Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ  (อ่าน 124278 ครั้ง)

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



      วางแผนเตรียมการมานานใช้ได้เลยนี่เร็น
      ว่าแต่ผ่านด่านเหล่าองครักษ์มาได้ยังไงน่ะ




ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 2

 ติดแอร์กับทีวีเสร็จ เตียงก็มาส่งพอดีครับ พอหันไปเห็นเตียงที่ผมสั่งมาแล้วผมก็อยากทำฮาราคีรีตัวเองซะ

ดันเลือกเตียงหลุยส์มาได้ยังไงกันวะครับ ริวซากิ เร็น น้องเห็นแล้วจะคิดยังไงกันล่ะเนี้ย งานเนี้ยดับสนิทครับเรื่องรสนิยมแต่ช่างมันเถอะ ดูขาเตียง ฐานเตียงแล้วมั่นคงแข็งแรงดีก็คงโอเคแล้วล่ะ

ผมลองทดสอบด้วยการกระโดดไปทิ้งตัวลงกับเตียงอยู่สองสามทีครับโอเครากฐานมั่นคง ชีวิตรักเราไม่สั่นคลอนแน่นอนครับเมื่อนอนเตียงนี้

น้องจะมาว่าไม่ได้นะครับว่าผมนอนเซ้นส์ที่เลือกเอาเตียงหลุยส์มายัดใส่ห้องเขาแบบนี้ เพราะว่าตัวน้องเองแหละครับที่ทำให้ผมเสียสมาธิตอนเลือกจน ต้องชี้ส่งเดชไปนี่ครับ

ผมอาบน้ำแล้วกลับมานอนเล่นดูทีวีอยู่บนเตียง รอน้องกลับมาอยู่พักใหญ่ เขาก็กลับเข้ามาพร้อมกับลากตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่เข้ามาด้วยครับ

น้องโยนตุ๊กตาตัวนั้นไว้กับพื้นข้างเตียงก่อนจะไปเดินปึงปังเข้าห้องน้ำไปครับ ผมได้ยินเสียงน้องอาบน้ำ ในหัวมันก็จินตนาการพลุ่งพล่านอยากจะเข้าไปอาบกับน้องอีกรอบแม้ว่าผมจะอาบไปแล้วก็เหอะ

และถึงจะอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแต่อยู่ดีๆเหงื่อมันก็ไหลออกมาจนผมรู้สึก ว่าฝ่ามือมันชื้นเลยทีเดียวครับ สงสัยต่อมจินตนาการของผมจะทำหน้าที่ดีมากเกินไปหน่อย

ผมเลยพยายามเลิกคิดถึงวิธีการอาบน้ำของน้อง (อันที่จริงคือคิดภาพน้องโป๊ครับ) หันมาสนใจไอ้ตุ๊กตากระต่ายนี่แทน น้องลากมันมาทำไมกัน เตียงเก่าน้องก่อนเอาออกไปก็ย้ายตุ๊กตามาไว้บนเตียงนี้หมดแล้วนี่นา มันก็มีแค่ตุ๊กตา น้องหมาแค่ตัวเดียวเท่านั้นเอง ซึ่งผมก็เอาวางไว้ตรงหัวเตียงข้างหมอนของน้องแล้วไอ้ตัวนี้มันมาจากไหนกันล่ะ

ผมกำลังคิดเพลินๆอยู่ครับ น้องก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับชุดที่ ทำให้ผมต้องตาค้าง

เดี๋ยวครับ! มันไม่ได้เซ็กซี่หรอกนะ แล้วน้องก็ ไม่ได้โป๊เดินโทงๆออกมาด้วย น้องใส่เสื้อมาหลายชั้นมากจนตัวเขาพองเหมือนใส่ดาวน์แจ็คเกตเลยครับ เห็นแล้วอยากลอกเปลือกออกทีละชั้นๆเพื่อค้นหาเนื้อในขาวๆเอาเสียจริง

“หนาวขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันหรี่แอร์ให้เอาไหม?” ผมถามหยั่งเชิงดูครับแต่ก็รู้อยู่หรอกว่าน้องใส่แบบนี้เพราะคงจะไปได้ยินอะไรเกี่ยวกับผมมาแหงๆไม่ใช่เพราะอากาศเย็นๆในห้องที่ผมเปิดแอร์คอยเขาไว้หรอกครับ เพราะขนาดผมใส่แค่ ชุดนอนผ้าซาตินที่เนื้อไม่หนาสักเท่าไหร่ ผมยังไม่รู้สึกหนาวเลย

“ไม่เป็นไร ฉันชอบนอนแบบนี้”

น้องบอกอย่างนั้นก่อนจะลากไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่นั่นขึ้นมาบนเตียง คนดีเขาเอาไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นวางคั่นไว้ระหว่างผมกับเขาแล้วก็หลับไป คิดหรอว่าของแค่นี้จะ กันพี่เร็นได้น่ะครับที่รัก

ผมลอบยิ้มกับความน่ารักของเขาในจุดนี้ก่อนจะลุกขึ้นมาเท้าแขนลงกับหมอน ตะแคงมองดูศีรษะเล็กของน้องที่นอนหันหลังให้ผมในความมืด ผมพอจะเห็นได้เพราะเราเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างทิ้งไว้ครับ แสงจากข้างนอกมันเลยลอด ผ่านมาบ้าง

น้องนอนหลับสนิท ผมได้ยินเสียงลมหายใจของเขาเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอกัน มือของผมเลื่อนไปดึงเอาไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่ออกช้าๆและโยนข้ามตัวน้องให้มันไปนอนที่พื้นห้องแทน

พอของที่ดุนหลังถูกกำจัดไป น้องก็พลิกตัวกลับมานอนหงายครับ ผมยังไม่ทันจะทำอะไรน้องก็ขยับตัวอีกที เขาไสหัวไปตามแนวหมอนก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามาสู่อ้อมกอดของผมเองโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรสักนิด

ผมหัวเราะเบาๆแล้วปัดปอยผมนุ่มที่ลงมาปรกหน้าของเขาออกไป น้องก็ ยังไม่ตื่นครับ ผมเลยลองโน้มหน้าลงไปประกบจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง เขาก็ยังไม่ ตื่นอีก

น้องหลับลึกมากทีเดียว ข้อนี้ผมก็ค่อนข้างรู้มาอยู่เพราะประสบการณ์ที่ เคยพบกับตัวเองมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นน้องเมานี่ครับ ผมเลยไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติแล้วน้องจะหลับลึกเหมือนกับตอนนั้นหรือเปล่า

ผมหยั่งเชิงด้วยการลองจูบเขาแรงๆอีกหนและลองสอดลิ้นเข้าไปด้วย จูบของน้องยังคงหวานเหมือนเดิมเลยครับ เขาครางอือเบาๆแล้วก็ตอบสนองลิ้นของผมอย่างไม่รู้สติ น้องคงคิดแค่ว่าตัวเองฝันไปหรืออะไรประมาณนั้น ผมเลยย่ามใจนิดหน่อย ดึงเอากางเกงวอร์มที่เขาสวมอยู่ออก ได้เวลาจัดการเปลื้องผ้า ดักแด้น้อยแล้วครับ

น้องใส่หลายชั้นมากเลยทีเดียว นี่คงกะให้ผมหมดอารมณ์ไปก่อนที่จะถอดเสื้อผ้าเขาเสร็จสินะ แต่ขอโทษทีเถอะคนดี ยิ่งถอดพี่ยิ่งคึกจ้ะ ไม่อยากบอกว่าผมถอดจนหมดแล้ว แม้กระทั่งกางเกงในผมก็กำลังรูดมันออกจากเรียวขาเพรียว ของเขาไป น้องก็ยังไม่ตื่นครับ ผมฉวยโอกาสนี้ลักหลับเขาแบบเต็มรูปแบบได้เลยนะนี่ถ้าน้องยังจะไม่ตื่นอีกแบบนี้

แต่ไม่หรอกครับ คืนนี้ผมจะแค่สำรวจดูก่อนว่าร่างเล็กๆที่ผมปรารถนามาตลอดนี่มันมีความลับอะไรแอบซ่อนเอาไว้อยู่บ้าง ครั้งแรกของน้องกับผมจะต้อง เป็นตอนที่น้องมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนครับ จะไม่มีการลักหลับหรือวางยาอะไรใดๆทั้งสิ้น

ทำไมน่ะหรอ?

ก็ครั้งแรกมักจะเป็นสิ่งที่คนเราจดจำไปตลอดชีวิตน่ะสิครับ ถ้าทำตอน น้องไม่มีสติเขาก็จะไม่ได้จดจำสัมผัสของผมครับ ซึ่งนั่นมันจะยากต่อไปมากๆสำหรับการปลูกฝังความรักของผมลงไปในหัวของเขาครับ

ร่างกายของน้องยังนุ่มนิ่มและหอมเหมือนเดิมครับ ความนุ่มนิ่มความหอมที่ผมเคยได้สัมผัสและคลั่งไปเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ยังมีอยู่เต็มเปี่ยมจนผม แทบจะสำลักเมื่อไล่จูบไปตามผิวกายอุ่นๆของน้อง

ในใจตอนนี้อยากให้น้องตื่นขึ้นมามากเลยครับถึงแม้ว่าจะเสี่ยงกับการถูกถีบจนตกเตียงกลางดึกก็เถอะ แต่ผมอยากจะรักกับน้องจนทนไม่ไหวแล้ว

ริมฝีปากของผมเลื่อนลงต่ำเรื่อยๆครับ ได้ยินเสียงน้องครางอือๆในลำคออีกแล้ว คนดีเขาบิดตัวเหมือนจะหนีแต่ก็ติดว่าผมทับเขาอยู่ เขาเลยพลิกตัวไม่ได้ สักพักเขาก็เลิกขยับตัวครับแต่เปลี่ยนมาขยับขาแทน

ผมกัดริมฝีปากเอาไว้แล้วจูบหนักๆลงไปที่สะดือของเขา ขาน้องสีอยู่กับจุดยุทธศาสตร์ของผมครับ คนดีจะเล้าโลมพี่ไปถึงไหนกัน แค่กลิ่นตัวหอมๆกับผิวนุ่มๆก็พาสติพี่กระเจิงไปไม่รู้เหนือรู้ใต้แล้วนะ

ถึงเขาจะหลับอยู่แต่ร่างกายของเขาไม่หลับตามครับ พอผมเอื้อมมือสั่นๆไปสัมผัสเข้ากับน้องชายของเขา มันก็กำลังเริ่มแข็งตัวตามสัญชาตญาณของผู้ชายครับ

ขนาดของน้องกำลังดีพอที่ผมจะกำได้รอบ ผมรูดมือเบาๆไปตามความยาวของเขาก่อนจะเลื่อนตัวลงไปไล่จูบจากแนวท้องน้อยของเขาลงมาจนถึงปลายโคนของส่วนที่ผมกำอยู่

น้องเป็นคนที่มีฮอร์โมนผู้ชายต่ำมากเลยครับ เขาไม่ค่อยจะมีขนเลยทั้ง ขนแขนหรือขนขา รวมไปถึงตรงจุดนั้นด้วยครับ กลุ่มขนที่ขึ้นอยู่มันมีน้อยนิดถ้าเทียบกับผมหรือคนที่ผมเคยผ่านเจอมา แถมยังเส้นเล็กนุ่มไม่ต่างอะไรกับผมของเขาเลยครับ จนผมเผลอคิดไปว่าผมสัมผัสอวัยวะของเด็กอยู่หรือเปล่า

อ่อ สิ่งที่ทำให้ผมคิดอย่างนั้นไม่ใช่เพราะขนาดของน้องเล็กกว่าผมนะครับแต่เพราะนอกจากขนที่ขึ้นน้อยแล้ว น้องไม่ได้ขริบหนังหุ้มปลายด้วยครับ มันเลยดูเด็กๆในสายตาของผมไป

แต่เด็กคนนี้เป็นเด็กลามกครับ

ผมรู้ได้ยังไงน่ะหรอ?

ผมต้องรู้สิ ก็ในเมื่อผมกำลังสัมผัสกับร่างกายของเขาอยู่แบบนี้ก็รู้เลย ครับ น้องต้องเคยช่วยตัวเองมาก่อนแล้วก็อาจจะบ่อยด้วย หนังหุ้มปลายถึงได้ไม่ รัดนัก ผมรูดมันลงมาได้อย่างสบายๆ ต่างจากคนที่ยังไม่เคยใช้งานมาก่อนมันจะ เปิดลงมาลำบากแล้วก็เจ็บมากด้วย และน้องก็ยังไม่เคยมีแฟนมีกิ๊ก ไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนและผู้ชายคนไหน ดังนั้นแล้วสรุปได้อย่างเดียวครับว่าเด็กคนนี้ต้อง เคยแอบช่วยตัวเองมาก่อนแน่

ผมกระตุกยิ้มมุมปากขณะรูดจนท่อนเนื้อในมือมันแข็งจนได้ที่ ผมก็ก้มลงไปดูดเบาๆที่ปลายยอดของเขา น้องครางหนักแล้วก็หยัดสะโพกเข้ามาหาปาก ของผมเองครับ

ร่างกายของน้องไวต่อสัมผัสมาก ผมดูดให้น้องไปแล้วก็เอื้อมมือไปลูบอกเขาไปด้วย พอนิ้วผมสะกิดถูกยอดอกเขา น้องก็เอื้อมมือมาแย่งคลึงอกของเขา เสียเอง ผมเลยบี้นิ้วกับยอดอกอีกข้างที่ไม่ถูกเขาแย่งไปแทนก่อนจะห่อปากแล้ว ดูดท่อนเนื้อของน้องอย่างแรง เท่านั้นแหละครับน้องก็หลุดครางออกมาแล้วเลื่อนมือที่เขายกขึ้นมาเล่นกับอกของตัวเองเมื่อกี้นี้ลงต่อกดหัวผมที่อยู่ตรงหว่าง ขาของเขาแทน

“อะ..อ๊ะ..อ๊า...”

น้องครางออกมาติดๆกันเลยครับ เสียงกระเส่าความรู้สึกของผมมากแต่น้องก็ยังไม่ยอมตื่นครับ เขาบิดเรียวขาสีไปมาจนขาเขาจะก่ายหัวผมอยู่แล้วแต่ผมก็ไม่ได้ปัดหรือผลักออกไป ผมยังคงปรนเปรอความสุขให้น้องไปเหมือนกับค่อยๆป้อนสัมผัสให้น้องเสพติดทีละน้อยๆ

น้องปลดปล่อยไวมากครับ ผมแค่รูดปากแค่ไม่กี่หนกับดูดอีกไม่กี่ทีน้อง ก็ปล่อยออกมาเต็มปากของผม ผมไล้เลียกวาดจนน้ำนมของเขาที่ไหลออกมาหมดเกลี้ยงไปก่อนจะเลื่อนตัวไปหอมแก้มเขาแรงๆด้วยความรัก

“พรุ่งนี้ซัทสึกิต้องเป็นของพี่มากกว่านี้นะครับ..”

ผมกระซิบบอกเขาแผ่วเบาอย่างรักใคร่และมาดหมายไว้ว่าพรุ่งนี้เราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันก่อนจะลุกลงจากเตียงไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดทำลายหลักฐานที่ผมลวนลามน้องไปและจับคนดีเขาใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ เพราะถ้าเหลือแค่ ตัวล่อนจ้อนนอนต่อด้วยกันบนเตียงนี่เห็นทีอธิปไตยของน้องจะต้องโดนผมยึดแน่ๆ

ผมพรูลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อระงับจิตไม่ให้ลูกรักของตัวเองต้องลุกขึ้นมาทำงานต่อหลังจากที่ผมเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำมาเรียบร้อยแล้ว

มันเป็นอะไรที่น่าอนาถใจมากเลยครับ ตลอดเวลาที่ตกหลุมรักน้องมา ผมต้องพึ่งมือของตัวเองแทนการไปหลับนอนกับคนอื่น เพราะถึงจะให้ออกไประบายกับคนอื่นยังไงผมก็ทำไม่ได้ครับ หน้าน้องเอาแต่วนไปเวียนมาอยู่ในหัวผมตลอดแบบนี้จะให้ผมไปมีอะไรกับคนอื่นได้ยังไงกัน

ผมทิ้งตัวนอนลงกับเตียงแล้วรั้งร่างนุ่มๆของน้องเข้ามานอนกอด คืนนี้ คงยิ่งกว่าหลับฝันดีอีกครับ ในที่สุดผมก็ได้นอนกอดน้องแล้ว

เหมือนกับฝันเลยจริงๆ!

กว่าผมจะหลับได้ก็น่าจะเกือบรุ่งสาง เพราะมันแต่เนียนเอากำไรหอมแก้มบ้างจูบปากน้องบ้างจนฉ่ำใจแล้วถึงได้หลับลง แต่น้องตื่นเช้ามากครับแดดยังส่องเข้ามาไม่ถึงเตียงเลยครับน้องก็ตื่นแล้ว เขาดิ้นขลุกขลักดันตัวผมออกห่าง ผมหรี่ตามองดูหน้าแดงๆของเขาแล้วก็อยากจะแกล้งคนดีเขาเสียจริง

“นอนดีๆหน่อยดิ” ผมทำเป็นพูดงึมงำใส่เขาครับ แล้วก็กอดเข้าไว้แน่นน้องนอนตัวแข็งแล้วพูดใส่ผมด้วยเสียงไม่พอใจสักเท่าไหร่

“ปล่อยดิ ฉันจะลุก”

“ลุกเดี๋ยวปล้ำเลยนิ นอนต่อ นี่คือคำสั่ง” พอผมขู่ออกไปแบบนั้น คนดีเขาทำตาโตเลยครับแถมตัวแข็งมากกว่าเดิมอีก ผมเลยนอนกอดเขาต่ออย่าง สบายอารมณ์ ผมหลับตาลงสนิทเพราะรู้ว่าน้องกำลังจ้องหน้าผม จริงๆผมก็อยากนอนจ้องหน้ากับน้องครับแต่ทำเนียนหลับแล้วนอนกอดเขาต่อดีกว่า

สักพักน้องก็พยายามเอาตัวเองออกจากอ้อมแขนของผมครับ เขาดันผม แต่พอผมไม่ขยับเขาก็เขยิบสะโพกหนีออก ผมก็เลยเบียดตามเขาไป มือซนๆของผมก็เลื้อยลงไปจับก้นเขาแล้วลูบไปมาอย่างเพลิดเพลิน

หากำไรจากน้องนี่เป็นอะไรที่มีความสุขมากครับ แต่ดูเหมือนน้องจะไม่มีความสุขเหมือนผมเท่าไหร่ คนดีเขาผลักผมสุดแรงแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าน้องโกรธจัดมากแถมยังเงื้อหมัดมาจะต่อยผมอีกแต่ดีที่ผมรับหมัดเขาไว้ได้

“ไอ้..ไอ้!!” น้องตัวสั่นไปหมดเลยครับ เหมือนอยากด่าผมแรงๆแต่ยังนึก คำไม่ออกผมรวบมือเขาไว้แล้วชะโงกหน้าเข้าไปหา

“ตูดงอนดีนะ เคยใช้งานมั่งยัง” น้องหน้าแดงจัดเป็นลูกมะเขือเทศน้อยๆเลยครับ เขาอ้าปากค้างก่อนจะตะโกนเสียงดังใส่ผม

“ไม่เคยเว้ย!! แล้วก็ไม่คิดจะใช้ด้วย!!”         

หลังจากนั้นความมึนงงก็จู่โจมผมครับ น้องเอาหัวโขกหัวผมดังโป๊กก่อน จะใช้ช่วงเวลาที่ผมมึนอยู่วิ่งหนีออกจากห้องไป

คราวหน้าคราวหลังผมต้องไม่ลืมว่าอิชิฮาระ ซัทสึกิยังมีท่าไม้ตายอื่นอยู่นอกจากเงื้อหมัดครับ...

น้องหายออกจากห้องไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาตอนที่ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วครับ เขายังคงหน้ามุ่ยอยู่แถมยังสะบัดหน้าเชิดไม่ยอมมองหน้าผมอีกด้วย สถานการณ์ย่ำแย่เลยทีเดียว ผมไม่น่าไปแหย่อะไรเขาเลยครับ

“จะไปมหาลัยแล้วหรอ? ไปกับฉันไหม?” ผมเอ่ยถามขึ้นอย่างใจดี ไม่ อยากให้น้องเดินไปเองครับ ถึงมันจะยังเช้าอยู่และไม่ค่อยมีแดดเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่อยากให้น้องเหนื่อยเดินไปเองนี่นา แต่เขามองความหวังดีของผมด้วยหางตา ก่อนจะเดินกระแทกเท้าปึงปังออกจากบ้านไปครับ

“เริ่มต้นก็แย่เลยนะนี่”

ผมหันขวับไปตามเสียง ไดสุเกะคุงกับเคนอิจิครับที่อยู่ข้างหลังผม แล้วมายืนส่ายหน้ามองผมกันทั้งคู่ด้วยสายตาเห็นใจแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน

“พี่ก็ต้องเข้าใจนะครับว่าซัทสึกิเป็นเด็กยังไง”

ผมพยักหน้ากับคำพูดของไดสุเกะคุง มีหรือที่ผมจะไม่เข้าใจว่าซัทสึกิเป็นเด็กที่เขารู้สึกว่าตัวเองแมนเกินร้อยและก็เป็นเด็กห้าวๆด้วยอีกต่างหาก

“พี่คงเหนื่อยอีกหลายยกแหละกว่าจะจีบซัทจังสำเร็จ อ่ะนี่ ตารางเรียน ของซัทจังที่พี่เคยขอผมไว้” ผมฉีกยิ้มแล้วยื่นมือไปรับตารางเรียนของน้องที่เคนอิจิ ยื่นมาให้

“ขอบคุณนะ”

อย่างน้อยสองคนนี้ถึงจะแทะน่องผมบ่อยๆแต่เขาก็คอยช่วยบ้างยามที่ ผมต้องการความช่วยเหลือ ก็ถือว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง ว่าแต่พี่รีบตามซัทจังมันไปเถอะ ถ้าเดาไม่ผิด ป่านนี้ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นมันคงมาดักรออยู่ที่คณะแล้วละ” ผมเลิกคิ้วแล้วนึก ตามคำพูดของเคนอิจิก่อนจะเข้าใจ

“อืม งั้นพี่ไปก่อนนะ” ผมลาเคนอิจิกับไดสุเกะคุงที่ปฏิเสธที่จะมามหาลัยพร้อมกับผมก่อนจะถอยรถออกจากบ้าน ตารางเรียนของน้องที่ผมดูก่อนขึ้นรถมานั้นมันโล่งว่างทั้งวันเลยวันนี้แต่ทำไมน้องยังไปมหาลัยอีก

สาเหตุก็คงเดาไม่ยากครับ น้องคงไม่อยากอยู่ในที่ๆผมอยู่ แต่ผมจะ ปล่อยให้น้องอยู่มหาลัยโดยมีตัวมารมาคอยแวะเวียนจีบให้น้องไม่ได้ครับ โดยเฉพาะคนๆนั้นคืออิโต้ ฮิเดกินี่ผมยอมไม่ได้เด็ดขาด

ผมเลี้ยวรถเข้าถนนใหญ่พลางนึกว่าจะทำยังไงดีถึงจะได้ประกาศต่อหน้า ไอ้คุณชายตระกูลอิโต้มันไปเสียเลยว่าน้องเป็นของผม และพาน้องออกไปเดท อย่างเนียนๆเป็นการป่าวประกาศทางอ้อมว่าน้องเป็นของผมแล้วให้สาธารณชนทั้งหลายได้รับรู้ไว้ จะได้ไม่มีหมาตัวไหนมันกล้ามาแหย็มจีบน้องอีก

ร้านดอกไม้ที่เปิดอยู่ตรงหน้ามหาลัยผ่านเข้ามาในสายตาของผมครับถึงประสบการณ์ที่ได้ตามเก็บข้อมูลมาจะรู้ว่าน้องไม่ชอบอะไรก็ตามที่เหยียดหยามความแมนของเขาแต่ผมคงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ครับ

“อ่าว รุ่นพี่ริวซากิ”

เสียงทักหวานสดใสดังขึ้นมาทำเอาผมที่เพิ่งเปิดประตูร้านเข้าไปต้องชะงักเลยครับ คนที่ทักผมคืออาริซาวะ มาโดกะ ลูกสาวของกลุ่มบรรษัทใหญ่อาริซาวะที่ร่วมงานกับทางบ้านผมอยู่บ่อยครั้ง จะเสียมารยาทกับเธอก็ใช่ที่ครับผมเลยต้องส่งยิ้มให้เธอไปตามมารยาท

“สวัสดีครับ”

ถึงหน้าผมจะยิ้มแต่ในใจเริ่มนึกหงุดหงิดจางๆที่ต้องมาเจอเธอในตอนเวลาที่ผมอยากจะรีบไปหาน้องไวๆ

“มาซื้อดอกไม้หรอคะ?” เข้าร้านดอกไม้มาซื้อยามั้งครับ หน้าสวยแล้ว ไร้สมองหรือไงครับน้อง

“เอ่อ ครับ..” มารยาทมันค้ำคอเสียจริง ผมยิ้มให้เธอแล้วรับเพียงคำสั้นๆก่อนจะหันไปหาเจ้าของร้านที่รอรับออร์เดอร์ดอกไม้จากผมอยู่

สายตาผมกวาดมองดูช่อดอกไม้ที่เขาจัดเสร็จแล้วและวางโชว์อยู่รอบๆร้านนี้ จริงๆผมก็อยากจะสั่งดอกไม้ให้เขาจัดใหม่ให้น้องแหละครับ แต่อย่างว่าผม ไม่อยากทิ้งให้น้องอยู่คนเดียวนานนักก็เลยเลือกเอาจากที่เขาจัดเสร็จดีกว่า

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
“ให้มาโดกะช่วยเลือกไหมคะ?” เธอส่งความปรารถนาดีมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานครับ แต่ผมไม่ต้องการความปรารถนาดีจากใครทั้งสิ้น นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมจะให้น้องด้วยตัวเองเพราะงั้นผมจะเลือกเอง

“ไม่เป็นไรครับ พี่เลือกเองดีกว่า”

ผมบอกเธออย่างสุภาพแต่ในใจนึกเหนื่อยหน่าย เมื่อไหร่แม่คุณจะออก จากร้านไปเสียที ผมหันหลังให้เธอและเดินไปอีกด้าน แล้วสายตาของผมก็พบกับ ช่อดอกไม้ช่อโต

มันเป็นช่อดอกลิลลี่สีชมพูสวยแซมด้วยดอกไลแซนทัสสีขาวและดอกกุหลาบสีชมพูอ่อน สวยน่ารักมากครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนช่อนั้นประดับด้วยตุ๊กตากระต่ายสีชมพูตัวเล็กๆเท่าฝ่ามืออยู่ มันทำให้ผมต้องแอบยิ้มกับตัวเองเมื่อ นึกถึงไอ้ตุ๊กตากระต่ายปีศาจสีเดียวกันนี้เมื่อคืน

“ผมขอช่อนี้ก็แล้วกันครับ” เจ้าของร้านเธอพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผมครับก่อนจะยกมาให้ผมพร้อมกับรับเงินไป

“น่ารักจังเลยนะคะ อยากรู้จังว่ารุ่นพี่ซื้อไปให้ใครกันเอ่ย?” ดวงตาของ เธอเป็นประกายวิบวับเลยครับ สายตาแบบนี้บอกให้ผมที่เคยเป็นคาสโนว่ามาก่อนที่จะวางตำแหน่งนี้ทิ้งไปเมื่อได้พบกับน้องรู้ว่าเธอกำลังหวังจะได้ช่อดอกไม้ ช่อนี้ไปครอง

แต่ขอโทษนะครับ...ดอกไม้ช่อนี้มีเจ้าของแล้ว

“ไปให้แฟนของพี่น่ะครับ ขอตัวก่อนนะครับ” ผมบอกเธออย่างสุภาพ และรับเงินทอนจากเจ้าของร้านก่อนจะเดินออกจากร้านมาอย่างอารมณ์ดี

แต่มาโดกะจังเธอคงอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่หลังจากนี้ล่ะนะ

กว่าผมจะขับรถมาถึงคณะของซัทสึกิ เด็กดีของผมก็ถูกไอ้สองตัวที่ไม่ พึงปรารถนาของผมสักเท่าไหร่ตามประกบติดอยู่ครับ คนหนึ่งถือช่อดอกไม้สีชมพูเหมือนผมแต่ขอข่มหน่อยเถอะว่าช่อของผมใหญ่กว่าและดูไฮโซกว่า

ส่วนอีกคนมาพร้อมด้วยตุ๊กตาหมีสีขาว ประกบซ้ายขวาของน้องไม่ห่าง เลยครับ แต่ผมรู้สึกดีนิดหน่อยตรงที่ใบหน้าของน้องบอกบุญไม่รับเอามากๆ

ผมเฝ้ามองดูน้องไม่ยอมรับของที่ไอ้สองคนนี่เอามาให้เขาได้อยู่ไม่นานก็เดินเอาหน้าหล่อๆของผมเข้าไปหาน้องครับ

น้องทำหน้าเหมือนเห็นผี เขามองหน้าผมสลับกับช่อดอกไม้ไปมาแล้วเหมือนจะถอยหลังหนี แต่ผมก็หยุดขาของเขาไว้ก่อนด้วยคำพูดที่เสียงดังฟังชัดแบบที่ว่าให้ได้ยินกันไปเลยทั้งลานหน้าคณะของน้อง

“พี่มารับซัทจังไปทานมื้อกลางวันตามที่เรานัดกันเมื่อคืนครับ”

จริงๆไม่ได้นัดอะไรหรอก ผมอ้างไปแบบนั้น จะได้ดูมีน้ำหนักในคำพูดให้ทับหัวไอ้แมงเม่าตัวอื่นที่คอยตามติดน้องน่ะครับว่าผมมาเหนือชั้นกว่าพวกมัน

น้องยังคงทำหน้างงใส่ผมครับ แต่ยังดีที่เขาไม่เถียงอะไรออกมา ผมก็ เลยฉวยโอกาสนั้นเดินแทรกอิโต้ ฮิเดกิไปยืนข้างน้องแล้วโอวเอวบางของเขาให้ เดินตามผมไปที่รถของผมที่จอดอยู่ตรงหน้าคณะและขับรถออกไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าทุกคนตั้งตัวไม่ติด แต่รับรองเถอะ พรุ่งนี้ต้องกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์แน่ๆว่าริวซากิ เร็นที่รามือไม่จีบใครมานานนับครึ่งปีน่ะกำลังควงอยู่กับคนน่ารักอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิของคณะนิเทศแน่นอน!

ผมพาน้องมาห้างใกล้ๆกับมหาลัยครับ ถึงแม้ว่าว่าไอ้ห้างนี่จะเป็นห้างของตระกูลไอ้ฮิเดกิที่ผมเหม็นขี้หน้าก็เถอะ ระหว่างทางที่มาผมถูกน้องซักฟอกครับว่าเขาไปนัดกับผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเลยแกล้งบอกเขาไปว่าตอนที่เขานอนกอดผมอยู่ครับ น้องดูท่าทางจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่แต่ก็โชคดีของผมที่น้องไม่ได้ซัก อะไรต่ออีก

“กินอะไรดีล่ะ นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”

หัวสมองผมมันโล่งๆครับ ไม่รู้ว่าจะพาน้องไปกินอะไรที่ไหนดี สาเหตุของความโล่งนี่เป็นเพราะพอมีน้องอยู่ใกล้ๆแล้วผมก็คิดอะไรไม่ค่อยออกครับ แค่มอง คนดีเขาใกล้ๆแล้วก็รู้สึกพาลอิ่มขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าด้วยซ้ำ

มันอิ่มอกอิ่มใจครับ แค่มองหน้าผมน้องคงไม่มีทางอิ่มแน่ๆ เพราะงั้น(ว่าที่)แฟนที่ดี(ในอนาคต) จำต้องนึกถึงปากท้องของคนรักด้วยครับ

“ซาชิมิ!”

น้องสวนขึ้นมาทันทีเลยครับ เหมือนกับเขาหาเมนูไว้อยู่ก่อนแล้ว พอเขาบอกผมก็พยักหน้าตามใจเขาไป น้องเลือกร้านแพงใช้ได้ครับ เหมือนกับจะรู้ว่าใครจะจ่าย แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ ต่อให้ต้องเลี้ยงน้องไปทั้งชาติก็ไม่ยั่นอยู่แล้ว

วันนี้ผมปล่อยหน้าที่สั่งอาหารให้เป็นของน้องครับ ปล่อยให้เขาสั่งเต็มที่ อะไรที่เขาชอบกินหรืออยากกินผมก็บันทึกไว้ในสมอง ถึงแม้บางอย่างจะเป็นสิ่งที่ผมรู้มาบ้างแล้วก็เถอะ

สงสัยน้องจะอยากกินปลาดิบมากครับ เขาสั่งชุดใหญ่มาเลยทีเดียว แถมพอมาถึงก็คีบกินเอาๆ เคี้ยวตุ้ยๆแก้มกลมแล้วย่นจมูกนิดๆเพราะกลิ่นวาซาบิคงฉุนขึ้นจนผมอยากจะไปฟัด แต่ที่ทำได้ก็คือนั่งหัวเราะกลบเกลื่อนอาการอยากจับน้องมาฟัดเท่านั้นครับ (เกิดเป็นริวซากิ เร็นมันน่าสงสารก็ตอนนี้แหละครับ)

“นายไม่กินบ้างหรอ? เห็นเอาแต่จิบชาอยู่ได้? ไม่หิวหรือไงกัน” ก็บอกแล้วไงคนดีว่าพี่มองหน้าน้องจนอิ่มแล้ว

“อืม ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

ผมบอกพลางพยายามเก็บรอยยิ้มเอาไว้ครับ น้องพยักหน้างึกงักเหมือน จะรับฟังคำพูดของผมครับ แต่นาทีต่อมาเขาก็ทำให้ผมเกือบจะหลุดยิ้มให้เขา

“ลองโอโทโร่นี่สิ เนื้อหวานมากเลยนะ”

น้องบอกแล้วยิ้มหวานให้ผม เจ้าปลาที่น้องคีบมายื่นจ่อปากผมนี่มัน ต้องหวานเกินเนื้อปลาปกติแน่ครับ...ถ้ามันไม่ได้มีวาซาบิที่น้องขอเพิ่มมาป้าย เอาไว้เยอะเป็นพิเศษ ผมได้กลิ่นฉุนของมันตั้งแต่ยังไม่ได้งับเข้าปากเลยครับ คงไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าน้องคิดจะแกล้งผม

แต่ผมก็ยอมให้น้องแกล้งครับ โอโทโร่ชิ้นใหญ่เลยถูกส่งเข้าปากผมแต่โดยดี คนป้อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยครับที่เห็นผมต้องนิ่วหน้าเพราะวาซาบิมันฉุน ขึ้นจมูกจนแทบน้ำตาไหล น้องแสบจนผมอยากจับมาจูบสั่งสอนมากเลยครับ

อิ่มกันแล้วผมก็เรียกพนักงานมาเก็บเงินครับ ระหว่างนั้นก็คิดหาวิธีถ่วงเวลาให้น้องอยู่เดทกับผมต่อก่อนกลับหอ

ถือเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของใส่น้องแบบเนียนๆให้คนทั่วไปรับรู้ กันครับ เพราะห้างนี้นิสิตมหาลัยเราเดินกันเยอะอยู่แล้ว แล้วทั้งผมกับน้องก็ถือว่าเป็นคนดังของมหาลัยทั้งคู่ มีหรือจะไม่มีคนเอาไปปล่อยข่าวต่อถ้าได้เห็นผมกับ น้องเดินด้วยกัน

“บ่ายนี้นายก็ไม่มีเรียน จะไปไหนต่อล่ะ?”

น้องจิ้มเมล่อนค้างไว้แล้วจ้องผมอย่างจับผิดเลยครับ ผมไม่น่าหลุดไปเลยว่าผมรู้ว่าน้องไม่มีเรียนต่อตอนบ่าย คนดีเขาหรี่ตามองผมแบบไม่ไว้วางใจก่อนจะส่งเมล่อนเนื้อฉ่ำเข้าปากของเขา

“รู้ได้ไงว่าฉันไม่มีเรียน?”

“คนที่ชื่อไรนะ อะไรเคนๆ เอาตารางเรียนทั้งหมดของนายมาให้ฉันเมื่อเช้า”

ต้องขอโทษเคนอิจิที่ผมต้องบอกตามความจริงครับ แต่อย่างน้อยรูปประโยคของผมก็ทำให้น้องจับผิดไม่ได้หรอกมั้งว่าผมขอให้เคนอิจิเอาตารางเรียนของน้องมาให้ผม คำพูดของผมทำให้น้องตาวาวเลยครับก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะจิ้มผลไม้เข้าปากต่อ

“ว่าไงจะไปไหน?”

น้องกลอกตาไปมาก่อนจะกดหน้าลงต่ำแล้วจ้องหน้าผมไม่อยากบอกว่าดูแล้วเหมือนเด็กแก่แดดริอ่านทำตัวเลียนแบบผู้ใหญ่มากเลยทีเดียว

“ถ้าบอกว่าจะไปปารีส นายจะพาไปหรือไง?”

“ถ้าอยากไปก็ได้” ถ้าน้องบอกอยากไปดวงจันทร์ ผมก็จะบอกให้คุณป๋า ช่วยติดต่อองค์การนาซ่าให้น้องด้วยเลยครับ อันนี้พูดจริงไม่ได้พูดเล่นนะ ผมบอกน้องเสร็จแล้วก็หยิบเอามือถือขึ้นมา

“เดี๋ยวๆ จะโทรไปไหน?” น้องตะกายมาหาผมแล้วคว้ามือไว้ก่อนที่ผมจะเอามือถือแนบหู ผมชอบสีหน้าเลิ่กลั่กของเขาจังเลยครับ

“โทรไปจองตั๋วไง” แอบบอกพวกคุณเท่านั้นนะครับว่าผมแกล้งน้องเล่นเท่านั้น น้องจิ๊ปากใส่ผมก่อนจะย้ายกลับไปนั่งที่ของตัวเองครับ

“ถ้าไม่ไปไหน งั้นไปดูหนังกัน เดี๋ยวเลี้ยง” ผมมัดมือชกเลยครับ พอเขา อ้าปากเหมือนทำท่าจะปฏิเสธผมก็จิ้มเมล่อนในจานของผมใส่ปากเขาไป เพราะ กลัวน้องจะบอกว่ากลับหอพัก ไหนๆผมก็มัดมือชกพาน้องมาถึงห้างแล้วนี่

“อ่ออ้ายย”

สำเร็จครับ! การดูหนังครั้งแรกของเราสองคน แบบที่ไม่ใช่ผมแอบตามน้องเข้าไปในโรงหนังเหมือนสโตรกเกอร์อย่างที่แล้วๆมาด้วย

“แต่ไม่ดู Sex & Zen นะ ไอ้เคนมันโหลดแบบซูมมาดูแล้ว ไม่มีห่าไรเลยนอกจากเรื่องอย่างว่า”

ผมหันไปมองหน้าน้องตอนน้องพูดครับ รูปประโยคมันขัดแย้งกับความน่ารักบนใบหน้าของน้องมากเลยครับ แต่นั่นไม่เท่ากับประเด็นในเรื่องที่น้องดูทำไมเคนอิจิถึงโหลดอะไรมาเสริมสร้างความแมนให้น้องแบบนี้กันนะ

ต่อไปผมคงต้องควบคุมไม่ให้น้องดูอะไรพวกนี้แล้วครับ ดูหนังพวกนี้มันเป็นการกล่อมเกลากันทางอ้อม ถ้าคิดจะทำให้เขาเบี่ยงเบนมารักกับผู้ชายอย่าง ผม การปล่อยให้เขานั่งดูเต้าเด้งแบบนี้อยู่เรื่อยๆ คงจะไม่ดีครับ

“แหมะ..ว่าจะชวนดูอยู่เลย”

ผมแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละครับ แต่สมองคิดคำนวณไว้แล้วว่าเย็นนี้กลับไปจะไปหาแผ่นหรือไฟล์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันหลงเหลืออยู่ในคลังสมบัติ ของน้องเผาทิ้งไปให้หมดเลย รวมทั้งหนังโป๊เรื่องอื่นๆด้วย ผมอนุญาตให้น้องดูได้แค่ค่าย COAT เท่านั้น (ยิ้มกว้าง)

“คนอย่างนายดูได้ด้วยหรอ?”

หมายความว่ายังไงกัน? น้องคิดว่าผมเป็นคนยังไงถึงจะดูหนังโป๊ไม่ได้หนังพวกนี้ผมก็ดูได้ครับ แต่ไม่นิยมแค่นั้นเอง

“คนอย่างฉันมันทำไม?”

ผมใช้แขนกั้นไม่ให้เขาเดินต่อแล้วก็โน้มหน้าไปจนใกล้หน้าของเขาเพื่อถาม น้องเอามือมายันอกผม แต่แรงเท่ามดจะทำอะไรผมได้กัน

“นายเป็นเกย์ไม่ใช่หรือไงกัน”

น้องเลิกยันอกผมแล้วครับ แต่สะบัดเสียงถามเหมือนตั้งแง่ใส่กันแถมยังจ้องผมตาเขม็งเหมือนจับผิดปฏิกิริยาของผม ผมเลยฉีกยิ้มให้น้อง

“รู้ก็ดีแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าฉันไม่ได้เป็นเกย์แต่เป็นไบ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ปากแดงๆ ชอบทำตัวห้าวๆ เนี้ยแหละสเป็คฉัน”

ซัทสึกิเขาสมควรรู้นะครับ ว่าคนที่ผมพูดถึงนั่นคือใครกัน

เขารู้ไหมนะ..ว่าผมหมายถึงเขาน่ะ!?

-TBC-

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นส์นะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ :bye2:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
อยากมีคนรัก แบบซัทจังบ้างนะ อิจฉาจัง สมัยนี้จะมีคนดีๆแบบนี้สักเท่าไหร่นะ

kslave

  • บุคคลทั่วไป
น้องน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
:เฮ้อ: พูดเลยว่า งี่เง่าทั้งชมรม

เห็นด้วยเลย งี่เง่าทั้งชมรม ไม่มีใครสนใตความรู้สึกของซัทจังเลย :serius2:

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
ตอนอ่านภาคซัทจังก็สงสัยอยู่นะว่าพี่เร็นนี่ต้องแอบชอบมาก่อนแน่ๆ ไม่งั้นไม่ยอมน้องขนาดนี้หรอก
พอมาอ่านภาคเร็นแล้วแบบ เอิ่ม ดูพี่แกจะหลงน้องมากไปจนกลายเป็นสโตคเกอร์เลยเรอะ o22
แต่พี่แกนี่โครตโชคดีนะที่ได้ครั้งแรกน้องมา แล้วน้องดันลืมที่จะต้องโกรธนะ เลยได้แต่อาฆาต  :laugh:

ซัทจังแมนจริงๆ แมนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เหมือนผู้หญิงเลยลูก  :laugh: :laugh:

คนเขียนสู้ๆ มาต่อไวๆนะ :call: :call: :call:

ออฟไลน์ ckkk.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เพิ่งมาอ่านครั้งแรก สนุกมากๆ เลยค่ะ > <
นี่ก็เพิ่งซื้อเป็นเล่มไปด้วย >___<

มาต่อไวๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ♥ :3

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
เร็น เจอกะซัทจังได้ไงอ่ะ

อต่ยัยมาโดกะไรนั่นน่าหมั่นไส้ชะมัด
มาทำให้คนเค้าเข้าใจผิดกัน แย่จริง  :beat:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






love2you

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งอ่านได้ไม่กี่ตอนเองค่ะ ชอบมว๊ากกก~

ตอนนี้กำลังพยายามตามอ่านเรื่องทีคุณคนแต่งเอามาลงในเล้าค่ะ ยอมรับว่าติดใจเรื่องราวของตัวละครที่คุณสร้างขึ้นมามากๆ เพราะแต่ละคนมีบุคลิกไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละเรื่อง
อย่างเรื่องนี้ซัจจังน่ารักก็เท่าโลกเลยอ่ะ ^^

ฝากตัวด้วยนะคะ >///<

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter 3

 “ดูเรื่องอะไรดี?” ตามประสา(ว่าที่)แฟนที่ดี ก็ต้องตามใจกันครับ

ในเมื่อผมเผด็จการพาน้องมาดูแล้ว ผมก็ให้โอกาสน้องเลือกครับว่าจะดูเรื่องอะไร น้องกอดอกแล้วหรี่ตามองดูตารางหนังก่อนจะยักไหล่ ทำท่าห้าวได้น่าฟัดมากครับจุดนี้

“เรื่องอะไรก็ได้ แล้วแต่นายก็แล้วกัน” แล้วแต่ผมก็เข้าทางสิครับ ผมแอบยิ้มในใจก่อนจะล้วงกระเป๋ามาหยิบเงินให้เขา

“นายไปซื้อขนมแล้วรออยู่แถวนั้นก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปซื้อตั๋วเอง”

ผมจะมัดมือชกพาน้องเข้าไปดูหนังประเภทที่น้องเกลียดมากที่สุดในโลกครับ ผมเคยเห็นเขางอแงใส่เคนอิจิกับไดสุเกะคุงอยู่หลายหนเพราะสองคนนั้น ชอบดู แต่น้องไม่ชอบหนังแนวนี้ตามเพื่อน

เคนอิจิบอกว่าน้องกลัวผีครับ ถ้าเป็นปกติเขาจะไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่นอนคนเดียวได้ แต่ถ้าเจออะไรเกี่ยวกับผีไม่ว่าจะใครเล่าอะไรมาให้ฟังหรือดูละครที่มีผี รายการผี หนังผี หรืออะไรทั้งหลายทั้งแหล่ น้องจะกลัวจนนอนคนเดียวไม่ได้ กลัวหนักขนาดน้ำท่าก็ไม่ยอมอาบกันเลยทีเดียว

แบบนี้ก็หวานริวซากิ เร็นล่ะครับ ยังไงผมต้องหลอกพาน้องไปดูหนังผีกับผมให้ได้ ถึงน้องจะกลัวก็เถอะ แต่หลังจากนั้นคือกำไรของผมนี่ครับ

“ซื้อโค้กมาแก้วเดียวหรอ?” จริงๆผมไม่น่าถามอะไรแบบนั้นออกไปครับ เพราะน้องซื้อป็อปคอร์นถังใหญ่แบบไซด์กินกันได้ทั้งหอพักมากับโค้กแก้วใหญ่ มา แค่นี้ก็เต็มสองมือเล็กๆของเขาแล้วครับ

น้องไม่ตอบคำถามของผมแต่กับยักไหล่แล้วยกแก้วโค้กขึ้นมาดูด ผมก็เลยเนียนไปแย่งแก้วโค้กของน้องมาดูด

อา..จูบทางอ้อมสินะ

ผมพาน้องเดินเข้าโรงหนังไปอย่างภาคภูมิครับ เดทในโรงหนังอย่างเป็นทางการครั้งแรก มีหลายคนมองผมกับน้องครับผมเลยเนียนยกมือขึ้นโอบไหล่น้องที่เอาแต่เดินเคี้ยวป็อปคอร์นอยู่ อีกนัยหนึ่งคือพยายามเอาตัวเองบังโปสเตอร์หน้าโรงหนังไม่ให้น้องรู้ครับว่าเราจะดูเรื่องอะไรกัน

เดินกันมาจนจะถึงที่นั่งแล้ว น้องก็ตัวแข็งไม่ยอมเดินต่อ ผมสงสัย นิดหน่อยตอนเห็นน้องหันไปตามเสียงซุบซิบของพวกสาวๆที่เดินตามมา คาดว่าน้องจะเขินผมก็เลยยอมปล่อยไหล่เขาแล้วเปลี่ยนมาจูงมือให้น้องเดินมานั่งตรงที่นั่ง

ขอบอกว่าเลิฟเวอร์ซีทนี่คุ้มค่าเงินมากครับ ผมคลี่ผ้าห่มที่พับอยู่บนโซฟาคลุมขาน้องให้เพราะแอร์ในโรงนี้ค่อนข้างเย็นจัดเลยทีเดียว น้องขยับขาไปมาถอดเอารองเท้าทิ้งไว้กับพื้นก่อนจะเอาขาขึ้นมาขัดสมาธิไว้แล้วเอาถังป็อปคอร์นวางบนตัก โยนเอาข้าวโพดคั่วเม็ดเล็กเข้าปากไปอย่างไม่สนใจผมเลยครับ

เอาเถอะ ผมเรียกร้องความสนใจจากน้องเองก็ได้

“กินมั่งดิ”

ไฟสลัวๆในโรงหนังยังพอให้ผมเห็นว่าน้องเลิกคิ้วมองหน้าผมก่อนที่เขาจะเอนถังมาให้ผมอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่

“ป้อนหน่อย” ไม่ได้หวังหรอกครับว่าน้องจะมาป้อนให้ผม เพราะถ้าน้องป้อนจริงผมอาจได้เป็นรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเขาที่ถอดทิ้งไว้ที่พื้นแทน

“มือมี กินเองดิ”

การันตีคำพูดของผมไหมล่ะ นี่แหละครับซัทสึกิจังที่น่ารักของผม

“อยากให้ป้อน” ผมบอกเขาเสียงเบาก่อนจะยื้อข้อมือเล็กมางับป็อปคอร์นที่เขาหยิบไว้เอาเสียเอง แหย่น้องนิดๆหน่อยแค่นี้ก็สุขใจมากพอแล้วครับ

ผมแย่งน้องกินป็อปคอร์นไปสักพัก น้องก็เริ่มป้อนให้ผมบ้าแต่เป็นการ ป้อนในลักษณะแบบยัดเยียดไม่ลืมหูลืมตาจนผมเกือบสำลัก ต้องอาศัยโค้กแก้วโตที่น้องซื้อมา พอคล่องคอแล้วผมก็กลับไปแกล้งน้องใหม่ ดึงมือน้องมากินป็อปคอร์น แถมท้ายด้วยการแกล้งงับนิ้วน้องมาดูดเบาๆ ตอนหนังเริ่มฉายพอดี

น้องกระชากนิ้วกลับคืนไปแล้วเอามือมาป้ายเช็ดกับเสื้อของผมแถม ร้องยี้ใส่หูผมอีก มาทำท่ารังเกียจกันได้ยังไงกันครับอิชิฮาระซัง แต่หลังจากนั้นละครับ น้องหันไปมองจอแล้วก็เอนหัวมามาถามผมเสียงแข็งติดปลายสั่นน้อยๆ

“เอ่อ..ริวซากิ เร็น นายพาฉันมาดูเรื่องอะไร?” น้องรู้ตัวแล้วครับว่าผมพาเขามาดูอะไร ผมว่าต่อมความรู้สึกของน้องช้ากว่าปกตินะครับ อันที่จริงผมรู้มา นานแล้วล่ะ เพราะถ้าเขาเป็นคนความรู้สึกไว เขาก็คงรู้มานานแล้วละครับว่าผม แอบรักเขาอยู่ แถมยังแอบตามเฝ้าเขามาตั้งครึ่งปีแล้วอีกต่างหาก

“อินซิเดียส น่าดูนะเรื่องนี้ เขาบอกว่าสร้างจากเรื่องจริงด้วย”

ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้หรอกครับ แต่บังเอิญได้ยินจากกลุ่มสาวๆที่เข้าคิวซื้อตั๋วอยู่ข้างหลังผม

“งั้นกลับละ” น้องพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน ผมเลยสอดมือไปล็อกตัวเขา ไว้กับที่นั่งก่อนพลางกระซิบข้างหูเขา

“ป๊อดหรอ?”

“ไม่ได้ป๊อด แค่ไม่ชอบ” น้องกระชากเสียงแต่เขายังรักษามารยาทด้วย การใช้ระดับเสียงที่ผมได้ยินอยู่คนเดียว เสร็จแล้วเขาก็ดึงคอเสื้อขึ้นมานิดหนึ่ง ก็เข้าใจอยู่ครับเพราะตอนนี้ซาวด์ประกอบหนังมันหลอนประสาทกันน่าดู

“ก็ป็อดล่ะว้า ไม่กล้าดูล่ะสิ ไม่แมนเลย” คนอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิ หยามความแมนกันไม่ได้ครับ ผมใช้ไม้นี้เพื่อท้าให้น้องดูหนังต่อกับผม แล้วก็อย่างที่ผมบอกแหละครับ น้องยอมดูหนังต่อกับผมจนจบ

ใจจริงผมก็สงสารน้องครับ ดูซัทสึกิจะกลัวหนังประเภทนี้เอามากๆ เขาสะดุ้งทุกครั้งที่มันมีฉากหลอนๆ แล้วผมก็ว่าเขาไม่ได้ดูหนังเลยล่ะ เพราะเขาเอาแต่ซุกหน้าลงกับไหล่ของผมทั้งเรื่องเลยครับ

“ทีหลังไม่มาดูด้วยแล้วนะขอบอก”

ออกจากโรงมาน้องก็พูดขึ้นทันทีเลยครับ คนดีทำหน้างอใส่ผม น้องเม้มปากจนเป็นเส้นบางๆเลยครับ ดวงตาก็ขุ่นมัวสุดๆ

“แล้วนี่นายได้ดูที่ไหนกัน เอาแต่ซุกไหล่ฉันตลอดเลยไม่ใช่หรือไงกัน”

ท่าทางผมจะเป็นโรคจิตอ่อนๆแหะ ถึงได้ชอบแหย่คนที่ตัวเองชอบให้เขาหงุดหงิด แต่ผมก็มีเหตุผลของผมนะ เพราะพอแหย่เขาแล้วน้องก็ยิ่งทำท่าฮึดฮัดใส่ผม จุดนี้เขาฮึดฮัดได้น่ารักมากครับ หน้างอแต่แก้มพองลมเหมือนเด็กๆเลย

สำหรับผมที่ได้แต่เฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆไม่ปรากฏตัวตนให้อยู่ในสายตา ของเขามาครึ่งปี ได้แหย่เขาได้เถียงกับเขาบ้างแบบนี้ เหมือนกับฝันเลยครับ!

“ฮึ่ย! คนอย่างนายนี่มัน!!” น้องสบถในลำคอแล้วเอาศอกถ่องมาที่ ท้องผมครับ แต่ผมหลบทันเสียก่อนแล้วดึงแขนเขาไว้

“ไปกินไอติมกัน เดี๋ยวเลี้ยงไถ่โทษ” อย่างซัทสึกินี่ต้องง้อด้วยของหวานตอนนี้จะให้ไปกินของคาวก็ใช่ที่ทั้งอาหารญี่ปุ่นกับป็อปคอร์นมันยังอัดแน่นอยู่ในกระเพาะอาหาร ขืนใส่อะไรหนักๆลงไปอีกมีหวังท้องแตกตายกันทั้งคู่พอดี

“เลี้ยงนะ!”

พอพูดถึงของหวานแล้วน้องก็ทำตาวิบวับเลยครับ แถมยังหันมาถามผมเสียงใสแบบไร้ความขุ่นมัวเลย เด็กจริงๆแหละอาการชอบของหวานแบบนี้

“อือ” พอผมพยักหน้าเท่านั้นแหละครับ น้องเดินนำผมลิ่วไปยังร้านประจำของตัวเองเลยทันที ผมจะสปอยเขามากเกินไปหรือเปล่านะ...แต่อย่างว่า

เฮ้อ..เกิดเป็นริวซากิ เร็น ไม่คอยสปอยอิชิฮาระ ซัทสึกิแล้วจะไปสปอยใครที่ไหนกันล่ะครับ

ผมยังไม่ทันหย่อนก้นนั่งเลยครับ น้องก็สั่งของกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว

คนดีเขานั่งเอามือสองข้างขึ้นมาเท้าคางแล้วยิ้มไม่หุบที่จะได้กินของที่ตัวเองชอบ พลางพูดเจื้อยแจ้วว่าพาเฟ่ต์ที่นี่อร่อยนักอร่อยหนา แต่ผมดันสั่งแค่อเมริกาโน่ ไม่สมกับที่เข้ามากินของหวานเลย

ใครบอกว่าผมไม่อยากจะลองชิมของหวานล่ะครับ แต่ผมแค่อยากกิน ถ้วยเดียวกับน้องเท่านั้นเอง พอพนักงานร้านเขายกมาเสิร์ฟ ผมก็ว่าผมคิดถูกแล้วครับที่ไม่สั่งของหวานเพิ่ม เพราะน้องคนเดียวก็สั่งพาเฟ่ต์มาตั้งสองถ้วยโตๆแถมยังสั่งพุดดิ้งชาเขียวมาด้วยอีกต่างหาก แบบนี้จะกินคนเดียวหมดได้ยังไงกัน

เอ๊ะ? หรือว่าน้องจงใจสั่งมาเผื่อผม?

“ทำไรน่ะ!” ผมได้คำตอบแล้วครับ น้องไม่ได้สั่งมาเผื่อผมหรอก เด็กดีแต่นิสัยดื้อเอาช้อนตีข้อนิ้วผมทันทีเลยครับพอผมหยิบช้อนอีกคันขึ้นมาตักไอติม จากถ้วยของเขา แถมยังเอามือป้องถ้วยไว้เหมือนกับเด็กหวงของกินอีกต่างหาก

ถ้าเป็นเด็กคนอื่นผมคงนึกรำคาญใจ แต่เผอิญเด็กหวงของคนนี้ชื่ออิชิฮาระ ซัทสึกิผมเลยได้แต่ยิ้มขำเขาอย่างเอ็นดูไว้ในใจ...ต่อหน้าน้องผมต้องพยายามไม่เผยพิรุธออกไปมากครับว่าผมคลั่งน้อง

แต่ขืนน้องยังทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะความพยายามนี้ของผมจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่เหมือนกันครับ

“จะช่วยกินไง ตั้งสามถ้วยนายจะกินหมดหรือไงกัน”

“หมดหน่า อยากกินก็สั่งเองดิ” หวงของกินจริงๆเด็กคนนี้

“ก็ดี กินเยอะๆจะได้อ้วนๆ เวลากอดจะได้ตัวนุ่มๆ ลูบทีเนื้อจะได้นิ่มๆ เพลินมือ” ผมแกล้งว่าแล้วก็หันหน้าหนี ใช้หางตามองดูปฏิกิริยาของคนแมนๆเขาครับ น้องกัดช้อนแล้วผลักพาเฟ่ต์ทั้งสองถ้วยมาหาผม เขาทำแก้มพองอีกแล้ว

“ให้กินด้วยก็ได้!”

คุณก็คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าพาเฟ่ต์สองถ้วยนี้....หวานจับใจแค่ไหน?

กว่าเราจะกลับมาถึงหอพักมันก็เริ่มมืดแล้วครับ น้องลงจากรถได้ก็เดิน ตัวปลิวเข้าบ้านไปไม่รอกันเลย ผมที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าหอพักตามน้องไปก็ถูก หยุดไว้ด้วยเสียงมือถือของตัวเอง

พอล้วงมาดูก็อยากจะกดตัดสายไปเลยครับ มนุษย์สัมภเวสีนามฟุจิชิมะ ยูตะส่งยิ้มมาให้ผ่านคอลลิ่งมาเลยครับ มันคงโทรมาขอส่วนบุญเป็นเรื่องราวของผมกับน้องไปเสพให้ชื่นฉ่ำปอดฉ่ำใจของมันล่ะครับ

“โทรมานี่มีอะไรไม่ทราบ? ถ้าไม่สำคัญกูวางละนะ” ผมดักคอมันก่อนเลยครับ ผมไม่อยากเสียเวลามาก กลัวจะผิดแผนที่วางเอาไว้ ปล่อยให้น้องขึ้นไปก่อนแบบนี้ ถ้าคนดีเผลอหลับไปก่อนจะทำยังไง ยิ่งกินอิ่มๆกันมาแบบนี้มันชวน ง่วงน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะครับ แถมเมื่อกี้ตอนอยู่ในรถ น้องก็ยังแอบสัปหงกอยู่ หลายรอบเลยครับจนผมต้องชวนคุยเพื่อไม่ให้เขาหลับไปเสียก่อน

“อื้อหือ แค่ได้ไปเดทกับน้องแค่เนี้ยทำเป็นหมางเมินกับเพื่อนกับฝูง นะครับริวซากิซามะ” ฟังมันกวนประสาทแล้วผมก็ยักไหล่ แต่ไม่อยากบอกว่ารู้สึกปลื้มอยู่ลึกๆ ขนาดไอ้ยูมันยังรู้ไวขนาดนี้ ตอนนี้ข่าวผมกับน้องไปเดทกันคงจะ แพร่สะพัดแล้วล่ะครับ

“ธุระมีแค่นี้ใช่ไหม งั้นแค่นี้นะ กูไม่ว่าง”

“มีอะไรต้องทำอีกวะ อย่าพูดนะมึงว่ามึงไม่ว่างเพราะกำลังจีบน้องอยู่ อย่าพูดเชียวนะครับไอ้คุณชาย”

ไอ้นี่สู่รู้มากไปแล้วนะ ผมจิ๊ปากใส่โทรศัพท์ไปด้วยทีหนึ่ง

“กูไม่ได้จีบน้องอย่างที่มึงคิดหรอก” ยูตะทำเสียงเป่าปากมาเลยครับ ผมแสยะยิ้มแล้วเงยหน้ามองไปที่ห้องของผมกับน้องที่เปิดไฟอยู่

“แต่กูกำลังจะใช้เวลาค่ำคืนนี้กับน้องสองต่อสองบนเตียงของกูกับน้อง มึงอยากรู้อะไรอีกไหมครับฟุจิชิมะซัง”

ไร้เสียงตอบรับจากปลายสายครับ มันคงช็อกไปแล้ว ผมเลยชิงตัดสายไปก่อนที่จะได้รับเสียงโหยหวนจากมันมาเป็นบทต่อทางสนทนากันครับ

เวลาค่ำคืนนี้ของผมมีค่าทางประวัติศาสตร์มากเพราะอย่างนั้นจะปล่อยให้เสียไปอย่างไร้ประโยชน์ไม่ได้ครับ

“ลงทุนพาไปดูหนังผีมาขนาดนี้ หวังจะเผด็จศึกเพื่อนผมเต็มที่เลยสินะครับนี่” มาแล้วครับมนุษย์คู่หูที่รู้ทันผม ถ้าซัทสึกิเป็นคนรู้ทันคนพอๆกับทั้งสองคนนี่ผมคงแย่ครับ แต่การที่น้องมีเพื่อนเป็นมนุษย์ชอบรู้ทันคนแบบนี้ก็ทำให้ผมผวาอยู่เหมือนกันครับ

“พูดอะไรแบบนั้น พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย”

ผมบอกแต่ส่งยิ้มกริ่มไปให้ทั้งสองคนครับ ไม่จำเป็นต้องปกปิดครับว่าผมคิดอะไรอยู่เพราะยังไงสองคนนั่นก็รู้ทันผมอยู่แล้วนี่นา เคนอิจิส่ายหัวช้าๆครับ

“พวกผมไม่น่าเล่าให้รุ่นพี่ฟังเลย” สายไปแล้วครับเคนอิจิ

“ยังไงก็เพลาๆมือบ้างแล้วกันนะครับ”

ผมฉีกยิ้มให้กับคำพูดของไดสุเกะคุงก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไปหาน้อง

เข้ามาในห้องแล้วผมก็เกิดอาการใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก น้องนอนคว่ำ อยู่บนเตียงครับ ไม่รู้หลับไปแล้วหรือยัง แต่ผมที่ไม่ยอมให้เขาหลับก่อนที่เราจะ สร้างความทรงจำแนบแน่นคืนนี้ไปได้เด็ดขาดครับ เลยจำต้องเดินไปตีก้นน้องปลุกให้ตื่นขึ้นมา

“อาบน้ำก่อนนอนด้วย ฉันไม่ชอบนอนเตียงเดียวกับคนซกมก” น้องเด้ง ตัวลุกขึ้นมาเลยทันทีครับพอผมตีก้นเขา สัมผัสฉิวเฉียดแค่ชั่ววินาทีก็ไม่อยากจะบอกว่าก้นน้องเด้งมากครับ ช่างเป็นผู้ชายที่ก้นนิ่มเด้งสวยเกินเพศจริงๆ

“ขี้เกียจ” น้องบอกแล้วก็เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขากับไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่ นอนกอดกลมดิกอยู่ใต้ผ้าห่มเลยครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะโยเยไม่ยอมไปอาบน้ำ แบบนี้ก็เข้าทางผมล่ะครับ

“ขี้เกียจหรือกลัว ดูหนังผีมาเลยกลัวไม่กล้าไปอาบน้ำล่ะสิ”

ผมคลี่ยิ้มมองดูก้อนผ้าห่มที่ดุ๊กดิ๊กอยู่บนเตียง น้องสอดมือออกมานอกผ้าห่มแล้วชูนิ้วกลางให้ผม ห้าวแบบนี้มันน่าจับมาสั่งสอนจริงๆเลยครับ

“ไม่ได้กลัว!” น้องเถียงผมกลับมาแล้วยื้อผ้าห่มที่ผมดึงออกอีกต่างหาก

“งั้นไปอาบน้ำด้วยกัน” คุณก็คงรู้ว่าน้องจะทำหน้าแบบไหนตอนผมพูดประโยคนี้ออกไป เขาทำหน้าตกใจได้น่ารักมากๆแถมยังส่งเสียงดังออกมาอีกก่อน จะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากเพราะเผลอทำเสียงดังออกมา

“ทำไมฉันต้องอาบกับนาย!!”

“ก็นายกลัวผี ฉันก็อุตส่าห์ใจดีอาบเป็นเพื่อนนายไง” จุดนี้พูดยากมากครับเพราะต้องตีสีหน้านิ่งกลบเกลื่อนความเขินที่จะได้อาบน้ำกับน้องไปด้วย

“ไม่จำเป็น”

มาปฏิเสธความหวังดี(?) ของพี่แบบนี้ได้ยังไงกันครับอิชิฮาระคุง

น้องปฏิเสธเสียงสูงใส่ผมเสร็จแล้วก็ทำแก้มป่องใส่ด้วยครับ ผมเลยเอื้อม ไปดึงแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว ซัทสึกิแลบลิ้นใส่ผมได้น่าจับตีก้นมากครับ

“หรือนายไม่กล้า? กลัวฉันจะล้อหรือไงว่าน้องชายของนายมันกระจุ๊ง กระจิ๊ง”

บอกแล้วครับว่าน้องเป็นพวกฆ่าได้แต่หยาม(ความแมน)ไม่ได้ พอผมพูดแบบนี้น้องก็กระโดดลุกขึ้นยืนบนเตียงให้ผมเอ็นดูกับความสูงของเขาที่แม้จะยืนอยู่บนเตียงหัวก็ไม่ชนเพดานต่ำๆของหอพักนี่ด้วย

“อย่ามาดูถูกกันแบบนี้นะเว้ย!”

ผมถอยห่างจากเตียงและระยะขาสั้นๆของน้องครับเพราะดูแล้วมีโอกาสเสี่ยงมากที่จะโดนน้องเตะเสยขามาครับ

“หรือกลัวจะใจเต้นกับหุ่นฉันเลยไม่กล้าอาบด้วยกัน?”

พอผมอยู่นอกระยะการทำร้ายกันน้องเลยต้องกระโดดจากเตียงลงมายืนกับพื้น คนชอบทำตัวห้าวปราดเข้ามาประชิดผมแล้วกระชากคอเสื้อผมเข้าไป หาเรื่องด้วยความแมนขั้นสุดของเขาครับ

“ทำไมฉันต้องใจเต้นกับนาย ฉันแมนนะเว้ย! ไม่ได้เป็นเกย์แล้วก็ไม่ได้เป็นไบเหมือนนายด้วย! นมโคแท้จากเต้าเท่านั้นเว้ยที่ทำฉันใจเต้นได้!”

โอเค ยืนยันเสียงหนักแน่นแบบนี้ พี่จะเชื่อน้องก็ได้ครับ

“แมนแล้วทำไมกลัวเกย์ล่ะ? แบบนี้ไม่แมนจริงนี่หว่า” ผมเชื่อจริงๆนะครับว่าน้องแมน แต่เชื่อแค่ 0.01% เท่านั้นครับ

“อาบก็อาบดิ ไม่กลัวอยู่แล้ว”

เยส! รู้สึกได้ถึงชัยชนะขั้นแรกมากเลยครับ ผมยังคงกลั้นยิ้มขณะที่มองน้องทำตัวกร่างๆใส่ผม คนดีเขาเดินทำท่านักเลงนำผมเข้าห้องน้ำไปครับ แถมยังหันมาถอดเสื้อแจ็คเก็ตเหวี่ยงใส่หน้าผมอีกต่างหาก

“แน่จริงก็ถอดดิ! แล้วจะได้รู้ว่าใคร...ใหญ่กว่ากัน!”

น้องมองหน้าผมอย่างหาเรื่องแล้วกดสายตาลงมองต่ำมาตรงส่วนที่คุณก็น่าจะรู้ว่าตรงไหน เห็นแล้วผมก็กระหยิ่มในใจครับ

เดี๋ยวก็รู้กัน...อิชิฮาระ ซัทสึกิ (ยิ้มเจ้าเล่ห์อีกหน)

น้องหันหลังให้ผมแล้วจัดการถอดเสื้อกล้ามสีดำที่ใส่สวมไว้กับกางเกง ออกครับ เขายังไม่ยอมถอดบ็อกเซอร์ที่สวมอยู่แต่หันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ผม

“ทำไมไม่ถอดวะ!” พูดไม่สุภาพกับ(ว่าที่)แฟนอีกแล้วนะซัทสึกิจัง น่าจับมาสอนใหม่ตั้งแต่การกระดกลิ้นกันเลยจริงๆ

ผมยักไหล่แล้วดึงเสื้อที่สวมอยู่ออกจากทางหัว ใจมันเต้นรัวมากครับ ที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าน้องที่กำลังกอดอกแล้วกระดิกเท้าจ้องมองมาแบบนี้

บ็อกเซอร์ของน้องน่ารักสมความแมนของเขาดีครับ น้องใส่บ็อกเซอร์สีขาวขอบชมพู พอเห็นผมมอง เขาก็แยกเขี้ยวใส่ผมแล้วชี้นิ้วใส่ผมแบบห้าวๆ

“มาเลย ถอดพร้อมกัน!”

นิ่งสนิทครับ น้องนิ่งสนิทไปเลยหลังจากเราถอดกางเกงกัน แถมยังหน้าซีดแล้วจิ๊ปากใส่ผมอีกด้วย ไม่ต้องบอกก็คงรู้ใช่ไหมครับว่าใคร....ชนะ ^^

น้องมองมาที่ชัยชนะของผมแล้วก็เงยหน้ามามองผมก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่เดิมก่อนจะเชิดหน้าใส่ผม

“ไง รู้ยัง...ว่าใครใหญ่” ผมถามพลางก้าวเดินไปประชิดน้องก่อนที่น้องจะเดินหนีครับ พอเข้าไปใกล้เขาแล้วผมก็รุนให้น้องเดินเข้าไปในห้องน้ำ มาอยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้ต้องบอกอย่างเดียวครับว่าน้องตัวนุ่มแล้วก็หอมมาก ไม่มีกลิ่นเหงื่อหรือ กลิ่นกายแบบผู้ชายเลยสักนิด

“ชิสส์!” น้องจิ๊ปากใส่ผมอีกรอบแล้วก็ย่นจมูกใส่ผมด้วยครับ ผมยกมือขึ้นบีบปลายจมูกของเขาพลางเบียดตัวเข้าไปใกล้อีกนิด หาเศษหาเลยกับคนที่รักนี่มันมีความสุขมากเลยครับ

“จะมาเบียดทำไมเนี้ย!” น้องตะโกนใส่หูผมแล้วเอาศอกถ่องท้องผม แต่ แรงน้อยนิดของเขาถูกผมดึงเข้ามาหา ผมกอดเขาไว้แล้วก็โน้มหน้าไปใกล้หูเขา

“ตัวขาวจังซัทสึกิ ไหนขอดูให้เต็มตาหน่อยได้ไหม เมื่อกี้ยังเห็นไม่ชัดเลยนายก็เอามือปิดซะงั้น”

น้องดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของผมแล้วเอามือปิดส่วนน่ารักของเขาไว้ แน่นเลยครับ ผมดึงมือเขาออกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมปล่อย

“อยากดูก็ไปดูของตัวเองซิวะ!” น้องโวยวายใหญ่เลยครับแล้วดิ้นไม่หยุด ผมรวบข้อมือเขายึดเอาไว้ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสเขา

“เฮ้ย! อย่าจับนะ!”

“ทำไม?...กลัวจะตื่นเพราะมือเกย์อย่างงั้นหรอ?”

น้องหยุดดิ้นแล้วครับแต่หันมามองด้วยสายตาที่เขาคงว่ามันดุ แต่สำหรับผมแล้วมันดูอ้อนให้รักมากเลยครับ

“อย่ามามองอ้อนกันแบบนี้สิ ถ้าฉันอดใจไม่ไหว นายลำบากแน่”

น้องสบถพึมพำในลำคอจนจับใจความไม่ได้เลยครับ แต่เดาง่ายๆว่าเขาคงด่าผมอยู่ ผมฟัดแก้มเขาแรงๆทีหนึ่งด้วยปากของตัวเองก่อนจะขยับมือที่จับน้องชายของเขาเอาไว้

อย่างที่รู้ครับ น้องตื่นง่ายมากกับสัมผัสของผม ซัทสึกิเขาจะรู้หรือเปล่านะว่าเขากำลังระทวยเพราะสัมผัสที่ผมมอบให้จนต้องทิ้งน้ำหนักลงมาอิงอยู่กับอก ของผมอย่างนี้

“ขยายได้ใหญ่เหมือนกันแหะ” แหย่น้องแล้วผมก็มีความสุขมากครับ น้องก้มหน้าลง ก็คงมองดูสิ่งที่ผมพูดถึงอยู่น่ะแหละครับ ผมรู้สึกเจ็บแปลบตรงหลังมือ น้องกำลังหยิกมือผมอยู่ครับ

“ปล่อยนะ!”

“นายนี่..ความรู้สึกไวดีนะ” ผมบอกข้างหูเขาแล้วไซ้คอเขาเบาๆ คอน้อง ขาวจนผมอยากเปลี่ยนให้มันเป็นสีแดงมากครับ ผมจุ๊บเบาๆแล้วย้ำริมฝีปากลงหนักๆกับฐานคอเขา น้องเอียงคอไปมาเหมือนจั๊กจี๋ก่อนจะร้องครางเสียงเบา

“อะ...อา..”

“เคลิ้มแล้วหรอซัทสึกิ?”

ผมแหย่เขาอีกรอบครับ น้องเหมือนจะได้สติขึ้นมาตอนผมเบียดส่วนหน้าของตัวเองเข้าประกบบั้นท้ายกลมๆของเขา

“หยุดนะ!”

น้องร้องเสียงดังแล้วดิ้นอีกรอบ เขาพยายามบิดตัวหันมาเผชิญหน้ากับผมแล้วขึงตาใส่ผมที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่

“ไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ แล้วนายจะติดใจ”

“ถ้านายทำอะไรมากกว่านี้ ฉันจะต่อยหน้านาย!” น้องตวาดเสียงดังกว่าเดิมครับ แต่คิดหรอว่าผมจะกลัวแค่ถูกต่อยหน้าผมจับมือเขามาสัมผัสกับส่วนกลางของผมที่พร้อมรบ แค่นี้น้องก็แดงไปทั้งหน้าแล้วครับ

“ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่าให้หยุดตอนนี้”

ผมบอกน้องก่อนจะรั้งน้องเข้ามาในอ้อมแขนของผม มือของผมลูบไปทั่วหลังเนียนของน้องเหมือนกับปลอบประโลมร่างกายของเขาไม่ให้หวาดกลัวกับสิ่งที่เกิด แต่มันคงไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ครับ น้องตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนของผม แถมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ด้วยอีก ถ้าผมใจอ่อนล่ะเสร็จแน่ๆ

ใจแข็งไว้โว้ยริวซากิ เร็น! ถ้าอยากได้น้องเป็นของตัวเอง!!

ผมจูบเบาๆที่ข้างแก้มของเขา ผมเลื่อนมือลงต่ำไปสัมผัสสะโพกงอนๆก่อนจะกดปลายนิ้วคลึงอยู่กับจุดสำคัญที่น้องจะต้องใช้งานเป็นครั้งแรกคืนนี้แล้วสอดปลายนิ้วเข้าไปด้านในอย่างเบามือ

ช่องทางของน้องแคบมาก ผมสัมผัสมันเป็นครั้งแรกก็พบกับความอบอุ่นและอ่อนนุ่มด้านใน แต่น้องคงเจ็บไม่น้อย เขาทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้แล้วพูดเสียงเครือกับอกของผม

“เจ็บ..เอาออกไปนะ...” ฟังเสียงน้องแล้วผมก็ใจสั่น จะถอนสองนิ้วที่สอดอยู่ในร่างกายของน้องออกมาก็รู้สึกจะช้าไปแล้วครับ ปากทางของน้องรัดข้อนิ้วผมแน่นผิดกับคำสั่งของเจ้าตัวสิ้นเชิง

“ไม่ได้หรอก..” ผมบอกเขาแล้วพรมจูบกลางกระหม่อมของคนที่เริ่มดิ้น อีกครั้งและพยายามผลักอกผมออก

“ก้นนายรัดนิ้วฉันอยู่..” ผมต้องบอกเหตุผลด้วยครับไม่งั้นน้องจะหาว่า ผมรังแกทั้งๆที่เขาไม่สมยอม จิตใจเขาอาจจะไม่สมยอมครับ แต่ร่างกายของเขาสมยอมผมแน่ๆ พอน้องได้ยินก็นิ่งลงครับ ไม่ได้ดิ้นอีกแล้วแต่เงยมาทำหน้างอใส่ผมที่พอเห็นแล้วก็รู้สึกอยากทำให้น้องเป็นของตัวเองเร็วๆมากเลยครับ

ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยในขณะที่ขยับมือปรนเปรอความสุขให้น้องจนเขา งอตัวลงแล้วครางเสียงสั่นดังก้องไปทั่วห้องน้ำ

“อ๊ะ..อะ” น้องไร้แรงต้านทานผมโดยสมบูรณ์แบบที่สุดครับ มือเขาจากตอนแรกที่ยันอยู่กับอกของผม ตอนนี้เปลี่ยนมาจับบ่าผมไว้แน่น

ผมสอดนิ้วเล่นกับช่องทางเล็กจนมันขยายกว้างมากพอที่จะรับผมเข้าไปในกายของเขาจนไม่เจ็บได้แล้ว ผมก็ดึงเอานิ้วออกและหมุนตัวน้องกลับไป พอ แยกเรียวขาขาวออกกว้าง ผมก็สอดตัวเข้าไปด้านในเชื่องช้าเท่าที่ความอดทน ของผมจะมีพอ

“เจ็บนะโว้ย!” น้องร้องลั่นเลยครับ ช่องทางของเขากระตุกเกร็งขึ้นมาจน ผมเข้าไปต่อไม่ได้ ผมช้อนตัวน้องขึ้นแล้วพรมจูบไปตามไหล่เนียนจนถึงแก้มใส

“ก็อย่าเกร็งสิ” ผมบอกเขาก่อนจะใช้มือรูดน้องชายของเขาช้าๆ เบน ความสนใจของเขาไปจากส่วนที่เจ็บและคืบเข้าไปทีละนิดๆ แต่ยิ่งสอดกายเข้าไปลึกขึ้น น้องก็ยิ่งเกร็งตัวบีบรัดผมไว้จนไม่อาจทน

“อะ..อ๊ะ..อ๊า!” น้องครางเสียงดังมากครับ ผมเลยสอดนิ้วเข้าไปในปากของเขา พอมีของให้เขาระบายอารมณ์น้องก็ขบฟันลงกับปลายนิ้วของผมจนเจ็บ แต่ก็คงไม่เท่ากับความเจ็บของเขาที่เกิดขึ้นเพราะความต้องการของผม เพราะ อย่างนั้นต่อให้น้องกัดนิ้วผมจนขาดผมก็ทนได้ครับ

“อะ..อ๊า!!”

เสียงน้องครางดังก่อนจะกลายเป็นเสียงหอบหายใจแทนครับ น้ำสีนมพุ่งจากท่อนเนื้อสวยของเขาไปยังฝาผนังก่อนจะอ่อนตัวลงในมือของผม

ผมส่งน้องไปถึงสวรรค์แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะร่างกาย ของน้องบีบรัดตัวผมรุนแรง ผลมันก็มาจากการไปถึงสวรรค์ของน้องนั่นแหละครับ เล่นเอาผมทนฝืนตัวเองให้ขยับสะโพกเข้าหาเขา

“ยะ..อย่าปล่อยข้างในนะเว้ย!!”

น้องสบถเสียงดังลั่นเลยครับ แต่ช้าไปแล้ว ผมปล่อยความรักของผมเข้าไปในตัวของเขาตอนน้องสบถพอดี

พอผมถอนกายออกมา น้องก็หันมามองหน้าผมแบบทั้งโกรธทั้งหน้าเสียแถมยังดูไม่มีแรงจนผมต้องประคองเอวเขาไว้แล้วพามาที่เตียง

แล้วก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่า....เกิดอะไรขึ้นที่เตียงต่อจากนั้น…

 -TBC-

อรั้ยยะ ไม่ได้เข้ามาดูเรื่องนี้เสียนาน นึกว่าไม่มีใครอ่าน แต่พอเข้ามาแล้ว แอร๊ มีคนอ่านนี่นา TT^TT เค้าขอโทษษษษ :hao5:
 :mew1:ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ใช้เล่ห์เพทุบายต่างๆในที่สุดก็.... :pighaun:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew1:

ความพยายามเป็นเลิศจริงๆ

สามารถทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่รัก


love2you

  • บุคคลทั่วไป
หึหึหึ...

เร็นโคตรเจ้าเล่ห์อ่ะ ทำเป็นไม่สนใจเอย ไม่ได้รู้สึกอะไรเอย ทั้งที่ความจริงก็นะ อยากได้น้องใจจะขาด ดังนั้นตอนนี้ได้แล้วก็ต้องดูแลน้องดีๆ ล่ะ ^^

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
คุณพี่เร็น อ่านพาร์ทของน้อง ว่าแกเลวแล้วนะ ขืนใจน้อง(แม้น้องจะสมยอมในภายหลัง)
อ่านพาร์ทแกแล้ว แกดูระยำมากอ่ะ "อย่าใจอ่อนเด็ดขาด ใจแข็งไว้ถ้าอยากได้น้องเป็นของตัวเอง"
คือแก รอไม่ได้เลย จีบก็ยังไม่ได้จีบ พี่ท่านก้าวขั้นเลยจ้าาาาาาาา  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แต่ก็เชียร์พี่แกอยู่ดี รออ่านเสมอนะคนเขียน  :mew1:

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
อ๊ากกก เรื่องนี้ชอบมากค่า รออ่านเสมอนะคะ

ออฟไลน์ ruby

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 477
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-3
 เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากๆค่ะ มาต่ออีกนะค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
เดี๋ยวจะกลับมาอ่านค่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
มาต่อด่วนเลยยยย  :katai4: :katai4: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ akira334

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มาต่อไวนะคะ  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ hobazaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กรีซซซซซซซซซซ รออ่านบันทึกของพี่เร็นอยู่นะคะนะ  :o8:

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
มาต่อเร็วๆนะ จะขาดใจ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
อยากอ่านพาร์ทเร็น แต่ถึงตอนมาโดโกะแล้วอ่ะ อยากรู้ว่าจะจัดการยังงายยยยย

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Ren’s Diary : Chapter4

 ตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ!

แต่ดูจากท่าทางแล้ว..น้องคงไม่มีความสุขเหมือนกับผมสักเท่าไ

อิ่มเอมสุขใจสุดๆที่น้องตกเป็นของผมแล้วอย่างสมบูรณ์เรียบร้อย ไม่อยากบอกย้ำๆว่าหลายครั้งด้วย!

ซัทสึกิที่กลายเป็นของผมอย่างสมบูรณ์นี้ทำให้ผมนึกรักและหวงแหนเขาเสียยิ่งกว่าที่แล้วๆมา ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน แล้วที่มาเกิดขึ้น นี้คงจะเรียกได้ว่าเป็นผลพวงของความรักที่ผมมีให้เขาสินะหร่ ถึงแม้ว่าพอท้ายที่สุดแล้วเขาจะยอมให้ผมกอดเขาไม่ว่าจะด้วยอารมณ์เผลอไผล หรืออะไรก็ตาม แต่ตอนนี้น้องนอนนิ่งมากครับ แววตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง และไม่สนใจการมีตัวตนของผมที่กำลังกอดเขาอยู่อย่างสิ้นเชิง

ในเมื่อน้องไม่สนใจ ผมก็ต้องทำให้เขาสนใจในตัวผมครับ

“กำลังคิดจะเรียกร้องค่าเสียหายใช่ไหม?”

พูดไปแล้วก็อยากตบปากตัวเองครับ ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้นออกไปได้นะ น้องไม่ยอมตอบครับแต่หันหน้าหนี ผมพรูลมหายใจช้าๆ พยายามบอกตัวเองให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราในมุมที่น้องกำลังมองอยู่

ผมเพิ่งเข้ามาในชีวิตของน้องไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงดี ในมุมที่น้องเห็นผมตอนนี้..ผมก็เพิ่งจะเป็นคนที่เข้ามาใหม่ในชีวิตของเขา การที่เราเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ แถมผมยังกึ่งๆบังคับเขาด้วย มันก็ต้องลงเอยด้วยความสับสนและไม่พอใจอยู่แล้ว

แต่ก็ไม่อยากบอกว่าผมรู้สึกอึดอัดใจครับ..ถึงแม้จะรู้สึกมีความสุขที่ทำให้น้องกลายเป็นของผมแบบนี้ได้ในที่สุด

ผมตัดสินใจถอนกายออกมาจากตัวเขา แม้ผมจะค่อยๆดึงตัวเองออกมาช้าๆ แต่น้องก็ดูจะเกร็งพอสมควร ปากเล็กๆของเขาร้องออกมาทันทีที่ผมดึงตัวเองออกมา

“อ๊ะ!!”

“เจ็บมากไหม?”

ผมสบถด่าตัวเองในใจแล้วถามเขากลับไปทันที พลางมองสำรวจร่างกายของน้อง ก้นขาวๆของน้องมันเป็นรอยแดงจากมือของผม..คราบความรักที่ผมปลดปล่อยไว้มันเปื้อนและไหลซึมมาจากซอกสะโพกของเขา..

แต่สิ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างตกใจก็คือของเหลวสีขาวนั้นมีเลือดปนซึมออกมาด้วย ร่างกายของน้องเจ็บเพราะผมถึงขั้นเลือดออก ผมอยากจะต่อยหน้าตัวเองแรงๆที่ทำให้น้องต้องเลือดออกแบบนี้

“เลือดออกด้วยล่ะ” ผมร้องออกไปด้วยความตกใจ น้องเลยพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ผมผลักไหล่เขาเบาๆให้น้องกลับลงไปนอนคว่ำหน้าตามเดิม ในหัว ของผมพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้น้องหายเจ็บพลางหยิบเอาเสื้อผ้าขึ้นมาแต่งตัวและเดินออกจากห้องมา

“ไง..”

เปิดห้องออกมาก็ต้องชะงักครับ เพราะเจอตัวละครที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ ออกันอยู่หน้าห้อง มากันหมดหอพักกันเลยล่ะมั้งนี่ แต่ละคนส่งยิ้มแหะๆมาให้ผมก่อนจะถอยฉากเข้าห้องตัวเองกันไป เหลือเพียงแต่จิฮารุที่ยืนส่งยิ้มให้ผมพร้อมกับกล้องถ่ายโพราลอยด์ในมือ

“ไว้จะเก็บใส่อัลบั้มให้นะ” จิฮารุบอกก่อนยักไหล่เมื่อเห็นผมมองไปยัง กล้องในมือของเธอ ผมไม่ได้พูดว่าอะไรเธอเพราะรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร

“แล้วนี่จะไปไหนหรอ?” จิฮารุเปลี่ยนเรื่องมาถามผมหลังจากที่เธอเก็บกล้องลงไปในกระเป๋าแล้ว ผมมองหน้าเธอแล้วชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปรึกษา

“ฉันทำน้องเลือดออกน่ะ..ทำไงดี?” ผมไม่เคยทำใครเลือดออกแบบนี้มาก่อนครับ แต่อย่างว่า...แต่ละคนที่ผมเจอมาส่วนใหญ่จะผ่านกับเรื่องอย่างนี้และคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนรับแรงผมได้อย่างสบายๆ แต่กับซัทสึกิ..เขาไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน มันก็เลยเป็นอะไรที่ทำให้เขาระบมได้ง่ายๆเช่นนี้

“อืม เลือดออกก็คงต้องเอาน้ำแข็งประคบล่ะมั้ง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“งั้นหรอ..ขอบคุณนะ”

“ยังไงทีหลังก็เพลาๆแรงหน่อยก็แล้วกัน”

จิฮารุหลิ่วตาล้อเลียนผมก่อนที่ผมจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อหาน้ำแข็งไปประคบให้น้อง ตู้เย็นที่เราเพิ่งซื้อมามีแต่น้ำแร่ที่ผมยัดใส่ไปครับ ผมเลยต้องลงไปหาของข้างล่าง จิฮารุเองก็เดินตามผมลงมาข้างล่างด้วยเช่นกัน

“ลงมาหาน้ำแข็งไปประคบตูดน้องฉันหรือไงกัน?”

มาอีกหนึ่งหน่อที่ไม่ได้รวมกลุ่มอยู่ในก๊วนที่ไปแอบส่องอยู่หน้าประตูห้องของผมกับน้องครับ ทากาโมโต้ มิซึรุกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงโต๊ะเล็กหน้าทีวีภายในห้องนั่งเล่นที่ผมเดินผ่านไปยังห้องครัว

ผมชะงักเท้าเล็กน้อยแล้วหันไปหา มิซึรุนั่งอยู่กับกองกระดาษที่ดูเหมือนจะเป็นเอกสารอะไรสักอย่าง รอบกายของเขามีแต่ของวางกองพะเนินเต็มไปหมด พอเห็นผมมองไปมิซึรุก็ยักไหล่แล้วเฉลยให้ผมฟังขณะที่จิฮารุเดินเข้าไปนั่งลงตรงด้านข้างของเขา

“บทละครน่ะ จิฮารุเพิ่งจะเอามาให้เมื่อค่ำ”

ผมพยักหน้าแทนการรับรู้ ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าจิฮารุเป็นคนเขียนบทละครส่งให้กับชมรมของมิซึรุ อันที่จริงผมมีคอนแทร็คกับเธอเล็กน้อยด้วยแต่ผมยังไม่เล่าให้พวกคุณฟังตอนนี้หรอก เพราะเวลาอันมีค่าของผมในค่ำคืนนี้มันสมควรจะกลับไปดูแลน้องครับ ปล่อยน้องไว้แบบนั้น เดี๋ยวน้องจะหาว่าผมได้เขาแล้วไม่ ยอมดูแลครับ

ผมเดินเลี่ยงจากมิซึรุเข้าไปในครัวครับ พอเปิดหาน้ำแข็งแล้วผมก็ต้องพบกับความโล่งของตู้เย็น ในช่องแช่แข็งไม่มีอะไรเลยนอกจากคูลแพ็คนอนแข็งอยู่ภายในนั้น ผมเลยจำใจต้องหยิบเอาคูลแพ็คแสนเย็นนั้นเดินกลับขึ้นมาบนห้อง

ผมเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งและวางคูลแพ็คไว้ตรงโต๊ะก่อนจะเข้าห้องน้ำไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมา น้องนอนคว่ำอยู่บนเตียงและไม่หันกลับมามองผมเลยครับ

ความด้วยว่าจิตใจว้าวุ่นที่ทำน้องเจ็บจนได้เลือด พอผมเช็ดคราบที่เปื้อนอยู่กับก้นและซอกขาของน้องเสร็จ ผมก็ดันเอาคูลแพ็ควางประคบให้น้องเลย เท่านั้นแหละครับ น้องก็สะดุ้งขึ้นมานั่งแล้วซี๊ดปากเสียงดังก่อนจะสบถด่าผมออกมา

“ห่า!! เอาอะไรมายัดตูดกูวะ!!”

ผมนิ่งไปเพราะไม่คิดว่าเขาจะด่าออกมาอย่างนี้ ผมสูดลมหายใจลึกๆ บอกตัวเองให้เข้าใจความโกรธของเขา

“น้ำแข็งไม่มี มีแต่ไอ้นี่เลยเอามาประคบ เลือดจะได้หยุดออกไง”

“เอาผ้าขนหนูห่อก่อนซิวะ เย็นตูดจะตายห่าประคบมาได้ไงวะแบบนั้น”

“พูดไม่เพราะเลยซัทสึกิ”ผมเตือนเขาเมื่อรู้สึกไม่ชอบใจกิริยาที่น้องทำใส่ผมในตอนนี้ ถึงตัวผมจะพูดมึงมาพาโวยกับเพื่อนแต่ก็ไม่เคยคิดจะใช้มันกับเขา

ผมอยากให้เราสองคนพูดกันด้วยภาษาที่เพราะๆมากกว่าภาษาหยาบคายครับบอกตามตรง และหน้าของน้องก็ไม่เหมาะกับคำหยาบเลยสักนิด

แต่พอผมพูดออกไปแบบนั้น น้องก็ขมวดคิ้วฉับแล้วทำปากงอเหมือนเด็กโดนขัดใจ ถึงจุดนี้แล้วผมก็ต้องส่ายหน้าช้าๆ..ไม่ได้นึกหน่ายหรือเบื่ออะไรนะครับ แต่ผมส่ายหน้าให้กับตัวเองที่เห็นเขาทำท่าแบบนั้นแล้วผมก็เกิดอาการใจอ่อนขึ้นมาติดหมัด น้องยังคงทำหน้าเหมือนเด็กดื้อโดนขัดใจก่อนทิ้งตัวลงนอนคว่ำแล้วชี้ไปที่ก้นของเขา

“เอาผ้าขนหนูห่อแล้วรบกวนประคบให้ต่อด้วยนะพ่ะย่ะค่ะคุณชาย”

ผมแอบยิ้มขำกับคำพูดที่เขาใช้ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักหัวเขาเบาๆ แล้วก็แทบจะปรับสีหน้าไม่ทันเมื่อน้องหันมามองค้อนผมก่อนจะคว้าการ์ตูนที่เขาวางไว้ตรงหัวเตียงมาอ่าน

ทางเลือกที่ผมมี คือไปหยิบเอาผ้าขนหนูอันใหม่มาห่อคูลแพ็คและมาประคบให้น้องใหม่อีกครั้ง เห็นรอยช้ำแดงแล้วผมก็อยากเตะตัวเองซ้ำอีกรอบ

น้องจะเจ็บมากแค่ไหนนะตอนที่เรามีอะไรกัน เห็นแล้วก็รู้สึกผิดมากครับ จนอยากหาอะไรมาไถ่โทษให้น้อง แต่ตอนนี้สมองผมมันว่างเปล่าไปหมด ไม่รู้จะเอาใจเขายังไงดีเลยต้องเอ่ยถามเขาออกไป

“อยากกินอะไรหรือเปล่า? เดี๋ยวตอนเช้าพาไปกิน”

ผมโน้มหน้าไปลูบหัว เขาเบาๆแล้วถามเสียงอ่อน น้องละสายตาจากการ์ตูนมามองหน้าผมแล้วหันกลับไปเอาคางเกยหมอน สายตาเพ่งดูการ์ตูนในมือ ที่เขากางอยู่ ไม่สนใจหน้าหล่อๆของผมเลยแม้แต่นิด

“งั้นอยากได้อะไรไหม? กระเป๋า นาฬิกา มือถือ หรือเสื้อผ้าจะได้พาไปซื้อ”

ถ้าไม่อยากได้ของกินก็ต้องเป็นอย่างอื่นสินะ ผมพยายามคิดหัวแทบแตกว่าจะหาอะไรมาทำให้น้องอารมณ์ดีขึ้นดีพอผมถามออกไปอย่างนั้นน้องก็พูดเสียงเบาๆมาให้ผมต้องเอียงหูเข้าไปหาเพื่อจะได้ยิน

“อยากได้อย่างหนึ่ง” ผมคลี่ยิ้มแล้วก้มลงไปจูบเบาๆที่ข้างขมับของเขา

“อยากได้อะไร ฉันจะหามาให้นาย”

“ไสหัวนายออกไปจากชีวิตฉันได้ไหม ฉันเกลียดนาย!!”

ผมตะลึงกับคำพูดของน้องไม่น้อย เขาสะบัดเสียงใส่ผมห้วนๆก่อนจะตะแคงหนีแล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง แถมยังถีบคูลแพ็คที่ผมห่อประคบเอาไว้ให้ตกเตียงลงไปอีก

ผมพูดอะไรไม่ออกแล้ว จิตใจมันห่อเหี่ยวและมืดมนสุดๆ กายหยาบของผมมันลุกเดินขึ้นจากเตียง

ส่วนหนึ่งในใจบอกให้รู้ว่าผมกำลังถูกน้องรังเกียจ ทิฐิ และศักดิ์ศรีที่ตลอดมามีแต่คนไล่ตามโดยที่ไม่ต้องไปไล่ตามใครก็มีตัวเลือกมากมายมากองให้กับผมบอกให้ผมยอมแพ้และเดินกลับออกไปบอกไอ้ยูกับไอ้จุนว่าผมแพ้แล้ว ผมได้แค่ตัวแต่ไม่ได้ใจของซัทสึกิ

แต่ส่วนที่เหลือในใจ(ซึ่งมันใหญ่กว่า)...บอกให้ผมเดินกลับเข้าไปหาซัทสึกิอีกครั้ง

ผมยืนมองเขาที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง...

ผมรักเขา..รักอิชิฮาระ ซัทสึกิตั้งแต่แรกเห็น

และไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม...ผมสาบานแล้วว่าเราต้องรักกัน..

เราจะต้องรักกัน ไม่ใช่ผมรักเขาแค่ฝ่ายเดียวอย่างที่แล้วๆมา

“ฉันออกไปจากชีวิตนายไม่ได้หรอกซัทสึกิ กว่าฉันจะได้มีโอกาสกอดนายแบบนี้มันลำบากมากนะรู้ไหม..”

ผมเอ่ยบอกเสียงเบาหลังจากก้าวขึ้นไปบนเตียงและรวบเขากอด น้องหยุดดิ้นขลุกขลักทันทีที่ผมพูดออกไป ผมเลยสบโอกาสที่จะดึงผ้าห่มที่เขาคลุมหัว ไว้ลงมา พอได้เห็นปากแดงๆนั้นกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ผมก็เลยก้มหน้าลงไปเบียดริมฝีปากปิดปากเขาเอาไว้ เพราะกลัวว่าเขาจะเอ่ยออกมาว่าเกลียดผม

เราจูบกันอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งก่อนที่ผมจะยอมปล่อยให้ริมฝีปากของเขาเป็นอิสระ น้องหอบหายใจเบาๆ เขามองผมด้วยแววตาสับสน ผมเลยจูบทับเปลือกตาของเขาไปก่อนจะพูดเว้าวอนเมื่อรั้งเขาให้เข้ามานอนซุกในอ้อมแขนของผม

“อย่าพูดว่าเกลียดฉันเลยนะซัทสึกิ...”

อย่าเกลียดพี่เร็นคนนี้เลยนะคนดี...

                เมื่อคืนผมนอนไม่หลับครับ..

คำพูดที่น้องบอกว่าเกลียดผมมันยังคงก้องอยู่ในหูจนน่ารำคาญตัวเอง แต่คนพูดเขาหลับไปแล้วครับ น้องขดนอนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่ข้างๆผม

ผมมองสีหน้าเขายามหลับแล้วก็รู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อยเพราะขนาดหลับไปแล้วน้องยังนอนขมวดคิ้วอยู่เลย ผมโน้มหน้าไปจูบเบาๆที่หว่างคิ้วของเขาแล้ว ไล้ลงมาถึงริมฝีปาก ผมจูบที่ปากของเขาช้าๆแนบแน่นแต่ไม่รุกเร้าก่อนที่จะผละลุกจากเตียงออกมาที่ระเบียง

ลมตอนกลางคืนนี่แรงไม่เบาครับ ผมที่ใส่เพียงแค่กางเกงอย่างเดียวก็ รู้สึกหนาวอยู่เหมือนกัน แต่กระนั้น..ผมก็หยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบและปล่อยความคิดให้มันวุ่นวายใจว่าวันพรุ่งนี้เช้าที่น้องตื่นขึ้นมา ผมควรทำอย่างไรดีที่จะทำให้น้องมีทัศนคติที่ดีกับผมดีขึ้นมากกว่าวันนี้

แต่ควันสีมัวกับสารนิโคตินที่ผมอัดเข้าปอด...มันก็ไม่ได้ช่วยหาคำตอบให้กับผมเลยครับ ผมจัดการกดบุหรี่ที่สูบไปได้ไม่ถึงครึ่งตัวลงกับตลับที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง น้องยังคงขดตัวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเป็นก้อนกลมๆบนเตียงครับ ผมก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆน้องแล้วมองดูหน้าของเขา ตอนนี้เขา ไม่ขมวดคิ้วเหมือนก่อนที่ผมจะลุกไปสูบบุหรี่แล้ว ผมมองเขาแล้วก็ต้องคลายยิ้มออกมาแม้จะยังคงเหนื่อยอยู่ในใจ

ปลายนิ้วของผมยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มของเขาเบาๆ พอทำอย่างนั้นแล้ว น้องก็ขยับแก้มไปมาตามปลายนิ้วของผมก่อนที่ศีรษะเล็กของเขาจะเลื่อนมาซุกกับอกของผมพร้อมกับสองมือที่กอดเข้ามาหา

ผมหัวเราะเสียงเบาก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับ...

แต่มันยากมากครับที่จะข่มตาให้หลับลงในเวลาที่จิตใจมันไม่สงบแบบนี้

ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปจนไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงกันแล้วมารู้อีกทีก็ตอนที่น้องขยับตัวในอ้อมแขนของผม ผมหลับตาลงเพราะยังไม่ค่อยพร้อมจะเห็นปฏิกิริยาของน้องในตอนนี้สักเท่าไหร่

กลัวว่าเขาจะพูดว่าเขาเกลียดผมอีกหนหรือมองผมอย่างเกลียดชังอะไรทำนองนั้น ผมเลยเลือกที่จะแกล้งหลับและปล่อยให้น้องขยับตัวออกจากอ้อมแขนของผม น้องกลิ้งตัวไปอีกฟากของเตียงและเหมือนจะพยายามลุกขึ้น

“โอ๊ย!” น้องอุทานเสียงเบา ผมหรี่ตาขึ้นมามองดูแล้วก็ต้องหลับลงไปอีกครั้งเมื่อน้องทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิมก่อนจะกลิ้งตัวกลับมาหาผม

“..ซากิ...ริวซากิ เร็น”

น้องเรียกผมครับแถมยังเอามือมาตีๆอกผมด้วยอีกต่างหาก ผมใจเต้น มากตอนนี้และลืมตาขึ้นมาพยายามทำสีหน้าให้ดูงัวเงียเพื่อความสมจริง

“หืม?...” ผมครางถามออกไป น้องทำหน้างอแล้วกัดปากสลับกับเม้มปากไปมาผมมองเขาอยู่พักหนึ่งก่อนที่น้องจะยอมพูดออกมา

“ปวดฉี่..” น้องพูดเสียงเบามากครับแถมยังหลบตาผมอีกด้วย ฟังแล้วผม ก็อยากจะหัวเราะออกมาจริงจังครับ ไม่รู้ว่าจะขำน้องหรือขำตัวเองที่ใจเต้นดี

“แล้ว..?” ผมถามออกไปสั้นๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ถ้าน้องปวดเข้าห้องน้ำแล้วเขาหันมาบอกผมทำไม แต่พอผมถามกลับไป น้องก็ทำหน้างอใส่แล้วทุบอกผมแรงๆเหมือนเป็นการลงโทษที่ผมไม่เข้าใจเขา

“ก็ฉันลุกไม่ขึ้นนี่!! ถ้าลุกไปเข้าห้องน้ำได้ฉันจะมาปลุกนายทำเพื่อ!!”

น้องสะบัดเสียงใส่ผมแล้วทำหน้างอนครับ คนที่ต้องรีบโอ๋น้องอย่างผม เลยต้องรีบรั้งเขาเอาไว้ก่อนที่น้องจะกลิ้งตัวผมหนีไปอีกฟากแล้วอุ้มเขาขึ้นมา

ผมลืมไปว่าน้องกำลังเจ็บก้นอยู่ เขาคงจะลุกขึ้นมานั่งไม่ได้ ถึงได้ตัดสินใจปลุกผมให้พามาเข้าห้องน้ำ น้องเหนี่ยวคอผมไว้แล้วจ้องหน้าผม พอผมหันมองหน้าเขา น้องก็สะบัดหน้าใส่ผม ดูท่าแล้ววันนี้คงต้องคอยเอาใจกันทั้งวันแล้วสิ

พอเข้ามาถึงในห้องน้ำแล้ว ผมก็ปล่อยให้เขายืนลงกับพื้น ขาของน้องสั่นพอสมควรแต่ก็ยังยืนได้ น้องนิ่วหน้าแล้วทำปากงออีกหนก่อนจะหันมาโบกมือไล่ผมที่ยืนซ้อนหลังประคองเอวเขาเอาไว้

“จะยืนดูคนอื่นเขาฉี่หรือไงกัน”

ปกติแล้วถ้าเป็นคนอื่นฉี่ ผมคงไม่หน้าด้านยืนดูหรอกครับ..แต่เผอิญคน ที่จะฉี่เป็นอิชิฮาระ ซัทสึกิ...ผมเลยจะหน้าด้านยืนดูครับ (ยิ้มกว้าง)

“ถ้าฉันออกไปข้างนอกแล้วขานายสั่นจนล้มขึ้นมาก็แย่น่ะสิ”

ผมบอกอย่างห่วงใยแต่น้องเบ้ปากใส่ความห่วงใยของผมก่อนเขาจะหันกลับไปทำธุระส่วนตัวของเขาจนกระทั่งเสร็จ น้องก็หันกลับมามองหน้าผมแล้วทำตาปริบๆใส่

“ฉันอยากอาบน้ำ”

“งั้นอาบด้วยกัน” ผมบอกก่อนจะโอบเอวน้องให้ไปยังฝักบัว ผมจับมือเขาให้มาจับไหล่ของผมเอาไว้ก่อนจะจัดการถอดกางเกงของตัวเอง ส่วนซัทสึกินั้นเขาเปลือยอยู่ตั้งแต่แรกแล้วครับ น้องพึมพำอะไรสักอย่างในลำคอแต่จับใจความไม่ได้ครับว่าเขาพูดอะไร

“บ่นอะไรหืม?” ผมหยิกแก้มเขาเบาๆ น้องเลยทำแก้มพองใส่ผมก่อนจะแลบลิ้นใส่อีกต่างหาก

“ฉันบ่นกับตัวเอง ไม่ได้อยากให้นายรู้ ถ้าอยากให้นายรู้ฉันจะบ่นเสียง ดังๆให้นายฟังเอง” เล่นลิ้นซะด้วยครับเด็กดื้อของผม ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหยิบเอาสบู่มาถูตัวให้กับเขา ผิวน้องนุ่มมือไปหมด เขาดิ้นหนีมือผมแล้ว ส่งสายตาขุ่นมาให้

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
“ฉันอาบเองได้ นายก็อาบตัวนายไปสิ”

“ก็อยากอาบให้นี่ อีกอย่าง..ฉันจะล้างข้างในให้นายด้วย..นายล้างเองได้หรอ?” น้องทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกใส่ผมครับแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวันเขาพยายามจะถอยหนีผมแต่ดูเหมือนว่าเขาจะขยับไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ พอน้องถอยไปได้สองก้าวเขาก็ทำหน้าเหยเก ดูท่าจะกระเทือนแผลสินะ

“ล้างข้างใน? ทำไมต้องล้าง?”

โอ๊ย! คำถามไร้เดียงสาอะไรเช่นนี้

ผมฟังแล้วก็อดเอ็นดูเขาไม่ได้ ไฟในห้องน้ำมันสะท้อนให้ผมเห็นว่าสองแก้มของน้องแดงปลั่งมากครับตอนนี้ ผมล้างมือแล้วหยิบเอาโฟมล้างหน้ามาถูๆมือก่อนจะป้ายไปบนแก้มเขา น้องหลับตาปี๋แล้วเม้มปากให้ผมล้างหน้าให้กับเขาแต่โดยดีระหว่างที่ผมอธิบายถึงเหตุผลให้เขาฟัง

“ก็ฉันปล่อยข้างในไป..ถ้าทิ้งไว้แบบนี้นายจะไม่สบายตัวนะ”

“แล้วฉันล้างเองไม่ได้หรือไงกัน”

“นายก็ลองล้างเองดูสิว่าได้หรือเปล่า”

น้องทำหน้ายู่ใส่ผมครับ เขาบ้าจี้ทำตามที่ผมย้อนถามด้วยการเอื้อมมือไปคลำก้นของตัวเองแล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีครับว่าน้องไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะล้างข้างในได้

“มาเถอะ..ฉันล้างให้ดีกว่า” ผมบอกเขาเสียงทุ้มก่อนรั้งให้เขามาอิงอก น้องเกาะไหล่ผมพยายามจะดันผมออกแต่ก็ผวายึดผมไว้แน่นเป็นหลักเมื่อมือของผมลูบไปตามหลังของเขาไล้ลงต่ำไปยังส่วนสะโพก ปลายนิ้วสอดลึกเข้าไป อย่างเบามือเพื่อกวาดต้อนเอาของเหลวที่คั่งค้างไว้ออกมา

“เจ็บชะมัด...เหมือนก้นจะฉีกเลย”

ผมกลั้นขำกับคำบ่นพึมพำของน้องที่ทำหน้าย่นอยู่ กว่าจะล้างข้างใน และอาบน้ำเสร็จ ผมก็โดนน้องหยิกมาหลายแผลครับ แต่ในที่สุดเราสองคนก็ตัวหอมสะอาด ผมพาน้องออกมานอกห้องน้ำและใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ซับน้ำออกจากตัวของเขาให้ก่อนจัดการหาเสื้อผ้าให้เขาใส่

“ฉันใส่เสื้อผ้าเองได้หน่า” ขายังจะยกไม่ขึ้นยังจะทำเก่งอีกครับอิชิฮาระ ซัทสึกิของผม อ้อนพี่เร็นบ้างอะไรบ้าง พี่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะครับที่รัก

“ปากเก่งจริง ไหนลองเดินกลับไปที่เตียงโดยไม่ต้องจับอะไรให้ดูหน่อยสิ”

ผมบอกแล้วใช้บิดปลายจมูกเขาเบาๆ น้องแยกเขี้ยวใส่ผมแล้วปล่อยมือจากแขนของผม พยายามก้าวเดินกลับไปเองแต่ขาของเขาก็สั่นเกินครับ เดินไปได้ไม่ถึงสามก้าวก็ทำท่าจะทรุดฮวบลงไปนั่งกองกับพื้น ผมเลยก้าวเข้าไปหาแล้วรั้งเอวเขาไว้ก่อนจะอุ้มเขาไปเอนนอนที่เตียง

“ฉันเป็นคนทำให้นายเจ็บนะ..ให้ฉันคอยดูแลนายดีกว่า”

ผมบอกเขาแล้วปัดปอยผมที่ตกละใบหน้าของเขาออก น้องขยับปากล้อเลียนตามคำพูดของผมก่อนจะทำปากยื่นน้อยๆ

“มันก็แหงอยู่แล้ว เพราะนายคนเดียวเลยทำฉันระบมขนาดนี้”

ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่น้องก็แก้มแดงมากครับจนผมอดมันเขี้ยวไม่ได้เลยต้องระบายด้วยการก้มลงไปฟัดแก้มเขาเบาๆ น้องโวยวายแล้วทุบไหล่ของผมไป ด้วยก่อนที่เขาจะกลิ้งตัวหนีไปนอนกอดไอ้ตุ๊กตากระต่ายปีศาจที่ผมเพิ่งจะเอามันขึ้นมาวางไว้บนเตียง

คนดี..ถึงไอ้ตุ๊กตานั่นมันจะไม่มีชีวิต แต่พี่เร็นคนนี้ก็หึงมันได้นะครับ

ถึงอย่างนั้นผมปล่อยให้น้องนอนกอดไอ้ตุ๊กตาตัวโตนั่นไปอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเสียงของมิซึรุเรียกให้ทุกคนไปกินอาหารเช้า น้องก็พลิกตัวหันมามองผม ตาปริบๆ

“หิว”

น้องบอกแล้วทำปากยื่นน้อยๆ ขยันทำปากยื่นให้พี่จังนะครับคนดี เดี๋ยวปั๊ดจับจูบซะเลยดีไหม

“งั้นจะไปยกขึ้นมาให้ก็แล้วกัน” ผมบอกแล้วลูบหัวเขาเบาๆ ไม่อยากบอกว่าจะเคี้ยวแล้วป้อนให้ด้วยปากก็ยินดี

แต่ระหว่างทางที่ผมจะเดินลงไปเอาอาหารเช้าให้กับน้อง สองคู่หูเพื่อนสนิทของน้องก็ยกถาดอาหารสวนขึ้นมาพอดีครับ

“ไม่ต้องลงไปหรอกครับ พวกผมยกขึ้นมาให้แล้ว”

ผมรับเอาถาดที่ไดสุเกะคุงถือขึ้นมาให้เอามาถือเองก่อนจะเอ่ยขอบคุณ พวกเขาไป แต่ถึงผมจะรับถาดมาแล้ว ทั้งสองคนก็ยังคงเดินตามผมมาครับ เชื่อได้ ว่าทั้งคู่คงอยากจะเข้ามาดูสภาพของซัทสึกิครับ

“ไง!! เมื่อคืนกี่รอบถึงได้ระบมขนาดนี้”

เป็นบุญของเคนอิจิไปครับที่น้องยกขาไม่ขึ้น ซัทสึกิทำหน้าเหยเกแล้ววางขาลงกับเตียงเหมือนเดิมก่อนจะหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม

“ไม่ต้องมองรุ่นพี่ริวซากิเขาแบบนั้นเลยซัทจัง ซัทจังอยากร้องเสียงดังเอง เมื่อคืน คนทั้งบ้านเขาเลยรู้กันหมดแล้ว”

เอ่อ..ไดสุเกะคุงนี่ก็ร้ายไม่เบาครับ ผมว่าน้องจะร้องดังไม่ดังมันไม่เกี่ยวหรอก เพราะพวกเขาเล่นขึ้นมาแอบส่องกันหน้าประตูห้องเลยนี่นา แต่เห็นกะว่าช่วยผมหรอกนะ ผมจะไม่บอกความลับนี้ให้ซัทสึกิรู้ก็ได้

“แล้วนี่ก็ข้าวต้มเดี๋ยวให้รุ่นพี่ริวซากิเขาป้อนก็แล้วกัน พวกฉันไปมหาลัยล่ะ”

ไดสุเกะคุงเขาบอกพลางลูบหัวน้องก่อนจะหันไปดึงแขนเคนอิจิที่ยืน หัวเราะอย่างอารมณ์ดีให้ออกไปนอกห้องด้วยกัน

ผมหัวเราะเบาๆกับอาการงอแงของน้องที่ทำให้เขาดูเหมือนน้องชายคนเล็กของไดสุเกะคุงกับเคนอิจิมากกว่าจะเป็นเพื่อนกัน

“หัวเราะอะไร ป้อนดิ!!”

น้องหันมาพาลใส่ผมครับเมื่อเหลือผมอยู่กับเขาตามลำพังในห้อง ผม เลยต้องยิ้มแทนการหัวเราะและตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าก่อนจะป้อนให้กับเขา

ซัทสึกิจังเวลางอแงนี่...น่ารักมากเลย..

ว่าไหมครับ?

ผมนี่มันแย่ที่สุดเลย…

ความมักมากของผมที่ละโมบจะครอบครองน้องมันมีมากจนเกินไปเสียแล้ว ผ่านเข้ามาวันที่สองแล้ว..น้องยังคงลุกจากเตียงไม่ขึ้นเลยครับ คราวหลังผม คงต้องเพลาๆความต้องการของตัวเองลงบ้างเอาเสียแล้ว

แต่ก็พูดจริงๆเถอะว่ามันทำได้ยากมากเลยครับที่จะทำแบบนั้น ร่างกายของน้องมันเหมือนสิ่งเสพติดที่เพียงแค่ได้สัมผัสมันก็ยิ่งทวีความต้องการขึ้นมาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า

นั่นก็คงจะไม่ดีกับน้องเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้เขาต้องเจ็บตัวแล้วก็เดือดร้อนเพราะผมอีก เพียงแค่นี้น้องก็ไปเรียนไม่ได้สองวันแล้ว

แต่..

ถ้าทำให้น้องเคยชินกับความรักของผม..ต่อไปเขาก็จะไม่เจ็บสินะ อืม..

ผมยกเอาถาดอาหารเช้าที่น้องเพิ่งทานเสร็จลงมาด้านล่างแล้วแวบออกไปสูบบุหรี่นิดหน่อยในสวน ถึงอยากจะขึ้นไปใช้อากาศร่วมกันภายในห้องกับน้องสองต่อสองก็คงไม่ได้ครับตอนนี้ เพราะเพื่อนสนิทเขาทั้งสองคนเพิ่งจะเดินสวนผมเข้าไปหาน้องตอนผมเดินออกมา

ตามประสาแฟนที่ดีก็ควรให้เวลาคนรักได้อยู่กับเพื่อนบ้างอะไรบ้าง ใช่ไหมล่ะครับ เพราะถ้าผมยึดน้องมาเป็นของตัวเองโดยตัดเขาออกจากเพื่อนซัทสึกิที่รักและติดเพื่อนมากคงจะรู้สึกแย่กับผมไม่น้อย

แต่ไดสุเกะคุงกับเคนอิจิเข้าไปคุยกับน้องนานจังเลยครับ ผมอัดบุหรี่เข้าปอดเป็นมวนที่สองแล้วพวกเขาก็ยังไม่ออกกันมาเสียที เห็นใจคนที่เขาอยากเข้า ไปอยู่กับซัทสึกิบ้างสิ!

หมดบุหรี่มวนสองแล้วผมก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในบ้านครับ ซัทสึกินี่เป็นเด็กร้ายกาจจริงจัง เขาทำอะไรกับผมกันนะ ผมถึงทนไม่ค่อยได้ที่จะอยู่ห่างจากเขาแค่เพียงไม่กี่นาทีแบบนี้ แถมมันทวีมากขึ้นกว่าเก่านับตั้งแต่เขาตกเป็นของผมด้วยครับ

พอเข้าไปข้างในบ้านแล้วผมก็ต้องชะงักครับ เมื่อจะได้ยินเสียงน้องกำลังคุยโวยวายอยู่ ด้วยความร้อนใจผมเลยรีบกลับไปที่ห้อง

ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป บางสิ่งมันก็ลอยมาในลักษณะถูกเขวี้ยงมาโดนหน้าผมอย่างจัง มันคือหมอนที่น้องใช้หนุนนอนอยู่ครับ คนเขวี้ยงก็ดูเหมือนจะเป็นน้องที่นั่งหน้างออยู่บนเตียง ข้างๆเตียงก็มีไดสุเกะคุงกับเคนอิจิยืนอยู่

ผมรู้สึกสงสัยอย่างที่สุดว่าทั้งสองมาคุยอะไรกับน้อง น้องถึงได้อารมณ์เสียจนหน้าบูดบึ้งแบบนี้แต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป ผมเลยก้มลงเก็บหมอนใบนั้น ไปวางไว้ที่คืนที่เตียง ไดสุเกะกับเคนอิจิเลยถึงได้ปลีกตัวออกจากห้องไป

ผมลังเลเล็กน้อยแต่ก็ลองเชิงด้วยการนั่งลงข้างๆคนที่นั่งหน้าตูมอยู่บนเตียง น้องมองหน้าผมแล้วสะบัดหน้าหนี ผมเลยลองเสี่ยงด้วยการยกมือขึ้นไป เกลี่ยผมเขาแล้วทัดหูให้ เวลาน้องเอาผมทัดหูแล้วหน้าน้องหวานมากครับ หวานจนผมอยากหอมแก้มเขาแรงๆสักทีสองที แต่ในเวลาที่น้องอารมณ์ไม่ดีแบบนี้คงจะไม่ดีแน่ๆเลยครับ

“วันนี้ไม่ไปมหาลัยใช่ไหม?”

ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงใจดีอย่างซัทสึกินี่ เวลาอารมณ์ไม่ดีเราต้องเอาความใจดีเข้าสู้ครับ ผมเรียนรู้ข้อนี้มาจากไดสุเกะคุง ไดสุเกะคุงเคยบอกผมว่าถ้าน้องอารมณ์ไม่ดีหรือกำลังงอนและงอแง ผมต้องใจดีกับน้อง เพราะมันจะทำให้ น้องอ่อนลงง่ายกว่าใช้ไม้แข็งกับเขาครับ ยิ่งใช้ไม้แข็งกับเขาแล้ว ซัทสึกิก็จะยิ่งงอแงกับเรามากขึ้น

“เออ” น้องตอบมาเหมือนกับไม่เต็มใจจะตอบครับแถมยังเอาก้มหน้าหักข้อนิ้วตัวเองจนเสียงกระดูกนิ้วมันลั่นดังกร๊อบๆ ดูท่าแล้วจะหงุดหงิดขั้นแม็กซ์มากครับ เล่นเอาผมหายใจไม่ทั่วท้องสักเท่าไหร่ ไอ้ชนักที่ปักอยู่ที่หลังมันถ่วงน้ำหนักจนผมจะเซล้มเลยดีเดียว

“อย่าหักนิ้วแบบนั้นสิ เดี๋ยวนิ้วก็ไม่สวยหรอก” ผมอยากให้นิ้วของน้อง สวยๆครับ เวลาที่เขาสวมแหวนที่ผมคงจะได้มีโอกาสสวมให้เขาในอนาคตสักวันข้างหน้า นิ้วของเขาจะได้สวยรับกับแหวนของผม

พอผมคว้ามือเขาไว้แล้วบอกอย่างนั้น น้องก็หันมองหน้าผมเหมือนอยากจะมาหักคอผมแทน ผมเลยต้องรีบชิงถามอย่างอื่นต่อเพื่อเบี่ยงประเด็น

ไดสุเกะคุงเคยบอกไว้อีกว่าถ้าใจดีแล้วซัทสึกิยังไม่อ่อนให้ก็ให้เอาใจ และตามใจน้องครับ แต่ผมจะเอาใจเขายังไงดีล่ะนี่..พาไปเที่ยวดีไหม? อยู่แต่ในห้องแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน คนไฮเปอร์อย่างซัทสึกิคงจะเบื่อแล้วล่ะมั้ง

“งั้นไปนั่งรถเล่นกันไหม?”

“ไม่” คนแมนๆอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกินี่เอาใจยากจังครับ แถมวันนี้ทำไมดูน้องทำตัวไร้เยื่อใยกับผมเสียจริง

“คิดอะไรอยู่หืม? คิ้วขมวดเชียว” ผมยื่นมือไปประคองสองแก้มของเขาไว้แล้วคลึงหัวคิ้วที่ขมวดกันของน้องออก แต่ก็โดนน้องปัดมือออกไปภายในไม่ถึงนาทีด้วยครับ น้องกดหน้าลงต่ำแล้วมองผม

“ฉันกำลังคิดว่า..”

“คิดว่าอะไร?” ผมถามซ้ำอย่างร้อนใจเพราะน้องเล่นค้างคำถามเอาไว้ ไม่ยอมถามเสียที พอผมถาม น้องก็เอาลิ้นดุนกับแก้มเม้มปากอยู่สองสามทีก่อนที่เขาจะถามผมกลับมา

“ทำไมนายต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ใช่หรือไงกัน แล้วไอ้ที่บอกว่ากว่าจะได้มีโอกาสกอดฉันมันลำบากมาก หมายความว่ายังไงกัน?”

อ่า...คำถามของน้องตอบยากจังเลยครับ

จริงๆผมมีคำตอบให้น้องอยู่แล้ว แต่มันยากที่จะตอบในตอนนี้มากๆครับ

ผมไม่คิดว่าน้องจะปลื้มหรอกนะถ้าได้รู้เรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้ และนอกจากจะไม่ปลื้มแล้ว น้องอาจจะถึงขั้นเกลียดไม่ก็กลัวผมเลยด้วยซ้ำ

ผมกลอกตาไปมาก่อนจะหันหลังหนีเขา มองตาเขาที่กำลังต้องการ คำตอบแล้วผมก็กลัวใจอ่อนพลั่งพรูทุกสิ่งเล่าให้เขาฟังมากเลยครับ

“ริวซากิ เร็น” ถึงผมจะหันหลังหนีจากการสบตากับซัทสึกิแล้ว แต่น้องก็ยังเอื้อมมือมากระตุกชายแขนเสื้อผมอยู่ดี ผมสูดหายใจลึกๆก่อนจะหันกลับมาแล้ว ดึงเขาเข้ามาจูบอย่างรวดเร็ว น้องดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของผมอยู่ไม่กี่อึดใจก่อนที่คนดีจะเคลิ้มตามจูบของผมครับ ถึงแม้ว่าจะเจ็บปากนิดหน่อยตอนที่ผมดึงเขาเข้ามาจูบแล้วพลาดไปโดนฟันชนกันตอนแรกก็เถอะ

แต่ไม่อยากบอกว่าจูบของน้องยังหวานมากเหมือนเดิมเลยครับ

เราจูบกันอยู่กี่นาทีไม่รู้ แต่ในที่สุดผมก็ยอมปล่อยเขา เด็กที่พยายามจะดื้อกับผมก็ทำมองค้อนใส่ ผมเลยจูบทับเปลือกตาเขาไป

“เหตุผลทั้งหมดก็เพราะนายยังไงล่ะ...”

ผมบอกเขาเสียงเบาอยู่ข้างหูก่อนตัดสินใจลุกหนีไปที่อื่นก่อนจะใจอ่อนหลุดปากบอกให้เขารู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของผมออกไป..

ใจเย็นไว้ก่อนริวซากิ เร็น....

ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา....

-TBC-

ออฟไลน์ akira334

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 :hao6: มาต่อแย้วววว ปูเสื่อรอจนแห้งเฉา สุดท้ายท่านก็มา  :hao5:

มาต่ออีกไวๆน้าาาา รออยู่  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew3:

กว่าซัทจังจะยอมรับได้เนี๊ยะ นานจังนะ

สงงสารเร็นจังเลย

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.5

ผมเดินออกจากห้องมาแล้วก็มาเจอกับจิฮารุที่แวะมาหาเพื่อนสนิทของเธออย่างมิซึรุครับแต่ดูเหมือนเธอกำลังจะกลับพอดีเพราะมีเรียนต่อในตอนช่วง หลังเที่ยง ผมเลยอาสาพาเธอไปส่งที่มหาลัยเพราะมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยพอดี

“มีเรื่องอะไรกับฉันหรอ?” ผมเห็นจากหางตาว่าเธอกำลังจ้องหน้าผมอยู่ครับ พอผมเลี้ยวรถเข้าถนนสายหลักเธอก็เลยถามขึ้นมา

“ก็แค่อยากขอบคุณน่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจและขอบคุณเธอเป็น ครั้งแรก ความจริงแล้วที่ผมได้มาอยู่ที่หอพักนี้กับน้องก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเธอนี่แหละครับ ผมรู้จักกับเธอเพราะพี่สาวของเราทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันครับ อันนี้รู้กันเฉพาะเราแล้วกันนะครับ

“ไม่ต้องหรอกน่า เรื่องแค่นี้เอง”

เธอบอกอย่างอารมณ์ดีแต่ยังคงมองผมด้วยสายตารู้ทัน ผมก็แกล้งเฉไฉ พาเธอเข้าเรื่องที่สำคัญมากกว่าประเด็นเรื่องขอบคุณดีกว่า

“แล้วผมก็อยากรู้เรื่องที่จะเซอร์ไพรส์วันเกิดซัทสึกิด้วย”

อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะถึงวันเกิดน้องแล้วครับ ตอนก่อนที่ผมจะย้ายเข้าไปที่หอพัก จิฮารุเคยเกริ่นไว้ว่าทุกคนอยากจัดวันเกิดให้กับน้องครับ แบบเซอร์ไพรส์ให้น้องตราตรึงในตัวผมด้วย ยิ่งใกล้ถึงวันเกิดน้อง ผมก็เริ่มร้อนใจนิดหน่อยเพราะอยากรู้แผนเซอร์ไพรส์นั้น จิฮารุหรี่ตาผมแล้วส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ครับ พอเห็นผมไม่ขำด้วยเธอก็ยักไหล่คล้ายจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่ก็ยังดีที่เธอยังตอบผมกลับมาไม่ ให้ผมรู้สึกเก้อครับ

“เรื่องนั้นอ่ะหรอ..” จิฮารุลากเสียงยาวเหมือนกวนประสาทกัน บางทีเธอ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนไอ้ยูบวกรวมกับไอ้จุนแล้วก็ไอ้เฮย์มากครับ

นี่ถ้าเธอเป็นผู้ชายแล้วล่ะก็ต้องแสบกว่าไอ้สามเกลอช่างกวนของผมแน่ๆครับ เพราะนี่ขนาดเธอเป็นผู้หญิง เธอยังทำให้ผมประสาทอ่อนๆได้เลยบางที รู้ซึ้ง เลยทีเดียวว่าทำไมคนอย่างเธอถึงเป็นเพื่อนกับทากาโมโต้ มิซึรุได้ ขานั้นก็ทำให้ผมประสาทได้พอๆกับบรรดาลูกสมุนนั่นแหละ

สรุปรอบข้างผมมีแต่คนกวนประสาทครับ จะกวนใจให้ว้าวุ่นก็มีเพียงคนเดียวที่ชื่ออิชิฮาระ ซัทสึกินั่นแหละครับ เด็กอะไร..ถึงไม่เห็นหน้าก็กวนใจพี่ให้ว้าวุ่นได้ตลอดเวลา

“ฉันยกให้มิซึรุเอาไปคิดแล้วล่ะ หมอนั่นบอกว่าถ้าคิดออกแล้วเดี๋ยวจะบอกเร็นเป็นคนแรกเลย!”

ให้ตายเถอะ!

ให้ทากาโมโต้ มิซึรุเป็นคนคิด...แล้วแบบนี้ชีวิตรักของผมจะอยู่รอดปลอดภัยไหมล่ะครับนี่!

“มิซึรุบอกให้บอกเร็นด้วยนะ..ว่าถ้าไม่ยอมทำตามแผนจะเปิดโปงทุกอย่างให้ซัทสึกิจังรู้ให้หมดเลย” จิฮารุบอกทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะลงจากรถไปเมื่อ ผมจอดรถตรงหน้าลานคณะของเธอ และก่อนจะลงจากรถไป เธอยังมีแก่ใจยิ้มมาให้กับผมอย่างมีมิตรไมตรี แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอโทษเธอจากใจจริง เพราะผมกำลังนึกกลุ้มและหวาดระแวงแผนการของทากาโมโต้ มิซึรุเป็นที่สุด เลยไม่อาจเกร็งใบหน้าให้ส่งยิ้มกลับคืนไปให้เธอได้

นี่ถ้าชีวิตรักสีชมพูอมม่วงของผมกับน้องที่ผมวาดฝันไว้มันต้องพังทลายลงไป ผมจะทำยังไงกับทากาโมโต้ มิซึรุดี!

.

.

ทากาโมโต้ มิซึรุเป็นญาติของ(ไอ้)จุนยะครับ

ผมยังไม่เคยบอกให้พวกคุณรู้สินะ ถ้าอย่างนั้นก็รับรู้ไว้เลยแล้วกันว่าสองคนนี้เป็นเครือญาติที่ไม่สามารถบอกได้ชัดแจ้งว่าสืบเชื้อสายมาจากแขนง และสาแหรกไหน เท่าที่รู้คือทั้งสองบังเอิญเป็นญาติต่างชนชั้นกัน ไอ้จุนมันเป็นคุณชายไฮโซมีบ้านขนาดร้อยเอเคอร์เป็นของตัวเอง

ในขณะที่บ้านของมิซึรุนั้นมีขนาดเพียงร้อยตารางวา(แถมยังถูกแบ่งเป็นหอพักราคาถูกให้เด็กมหาลัยสี่ห้าคนได้มาร่วมชายคากัน)

เหตุก็เพราะความอาร์ตของผู้เป็นบรรพบุรุษของมิซึรุซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น ปู่ของปู่อีกทีที่จูงมือภรรยาและกระเตงลูกน้อยเข้าเอวเดินออกจากบ้านอย่างหยิ่ง ในศักดิ์ศรีว่าจะต้องยืนหยัดสร้างฐานะด้วยตัวเองให้เทียบเท่ากับพ่อแม่ให้ได้

แต่หลายสิบปีผ่านไปก็อย่างที่เห็น....

และด้วยความเป็นญาติกันกับไอ้จุนนี่แหละครับน่าเป็นห่วง

คนตระกูลทากาโมโต้นี่บางทีเดาทางยากครับ งานนี้เห็นทีผมคงต้องให้ไอ้คนตระกูลทากาโมโต้เหมือนกันช่วยแล้วล่ะมั้ง

            “ทำไมกูต้องช่วยมึง?”

มันสวนกลับมาทันทีครับเมื่อผมบอกความประสงค์ของผมไปว่าให้ไป ช่วยตะล่อมถามมิซึรุมาก่อนว่าคิดจะทำอะไร เพื่อที่ผมจะได้หาวิธีป้องกันได้ทันท่วงที

ไอ้คุณชายจุนยะมันปิดเตาและยกกระทะมาตักเทสปาร์เกตตี้ที่เพิ่งจะทำ ลงในจานที่โคเฮย์ไปยืนถือรอไว้อย่างรู้งานก่อนจะหยิบขวดเกลือขึ้นมาเขย่าตรง หน้าผม

"กูยังอยากเห็นมึงโดนน้องสาดเกลือใส่อยู่นะริวซากิ เร็น”

“ซัทสึกิไม่มีทางไล่สาดเกลือใส่กูเหมือนที่ทำกับพวกมึงหรอกน่า”

ผมพูดอย่างมั่นใจ..เด็กคนนั้นไม่มีวันไล่สาดเกลือใส่ผมเหมือนกับที่เคย ทำกับไอ้ยูไอ้จุนหรอกครับ ก็ผมบอกพวกคุณแล้ว...ว่าถ้าเขาจะทำจริงๆ ผมคงโดนน้ำมันเดือดร้อนๆมากกว่า

“เอาไง..จะช่วยหรือไม่ช่วย? ถ้าไม่ช่วยกูจะไปบอกริกะจังว่าตอนนี้มึงคั่วมิยูกิจังอยู่ด้วยดีไหม?” ไอ้จุนมันชูนิ้วกลางแทนใจมาให้ผมแล้วจิ๊ปากอย่างขัดอารมณ์มากครับ มันทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วดันจานอาหารน่าทานเหมือนเคยด้วยฝีมือขั้นเทพของมันมาให้ ในขณะที่โคเฮย์นั้นโซ้ยไปจนเกือบจะหมดจานแล้วภายในบทสนทนาไม่กี่ประโยคของผมกับไอ้จุน

“เออ ช่วยก็ได้ แต่กูไม่รับรองผลนะ” ตัวช่วยของผมยักไหล่แล้วส่ายหน้าไปมา

“คนอย่างมิซึรุน่ะน่ากลัวจะตายไป”

ดูเถอะครับ...ขนาดคนตระกูลเดียวด้วยกันยังกลัวทากาโมโต้ มิซึรุเลย…

ถึงก๊วนของเราจะเป็นเพื่อนรักที่ชอบกวนตีนหรือไม่ก็ทับถมใส่กัน แต่เพื่อนก็คือเพื่อนครับ แม้ว่ามันจะชอบทำท่ามากใส่ผมเวลาที่ผมเดือดร้อนแต่มันก็ยินดีที่จะช่วย ก็แน่นอนเหมือนกันว่าเวลามันเดือดร้อน..ผมเองก็ทำท่ามากใส่มันก่อนที่จะยินดีช่วยเหมือนกันนั่นแหละ

ถึงผมจะไม่ค่อยมั่นใจมากนักว่าจุนยะมันจะเอาแผนการของมิซึรุมาให้ ผมได้หรือเปล่า แต่ผมก็ถือว่าเบาใจไปเปลาะหนึ่งที่ได้หาทางออกเผื่อไว้บ้างแล้ว

หลังจากอิ่มหนำกับสปาร์เกตตี้ซีฟู้ดที่ไอ้จุนทำเลี้ยงผมกับโคเฮย์แล้ว ผมก็ปลีกตัวกลับมาหาน้องที่หอพัก

แต่บางที...ถ้าผมไม่กลับมาหอพักตอนนี้ก็คงจะดี

“ลองมาโดนเองดูบ้างไหมเคนอิจิ เดี๋ยวจะบอกให้ริวซากิมันสงเคราะห์ให้”

“ฟ้าผ่าตายห่าสิมึง”

“นั่นอะไร”

“ของมึง ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นฝากมาให้ บอกว่าถึงมึงจะตกลงปลงใจกับรุ่นพี่ริวซากิแล้ว แต่พวกมันก็จะรอมึง”

“งั้นเอาไปโยนทิ้งเลยมึง”

“เฮ้ย!! ทีรามิสุกับฟรุ้ตเค้กเจ้าอร่อยตรงกินซ่าเลยนะมึง ถ้ามึงจะทิ้งงั้นกูขอนะ”

“ไม่ต้องแล้ว กูเปลี่ยนใจ เอามากูจะแดก”

“แล้วนี่รุ่นพี่ริวซากิไปไหน?”

“ไปตายห่าแล้วมั้ง”

“พูดไม่เพราะเลยนะซัทจัง”

“จะออกไปบาร์แล้วหรอ?”

“ทีไดจังล่ะแบ่งให้กินได้ ทีกูไม่ยอมให้ ยุติธรรมจริงๆเพื่อนกู”

“เดี๋ยวฉันจะไปทำงานแล้ว เลยแวะเอาเล็คเชอร์ของสองวันนี้ที่ซัทจังหยุด ไปเอามาให้ ถ้าพรุ่งนี้ยังไปเรียนไม่ไหวก็ไม่ต้องไปนะเดี๋ยวจะจดมาให้อีก”

“ขอบใจน้า~~รักไดจังที่สุดเลย”

.

.

ครับ...จากบทสนทนาขั้นต้น ในไดอารี่ส่วนของน้องคงจะบอกแล้วว่าใครเป็นคนพูดบ้าง

ผมยืนฟังสามเพื่อนเขาคุยกันอยู่ตรงหน้าห้องนี้มาได้หลายนาทีครับ หัวใจของผมมันเต้นแรงตั้งแต่ได้ยินชื่อของผมในบทสนทนานั่น ชื่อของผมที่หลุดจากปากของน้อง ถึงตอนแรกมันจะไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่ที่จะได้ยิน...แต่ประโยคต่อมาที่น้องบอกว่าผมไปตายห่านี่มันก็ยังไม่ทำร้ายความรู้สึกเท่ากับประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน ครับ

น้องบอกว่ารักไดสุเกะคุง..

ผมรู้ว่าความรักที่น้องพูดถึงมันหมายความว่ายังไง

แต่เหมือนกับว่าสันดานดิบและหัวใจของผมมันจะไม่ยอมเข้าใจตาม สมองอันเลอเลิศ มันถึงได้ทำให้ผมรู้สึกหึงหวงมากขนาดนี้

น้องเป็นของผมแล้ว!

เขาเป็นของริวซากิ เร็นแล้ว!

เป็นของริวซากิ เร็นแล้วกล้าบอกรักกับคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกัน!

ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนขี้หึงมากแค่ไหนก็ตอนที่มารู้สึกตัวว่าผมกำลังหงุดหงิดใจมากขนาดไหนหลังจากที่ได้ยินน้องบอกรักคนอื่นแบบนี้ ถึงแม้คนๆนั้น จะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของน้องและถึงจะรู้ดีก็ตามว่าที่น้องบอกว่ารักมันก็แค่เป็นความรักแบบเพื่อนที่มีให้กันก็เถอะ

ผมเดินเข้ามาในห้องและมองเขาอยู่ชั่วอึดใจ น้องก็ยังเอาแต่ตักกินเค้กของไอ้อิโต้มันต่อ ไม่แม้แต่จะชายตามาแลผมที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องเลยด้วยซ้ำ

ความอดทนที่มีต่ำแต่ผกผันกับความหึงหวงมันเลยทำให้ผมคิดว่าต้องอัปเปหิออกไปจากห้องนี้เสียก่อนที่ความหึงหวงของผมมันจะพุ่งสูงจรดเพดานและก่อความเสียหายให้กับตัวผมเอง

ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าไปอาบน้ำอยู่พักใหญ่ พลางใช้สมองคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่ก็พบว่าห้วงความคิดของผมมันกำลังหมุนติ้วๆด้วยความหึงหวงจนมันหาทางออกไม่เจอ ยิ่งพออาบเสร็จแล้วเดินมาเจอน้องผล็อยหลับไปบนกองหมอนแล้ว ผมก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นครับ

นี่แสดงว่าผมไม่มีความสำคัญอะไรต่อเขาเลยใช่ไหม

ความหงุดหงิดทำให้ผมระบายลงไปกับบานประตูตู้เสื้อผ้าครับ เสียง ของมันดังใช้ได้เลยทีเดียว น้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาถามผมอย่างงัวเงีย ดวงตาของเขา หรี่ปรือจนแทบไม่ลืมขึ้นเลยด้วยซ้ำ

“จะไปไหน?”

ผมมองหน้าน้องนิ่งแล้วหยิบเอาแว่นขึ้นมาสวมก่อนจะผละเดินออกจากห้องไป ถ้าผมไม่บอกน้องว่าผมจะไปไหน น้องจะวิ่งตามออกมาเพื่อเอาคำตอบให้ได้หรือเปล่านะ เขาจะรั้งผมไว้แล้วขอให้ผมอยู่กับเขาต่อคืนนี้หรือเปล่า?

ผมเดินอย่างอ้อยอิ่งลงบันไดมา แต่จนแล้วจนรอดน้องก็ยังไม่ตามออกมา

โอเค...ผมผิดเองสินะที่คาดหวังมากเกินไป

ผมถอยรถออกมาจากหอพักและจอดอยู่หน้าบ้าน คิดหาทางไปอยู่พักใหญ่แต่ใจมันก็วนเวียนอยู่แต่จะพากายหยาบวิ่งขึ้นไปหาน้อง ละทิ้งความหยิ่งในศักดิ์ศรีกันเสียอย่างนั้น ผมถอนหายใจสมเพชตัวเองเบาๆ ผมนี่เป็นเอามากเหมือนกันนะนี่

ทางเลือกของผมตอนนี้ ถ้าไม่ถอยรถกลับเข้าไปจอดหน้าหอพักแล้ววิ่งกลับไปนอนกอดน้องต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็กลับไปนอนแห้งตายที่คอนโดของผม

อ่อ มีอีกอย่างคือไปหาไอ้พวกเพื่อนเลวของผม เวลาแบบนี้ไอ้พวกนั้นคงไปหาของมึนเมากระแทกปากที่ไหนกันสักแห่งแน่ๆ

คิดแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ้เฮย์มัน ตอนนี้มันคงไม่ได้อยู่กับพี่สาวของผมแน่เพราะขานั้นเขาบินไปปารีสเมื่ออาทิตย์ก่อน

จะว่าไปผมคงลืมเล่าให้ทุกคนฟังว่าไอ้เพื่อนเลวนี่มันปีนเกลียวคบอยู่กับพี่สาวของผมครับ ตอนแรกก็เกือบจะวางมวยกันที่บังอาจมาจีบพี่สาวเพียง คนเดียวของผม แต่พอเห็นว่ามันรักจริงไรจริงก็เลยปล่อยๆไป นี่ก็คบกันมาเกือบหกปีแล้วยังไม่มีทีท่าจะเลิกกันอีกต่างหาก

โทรไปยังไม่ทันฟังเมโลดี้อินโทรของเพลงรอสายเลยครับ ไอ้เฮย์มันก็กด รับทันที บอกจุดพิกัดที่พวกมันสิงกันเสร็จแล้วก็วางหูไป ผมถึงได้ฤกษ์ออกตัวรถ ไปจากหน้าหอพักเสียที

นานแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปสังสรรค์อะไรแบบนี้กับพวกมัน เพราะเวลา ตอนค่ำๆส่วนใหญ่ผมจะหมดไปกับการคอยตามดูน้อง ซึ่งน้องเองก็ไม่เคยย่าง กรายเข้ามาในสถานที่แบบนี้มาก่อน หรือจะพูดให้ถูกก็คือไดสุเกะคุงกับเคนอิจิ ยังไม่ยอมให้น้องมาครับ เพราะซัทสึกิเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อายุของน้องยังเข้าผับไม่ได้ครับตอนนี้

แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาดื้อขอเข้ามากับเพื่อน และนั่นมันก็เป็นครั้งเดียว ครับเพราะหลังจากนั้นเคนอิจิกับไดสุเกะคุงก็ไม่เคยยอมให้น้องเข้ามาอีกเลย ซึ่ง นั่นผมนับว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากครับ

ขับรถมาไม่นานก็มาถึงร้านที่พวกโคเฮย์มันมาสถิตกันคืนนี้ครับ บรรยากาศน่านั่งไม่น้อย แต่พอผมเดินเข้าไปแล้วก็แทบจะหันหลังเดินกลับออก เลยทีเดียว บนเวทีนั่นไดสุเกะคุงกำลังนั่งเกากีตาร์เคล้าเสียงเพลงของนักร้องอยู่ครับ ผมเม้มริมฝีปากเก็บอาการหึงหวงไว้ในใจแล้วก้าวผ่านไปหาไอ้เฮย์กับคนอื่นๆที่มันนั่งกันอยู่มุมหนึ่งของร้าน

ผมรู้ดีว่าไดสุเกะคุงไม่มีความผิดครับ แต่ผมหึงที่น้องไปบอกรักไดสุเกะคุง นินา

พวกโคเฮย์มันเลือกที่นั่งได้ดีพอตัว เป็นมุมอับที่คนอื่นมองไม่เห็นพวกเราสักเท่าไหร่ คงจะรู้ว่าวันนี้ผมอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ถึงไอ้ออกมาสมทบกับพวกมันไอ้คู่หูยูจุนมันเลยไม่ควงเอาสาวมานั่งชงเหล้าให้พวกมันมาด้วย

พอผมมาถึง ยังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งไอ้จุนก็ยื่นออนเดอะร็อคมาให้อย่าง รู้ใจรู้อารมณ์ผมทันที

“ทะเลาะกับน้องมาหรือมึง?”

ไอ้ยูทำตาระริกใส่ผมทันทีเลยครับ ผมมองมันด้วยหางตาก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่ม ขี้เกียจพูดออกมาให้มันเย้ยหยันว่าผมเป็นไก่อ่อนเรื่องความรักสักเท่าไหร่ กับไอ้พวกนี้มันมีแต่จะทับถมความรักที่แสนเปราะบางของผมมากกว่า ผมแค่อยากมากินเหล้าไม่ได้อยากมาปรึกษาอะไร เพราะสุดท้ายผมก็คงกลับไปตายรังที่น้องเหมือนเดิมอยู่ดี

“หึหึ หน้าตาแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องมาจริงๆแน่ บอกกูมาเถอะไอ้คุณชาย ว่ามึงมีปัญหาอะไรกับน้อง? หรือสรุปแล้วมึงยังไม่ได้แอ้มน้องเลยเก็บกดเพราะคืนนี้มันเส้นตายสามวันแล้วใช่ไหมล่ะ”

ไอ้ยูทำยิ้มแพรวพราวกับคู่หูของมัน ในขณะที่โคเฮย์กับซึงโฮแค่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วยกเหล้าในมือพวกมันดื่ม

“ถ้าเรื่องนั้นกูไม่มายด์หรอก เพราะน้องเป็นของกูตั้งแต่วันที่มึงโทรไปแล้วกูบอกว่าจะใช้เวลากับน้องบนเตียงของกูทั้งคืนนั่นแหละ” ผมบอกมันพลางกระแทกแก้วลงให้ไอ้จุนมันเอาเหล้ามารินใส่ให้อีก

“โว้ย! เพื่อนกูนี่มันเสือร้ายจริงๆ แล้วเป็นไง น้องมึงเจ๋งไหม?”

แววตาไอ้คนถามมันระริกระรี้มากครับ เชื่อได้ว่าถ้ามันรู้ว่าพวกจิฮารุไปแอบส่องตอนน้องได้เสียกับผมแล้วมันต้องตีอกชกหัวเอาแน่ๆที่มันพลาดไป

“เจ๋งไม่เจ๋งก็ทำกูแข็งได้ทั้งคืนล่ะ มึงคิดเอาเองแล้วกัน”

“สาสสสส!!”ไอ้ยูชูนิ้วกลางแทนใจมาให้ผมครับ ในขณะที่คู่หูของมันหัวเราะชอบใจถึงกับตีมือลงกับหน้าขาตัวเองเลยทีเดียว

“แล้วอะไรพาให้มึงมานั่งกระแทกเหล้าเข้าปากกับพวกกูได้วะ?”

โคเฮย์มันเอ่ยถามขึ้นมา คงจะสงสัยไม่น้อย ผมกระตุกยิ้มมุมปากเหี้ยมๆและยกเหล้าขึ้นดื่มโดยไม่พูดอะไร

ถ้าผมพูดออกไป ไอ้เฮย์มันก็อาจจะคงพอเข้าใจบ้าง แต่ผมไม่คิดว่าไอ้ยูกับไอ้จุนจะเข้าใจหรอก แถมจะทับถมผมเอาอีกต่างหาก ผมเลยเลือกที่จะไม่พูด พวกมันก็คงพอจะรู้อารมณ์ผมดีก็เลยไม่เซ้าซี้ถาม เราเลยนั่งดื่มกันเงียบๆ มีคุย เรื่องนั้นเรื่องนี้รวมถึงเรื่องรายงานบ้างประปราย ในตอนที่โต๊ะติดกับเราเริ่มส่งเสียงเอะอะขึ้นมา ผมจะไม่ใส่ใจเลย ถ้าไอ้ในเสียงเอะอะนั่นมันไม่ได้มีชื่อของซัทสึกิรวมอยู่ด้วย

“อย่างรุ่นพี่ซัทสึกิเงี้ย หุ่นแม่งน่าฟัดชิบหาย เห็นไอ้รุ่นพี่อิโต้กับไอ้รุ่นพี่ ยามาดะแม่งเทียวไล้เทียวขื่อมาเป็นปีแล้วทำเป็นเล่นตัว ไอ้เราก็นึกว่าไม่สนผู้ชายด้วยกัน แต่ทีกับไอ้รุ่นพี่ริวซากิดันยอมไปด้วยง่ายๆ แบบนี้แม่งแอ๊บว่ะ”

“ก็นั่นริวซากิ เร็นนะเว้ย”

“แล้วไง? เดี๋ยวหมอนั่นก็ฟันแล้วทิ้ง จะว่าไปกูก็อยากลองแอ้มดูสักทีเหมือนกันว่ะ เวลาเดินผ่านคณะเราทีไร เห็นตูดแล้วอยากวิ่งเข้าไปฟัดทุกที”

ผมนิ่งฟังบทสนทนานั้นอยู่พักใหญ่ด้วยความกรุ่นโกรธ ซึงโฮขยับมาดึง แก้วออกจากมือของผมไปก่อนที่ผมจะกำจนแก้วมันแตก คนอื่นๆเองก็นิ่งเงียบ พวกเรามองหน้ากันในตอนที่ไอ้โต๊ะด้านหลังผมมันพูดขึ้นมาอีก

“เอาสิมึง ถ้ามึงได้ฟันพี่เขาก็อย่าลืมแบ่งมาให้กูด้วยก็แล้วกัน”

“หึหึ ถ้าไม่ตายคาอกกูไปซะก่อนล่ะนะ กูจะกระแทกให้แม่งตูดฉีกจนร้องครางแต่ชื่อกูคนเดียวเลยคอยดู”

สิ้นสุดความอดทนของผมแล้วครับงานนี้ ผมผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับเพื่อนผมทั้งสี่ที่ลุกขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ผมก้าวเดินนำไปยังโต๊ะที่มันกำลังจะชะตาขาด ก่อนและยืนค้ำหัวไอ้คนที่กำลังหัวเราะชอบใจกับคำพูดของมันโดยไม่รู้ตัวว่าผมอยู่ข้างหลังมันและได้ยินคำที่มันพูดทุกคำ แต่เพื่อนๆของมันเห็นหน้าผมแล้วครับ ถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว

“ซัทสึกิที่ว่าเนี้ย ใช่อิชิฮาระ ซัทสึกิคณะนิเทศหรือเปล่า?”

“ก็ใช่น่ะสิ” ไอ้คนตอบมันยังไม่รู้ชะตากรรมครับ ผมถามมันไปอย่างนั้นแหละเพราะรู้ว่าเป็นน้องแน่ที่มันพูดถึง ผมถามแค่ให้มันรู้ถึงการมาของผมเท่านั้นก่อนที่ผมจะกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาจากโต๊ะและสวนหมัดออกไปชกหน้ามันทันที

แรงหึงที่ผมมีตอนแรกที่น้องบอกรักไดสุเกะคุงมันเทียบไม่ได้กับแรงหึง ผสมรวมกับแรงโกรธตอนนี้เลยครับ

พอไอ้บ้านั่นมันตั้งหลักได้มันก็สวนหมัดชกแก้มซ้ายของผมทันทีเหมือนกัน ผมได้ยินเหมือนเสียงหวีดร้องของโต๊ะข้างๆแต่ก็มันก็ไม่ได้ดึงความสนใจของผมไปเพราะตอนนี้ผมกับไอ้คนที่บังอาจพูดว่าอยากจะแอ้มน้องกำลังแลกหมัดกันอย่างดุเดือดครับหรือพูดให้ถูกคือผมกำลังชกมันอย่างเมามันอยู่นั่นเอง

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ผมเหวี่ยงหมัดรัวๆเข้าใส่หน้ามันจนมันเซถลาล้มลงไปกับพื้นในที่สุดและกำลังจะตามเข้าไปกระทืบซ้ำให้มันตายคาตีนของผมในตอนที่ไดสุเกะคุงกับการ์ดของร้านวิ่งมาดึงตัวผมเอาไว้

“ซัทสึกิเป็นของกู ถ้ามึงยังปากดีพูดถึงซัทสึกิแบบนั้นอีกล่ะก็ คราวหน้า ไม่จบแค่นี้แน่!” ผมประกาศกร้าวก่อนจะมองจ้องมันด้วยสายตาฉุนเฉียว ไอ้ไก่อ่อนนั่นรีบลนลานออกจากร้านไปพร้อมกับเพื่อนของมัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ?” ผมได้ยินเสียงไดสุเกะคุงหันไปถามความเอากับซึงโฮและโคเฮย์ตอนที่ผมสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุมของพวกการ์ดและเดินกลับไปนั่งกระแทกเหล้าเข้าปากต่อที่โต๊ะด้วยความขุ่นมัวในใจ

“ไอ้เด็กพวกนั้นมันปากดีบอกอยากแอ้มซัทสึกิจังน่ะ”

โคเฮย์บอกไปแค่นั้น ตอนที่ทุกคนพากันมานั่งที่โต๊ะแล้ว ผมเห็นจากหางตาว่าไอ้มินทำท่าแสยะยิ้มเหี้ยมๆพอๆกับไอ้จุน แต่ก็อมพะนำกันไว้ไม่บอกไดสุเกะคุงมากไปกว่านั้นว่าไอ้เด็กเปรตนั่นมันพูดอะไรมากไปกว่านั้น

“ทัตสึโอะบอกอยากแอ้มซัทสึกิหรอครับ?” ไดสุเกะคุงโคลงศีรษะไปมาก่อนจะรับเหล้าจากมือของโคเฮย์ไปดื่ม

“ปกติหมอนั่นชอบกร่างอยู่แล้ว อย่าเอามันมาใส่ใจเลยครับ”

ไดสุเกะคุงพูดเรียบๆเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติ พอถึงจุดนี้แล้วไอ้ยูมันเลยทนไม่ได้เป็นฝ่ายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไดสุเกะคุงฟังแทน ในขณะที่ผมกระดกเหล้าเข้าปากต่อเป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลังจากนั้นผมก็แทบจำไม่ได้เลยว่าต่อจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ที่ห้องของไอ้เฮย์มัน พวกพลพรรคทั้งหลายมันก็มานอนค้างที่นี่ด้วย

“เอ้า!” ไอ้เฮย์มันรู้หน้าที่ดีมากครับ พอผมตื่นขึ้นมามันก็โยนยามาให้ผมสองเม็ดกินแก้แฮ้งค์ ผมรับมากินแต่โดยดีเพราะรู้สึกมึนในหัว นานแล้วที่ผมไม่ได้ ดื่มเหล้าจนแฮ้งค์แบบนี้ หมดสภาพจนน่ากลัวจะลุกจากเตียงไปมหาลัยไม่ไหวเหมือนกันครับ แต่เพราะมีวิชาตอนเช้าที่อาจารย์ชอบเช็คชื่อ ยังไงก็ต้องลากสังขารไปอยู่ดีครับ

“ถ้ามึงไม่ไหวก็ขาดไปสักวันเหอะว่ะเร็น”

จุนยะมันบอกพลางยื่นถ้วยกาแฟที่มันเพิ่งชงมาให้ ผมส่ายหน้าช้าๆแล้ว ยกกาแฟขึ้นดื่มแต่ปฏิเสธมื้อเช้าสุดหรูที่มันทำเพราะกลืนอะไรไม่ลง

“กูไหว”

ด้วยคำว่ากูไหวนี่เองครับ ผมเลยต้องลากสังขารมานั่งเรียนต่อแบบหมดสภาพเอามากๆ ยังดีที่ติดเครื่องอัดเสียงไว้ในรถ วันนี้เลยได้พึ่งมันอัดเสียงอาจารย์พูดไปก่อนแล้วค่อยไปแกะเอากับเลคเชอร์ของซึงโฮมันอีกที

“ไปหาไรกินกันก่อนแล้วค่อยกลับไปนอนตายแล้วกัน”

ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้ยูตะมัน เพราะขืนให้กลับไป ห้องทั้งๆที่ไส้กิ่ว ผมคงตายก่อน แรงจะเดินยังไม่ค่อยมีแล้วด้วย มานึกดูอีกที ผมยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่บ่ายเมื่อวานเลยนอกจากเหล้ากับกาแฟ ไม่แปลกที่ตอนนี้ท้องผมมันกำลังจะคำรามให้ผมหาของมาใส่ลงไป

แต่พอมาถึงโรงอาหารจริงๆแล้ว ผมก็กินไปได้ไม่ถึงสามคำดีก็เลื่อนจานออกไปแล้วยกมือขึ้นมาบีบขมับที่มันเต้นตุ๊บๆ ดูท่าจะแย่ครับ เลยลุกขึ้นกะว่าจะกลับไปนอนพักเอาแรงก่อน แต่ก็งงนิดหน่อยที่ไอ้ก๊วนผมมันพร้อมใจกันลุกขึ้นด้วย โดยเฉพาะไอ้ยูกับไอ้จุนที่ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน

“เฮ้ย!” ผมปรายตามองพวกมันและเห็นพวกมันกำลังมองหน้ากัน พอมันเห็นผมหันมอง ไอ้จุนก็พยักพเยิดไปทาง ส่วนไอ้ยูอีกทาง

“อะไรของพวกมึงกัน” ถ้าเป็นตามปกติผมคงหันไปมองตามที่มันพยักพเยิดแล้ว แต่เพราะวันนี้ผมกำลังแฮ้งค์เลยไม่อยากเอี้ยวคอมองไปมองมาให้งงหัว ไอ้จุนจิ๊ปากแล้วเฉลยให้ผมรู้

“น้องมึงอยู่ทางสองนาฬิกา”

“ส่วนทางสิบนาฬิกามีไอ้เด็กที่ชื่อทัตสึโอะยืนอยู่”

โอเคครับ ถึงไม่อยากหันก็ต้องหันล่ะครับงานนี้

จริงอย่างที่ไอ้จุนบอก ซัทสึกิยืนอยู่ทางทิศที่มันบุ้ยใบ้ไปจริงๆ และน้องก็กำลังยืนจ้องมาทางผมอยู่แต่เขาไม่ยอมเดินมาหาผม ผมเลยหันไปอีกทางเพื่อให้ เขาเห็นรอยช้ำบนแก้มซ้ายของผมชัดๆ เผื่อว่าน้องจะได้สงสัยว่าผมได้รอยนี้มาจากไหนและเดินเข้ามาถามผมด้วยความห่วงใย

แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยครับ นอกจากน้องจะไม่เดินมาแล้วยังจะลากไดสุเกะคุงกับเคนอิจิไปทางอื่นอีกด้วย ผมถลึงตาใส่ไอ้ยูที่ตั้ง ท่าจะเหยียบย่ำผมก่อนที่ซึงโฮจะสะกิดให้ผมหันไปดูทางที่น้องเดินไปอีกครั้ง

ไอ้เด็กเหี้ยนั่นมันกำลังเอาตัวมันไปขวางทางซัทสึกิอยู่ครับ มันกล้าดียังไงถึงเข้าไปหาน้องทั้งๆที่มันก็น่าจะเห็นผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมผวาจะเข้าไปหาน้องแต่ถูกโคเฮย์รั้งเอาไว้

“รอดูก่อนว่ามันจะมาไม้ไหน” คำปรามของเพื่อนเกือบทำให้ผมหยุดนิ่ง และจ้องไปที่มัน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมาไม้ไหน แต่เผอิญหัวใจของผมมันไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นัก ขาผมเลยก้าวไปยาวๆและทันได้ยินคำพูดของมันที่ชวนน้องไปกินมื้อกลางวันกับมัน

“แฟนกู ก็เลี้ยงเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!”

ผมประกาศเสียงดังใส่หน้ามันพร้อมกับยกมือขึ้นโอบไหล่ของน้องเอาไว้ทั่วทั้งโรงอาหารเงียบกริบและจ้องมาทางพวกผมเป็นตาเดียวกัน แม้แต่น้องเองยังเงยหน้ามามองผมแล้วขยับริมฝีปากอ้าพะงาบๆเหมือนอยากจะเถียงแต่พูดไม่ออก ผมเลยฉวยโอกาสนั้นพาน้องออกมาจากโรงอาหารนั่น

ผมพาน้องมาจนถึงกลางลานสนามบาสได้แล้วตอนที่น้องหยุดไม่ยอม เดินไปตามแรงจูงของผมและยังสะบัดมือผมอีก

“เป็นบ้าอะไรของนายวะ!!”

น้องตะโกนเสียงดังลั่นและจ้องผมเหมือนอยากจะทำร้ายร่างกายกัน ผม ยืนนิ่งและสูดลมหายใจลึกๆ ทั้งร่างกายและจิตใจของผมตอนนี้ไม่อยู่ในสภาวะปกติที่จะตอบคำถามของเขาเลยสักนิด

“นายจะเอาไงกันแน่!! เดี๋ยวก็ดีใส่ เดี๋ยวก็ทำเมิน พอมีคนอื่นเข้ามาก็ ทำหวงก้าง!! ไอ้บ้า!! นายจะเอายังไงกับฉันแน่วะ!!”

พอผมไม่ตอบน้องก็ถลาเข้ามาชกอกของผมแรงๆแล้วก็ด่าผมไปด้วยผมปล่อยให้เขาชกผมโดยไม่ขัดขืนหรือปัดป้อง ผมเหนื่อยเกินกว่าจะพูดด้วยซ้ำ แต่พอน้องหยุดชกและก้มหน้าลง ไหล่ทั้งสองของเขามันก็สั่นขึ้น

“ซัทสึกิ...”

ผมครางเรียกชื่อเขาแล้วโอบมือขึ้นกอดเขาให้เข้ามาซุกกับอกของผมน้องพยายามดิ้นหนี พอผมไม่ยอมปล่อย เขาก็กัดไหล่ผมเสียเต็มแรง

“โอ๊ย!!”

“ริวซากิ เร็น!! ฉันเกลียดนาย!!”

เสียงของน้องตะโกนใส่หูผมและคว้าเอาลูกบาสที่อยู่ข้างเท้าเข้ามาขว้าง ใส่หน้าผมเต็มแรง แรงของลูกบาสที่น้องขว้างใส่มาอัดเข้ากับแก้มข้างที่ช้ำของผม จนเจ็บร้าวไปหมด

แต่มันก็ไม่เท่ากับหัวใจของผมที่ถูกคำพูดของน้องทำร้าย

ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองน้องอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงกล่ำด้วยความโกรธ สายตามองมาที่ผมอย่างตัดพ้อ ผมรู้สึกหมดแรงเกินกว่าจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป และไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้นของน้องด้วยเลยตัดสินใจหันหลังและเดินจากเขาไป

บางที...

สวรรค์คงจะเล่นตลกมากกับผมจนเกินไป ตลอดเวลาที่เกิดมาเป็นริวซากิ เร็น ผมไม่เคยรักใครมาก่อน แต่ทำไมพอถึงเวลาที่ผมจะมอบใจให้กับใครสักคนท่านถึงได้เลือกให้อิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นคนที่ผมจะมอบความรักให้

น้องไม่เพียงแต่ไม่รักผมเท่านั้น..

แต่วันนี้เขาถึงกับพูดออกมาเลยด้วยซ้ำว่าเขาเกลียดผม

ผมจะเดินหน้าความรักของผมต่อไปดี หรือจะหยุดมันไว้เพียงแค่ตรงนี้ผมไม่รู้เลยสักนิดว่าผมจะเดินไปทางไหนดี

ผมเหนื่อยเหลือเกินตอนนี้...

เมื่อเราหมดสภาพและตกอยู่ในสภาวะท้อแท้จนถึงที่สุดแล้ว ผมคิดว่า ทุกคนเองก็เหมือนผมที่ท้ายที่สุดแล้วก็จะหันไปนึกถึงบุพการีที่เบ่งคลอดเราออกมา

ผมกำลังนึกถึงคุณมี๊ครับ

ผมตัดสินใจขับรถกลับบ้านไปในรอบหลายวัน ทันทีที่คุณมี๊รู้ว่ารถของผมกำลังแล่นเข้ามาในบ้าน เธอก็เดินลงมาต้อนรับผมกลับบ้านด้วยรอยยิ้มเหมือน ทุกครั้งก่อนที่หน้าจะถอดสีเมื่อเห็นสภาพของผม

ความรู้สึกผิดมันบังเกิดขึ้นในใจครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง คุณมี๊ไม่เอ่ยดุอะไรผมสักคำแถมยังกอดตอบผมที่เดินเข้าไปกอดเธอแน่นๆ เราสองคนแม่ลูกพากัน เดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นคะลูก?”

คุณมี๊ถามขึ้นหลังจากที่รับกล่องยาจากสาวใช้มา พอเธอตบมือลงกับตัก ผมก็ขยับเข้าไปนอนหนุนตักให้คุณมี๊ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดเบาๆไปที่แผล

พอสำลีชุ่มแอลกอฮอล์แตะโดนแผลเท่านั้นแหละครับ ผมถึงได้รู้ว่ารอยช้ำที่ไอ้หมาทัตสึโอะมันฝากไว้เมื่อวานคงจะถลอกเพราะแรงอัดจากลูกบาสที่น้องขว้างใส่ผม ผมนิ่วหน้าน้อยๆ คุณมี๊เลยชะงักมือไว้แล้วลูบหัวผม

“เร็น..ลูกไม่เคยมีแผลมานานแล้วนะคะ บอกคุณมี๊มาตามตรงเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ผมหัวเราะในลำคอกับคำถามของคุณมี๊ก่อนจะจับมือคุณมี๊มาจุ๊บเบาๆแล้วเอียงหน้าซบมือของคุณมี๊ที่เอื้อมมาลูบแก้มข้างที่ไม่เจ็บของผม ผมเห็นสายตาของคุณมี๊ที่มองมาอย่างเป็นห่วงเสมอ เราสองคนแม่ลูกไม่เคยมีอะไรปิดบังกันอยู่แล้ว ผมจึงไม่แปลกใจในคำถามต่อมาของเธอ

“อย่าบอกคุณมี๊นะคะว่าแผลที่ได้มานี่เกี่ยวกับน้อง?”

“แผลนี้ตอนแรกมันช้ำอยู่เพราะเมื่อคืนผมไปชกไอ้เด็กปากเสียที่บอกว่าอยากแอ้มน้องครับแล้วก็มาโดนน้องซ้ำอีกรอบเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว”

พอผมบอกแล้วคุณมี๊ก็หยิกแก้มผม ให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยของเธอ ก่อนจะลูบแก้มผมเบาๆอีกหน

“คุณมี๊พอจะเข้าใจกับเหตุการณ์แรกหรอกนะคะลูก แต่เหตุการณ์หลังนี่ คุณมี๊ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่นะ ตกลงนี่น้องรู้จักลูกแล้วหรอคะเร็น? แล้วลูกไปทำอะไรให้น้องอัดซ้ำมา หรือไปทำโรคจิตลวนลามน้องมาคะ?”

“ผมเปล่าโรคจิตลวนลามน้องนะครับ แล้วน้องไม่ได้แค่รู้จักผมเท่านั้นนะครับ น้องเป็นของผมแล้วด้วย” พอผมบอกไปปุ๊บคุณมี๊ก็ตีแขนผมดังเพี้ยะเลยครับ ผมซี๊ดปากเบาๆแล้วยกมือขึ้นลูบต้นแขนที่ถูกคุณมี๊ตี บุพการีของผมส่ายหน้าไปมาทั้งๆที่ริมฝีปากยังยิ้มอยู่ครับ

“ลูกนี่จริงๆเชียว ไปขืนใจน้องมาหรือเปล่าคะถึงได้ถูกชกมาน่ะ?”

“ผมไม่ได้ขืนใจน้องนะครับ น้องสมยอมผมนะ แต่ที่โดนนี่ไม่ได้โดนชกนะครับ น้องเขาขว้างลูกบาสใส่หน้าผมต่างหาก..” ท้ายประโยคผมพูดเสียงเบา เหตุการณ์กับสีหน้าของซัทสึกิยังคงติดแน่นอยู่ในความทรงจำของผมอยู่เลยครับ

พอคิดถึงเขาแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าตอนนี้น้องจะทำอะไรอยู่ที่ไหนจะรู้สึกผิดไหมที่ทำกับผมแบบนี้หรือเขาจะไม่สนใจอะไรแล้วไปเฮฮากับพวกเพื่อนเขา ผมคิดถึงน้องแล้วก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่จนกระทั่งคุณมี๊ลูบหัวผมเบาๆและถามต่อ

“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกกับน้องคะ?”

“ผมทำตัวเองแหละครับ หึงน้องไม่เข้าท่าก็เลยหนีหน้าน้องไปดื่มเหล้ากับไอ้พวกโคเฮย์ น้องเลยคิดว่าผมเมินเขาน่ะครับ..เขาเลยบอกว่าเขาเกลียดผม”

ผมสารภาพออกไป ผมคิดว่าผมเข้าใจถูกนะว่าเรื่องทั้งผมมันเป็นเพราะแบบนี้ ผมได้ยินเสียงคุณมี๊ถอนหายใจก่อนจะลูบหัวผมต่อไปเรื่อยๆ

“ริวซากิ เร็น...คุณมี๊เคยคิดว่าลูกโตแล้วนะคะ แต่ดูท่าแล้วคุณมี๊จะคิดผิดแล้วสิ กับเรื่องของความรัก..ลูกยังเด็กอยู่มากๆเลยนะ” ผมเงียบครับไม่ได้พูดอะไรต่อปล่อยให้แม่ลูบหัวผมไปอย่างเงียบๆก่อนที่เธอจะผละมือเอาสำลีมาเช็ดแผลและใส่ยาให้ผมต่อ จนกระทั่งพลาสเตอร์เนื้อบางใสถูกปิดทับลงกับโหนกแก้มของผมเรียบร้อยแล้ว คุณมี๊ถึงเอ่ยถามต่อ

“แล้วลูกจะยอมแพ้หรอคะ? ซัทสึกิจังเป็นของลูกแล้วนะ ลูกจะถอยหลัง เดินหนีน้องมาแบบนี้ คุณมี๊ไม่ยอมให้ลูกของคุณมี๊ทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษแบบนั้นกับน้องนะคะ” กับคนอื่นที่ผมเคยควงมาคุณมี๊ไม่เคยพูดแบบนี้ครับ อาจเป็นเพราะซัทสึกิต่างจากทุกคนก็ได้ล่ะมั้ง น้องไม่เคยเดินมาเสนอตัวให้ผมเหมือนกับคนอื่นๆก็เป็นได้

“ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับคุณมี๊ แค่ถอยมาตั้งหลักก่อนเท่านั้น ยังไงคุณมี๊ ก็ต้องได้น้องมาเป็นลูกสะใภ้แน่ๆไม่ต้องห่วงครับ” ผมบอกแล้วยิ้มให้กับเธอ การได้คุยกับคุณมี๊ทำให้ผมมีกำลังใจสู้อีกหน คุณมี๊เองก็ยิ้มหวานตอบให้กับผมแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากของผมเบาๆ

“ยังไงก็ต้องพาน้องมาหาคุณมี๊ให้ได้นะคะ คุณมี๊อยากเจอจัง คนที่ทำให้ ลูกชายคนเก่งของคุณมี๊ท้อแท้ได้แบบนี้”

ผมหัวเราะก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นมากอดเธอไว้ ร่างเล็กของคุณมี๊ให้ไออุ่น และกำลังใจกับผมได้เสมอ

“แน่นอนครับคุณมี๊ แล้วผมจะพาน้องมาหาคุณมี๊ให้ได้”

มันเป็นทั้งคำสัญญาที่ผมให้กับคุณมี๊และให้กับตัวเองครับ

-TBC-

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด