจนเกือบถึงเช้า น้องตอบสนองผมได้อย่างดีเยี่ยมจนผมเหมือนจะขาดใจตายคาอกน้องจริงๆ คนดีโหมดอ่อนไหวไปกับความรู้สึกที่เขาเริ่ม มีให้ผมนี่มันยากเกินบรรยายจริงๆครับ

ผมนอนชันศอกมองเขาได้พักใหญ่ จะให้ข่มตาหลับก็ทำไม่ได้ลงจริงๆ ครับ ผมอยากนอนมองน้องไปเรื่อยๆแบบนี้ แต่น้องชอบนอนคว่ำเลยทำให้ผมเห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่แต่ไม่นานนักน้องก็ขยับตัวยุกยิกแล้วก็ผงกหัวขึ้นมามองซ้ายมองขวาก่อนที่เขาจะหยีตามองหน้าผมที่นอนอยู่ทางขวาของเขา น้องย่นหน้าแล้วจ้องผมด้วยดวงตาหรี่ปรือจนเกือบปิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่ผมจะเอ่ยทักเขาไป

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าน้องละเมอหรือยังไง แต่พอผมเอ่ยทักไปน้องก็ผงกหัวรับคำทักทายยามเช้าของผมที่ขยับเข้าไปกอดเขาก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ผม แล้วดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวเขา

“หนาวหรอ?” เอาผ้าห่มไปคลุมโปงแบบนั้น...พี่ก็อดมองหน้าน้องสิจ้ะ

“แดดมันแยงตา”

น้องยื้อผ้าห่มที่ผมดึงออกไว้แล้วครางบอกเสียงเบา ผมสบถด่าตัวเองใน ที่ลืมปิดผ้าม่านกันแดดให้กับเขา เพราะผมไม่ได้หลับ สายตาของผมเลยคุ้นกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาทีละน้อย แต่น้องหลับอยู่ ตาเขาเลยรับแสงตอนนี้ไม่ได้

ผมเอื้อมไปหยิบรีโมตมาและกดปิดม่านก่อนจะดึงผ้าห่มที่น้องเอามา คลุมศีรษะของเขาออก

“ไม่ต้องคลุมโปงแล้ว ปิดม่านให้แล้ว”

ผมบอกเขา น้องยอมให้ผมเอาผ้าห่มลงจากศีรษะให้ก่อนจะหันมาหรี่ตามองหน้าผม ตาของน้องมองผมอยู่ครู่หนึ่งอย่างงัวเงียก่อนมองลงมาที่มือของผมผมยักไหล่และวางรีโมตลงกับโต๊ะแล้วดึงเขาเข้ามานอนซุกอก

“หมั่นไส้ว่ะ”

ผมได้ยินเสียงน้องพึมพำแบบนั้นก่อนที่เขาจะลงเขี้ยวกับอกผม แนวฟันครูดไปกับยอดอกของผมก่อนที่เขาจะค้างและนิ่งไป

“อือ..ซัทสึกิ..”

จะรุกพี่แต่หัววันอีกแล้วหรอครับคนดี ไม่เอานะ รุกพี่เอามากๆสวัสดิภาพน้องจะแย่เอานะ แล้วมาใจกล้าดูดนมพี่แบบนี้ไม่กลัววันนี้จะถูกขังอยู่แต่บนเตียงหรือไงครับ

แต่ดูท่าผมจะคิดลึกไปคนเดียวครับ เพราะน้องค้างอยู่แบบนี้นานมาก..มากจนผมแน่ใจว่าเขาหลับไปทั้งๆที่ปากยังอยู่กับนมของผมอยู่เลยครับ

“เฮ้อ..” ผมถอนหายใจเบาๆพอที่จะไม่รบกวนการนอนของเขาก่อนจะ โอบแขนกอดเขา พยายามข่มตาให้หลับบ้าง แต่ขอบอกว่าการจะหลับโดยที่ปากของน้องยังคาอยู่กับอกนี่มันยากมากครับ คนดีเขาไม่เพียงแค่หลับอย่างเดียวเท่านั้น บางทีน้องก็ขมุบขมิบปากเขาสีกับอกผมไม่ก็ไซร้หน้าไปมา

กระตุ้นอารมณ์กันสุดๆ

ไม่เฉพาะปากเล็กๆของน้องเท่านั้นนะครับที่กระตุ้นอารมณ์ดิบของผม ไหนจะร่างนุ่มนิ่มกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆของเขาอีก มานอนโป๊กอดกันแบบนี้เครื่องติดง่ายจังครับ

ผมกอดเขาแน่นๆพลางสงบสติอารมณ์ตัวเอง แต่รู้สึกว่าน้องจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ครับ เขานอนขยับตัวอยู่ตลอดเวลา ขยับทีก็สีไปกับ ร่างกายของผม โดยเฉพาะขา..น้องขยับขาไปมาก่อนจะก่ายขาของผมทำให้ส่วนหน้าของเขากับผมมันเบียดกัน

อา..พระเจ้าครับ..

ได้โปรดประทานความยับยั้งชั่งใจให้ผมด้วยเถิดครับ..ผมยังไม่อยากจับน้องกดเลยในตอนนี้

ด้วยความเป็นคนดี ผมเลยดันไหล่น้องให้ออกห่างสักนิดแล้วกอดเขาไว้อย่างหลวมๆ แต่น้องไม่ให้ความร่วมมือกับผมเลยครับ เขาครางฮือในคอแล้วซุกศีรษะลงมากับอกของผมอีกแถมมือยังกอดเอวผมไว้แน่น

แย่ครับงานนี้...

ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะดึงเอาหมอนข้างมาให้น้องกอดและลุกออกมาจากเตียง ไม่ไหวครับ...ขืนยังนอนให้น้องซุกอกอีกครั้ง ผมต้องจับเขากดอีกแน่ๆ

รักกับน้องเท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆครับ แต่วันนี้เห็นแก่สวัสดิภาพของเขาขนาดผมเองยังนึกเพลียน้อยๆถ้าหักโหมเกินกำลังมากไปดูท่าจะแย่ครับเลยตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าและเดินออกมาชงกาแฟที่แคนธีน

วันนี้คงต้องอาศัยคาเฟอีนกระตุ้นให้ลืมตาตื่นเอาสักหน่อย แต่หลังจากจิบไปไม่ถึงสองอึกผมก็ตัดสินใจวางแก้วลงและเอนหัวทิ้งลงกับผนักโซฟา ไม่ไหว ครับ..คาเฟอีนมันไปกระตุ้นให้ผมรู้สึกมึนในหัวมากเกินไป ช่วงสองสามวันมานี้ผมนอนน้อยกว่าปกติมาก แถมเมื่อเช้ายังโต้รุ่ง สังขารเหมือนจะไม่อิ่มเอมเหมือน จิตใจครับ

ไม่กี่นาทีจากนั้นผมก็หลับคาโซฟาไปด้วยความอ่อนเพลีย มารู้ตัวอีกทีก็คุณพ่อบ้านที่คุณมี๊ส่งมาดูมาสะกิดปลุกผมนั่นแหละครับ

“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะครับคุณชาย?”

ผมยกมือขึ้นมานวดขมับก่อนจะเงยหน้ามองคุณพ่อบ้านที่มองมาอย่างห่วงใย คุณพ่อบ้านเปลี่ยนถ้วยกาแฟที่ถูกวางไว้จนเย็นชืดมาเป็นโกโก้ร้อนให้กับผมแทน

“รับอาหารเช้าเลยดีไหมครับ?”

คุณพ่อบ้านถามพลางเหลือบมองนาฬิกาอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ อีกไม่กี่นาทีก็จะสิบเอ็ดโมงแล้ว เห็นสภาพของผมที่นอนหลับคอพับอยู่กับโซฟาแล้วก็คงจะพอเดาได้อยู่ว่าผมยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

“อืม..เป็นอเมริกันเบรกฟาสต์ก็ได้ ขอสองที่นะครับ”

ผมบอกก่อนจะขยับลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องนอน แมวน้อยของผมยังคงนอนขดอยู่บนเตียง น้องดึงผ้าห่มมาซุกม้วนไว้รอบตัวเหมือนเด็กขาดไออุ่นจนผมอยากลงไปนอนเป็นเพื่อนเขาแต่ต้องตัดใจและเดินเข้าไปแต่งตัวแทน

เดินกลับออกมาอีกที น้องก็ดูเหมือนกำลังจะตื่นขึ้นมาพอดีครับ ผมเลย เดินไปนั่งที่ข้างเตียง น้องงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง เขาพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็หลับลงไปอีกหนทั้งๆที่ดันตัวลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว

ผมยิ้มกับความน่ารักของเขาแม้ยามง่วงก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงของเขาให้ แม้จะอยู่ในสภาพตอนตื่นแต่ก็น่ารักน่าฟัดมากครับ

“จะตื่นเลยไหม?..” น้องผงกหัวแล้วอ้าปากหาวพลางยกมือขึ้นมาปิดปาก เขาหันมาหาผมแต่ตายังไม่ลืม คงจับเอาว่าเสียงผมอยู่ด้านไหนมากกว่า

“หิวอ่ะ..มีไรกินมั่ง?”

“รอแปบหนึ่งนะ”

ได้ยินน้องบอกว่าหิวอย่างนั้นแล้ว ผมก็นึกดีใจที่คุณมี๊ส่งคุณพ่อบ้านมาหาผม ผมดึงน้องเข้ามาหอมแก้มเบาๆแล้วลูบหัวเขา คนดีเขาทำแก้มตูมแล้วหรี่ตาค้อนผมก่อนจะทิ้งหัวลงนอนต่อ

“เสร็จแล้วเรียกล่ะกัน” ผมปล่อยให้น้องนอนต่อไปอีกไม่ถึงสิบนาทีก็เดินออกมาหาคุณพ่อบ้านที่กำลังจัดจานอยู่ที่โต๊ะ คุณพ่อบ้านเก่งมากครับเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถจัดการกับอาหารเช้าให้ผมได้แบบไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

“แค่นี้ก็พอครับ ที่เหลือผมจัดการเอง” คุณพ่อบ้านเหลือบตามองดูผมก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

“แล้วเย็นนี้คุณชายจะให้ผมจัดอาหารมาให้ด้วยหรือเปล่าครับ?”

“ไม่ต้องแล้วกันครับ” เย็นนี้ผมยังไม่รู้ว่าน้องจะค้างที่คอนโดอีกคืนหรือจะกลับไปที่หอพักกันแน่ แต่ถ้ามาค้างที่นี่อีก ผมก็คงพาเขาไปทานอาหารข้างนอกให้เสร็จสรรพแล้วค่อยกลับเข้ามาดีกว่า

“เข้าใจแล้วครับ”

คุณพ่อบ้านบอกแล้วกลับออกไป เชื่อว่ายังมีภารกิจต้องกลับไปรายงานให้คุณมี๊ทราบแน่นอนว่าผมยังมีชีวิตอยู่ดีมีสุข เพราะตั้งแต่วันที่ผมผลุนผลันออก มาจากบ้านหลังจากเอาสภาพที่ดูไม่ได้กลับไปหาคุณมี๊วันนั้น ผมก็ยังไม่ได้ติดต่อกับคุณมี๊เลย คิดได้แล้วผมก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้หญิงที่รักผมมากที่สุด ในโลกนี้ทันที

รอปลายสายรับอยู่ไม่ถึงสองวินาทีดี คุณมี๊ก็กดรับทันใจผม ดูท่าแล้วก็คงจะรอสายจากผมอยู่ น้ำเสียงเป็นห่วงของคุณมี๊ทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ทีเดียวที่ ทำให้เธอเป็นห่วง

“ผมสบายดีครับ กับน้องก็เคลียร์แล้ว ขอบคุณคุณมี๊มากนะครับ”

คุณมี๊เอาแต่ถามว่าผมสบายดีใช่ไหม เคลียร์กับน้องแล้วหรือยัง แล้วน้องล่ะเป็นยังไงบ้าง เราสองคนคุยกันไปอีกไม่กี่นาทีก่อนที่คุณมี๊จะไล่ให้ผมเอาอาหารเช้าไปให้น้องเมื่อผมบอกว่าน้องตื่นแล้วและโอดว่าเขาหิวทันทีที่ตื่น

“เร็น..คุณมี๊รักลูกนะคะ แล้วก็รักคนที่ลูกรักด้วย ดูแลตัวเองกับน้องด้วย นะ อ่อแล้วก็อย่าลืมพาน้องมาหาคุณมี๊นะคะ”

ผมซึ้งใจจังเลยครับความรักและเป็นห่วงของคุณมี๊ที่มีให้เสมอแถมยัง เผื่อแผ่ไปหาน้องที่คุณมี๊ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอีกด้วย แต่คุณมี๊มักพูดเสมอตั้งแต่ผมตัดสินใจเล่าเรื่องน้องให้คุณมี๊ฟังว่าคนที่ทำให้ผมตกหลุมรักได้ขนาดนี้มีหรือที่คุณมี๊จะไม่รัก ในเมื่อผมตัดสินใจที่จะรักแล้ว คุณมี๊ก็จะรักคนที่ผมรักเหมือนกัน

“ครับ ผมก็รักคุณมี๊เหมือนกันครับ ไว้อีกวันสองวันผมจะพาน้องเข้าไปหาคุณมี๊นะครับ คุณมี๊จะได้เจอหน้าว่าที่ลูกสะใภ้เสียที”

คุณมี๊หัวเราะเสียงใสเหมือนสาวแรกรุ่นมาตามสายเลยครับ คงจะอารมณ์ดีไม่น้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณมี๊ก็บ่นอยู่ทุกครั้งว่าอยากเห็นน้องตัวจริงมากกว่ารูปถ่ายที่ผมให้ดู

คุณมี๊บอกน้องน่ารัก ขนาดรูปถ่ายยังดูสดใสน่ารักแบบนี้ ตัวจริงที่ทำให้ผมหลงได้นี่คงจะต้องน่ารักกว่ารูปถ่ายแน่ๆ ผมเลยได้แต่ยิ้มเพราะเห็นด้วยกับคุณมี๊ทุกประการ

บอกรักบุพการีเสร็จแล้วผมก็ถึงคราวที่ต้องไปเอาใจน้องบ้างแล้วครับ ผมยกเอาจานอาหารเช้าใส่ถาดและเอาไปเสิร์ฟให้น้องถึงเตียง คนดีงัวเงียเล็กน้อยตอนผมยกเอาโต๊ะขึ้นมาวางบนเตียงและปลุกเขาขึ้นมานั่งทานอาหาร

น้องนั่งมองผมป้ายน้ำผึ้งลงกับขนมปังปิ้งและบิเป็นชิ้นเล็กป้อนใส่ปากเขาด้วยความงัวเงีย อีกมือน้องก็เขี่ยเบค่อนตัดเป็นชิ้นพอคำก่อนจะกินสลับกันไป กินไปได้สักพักก็เหมือนเขาจะตื่นเต็มตาแล้ว

“อาหารพวกนี้นายทำเองหรอ?”

น้องจิ้มแฮมค้างแล้วจ้องหน้าผมที่กำลังตัดไข่ดาวให้เขา พอผมส่ายหน้าแล้วบอกไปว่าคุณพ่อบ้านทำให้น้องก็เบ้ปากใส่ผม

“เว่อร์ว่ะ แค่อาหารเช้าง่ายๆแบบนี้ ทำเองไม่เป็นหรือไงกัน?”

“ถ้าทำเป็นก็คงไม่ให้พ่อบ้านทำให้หรอก”

น้องโคลงหัวไปมาก่อนจะหันไปจัดการกับแฮมที่เหลือในจาน ปล่อยให้ ผมนั่งมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่เหมือนโดนกระชากเรตติ้งให้ตกลง

คราวหน้า...ผมคงต้องหาทางจัดการมื้อเช้าให้กับน้องด้วยตัวเองเพื่อกระชากเรตติ้งขึ้นมาเสียแล้วสิ...

หลังจากนั้นก่อนบ่ายสองผมก็พาน้องไปส่งที่คณะของเขา ซัทสึกิมีเข้าคลาสเรียนต่อบ่ายสองครึ่ง ผมเองก็มีเรียนตอนเวลานั้นเหมือนกัน

พอส่งน้องเสร็จผมก็ขับรถไปจอดที่คณะของตัวเองอย่างอารมณ์ดีความอารมณ์ดีของผมมันคงไปกระตุ้นต่อมอิจฉาของไอ้ยูกับไอ้จุนเข้า สองตัวนั่น เลยต้องถลาเข้ามาล็อกคอผมคนละข้างทันทีเมื่อเห็นหน้า

“อารมณ์ดีจังนะครับมึง”

“ไอ้สีหน้าบอกบุญไม่รับนี่มันหายไปไหนแล้ววะครับ?”

“พวกคุณพูดอะไรกันครับ ผมไม่รู้เรื่อง” ผมตอบกลับไปโดยไม่คิดที่จะหุบยิ้มของตัวเอง ไอ้ซึงโฮที่เดินคู่กับโคเฮย์มาสมทบพวกเรามันส่ายหน้าช้าๆแล้วกระตุกยิ้มมุมปากโดยไม่งัดเอาภาษาญี่ปุ่นออกมาพูด

“กูว่า...อีหรอบนี้ คืนดีกับน้องแล้วสิมึง” ผมยักไหล่และอมพะนำเรื่องไว้ให้ต่อมความอยากรู้ของยูตะมันระเบิดตัวเอง

“เวลามีความสุขล่ะอมพะงำเงียบเลยนะครับเพื่อนกู แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”

ผมหัวเราะลงลูกคอกับคำด่าของไอ้ยูอย่างไม่คิดจะถือสาหาความหรือจะอธิบายความสุขที่มันกระจายอยู่บนใบหน้าของผม

“เอาหน่า..เรื่องของกูเอาไว้ก่อน ว่าแต่มึงเหอะไอ้ยู คิดจะคั่วมาโดกะจริงอ่ะ?” ผมเปลี่ยนประเด็นไป จริงๆก็อยากเล่าให้พวกมันฟังครับ แต่เกรงว่ามัน จะยาวเกินเวลาเข้าเรียนไปเสียก่อน

แล้วอีกอย่าง...ไว้รอให้หวานกว่านี้แล้วค่อยมาเล่าหรือให้พวกมันเห็นกับ ตาเลยดีกว่า ไอ้ยูได้ยินคำถามของผมแล้วก็ยักไหล่

“ก็แค่คั่ว..แต่ไม่คลุกวงใน”

ไอ้จุนมันพูดแทรกขึ้นมาทำให้ไอ้ยูที่อ้าปากต้องหุบปากลงอีกที มันทำปากยื่นใส่คู่หูเลยโดนมือของไอ้จุนเสยไปให้หุบปากของมัน ผมหรี่ตามองอย่างพอจะเดาได้อยู่ว่าเพราะอะไร ผมหัวเราะหึหึในลำคอ เรื่องปั่นหัวผู้หญิงเล่นนี่คงต้องยก ให้พวกมันล่ะครับ

“ว่าแต่เรื่องที่กูวานให้ช่วย ได้ความว่าอะไรบ้างไหมไอ้จุน?”

คนถูกถามมันยักไหล่ใส่ผมครับ เป็นอันจบบทสนทนาทั้งหมดก่อนเข้า เรียนไว้แต่เพียงเท่านี้ พวกเราคุยกันต่ออีกนิดหน่อยถึงรายงานของเทอมนี้ก่อนที่จะไปเข้าเรียนกัน

ขอบอกตามตรงเลยครับว่าถึงผมจะตั้งใจฟังชดเชยให้กับที่ไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่ในอาทิตย์นี้ แต่สมาธิของผมก็ถูกรบกวนอยู่เรื่อยๆเพราะ นึกถึงความน่ารักของน้องเมื่อคืน ทำเอาไอ้เฮย์มันต้องหันหน้ามาแซวอยู่เรื่อยๆเมื่อเห็นผมพลิกนาฬิกาข้อมือดูแทบทุกห้านาทีระหว่างฟังอาจารย์เล็คเชอร์อยู่

"เข้าเรียนยังไม่ทันจะครึ่งชั่วโมงเลยนะครับคุณชาย หน้าตาแบบนี้อยากไปรับน้องกลับไปจู๋จี๋เต็มแก่ล่ะสิ”

ผมกระตุกยิ้มให้กับความรู้มากของมันก่อนจะหันกลับไปตั้งใจเรียนอีกหน...เท่าที่สมาธิของผมที่มีความน่ารักของน้องมากวนตลอดเวลามันจะอำนวย

เมื่อช่วงก่อนที่ผมจะเจอน้อง ตามปกติแล้วหลังจากเรียนเสร็จผมก็มักจะ ไปขลุกอยู่กับพวกเพื่อนตัวร้ายของผมหรือไม่ก็จีบสาวจีบเด็กว่ากันไป แต่หลังจากเจอน้องแล้ว หลังเลิกเรียนผมก็มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตามน้องแบบ เนียนๆไม่ให้เขารู้ตัว แต่เพื่อนรักของเขามักจะรู้ตัวทุกทีให้ตายเถอะ

วันนี้ผมเลยค่อนข้างจะตื่นเต้นไม่น้อยกับการจะได้ไปรับน้องที่คณะครับ ออกจากห้องเล็คเชอร์มาได้ผมก็เดินตัวปลิวไปที่รถ ไม่ฟังเสียงขัดขาของไอ้ยูที่พยายามจะชวนไปสังสรรค์ต่อคืนนี้ ไปเมากับพวกมันสู้เอาเวลาไปนอนกอดน้องไม่ดีกว่าหรอ

ผมเลื่อนรถไปจอดหน้าคณะของน้องแล้วลงมารอน้องที่ตรงข้างบันไดซึ่งน้องจะต้องเดินผ่านเพื่อออกจากตึกไป คอยอยู่ได้ไม่ถึงสองนาทีก็มีคนตรงดิ่งมาหาผม อย่าเพิ่งเข้าใจว่ามีสาวใดเดินมาหาผมนะครับ คนที่เข้ามาหาผมคือเอมิ ญาติผู้น้องคนสวยของผมที่เรียนคณะเดียวกับน้องน่ะเอง

“ไง~มายืนหน้าบานรอกันแบบนี้..ไอ้ที่ลือกันว่าเตียงจะหักภายในสามวันนั่นก็โกหกอ่ะสิ”

ผมขมวดคิ้วใส่ยัยตัวแสบก่อนจะยกมือขึ้นดีดหน้าผากไปทีหนึ่งด้วย ความมันเขี้ยว

“ไม่ต้องพูดมากเลย ว่าแต่ของที่สั่งไปเมื่อเดือนที่แล้วเรียบร้อยหรือยัง?”

เมื่อเดือนที่แล้วผมฝากให้ยัยตัวแสบเอาแบบต่างหูที่ผมออกแบบเองไป สั่งช่างทำให้ครับ ทางฝั่งบ้านคุณมี๊ทำธุรกิจเกี่ยวกับจิลเวอร์รี่ครับ เรื่องการออกแบบเครื่องประดับอะไรพวกนี้ผมก็พอจะได้พรสวรรค์มาจากคุณมี๊มาบ้าง แต่ก็ไม่เท่า กับเอมิที่ได้พรสวรรค์นี้มาจากคุณน้าผู้หญิงเต็มๆ

“เรียบร้อยทันวันเกิดรุ่นพี่ซัทสึกิแน่ๆน่ะไม่ต้องเป็นห่วง”

ยัยเอมิพูดแล้วยิ้มกว้างให้ผมแบบนัยน์ตาแพรวพราวรู้ทันกันก่อนที่ผมจะหันไปเห็นน้องเดินมากับสองเพื่อนซี้ของเขาเลยไล่เอมิให้หลบไปก่อน

“ชิส์..ได้แฟนแล้วลืมน้องอ่ะเนอะคนเรา”

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ยัยตัวแสบทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนของตัวเองแต่ก็ยังคงมองมาอยู่ ผมจิ๊ปากให้ทีหนึ่งแล้วเดินไปหาน้อง ซัทสึกิเดินหน้ามุ่ยมาพอเห็นผมแล้วเขาก็ทำหน้าหงิกกว่าเดิม

นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นอีกล่ะนี่?

“ฉันมารับนายกลับด้วยกัน”

น้องเหล่ตามามองผมแล้วก็ก้มลงมองมือที่เขาจับชายเสื้อของไดสุเกะคุงไว้ ผมหันไปมองหน้าไดสุเกะคุงกับเคนอิจิ สองคนนั้นก็เอาแต่ยิ้มอมภูมิเสียเต็มแก้มพาให้ผมนึกสงสัยมากขึ้นไปอีก

“จะกลับกะไดจัง”

น้องพูดเสียงเบา แต่ผมยอมไม่ได้หรอกครับ จะให้ผมกลับไปคนเดียว แบบนี้ได้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกแน่

“ฉันว่าจะแวะไปดูหนังกับเคนอิจินะ”

“ไปด้วย...”

“จะไปดูอินซิเดียสนะ ซัทจังจะดูอีกรอบหรอ? เพิ่งดูกับรุ่นพี่ไปวันก่อนไม่ใช่หรือไงกัน? ซัทจังกลับไปกับรุ่นพี่น่ะดีแล้ว อ่อว่างๆก็ซ้อมบทให้รุ่นพี่ด้วยนะ”

ระฆังช่วยครับ ไดสุเกะคุงบอกเหมือนรู้ใจผม แถมยังหลิ่วตามาให้อีก ผม ได้แต่ลอบยิ้มให้กับความรู้ใจของไดสุเกะคุง แต่ดูเหมือนน้องจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ คนดีหันมาทำหน้าหงิกใส่ผม

“ไป!! กลับ!!” คนดีเขาบอกอย่างนั้นแล้วผมจะขัดใจได้ที่ไหนกันล่ะครับนอกจากจะยิ้มแล้วเดินตามแรงลากของน้องไป ซัทสึกิจังโหมดงอแงเงียบๆนี่น่ารักมากครับ แต่จะน่ารักกว่านี้ถ้าผมรู้ว่าน้องกำลังโยเยเรื่องอะไรอยู่...

อา...ผมจะเอาใจน้องแบบไหนดีนะ

“คิดอะไรอยู่หืม?..คิ้วขมวดเชียว” ทันทีที่ขึ้นรถผมก็เอี้ยวตัวมาถามแล้วใช้ปลายนิ้วแตะลงกับหัวคิ้วของเขา น้องยกมือขึ้นมาแตะแล้วเบะปากคว่ำใส่ผม ก่อนยอมเปิดปากเล่าถึงต้นตอให้ฟัง

“ละครเวทีปีนี้...ทำไมถึงมีชื่อนายเล่นด้วยล่ะ?”

โอเคครับ..ผมพอจะเดาได้แล้วว่าน้องกำลังจะโยเยเรื่องอะไร ผมออกรถแล้วยกมือขึ้นมาผลักศีรษะของน้องที่หันมาจ้องผมเบาๆ

“มิซึรุขอให้ช่วยน่ะ”

ผมบอกสั้นๆ ไม่ได้บอกเบื้องลึกเบื้องหลังมากไปกว่านั้น แต่ก็ยังดีที่น้องหยุดคำถามเอาไว้เพราะเสียงท้องร้องของเขา ผมหลุดขำเบาๆเมื่อได้ยินเสียง เลยถูกน้องชกเข้าที่ต้นแขน

“ขำอะไร!! ก็คนมันหิวนี่!” น้องสะบัดเสียงใส่ผม ได้ยินเสียงสูงๆของน้องแล้วคนที่หัวใจอ่อนแอตลอดเวลาอย่างผมเลยต้องรีบพาน้องไปร้านอาหารโดยเร็วก่อนที่ความหิวจะทำให้น้องงอแงมากขึ้นกว่านี้

“เคยกินอาหารไทยมาก่อนไหม?” น้องสั่นหน้าแทนคำตอบก่อนจะเดิน นำผมเข้าไปในร้านอาหารไทยที่ผมพาเขามา บรรยากาศที่ตกแต่งให้ดูคล้ายกับบ้านเรือนไทยทำให้น้องหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆแล้วทำปากรูปตัวโอเมื่อสายตาหันไปเจอช้างแกะสลักตัวขนาดเกือบเมตรที่ตั้งอยู่ทางขวาของเรา

“บรรยากาศแปลกตาดีจัง” ผมยิ้มให้กับคำพึมพำของน้องก่อนจะแตะมือ ลงกับบั้นเอวของเขาพาเดินเข้าไปข้างในเมื่อคุณพนักงานในชุดไทยออกมาต้อนรับพวกเรา พวกเราได้มุมนั่งที่จะเห็นสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่ด้านข้างเรือน

ดูเหมือนน้องจะชอบใจไม่น้อยเพราะหลังจากสั่งอาหารกันเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็ยื่นโทรศัพท์ของเขามาให้ผมถ่ายรูปเขากับรูปปั้นนกยูงที่เขาวางประดับ เอาไว้ด้วยอีกต่างหาก

“ถ่ายหล่อๆนะ” ผมอมยิ้มกับคำสั่งของน้อง ไม่อยากบอกเลยครับว่ามองมุมไหนก็เหมาะกับคำว่าน่ารักมากกว่าหล่อนะคนดี

กว่าอาหารจะมาเสิร์ฟผมก็เป็นตากล้องถ่ายรูปให้น้องไปมากกว่าสิบรูปครับ แอบนึกเสียดายรู้แบบนี้ผมน่าจะเอากล้องคู่ใจติดรถมาด้วยก็ดี

พออาหารเต็มโต๊ะน้องก็กลับมานั่งประจำที่แล้วเริ่มต้นตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารอย่างน่าเอ็นดูมากครับ เขาตักชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อยทุกอย่างแล้วก็เอ่ยปากชมบ้างติบ้าง อันไหนบอกว่าอร่อยเขาก็จะตักจ้วงกินเยอะเป็นพิเศษ

“ไอ้นี่อร่อย..แต่เผ็ดจัง”

น้องชี้ไปที่ต้มยำกุ้งแล้วแลบลิ้นแสดงอาการเผ็ดออกมา

ผมนึกขอบคุณตัวเองที่สั่งของหวานมาเผื่อไว้ให้เขาแก้เผ็ดเลยได้ตักป้อน ให้เขา ป้อนอยู่สองสามคำน้องก็ดึงเอาถ้วยบัวลอยไปทานต่อเอง

“ร้านนี้อร่อยดีไว้วันหลังพามากินอีกนะ”

น้องเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราจ่ายเงินกันเสร็จสรรพ ผมชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะยิ้มที่มุมปาก...

พามากินตลอดชีวิตก็ได้..พี่ยินดี

หลังจากทานอาหารไทยกันอิ่มหนำแล้ว ผมก็พาน้องกลับหอครับ คนดี บอกว่าคืนนี้อยากกลับไปนอนที่หอมากกว่าไปที่คอนโดของผม เขาบอกว่าจะอ่าน บทละคร ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจจะได้ถามมิซึรุเลย

ผมที่ยินดีตามใจเขาเสมอก็เลยขับรถมุ่งตรงกลับไปยังหอพักของเราแทนที่จะกลับไปยังคอนโดของผมอย่างที่แอบคิดไว้ในตอนแรก ถึงจะเสียดายนิดหน่อยที่คืนนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็เถอะ แต่ทำไงได้ครับ เกิดเป็นริวซากิ เร็นไม่ตามใจอิชิฮาระ ซัทสึกิแล้วจะเกิดมาทำไม..จริงไหมครับ?

“ขับช้าจริง เหยียบให้ไวกว่านี้เป็นหรือเปล่า?”

ออกจากร้านมาผมก็เลี้ยงความเร็วไว้ที่สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ ก็ไม่อยากจะสารภาพล่ะนะครับว่าผมจงใจขับช้าเพราะอยากยืดเวลาอยู่กันสองต่อ สองกับ(ว่าที่)แฟนนิครับ แถมบรรยากาศตอนนี้กำลังดีสุดๆ กินอิ่มๆกันแบบนี้น้องเลยไม่งอนไม่งอแงไม่โยเยแล้วด้วยอีกต่างหาก

“ทำไม? อยากรีบกลับหรอ?”

น้องทำเสียงอือในลำคอแล้วยกมือขยี้ตา โชคดีเป็นของผมมากครับที่ ตอนนี้เป็นไฟแดง ผมเลยได้มีโอกาสเห็นท่าขยี้ตาของน้อง เล่นเอาหัวใจกระตุกเลยครับ เด็กอะไรน่ารักขนาดนี้ ว่าแต่กินอิ่มแล้วก็ง่วงนอนทันทีแบบนี้ คืนนี้จะได้อ่าน บทกันหรอครับซัทสึกิจัง

“อือ..อยากกลับไปอาบน้ำ” น้องบอกเสียงงัวเงียเชียวครับ ผมว่าน้องอยากนอนมากกว่าอาบน้ำนะครับจุดนี้แต่ก็อดเย้าไม่ได้

“ใจเดียวกันเลย อย่างนั้นอาบด้วยกันเลยก็แล้วกัน” คราวนี้ความงัวเงีย ของน้องถูกสลัดไปทันทีเลยครับ คนดีหันมาจ้องผมตาเขียวแล้วแลบลิ้นใส่

“จ้างให้ก็ไม่อาบด้วยหรอก!” เสียงสูงจริง พี่จะคอยดูก็แล้วกันนะครับ

พอเรามาถึง น้องก็เดินลงจากรถตัวปลิวไปไม่ยอมคอยผมอีกแล้วครับ ผมเลยรีบเดินตามติดไปก่อนที่น้องจะชิ่งหนีเข้าไปอาบน้ำคนเดียว ไม่ได้ครับ คืนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้ว ถ้าพลาดอาบน้ำกับน้องอีกมันคงจะเป็นคืนที่ แห้งเหี่ยวเกินไปครับ ผมจ้ำตามน้องมาทันก่อนที่คนดีจะงับประตูห้องน้ำลง

“ปล่อยดิ๊!” น้องย้ำประตูไว้ผมเลยต้องรีบเอาตัวแทรกเข้าไปก่อนที่น้องจะจัดการกระแทกประตูงับนิ้วผม ซัทสึกิทำหน้านิ่วอย่างขัดใจก่อนพยายามเดิน หนีออกจากห้องน้ำไปแต่ก็ทำไม่ได้เพราะผมยืนพิงประตูห้องน้ำเอาไว้

“มาเร็ว อาบด้วยกันจะได้เสร็จไวๆ จะได้ไปนอนอ่านบทกันไง”

ผมตะล่อมน้อง ซัทสึกิทำปากเป็ดใส่ผมแล้วพึมพำอะไรในลำคอที่จับใจความได้ว่าคงจะด่าผมอยู่ ผมเลยเนียนใช้ช่วงจังหวะนั้นเข้าไปกอดเขาไว้แล้วเริ่มถลกเสื้อเขาถอด น้องพยายามจะถ่องศอกใส่ท้องผมแต่ก็ต้องพยายามดึงเสื้อกลับลงมาไปด้วย ผมเลยไซร้จมูกเข้ากับแก้มนุ่มของเขา ฉวยโอกาสหอมแก้มเขา เต็มแรงอย่างชื่นใจแล้วกระซิบ

“โวยวายเสียงดังเดี๋ยวคนอื่นได้ยินนะ” น้องหยุดนิ่งทำตัวแข็งเลยครับ งานนี้ สบโอกาสดีที่ผมจะปอกเปลือกเขาออกจนเหลือแต่ร่างขาวๆน่าหม่ำ

“บอกไว้ก่อนเลย แค่อาบอย่างเดียวเท่านั้นนะ! แค่อาบน้ำอย่างเดียวเท่านั้น!!”

น้องรีบยกนิ้วชี้หน้าผมแล้วทำเสียงขู่ฟ่อๆเหมือนลูกแมวทั้งที่หน้าแดงจัดเหมือนลูกมะเขือเทศทันทีเลยครับ โดนดักทางแบบนี้แย่จังเลยครับ ผมกลอกตาไปมาแล้วเอาลิ้นกระทุ้งกระพุ้งแก้มตัวเอง ใช้ความคิดว่าจะเอายังไงดี น้องก็รีบพูด ต่อจนลิ้นเกือบพันกัน

“เข้าใจหรือเปล่า! สัญญาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นก็ออกไปเลย!”

นิสัยเด็กจริงๆครับ ซัทสึกิเขาชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้ผมเกี่ยวสัญญา ไอ้คนที่ หลงรักเด็กหัวปลักหัวปลำอย่างผมก็ต้องยอมทำอะไรเด็กๆตาม (อีกนัยหนึ่งคือ น้องคว้ามือผมไปเกี่ยวก้อยกับเขาด้วยครับ เห็นท่าน่ารักแบบนี้เลยต้องจำยอมอย่างหมดใจ)

ผมเลยต้องทำตามสัญญากับเขาด้วยการอาบน้ำเพียงอย่างเดียว จะมีก็แอบลวนลามน้องบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย ซึ่งมันทำให้ผมโดนน้องตีไปอยู่หลายรอบ แต่ก็คุ้มเกินคุ้มครับ

อาบน้ำเสร็จแล้วเราก็มานอนอ่านบทที่ได้กันมา ผมออกอุบายนิดหน่อย คือไปแย่งหมอนของน้องมากองหนุนหลังตัวเองครับ คนดีที่พอเดินกลับมาแล้ว เจอผมนอนเอกเขนกอ่านบทอยู่บนเตียงที่ไม่เหลือหมอนให้เขาก็ปีนเตียงขึ้นมานั่งคุกเข่าข้างๆแล้วยื้อเอาหมอนที่ผมใช้หนุนหลังอยู่

“เอาหมอนมาใบหนึ่งดิ๊!” อา..น้องน่ารักจังเลยครับ เขาทำแก้มป่องไปด้วย จุกน้ำพุที่ผมมัดให้เขาไหวไปตามแรงที่เขาใช้ดึงหมอน ผมจับแขนเขาไว้แล้วดึงจนน้องเซถลาลงมาซบอกผม ก่อนที่น้องจะทันลุกผมก็ฉวยโอกาสอีกรอบกดจูบกับแก้มนิ่มๆของเขาแล้วบอก

“ไม่ให้” น้องค้อนตาใส่ผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อผมจับให้เขาหนุนตักแล้วยัดเอาบทใส่มือเขา น้องเอาบทปิดหน้าแดงๆของเขาที่ผมทันเห็น ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีและเริ่มต้นอ่าน ผมเลยเริ่มให้ความสนใจกับบทของตัวเอง บ้าง แต่บอกว่ายากมากเลยครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะอยู่กับน้องหรือจะไม่มีน้องอยู่ด้วยก็ตามที

ผมปล่อยใจให้คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยๆพลางลูบผมน้องไปด้วยอย่างเพลินมือ สิ่งที่ผมคิดอยู่ก็เห็นทีจะเป็นเรื่องระหว่างเรา ทั้งเรื่องตอนที่น้องยังไม่รู้จักผมจนถึงวันนี้ที่น้องรู้จักผมและกลายเป็นของผมแล้ว

พอนึกถึงเรื่องคืนก่อนที่ริมสระน้ำแล้วก็อดทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนได้ ยิ่งเห็นว่าในบทละครมีคิสซีนของผมกับน้องอยู่ด้วย ความคิดมันก็ยิ่งเตลิดครับและมันก็เป็นจังหวะที่น้องเงยหน้าขึ้นมาถามผมด้วย สุ่มเสียงสงสัยพอดีเช่นกัน

“นายรู้จักกับจิฮารุมานานแล้วหรอ?”

ผมสะดุ้งนิดๆตามประสาคนมีชนักปักหลังอยู่เลยเอาบทในมือปิดหน้าเอาไว้เพราะกลัวว่าสบตากันแล้วจะมีพิรุธออกไป แต่ดูเหมือนน้องจะต้องการคำตอบให้ได้ เขาเลยยันตัวขึ้นมานั่งแล้วดึงมือผม

“ตอบมานะ!!~”

ผมแข็งมือเอาไว้ไม่ให้เขาปัดบทผมออก น้องเลยปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนตักผมแล้วเอื้อมมือมาจะบีบคอผมแทน

“ริวซากิ เร็น!! ตอบมาเลยนะ”

แย่แล้วครับ ด้วยความว่ากำลังคิดฉากวาบหวามก่อนหน้าอยู่ในใจ พอ น้องขึ้นคร่อมเองแบบนี้แล้วร่างกายมันอ่อนระทวยเลยเผลอตัวให้น้องกระชากบทในมือไปถือไว้เองได้แถมยังเอาบทม้วนมาตีไหล่ผมอีก

“ตอบเร็ว!!” ท่าทางน้องจะต้องการคำตอบอย่างจริงจังมากครับ เขาหรี่ ตามอง ผมอึกอักเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี น้องก็เอ่ยสวนถามกลับมาก่อน

“อย่าบอกนะ..ว่านายแอบชอบยัยนั่น!!?”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ? จิฮารุเป็นเพื่อนฉันต่างหาก”

ผมรีบตอบไปทันทีแต่ก็ดูเหมือนน้องไม่พอใจกับคำตอบของผมสักเท่าไหร่ คนดีเขายังหรี่ตามองผมเหมือนจับผิดก่อนจะเบ้ปาก

“แล้วทำไมพอถามต้องหน้าแดงด้วย?”

ใจผมเต้นตึกตักอย่างบอกไม่ถูกครับ แบบนี้จะตีความได้ไหมว่าน้องแอบ หึงผม แต่ไม่เอาดีกว่ายังไม่อยากเสี่ยงเข้าข้างตัวเองมากไป ผมเลยต้องหาประเด็นอื่นมาเบี่ยงไปก่อนเสียแล้ว

“กะ..ก็” มือผมเอื้อมไปหยิบเอาบทของน้องมา สมองคิดแก้เหตุการณ์เฉพาะหน้าออกมาอย่างเร่งด่วน

“มีคิสซีนของฉันกับนายในฉากที่งานเต้นรำด้วยล่ะ” น้องแกล้งทำพูดตามผมแล้วลอยหน้าลอยตาก่อนจะชะงักกึกแล้วทำตาโตใส่ผม

“อะไรนะ!!”

ซัทสึกิเขากระชากบทกลับไปดูทันทีแล้วทำหน้าแบบแมวโกรธสุดขีด ก่อนกระโดดลุกจากเตียงผลุนผลันออกไปจากห้อง ผมงงๆเล็กน้อยแต่ก็ขยับลุกตามน้องที่ดูเหมือนจะลงไปชั้นล่างของบ้าน

“ไม่เล่น!! ยังไงก็ไม่เล่นแล้ว!!”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงน้องตะโกนดังลั่นบ้านตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น แต่ก็ไม่ผิดคาดสักเท่าไหร่ ทั้งที่ยังไม่เห็นภาพแต่ผมก็พอจะนึกได้ว่าน้องคงจะกำลังทำท่าโวยวายใส่ใครสักคนที่น่าจะเป็นมิซึรุแน่ๆ

นึกภาพน้องกำลังงอแงแล้วผมก็ต้องอมยิ้มแต่ก็ต้องรีบตีสีหน้านิ่งๆเมื่อเดินเข้าห้องไปเงียบๆเพราะในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงมิซึรุเท่านั้นแต่ยังมีเคนอิจิกับ ฮิโรโตะอยู่ในห้องด้วย เคนอิจิหันมาเห็นผมก่อนเลยทำหลิ่วตาอย่างรู้ทันและแกล้งกลับไปสนใจซัทสึกิต่อ

“โวยวายอะไรกันซัทสึกิ? นี่มันจะตีสองแล้วนะ?”

เนียนมากครับทากาโมโต้ มิซึรุ ผมว่ามิซึรุรู้ดีนะว่าซัทสึกิกำลังงอแงเรื่องอะไรกัน แต่ขานั้นแกล้งทำเป็นปรายตามองเหมือนรำคาญที่น้องลุกขึ้นมาโวยวาย กันกลางดึกเท่านั้น

“ก็เนี้ย!! ทำไมต้องมีคิสซีนด้วยอ่ะ!!”

ผมแทบจะหลุดหัวเราะกับท่าทางของน้องครับ เขากำลังโวยวายเหมือน เด็กไม่ได้ดั่งใจที่กำลังทั้งโมโหทั้งเขินผสมกันไป หน้าเขาแดงจัดมากเลยครับตอนนี้

“แค่เนี้ย!! ทำมาเป็นโวยวายอย่างกับใครเผาบ้าน”

มิซึรุยังคงเล่นบทมาดนิ่งได้อย่างไม่มีที่ติเลยครับ สมควรแล้วกับบทผู้กำกับละครเวทีนี้ สมจริงแบบกินขาดมากครับทั้งน้ำเสียงและแววตา

“ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่เล่นแล้ว!!” น้องยังคงงอแงแล้วเบะปากทำท่า เหมือนจะร้องไห้ด้วยครับเมื่อเห็นว่าพี่ชายคนโปรดไม่ยอมลงให้

ส่วนผมนั้นได้แต่ยืนเก๊กหน้านิ่งทั้งที่ในใจลุ้นระหว่างดูเขาโต้เถียงกับมิซึรุอย่างงอแง

“บอกเหตุผลมาซิว่าทำไมถึงไม่ยอมเล่นกะอิแค่คิสซีน”

“ก็มันต้องจูบนี่!!”

“แล้วไง!?”

“ก็มันต้องจูบอ่ะมันต้องจูบ!!”

ใจหนึ่งก็นึกเอ็นดูอีกใจก็นึกสงสารน้องไม่น้อยครับ เขาทำท่าจะร้องไห้ จริงๆแล้ว ส่วนมิซึรุยังคงตีหน้านิ่งอยู่ แต่ผมก็ยังพอแน่ใจว่าคนอย่างมิซึรุคงจะรู้ว่าควรจะรับมือกับน้องยังไงเลยรอดูท่าทีไปก่อน

“ก็จูบแล้วมันยังไงล่ะ? นายจะบอกว่านายจูบกับเร็นบนเวทีไม่ได้ หรือไงกัน?” ขนาดผมเองแค่นึกภาพล่วงหน้ายังใจสั่นเลยครับ ไม่ใช่ว่าอายหรือไม่กล้าทำนะครับ แต่แอบกลัวว่าจะเผลอกดน้องบนเวทีต่อหน้าประชาชีนี่น่ะสิ

“ถึงขั้นนี้แล้วยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอ ป๊ะเทิ่งๆกันไปไม่รู้กี่รอบแล้วมึงยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอวะ?”

ทันทีที่เคนอิจิแทรกเข้ามาน้องก็ปรี่เข้าไปหาแล้วเริ่มประทุษร้ายเพื่อนเขาเลยครับ สงสัยจะเก็บกดเพราะไม่กล้าทำกับมิซึรุแน่ๆ เป็นเวรกรรมของเคนอิจิขนานแท้ครับที่แทรกขึ้นมา

ผมยืนมองน้องอาละวาดกับเพื่อนและพี่ชายคนโปรดเขาตาปริบๆอยู่ข้าง ฮิโรโตะที่ยืนมองอย่างเงียบๆไม่แสดงตัวตนอะไร ผมว่าฮิโรโตะฉลาดมากครับไม่อย่างงั้นคงจะโดนบีบคอเหมือนกับเคนอิจิแน่ๆ ผมยืนมองไปได้สักพักน้องก็ตะโกนลั่นบ้านอย่างสารภาพหมดเปลือก

“ก็นี่มันต้องจูบต่อหน้าคนเป็นร้อยเลยนะ!!”

อา..อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆด้วยครับ

ถึงจะเห็นใจแต่ผมก็ชอบนะครับที่มีฉากนี้ในบท ต้องขอบคุณจิฮารุเป็นอย่างยิ่งครับ แม้จะกลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไว้ไม่อยู่ แต่ผมก็ชอบครับที่จะได้แสดงความรักต่อน้องต่อหน้าคนทั่วไป ถึงจะเป็นแค่ละครก็เถอะ

“งั้นเราต้องทำให้ซัทสึกิหายเขิน”

มิซึรุว่าแล้วเหล่มองผมอย่างมีเลศนัย ทันทีที่เขาชี้นิ้วมาที่ผมแล้วเอ่ยพูด ผมก็รู้ได้ทันทีครับว่าไอ้ที่เนียนๆมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็เพราะมิซึรุวางแผนสนุกๆไว้อย่างแนบเนียน

“ต่อไปนี้ นายต้องจูบกับซัทสึกิโชว์พวกเราทุกคนในบ้านวันละสามรอบจนกว่าซัทสึกิจะหายเขิน!!”

ผมอยากเอากล้องมาถ่ายภาพของน้องทำปากค้างแบบไม่เชื่อในคำพูดประกาศิตของมิซึรุที่ได้ยินนี่จังเลยครับ

 -TBC-

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
พาร์ทของเรนยาวจัง อยากอ่านเรื่องราวปัจจุบันแล้วอ่ะ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 9

 หลังจากนั้นผมก็ทำตามคำสั่งของมิซึรุด้วยการจูบน้องโชว์ทุกคนครับและแน่นอนว่าผลของการกระทำนั้นทำให้น้องงอนผมอย่างไม่ต้องสงสัยอะไร ทั้งนั้น เขาก้มหน้าแล้วทำแก้มพอง

เหล่าพลพรรคที่ยืนเชียร์และกำกับบทอยู่อย่างอึกทึกเมื่อสักครู่แยกย้าย ลงไปนั่งเล่นเกมส์กันอีกระลอก ทิ้งให้ผมอยู่รับมือกับน้องตามลำพัง ซัทสึกิเขาเม้มปากแล้วก็ไม่ยอมเงยหน้ามองผม ไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ ผมเลยเอื้อมมือไปจูง เขาให้เดินกลับขึ้นไปบนห้องของเรากัน

พอถึงห้องน้องก็สะบัดมือผมทิ้ง เขาปาบทลงไปที่โต๊ะแล้วขึ้นไปนอนหันหลังให้บนเตียง อารมณ์น้องมาคุมากครับงานนี้ ผมเลยปิดไฟแล้วเดินตามไปนอนบนเตียงอย่างเงียบๆ แต่ไม่ได้ปล่อยให้น้องนอนเลยหรอกนะครับ ยังไงก็คงต้องเคลียร์กันก่อน ปล่อยไว้ไม่ดีต่อสวัสดิภาพความรักของเราแน่ๆครับ

“โกรธหรอ?”

ผมเริ่มเกริ่น น้องทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะตอบแบบกระแทกเสียงด้วยคำ ที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงสิ้นเชิง

“เปล่า”

“ไม่จริงหรอก ซัทสึกิกำลังโกรธอยู่”

“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน อย่าทำมาเป็นอ่านใจกันออกหน่อยเลยเหอะ”

“นายน่ะดูง่ายจะตายไป นิสัยเหมือนแมวดื้อชัดๆ ไม่ต้องรู้จักนานฉันก็ มองนายออก” ผมว่าพลางยกมือขึ้นลูบผมเขา ใจชื้นบ้างที่น้องไม่ปัดมือผมออกผมเลยกล้าที่จะรวบกอดเขาไว้แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนจากใจจริง

“แค่จูบเองนะซัทสึกิ นายเขินฉันก็เขินเหมือนกัน เรามาพยายามด้วยกันไม่ดีกว่าหรอ? ฉันดีใจนะที่ได้เล่นละครเรื่องนี้กับนาย นายไม่ดีใจบ้างหรอที่จะได้เล่นกับฉัน?”

“ไม่รู้..” น้องบอกเสียงเบา ผมเดาเอาว่าตอนนี้เขาคงกำลังนึกสับสนกับความรู้สึกของตนเองอยู่ ผมควรจะให้เวลาเขาได้คิดสินะ

“เอาเถอะ แต่หลังจากนี้ไป ฉันจะทำให้นายรู้สึกดีใจที่ได้เล่นละครกับฉันได้มีความทรงจำครั้งหนึ่งที่เราได้ทำอะไรร่วมกัน มันจะต้องเป็นความทรงจำที่สวยงามสำหรับซัทสึกิ...ฉันสัญญา”

“อือ จะรอดู” น้องบอกเสียงเบาก่อนกระเถิบหนีไปซุกหมอน ผมมองเขาแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

“งั้นนอนกันเถอะนะ” ผมจูบราตรีสวัสดิ์เขาเบาๆ แต่ก็จูบได้แค่กลางศีรษะครับ อดจูบปากนุ่มๆเพราะน้องเล่นซ่อนหน้าไว้กับหมอน

“ฝันดีนะครับซัทสึกิ”

ผมชอบจังเลยครับเวลาที่ได้เอ่ยราตรีสวัสดิ์กับน้องแบบนี้ แต่จะชอบมากกว่านี้ถ้าน้องหันมาให้ผมจูบราตรีสวัสดิ์ที่ริมฝีปากของเขาล่ะนะ

“อือ” น้องครางตอบในลำคอแล้วก็ทำให้ผมตัวแข็งอย่างไม่คาดคิดเพราะการกระทำของเขา อยู่ดีๆน้องก็พลิกตัวหันกลับมาซุกกับอกของผม มือเขาสอดเข้ามากอดเอวผมไว้เหมือนกับที่ผมกอดเขา

ทุกอย่างมันทำให้ผมใจเต้นรัวจนกลัวว่ามันจะไปรบกวนการนอนของ คนดีเขา.. และความคิดบางอย่างมันก็พุ่งเข้ามาจนผมเผลอตัวพูดถามออกไป อย่างไม่ทันนึกไตร่ตรอง

“เริ่มจะรักฉันบ้างหรือยังซัทสึกิ?” ถามไปแล้วก็อยากตบปากตัวเองครับ ผมใจร้อนเกินไปหน่อยแล้วที่รุกถามแบบนี้ พอน้องได้ยินเขาก็ทำท่าจะดิ้นออกจากอ้อมกอดของผม ผมเลยต้องออกแรงกอดเขาเอาไว้แล้วดันเขาให้นอนหงาย เอาตัวเองทับกายเล็กไว้ไม่ให้เขาดิ้นหนี

“ฉันเป็นผู้ชายนะโว้ย!!” ครับพี่รู้

“แล้วไง!?” น้องกลอกตาอย่างลุกลี้ลุกลน เหมือนพยายามต่อสู้กับอะไร สักอย่างที่เดาไม่ยากว่าคงเป็นความรู้สึกของตนเอง

“ก็ผู้ชายอ่ะผู้ชาย จะให้รักนายได้ไง!!”

“มันไม่ใช่กฎตายตัวเลยนะซัทสึกิว่าผู้ชายต้องรักกับผู้หญิง ซัทสึกิเองก็รู้ไม่ใช่หรือไงกัน?” ผมเอ่ยอย่างใช้เหตุผลที่ดูเหมือนจะเป็นแค่มุมของผมที่ผม ยัดเยียดให้เขาคิดตาม น้องส่ายหน้าไปมา

“ไม่รู้ ไม่รู้!!”

“งั้นฉันคงคิดไปฝ่ายเดียวสินะ ว่าที่นายยอมมีไรกับฉันก็เพราะนายเริ่มมีใจให้ฉันแล้ว” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอ่ยไปแบบนั้น ความรู้สึกรักเขามันบีบรัดจนผมแทบทนไม่ไหว และรู้สึกผิดหวังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเขาไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้นแบบนี้

“อย่า-ขี้-ตู่-ไป-เอง!!” น้องพูดออกมาทีละคำอย่างเน้นๆแล้วชกอกผมไปด้วย

“ก็แค่เซ็กส์เฟรนด์ อย่ามาทำเป็นได้ใจไปนะ”

“งั้นจะรอวันที่เซ็กส์เฟรนด์ได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักแล้วกันนะ” ผมรีบสวนกลับไปทันทีซึ่งนั่นทำให้น้องเงียบไปชั่วอึดใจก่อนเอ่ยเสียงเบาให้ผมใจสั่น

“นายอยากเป็นแฟนกับฉันหรอ?”

“ใช่” คำตอบมีเพียงคำเดียวเท่านั้นครับ ไม่มีคำตอบอื่นและไม่มีการ ปฏิเสธอย่างแน่นอน

“ทำไมถึงอยากเป็นแฟนกับฉันล่ะ?”

สุ่มเสียงของน้องดูสงสัยและคลางแคลงมากครับ ถ้าคิดในแง่ของน้องก็สมควรแล้วล่ะ ผมเพิ่งเข้ามาในชีวิตของเขาไม่กี่วันเองนินะ

“ไว้เมื่อถึงเวลา..นายก็จะรู้เอง” ผมบอกเขาแล้วจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก เนียนก่อนล้มตัวลงมานอนกอดเขาให้กลับมานอนซุกกับอกของผม ซัทสึกิยอม หยุดจากบทสนทนานี้ แต่ผมเชื่อว่าเขายังไม่หลับอย่างแน่นอน

น้องจะต้องเก็บคำพูดของผมไปคิด ผมเชื่ออย่างนั้น

เหมือนกับที่เชื่อเช่นกันว่าเวลาจะพิสูจน์ความรักและความจริงใจของผม ให้น้องได้เห็น

ก็ผมรักน้อง...จากใจจริงนี่ครับ

 ช่วงเวลาแห่งความสุขของผมมักมีมารผจญครับและไอ้มารตัวนี้มันมีนามว่ายูตะครับ มันโทรเข้ามาหาผมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ผมคว้าโทรศัพท์มารับได้ก็แทบอยากจะด่ามันให้หูชา แต่ติดอยู่ที่ว่าน้องกำลังนอนซุกอกผมอยู่นี่สิครับ

“มีอะไร?” ผมส่งเสียงต่ำถามออกไปอย่างหงุดหงิด ยิ่งหรี่ตามองดูแล้วยัง ไม่เห็นแสงของดวงอาทิตย์ผมก็ยิ่งอยากตั๊นหน้าไอ้คนกดโทรศัพท์มาหาผมขึ้นมาตะหงิดๆ

“แหมๆ..น้ำเสียงหงุดหงิดเชียวนะครับคุณชาย กระผมโทรมากวนเวลา นอนกอดน้องของท่านใช่ไหมล่ะ”

รู้ดีเชียวไอ้ยู ผมครางอือใส่มันไป จริงๆผมเพิ่งหลับไปไม่นานเท่าไหร่เองเพราะนอนคิดเรื่องของผมกับน้องไปเรื่อยๆ เจอมันมาปลุกเอาตอนนี้แล้วเลยยังไม่ค่อยมีสติที่จะคุยกับมันสักเท่าไหร่

“แล้วตกลงมึงมีไร?” ผมถามย้ำอีกครั้งและตัดสินอยู่ในใจว่าถ้ามันยัง โยกโย้อยู่อีกผมจะกดวางสายและปิดเครื่องไปเลย

“พวกกูอยู่หน้าบ้าน มึงช่วยเสด็จอัญเชิญตัวลงมาเป็นการด่วน ถ้ามึงไม่ลงมา พวกกูจะบุกเข้าไปกระชากกายหยาบมึงออกมาจากการกกน้องภายในห้านาที”

คำพูดของมันทำให้ผมต้องเอียงคอหนีบโทรศัพท์มือถือไว้แล้วเอาหมอน เลื่อนมาให้ซัทสึกิหนุนแทนอกของผมก่อนจะไปแง้มผ้าม่านดูถนนหน้าบ้าน และ พบกับไอ้คนที่มันโทรเข้ามากำลังโบกมือมาให้อยู่ ผมแยกเขี้ยวใส่พวกมันก่อน กรอกเสียงถามไปแล้วดันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่

“มีเหี้ยไรวะ ถึงได้มากันแต่เช้าแบบนี้”

“ไม่มี” ไอ้ยูตอบกลับมาอย่างทันใจทำเอาผมชะงักกึกและเตรียมตัวจะทิ้งกายหยาบลงไปนอนกอดน้องอีกที

“ล้อเล่น พอดีโปรเจครีสอร์ทของป๊ากูที่โอกินาว่ามีปัญหา ป๊ากูเลยบอกให้ กูไปดูแล้วก็ให้ลากพวกมึงไปช่วยแก้ปัญหาให้ด้วย”

โอเคผมพอจะเข้าใจครับเรื่องงานมันสำคัญ ผมยอมให้ก็ได้งานนี้ อีกอย่างไม่อยากให้ผู้ใหญ่ผิดหวังด้วยครับ

“เออ งั้นรอกูเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน” ผมบอกแล้วกดวางหูไป หันมอง ไปที่น้องอีกที ซัทสึกิกำลังขดตัวซุกหมอนที่ผมเอาให้เขาหนุนอยู่ ผมเลยดึงผ้าห่ม มาห่มให้เขา แล้วก็แอบจูบรับอรุณที่ริมฝีปากแดงๆของน้องไปอีกหนึ่งทีอย่างชื่นใจ

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วไวแสงก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง พอจะ ผ่านห้องนั่งเล่นไปก็อดชะโงกเข้าไปไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงมิซึรุตะโกนถามว่าผมจะไปไหน เจ้าตัวกำลังนั่งชันขาบนโซฟาแล้วละเลียดกาแฟอยู่

ข้างๆมีเคนอิจิที่นั่งอ้าปากหาวหวอดๆขดตัวนอนบน โซฟายาวอีกตัวโดย มีไดสุเกะคุงลากเอาผ้าห่มมาโยนใส่ตัวให้ ดูท่าแล้วคงจะเล่นเกมส์กันทั้งคืนเพราะ ฮิโรโตะก็นอนหลับอยู่ที่กองหมอนบนพื้น

“ไปโอกินาว่าหน่อย โปรเจคงานของบ้านยูตะมันมีปัญหา” มิซึรุพยักหน้าแล้วหลิ่วตาใส่ผม ไม่มีทีท่าง่วงนอนเหมือนกับเคนอิจิปรากฏให้เห็น

“แล้วจะกลับมาทันพรุ่งนี้หรือเปล่า ซัทจังมันต้องไปฝังเข็มนะ ฉันลงคอส ให้ไปแล้ว”

ผมกลอกตาไปมาอย่างไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าปัญหาของไอ้ยูมันจะ เสร็จภายในวันนี้หรือเปล่า คิดแล้วผมก็ล้วงมือไปหยิบกระเป๋าเงินจากกระเป๋าหลังแล้วหยิบบัตรเครดิตของน้องที่ผมทำไว้ยื่นให้มิซึรุไป

“ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกลับมาทันหรือเปล่า ยังไงก็ให้ซัทสึกิเขารูดบัตรนี้ไปก่อนก็แล้วกัน” มิซึรุเหยียดยิ้มดูท่าทางพออกพอใจก่อนจะรับบัตรของผมไป แต่ไม่วายจะพยักพเยิดออกไปนอกบ้าน

“ฉันรู้นะว่านายวานอะไรญาตินายน่ะ แต่ขอบอกเลยว่าฉันเองก็ยังไม่ได้ คิด ถ้าคิดออกแล้วจะรีบบอกก็แล้วกัน”

ผมเม้มปากกับสีหน้ารู้ทันของมิซึรุก่อนจะยอมพยักหน้า แย่จริงครับ ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ที่จะมีใครมาทำตัวถือไพ่เหนือกว่าเช่นนี้

“งั้นฉันไปก่อนล่ะ” มิซึรุพยักหน้าก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอีกหน

 “ออกมาช้าจริง มัวแต่ล่ำลาน้องอยู่หรือไงวะครับ”

ประโยคทักทายประโยคแรกเมื่อเห็นหน้าดังลอยขึ้นมาทันทีเลยครับ ผมยักไหล่ก่อนจะเปิดรถแวกอนของมันขึ้นไปนั่ง ภายในรถมีก๊วนผมนั่งอยู่อย่างครบองค์ประชุม

ไอ้ยูคงตระเวนไปจิกหัวทุกขึ้นให้ตื่นแล้วลากขึ้นรถมาก่อนหน้าที่จะมารับผม ไอ้เฮย์นอนกรนอยู่ที่เบาะหลังสุดอย่างไม่สนใจใคร ในขณะที่ไอ้จุนที่นั่งคู่อยู่กับสารถีอย่างไอ้ยูก็ยังนั่งหาวหวอดๆ จะมีก็แต่ไอ้ซึงโฮที่นั่งพลิกดูนิตยสารที่หยิบติดมือมาฆ่าเวลาดูอย่างปกติ

ทันทีที่ผมก้าวขึ้นมานั่งเรียบร้อย ไอ้ยูก็ออกรถทันที พวกเรามุ่งหน้าสู่โอกินาว่ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางและกว่าจะสะสางปัญหาของไอ้ยูเสร็จแล้วเดินทางกลับสู่โตเกียวนั้นก็เรียกไว้ว่าเกือบครบยี่สิบสี่ชั่วโมงพอดิบพอดี

ผมเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักเงียบๆ วันนี้ที่ข้างล่างไม่มีใครอยู่เลยครับทุกคนคงจะหลับอยู่บนเตียงของตัวเอง น้องเองก็เช่นกัน

เปิดประตูเข้าห้องไปแล้วก็ต้องยิ้มกับความรู้สึกสุขในใจที่ได้เห็นน้องมากครับ มันเหมือนเป็นเวลาต่อจากเมื่อวานที่ผมไม่ได้อยู่กับเขา ซัทสึกินอนอยู่ในท่าเดียวกับก่อนที่ผมจะออกไปจากห้อง เพียงแต่วันนี้น้องไม่ได้ผูกจุกน้ำพุไว้เหมือนเมื่อวาน

ผมจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินไปที่เตียง น้องพลิกตัวนอนหันหลังไปเสียแล้วในตอนนี้ ผมเลยเอนตัวลงไปนอนกอดเขาไว้ ตัวของน้อง อุ่นเสียยิ่งกว่าน้ำอุ่นที่ผมเพิ่งได้อาบหรือผ้าห่มที่กำลังห่มอยู่บนตัวของพวกเราทั้งสอง

ผมยิ้มกับความสุขของตัวเองที่ได้นอนกอดเขาก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความง่วงงุน แต่ก่อนจะหลับ..ผมก็รู้สึกได้ว่าน้องพลิกตัวมาอีกครั้งแล้วกอดผมไว้เหมือนที่ผมกอดเขา...

อา...พระเจ้าครับ

ผมมีความสุขจังเลยครับ..

วันนี้น้องตื่นแต่เช้ามากเลยครับ ผมเพิ่งจะงีบไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดีน้องก็ขยับลุกตื่น ผมปรือตาขึ้นมามองเขาและรู้สึกว่าหนังตามันหนักอึ้งพอสมควร อาจเป็นเพราะช่วงนี้ผมไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควรสักเท่าไหร่

“นายง่วงก็นอนต่อก่อนก็ได้ จะตื่นขึ้นมาทำไม” ผมได้ยินน้องพูดไปด้วยเสียงเหมือนกลั้นขำไปด้วย

“แล้วทำไมนายถึงตื่นแต่เช้าล่ะ?” ผมจะยันตัวลุกขึ้นมานั่งแต่น้องลากเอาไอ้ตุ๊กตากระต่ายปีศาจมายัดลงกับอกของผมพร้อมกับคำตอบ

“เดี๋ยวมีธุระต้องไปทำตอนเก้าโมงกว่าๆ แต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปมหาลัยมา หลายวันเลยว่าจะนั่งลอกเลคเชอร์ของไดจังก่อนออกไป”

“ไปไหน? อ่อ คอสของมิซึรุใช่ไหม? วันนี้ฉันว่าง จะให้ไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า?” ผมเสนอตัวอย่างยินดีและน้องก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง หลังจากที่เขานิ่งคิดไปชั่วครู่เขาก็ตอบกลับมา

“อือ ก็ดีจะได้ไม่ต้องนั่งรถเมล์ไป” น้องคงเห็นผมเป็นคนขับรถน่ะแหละครับ แต่อย่างว่าไม่ว่าน้องจะเห็นผมอะไร ขอแค่เขาพอใจให้ผมอยู่ใกล้ผมก็ยินดีแล้ว

“งั้นจะไปเมื่อไหร่ก็ปลุกก่อนสักสิบห้านาทีแล้วกันนะ”

ผมบอกก่อนจะผล็อยหลับไปหลังจากที่มองน้องซึ่งหันมาพยักหน้ารับ ก่อนเดินไปเปิดไฟที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขาแล้วทรุดนั่งลง

แล้วน้องก็ปลุกผมขึ้นมาอีกทีตอนเก้าโมงพอดิบพอดี ถึงจะไม่ได้นอนยาวแต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองนอนเต็มอิ่มแล้ว ปกติผมไม่ใช่คนขี้เซาอะไรนัก ออกจะนอนน้อยจนคุณมี๊บ่นเอาบ่อยๆอยู่ด้วยซ้ำ พอผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยท่าทางปกติ น้องก็เท้าเอวแล้วเม้มปากฉับ ลอยหน้าลอยตาพูดใส่ผม

“อะไรกัน..นึกว่าจะได้เห็นสภาพหน้ายับๆเหมือนแมวง่วงซะอีก หน้านายตอนเวลาง่วงนอนมันตลกชะมัด”

น้องว่าแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี ทำเอาผมเสียเซลฟ์ไปไม่น้อยเลยต้องเก๊กมาดขรึมทำไม่รู้ไม่ชี้เดินผ่านเจ้าตัวที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จแล้วนั่งแกว่งขาอยู่ปลายเตียงไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปบ้าง อย่างน้อยต้องจัดการตัวเองให้หล่อเหลาออกมาเรียกคะแนนกลับคืนมาแหละครับ

ผมใช้เวลาไม่นานนักก็กลับออกมาอีกครั้ง น้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วไล่กลับมาที่หัวใหม่อีกหน ทำเอาความมั่นใจตอนส่องกระจกก่อนออกมาหดหายไปมากโขเลยครับ

ผมไม่เคยกังวลใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก่อน...ก่อนที่จะหลงรักน้องล่ะนะครับ บอกตามตรงว่าพออยู่ต่อหน้าน้องแล้ว พอเห็นน้องมองมาแล้วผม ก็รู้สึกว่าความหล่อที่คุณมี๊กับคุณป๋าให้มามันชักจะไม่พอเอาเสียแล้ว

“แต่งตัวอย่างกับจะไปถ่ายแบบ แค่ไปเป็นเพื่อนฉันฝังเข็มจำเป็นต้อง หล่อขนาดนี้เลยหรอ?”

ผมแทบจะพรูลมหายใจออกทันทีที่น้องถามออกมาแล้วทำหน้างอ โธ่คนดีให้พี่ลุ้นตั้งนานนึกว่าหล่อไม่พอ ผมส่งยิ้มกว้างไปให้น้องแล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาเมื่อแก้มใสๆมันพองลมขึ้นมาคล้ายไม่พอใจ

แมวน้อยของผมแยกเขี้ยว แล้วทำท่าไล่งับมือก่อนจะก้มหน้านิดๆแล้วกดสายตามองผม เขายกมือชี้หน้าผมเหมือนกับเมื่อวันก่อนที่ทำในห้องน้ำไม่มีผิด

“นี่! สาบานมาก่อน ว่าจะไม่เอาเรื่องวันนี้มาล้อกันทีหลัง” ผมเลิกคิ้ว อย่างงงๆที่น้องเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“ล้อ? ฉันจะล้อนายเรื่องอะไรกัน?”

“กะ..ก็...”

น้องก้มหน้าแล้วทำปากตูม ผมเห็นแล้วอยากคว้าเข้ามาฟัดมากๆเลยครับ น้องให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตามีชีวิตหรือไม่ก็ลูกหมาลูกแมวตัวน้อยที่ทำอะไรก็พาลอยากให้เรากอดเข้ามาฟัดเข้ามาหอมได้ตลอดเวลา

“ฉัน...กลัวเข็มนี่”

ซัทสึกิสารภาพมาเสียงเบา แต่จุดอ่อนจุดนี้มันเป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว

ผมเคยเห็นน้องเบะปากทำท่าร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนรักของเขาสองคนลากไปฉีดวัคซีนกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่มาเมื่อสามสี่เดือนก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ออกมาจากห้องฉีดยาด้วยสภาพน้ำตาซึมขอบตาแดงน่าให้ถลาเข้าไปจูบซับ น้ำตาปลอบมากครับ

“โอเค ตกลง สาบานด้วยเกียรติของคนหล่อ ริวซากิ เร็นจะไม่เอาเรื่องนั้น มาล้อเลียนอิชิฮาระ ซัทสึกิอย่างแน่นอน”

น้องทำหน้าหงิกใส่ผมแล้วก้าวเข้ามาใกล้จับมือผมยกขึ้นสาบาน ทำเอาผมใจเต้นเลยเมื่อเขามายืนจ้องหน้าระยะประชิดแบบนี้

“ไม่เอา พูดใหม่ พูดตามนะ...สาบานด้วยเกียรติของริวซากิ เร็นจะไม่เอาเรื่องนั้นมาล้อเลียนคนหล่ออย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิเด็ดขาด”

คนแมนๆเขาว่าอย่างนั้นน่ะครับ..ผมเลยต้องยอมสาบานอีกครั้งด้วยความขบขัน

เอะอะก็บอกตัวเองหล่อตลอดเลยนะครับซัทสึกิจัง เมื่อไหร่จะรู้ตัวเสียทีนะว่าตัวเองน่ะเหมาะกับคำว่าน่ารักกว่าเป็นไหนๆ

ก่อนผมพาน้องออกจากบ้านก็เจอกับเคนอิจิที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวพร้อมกับคาบขนมปังไว้ในปากพอดี เขาเลิกคิ้วแล้วเอาขนมปังออกจากปากเมื่อ เห็นพวกเราตรงหน้าประตู

“ไม่กินอะไรก่อนไปหรอ?” เคนอิจิถามน้องที่เดินไปเปิดประตูตู้เก็บรองเท้าแล้วหยิบผ้าใบคู่โปรดของเขามาสวม

“ไม่อ่ะ..กินไม่ลง”

เคนอิจิยักไหล่แล้วขยิบตาให้ผมก่อนเดินขึ้นข้างบนไป ขานั้นคงรู้ดีว่าวันนี้น้องต้องไปไหนทำอะไรแน่ๆ ผมหันกลับมาอีกครั้งเห็นน้องนั่งเอาหน้าซุกเข่าแล้วเอาสองมือกุมหัวอยู่

“ซัทสึกิ?”

พอผมเอื้อมมือไปแตะไหล่เขา น้องก็เอามือเสยผมไปมาแล้วสะบัดหัวสองสามทีก่อนกระโดดลุกขึ้นมามองหน้าผม

“ไปก็ไป!” เหมือนน้องจะกำลังต่อสู้กับความกลัวในใจมากเลยครับ

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ใจหนึ่งผมก็นึกสงสาร แต่อีกใจ..ก็อยากแกล้งจังเลยครับพอเห็นน้องเดิน ตัวแข็งนำผมออกจากบ้านไปแบบนี้

หลังจากขึ้นมาบนรถน้องก็เอาแต่นิ่งเงียบจนผมต้องขยับไปเปิดเพลงเปลี่ยนบรรยากาศ พอใกล้จะถึงคลีนิกแล้วน้องก็บ่นออกมา

“ให้ตายเหอะ ถ้าฉันกลัวจนขาดใจตายคาเตียงฝังเข็มไปจะทำยังไงกันล่ะนี่” ได้ยินน้องบ่นพึมพำแล้วผมก็ต้องหลุดหัวเราะจนโดนน้องชกเข้าที่แขน

“หัวเราะอะไรน่ะ!”

“ไม่มีใครตายเพราะฝังเข็มมาก่อนเสียหน่อย แล้วก็ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะคอยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆไม่ไปไหน”

ผมกลั้นหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปดึงมือน้องมา จูบเบาๆ มือของน้องสั่นจน ผมรู้สึกได้เลยครับว่าเขากลัวจริงๆ

“ลองทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวสิ” เหมือนน้องพูดกับตัวเองมากกว่าผมครับเพราะเขาพูดแบบเสียงกระซิบผ่านไรฟันโดยที่ไม่มองผม

ผมจอดรถแล้วปล่อยมือจากน้องลงไปเปิดประตูรถให้เขา น้องยังนั่งตัวแข็งไม่ยอมลงมา พอผมสะกิดเขา น้องก็หันมาช้าๆ สีหน้าเหมือนอยากร้องไห้ จนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปประคองแก้มเขาเอาไว้

“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ”

“ไม่ไปไม่ได้หรอ?”

เสียงน้องสั่นมากครับจนผมอยากใจอ่อน แต่ผมก็อยากเห็นน้องหุ่นเพรียวบางเหมือนกันนิครับ

“ไม่ต้องกลัว มันอาจไม่เจ็บอย่างที่นายคิดก็ได้นะ”

ผมปลอบเขาพลางลูบผมเขาเบาๆ ก่อนจะจับมือจูงมือให้ลงมาจากรถและเดินเข้าไปในคลินิก น้องเดินตามผมมาแบบเสียไม่ได้และดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเลยสักนิดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ผมเลยต้องไปจัดการติดต่อกับเคาน์เตอร์ แทน แต่น้องก็ยังตามติดผมมา

ผมเขียนชื่อน้องแล้วก็ส่งให้พนักงานที่รับเอาไปเช็คตารางเวลาดูก่อนที่ เธอจะเงยหน้ามายิ้มให้กับผม

“เดี๋ยวคุณพี่ชายพาน้องเข้าไปเตรียมตัวข้างในนะคะ เสร็จแล้วเข้าไปรอ ในห้องฝังเข็มได้เลยค่ะ”

ผมเลิกคิ้วแล้วขยับจะแก้ไขความเข้าใจผิดของเขา แต่คำพูดของผมลื่นไหลลงคอลงกระเพาะไปทันทีเมื่อน้องกระตุกแขนผมแล้วพูดจาด้วยน้ำเสียง น่ารักน่าชังน่าฟัดเป็นที่สุด

“นี่จัง~...ไปช่วยซัทสึกิเตรียมตัวหน่อยนะฮะ”

ผมได้แต่หัวเราะเบาๆในลำคอกับความน่ารักของน้องแล้วให้น้องเป็นฝ่ายจูงมือผมเดินเข้าไปด้านในบ้างแล้วคราวนี้

พอเดินมาถึงห้องเตรียมตัวก็มีพนักงานอีกคนมาบอกให้น้องเปลี่ยนถอดกางเกงกับเสื้อผ้าออกเพราะคุณหมอต้องฝังเข็มลงกับขาและหน้าท้องด้วย น้องทำหน้าเหวอด้วยความตกใจก่อนจะหันมามองหน้าผม

ตาใสของเขาสั่นมากเลยครับ พอๆกับมือที่จูงผมมาตอนแรก ผมเลยต้องช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ น้องเกาะผมไว้แน่นและไม่ให้ความร่วมมือใดๆทั้งสิ้น

ผมใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าจะจัดการให้เขานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนสั้นที่พอเห็นสภาพของน้องหลังจากนุ่งมันแล้ว ผมก็แทบไม่อยากให้ใครได้เห็นจริงๆครับ...ผมหวง!

หลังจากนั้นผมก็พาน้องไปยังห้องฝังเข็ม ดีหน่อยที่ยังเป็นหมอผู้หญิงเพราะถ้าเป็นหมอผู้ชายหนุ่มๆผมคงพาน้องกลับไปโดยโยนทิ้งเงินทั้งหมดของ คอสนี้แน่ๆ พอน้องขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วผมก็นึกลังเลอยู่ว่าจะออกไปดีหรือยืนดูอยู่ด้วยดีเพราะไม่รู้ว่าคุณหมอจะอนุญาตหรือเปล่า แต่คุณหมอคนสวยเธอหันมายิ้มให้ผมเสียก่อน

“คุณพี่ชายจะรอดูหรือจะไปรอข้างนอกก็ได้นะคะ ตามสบายค่ะ”

ผมหันมองหน้าน้องอีกครั้ง น้องเองก็กำลังหันมามองผมอยู่ ปากเขาสั่นพอๆกับแววตา เหมือนลูกหมาตัวน้อยๆที่กำลังตื่นคนมากครับ เพราะแบบนี้สินะเพื่อนสนิทกับพี่ชายคนโปรดของเขาถึงได้ชอบแกล้ง เพราะน้องกลัวได้น่ารักแบบนี้นี่เอง

“อยู่กับซัทจังก่อนนะฮะนี่จัง”

สงสารก็สงสารครับ อยากจะขำก็อยากจะขำ ผมได้แต่กลั้นยิ้มแล้วเอามือลูบหัวเขาเบาๆ เล่นเนียนไปตามน้ำ

“ไม่ต้องกลัวนะซัทจัง นี่จังจะอยู่เป็นเพื่อนซัทจังนะครับ” ผมบอกแล้ว แอบเนียนจูบหน้าผากน้องและได้ทันเห็นน้องค้อนตาใส่ผมแวบหนึ่งด้วยครับ

“เป็นพี่น้องที่รักกันดีจังเลยนะคะ”

คุณหมอพูดแล้วหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู ไหนๆเธอก็คิดว่าผมกับซัทสึกิเป็นพี่น้องกันแล้วเลยต้องขอเลยตามเลยไปอีกสักนิด

“ครับ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องน่ะครับ ผมเลยรักน้องชายคนนี้ของผมมาก” น้องค้อนผมอีกรอบแล้วครับ ค้อนอะไรกันครับซัทจัง พี่พูดความจริงนะครับถึงจะเป็นแค่เฉพาะประโยคหลังก็เถอะ

จากนั้นคุณหมอก็ให้น้องนอนลงแล้วหันไปแกะเข็มออกจากห่อ ผมมองดูน้องแล้วก็สงสารจับใจครับเพราะเขาปริ่มๆจะร้องไห้จริงๆเสียแล้ว

“ไม่ต้องกลัวนะคะ อย่าเกร็งด้วยนะคะ เพิ่งฝังครั้งแรกจะใช้เข็มเล็กให้ นะคะจะได้ไม่เจ็บ”

คุณหมอขยับมาจับมือน้อง ผมเลยต้องปล่อยมือน้องไปแต่ก็ไม่ได้ถอยออกไปหรอกครับเพราะตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ไม่ได้เกะกะอะไรคุณหมอที่อยู่ฝั่งตรง กันข้าม ผมเลยเปลี่ยนไปลูบผมน้องไว้ คอยปลอบน้องไปและลุ้นไปด้วยเมื่อ คุณหมอเริ่มฝังเข็มไปตามจุดต่างๆของน้อง

ผมเคยอ่านตำราพวกฝังเข็มอะไรพวกนี้และรู้มาว่ามันไม่ได้เจ็บอย่างเวลาฉีดยา มันออกจะจั๊กจี๋ไปเสียหน่อย ยกเว้นแต่เวลาโดนลำไส้หรือเส้นประสาทอย่างที่คุณหมอกำลังบอกน้อง แต่มันก็เป็นเพียงชั่วครู่เพราะถ้าคนไข้เจ็บจนรู้สึกทนไม่ไหวคุณหมอก็จะถอนเข็มออกมาและฝังไปในตำแหน่งใหม่

แล้วหลังจากนั้นไม่กี่เข็ม คุณหมอเธอก็ฝังพลาดไปครับ น้องสะดุ้งแล้ว ร้องโอ๊ยออกมาทำเอาผมเกร็งตาม เห็นแล้วสงสารครับ ไม่เหลือความขำหรือ อยากล้อเลียนอะไรแล้ว

ผมอยากเป็นฝ่ายโดนฝังเข็มแทนน้องแทนมากกว่า ยิ่งเขากลัวมันก็ยิ่งเกร็ง พอคุณหมอฝังเข็มที่หน้าแข็ง น้องก็ร้องเสียงดังกว่าเดิมจนน้ำตาเขาไหลออกมา กว่าคุณหมอเธอจะเสร็จสิ้นกระบวนการฝังเข็มไว้ทั่วร่างของน้องน้ำตามันก็ไหลลงข้างขมับของน้องไปหลายหยดเอาเสียแล้ว

“เจ็บมากไหม?” ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาของน้องก่อนตัดสินใจหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาเช็ดน้ำตาให้กับน้องแทน น้องส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่เจ็บ แต่ทรมาน”

ฟังแล้วผมก็อยากหาอะไรมาเบนความสนใจน้องเขาจะได้ลืมความ ทรมานไป ผมกลอกตาไปมาก่อนจะแกล้งถาม

“เจ็บน้อยกว่าเข็มของฉันอีกหรอ?”

น้องกลอกตาเหมือนที่ผมทำเมื่อสักครู่ ผมเลยก้มลงไปเสริมอีกนิดเสียงเบาเพื่อไม่ให้คุณหมอที่อาจจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ได้ยินเข้า

“ก็ตอนฉันฝังเข็มของฉันเข้าไปในก้นนาย นายเอาแต่ร้องเจ็บๆ นี่นา”

หลังจากนั้นน้องก็นอนทำตาเขียวมองผมคล้ายอยากจะลุกมาหักคอทันทีเลยครับ และพอหลังจากคุณหมอเอาเข็มออกหมดแล้ว ผมก็พาน้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง ระหว่างนั้นน้องก็บ่นออกมาขณะที่ผมสวมเสื้อให้เขา

“ให้ตายเหอะ ไม่มาฝังแล้วได้ไหมเนี้ย”

“ทนหน่อยหน่า แค่อาทิตย์ละสามวันเอง หนึ่งเดือนก็หมดคอสแล้วนี่”

“ตั้งหนึ่งเดือน!!”

น้องบอกแล้วทำแก้มพอง ผมหัวเราะเบาๆแล้วจูงมือเขาออกไปจ่ายเงิน ท่าทางของน้องยังคงอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าจนกระทั่งขึ้นรถ ส่วนหนึ่งอาจเป็น เพราะเขายังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมพลิกดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็หันไปถามเขา

“ว่าแต่วันนี้อยากไปไหนต่อหรือเปล่า? หิวหรือยังหืม?”

แน่นอนว่าเขาคงต้องหิวแล้วล่ะครับ แต่ผมก็ถามเผื่อไว้ว่าเขากินอะไรไม่ลง แต่น้องก็รีบบอกทันที

“อือ หิวแล้วๆ”

“อยากกินอะไรล่ะหืม?”

ผมเอี้ยวตัวไปดึงเข็มขัดมาคาดให้เขา น้องมัวแต่หยิบเอาบทละครขึ้นมาเปิดกางดู พอผมถามเขาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอานิ้วจิ้มคางทำท่านึก

“อะไรดีล่ะ มีอะไรกินแล้วไม่อ้วนมั่ง? ถ้าน้ำหนักขึ้นตอนนี้โดนพี่มิซึรุเล่นงานแน่ๆ” ผมนั่งนึกตามคำถามของน้อง แล้วตัวเลือกหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ผมมีอีกร้านที่อยากพาน้องไปทาน

“งั้นไปกินที่ภัตตาคารก็แล้วกัน”

“โอเค ไปกันเลย!”

น้องบอกแล้วชี้มือไปข้างหน้าอย่างร่าเริง ดูเหมือนว่าความหงุดหงิดของเขาจะหายเป็นปลิดทิ้ง ผมเลยขับรถออกคลินิกและมุ่งไปยังร้านอาหารที่ผมเลือก ไว้ในใจ

-TBC-

อ้างถึง
พาร์ทของเรนยาวจัง อยากอ่านเรื่องราวปัจจุบันแล้วอ่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
พาร์ทของเร็น เหตุการณ์จะเท่ากับที่ซัทจังเล่าค่ะ
แต่อิพี่เร็นมันเวิ่น เลยยาวกว่าอ่ะ >"<

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 10

 คราวนี้ผมพาน้องไปยังภัตตาคารกลางน้ำที่ปกติแล้วที่บ้านผมมักจะพากันมาทาน คุณมี๊กับคุณป๋ารวมทั้งพี่รินะและผมต่างก็ชอบที่นี่เพราะมีโซนไพรเวทแยกเป็นสัดส่วนให้พวกเราได้ทานอาหารกันอย่างสบายๆและสงบร่มรื่นกับบรรยากาศโดยไม่ต้องปะปนกับใคร ทั้งอาหารก็ปรุงด้วยเครื่องปรุงสดใหม่ โดย เฉพาะอาหารทะเลที่เอามาทำหน้าซูชิกับซาชิมิต่างๆ

พอเรามาถึงกัน น้องก็ทำท่าจะเดินเกร่ดูรอบๆร้าน เขาเดินตัวปลิวคล้ายว่าจะลืมหิวไปยังสะพานไม้ที่อยู่ข้างสระน้ำแล้วชะโงกดูปลาโค่ยหลากสีที่ทางร้านเลี้ยงไว้

“ปลาโค่ยเพียบเลย ดูสิมีตัวสีทองด้วย!” น้องร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อเจ้าตัวสีทองแหวกว่ายเข้ามาใกล้ ผมเดินไปยืนข้างๆน้องแล้วมองดูตามมือเขาที่ชี้

“นั่นโอกอนน่ะ” น้องหันมาเลิกคิ้ว ผมเลยอธิบายเพิ่มเติมคล้ายจะให้ความรู้กับน้องไปในตัว

“ปลาโค่ยน่ะมีหลายสายพันธุ์ ถ้าอย่างสีดำทั้งตัวแบบตัวนั้นก็คือพันธุ์คาราซึโค่ย แล้วก็ถ้าดำเฉพาะครีบอกแต่ขอบหางเป็นสีขาวแบบนั้นคือพันธุ์ ฮิจิโระ อย่างถ้าตัวมันทองทั้งตัวแบบนี้ก็เป็นพันธุ์ฮิการิมูจิโมโนหรือเรียกอีกอย่างว่าโอกอนน่ะ”

ผมอธิบายไปแล้วก็มองหน้าน้องเพลินมากเลยครับ เขาทำปากเป็นรูป ตัวโอแล้วพยักหน้างึกงักมองหน้าผมสลับกับปลาโค่ยที่ผมชี้ให้เขาดู

“แล้วอย่างตัวนั้นล่ะพันธุ์อะไร?” น้องชี้นิ้วไปที่ปลาโค่ยตัวหนึ่งที่มันว่ายเข้ามาใกล้ๆ มันมีสีพื้นเป็นสีขาวแล้วก็มีลายสีดำเป็นดอกๆบนตัว

“นั่นชิโระเบคโกะน่ะ”

“แล้วนั่นล่ะ?” น้องชี้ไปที่ตัวสีขาวที่มีลายกลมๆสีแดงที่หัวครับคราวนี้

“นั่นตันโจ”

“แล้วนั่นล่ะ? นู่นด้วย? แล้วก็นู่นอีก?” สารพัดจะชี้เลยครับคราวนี้ น้องชี้ไปจนเกือบหมดบ่อเหมือนจะประลองเชาว์กัน พอเห็นผมตอบได้หมดเขาก็หันมา เท้าเอวสองข้างแล้วกระดิกเท้าเอียงคอยักคิ้วใส่ผม

“ทำไมนายรู้ดีจัง?”

ผมหัวเราะในลำคอก่อนเอื้อมมือไปจูงมือเขาให้เดินไปหาพนักงาน ต้อนรับที่มายืนคอยได้พักใหญ่แล้วพลางตอบคำถามของเขา

“คุณป๋าชอบเลี้ยงเป็นงานอดิเรกน่ะ ที่โซนสวนญี่ปุ่นของบ้านมีอยู่เยอะแยะเลย ฉันเลยคุ้นเคยกับมันมาตั้งแต่เด็ก”

น้องพยักหน้างึกงักแล้วเบ้ปากน้อยๆน่ามันเขี้ยว

“งานอดิเรกของคนรวยสินะ” ผมได้แต่หัวเราะในลำคอแล้วไม่ได้ตอบ อะไรกลับไป

พนักงานสาวที่คุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดีในฐานะลูกค้าประจำพาผมกับ น้องไปยังเรือนหมายเลขสองที่ปกติแล้วผมจะไปนั่งเป็นประจำอย่างรู้ใจ เพราะ เรือนนั้นเป็นจุดที่สามารถชมความงามของสวนญี่ปุ่นที่ทางร้านจัดไว้ได้ดีที่สุด มาถึงแล้วน้องก็สั่งอาหารสองสามอย่างก่อนจะไปเดินนั่งห้อยขาตรงระเบียงเรือนผมเลยจัดการสั่งอาหารต่อจนเสร็จแล้วเดินตามเขาไปนั่งข้างหลัง

“ชอบไหม?” เพราะเขากำลังเพลินอยู่แล้วผมเดินเข้าไปถามเขาข้างๆหู น้องเลยสะดุ้งเบาๆ เขาหันมามองหน้าผมแล้วยกมือลูบหู

“ก็ดี” น้องตอบเสียงอ้อมแอ้ม ใบหน้าของเขาแดงขึ้นมา ซัทสึกิเลยหลบหน้าลงไปทำมองปลาโค่ยที่ว่ายเข้ามาใกล้ทั้งที่หูของเขากำลังแดงจัด

“อย่ามาทำปากแข็งรู้นะว่าชอบมาก”

“ถ้าคิดว่าชอบมากแล้วจะถามทำไมอีกล่ะ”

น้องอาจไม่รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังน่ารักมากแค่ไหน แก้มใสแดงๆของเขา พองลมน้อยๆจนผมอดไม่ได้จะเอาข้อนิ้วเกลี่ยแผ่วเบาก่อนกดปลายจมูกไปดม ความหอมอีกฟอดหนึ่งอย่างชื่นใจแล้วกระซิบ

“ก็อยากได้ยินจากปาก ถ้าชอบมากพี่ชายจะได้พามาอีกไงครับคุณน้องชาย” ว่าไปแล้วก็ถูกน้องมองค้อนแถมยังโดนหยิกเอวด้วยครับ วิธีการลงโทษของน้องมันช่างแมนเสียจริง ผมคงจะไม่ชอบใจจริตแบบนี้สักเท่าไหร่ถ้าคนทำไม่ใช่ อิชิฮาระ ซัทสึกิที่ผมหลงใหลคนนี้ แต่เพราะเป็นน้องผมเลยได้แต่หัวเราะขำเมื่อเขาเหน็บผมกลับมา

“คุณพี่ชายก็ลงพุงเหมือนกันนะนี่ คราวหน้าไปฝังเข็มพร้อมกับน้องชายหน่อยดีไหมฮะนี่จัง~”

“ได้เลยครับคุณน้อง นี่จังไม่กลัวอยู่แล้ว”

อา..ผมได้ฟัดน้องสมใจแล้วครับ น้องไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังกอดเขาอยู่แล้วหาเศษหาเลยกับแก้มนุ่มๆของเขา เพราะถ้าเขารู้ตัว ซัทสึกิจังที่บอกว่าตัวเองแสนมาดแมนคนนี้คงจะผลักผมออกไม่ยอมปล่อยให้ผมเวียนจูบซ้ำๆบน แก้มนุ่มของเขาแบบนี้แน่ครับ

แต่ช่วงเวลาของความสุขมักถูกขัดจังหวะเสมอ ตอนแรกผมน่าจะบอกคุณพนักงานเสิร์ฟคนสวยให้ดูจังหวะด้วยสักหน่อย เพราะเธอเปิดเข้ามาขัดจังหวะผม น้องเลยผละจากผมไปนั่งขัดสมาธิมองดูอาหารด้วยท่าทางตื่นเต้นพร้อมรับประทาน ผมเลยต้องเดินไปนั่งข้างๆเขาแต่ในใจยังนึกเสียดายความหวานที่พัดผ่านเข้ามาโดยที่น้องไม่รู้ตัวเมื่อสักครู่

“ไปนั่งฝั่งนู้นสิ จะมานั่งเบียดกันทำไมล่ะนี่!”

พอพนักงานเสิร์ฟกลับออกไปแล้วน้องก็หันมาโวยใส่ผมที่มานั่งเบียดอยู่ กับเขาครับแถมยังแยกเขี้ยวใส่ผมอีกที่พอเขากระเถิบออกห่างผมก็กระเถิบตาม

“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่” ผมคีบเอาเทมปุระกุ้งป้อนให้เขา น้องจิกตามองผมก่อนจะยอมอ้าปากทานเทมปุระที่ผมป้อนให้ พอมีอาหารเข้าปาก น้องก็เลิก โวยวายแล้วก็นั่งเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มพองอีกรอบ

“เอาอีก” คราวนี้น้องอ้าปากให้ผมป้อนเองเลยครับ ผมชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะอ้อนผมแบบนี้ หรืออีกนัยหนึ่งเขาคงชอบใจกับการที่มีคนเอาใจด้วยล่ะมั้งครับ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรซ้ำยังยินดีอีกด้วยเลยจัดการคีบอาหารให้ น้องอย่างเอาใจไปเรื่อยๆ จนเราอิ่มหนำกันอาหารที่ผมกับน้องสั่งก็หมดโต๊ะพอดี

“ให้เขาเอาผลไม้มาเลยนะ?” น้องพยักหน้างึกงักแล้วเหยียดขาออกไปเขาเท้ามือไปข้างหลังแล้วเอนตัวตบท้องที่ไม่มีพุงของตัวเองเล่น

“เจ็บที่ฝังเข็มไปบ้างหรือเปล่า?” ผมถามอย่างห่วงใยเพราะถึงผมจะอ่าน มาว่าไม่เจ็บแต่ก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าจริงๆมันเจ็บหรือเปล่า น้องส่ายหน้าไปมาจนผมเขาสะบัดไปตามแรง

“ไม่อ่ะ ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ มันจะช่วยลดได้จริงหรอ?”

“ก็น่าจะลดได้จริงน่ะแหละ ไม่งั้นคนคงไม่ไปฝังเข็มกันหรอกจริงไหม?”

ผมตอบแล้วก็ชะงักค้างครับเพราะน้องถลกเสื้อขึ้นมาแล้วก้มดูท้องของตัวเอง รู้ไหมมันยั่วสายตาพี่แค่ไหนน่ะคนดี

“ไม่เจ็บแต่ยังมีรอยรูแดงๆอยู่เพียบเลย”

ผมมองแล้วก็เห็นจริงอย่างที่น้องว่าครับ โดยเฉพาะรอบสะดือของเขา แต่มันก็จางลงมากกว่าตอนที่ผมแต่งตัวให้น้องก่อนออกคลินิก

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เกินเย็นนี้ก็น่าจะหาย ดูสิมันจางลงกว่าตอนก่อนออกจากคลินิกอีก”

น้องโคลงหัวไปมาก่อนจะหันมาเหล่มองหน้าผมแล้วเบ้ปาก

“อย่างน้อยก็คงหายไวกว่าไอ้รอยที่นายทิ้งไว้บนตัวฉันแน่ๆ” ผมยิ้มรับ ข้อกล่าวหาของเขาแล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้หูของน้อง

“ก็แน่ล่ะสิ...ฉันตั้งใจทำให้มันติดทนนานๆนี่นา”

พูดแล้วก็ต้องรีบถอยห่างครับเพราะหลังจากนั้นน้องก็ทำท่าเหวี่ยงหมัด มาหาผม เคราะห์ดีที่คราวนี้คุณพนักงานเสิร์ฟมาไว น้องเลยได้แต่ทำท่าเข่นเขี้ยวอยากหักคอผม

“มากินผลไม้กันเร็ว เดี๋ยวยังมีที่ต้องไปต่ออีก” ผมจิ้มเอาแตงโมสีแดงสดให้เขาทาน น้องยอมทานแต่โดยดีพลางกลอกตาไปมา

“ไปไหนอีกอ่ะ?”

“ไปสปาไง” น้องพยักหน้างึกงักแล้วยกมือเบรกผมที่ป้อนแคนตาลูป ชิ้นที่สามให้เขา

“พอแล้ว อิ่มจะตายอยู่แล้ว”

“งั้นคิดเงินเลยแล้วกันนะ” น้องพยักหน้าแล้วก้มมองดูพุงตัวเขาเอง อีกรอบระหว่างที่ผมสั่นกระดิ่งเรียกพนักงานให้มาคิดเงิน

“ผลไม้ของเขาอร่อยนะ แต่ถ้าฉันกินมากกว่านี้มันต้องไหลออกมาตามรูเข็มที่ฝังไปเมื่อกี้แน่ๆ” ผมหัวเราะกับคำพูดของน้องก่อนจะหยิบเอาบัตรเครดิตของผมมายื่นให้กับพนักงาน น้องมองตามแล้วขยับล้วงกระเป๋าเงินของเขามาเปิดหยิบเอาบัตรเครดิตที่ผมฝากมิซึรุให้เขาเมื่อวานขึ้นมา

“นี่ๆ บัตรนี้ให้ฉันใช้ได้จริงอ่ะ?” น้องโบกบัตรใบนั้นไปมา

“อืม แต่วงเงินแค่หนึ่งล้านต่อหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นนะ” น้องชะงักแล้วทำตาโตก่อนส่ายหน้าไปมาและพยายามยัดเยียดบัตรคืนมาให้ผม

“ไม่เอาหรอก!! ถ้านายมาเรียกเงินคืนทีหลังฉันไม่มีให้หรอกนะ”

“ฉันให้แล้วไม่เอาคืนหรอก แล้วบัตรนั่นมันก็เป็นชื่อนายแล้วด้วย”

น้องยกบัตรขึ้นมาดูอีกครั้ง คิดว่าเขาคงกำลังมองดูชื่อตัวเองอยู่ พอเห็นชื่อตัวเองแล้วน้องก็เงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้งแล้วถามอย่างสงสัย

“แล้วถ้าพ่อกับแม่นายรู้ไม่เล่นงานฉันตายเลยหรือไงกัน?”

“พวกเขาจะมายุ่งอะไรด้วยล่ะ นี่มันเงินฉันนะ แล้วนายก็ไม่ต้องกลัว นายจะรูดไปเท่าไหร่ฉันก็จะจ่ายให้นายเอง” น้องทำตาปริบๆเขาก้มหน้ามองบัตรแล้วเงยหน้ามองผมอีกครั้งคล้ายไม่แน่ใจ

“เงินนาย?”

“อืม..ฉันมีเงินปันผลจากหุ้นของบริษัทที่บ้านแล้วก็จากเงินลงทุนหุ้นเล็กๆน้อยที่ฉันเล่นแก้เครียด”

ผมบอกไปแล้วน้องก็ทำปากค้างใส่ผมจนผมรู้สึกว่าตัวเองอาจพูดอะไรผิดไป แถมเขายังเงียบไปตลอดทางหลังจากที่ผมพาเขาออกมาจากร้านอาหาร

จนถึงบ้านผมนั่นแหละครับน้องถึงกลับมาคุยกับผมอีกครั้ง

“ที่นี่ที่ไหน?”

“บ้านฉันเอง”

น้องทำตาโตใส่ผมที่กำลังจูงมือเขาเข้าไปในบ้าน เรายังไม่ทันจะก้าวเข้าบ้านไปถึงห้าก้าว ผู้ให้กำเนิดสุดสวยของผมก็เดินรี่เข้ามาหาเราทั้งสองคน

คุณมี๊ยิ้มสวยต้อนรับน้องที่เธออยากพบมาโดยตลอด สายตาของคุณมี๊วิบวับพอๆกับรอยยิ้มเลยครับ

“มาเร็วจังเลยค่ะ คุณมี๊นึกว่าลูกจะเข้ามาค่ำๆเสียอีก”

“พอดีผมว่าจะพาซัทสึกิเขามาสตรีมเสียหน่อยครับ ยืมห้องสตรีมของคุณมี๊หน่อยนะครับ” ผมเคยบอกคุณมี๊ไว้แล้วว่าจะพาน้องมายืมใช้ห้องสตรีม พอบอกไปอย่างนั้นคุณมี๊ก็หันไปหาซัทสึกิอีกครั้ง น้องกำลังยืนทำหน้างงมองเราสองแม่ลูกสลับกันไปมา

“นี่หรอคะซัทสึกิจังของเร็น หน้าตาน่ารักน่าชังจังเลยค่ะ ผิวก็เนียนดี สตรีมอีกนิดก็อมชมพูสวยไปเลย” บอกได้ไหมครับว่าผมแอบยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ปกติแล้วถึงจะเป็นคนใจดีแต่คุณมี๊ไม่ใช่คนที่จะเอ่ยชมใครว่าน่ารักน่าชังง่ายๆนะครับ

“ตาถึงไม่เบานะคะลูก คนนี้คุณมี๊ให้ผ่านค่ะ” ผมแอบลอบยิ้มกับคุณมี๊

การเปิดทางว่าผู้ใหญ่เห็นด้วยในความรักของเราเป็นขั้นต้นที่เราสองคนแม่ลูกตกลงกันไว้ครับ เพื่อให้น้องไม่ตะขิดตะข่วงใจว่าถ้าเขารักจากผมแล้วจะต้องเจออุปสรรคว่าพ่อแม่จะไม่ยอมรับความรักของเราเหมือนกับในละคร แต่ดูเหมือนน้องจะตามเรื่องไม่ทันครับ เขาเอียงคอน้อยๆแล้วถาม

“เอ่อ..? ผ่านอะไรครับ”

“ผ่านเกณฑ์ลูกสะใภ้ตระกูลริวซากิไงคะลูก”

พอน้องถามแล้วคุณมี๊ก็ตอบกลับไปทันทีอย่างไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น น้องทำหน้าเหวอ เขากะพริบตาเบาๆเหมือนได้ยินอะไรที่ไม่คาดฝันก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“อ่า..ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชายนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมี๊ไม่ถือ แค่หนูน่ารักแล้วก็นิสัยดีอย่างที่พ่อตัวดีเขา การันตีมา คุณมี๊ก็ยินดีรับหนูเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วล่ะ”

คุณมี๊เองก็เป็นเหมือนผมครับ คือถ้าอยากได้อะไรแล้วก็จะไม่ยอมแพ้ แต่ ก็เช่นเดียวกัน น้องเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันที่จะแสดงความมาดแมนของเขาออกมา

“ผมกับเร็นเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นครับ”

“เรื่องของอนาคตมันไม่แน่นิคะลูก วันนี้เป็นเพื่อน วันต่อไปอาจเป็นคู่ชีวิตกันก็ได้ ค่อยๆคบกันไปจากการเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้วค่ะ เพราะคู่ชีวิตที่ดีที่สุดคือ ต้องเป็นเพื่อนชีวิตกันนะคะรู้ไหม”

ลูกตบของน้องโดนคุณมี๊ตอบกลับไปอย่างสวยแต่ไม่งามสักเท่าไหร่ครับ ผมรู้สึกว่ามันเริ่มจะผิดแผนนิดๆเอาเสียแล้วเพราะตอนนี้น้องเริ่มตีสีหน้าบึ้งตึงไม่ชอบใจออกมาแล้ว ผมเลยต้องขัดตาทัพเอาเสียก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

“พอเถอะครับคุณมี๊ หยอกน้องแรงๆแบบนี้ ซัทสึกิเกร็งจะแย่อยู่แล้ว”

ผมเอื้อมมือมาหยิกแก้มของเขาเบาๆ น้องแยกเขี้ยวใส่ผมแล้วทำแก้มพองอย่างที่ติดเป็นนิสัยเวลาถูกแหย่ เห็นแบบนี้แล้วคุณมี๊ก็หัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดูแต่ก็ไม่วายหยอดทิ้งท้ายเอาไว้อีกระลอก

“โอเคค่ะ คุณมี๊เลิกแกล้งแล้วก็ได้ แต่คุณมี๊อยากได้ซัทสึกิจังเป็นลูกสะใภ้จริงๆนะคะลูก ว่าแต่เย็นนี้อยู่ทานข้าวเย็นกันด้วยนะคะลูก คุณมี๊ว่าคุณป๋ากับรินะ คงอยากเจอซัทสึกิจังของเร็นอยู่นะคะ”

บอกแล้วครับว่าคุณมี๊เป็นคนไม่ยอมอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ยิ่งได้มาเจอตัวจริงของซัทสึกิ คุณมี๊คงต้องการที่จะได้เห็นความน่ารักน่าแกล้งของน้องมากขึ้นไปอีก ให้สมกับที่เธอรอคอยมานาน

“ตกลงครับ แต่ขอเป็นอาหารชีวจิตหน่อยนะครับคุณมี๊ ซัทสึกิเขาต้องควบคุมน้ำหนักครับ” ผมบอกแล้วหันไปลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู ซัทสึกิน่าจะกำลังหงุดหงิดอยู่ที่ถูกเข้าใจผิด เขาเลยก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเอง แต่พอคุณมี๊เอ่ยแซวผม น้องก็เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะตามเสียงของคุณมี๊

“บอกแต่ว่าน้องเขาต้องควบคุมน้ำหนัก เร็นเองก็ควรควบคุมน้ำหนักได้ แล้วนะคะลูก พุงเริ่มออกแล้วนะเรา ว่างๆเข้าไปเฟิร์มหุ่นสักนิดก็ดีนะคะ”

ผมหรี่ตากับเสียงหัวเราะของน้องก่อนจะยกยิ้มบ้างเมื่อคิดหาทางแกล้งเขาขึ้นมาได้ ผมตอบคุณมี๊แต่มองน้องยิ้มๆ

“ผมมีวิธีลดของผมอยู่ครับคุณมี๊?”

“ลูกลดยังไงคะ คุณมี๊ไม่เห็นลูกเข้ายิมมานานแล้วนะ?” คุณมี๊ทำท่าสงสัย ผมเลยตอบกลับไปขณะที่น้องหลบสายตาวูบ ผมว่าซัทสึกิรู้แล้วว่าผมจะตอบอะไร

“อ่อ..ช่วงนี้ผมฝังเข็มกับซัทสึกิครับ”

บอกเสร็จแล้ว แก้มใสๆของน้องก็แดงจัดเหมือนมะเขือเทศสุกเลยครับผมหลิ่วตาให้กับคุณมี๊ก่อนจะจูงน้องเดินไปยังห้องสตรีมที่อยู่บนชั้นสอง ผมบอก กับสาวใช้ที่เดินตามมาให้เข้าไปเตรียมห้องสตรีมให้ก่อนจะพาน้องไปยังห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า พออยู่กันตามลำพังแล้วผมก็ถูกซัทสึกิซักฟอกทันทีครับ

“นายไปเล่าอะไรให้แม่นายฟังน่ะ!?”

น้ำเสียงจับผิดระคนหาเรื่องของน้องนี่น่าฟังจังเลยครับ เวลาเขาสงสัย และอยากรู้เขาจะพยายามทำเสียงให้ต่ำเข้าไว้แล้วก็กดสายตามอง อารมณ์คล้ายเด็กที่ชอบเลียนแบบผู้ใหญ่ประมาณนั้นแหละครับ เห็นแล้วน่าเอ็นดูสุดๆ

“ก็ไม่มีอะไรนี่” ตอบไปอย่างนั้นแล้วผมก็รู้ครับว่าน้องต้องไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่ แล้วก็อย่างที่คิดไว้เขาเดินมาขวางหน้าผมไว้แล้วเค้นถามต่อเพื่อให้ได้คำตอบที่เขาอยากรู้

“ริวซากิ เร็น บอกมาซะดีๆ” ผมเอาลิ้นดุนแก้มสองสามทีก่อนจะยื่นหน้าไปหาเขาพร้อมรอยยิ้ม

“บอกก็ได้..ฉันบอกคุณมี๊ว่าวันนี้จะพาลูกสะใภ้มาหา โอเคไหม?”

เท่านั้นแหละครับ น้องก็ทำหน้างอเบะปากคว่ำทันที

“ไม่โอเค” ผมแทบจะหลุดหัวเราะกับกิริยาของเขาเพราะเป็นปฏิกิริยาที่ ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด ผมหยิกแก้มน้องอย่างมันเขี้ยวเลยถูกเขาย่นหน้าใส่

“ไม่โอเคก็ไม่โอเค ไปถอดเสื้อผ้าได้แล้ว หรือจะให้ฉันถอดให้...อีก”

“ไม่ต้อง! ถอดเองได้น่ะ!” คนดีเขาสะบัดทั้งหน้าและเสียงใส่ผมก่อนจะดึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ผมยื่นให้เขาไปถือไว้เอง

พอเขาทำท่าจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเลยแกล้งเย้าเขาไปอย่างอดไม่ได้

“ถอดชั้นในด้วยนะ เดี๋ยวเข้าห้องสตรีมแล้วมันจะเปียกไม่มีอะไรใส่ซะก่อน”

ปดคำใหญ่มากเลยครับ จริงอยู่ที่เข้าห้องสตรีมมันคงจะเปียกแน่ๆ แต่ไอ้เรื่องไม่มีอะไรใส่นี่มันไม่ใช่ปัญหาที่ผมจะแก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทำไงได้ครับ..ผมอยากหาเศษหาเลยแล้วก็อยากเห็นน้องแก้มแดงด้วยนี่ครับ แล้วผมก็ได้เห็นสมใจ น้องแก้มแดงจัดกับคำพูดของผม เขาสะบัดผ้าขนหนูมาดูแล้วมองหน้าผมก่อนจะมองกลับไปที่ผ้าผืนเล็กนั่นอีกที

“จะบ้าหรอ!!”

“หรือจะเปลือย? ไม่ต้องห่วงมีฉันแค่คนเดียวไม่มีคนอื่น”

จริงๆถ้าซัทสึกิใส่เสื้อผ้าหลายชั้นแบบคืนแรกที่เราได้นอนด้วยกันคืนนั้นหรือจะนุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กนั่น...ยังไงน้องก็ต้องโป๊ให้พี่ยลอยู่ดีนั่นแหละจ้ะคนดี อันนี้เป็นความลับสุดยอดนะครับ...แต่ผมอยากทำรักกับน้องหลังจากที่เราสตรีมเสร็จกันแล้วจัง ผิวอุ่นผ่องๆหลังจากสตรีมแล้วคงน่าฟัดไม่น้อย

ในที่สุดน้องก็ยอมเปลี่ยนมานุ่งผ้าขนหนูผืนสั้นนั้นครับ ไม่อยากบอกว่า ใจผมเต้นแรงมาก น้องดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าตอนที่อยู่คลินิกฝังเข็มเสียอีก อาจเป็นเพราะใต้ผ้าขนหนูผืนสั้นนั้นมันไม่มีชั้นในอยู่ด้วยก็เป็นได้ สายตาของผมเลยเอาแต่มอง ไปที่ชายผ้านั้นเลยถูกน้องเดินเข้ามาบิดพุงอย่างแรง

“โอ้ย! เจ็บนะ”

“สมควร อยากทำสายตาลามกเองทำไมล่ะ” ผมหัวเราะในลำคอ ไม่อยากบอกว่าไม่ใช่แค่สายตาผมหรอกที่ลามก แต่ก็ไม่อยากพูดไปในแมวน้อยของผมตื่นกลัวเสียก่อนเลยหยิบเอาผ้าขนหนูเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง

กลับออกมาอีกครั้งน้องก็กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนม้านั่งยาว ในมือของเขากำลังกดมือถือเล่นอยู่ พอหันมาเห็นผมยืนมองอยู่เขาก็เอาขาลงแล้วหุบขาก่อน จะแยกเขี้ยวใส่ผมเหมือนแมวน้อยช่างขู่ทั้งๆที่ผมเองก็เคยเห็นเขาโป๊ทั้งตัวมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแท้ๆจะหวงเนื้อหวงตัวไปทำไมไม่รู้

“ไปเข้าห้องสตรีมกัน” ผมบอกแล้วใช้มือแตะเอวน้อง คนดีสะดุ้งแล้วถ่องศอกเข้าท้องผม พอเห็นผมร้องพลางงอตัวเขาก็แลบลิ้นใส่ชนิดที่เห็นแล้วอยากจับกระชากมาจูบมากครับ

“สมน้ำหน้า อ๊ะ!” กรรมตกไปอยู่กับน้องครับ เขาสะดุดกับขอบประตูแล้วทำท่าจะล้มลงไป เคราะห์ดีที่ผมดึงแขนเขาไว้ได้ทันเลย

ผมดึงเขามากอดไว้อย่างใจหาย เพราะพื้นที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตูนั้นเป็นหินแกรนิตแข็งๆและยังอยู่ในระยะที่จะล้มไปฟาดกับขอบขั้นบันไดสองสามขั้นที่จะเข้าไปในห้องสตรีมอีกด้วย มันอาจทำให้เขาหัวแตกได้ถ้าล้มฟาดลงไป

ผมนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่กอดเขาให้ซุกกับไหล่ของตัวเองพลางกร่นด่าตัวเองที่ไปแหย่เขาจนเกือบเกิดเรื่องขึ้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆทั้งหมดนี้เป็นความผิด ของผมคนเดียวเลย

“ไม่เป็นอะไรนะ?” พอรู้สึกตัวผมก็เลยปล่อยเขาออกจากอ้อมกอดแล้วถามอย่างเป็นห่วง น้องเหลือบตามองหน้าผมก่อนส่ายหน้าเร็วๆแล้วหันเดินเข้าไป ในห้องสตรีมโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาปอยู่ตรงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่นด้วยแก้มแดงๆและท่าทางขัดเขินของเขา

อิชิฮาระ ซัทสึกิช่างเป็นเด็กร้ายกาจจริงๆครับ

หลังจากที่เราสตรีมกันเสร็จแล้วผมก็พาน้องลงมาแช่น้ำอุ่นที่อยู่อีก ห้องหนึ่ง ห้องนี้จัดเป็นอีกห้องสำหรับผ่อนคลายที่ผมชื่นชอบครับ เพราะภายใน ห้องจัดแบบเป็นสวนหย่อมสไตล์บาหลีเล็กๆ มีกลิ่นอโรม่าหอมกรุ่นไปทั่วแต่ยังไงก็ คงหอมแพ้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆผมนี่แหละครับ

ถึงเวลานี้แล้วอารมณ์หนุ่มมันก็ถูกปลุกเร้าขึ้นมาเสียแล้วครับ ผิวน้องผ่องมากถึงมากที่สุดเลยครับ ชนิดว่าไม่น่าเชื่อว่าเป็นผิวผู้ชายด้วยกัน น้องแก้มแดง และยังคงมีไอน้ำเกาะพราวบนใบหน้ากับลำตัวของเขา เรือนผมชื้นนิดๆที่ละล้อมใบหน้าหวานของเขาพาให้ดูเซ็กซี่เย้ายวนอย่างที่เจ้าตัวคงไม่คาดคิด ผมเลยเบียดกระแซะเข้าไปนั่งชิดกับน้อง

“ที่มีตั้งเยอะ ไปนั่งไกลๆดิอึดอัด”

“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่” ผมบอกแล้วเกี่ยวเอวน้องไว้ก่อนที่เขาจะลุกไปนั่งตรงอื่น ออกแรงรั้งให้เขานั่งลงบนตักผม น้องดิ้นแล้วโวยวายตามประสาคนแมนๆที่ไม่ยอมให้หักเหลี่ยมความแมนกันง่ายๆครับ

“เฮ้ย!! ปล่อย!!”

“ออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่กัน”

ผมบอกไปอย่างนั้นน้องก็ทำหน้างอแล้วบ่นอุบอิบ ใบหน้าเขาแดงจัดกว่าเมื่อครู่ สังเกตดีๆแล้วหูของเขาก็แดงไม่แพ้กันเลยครับ

“ลามกที่สุด” ผมยิ้มรับคำพูดของน้องแล้วเลื่อนมือไปลูบขาอ่อนเนียนๆของเขา น้องขยับตัวกระสับกระส่ายอยู่บนตักของผม เขาหันมองไปที่ประตูห้องแล้วหันมามองค้อนใส่หน้าผมที่กระซิบข้างแก้มเขา

“แล้วอยากให้ลามกด้วยหรือเปล่าล่ะ? ซัทสึกิเองก็ลามกเหมือนกันน่ะแหละ” ผมว่าแล้วเลื่อนมือจากซอกขาล้วงไปใต้ผ้าขนหนูผืนสั้นเข้าไปจับซัทสึกิน้อย ที่แสนน่ารักตรงกลางหว่างขา ซัทสึกิน้อยของน้องตื่นตัวรับสัมผัสของผมอย่างน่ารังแกเป็นที่สุด

“นายก็อยากให้ฉันลามกใส่เหมือนกันน่ะแหละ”

“อย่านะเว้ยเฮ้ย!!” น้องร้องโวยวายแล้วดิ้นขลุกขลักซัทสึกิเขาเป็นพวกไวต่อสัมผัสครับเลยง่ายต่อการปลุกเร้า สีหน้าแดงระเรื่อเพราะทั้งขลาดเขินและวาบหวามแต่ก็ยังจะพยายามโวยวายอย่างคนแมนๆตามฉบับของน้องนี่มันน่ารักเป็นที่สุด ถ้าเขาเป็นประเภทชอบอ่อนระทวยหรือไม่ก็ชอบยั่วยวนแบบคนอื่นๆที่ผมเคยผ่านมาแล้ว ผมคงจะไม่หลงรักเขามากมายขนาดนี้หรอกครับ

“หยุดไม่หรอก..ก็ซัทสึกิออกจะน่ารักขนาดนี้” ผมดึงผ้าขนหนูของน้องกับตัวเองออกให้ร่างกายของเราแนบชิดกันอย่างไม่มีอะไรมาขวาง น้องยังคงพยายามผลักผมออกทั้งที่สะโพกเขายังเบียดกับตักของผม

ความน่ารักของน้องทำให้ผมลุ่มหลงจนไม่อาจห้ามตัวเองได้ ผมยกสะโพกของน้องขึ้นเล็กน้อย ใช้เร็นน้อยของผมถูไถเข้ากับปากทางคับแคบแล้วโน้มคอให้น้องหันกลับมาจูบกับผมก่อนกดสะโพกของน้องให้ลงมาครอบครองตัวตนที่ปรารถนาเขาเต็มเปี่ยม แล้วผมก็ต้องสบถด่าตัวเองในใจเมื่อน้องร้องอุทานออกมาพร้อมกับสีหน้าเหยเก

“เจ็บนะ!!” เพราะความต้องการอันละโมบของผมเลยทำให้ผมลืมเตรียมความพร้อมให้กับเขา แต่ถ้าให้ถอนกายออกจากเขาตอนนี้ผมก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน ร่างกายของน้องบีบรัดผมอย่างรุนแรงจนแทบขยับไม่ได้ ผมกัดฟันแล้วจับน้องให้ขยับขึ้นลงบนตักพลางปลอบประโลมเขา

“เดี๋ยวก็หายเจ็บ”

ผมบอกแล้วพรมจูบไปทั่วหน้าเขา น้องบิดตัวคล้ายทรมานและพยายามเอียงหน้าหนีริมฝีปากของผม มือเขาจิกกับไหล่ของผมอย่างแรงก่อนร้องครางเสียงหวิวออกมาให้ผมใจสั่น ท้ายสุดเขาก็เลิกบ่ายเบี่ยงและยอมให้ผมจูบเขาแต่โดยดี

“หยุดเถอะ..” จูบกันเสร็จน้องก็ก้มลงมาซุกหน้าอยู่กับบ่าของผมแล้วครางเสียงสั่น เขายังคงขยับไปตามแรงส่งของผม น้องดูเย้ายวนมากเวลานี้ ผมลูบหลัง เขาเบาๆแล้วจูบขมับเนียน

“ฉันหยุดไม่ได้แล้ว นายก็รู้..”

ริมฝีปากของผมเลื่อนจากขมับไปที่แก้มของเขา มือก็เลื่อนลงไปช่วยให้ น้องหายอึดอัดบ้าง เขาเบียดสะโพกเข้ากับตักผมหนักหน่วงเมื่อผมทำเช่นนั้นและยิ่งครางเสียงสั่นขึ้นเรื่อยๆเมื่ออารมณ์ของเราทั้งสองมันพุ่งสูงมากยิ่งขึ้น แต่ทว่าอารมณ์รักของเราทั้งสองก็ถูกจังหวะขึ้นด้วยเสียงของคุณมี๊

“คุณมี๊เอาขนม...เร็นลูกกับน้องกำลังทำอะไรกันอยู่นี่!!”

ผมชะงักไปก่อนจะด่าตัวเองที่ลืมปิดประตู น้องหยุดขยับบนตักของผม ใบหน้าเขาซีดเผือดทันที สำหรับผมที่รู้ดีว่าคุณมี๊รู้เรื่องระหว่างผมกับน้องแล้วจึงไม่นึกกังวลอะไร

แต่น้องที่ไม่รู้จึงตกใจมาก เขาตัวแข็งในอ้อมกอดของผมและไม่พูดอะไรสักคำเมื่อคุณมี๊บอกให้เราทั้งสองแต่งตัวและตามลงไปข้างล่างเพื่อพูดคุยกัน

“บ้าจริง เพราะนายคนเดียวเลย แล้วนั่นยิ้มอะไรของนายกัน!”

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
น้องตวาดเสียงใส่ผม ใบหน้าของเขาแดงกล่ำและแววตาขุ่นมัว

“ไม่มีอะไร”

ผมส่ายหน้าแล้วช่วยน้องแต่งตัวเพราะมือของเขายังคงสั่นอยู่ ผมจะบอกน้องไปได้ยังไงครับ ว่าอีกด้านหนึ่งผมยินดีที่คุณมี๊เข้ามาเห็น เพราะบางทีผมอาจ จะมัดมือชกให้น้องกลายเป็นของผมได้นี่ครับ ในเมื่อถูกผู้ใหญ่เห็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบนี้แล้ว น้องคงไม่มีทางปฏิเสธผมได้อย่างแน่นอน

แต่งตัวกันเสร็จแล้วผมก็พาน้องเดินลงมาข้างล่าง สีหน้าของน้องยังคง ไม่ดีสักเท่าไหร่ แววตาของเขายังคงวิตกอย่างชัดเจน พอผมยกมือขึ้นโอบไหล่เขา น้องก็เบี่ยงตัวหนีแล้วเดินหนีผมไปนั่งที่โซฟาโดยไม่มองหน้าใคร

ผมแอบเห็นคุณมี๊อมยิ้มและส่งแววตารู้ทันมาให้ผมก่อนจะที่จะปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉยเมื่อน้องเหลือบมองมา

ผมเดินลงไปนั่งที่เก้าอี้ข้างน้องในขณะที่คุณมี๊นั่งลงอีกข้าง แอบใจเต้นเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าเรื่องวันนี้จะจบลงแบบไหน แต่ที่แน่ๆ มองตามารดาบังเกิดเกล้าสุดที่รักของผมแล้ว ผมก็รู้ดีว่าคุณมี๊เองก็อยากได้น้องมาเป็นลูกสะใภ้อย่าง แรงกล้าเหมือนกับที่ผมอยากได้น้องมาเป็นลูกสะใภ้ให้กับคุณมี๊นั่นแหละครับ

“ลูกทำแบบนี้ได้ไงเร็น” คุณมี๊เริ่มต้นพูดเมื่อคุณแม่บ้านที่ยกน้ำผลไม้มาเสิร์ฟนั้นเดินออกจากบริเวณที่เรานั่งกันอยู่ไปแล้ว ผมนั่งมองน้องก้มหน้าแล้วมองหน้าคุณมี๊ที่ขยิบตาให้กับผมทีหนึ่งก่อนจะเริ่มต่อ

“คุณมี๊รู้นะคะว่าวัยรุ่นสมัยนี้ใจเร็วด่วนได้ แต่น้องเพิ่งจะอายุสิบเก้าเองนะคะลูก ยังไงลูกก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะเร็น...บ้านซัทสึกิจังอยู่ที่ไหนหรอคะลูก?”

น้องสะดุ้งไม่น้อยเลยครับพอถูกคุณมี๊วางมือลงบนไหล่ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วกะพริบตาอยู่สองสามหนก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงงุนงง ผมต้องรีบตีสีหน้าเคร่งเครียดเพื่อไม่ให้น้องจับผิดได้

“เอ่อ...ทำไมหรอครับ?”

“คุณมี๊จะให้พ่อตัวดีไปขอโทษพ่อกับแม่ของซัทสึกิจังไงคะ แล้วก็จะสู่ขอซัทสึกิจังด้วยเลย” เป็นการรวบรัดผิดวิสัยของคุณมี๊มากครับ ถ้าไม่ต้องแกล้งทำตัว ว่าเป็นผู้กระทำผิดอยู่ ผมก็คงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเพราะรู้ดีว่าคุณมี๊เร่ง รวบรัดมัดมือชกกับน้องเพราะอะไรกัน

“เอ่อ..ไม่ต้องก็ได้ครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น..”

น้องเอ่ยขึ้นช้าๆก่อนจะถูกคุณมี๊ขัดขึ้นทันที อย่างคุณมี๊ไม่มีวันยอมอยู่แล้วครับที่จะปล่อยให้สิ่งที่ต้องการนั้นหลุดมือ จะว่าไปแล้วผมก็ถอดนิสัยของคุณมี๊มาเต็มๆเหมือนกันครับ

“เรื่องใหญ่สิคะ คุณมี๊ไม่ยอมให้เร็นทำผิดธรรมเนียมแบบนี้กับซัทสึกิจังหรอกนะคะลูก!!”

“ไม่จำเป็นเลยครับ!! ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรผมทั้งนั้น!! ผมยอมเร็นเองแล้วก็ไม่ได้เสียหายจนต้องมารับผิดชอบตามธรรมเนียมอะไรนั่นด้วย!!” น้องโพล่งออกมาคล้ายคนที่อึดอัดเต็มแก่ เขาหอบหายใจแรงและแววตาตระหนกชัดเจน ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงเบาอย่างเด็กที่รู้ว่าตัวเองเพิ่งก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ไป

“ขอโทษครับ”

ทั้งผมและคุณมี๊นิ่งอึ้งไป คุณมี๊เองก็ไม่ได้รุกเร้าต่อ อาจเป็นเพราะคุณมี๊สังเกตเห็นเหมือนผมก็ได้ว่าแววตาของน้องดูเครียดจัดและเริ่มมีน้ำตามาคลอ

น้องคงอัดอั้นไม่น้อยกับสถานการณ์แบบนี้ ผมเองก็ผิดหวังที่น้องปฏิเสธที่จะให้ผมรับผิดชอบเขา ผมสูดลมหายใจลึกๆและพยายามคิดหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่มันผิดไปย่ำแย่เกินกว่าที่คาดนี้ แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร น้องก็หันมา สะกิดผม

“ฉันจะกลับแล้วนะ”

น้องบอกแล้วลุกขึ้นค้อมศีรษะให้คุณมี๊ก่อนจะเดินออกไปทันที ผมมอง ตามไปอย่างลังเล บอกตามตรงครับว่าผมผิดหวังจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

“ตามน้องไปสิจ้ะลูก”

คุณมี๊สะกิดและพยักพเยิดไปทางน้องที่เดินลิ่วๆออกไป

“วันนี้ไม่ได้แต่วันหน้ายังมีอีกนี่นา ลูกชายสุดหล่อของคุณมี๊จะยอมแพ้ง่ายๆอย่างนั้นหรอคะ?” ผมพยายามยิ้มให้กับคุณมี๊ก่อนจะเดินตามน้องออกมาน้องไม่ยอมหันกลับมามองหน้าผมเลยสักนิด ผมเลยคว้ามือเขาไว้แล้วพามาขึ้นรถ

ใจหนึ่งผมก็รู้สึกผิดครับ แต่อีกใจมันร้ายกาจอยู่มากเพราะความผิดหวัง ผมเหยียบคันเร่งแทนการระบายอารมณ์ฉุนเฉียวในด้านร้ายของผมออกมาเพราะ ไม่อยากให้น้องต้องตื่นกลัวกับอารมณ์ของผมมากนัก

“นายโกรธฉันหรือไง?”

น้องถามขึ้นในตอนที่เราเกือบจะถึงหอพักกัน ผมเหยียบเบรกเต็มแรงและรถก็มาจอดสนิทที่หน้าบ้านพัก ผมสูดลมหายใจลึกๆและปลดล็อกประตู

“ลงไปซะซัทสึกิ”

ผมบอกน้องเสียงนิ่งชนิดที่ผมอยากกร่นด่าตัวเองที่ใช้น้ำเสียงนี้กับเขาแต่ถึงผมจะรู้ว่าผมต้องเดินหน้ากับความรักของผม ผมไม่ยอมที่จะเสียมันไปง่ายๆ ทว่าเวลานี้ผมอยากมีเวลาอยู่ตามลำพังเพื่อคิดหาทางที่จะเดินต่อ

“ไม่ลง หันมาคุยกันก่อนสิ!!” น้องเอามือมารั้งหน้าผมให้หันกลับไปมอง เขา แต่ผมยังไม่อยากมองครับ กลัวว่าถ้าหันไปแล้วน้องจะย้ำบอกว่าเขาไม่ ต้องการให้ผมรับผิดชอบอะไรและให้ ผมเดินออกไปจากชีวิตเขา ผมกลัวที่สุดว่า น้องจะไม่ยอมให้ผมอยู่ข้างๆเขาอีกแล้ว ผมหันหนีเขาและเปิดประตูลงจากรถไป

ถึงอีกใจจะกลัวแต่อีกใจก็อยากเคลียร์กันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวครับ ในตอนนี้ผมเหมือนกับคนที่สับสนสุดๆ ผมเดินเข้าในไปหอและขึ้นไปบนห้องโดยมีน้องเดินตามมา ผมพยายามคิดหาทางออกที่จะจบลงอย่างสวยงามสำหรับเรื่องนี้ แต่จิตใจ ก็ดันไปพะวงอยู่กับน้องที่ยังคงตะโกนเรียกไล่หลังผมมา

“เดี๋ยวก่อนสิ!! เดี๋ยวก่อนสิวะ!!”

“ซัทสึกิ ฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยอะไรทั้งนั้นตอนนี้”

ผมหันไปบอกเขาทันทีเมื่อเรามาอยู่ในห้องนอน น้องยืนหอบอยู่ที่ประตูเขาถีบประตูปิดแล้วเดินมาหาผมด้วยท่าทางโกรธจัด ที่จริงก็สมควรอยู่ครับที่เขา จะโกรธผมที่เอาแต่เดินหนีเขาแบบนี้

“ไอ้บ้า!! เรื่องมันไม่ใช่เพราะฉันเลยนะเว้ย!! ฉันห้ามนายแล้วนายก็ยังทำ แล้วพอเกิดเรื่องขึ้นนายก็มาทำท่าโกรธฉัน บ้าที่สุด!!” น้องวีนออกมาในที่สุดเขาถลาเข้ามาจะชกผมแต่ก็ถูกผมจับมือเขาล็อกเอาไว้ได้ก่อนรวบตัวเขากอดไว้ พอเห็นน้องวีนออกมาแบบนี้แทนที่จะเก็บไว้เหมือนกับตอนที่คุยกับคุณมี๊และตอนอยู่ในรถ ปีศาจที่อยู่ในอกซึ่งสร้างความโกรธของผมมันก็ถูกเตะทิ้งอย่างรวดเร็ว ผมเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจที่ทำให้เขาคิดว่าผมโกรธเขา

“ฉันไม่ได้โกรธนาย แต่ฉันกำลังโกรธตัวเอง”

ผมพูดเสียงเบาอยู่ข้างหูน้องที่ยังคงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะสารภาพต่อด้วยสิ่งที่คิดอยู่ในใจ

“ฉันแค่คาดหวังมากเกินไป ที่แอบคิดอยากให้นายยอมรับการรับผิดชอบจากฉันอย่างที่คุณมี๊บอกว่าฉันควรทำ แต่เมื่อนายยืนกรานไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉันขนาดนั้น ฉันเลยเสียใจแล้วก็ผิดหวัง ลงท้ายเลยโกรธตัวเองที่ทำให้นายไม่ไว้ใจเลยไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉัน”

น้องหยุดดิ้นแล้วครับตอนนี้ เขาก้มหน้าฟังผม ผมให้เวลาเขาคิดในสิ่งที่ผมพูดออกไปและกอดเขาไว้แน่นขึ้น ผมซบใบหน้าลงกับไหล่ของเขา น้องนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง

“นายเข้าใจคำว่ารับผิดชอบของแม่นายแค่ไหนกันริวซากิ”

ผมเงียบไม่ตอบถึงจะรู้ดีว่ามันคืออะไร แต่ผมอยากให้น้องเป็นฝ่ายพูดเพื่อที่จะรับคำตอบที่ซ่อนอยู่ในใจของเขามากกว่าที่จะให้เขารับคำตอบจากผม

“แม่นายบอกให้นายรับผิดชอบฉัน มันหมายความว่าไง อย่างแม่นายคงไม่ใช่ให้เอาเงินมาฟาดหัวฉันเป็นค่าที่ฉันเสียตัวให้นายหรอกจริงไหม”

“คุณมี๊คงอยากให้ฉันแต่งงานกับนาย”

ผมตอบอย่างไม่อ้อมค้อม น้องแกะมือผมออกจากเอวแต่ผมไม่ยอม ปล่อยเขาและกอดเขาไว้แน่นกว่าเดิมเมื่อน้องเอ่ยกลับมาแทบในทันที

“นั่นแหละปัญหาใหญ่”

“ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่งงานกับฉันไม่ดีหรือไงกัน?”

ผมถามเขาไปอย่างน้อยใจ รู้สึกแย่เมื่อรับรู้ว่าน้องไม่อยากแต่งงานกับ ผม น้องถอนหายใจช้าๆ สีหน้าดูจริงจังให้ผมรู้ว่าเขาเองก็คิดมากไม่น้อย

“ริวซากิ เร็น นายกับฉันรู้จักกันมากี่วันกัน”

“เก้าวัน”

ผมตอบน้องไปทันทีและเห็นสีหน้าประหลาดใจของเขา น้องยกนิ้วขึ้นมาเก้านิ้ว ผมไม่ได้พูดอะไรและรอฟังเขาพูดต่อ อย่างที่บอกแหละครับ ผมอยากรู้มากว่าน้องคิดอะไรอยู่ การให้เขาพูดออกมาเองคือทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

“เราเพิ่งรู้จักกันแค่เก้าวันเองนะ นายเข้าใจบ้างไหม”

“ฉันไม่เข้าใจ”

“รู้จักกันมาแค่เก้าวัน มันยังไม่ได้ทำให้เรารักกันหรอกนะ แล้วจะแต่งงานกันได้ไง!!”

ผมขอค้านคำพูดของน้องอย่างจริงจังเลยครับ ใครบัญญัติกันว่าเก้าวัน จะรักกันไม่ได้ ผมถูกใจน้องตั้งแต่แรกเห็นและรู้ใจตัวเองว่าหลังรักน้องอย่างสุด หัวใจภายในเวลาไม่ถึงเก้าวันเลยด้วยซ้ำ

แต่เก้าวันที่น้องได้รู้จักผมมาเขาไม่รู้สึกรักรู้สึกชอบผมบ้างเลยหรือ อย่างไงกัน พอคิดแบบนี้แล้วปีศาจร้ายในอกมันก็ร้องคำรามออกมาด้วยความผิดหวัง

“ซัทสึกิ..วันนี้เราอาจจะไม่ได้รักกัน แต่นายไม่คิดหรือไงว่าวันข้างหน้าเราจะรักกัน แล้วเวลาเก้าวันที่รู้จักกันมา ฉันรู้สึกดีกับนาย รู้สึกอยากรักนาย นายไม่รู้สึกดีกับฉัน อยากรักฉันบ้างเลยหรือไงกัน”

ผมเอ่ยอย่างท้อแท้ น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมก่อนหลุบสายตาลง

“ไม่รู้..”

ผมนิ่งเงียบ ในลำคอมันแห้งผากจนเหมือนกับคนที่ลืมวิธีการพูดไปเสีย แล้ว ระหว่างที่ผมกำลังผิดหวัง น้องก็รีบพูดต่อทันที

“ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกยังไงกับนายกันแน่ นายจะมาถามฉันตอนนี้น่ะไม่ได้หรอกนะ เรารู้จักกันน้อยเกินไป”

ได้ยินแล้วก็บอกได้เลยครับว่าผมเข้าใจสิ่งที่น้องกำลังคิดแล้ว

แต่ผมยอมรับความคิดของน้องไม่ได้ ผมสูดลมหายใจลึกๆและเอ่ยในสิ่งที่ผมคิดออกมาให้น้องรับรู้บ้าง

“เก้าวันสำหรับนายมันอาจจะน้อยเกินไป แต่ฉันบอกนายได้เลยว่าถ้าอยากจะรักกัน นายทำได้อยู่แล้ว เวลามันไม่ใช่เครื่องกำหนดอะไรทั้งสิ้นเลยนะซัทสึกิ แค่นายเปิดใจให้ฉันเท่านั้น ไม่ใช่นายตีบังกั้นเอาไว้ด้วยความรู้สึกตัวเอง แบบนี้ นายกำลังคิดว่านายรักฉันไม่ได้เพราะฉันเป็นผู้ชายและนายเองก็เป็น ผู้ชาย ขอร้องเถอะซัทสึกิ ทิ้งความรู้สึกนั้นไปได้ไหม แล้วนายลองมองในมุมที่มีแค่ ฉันกับนายเท่านั้น” น้องยังคงก้มหน้าอยู่ตลอดที่ผมพูด แต่ผมแน่ใจว่าเขากำลังเอาสิ่งที่ผมพูดกลับไปคิด ผมเอื้อมมือไปประคองหน้าน้องให้เงยขึ้นมาสบตาผมก่อนจะเอ่ยต่อ

“มองแค่มุมของเราสองคนดูสิ..แล้วนายจะรู้...”

.

.

“ว่าเรา...รักกันได้”

น้องยังคงนิ่งไม่พูดอะไร แววตาของเขาดูสับสน จนเวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ที่แสนอึดอัด น้องก็จับมือของผมออก เขาก้มหน้าอีกครั้งก่อนพูดเสียงเบา

“ขอเวลาให้ฉันคิดหน่อยก็แล้วกัน”

หัวใจของผมหนักอึ้งและได้แต่หวังว่าเวลาที่น้องขอนั้น..จะไม่นานนัก

และคำตอบที่น้องใช้เวลาเพื่อค้นหามัน...จะไม่ทำให้ผมต้องพบกับความผิดหวังที่ไม่อยากจะเผชิญ...

พระเจ้าครับ...ผมรักน้องจริงๆนะครับ...

 -TBC-

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
สงสารเร็นจังเลย ซัทจังใจร้าย

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
รอๆๆ อยากบอกว่าสนุกมากๆๆๆๆๆ
รักซัทจังกับเร็นจังมากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 11

 หลังจากยุติบทสนทนาด้วยคำว่าขอเวลาที่ซัทสึกิพูดขึ้นมา น้องก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมที่ยืนอยู่กลางห้องเพียงลำพังก็รู้สึกอึดอัดจนต้องออกมายืนสูบบุหรี่ ที่นอกระเบียง และเวลาก็ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่บ้านข้างๆเขาปิดไฟเข้านอน กันหมดแล้ว ผมเลยเดินกลับเข้ามาในห้องและปิดประตูลงอย่างเบามือเมื่อเห็น น้องนอนอยู่บนเตียง ผมมองเขาอย่างทั้งรู้สึกรักและเหนื่อยไปพร้อมๆกัน

อาจเป็นเพราะสันดานเสียของผมที่ใจร้อนมากเกินไปที่อยากให้เขา ยอมรับผมไวๆและรักผมเหมือนกับที่ผมรักเขา พอนึกถึงความรักที่ทำให้ผมคลั่งได้ขนาดนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว ผมก็อยากหัวเราะอย่างนึกสมเพชตัวเอง

เคยหมดรูป เคยรู้สึกเหนื่อย เคยท้อแท้ เคยรู้สึกเครียดแบบนี้มาก่อนรึก็ไม่ อยู่เป็นริวซากิ เร็นที่ไม่รักใครมาก่อนก็ดีอยู่แล้ว ดันสะเหล่อมารักอิชิฮาระ ซัทสึกิทำไมก็ไม่รู้

แต่ถามว่าเสียใจไหม ผมบอกได้เต็มปากเลยว่าไม่

ก็แค่คิดฟุ้งซ่านไปตามประสาคนผิดหวังเท่านั้นแหละครับ ชูสามนิ้วสาบานด้วยเกียรติเลยว่าจะรีบกลับมาเป็นริวซากิ เร็นที่ทั้งรักทั้งหลงและเต็มใจจะตามใจน้องเหมือนเดิมแน่นอนครับ

ผมถอนหายใจช้าๆและเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินมาเอนนอนลงอีกฝั่งที่ว่างบนเตียง ผมมองดูแผ่นหลังของน้องที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆก่อนจะตัดสินใจหันหลังให้กับเขา ไม่นอนกอดน้องสักคืนคงไม่ตายหรอกริวซากิ เร็น

ก่อนหน้าจะย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้นอนกอดน้องเสียหน่อย..

ผมหลับตาลงและพยายามข่มใจให้หลับ...ผมไม่อยากทำให้น้องรู้สึก อึดอัดมากขึ้นไปอีก ผมไม่รู้ว่าเขาจะหงุดหงิดหรือเปล่าถ้าตื่นมาแล้วเจอว่าผมนอนกอดเขาไว้

ในเมื่อเขาขอเวลา ผมก็จะให้เขา ผมจะรออยู่เงียบๆข้างๆแต่จะไม่ทำอะไรให้น้องรู้สึกแย่

จนกว่าเขาจะเรียกหาผมเอง..

ผมครุ่นคิดเรื่องราวระหว่างเราก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุดและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าเมื่อแสงแดดจากหน้าต่างมันแยงตา พอมองนาฬิกาแล้วผมก็ต้องลุกขึ้นและเอื้อมมือไปปลุกน้อง

“ตื่นได้แล้ว วันนี้ต้องไปมีตติ้งละครเวทีนิใช่ไหม?”

“อือ” น้องตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียแล้วครางรับเสียงง่วง เห็นเขาลุกขึ้นมา นั่งแล้ว ผมเลยลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา พอหยิบแปรงสีฟันมา จะแปรงก็เห็นแปรงของน้องที่วางอยู่คู่กันเสียก่อน ผมเลยหยิบแปรงของเขามาบีบยาสีฟันทิ้งไว้ให้และเริ่มต้นแปรงฟันในตอนที่น้องเดินหาวเข้ามาในห้องน้ำ

“เอ๋?..ขอบคุณ”

ผมแค่พยักหน้าไปเมื่อน้องหันมามองหน้าผมหลังจากเขาเห็นแปรงสีฟันของเขาที่วางอยู่บนขอบอ่างล้างหน้า ผมไม่ได้ตอบอะไรและแปรงฟันไปเรื่อยๆ น้องแปรงฟันไปก็มองหน้าผมไป แต่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ผมเลยเบี่ยงตัวไปหยิบเอาโฟมมาล้างหน้าและเริ่มต้นโกนหนวดที่ขึ้นเป็นตอแล้ว

“หนวดนายขึ้นไวจังแหะ อย่างฉันนี่อาทิตย์หนึ่งแทบจะโกนแค่ครั้งเดียว เลยเหอะ” น้ำเสียงของน้องเหมือนบ่นว่าตัวเองเสียมากกว่าครับ เขาทำหน้ามุ่ยแล้วมองผมโกนหนวด ถ้าเป็นยามปกตินี่ผมคงจะหันไปหัวเราะขำเอ็นดูเขาแล้วแต่เพราะอารมณ์มันยังไม่ปกติ ผมเลยแค่เลิกคิ้วให้เขารู้ว่าผมรับฟังคำพูดของเขาก่อนจะโกนหนวดของตัวเองต่อ

พอผมไม่ตอบ น้องก็เลยทำเสียงคล้ายไม่พอใจในลำคอก่อนเดินกระแทกส้นเท้าออกจากห้องไป ตามบทแล้วผมควรจะเดินไปง้อเขาใช่ไหมครับ แต่บอกแล้วว่าเวลานี้สันดานผมเหี้ยขั้นรุนแรง ผมจะรอให้เขามาง้อผมเองครับ

ซึ่งดูจากการทำหน้าเหมือนเด็กโดนรังแกแล้วพยายามพูดนั่นพูดนี่กับผมแล้วก็ทำหน้าหงุดหงิดเมื่อผมไม่ยอมตอบก่อนจะกลับมาทำหน้าเหมือนเด็กโดน รังแกอีกรอบวนไปวนมาแบบนี้...ก็คงไม่นานหรอกครับ

แต่พอผมไม่ยอมลงให้ น้องก็หยิ่งพอตัวที่จะไม่ยอมลงให้ผมเหมือนกันครับ แมวดื้อของผมเลยใช้วิธีที่จะเลิกชวนผมคุยและหันมาจ้องหน้าผมตลอดเวลาด้วยสายตาแบบเด็กกำลังอยากจะวีนจนถูกมิซึรุเดินมาดุสองสามครั้งแล้วระหว่างที่ พวกเรานั่งฟังรายละเอียดสำคัญของละครเวที

และหลังจากที่ประชุมกันเสร็จเรียบร้อย น้องก็เก็บของเขาลงใส่เป้แล้ว เดินไปหาเพื่อนของเขา ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียวกลางห้อง พอเห็นว่าน้องไม่สนใจอะไรผมแล้วจริงๆ ผมเลยเดินออกมาข้างนอก

ดูท่าแล้วผมอาจจะหวังมากไปครับที่จะให้น้องเดินตามมา

ความเครียดที่สะสมอยู่ทำให้ผมต้องดึงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบตรงระเบียงที่อนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ กลิ่นเมนทอลจางๆอัดเข้าไปในปอดอยู่ไม่กี่อึดใจ ที่ข้างกายของผมก็มีคนเดินมายืนข้างๆ ถึงผมไม่ต้องหันไปมองก็รู้ครับว่าใคร ในเมื่อคนที่เดินมายืนอยู่ข้างตัวคือคนที่ผมคิดถึงเขาอยู่ทุกลมหายใจ

ผมสูบบุหรี่ไปจนเกือบหมดมวน รอดูว่าน้องจะพูดอะไรแต่เขาก็ไม่พูดครับ ซัทสึกิเอาวิธีเดิมมาใช้คือเอาแต่จ้องหน้าผมอย่างเดียวแล้วทำหน้างอเหมือนผม เป็นคนผิด ผมระบายลมหายใจพ่นควันยาวๆแทนการถอนหายใจเพื่อทิ้งสิ่งที่หนักอยู่ในอกไปก่อนกดบุหรี่ลงกับตลับที่เขี่ยแล้วหันไปมองหน้าเขา

น้องตีหน้ามุ่ยจนระหว่างคิ้วย่นไปหมด เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไป คลึงให้มันหายย่นครับ พอผมทำอย่างนั้นแล้ว สีหน้าที่บึ้งตึงของเขาก็ค่อยๆ คลายลงและยังยอมให้ผมจูงมือเดินออกมาจากตรงระเบียงนั้นเมื่อพวกเหล่านิสิต ที่เพิ่งจะเลคเชอร์กันเสร็จพากันเดินออกมาจากห้อง

และรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อน้องจับมือตอบกับผม

แต่มันก็ทำให้ผมฟุ้งซ่านไม่น้อย แค่น้องเดินมาหา น้องยอมจับมือกับผม มันก็ทำให้ผมเหมือนคนสติแตกไม่น้อยจนไม่รู้ตัวสักนิดว่าผมกำลังขับรถวนอยู่ หน้ามหาลัยมาสี่รอบแล้วกระทั่งน้องเอ่ยทักขึ้นมา ผมถึงเลิกขับรถวนและตัดสินใจขับรถออกนอกเมืองอย่างไม่มีจุดหมาย รู้แค่ว่าอยากใช้ช่วงเวลานี้กับน้องแค่ตามลำพัง

การที่เขาไม่ทักท้วงอะไรก็ถือว่าเขาเองก็คงจะไม่อึดอัดใจอะไรที่จะอยู่กับผมแค่สองคนด้วยเช่นกัน

ผมขับรถไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายเป็นครั้งแรก น้องเองก็ไม่ได้ถามจุดหมายด้วยเช่นกัน แมวดื้อของผมเอื้อมมือไปหยิบไอแพดของผมขึ้นมาเล่นเกมส์ ผมกังวลอยู่นิดหน่อยกลัวเขาจะเปิดเข้าไปเจอข้อมูลของตัวเขาเองในเครื่องนั้น แต่เห็นเขาก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่ผมก็ปล่อยให้เขาเล่นไปเพราะถ้าขืนไปห้ามหรือทำอะไรให้น้องสงสัยขึ้นมามันจะแย่เอา

จนเราเกือบจะออกนอกโตเกียวกันนั่นแหละครับ ผมก็เอ่ยถามน้องใน ตอนที่น้องเก็บเอาไอแพดของผมลงไปคืนที่แล้วหันมามองหน้าผม

“หิวหรือยัง?”

“ก็นิดหนึ่ง”

อันที่จริงไม่น่าจะนิดสักเท่าไหร่หรอกครับเพราะเมื่อเช้าน้องก็ไม่ค่อยจะทานอะไรสักเท่าไหร่ แถมเมื่อกลางวันน้องก็เอาแต่นั่งเขี่ยอาหารอีก ผมเองยังรู้สึกหิวแล้วนับประสาอะไรกับเด็กน้อยช่างกินอย่างซัทสึกิจังล่ะครับ

“หาซื้ออะไรไปปิกนิกกันดีไหม?”

ผมเสนอแกมบังคับด้วยการจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อ จริงๆผมชอบที่จะทานตามร้านอาหารมากกว่า แต่วันนี้นึกครึ้มอยากไปนั่งกินอะไรสองต่อสองกับน้องริมแม่น้ำดู คงจะโรแมนติกไม่น้อย น้องมองหน้าผมก่อนจะหันมองไปที่ร้านสะดวกซื้อ เขาโคลงหัวไปมาแล้วยักไหล่

“ยังไงก็ได้อยู่แล้ว”

เมื่อน้องตกลง ผมก็เลยได้จูงมือน้องเข้าร้านสะดวกซื้อเป็นครั้งแรก

พอเข้าร้านไปได้ ที่รักของผมเขาก็ดึงมือออกแล้วเดินตัวปลิวไปเอาตะกร้ามาหยิบของกินใส่อย่างอารมณ์ดีเหมือนเด็กได้ซื้อขนมที่ตัวเองชอบ เขาหยิบเสียเต็มตะกร้าจนผมต้องแย่งเขามาถือเองเพราะไม่อยากให้เขาต้องลำบาก แต่น้องก็ยังไม่หยุดครับ เขาเดินไปสั่งพนักงานเอาซาลาเปากับไส้กรอกอีก

“จะกินหมดหรอนี่?” ก็รู้ครับว่าหิวแต่ของล้นตะกร้าขนาดนี้ ยังไงก็ดูว่าสองคนจะกินกันไม่หมดเอานะครับ

“ปิกนิกก็ต้องมีของกินเยอะๆสิ” น้องบอกพร้อมยิ้มสดใสกลับมา ถีบเอา ไอ้ความหม่นหมอง ความคิดมากบ้าบอห่าเหวอะไรทั้งหมดออกไปจากร่างของผมแล้วจิกหัวดึงไอ้ริวซากิ เร็นมนุษย์คลั่งรักเด็กน่ารักที่ชื่ออิชิฮาระ ซัทสึกิให้กลับมา อีกครั้งทันทีเลยครับ ผมเดินตามน้องไปจ่ายเงิน คนดีเขาเดาะลิ้นเบาๆแถมผิวปากอย่างอารมณ์ดีอีกด้วย

เสร็จจากซื้อของกินที่ดูท่าว่าคงจะกินกันไม่หมดอย่างแน่นอนแล้ว ผมก็ ขับรถพาน้องไปอีกพักใหญ่ มุ่งตรงไปยังเส้นทางที่จำได้ว่ามีลานกว้างริมแม่น้ำที่บรรยากาศสวยๆอยู่ ผมได้ยินน้องร้องอุทานดังว้าวตอนที่ผมจอดรถลงริมตลิ่ง

รอบๆเป็นทุ่งหญ้ากว้างเหมาะแก่การนั่งปิกนิกดีครับ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วยยิ่งเหมาะแก่การนั่งสวีทกันเป็นที่สุด น้องเปิดประตูรถลงไปแล้ว หมุนตัวอย่างร่าเริงก่อนชูสองมือเหยียดขึ้น ลูกแมวน้อยของผมทำท่าสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนฉีกยิ้มกลับมาหาผมที่ดึงเอาถุงขนมถุงใหญ่ออกมาจากรถ

“จะเอาอะไรไปกินบ้างล่ะ?”

ผมถามแล้วเปิดถุงดู กะว่าจะเลือกลงไปแค่พอกินกันก็พอแต่ต้องชะงักเมื่อน้องเดินเข้ามาแล้วเอาคางเกยกับไหล่ของผม มองดูของในถุง

“เอาไปหมดนั่นน่ะแหละ” น้องบอกก่อนจะถอยหนีให้ผมปิดรถ ซัทสึกิยอมให้ผมเกี่ยวก้อยจูงเดินไปยังริมแม่น้ำ

พอจับจองที่นั่งกันได้แล้ว น้องก็เริ่มต้นลากถุงมาคุ้ยหาของกิน ท่าทางเหมือนเด็กๆของเขาทำให้ผมอดหยิบเอามือถือขึ้นมาไม่ได้ ผมแอบถ่ายรูปเขาตอนที่กำลังคาบถุงซาลาเปาอยู่ พอได้ยินเสียงชัตเตอร์ น้องก็รีบทิ้งถุงของกินแล้วพุ่งมาหาผมทันทีอย่างที่ผมแอบคาดเอาไว้

“เอามานะ!!” น้องแอบขึงตาดุผมด้วยครับ แต่ดูยังไงมันก็เป็นลูกแมวน้อยที่กำลังขู่ขนพองจนน่ารักมากกว่าน่ากลัวเท่านั้นแหละครับ

ผมดึงไหล่น้องมาแล้วเอาแก้มแนบกับแก้มเขาก่อนจะกดถ่ายรูปของเราเอาไว้โดยไม่ให้เขาทันตั้งตัว

“ไหนมาดูก่อนเลย ถ้าไม่หล่อลบทิ้งเลยนะ”

เรื่องอะไรจะให้เขาดูล่ะครับ มีหวังน้องแอบลบก่อนแน่ๆ ผมหลบน้องแล้วเอื้อมมือไปหยิบถุงไส้กรอกมาจิ้มใส่ปากเขา น้องเคี้ยวไส้กรอกไปก็พยายามจะแย่งมือถือของผมไป จนตอนนี้เรากลิ้งกันไปตามพื้นหญ้าห่างออกไปจากจุดที่เรานั่งกันตอนแรกพอสมควร

สุดท้ายแล้วผมก็โดนน้องล็อกขาเอาไว้ แต่ผมก็เหยียดแขนออกไป น้องเลยพยายามจะดึงแขนผมกลับมาจนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังทับอยู่บนตัวของผม

แต่ผมที่รู้สึกตัวนั้นกำลังใจเต้นไม่น้อย ผมมองหน้าของน้องที่กำลังทำท่าฮึดฮัดและพยายามแย่งมือถือของผมด้วยความรู้สึกอยากจูบ อยากกอด อยากรักเขาจนเผลอตัวเรียกเขาให้หันลงมามองไอ้คนที่มันกำลังคลั่งรักอยู่ตรงนี้ ให้เขาสนใจผมแทนมือถือ

“ซัทสึกิ...”

น้องก้มลงมาตามเสียงเรียกของผมครับ นาทีที่เราสบตากันทุกอย่างมันเหมือนหยุดนิ่ง แก้มของน้องแดงขึ้นมา ผมได้ยินเสียงหัวใจของเราเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน...จังหวะที่ถี่รัวและหนักหน่วงเหมือนจะทะลุออกจากร่าง น้องหลับตาพริ้มและริมฝีปากของน้องก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ผมเอง

แต่ดูเหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจครับ หยาดน้ำบางอย่างหยดลงมาเปื้อนคางของผม ผมขมวดคิ้วแล้วแทบอยากจะตบปากตัวเองที่ดันสะเหล่อถามออกไปขัด จังหวะที่น้องกำลังจะจูบผม

.

.

“น้ำลายไหลหรอซัทสึกิ?”

น้องลืมตาขึ้นทันทีแล้วขมวดคิ้วใส่ผม เขาดูงุนงงกับคำพูดของผมที่ได้ยิน ผมเลยจิ้มคางตัวเอง

“เนี้ย..น้ำหยดลงคางฉัน”

น้องผุดลุกขึ้นมานั่งคร่อมอกแล้วชกลงมา หน้าแดงจัดแต่ก็ยังพยายามทำหน้ามุ่ยใส่เหมือนเด็กโดนขัดใจแถมยังเอาหลังมือขึ้นเช็ดปากตัวเองอีกต่างหาก

“ไม่ใช่น้ำลายฉัน”

พอน้องบอกอย่างนั้นเราก็เลยมองขึ้นฟ้าโดยอัตโนมัติ ท้องฟ้าสีแดงตอนเย็นเมื่อสักครู่มันมืดครึ้มโดยที่เราไม่รู้ตัว

“ฝนตกนิ”

“งั้นกลับกันเถอะ”

น้องบอกก่อนขยับลุกไปหยิบถุงขนม ผมเลยแย่งเขามาถือเองแล้วจูงเขากลับไปที่รถเพราะเราต้องเดินขึ้นทางลาดชันพร้อมๆกับฝนที่เริ่มเทหนักลงมาเรื่อยๆ

กว่าจะเข้ารถกันได้ ผมกับน้องก็ตัวเปียกกันไปเกือบทั้งตัวแล้วครับ ผมเลยรีบเปิดฮีตเตอร์ในรถเพื่อไม่ให้เราต้องหนาวกันจนสั่นไปเสียก่อนและออกรถกลับบ้านกันเมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะจอดรถอยู่ตรงนี้อีก

“อุตส่าห์มาตั้งไกล ฝนไม่น่าตกเลยแหะ”

น้องบ่นแล้วเอื้อมมือมาเร่งฮีตเตอร์ขึ้นอีก น้องค่อนข้างเป็นคนขี้หนาว ผมสังเกตได้จากเวลานอนตอนกลางคืน เขาชอบซุกอยู่ใต้ผ้าห่มที่ปิดจนถึงคางอยู่เสมอถึงอากาศจะไม่ได้หนาวอะไรมากมาย ตอนนี้ผมเลยไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ ได้ยินเสียงเขาสั่นน้อยๆ

ขับรถต่อมาได้สักพัก เราก็ต้องหยุดจอดรถข้างทางกันครับเพราะฝนตกหนักจนอันตรายเกินกว่าจะขับรถต่อไปได้ ผมเลี้ยวเข้าไปจากริมแม่น้ำเหมือนเดิมเพื่อไม่เกะกะขวางทางจราจรบนท้องถนน

พอจอดรถแล้วผมถึงนึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าสำหรับไปฟิตเนสของผมที่อยู่เบาะหลังมีผ้าขนหนูติดไว้ เลยเอื้อมไปหยิบมาเช็ดหน้าเช็ดผมให้น้อง คนดีเขาเอนหัวมาให้ผมเช็ดแต่โดยดีก่อนจะหยิบเอากล่องสปาร์เก็ตตี้ขึ้นมาเปิดทานและไม่ ลืมยื่นอีกกล่องมาให้ผมด้วย

ท่าทางของเขาเวลาทานน่ารักดีครับ น้องเลื่อนเบาะถอยหลังไปแล้วนั่งขัดสมาธิหันมาหาผม ผมมองดูเขาเริ่มทานอย่างลืมหิวกระทั่งน้องเงยขึ้นมาถามผมนั่นแหละครับ

“นายไม่กินหรอ?” ผมไม่ตอบแต่แย่งส้อมของน้องมาจ้วงเส้นที่น้องกำลังคาบอยู่ขึ้นมาทานแล้วดูดเบาๆ จุดหมายของผมไม่ใช่เส้นสปาเกตตี้แต่เป็นริมฝีปากของน้องต่างหากที่ผมจะทาน..

คราวนี้แมวน้อยของผมไม่หลับตาพริ้มแต่จ้องหน้าผมตาไม่กะพริบจน กระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน

ในที่สุด..ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ผมก็ได้จูบกับน้องสมใจอยากครับ รสจูบแสนหวานที่ทำให้ใจเต้นทั้งอกแบบนี้...ผมชอบจริงๆเลยครับ

แต่จะชอบมากกว่านี้ถ้าความหวานมันไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่จูบ

ใจของผมเลยเถิดไปพร้อมกับมือที่ขยับอย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากของผมยังเบียดเคล้าคลอความหอมหวานของน้อง แมวน้อยของผมครางฮือเสียงสั่นเมื่อผมละจากริมฝีปากบางมาไซร้ข้างคอ น้องพยายามดันผมให้ถอยออกแต่เสียงสั่นๆที่ ร้องห้ามนี่เหมือนมันกระตุ้นแรงรักของผมเสียยิ่งกว่าจะห้ามปรามกันจริงๆ

“ไม่เอานะ..” เขาร้องท้วงผมแต่กลับเกาะยึดไหล่ของผมไว้แน่น ผมยิ้มน้อยๆที่มุมปากแล้วรูดซิปเสื้อฮู้ดแขนกุดที่น้องสวมอยู่ลง

“ริวซากิ..หยุด!!” พอรู้ตัวว่ากำลังจะโดนลอกเปลือกน้องก็เริ่มดิ้นไปมาผมเลื่อนมือลงไปกอดเขาแล้วขยับมานั่งเบาะเดียวกับเขา ผมจับให้น้องนั่งลงกับ ตักของผมแล้วกระซิบลงข้างหู

“ฆ่าเวลาไง..” แมวน้อยของผมเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยอมให้ผมจูบเขาแต่โดยดีแถมยังจูบตอบให้ความหวานมันพุ่งสูงขึ้นไปอีก พอถอนจูบแล้วผมก็ยิ้ม ให้เขาอย่างรักใคร่ก่อนแนบริมฝีปากแผ่วเบาลงกับหน้าผากเนียนและเลื่อนกลับมาซับความหวานที่ริมฝีปากซึ่งเริ่มเห่อแดงจากการจูบอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ

ท่ามกลางเสียงสายฝนที่กำลังตกกระหน่ำ ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงพอๆกับหัวใจของน้อง หัวใจที่เต้นแรงจนเป็นจังหวะเดียวกันนั้น ทำให้ผม รู้สึกถึงความลึกซึ้งของหัวใจที่เรามีให้แก่กันโดยที่น้องอาจไม่รู้ตัว เด็กดื้อของผมเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนหลุบสายตาลงต่ำและเอ่ยบอกเสียงเบา

“จูบอย่างเดียวพอนะ..” ผมกดริมฝีปากลงกับมุมปากของเขาและพรมจูบไปตามแก้มใส แล้วกระซิบถามอย่างเว้าวอน..

“มากกว่าจูบ...ไม่ได้หรอ..” ผมได้ยินเสียงน้องครางฮือในลำคอ มันไม่ใช่เสียงที่รำคาญใจหรือขุ่นเคืองแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงที่บอกถึงความสะท้านอยู่ใน อก น้องจิกมือลงกับไหล่ของผมแล้วเอาแต่ส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอา...ไม่ไหว..”

น้องบอกทั้งที่ตัวสั่นอยู่บนตักของผมและเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้ามาสบตากัน ผมเวียนจูบซ้ำๆกับแก้มและปากของเขาจนน้องเบี่ยงหน้าหลบไป

“มากกว่านี้...ฉันต้องขาดใจตายก่อนแน่” น้องพึมพำออกมาเสียงเบาคนดีซุกหน้าลงกับบ่าของผมแล้วลูบมือขึ้นมาวางไว้กับอกตัวเอง

“นายทำฉันใจสั่นมากเลยนะรู้ไหม?” ผมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบออกไป ผมรู้ว่าน้องใจสั่นและเต้นแรงแค่ไหน รู้ดีเท่าที่รู้ว่าหัวใจตัวเองมันก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน ผมลูบหลังเขาด้วยสัมผัสแผ่วเบาและเชื่องช้า พอผมทำแบบนั้นแล้วเขาก็ไซร้หน้าเข้ากับบ่าของผมเหมือนกับลูกแมวน้อยที่ได้รับสัมผัสอ่อนโยน

“ฉันก็เหมือนกัน..”

น้องเงยหน้าขึ้นมามองผม ริมฝีปากเล็กยู่น้อยๆก่อนจะเม้มอย่างขัดเขิน ดวงตาใสของเขาเริ่มฉ่ำคลอด้วยแรงอารมณ์แต่ก็ยังคงมีความลังเลแฝงอยู่

“งั้นก็หยุดสิ จูบอย่างเดียวก็พอ”

ผมยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากของน้องก่อนประคองกอดเขาแน่นขึ้น

“จูบอย่างเดียวไม่พอหรอก...นายก็รู้”

ใบหน้าของน้องแดงซ่านขึ้นมาทันที ผมรู้ว่าเขาเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร ร่างกายของเราเบียดแนบกันอย่างสนิทชิดเชื้อ ทั้งผมและเขาต่างก็รู้แก่ใจว่าห้วงอารมณ์แสนหวานกำลังพัดพาความต้องการซึ่งกันและกันให้มันโดดเด่นขึ้นมาแค่ไหน พอผมบอกเช่นนี้ น้องก็ขยับตัวยุกยิกบนตักของผม

“แต่..นี่มันข้างทาง”

“ไม่มีคนเห็นหรอก..ฝนตกหนักขนาดนี้” พอมองออกไปนอกรถ รอบข้างเราก็มีแต่ฝนที่เทกระหน่ำ เราเองยังมองไม่เห็นภายนอกแล้วมีหรือที่ภายนอกจะมองเข้ามาเห็นข้างในรถนี้ ซ้ำยังเป็นเวลาเกือบหัวค่ำแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดเข้าไปทุกที ผมเลยเอื้อมมือไปปิดไฟที่อยู่บนหลังคารถลง

“แค่นี้ก็ไม่มีคนเห็นแล้ว” น้องเม้มปากก่อนจะหันกลับมาหาผมอีกครั้งคนดีต่อยเบาๆที่อกของผม

“นายนี่หื่นชะมัด” ผมหัวเราะในลำคอยอมรับข้อหาของน้องโดยดุษฎี ก่อนจะดึงเอาเสื้อที่น้องสวมอยู่ให้หลุดจากร่างขาวเนียนที่ผมรักและเริ่มต้นพาน้องไปยังโลกของความสุขที่เราจะสัมผัสได้ โดยรู้ว่ามันจะพาไปสุดปลายทางที่ใด

ผมไม่เคยทำรักนอกสถานที่แบบในรถที่จอดริมถนนยามฝนตกหนักแบบนี้มาก่อน แต่บอกได้ว่ามันเพอร์เฟคไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการทำรักครั้งนี้คนดีของผมเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักของเรา

จังหวะขยับโยกกายอยู่บนตักของผมที่น้องเป็นคนทำถึงจะมีผมคอยช่วย ส่งแรงไปให้น้องบ้าง แต่มันก็สร้างความวาบหวามและตราตรึงให้ผมรู้สึกอิ่มเอม จนลืมคิดเรื่องสถานที่ไปเลยด้วยซ้ำ

“คืนนี้ไปค้างที่คอนโดกันนะ” ผมเอ่ยชวนเขาหลังจากที่กิจกรรมร้อนแรงระหว่างรอให้ฝนหยุกตกจบลง น้องที่นอนซุกอยู่กับอกของผมเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะพยักหน้าและครางรับเสียงเบา

“อืม..”

ผมยิ้มและจูบเปลือกตาของเขา น้องกอดผมแน่นขึ้นอีกนิดก่อนที่เขาจะหลับตาลง ผมลูบศีรษะเขาเบาๆแล้วกอดเขาไว้พลางนึกย้อนไปถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนรวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

บางที..ผมก็อยากรู้ว่าในใจของน้องกำลังรู้สึกอย่างไรกับผมกันแน่

ผมอยากรู้...ว่าเขาเริ่มรักผมแล้วบ้างไหม หรือเพียงแค่คล้อยตามอารมณ์ชั่ววูบไปเท่านั้น

ผมอยากรู้จริงๆครับ..

คืนนี้เรามาค้างกันที่คอนโดของผมอย่างที่ตกลงกันไว้ หลังจากทานมื้อดึกและเล่นเกมส์ด้วยกันแล้วก็ถึงเวลาเข้านอนของเรา ผมกับน้องคงจะได้หลับพักผ่อนกันไปทันทีที่กล่าวราตรีสวัสดิ์แก่กัน และผมคงจะได้นอนกอดเขาอย่างไม่คิดมากอะไร หากไม่ใช่เพราะเสียงเรียกชื่อผมที่ดังขึ้นแผ่วเบาในความมืด

“ริวซากิ..”

(่ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
“หืม?..” ผมครางถามในลำคอกลับไปทันทีพร้อมกับลูบหัวน้องเบาๆ เขานิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมาพร้อมกับกดหน้าลงกับอกของผม

“ไม่มีอะไรหรอก..” แต่ผมไม่เชื่อคำว่าไม่มีอะไรของเขาครับ ที่อกของผม มันสัมผัสได้ถึงความชื้น ผมเลื่อนมือไปที่ใบหน้าของเขา และเป็นจริงอย่างที่คาดเอาไว้ ความชื้นมันเกิดขึ้นเพราะน้ำตาของน้อง

ใจของผมว้าวุ่นและเป็นวิตก

“แน่ใจหรอ?”

“อือ” น้องครางบอกแล้วพยักหน้าด้วย แต่ผมจะปล่อยมันผ่านไปไม่ได้ผมจับไหล่ของเขาไว้และดันเขาออกจากอกเล็กน้อย เพ่งมองผ่านความมืดไปยังดวงตาของเขาที่แน่ใจว่าไม่ได้หลับอยู่

“ฉันว่ามันต้องมีอะไรสิ”

“ก็บอกแล้วว่าไม่มี” แมวน้อยแสนดื้อของผมบอกอย่างนั้นก่อนพลิกตัวหนี ผมหายใจออกช้าๆพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น อย่าร้อนรุ่มกับน้ำตาของน้องจนปวดไปทั้งอกแบบนี้ก่อนขยับเข้าไปหาเขาและสอดแขนเข้ากอดเขาเอาไว้

“มีสิ...ไม่งั้นซัทสึกิจะร้องไห้ทำไม”

ผมใช้โทนเสียงต่ำพอประมาณเท่าที่จะสื่อความห่วงใยของผมออกไปให้น้องรับรู้ได้ ผมไม่ชอบน้ำตาของน้อง ไม่อยากเห็นน้องร้องไห้ ไม่ว่าจะด้วยเพราะความกังวลหรือความทุกข์ใดๆ ผมไม่อยากเห็นทั้งนั้น

แล้วยิ่งอยู่ดีๆน้องก็ร้องไห้ขึ้นมาทั้งๆที่อยู่ในช่วงที่ผมคิดว่าเรากำลังมีความสุขอยู่ด้วย ผมยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่

“เปล่าซะหน่อย..” วันนี้เด็กดื้อปากแข็งจังเลยครับ ผมช้อนหน้าให้เขา แหงนหน้าขึ้นมาหาผมพร้อมกับเปิดไฟหัวเตียงเพื่อที่เราจะได้สบตากัน ผมจะได้ เห็นว่าแววตาของเขาเป็นอย่างไร

เมื่อไฟสว่างแล้ว ผมก็ได้เห็นแววตาสับสนของเขา

“คิดอะไรอยู่หืม?”

“ไม่ได้คิด” น้องสูดจมูกแล้วยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาตัวเอง ผมรั้งไว้และใช้ริมฝีปากของผมจูบซับน้ำตาให้กับเขาด้วยความต้องการที่จะซึมซับความสับสนหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เด็กน้อยของผมไม่สบายใจมาไว้กับตัวเอง

“อย่าโกหกสิ”

น้องยังคงนิดเงียบ น้ำตาของเขายังไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ ผมรวบเขามากอดแนบอก หัวใจที่มีความสุขมาตลอดไม่กี่ชั่วโมงก่อนมันกลับมาทรมานอีกครั้ง

“ซัทสึกิ...” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้ง น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมและเอ่ยปิด บทสนทนาของเรา

“อย่าถามอะไรอีกเลยนะ..”

ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วจูบแผ่วเบาที่หน้าผากของผม แต่กระนั้นคำขอร้องของน้องก็ยังคงติดค้างความสงสัยของผม

“ขอขัดใจนะ แต่จะถามข้อเดียวเท่านั้น”

น้องนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า ผมเลยเอ่ยถามและรู้สึกได้ในนาทีนั้นว่าไม่ควรถามออกไปเลย เพราะมันทำให้ใจของผมบีบรัดมากกว่าเดิม

“ที่ร้องไห้นี่...เพราะฉันหรือเปล่า? อย่าโกหกนะ”

.

.

“อืม...”

“เพราะนายน่ะแหละ”

ตลอดคืนผมนอนไม่หลับเพราะคำตอบของน้องครับ ผมเอาแต่คิด คิด คิด แล้วก็คิดว่าน้องกำลังคิดมากและร้องไห้เพราะผมด้วยเหตุผลอะไร

และแต่ละอย่างที่ผมคิดนั้น...มันดูเหมือนจะเลวร้ายไปหมดทุกอย่างจน บั่นทอนกำลังใจของตัวเอง

บอกตามตรง ผมไม่ชอบเลย..กับความรู้สึกแบบนี้

เพราะข่มตานอนก็ไม่หลับ จะให้หยุดคิด เรื่องทั้งหมดก็ไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว หลังจากสอดเอาหมอนให้น้องนอนกอดแทนอกผมแล้วก็เลยลุกขึ้นจากเตียง

ท้องฟ้าข้างนอกยังคงมืดอยู่ พอมองนาฬิกาแล้วมันก็เพิ่งจะตีสาม ผมเลยลุกเดินออกไปยังห้องทำงานและตัดสินใจดึงเอาเครื่องอัดเสียงออกมาพร้อมกับ สมุดเลคเชอร์ ผมใช้เวลานั่งแกะเสียงและจดใจความสำคัญของเลคเชอร์ที่ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนในหลายวันนี้ลงไปและพบว่ามันช่วยทำให้ผมวางเรื่องฟุ้งซ่านในใจไปได้พอสมควร มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงแล้ว ผมวางปากกาลงและลุกขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความขบเมื่อยออกไปก่อนเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกง ว่ายน้ำแล้วเดินไปยังสระว่ายน้ำข้างนอก

เช้าๆต้นเดือนตุลาแบบนี้ อากาศเริ่มจะเย็นมากพอสมควรแล้ว แต่ผม ที่ปกติแล้วมักจะว่ายน้ำทุกเช้าที่มีโอกาสนั้นออกจะคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี หลังจากวอร์มอยู่ชั่วครู่ ผมก็กระโดดลงไปว่ายน้ำในสระทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น มาส่องแสงให้กับวันใหม่

การได้ออกกำลังกายแต่เช้ามันทำให้หัวสมองของเราปลอดโปร่งขึ้น ข้อนี้คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตั้งแต่เล็กๆที่คุณป๋ามักจะชวนผมกับพี่รินะออกกำลังกายกันทุกเช้าจนเป็นกิจวัตรประจำวันของบ้านเรา

แต่นอกจากหัวสมองจะปลอดโปร่งขึ้นแล้ว ความคิดที่สับสนและยุ่งเหยิงมันก็ค่อยๆเรียบเรียงตัวเข้ามาใหม่อย่างเป็นระบบในระหว่างที่ผมใช้สองมือ ตีกรรเชียงไปในสระว่ายน้ำนี้

ผมคิดอะไรไปอย่างเรื่อยเปื่อย และอย่างที่รู้ ส่วนใหญ่แล้วความคิดของผมมันหมดไปกับเรื่องของน้อง

จนเมื่อผมพุ่งตัวกลับเข้ามาด้านในระเบียงอีกครั้ง ผมเลยเห็นคนที่ผมคิดถึงอยู่นั้นยืนกอดอยู่ตรงริมสระ น้องกำลังยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วหาว หน้าตายังคงงัวเงียแต่ก็ยังคงยืนมองผมอยู่ไม่ไปไหน

ผมว่ายตีกลับไปในสระอีกสองรอบก่อนจะขึ้นจากสระและเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดหัวพร้อมกับเอาเสื้อคลุมมาใส่แล้วถึงเดินกลับไปหาน้อง

สองแก้มของน้องแดงปลั่งเพราะลมหนาวตอนเช้า เขาลูบต้นแขนไปมา จนผมอยากเข้าไปกอดให้ไออุ่นกับเขา แต่ตัวผมเปียกอยู่ คงจะทำให้เขาหนาวมากขึ้นกว่าจะอุ่นเลยแค่ถามเขาอย่างห่วงใยไปเท่านั้น

“หิวหรือยัง?”

น้องส่ายหน้าช้าๆ ดวงตายังคงปรือปอยอย่างคนง่วงนอน ผมเลิกคิ้ว อย่างสงสัยนิดหน่อยว่าถ้าน้องยังง่วงแล้วทำไมถึงตื่นมายืนมองผมว่ายน้ำแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ผมวางมือลงกับหลังของเขาแล้วพาเดินให้กลับเข้ามาในห้อง

“งั้นไปอาบน้ำกัน”

ผมแค่ลองชวนดูเท่านั้น คิดว่าน้องคงจะปฏิเสธและเดินกลับไปนอน แต่น้องกลับยอมเดินตามแรงจูงของผมเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างไม่เกี่ยงงอน

“ถอดเสร็จแล้วก็เข้าไปก่อนเลย ไม่ต้องคอย”

น้องร้องบอกแล้วก้มหน้างุดๆ ของผมมีแค่เสื้อคลุมกับกางเกงว่ายน้ำเลย โป๊ไวกว่าเขา ผมมองดูปฏิกิริยาของน้องแล้วก็นึกขำอย่างเอ็นดู ใบหน้าของน้องแดงเถือกไปถึงหูแค่นี้ก็เดาได้แหละครับว่าเขาคงเขินที่จะโป๊

ผมที่เดินเข้าห้องน้ำไปก่อนเลยจัดการเตรียมแปรงสีฟันเอาไว้และเดินไปเปิดน้ำอุ่นรองใส่อ่าง กลับมาอีกทีน้องก็เดินเข้ามาแปรงฟันอยู่ ผมเดินเข้าไปหาเขาและหยิบเอายางมัดผมที่วางทิ้งไว้แถวนั้นขึ้นมามัดผมให้กับน้อง ผมของเขาเริ่มยาวขึ้นมากแล้ว ผมสีน้ำตาลทองหยักศกนิดๆที่ยาวเคลียไหล่ทำให้ใบหน้าของ น้องดูสวยหวานอย่างที่เจ้าตัวคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ ระหว่างที่ผมมัดผมให้เขา น้องก็บ่นขึ้นมา

“ฉันอยากไปตัดผมชะมัด แต่พี่มิซึรุบอกให้ไว้ยาวไปก่อน”

“ไว้ยาวก็สวยดี” ปากผมไวกว่าที่จัดทันห้ามตัวเองครับ พอพูดออกไปแล้วก็โดนน้องหรี่ตามองก่อนสะบัดหน้าใส่ คำว่าสวยเป็นคำต้องห้ามสำหรับคนแมนๆครับ

หลังจากที่ผมแปรงฟันเสร็จ น้องก็ล้างหน้าเสร็จพอดี ผมเลยหยิบเอาผ้าขนหนูมาซับหน้าให้กับเขาก่อนจะเนียนหอมแก้มใสๆหอมกรุ่นด้วยเสียเลย น้องดิ้นน้อยๆแล้วทำหน้ามุ่ยใส่

“อย่าหน่า..” ปรามเสียงไม่จริงจังแบบนี้ใครเขาจะหยุดล่ะครับคุณ ผม เบียดเข้าไปแล้วพรมจูบตามแก้มของเขาอย่างชื่นใจ

“อื้อ..หนวดมันทิ่มนะ” พอน้องร้องออกมาแบบนี้ผมเลยหยุดแล้วยกมือขึ้นมาลูบแก้มกับคางของตัวเอง เพราะผมเพิ่งโกนหนวดไปเมื่อวาน ถึงวันนี้จะมองด้วยตาเปล่าไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ แต่พอลูบแล้วก็รู้สึกสากมือใช้ได้ หนวดที่เพิ่งโกนมันขึ้นเป็นตอสั้นๆแต่คงระคายแก้มใสของน้องเอาเรื่อง

“งั้นโกนให้หน่อยสิ” น้องเหลือกตาก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่เอาหรอก โกนเองสิ”

ถึงน้องจะพูดแบบนั้น แต่สองนาทีต่อมาเขาก็ยอมลงมือโกนหนวดให้ผมแต่โดยดี ผมชอบใบหน้าของเขาตอนโกนหนวดให้ผมมาก ซัทสึกิเขาตั้งอกตั้งใจ โกนหนวดให้ผม บางทีเขาก็มุ่ยหน้าแล้วบ่นไปเรื่อยอย่างน่ารัก ทั้งที่บอกว่าโกนหนวดให้ผมแล้วเขาเกร็งจนปวดไปทั้งบ่าแต่เขาก็โกนให้ผมจนเสร็จแถมยังลูบแก้มผม ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจกับผลงานของเขาอีกต่างหาก

หลังจากนั้นผมก็จูงมือน้องไปยังอ่างที่มีน้ำอุ่นไหลวนอยู่ น้องยิ้มสดใสแล้วลงไปนั่งวักน้ำเล่นขณะที่ผมหันไปเลือกขวดน้ำมันหอมระเหยที่จะช่วยให้น้องผ่อนคลายมากขึ้น ผมลังเลอยู่เล็กน้อยระหว่างกลิ่นวานิลลากับกลิ่นโรสแมรี่ แต่ในที่สุดก็หยิบกลิ่นวานิลลามาหยดให้น้องเพราะคิดว่าเขาน่าจะชอบกลิ่นหอมแบบ ขนมหวานอย่างนี้มากกว่ากลิ่นดอกไม้ จริงๆผมไม่ค่อยชอบกลิ่นหอมหวานแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่เผอิญได้มาจากไอ้ยูที่ซื้อมาฝาก คราวนี้เลยได้ฤกษ์ใช้เป็นครั้งแรก พอได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกหอมดีเหมือนกัน น้องเองก็ถึงกับยิ้มกว้างอย่างชอบใจ

“หอมดี..ได้กลิ่นแล้วหิวเลย” ผมยิ้มขำกับคำบอกของเขาก่อนจะพาตัวเองลงไปนั่งข้างๆและกดเปิดเพลงให้ดังขึ้น น้องที่เอียงหน้าซบกับขอบอ่างหันมาหาผมแล้วบอกเสียงที่ทำท่าจะงัวเงียอีกรอบ

“ถ้าเผลอหลับไปอีกรอบ ก็อุ้มไปเตียงด้วย”

ผมพยักหน้าแล้วแต้มจูบลงกับขมับของเขา น้องหลับตาพริ้มไม่โวยวายอะไร ผมเลยได้ใจที่จะจูบคลอเคลียแบบนั้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะเลิกทำเมื่อน้อง พลิกตัวหันมาเอียงหน้าซบลงกับไหล่ของผม วงแขนผมโอบกอดเขาไว้ เราเงียบฟังเสียงเพลงกันไปพักใหญ่ก่อนที่ผมจะเริ่มร้องคลอตามเสียงเพลงเมื่อรู้สึกอินตาม เนื้อเพลงนั้นและอยากสื่อความรู้สึกไปกับเพลงให้น้องได้รับรู้

ผมร้องไปหัวใจก็เต้นระรัวขึ้นมาเรื่อยๆจนรู้สึกผิดสังเกต ไม่ใช่เพียงเพราะน้องกำลังช้อนสายตาขึ้นมาสบกันหรือใบหน้าของเราเอนเข้าใกล้กันมากขึ้น อากัปกิริยาของร่างกายที่มันกำลังร้อนรุมๆราวกับไข้กำลังขึ้นนี้ทำให้ผมรู้สึกผิดปกติ

“Now that I've found this day

So let me love you….baby”

น้องหลับตาพริ้ม ใบหน้าห่างอยู่แค่ข้อนิ้ว ผมเอ่ยท่อนสุดท้ายไปก่อนจะ ปิดริมฝีปากเขาด้วยจูบแสนหวาน

“Let me love you”

เราจูบกันอยู่พักใหญ่จนผมแน่ใจว่ามันเกิดความผิดปกติกับร่างกายของและน้องจริงๆ ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้นที่ตัวร้อน ร่างกายของน้องเองก็ร้อนผ่าวไม่ แพ้กัน ผมไม่รู้ว่าน้องรู้หรือเปล่า แต่ดวงตาของเขาเชื่อมหวาน พวงแก้มใสเริ่มเป็นสีแดงจัดใต้แสงแดดอ่อนละมุน เขาหอบหายใจแรงกว่าเมื่อสักครู่นี้และไม่ขัดขืน เลยที่ผมจะดึงเขาให้ขึ้นมานั่งคร่อมที่ตักของผม ซ้ำยังเบียดสะโพกลงจนผมไม่อาจห้ามความรู้สึกได้อีกต่อไป

“ซัทสึกิ..” ผมเรียกชื่อเขาแล้วลูบแก้มเขาอย่างรักใคร่และเลื่อนไปนวดต้นคอให้กับเขาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกขมึงเครียดในตอนนี้ น้องเอาแต่จ้องริมฝีปากของผมก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาลูบฐานคอของผม ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแนว ไหปลาร้าก่อนจะวางมือลงมาและเบียดกายจนอกเขามาชิดกับอกผม

ท้ายสุดแล้วน้องก็ทำสิ่งที่ผมไม่ได้คาดเอาไว้ เขาแนบริมฝีปากลงกับปากของผม แม้จะเป็นเพียงจูบแผ่วเบาแต่มันก็ทำให้หัวใจของผมพองโตไม่น้อย

“ซัทสึกิ...นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”

ไม่เพียงแค่จูบเท่านั้น แต่สะโพกกลมงอนก็ยังเบียดย้ำๆอยู่กับตักของผมราวกับต้องการความรักให้ฝังลึกเข้าไปในร่างของเขา ผมรู้ว่าเขาเองก็กำลังรู้สึกเหมือนกับผม ความต้องการทางเพศมันพุ่งสูงขึ้น และผมเชื่อว่ามันเป็นเพราะน้ำมันหอมระเหยที่ไอ้ยูตะตัวแสบมันซื้อมาฝากผม

แต่ผมไม่รู้ว่าน้องยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้ผมมากขนาดนี้เพราะฤทธิ์ยา ในน้ำมันหอมระเหยนั่นอย่างเดียวหรือเปล่า พอผมถามออกไป น้องก็หรี่ตาปรือขึ้นมามองหน้าผมเหมือนกับไม่เข้าใจนัก

“นายหมายความว่าไง” ผมกลอกตาไปมาและกอดเขาแน่นขึ้นก่อนถอนหายใจยาว ตัดสินใจพูดความในใจถามเขาออกไป

“เดี๋ยวนายก็ทำเหมือนรังเกียจฉัน เกลียดฉัน แต่บางทีนายก็ทำเหมือนกับต้องการฉัน จริงๆแล้วนายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่” น้องไม่ตอบคำถามของผมใน ทันที เขาอิงหน้าผากลงกับคางของผม มือที่ลูบไล้อกผมเมื่อสักครู่หยุดนิ่งแต่ก็ไม่ได้เอาไปวางไว้ที่อื่น ผมพยายามบอกให้หัวใจสงบระหว่างรอคำตอบของน้อง

“ฉันไม่ได้รังเกียจนาย..แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนายกันแน่” น้องเว้นช่วงไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบมา

“แต่ตอนนี้..ฉันต้องการนาย” เขาขยับมือขึ้นมาโอบกอดไหล่ของผมและซุกหน้าลงกับไหล่ เสียงแผ่วเบาของน้องยังคงก้องอยู่ในหูของผม..

“ริวซากิ เร็น...ฉันต้องการนาย”

 เพียงแค่นี้ก็พอแล้วครับ..แค่ตอนนี้น้องต้องการผม ผมก็จะให้ทุกสิ่งที่ เขาต้องการ วันนี้น้องอาจจะต้องการผมเพียงเพราะความต้องการทางเพศที่กำลังเล่นงานเขา...

แต่ผมเชื่อว่าสักวัน น้องจะต้องการผม...ด้วยหัวใจของเขาเอง

ผมคิดทั้งหมดอยู่ในใจและประคองกอดน้องเอาไว้แนบอก คนดียังคงซุกหน้าอยู่กับไหล่ของผม ทุกส่วนกายของเราแนบชิดกัน ผมได้ยินเสียงลมหายใจของน้องสะดุดเมื่อผมเอื้อมมือไปสัมผัสเข้ากับความต้องการที่ปรากฏเด่นชัดตรงกลางระหว่างสองขาเรียวที่นั่งคร่อมทับตักผมอยู่

“อือ..” น้องครางเสียงเบาเมื่อผมขยับมือมอบความสุขให้กับเขาพลางเวียนแต้มจูบลงกับไหล่เล็ก และครางเสียงหนักคล้ายประท้วงกันเมื่อผมลากมือเล็กของเขาให้มันจับตัวตนของผมบ้าง

“พร้อมกันนะ”

ผมบอกเขาเสียงอ่อน รวบความต้องการของผมและเขาไว้ภายใต้มือของเราสอง แล้วสอนน้องให้รู้จักการที่เราจะไปถึงจุดของความสุขพร้อมกัน

ถึงมันจะเทียบไม่ได้กับการที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่มันก็ให้ความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เราจูบกันอีกหน ริมฝีปากของผมแนบสนิทกับน้องและ สอดลิ้นเข้าไปเสาะหาความหอมหวานที่ยิ่งกว่าน้ำผึ้งจากรวงรัง และเล็มชิมมันทีละน้อยแต่เนิ่นนานเหมือนเสพติด

ถึงจะมีน้ำมันหอมเป็นตัวปลุกเร้าอารมณ์ตามสรรพคุณของมัน แต่ยังไงก็สู้ผิวกายขาวเนียนนุ่มมือกับกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของน้องไม่ได้เลยสักนิดครับ

ครู่ต่อมาผมจึงละมือจากตัวตนของเราทั้งคู่และให้น้องเป็นฝ่ายนำพาความสุขมาให้แล้วเลื่อนมือไปลูบหลังน้องก่อนจะไล้ลงต่ำ

น้องครางเสียงสั่นในลำคอเมื่อปลายนิ้วของผมแตะสัมผัสเข้ากับช่องทางแคบเล็ก คนดีเอาหัวอิงกับไหล่ของผมแล้วขยับตัวเบียดแนบชิดเข้ามาเมื่อผม ค่อยๆกดสอดปลายนิ้วเย้าแหย่เข้าไปด้านใน

ภายในร่างกายของน้องอุ่นเสียยิ่งกว่าน้ำอุ่นที่อยู่รอบกายของเรา ผมสอดนิ้วเข้าไปช้าๆและนึกรักใคร่เมื่อเจ้าของช่องทางเล็กแคบที่บีบรัดข้อนิ้วของผมนั้นเงยหน้ามาอ้อนจูบกับผมอย่างไม่ใช้คำพูดใดๆ เรียวปากเล็กจูบผมอย่างขลาดเขินแต่น่ารักเท่าโลก

ผมปล่อยให้น้องเป็นฝ่ายนำจูบไปอยู่ชั่วอึดใจ ขณะที่รังแกช่องทาง ด้านล่างของเขาด้วยความรัก

น้องต้อนจูบผมอย่างเด็กไร้เดียงสาที่กำลังพยายามทำอะไรเกินตัวก่อน จะแหงนหน้าขึ้นครางเสียงสั่นเมื่อปลายนิ้วของผมกระตุ้นตรงจุดที่สร้างความ เสียวซ่านไปทั่วร่าง ผมไล้ริมฝีปากลงจูบแนวคางและเลื่อนต่ำลงไปยังแผ่นอกขาวและพรมจูบไปทั่ว ขณะที่สองมือยังคงปรนเปรอให้น้องเตรียมพร้อมที่จะรองรับความต้องการที่ปรารถนาจะเข้าไปรักเข้าจากภายใน

“อะ...อา..” น้องครางเสียงหวานแล้วหยุดชะงักมือของเขาที่รูดเร้าส่วนหน้าของเรา เขาซบหน้าลงมากับไหล่ของผมอีกครั้งคล้ายอ่อนแรง ผมเลยประคองสะโพกของเขาให้ขยับขึ้น

น้องจับไหล่ผมพยุงตัวไว้และค่อยๆหย่อนกายลงมาครอบครองแกนกายร้อนผ่าวจวนเจียนระเบิดเข้าไปจนหมดและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เรียก ความเอ็นดูจากผมจนต้องป้อนจูบหวานๆให้เป็นรางวัลของคนเก่งก่อนจะเริ่มต้นประคองเอวให้เขาขยับ

บทรักแสนหวานระหว่างเราดำเนินขึ้นอย่างไม่รีบร้อน...ท่ามกลาง แสงแดดอ่อนละมุนยามเช้า ผมมองใบหน้าแดงจัดของน้องที่พยายามพาให้เรา สองคนไปถึงฝั่งจุดหมายพร้อมกันอย่างรักใคร่และโอบกอดเขาเข้ามาจนอกของ เราเบียดกัน

มือของผมละจากสะโพกนุ่มมาสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวที่สั่นระริกของน้อง พอผมรูดไปตามความยาว น้องก็สั่นสะโพกเข้าหามือผมและพยายามกดลงกลืน กินความยาวตรงหน้าตักผมไปด้วย เขาทำหน้าเหมือนถูกผมรังแกอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่ใสมีน้ำตาฉ่ำคลอนิดๆเพราะแรงอารมณ์ ริมฝีปากบางแดงจัดเพราะเราจูบกันครั้งแล้วครั้งเล่า

“ระ..เร็วอีก”

น้องร้องบอกเสียงขาดช่วง คนดียังคงขยับขึ้นลงบนตักผมตามแรงส่งอย่างเร่าร้อน ผมจึงต้องตอบสนองด้วยการขยับมือให้เร็วขึ้นเพื่อพาน้องไปสู่จุดหมายที่เขาต้องการ

ปลายทางมันอยู่ไม่ไกลนัก ผมคว้ามันไว้พร้อมกับที่โอบกอดน้องไปถึง จุดหมายด้วยกัน

“อะ..อือ..!”

ถึงน้องจะกัดริมฝีปากไว้แต่เสียงครางก็ยังรอดผ่านออกมา ร่างกายที่ได้ รับความสุขสมรัดตัวตนของผมไว้แน่น ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังกระตุกอยู่ในร่าง ของเขา ความรักของผมท่วมท้นช่องทางแคบเล็กที่ยังคงโอบรัดผมไว้

“เหนื่อยเป็นบ้าเลย..” น้องพึมพำก่อนจะทรุดมาโอบกอดผมไว้ ผมลูบศีรษะเขาให้อิงอยู่กับบ่าของผมแล้วกดจูบที่ข้างขมับเขา

“งีบพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันอาบน้ำให้”

น้องพยักหน้าจนปลายจมูกถูไถกับบ่าผมและเงียบไป ผมยิ้มให้กับความสุขที่เกิดขึ้นและหยิบเอาฟองน้ำขัดตัวมาเทสบู่ก่อนจะเริ่มต้นอาบน้ำให้เขา

คนดีจะรู้บ้างไหมนะ..ว่าตัวเองนั้นน่ารักแค่ไหน

แมวน้อยของผม

-TBC-

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
เมื่อไหร่ซัทจังจะบอกรักเร็นจังซะที สงสารเร็นจังมากๆๆ 
นี่ขนาดซัทจังยังไม่มั่นใจว่ารักเร็นจังหรือป่าว แต่อ้อน เขิน และตามใจเร็นจังตลอดเลย 

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ยอมรับตัวเองเถอะซึทจัง ว่ารักเร็นแล้ว

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 12

 พอจบฉากเอ็นซียามเช้าอันแสนหวานที่เกือบทำให้ผมแทบสำลักกับความสุข และแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเราทำอะไรกันไปบ้างหรือแลกเปลี่ยนสัมผัสกันแบบใด รู้แต่ว่าความสุขมันล้นทะลักไปทั่วทุกอณูความรู้สึก ผมก็สำนึกได้ว่าผม ควรจะไปขอบคุณไอ้ยูตะมันสักพันครั้งสำหรับน้ำมันหอมระเหยขวดนี้

หลังจากที่เราออกกำลังกายแสนวาบหวิวกันเสร็จเรียบร้อย ผมกับน้องถึงได้ออกมากินอาหารเช้ากันราวๆเกือบเก้าโมงได้ น้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานงุดๆไม่ยอมมองหน้าผม สองแก้มของเขายังแดงระเรื่ออยู่บอกความเขินอายให้รับรู้

“วันนี้นายมีเรียนหรือเปล่า?” น้องเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่ผมยกจานไปเข้าเครื่องล้างและกดเปิดเครื่องก่อนจะยกเอาขนมหวานมาให้เขา น้องตักจ้วงทานครีมสดอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มพอง

“ไม่มีหรอก แต่วันนี้คงต้องทำรายงานส่วนแรกให้เสร็จ” น้องพยักหน้างึกงัก ผมรอฟังเขาพูดต่อเผื่อว่าน้องจะบอกว่าอยากกลับหอ ผมจะได้พาเขาไปก่อนแล้วก็หอบงานไปทำด้วย หรือถ้าเขาอยากจะไปทำอะไรที่ไหนผมก็จะได้พาเขาไปแล้วค่อยกลับมาทำงานตอนเย็นหรือค่ำก็คงทัน

“งั้นกินเสร็จแล้วฉันไปนอนอ่านบทละครต่อดีกว่า กินไหม?”

ท้ายประโยคน้องทำให้ผมชื่นใจด้วยการตักครีมสดตรงหน้ามาป้อนให้กับผมที่เดินมานั่งข้างเขา ผมทานโดยไม่เกี่ยงงอนก่อนจะหอมแก้มเขาเบาๆทีหนึ่งและถ้าไม่หลอกตัวเองเกินไป ผมเห็นน้องแอบอมยิ้มขณะที่ตักครีมสดเข้าปาก ตัวเองไปด้วย จะทำตัวน่ารักให้พี่หลงไปถึงไหนกันนะซัทสึกิจัง

ผมทานครีมสดที่น้องป้อนให้อีกสองสามคำก่อนจะลุกเข้าไปในห้องนอน น้องที่ทานเสร็จแล้วเช่นกันก็เดินโต๋เต๋มาหาผมที่กำลังดึงเอาผ้าห่มผืนนุ่มออกมา จากตู้เสื้อผ้า

“มีหวังได้หลับก่อนอ่านบทจบแหงๆ”

น้องบอกหลังจากที่ผมคลี่เอาผ้าห่มวางไว้ให้บนโซฟาเพื่อให้เขาให้ห่ม น้องที่ยืนกอดบทละครอยู่ขยับมานั่ง ผมเลยห่มผ้าให้เขาด้วย

“ดูแลดีกว่าแม่อีกนะนี่” ผมเลิกคิ้ว น้องเลยรีบเสริมต่อ

“นี่ฉันชมนะ” พี่ยังไม่ได้บอกสักคำนะครับว่าพี่คิดว่าน้องเหน็บหนมน่ะซัทสึกิจัง ผมแกล้งดีดหน้าผากน้องไปเบาๆหนึ่งที คนดีเขาตอบกลับมาด้วยการยกกำปั้นขึ้นมาชกอกผมแล้วทำแก้มพองก่อนจะยกบทขึ้นมาปิดหน้าทำท่างอน พอผมหัวเราะขำเขาก็เอาเท้าดันก้นผมเบาๆ

“รีบไปทำงานสิ เดี๋ยวก็ไม่เสร็จหรอก” เจ้าของหัวใจผมเขาสั่งแบบนั้น ผมก็เลยต้องลุกขึ้นไปทำงานโดยแอบเหล่น้องเป็นระยะ

พอได้มาอยู่กันสองคนแบบนี้ ถึงจะไม่ได้พูดคุยและต่างคนต่างก็มีอะไร ต้องทำ แต่เพราะไม่ได้มีเรื่องวุ่นวายหัวใจเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเลยทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก งานเลยเดินไวกว่าที่คิดเอาไว้ แต่งานของน้องจะเดิน หรือเปล่าก็ไม่รู้สิครับ

ผมว่าผมแทบไม่ได้ยินเสียงน้องพลิกกระดาษอ่านหน้าต่อไปเลยด้วยซ้ำ ผมเลยหันไปมองเขาและเห็นว่าเขากำลังจ้องผมอยู่พอดี

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า... ไม่มีอะไร” น้องพึมพำบอกกลับมาแล้วเอาบทในมือยกขึ้นมาปิดหน้าปิดตาก่อนทิ้งตัวลงไปนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาจนผมกลัวว่าเขาจะตกลงมานอน อยู่กับพื้นเสียก่อน เลยเดินเข้าไปหาเขา

“ทำงานเสร็จแล้วหรอ?”

“ขอพักหน่อย อยากได้กำลังใจน่ะ”

“เมื่อเช้ายังไม่พออีกหรือไงกัน..” คนดีเขาบ่นเสียงอุบอิบแล้วหยิบเอาหมอนปาใส่ผมแต่ก็ถูกผมแย่งไว้ ก่อนโน้มตัวเข้าไปหาเขา

“ก็ยังอยากได้เพิ่มอีกนิดหนึ่ง”

ผมกะจะหอมแก้มน้องสักฟอดสองฟอดก่อนจะกลับไปทำงานต่อ แต่เขากลับไม่ยอม เอาแต่ดันหน้าผมออกแถมยังไล่ให้กลับไปทำงานอีกด้วย

“กลับไปทำงานให้เสร็จไวๆเลย เร็วเข้า!!”

ถูกไล่แบบนี้ผมก็เลยต้องหอบเอาความผิดหวังเล็กน้อยกลับไปทำงานต่อที่โต๊ะ แต่ไม่ถึงนาทีหรอกครับก็ต้องชะงัก หัวใจมันเกือบหยุดเต้นไปเพราะแมวน้อยแสนน่ารักของผมย่องมากอดคอแล้วหอมแก้มผมแผ่วเบา

“กำลังใจแค่นี้...พอไหม” เสียงน้องกระซิบถามอยู่ข้างหู พลานุภาพสั่นใจผมจนสะท้านได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ ผมหันกลับไปยิ้มให้น้องแล้วเอียงหน้าจูบลงที่มุมปากเขาแผ่วเบาเหมือนกับที่น้องหอมแก้มผม

“แค่นี้ก็พอแล้วครับ...ที่รัก” น้องหน้าแดงกับคำเรียกของผมเสียยิ่งกว่าตอนเขาแอบหอมแก้มผมอีกครับ

เย็นวันนั้นผมต้องพาน้องไปฝังเข็มครับ น้องโอดโอยทำท่าอิดออดจะเกเร ไม่ยอมไปฝังอยู่พักใหญ่ก่อนจะยอมเดินตามแรงจูงของผมไปเข้าร้านหลังจากที่ ผมบอกว่าฝังเสร็จแล้วจะพาเขาไปทานอะไรอร่อยๆกัน

แต่ถึงจะยอมเข้าร้านไปอย่างว่าง่ายแต่ซัทสึกิก็ยังอดทำหน้ามุ่ยใส่ผม ไม่ได้ที่ไม่ยอมตามใจเขา และพอถึงคิวจะฝังเข็ม แมวน้อยของผมก็ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ ผมกอดเขาเข้ามาแนบอกเมื่อเราอยู่กันเพียงลำพังในห้องเปลี่ยนเสื้อและกดปากจูบที่หน้าผากของเขาที่กอดผมแน่น

“อดทนนิดหนึ่งนะคนดี” น้องพยักหน้างึกงัก แต่ผมไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าน้องจะฟังที่ผมพูดหรือเปล่าเพราะดูเหมือนจิตใจเขาจะพะวักพะวนอยู่กับการฝังเข็มที่จะเริ่มอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าไปแล้ว พอผมผละกอดจากเขาเพื่อที่จะถอดเสื้อผ้าให้ น้องก็ขยับแขนกอดผมแน่นขึ้นเหมือนไม่อยากให้ผละไป

“ฉันไม่ฝังเข็มแล้วไม่ได้จริงๆหรอ ฉันจะไปลดน้ำหนักเอง สาบานจริงๆนะ เดี๋ยวจะเริ่มลดน้ำหนักตั้งแต่วันนี้เลยก็ได้”

โดนน้องอ้อนขอทั้งใบหน้าปริ่มๆจะร้องไห้นี่มันทำใจยักษ์ใส่ยากจังเลยครับ

แต่ดูจากการชื่นชอบการรับประทานของอร่อยๆและของหวานๆของน้องแล้ว...น้ำหนักน้องมีแต่จะเพิ่มไม่มีลด แล้วถ้ามิซึรุรู้เข้าว่าน้องโยนคอสฝังเข็มที่เขาบังคับให้ทำทิ้ง น้องอาจจะถูกดุเอาก็ได้

และอีกอย่าง..ผมก็อยากเห็นน้องหุ่นเพรียวบางเหมือนกับครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาด้วยครับ หลายเดือนที่ผ่านมาน้องแอบอ้วนขึ้นมานิดหน่อย อันที่จริงผม ก็ชอบเหมือนกันนะครับเพราะเวลากอดแล้วนุ่มมือดี แต่ออกจะชอบหุ่นเพรียวบางของน้องมากกว่า

“ทนนิดหนึ่งนะ ครั้งก่อนนายก็ผ่านมันมาได้นี่นา”

ผมตะล่อมแล้วจูบซับน้ำตาให้เขา น้องที่ขอบตาแดงเรื่อเงยหน้ามองผมแล้วเบะปากที่ผมไม่ยอมอนุญาต ผมเลยชิงจูบปากน้องไปด้วยเลยแล้วก็จัดการลอกเปลือกน้อง พอเขารู้ตัวอีกที ตัวเขาเองก็อยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปฝังเข็มแล้วเรียบร้อย

“ใจร้าย...จำไว้เลย” จากที่ร่ำๆจะร้องไห้อยู่เมื่อสักครู่ น้องหันมาตัดพ้อ แล้วส่งสายตาเขียวปั๊ดมาให้ผมอย่างน่าฟัด ถ้าเป็นคนอื่นที่ทำตัวแบบนี้ผมคงจะนึกเหนื่อยหน่ายใจ แต่เพราะเป็นน้องเลยเรียกความเอ็นดูให้กับผมได้มากโข

โดยเฉพาะคำที่ใช้ตัดพ้อเนี้ย...ไปจำมาจากไหนครับคนดี แถมยังพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆแบบนี้ น่าฟัดมากเหอะขอบอก

แล้วผมก็พาน้องเข้าไปฝังเข็มได้ในที่สุด แต่พอคุณหมอเริ่มลงเข็มกับพุงของน้องก็ดันมีโทรศัพท์เข้ามาหาผมที่ตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนน้องฝังเข็มเอาเสียก่อน ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นมิซึรุเลยเลี่ยงออกไปรับข้างนอกเพื่อไม่ให้น้องได้ยินบทสนทนาระหว่างเรา

“นายอยู่ที่ไหน?”

“ฉันพาน้องมาฝังเข็ม นายมีอะไรหรือเปล่า?” ผมถามกลับไปอย่างร้อนใจ แต่ก็พอเดาได้ว่าจะเป็นเรื่องอะไร พรุ่งนี้ก็จะถึงวันเกิดของน้องแล้ว บางทีมิซึรุ อาจจะโทรมาคุยเรื่องเซอร์ไพรส์วันเกิดของน้องก็เป็นได้

“อืม..ฉันพอจะคิดเรื่องเซอร์ไพรส์วันเกิดซัทจังมันได้แล้ว แต่เดี๋ยวขอปรึกษากับจิฮารุก่อน โทรมาบอกแค่นี้แหละ บาย!”

แล้วมิซึรุก็ตัดสายผมไปทิ้งให้ผมยืนงงอยู่กับจุดประสงค์การโทรของเขาเพียงลำพังว่าเขาจะโทรมาบอกทำไมกัน แต่พอจะเดินกลับไปหาน้อง โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คนที่โทรมาเป็นบุพการีของผมเอง

คุณมี๊โทรมาถามเรื่องวันเกิดของน้องพรุ่งนี้เพราะผมเคยเกริ่นให้คุณมี๊ฟัง ว่าอยากให้จัดฉลองวันเกิดให้น้องที่บ้านของเรา ซึ่งคุณมี๊รับปากว่าจะเป็นหัวแรงใหญ่ให้ผม วันนี้เลยโทรมาบอกว่าจะจัดปาร์ตี้ริมสระและถามว่าจะมีคนไปปาร์ตี้ สักประมาณกี่คนจะได้จัดอาหารถูก

ผมยืนคุยกับคุณมี๊อยู่พักใหญ่ก่อนจะวางสายไปและเดินกลับเข้าไปหาน้อง ก็พอดีกับที่น้องเดินออกมานั่งที่ม้านั่งแล้วพอดี คนดีเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไร เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมยิ้มให้คุณหมอที่เดินสวนออกไปตามมารยาทแล้วเดินเข้าไปหาน้อง

“เสร็จแล้วใช่ไหม? ขอโทษทีนะ” น้องทำแก้มพองใส่ ผมเลยหยิกแก้มเขาเบาๆแล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้

“งอนหรอครับ?”

“เปล่าซะหน่อย หิวต่างหาก”

“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนะ” น้องพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากม้านั่งอย่าง ว่าง่าย ผมพาน้องไปจ่ายเงินแล้วออกมาขึ้นรถ

“กินอะไรดีล่ะ อยากกินอะไรหรอซัทสึกิ?”

“อยากกินหม้อไฟ!!” น้องตอบกลับมาทันควันเลยครับแถมยังยิ้มสดใสอีกต่างหาก ผมยกมือขึ้นมาขยี้กลุ่มผมนุ่มของเขาอย่างเอ็นดูและเอื้อมมาดึงสายนิรภัยคาดให้กับเขา น้องยังคงพูดเสียงเจื้อยแจ้วระหว่างผมกดตัวล็อกเข็มขัดให้เขา

“ไปซูเปอร์ซื้อผักมาต้มหม้อไฟกันเถอะ”

ผมยิ้มรับคำบอกของน้องแล้วก็เลยจุ๊บปากแดงๆของน้องไปด้วยอีกหนึ่งทีอย่างชื่นใจ น้องเงียบลงทันทีเลยครับ แต่แก้มแดงๆของเขาทำให้ผมชื่นใจว่าน้องเงียบไปเพราะเขินที่ถูกผมชิงจูบนั่นเอง แถมเด็กดีของผมยังแอบอมยิ้มอีกต่างหาก จะให้ความหวังพี่เร็นคนนี้มากไปแล้วนะครับซัทสึกิจัง

สิบนาทีต่อจากนั้นผมก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดในมาร์เก็ตและพาน้องลงมา ซื้อของ คนดีเขาหันซ้ายมองขวาก่อนจะกระตุกชายเสื้อผม พอผมให้ไปมองเขาก็ พยักพเยิดไปทางคอฟฟี่ช็อปที่อยู่ติดกับทางเข้าของมาร์เก็ต

“กินคาราเมลมิลค์แฟรปเป้ได้ไหมอ่ะ?”

“เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนเอามือแตะท้องของน้องแล้วเอ่ยเย้า น้องมุ่ยหน้า ใส่ผม เขาส่งสายตาละห้อยหาไปที่คอฟฟี่ช็อปพลางออดเสียงเบา

“จะตามใจกันหน่อย..ไม่ได้หรอ..” ช่วงนี้เหมือนคนดีจะรู้ทางครับว่าทำยังไงผมจะใจอ่อน เขาก้มหน้าเดินคอตกเข้าไปในมาร์เก็ต ทำเอาหัวใจของผมกระตุกวูบจนต้องแอบเดินไปซื้อนมปั่นมาให้กับเขา

“แก้วเล็กพอนะ” ผมที่เดินตามน้องมาเจอว่าคนดีกำลังเลือกกุ้งอยู่ก็ยื่นเอามิลค์แฟรบเป้แก้วเล็กให้เขา แค่เห็นผมตามใจถึงแม้จะเล็กน้อยน้องก็ฉีกยิ้มให้ผมจนหายรู้สึกผิดที่ใจอ่อนกับเขาแบบนี้แถมยังยื่นหลอดมาให้ผมอีกต่างหาก

“กินด้วยกันนะ” ว่าไหมครับว่าช่วงนี้น้องน่ารักจริงๆ ผมดูดนมปั่นแก้วนั้นไปนิดหน่อยแล้วให้น้องทานต่อก่อนเราจะเลือกซื้อของด้วยกันจนได้ของมากมายพอที่ผมเห็นแล้วรู้สึกว่าน้องกับผมต้องน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากแน่ๆถ้ากินกันจนหมดนี่

หลังจากนั้นผมกับน้องเลยได้กลับมาที่คอนโดของผมพร้อมกับข้าวของมากมายที่เราหิ้วกันมาเต็มสองแขน พอมาถึงห้องน้องก็จัดแจงเตรียมทำสุกี้เลยทันที

ผมชอบจังเลยครับ บรรยากาศในตอนนี้ น้องกำลังเตรียมหั่นเนื้ออยู่ คนดีเขาไล่ผมให้มาล้างผัก แต่พอเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของผม น้องก็ยื่นมือเข้ามาช่วย ผมมองหน้าน้องที่ตั้งอกตั้งใจสอนแล้วก็รู้สึกพองๆในใจ อารมณ์มันคล้ายคู่แต่งงานใหม่อย่างบอกไม่ถูกครับ

พอล้างผักเสร็จแล้วผมก็ยกหม้อกับของสดไปวางตั้งไว้ที่โต๊ะตัวเตี้ยหน้าทีวีและกำลังเทน้ำผลไม้ใส่แก้วไว้ให้น้องตอนที่โทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีกครั้ง ผม เห็นน้องเหล่มองมาเลยเดินออกไปคุยที่ระเบียงเพราะคนที่โทรมาหาผมคือมิซึรุ

“ขอโทษที พอดีผิดแผนนิดหน่อยเมื่อตอนกลางวัน”

มิซึรุว่าอย่างนั้นก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟังว่ามาโดกะเข้ามาได้ยินพอดีเลยเสนอขอแจมร่วมเซอร์ไพรส์วันเกิดกับน้อง ผมได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วทันทีอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่พอมิซึรุบอกแผนการทั้งหมดมา ผมก็ต้องกระตุกยิ้มกับความเจ้าเล่ห์ของญาติคนนี้ของไอ้จุนมัน

“หวังว่ามันคงจะเวิร์คล่ะนะ”

“ก็ถ้าไม่เวิร์คแสดงว่านายก็ต้องยอมรับล่ะว่านายไม่สามารถทำให้ซัทจัง มันพิศวาสนายได้” มิซึรุตอบกลับมาทันทีก่อนจะหัวเราะเสียงใส แต่เรียกความตึงบนใบหน้าของผมได้ไม่น้อยแล้ววางสายไป

ผมลดโทรศัพท์ในมือลงแล้วมองกลับเข้าไปในห้อง น้องกำลังคีบเอาเนื้อสัตว์ใส่ลงไปในหม้อไฟและเงยหน้าขึ้นมามองผมพอดี เขาเลิกคิ้วนิดหน่อยก่อนจะคีบเอากุ้งที่สุกแล้วขึ้นชูโบกไปมาเรียกให้ผมเข้าไปกินกับเขา

มันต้องเวิร์คสิ...

ถ้าไม่เวิร์คมีหวังผมขาดใจตายแน่ๆงานนี้

 “ใครโทรมาน่ะ?” น้องยิงคำถามทันทีเมื่อผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆเขาครับ แต่ผมไม่ได้ตอบเขาไปเพราะกำลังคิดคำตอบให้เขาอยู่เลยเลี่ยงไปหยิบตะเกียบขึ้นมาจะคีบเนื้อในหม้อให้น้องแต่น้องไม่ยอมทิ้งคำถามของเขา เด็กดีของผมเอาตะกร้อลวกสกัดตะเกียบผมไว้แล้วหรี่ตามองอย่างจับผิด

“ทำไมไม่ตอบ?”

สุ้มเสียงเหมือนคอยจับผิดกันแบบนี้ผมเลยต้องตอบเขาในที่สุด

“มิซึรุโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ตอนแปดโมงให้เข้าไปซ้อมต่อบทรอบแรกกันด้วย”

“อะไรกัน!! พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ ยังต้องเข้าไปซ้อมบทแต่เช้าด้วยหรอ?”

อย่างที่ผมคิดไว้ น้องโอดครวญทันที ผมเลยเอาเนื้อที่คีบขึ้นมาป้อนใส่ปากให้เขา น้องยอมทานแต่ก็ทำหน้ามุ่ยกับข่าวที่ผมบอกเขา

“หน่า..ก็พรุ่งนี้มันวันหยุดนี่นา”

“แต่วันเกิดฉันเหมือนกันนี่นา..พี่มิซึรุนะพี่มิซึรุ ลืมวันเกิดน้องหรือยังไงกัน”

คนดีเขาบ่นไปพลางออกแรงกระแทกตะเกียบในมือลงกับเนื้อชิ้นใหญ่ น้องคงจะหงุดหงิดไม่น้อยที่วันสำคัญของเขาจะต้องถูกแบ่งเวลาไปแบบนี้ ผมจับมือเขาไว้ก่อนจะคีบเอาเนื้อปลาหมึกป้อนใส่ปากเขาอีกคำ

“ก็อาจจะลืมมั้ง” ผมแกล้งเนียนบอกเขาไปแบบนั้นทั้งที่รู้ดีว่ามิซึรุไม่ได้ ลืมวันเกิดของน้อง แต่ทำไงได้ครับ เรามีแผนที่จะเซอร์ไพรส์วันเกิดเขานี่ครับ

คำพูดของผมทำให้น้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานแถมยังทำหน้ามุ่ยกว่า เดิมอีกด้วย ถึงจะสงสารแต่ผมก็ไม่อยากทำให้พวกเราต้องเสียแผนเหมือนกันครับเลยทานต่อไปอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไปและน้องเอาแต่จ้องหน้าผมเป็นระยะก็เลยต้องตัดสินใจถามเขาออกไป

“มองแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า?”

ถ้าให้ผมเดา น้องก็อาจจะกำลังคิดอยู่ว่าผมรู้แล้วว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดเขา แล้วผมจะให้อะไรเขาหรือเปล่าแน่ๆ แต่น้องก็ไม่ได้ตอบผมกลับมาครับ เขาก้มหน้าไปกินกุ้งต่อ ผมเลยปล่อยผ่านไปโดยไม่เซ้าซี้อะไรอีก

ไม่งั้นคงเป็นผมที่ใจอ่อนจนทำเสียแผนแน่ๆ

พอทานกันเสร็จแล้วผมก็ไล่ให้น้องที่ตั้งท่าจะเก็บล้างจานไปอาบน้ำเพื่อขจัดกลิ่นของหม้อไฟไปให้หมด แต่คนดีเขาก็ยังช่วยผมยกจานและหม้อมาวางไว้ที่อ่างล้างก่อนจะหันมาเอียงคอถามผม

“แล้วนายไม่อาบหรอ?”

“นายอาบไปก่อนแล้วกัน ฉันยังมีงานต้องทำอีก อาบเสร็จแล้วจะเข้านอนก่อนก็ได้นะ” น้องพยักหน้า แต่ก็ดึงมือผมไปห้องน้ำด้วย

“งั้นเตรียมอ่างให้หน่อยสิ”

น้องบอกแล้วชี้นิ้วไปที่อ่างน้ำแถมส่งยิ้มน่ารักมาให้ผมอีก เล่นเอาคนหัวใจอ่อนแออย่างผมต้องเดินไปเตรียมอ่างให้เขาแต่โดยดี

วันนี้น้องเป็นอะไรของเขานะ อ้อนได้อ้อนเอา รู้ไหมว่าพี่เร็นหัวใจอ่อนแอกับการอ้อนของน้องมากแค่ไหน แถมผมยังไม่ทันจะออกไปจากห้องน้ำ น้องที่โป๊ไปหมดทั้งตัวก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงในอ่างน้ำอุ่นที่มีน้ำเติมเข้ามาเพียงประมาณครึ่งอ่าง คนดีขยับมาเกาะขอบอ่างฝั่งที่ผมนั่งแล้วชี้นิ้วไปที่ชั้นวางน้ำมันหอมที่ใช้ผสมน้ำ

“เอากลิ่นเมื่อเช้า” ใจผมสะดุ้งวาบเลยครับที่น้องบอกแบบนั้น น้องสั่งผมเสร็จก็เอียงหน้าเอาหัวอิงกับขอบอ่างมองผมอีกต่างหาก ผมหันไปรื้อดูในชั้นวางเพราะจำได้ว่าคุณมี๊เองก็เคยซื้อกลิ่นวานิลลาติดไว้ให้ผม แต่ผมเก็บไว้ข้างในเพราะไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากกลิ่นมันหวานไปไม่เข้ากับบุคลิกของผมเท่าไหร่

แอบนึกกลัวนิดหน่อยว่าจะเผลอทิ้งไปแล้วหรือเปล่า ผมไม่อยากเอาน้ำหอมของไอ้ยูมันมาใช้อีกตอนนี้ครับ ไม่งั้นมีหวังงานผมไม่เสร็จแน่ๆ แล้วก็ยังเคราะห์ดีที่กลิ่นวานิลลาของคุณมี๊ยังมีอยู่ ผมเลยเอามายื่นให้น้อง

“กลิ่นวานิลลานี่อ่ะหรอ?” จริงๆกลิ่นมันต่างกันนิดหน่อยครับ กลิ่นที่คุณมี๊ซื้อมาให้มันหอมอ่อนๆมากกว่าของไอ้ยู แต่น้องก็พยักหน้างึกงักว่าเป็นกลิ่นนี้ ผมก็เลยหยดใส่อ่างให้เขาอย่างโล่งใจและหยิบเอาขวดของไอ้ยูมันเก็บไปซ่อนไว้ข้างหลัง ก่อนจะลูบหัวน้องเบาๆ

“แล้วอย่าแช่นานล่ะ รีบๆอาบแล้วกลับไปนอนได้แล้วนะ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก” น้องพยักหน้าอย่างเด็กว่าง่าย ผมเลยเปิดเพลงให้เขาและฉวยโอกาสจูบแก้มเขาอีกหนึ่งฟอดก่อนจะเดินกลับมาทำงานของตัวเอง

แต่ผมนั่งทำงานไปไม่ถึงสิบห้านาที น้องก็พาตัวเองออกมาจากห้องน้ำและมานั่งเล่นที่โซฟาตัวเดิมที่เขานอนอ่านบทเมื่อตอนสายๆของวัน ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนไว้ตรงฝาผนังฝั่งตรงกันข้ามแล้วหันไปมองน้อง

“ไม่ง่วงหรอ? ไปนอนได้แล้วนะ”

ตอนนี้มันเที่ยงคืนกว่าแล้วครับ ปกติมันเป็นเวลานอนของน้องแล้ว พอผมถามไปน้องก็ยิ้มแป้นแล้วเหยียดแขนออกมาแบมือด้วยท่าทางน่ารักเท่าโลก

“เข้าวันเกิดฉันแล้วนะ ไหนล่ะของขวัญ?”

ผมแกล้งเลิกคิ้วแล้วถอดแว่นสายตาวางลงกับโต๊ะก่อนเดินไปหาเขาน้องยังฉีกยิ้มเต็มแก้มรอของขวัญครบรอบอายุสิบเก้าปีของเขา

“ไม่มีให้หรอก” ผมบอกแล้วดีดนิ้วลงกับหน้าผากของเขาก่อนจะเดินเข้า ไปในห้องนอน เลี่ยงไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้ไม่ใจอ่อนกับเขาเท่าไหร่

แต่รับรองเถอะ ของขวัญพิเศษสำหรับวันเกิดสุดที่รักของผมน่ะ

ผมมีให้เขาอยู่แล้ว

ผลพวงของความไม่ใจอ่อนเมื่อคืนกำลังเล่นงานผมอยู่ครับตอนนี้

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com

ตั้งแต่ตื่นเช้ามาน้องก็แสดงท่าทีงอนผมอย่างชัดเจน แมวน้อยของผมอารมณ์เสียมากๆจนผมเกือบจะใจอ่อนล้มเลิกแผนการทั้งหมดแล้วโอ๋ให้น้องเลิก งอนผมแบบนี้ แต่ก็ถูกมิซึรุปรามด้วยสายตาที่รู้ทันไปหลายหนเลยต้องจำใจเล่นตามบทเซอร์ไพรส์ที่มิซึรุกับจิฮารุวางแผนกันไว้

หวังว่าแผนนี้จะสำเร็จและผมจะได้รู้ความในใจของน้องอย่างที่สองคนนี้ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะล่ะนะครับ

“น่า..อย่างน้อยฉันว่าซัทสึกิจังของนายก็ต้องมีปฏิกิริยาบ้างล่ะ ถ้าถึงขั้นร้องไห้หรืออะไรทำนองนั้น ยืนยันได้ล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่านายสมควรดีใจได้ล่ะนะ”

จิฮารุกระซิบพูดกับผมอีกครั้งตอนที่เธอเฉียดเข้ามาใกล้ระหว่างที่น้อง เดินหนีผมไปดื่มน้ำ

“แต่ยังไงฉันก็ไม่ชอบใจอยู่ดีที่ในแผนการนี้ต้องมีมาโดกะเข้ามาเกี่ยวข้อง” ผมบอกเธอไปตรงๆ จิฮารุยักไหล่แล้วกระตุกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มคล้ายกับมิซึรุ

“ก็ดีไม่ใช่หรอ จะได้ประกาศตรงๆให้มาโดกะรู้ด้วยไงว่านายกำลังจีบ ซัทสึกิอยู่ จะได้เลิกยุ่งกับนายไง” ผมไม่รู้ว่าจิฮารุรู้เรื่องมาโดกะมาจากไหนจน กระทั่งอีกหลายเดือนหลังจากนั้นผมถึงได้รู้ว่ามาโดกะกับแม่ของเธอไปกดดันมิซึรุ กับจิฮารุให้เปลี่ยนตัวเอกที่คู่กับผมจากน้องเป็นเธอนั่นแหละครับ

“ถ้าเป็นอย่างที่ว่าได้ก็ดี” ผมบอกจิฮารุไปอย่างนั้นก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผม ยังไม่ได้ทิ้งรูปมาโดกะไป พอคลำหากระเป๋าใส่นามบัตรก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เห็นมันมาหลายวันแล้ว ผมไปทำตกไว้ที่ไหนกันนะ

“เร็น ซัทสึกิมาซ้อมต่อได้แล้ว”

เสียงเรียกจากมิซึรุทำให้ผมต้องทิ้งเรื่องรูปของมาโดกะกับกระเป๋าใส่นามบัตรของผมไปก่อนและเดินเข้าไปหาน้องที่ยังคงแสดงสีหน้าหงุดหงิดอยู่

การซ้อมครั้งแรก(แบบหลอกๆ)นี่น้องทำได้แย่มากครับ เขาทำให้มิซึรุตะคอกออกมาอยู่หลายครั้งเพราะไม่ตั้งใจแถมยังยียวนอีกด้วย ผมรู้ดีว่าเขาทำได้ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ที่อยากกวนประสาททุกคนที่แกล้งลืมวันเกิดเขา ทำเอาตอนนี้การซ้อมฉากรักโรแมนติกมันกลายเป็นฉากดราม่าไปเสียแล้ว

“นี่มันฉากสารภาพรักนะ!! ทำหน้าแบบนี้แล้วใครเขาจะไปรักแกลงห๊ะอิชิฮาระ ซัทสึกิ!!”

มิซึรุตวาดออกมาแล้วยกบทขึ้นมาตีหัวของน้อง ผมขมวดคิ้วแล้วทำท่าจะเข้าไปขวางแต่น้องก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน

“ก็ไม่ได้อยากให้มารักนี่ มารักเอง ช่วยไม่ได้..”

คำพูดของเขาทำให้ผมน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะรู้ว่าน้องอยู่ในอารมณ์ที่กำลังงอนอยู่ก็ตามที ผมถอนหายใจช้าๆแล้วเรียกเขาเพื่อเตือนสติ

“ซัทสึกิ...” แต่ดูเหมือนน้องจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขามองผมด้วยสายตาขุ่นเขียวแล้วตวาดใส่ผมพร้อมทั้งปาบทในมือเขาใส่หน้าผมอีกต่างหาก

“หรือว่าไม่จริง!!”

“เว้ย! นี่มันละครเวที อย่าเอาชีวิตจริงมาปนได้ไหม! มีปัญหาครอบครัวก็เอากลับไปแก้กันทีหลัง อย่ามาทำตัวมีปัญหาที่นี่เข้าใจไหม!” มิซึรุที่คงเหลือทนตวาดออกมาแล้วเขกหัวน้อง ขณะที่ผมรู้สึกว่าเรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว จิฮารุที่ออกจากห้องไปเมื่อครู่กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าเครียดๆ เธอเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับกระดาษปึกหนึ่งที่วางลงบนโต๊ะข้างน้อง

“ถ้ามีปัญหามากนัก ก็เปลี่ยนตัวนักแสดงไป”

เธอเล่นไปตามแผนการที่วางไว้อย่างแนบเนียนครับ ผมลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามแผนของมิซึรุและจิฮารุ เพราะผมเองก็อยากรู้ด้วยเช่นกันว่าสุดท้ายแล้ว น้องจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกันแน่

“บทละครสำรองเผื่อจะหาคนอื่นมาแทนคนมีปัญหา”

จิฮารุดึงมิซึรุไปคุยอยู่ไม่นานก่อนจะกลับมาแจกบทใหม่ให้ผมกับน้อง พอดีกับที่มาโดกะเดินนวยนาดเข้ามาอย่างรู้หน้าที่แต่ไม่รู้แผนการที่จะเกิดขึ้น

“บทไม่มีอะไรเปลี่ยนมาก เปลี่ยนแค่ตัวนักแสดงพอ เอามาโดกะมาเป็นนางเอก แล้วซัทสึกิไปแทนบทมาโดกะ ที่เหลือเหมือนเดิม! ให้เวลามาโดกะจำบทในหน้าที่สิบเก้ายี่สิบนาทีแล้วเริ่มซ้อมได้! ส่วนนายไปนั่งสงบสติอารมณ์ซะ แต่ห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด! ไดสุเกะ! เคนอิจิ! พาซัทสึกิไปนั่งคุมอารมณ์ซะ!!”

ทันทีที่มิซึรุสั่ง เคนอิจิกับไดสุเกะคุงก็เข้ามาล็อกแขนน้องแล้วดึงไปนั่ง ผมสูดลมหายใจลึกๆและตั้งสติเพื่อเล่นละครต่อกับคนที่ผมไม่ค่อยอยากแสดงด้วยสักเท่าไหร่ แต่จำเป็นต้องทำ ผมพยายามคิดว่ามาโดกะคือน้อง แต่ก็บอกได้เลยครับว่ายาก เพราะเธอไม่ใช่น้องและไม่มีวันจะเป็นเหมือนน้องด้วย ทว่าทักษะการเล่นละครของผมก็มีอยู่พอตัว ผมซ้อมบทละครกับนางเอกจำเป็นด้วยความเคร่งเครียดก่อนจะหยุดลงเมื่อมิซึรุเดินเข้ามาแตะไหล่ของผม

“ร้องไห้แล้ว” พอหันไปมองตามที่มิซึรุชี้ก็เห็นน้องฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ ผมขมวดคิ้วแล้วตั้งท่าจะเดินไปหาน้อง แต่มิซึรุรั้งเอาไว้ จิฮารุเดินมาหาผมพร้อมเค้กก้อนสวยที่จุดเทียนไว้แล้วเรียบร้อย ผมรับเค้กจากเธอมาแล้วเดินไปหาน้อง ไดสุเกะคุงที่นั่งอยู่ข้างๆเขย่าเรียกน้องให้เงยหน้าแต่น้องไม่ยอมเงย เคนอิจิเลยดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นมา ทันทีที่น้องเงยหน้าขึ้นมามอง ทุกคนก็ร้องออกมาพร้อมกัน

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะซัทสึกิ!!”

ใบหน้าของน้องเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่มันทำให้หัวใจของผมอุ่นวาบขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่คิดว่าคงไม่ได้เข้าข้างตัวเองมากเกินไป ผมยิ้มให้เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะเอ่ยอวยพรวันเกิดให้เขา

“สุขสันต์วันเกิดปีที่สิบเก้านะครับซัทจัง..”

แต่ดูเหมือนเจ้าของวันเกิดจะไม่มีความสุขเท่าไหร่ครับ น้องเอาแต่จ้องหน้าผมไม่ยอมเป่าเทียนจนเทียนมันจะหมดเล่มอยู่แล้ว ริมฝีปากของน้องเม้มจนเป็นเส้นบาง อีกครู่หนึ่งเขาก็ผลักเคนอิจิกับไดสุเกะคุงแล้วเดินหนีออกจากห้องไป

“ตามไปเร็วสิ!” จิฮารุดึงเอาเค้กจากมือผมไปถือไว้แล้วไล่ให้ผมวิ่งออกมา แต่ถึงเธอไม่บอกผมก็จะตามน้องไปอยู่แล้วครับ

ผมวิ่งตามน้องไปจนถึงบันได เรียกเขาเท่าไหร่น้องก็ไม่ยอมหันกลับมามองครับแถมยังวิ่งไวกว่าเดิมจนสะดุดบันไดล้มถลาลงไปกระแทกกับพื้น

เสียงน้องที่สบถออกมาดั่งลั่นนั่นทำให้ผมต้องกร่นด่าตัวเองที่ปล่อยให้น้องต้องเจอกับเรื่องเจ็บตัว

“ซัทสึกิ..เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ผมวิ่งเข้าไปจะพยุงเขาให้ลุกขึ้นมาแต่น้องปัดมือผมออกแล้วพยายามลุกขึ้นเอง แต่ก็เซถลาจนผมต้องคว้าเอวเขาไว้แล้วพาไปนั่งที่ขั้นบันไดและถอดรองเท้าของน้องออก น้องยังคงเชิดหน้าหนีไม่ยอมมองหน้ากัน

“ไปหาหมอดีไหม?” ข้อเท้าน้องแดงมากครับ พอผมนวดให้เขาก็ซี้ดปากครางออกมาด้วยความเจ็บและพยายามดึงขากลับ

“ไม่ต้องมายุ่ง!!”

น้องตะคอกใส่ผมแล้วเอื้อมมือไปหยิบรองเท้าก่อนจะพยายามลุกขึ้นโดยไม่ยอมให้ผมพยุงแถมยังจะเอารองเท้าปาใส่หน้าผมอีก

“บอกว่าอย่ามายุ่งไงโว้ย!!” น้องแผลงฤทธิ์เต็มที่เลยครับตอนนี้ ผมข่มใจ ให้เย็นลงแล้วล็อกตัวเขาไว้เมื่อน้องตั้งท่าจะเดินหนีผม

“ขอร้องล่ะซัทสึกิ อย่าดื้อสิ นายกำลังเจ็บอยู่นะ”

“ก็เพราะมึงน่ะแหละ”

น้องลดเสียงที่ใช้แล้วครับ แต่คำพูดคำจาไม่น่ารักเลยสักนิด ผมขมวดคิ้วและมองเขาอย่างตำหนิก่อนจะมอบบทเรียนสั่งสอนให้กับเขาเป็นจูบดุดันที่จะดึง เอาคำพูดหยาบคายและอารมณ์รุนแรงของน้องออกมาทิ้งทั้งหมด

น้องดิ้นขลุกขลักแล้วเอารองเท้าในมือฟาดใส่กลางหลังของผม เป็นครั้งแรกที่ผมโต้ตอบเขาเมื่อเราทะเลาะกันรุนแรง ผมจูบน้องอยู่อย่างนั้นไม่สนใจว่าใครจะผ่านไปมาหรืออะไรยังไง แต่แอบเห็นอยู่ว่าพวกมิซึรุกับจิฮารุโผล่มามองอยู่ ตรงหัวบันไดชั้นบน พวกนั้นเองก็คงจะลุ้นอยู่เหมือนกันว่าน้องจะเป็นยังไง

ผมจูบเขาไปได้อยู่พักใหญ่ น้องก็เงียบลงและก็ไม่ดิ้นแล้ว เขาหอบหายใจแรงแถมหน้ายังแดงจัดอีกต่างหาก ผมฉวยโอกาสนั้นอุ้มเขาพาดบ่าแล้วเดินลงบันไดไป แต่น้องก็กลับมาดิ้นอีกรอบเลยโดนผมตีก้นไปสองครั้งเขาถึงยอมหยุดดิ้น

พอผมวางเขาให้นั่งลงที่เบาะหน้าของรถ น้องก็ทำท่าจะลุกขึ้นหนี ผมเลยมองเขาอย่างดุๆแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เขา น้องนั่งเชิดหน้าอย่างแง่งอน ผมเลยอยากจะปรับความเข้าใจกับเขาเสียก่อน

“ซัทสึกิ..”

“เงียบไปเลย!! ไม่อยากฟัง!!” น้องปัดมือผมที่ยกไปลูบหัวเขาและยังเอาสองมือปิดหูอีก ผมถอนหายใจช้าๆ เดินไปขึ้นรถอีกด้านและออกรถไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ น้องยังคงฮึดฮัดอยู่ จนกระทั่งจะเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาล ผมก็ตัดสินใจถามเขาไปตรงๆกับสิ่งที่ค้างคาใจผมอยู่ในเวลานี้

“ซัทสึกิ...ที่นายโมโหขนาดนี้ เพราะนายหึงฉันอย่างนั้นหรอ?”

จากที่ฮึดฮัดๆอยู่ น้องหันขวับมาหาผมทันทีเลยครับ แมวดื้อของผมทำปากพะงาบๆเหมือนอยากจะโต้ตอบคำพูดของผมแต่ก็หาคำพูดไม่ถูกอะไรทำนองนั้น

นาทีนั้นเองที่ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้น้องจะยังไม่พูดอะไร แต่สัญชาตญาณของผมมันบอกว่าผมควรรู้สึกโล่งใจได้แล้ว

ผมยิ้มมุมปากก่อนจะยิงคำพูดรุกใส่น้องไปอีกหนึ่งดอกแล้วลงไปเปิดประตูรถให้น้อง ประคองเขาลงจากรถ

“นายรักฉันแล้วใช่ไหมซัทสึกิ?”

น้องเงียบไปตลอดทางเลยครับจนกระทั่งเราไปนั่งรอคิวคุณหมอกัน

“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้รักนาย”

ผมพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่อาจหุบยิ้มได้...ก็คนพูดเล่นพูดด้วยใบหน้าแดงกล่ำเหมือนลูกมะเขือเทศขนาดนี้นิครับ

“จะเชื่อก็แล้วกันนะ”

เชื่อว่าที่รักของพี่ปากไม่ตรงกับใจยังไงล่ะครับ

-TBC-

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ซัทจัง นายนี่ใจแข็งจริงๆเลยนะ ขี่งอลจัง เร็นลองงอลซัทจังบ้างสิ

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 13

 หลังจากที่น้องพบหมอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาน้องมาที่บ้านของผม โดยที่ไม่ได้บอกเขาว่าเรามาทำอะไรกัน ทันทีที่คุณมี๊เห็นน้องเดินกะโผลกกะเผลก เข้ามาในบ้าน คุณมี๊ก็รีบเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับสีหน้าตกใจ

“ซัทสึกิจังหนูเป็นอะไรไปคะลูก?”

“ตกบันไดน่ะครับ” น้องตอบเสียงเบาแล้วก้มหน้า คุณมี๊เม้มริมฝีปากแล้วหันมามองผม

“ซัทสึกิเขาหึงผมเลยวิ่งหนีผมจนตกบันไดครับคุณมี๊” พอบอกไปอย่างนี้ผมก็เลยถูกคุณมี๊หยิกแขนเป็นการลงโทษที่ทำให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอได้รับบาดเจ็บ แถมน้องยังถ่องศอกใส่ท้องผมอีกต่างหาก แต่พอผมหลบเขาได้ น้องก็ทำหน้ามุ่ย

“อย่าไปฟังนะครับ!! ผมก็แค่...แค่..” เขาพยายามแก้ตัวครับ แต่เป็นพวกที่แก้ตัวไม่เก่งสักเท่าไหร่ เลยได้แต่หน้าแดง แถมยังมีเสียงท้องร้องมาขัดจังหวะขึ้น อีกด้วย น้องเลยได้แต่ก้มหน้างุดๆไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมหรือคุณมี๊

“หุหุ..คุณมี๊ครับ ให้คนเตรียมอาหารกลางวันให้หน่อยสิครับ น้องหิวแล้ว”

คุณมี๊พยักหน้ารับแล้วยิ้มหวาน พวกเราพากันเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน

“งั้นลูกกับน้องขึ้นไปนั่งคอยก่อนนะคะ คุณมี๊จะให้คนเอาของว่างไปให้ รองท้องก่อนนะ”

ก่อนเดินจากไปคุณมี๊ลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู ทำให้น้องมีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าที่เขาก้มหน้ามาตลอดตั้งแต่แรกอาจเป็น เพราะความกระดากอายที่คราวก่อนเขาคิดว่าตัวเองทำเสียมารยาทก็ได้

แต่คล้อยหลังคุณมี๊ไปแล้ว น้องก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมครับ ทำท่าเหมือนอยากบีบคอที่ผมบอกคุณมี๊ว่าเขาหึงผม

“ฉันก็แค่พูดเรื่องจริง” น้องพ่นลมหายใจแล้วเชิดหน้าหนีไปนั่งที่โซฟาระหว่างที่ผมรับเอาถาดขนมกับน้ำผลไม้มาจากสาวใช้มาให้เขาทานรองท้องก่อนที่เราจะได้ทานมื้อกลางวันกัน

“ป้อนด้วย!!” น้องบอกอย่างเด็กเอาแต่ใจที่ต้องการให้เอาใจ แต่พอผมแกล้งเย้ากลับไปว่าจะป้อนด้วยปาก เขาก็ทำแก้มพองแล้วจัดการกินเองจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงห้านาที

สงสัยจะกลัวพี่ป้อนด้วยปากจริงๆล่ะสิซัทสึกิจัง

 “นี่..คุณมี๊ของนาย..เป็นประเภทสาววายหรอ?”

อยู่ดีๆน้องก็ตั้งประเด็นนี้ขึ้นมาหลังจากที่เรารับประทานอาหารมื้อกลางวันกับคุณมี๊เรียบร้อยแล้ว ผมเพิ่งพาเขาขึ้นมาบนห้องของผมเพื่อให้เขานอนพักผ่อนหลังจากที่เขาบ่นว่าเจ็บขา ผมเลิกคิ้วกับคำถามของเขาก่อนจะดึงเอาผ้าห่มมาห่ม ให้ น้องเลยเสริมต่อ

“แบบพวกประเภทสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันอะไรประมาณเนี้ย”

พอน้องพูดแบบนั้นผมก็เลยเข้าใจในความหมายของน้อง ผมแกล้งยกมือขึ้นมาเคาะปลายคางแล้วทำท่าคิดให้น้องลุ้น

“อืม...เพราะนายล่ะมั้ง..”

“หมายความว่าไง?”

“ก็หมายความว่าเพราะเป็นนาย..ก็เลยอยากให้เราสองคนลงเอยกันไง”

น้องหน้าแดงอีกแล้วครับ พอผมหัวเราะในลำคอ เขาก็เอาผ้าห่มขึ้นมา คลุมหัวไว้เสียอย่างนั้น พอเห็นเขาขดตัวลงไปนอนใต้ผ้าห่มผืนนุ่มแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะลงไปหาคุณมี๊ที่ตอนนี้คงจะไปดูพวกคุณแม่บ้านจัดการกับอาหาร และสถานที่ที่เราจะปาร์ตี้กันในคืนนี้

คุณมี๊ยังคงจัดการทุกอย่างได้เนี้ยบเหมือนเคยครับ พอผมลงมาแล้วก็เลยได้พบกับสถานที่ที่เตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ยกอาหารมาวางเท่านั้น

“พวกโคเฮย์คุงกับเพื่อนๆของน้องจะมากันกี่โมงคะเร็น?” คุณมี๊ถามผมที่เดินเข้าไปกอดเธอเอาไว้ ผมหอมแก้มคุณมี๊แทนคำขอบคุณที่คุณมี๊จัดการอะไร ทุกอย่างไว้ให้สำหรับคนรักของผมก่อนจูงคุณมี๊เดินมานั่งที่ม้านั่งริมสระ

“คงจะมากันตอนห้าหกโมงล่ะมั้งครับ” วันนี้พวกเพื่อนผมกับเพื่อนของ น้องไม่มีเรียนกัน แต่ก็คงจะมากันตอนเย็นๆเสียมากกว่าจะมากันตอนบ่าย เพราะทางพวกมิซึรุบอกว่าจะคุยเรื่องละครเวทีกันต่ออีก แต่ทางพวกเพื่อนผม มันก็ยังมีรายงานที่ต้องทำกัน แต่ส่วนของผมนั้นผมทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

“แล้วนี่น้องทำอะไรอยู่หรอคะ? ลูกทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวได้ยังไงกัน เดี๋ยวน้องก็เหงาแย่หรอก” คุณมี๊เอ่ยถามแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม ผมยิ้มให้กับความห่วงใยของคุณมี๊ที่มีให้กับน้อง

“น้องบ่นว่าง่วงครับ ผมเลยพาน้องขึ้นไปนอน ป่านนี้คงหลับปุ๋ยไปแล้วล่ะครับ” ผมถูกคุณมี๊ตีแขนอีกหนึ่งที คุณมี๊ทำท่าขัดใจก่อนดุผมด้วยรอยยิ้ม

“แล้วทำไมลูกถึงไม่นอนเป็นเพื่อนน้องล่ะคะ ไปเลย ขึ้นไปนอนกอดน้องสิคะ น้องจะได้ไม่เหงา”

เห็นไหมล่ะครับ บุพการีของผมน่ารักแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้ขึ้นไปนอนกอดน้องอย่างที่คุณมี๊บอกหรอกครับ เพราะพวกไอ้ยูมันมาถึงเสียก่อน พวกมันหอบงานในส่วนของตัวเองที่ทำเสร็จแล้วมากันด้วย ผมเลยต้องเดินไปหยิบเอางานของผม มาสุมหัวดูกับพวกมันเสียให้เรียบร้อยและปล่อยให้น้องนอนยาวไปจนกระทั่งถึงเวลาเย็นที่พวกมิซึรุมา

“ทำไมถึงมีคนไม่ได้รับเชิญมาด้วยล่ะ?” ผมกระซิบถามมิซึรุทันทีเมื่อเห็นมาโดกะเดินเข้ามาพร้อมกับพวกเขาด้วย แม้กระทั่งยัยน้องสาวตัวแสบของผมเอง ยังชักสีหน้าเมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นปีของตัวเองเดินมา

“ก็ดีไม่ใช่หรอ เขาอยากมาเห็นภาพสวีทหวานของนายกับซัทสึกิจัง ก็ให้ เขามาเห็นชัดๆไปเลย”

จิฮารุตอบแล้วยื่นกล่องของขวัญของน้องให้ผมรับมาวางกองรวมไว้กับ ของคนอื่นๆ ที่แน่ๆคือของขวัญกองนี้ไม่มีจากมาโดกะครับ และเท่าที่เห็นก็ไม่เห็น เธอถือกล่องของขวัญมา ผมเหยียดยิ้มอย่างสมเพชอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ผิดกับเอมิที่ยืนอยู่ข้างผมถึงกับพ่นลมหายใจออกอย่างรังเกียจชัดเจน

“พี่ต้องระวังแม่นี่ไว้ให้ดีเลยนะพี่เร็น”

เอมิบอกผมอย่างนั้นและยัดเอากล่องของขวัญกล่องเล็กที่ผมฝากเธอทำ ให้ซัทสึกิใส่มือผมก่อนจะโดนพวกไอ้ยูดึงไปรวมกลุ่ม

พอเห็นผมยืนอยู่ตามลำพัง มาโดกะก็ทำท่าจะเดินมาหาผมทันทีเลยครับ ผมเลยหันหลังแล้วเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป ในเมื่อเธอมาโดยไม่รับเชิญ ผมก็จะไม่สนใจเธอล่ะครับ แต่ก็อย่างว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมจะสนใจก็คือซัทสึกิเท่านั้น

ผมเดินกลับขึ้นไปหาน้องบนห้อง เด็กน้อยของผมตื่นแล้ว เขากำลังบิด ขี้เกียจอยู่พอดีกับที่ผมเปิดประตูห้องเข้าไปหา

“ตื่นแล้วหรอ?” ผมส่งเสียงถามไปพร้อมกับเดินเข้าไปลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู น้องโคลงหัวไปมาแล้วทำหน้ามุ่ยเหมือนคนที่ยังไม่อยากตื่นเท่าไหร่

“ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม? ทุกคนมาพร้อมกันแล้วล่ะ”

คราวนี้น้องเอียงคอมองผมครับ เขายังไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงผมเลยดึงมือเขาจูงเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ พอได้ล้างหน้าแล้วสีหน้าน้องก็สดใสขึ้น มาอีกนิด แต่ก็ยังคงดูไม่ร่าเริงเท่าไหร่ เขาพยายามถามผมว่าทุกคนมาทำอะไรแต่ ผมไม่ตอบเขาและโอบเอวพาเขาออกไปที่ริมสระน้ำซึ่งเป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ของเรา ในค่ำคืนนี้

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์!!”

พอทุกคนเห็นน้องก็ร้องขึ้นมาพร้อมกัน น้องดูจะเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่เห็น ทุกคนอยู่ตรงนี้ นอกจากเพื่อนของเขาแล้วยังมีเพื่อนของผมกับครอบครัวของผม อีก ตอนแรกน้องก็ดูขัดเขินเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริงได้ในที่สุดและ อารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อไดสุเกะคุงกับเคนอิจิบอกว่าเรื่องทั้งหมดเมื่อเช้าเป็นแผนการของพี่ชายตัวร้ายของเขากับเพื่อนสนิท

แต่อารมณ์ร่าเริงของน้องก็ถูกกระชากไปแทบจะในทันทีที่เขาเห็นหน้ามาโดกะ รอยยิ้มของน้องเลื่อนไถลออกไปจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งริมฝีปาก และแววตาของเขาขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยต้องยิ่งพยายามเอาใจเขาให้เพิ่มมากขึ้นและมีกองหนุนเป็นน้องสาวตัวแสบของผมที่คอยช่วยเสริมแรงรักให้ผมอีกแรงอย่างรู้ใจกัน

“นินทาอะไรพี่อีกล่ะ?” ผมแกล้งถามทั้งที่รู้ดีว่าเอมิกำลังเพิ่มคะแนนนิยมให้กับผมเอง เอมิหัวเราะคิกคักก่อนจะโดนผมล็อกคอลากออกมาเพราะรู้ดีว่า นางร้ายกำลังรอที่จะต่อบทอยู่

และก็เป็นจริงอย่างที่ผมคาดไว้ ทันทีที่ผมกับเอมิหลีกออกมาเหลือเพียงซัทสึกินั่งตามลำพังที่เก้าอี้ริมสระ มาโดกะก็เดินเข้าไปหา

ผมกับเอมิหรี่ตามองดูปฏิกิริยาของทั้งสอง สีหน้าของซัทสึกิเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ขมุกขมัวรอบตัวเขา แม้แต่เอมิเองก็ยังรู้สึกเช่นกัน

“ยัยนั่นต้องเป่าหูอะไรพี่ซัทสึกิแน่ๆ ยัยนั่นเล่นละครเก่งจะตายไป ฉันว่าพี่คิดผิดแล้วล่ะที่ปล่อยให้ยัยนั่นเข้าไปคุยกับพี่ซัทสึกิน่ะ”

กว่าผมจะรู้สึกตัวว่าคิดผิดไปที่จะลองเสี่ยงเพื่อทดสอบใจของน้อง มาโดกะก็เดินจากไปพร้อมกับทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมเคลียร์อีกด้วย

น้องไม่เชื่อใจผมมากพอ...

“ทำไม? กลัวมาโดกะบอกอะไรฉันหรือไง? มีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ ฉันรู้หรือไงกัน”

อาจเป็นเพราะเวลาที่เราได้รู้จักกันมันสั้นเกินไปสำหรับเขา หรืออาจเป็นเพราะเขารู้ว่าอดีตของผมเป็นอย่างไร หรืออาจเป็นเพราะมารยาทร้อยเล่มเกวียน ของนางร้ายอย่างมาโดกะ หรือไม่ก็เป็นเพราะทุกเหตุผลมันถาโถมมารวมตัวกัน พอเมื่อผมถามเขาว่ามาโดกะมาพูดอะไรกับเขา น้องถึงได้พูดกับผมด้วยน้ำเสียง เย็นชาหงุดหงิดแบบนี้

“ซัทสึกินายพูดเรื่องอะไรกัน?”

ผมแกล้งทำเป็นงงเพราะอยากให้น้องพูดออกมาเองว่ามาโดกะพูดเรื่องอะไร และถ้าน้องพูดมันออกมา ผมก็จะเรียกนางร้ายที่จ้องจะทำลายความรักของ เรามาจัดการเคลียร์มันตรงนี้ ให้อาริซาวะ มาโดกะเธอรู้เสียบ้างว่าการจะเป็นนางร้ายนอกจอมันจะจบลงที่แบบไหน

แต่น้องไม่พูดครับว่ามาโดกะพูดเรื่องอะไร

“ฉันจะกลับล่ะ” น้องพูดโดยไม่มองหน้าผมแล้วเดินไปลาคุณป๋า คุณมี๊แล้วก็พี่รินะโดยไม่สนใจผมที่เดินตามติดมา

“ซัทสึกิ!!เดี๋ยวสิ!! หันมาคุยกันก่อนสิ”

“ฉันบอกฉันจะกลับ!!”

เสียงน้องตวาดผมดังลั่นพาให้ทุกคนชะงักและหันมามอง ผมที่ตั้งรับกับอารมณ์ของเขาไว้อยู่แล้วก็เลยป้องกันตัวจากหมัดของเขาได้ หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็แบกน้องพาดบ่าไปขึ้นรถอีกครั้ง ทิ้งให้ทุกคนอยู่กับความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

ผมออกรถจากบ้านมุ่งตรงไปยังคอนโดของผมเพราะอยากจะอยู่ตาม ลำพังกับน้องเพื่อจะได้เคลียร์เรื่องที่ขุ่นข้องหมองใจกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว น้องขัดขืนนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้ผมอุ้มขึ้นไปถึงบนห้องได้ แต่พอถึงห้องแล้วเขาก็เดิน กะเผลกจะหนีผม ผมเลยดึงแขนเขาไว้แล้วลากเขาเข้าไปในห้อง

“สรุปแล้วมาโดกะพูดอะไรกับนาย?”

“ฉันอยากอยู่คนเดียว” น้องสวนกลับมาทันทีแล้วกระชากข้อมือแรงๆจนผมต้องปล่อยเขาในที่สุด แต่ก็ยังคงกักเขาไว้ในวงแขนและเรียกชื่อเขาอีกครั้ง

“ซัทสึกิ..”

“ไม่ได้ยินหรือไงว่าฉันอยากอยู่คนเดียว!! ไม่เข้าใจความหมายหรือยังไงกัน!! ฉันอยากอยู่คนเดียวและไม่อยากเห็นหน้านายด้วย!! ได้ยินไหม!!”

บอกได้คำเดียวครับว่าผมเสียใจกับคำพูดของน้อง ทำไมเขาไม่คิดเหมือนผมบ้างว่าเวลานี้เราควรหันหน้ามาพูดคุยกันตรงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา ผมหันหลังเดินออกจากห้องไปตามความต้องการของเขา

หอบเอาหัวใจที่หนักอึ้งออกไปทั้งที่มันดิ้นรนที่จะอยู่กับน้องทุกนาที..

ถึงผมจะโดนน้องไล่ออกมาเพราะเขาอยากอยู่ตามลำพัง แต่ผมก็ไม่ได้นึกอยากไปไหนก็เลยลงมานั่งที่เทอเรสริมสระน้ำของคอนโด ใจหนึ่งก็ยังน้อยใจ น้อง อีกใจก็ยังเป็นห่วงน้อง ก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่ไปไหนและนั่งเฝ้าไว้เผื่อน้องจะออกไปไหน ผมจะได้รู้ด้วย

ผมนั่งคิดอะไรต่ออะไรไปจนกระทั่งถึงเช้า ซึงโฮมันก็โทรเข้ามาหาผม บอกว่าคุณมี๊ฝากยาของน้องมากับมัน ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อคืนพวกมันค้างกันที่บ้านของผม ก็เลยวานให้มันเอายาของน้องมาให้ด้วย ก่อนที่ผมจะเดินออกไปที่ร้านค้าแถวคอนโดเพื่อซื้ออาหารกับผ้าพันขามาให้น้อง

“มึงเอาขึ้นไปให้ทีเถอะ น้องคงไม่อยากเจอหน้ากูตอนนี้”

สุ่มเสียงน้อยใจของผมทำให้ไอ้ซึงโฮต้องยกมือขึ้นมาตบไหล่เบาๆอย่าง ให้กำลังใจ มันถอนหายใจช้าๆก่อนเสนอความคิดขึ้นมา

“มึงอยากรู้หรือเปล่าว่าน้องโมโหเรื่องอะไร เดี๋ยวกูตะล่อมถามให้”

“ก็ดี..แต่จริงๆกูอยากฟังน้องพูดเองมากกว่า”

คู่สนทนาของผมกลอกตาไปมาแล้วหยิบมือถือขึ้นมา รอยยิ้มที่กระตุกวาดอยู่บนมุมปากของมันทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่ามันจะทำอะไร

“มึงก็รอฟังเงียบๆก็แล้วกัน เดี๋ยวกูจัดให้”

ผมแทบจะโถมเข้าไปกอดมันทันที ซึงโฮมันเพื่อนรักผมจริงๆ รู้ใจไปเสีย ทุกอย่าง ผมปล่อยให้มันขึ้นไปหาน้องแล้วนั่งลุ้นอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวเองซึ่งดังขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที ผมหยิบขึ้นมากดรับและเงียบฟัง ถึงมันจะอู้อี้ไป หน่อยเพราะซึงโฮซ่อนมือถือไว้ในเสื้อโค้ทแต่ก็ยังพอจับใจความทั้งหมดได้

“แล้วริวซากิ..เอ่อพี่เร็นอยู่ไหนหรอครับ?”

หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินน้องถามหาผม แถมยังเรียกผมว่าพี่เร็นอีกต่างหาก ซึ่งถ้าเป็นต่อหน้ากันเขาคงไม่มีวันเรียกให้ผมได้ยิน แต่นี่อาจเป็นเพราะกับคนไม่คุ้นเคยอย่างซึงโฮ น้องเลยเรียกผมอย่างสุภาพมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ใจของผมก็ลอยทะลุเพดานขึ้นไปหาน้องที่อยู่ข้างบนแล้ว เรียบร้อยครับ

“อยู่กับโคเฮย์น่ะ” น้องเงียบไปอีกอึดใจหลังจากที่ซึงโฮมันบอกน้องไปอย่างนั้น ผมลุ้นให้เพื่อนรักเริ่มตะล่อมถามน้องด้วยใจสั่นๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงซึงโฮถามน้องไปว่าน้องโกรธอะไรผมอยู่ แถมไอ้เพื่อนซี้ของผมยังบอกน้องไปอีกว่าผมกำลังเฮิร์ตอยู่

“แล้วเขา..เป็นอะไรมากไหมครับ?”

โอ้พระเจ้าครับ ผมขอเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหมครับว่าน้ำเสียงกังวลใจของน้องในตอนนี้มันเป็นเพราะเขากำลังเป็นห่วงผม

“ถ้ารู้ว่าซัทสึกิจังก็เป็นห่วงแบบนี้ คงไม่เป็นไรมากหรอก”

ผมกลั้นขำกับความรู้ทันของไอ้เพื่อนตัวยาว แต่ก็จริงอย่างที่ซึงโฮบอก น้องไปแหละครับ ผมโยนทุกอย่างทิ้งไปตั้งแต่น้องถามหาผมแล้ว และผมก็ต้อง ขยับมือถือเข้ามาแนบหูแล้วตั้งใจฟังมากขึ้นเมื่อน้องเริ่มต้นเอ่ยช้าๆ

“สัญญาก่อนว่าจะไม่เอาไปบอกพี่เร็น ห้ามบอกอะไรเขาเด็ดขาด เลยนะ ผมมีเรื่องอยากถามพี่หน่อยน่ะครับ” และผมก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้น้องผิดใจกับผมครับ ผมกำโทรศัพท์แน่น อารมณ์อยากฆ่านางร้ายขึ้นมาติดหมัดที่มาเล่นละครเป่าหูน้องให้รักของเราสั่นคลอนแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าพ่อของเธอเป็นคู่ค้าอยู่กับพ่อของผม ผมคงจะบุกไปบ้านเธอและบอกให้พ่อกับแม่ของเธอสั่งสอนลูกให้ดีกว่านี้ แยกแยะให้ถูกหน่อยว่าอย่าเอามารยาในละครมาใช้ในชีวิตจริงแบบนี้ นอกจากผมจะไม่ชอบแล้วยังนึกรังเกียจอีกด้วย

แต่การปรับความเข้าใจกับน้องต้องมาก่อนครับ ผมเลยอดทนนั่งรอจนกระทั่งซึงโฮมันกลับลงมา มันหัวเราะหึหึในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าของผมที่เปลี่ยนไปจากตอนก่อนที่มันจะขึ้นไปหาน้อง

“ทีนี้..กูควรจะทำยังไงต่อดี ศิราณีเพื่อนยากของกู” ไอ้ซึงโฮมันยังคงยิ้มกริ่ม มันลากคอผมกลับไปนั่งแล้วยกนิ้วส่ายหน้าใส่ผม

“มึงไม่ต้องทำอะไร” ผมเลิกคิ้วแล้วรอฟังมันต่อ

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
“เชื่อกู..ปล่อยให้น้องมึงเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวบ้าง มึงไม่อยากเห็นน้องมาง้อมึงก่อนบ้างหรือไงริวซากิ เร็น”

“จะมีวันนั้นหรอวะ?”

“มั่นใจหน่อยเพื่อนกู น้องเขาหวั่นไหวกับมึงเกินคาดของพวกกูขนาดนี้แล้ว เตรียมใจไว้รับรักน้องได้เลยมึง เชื่อกูเหอะ มึงได้รักกับน้องสมใจมึงแน่นอน”

“แล้วถ้าน้องไม่มาง้อกูล่ะ”

“มึงก็รอดูไปก่อน ถ้าน้องไม่ง้อมึงจริงๆ มึงค่อยไปง้อเขา แต่เชื่อกูเถอะไม่เกินวันนี้หรอก” ดูท่าซึงโฮมันจะมั่นใจมากโข มันเสริมบอกผมอีกว่าดูจากสีหน้าและแววตาของน้องแล้ว มันเชื่อว่าน้องปันใจให้ผมแล้ว เพียงแต่ติดว่าเขาคงยังไม่ยอมรับว่าตัวเองรักผมเข้าแล้วเท่านั้น ผมก็พอจะเข้าใจอยู่ ก็น้องชอบคิดว่าตัวเขาแมนนิครับ

ถ้าอย่างนั้น..ผมจะอดทนคอยเพื่อปรับความเข้าใจกับน้องครับ

แต่หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงดี ยัยน้องสาวตัวแสบก็โทรเข้ามาหาผมที่โดน ซึงโฮลากไปกินมื้อเช้าตอนเวลาเกือบๆสิบเอ็ดโมงที่ร้านอาหารใกล้ๆกับคอนโดของผม

“เอมิโทรมาบอกว่าน้องสงสัยเรื่องต่างหูที่อยู่ในกระเป๋าของกูว่ะ”

“ก็ดีแล้วไง”

“น้องนัดเอมิไว้ตอนเย็น กูควรทำไงดีวะ?”

สมองตอนนี้ของผมตื้อตันไปหมด ความคิดมันก้าวกระโดดไปคิดว่าถ้าน้องรู้ว่าผมสั่งทำต่างหูคู่นั้นให้เขาแล้วเขาจะรู้สึกยังไง จะดีใจไหม จะตื้นตันใจหรือเปล่า หรือจะมีความรู้สึกอื่นๆที่ผมคาดเดาไม่ถูกโผล่ออกมากันแน่

“มึงนี่...พอเป็นเรื่องของน้องแล้วอาการหนักนะ”

ผมปล่อยให้เพื่อนรักต่างชาติของผมมันสรรเสริญไปโดยไม่ด่ามันกลับ เพราะอย่างน้อยมันก็มีประโยชน์กับผมอยู่มากนิครับ

วันนี้ทั้งวันน้องไม่ได้ออกไปไหน เขายังคงอยู่ในห้องของผม จนถึงเย็นน้องก็ลงมา เขาเดินผ่านผมที่นั่งอยู่ตรงเทอเรสของคอนโดไปโดยไม่ทันสังเกต ผมเห็นแล้วก็เลยเดินตามเขาไปห่างๆทั้งที่ใจอยากเข้าไปช่วยพยุงน้องเดิน แมวดื้อตัวน้อยของผมกำลังเดินกะเผลกๆไปยังจุดหมายที่นัดไว้กับยัยน้องสาวตัวแสบที่สัญญาว่าจะเป็นกามเทพแห่งความรักให้กับผม

ผมเดินตามหลังเขาไปจนถึงที่หมายและซ่อนตัวมองเขาจากมุมที่น้องจะมองมาไม่เห็น ที่รักของผมเขานั่งลงกับขอบกำแพงและเหยียดขาออกมา ใบหน้ามุ่ยเล็กน้อย คิดว่าเป็นเพราะใช้ขามากไป ผมมองเขาอย่างเป็นห่วงก่อนจะใจเต้นเมื่อน้องหยิบเอากล่องของขวัญที่ผมลืมทิ้งไว้ที่ห้องขึ้นมา น้องคงจะไปเจอมันอยู่ใน แจ็คเก็ตของผม

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นยิ่งกว่า ก็คือรอยยิ้มจางๆของน้องตอนมองสิ่งที่ อยู่ในกล่องใบเล็กกล่องนั้น

น้องคงจะสังเกตเห็นชื่อแบรนด์ที่อยู่บนกล่องนั่น ผมนึกขอบคุณพระเจ้าที่ให้น้องมีน้องรหัสเป็นเพื่อนกับยัยเอมิเลยทำให้เขาเคยได้ยินมาว่าแบรนด์ของต่างหูคู่นี้คือธุรกิจของบ้านยัยตัวแสบ หรือที่จริงมันก็เป็นธุรกิจของบ้านผมด้วยนั่นแหละครับ เพียงแต่บ้านของผมนั้นดูแลเรื่องการค้ากับต่างประเทศ แต่บ้านของเอมินั้นดูแลเรื่องการค้าในญี่ปุ่นนี่

ผมยืนมองน้องอยู่ครู่หนึ่ง ยัยตัวแสบก็โผล่มาหาผมเล่นเอาผมสะดุ้งไม่น้อยเมื่อถูกแตะไหล่

“พี่นี่ทำตัวเหมือนสโตรคเกอร์เลย ถ้าไม่เห็นด้วยตานี่ไม่เชื่อเลยนะนี่”

ผมหัวเราะกับคำพูดของยัยตัวแสบก่อนจะยกมือวางบนหัวน้องแล้วขยี้ ผมเธออย่างมันเขี้ยว

“ทำไงได้..ก็คนมันรักนี่นา” ยัยตัวแสบทำท่าอาเจียนใส่ผมอย่างล้อเลียนก่อนจะแลบลิ้นใส่ด้วยท่าทางสดใส

“งั้นกามเทพสาวคนนี้จะไปช่วยให้สมใจหมายก็แล้วกัน”

เธอบอกว่างั้นแล้วทำท่าจะผละไป แต่ผมคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนแล้วดึงมากำชับอีกครั้ง

“RLS น่ะ ถ้าซัทสึกิถามก็บอกไปเลยนะว่าคืออะไร แต่ทำให้เขาคิดหน่อยล่ะว่าพี่ให้เราเก็บเป็นความลับน่ะ”

ผมหลิ่วตากับน้องสาวตัวแสบซึ่งยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้

“วางใจได้เลย เอมิซะอย่าง!”

ที่เหลือ..ผมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของยัยน้องสาวตัวแสบที่อาสาเป็นกามเทพให้ผมกับน้องครับ

เอมิทำหน้าที่ได้ดีอย่างที่ผมหวังไว้ เธอเข้าไปคุยกับน้องเพียงไม่กี่นาที ผมก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของน้อง แก้มของน้องแดงจัดเมื่อ เอมิเขียนอะไรสักอย่างลงไปที่แขนของน้อง

ซึ่งถ้าให้ผมเดาจากสีหน้าของเขาแล้ว..ยัยตัวแสบของผมต้องบอกความหมายของตัวอักษรสามตัวนั้นให้น้องรู้แล้วแน่ๆ และยัยตัวแสบก็หันมา พยักหน้าให้กับผม ส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไปหาน้องเมื่อซัทสึกิเขาเอาแต่ก้มหน้ามองดูข้อความบนแขนเขาเอง

“ลองไปถามพี่เร็นเอาเองก็แล้วกันนะคะ นั่นไง มานู่นแล้ว”

ผมขยับเดินเข้าไปใกล้อีก เอมิพอเห็นผมเข้ามาใกล้แล้วก็เลยขยับลุกและเอ่ยลากับน้องก่อนจะปลีกตัวออกไปโดยไม่ลืมจะหันมาโบกไม้โบกมืออย่างร่าเริงเมื่องานของเธอสำเร็จลุล่วงไปแล้วเรียบร้อย

ผมเดินเข้าไปหาน้องและนั่งลงข้างๆเขา เกร็งใบหน้าให้นิ่งเฉยเอาไว้ทั้งที่ในใจมันกำลังลิงโลด ผมแกล้งดึงเอากล่องของขวัญในมือของน้อง คนดีเขายอมปล่อยมาแต่โดยดีหลังจากยื้อไว้อยู่สองสามที ผมมองกล่องของขวัญในมือแล้วก็เริ่มคิดว่าจะให้น้องแบบไหนดี จะยื่นให้เขาเลยดีไหม แต่น้องก็ถามขึ้นมาเสียก่อน

“นั่นน่ะ...ตกลงจะให้ไหม!?”

น้องกระชากเสียงถามแถมยังยกมือขึ้นกอดอกอีกต่างหาก ผมเลยแกล้งมองหน้าเขานิ่งๆจนผ่านไปเกือบนาที สีหน้าที่กำลังงอนของน้องก็เปลี่ยนไป เขากำลังหงุดหงิดเพราะผมไม่ยอมยื่นกล่องของขวัญให้เขา

“ตกลงจะไม่ให้ใช่ไหม!! ต่างหูคู่นั้นสั่งทำมาให้ฉันไม่ใช่หรือไงกัน!?” ผมเบี่ยงหน้าหนีเขาเพราะรู้สึกว่าตัวเองกลั้นยิ้มต่อไปจะไม่ไหวแล้ว เด็กเอาแต่ใจของ ผม เขาจะรู้บ้างไหมนะว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงต่อผู้ชายที่นั่งข้างๆคนนี้

แล้วเพียงพริบตาเดียวหลังจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงเขาพยายามกลั้น ร้องไห้ เพียงเท่านี้ก็ทำเอาผมใจอ่อนยวบเลิกแกล้งเขา ผมดึงต่างหูออกมาจากกล่องและหันไปหาน้องที่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขากำลังขยี้ตาอยู่ในนาทีที่ผม ดึงให้เขาหันกลับมามองหน้าผม และเลื่อนมือไปใส่ต่างหูให้กับเขาทีละข้าง

เรามองตากันและผมเห็นประกายอบอุ่นที่มันสะท้อนอยู่ในดวงตาของน้องที่กำลังเม้มปากด้วยความเขิน

พอผมใส่ต่างหูให้เขาเสร็จ ซัทสึกิเขาก็ก้มหน้าและเอ่ยขึ้นเสียงเบา

“เมื่อวาน...ขอโทษนะ แล้วก็...”

น้องเว้นวรรคไว้และเงยมามองผมที่ส่งยิ้มให้ ผมไม่ได้โกรธอะไรน้องเลย ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่ทำให้เขาเชื่อใจผมได้ไม่มากพอ โกรธที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปพูดกับน้อง แต่อีกนัยหนึ่ง บางทีผมก็อาจต้องขอบคุณนางร้าย รับเชิญคนนั้น ที่ทำให้ผมมีโอกาสเห็นน้องหึงหวงผมล่ะนะ แถมน้องยังเป็นฝ่ายมาจูบผมอีกด้วย หลังจากที่เขาเอ่ยขอบคุณผมด้วยแก้มแดงๆ

“ขอบคุณนะสำหรับของขวัญวันเกิด”

ผมรั้งเอวของน้องไว้ ไม่ให้เขาขยับหนีและแนบจูบที่หนักหน่วงเหมือนกับใจที่มั่นคงของผมให้กับน้องที่หลับตาพริ้มยอมให้ผมจูบแต่โดยดี

และเมื่อผมปล่อยจูบ น้องก็หัวเราะออกมาอย่างสดใส ความสุขมันกระจายอยู่เต็มใบหน้าของเขาจนผมต้องหัวเราะอย่างมีความสุขบ้าง

ความขุ่นข้องหมองใจหรืออะไรก็แล้วแต่มันถูกโยนทิ้งไปหมด ผมไล้ปลายนิ้วไปตามแก้มของเขาก่อนจะปัดปอยผมไปทัดหูให้ น้องอมยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาจับต่างหูซ้ายของเขาแล้วหันมากระตุกชายเสื้อผม

“เดินเล่นกัน” ผมพยักหน้ารับและยื่นมือไปให้เขาจับไว้แต่น้องดึงแขนของผมไว้แล้วอ้อนผมเสียงหวาน

“ขี่หลังได้ไหม?” ผมใจหวิวไม่น้อยครับกับน้องเวอร์ชั่นนี้ กายมันถลาหันหลังไปให้น้องขึ้นขี่แต่โดยดี สองแขนของน้องโอบรอบคอผมที่แบกเขาขึ้นมาและค่อยๆเดินไปตามทางริมคลองแสนสวยยามค่ำนี้ เราเดินกันไปเรื่อยๆโดยไม่ได้คุยอะไรกัน เพียงพักใหญ่ก่อนที่น้องซึ่งเอาคางเกยอยู่กับไหล่ของผมจะยกมือขึ้นมาเกลี่ยใบหูของผม

“นี่...นายเจาะหูหรือเปล่า?”

“เจาะ..ทำไมหรอ?” ผมถามน้องอย่างสงสัย แต่คนดีของผมเขาไม่ได้ตอบมา น้องขยับแขนไปทำอะไรสักอย่างก่อนที่เขาจะกลับมาจับหูผมอีกครั้ง

“นึกว่าถ้าไม่ได้เจาะก็จะบอกให้ไปเจาะซะ..เพราะว่า..”

ต่างหูที่ยังคงอุ่นเพราะสัมผัสของน้องถูกสอดเข้ามาในรูที่เจาะไว้บนติ่งหูซ้ายของผมพร้อมกับคำพูดของน้องที่เป็นเหมือนพันธะทางใจที่ผมไม่แน่ใจนักว่า เด็กดีของผมนั้นคำนวนไว้หรือเปล่า

น้องใส่ต่างหูให้ผมข้างหนึ่ง และทิ้งตัวลงมาซบบ่าผมอีกครั้ง สองแขนของเขากอดคอผมไว้แน่นและยอมให้ผมพรมจูบแก้มเขาอย่างรักใคร่

“นี่...ฉันคิดว่า...ฉันเริ่มจะชอบนายแล้วล่ะเร็น”

น้องเล่นผมแรงอีกแล้วครับ อุกอาจมากกว่าตอนโผเข้ามาจูบเมื่อสักครู่เสียอีก เล่นเอาผมหยุดชะงักเดินต่อไปไม่ไหวเลยทีเดียว

นอกจากจะบอกว่าชอบผมแล้ว น้องยังเรียกชื่อผมไม่ใช่นามสกุลอย่างที่ผ่านๆมาอีกด้วย แต่หลังจากนั้นน้องก็ทำแก้มพองใส่ผมที่หันกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คนดีเขาโวยวายตามประสาเด็กแมนๆอีกยกหนึ่ง

“แค่เริ่มชอบเท่านั้นนะ!! ห้ามหลงตัวเองคิดว่าฉันรักนายแล้วเด็ดขาด!!”

ผมหัวเราะอยากอดไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะขำ แต่เป็นเพราะความดีใจและดีใจมากที่สุดที่ได้ยินคำนี้จากน้อง ผมกระชับมือที่โอบเรียวขาของเขาไว้และก้าวเดินต่อ น้องเอาคางมาเกยกับบ่าของผมอีกหนแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มผม

“ดีใจล่ะสิ..รู้นะ”

“พูดมากเดี๋ยวถูกจูบอีกรอบไม่รู้นะ”

พอผมแกล้งว่าไปอย่างนั้น สุดที่รักของผมเขาก็เงียบลง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ เงียบ..ก็คือหัวใจที่เต้นแรงของเขาจนผมได้ยิน

และคิดว่าน้องเองก็คงได้ยินเสียงหัวใจของผมด้วยเช่นกัน

ก็หัวใจของเราสองคน...มันเริ่มจะเต้นไปในจังหวะเดียวกันแล้วนี่ครับ..

-End of Make Love วุ่นรักป่วนใจ -

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ เรื่องนี้มีต่อภาคสองซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการจัดการเรื่องอยู่ ยังไงติดตามการอัพเดตได้ที่กระทู้นี้หรือ ทางเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ค่ะ
แล้วพบกันใหม่เรื่องหน้านะคะ :bye2:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
ภาคต่อนี่ขอเคลียร์เรื่องยายนางร้ายด้วยนะค่ะ จะได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญเลย

ออฟไลน์ NIMME

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เรื่องนี้สนุกโคตรๆ อ่ะ ชอบ อยากอ่านภาคต่อแล้วววว

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
สนุกมากๆค่ะ แต่บางจุดก็ยังไม่ค่อยเคลียร์แหะ โดยเฉพาะเรื่องมาโดโกะ ว่าแต่ยูตะรู้ยังว่ามาโดโกะร้ายเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด