พิมพ์หน้านี้ - Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: zynestras ที่ 19-11-2012 14:18:48

หัวข้อ: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 19-11-2012 14:18:48
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

---------------------------------------------------------
เพิ่งมาเป็นสมาชิกใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ >.<~  :o8:

:: สารบัญ ::
 1.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2203701#msg2203701) Update : 19/11/12
 2.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2204925#msg2204925) Update : 20/11/12
 3.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2205881#msg2205881) Update : 21/11/12
 4.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2206863#msg2206863) Update : 22/11/12
 5.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2208021#msg2208021) Update : 23/11/12
 6.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2209067#msg2209067) Update : 24/11/12
 7.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2216242#msg2216242) Update : 1/12/12
 8.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2224205#msg2224205) Update : 8/12/12
 9.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2229974#msg2229974) Update : 13/12/12
 10.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2231838#msg2231838) Update : 15/12/12
 11.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2239294#msg2239294) Update : 21/12/12
 12.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2240174#msg2240174) Update : 22/12/12
 13.ไดอารี่ของซัทสึกิ - ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2259256#msg2259256) Update : 11/1/13
 14.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2271173#msg2271173) Update : 23/1/13
 15.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2281936#msg2281936) Update : 2/2/13
 16.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2338955#msg2338955) Update : 5/4/13
 17.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2389402#msg2389402) Update : 24/5/13
 18.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2396757#msg2396757) Update : 1/6/13
 19.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2401792#msg2401792) Update : 7/6/13
 20.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2410321#msg2410321) Update : 17/6/13
 21.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2412609#msg2412609) Update : 20/6/13
 22.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2418655#msg2418655) Update : 27/6/13
 23.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2424208#msg2424208) Update : 04/7/13
 24.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2424208#msg2424208) Update : 06/7/13
 25.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2426073#msg2426073) Update : 09/7/13
 26.ไดอารี่ของเร็น - ตอนที่ 13 (ตอนจบ)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35698.msg2430093#msg2430093) Update : 19/7/13

ภาค 2 มาแล้วววว
อ่านได้ที่ >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38957.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38957.0)
(http://upic.me/i/2r/fqxas.jpg)


:: ผลงานเรื่องอื่นๆ ::
 [Shade of Season] When Its Rain เพียงเพราะรัก (กวินท์ & รัญชน์) จบแล้วค่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.0)
 [Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ (อนิรุทธ์ & ศราวิน) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37264.0)
 [Historical Fantasy] Demon Madden เสน่หาอสูรร้าย (มาร์คัสxไอเดน) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38538.0)


ติดต่อพูดคุยกันได้ที่(http://upic.me/i/zo/button-facebook.png) (http://www.facebook.com/ZynestrasFix) (http://upic.me/i/o0/button-twitter.png) (https://twitter.com/Zynestras)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 19-11-2012 14:21:55

Title :: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ (ภาคบันทึกของซัทสึกิ)
Couple :: Ren & Satsuki
Genre :: Romantic , Yaoi , Drama , Comedy
Rate :: PG to PG18
Author :: Zynestras

(http://upic.me/i/df/frame-1-4.jpg)

ตอนที่ 1

วันที่ไม่ได้รอ เดือนที่ไม่รู้ พ.ศ.ผมไม่ได้ใช้เพราะงั้นอย่ารู้มันเลย



วันนั้นอากาศสดใส มีเมฆน้อยบ้างประปราย ผมนอนหลับอุตุตั้งแต่เช้าก่อนจะถูกพี่มิซึรุลากออกจากเตียงลงมาเจอริวซากิ เร็น



นั่นคือวันแรกที่เราได้พบกัน



จบ!!



.
.



ถ้าผมเขียนไปแค่นี้ ดูท่าทางมันคงจะไม่ใช่ไดอารี่แล้วสินะ งั้นผมจะเขียนต่อก็แล้วกัน



เพราะริวซากิ เร็นก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกบ้านหลังน้อยๆ แต่จำนวนสมาชิกมันไม่น้อยตามขนาดของบ้าน ผมในฐานะที่มึงอยู่คนเดียว (ตามคำประธานที่ไอ้เคนใช้เรียก) เลยถูกจิกหัวให้ลงมารับรู้ว่าอาณาเขต ขนาดสี่คูณสี่เมตรของผมจะมีคนมาแย่งใช้อากาศด้วยนับตั้งแต่บัดนี้



“เตียงห้องผมสามฟุตครึ่งเองนะ..”



ผมโอดครวญไปกับคนดูแลบ้านอย่างพี่มิซึรุที่ยืนทำหน้าไม่รับฟังคำโอดครวญของน้องชายที่หล่อที่สุดในโลก แต่กลับหันไปหาไอ้หล่อที่ผมดูหน้ามันแล้วไม่ค่อยเข้าตาเท่าไหร่ (แอบกระซิบบอกก็ได้ว่าผมหมั่นไส้มัน คนอะไรหล่อตั้งแต่เส้นขนบนหัวจรดส้นตีนของมัน)



“ก็ไปซื้อใหม่ก็ได้นิไอ้โง่ เร็นเขามีเงินไม่เหมือนเด็กยาจกอย่างนายหรอก” ไอ้เคนปากดี ได้ข่าวว่าเอ็งก็ยาจกไม่แพ้กูนะ



“มีเงินแล้วจะมาอยู่หอพักพวกเราทำไมวะ”



มองสภาพหอพักโทรมสัสๆ แล้วก็หันไปมองไอ้รถออดี้สีดำคันใหญ่รุ่น ห่าไรไม่รู้เพราะผมไม่ใช่ลูกคนรวย (เข้าใจมั้ย?) หันกลับไปมองอีกทีที่กระเป๋าใบโตๆที่คาดว่าจะมียี่ห้อเหมือนกับไอ้คนใช้มัน ผมก็อดที่จะถามไม่ได้



“ก็แค่อยากลองใช้ชีวิตบ้านๆดูบ้าง”



ไอ้ลูกคนรวยมันตอบกลับมาแล้วยักไหล่ โอเคซึ้งมากกก อยากใช้ชีวิตบ้านๆ แต่มึงขับออดี้เปิดประทุน แต่งตัวแบรนเนมด์ตั้งแต่หัวจรดตีนและมีแพลตตินั่มการ์ดอยู่ในกระเป๋าอีกเป็นสิบใบ(ตามคำกระซิบของไอ้เคน)



คอยดูเถอะ!! สักวันผมจะปลอมลายเซ็นต์มันแล้วเอาบัตรไปรูดให้หมด!!



“ซัทจังนายช่วยเร็นขนของขึ้นไปบนห้องด้วยก็แล้วกัน”



พี่มิซึรุหันมาบอกแล้วเดินออกจากบ้านไปเฉยเลยปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับไอ้หล่อนี่และเคนอิจิตามลำพังอย่างนั้นหรอ



แล้วไอ้ของมากมายที่กองรวมกันอยู่นี่ ผมอยากจะรู้นักว่าไอ้คุณชายมันคิดว่ามันจะได้ห้องแบบมีพื้นที่ร้อยเอเคอร์เป็นของตัวเองหรือยังไงกันถึงได้ ขนมาเพียบขนาดนี้



“ยัดหมดนี่เข้าห้องก็ไม่ต้องซื้อเตียงใหม่กัน” ผมบ่น ไอ้คนที่ก้าวเข้ามาสร้างความลำบากให้ผมตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากันมันยักไหล่ก่อนจะล้วงกระเป๋าตังค์ของมันขึ้นมาควักแบงค์ออกมายื่นให้ผม



“เอาไปแล้วจัดการขนของขึ้นไปให้ด้วย เสร็จแล้วรีบลงมาล่ะจะได้ไปซื้อเตียง” หนึ่งหมื่นเยนถูกยื่นมาให้กับผม เข้าทำนองว่าเอาเงินฟาดหัวให้กูทำแล้วตัวมึงจะยืนลอยชายสบายคอยกูอยู่ข้างล่างใช่มั้ย?



“คิดว่าเอาเงินฟาดหัวแล้วฉันจะยอมทำให้นายหรือไง?”



“ใช่” ผมเหม็นขี้หน้ามันจริงๆ คิดว่าคนอย่างผมซื้อได้ด้วยเงินหรือไง



“จะเอาไม่เอา”



“เอา!!” ผมคว้าเงินหมับแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนไอ้เคนมันจะแย่งคว้าไปได้ทัน เพราะค่าขนมเดือนนี้มันหมุนไม่ทันหรอกนะเว้ย!! อย่ามาเหมาว่าตูหน้าเงินนะมึง



ผมมองค้อนให้ไอ้หล่อนั่นอีกทีก่อนจะกระทุ้งศอกให้ไอ้เคนที่มัน ทำหน้าเสียดายเงินอยู่ข้างๆแล้วพยักเพยิดไปที่กองข้าวของ



“ช่วยกูหน่อย”



“เรื่องดิ เงินก็กูก็ไม่ได้ ทำไมกูต้องช่วย? โอเคๆ ช่วยก็ได้ เอะอะใช้ กำลังกับคนน่ารักอย่างกูตลอด” เพราะผมเงื้อหมัดไปหามัน มันถึงยอมจะช่วย ผมได้ เราสองคนใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงในการขนของทั้งหมดขึ้นไปไว้ชั้นสอง



เดินแบกของอยู่หลายเที่ยวผมชักจะรู้สึกว่าไอ้หมื่นเยนที่ได้มันชักจะไม่คุ้มเหนื่อยเอาเสียเลย แถมพอนั่งไม่ถึงนาทีไอ้หล่อที่โผล่เข้ามาดูข้าวของๆมันก็ลากผมติดมือมันลงไปข้างล่าง จับผมยัดเข้าไปในรถคันหรูของมันและขับบึ่งออกนอกบ้านทันที



“เดี๋ยว!! นี่เรากำลังจะไปไหน” ลากกูมาแล้วช่วยบอกจุดหมายปลายทางด้วยได้มั้ยครับไอ้หล่อ



“ไปหาไรกิน หิว!! แล้วก็ไปซื้อเตียงด้วย” ผมยักไหล่น้อย โอเคไม่มีปัญหา ผมคิดว่าอย่างนั้นนะแต่หลังจากนั้นสิบนาทีผมก็เริ่มรู้สึกว่าผมคิดผิด



“นายจะกินที่นี่เนี้ยนะ?” ร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูราคาแพงที่ผมไม่มี วันเหยียบย่างเข้าไปเด็ดขาดคือที่ๆจะหาไรกินของไอ้หล่อมัน



“ใช่” คำพูดยืนยันหนักแน่นของมันทำให้ผมต้องก้มลงมองตัวเองจรดตีนแล้วมองหน้ามันพลางชี้นิ้วเข้าอก



“สภาพฉันแบบนี้เนี้ยนะจะให้เข้าร้านหรูๆแบบนี้?”



ไม่อยากบอกสภาพความแมนๆในจุดนั้นว่าผมใส่เสื้อกล้ามที่ในอดีตมันเคยเป็นสีขาว แต่ตอนนี้มันมอซอจนกลายเป็นสีเทาไปแล้วเรียบร้อยกับกางเกงผ้าขาสั้นขอบยางยืดลายปลานีโม่กับหนีบอีแตะหนีบสีชมพูที่จิ๊กมาจากไดจัง สภาพแบบนี้เนี้ยนะจะให้เข้าร้านอาหารอิตาเลี่ยน ใช้สมองส่วนไหนคิดวะไอ้ลูกคุณหนู?



“ใช่” แม่ง....พูดเป็นคำเดียวหรือไงวะ



“ไม่เอาอ่ะ นู่นเลย ข้าวกล่องเซเว่นพอ” ผมชี้นิ้วไปร้านสะดวกซื้อสีส้มเขียวแดงฝั่งตรงข้าม แล้วใช้สายตาประมาณว่าให้ตายยังไงกูก็ไม่เข้าไปกินอาหารอิตาเลี่ยนอะไรนี่กับมึงเด็ดขาดและเด็ดขาด



“ข้าวกล่องเซเว่น? มิน่าโตมาตัวถึงได้แคระแกรนแบบนี้”



อื้อหือปากร้ายไม่เบานะไอ้ลูกคุณหนูคนนี้ ผมถลาเข้าไปเงื้อหมัดใส่มันด้วยความขุ่นเคืองหมายจะประทุษร้ายหน้าหล่อๆนี่สักหน



แต่ขอบอกว่าความคิดของผมมันไม่ง่ายเหมือนกับเวลาผมทำกับเคนอิจิเพราะไอ้บ้านี่มันคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผมแล้วลากผมเข้าไปในร้านนั้นอย่างไม่สนความสมัครใจของผมเลยสักนิด มันจับผมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับมันแล้วจัดแจงสั่งอาหารอิตาเลี่ยนมากมายจนผมต้องยกมือเบรกมัน



“พอแล้วๆ จะสั่งเยอะแยะไปไหน มาแค่สองนะไม่ใช่สิบ”



“นายน่ะกินไปเยอะๆ จะได้เอาไปพัฒนาส่วนสูงบ้าง แล้วก็ไม่ต้องห่วง มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”



เออ!! ไอ้พ่อบุญทุ่ม ถ้ามึงไม่จ่ายแล้วใครจะจ่าย แล้วมึงกัดเรื่องส่วนสูงของกูสองรอบแล้วนะ



ผมเก็บเอาความเครียดไประบายลงกับอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมจับมันยัดเข้าปากโดยไม่รู้ว่ามันจะชื่อว่าอะไรบ้างและไม่สนใจกาลเทศะใดๆทั้งสิ้นในเมื่อไอ้คนพามามันอยากให้ผมกินทั้งในสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้ผมก็จะกินมันทั้งอย่างนี้น่ะแหละ (อันที่จริงเรียกว่าโกยเข้าท้องจะดีกว่า มีโอกาสกินของแพงโดยไม่ต้องเสียตังค์เองทั้งที่นี่นา!!)



“ปากเลอะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากจานซุปอะไรสักอย่างที่มันใส่เห็ดไปด้วยแล้วมองหน้าไอ้คนพูดที่ยกนิ้วชี้ไปตรงมุมปากตัวเองบอกให้ผมรู้ อีกนัยหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่ามันกำลังจะว่าผมกินมูมมามหรือเปล่า



ด้วยความเคยชินผมก็ยกมือขึ้นจะป้ายไอ้ที่เลอะมุมปากออก แต่ไอ้หล่อมันเสือกลุกขึ้นยืนแล้วชะโงกผ่านอาหารที่วางเรียงเป็นตับบนโต๊ะและใช้ผ้าเช็ดปากในมือของมันแตะซับไอ้ที่เปื้อนมุมปากผมให้แผ่วเบา



ผมนิ่งอึ้งเพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อนนอกจากพ่อกับแม่ของผม แต่นั่นมันก็ตั้งแต่สมัยผมตีนเท่าฝาหอย ผมได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆมาจากโต๊ะข้างหลัง พอหันไปดูเหมือนก็เห็นกลุ่มผู้หญิงสาวๆน่าจะเป็นพวกสาวมหาลัยแถวๆนี้กำลังมองมาแล้วทำตาวิ๊งวับน่ากลัวแปลกๆ



สายตาของพวกเธอเล่นเอาผมหน้าร้อนได้ไม่ยาก



“เอามานี่ เช็ดเองได้หน่า!!” ผมเอ็ดเร็นแล้วดึงเอาผ้าเช็ดปากในมือของมันมาเช็ดต่อเอง ไอ้คนหวังดี(แต่จะประสงค์ร้ายด้วยป่าวไม่แน่ใจ) มันหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะจิบไวน์ขาวที่มันสั่งมา ผมอดมองค้อนมันไม่ได้ ยังจะ มีหน้ามีอารมณ์มานั่งจิบไวน์อีกนะมึง



ออกจากร้านอาหารที่ทำให้ผมขายหน้าที่สุดมากในโลก ไอ้คุณชายมันก็ลากผมไปเดินต่อที่ห้าง ผมที่อยากจะกลับไปนอนต่อที่บ้านจะแย่อยู่แล้วก็ต้องเดินตามมันไปเพราะเสียดายค่ารถกลับบ้าน(ก็เดือนนี้เงินมันติดลบนี่!!)



ไอ้คุณชายมุ่งตรงไปที่โซนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านและชี้ไปที่เตียงนอนหลุยส์สีทองดูดีมีคลาสมีชาติตระกูลทันที



“เอาหกฟุต ฟูกขอเป็นแบบยางพารา ส่วนชุดผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มขอเป็นสีขาวล้วนสามชุด” ผมชะงักกับสิ่งที่ไอ้คุณชายมันสั่ง เลยเดินเข้าไปกระตุกแขนมัน



“หกฟุต? บ้าหรือไงกัน ห้องแคบจะตายยัดเข้าไปได้ที่ไหน แล้วผ้าปูเอาไปทำไมตั้งสามชุด?”



“ก็เอาเตียงนายออกสิ แค่นี้ก็มีที่ตั้งแล้ว แล้วผ้าปูสามชุดเพราะฉันต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มทุกวัน”



“เอาเตียงฉันออกแล้วจะให้ฉันนอนพื้นหรือไงวะ แล้วเว่อร์ไปป่ะต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผ้าห่มทุกวัน?” ถ้าเซลล์ไม่ยืนมองตาแป๋วฟังพวกผมเถียงกัน ผมจะถามมันด้วยว่าที่ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกวันนี่เพราะมันฉี่รอดที่นอนหรือ ยังไงกัน?



“ก็นอนเตียงนี้ด้วยกันไง โง่จริง ใครจะปล่อยให้นายนอนพื้น”



ฟังมันแล้วผมก็พยักหน้างึกงักก่อนจะหันควับไปมองหน้ามัน ให้ผม นอนเตียงเดียวกันกับคนไม่สนิทเนี้ยนะ ขนาดไอ้เคนที่วิ่งไล่เตะตูดกันตั้งแต่อนุบาล ผมยังไม่นอนเตียงเดียวกับมันเลย



“ใครจะนอนกับนาย เอาสามฟุตครึ่งไปเลย นอนแยกๆ” ผมชี้ไปที่เตียงที่มีขนาดเล็กกว่าข้ามหน้ามัน มันเลยเอามือตีมือผมดังเพี๊ยะ



“เจ็บนะเว้ย!!”



“ห้องแคบเท่ารูหนู ยัดเตียงสามฟุตครึ่งไปอีกเตียงก็ไม่ต้องมีที่เดินกันพอดี” มันว่าแล้วควักเอาบัตรแพลตตินั่มอันแรกออกมายื่นให้เซลล์แมนที่ยืนลุ้นทำยอดขายอยู่ ผมหน้างอใส่มันอยากจะด่ามันใจจะขาดว่าไอ้ที่ทำให้ห้องไม่มีที่น่ะคือข้าวของๆมันที่ขนมาเมื่อเช้ามากกว่า แต่มันเล่นเอามือมาดึงแก้มผมแล้วลากให้ผมไปอีกร้าน



“ไปซื้อทีวีกับตู้เย็นกัน!”



อะไรนะ!!




ห้องมันแคบ...เจอเตียงหกฟุตของไอ้บ้านี่เข้าไปก็ยิ่งแคบ



แล้วผมอยากรู้จริงๆ มันใช้ส่วนไหนของสมองคิดถึงได้เลือกเตียงหลุยส์มา พอเอามาตั้งในห้องแล้วโคตรจะมิกซ์แอนด์ไม่แมตซ์กับห้องเล็กๆเท่ารูหนูที่มีแต่เฟอร์นิเจอร์ถูกๆเลยสักนิด



เตียงเก่าของผมที่ถูกยกออกไป กลายเป็นผลพลอยได้ของเคนอิจิที่ปกติต้องไปนอนเบียดกับไดจังและฮิโรโตะ ผมเดินเกร่ๆมาหาไอ้เคนที่ห้อง เห็นมันกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนอดีตเตียงของผม โดยมีไดจังกำลังนั่งเอาขายันก้นมันอยู่



“ว่าไง? จัดของเสร็จแล้วหรอวะ?”



เคนอิจิมันถลาเอาหน้ามาหาผม ผมเลยยันมันกลับไปที่เดิมแล้วนั่งลงตรงปลายเตียงของไดสุเกะ



“ยัง..กูขี้เกียจอยู่ แม่งวุ่นวายชิบหาย”



ไอ้หล่อนั่นก็เรื่องมาก ย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องเพราะมันจะเอาทีวีไปติดผนังตรงปลายเตียง ตอนนี้มันเลยสั่งให้คนของมันเจาะรูที่ผนังเพื่อเอาทีวีไป ติดอีก ไหนจะเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ที่มันสั่งถอยมาอีกด้วยเหตุผลว่าไอ้เครื่องที่ติดอยู่เดิมมันเก่ามากแล้วไม่รู้ว่าจะฟอกอากาศให้เป็นโอโซนได้หรือเปล่า



ผมอยากจะบอกมันจริงว่าถ้าเรื่องมากขนาดนี้ มึงกลับไปอยู่บ้านเถอะไอ้คุณชาย คำว่าบ้านๆของมึงกับกูคงจะต่างกันแต่ก็นึกเพลียเกินกว่าจะพูดออกมาเป็นคำได้เลยต้องหนีมาหาไอ้เคนกับไดจังแทน



“ฉันว่าคืนนี้น่าจะวุ่นวายกว่านี้อีก...”



ไดจังพูดเปรยๆออกมาก่อนจะหยิบกีต้าร์ตัวโปรดมาเกาเพลงอย่างสบายอารมณ์หลังทิ้งข้อความเป็นนัยยะให้ผมต้องตีความ



“หมายความว่าไงไดจัง?”



ผมคลานขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงข้างๆไดจัง ถ้าจะมาพูดเป็นปริศนาแล้วไม่ยอมเฉลยนี่ผมจะงอแงให้ดูเลยคอยดูสิ!!



“ก็...นายสองคนต้องนอนเตียงเดียวกันใช่ม่ะ?”



ผมพยักหน้างึกงัก แล้วก็ยังไม่เข้าใจความหมายของไดจังสักเท่าไหร่



เคนอิจิเองมันก็เอาหน้าของมันมาเกยอยู่กับไหล่ของผมและจ้องหาคำอธิบายจากไดจังเหมือนกัน



“ฉันจะบอกข่าวดีอะไรให้นายรู้ไว้อย่างนะอิชิฮาระ ซัทสึกิ..”



ไดจังหยุดเกากีต้าร์ของเขาแล้วตบมือมาบนไหล่ของผมที่อึ้งไปกับคำพูดของเขา



“ริวซากิ เร็น นักศึกษาปีสาม คณะสถาปัตย์ ดีกรีเดือนมหาลัย...”



.
.



“เป็นเกย์ล่ะเพื่อนเอ๋ย...เกย์รุกด้วยนะ ยังไงเย็นนี้ไปหาซื้อเจลหล่อลื่น ไว้ก็ดีนะ..หน้าตารูปร่างแบบนายน่ะ สเป็คหมอนั่นเลยขอบอก”



ชิบหายแล้ว!!



คืนนี้ผมจะโดนไอ้เกย์คุณหนูนั่นปล้ำหรือเปล่าวะนี่!!


โปรดติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 1 [Update : 19/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 20-11-2012 19:38:22
Chapter 2

วันรุ่งขึ้นที่อธิปไตยของผมยังคงอยู่...


แต่มันก็สั่นคลอนน่าดู


เพียงแค่คืนแรกที่ผมต้องนอนกับไอ้คุณชายมัน ผมก็รู้สึกเป็นห่วงสวัสดิภาพบั้นท้ายจนแทบไม่อยากกลับเข้าห้องไปเลยสักนิด เป็นเกย์ไม่ว่าเสือกมีสเป็คเป็นเด็กหนุ่มหล่อๆหุ่นเพอร์เฟ็คมาดแมนอย่างกูอีก


เมื่อคืนพออาบน้ำเสร็จผมเลยเอากางเกงวอร์มมาสวมทับบ็อกเซอร์สามสี่ตัวที่หยิบเอามาใส่ เอาหน่าอย่างน้อยคืนนี้ไอ้คุณชายมันก็เปิดแอร์เสียเย็นฉ่ำคงไม่ร้อนหรอก


ผมลังเลเล็กน้อยก่อนจะหยิบเอาเสื้อฮู้ดแขนยาวมาสวมทับเสื้อยืดที่ข้างในมีเสื้อกล้ามใส่อยู่อีกสองสามตัว เอาวะอย่างน้อยกว่ามันจะถอดหมดก็คงหมดอารมณ์ไปเอง


“หนาวขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันหรี่แอร์ให้มั้ย?”


ไอ้คุณชายที่นอนกระดิกเท้าดูละครอยู่บนเตียงมันหันมาเห็นสภาพของผมแล้วเอ่ยถาม เสือกนึกใจดีอะไรขึ้นมาล่ะถึงจะได้หรี่แอร์ให้


“ไม่เป็นไร ฉันชอบนอนแบบนี้” ผมบอกแล้วลากตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่เท่าควายของไดจังที่ยืมมาขึ้นเตียง เอาไอ้ตุ๊กตากระต่ายปิศาจนั่นขวางระหว่างผมกับเร็นแล้วผมก็หลับไป


ผมจำได้อย่างนั้นนะ...


แต่ทำไมพอตื่นมาเช้าวันนี้ ไอ้ตุ๊กตากระต่ายปิศาจนั่นมันก็ลงไปนอนเคล้งเก้งอยู่กับพื้นข้างเตียง แล้วผมถึงถูกไอ้เร็นมันกอดเอาแบบนี้ล่ะ


ผมลืมตาถลนอย่างตกใจ เพราะพอเปิดตาขึ้นมาภาพที่เห็นปลายจมูกโด่งที่น่าซัดให้มันหักของไอ้เร็น แถมแขนมันยังกอดผมหนึบอย่างกับตีนตุ๊กแกอีกต่างหาก ผมดันมันออกห่างมันก็ยังไม่ยอมปล่อยแถมยังพูดงึมงำใส่ผมอย่างหน้ามึนอีกด้วย


“นอนดีๆหน่อยดิ” มันรู้มั้ยว่าจังหวะการพูดของมันกำลังงับปลายจมูกของผมอยู่


“ปล่อยดิ ฉันจะลุก”


“ลุกเดี๋ยวปล้ำเลยนิ นอนต่อ นี่คือคำสั่ง”


พ่อมึง!! ผมอยากจะกรีดร้องให้ลั่นบ้าน ไอ้บ้านี่บอกจะปล้ำผมอย่างนั้นหรอ!! ด้วยความตกใจผมเลยนอนช็อคตัวแข็งให้มันกอดต่อ


ไอ้เร็นมันเงียบไป มันนอนได้เงียบมากถึงขั้นผมเกือบคิดว่ามันนอนตายไปแล้วถ้าลมหายใจของมันไม่ได้พ่นใส่หน้าของผมอยู่แบบนี้ ผมเริ่มสำรวจตัวเองอีกครั้งและพบว่าไอ้เสื้อผ้าที่ผมจับใส่มาหลายชั้นเมื่อคืนมันเหลือแค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ตัวเดียว


ห่า!! มึงทำอะไรกูระหว่างหลับไปวะเนี้ยริวซากิ เร็น!!


ผมพยายามดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากวงโคจรของเร็นแต่มันยังกอดผมแถมยังยกขาขึ้นมาก่ายขาผมอีก


โอเคกูซึ้งมาก ณ จุดนี้ ท่ามันล่อแหลมสุดๆ ขอผมลืมหายใจไปสักหนึ่งนาที ไว้อาลัยให้กับตัวเองกับเช้าที่อุบาทว์ชาติชั่วที่สุด คนแมนๆอย่างผมตื่นมาควรจะมีสาวน้อยหน้าตาน่ารักนอนหลับพริ้มในอ้อมกอดสิไม่ใช่ตื่นมาแล้วเจอว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของเพศผู้ด้วยกัน


แต่ประเด็นนั้นยังไม่ทรมานใจเท่าความจริงที่ว่าท่านอนในเวลานี้มันทำให้ไอ้จู๋น้อยของผมกับมันกำลังเบียดกันอยู่


ด้วยความรันทดใจขั้นแม็กซ์ของตัวเอง เมื่อหาทางออกจากอ้อมแขนตุ๊กแกของไอ้บ้านี่ไม่ได้ ผมก็พยายามกระเถิบเอวกับสะโพกถอยออก อย่างน้อยก็ขอเว้นสเปซให้กับลูกน้อยให้ได้อากาศหายใจบ้างอะไรบ้าง


แต่เชื่อไหม ผมถอยห่างออกไปได้ไม่ถึงวินาที ไอ้บ้านั่นก็เบียดตามติดมา เชี่ยเถอะ!! ณ เวลานั้นผมอยากยกมือขึ้นมาบีบคอแล้วตะคอกใส่มันมากว่าจู๋มึงกับจู๋กูไม่ได้เป็นแม่เหล็กเหนือใต้นะมึง ไม่จำเป็นต้องดึงดูดประกบติดกันตลอดเวลาแบบนั้นก็ได้!!


แต่ที่ทำให้ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นก็เพราะมือของไอ้บ้านี่มันเลื้อยลงไปจับตูดผม จับไม่พอแถมขยำอีก ลวนลามกันสุดๆ นาทีนั้นผมผลักมันสุดแรงแล้วกระเด้งตัวขึ้นเงื้อหมัดจะต่อยมัน


ไม่บอก...คุณก็คงรู้ว่ามันรับหมัดของผมได้อีกแล้ว แถมยังมีหน้ามากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผมอีก


“ไอ้..ไอ้!!”


ผมตัวสั่นไปหมด อยากจะด่ามันแต่นึกคำไม่ออก อยากจะต่อยมันให้ดั้งยุบกันไปข้างที่บังอาจมาลวนลามความแมนของผมแต่มันก็เสือกจับข้อมือของผมไว้อีก


“ตูดงอนดีนะ เคยใช้งานมั่งยัง” ยังมีหน้ามาถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริงบันเทิงใจอีก ผมอยากจะกระโดดถีบขาคู่ใส่ยอดอกมันจริงๆ


“ไม่เคยเว้ย!! แล้วก็ไม่คิดจะใช้ด้วย!!” ผมตะโกนลั่นบ้านก่อนจะตัดสินใจเอาหัวโม่งหัวมันดังโป๊กแล้วชิ่งหนีออกจากห้องไประหว่างมันมึน


อยู่ต่อท่าจะแย่ ขอหนีไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน


“เป็นไง เมื่อคืนกี่รอบ?”


คำทักทายยามเช้าของไอ้เคนอิจินี่มันวอนได้รับประทานอาหารเป็นเกิบคู่ที่สวมอยู่กับเท้าของผมเสียจริง ผมเขกหัวมันแล้วเดินไปอ้อนไดจัง


“คืนนี้ฉันย้ายมานอนห้องนายนะ..” เอาหัวถูๆกับไหล่ด้วยเดี๋ยวไดจังไม่ใจอ่อน


“อ่าวเฮ้ย!? นี่ก็ห้องกูเหมือนกัน ทำไมขอกับไดจังแค่คนเดียววะ” ผมปรายตาหันไปแยกเขี้ยวใส่มันให้เงียบแล้วทำตาวิ๊งๆใส่ไดสุเกะ


“ไม่ล่ะ ซัทจังนอนกับเร็นน่ะดีแล้ว ฉันอยากเห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที” อ่าวไหงสนับสนุนให้เพื่อนเป็นเมียชายอื่นอย่างนี้ละครับโยซาโนะ ไดสุเกะ


ผมต่อยแขนของไดจังเบาๆ (ไม่กล้าทำหนักเพราะไดจังไม่มือเท้าหนักไม่แพ้ใคร โดนเอาคืนแล้วจะเจ็บไม่ใช่น้อย) ก่อนทำหน้างอ..รอการง้อจากเพื่อนรักตามสเต็ปโดยไม่ลืมจะมองจิกไอ้คนที่หัวเราะท้องคัดท้องแข็งอย่างเคนอิจิด้วย


“หน่าๆ นี่มีของดีให้ด้วยนะ”


มีของมาล่อผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาอีกนิด เลยรีบหันไปหาคนพูดแต่พอเห็นของที่มันหยิบมาแล้วผมก็ใช้เท้าเตะเสยของในมือมันทันที


ห่า....เจลหล่อลื่นขนาดขวดจัมโบ้ผูกด้วยริบบิ้นสีแดง


“เก็บไว้ใช้กับตัวเองเถอะโคยามะ เคนอิจิ”


ผมทำน้ำเสียงนิ่งเย็นชาแล้วมองจิกมัน แต่ดูเหมือนไอ้หน้าไก่จะไม่สำนึก มันงอตัวหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างไม่มีมารยาท พอๆกับไดจังเลย


ไม่เห็นประโยชน์ที่อยู่ต่อเป็นตัวตลกให้เพื่อนรักแล้ว ผมก็เลยกลับห้องไป อย่างน้อยไปอาบน้ำอาบท่าแล้วออกไปเหล่สาวที่มหาลัยดีกว่า


เดี๋ยวค่อยคิดหาทางป้องกันสถานการณ์คืนนี้อีกทีก็แล้วกัน



ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าคณะผมก็อยากจะย้ายมวลสารของกายหยาบออกจากมหาลัยมันเสียเดี๋ยวนั้น แต่ยังไม่ทันหรอก ไอ้สองตัวถึกๆมันก็ถลาเข้ามาหาผม คนหนึ่งมาพร้อมด้วยช่อดอกไม้สีชมพูกับอีกคนมาพร้อมด้วยตุ๊กตาหมีสีขาวและมันประสานเสียงเข้ามาหาผมพร้อมกันทั้งคู่จนผมอยากกระโดดแยกขาถีบหน้ามันพร้อมๆกัน


“น้องซัทจังคร้าบ~~~~”


ผมหันหลังแล้วเดินกลับออกไปทันที แต่ไม่วายที่มันสองตัวจะเข้ามาประกบผมซ้ายขวาแล้วยังมีหน้าอวดของในมือพวกมันด้วย




“พี่ซื้อดอกไม้มาให้น้องซัทจัง น้องซัทจังชอบไหมครับ? สวยและแพงที่สุดในร้านเลยนะครับ เหมาะกับคนสวยๆอย่างน้องซัทจังที่สุด”




“พี่เองก็ซื้อตุ๊กตาหมีมาให้น้องซัทจังเหมือนกัน เวลานอนกอด น้องซัทจังจะได้นึกถึงพี่ยังไงครับ”




ครับ...มันโฆษณาสรรพคุณของที่พวกมันหิ้วกันมาแล้วมันก็มองเขม่นข้ามหัวผมกันเอง ผมมองช่อดอกไม้แล้วทำน่าสยอง แมนๆอย่างกูมึงจะให้ถือช่อดอกไม้สีหวานแหววไปทั่วมหาลัยนี่มึงใช้อะไรคิดวะครับไอ้รุ่นพี่คณะเศรษฐศาสตร์
แล้วพอหันไปหาอีกฝ่ายที่มันกำลังฉีกยิ้มแป้นเอาตุ๊กตาหมีเทียบกับใบหน้าหมีๆของมันอย่างภาคภูมิใจ คิดว่าผมจะเลือกมันล่ะสิ




“ขอโทษครับ พวกพี่ไม่มีเรียนหรือไงครับ?”




วันๆเอาแต่ตามเกาะติดเป็นเห็บชีวิตกูอยู่ด๊ายยยย!!




กูจะไปจีบสาว จะไปม่อสาว แล้วพวกมึงมาติดกับกูเป็นตังเมแบบนี้สาวที่กูไปจีบเค้าจะคิดยังไง!! แหม...คงภูมิใจน่าดู ผู้ชายที่มาจีบกูมีปลิงชีวิตตัวถึกๆสองตัวตามติดอย่างกับเป็นเงาที่สองเงาที่สามของร่างกายงั้นแหละ




“ไม่มีครับ พี่อุตส่าห์มามหาลัยเพื่อเจอน้องซัทจังเลยนะครับ”




“พี่มีเรียนบ่ายครับ เพราะงั้นช่วงเช้านี้พี่ยกเวลาทั้งหมดให้น้องซัทจังได้เลยและถ้าน้องซัทจังต้องการเวลาช่วงบ่ายด้วยพี่ก็ยินดีโดดให้ครับ”




เอ่อ...มึงไม่ต้องยินดีก็ได้ กูเกรงใจ ไม่อยากได้




ผมยังไม่ทันตอบอะไรกลับไป อีกหนึ่งมนุษย์เกย์ที่เพิ่งพาตัวเองเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของผม มันก็เดินเฉิดฉายความหล่อของมันให้ฟุ้งกระจายไปทั่วคณะผม แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่มันกำลังตรงดิ่งมาหาผมและหยุดยืนอยู่ข้างหน้าผมในระยะหนึ่งเมตรพร้อมกับดอกไม้ช่อโตประดับตุ๊กตากระต่ายบนช่อดอกไม้ด้วย




ไอ้บ้านี่กำลังจะทำให้ผมขายหน้าใช่มั้ย!!




“พี่มารับซัทจังไปทานมื้อกลางวันตามที่เรานัดกันเมื่อคืนครับ”




นัด...!?




กูไปนัดอะไรมึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!! แล้วใครอนุญาตให้มึงเรียกกูว่าซัทจังวะครับ!!




ผมยืนเอ๋อแบบสมองไม่สามารถประมวลผลได้ พอๆกับไอ้สองตัวถึกๆ ที่ยืนประกบผมอยู่ คาดว่าพวกมันคงน็อคเอ้าท์ไปที่เจอคู่แข่งที่มาแบบเหนือชั้นกว่าอย่างริวซากิ เร็นไปแล้ว




เร็นมันใช้ช่วงจังหวะที่ผมยืนเอ๋อ ชิงตัวผมจากรุ่นพี่อิโต้และรุ่นพี่ยามาดะไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของนักศึกษานับร้อยชีวิตที่อยู่ตรงลานหน้าคณะ ขึ้นรถเปิดประทุนป้ายแดงของมันและขับออกไปอย่างรวดเร็ว




พรุ่งนี้ชีวิตสดใสในมหาลัยของผมคงหมดกัน หนังสือพิมพ์คณะคงพาดหัวข่าวใหญ่




นักศึกษาปีสองสุดหล่อ อิชิฮาระ ซัทสึกิ เอกการละคร ถูกริวซากิ เร็นเดือนมหาลัยชิงนางไปจากหนุ่มคณะบริหารและวิศวะกลางลานหน้าคณะนิเทศ!!




จบ!! จบกันคราวนี้!!




ความแมนของผมมันจบสิ้นยิ่งกว่าที่ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นเทียวไล้เทียวขื่อมาเป็นปีเสียอีก




“ฉันนัดกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมจุดประเด็นถามขึ้นมาเมื่อเร็นมันกำลังจะขับรถเลี้ยวออกจากประตูมหาลัย




“ตอนที่นายนอนกอดฉันไง”




ผมหันกลับมามองไอ้หล่อที่มันหยิบเอาแว่นกันแดดที่ดูท่าราคาจะแพงไม่น้อยขึ้นมาใส่ ผมเนี้ยนะนอนกอดมัน มันสินอนกอดผมล่ะไม่ว่า




“ฉันไม่เห็นจำได้” ผมหมุนช่อดอกไม้ที่มันยัดใส่มือของผมดู พลางหรี่ตามองไอ้กระต่ายหูยาวสีชมพูอย่างหมั่นไส้ ไอ้บ้านี่มันต้องล้อเลียนเรื่องกระต่ายปิศาจเมื่อคืนแน่ๆถึงจงใจซื้อช่อดอกไม้ติดตุ๊กตากระต่ายสีเดียวกันนี่มา




ผมหันไปจ้องมัน มันก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นแถมยังเอื้อมมือมาเปิดเพลงฝรั่งให้มันบาดหูผมอีก




โอเค!! มื้อนี้กูจะยัดให้เต็มคราบเอาให้คุ้มกับที่มึงกระชากชื่อเสียงความแมนไปจากกูวันนี้ก็แล้วกัน





มื้อกลางวันนี้ไม่ได้ทรมานใจเท่ากับเมื่อวาน อย่างน้อยสภาพของผมวันนี้ก็ดูดีกว่าเมื่อวานล้านเท่า




พออาหารวางเต็มโต๊ะ ความขุ่นใจมันก็มลายหายไปหมด แถมไอ้บ้านั่นก็ยังเอาใจด้วยการคีบอาหารมาใส่จานของผมอยู่เนื่องๆ ถึงผมจะหงุดหงิดบ้างที่มันจะชอบหัวเราะเวลาผมทำหน้าย่นจมูกเมื่อกลิ่นวาซาบิมันพุ่งขึ้นจมูก
อ่อนี่ผมไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าเรามากินอาหารญี่ปุ่นกัน




แต่ช่างเหอะ ตอนนี้ผมอิ่มแล้วและกำลังนั่งลูบพุงไปจิ้มเมล่อนหวานๆที่ทางร้านเอามาเสิร์ฟให้ระหว่างรอไอ้คุณชายมันเซ็นต์ชื่อลงสลิปที่มันเพิ่งเอาบัตรแพลตตินั่มรูดไปเมื่อกี้นี้




“บ่ายนี้นายก็ไม่มีเรียน จะไปไหนต่อล่ะ?” ผมจิ้มเมล่อนค้างไปสามวินาทีก่อนจะงับมันเข้าปากแล้วเคี้ยวงับๆ
“รู้ได้ไงว่าฉันไม่มีเรียน?” ผมจ้องมันอย่างจับผิด มันรู้ได้ไงว่าผมอยู่คณะนิเทศ แล้วมันก็รู้ได้ไงบ่ายนี้ผมไม่มีเรียน




“คนที่หน้าเหมือนไก่คนนั้นน่ะ ชื่อไรนะ อะไรเคนๆ เอาตารางเรียนทั้งหมดของนายมาให้ฉันเมื่อเช้า”
โคยามะ เคนอิจิ!! ไอ้ตัวดี สาบานเถอะว่ากลับไปเอ็งได้กินลูกเตะของท่านซัทสึกิแน่ๆ




“ว่าไงจะไปไหน?”




“ถ้าบอกว่าจะไปปารีส นายจะพาไปหรือไง?” ผมกดหน้าลงต่ำแล้วจ้องมัน แอบกระซิบบอกเบาๆว่าในมุมนี้หน้าเราจะแมนขึ้นในอัตโนมัติครับ




“ถ้าอยากไปก็ได้” โอเคครับ ท้าใครไม่ท้า ดันไปท้าไอ้ลูกคนรวย มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครสักคน




“เดี๋ยวๆ จะโทรไปไหน?” ผมลุกขึ้นตะกายไปคว้ามือมันลงก่อนมันจะเอามือถือแนบหู




“โทรไปจองตั๋วไง” ดูมันยังมีหน้ามาทำมึนใส่ ทำนองว่าไม่รู้ว่าผมประชดมันซะอีก ผมจิ๊ปากใส่มัน




“ถ้าไม่ไปไหน งั้นไปดูหนังกัน เดี๋ยวเลี้ยง” ไอ้บ้านี่มันรู้จุดอ่อนของผมป่าววะ พอผมอ้าปากจะปฏิเสธมันก็สวนบอกมาทันทีว่าเดี๋ยวเลี้ยงแถมยังจิ้มเอาเมล่อนในจานเล็กหน้ามันมายัดใส่ปากของผมอีก




“อ่ออ้ายย” ผมพยักหน้างึกงักแล้วบดฟันลงแรงๆกับเมล่อนเกินความจำเป็น ไม่อยากบอกว่าผมเห็นเมล่อนเนื้อนิ่มเป็นหน้ามันไปแล้วตอนนี้




“แต่ไม่ดู Sex & Zen นะ ไอ้เคนมันโหลดแบบซูมมาดูแล้ว ไม่มีห่าไรเลยนอกจากเรื่องอย่างว่า”




พูดไปแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าเผลอหลุดพูดคำหยาบใส่มันไปแล้วไอ้ลูกคุณหนูที่ต้องนอนเตียงยางพาราและขับรถเปิดประทุนป้ายแดง กินแต่อาหารหรูๆ มันจะระคายหูมั้ยวะ?




“แหมะ..ว่าจะชวนดูอยู่เลย” อ่าวห่า..ดีนะที่กูดักทางไว้ก่อน




“คนอย่างนายดูได้ด้วยหรอ?”




เอ่อ..เผลอปากไวไปอีกสิเนี้ยกู พูดไปปุ๊บมันหันกลับมาแถมยังเอามือยันผนังกักผมไม่ให้เดินต่ออีก นี่มันกลางห้างนะเว้ย!!




“คนอย่างฉันมันทำไม?” มันโน้มหน้าเข้ามาจนเกือบจะชิดแล้วถามผมยกมือขึ้นมายันอกมันผลักให้ห่างแต่เชื่อเถอะ เห็นมันผอมๆสูงๆแบบนี้แม่งหนักบรรลัย ยันยังไงก็ไม่ไปเหมือนยันเสาปูน




“นายเป็นเกย์ไม่ใช่หรือไงกัน” ผมกัดฟันถามมันกลับไป เลิกยันมันแล้วยิ่งยันแม่งยิ่งกดตัวเข้ามาหา พอผมถามไปแล้วก็อดคิดถึงปฏิกิริยาไม่ได้ มันต้องถอยห่างแล้วผงะไปที่ผมรู้โฉมหน้าที่แท้จริงขอมัน




แต่ขอบอกว่าผมคิดผิดอีกแล้ว




ทฤษฏีของผมแม่งใช้ไม่ได้กับไอ้เกย์ลูกคุณหนูคนนี้ ไอ้บ้านี่ยิ้มกริ่มแล้วยังมีหน้าลอยหน้ามาพูดใส่ผมอีก




“รู้ก็ดีแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าฉันไม่ได้เป็นเกย์แต่เป็นไบ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ปากแดงๆ ชอบทำตัวห้าวๆ เนี้ยแหละสเป็คฉัน”




มันพูดถึงใคร มันคงไม่ได้หมายถึงผมหรอกนะ ผมน่ะหล่อจะตายไม่ได้น่ารักหรอกใช่มั้ย ถึงผมจะขาวแต่มันขาวกว่าผม แล้วผมก็ไม่ได้ปากแดง แค่ชมพูธรรมชาติ




ที่สำคัญไม่ได้ทำตัวห้าวแต่มันแมนในสายเลือด(โว้ย!!)




ว่าแต่..ผมควรดีใจมั้ยที่มันเป็นเสือไบไม่ใช่เกย์ (มันต่างกันตรงไหนกับสวัสดิภาพบั้นท้ายของผมวะเนี้ย=_=!!)





ลงท้ายของเย็นนั้นผมก็เลยต้องถูกไอ้เกย์มันลากเข้าไปดูหนัง ผมไม่ได้สนใจหรอกว่ามันไปซื้อตั๋วเรื่องอะไรมา เพราะมันเอาเงินมายัดให้ผมแล้วบอกให้ผมไปหาซื้ออะไรกินก็ได้ตามใจผม ผมเลยเอาเงินมันไปซื้อป๊อบคอร์นถังใหญ่สุดมากับโค๊กแก้วใหญ่มา อุบอิบเอาเงินทอนที่เหลือเกินครึ่งที่มันให้มาใส่กระเป๋าตัวเองแล้วเดินลอยชายกลับไปหามัน




“ซื้อโค้กมาแก้วเดียวหรอ?” มันยังมีหน้ามาถาม แค่นี้ตรูก็จะเอาของแบกขึ้นหัวมาแล้ว ผมยักไหล่แล้วดูดโค้กเย้ยมันประมาณว่าแก้วนี้ของกู




แต่มันก็หน้ามึนกว่าผม แย่งโค้กจากปากผมไปดูดเฉยเลย ผมเลยกดหน้าลงต่ำแล้วจ้องมันอีกหน พอมันไม่สนใจผมเลยเปลี่ยนมาเอาข้าวโพดคั่วยัด ใส่ปากแทนอย่างหงุดหงิดใจ




ผมเดินเข้าโรงหนังไปโดยไม่ได้สนใจว่ามันพาผมมาดูเรื่องอะไร แค่เห็นแวบๆว่าโปสเตอร์หน้าโรงมันเป็นรูปเด็กผู้ชายยืนทะมึนๆอยู่ไม่ใช่ตูมๆ แบบหลายเต้าเด้งหราอยู่ เพราะถ้าเป็น Sex & Zen จริงผมคงลำบากใจไม่น้อยที่ ต้องนั่งดูเต้าเด้งแบบหลายมิติกับไอ้คนที่ประกาศตัวเองอย่างชัดเจนว่ามันเป็นไบเซ็กชวล เกิดนั่งๆดูอยู่แล้วมันมีอารมณ์โด่ขึ้นมา คนที่จะซวยเอาไม่ใช่ผมหรอกหรอ? ถ้าผมถูกกดกลางโรงหนังขึ้นมา ใช่จะรับผิดชอบกันล่ะ




แต่แม่งเอ้ย หมดจากเรื่องที่กังวลเรื่องนั้นแล้ว พอมาเจอเรื่องที่นั่ง ผมก็หมุนตัวกลับจะเดินออกจากโรงหนังแทบทันที
ผมไม่น่าไว้ใจให้ไอ้ห่าลูกคุณหนูนี่มันไปซื้อตั๋วเลย คุณรู้มั้ย..ที่นั่งธรรมดามันก็นั่งดูได้เหมือนกัน แต่มันสะเออะซื้อตั๋วแบบโซฟาสำหรับคู่รัก ไอ้หน้าหอกเอ้ย!!




ผมอยากจะเอาถังป๊อปคอร์นคว่ำใส่หัวมันตอนที่มันลากผมไปนั่ง หน้าผมร้อนไปถึงคอตอนได้ยินเสียงซุบซิบของพวกสาวๆที่เดินตามเข้ามา ขนาดพวกเธอเดินลงไปนั่งที่แถวของพวกเธอ ผมยังเห็นเลยว่าพวกเธอหันมามองแล้วหัวเราะคิกคักกัน ณ จุดนี้ผมอยากจะเอาผ้าห่มที่มันพับอยู่บนโซฟามาคลุมหัวหนีหรือไม่ก็ยัดใส่ปากไอ้คนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆนี่เลย




วันนี้มึงขายความแมนกูไปหลายยกแล้วนะครับริวซากิ เร็น!!




แต่เนื่องจากเริ่มมีคนเข้ามาจนเต็มโรงแล้ว ผมเลยได้แต่เก็บความขุ่นใจไว้ข้างในแล้วโยนป็อปคอร์นเข้าปาก ระหว่างนั้นไอ้เห็บชีวิตตัวที่สามของชีวิตผมมันก็เอนกระแซะเข้ามาหาแล้วกระซิบข้างหู



V
V
V
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 1 [Update : 19/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 20-11-2012 19:38:47

“กินมั่งดิ” นัยยะในประโยคนี้หมายความว่าไง? หมายความว่ามันอยากกินป็อปคอร์นบ้างใช่มั้ย? ผมยกเอาป็อปคอร์นออกจากตักเอนปากถังให้มันล้วงไปกินเอง




แต่ไม่ครับ!! ลูกคุณหนูอย่างริวซากิ เร็นแดกป็อปคอร์นเองไม่เป็น




“ป้อนหน่อย”




“มือมี กินเองดิ” กูไม่ใช่แฟนมึงแล้วก็ไม่ใช่แม่นมมึงด้วย มือมีอยาก แดกก็แดกเองแล้วกันนะครับคุณชาย




“อยากให้ป้อน”




นี่กูควรดีใจมั้ยที่มีเสือไบมาอ้อนเหมือนเด็กอายุสามขวบแบบนี้ แถมแม่งยังมายื้อมือผมที่เพิ่งล้วงไปหยิบป๊อบคอร์นมางับไปกินหน้าตาเฉยอีก




เวร..อย่าหวังว่าจะมีคราวหน้าเลยเหอะมึง กูไม่มาดูหนังกับมึงแล้ว เด็ดขาดและเด็ดขาด!!




หนังตรงหน้าเริ่มฉาย ป็อปคอร์นถังโตก็เริ่มอร่อยมากกว่าเดิมเพราะไอ้มนุษย์เกย์มันมาแย่งกินส่วนของมัน ถังมันก็โต แต่ทำไมเวลามันล้วงมาทีไร ต้องจับหมับเข้าที่มือผมทุกที แถมยังหน้ามึนจะแดกนิ้วผมอีก กระชากนิ้วที่มันอมไปแล้วครึ่งข้อมาป้ายน้ำลายมันลงกับเสื้อเชิ้ตของมันแล้วยี้หน้าใส่เล็กน้อย ผมถึงหันมาเห็นไอ้ภาพเคลื่อนไหวบนจอ




“เอ่อ...ริวซากิ เร็น นายพาฉันมาดูเรื่องอะไร?”




“อินซิเดียส น่าดูนะเรื่องนี้ เขาบอกว่าสร้างจากเรื่องจริงด้วย”




โอเค ซึ้ง!! กูสมควรจะดีใจมั้ย ได้มาเดทกับเกย์ไบในโรงหนังครั้งแรกกับหนังผีที่สร้างจากเรื่องจริง อยากจะกระโดดถีบยอดหน้ามันจริงๆ ชีวิตแมนๆของผมไม่เคยกลัวอะไรเท่าผีอีกแล้ว




“งั้นกลับละ” ไม่สนใจแล้วว่าลุกขึ้นจากโรงตอนนี้จะเสียมารยาทหรือไม่แต่จะให้ผมดูหนังผีตอนกลางวันแสกๆ ไม่มีทาง!!(กลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง!!)




“ป๊อดหรอ?” ดูน้ำเสียงมันดิ๊!! คุณต้องมาฟังเสียงมันที่มากระซิบข้างหูผมเองแล้วว่ามันกวนตีนบรรลัยโลกมากแค่ไหน




“ไม่ได้ป๊อด แค่ไม่ชอบ”




ผมดึงคอเสื้อเข้ามาปิดแล้วแทบจะยกขาขึ้นมาชันเข่าบนโซฟาตอน เสียงซาวน์ประกอบหนังแม่งหลอนประสาทขึ้นมาเสียอย่างนั้น




“ก็ป๊อดล่ะว้า ไม่กล้าดูล่ะสิ ไม่แมนเลย”




คนอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิ ฆ่าได้แต่หยามความแมนไม่ได้ครับ ผมเลยจำต้องนั่งปิดตากินข้าวโพดคั่วต่อในโรงหนังท่ามกลางเสียงกรีดร้องเป็นระยะๆ ของตัวละครในจอและนอกจอ




มึงจะสั่นขวัญกูไปไหนวะครับเนี้ย แค่นี้วิญญาณกูก็จะออกจากร่างแล้ว




หมดสภาพมากๆตอนเดินออกมาจากโรงหนัง ไอ้บ้าที่หลอกผมเข้าไปดูหนังผีมันคงชอบใจที่ได้เนียนเอากำไรกับคนแมนๆอย่างผม มันเอาแต่ล้อที่ผมซุกหน้าเข้ากับไหล่มันหนีฉากน่ากลัวๆในเรื่องตลอดจนผมต้องถ่องศอกเข้าท้อง มัน แต่ก็อย่างเคยครับ มันหนีการทำร้ายร่างกายของผมได้ตลอด




“ไปกินไอติมกัน เดี๋ยวเลี้ยงไถ่โทษ”




ไอ้นี่ก็เอะอะก็ล่อผมด้วยของกินตลอด ด้วยความแค้นใจผมเลยเดินนำ เข้าร้านไอติมไปและสั่งพาเฟ่ต์ชุดใหญ่มาสองชุดทันทีแถมท้ายด้วยพุดดิ้งชาเขียว อีกหนึ่ง ไอ้หล่อนั่นไม่ได้สั่งไอติมแต่สั่งอเมริกาโน่แทน โอเคครับมึงพากูมาอ้วน คนเดียวสินะ แต่เรื่องอะไรจะแคร์ ผมตักจ้วงเข้าปากทันทีที่มาถึง




มองผมตักเข้าปากไปได้สามคำ ไอ้ก้านยาวมันก็เอื้อมมือมาหยิบช้อนอีกคันและทำท่าจะตักไอติมของผมกิน ด้วยความว่องไวผมเอาช้อนเคาะไปที่ข้อนิ้วมันอย่างแรง




“ทำไรน่ะ!!”




ผมถามแล้วเอามือป้องกันสิทธิและเสรีภาพในไอติมถ้วยโตทั้งสองกับพุดดิ้งอีกหนึ่งของผม มันจะมองว่าผมขี้หวงเหมือนเด็กๆก็ช่างมันเถอะ ดีกว่าให้มากินไอติมถ้วยเดียวกันให้คนมันหันมามองก็แล้วกัน แค่ผู้ชายหล่อๆ สองคนเดินเข้าร้านไอติมน่ารักๆด้วยกันมันก็อุบาทว์ชีวิตมากพอแล้ว




“จะช่วยกินไง ตั้งสามถ้วยนายจะกินหมดหรือไงกัน”




“หมดหน่า อยากกินก็สั่งเองดิ” ไม่รู้ล่ะผมไม่สน ผมจะกิน ถึงมันจะเป็น คนจ่าย แต่ผมไม่ให้มันกิน ใครจะทำไม




“ก็ดี กินเยอะๆจะได้อ้วนๆ เวลากอดจะได้ตัวนุ่มๆ ลูบทีเนื้อจะได้นิ่มๆ เพลินมือ” ดูมันเปรย ดูมันเปรย!! ผมผลักไอติมสองถ้วยไปหามันทีทันเลย




“ให้กินด้วยก็ได้” คิดว่าผมจะหยุดกินล่ะสิ ไม่ล่ะขอบอก ฟรุ้ตพาเฟ่ต์ที่นี่อร่อยขั้นเทพ ไม่กินนี่โง่ชนิดหญ้ายังมีค่าเกินไปที่จะกินเลยด้วยซ้ำ




ไอ้คุณชายมันยิ้มกริ่มและตักไอติมเข้าปากมัน ปล่อยให้ผมกัดช้อน อย่างแค้นใจ




จำไว้เถอะ วันพระไม่ได้มีแค่หนเดียวเว้ย!!





“ไงวันนี้ไปเดทกับเร็นที่ห้างหรอ?” คำทักทายของไอ้เคนที่มันกำลังช่วยฮิโรโตะทำครัวอยู่แทบจะให้ผมถลาไปประเคนหมัดใส่หน้ามัน




“กูยังไม่ชำระความเลยนะที่มึงเอาตารางเรียนกูไปบอกไอ้คุณหนูนั่นว่าแต่มึงรู้ได้ไงว่ากูไปห้างกับมันมา” ประโยคหลังผมกระซิบถามเอาเพราะไม่อยากให้พี่ทาคาชิที่แวะมาหาพี่มิซึรุเค้าได้ยินระหว่างที่เขาเดินผ่านห้องครัวไปหาพี่มิซึรุที่นั่งขอดเกล็ดปลาอยู่หลังบ้าน




“พวกน้องๆคณะอักษรเค้าไปเจอมึงเดินควงเข้าไปดูหนังกับไอ้คุณชายเค้า แถมยังนั่งเลิฟเวอร์ซีทด้วยไม่ใช่หรอมึง”




“แล้วก็น้องคณะบัญชีเค้าก็ไปเจอนายกำลังนั่งกินไอติมถ้วยเดียวกันกับเร็นด้วย” โอเคครับ ห้างอยู่ใกล้มหาลัยมันแย่ตรงที่มีนักศึกษาเดินว่อนให้ทั่วนอกจากพรุ่งนี้ผมจะโดนพาดหัวว่าถูกชิงนางจากหน้าลานคณะแล้วยัง ควงแขนไปสวีทจิ๊จ๊ะกันที่ห้างข้างมหาลัยอีกใช่ไหม




จบสิ้นกันอิชิฮาระ ซัทสึกิจะมีหน้าไปจีบสาวที่ไหนได้อีก




ผมพากายหยาบของตัวเองขึ้นห้องไปโดยบอกลามื้อค่ำที่ฮิโรโตะกับพี่มิซึรุตั้งใจสรรค์สร้างขึ้นมา ถ้าขืนผมยังเอาอะไรยัดลงกระเพาะได้อีก พรุ่งนี้ท้องผมคงหลามให้ไอ้คุณชายนั่นมันดีใจแน่ๆ ขนาดมันช่วยกันพาเฟ่ต์ไปครึ่งหนึ่งกับพุดดิ้งอีกเกินครึ่ง ผมยังแทบขยับก้นออกจากร้านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ




“อาบน้ำก่อนนอนด้วย ฉันไม่ชอบนอนเตียงเดียวกับคนซกมก”




ไอ้คุณชายนั่นมันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มาถึงมันก็มายืนค้ำหัวแล้วสั่ง ผมแถมยังยกมือตีก้นผมอีกด้วย จุดนี้ผมสะดุ้งเหมือนเอาเหล็กเผาไฟมานาบ ผม ลุกขึ้นมานั่งทันทีอย่างน้อยก็ไม่โชว์ก้นใส่หน้ามันให้หวาดเสียวว่าจะโดนจับกด




“ขี้เกียจ” ผมสวนบอกมันไปทันควัน แล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงกอดตุ๊กตากระต่ายปิศาจของไดจัง




“ขี้เกียจหรือกลัว ดูหนังผีมาเลยกลัวไม่กล้าไปอาบน้ำล่ะสิ”




แม่ง....รู้ทันกูอีก




“ไม่ได้กลัว!!” ผมเถียงมันแล้วยื้อผ้าห่มที่มันดึงอย่างไม่กลัวว่าผ้าห่ม ราคาแพงกว่าเงินค่าขนมทั้งปีของผมมันจะขาดเลยสักนิด




“งั้นไปอาบน้ำด้วยกัน”




“ทำไมฉันต้องอาบกับนาย!!” ผมตวาดถามกลับไปอย่างตกใจก่อนจะ รีบอุดปากเพราะกลัวว่าเสียงมันจะดังลงไปถึงข้างล่าง




“ก็นายกลัวผี ฉันก็อุตส่าห์ใจดีอาบเป็นเพื่อนนายไง”




หมาป่าใจดีสิมึงอ่ะ ไม่ต้องมาปลอมตัวเป็นคุณยายใจดีเลย กูไม่ใช่หนูน้อยหมวกแดงที่มึงจะมาหลอกแดกนะ แล้วหน้าตาอย่างมึงก็ห่างไกลจากคำว่าใจดีไปหลายขุมนรกมากขอบอก มองไปมีแต่ความหื่นทั้งนั้น




“ไม่จำเป็น”




“หรือนายไม่กล้า? กลัวฉันจะล้อหรือไงว่าน้องชายของนายมันกระจุ๊งกระจิ๊ง”




อ่าวไอ้ห่านี่ปากหมานี่หว่า มาทำท่าหัวเราะเยาะลูกชายที่ผมภาคภูมิใจได้ไงกัน ไม่เคยเห็นไม่เคยวัดขนาดแล้วอย่ามาปากดีทำเสียงเยาะกันแบบนี้นะเว้ยถึงมึงจะหล่อ ถึงมึงจะรวยแต่กูสอยคางมึงด้วยหมัดอัพเปอร์คัทได้นะเว้ย




“อย่ามาดูถูกกันแบบนี้นะเว้ย!!”




“หรือกลัวจะใจเต้นกับหุ่นฉันเลยไม่กล้าอาบด้วยกัน?”




“ทำไมฉันต้องใจเต้นกับนาย ฉันแมนนะเว้ย!! ไม่ได้เป็นเกย์แล้วก็ไม่ได้เป็นไบเหมือนนายด้วย!! นมโคแท้จากเต้าเท่านั้นเว้ยที่ทำฉันใจเต้นได้!!” ผมกระชากเสื้อมามันตะคอกใส่โทษฐานที่มันหยามความแมนกัน




“แมนแล้วทำไมกลัวเกย์ล่ะ? แบบนี้ไม่แมนจริงนี่หว่า”




อ๊ะๆ นี่มันจะดูถูกความแมนของผมมากไปแล้วนะ




“อาบก็อาบดิ ไม่กลัวอยู่แล้ว”




ผมก้าวนำมันเข้าห้องน้ำไป สะบัดหน้าหันกลับมากดสายตามองมันอย่างท้าทายก่อนจะถอดเสื้อเหวี่ยงออกมาใส่หน้ามัน




“แน่จริงก็ถอดดิ!! แล้วจะได้รู้ว่าใคร....ใหญ่กว่ากัน!!”




เค้าว่าผู้ชายที่ข่มผู้ชายด้วยกันเองได้จะเป็นชายเหนือชาย




.
.




แล้วตอนนี้กูเป็นอะไรวะเนี้ย




สายตาของผมมองไปที่ไอ้นั่นของเร็นแล้วกลับขึ้นไปมองหน้ามันก่อนจะเลื่อนสายตาลงมามองอีกครั้ง ไม่อยากจะบอกเลยว่ารับไม่ได้จริงๆกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ อยากจะเก็บน้องชายสุดที่รักซ่อนไม่ให้มันเห็นเลยจริงๆ แต่มันก็คงช้าไปแล้ว




ซัทสึกิน้อยที่ผมแสนจะภาคภูมิใจเวลาได้เยาะเย้ยเคนอิจิเวลาผมอาบน้ำกับมัน แพ้รูดให้กับของไอ้ลูกคุณหนูมันอย่างกรรมการไม่ยอมให้แก้ตัว พ่อมึงเหอะ ขนาดยังไม่ตื่นมึงจะ...เอ่อ..ใหญ่...และยาวไปไหน




กูเข้าใจและว่าทำไมมึงถึงเป็นไบ ของมึงดีอย่างงี้นี่เองถึงสอยได้ทั้ง ชายและหญิง




“ไง รู้ยัง...ว่าใครใหญ่” เออ กูรู้แล้ว ไม่ต้องมาทับถมกูด้วยการเข้ามาประชิดแล้วพูดกรอกอยู่ข้างกูก็ได้ มึงเบียดเข้ามาใกล้มากๆ รู้มั้ยว่าไอ้นั่นของมึงกำลังเบียดกับร่องตูดกูอยู่...




“ชิสส์!!” ผมจิ๊ปากแล้วย่นจมูกใส่มัน พลางเขยิบหนี แต่มันก็ยังเบียดเข้ามาหาตาม




“จะมาเบียดทำไมเนี้ย!!” ผมเอาศอกถ่องไปกะให้โดนลิ้นปี่มัน แต่ด้วยพื้นที่ไม่มี วงเหวี่ยงมันเลยแคบ ออกแรงไม่ได้ดั่งใจแถมยังโดนมันดึงข้อศอกให้ถลาไปชนอกมันอีก ไอ้บ้านี่ได้ทีกอดผมหมับไว้ทั้งตัวแล้วจัดการแดกหูผม!!




“ตัวขาวจังซัทสึกิ ไหนขอดูให้เต็มตาหน่อยได้มั้ย เมื่อกี้ยังเห็นไม่ชัดเลย นายก็เอามือปิดซะงั้น” แดกหูกูไม่ว่า ยังมาพูดจาหื่นๆใส่กูอีก นอกจากมันจะพูดอย่างนั้นแล้วมันยังเอามือมาดึงมือผมที่ปกป้องสิทธิส่วนตัวอีก ไอ้ห่าจะดูความพ่ายแพ้ของกูให้ได้ใช่มั้ยเนี้ย!!




“อยากดูก็ไปดูของตัวเองซิวะ!!”




ผมโวยวายแล้วดิ้นหนีมัน แต่ด้วยความถึกที่เป็นรองทางกายภาพทำให้ผมดิ้นไม่หลุด ไอ้บ้านี่นอกจากจะรวบมือของผมไว้แล้วจับหมับไปที่ของๆผมอีก




“เฮ้ย!! อย่าจับนะ!!”




“ทำไม?...กลัวจะตื่นเพราะมือเกย์อย่างงั้นหรอ?”




ไอ้บ้านี่มันพูดว่ามันเป็นเกย์ได้อย่างไม่กระดากปากเลยหรือไงนะ สถานการณ์แบบนี้ผมไม่ชอบเลยสักนิด ผมหยุดดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของมัน แล้วหันมามองหน้ามันด้วยสายตาดุๆ




“อย่ามามองอ้อนกันแบบนี้สิ ถ้าฉันอดใจไม่ไหว นายลำบากแน่”




ห่า!! กูไม่ได้มองอ้อนซะหน่อยอย่ามาเพ้อ




แย่แล้ว!!




โดนมันรุกหนักเอามากๆ ก็คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ซัทสึกิน้อยของผมมันก็พองตัวอยู่ในมือของไอ้เกย์บ้านี่ โฮ!! กูแมนนะมึงอย่ารุกกูมากสิ!!




“ขยายได้ใหญ่เหมือนกันแหะ” เสียงมันกระซิบอยู่ข้างหู ผมกดสายตาลงต่ำมองความใหญ่ของตัวเองที่พองอยู่ในมือชาย นี่ผมควรจะภูมิใจมั้ยที่มันขยายตัวได้เป็นสองเท่าของปกติในมือชายด้วยกัน




โฮ!! ความแมนของกู!!



“ปล่อยนะ!!” ผมหยิกมือของมัน แต่ไอ้บ้านี่มันหนังหนาไม่รู้สึกอะไรหรือไง ถึงได้หน้าหนาจับน้องชายคนอื่นเค้ารูดหน้าตาเฉย




อ่อ ผมลืมไปว่ามันเป็นเกย์




“นายนี่..ความรู้สึกไวดีนะ” มันบอกแล้วเริ่มแดกหูผมอีกครั้ง แดกหูผมเสร็จไม่พอยังจะแดกคอของผมด้วยเป็นแวมไพร์หรือครับมึงถึงต้องมาลงเขี้ยว กับคอคนอื่นเขา ผมเอี้ยวคอหนีเพราะจั๊กจี๋ที่มันดูดคอผม




“หยุดนะ!!” ผมผวาร้องเมื่อมันเบียดท่อนร้อนของมันเข้าประกบติดก้นของผมแล้วถูไปมาเบาๆ




“ไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ แล้วนายจะติดใจ”




ติดใจจนเป็นเกย์ตามมันไปด้วยอีกคนน่ะหรอ เรื่องแน่ะ!!




ผมมองค้อนมันและรวบรวมแรงทั้งหมดมาปกป้องอธิปไตยของตัวเองอย่างเต็มที่




“ถ้านายทำอะไรมากกว่านี้ ฉันจะต่อยหน้านาย!!” ผมหันไปตวาดใส่มันแบบนี้ แต่ไอ้บ้านั่นกลับแค่แสยะยิ้มแล้วบอกผมว่า




“ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่าให้หยุดตอนนี้”




โอ้!! มายเวอร์จิ้น




อิชิฮาระ ซัทสึกิสุดหล่อจะต้องเสียเวอร์จิ้นให้ไอ้เกย์ลูกคุณหนูจริงๆหรอนี่!!




-ติดตามต่อตอนที่ 3 ค่ะ-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 2 [Update : 20/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 20-11-2012 20:13:22
เนื้อเรื่อง สนุกดีค่ะ
ซัทจังน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 2 [Update : 20/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 21-11-2012 18:01:44
3rd Chapter

วันนี้เป็นวันที่ไม่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง (ลบมันออกไปจากประวัติศาสตร์ ได้ก็จะเป็นพระคุณมาก!!)




ผม..ไม่อยากจะเชื่อความจริง..




ความแมนที่ผมภาคภูมิใจตั้งแต่เกิด ถูกไอ้ริวซากิมันทำลายจนย่อยยับไปแล้ว ผมจะไปเรียกร้องเอาคืนได้จากที่ไหน อย่างน้อยผมน่าจะได้ค่าเสียหายจากการเสียตัวให้ไอ้เร็นมันนะนี่




“กำลังคิดจะเรียกร้องค่าเสียหายใช่มั้ย?”




ไอ้บ้านี่พูดเหมือนกับอ่านใจผมได้ ถ้ามันอ่านใจผมได้ ผมจะบอกให้มัน เอาน้องชายมันออกจากก้นผมได้แล้ว เสร็จแล้วก็เอามันออกไปสิฟระ จะค้างไว้ให้กูอนาถใจกับตัวเองหาพระแสงอะไร ปวดตูดนะเว้ย!!




แล้วมันก็เหมือนอ่านใจผมได้อีกหน มันลุกขึ้นจากตัวผม ดึงเอาไอ้ท่อนเนื้อใหญ่ๆของมันออกจากก้นของผมไปด้วย
ไม่อยากบอกว่ามันเจ็บสิ้นดี เจ็บพอๆกับตอนที่มันยัดเยียดใส่เข้ามา นั่นแหละ




“อ๊ะ!!”




“เจ็บมากมั้ย?”




ห่า..ลองให้กูเอาของกูยัดใส่ตูดมึงบ้างมั้ย แต่มึงอาจเจ็บน้อยกว่านะไอ้คุณชายเพราะของกูไม่ได้ใหญ่เหมือนมึง




“เลือดออกด้วยล่ะ”




มันแหวกก้นผมดูแล้วบอก ไม่รู้ตัวไปซะตอนเช้าเลยล่ะ ตอนกูร้องเจ็บๆ ทำไมไม่หัดดูซะบ้างว่ามึงทำของกูแหกไปถึงไหนแล้ว




“เดี๋ยว!นอนคว่ำไปก่อน”




มันผลักให้ผมกลับลงไปนอนคว่ำต่อและตัว มันก็หายไปไหนไม่รู้ ปล่อยให้ผมนอนกระดิกขารอมันตั้งนาน




ระหว่างนี้ผมกะจะงีบแต่คิดอีกทีผมจะเล่าย้อนความให้พวกคุณฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ผมถึงได้เสียท่าไอ้เร็นมันดีกว่า (แต่จริงๆแล้วผมไม่อยากเล่าความด่างพร้อยในชีวิตของผมจริงๆเลยนะ)




สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็คือผมเสียท่า ผมพลาดและผม...โดนไอ้คุณชายมันล่อลวงครับ... TT^TT




แล้วผมต้องเท้าความย้อนไปถึงไหนกัน อันที่จริงผมไม่อยากเล่าเลยสักนิด แม่งอัปยศชีวิตสุดๆ เอาเป็นว่าผมจะเล่าคร่าวๆให้คุณฟังก็แล้วกัน




เรื่องมันมีอยู่ว่า...




ผมบอกให้ริวซากิ เร็นมันหยุด แล้วมันบอกผมว่าให้ฆ่ามันดีกว่าให้มันหยุด ครับ...ถ้าผมฆ่ามันได้ผมจะฆ่ามันตั้งแต่ตอนที่มันพูดบอกผมแน่นอน สาบานด้วยชีวิต ถ้ารู้ว่าต่อจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีมันจะสอยตูดผมจริงๆอย่างที่หวาดระแวงล่ะนะ
มา...ผมทำใจได้แล้ว เรามาย้อนความเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วกันเถอะ





“ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่าให้หยุดตอนนี้”




ผมอยากจะบอกมันเหมือนกันว่าฆ่ากูเลยเหอะ ถ้ามึงคิดจะทะลวงประตูหลังกู




แต่ก็แค่คิด ยังไม่ทันได้พูดออกไป เพราะไอ้บ้านั่นมันชิงลงมือทำก่อน ผมได้พูด เล่นเอาผมช็อคไปแล้วเรียบร้อย ตั้งแต่เกิดมาสิบเก้าปีบนโลกใบนี้ไม่ เคยถูกใครเอานิ้วแยงก้นมาก่อนเลยขอบอก




พอเห็นผมช็อคจนทำอะไรไม่ถูกไอ้บ้านี่ก็เริ่มสเต็ปขั้นต่อไป มันแยงนิ้ว ที่สองตามติดเข้ามาแล้วสอดลึกเข้าไปจนมิดข้อนิ้วยาวๆของมัน ผมแทบอยากร้องไห้




“เจ็บ...เอาออกไปนะ”




ผมหันไปบอกมัน มองมันตาเขียว ปากผมมันสั่นจนต้องกัดเอาไว้ ไอ้บ้านี่ก็นิ้วยาวชิบหาย




“ไม่ได้หรอก”




ไอ้หอก!! แค่ดึงนิ้วออกไปจากก้นกูทำไมจะทำไม่ได้




“ก้นนายรัดนิ้วฉันอยู่” มันบอกเหตุผลต่อทันทีให้ผมอับอาย




เหี้ยมาก!!




กูไม่ได้อยากรัดนิ้วมึงหรอกนะ กูห้ามตูดกูไม่ได้มึงเข้าใจมั้ย?




แต่หน้าตามึงบอกมากว่ามึงไม่ได้สนใจจะเข้าใจกูหรอก มึงสนใจจะเข้า ตูดกูมากกว่า




ไอ้บ้านี่พอเห็นผมเถียงมันต่อไม่ได้มันก็เอาแต่ยิ้มกริ่มแล้วควานนิ้วจนผมเสียววูบ อีกมือนึงมันก็พยายามเหลือเกินที่จะขยายขนาดซัทสึกิน้อยของผม ผมอยากบอกมันเหลือเกินว่ากูภูมิใจในความกระจุ๊งกระจิ๊งของกูแล้ว ไม่ต้องมาช่วยขยายขนาดให้กูก็ได้




“อ๊ะ..อะ”




ผมงอตัวแล้วปล่อยเสียงออกจากลำคอ มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ข้างหน้าไอ้เร็นมันก็ไม่รู้จะรีบเร่งความเร็วหาพระแสงอะไร ข้างหลังมันก็ควานเข้าควานออกอยู่ได้




ผมยังนึกดีใจที่มันเป็นแค่นิ้วไม่ใช่ความภาคภูมิใจของมัน ไม่อย่างนั้น ผมจะโหม่งหัวชนฝาผนังห้องน้ำตายไปเลยดีกว่า แต่คิดยังไม่ทันไร ไอ้บ้านั่นก็ดึงนิ้วออกจากก้นผมแล้วแทนที่ด้วยน้องชายของมัน




“เจ็บนะโว้ย!!” ผมร้องลั่นแล้วพยายามยกขาถีบมัน แต่ไอ้บ้านี่อยู่ข้างหลังผมเลยถีบมันไม่ได้




“ก็อย่าเกร็งสิ”




สั่งง่ายเหมือนทอดไข่เจียวโปะข้าวเลยนะมึง ลองมาเป็นกูดูบ้างมั้ย ของแบบนี้มันห้ามได้ที่ไหนกัน ยิ่งมันบุกเข้ามาผมก็ยิ่งเกร็ง ได้ยินเสียงมันครางครึมแล้วก็อดขนลุกซู่ไม่ได้




นี่กูเสียเวอร์จิ้นให้เกย์จริงๆหรอนี่




ฮือ!!




.
.




ครับ..ครั้งแรกในห้องน้ำ




ผมเสร็จไปสองรอบเพราะมือมันและอีกหนึ่งรอบกับที่มันทะลวงหลังเข้ามา ไอ้เร็นมันทะลวงหลังผมไม่พอยังปล่อยข้างในอีก แค่นั้นผมก็จะ ตายอยู่แล้ว แรงมันหายไปหมด ขาสั่นโคตรๆถ้าไม่ได้ไอ้บ้านี่กอดเอวไว้ผมคงลงไปนั่งหมดสภาพกับพื้นห้องน้ำไปแล้ว




แต่นั่นมันยังไม่พอครับ ไอ้เกย์มักมากเอาแต่ใจมันลากผมออกมาต่อที่เตียงอีก คราวนี้ผมขี้เกียจจะนับแล้วว่ากี่รอบกี่หนกี่กระบวนท่ากัน รู้แต่ว่าระบมก้นอย่างแรงจนอดคิดไม่ได้ว่าผมคงนั่งท่าปกติไม่ได้ไปอีกหลายวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไอ้ตัวต้นเหตุมันต้องรับผิดชอบกับการกระทำของมัน!!




มันเห็นผมเป็นตุ๊กตายางหรือไงถึงปี้ได้ปี้เอา TT*TT




โอเคขอเล่าแค่นี้พอ มันรันทดใจอย่างยิ่ง แล้วตอนนี้ไอ้บ้านั่นก็เดินกลับเข้ามาแล้ว ถืออะไรกลับมาด้วยไม่รู้ ผมขี้เกียจมอง ยอมรับแต่โดยดีว่าไม่อยากเห็นหน้ามัน เหม็นขี้หน้ามันอย่างบอกไม่ถูก




ไอ้ลูกคุณหนูมันเดินมานั่งลงข้างๆผมครับ แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ด น้ำที่มันปล่อยทะลักล้นออกมาเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งก้นทั้งขาของผม




ผมนอนพึมพำสาปแช่งมันอยู่ก่อนจะสะดุ้งเฮือกกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ต้องซี๊ดปากเมื่อจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกโจมตีเป็นวงกว้างมันกระแทกเข้ากับพื้นฟูกยางพาราบนเตียงขนาดหกฟุตที่นอนอยู่




“ห่า!!เอาอะไรมายัดตูดกูวะ!!”




หลุดไปแล้วครับคำหยาบชุดใหญ่ แต่ไอ้หล่อมันแค่ทำหน้านิ่งๆแล้ว หยิบเอาของที่มันยัดเข้าร่องตูดผมไปเมื่อสักครู่ สายตามันเหยียดเหมือนรำคาญใจที่ผมเอะอะโวยวายไปได้กะอิแค่คูลแพ็คที่ถูกแช่แข็งทิ้งไว้จนเป็นซากฟอสซิล ในตู้เย็นแค่นั้นเอง




“น้ำแข็งไม่มี มีแต่ไอ้นี่เลยเอามาประคบ เลือดจะได้หยุดออกไง”




ภูมิปัญญาชาวบ้านสุดๆครับมึง ไม่มีน้ำแข็งมึงเลยเล่นคูลแพ็คลดไข้มาประคบตูดกูเนี้ยนะ!!




“เอาผ้าขนหนูห่อก่อนซิวะ เย็นตูดจะตายห่าประคบมาได้ไงวะแบบนั้น” โดนผมด่าเข้าให้อีกรอบอย่างด้วยคำพูดที่วรรณะอย่างมันคงไม่เคยได้ยิน ไอ้คุณชายมันก็ตีหน้าเครียดแล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยหนี




“พูดไม่เพราะเลยซัทสึกิ”




ผมมองจิกมัน มารยาทผมมี พ่อแม่เคยสอน แต่ผมพอใจที่จะเลือกใช้กับคนอื่นไม่ใช่มัน โอเคมั้ย แค่ตอนนี้กูยอมพูดด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว




พอเห็นผมไม่ยอมพูดกับมัน มันก็ส่ายหน้าเหมือนหน่ายใจ แต่เรื่องอะไรผมจะสน ผมทิ้งตัวลงนอนคว่ำแล้วชี้ไปที่ตูดตัวเอง




“เอาผ้าขนหนูห่อแล้วรบกวนประคบให้ต่อด้วยนะพะยะค่ะคุณชาย”




มือยาวๆของมันเอื้อมมาผลักหัวผมเบาๆกับคำพูดประชดของผม ผมหันมามองค้อนมันอีกหนก่อนจะคว้าเอาการ์ตูนมาอ่านระหว่างรอมันประคบตูดให้




แต่ขอบอกว่าถึงมันจะเอาผ้าขนหนูห่อแล้ว แต่ก็ยังเย็นตูดโคตร แม่งเย็นจนชาเลยเหอะ นี่ถ้ามันล่อตูดผมอีกหนผมก็ไม่เจ็บแล้วเพราะมันชาลามมาถึงไขสันหลังแต่เรื่องอะไรผมจะให้มันล่อตูดอีกหนล่ะ




ว่าแต่...ทำไมผมไม่ sad เท่าที่ควรจะเป็นวะ...




ผมควรจะ sad กว่านี้ใช่มั้ยที่โดนสอยความแมนไปแล้ว..?




“อยากกินอะไรหรือเปล่า? เดี๋ยวตอนเช้าพาไปกิน”




ดูมันยังมีหน้ามาพูดเสียงนุ่มข้างๆหูผมแล้วลูบหัวผมเบาๆอีก ผมละสายตาจากการ์ตูนมามองหน้ามาก่อนจะเอาหันกลับมาเอาคางเกยหมอน




“ไม่อยาก” ไอ้บ้านี่คิดจะเอาของกินเข้าล่อผมได้ทุกเรื่องหรือยังไงกัน มึงเพิ่งสอยตูดกูไปนะ คิดว่าเอาเรื่องกินมาเข้าล่อแล้วกูจะยอมยกโทษให้ง่ายๆอย่างนั้นหรอ




“งั้นอยากได้อะไรมั้ย? กระเป๋า นาฬิกา มือถือ หรือเสื้อผ้าจะได้พาไปซื้อ”




อ่าวไอ้ห่านี่ ของกินเข้าล่อไม่ได้ก็เอาของอื่นเข้าล่อแทน เห็นกูเป็นอะไรวะครับ กูไม่ใช่เมียน้อย เมียเก็บ คู่ขา อีตัว กระหรี่ ที่มึงฟันแล้วจะเอาของมาล่อนะเว้ย!!




“อยากได้อย่างนึง”




ผมงุบงิบบอกกับหมอน เหมือนพูดไปแดกหมอนไปประมาณนั้น มันก้มหน้าลงมาจูบเบาๆที่ขมับผม คิดว่าผมจะงับเหยื่อที่มันล่อล่ะสิ




“อยากได้อะไร ฉันจะหามาให้นาย”




พูดเสียงทุ้มกรอกหูแบบนี้อย่าคิดว่ากูจะเคลิ้มนะไอ้หล่อ




“ไสหัวนายออกไปจากชีวิตฉันได้มั้ย ฉันเกลียดนาย!!”




ผมบอกแล้วตะแคงตัวหนีเอาผ้าห่มคลุมโปงตัดบทสนทนาด้วย คูลแพ็คที่มันเอามาประคบตูดผมตกแหม่ะลงกับเตียง ผมเลยถีบไอ้ถุงเจลนั่นตกเตียงไป




ไอ้คุณชายมันไม่พูดอะไรสักคำ แต่น้ำหนักที่หายไปจากเตียงตามติด ด้วยเสียงปิดประตูเบาๆ มันทำให้หัวใจของผมบีบรัดไม่น้อย ผมชะโงกหัวขึ้นมาดู มันออกไปจากห้องจริงๆ




เฮ้ย!! มึงจะออกไปจากชีวิตกูจริงๆหรอ!!




มึงยังไม่ได้รับผิดชอบความแมนของกูที่มึงหักหาญไปเลยนะ ริวซากิ เร็น!!




แล้วเร็นมันก็หายหัวไปครับ ทั้งให้ผมนอนคลุมโปงอยู่บนเตียงพร้อมกับหัวใจที่ว้าวุ่น




ถ้ามึงฟันกูแล้วทิ้ง แล้วกูจะเอาอะไรไปเขียนบันทึกต่อล่ะ เพิ่งจะเขียนได้แค่สามวันเองนะเว้ย!!




เฮ้ย!!




นั่นไม่ใช่ประเด็น!!




มันจะมาทำแบบนี้กับผมแล้วลอยเชิบๆไปสอยตูดคนอื่นไม่ได้นะ อย่างน้อยก็สมควรกลับมาให้ผมชกหน้ามันหมัดสองหมัดก่อนสิแล้วจะไปตายที่ขุมไหนก็ไป




แต่ผมคงคิดมากเกินไป เพราะอีกไม่กี่นาทีต่อมา มันก็กลับเข้ามาทิ้งตัวนอนลงข้างๆและรวบผมเข้ามากอดทั้งๆที่ผมยังคงคลุมโปงอยู่ ผมดิ้นขลุกขลักก่อนจะนิ่งเมื่อได้ยินมันพูดข้างๆหู




“ฉันออกไปจากชีวิตนายไม่ได้หรอกซัทสึกิ กว่าฉันจะได้มีโอกาสกอดนายแบบนี้มันลำบากมากนะรู้มั้ย..”




ลำบากอะไรของมัน ผมยังน่าจะลำบากมากกว่าอีกที่มันเข้ามาในชีวิตผม




ผมหยีตาสู้แสงไฟเพราะไอ้เร็นมันดึงเอาผ้าที่ผมห่มคลุมหัวอยู่ลง มันพอลืมตาเต็มตามันก็โน้มเข้ามาหาให้ผมสะดุ้ง มันส่งสายตาเว้าวอนมาให้ก่อนจะก้มลงมาจูบที่ปากของผม ดวงตาของผมเบิกกว้างขึ้นเป็นสองเท่าครึ่งของปกติ นอกจากจะสอยครั้งแรกของผมไปแล้ว มันยังสอยจูบแรกของผมไปอีก!!




“อย่าพูดว่าเกลียดฉันเลยนะซัทสึกิ”




หัวใจของผมมันเต้นตึกตักตอนมันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นี่มันขั้นเข้าวิกฤติสุดๆยิ่งกว่าตอนเสียตัวอีก!!




อิชิฮาระ ซัทสึกิสุดหล่อกำลังใจเต้นกับผู้ชายด้วยกัน!!





พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าผมก็ถูกไอ้คุณชายมันจับแต่งตัวเหมือนที่แม่ทำตอนอยู่อนุบาลไม่มีผิดครับ ตั้งแต่ใส่เกงใน ใส่กางเกง ใส่เสื้อ ดีนะมันไม่จับผมปะแป้งแล้วผูกจุกแบบที่แม่ทำด้วย




สาเหตุเพราะผมไม่สามารถไปไหนได้ครับ..




ผลพวงของความมักมากที่เร็นมันตักตวงไปจากผมเมื่อคืนทำให้ ผมไม่สามารถก้าวเดินได้ เพราะงั้นอย่าคิดถึงเรื่องจะไปมหาลัย เพราะแค่จะยืน ผมยังจะล้มเลยตอนนี้ ก้าวแต่ละทีปวดร้าวไปทุกอณูของบั้นตูดเลยจริงๆ ขนาดจะลงไปกินข้าวข้างล่างยังไม่ได้ต้องให้ไอ้คุณชายมันยกถาดขึ้นมาให้ข้างบน




“ไง!!เมื่อคืนกี่รอบถึงได้ระบมขนาดนี้”




คำทักทายของไอ้เคนอิจิที่แสลนเข้ามาหาทำให้ผมแทบจะยกขาขึ้นไปถีบมัน แต่พอยกขึ้นมาไม่ถึงสามสิบองศา แผลมันก็เจ็บแปลบๆให้ผมต้องเอาขาลงแล้วหันไปมองแบบกินเลือดกินเนื้อใส่ไอ้คุณชายที่คิดว่ามันคงปากสว่างไปป่าวประกาศล่ะสิว่ามันได้กินผมแล้ว




“ไม่ต้องมองรุ่นพี่ริวซากิเขาแบบนั้นเลยซัทจัง ซัทจังอยากร้องเสียงดังเองเมื่อคืน คนทั้งบ้านเค้าเลยรู้กันหมดแล้ว”
อ่าวกลายเป็นว่าผมผิดอีก ผมหันไปมองไดจังแล้วแกล้งทำแก้มป่องงอนเพื่อนที่บังอาจไปเข้าข้างไอ้หล่อนั่น




“แล้วนี่ก็ข้าวต้มเดี๋ยวให้รุ่นพี่ริวซากิเขาป้อนก็แล้วกัน พวกฉันไปมหาลัยล่ะ” สรุปเพื่อนผม..มาดูอาการ มาเข้าข้างไอ้หล่อ หรือมาเยอะเย้ยกันแน่นะ




ผมได้แต่นอนจิกตามองไอ้เคนที่มันยังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี อย่าให้กูหายดีนะจะกระโดดถีบขาคู่แบบสปริงเกลียวใส่เลย




“หัวเราะอะไร ป้อนดิ!!”




ความหงุดหงิดทำให้ผมหันไปพาลกับไอ้หล่อที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วอ้าปากให้มันป้อนข้าวต้มให้ ออกจะกินลำบากเล็กน้อยเพราะผมต้องนอนคว่ำเพื่อประคบประหงมตูดไม่ให้ช้ำไปยิ่งกว่านี้




ทั้งวันนี้ของผมเลยหมดไปกับการนอนให้ไอ้คุณชายมันเอาใจ คอยป้อนน้ำป้อนขนมให้จนเผลอลืมต้นเหตุที่ทำให้ผมมานอนแบ็บอยู่แบบนี้




อันที่จริง...ผมลืมนึกถึงผลพวงที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ต่อไปอีกด้วย




-ติดตามต่อตอนที่ 4-

 nu-tarn ขอบคุณนะคะสำหรับคอมเม้นส์แรก  :o8:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 3 [Update : 21/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 21-11-2012 18:55:39
มีเรื่องนี้ในมือแล้ว อยากจะบอกว่าสนุกมาก ตอนต่อไปก็จะสนุกขึ้นเรื่อย ๆ  เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 3 [Update : 21/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: biwtiz ที่ 21-11-2012 21:14:54
มาติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 3 [Update : 21/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 21-11-2012 22:26:42
มีเรื่องนี้เเล้วค่ะ ชอบมาก ๆ เลย ♥ แนะนำให้อ่านนะคะ ><' สนุกจริงอะไรจริงค่ะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 3 [Update : 21/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 22-11-2012 16:11:40

ชอบๆ---สนุกดี

มาลงให้จบนะ

+ เป็ดจ้า

หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 3 [Update : 21/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 22-11-2012 18:11:33
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 4

วันนี้...เป็นวันโลกาวินาศของผม



ฆ่าผมให้ตายเถอะ นี่มันน่าอับอายเสียยิ่งกว่าถูกไอ้คุณชายเร็นมันฟันตูดในห้องน้ำเสียอีก อย่างน้อยโดนมันฟันไปก็แค่มีผมกับมันรู้ อ่อ คนในบ้านด้วยแต่นั่นก็แค่ไม่ถึงสิบคน



ทว่าไอ้หนังสือพิมพ์คณะที่พาดหัวข่าวประกอบรูปเสร็จสรรพอย่างที่ ผมคาดการไว้นี่มันกำลังขยายอาณาเขตความอับอายของผมให้ไปทั่วมหาลัยกันเลยทีเดียว



แถมยังอาจจะหลุดออกไปนอกมหาลัยด้วยตามที่ไอ้เคนอิจิตัวดีมันกระซิบบอก เพราะว่าไอ้คุณชายมันเป็นคนดัง เนื้อหอมเป็นที่นิยมใน หมู่สาวๆ เก้งๆทั้งในและนอกมหาลัย



ตอนนี้คนทั้งคันโตคงรับรู้แล้วว่าผม...อิชิฮาระ ซัทสึกิสุดหล่อ ได้กลายเป็นคู่ควงคนใหม่ของไอ้คุณชายริวซากิ เร็นที่มันทิ้งลายคาสโนว่าไม่ยอมคบหาใครมากว่าครึ่งปี



แสส!! สมควรดีใจแล้วร้องเยส!! ด้วยไหม



ตูดก็ยังไม่หายระบม ถ้าขืนไปมหาลัยทั้งสภาพเดินเขยกๆแบบนี้ คนแม่งต้องรู้ชัวร์ว่าผมถูกไอ้เร็นมันฟันแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ว่าจะถูกมันเขี่ยทิ้งเอาเมื่อไหร่



ตามสถิติที่เคนอิจิมันไปเก็บมาได้ มันบอกว่าไอ้คุณชายมันจะทิ้งคู่ขาและคู่นอนที่มันควงเล่นภายในหนึ่งอาทิตย์ แต่นั่นมันก็ก่อนที่ไอ้บ้านั่นจะถือศีลอดงดควงเก้งน้อยและสาวๆเมื่อครึ่งปีก่อน



แล้วถ้ามันยังไม่ทิ้งสันดานเดิมของมัน ผมก็จะถูกมันทิ้งภายในหนึ่งอาทิตย์ใช่มั้ย ผมสมควรดีใจมั้ยที่จะต้องรอไปอีกหนึ่งอาทิตย์และปิดบันทึกนี้ภายในเก้าวันไม่ต้องทนเขียนอีกต่อไปสินะ ความหงุดหงิดทำให้ผมอยากระบายอารมณ์ออกมา แต่ด้วยสภาพที่ขยับไปไหนไม่ได้ ผมเลยได้แต่ฉวยหมอนมาปาออกไปสุดแรง



ผลกรรมเลยตกอยู่กับไอ้หล่อที่เปิดประตูเข้ามาพอดี หมอนที่ผมปาออกไปโดนหน้ามันอย่างจัง ผมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นมันก้มลงมองหมอนที่ร่วงลงพื้น ผมปัดความรู้สึกผิดในใจออกไปตอนที่มันก้มลงไปหยิบหมอนแล้วเดินเอามาวางลงที่เดิมบนเตียง



“วันนี้ไม่ไปมหาลัยใช่มั้ย?”



มันเดินเข้ามาถามไม่พอ ยังจะเอามือมาเกลี่ยไรผมข้างหูของผมอีก กูไม่ใช่สาวน้อยนะที่จะมาเพ้อดีใจที่มึงทำอะไรแบบนี้



“เออ”



ผมกำลังหงุดหงิดอยู่เลยกระแทกตอบไปอย่างนั้นแล้วก้มหน้า มองมือตัวเองที่หักข้อนิ้วไปมาระบายอารมณ์อยู่



“อย่าหักนิ้วแบบนั้นสิ เดี๋ยวนิ้วก็ไม่สวยหรอก”



ห่านี่ จะเอาไรกับชีวิตกูมาก บอกแล้วไงว่ากูแมน ถึงมึงจะสอยตูดก็ไป แล้วก็เหอะ นิ้วกูก็ไม่ได้สวยอยู่แล้ว มันป้อมๆสั้นๆไม่ได้เรียวยาวเหมือนนิ้วมึง แล้วกูก็ไม่ใช่สาวๆที่จะต้องนิ้วเรียวสวยเพื่อสวมแหวนแต่งงานโชว์ด้วยเพราะงั้น กูจะทะนุถนอมให้มันสวยไปทำไม



พอมันเอามือมันมาจับมือผมไว้ ปรามไม่ให้ผมหักนิ้ว ผมเลยอยากจะหันไปหักคอมันแทน แต่มันก็ชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาก่อน



“งั้นไปนั่งรถเล่นกันมั้ย?” ใช้อะไรคิดวะครับ นั่งธรรมดากูยังเจ็บก้น จะให้กูไปนั่งรถเล่นเนี้ยนะ



“ไม่”



ผมบอกมันอย่างไร้เยื่อใย ทำตัวขวางโลกเข้าไว้ซัทสึกิ เดี๋ยวไม่นานไอ้คุณชายมันก็จะเบื่อและทิ้งนายไปหาตูดใหม่สอยเอง



เกิดเป็นอิชิฮาระ ซัทสึกิทำไมถึงต้องมีกรรมมาถูกเกย์ไล่ตามตื้อตั้งแต่เด็กยันโตวะ แล้วไอ้เกย์ตรงหน้าเนี้ยพิษสงแม่งมากกว่าทุกตัวรวมกันแล้วคูณร้อยด้วย (ถ้าพิษสงมันไม่เยอะมันคงไม่ได้แอ้มตูดผมหรอกจริงมั้ย?)



ไอ้เคนอิจิมันเคยตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าเพราะผมตูดสวย ตูดเด้งกว่าผู้หญิง ไอ้พวกเกย์พวกนี้เลยชอบ ผมสมควรดีใจมั้ยที่มีอวัยวะเบื้องตูดสวยงามดึงดูดเกย์เป็นของตัวเอง



คอยดูเถอะ!! สักวันผมจะไปตัดตูดออก!!



“คิดอะไรอยู่หืม? คิ้วขมวดเชียว”



มันถามอย่างเดียวไม่ได้ครับ มันยื่นมือมาประคองหน้าผมแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงกับหัวคิ้วของผมไปด้วย



“ฉันกำลังคิดว่า..” ผมปัดมือมันออกแล้วกดหน้าลงต่ำจ้องมัน ท่านี้นอกจากแมนแล้วยังเมื่อยลูกตามากขอบอก



“คิดว่าอะไร?”



มันถามซ้ำเมื่อเห็นผมเอาแต่จ้องหน้ามัน ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มแล้วตัดสินใจถามมันไปตรงๆ



“ทำไมนายต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ใช่ หรือไงกัน แล้วไอ้ที่บอกว่ากว่าจะได้มีโอกาสกอดฉันมันลำบากมาก หมายความว่ายังไงกัน?”



ผมได้ทีซักมันยกใหญ่ ไอ้คุณชายมันนิ่งไปแววตาหลุกหลิก พอเห็นผมจ้องมันก็หันหลังหนีผมเสียอย่างนั้น



“ริวซากิ เร็น”



ผมเรียกชื่อมันซ้ำด้วยเสียงดุๆแล้วกระตุกแขนเสื้อเชิ้ต สีดำที่มันสวมอยู่ มันเลยยอมหันกลับมา



ครับ...มันหันกลับมา แต่มันไม่ได้หันกลับมาตอบผม ไอ้บ้านั่นอยู่ดีๆก็ ใช้สองมือประคองหน้าผมขึ้นแล้วจูบลงมาเต็มแรง ฟันมันกับฟันผมกระทบกันจนผมเจ็บและคาดว่ามันเองก็ต้องเจ็บด้วยเหมือนกัน ผมดิ้นขลุกขลักแล้วทุบไหล่มันแต่ไอ้บ้านั่นก็ยังไม่ปล่อย มันยังเบียดปากแล้วดูดปากผมหนักๆ



ไม่อยากยอมรับเลยว่าไอ้บ้านี่จูบเก่งชะมัด



ผมหลับตาปล่อยให้มันจูบจนมันสาแก่ใจเพราะผลักยังไงมันก็ไม่ยอมปล่อยผ่านไปสักพักมันก็ถอนจูบออก ผมลืมตามองหน้ามัน ไอ้คุณชายมันก็ดันเสร่อมาจูบทับเปลือกตาผมอีก



“เหตุผลทั้งหมดก็เพราะนายยังไงล่ะ”



มันบอกแค่นี้ก่อนที่มันจะลุกเดินหนีผมไปอีกแล้ว



ไอ้บ้า!! ไอ้ชาติชั่ว!! มึงเห็นกูเป็นอะไร มาพูดให้กูใจเต้นอีกรอบแล้วเดินหนีไปแบบนี้ได้ยังไงกัน



“ไอ้บ้า!!”



ผมสบถแล้วคว้าหมอนของมันขว้างไล่หลังไป มันหัวเราะอย่างอารมณ์ดีชนิดไม่รู้ว่าจะอารมณ์ดีไปไหน ทิ้งให้ผมฮึดฮัดแล้วทิ้งตัวนอน บนเตียงด้วยความรำคาญหัวใจที่มันดันเต้นกระหน่ำเหมือนกลองชุด



ไม่ได้ๆ ผมจะมาหัวใจเต้นกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้ไม่ได้



อิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นมนุษย์แมนๆนะ จะมาใจเต้นกับมนุษย์ที่มีดุ้นเหมือนกันได้ยังไง!!




ความรำคาญใจในวันนี้ยังไม่จบไม่สิ้น ตกเย็นไอ้เคนอิจิมันกลับมาจากมหาลัยมันก็รีบแสลนหน้าขึ้นมาหาผม กะจะเยาะเย้ยกันเต็มที่ด้วยการไปเอาแว่นตาของฮิโรโตะมาสวมทำเก็กเป็นนักวิชาการสาวแก่เข้ามาแกล้งสัมภาษณ์ผมอย่างกวนตีน



“เป็นยังไงบ้างคะอิชิฮาระ ซัทสึกิซังกับความรู้สึกครั้งแรกที่เสียตัวไป”



ดูมันจีบปากจีบคอ งวดนี้ผมไม่ยอมเสียเส้นด้วยการยกขาขึ้นมาถีบมันแล้วแต่หันไปคว้าหนังสือการ์ตูนที่สั่งให้เร็นมันเอามาวางกองไว้ให้เพราะผมจะอ่านขึ้นมาปาใส่หน้ามัน



“ลองมาโดนเองดูบ้างไหมโคยามะ เคนอิจิเดี๋ยวจะบอกให้เร็นมันสงเคราะห์ให้” ไอ้เคนอิจิรีบส่ายหน้าโบกมือเป็นพัลวัน



“ฟ้าผ่าตายห่าสิมึง” อ๊าว!! แล้วทีกูนี่มึงไม่คิดว่าฟ้าผ่าบ้างหรอ ผมจิกตามองมันแล้วชี้ไปที่ถุงที่มันถือมา



“นั่นอะไร”



“ของมึง ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นฝากมาให้ บอกว่าถึงมึงจะตกลงปลงใจกับเร็นแล้ว แต่พวกมันก็จะรอมึง” ฟังแล้วผมก็ต้องเบ้ปาก



นึกว่าจะมีความโชคดีในความโชคร้ายอยู่บ้าง แต่ท่าทางผมจะคิดผิด ตอนแรกนึกว่าไอ้พวกรุ่นพี่สองตัวนั่นคงจะเลิกมาตามตื้อผมแล้ว แต่ดูเหมือนพวกมันจะมีความมุ่งมั่นมากเป็นพิเศษ



“งั้นเอาไปโยนทิ้งเลยมึง”



“เฮ้ย!! ทีรามิสุกับฟรุ้ตเค้กเจ้าอร่อยจากกินซ่าเลยนะมึง ถ้ามึงจะทิ้งงั้น กูขอนะ”



“ไม่ต้องแล้ว กูเปลี่ยนใจ เอามากูจะแดก”



ไอ้เคนอิจิทำท่าเสียดาย อิดออดอยู่พักหนึ่งก่อนจะยอมส่งมาให้ผม เรื่องของหวานๆนี่ให้บอกเถอะ ผมชอบอยู่แล้ว
ตักทีรามิสุขึ้นมาคำแรกยังไม่ทันจะเข้าปาก ไอ้เคนก็ถลามานั่งข้างๆแล้วอ้าปากเหมือนลูกนก หวังจะให้ผมแบ่งให้กินล่ะสิ แต่ขอโทษ ความงกส่วนตัวบอกให้ผมตักจ้วงเข้าแต่ปากของตัวเอง มันเลยนั่งหน้าตูมงอนผมอยู่ข้างๆ



“แล้วนี่รุ่นพี่ริวซากิไปไหน?”



หลังจากเคนอิจิมันสำเหนียกได้ว่างอนผมไปผมก็ไม่สน มันเลยเริ่มหันมองนู่นมองนี่ก่อนจะพบว่าผมใช้อากาศอยู่ในห้องคนเดียวตั้งแต่ก่อนที่มันจะมา



“ไปตายห่าแล้วมั้ง”



ผมบอกอย่างหงุดหงิดใจ เผลองีบไปพักใหญ่ตื่นมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้คุณชายมันแล้ว ทิ้งผมให้นอนปวดตูดแล้วมันหายไปไหนก็ไม่รู้



“พูดไม่เพราะเลยนะ”



จากรูปประโยคคุณกำลังคิดอยู่ใช่มั้ยว่า ไอ้คุณชายมันเดินกลับเข้ามาเจอผมพูดคำหยาบพอดี แต่เผอิญไม่ใช่ คนที่พูดประโยคนั้นคือไดจังที่เดินแบกกีต้าร์เข้ามาหาผม



“จะออกไปบาร์แล้วหรอ?”



ผมถามแล้วไดจังก็พยักหน้าก่อนเดินมานั่งข้างๆ ผมตักแบ่งทีรามิสุป้อนให้กับไดจังท่ามกลางเสียงบ่นงุบงิบของไอ้เคนมัน



“ทีไดจังล่ะแบ่งให้กินได้ ทีกูไม่ยอมให้ ยุติธรรมจริงๆเพื่อนกู”



ไดจังต่อยแขนเคนอิจิกับคำบ่นของมันก่อนจะหันมาลูบหัวผมอย่างเอาใจ



“เดี๋ยวฉันจะไปทำงานแล้ว เลยแวะเอาเล็คเชอร์ของสองวันนี้ที่ซัทจังหยุดไปเอามาให้ ถ้าพรุ่งนี้ยังไปเรียนไม่ไหวก็ไม่ต้องไปนะเดี๋ยวจะจดมาให้อีก”



ไดจังใจดีที่สุดในโลกผมพยักหน้างึกงักก่อนจะเอนซบไหล่เพื่อนรักอย่างอ้อนๆ



“ขอบใจน้า~~รักไดจังที่สุดเลย”



ผมบอกแล้วเห็นจากหางตาว่า ไอ้เคนอิจิมันทำเบ้หน้า อิจฉาล่ะซิไอ้เคน ผมรู้นะว่าไอ้เคนมันแอบชอบไดจัง แต่ขอโทษที...ไดจังแมนกว่ามันล้านเท่า ไอ้เคนเลยต้องเก็บเอาความรักที่ไม่มีหวัง ไว้ข้างในเพราะมันก็บอกว่าตัวมันแมนเหมือนกันจะให้เป็นฝ่ายรับล่ะก็ไม่มีทาง



แต่หางตาของผมมันไม่กว้างพอ เลยไม่เห็นอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่นอกประตูและได้ยินคำพูดของผมที่พูดในตอนนั้น



“รู้แล้วๆ เดี๋ยวฉันไปทำงานก่อนล่ะ ซัทจังอยากได้อะไรมั้ย เดี๋ยวขากลับจะได้แวะซื้อมาให้”



ผมส่ายหน้าให้กับไดจัง ก่อนจะโบกมือบ้ายบายเพื่อนรัก ที่จัดการแบกกระเป๋ากีต้าร์ขึ้นบ่าและเดินออกจากห้องไป



“อ่าว! รุ่นพี่มายืนทำไมอยู่ข้างนอกครับ เข้าไปสิ เคนอิจิ! นายก็ออกมาได้แล้ว”



ประโยคแรกไดจังเอ่ยทักไอ้คนที่มันยืนอยู่นอกประตูครับ ส่วนประโยคหลังไดจังตะโกนเข้ามาบอกไอ้เคนที่พอไดจังสั่งมันก็เดินหน้างอออกไป



ผมไม่สนใจหรอกนะว่าไอ้คุณชายมันมายืนอยู่ตรงประตูเมื่อไหร่ แต่ ไอ้หน้าตูดๆของมันเนี้ยถึงจะหล่อแค่ไหนแต่ผมก็อึดอัดใจนะที่จะอยู่ร่วม อาณาเขตเดียวกับมัน



“องค์อะไรลงมันอีกวะ”



ผมบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อมันไม่สนใจผมแต่กลับเดินถือผ้าขนหนู พาดไหล่เข้าห้องน้ำไป แต่องค์อะไรจะลงมันผมก็ไม่สนใจหรอก สู้เอาเวลามาสนใจทีรามิสุกับฟรุ้ตเค้กตรงหน้าดีกว่า



“งั่ม!! อร่อยจัง!!”



-TBC-

nutty2554 /  honeystar >_<~ คุณสองคนคือผู้โชคดีในไม่กี่ท่านที่ได้ครอบครองนะ 55555  :กอด1: ขอบคุณมากนะคะ ไม่นึกว่าจะเจอว่ามีคนมีหนังสือเล่มนี้แล้วที่นี่ด้วย  :o8:

biwtiz ขอบคุณที่ติดตามค่า

AGALIGO ลงจนจบแน่นอนค่ะ เพราะงั้นอย่าลืมมาอ่านน้า o13
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 4 [Update : 22/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 23-11-2012 18:37:41
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 5

วันนี้เป็นวันแห่งสงครามประสาทแน่ๆ!!



หงุดหงิดครับ!!



คนหล่ออย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิกำลังประสบกับสภาวะหงุดหงิดใจขั้นกลางๆ ไม่เต็มแม็กซ์เพราะขอบอกว่าไอ้คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดไม่ได้มีอิทธิพลใดๆกับชีวิตของผม ผมเลยไม่จำเป็นต้องหงุดหงิดใจขั้นแม็กซ์



คุณคงเริ่มอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยว่าใครเป็นคนทำให้ผมหงุดหงิดใจ



ก็แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เกย์หน้าหล่อที่มันเอาชีวิตของมันเข้ามาในชีวิตของผมเป็นวันที่ห้าแล้ว อย่างไรก็ตามที พวกคุณคงอยากรู้ว่าทำไมไอ้หล่อนั่นมันถึงทำให้ผมหงุดหงิดใจมากกว่าจริงมั้ย?



สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจมันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานครับ ตั้งแต่ที่ไอ้หล่อมันกลับเข้ามาแล้วพาตัวมันเข้าไปในห้องน้ำนั่นแหละ มันเข้าไปอาบน้ำอยู่พักใหญ่ ชนิดที่ว่าคงขัดสีฉวีวรรณทุกซอกทุกมุมทุกอณูรูขุมขนของมัน



ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะผมยังไม่มีธุระด่วนอะไรที่จะใช้ห้องน้ำในตอนนี้



พอกินเค้กหมดผมก็โยนกล่องมันทิ้งไว้ข้างเตียงกะว่าเดี๋ยวไอ้คุณชายมันมาจะใช้ให้มันเอาลงไปทิ้งข้างล่างให้ ก็ผมยังปวดตูดนิดๆ ขอสำออยว่าเดินลงไปไม่ได้ก็แล้วกัน อันที่จริงแล้วขี้เกียจครับ กินเสร็จแล้วหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา



ผมเอานิ้วถ่างตาไว้ รอไอ้คุณชายมันออกมาจะได้ชี้นิ้วสั่งตามประสา คนน่ารักที่มักเอาแต่ใจและต้องการให้ทุกคนตามใจ



แต่ขอโทษทีครับ...ไอ้คุณชายแม่งตกส้วมตกท่อระบายน้ำไปหรือเปล่าไม่รู้ ผมคอยมันจนหลับไปพักใหญ่ มาตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงมันกระแทกประตูเสื้อผ้าปิดนั่นแหละ



“จะไปไหน?”



ผมถามมันอย่างงัวเงีย แต่ในความงัวเงียผมก็จับความรู้สึกตอนมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ว่าแม่งหล่อมาก มันอยู่ในชุดพร้อมออกตระเวนราตรีแบบเต็มยศ ถามไปแล้วก็หยิ่งไม่ตอบผมด้วยนะ มันมองหน้าผมนิ่งแล้วหยิบเอาแว่นดำขึ้นมาสวมก่อนจะออกจากห้องไป



ผมยักไหล่ มันไม่ตอบก็เรื่องของมัน



ผมไม่แคร์อยู่แล้ว ดีซะอีก คืนนี้จะได้ครองเตียงนุ่มๆนี่คนเดียวไม่ต้องมีมันเข้ามากอดเข้ามานัวเนียเหมือนกับหลายคืนที่ผ่านมา



แต่..พอเอาเข้าจริงแล้ว มันก็เหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไป ผม พลิกตัวหลายรอบแล้วก็รู้สึกไม่คุ้นเคย ทั้งๆที่หลายปีที่ผ่านมาผมก็นอนคนเดียว



“บ้าชะมัด”



ผมสบถกับตัวเองในความมืดก่อนจะเอื้อมมือไปหา ไอ้กระต่ายปิศาจของไดจังที่ผมจัดการยึดครองแล้วเรียบร้อยมานอนกอด



ในหัวมีแต่นึกจินตนาการว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วเร็นมันออกไปไหน ออกไปกับใคร แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่กัน



พอมานึกดูอีกที...ผมจะมานึกถึงมันทำไม มันจะออกไปหาสาวๆหรือเก้งน้อยกวางน้อยก็เรื่องของมันสิไม่ใช่เรื่องของผม
แต่ถึงบอกกับตัวเองอย่างนั้น สามชั่วโมงต่อมาผมก็รู้สึกตัวอีกครั้งว่าผมก็ยังไม่ได้หลับและยังคงคิดแต่เรื่องเดิมๆ ผมเลยได้แต่โวยวายกับตัวเองว่าที่หงุดหงิดมันก็เพราะไอ้บ้านั่นพอทำ ผมเจ็บตูดแล้วมารู้ตัวว่าตูดผมไม่โดนใจมันเลยจะไปหาตูดใหม่มาระบายอารมณ์โดยทิ้งผมไว้แบบนี้ต่างหากที่ทำให้ผมหงุดหงิด



“ริวซากิ เร็น คนอย่างนายมันน่าหงุดหงิดชะมัด”



ผมสบถกับตัวเองแล้วต่อยซ้ำๆไปที่หน้าของไอ้กระต่ายปิศาจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ คิดแล้วก็สงสารมันเหมือนกัน มันไม่ใช่เร็นแต่ต้องมาโดนผมต่อยแทนเจ้าตัวมัน ผมเลยหยุดต่อยแล้วคว้าคอมันมากอด
ความเงียบในคืนนี้มันเงียบเกินไปจนน่าหงุดหงิดกว่าเดิม



ตื่นเช้ามาอีกทีก็ยังไร้วี่แววของไอ้เกย์ลูกคุณหนูมันเหมือนทั้งคืนที่ผ่านมา รถเปิดประทุนกินลมของมันก็ไม่อยู่



ผมเดินลงมาจากห้องก็ได้รับรายงานจากเคนอิจิหน่วยข่าวกรองประจำตัวว่าไอ้คุณชายมันไปมีเรื่องกับใครสักคนเมื่อคืนที่บาร์ที่ไดจังไปทำงานพิเศษ ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมากแค่โดนต่อยแก้มช้ำไปก็เท่านั้น



“แล้วมันหายหัวไปไหนถึงไม่กลับมานอนที่นี่?”



ผมหันไปถามไดจังที่ยืนหาวไปชงกาแฟไป เพื่อนรักของผมอดนอนเป็นประจำเพราะมีงานพิเศษเป็นนักดนตรีที่บาร์ กว่าจะได้กลับก็ร้านปิด ถ้าวันไหนมีเรียนเช้า ไดจังจะดูทรุดโทรมมากกว่าปกติแต่ก็ยังขยันเรียนเหมือนเดิม



“ไปนอนค้างกับรุ่นพี่โคเฮย์น่ะ เมื่อวานรุ่นพี่โคเฮย์หิ้วปีกกลับไปด้วย นายทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”



ผมส่ายหน้า ผมไม่ได้ทะเลาะอะไรกับไอ้คุณชายมันเลยนะ มันเองต่างหากที่องค์ลงอยู่ดีๆไม่ยอมพูดกับผม



พวกลูกคุณหนูนี่เอาใจยากแหะ บทจะดีก็ดี บทจะองค์ลงก็ลงไม่บอกไม่กล่าวกัน



“หรอ...แต่เมื่อวานรุ่นพี่เอาแต่พึมพำชื่อนายนะ แถมรู้สึกที่มีเรื่องกับไอ้พวกเด็กวิศวะก็เพราะนายเหมือนกัน”



ไดจังเปรยๆแล้วหันมาหยิบเอาขนมปังปิ้งที่เคนอิจิทาแยมเสร็จแล้วส่งมาให้กัดเข้าปาก



“เห?” เพราะผมเนี้ยนะ...!!?



“มันไปหาเรื่องเองแล้วเกี่ยวไรกับฉันวะ?”



ผมถามกลับแล้วแย่งหนมปังที่กำลังจะเข้าปากเคนอิจิมากัดกิน ไอ้เคน มันหันมาต่อยเอวผมแล้วสะบัดหน้างอน เออดีหัดงอนๆเข้าไว้อีกไม่นานจะได้ เป็นเคะให้ไดจังได้ ผมอยากบอกมันอย่างนั้นถ้าไม่สนใจเรื่องที่ไดจังเล่าให้ฟังเสียก่อน



“ก็พวกเด็กวิศวะมันปากเสีย บอกอยากแอ้มนาย เร็นได้ยินเข้าก็เลือดขึ้นหน้า เดินอาดๆไปต่อยหน้ามันเลย”



ไดจังบอกอย่างรู้ดีเพราะเจ้าตัวอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตอนเกิดเรื่อง



“ห่า!! อย่าบอกนะว่าเด็กวิศวะที่นายว่านี่มันไอ้รุ่นพี่ยามาดะ?”



ไดจังส่ายหน้าแล้วยกมือลูบคางทำท่าคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ



“เป็นเด็กปีหนึ่งชื่ออิโต้ ทัตสึโอะน่ะ”



อิโต้ ทัตสึโอะ?



ชื่อนี้ไม่คุ้นในสาระบบของผมแม้แต่น้อย



ผู้ชายสกุลอิโต้มีคนเดียวเท่านั้นที่ผมรู้จักชื่อไอ้รุ่นพี่อิโต้ ฮิเดกิรูปหล่อ พ่อรวยเพอร์เฟ็คอย่างไร้ที่ติสำหรับใครหลายๆแต่ไม่เพอร์เฟ็คสำหรับผมเพราะ ไอ้บ้านี่เป็นมนุษย์เสี่ยวพอๆกับไอ้รุ่นพี่ยามาดะ ถ้าเมื่อไหร่เลิกทำตัวเสี่ยวและเลิก ไล่จีบผมนั่นแหละผมจะยกให้มันเป็นซูเปอร์เพอร์เฟ็คแมนตัวจริง



“ไม่รู้จักว่ะ แล้วนี่เข้าเลคเชอร์เช้าป่ะ?”



ผมโยนเรื่องต่อยตีของไอ้คุณชายมันทิ้งไปแล้วเริ่มเข้าสู่ระบบการเรียนที่ผมไม่ได้ไปมาสองวันแทน



“ไปสิ ซัทจังจะไปเรียนมั้ยวันนี้?”



ผมพยักหน้าแทนคำตอบให้ไดจัง แต่ในใจยังปัดเรื่องของไอ้คุณชายที่มันไปต่อยกับคนอื่นเพราะผมออกไปไม่ได้ มันวนเวียนอยู่ในหัวของผมจนผมลืมเรื่องไอ้ข่าวบ้าๆระหว่างผมกับไอ้เร็นที่มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งคณะ และมหาลัยไปเสียสนิทใจ



จนกระทั่งผมออกจากห้องเลคเชอร์ในตอนเกือบเที่ยงและเดินตาม แรงจูงของไดจังไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหารคณะนั่นแหละผมถึงได้เริ่มรู้สึก ตัวว่ามีคนชอบหันมามองผมและหันไปซุบซิบกันเอง



ต้นเหตุก็เพราะห่างออกไปเพียงไม่ถึงสิบเมตร ริวซากิ เร็นมันยืนแก้มช้ำเปล่งประกายความหล่อเจิดจรัสของมันอยู่กับก๊วนเพื่อนสถาปัตย์อันประกอบไปด้วยฟุรุซาวะ โคเฮย์เด็กไอคิวอัฉริยะ ลีซึงโฮเด็กแลกเปลี่ยนจากเกาหลีใต้ ฟุจิชิมะ ยูตะเด็กอิมพอร์ตจากอเมริกาและทากาโมโต้ จุนยะคนหน้าหวานแต่คาสโนว่าเรียกพ่อ



มองทั้งหมดทั้งมวลแล้วผมก็รู้สึกเหมือนกลุ่มไอ้คุณชายมันเป็นกลุ่มไอดอลประจำมหาลัยของผมอย่างบอกไม่ถูก แต่ละคนดูดีมีชาติตระกูลและมีออร่าเป็นของตัวเองชนิดว่าไม่ต้องอาศัยสปอร์ตไลท์ใดๆทั้งสิ้น ซึ่งนั่นมันทำให้ผมหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก



อันที่จริงแล้ว...ผมอิจฉาความสูงของทุกคนในกลุ่มไอ้คุณชายมันครับ แต่ละคนจะสูงข่มความเตี้ยของผมไปไหนกัน
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่าไอ้คุณชายมันเห็นหน้าผมเดินเข้ามากับไดจังและเคนอิจิแล้วครับ แต่มันเมินใส่ผมทั้งๆที่รู้ว่าผมกำลังจ้องมันอยู่ มันสะบัดหน้าหันไปคุยกับรุ่นพี่โคเฮย์ที่อยู่ทางขวาของมัน ผมเลยเห็นรอยช้ำบนแก้มซ้ายอย่างชัดเจนและประเด็นสำคัญคือการที่มันทำเมินกับผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลแบบนี้ มันทำให้ผมตกเป็นจำเลยให้สังคมตราหน้าทันทีว่าผมถูกไอ้คุณชายมัน เขี่ยทิ้งภายในสามที่ถูกควงทันที!!



เอาเหอะ..จะข่าวจะอะไรผมก็ไม่สนใจแล้ว



ผมมองมันอีกหนและเห็นว่ามันไม่ทำท่าสนใจอะไรเลยสักนิด ผมก็เลยลากเพื่อนรักสองคนของผมเดินไปนั่งอีกมุมแทน
ทว่าก่อนที่เราจะได้เดินออกจากจุดนั้น มันก็มีคนมายืนขวางทางของผม เงยหน้ามองแล้วไม่คุ้นผมก็ทำท่าจะเดินหนี แต่ไอ้บ้านั่นมันคว้าไหล่ของผมเอาไว้ก่อน



“เดี๋ยวก่อนสิครับ”



ผมเหล่ตามองมันแล้วเห็นรอยช้ำใต้ตากับดั้งจมูกมันแล้วก็นึกสงสัยหรือว่าจะเป็นอิโต้ ทัตสึโอะวะ แต่คงไม่มั้ง นี่มันโรงอาหารคณะนิเทศน์กับสถาปัตย์นะ วิศวะอยู่อีกด้านหนึ่งของมหาลัย มันคงไม่บังเอิญพาตัวเข้ามาที่นี่หรอกมั้ง ยิ่งเพิ่งจะมีเรื่องกับไอ้เร็นมันอยู่ แล้วไดจังก็เฉลยความคิดของผมด้วยประโยคที่เอ่ยขึ้นทันที



“ทัตสึโอะคุงนายไม่เห็นรุ่นพี่ริวซากินั่งอยู่ตรงนั้นหรือไงกัน”



ไดจังบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง ผมไม่ได้หันกลับไปมองหรอกแต่ได้ยินเสียงไอ้เคนอิจิที่เบียดตัวเองเข้ามาจนชิดผมแว่วๆว่าไอ้เร็นมันกำลังจ้องเขม็งมาทางนี้อยู่เลย



“ไม่เกี่ยวกันแล้วนี่ ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าเมื่อกี้ไอ้รุ่นพี่สถาปัตย์มันเมินรุ่นพี่อิชิฮาระไปแล้ว หรือว่ารุ่นพี่ไม่เห็น?”
ดูมันยอกย้อนไดจัง ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม ไอ้เร็นมันฟีลขาดได้ถึงขั้นเดินอาดๆเข้าไปต่อยได้ เพราะตอนนี้ผมก็อยากต่อยไอ้หน้ากวนตีนของคนตรงหน้าเหมือนกัน



“นายมีธุระอะไรกับฉัน?”



ผมถามมันออกไป ตัดบทให้สิ้นเรื่องสิ้นราวทั้งๆที่รู้สึกรังเกียจคนตรงหน้าไม่น้อยเมื่อนึกถึงคำพูดที่ไดจังเล่าให้ฟังเมื่อเช้าว่ามันอยากจะฟันผม ถึงมันจะพูดจริงหรือพูดเล่นไม่รู้แต่ผมก็ขอรังเกียจมันไว้ก่อนแล้วกัน



“ก็แค่อยากชวนรุ่นพี่ไปทานมื้อกลางวันด้วยกันน่ะครับ”



มันจะรู้มั้ยว่าผมรู้เรื่องเมื่อคืนแล้วถึงได้ยิ้มแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ ผมกำลังจะอ้าปากบอกปฏิเสธมันไป แต่ก็มีมือปริศนาเข้ามาโอบไหล่ผมอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ และพูดในสิ่งที่ทำให้ผมและคนทั้งโรงอาหารต้องเงียบกริบ



“แฟนกู กูเลี้ยงเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!”



ครับ...เอาเต็มที่ครับมึง เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมึงเพิ่งเมินใส่กูต่อหน้าธารกำนัลทั้งโรงอาหาร แล้วนาทีนี้มึงเดินอาดๆมาประกาศว่ากูเป็นแฟนมึง!!



ว่าแต่กูไปเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่กันริวซากิ เร็น!!



นอกจากมันจะขี้ตู่ไปประกาศต่อหน้าชาวบ้านชาวช่องว่าผมเป็นแฟนมันโดยไม่ถามความสมัครใจของผมแล้ว มันยังลากผมออกมาจากฝูงชนที่กลายเป็นมนุษย์หินเพราะช็อคกับคำพูดของมันอีกด้วย ผมเองที่กำลังช็อคอยู่เลยได้แต่ เดินตามแรงควายของมันไปอย่างไม่อาจขัดขืนได้



“เป็นบ้าอะไรของนายวะ!!”



ได้สติแล้วผมก็สะบัดมือมันออก เราสองคนยืนอยู่กลางลานสนามบาส เสียงตะโกนของผมทำให้เด็กปีหนึ่งที่เล่นบาสกันอยู่ชะงัก ลูกบาสของเด็กพวกนั้นกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงเท้าผม ใบหน้าถมึงทึงของผม ทำให้เด็กพวกนั้นไม่กล้าเดินเข้ามาเก็บ ผมยังคงจ้องหน้าเร็นอยู่ อยากจะถลาเข้าไปต่อยมันสักหมัดสองหมัดให้หายแค้นกับที่มันทำให้ผมสูญเสีย ความแมนไปจนหมดสิ้น



มันยืนนิ่งไม่ตอบคำถามของผมสักคำ เอาแต่จ้องหน้าผมราวกับจะให้ ผมหาคำตอบเอง ผมเลยถลาเข้าไปชกอกมันอย่างแค้นๆ อย่างน้อยขอให้ได้ระบายความอัดอั้นในอกตั้งแต่ที่เสียจิ้นให้มันไปสักหน่อยก็ยังดี



“นายจะเอาไงกันแน่!! เดี๋ยวก็ดีใส่ เดี๋ยวก็ทำเมิน พอมีคนอื่นเข้ามาก็ ทำหวงก้าง!! ไอ้บ้า!! นายจะเอายังไงกับฉันแน่วะ!!”



ด่าไปต่อยมันไปแล้วผมก็อยากร้องไห้เลยต้องกัดปากเอาไว้แล้วก้มหน้า ชกมันไปเต็มแรงเพราะอยู่ดีๆน้ำตามันก็เอ่อมาล้นตรงหัวตา



แย่ที่สุด!!



ผมไม่เคยโมโหใครเท่านี้มาก่อน แต่ในความโมโหผมรู้สึกโกรธตัวเองมากกว่าที่เพียงไม่กี่วันก็ปล่อยให้เร็นมันมามีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้



“ซัทสึกิ...”



มันพยายามกอดผมเอาไว้ ผมดิ้นสุดแรงไม่ยอมให้ไอ้บ้านี่กอดผมกลางสนามบาสแต่แรงมันมีเยอะกว่าผม มันกอดผมเอาไว้แล้วกอดหัวผมซุกกับอกมัน เรียกกระซิบชื่อของผมข้างหูเหมือนกับจะปลอบโยน



แต่ผมยังเกลียดมันอยู่และไม่ต้องการให้มันกอดผม ผมเลยกัดไหล่มัน เสียจมเขี้ยวจนมันต้องยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ



“โอ๊ย!!”



“ริวซากิ เร็น!! ฉันเกลียดนาย!!”



ผมตะเบ็งสุดเสียงและคว้าเอาลูกบาสที่มันตกอยู่ใกล้ๆ ขว้างใส่หน้ามันเต็มแรง ลูกบาสอัดเข้าแก้มข้างที่ช้ำของมันแล้วกระเด็นไปไหนไม่รู้



ผมรู้แต่ว่าผมเห็นแววตาเจ็บปวดของเร็นเมื่อไอ้หล่อมันเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง



มันไม่พูดอะไรเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะก้าวเข้ามาหาผม แต่กลับหันหลัง และเดินออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ผมยืนอยู่



ปล่อยให้ผมยืนเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพังกับหัวใจที่บีบรัดจนแสนทรมาน



-TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 5 [Update : 23/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 24-11-2012 10:30:37
อ่ะ อยากได้หนังสือจัง

เร็นน่ารักเว่อร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 5 [Update : 23/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 24-11-2012 18:07:36
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 6

มันยังคงเป็นวันแห่งสงครามประสาทอย่างต่อเนื่องครับ



ไม่ได้การแล้ว



ผมจะปล่อยให้ไอ้บ้านั่นเข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจของผมมากเกินไป ขนาดนี้ไม่ได้แล้ว บ้าชะมัด มันเข้ามาในชีวิตของผมยังไม่ถึงสัปดาห์ แต่ทำไมอะไรหลายๆอย่างมันถึงได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนักก็ไม่รู้



นอกจากจะเสียตูด เสียจิ้น เสียรู้ให้ไอ้คุณชายมันแล้ว ทำไมผมยังต้องมานั่งเสียใจกับการกระทำของตัวเองด้วยก็ไม่รู้
ขอบอกว่าตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเสียเซล์ฟขนาดนี้มาก่อน เรื่องไอ้ที่จะมาแคร์ความรู้สึกคนอื่นที่ไม่ใช่คนสำคัญในชีวิตแบบนี้ก็ด้วยเช่นกัน



“สำคัญสิ ทำไมจะไม่สำคัญวะ”



ไอ้เคนอิจิมันสวนขึ้นมาทันทีเมื่อผมนั่งบ่นไปกระดกเบียร์เข้าปากไป มันพยายามยื้อแก้วเบียร์ของผมวางลงกับโต๊ะ แต่มันทำไม่สำเร็จหรอกเพราะไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็คว้าขึ้นมาดื่มต่อได้อีก



เคนมันส่ายหน้าไปมาสองทีแล้วหันไปมองไดจังนั่งดีดกีต้าร์อยู่ บนเวที ผมรู้..มันแค่พยายามปรามผมไม่ให้แดกเบียร์เกินลิมิตตามที่ไดจังสั่ง ไว้ก่อนขึ้นเวทีก็เท่านั้น



“ไหนโคยามะ เคนอิจิมึงบอกกูมาทีดิ๊ ว่าไอ้ห่าลูกคุณหนูนั่นมันสำคัญกับชีวิต กูยังไง?”



ตั้งแต่ริวซากิ เร็นมันเข้ามาในชีวิตผมได้ห้าหกวันมานี่ ผมยังไม่เห็นความสำคัญของไอ้เร็นมันเลยสักข้อ แล้วเคนอิจิมันจะมารู้ได้ยังไงกัน มันไม่ใช่ตัวผมซะหน่อย



“ไอ้หล่อรุ่นพี่นั่น มันเป็นคนแรกของมึง คนแรกก็ต้องสำคัญสิวะ”



ไอ้บ้าเคนมันพูดโดยไม่หันมามองหน้าผม เอาแต่โยกหัวไปตามจังหวะกีต้าร์ของไดจังอยู่ได้ โอเค..ขอบคุณสำหรับคำตอบของมึงที่ทำให้หัวใจ กูบีบรัดมากกว่าเดิม



คนแรก....จำเป็นต้องเป็นคนสำคัญด้วยหรอ?



มันเป็นคำถามที่ผมเอาแต่เฝ้าถามตัวเองอย่างสงสัย



“แล้วฉันไม่มีความสำคัญกับนายบ้างเลยหรือไงซัทสึกิ?”



เสียงของใครสักคนถามผมอย่างนั้น ผมพยายามลืมตามองดูแต่ภาพมัน ก็เบลอเกินไป แต่ผมจำเสียงได้ มันเสียงไอ้คุณชายนี่หว่า



ผมยอมรับว่ากินเบียร์เข้าไปเยอะมาก จนตอนนี้แม่งมึนได้โล่ แต่ก็ไม่ได้เมาจนจะอภัยให้มันง่ายๆได้หรอกนะ ผมสะบัดตัวหนีมันเพราะรู้สึกได้ว่ามันกำลังกอดเอวผมอยู่



“เคนอิจิ~~!!” ผมเรียกหาไอ้เคนที่มันสมควรนั่งอยู่ข้างๆ แต่มือของ ผมก็ถูกไอ้คุณชายมันมาจับคว้าเอาไว้อีก



“ไอ้บ้าเอ้ย!! ปล่อยดิ๊!!”



ผมกระชากแขนออกจากมือมัน แต่ก็ถูกมันจับไว้แน่น เหตุการณ์ต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างผมไม่รู้



รู้แต่ว่าพอมารู้ตัวอีกที ความรู้สึกมันก็เบาหวิว วูบโหวงบอกไม่ถูก มัน สบายตัวเอามากๆจนผมอยากจะนอนหลับ ผมซุกหน้าเข้ากับอะไรสักอย่างที่มันแข็งกว่าหมอนแล้วงึมงำ



“นอนได้ป่ะ?”



“แล้วแต่นายสิ”



เสียงทุ้มบอกกลับมาเช่นนั้นอยู่ข้างหู มันจะเป็นเสียงของไอ้บ้าเร็นหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ เพราะหลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้ตัวเองหลับไปทั้งๆที่รู้สึก เสียววูบวาบเบื้องล่างเหมือนกับวันที่ถูกไอ้คุณชายมันทะลวงหลังไม่มีผิด



แต่ผมคงแค่ฝันไปล่ะมั้ง




เหี้ยล่ะ!! ไม่ใช่ความฝัน!!



เมื่อคืนแม่งไม่ใช่ความฝันละ!!



ตื่นมาตอนเช้าแล้วผมก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งก่อนจะซี๊ดปากเพราะ รู้สึกระบมก้นมากกว่าเมื่อวานแต่มันก็ไม่มากเท่ากับวันบู๊กับไอ้คุณชายมันครั้งแรกหรอก



พอก้มลงสำรวจตัวเองแล้วผมก็อยากร้องกรี๊ดออกมาดังๆ แต่ก็ได้ แต่อ้าปากค้าง รอยสีชมพูที่ไอ้คุณชายมันทิ้งไว้ตามตัวของผมเมื่อวันก่อนมัน เพิ่งจะจางลงแท้ๆ แต่ตอนนี้มันกระจายอยู่เต็มตัวของผมไปหมด ลามลงไปถึง ต้นขาเลยด้วยซ้ำ



แต่อย่างอื่นมันสะอาดหมดจด มันไม่มีคราบหลงเหลือไว้ให้ผมแน่ใจว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทว่าสภาพที่ผมนอนโป๊อยู่บนเตียงนอนในห้องที่ไม่รู้ว่าเป็น ที่ไหนนี่มันน่าสงสัยเสียจริง



นอกจากผมแล้วในห้องก็ไม่มีใคร ผมเลยยกขาขึ้นมาชันแล้วแยกขาออก ปรับมุมสะโพกนิดหน่อยแล้วล้วงมือลงล่าง เช็คบางอย่างให้แน่ใจ



ตูดผมแห้ง ในตูดก็แห้งเหมือนกันแต่แม่งเจ็บแปล็บๆ ผมขยับลุกจากเตียงไปห้องน้ำเพื่อส่องตูดดูทันที โอเคเห็นแล้วรับรู้ได้เลยว่ามันผ่านการใช้งานอีกครั้งแล้ว มองไปมองมาผมถึงเห็นว่านอกจากแผ่นหลังแล้วก้นผมยังมีรอย คิสมาร์คอีกด้วย



เวรแล้ว!!



ใครแม่งฟันผมตอนผมเมาวะนี่ ถ้าเป็นไอ้คุณชายมันก็ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะ
ซวยชิบหายเลยงานนี้ ไอ้เคนอิจิมันไปไหนของมันเมื่อคืนถึงปล่อยให้เพื่อนมันถูกใครไม่รู้หิ้วปีกมาฟันได้แบบนี้
ผมหงุดหงิดโคตรๆก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ไหนๆก็โป๊แล้วนี่ ขอขัดสีฉวีวรรณสักหน่อยเถอะถึงร่างกายมันจะดูสะอาด แต่ในความรู้สึกมันเหมือน โสมมสิ้นดี



ผมอาบน้ำไปพลางมองห้องน้ำไป มันมีแยกทั้งโซนอาบฝักบัวและ โซนอ่างจากุชชี่สำหรับแช่ผ่อนคลาย



ลักษณะดูแล้วเหมือนเจ้าของห้องจะเป็นคนมีฐานะไม่น้อยเพราะข้างอ่างมันคือบานกระจกที่มองเห็นวิวทิวทัศน์มุมสูงของกรุงโตเกียว ดูจากระยะความสูงแล้วนี่คงเป็นชั้นบนๆของคอนโดนี้แล้วล่ะมั้ง แถมสไตล์ตกแต่งดูหรูๆจนผมยัง นึกว่ามันเป็นโรงแรมด้วยซ้ำตอนแรก ถ้าไม่เดินออกจากห้องน้ำมาเจอข้าวของที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของห้องจัดวางอยู่
แล้วใครกันหว่าที่จะมีเงินขนาดเป็นเจ้าของห้องแพงๆนี้ได้



คนที่มีเงินมากๆที่ผมรู้จักก็มีไอ้คุณชายอิโต้ ฮิเดกิทายาทเจ้าของห้างใหญ่ในญี่ปุ่นกับไอ้คุณชายริวซากิ ผมคิดไปเรื่อยๆก่อนจะหยุดคิดเมื่อพบว่าผมหาเสื้อผ้าที่ผมใส่มาเมื่อวานไม่เจอ



“เสื้อผ้าหายไปไหนวะ!!”



ผมสบถพลางเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ผมจำได้ว่ามันมีตู้เสื้อผ้าอยู่ ตรงทางเดินเข้าไปในห้องน้ำอีกที แต่แม่งเสือกล็อคประตูไว้ กลัวกูจะขโมยเสื้อผ้าหรอไงวะ ผมเริ่มหัวเสียแล้วเลยเดินออกจากห้องน้ำมากะว่าไอ้เจ้าของห้องมัน ต้องอยู่ข้างนอกแน่ๆ เลยเดินกลับออกไป



มันมีโน้ตแผ่นหนึ่งแปะติดกับประตูไว้ ใจความบอกว่าให้ผมรออยู่ที่ห้องแล้วเที่ยงๆจะมาหาแต่ไม่มีลงชื่อว่าไอ้มนุษย์ที่ทิ้งลายมือนี่ไว้คือใครกัน แล้วจะให้ผมนั่งรอมันกลับมาปล้ำอย่างนั้นหรอ ตลกสิ้นดี



แต่อย่างว่า สภาพแบบนี้ผมจะไปไหนได้ กระเป๋าตังค์กับมือถือของผมก็ อยู่ไหนแล้วไม่รู้ ผมเดินเปิดลิ้นชักดูเกือบทั้งหมดแล้วก็ไม่เจออะไร



พอเดินออกมาข้างนอกหวังจะออกมาหาต่อข้างนอก แล้วผมก็ชะงัก เมื่อสายตาหันไปเจอรูปตัวเองวางตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ไอ้บ้านี่ต้องเป็นโรคจิตแหงๆ มันต้องแอบชอบผมแล้วลักพาตัวผมมาปล้ำแน่ๆ



ถ้าถามผม ผู้ต้องสงสัยมันก็มีอยู่ไม่กี่รายนักหรอก แต่มันไม่มีรูปถ่าย หรืออะไรสักอย่างบอกให้ผมรู้ว่าไอ้บ้านี่เป็นใครกัน หันมองไปเห็นชั้นวาง หนังสือแล้วผมก็นึกออก เลยเดินเข้าไปดูว่าไอ้เจ้าของห้องคนนี้มันมีหนังสืออะไรบ้าง อย่างน้อยมันก็ต้องมีหนังสือที่มันใช้เรียนบ้างล่ะ ถ้าไอ้เจ้าของห้องมันเป็นคนที่ผมสงสัยอยู่ล่ะนะ



แต่ขอโทษ...ดูเหมือนผมจะคิดง่ายเกินไป เพราะในชั้นวางหนังสือของมัน มีหนังสือทุกรูปแบบ ตั้งแต่หนังสือภาษา หนังสือเกี่ยวกับหลักธุรกิจ หนังสือเกี่ยวกับวิศวกรรม หนังสือเกี่ยวกับศิลปะ หนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม แม้กระทั่งหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็ยังมี



ไอ้ห่าเจ้าของห้องนี่แม่งเป็นใครกันแน่?



มีใครในชีวิตผมบ้างวะที่มันจะเป็นหนอนหนังสือแบบนี้ ผมรู้สึก หงุดหงิดจนต้องเดินไปนั่งกอดเข่าที่โซฟาแล้วใช้ความคิด



หรือไอ้คนที่ฟันผมเมื่อคืนมันจะเป็นไอ้เร็น ผมจำได้ลางๆว่าได้ยินเสียงมันนะ แต่มันก็ไม่ชัดเจนจนใช้ยืนยันได้ หรือจะไม่ใช่มันวะ มองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งแบบโมเดิร์นสไตล์แล้วก็พลันนึกถึงเตียงหลุยส์ที่มันลากผมไปซื้อ ไอ้คุณชายมันน่าจะมีรสนิยมแบบแอนทีคมากกว่าโมเดิร์นมั้ง



ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหงุดหงิด จนไม่รู้ตัวว่าลึกๆแล้ว ผมอยากให้เป็นไอ้ เร็นมันที่ฟันผมผมเมื่อคืน อย่างน้อยมันก็คงเสียใจน้อยกว่าเป็นคนอื่น เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาฟันผม ผมคงรับไม่ได้แน่ๆ



แล้ว..? มันหมายความว่าผมรับได้หรอวะนี่ที่ไอ้คุณชายมันฟันผม!?!



“โอ๊ย!! นายบ้าไปแล้วอิชิฮาระ ซัทสึกิ!!”



ผมยกมือขึ้นมาต่อยหัวตัวเองตุ๊บตับก่อนจะโยนความคิดทั้งหมดทิ้งไปกับเสียงท้องร้อง



“ไปหาอะไรกินดีกว่า”



ผมเดินเข้าไปตรงมุมแคนธีนและเปิดตู้เย็นตู้ใหญ่สีดำด้วยความหวังว่า จะพบกับของกินอลังการสมกับฐานะความใหญ่ของมันที่สูงเหนือหัวผม คือถ้า เอาผมฆ่าหมกตู้เย็นคงยังเหลือพื้นที่สเปซข้างๆให้ไอ้เคนมานอนเล่นคู่กันด้วย แล้วก็ต้องช็อค เมื่อไอ้ตู้เย็นอลังการนี่มันไม่มีห่าไรให้กินเลยนอกจากน้ำแร่สามสี่ขวด



ไอ้มนุษย์เจ้าของห้อง มึงจะทำให้กูอดตายคาห้องมึงหรือไง!!



ผมหันไปรอบๆ และตะกายปีนดูตู้เหนือหัวตรงบาร์แล้วก็คุ้ยกาแฟ ออกมาได้พร้อมกับครีมเทียมและน้ำตาล โอเค๊!! อย่างน้อยก็มีกาแฟ ถึงจะยังไม่ค่อยอยากกินเพราะรู้สึกแฮงค์ๆในหัว แต่อย่างน้อยก็มีไรรองท้องล่ะวะ



หันมองกระติกน้ำร้อนแล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเจอไอ้เครื่องทำกาแฟ แบบร้านคอฟฟี่ช็อปตั้งเป็นสง่าอยู่ มิน่าตอนที่ไปรื้อดูตะกี้ถึงเจอเมล็ดกาแฟแบบ ยังไม่คั่วด้วย ดีนะไอ้เจ้าของห้องมันไม่เสือกเป็นพวกมีรสนิยมจนต้องกระเดือกกาแฟขี้ชะมดเพราะผมชงไม่เป็น แล้วก็ยังดีที่มันเป็นกาแฟที่บดแล้วเพราะถ้ามัน ยังไม่บดผมก็คงแย่เพราะใช้เครื่องนั่นไม่เป็นด้วย



พอไม่เห็นกระติกน้ำร้อนผมเลยจัดการเทน้ำลงแก้วแล้วจับยัดเข้าไมโครเวฟแทน ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นผมก็ได้ประคองแก้วกาแฟหอมๆ มานั่งละเลียดจิบที่โซฟาสีดำตัวใหญ่หน้าทีวีโฮมเทียเตอร์



ผมยกขาขึ้นมาขัดสมาธิเอาไว้ มือยังประคองแก้วอุ่นๆไว้ทั้งสองมือ แต่ตากลับมองไปที่นาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ไอ้เจ้าของห้องมันสมควรจะกลับมาหาผมได้แล้ว พอเจอหน้ากันแล้วผมต้องทำยังไงนะ เอากาแฟในมือสาดหน้ามันเสียเลยดีไหม?



แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะเลยเที่ยงไปเกือบบ่ายแล้วก็ยังไม่มีแม้แต่เงา มันโผล่เข้ามา ผมเผลอหลับคาโซฟาตัวนุ่มไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เหมือนมีใครคลี่ผ้าห่มมาห่มให้ผมที่นอนขดอยู่บนกองหมอนใบโตนั่นแหละ



“งึม..” ผมลุกขึ้นมาขยี้ตาและเห็นแผ่นหลังของคนบางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ความมึนๆในตอนแรกที่ตื่นทำให้ผมงงๆว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ก่อนจะลืมตาโพลงเมื่อนึกขึ้นได้



“ไอ้ชั่ว!!”



ผมหยิบเอาหมอนที่หนุนเมื่อสักครู่ปาใส่หลังไอ้เจ้าของห้องครับ สุดแรงเท่าที่ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นจะมีนั่นแหละครับ แล้วก็ตั้งการ์ดรับเผื่อ ไอ้บ้านั่นมันหันกลับมาโต้กลับผม ด้านหลังคุ้นหูคุ้นตาแบบนี้ ผมรู้แล้วล่ะว่า ไอ้เจ้าของห้องและผู้ชายปริศนาที่ฟันผมเมื่อคืนเป็นใครกัน



“ริวซากิ เร็น!!”



ผมจิกเรียกชื่อมันแล้วขยับจะลุกจากโซฟา แต่เผอิญผ้าขนหนูที่นุ่งเอวอยู่มันหลุดเลยได้แต่นั่งกอดผ้าห่มอยู่บนโซฟาแล้วทำหน้าหงิกใส่มันที่หันหน้ามามองนิ่งๆ



“นายเอาเสื้อผ้าฉันไปไว้ที่ไหน?”



จริงๆมันไม่ใช่ประเด็กสำคัญที่สุดหรอก แต่ตอนนี้ผมต้องการเสื้อผ้าของผมคืน ให้มานั่งอวดร่างกายให้ไอ้คุณชายมันดูมากๆ เดี๋ยวมันจับผมปล้ำอีกรอบทำไงกัน



“ในตู้เสื้อผ้าก็มีนิ ทำไมไม่เอามาใส่” ดูมันตอบผมหน้าตาเฉย ถ้าผมเปิดประตูตู้เอาได้ผมจะมานั่งเปลือยอกอยู่ทำไม



“มันล็อค”



ผมบอกมันแล้วก็ทำหน้าง้ำ มันส่ายหน้าใส่ผมเหมือนเด็กๆแล้ว เดินมาดึงแขนให้ผมลุก ผมแทบคว้าผ้าขนหนูรวบเข้ามาเกือบไม่ทัน



“เปิดล็อคตรงนี้”



ไอ้คุณชายมันเอานิ้มจิ้มกดที่ปุ่มสีเงินตรงข้างตู้ เพียงแค่พริบตาบานประตูมันก็สไลด์เปิดอัตโนมัติเอง มันหันมามองหน้าผมที่ยืนค้างกับความโง่ของตัวเอง ผมกัดปากแล้วทำหน้างอใส่มัน



โอเค กูไม่ผิด มึงแหละผิดที่ใช้ของไฮโซเกินไป บ้านกูใช้แต่ระบบ อัตโนมือเปิดปิดกระแทกเองไม่มีแบบนี้ มึงเข้าใจป่ะ?



“อะนี่ เอาไปใส่”



ไอ้คุณชายมันก้มไปหยิบเอาเสื้อยืดสีดำกับกางเกง ขาสั้นมายื่นให้ผมครับ ผมเอียงคอมองของในมือมันแล้วเงยมองหน้ามัน คราวนี้มันเลิกคิ้วแทนคำถามครับ



“เสื้อยืดดำกับเกงขาสั้น?”



“ทำไม ใส่ไม่ได้หรอ?”



“เปล่า..แต่ปกติเหตุการณ์แบบนี้ตามนิยายหรือหนัง มันต้องเป็น เชิ้ตขาวตัวเดียวดิ”



ผมพูดไปแล้วก็แทบจะตบปากตัวเองเพราะพอจะคว้าเสื้อยืดกับกางเกง ขาสั้นมาไอ้คุณชายมันก็โยนกลับเข้าไปในตู้แล้วดึงเอาเชิ้ตขาวมายื่นให้ผม



ห่า!! กูแค่สงสัยเฉยๆไม่ได้ว๊อนท์อยากใส่โว้ย!!



“ไม่เอา เอาเสื้อยืดกับกางเกงเมื่อกี้มา”



ผมขยับเข้าไปจะหยิบเสื้อเองแต่ไอ้บ้าแขนยาวนี่มันกันผมออกมาแล้ว ยื่นมือมาสะบัดเสื้อเชิ้ตของมันมาสวมทับไหล่ของผม



“เรื่องมาก ใส่นี่แหละ”



“แล้วเกงล่ะ?”



“เชิ้ตตัวเดียวพอ ก็นายอยากเสนอความคิดเองนี่”



อ่าวตายเพราะปากจริงๆเลยผม ผมมุ่ยหน้ามองมันแล้วยอมสวมเชิ้ต ตัวเดียวของมันซึ่งความยาวแม่งไม่เหมือนในละคร มันไม่ยาวพอจะคลุมมิดก้น และน้องชายของผมที่ห้อยโตงเตงอยู่ได้



“ขอกางเกงตัวนึง”



ผมก้มหน้ามองดูสภาพตัวเองแล้วมันดูอุจาดตาชอบกล ยิ่งไฟมันสะท้อนให้เห็นรูปลักษณ์ของน้องชายตรงหว่างขาชัดเจนแล้วก็ยิ่งอุบาทว์จิต ชายเสื้อ แม่งหมิ่นเหม่พอดีกับส่วนปลายเลยเหอะ ขยับขาเดินทีนี่คงเห็นมันโตงเตงเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาแน่ๆ



“ไม่ต้อง แบบนี้แหละ วิวดี”



โอเคครับ ไอ้คุณชายมันมีรสนิยมชอบมองไข่คนอื่นห้อยไปห้อยมาสินะ ลูกคนรวยนี่รสนิยมแปลกดีจริงๆ พอผมจะเข้าไปหยิบกางเกงมาใส่ มันก็จัดการ คว้าเอวผมแล้วลากผมออกมาจากห้องแต่งตัวของมัน



“ไปหาไรกินกัน”



เห็นแก่กระเพาะที่มันย่อยตัวเองตั้งแต่เช้าหรอกนะ ผมก็เลยยอมให้มัน โอบเอวพาเข้าไปในครัว



ไอ้คุณชายมันซื้อของมาวางไว้เต็มโต๊ะ นี่มันจะไถ่โทษที่จับผมมาทิ้งไว้กับตู้เย็นอลังการที่ไม่มีของกินจะแดกหรือเปล่าวะ



ระหว่างที่มันเดินไปหยิบชาม ผมก็ก้มดูตัวเองอีกครั้ง พลางตัดสินใจอยู่ว่าแม่งจะลองแต๊บหนีบดูดีมั้ย แค่เดินออกจากห้องมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกมันแปลกบรรลัย เดินก้าวแต่ละทีแม่งแกว่งเด้งกระทบอยู่กับหว่างขา แต่ยังไม่ทัน จะลงมือแต๊บหรือหนีบอะไรหรอก ไอ้คุณชายที่เดินถือจานมาวางกองไว้ที่โต๊ะแล้วก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว มันก็เกี่ยวเอวผมไปนั่งตักมัน



“เฮ้ย!! ปล่อย!!”



“นั่งดีๆสิ”



มันดุผมเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็ก แล้วกอดเอวผมไว้ด้วยมือซ้าย ขณะที่มือขวามันเอื้อมไปหยิบเอาของกินออกจากถุง



“มีมีทซอสกับคาโบนาร่าเอาอะไร?”



“สองอย่างเลยได้มั้ย หิว”



ผมเริ่มหันมาสนใจของกินแทน พอเห็นความน่ากินของพาสต้าที่ ไอ้คุณชายมันเอามาวางล่อแล้วก็อยากตะกละกินมันทั้งคู่



ฟังคำตอบของผมแล้วไอ้คุณชายมันก็ไม่พูดอะไรนอกจากหัวเราะหึหึ ในลำคอแล้วจัดการเปิดกล่องให้ผมทั้งสองอัน ตามด้วยผักโขมอบชีส ลาซานญ่าและอีกมากมายจนแม่งเต็มโต๊ะไปหมด



“มีเค้กสตรอเบอรี่นมสดที่นายชอบกินด้วยนะ” ถูกตามใจขนาดนี้ผมก็ ยิ้มแก้มแทบปริก่อนจะชะงักเมื่อนึกขึ้นได้



“นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบเค้กสตรอเบอร์รี่นมสด?”



ไอ้คุณชายที่เอื้อมมือผ่านไหล่ผมไปหยิบเอาเค้กสตรอเบอร์รี่น่ากินมา วางถึงกับชะงัก มันกลบเกลื่อนสายตาหลุกหลิกของผมด้วยการใช้ปลายนิ้วบีบ จมูกผมไปมา ผมปัดมือมันออกแล้วจ้องตามัน



“เรียกพี่เร็นก่อนสิแล้วฉันจะตอบ”



อะ!! ไอ้นี่โยกโย้!! ผมตีไหล่มันแล้วจ้องหน้ามัน



“ทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย?”



ถึงมันจะอยู่ปีสาม แต่ผมอยู่ปีสอง ถึงคนญี่ปุ่นจะเคร่งระเบียบเรื่องอาวุโสแต่ผมไม่อยากเรียกมันว่าพี่ มีอะไรมั้ย?



“นายเด็กกว่าฉันสามปีกว่านะซัทสึกิ”



อ่าวไอ้เหี้ยนี่รู้ด้วยหรอว่าผมเรียนเร็ว!! จริงๆอายุผมอ่อนกว่าไดจังกับเคนอิจิเกือบสองปีได้ แต่เพราะเรียนเร็วตั้งแต่เล็กก็เลยเข้ามหาลัยไวไปสองปี ไม่งั้นผมก็ยังเป็นเด็กไฮสคูลนั่นแหละ



แต่..ไอ้เร็นมันรู้ได้ไง หรือไอ้เคนกับไดจังจะบอกมันวะ?



“แล้วไง!?” ผมหน้ามึนใส่มันก่อนจิ้มมีทบอลเข้าปาก เรื่องจะให้เรียกมัน ว่าพี่เร็นน่ะหรอ ฝันเถอะ



“อย่าหวังว่าฉันจะเรียกนายว่าพี่เลย แค่ฉันไม่ต่อยนายดั้งยุบที่บังอาจ มาปล้ำฉันอีกรอบเมื่อคืนก็ดีแค่ไหนแล้ว”



ผมพึมพำบอกแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนกับคำพูดตัวเองจนต้องม้วน สปาเก็ตตี้เข้าปากไปคำโต



“จำได้ด้วยหรอเมื่อคืน? แต่เมื่อคืนฉันไม่ได้ปล้ำนายนะ นายสมยอมต่างหาก”



อ่าวไอ้ห่านี่ ปล้ำกูจริงๆแล้วใช่มั้ย กูอุตส่าห์เหลือพื้นที่ไว้อีกจุดสามเก้าเปอร์เซ็นว่ามึงไม่ได้ฟันตูดกูอีกรอบ



“เอาอะไรกับคนเมาวะ!!”



ผมโวยวายแล้วดิ้นออกจากอ้อมแขนมัน กะจะลุกไปนั่งกินอีกด้านแต่ ไอ้บ้านี่ก็ยึดข้อมือของผมไว้แล้วบังคับให้ผมนั่งตักมันต่อ



“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะซัทสึกิ”



“ไม่เพราะแล้วไงวะ!! กูเป็นของกูแบบนี้ มึงรับไม่ได้ก็เรื่องของมึงสิ!!” ผมโวยวายออกไปชุดใหญ่ สารภาพก็ได้ว่าโวยวายแก้เขินที่ถูกมันดุ เหมือนเด็กๆ แต่ไอ้บ้านี่กลับตีหน้าเครียดกว่าเดิมจนผมต้องทำหน้างอใส่มัน



“ช่างเถอะ...ฉันคงคาดหวังมากเกินไป”



แม่งเอ้ย!! อย่ามาใช้น้ำเสียงผิดหวังมากข้างหูกูได้มั้ยวะ



ฟังเสียงมันแล้วผมก็รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกเลยก้มหน้าเขี่ยมีทซอสใน จานไป อาหารน่ากินตรงหน้าชักจะกระเดือกไม่ลงแล้ว แถมไอ้คุณชายมันยังดัน ผมลงมานั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆแล้วทำท่าจะลุกหนีไปอีก



ผมไม่ชอบเลยแบบนี้



“เดี๋ยวดิ๊!!”



เพราะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ผมเลยคว้าชายเสื้อเชิ้ต สีเทาเข้มของมัน ไว้ ไอ้คุณชายมันหันมามองผมนิ่งๆ ผมไม่ชอบสู้สายตาแบบนี้ของมันเลยก้มหน้าลง



“ถ้าคิดจะเป็นแฟนกันก็ต้องรับได้ทุกอย่างดิ”



เวรล่ะ!! ผมหลุดพูดอะไรออกไปวะนี่ นี่ผมจะต้องเสียความแมนไปจริงๆแล้วใช่มั้ยเนี้ย แต่เอาเถอะ พอพูดไปแล้วไอ้หล่อมันกลับมายิ้มได้แล้วนั่งลงข้างๆ ผมก็โอเคแล้ว



“ฉันรับทุกเรื่องของนายได้อยู่แล้วซัทสึกิ แต่ฉันก็แค่อยากให้เป็นเด็กน่ารักมากกว่าเด็กหยาบคายนี่นา”
ผมมองค้อนกับเหตุผลของมันก่อนจะทำแก้มพองแล้วสะบัดหนีเมื่อ ไอ้หล่อมันก้มหน้ามาหอมแก้มผม



“ฉันน่ะน่ารักอยู่แล้ว ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วด้วยขอบอก”



ผมบอกมันแล้วจิ้มเอาไส้กรอกเยอรมันเข้าปากไปแก้เขินที่ชมตัวเอง ได้ยินเสียงไอ้เร็นมันหัวเราะเบาๆ มันเอามือมาเขี่ยแก้มผมแล้วเอาปอยผม ข้างแก้มของผมไปทัดไว้หลังหู



“ฉันรู้แล้วว่านายน่ะน่ารักขนาดไหน”



ผมกัดปลายส้อมแล้วมองหน้ามัน มันทำไม่สนใจกับสายตาของผมแล้ว ดึงส้อมออกจากปากผม ผมมองมันค้างเพราะมันกำลังโน้มหน้าเข้ามาหา



“ถ้านายไม่น่ารัก ฉันก็ไม่กล้าบอกต่อหน้าไอ้บ้านั่นหรอกว่านายเป็น แฟนฉัน”



โหย!! คนอะไร ขี้ตู่สิ้นดี ถามสักคำยังว่ากูอยากเป็นแฟนมึงมั้ย



“ขี้ตู่ชะมัด ฉันเป็นแฟนนายตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้แค่รับพิจารณาหรอก” ผมมองค้อนมันแล้วทำหน้างอ ก่อนจะถูกมันง้อด้วยจูบหวานๆ



“อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานนายต้องรับฉันเป็นแฟน”



ไอ้คุณชายมันกระซิบบอกหลังจากถอนปากไปจากปากของผม มัน แลบลิ้นเลียริมฝีปากล่างของมันเอง เออ คงได้รสมีทบอลกับไส้กรอกที่กูเพิ่งกิน ไปแน่ๆล่ะมึง



“จะรอดูก็แล้วกัน”



ผมพึมพำบอกมันแล้วเขี่ยคาโบนาร่าเข้าปากไปบ้าง เผื่อถ้ามันอยากจูบ อีกหน ไอ้หล่อมันจะได้เปลี่ยนรสชาติบ้างไรบ้าง
ว่าแต่...ไอ้หล่อมันคิดจะจริงจังกับผมหรือเปล่านะ?



จากที่ไอ้เคนอิจิมันกระซิบบอกตอนที่มันลากผมออกมาจากสนามบาส มันบอกว่าไอ้เร็นไม่เคยใช้คำว่าแฟนกับใคร เพราะไอ้หล่อนี่มันไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน แล้วผมคือคนที่ได้รับเกียรตินั้นคนแรก ดังนั้นไอ้หล่อนี่มันน่าจะจริงจังกับผม



คิดแล้วมันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผมกันแน่นะ?



แต่ที่น่าแปลกกว่าเดิม คือทำไมผมไม่รู้สึกรังเกียจคำว่าจริงจังเลยล่ะ?


ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าเล็กน้อย ผมจะดูขยันไปมั้ยถ้าจะเขียนบันทึกลงตั้งแต่ตอนนี้เพราะผมคิดว่าทุกคนคงไม่อยากพลาดที่จะติดตามเรื่องราวต่อไปนี้นักหรอก



แต่ก่อนอื่นพวกคุณลองทายสิว่าผมอยู่ที่ไหนกัน?



เตียง?



หอพัก?



ผิดแล้วล่ะ..



ตอนนี้ผมยังอยู่ที่คอนโดของไอ้หล่อเร็นมัน และก็ไม่ได้อยู่ที่เตียง ด้วย ไอ้หล่อมันครึ้มใจที่ผมยอมให้มันจีบได้ มันเลยชวนผมมานั่งสวีทกันที่สระน้ำตรงระเบียงครับ



คือมันเป็นลูกคนรวยครับ...อะไรๆเลยพิเศษหน่อย



ไอ้บ้านี่นอกจากจะอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดหรูตึกนี้แล้ว มันยังมีอภิสิทธิ์ได้รับเกียรติให้มีดาดฟ้าและสระว่ายน้ำเป็นของตัวเองอีกด้วย ผมมองค้อนกับ ความรวยของมันหลายยกก่อนจะยอมให้มันเดินจูงผมไปนั่งห้อยขาลงสระว่ายน้ำเล่น



“ดื่มหน่อยมั้ย?”



มันรินไวน์ลงใส่แก้วด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ไอ้นี่ท่าทางจะมีความรู้เรื่องไวน์ไม่น้อย มันบอกชื่อไวน์มาให้ผมรู้รอบหนึ่งแล้วล่ะแต่ผมไม่ใส่ใจจะจำ ผมรับแก้วไวน์จากมันมาแล้วมองดูสีไวน์ที่สะท้อนกับแสงเทียนที่ไอ้เร็นมันเดิน จุดไปทั่วบริเวณเมื่อสิบนาทีก่อน



บรรยากาศสวยงามไม่น้อยครับ ดาดฟ้าบนตึกสูงระฟ้า ข้างสระว่ายน้ำ ที่มีแสงเทียนจุดนับสิบๆ ที่เหนือหัวเป็นท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับนิดหน่อยตามที่เมฆหมอกในคืนนี้จะอำนวย บรรยากาศมันสวยงามมาก...มากจนน่ากลัวว่าจะเผลอเสียตัวให้มันริมสระนี่แหละครับ

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 5 [Update : 23/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 24-11-2012 18:09:07


แถมมันยังเอาของมึนเมามาเข้าล่ออีก



ท่าทางคืนนี้อิชิฮาระ ซัทสึกิจะเสียตูดครั้งที่สามตรงริมสระนี่แหละครับ



“ชวนดื่มไวน์ นี่กะจะมอมกันหรือเปล่า?”



เผลอปากไวไปอีกแล้วครับ ไอ้คุณชายมันเขยิบเข้ามาใกล้แล้วใช้ แขนขวาของมันโอบผ่านหลังของผมมาวางมือแปะไว้ที่ข้างสะโพกของผม ท่อนแขนมันแนบชิดหลังผมไม่พอมันยังยื่นหน้าเข้ามาข้างแก้มผมอีก



“อยากโดนมอมหรือเปล่าล่ะ?”



อ๊ะ!! ไอ้นี่ มีกวนกลับด้วย



ผมไม่ตอบมันแต่มองค้อนมันก่อนจะยกไวน์ขึ้นมาจิบ รสชาติมัน กลมกล่อมดีจนผมต้องนึกชมรสนิยมของไอ้คนเลือก
เราสองคนเงียบกันไปพักใหญ่ ความกดดันในบรรยากาศเงียบมันคงมีมากเกินไปหน่อย ไม่นานนักไอ้คุณชายมันก็ฮัมเพลงในลำคอของมันเป็นเพลงช้าๆ เข้ากับบรรยากาศที่สุด



ไม่ค่อยอยากยอมรับนักหรอกนะ แต่เสียงไอ้หล่อมันเพราะถูกหูผมดี



ผมเป็นพวกคนชอบเสียงทุ้มไม่ชอบเสียงแหลมแบบพวกโซปราโน่ สักเท่าไหร่เลยอินกับเสียงของไอ้หล่อมันได้ไม่ยาก ผมหลับตาฟังมันฮัมเพลงไปก็โยกหัวไปตามจังหวะเพลงของมัน สองขาที่แกว่งอยู่ในน้ำก็เตะขามันไปด้วย



ไอ้หล่อมันไม่ว่าอะไรแถมยังขยับตัวเข้ามาชิดกว่าเดิมแล้วฮัมเพลงลง ข้างหูของผม ตกลงมันกะล่อให้ผมเคลิ้มเต็มที่เลยใช่มั้ยนี่



แล้วเสียงฮัมเพลงของมันก็หยุดลงครับ ผมที่ตื่นจากการเคลิ้มเป็น สาวน้อยก็ลืมตาขึ้นเพราะไออุ่นจากลมหายใจของไอ้คุณชายมันมาปะทะแก้ม พอหันไปมองแล้วก็ต้องตกใจเพราะไอ้คุณชายมันยื่นหน้าเข้ามาเสียจนชิด ผม เลยผลักมันออกอัตโนมัติ



“เฮ้ย!!”



ตู้ม!!



ให้ทายว่าเสียงข้างต้นคืออะไร?



ผมว่าทุกคนคงทายถูกหมดแหละ...



ผมผลักไอ้คุณชายมันตกน้ำครับ แต่มันเสือกไม่ตกไปคนเดียว ยังสะเออะเกี่ยวให้ผมตกตามมันลงไปได้อีก



เราสองคนทะลึ่งพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ ผมสะบัดหน้าไปมาไล่น้ำออกจากหน้าแล้วหันไปชกไหล่ไอ้คนที่มันยืนหัวเราะแล้วเกี่ยวเอวผมพากลับเข้าข้าง ริมสระ ไอ้บ้านั่นเอาแต่หัวเราะอยู่ได้



“หัวเราะอยู่ได้!! ขำอะไรนักหนา!!”



ผมว่ามันไปแล้วกัดปากยอมให้มันจับประคองเอวขึ้นมานั่งตรงริมสระเหมือนเดิม ส่วนไอ้คุณชายมันยังคงสมัครใจอยู่ในน้ำครับ มันไม่พาตัวเองขึ้นมา นั่งข้างๆผมเหมือนกับเมื่อกี้ แต่ยืนอยู่ในน้ำเบื้องหน้าผม มันกำลังแหงนมองหน้าผมอยู่แล้วยิ้มมุมปากให้รู้ว่าแม่งหล่อจัดอีกต่างหาก



“กลัวฉันจูบนายหรือไง?”



อ่าวไอ้นี่!! อย่าถามแทงใจดำสิโว้ย!!



“ใครกลัว!! เปล่ากลัวซะหน่อย!!....แค่ตกใจ” ประโยคท้ายผมอุบอิบบอกมันเสียงเบา ผมไม่กลัวอยู่แล้วถ้ามันจะจูบ เพราะผมกับมันเลยขั้นจูบไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่เมื่อกี้ผมตกใจจริงๆนะ



ฟังคำผมแล้วมันก็ยังยิ้มระรื่นอีก ผมเลยเตะขาหมายจะถีบท้องมันที่ อยู่ในน้ำ แต่มันกลับเบียดตัวเข้ามาหาผมก่อน ตอนนี้แม่งยืนอยู่ระหว่างสองขาผมเลยเหอะ



“อย่าเข้ามาใกล้นะเว้ย!!”



ผมทำท่าจะลุกแต่มันรุกผมเข้ามาก่อน แม่งยืนจนจะชิดจุดยุทธศาสตร์ อยู่แล้ว ผมยันไหล่มันออกมันก็ยังจะหน้าด้านเอาแขนมันมาโอบเอวผมอีก



“เซ็กซี่จัง~” หืม...ฟังคำมันแล้วผมก็ต้องก้มลงดูตัวเอง



ตายห่าแล้วซัทสึกิ!!



เสื้อเชิ้ตขาวที่มันใจร้ายให้ผมใส่ตัวเดียว พอเปียกน้ำแม่งเอ้ย!! อย่าให้พรรณนา โคตรพ่อโคตรแม่โป๊แบบเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลยสักนิด



“อย่ามองนะ!! บอกว่าอย่ามองไงโว้ย!!”



ผมโวยวายแล้วเอามือตะครุบส่วนที่ไอ้คุณชายมันจ้องอยู่ อยากจะถามว่ามึงจะจ้องหาพ่อมึงหรอ มึงก็มีเหมือนกูน่ะแหละ แถมของมึงยังใหญ่กว่ากูด้วย!!



“พูดไม่เพราะอีกละ”



ไอ้นี่ชาติก่อนแม่งเคยเกิดเป็นครูสอนมารยาทหรือเปล่าวะ แค่โว้ย คำเดียวแม่งยังระคายหู แต่เห็นกับที่มันเอามือมาลูบหัวผมเบาๆแล้วก็ไม่ทำน้ำเสียงผิดหวังเหมือนเมื่อตอนกินมื้อเที่ยงกันหรอกนะ ผมจะอภัยให้ก็ได้



คือจริงๆไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าผมชอบให้คนสัมผัสผมแบบนี้ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นดี ไอ้เร็นมันจะรู้มั้ยว่าตัวมันเองให้ฟีลคล้ายไดจังอยู่มากเวลามันทำแบบนี้ เพียงแต่ไดจังไม่ได้เป็นคนหื่นกามอย่างมันก็เท่านั้นเอง



มองสบตามันที่สะท้อนอยู่กับแสงเทียนแล้วผมก็อดวูบวาบไม่ได้จน หน้าร้อนผ่าว เพราะเร็นมันมองหน้าผมอยู่ ไอ้บ้านี่ชอบจ้องแบบจริงจัง จ้องจนผมรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง คือจ้องแบบเลื้อยเข้ามารัดแล้วขยอกลงอกได้ มันคงทำประมาณนั้น



ผมรำคาญระคนเขินกับสายตาของมันเลยยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปปิดตา มัน ส่วนมืออีกข้างก็ยังคงปิดน้องจู้จู๋ของตัวเอง



“มองมากเดี๋ยวก็เรียกค่าเสียหายหรอก!!”



“เรียกมาสิ คำนวณบวกค่าสินสอดมาด้วยนะ”



ไอ้บ้า!! นี่มึงจะจีบกูริมสระน้ำในสภาพตัวเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนลูกหมาตกน้ำหรือไงกัน ผมใช้มือที่ปิดตามันอยู่ผลักหัวมันออกไปอย่างหมั่นไส้ ไม่แคร์ถึงเรื่องอายุของมันที่มากกว่าผมเพราะผมอยากทำ(ใครจะทำไม!!)



“อย่ามาเกรียน”



“เกรียนที่ไหน เรียกมาสิอยากได้เท่าไหร่ พร้อมจ่ายสดงดเชื่อไม่ต้องทวงด้วย” ไอ้บ้านี่เมาไวน์แหงๆ หยอดได้หยอดเอา เห็นกูเป็นหลุมทาโกยากิหรือไงกันฟร่ะ!!



“นายคิดจะจริงจังกับฉันหรือไง?”



ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามมันไปอย่างนั้น อาจเป็นเพราะคำพูดของ เคนอิจิก็ได้มั้งที่เคยพูดให้ผมฟังว่าไอ้คุณชายมันน่าจะจริงจังกับผม



“คำถามนี้ฉันเคยตอบนายไปแล้วนะ”



ตอบตอนไหนทำไมผมจำไม่ได้ล่ะ!?



หรือว่าไอ้ที่มันเลือนรางนั่นมันไม่ใช่ความฝัน? ไอ้คุณชายมันพูดกับผมจริงๆหรอ



“ไม่รู้ จำไม่ได้ ตอบใหม่ดิ”



“ไม่ล่ะ ไม่อยากตอบ” อ่าวไอ้นี่ กวนประสาทแหะ



มันบอกผมอย่างนั้นแล้วดึงมือผมไปเกลี่ยนิ้วเล่น ผมจ้องหน้ามันอย่างหงุดหงิดใจแต่ก็แอบใจเต้นกับประโยคต่อมาที่มันพูด



“ไม่อยากตอบ แต่อยากพิสูจน์ นายอยากให้ฉันพิสูจน์มั้ยล่ะ?”



ผมแอบกัดปากข้างในไม่กล้ากัดริมฝีปากโดยตรง เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผม เขิน แล้วจะเสียภาพพจน์ความแมนที่สั่งสมมา แต่ที่ต้องกัดไว้ก็เพราะกลัวจะเผลอยิ้มเขินให้มันเห็น



“ถ้าฉันขอให้นายดำน้ำสักหนึ่งชั่วโมงในสระนี้โดยไม่มีถังออกซิเจนเพื่อเป็นการพิสูจน์ นายจะทำหรือเปล่า?”



ผมขออะไรที่มันดูเป็นไปไม่ได้เลยใช่มั้ย ไอ้คุณชายมันต้องยอมแพ้แน่ๆ ผมกดหน้าลงต่ำแล้วใช้สายตาจ้องมันแบบจริงจังบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่ามัน เจอไม้นี้แล้วมันจะทำยังไง



แต่แม่งคว้าคอผมแล้วเบียดปากมันเข้ามาจูบ ไอ้ห่านี่จูบผมโดยไม่ทัน ตั้งตัวอีกแล้วนะ!!



“ฉันจะทำ”



มันพูดจบก็ทิ้งสายตาอาลัย(?) แล้วถอยหลังไปก่อนจะกดตัวเองจมลง ไปในน้ำ ทิ้งให้ผมตาค้างกับการพิสูจน์ของมัน
ไอ้บ้า!! กูแค่ท้าเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้กูดูเดี๋ยวนี้ก็ได้



ยอมรับว่าผมตกใจแต่หลังจากนั้นผมก็รอดูเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันต้อง ขึ้นมาแน่ๆ คนบ้าอะไรจะเลือกทำในสิ่งที่รู้ว่าถ้าสำเร็จก็ตายแบบเปล่าประโยชน์ มากๆ คนอย่างมันคงไม่เลือกจะทิ้งชีวิตเพราะอยากจะพิสูจน์รักหรอกนะ



หรือเปล่าวะ?




แม่งเอ้ย!!



นานไปแล้วนะ คนเรามันกลั้นหายใจในน้ำได้กี่นาทีกันวะ



ผมว่ามันนานเกือบจะสามนาทีแล้วนะ ฟองอากาศแม่งเริ่มผุดมาทีละเล็กละน้อยแล้วหายไปในที่สุด



“ริวซากิ เร็น!! ฉันขอสั่งให้นายขึ้นมา!!”



เงียบสนิท แม่งยังอยู่ใต้น้ำ สงสัยจะไม่ได้ยินเสียง



“ไอ้บ้า!! ขึ้นมานะโว้ย!! เดี๋ยวก็ได้ตายก่อนจะรักกันหรอก!!”



ผมตะโกนสุดเสียงแล้วกระโดดลงน้ำไปกระชากมันขึ้นมา



ไอ้บ้านี่สงสัยจะหมดสติไปแล้ว ดวงตาของมันปิดทั้งสองข้างและไร้การควบคุมตัวเองอย่างสิ้นเชิง ผมต้องลากคอมันเข้าข้างสระ แล้วลากมันขึ้นมาตรงตีนบันไดสระ หัวใจของผมมันระทึกด้วยความหวาดกลัว



ถ้าไอ้เร็นตาย บันทึกเล่มนี้แม่งคงจบแบบ Sad Story มาก



ผมคงถูกประณามไปอีกหลายชั่วโคตรว่าเป็นนายเอกที่เหี้ยสุดๆ ท้าพระเอกให้พิสูจน์รักจนพระเอกตาย ผมจะถูกตราหน้าว่าเป็นนายเอกหม้ายแห่งวงการนิยายมั้ยวะเนี้ย!!



เฮ้ย!! มัวแต่คิดอะไรวะเนี้ย สิ่งแรกที่ต้องทำคือการช่วยชีวิตไอ้พระเอกของผมก่อนใช่มั้ย ผมตบหน้ามันเบาๆเรียกสติก่อนเป็นอันดับแรก



“เร็น!! ริวซากิ เร็น!! อย่าแกล้งสลบนะเว้ย!!”



ผมยังแอบคิดอยู่ว่ามันเป็นลูกไม้อะไรของไอ้บ้านี่หรือเปล่า เลยลอง เงื้อมือตบแก้มมันสุดแรง



“เพี๊ยะ!!”



ถ้าแถวนี้เปิดไฟนีออน ผมคงได้เห็นรอยนิ้วมือป้อมๆของตัวเองบนแก้ม ไอ้หล่อนี่ครบทั้งห้านิ้วแน่ๆ เพราะตบมันไปเต็มแรงจนมือผมยังชาขนาดนี้ แก้มขาวๆของไอ้หล่อคงไม่เหลือ



แต่มันก็ยังไม่ขยับครับ!!



แสดงว่ามันหมดสติจริงใช่มั้ย? ปฐมพยาบาลคนจมน้ำต้องทำไงวะ?



ผายปอด!!



ใช่แล้วผายปอด!!



เม้าส์ทูเม้าส์!!



ผมคิดแล้วก็สูดหายใจลึกๆ กักลมไว้จนแก้มพองแล้วก้มลงไปประกบปากของเร็นและ...



และเรา...



.
.



ก็แลกลิ้นกัน



ไอ้เหี้ย!!



นี่มึงหลอกกูว่าหมดสติใช่มั้ย!!



“ริวซากิ!!”



ผมทุบอกมันเต็มแรง ไอ้บ้านั่นมันถึงกับสำลักออกมา ผมผุดลุกขึ้นมาเตรียมจะกระทืบเท้าลงกับท้องมันแต่ไอ้บ้านี่ก็ดันลุกไวมารวบกอดผมได้ ผมดิ้นสุดแรงแต่แม่งยังไม่ปล่อย นาทีนั้นเองผมก็ได้รู้ว่าผมกำลังร้องไห้อยู่



ทั้งตกใจในตอนแรกที่นึกว่ามันจะตายแล้วก็โกรธที่มันล้อเล่นกับผมไปพร้อมๆกัน มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ไงวะ



“เดี๋ยวสิซัทสึกิ!!”



มันกอดผมแน่นแล้วเอาคางกดลงกับไหล่ของผม มันรวบมือผมที่พยายามแกะแขนมันออกจากเอว



“ฉันขอโทษ..ฉันแค่อยากรู้ว่านายเป็นห่วงฉันบ้างมั้ยเท่านั้น”



ยังมีหน้ามาออดเสียงทุ้มใส่หูกันอีก คนยิ่งแพ้ทางเสียงมันอยู่ด้วย ผม ยอมนิ่งลงแล้วหันไปมองมันอย่างขุ่นเคือง



“ต่อไปจะทิ้งให้ตายเป็นผีเฝ้าสระไปเลย!!”



ผมกระแทกเสียงตอบมัน ไอ้บ้านี่ก็ยังไม่สำนึก ยังมีหน้ามาหัวเราะลงลูกคอใส่อยู่ข้างหูอีก



“งั้นจะเป็นวิญญาณที่รอให้นายกลับมาปลดพันธนาการแล้วกัน”



“ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก!!”



ผมตวาดมันไปแล้วก็รู้สึกใจสั่น ผมยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองให้น้ำตา มันหายไปจากตา โคตรรันทดใจกับความดราม่าครั้งนี้ที่ทำให้ผมต้องเสียน้ำตาอย่างแมนๆชะมัดยาก



ไอ้บ้านี่เข้ามาในชีวิตไม่กี่วันแม่งทำผมร้องไห้สองรอบ แล้วนะถึงรอบก่อนมันจะไม่ได้ไหลกลิ้งลงมาอาบแก้มแบบนี้ก็เหอะ



“ซัทสึกิ...”



ไอ้บ้านั่นเรียกชื่อผมเสียงอ่อนละลายใจขั้นรุนแรง ผมกัดปากแล้วมองมันอย่างเคืองๆรอดูว่ามันจะพูดอะไร ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อมันพูดประโยคต่อมา



“ร้องไห้แบบนี้..? เพราะนายรักและเป็นห่วงฉันใช่มั้ย?”



ไอ้!!#!!@#$@$@#!!!!!!



ไอ้บ้า!!



ไอ้ขี้ตู่!!



ไอ้โคตรขี้ตู่!!



ไอ้อภิมหาโคตรขี้ตู่!!!



มันคิดได้ไงว่าผมร้องไห้เพราะผมรักและเป็นห่วงมัน!!



ผมแค่ตกใจเท่านั้นเข้าใจมั้ย!! คุณคนอ่านอย่าไปคิดตามมันเด็ดขาดและเด็ดขาดนะผมขอเตือนไม่งั้นคุณจะโดนเหมือนมันในตอนนี้!!



“โอ๊ย!! มาหยิกกันทำไม ฉันพูดถูกใช่มั้ยล่ะ?”



ดูมัน!! ดูมันสิ!!!



โดนผมหยิกแรงๆแล้วมันยังจะหน้ามึนว่าผมรักมันอีก



“ไม่มีทาง!! ฉันไม่ได้รักนายแล้วก็ไม่ได้เป็นห่วงนายด้วย!!”



ผมสะบัดเสียงสูงใส่มันแล้วเชิดหน้าหนี ไอ้บ้านี่ยังจะขยับเข้ามากอดแล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มผมอีก
แสส!!



อย่ามาหวานนักได้มั้ยวะ!!!



“โอเค....ไม่ได้รักก็ไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นห่วงก็ไม่ได้เป็นห่วง”



มันทำเสียงอึนใส่ผมแล้วล็อคหน้าผมให้หันไปหามัน ผมผงะถอยหัวหนีแต่แม่งล็อคไว้ไม่ให้หนีพลางโน้มหน้ามาใกล้มากขึ้น



“งั้นมาเมคเลิฟกัน”



เฮ้ย!! มึงเปลี่ยนเรื่องง่ายๆไม่พอยังจะมาขอกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ!!



“หน่า...นะ”



คุณนึกสภาพดูว่าถูกผู้ชาย(ตัวใหญ่กว่า)เอาปลายจมูกมาถูๆแก้มไปมาแถมยังลามลงไปถึงซอกคอด้วยกับสภาพเสื้อเชิ้ตตัวเดียว(แถมเปียกด้วย!!) กึ่มไวน์นิดๆ แสงเทียนรอบ สระว่ายน้ำ....



คุณคิดว่า...อิชิฮาระ ซัทสึกิจะเสียตูดเป็นรอบที่สามมั้ยล่ะคืนนี้!!?



ไม่เฉลย....แต่เก็บเอาไปคิดกันเองแล้วกันนะ



แล้วเจอกันใหม่...เช้าวันนี้
..................





-โปรดติดตามตอนที่7-

Alone Alone หนังสือยังมีอยู่อีกนิดหน่อยค่ะ ติดต่อหลังไมค์นะคะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 6 [Update : 24/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-11-2012 11:55:43
หายไปเลยอ่าาา เร็นจมน้ำไปแล้วหรืองายยยยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 6 [Update : 24/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 28-11-2012 13:30:13
เรื่องราวน่ารักมาก มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 6 [Update : 24/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 28-11-2012 18:33:36



     โฮ่ สนุกดีนะ
     นายเอกซึนได้ที่เลย


หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 6 [Update : 24/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 01-12-2012 17:20:49
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 7

วันนี้เป็นรันทด(ใจ)ของอิชิฮาระ ซัทสึกิครับ



จริงๆมันก็ไม่ได้ดราม่านักหรอก เพียงแต่ผมกำลังรันทดใจอยู่กับตัวเอง ความรันทดใจมันเกิดตั้งแต่ลืมตามาตอนเช้าแล้วเจอไอ้บ้าเร็นมันนอน ชันศอกเท้าหัวมันมองผมที่นอนคว่ำอยู่ข้างๆ สายตามันกรุ้มกริ่มมากขอบอก อิ่มอกอิ่มใจล่ะสิได้ฟันตูดกูไปอีกรอบแล้วนี่



“อรุณสวัสดิ์ครับ”



ตอนแรกกะจะทำเนียนนอนหลับต่อ แต่ในเมื่อไอ้คนที่จ้องอยู่มันเอ่ยทักทายยามเช้าด้วยเสียงและใบหน้าหล่อๆของมันก็เลยต้อง ทำให้ผมต้องผงกหัวรับคำทักทายของมันยามเช้าก่อนจะเบี่ยงตัวออกจาก อ้อมกอดของมัน(นี่กูปล่อยให้มันนอนกอดถึงเช้าเลยหรอวะเนี้ย) แล้วดึงเอา ผ้าห่มมาคลุมโปงเตรียมจะหลับต่อ



ในเมื่อความง่วงมันยังจิกเกาะอย่างสลัดไม่หลุด ไอ้คุณชายมึงก็นอน มองก้อนผ้าห่มกลมๆที่ยึดพื้นที่เตียงครึ่งหนึ่งของมึงไปก่อนก็แล้วกัน



“หนาวหรอ?”



ไอ้บ้านี่ตีความว่าผมเอาผ้าห่มคลุมโปงว่าผมหนาวครับ มันถามไม่พอมันยังเอาตัวเองมาเสริมความอบอุ่นให้กับผ้าห่มผืนหนาสีเทาของมันอีกด้วย ผมดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ใต้ผ้าห่มก่อนจะใช้ศอกถ่องท้องมันที่เนียนเข้ามา กอดแล้วครางเสียงเบาอย่างรำคาญใจ



“แดดมันแยงตา”



ก็ไอ้บ้านี่เล่นเปิดผ้าม่านเอาไว้ แถมผนังทั้งแถบยังเป็นกระจกใสรับแดดยามเช้าเต็มๆ อาจจะดูว่ารับบรรยากาศเช้าวันที่สดใสดี ด้วยแสงแดดอ่อนๆเสริมวิตามินดีให้กับร่างกาย



แต่ขอโทษ..เช้าวันที่เพิ่งผ่านบทบู๊มาทั้งคืนผมต้องการหลับพักผ่อนมากกว่าเสริมวิตามินให้กับผิวหนัง ไม่งั้นหนังหน้าของผมนี่แหละจะเหี่ยวประหนึ่งขาดคอลลาเจนเพราะนอนไม่พอ



ไอ้คุณชายมันหัวเราะในลำคอกับคำพูดของผมก่อนมันหันไปทำอะไร สักอย่างไม่รู้ครับ ผมรู้แต่ว่ามันไม่ได้ลุกไปจากเตียงหรอก เพียงแค่อึดใจเดียว มันก็หันกลับมายุ่งกับผมอีกครั้ง มันพยายามแย่งผ้าห่มที่ผมยึดไว้คลุมหัวออก



“ไม่ต้องคลุมโปงแล้ว ปิดม่านให้แล้ว”



มันบอกผมเสียงอ่อน ผมยอมเอา ผ้าห่มลงจากหัวแล้วหรี่ตามองกะว่าถ้ามันโกหกจะต่อยมันแรงๆสักที



แต่ไม่ครับ ไอ้คุณชายมันพูดจริง ผ้าม่านมันรูดกลับไปปิดเหมือนเดิมแล้ว ผมเอาดวงตาที่ลืมไม่ถึงสามสิบองศาหันกลับไปหามัน เลยเห็นว่าในมือ ของไอ้คุณชายมันมีรีโมตอยู่ พอมันเห็นผมมองมามันก็ยักไหล่แล้ววางรีโมตไป ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะดึงผมเข้าไปหาอกมัน



ผมเลยต้องนอนต่อด้วยการซบอกมัน โคตรจะเป็นท่านอนที่ทรมาน ความแมนยิ่งนักพลางกัดนึกหมั่นไส้ในความรวยของไอ้คุณชายมัน ที่แม้แต่จะปิดม่านยังมีรีโมตให้กด!!



สายๆหน่อยผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาได้ในที่สุด พอผมตื่นไอ้คุณชายมันก็ กุลีกุจรเอาเบรกฟาสต์มาเสิร์ฟให้ถึงเตียง อารมณ์เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันที่ผัวกำลังเอาใจเมียมากเลยครับ



ผมคงจะซึ้งไม่น้อยถ้าไม่ได้รู้ว่าไอ้อาหารเช้าแบบอเมริกันสไตล์ที่ดูหรูเลิศบนโต๊ะตัวเล็กที่คร่อมขาผมอยู่มันไม่ได้เป็นฝีมือคุณพ่อบ้านที่มาจัดการทำความสะอาดห้องให้กับไอ้คุณชายมัน



“เว่อร์ว่ะ แค่อาหารเช้าง่ายๆแบบนี้ ทำเองไม่เป็นหรือไงกัน?”



ผมว่าแดกมันก่อนจะจิ้มแฮมแสนอร่อยเข้าปากไปเคี้ยวหยับๆ ไอ้คุณชายที่มันกำลังใช้มีดแบ่งไข่ดาวให้เป็นชิ้นพอคำก็เหลือบตามามองผมก่อนจะส่งไอ้ไข่ชิ้นนั้นเข้าปากผมแทน



“ถ้าทำเป็นก็คงไม่ให้พ่อบ้านทำให้หรอก”



เออจริง มันพูดก็จริงอยู่ ขนาดผ้าม่านมึงยังมีรีโมตกดปิดแบบไม่ต้อง โยกตูดลุกขึ้นไปเดินปิดเองแบบนี้ พนันได้เลยว่าไอ้หมอนี่เผลอๆแม่งยังแยกกระทะกับหม้อไม่ออกชัวร์!!



ชีวิตหรูหราของริวซากิ เร็นแม่งยังไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นครับ หลังจากปล้ำอาบน้ำกันอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง ผมกับมันถึงได้เวลาไปมหาลัย กันเสียที



ริวซากิ เร็นทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความรวยของมันอีกครั้งด้วยรถเล็กซัส คันโตสีดำป้ายแดง ผมที่กลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถของมันก็ได้อานิสงค์ไปถึงคณะอย่างสบายๆ แต่สบายกายอย่างเดียวนะ



เพราะพอถึงคณะแล้วความรันทดใจแม่งเริ่มตั้งแต่มนุษย์สี่ตัวแรกที่ ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ตรงทางเท้าที่ไอ้ลูกคุณหนูมันเทียบรถจอดแล้ว แม่งเสือกหันมามองกันเป็นตาเดียว แถมแค่นั้นยังไม่พอ ไอ้บ้าที่ได้รับเกียรติขับรถมาส่งผมถึงหน้าคณะมันยังเสือกคว้าแขนผมตอนที่ผมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถเข้าไปหาแล้วยังฉกฉวยโอกาสผมเซกลับเข้าไปหอมแก้มผมอีก



“จะกลับเมื่อไหร่โทรบอกนะ..จะมารับ”



ครับ...ไอ้เร็นมันสั่งไว้อย่างนั้นแล้วส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับผมที่นิ่งอึ้งแล้วเอามือลูบแก้มตัวเองอย่างงงๆ มาฉวยโอกาสกับคนอื่นเขาไม่พอ ยังจะสะเออะโปรยยิ้มหล่อให้ด้วยอีกแม่ง!!



“เออ จะโทรแล้วกัน!!”



ผมกระแทกเสียงตอบมันไปแบบนั้นทั้งๆที่หน้าร้อนผ่าวก่อนจะรีบลงจากรถก่อนจะมีการหอมแก้มลากันครั้งที่สองเกิดขึ้นกลางที่สาธารณะอีก



เดินไปไม่กี่ก้าวผมก็เจอกับสายตาของคนที่หันมามองเป็นทางเดียวกัน ผมพยายามไม่แคร์เพราะปกติคนก็ชอบหันมามองความหล่อของผมอยู่แล้ว (ถึงในใจจะรู้ก็เหอะว่าคราวนี้คนพวกนั้นหันมามองเพราะอะไร)



ท่ามกลางความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยถึงปานกลาง ในที่สุดผมก็ พาตัวเองเดินไปถึงโต๊ะประจำได้และรู้สึกดีมากที่เพื่อนเกลอทั้งสองของผมนั่ง อยู่ประจำที่แล้ว



“ไง! มาไหวด้วยหรอวันนี้!?”



ไอ้คนถามคือโคยามะ เคนอิจิที่ไม่รู้ชะตากรรมชีวิตของมันครับ ผมยิ้มหวานให้มันก่อนขยับเข้าไปใกล้และฟาดสันมือสับลงกลางหัวมันเต็มแรง



“โอ๊ย!! กล้าดีไงวะทำร้ายเพื่อนสุดหล่อคนนี้!!”



มันโอดโอยครับ โอดโอยอย่างเดียวไม่พอมันยังกระแดะทิ้งตัวไปพิงซบไดจังอีก รู้นะเว้ยว่าเนียน!!
“แล้วไอ้เพื่อนที่เคารพครับ กล้าดียังไงปล่อยให้คนอื่นหิ้วเพื่อนไปแบบนั้นเมื่อคืน”



พอผมถามไปแล้วไอ้เคนมันก็ทำแก้มพองครับ ดูแล้วน่าตบให้ฟีบพร้อมกันด้วยสองมือนี่จริงๆ
“ฉันอนุญาตให้รุ่นพี่ริวซากิพานายไปเองล่ะซัทจัง”



อ่าวไงงั้นล่ะครับ ไดจังทำไมสนับสนุนให้เพื่อนกลายเป็นเมียคนอื่นจังวะเนี้ย?



“ไงงั้นล่ะ?”



“ก็ฉันอยากให้นายกับพี่ริวซากิปรับความเข้าใจกันนี่ แล้วนี่ดีกันแล้วใช่มั้ยล่ะ?”



โดนไดจังถามย้อนกลับมาด้วยคำถามที่เราก็รู้กันแบบนี้มันเลยยากที่จะปฏิเสธจังเลยแหะ ผมแพ้สายตาจับผิดของไดจังเลยได้แต่เกาคอเขินๆแล้ว พยักหน้าส่งๆไป



“ดีแล้วล่ะ อ่อ..บ่ายนี้เข้าชมรมด้วยนะ พี่มิซึรุบอกว่าบทละครเรื่องใหม่เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยววันนี้จะจัดการแจกแจงให้ว่าใครต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง”



“จริงดิ!! ปีนี้ฉันจะได้เล่นด้วยอีกหรือเปล่าหว่า?”



ผมอมยิ้มแล้วเริ่มวาดฝัน ปีที่แล้วผมแจ้งเกิดอย่างงดงามกับบทของน้องชายพระเอก ถึงบทมันจะไม่เด่นมากแต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่น้อยเพราะจากละครเวทีครั้งนั้นมันก็ทำให้หลายๆคนในชมรมยอมรับฝีมือการแสดงของผม



“ได้สิ เห็นพี่มิซึรุบอกว่าบทเด่นด้วยนะ”



ฟังคำพูดของไดจังแล้วผมก็ต้องร้องเยสขึ้นมาอย่างดีใจ ก่อนจะหันไปหาไอ้เคนที่อยู่ดีๆแม่งก็หัวเราะอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย



“หัวเราะแบบนี้ อิจฉาล่ะดิ๊!!”



ผมถ่องศอกไปกระทุ้งท้องมันเบาๆ ไอ้เคนมันหยุดหัวเราะแล้วป้ายน้ำตาออกจากแก้ม แม่งหัวเราะจนน้ำตาไหลเลยเรอะ!!



“เออ อิจฉา ข้าน้อยอิจฉาซัทสึกิซามะยิ่งนัก” ผมค้อนใส่มันก่อนจะหันไปหาไดจังที่ยิ้มมาให้



“แล้วบทอะไรรู้หรือเปล่าอ่ะ? พระเอกเลยป่ะ?”



ไดจังส่ายหน้าแทนคำตอบให้ผมก่อนจะรวบเอาหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ไดจังส่งสมุดเล็คเชอร์ของผมมาให้ คงจะไปหยิบมาจากในห้องของผมสินะ



“ไม่รู้สิ เดี๋ยวบ่ายนี้ซัทจังก็รู้ แต่ตอนนี้ไปเรียนกันเถอะ”



ผมพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปจับมือของไดจังที่ยื่นมาดึงให้ผมลุกจากเก้าอี้ (ท่ามกลางสายตาอิจฉาน้อยๆของเคนอิจิ) ก่อนจะเดินควงแขนไดจังไปเข้าเรียนอย่างร่าเริง



บทเด่นอย่างนั้นหรอ?



ไม่พระเอก ก็ต้องพระรองแน่ๆ!! ไม่ว่าจะบทไหนผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละ



อันที่จริงคือแค่ได้เล่นละครเวทีของชมรมเป็นปีที่สองติดต่อกันแบบนี้ ผมก็ดีใจจะแย่อยู่แล้วล่ะ!!





ทนรอให้หมดคาบเรียนแล้วผมก็เดินตัวปลิวลากไดจังกับเคนอิจิออกจากห้องเล็คเชอร์แต่โดยไวเพื่อไปหาพี่มิซึรุที่ชมรม ขนาดผมว่าผมมาไวแล้ว ก็ยังมีมนุษย์ชมรมนั่งรวมตัวกันอยู่หลายคนแล้ว ผมทักทายพี่ๆน้องๆในชมรมได้ไม่ทันครบพี่มิซึรุก็เดินมาตาม



“ไปที่โรงละครเร็ว จะได้คุยเรื่องละครกันซะที”



มหาลัยเรามีโรงละครเป็นของตัวเองครับ มันก็ไม่ใช่โรงละครใหญ่อะไรหรอกเพราะแต่เน้นว่าสะดวกสบายกว่าใช้ห้องประชุมปกติทำเป็นโรงละครครับ เพราะว่าชมรมกับเอกการละครของคณะเราดังมากจนละครเวทีของมหาลัยเราติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่นจนทางคณะตัดสินใจทุ่มทุนสร้างโรงละครไว้เสริมความอลังการให้กับละครเวทีที่จัดเป็นประจำทุกปีในที่สุด



ผมเดินลั่นล้ามาหาพี่มิซึรุแล้วกอดแขนซบพี่ชายหน้าสวยแบบอ้อนๆ พลางชำเลืองมองดูปึกกระดาษในมือของพี่มิซึรุไปด้วยเผื่อจะเห็นรายชื่อของ ผมอะไรทำนองนั้น



“เมื่อคืนหายไปไหนกันทั้งคู่เลย ทั้งซัทจังแล้วก็เร็นด้วย?”



พี่มิซึรุถามแล้วเอานิ้วดันหน้าผากผมออกห่าง ผมทำหน้ายู่ใส่พี่ชายหน้าสวยก่อนจะตอบอุบอิบไป



“ไปค้างที่คอนโดของริวซากิน่ะ แต่อย่าถามอะไรมากกว่านั้นนะ”



พี่มิซึรุคงพอใจกับคำตอบแค่นั้นและรู้ความหมายในประโยคท้ายของผมเลยได้แต่อมยิ้มอยู่บนมุมปาก รอยยิ้มของพี่มิซึรุนี่น่ากลัวบอกไม่ถูกนะ



เดินมาถึงโรงละครที่อยู่บนชั้นสองของตึกใหม่แล้วผมก็เดินแยกไปนั่ง กับไดจังและเคนอิจิที่ขอบเวที หลายคนจับจองที่นั่งคนดู อีกหลายคนก็ สมัครใจยืนพิงตามขอบเวทีใกล้ๆกับพวกผม พี่มิซึรุเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงกลางพร้อมกับผู้ช่วยสองคนที่เดินยกเอกสารมาลังหนึ่งอ



“ละครเวทีปีนี้เราจะเล่นเรื่อง Cinderella Man กัน”



เสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่ของพวกเราทุกคน แน่นอนว่าประเด็นของเรื่องมันพุ่งตรงไปยังมาโดกะจังที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม เธอเป็นนักแสดงมืออาชีพและเป็นตัวเก็งว่าจะได้รับบทนางเอกในปีนี้



“งั้นบทซินเดอเรลล่าก็เป็นของมาโดกะจังใช่ป่ะ?” ปากผมไวอีกแล้ว ถามไปปุ๊บพี่มิซึรุก็หันกลับมามองด้วยความไวเหมือนกันแล้วก็ต้องย่นคอเมื่อ พี่มิซึรุม้วนเอากระดาษในมือมาตีหัวผม



“ซินเดอเรลล่าฉบับนี้นางเอกเป็นผู้ชาย และนางเอกคนนั้นก็คือนายน่ะแหละอิชิฮาระ ซัทสึกิ”



“อ่อ...”



เอ๊ะ?...เมื่อกี้พี่มิซึรุว่าอะไรนะ?



“ผมน่ะหรอนางเอก!!!”



พระเจ้าเหอะ ผมว่าคนทั้งมหาลัยคงได้ยินเสียงตะโกนของผมแล้วล่ะ นอกจากตะโกนด้วยความตกใจขั้นสูงแล้วผมยังเบิกตากว้างจนตาจะหลุดออกมาจากเบ้าอีก ผมส่ายหน้าไปมาทันที



“โน!! โน!! โน!!! อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้สิพี่ ไม่ตลกเลยนะ!!”



ในใจผมเริ่มรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก พี่มิซึรุดูจริงจังกว่าทุกทีด้วย แถมยังเดินเอารายชื่อนักแสดงมาให้ผมดู



“ไม่ต้องกลัวไปนะ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องดัง แถมยังได้ริวซากิคุงพระเอกคู่ขวัญนอกเวทีของนายมาเล่นด้วยแบบนี้ต้องดังเปรี้ยงปร้างแน่ๆ”



นั่นมันใช่ประเด็นมั้ยเล่า!!
แล้วอะไรกัน ไอ้คนนอกชมรมนั่นจะมาเล่นด้วยหรอ ขอทีเถอะ แค่นี้ผมกับมันก็ดังเกินเรื่องไปแล้ว ผมขยี้ตาสองสามหนแล้วเพ่งกระแสจิตมองดูรายชื่อนักแสดงอีกที



ลอเรนซ์ (ซินเดอเรลล่า) แสดงโดย อิชิฮาระ ซัทสึกิ ปี 2 นิเทศ เอกละคร



ดิมิทรี (เจ้าชาย) แสดงโดย ริวซากิ เร็น ปี 3 สถาปัตย์



พ่อง!! ใครแม่งกำหนดวะ!!



“ไม่เอา ผมไม่เล่น!!”



ผมออกตัวทันที เรื่องอะไรจะเล่นให้ขายความแมนของผมล่ะ ไม่ต้องดู เนื้อเรื่องก็รู้ว่าเสียเปรียบความแมนกันสุดๆล่ะงานนี้



“ไม่เล่นก็ต้องเล่น เพราะฉันอุตส่าห์เขียนบทเรื่องนี้มาให้นายเล่นโดยเฉพาะเลยอิชิฮาระ ซัทสึกิ” โอ๊ย!! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครมันพูดประโยคนี้ แค่เสียงพูดมา ตัวยังไม่ออกมาพ้นเงาผมก็รู้



ยัยนักเขียนตัวร้าย!!



ยัยนี่เป็นเพื่อนสนิทกับพี่มิซึรุครับ เป็นคนที่คอยเขียนบทส่งให้กับชมรมของเรา ผมไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่เพราะเธอชอบกวนประสาทผม



“ยัยแม่มด!!” ผมอุทานออกไปทันทีก่อนจะถูกพี่มิซึรุตีหัวด้วยม้วนกระดาษอันเดิม



“ไปเรียกจิฮารุเค้าแบบนั้นได้ยังไงกัน เขาเป็นพี่นายนะ”



พอถูกว่าแบบนั้น ผมก็ทำหน้ามุ่ยใส่ทั้งพี่มิซึรุกับยัยแม่มดที่ยืนกอดอกหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ



“ไม่รู้ล่ะ ผมไม่เล่น”



“นายต้องเล่น เพราะถ้านายไม่เล่น ฉันจะไม่ส่งฉากสุดท้ายให้กับชมรมนาย” อ๊ะ ยัยนี่ขู่ผมหรอ?



“ถ้าจิฮารุไม่ส่งฉากสุดท้ายให้กับชมรมเรา นายรู้ใช่มั้ยว่าอะไรจะเกิด ขึ้นน่ะอิชิฮาระ ซัทสึกิ?”



พี่มิซึรุไม่เห็นใจน้องชายหล่อๆคนนี้บ้างหรอถึงได้หันมาขู่แถมยังหักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บใส่กันแบบนี้อีก



“หาคนอื่นไม่ได้หรอ?...” ผมถามเสียงอ่อยแล้วชี้ไปยังคนอื่นที่อยู่ไม่ห่างกัน



“เอจิคุงก็ได้ เอจิคุงก็หน้าหวานเป็นนางเอกได้นะ..ไม่งั้นเคนอิจิก็ได้ ไอ้เคนหน้าตามันเหมาะกับริวซากิ เร็นดีนะพี่!!”



“แต่นายเหมาะกับเร็นที่สุด!”



ฮึ่ย!! ไม่ต้องสวนมาพร้อมกันก็ได้ ผมมองค้อนไล่ตั้งแต่พี่มิซึรุ ยัยนักเขียนตัวร้าย ไดจังแล้วก็เคนอิจิที่บังอาจบอกว่าผมเหมาะกับไอ้บ้า เร็นนั่นที่สุด



“ไม่เอาอ่ะ ยังไงผมก็ไม่เล่น พี่หาคนอื่นได้เลย” ยังไงผมก็ดื้อแพ่งไว้ก่อนล่ะ ถ้าผมไม่เล่นแล้วใครจะทำไม



“งั้นบทละครเรื่องนี้ฉันคงต้องขอบายกับชมรมนายนะมิซึรุ เพราะถ้าตัวละครไม่ได้ตามที่ฉันวางไว้ ฉันก็ไม่อยากให้เล่นแล้ว”



ดูสิยัยบ้านั่นมันกดดัน ผมทางอ้อมนี่หว่า!! ปากก็ทำพูดกับพี่มิซึรุแต่ตามองผมเขม็งเลย



“เอ่อ..รุ่นพี่เล่นเถอะนะคะ อย่าให้คนอื่นเดือดร้อนสิคะ มันไม่ดีนะ”



คนพูดคือมาโดกะจังที่ยังคงยิ้มแย้มอยู่ครับ แต่คำพูดของเธอทำเอาผมจี๊ดขึ้นหัวใจ เหมือนเธอจะว่าอ้อมๆว่าผมจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนครับ



ตามประสาคนจิตใจดีอย่างผมเลยต้องคอตกรับบทนี้ไป



“แต่ริวซากิมันไม่ได้อยู่ชมรมเรานะ จะเล่นได้ไง?”



อย่างน้อยถ้าพระเอกไม่ใช่ไอ้เร็นมันก็คงดี ผมไม่อยากเล่นกับมัน ไม่อยากเป็นข่าวกับมัน



คิดดูดิ!! ถ้าข่าวออกไปว่ามันเล่นละครกับผมด้วยอีกอย่าง ชีวิต ความแมนของอิชิฮาระ ซัทสึกิคงต้องถึงเวลาฌาปนกิจกันแล้วสินะ



“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ริวซากิคุงเค้ารับเล่นตั้งแต่ฉันยังไม่ได้เขียนบทเลยล่ะ” ดูเถอะ...ยัยบ้านั่นยังมีหน้ามาอวดอีก…..TToTT!!




หน้าของผมกลายสภาพเป็นตูดไปแล้วครับพอเสร็จจากประชุมชมรมเสร็จ แถมเดินลงบันไดมาก็เจอกับไอ้เร็นมันมายืนหล่อเปล่งประกาย เจิดจรัสท้าสายตาอยู่อีก



ดีครับ!! เจริญครับ!! ยืนรอไม่พอมันยังปราดเข้ามาหาผมอีก



อิชิฮาระ ซัทสึกิเอ๋ยไม่ต้องเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วลูก



พลพรรคชมรมของผมที่เดินออกมาทุกคนเห็นกันหมดแล้วครับว่าไอ้หล่อมันมาหาใคร



“ฉันมารับนายกลับด้วยกัน”



มันบอกผมอย่างงั้นครับ แต่ผมไม่ได้สนใจมองมัน ผมมองมือตัวเองที่รั้งชายเสื้อของไดจังอยู่



“จะกลับกะไดจัง”



ผมบอกมันเสียงเบา หน้าร้อนผ่าวเพราะหูมันอุปทานไปว่าได้ยินเสียงคนซุบซิบๆกันอยู่ข้างหลัง



“ฉันว่าจะแวะไปดูหนังกับเคนอิจินะ”



อ่าว มีนัดหมายกันโดยไม่บอกล่วงหน้านี่หมายความว่าไงครับ



“ไปด้วย...”



“จะไปดูอินซิเดียสนะ ซัทจังจะดูอีกรอบหรอ? เพิ่งดูกับรุ่นพี่ไปวันก่อนไม่ใช่หรือไงกัน?”



เอ่อ...ไดสุเกะซามะครับ ได้โปรดอย่าขายความแมนของเพื่อนไปมากกว่านี้ บอกแค่ว่าจะไปทำไรก็พอไม่ต้องตอกย้ำว่าผมเคยไปเดทกับไอ้คุณชายมันในโรงหนังก็ได้



“ซัทจังกลับไปกับรุ่นพี่น่ะดีแล้ว อ่อว่างๆก็ซ้อมบทให้รุ่นพี่ด้วยนะ” ไดจังขยี้หัวผมก่อนจะลากไอ้เคนที่ยิ้มเยาะเย้ยผมไปอีกทางปล่อยให้ผมยืนหน้าหงิกอยู่กับไอ้เร็นตามลำพัง



“ไป!! กลับ!!”



ผมบอกสั้นๆแล้วดึงชายเสื้อของไอ้เร็นที่ยืนปล่อยรังสีความหล่อของมันอยู่ข้างๆลากออกจากจุดที่เกิดเหตุ ให้ตายสิ ผมไม่ชอบเลยกับสายตาของคนที่เอาแต่จ้องมองพวกเราแบบนี้



แล้วอย่างนี้ วันที่เล่นละครกันจริงๆ ผมจะต้องเผชิญหน้ากับสายตาเป็นร้อยๆคู่ ผมจะรับไหวมั้ยเนี้ย!!




ฮาโหล...ขณะนี้ เป็นเวลา หนึ่งนาฬิกา สามสิบเก้านาที สิบสามวินาที~~~



เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วผมกำลังนอนอ่านบทละครที่ได้มากับไอ้เร็น มันครับ พอออกจากมหาลัยมาได้ ไอ้เร็นมันก็พาผมไปกินอาหารไทยเป็น มื้อเย็นมา ขอบอกว่าอร่อยมาก!!



แต่ผมเป็นพวกลิ้นอ่อนกินเผ็ดมากไม่ค่อยได้ เจอต้มยำกุ้งรสแซ่บไปนั่น ก็แทบแย่



ยังดีนะไอ้เร็นมันรีบป้อนบัวลอยเผือกรสหวานมันมาให้ถึงปากต่อจากนั้นทันที(ไอ้นี่น่าสงสัย แม่งรู้ได้ไงว่าผมกินเผ็ดไม่ได้เลยจัดการเตรียมสั่ง บัวลอยมาไว้ล่วงหน้าแบบนี้)



ผมยอมให้มันป้อนด้วยความลืมตัวที่เผ็ดจนน้ำตาไหลจนเกือบหมดนั่นแหละครับถึงฉุกคิดได้ แต่ช่างมันเหอะ



กลับมาถึงหอพวกเราแล้ว เราก็เสียเวลาไปอีกหนึ่งชั่วโมงในการ ทำเหมือนเมื่อเช้าเมื่อวานไม่มีผิด...คือไอ้เร็นมันด้านจะอาบน้ำพร้อมผม คือถ้าต่างคนต่างอาบมันคงไม่เสียเวลาเท่านี้หรอก



อาบน้ำเสร็จมันก็จับผมปะแป้ง มัดจุกน้ำพุน้อยๆ (อย่างกะเด็กอนุบาล!!) นี่ถ้ามันห่มผ้าตบตูดให้ด้วยผมคงนึกว่าผมเป็นลูกชายคนเล็กที่ พลัดพรากจากอกมันมาสิบเก้าปีแน่ๆ



แต่ไม่ครับ มนุษย์อย่างริวซากิ เร็นมันเหนือชั้นกว่านั้น มันชวนให้ผมอ่านบทละครของยัยจิฮารุต่อก่อนนอน โดยทำเลที่มันยึดครองก็คือกองหมอนทั้งหมดบนเตียงที่มันเอาไปซ้อนหนุนหลังมันของมัน ผมที่ไม่มีหมอนเหลือเลยแม้แต่ใบเดียวเลยถูกมันจับให้นอนหนุนตักมันแทน (พรุ่งนี้เช้าผมจะลากมันไป ซื้อหมอนเพิ่ม!!)



“นายรู้จักกับจิฮารุมานานแล้วหรอ?”



อยู่ดีๆผมก็นึกอยากรู้ขึ้นมา จำได้ว่ายัยนักเขียนมันบอกว่าเร็นมันรับเล่นเรื่องนี้ก่อนเธอจะเขียนบทซะอีก



พอผมถามออกไปแล้วไอ้หล่อมันไม่ยอมลดบทในมือลงเพื่อมองหน้า ผมแล้วคุยกันเหมือนที่ผ่านมา มันกลับเอากระดาษบังหน้ามันไว้ แบบนี้มีพิรุธแหะ ผมยันตัวขึ้นมานั่งข้างๆแล้วดึงมือมัน



“ริวซากิ!!~”



มันยังไม่เลิกเอากระดาษบังหน้ามันครับแถมยังเอา แนบหน้าด้วย พอผมเขย่ามือมันก็เบี่ยงหน้าหนีผม



“ริวซากิ เร็น!! ตอบมานะ”



ผมเขย่ามันแรงๆแต่ดูเหมือนมันไม่สะเทือนอะไรแล้วยังทำท่าจะขยับหนีอีก ผมที่อยากได้คำตอบมาก ณ จุดนี้เลย ใช้ความเร็วตะกายไปบนตักมันแล้วบีบคอถามเอาซะเลย



“ตอบเร็ว!!”



ผมดึงบทมันออกจากหน้าได้แล้วครับ ถึงเห็นว่าไอ้เร็นมันหน้าแดงอยู่ หมายความว่าไงวะ ถามถึงยัยนักเขียนตัวร้ายนั่นแล้วทำไมต้องหน้าแดง ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิด...รึไอ้นี่จะแอบชอบยัยตัวร้ายนั่น?



“อย่าบอกนะ...ว่านายแอบชอบยัยนั่น!!?”



มันตาโตกับข้อสันนิษฐานของผมครับ แล้วยกมือขึ้นมาโบกไปมาก่อนจะหัวเราะ



“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ? จิฮารุเป็นเพื่อนฉันต่างหาก” ผมยังไม่พอใจในคำตอบของมันครับ อาการมันดูกลบเกลื่อนชอบกล
“แล้วทำไมพอถามแล้วต้องหน้าแดง?”



“กะ..ก็...” มันหยิบบทที่ผมกำอยู่ในมือมาครับ แล้วชี้ให้ผมดู



“มีคิสซีนของฉันกับนายในฉากที่งานเต้นรำด้วยล่ะ” แค่เนี้ยนะ?



ห๊ะ!!



คิสซีน!!



ผมตาถลนแล้วดึงบทในมือของไอ้เร็นมาอ่านทันที มีจริงด้วย คิสซีนของผมกับมันในฉากเต้นรำ แถมมีมาร์คตัวแดงๆขีดเส้นใต้ไว้ด้วยปากกาไฮไลท์อีกว่า *จูบจริง ห้ามมุมกล้อง!*



แม่ง!! ผมอยากฆ่าซาดะ จิฮารุมาก ใครก็ได้ล่าตัวยัยนี่มาให้ผมที!!





“ไม่เล่น!! ยังไงก็ไม่เล่นแล้ว!!”



ผมโวยวายใส่ไอ้เร็นมันคนเดียวไม่พอยังวิ่งลงมาโวยวายกับ พี่มิซึรุที่นั่งเล่นเกมส์อยู่กับเคนอิจิแล้วก็ฮิโรโตะอยู่กลางบ้าน ข้างหลังผมมี ไอ้คุณชายที่มันเดินตามลงมาด้วยท่าทีสบายๆ แต่หน้าแดงน้อยๆ



“โวยวายอะไรกันซัทจัง? นี่มันจะตีสองแล้วนะ?”



“ก็เนี้ย!! ทำไมต้องมีคิสซีนด้วยอ่ะ!!”



พอผมบอกจุดประสงค์ของการโวยวายออกไปแล้วพี่มิซึรุก็ทำหน้าหน่ายแล้วผลักหัวผมออก



“แค่เนี้ย!! ทำมาเป็นโวยวายอย่างกับใครเผาบ้าน”



ทำไมพี่มิซึรุถึงมองปัญหาระดับชาติของอิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นเรื่องแค่เนี้ยล่ะ ไม่ได้นะ ผมไม่ยอม



“ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่เล่นแล้ว!!”



“บอกเหตุผลมาซิว่าทำไมถึงไม่ยอมเล่นกะอิแค่คิสซีน”



“ก็มันต้องจูบนี่!!”



“แล้วไง!?”



“ก็มันต้องจูบอ่ะมันต้องจูบ!!”



ทำไมพี่มิซึรุถึงทำหน้ามึนไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดนะ ปกติผมแทบไม่ต้องพูดพี่มิซึรุก็เข้าใจผมนี่นา ผมโวยวายแล้วก็นึกอยากร้องไห้จริงๆ เลยทำหน้างอแทน



“ก็จูบแล้วมันยังไงล่ะ? นายจะบอกว่านายจูบกับริวซากิบนเวทีไม่ได้ หรือไงกัน?”



โอ๊ย!! นั่นแหละ!! ใช่เลย!!



“ถึงขั้นนี้แล้วยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอ ป๊ะเทิ่งๆกันไปไม่รู้กี่รอบแล้วมึงยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอวะ?”
ผมปรี่เข้าหาไอ้คนพูดทันทีแล้ว ตบหัวมันก่อนจะบีบคอมันเขย่าจนไอ้เคนมันหัวคลอน



“แค่สามรอบเองเว้ย!! หลายรอบที่ไหนกัน!!”



โอ๊ะ!! ผมเผลอตัวหลุดไป ไอ้เคนแม่งรีบทำตาโตเลย



“อะไร! อาทิตย์เดียวสามรอบแล้วหรอวะ!?!”



อ่าว...กลายเป็นผมป้อนข้อมูลข่าวสารให้มันไปเสียอีก กรรมของอิชิฮาระ ซัทสึกิเสียจริง



“หุบปากไปเลยมึง ไม่งั้นกูจะแช่งให้มึงเสียตูดให้ไอ้รุ่นพี่อิโต้กับยามาดะพร้อมกันเลยดีมั้ย!!”



ไอ้เคนมันปิดปากแล้วส่ายหน้าพรืดแถมอิ๊บนิ้วใส่ผมอีกต่างหาก



“ก็นั่นแหละ..ได้เสียกันไปแล้วจะมาเหนียมอายอะไรกับอิแค่จูบ”



โอ๊ย!! ผมอยากบ้าตาย พี่มิซึรุช่วยใช้คำอื่นหน่อยได้มั้ย คำว่าได้เสียกันนี่มันรันทดผมจริงๆนะ



“ก็นี่มันต้องจูบต่อหน้าคนเป็นร้อยเลยนะ!!”



ผมตะโกนไปลั่นบ้านอย่างอึดอัดใจ ทำไมไม่มีใครเข้าใจผมเลย ถ้าลงไป ชักดิ้นชักงอที่พื้นเหมือนเด็กๆได้ผมก็จะทำแล้ว



“อ่อ...เขินก็ว่างั้นเถอะ”



“อือ!!” ผมกระแทกเสียงตอบไปแล้วทำหน้างอ รอให้พี่มิซึรุเข้ามาง้อ เข้ามาลูบหัวปลอบว่าจะไปบอกยัยจิฮารุให้เปลี่ยนบทให้



“งั้นเราต้องทำให้ซัทจังหายเขิน”



อะ..อ่าว?



พี่มิซึรุยิ้มพรายแล้วหันไปมองหน้าไอ้หล่อที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ ข้างหลังผมไปสิบก้าวแล้วชี้นิ้ว



“ต่อไปนี้ นายต้องจูบกับซัทจังโชว์พวกเราทุกคนในบ้านวันละสามรอบ จนกว่าจะซัทจังจะหายเขิน!!”



อ๊าก!!! พี่มิซึรุ!!!



ฆ่าผมให้ตายเลยเถอะ!!!



-TBC-
yowyow, Naenprin, sunshadow ขอบคุณสำหรับคอมเม้นส์นะคะ ^^~
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 7 [Update : 1/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-12-2012 18:35:34
บทละครเวทีเรื่องนี้สร้างมาเพื่อเร็นและซัทนจังจริงๆ น่ารักอ่ะ ชอบมากเลย รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 7 [Update : 1/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 02-12-2012 09:32:07



    เหอะๆๆ เหมือนนายเอกของเราโดนรุมรังแกเลยอ่า



หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 7 [Update : 1/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-12-2012 22:51:10
55555 เร็นบอกได้เรย สบายมว๊ากกกกกกกกก

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 7 [Update : 1/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 08-12-2012 20:03:51
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 8

ฆ่ากันให้ตายเลยเถอะ!!


หลังจากนั้นแล้ว ผมก็กำลังนอยด์นิดหน่อยครับ พี่มิซึรุไม่แค่พูดเฉยๆ แต่ให้ลงมือปฏิบัติเลยหลังจากพี่เขาพูดเสร็จ ผมถูกพี่เขากับไอ้เคนล็อคตัวเอาไว้แล้วพี่มิซึรุก็เรียกไอ้เร็นให้เข้ามา


“มาเลยเร็น”


“เฮ้ย!!อย่านะ!!”


ถึงจะโดนล็อคแขนเอาไว้แต่ผมก็ตั้งการ์ดสู้ได้เหมือนกันนะ ผมยกมือเตรียมพร้อม ถ้าไอ้เร็นมันจะเข้ามาจูบผมจริงๆ ผมจะต่อยมัน ถึงจะยกมือไม่ถึงคางมันได้ แต่ผมก็ต่อยพุงมันได้นะเว้ย!!


ไอ้หล่อมันเดินก้าวเข้ามาหาผมพร้อมกับหน้านิ่งๆที่เดาอารมณ์มันไม่ถูก ทุกคนชะงักเพราะมันเดินเข้ามาจับแขนผมแล้วแกะมือของพี่มิซึรุกับเคนอิจิออกไป


วูบหนึ่งผมลดการ์ดของตัวเองลงเพราะรู้สึกว่ามันจะไม่พอใจกับคำสั่งของพี่มิซึรุเหมือนกันถึงได้ทำหน้านิ่ง


แต่...ไม่ครับ


ผมคิดผิดอย่างมหันต์!!


ไอ้เร็นมันรวบผมเข้ามากอดแล้วจูบทันที!!


“นั่นแหละๆ!! ซัทจังอย่างเม้มปากอย่างนั้นสิ!!”


พี่มิซึรุกำกับบอกพลางตีตูดผมเพราะผมเม้มปากแน่นหลับตาปี๋อีกต่างหาก สารพัดเสียงของพี่มิซึรุกับเคนอิจิที่ยืนกำกับอยู่อย่างระยะ ประชิดมันไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด


ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนไอ้คุณชายเกือบสามนาทีได้กว่ามันจะยอมปล่อยผม เล่นเอาปากผมชาเลยเหอะ


“หยุด!! ห้ามโวยวาย!!”


พี่มิซึรุอ่ะ!! สั่งขึ้นมาทันทีแถมยังชี้หน้าผมที่กำลังจะอ้าปากโวยวายด้วย พอหันไปมองไอ้หล่อ เร็นมันก็ทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเอานิ้วโป้งปาดริมฝีปากของมันอีกด้วย งื้อ!!


“รักจะเป็นนักแสดงก็ต้องแสดงได้ทุกบทบาทสิ กับอิแค่จูบเอง ถ้านายทำไม่ได้ นายก็ไม่ใช่มืออาชีพแล้วอิชิฮาระ ซัทสึกิ”


โอ๊ยแทงใจกันสุดๆ ผมก้มหน้าแล้วก็พยักหน้างึกงักรับคำสอนของพี่ชาย แต่ในใจนึกค้านสุดเหวี่ยงเพราะผมรู้สึกว่าบทของยัยจิฮารุมันกลั่นแกล้งผมนี่นา


ผมยังคงทำแก้มพองอยู่ตอนที่เร็นมันเดินจูงผมกลับขึ้นมาบนห้อง พอขึ้นห้องมาได้ผมก็โยนบทไปไว้บนโต๊ะแล้วคลานกลับขึ้นไปนอนบนเตียง หันหลังให้ไอ้หล่อที่มันปิดไฟแล้วเดินตามกลับมาที่นอน


“โกรธหรอ?” ไอ้บ้าอย่ามาพูดเสียงทุ้มใส่ข้างหูแบบนี้ได้มั้ยวะ!!


“เปล่า” คนเรามักจะปากไม่ตรงกับใจว่ามั้ยครับ


ผมกำลังโกรธ แต่ผมไม่รู้ว่าผมโกรธไอ้คุณชายหรือจิฮารุหรือพี่มิซึรุมากกว่ากันก็เท่านั้น แล้วก็ขี้เกียจต่อความกับไอ้คุณชายมันตอนกำลังอารมณ์ ไม่ดี ผมเลยเลือกที่จะตอบมันไปเช่นนั้น


“ไม่จริงหรอก ซัทสึกิกำลังโกรธอยู่”


เอ๊ะไอ้นี่!! ชักจะรู้ดีมากไปแล้วนะ


“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน อย่าทำมาเป็นอ่านใจกันออกหน่อยเลยเหอะ”


“นายน่ะดูง่ายจะตายไป นิสัยเหมือนแมวดื้อชัดๆ ไม่ต้องรู้จักนานฉันก็ มองนายออก” มันบอกอย่างนั้นครับแล้วก็ลูบหัวผมเบาๆก่อนจะรวบกอดผมไว้จากข้างหลัง


“แค่จูบเองนะซัทสึกิ นายเขินฉันก็เขินเหมือนกัน เรามาพยายามด้วยกัน ไม่ดีกว่าหรอ? ฉันดีใจนะที่ได้เล่นละครเรื่องนี้กับนาย นายไม่ดีใจบ้างหรอที่จะ ได้เล่นกับฉัน?”


“ไม่รู้..” จริงๆแล้วตอนแรกที่รู้ว่าต้องเล่นกับเร็น บอกตามตรง ผมไม่ดีใจเลยสักนิดครับ แต่ถ้าบอกไปตรงๆกันแบบนั้น ไอ้หล่อที่มันกำลังพูดกับผมอย่างอ่อนโยนอยู่นี่แม่งต้องเสียใจแน่ๆ ตามประสาเด็กดีแล้ว อิชิฮาระ ซัทสึกิไม่ควรทำให้คนอื่นเสียใจใช่มั้ยครับ?


“เอาเถอะ แต่หลังจากนี้ไป ฉันจะทำให้นายรู้สึกดีใจที่ได้เล่นละครกับฉัน ได้มีความทรงจำครั้งหนึ่งที่เราได้ทำอะไรร่วมกัน มันจะต้องเป็นความทรงจำที่สวยงามสำหรับซัทสึกิ...ฉันสัญญา”


ไอ้บ้า!! พูดหวานใส่หูกูก็จะแย่อยู่แล้ว ไม่ต้องเอามือกูไปจูบด้วยได้มั้ยวะ!!


“อือ จะรอดู” ผมบอกมันแล้วก็เอาหน้าซุกหมอน เดี๋ยวแม่งรู้ว่าผม หน้าแดงหมด เพราะถึงจะปิดไฟกลางห้องแล้ว ไอ้คุณชายแม่งก็ยังเสร่อเปิดไฟ หัวเตียงเอาไว้อีก


“งั้นนอนกันเถอะนะ” มันลูบหัวผมเบาๆอีกรอบแล้วกอดเอวผมไว้ มันจูบกลางกระหม่อมผมเบาๆก่อนกระซิบเสียงทุ้ม


“ฝันดีนะครับซัทสึกิ”


ถ้านี่กูเป็นสาวน้อยคงร้องวี๊ดว๊ายถูกใจแล้วหันกลับไปบอกราตรีสวัสดิ์ เสียงหวานให้แน่ๆ แต่ขอโทษ..นี่อิชิฮาระ ซัทสึกินะ


“อือ” ผมแค่ครางรับในลำคอแล้วพลิกตัวหันกลับมาซุกในอ้อมกอด ของ มันแค่นั้นเอง


“เริ่มจะรักฉันบ้างหรือยังซัทสึกิ?”


จากง่วงๆอยู่ผมลืมตาโพลงเลยกับคำถามของมัน พอจะดิ้นออกจากอ้อมกอดแม่งก็รัดแขนกอดผมไว้แน่นอีก


“ฉันเป็นผู้ชายนะโว้ย!!”


“แล้วไง!?”


“ก็ผู้ชายอ่ะผู้ชาย จะให้รักนายได้ไง!!”


“มันไม่ใช่กฎตายตัวเลยนะซัทสึกิว่าผู้ชายต้องรักกับผู้หญิง ซัทสึกิเองก็รู้ ไม่ใช่หรือไงกัน?”


ไม่อยากจะยอมรับเลยว่ารู้อยู่เต็มอก แต่จะให้ผมรักกับผู้ชายเนี้ยนะ ชาวบ้านชาวช่องเขาจะมองยังไงกัน แล้วพ่อกับแม่ผมเขาจะรับได้หรอ ผมไม่อยากมีปัญหาอะไรทั้งนั้น ขอผมเดินในเส้นทางที่มันปกติมนุษย์มนาเขาดีกว่า


“ไม่รู้ ไม่รู้!!”


“งั้นฉันคงคิดไปฝ่ายเดียวสินะ ว่าที่นายยอมมีไรกับฉันก็เพราะนายเริ่ม มีใจให้ฉันแล้ว”


ดูมัน!! เอาน้ำเสียงผิดหวังมาใส่หูผมอีกแล้ว


“อย่า-ขี้-ตู่-ไป-เอง!!” ผมเน้นทีละคำแล้วชกอกมันไปด้วยก่อนจะทำแก้มพองค้อนใส่มันในความมืด


“ก็แค่เซ็กส์เฟรนด์ อย่ามาทำเป็นได้ใจไปนะ”


“งั้นจะรอวันที่เซ็กส์เฟรนด์ได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักแล้วกันนะ”


โธ่เว้ย!! หัวใจอย่าเต้นมากได้มั้ยเล่า!!


กับอิแค่คำหวานกับจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนนอนแค่นั้นเองนะ!!





เช้าวันนี้ตื่นมาแล้วก็ไม่เห็นเงาไอ้เร็นครับ


ข่าวจากเคนอิจิที่ยืนง่วงช่วยฮิโรโตะจัดจานอาหารเช้าอยู่บอกว่า ไอ้เร็นโดนเพื่อนมันที่ชื่อยูตะกับจุนยะลากออกไปตั้งแต่เช้ามืด (เคนอิจิมันใกล้จะได้ตำแหน่งเจ้ากรมข่าวประจำสำนักริวซากิ เร็นแล้วครับ แม่งรู้ดีรู้จริงรู้ทุกเรื่องเลย!!)
ผมใช้เวลานึกหน้าของสองคนนี่อยู่เกือบนาทีก่อนจะยักไหล่เบาๆเพราะ นึกไม่ออก จำได้แต่ว่าไอ้กลุ่มคุณชายมันสูงและวิ๊ง มีออร่าแบบฉบับคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ทุกคนก็เท่านั้น (ไม่อยากเน้นคำว่าสูงแต่ขอตัวหนาและขีดเส้นใต้หน่อยเหอะ ความสูงของมนุษย์ในกลุ่มก๊วนริวซากิ เร็นมันทรมานใจผมมาก!!)


“ตื่นแล้วหรอซัทจังเอ้านี่!!” พี่มิซึรุเข้ามาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ถือ ในมือให้ผม


“อะไรหรอพี่?”


“ตารางทำสปาขัดตัวนวดหน้า ทำทรีตเม้นส์ของนาย อ่อมีตารางฝังเข็มด้วย” พี่มิซึรุอธิบายด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ผมฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว


“ห๊ะ!! เอ่อ...ทำไม?”


“จะได้บลิ๊งค์ๆเวลาถ่ายรูปโปรโมทกับขึ้นแสดงจริงไง”


“ผมไม่มีเงินทำหรอกนะ” แค่เงินจะกินยังกระเบียดกระเสียรจะแย่อยู่แล้ว ให้ไปทำพวกนี้อีกผมต้องกู้เงินธนาคารแล้วล่ะ


“ใครบอกให้นายออกเอง ริวซากิออกให้ต่างหาก เอานี่!! บัตรเครดิต หมอนั่นฝากไว้ให้นายรูดใช้ได้ตามใจชอบแต่เกรงใจริวซากิมันหน่อยก็แล้วกัน”


อะหือแสดงว่าไอ้หล่อนั่นรู้เห็นเป็นใจด้วยใช่มั้ย?


“เดี๋ยวนะ ทรีตเม้นส์กับทำสปานี่ผมพอจะเข้าใจนะ แล้วฝังเข็มนี่มันอะไรกัน?” ผมรับบัตรเครดิตของไอ้หล่อมันมาแล้วก็ทำหน้าสยองเมื่อนึกขึ้นได้ ผมเป็นพวกไม่ถูกกับเข็มอย่างรุนแรงนะขอบอก!!


“ลดต้นแขนกับต้นขานายไง บวมซะขนาดนี้ ตอนถ่ายรูปมันจะอืดเกินไป”


พี่มิซึรุตีแขนผมดังแปะๆ ผมเอี้ยวหน้ามองดูแขนตัวเองแล้วก็ทำหน้างอ ไดจังยังแขนใหญ่กว่าผมเลยนะ


“ทำไมไม่ใช้โฟโต้ช็อปล่ะ” ผมยังไม่วายเถียง ก็คนมันไม่อยากไปฝัง เข็มนี่!!


“แล้ววันแสดงจริงนายจะให้ฉันเอาโฟโต้ช็อปไปแก้ให้อีกหรือไงกัน ไปฝังซะ ถ้าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าต้นแขนกับต้นขานายยังไม่เข้าที่ เจอดีแน่”


ขู่ได้ขู่เอา ผมทำหน้าง้ำใส่พี่ชายคนเก่งที่เอานิ้วปาดคอเชือดให้ดูเป็นตัวอย่าง ไอ้เคนแม่งหัวเราะได้หัวเราะเอา


คอยดูเถอะ!! จบละครเมื่อไหร่ผมจะไปอัพกล้าม!!


“เริ่มไปวันนี้เลยนะ อีกครึ่งเดือนเราจะฟิตติ้งกันแล้ว หุ่นนายต้องเข้าที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้รู้มั้ย แล้วต่อจากนี้ก็ห้ามกินของที่จะทำให้อ้วนด้วย!!” ผมที่กำลังจิ้มไส้กรอกจะเข้าปากเลยโดนคนสั่งตีมือดังเพี๊ยะทันที


“ให้ผมไปผ่าตัดแปลงเพศเสริมนมด้วยเลยดีมั้ย?”


“ได้ก็ดี”


“พี่มิซึรุ…!!”


วันนี้อาหารเช้าฝีมือฮิโรโตะไม่อร่อยเลยล่ะ ไม่ใช่เพราะฝีมือของฮิโรโตะตกต่ำลงหรอกนะ แต่เป็นเพราะผมอารมณ์ไม่ดีมากกว่า


และอารมณ์ของผมมันก็ขุ่นมัวตลอดทั้งวันที่ไม่รู้ว่าไอ้คุณชาย มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน!!


-TBC-

yowyow, Naenprin, sunshadow ขอบคุณสำหรับคอมเม้นส์นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 8 [Update : 8/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 08-12-2012 22:49:59
ซัทจังเค้าให้ทำอะไรก็ทำเถอะ ฟรีนะ ไม่ทำก็เอามาแบ่งเราก็ได้ 555555
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 8 [Update : 8/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 10-12-2012 00:47:39



     หือ คุณผู้กำกับและแนวร่วมโหดชะมัดเลย
     แล้วนี่ซัทจังจะไม่ใจอ่อนหน่อยเหรอ
     คุณชายเค้าทุ่มทุนอ้อนตามจีบขนาดนี้เลยนะ



หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 8 [Update : 8/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Forget_Me_Not ที่ 10-12-2012 02:04:49
เข้ามาทักทายมีหนังสือแล้ว

คอนเฟิร์มว่าซัทจังน่าแกล้งจริงไรจริง
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 8 [Update : 8/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-12-2012 01:28:11
คุณชาย หวานตล๊อดๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 8 [Update : 8/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 13-12-2012 17:50:51
 Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 9

9th Chapter

ไอ้เร็นมันกลับมาแล้วครับ มันกลับมาเมื่อตอนหกโมงเช้าพอดิบพอดี ผมไม่ได้โงหัวขึ้นมามองว่ามันกลับมาในสภาพไหนหรอกครับ แต่เหลือบมองดูนาฬิกาตรงหัวเตียงอยู่ตอนที่มันล้มตัวลงมานอนกอดผมที่นอนหันหลังให้กับมันอยู่
เจริญมากครับ ปล่อยให้ผมไม่มีเรื่องเขียนต่อเมื่อวานเพราะมันดัน หายตัวไปเกือบครบ 24 ชั่วโมงแล้วอยู่ดีๆโผล่มานอนกอดกันซะอย่างนั้น


นี่ถ้าความง่วงมันหยุดโคจรในวิถีชีวิตของผมไปแล้ว ผมคงลุกขึ้นมาอัดคำถามว่ามันหายหัวไปไหนมาแน่ๆ แต่เผอิญว่าความง่วงมันยังเหวี่ยงอยู่ในวิถี โคจรชีวิตของผมอยู่ ไอ้หล่อมันเลยได้นอนกอดผมต่อไปอย่างสบายๆ ต่อไปอีกชั่วโมงสองชั่วโมง


วันนี้ผมมีตารางต้องตื่นแต่เช้าครับ ตามตารางที่พี่มิซึรุบังคับให้ทำ คือผมต้องไปฝังเข็มตอนสิบโมงเช้า ถึงไม่อยากทำก็ต้องทำครับเพราะไม่อย่างนั้นถ้าพี่มิซึรุรู้ว่าผมขัดคำสั่งเข้า ผมตายยิ่งกว่าเจอเข็มแน่


แต่ผมไม่ต้องไปคนเดียวครับ ไอ้หล่อมันสถาปนาตัวว่าจะไปเป็นเพื่อนด้วยเพราะวันนี้มันว่างทั้งวัน


ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะดีใจดีมั้ยที่มีเพื่อนไปด้วยไม่ต้องไปขึ้นเขียงคนเดียว หรือจะเสียใจดีที่จะให้มันเห็นสภาพกลัวเข็มยิ่งชีพของผม


หลังจากให้ไอ้หล่อมันยกนิ้วสาบานว่ามันจะไม่เอาเรื่องผมกลัวเข็มมาล้อเลียนในภายหลังแล้ว เราสองคนก็ได้ฤกษ์ออกจากบ้านกันตอนเก้าโมงกว่าๆ นั่งรถไปผมก็ใจสั่นไป คอยดูเถอะถ้าเกิดผมกลัวจนขาดใจตายคาเตียงฝังเข็มไป ผมจะเป็นผีมาบีบคอพี่มิซึรุคนแรกเลย!!(ถ้าไม่ถูกพี่แกจับยัดใส่หม้อแล้วถ่วงน้ำไปก่อนอ่ะนะ)


“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะคอยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆไม่ไปไหน”


เหลือบหันหน้ามองไอ้คนพูดที่ถือวิสาสะเอามือผมไปกุมแล้วจูบเบาๆ มองแล้วให้อารมณ์เหมือนผัวพาเมียไปคลอดชอบกล นี่ถ้าผมพุงป่องหน่อยก็คงใช่เลย


ไม่ติดว่ามือมันหายสั่นเพราะถูกมันกุมอยู่ผมจะกระชากมือมาแล้วบอก มันว่าเว่อร์เกินไปแล้วนะ


สถานที่ขึ้นเขียงของผมอยู่ไม่ไกลนัก ไอ้หล่อมันขับรถมาประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงเสียแล้ว มันต้องลงมาเปิดประตูให้ผมเพราะผมนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ


“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ”


มันเท้าแขนกับบานประตูแล้วโน้มมาสะกิดเรียกผมเบาๆ ผมค่อยๆหันไปหามันแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองทำหน้าแบบอยากร้องไห้เต็มแก่ใส่มันไปด้วย


“ไม่ไปไม่ได้หรอ” เสียงแม่งโคตรสั่นเถอะ เหมือนกับตัวผมตอนนี้เลย


“ไม่ต้องกลัว มันอาจไม่เจ็บอย่างที่นายคิดก็ได้นะ”


เร็นมันลูบหัวผมเบาๆแล้วเอื้อมมือมาจับมือผม ดึงกายหยาบที่ไม่ยอมเคลื่อนที่ไปไหนของผมออกจากรถและจูงเข้าไปข้างในคลีนิค


“เดี๋ยวคุณพี่ชายพาน้องเข้าไปเตรียมตัวข้างในนะคะ เสร็จแล้วเข้าไปรอในห้องฝังเข็มได้เลยค่ะ” ตอนนี้ไอ้หล่อมันเหมือนได้หน้าที่ผู้ปกครองของผมไปโดยปริยาย ผมหันมองหน้าไอ้เร็นมันว่ามีส่วนไหนเหมือนกับหน้าผมบ้าง พี่สาวคนสวยตรงเคาน์เตอร์ถึงได้เข้าใจผิดว่าไอ้หล่อมันเป็นพี่ชายของผม


“เอ่อ มะ..” ผมรีบกระตุกแขนไอ้หล่อทันทีเพราะรู้ว่ามันกำลังจะแก้ไขความเข้าใจผิดของพี่สาวคนสวยนี่แน่ๆ แล้วเรื่องอะไรผมจะยอมให้มันทำอย่างนั้น ให้พี่เขาเข้าใจไปเหอะว่าผมเป็นน้องมัน ไม่งั้นพี่เขาต้องคิดไปไกลแน่ๆว่าผมเป็นอะไรกับไอ้หล่อมัน


“นี่จัง~...ไปช่วยซัทจังเตรียมตัวหน่อยนะฮะ” ผมบอกมันเสียงหวานแต่ส่งสายตาข่มขู่มันทางอ้อมว่าห้ามพูดอะไรเด็ดขาดก่อนจะลากมันไปทางห้องเตรียมตัว


ไอ้หล่อได้แต่หัวเราะลงลูกคอแล้วเดินตามแรงจูงของผมมา


การเตรียมตัวก็ไม่มีไรมากครับ แค่ผมต้องถอดเสื้อกับกางเกงออกเหลือ แค่กางเกงในที่สวมมาแล้วเอาผ้าเช็ดตัวนุ่งไว้ ขอบอกว่า ณ จุดนี้ทำเองไม่ได้ครับ แค่ยืนยังสั่นจะล้ม ไอ้คุณพี่ชายจำเป็นของผมที่มันยังหัวเราะขำอยู่มันเลยจัดการถอดให้ (คิดว่าคงเป็นงานถนัดของมัน) พอมันจัดการนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนสั้นนุ่งให้ผมแล้วมันก็เดินจูงผมมาหาคุณหมอที่นั่งรออยู่ในห้องฝังเข็ม


“คุณพี่ชายจะรอดูหรือจะไปรอข้างนอกก็ได้นะคะ ตามสบายค่ะ”


คุณหมอบอกเปิดทางให้กับมันอีก สงสัยจะรู้ว่าถ้าอยู่ตามลำพังกับผม (ที่สั่นกลัวเอามากๆ)แล้วผมอาจจะเตะหน้าหมอตอนหมอจิ้มเข็มลงขาผมอะไรทำนองนั้น ผมหันมองมันแล้วเผลอคว้ามือมันไว้


“อยู่กับซัทจังก่อนนะฮะนี่จัง...”


ให้ตายเหอะ..อดสูใจชิบหายที่ต้องอ้อนมันแบบนี้ แต่ทำไงได้..ผมอยากได้ใครสักคนอยู่กับผมตอนนี้นี่!!


“ไม่ต้องกลัวนะซัทจัง นี่จังจะอยู่เป็นเพื่อนซัทจังนะครับ”


ไอ้บ้านี่เล่นกลับมาไม่พอ ยังโน้มตัวมาจุ๊บเบาๆที่หน้าผากผมอีก ผมเหลือบมองมันตาเขียวเมื่อคุณหมอหัวเราะคิกคัก
“เป็นพี่น้องที่รักกันดีจังเลยนะคะ”


อย่ามาใช้น้ำเสียงเอ็นดูอย่างนั้นสิครับคุณหมอ!! ไอ้นี่มันไม่ได้เป็นพี่ชาย ที่แสนดีอย่างที่คุณหมอคิด!! (ผมเถียงเสียงสูงอยู่ในใจ)


“ครับ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องน่ะครับ ผมเลยรักน้องชายคนนี้ของผมมาก” ไอ้บ้านี่นอกบทไปไกล แล้วพี่ชายอะไรมองน้องด้วยสายตากรุ้มกริ่มแบบนี้ วะครับ!!


ผมมองค้อนไอ้คุณพี่ชายมันอีกรอบก่อนจะทิ้งตัวนอนลงกับเตียง ไอ้อาการสั่นกลัวมันหายไปแล้วครับตอนนี้ แต่พอได้ยินเสียงคุณหมอแกะเข็มออกจากห่อ มันก็เริ่มสั่นอีกหน


“ไม่ต้องกลัวนะคะ อย่าเกร็งด้วยนะคะ เพิ่งฝังครั้งแรกจะใช้เข็มเล็กให้ นะคะจะได้ไม่เจ็บ” ผมอยากจะบอกกับคุณหมอว่าเอาเป็นเข็มเล็กไปจนจบคอส เลยก็ได้ครับจะเป็นพระคุณกับผมอย่างยิ่ง


ไอ้เร็นมันยังคงทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่แสนดีครับ มันจับมือผมไม่ได้เพราะคุณหมอบอกว่าเดี๋ยวต้องฝังที่มือด้วย มันเลยมายืนลูบหัวผมแทน ดูมันเองก็ลุ้นๆเหมือนกันว่าตอนคุณหมอลงเข็มแล้วผมจะเตะเสยคางคุณหมอคนสวย หรือเปล่า
เข็มแรกฝังลงกับพุงของผมครับ พี่มิซึรุเลือกคอสลดสัดส่วนทั้งต้นแขน ต้นขาและรอบเอวให้กับผม (เผด็จการที่สุด ไหนว่าแค่ลดต้นแขนกับต้นขาไง!!) คุณหมอฝังเบามากครับ แทบไม่รู้สึกเจ็บเลยจริงๆ ออกจะรู้สึกจั๊กจี๋เสียมากกว่า


“เจ็บก็บอกนะคะ บางทีอาจจะไปถูกลำไส้ หมอจะได้ดึงออกแล้วฝังให้ใหม่” ไอ้คำว่าถูกลำไส้ของคุณหมอทำให้ผมสะดุ้งไม่น้อย แล้วเข็มที่สี่มันก็ถูกจริงๆครับ


“โอ๊ย!!” ผมนิ่วหน้า มันปวดตึ๊บขึ้นมาทันทีเลยครับ ปฏิกิริยาของผมทำให้ คุณหมอถอนเข็มเล่มนั้นออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะฝังมาใหม่ใกล้ๆกัน


คุณหมอฝังเข็มรอบสะดือกับท้องน้อยของผมแล้วก็ตรงข้างๆเอว สภาพของผมคงคล้ายๆพุงเม่นไปแล้ว ผมไม่กล้าเหลือบมอง ได้แต่มองเพดาน มองไฟเหนือหัวไปแทนก่อนจะหันมามองหน้าไอ้หล่อ ไอ้หล่อมันจ้องเขม็งไปตามมือของคุณหมอที่ฝังเข็มลงกับตัวผม ตอนนี้คุณหมอเริ่มฝังเข็มลงกับต้นขาผมแล้วครับ ระยะใกล้จุดศูนย์กลางของชีวิตมากครับ ถ้าคุณหมอฝังพลาดไปทิ่มเอากับน้องน้อยของผมจะเป็นยังไงกันเนี้ย ผมกำลังคิดอย่างว้าวุ่นคุณหมอก็ปักเข็มจึ่กลงกับหน้าแข้ง


“โอ๊ย!!!” ผมร้องดังกว่าตอนเข็มถูกลำไส้ครับ เพราะมันเจ็บกว่าทุกเข็มที่ผ่านมา มันคงไปโดนเส้นประสาทหรืออะไรสักอย่างมันเลยเหมือนไฟช็อตแล่นจื๊ดไปทั่วขาของผมครับ คุณหมอก็แค่ทำตามเดิมคือถอนเข็มออกแล้วฝังลงไปใหม่
หมดจากขาแล้วก็มาถึงแขนครับ ตอนนี้ผมกำลังนึกถึงเวลาเค้าสตาร์ฟผีเสื้อครับ ผมเคยเห็นวิธีการสตาร์ฟอยู่คือเขาต้องเอาเข็มแทงปักไว้ทุกส่วนเพื่อให้มันคงรูป อารมณ์แม่งใช่เลย สภาพแบบนี้เลย ชาติที่แล้วแม่งผมคงเป็นนักสตาร์ฟผีเสื้อแน่ๆ ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรมให้คุณหมอเอาเข็มแทงทั้งตัวแบบนี้ ขยับก็ไม่ได้ด้วยครับ ทรมานสุดๆ


กว่าจะฝังหมด ผมไม่รู้ว่าถูกเข็มกี่สิบอันฝังอยู่บนตัว แต่ที่รู้แน่ๆก็คือคุณหมอหยิบเอาไอ้เครื่องที่หน้าตาเหมือนที่ชาร์ตไฟรถมาครับ มันเป็นตัวหนีบอันเล็กๆขนาดหนึ่งนิ้วได้และเธอกำลังหนีบมันลงกับปลายเข็มรอบท้องผมครับ


“กระตุ้นไฟฟ้าหน่อยนะคะ ถ้าแรงไปก็บอกนะ”


อื้อหือ!! ทรมานกว่าเดิมครับ กระแสไฟฟ้ามันแล่นลงเข้าท้องผมไม่หยุด นี่ถ้าผมฝังครั้งนี้แล้วทิ้งคอสที่เหลือจะถูกพี่มิซึรุกินกบาลเอามั้ยนะ


“ต้องทิ้งไว้นานเท่าไหร่ครับ?”


ไอ้หล่อทำหน้าที่ได้ดีมากมันลูบหัวผมอีกทีแล้วหันไปถามคุณหมอ ผมเหล่มองดูด้วยหางตาก็เห็นคุณหมอคนสวยคลี่ยิ้มให้พร้อมกับบอกว่า


“ประมาณยี่สิบนาทีค่ะ” เธอบอกอย่างนั้นก่อนจะเดินจากไป ปล่อยห้องนี้ให้เป็นของผมกับไอ้หล่อมันตามลำพัง
ฆ่า...กูให้ตายเลยเหอะ ยี่สิบนาที!!


“เจ็บมากมั้ย?” ผมเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลตอนที่โดนฝังเข็มครับ ที่รู้ก็เพราะไอ้หล่อมันถามแล้วมันก็เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้กับผม ผมกัดปากแล้วส่ายหน้าเบาๆไม่กล้าส่ายแรง เข็มแม่งสะเทือน ทรมานชิบหาย


“ไม่เจ็บ แต่ทรมาน” พูดตามความสัตย์จริง มันไม่เจ็บครับตอนฝังเข็มลงมา แต่ทรมานโคตรๆสำหรับคนที่เกลียดเข็มเป็นชีวิตจิตใจอย่างผม


“เจ็บน้อยกว่าเข็มของฉันอีกหรอ?”


ผมกรอกตาไปมาเพราะไม่เข้าใจในวลีของมันครับ ไอ้หล่อมันคงตีความ งุนงงในสายตาของผมได้ครับ มันเลยโน้มตัวลงมากระซิบข้างๆหูของผม


“ก็ตอนฉันฝังเข็มของฉันเข้าไปในก้นนาย นายเอาแต่ร้องเจ็บๆ นี่นา”


แสส!!


ถ้าไม่ติดว่ามีเข็มปักอยู่ทั่วร่างเหมือนเม่นน้อย ผมจะลุกขึ้นไปเตะผ่าหมากให้เข็มของมันหักคาตีนผมเลยคอยดู!!


ผมนอนเข่นเขี้ยวอยากไล่เตะไอ้เร็นอยู่พักใหญ่ครับ คุณหมอถึงเข้ามาดึงเข็มออกให้ผม ความรู้สึกมันแอบทรมานนิดหน่อยตอนเขาดึงเข็มออก มันเสียววูบๆบอกไม่ถูก กว่าจะออกจากห้องฝังเข็มได้ แข้งขาผมก็เหมือนไม่มีแรง ไอ้คุณชายมันเลยมาประคองผมออกไป


“ให้ตายเหอะ ไม่มาฝังแล้วได้มั้ยวะเนี้ย”


ผมบ่นอุบก่อนจะโผล่หัวออกจากคอเสื้อที่ไอ้คุณชายเอามาสวมให้ ไอ้คุณชายมันหัวเราะขำๆ แล้วหยิบกางเกงมาให้ผมสวม


“ทนหน่อยหน่า แค่อาทิตย์ละสามวันเอง เดือนนึงก็หมดคอสแล้วนี่”


“ตั้งเดือนนึง!!” ผมแย้งมันก่อนทำแก้มพองยอมให้มันจูงออกไปจ่ายเงิน เดือนนึงมีสี่อาทิตย์ อาทิตย์ละสามวัน นี่ผมต้องถูกฝังเข็มทั้งหมดสิบสองครั้งหรอนี่ แล้วนี่เพิ่งจะผ่านไปครั้งแรก


โอ๊ย!! อยากบ้าตาย!!




“ว่าแต่วันนี้อยากไปไหนต่อหรือเปล่า? หิวหรือยังหืม?”


ไอ้คุณชายมันถามขึ้นมาหลังจากมันพาผมมาขึ้นรถแล้ว พอมันถามผมก็ถึงรู้สึกได้ว่ากำลังหิวอยู่เหมือนกัน
“อือ หิวแล้วๆ” ผมบอกก่อนจะขาขึ้นมาชันแล้วเอาบทละครมาวางแหมะกับหน้าขาเพื่ออ่าน เหล่มองดูไอ้เจ้าของรถไม่ว่าอะไรผมก็ไม่เอาขาลงแล้วกันก็ผมอยากนั่งท่านี้นี่นา


“อยากกินอะไรล่ะหืม?” มาอีกแระไอ้แนวออกตามใจผมเนี้ย แต่ก็ดีผมชอบให้คนตามใจนะ


“อะไรดีล่ะ มีอะไรกินแล้วไม่อ้วนมั่ง? ถ้าน้ำหนักขึ้นตอนนี้โดนพี่มิซึรุ เล่นงานแน่ๆ” ผมบอกกลับไปและให้เวลาคุณชายมันนั่งคิดต่ออีกชั่วอึดใจก็ได้ รับคำตอบว่าเมนูมื้อเที่ยงเราจะไปกินอะไรกัน


“งั้นไปกินอาหารญี่ปุ่นก็แล้วกัน” โอเค ผมไม่เรื่องมากอยู่แล้ว ตราบใดที่ไอ้คุณชายมันเป็นคนจ่ายตังค์ล่ะก็นะ
มื้อเที่ยงของวันเราเลยได้ไปนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นระดับหรู (ผมว่าไอ้คุณชายมันกินร้านอาหารถูกๆไม่เป็น สงสัยรสชาติชาวบ้านจะไม่ถูกปากมัน)


อ่อ ลืมบอกไปว่าคนละร้านกับวันก่อนที่ผมไปดูหนังกับมันครับ ร้านนี้ ไม่ได้อยู่ในห้างและดูเผินๆคุณจะนึกว่าเข้ามาอยู่ในรีสอร์ทที่ตกแต่งแบบสไตล์ญี่ปุ่นเลยล่ะ


ไอ้คุณชายท่าทางจะคุ้นเคยที่นี่เป็นอย่างดี มันจูงมือผมไปหาพนักงานที่ ใส่ชุดกิโมโนลายซากุระก่อนจะพยักหน้ากับเธอโดยไม่ได้สั่งอะไร เธอก็พาผมกับมันเดินไปตามระเบียงไม้ตรงนอกชานเรือน


บรรยากาศดีมากครับ ทิวไผ่สีเขียวกับธารน้ำเล็กๆที่ไหลลงจากโขดหินประดับในสวนหินให้บรรยากาศญี่ปุ่นมากครับ ที่ทานอาหารของเราเป็นเรือนเล็กแยกจากเรือนใหญ่ที่ผมเดินผ่านมา ไอ้คุณชายมันบอกว่าเป็นโซนไพรเวทของพวกวีไอพีครับโซนนี้ เลยมีแค่เราสองคนอยู่ในเรือนนี้กับคุณพนักงานที่กำลังรับออเดอร์ที่ไอ้คุณชายมันกำลังสั่งอยู่ครับ


ผมหันไปสั่งสองสามอย่างที่อยากกินแล้วก็เดินไปนั่งห้อยขาเล่นที่ริมชานเรือนด้านในครับ มันมีคูน้ำเล็กๆที่น้ำไหลผ่านตลอด มีปลาคาร์ฟสีสวยตัวโตว่ายน้ำอยู่ด้วยครับ ดูมันคุ้นเคยกับคนดีนะ ขนาดผมหย่อนเท้าลงไปในน้ำมันยังไม่ว่ายน้ำหนีผมเลย


“ชอบมั้ย?” ไอ้เร็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ มันเดินมานั่งข้างหลังแล้วถามอยู่ข้างหูให้ผมสยิวเล่น ผมสะดุ้งก่อนจะลูบหูเบาๆ


“ก็ดี” ไม่อยากบอกว่ามันดีมากครับ เดี๋ยวไอ้คนพามามันจะได้ใจเอาซะก่อนอ่ะนะ


“อย่ามาทำปากแข็งรู้นะว่าชอบมาก”


แน่ะไอ้นี่!! รู้แล้วยังมีหน้ามาถามอีก


“ถ้าคิดว่าชอบมากแล้วจะถามทำไมอีกล่ะ”


ผมย้อนมันไปแล้วทำแก้มพองใส่ มันเอานิ้วมาเขี่ยแก้มผมแล้วตบท้ายด้วยหอมแรงๆอีกฟอดนึง เฮ้ย!! นี่กูไม่ได้ต้องการให้มึงหอมแก้มง้อนะเว้ย!!


“ก็อยากได้ยินจากปาก ถ้าชอบมากนี่จังจะได้พาซัทจังมาอีกไง”


ไอ้นี่เอาประเด็นนี้ขึ้นมาล้อผมจนได้ มันน่าอายกว่าล้อกันเรื่องกลัวเข็มอีกนะ ผมหันไปมองค้อนมันแล้วเหน็บมือเข้ากับเอวมัน


“นี่จังก็ลงพุงเหมือนกันนะนี่ คราวหน้าไปฝังเข็มด้วยเลยดีมั้ยฮะนี่จัง~”


มันขำครับ ขำแล้วก็ยื่นหน้ามาใกล้จนปลายจมูกเราถูไถกัน


“ได้เลยครับ นี่จังไม่กลัวอยู่แล้ว”


เออ!! กูมันกลัวเข็มคนเดียวนี่เชอะ!!


ผมอยากจะต่อปากต่อคำกับมันต่อครับ แต่พอดีอาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟแล้ว ผมเลยพาตัวเองเข้ามาข้างใน จับจองเอาพื้นที่ข้างโต๊ะแล้วจัดการหยิบตะเกียบมาทันที อยากบอกว่าเป็นตะเกียบไม้แกะสลักอย่างดี ไม่ใช่ตะเกียบราคาถูกที่ต้องมานั่งแยกเป็นสองส่วนเองด้วยครับ!!


ไอ้คุณชายก็คงรู้ว่าเวลากินไม่ใช่เวลาที่จะสนทนากับผมได้อีก มันเลยพากายเข้ามาประจำที่ (ข้างๆผม) และคอยคีบอาหารเข้าปากให้ผมอย่างเอาใจ


เอาเลยครับ!!


คอยเอาใจแบบนี้ระวังเถอะ!!


กูจะเสียคนให้ดู!!


อิ่มแปล้จนน่ากลัวว่าน้ำหนักมันจะเพิ่มขึ้นให้ไอ้ที่ฝังเข็มไปมันไม่มีความหมายมากครับกับมื้อกลางวันนี้ แต่ผมก็ยังนั่งเหยียดขาอ้าปากงับเอา แคนตาลูปหวานๆที่ไอ้คุณชายจิ้มมาป้อนให้เข้าปากกลืนลงท้องไปอีก


“พอแล้ว..อิ่มจะตายอยู่แล้ว”


ผมยกมือเบรกเอาไว้ก่อน ตอนนี้ผมเริ่มอึดอัดพุงแล้วล่ะ ถ้าขืนยังปล่อยให้มันป้อนไปเรื่อยๆ ผมต้องพุงแตกตาย อาหารที่กินเข้าไปมันอาจจะทะลักออกมาตามรูเข็มที่หมอแหย่เข้าไปในพุงผมเมื่อเช้าก็ได้นะใครจะรู้


“งั้นคิดเงินเลยแล้วกันนะ”


มันพูดเหมือนจะถามครับ แต่ไม่หรอก มันสั่นกระดิ่งที่เขาวางไว้บนโต๊ะเรียกพนักงานมาเก็บเงินหลังจากที่พูด เห็นมันยื่นเอาบัตรเครดิตให้กับพนักงานไปผมก็นึกถึงบัตรเครดิตที่มันฝากพี่มิซึรุมาให้


“นี่ๆ บัตรนี้ให้ฉันใช้ได้จริงอ่ะ?” ผมล้วงเอาบัตรของมันขึ้นมาโบกไปมา มันหันมามองแล้วก็พยักหน้า


“อืม แต่วงเงินแค่หนึ่งล้านต่ออาทิตย์หนึ่งเท่านั้นนะ”


ผมชะงักแล้วทำตาโต พระเจ้า!! ตั้งหนึ่งล้านต่อหนึ่งอาทิตย์แม่งยังบอกว่าแค่หนึ่งล้านอีกหรอวะ!!


ผมยืนช็อคกับรายได้(?)ที่ผมได้รับจากมันไปชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแล้วยื่นบัตรคืนให้กับมัน


“ไม่เอาหรอก!! ถ้านายมาเรียกเงินคืนทีหลังฉันไม่มีให้หรอกนะ”


“ฉันให้แล้วไม่เอาคืนหรอก แล้วบัตรนั่นมันก็เป็นชื่อนายแล้วด้วย”


ผมยกบัตรขึ้นมาดู มันเป็นชื่อของผมจริงๆด้วย!! ตัวปั๊มนูนสีทองติดลงบัตรแบบถาวรเลยด้วย!!


“แล้วถ้าพ่อกับแม่นายรู้ไม่เล่นงานฉันตายเลยหรือไงกัน?”


ผมถามอย่างระแวง ว่าแต่ไอ้บัตรนี่เป็นชื่อผมแล้วมันจะมาเรียกเก็บเงินที่ผมเปล่าวะ?


“พวกเขาจะมายุ่งอะไรด้วยล่ะ นี่มันเงินฉันนะ แล้วนายก็ไม่ต้องกลัว นายจะรูดไปเท่าไหร่ฉันก็จะจ่ายให้นายเอง”


ผมยืนมองมันตาปริบๆ ไอ้คุณชายมันบอกว่าเงินของมัน


มันเพิ่งเรียนปีสาม งานยังไม่มีทำ ที่บ้านให้เงินมันเดือนเท่าไหร่วะนี่ ถึงได้แบ่งมาให้ผมใช้ได้เดือนละสี่สิบล้านแบบนี้?


“ฉันมีเงินปันผลจากหุ้นของบริษัทที่บ้านแล้วก็จากเงินลงทุนหุ้นเล็กๆน้อยที่ฉันเล่นแก้เครียด”


เล่นหุ้นแก้เครียด!!


โอ๊ย!!


นี่มึงอยู่คนละโลกกับกูแล้วละไอ้คุณชาย!!


อย่างผมเวลาเครียดๆก็จะแก้เครียดด้วยการวิ่งไล่เตะตูดเคนอิจิไม่ก็หาของหวานๆยัดใส่ปาก แต่ไอ้บ้านี่เครียดแล้วเล่นหุ้น!!


โอ๊ย!! ไม่รู้จะอุทานเป็นอะไรยังไงดีแล้วงานนี้!!




ออกจากร้านอาหารมาได้ ไอ้คนรวยมันก็บอกว่าจะพาผมไปบำรุงผิวต่อตามโปรแกรมที่พี่มิซึรุวางไว้ แต่ไอ้ที่ๆมันพาผมมาดูยังไงมันก็ไม่ใช่สถานที่เสริมความงามหรืออะไรแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย มันดูเหมือนเป็นคฤหาสน์ของพวกคนรวยแบบที่ผมเคยเห็นในละครอะไรแบบนั้นมากกว่า


“ที่นี่ที่ไหน?” ผมถามอย่างงงๆเมื่อไอ้คุณชายมันจอดรถตรงหน้าบันไดหินอ่อนและอ้อมมาเปิดประตูรถให้กับผม


“บ้านฉันเอง” ผมเผลอทำตาโตใส่มันไปก่อนจะลงจากรถมาให้มันจูงมือเดินเข้าไปในบ้าน ผมไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นพ่อบ้านกับสาวใช้มาคอยรับมันอยู่


“มาเร็วจังเลยค่ะ คุณมี๊นึกว่าลูกจะเข้ามาค่ำๆเสียอีก”


แม่มันครับ!! สวยเช้งตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งๆที่อยู่ในบ้านเลยครับขอบอก เห็นแม่แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงโขลกลูกออกมาได้หล่อแบบนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ


ประเด็นสำคัญของผมตอนนี้อยู่ที่สรรพนามที่หญิงวัยกลางคน(แต่สวยกว่าหญิงวัยรุ่นหลายๆคน) ใช้เรียกแทนตัวเองกับลูกชายของเธอครับ


คุณมี๊..สรรพนามกิ๊บเก๋ไฮโซเสียจริง หม่ามี๊ธรรมดาไม่ได้ คุณแม่ก็คงจะสามัญชนเกินไป ระดับแม่ไอ้คุณชายมันต้องคุณมี๊เลยสินะ แล้วนี่พ่อมันเรียกว่าไงวะเนี้ย?


“พอดีผมว่าจะพาซัทสึกิเขามาสตรีมเสียหน่อยครับ ยืมห้องสตรีมของคุณมี๊หน่อยนะครับ”


ไอ้หล่อมันฉีกยิ้มหวานให้แม่มัน ผมอยากจะถามว่ามันถามผมสักคำยัง ว่าผมจะสตงสตรีมอะไรกับมันมั้ย? แล้วไอ้สตรีมนี่มันคืออะไรกัน


ผมยืนเอ๋อให้เครื่องหมายเควสชั่นมาร์คมันลอยอยู่บนหน้าตอนมัน โอบเอวผมเข้ามาหาคุณมี๊ที่เลิกคิ้วทำตาโตหันมามองผม


เอ่อ...แม่มึงกำลังคิดอะไรอยู่วะริวซากิ เร็น ช่วยอธิบายความบนสีหน้าของแม่มึงให้กูฟังหน่อยได้ไหม?


“นี่หรอคะซัทสึกิจังของเร็น หน้าตาน่ารักน่าชังจังเลยค่ะ ผิวก็เนียนดี สตรีมอีกนิดก็อมชมพูสวยไปเลย” ผมมองหน้าแม่ของไอ้คุณชายมันตาปริบๆแล้วหันไปมองดูไอ้คุณชายที่ มันยืนยืดอกทำหน้าภูมิใจอะไรของมันอยู่ก็ไม่รู้ด้วยความรู้สึกประหลาดๆ แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกประหลาดๆตรงจุดไหน จนกระทั่งเธอพูดต่อ


“ตาถึงไม่เบานะคะลูก คนนี้คุณมี๊ให้ผ่านค่ะ”


“เอ่อ..? ผ่านอะไรครับ” ผมถามอย่างงงๆ รู้สึกการเรียงลำดับเรื่องราวจะตามไม่ทันคำพูดของเธอสักเท่าไหร่นัก


“ผ่านเกณฑ์ลูกสะใภ้ตระกูลริวซากิไงคะลูก”


ห๊ะ!! ลูกสะใภ้!!


เดี๋ยวๆๆ แม่ของไอ้คุณชายเขาประมวลสถานะของผมยังไงถึงออกมา เป็นลูกสะใภ้ของเธอได้กันล่ะนี่


“อ่า..ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชายนะครับ”


ผู้ชายทั้งแท่งด้วยขอบอก ขอประทานโทษที ยืนกระเดือกจะทิ่มลูกกระตาอยู่แล้วไม่เห็นหรอครับคุณมี๊


“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมี๊ไม่ถือ แค่หนูน่ารักแล้วก็นิสัยดีอย่างที่พ่อตัวดีเค้าการันตีมา คุณมี๊ก็ยินดีรับหนูเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วล่ะ”


ฮ่วย!! ผมไม่ได้กังวลว่าเธอจะรับหรือไม่รับ


แต่ผมจะบอกเธอว่าผมเป็นผู้ชาย!!


เป็นผู้ชายแมนๆที่ไม่ได้ต้องการสถานะลูกสะใภ้จากเธอเลยสักนิดต่างหาก!!


“ผมกับเร็นเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นครับ” ผมกดเสียงต่ำบอกเธอไป แต่เหมือนเธอจะไม่รับฟังสักเท่าไหร่เพราะเธอโบกมือเหมือนกับมันเป็นเรื่องเล็กๆ


“เรื่องของอนาคตมันไม่แน่นิคะลูก วันนี้เป็นเพื่อน วันต่อไปอาจเป็นคู่ชีวิตกันก็ได้ ค่อยๆคบกันไปจากการเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้วค่ะ เพราะคู่ชีวิตที่ดีที่สุดคือต้องเป็นเพื่อนชีวิตกันนะคะรู้ไหม”


ยังจะมาสอนผมอีก!!


ให้ตายผมก็ไม่มีทางเป็นคู่ชีวิตกับไอ้คุณชายมันหรอกคร้าบ!!


“พอเถอะครับคุณมี๊ หยอกน้องแรงๆแบบนี้ ซัทสึกิเกร็งจะแย่อยู่แล้ว”


ไอ้หล่อมันเอื้อมมือมาหยิกแก้มของผมที่ทำหน้ายุ่งอยู่ ผมเลยแยกเขี้ยวใส่มันไปโทษฐานที่ไม่รู้ว่ามันเอาอะไรมาเล่าให้แม่มันฟังบ้าง เธอเลยคิดเป็นตุเป็นตะขนาดนี้


“โอเคค่ะ คุณมี๊เลิกแกล้งแล้วก็ได้ แต่คุณมี๊อยากได้ซัทสึกิจังเป็นลูกสะใภ้จริงๆนะคะลูก” ดูเถอะครับ เธอบอกว่าจะเลิกแกล้งแต่ยังมีการหันมาหยอกกันแบบที่ผมกลืนน้ำลายไม่ลงคอเลยทีเดียว


“ว่าแต่เย็นนี้อยู่ทานข้าวเย็นกันด้วยนะคะลูก คุณมี๊ว่าคุณป๋ากับรินะคงอยากเจอซัทสึกิจังของเร็นอยู่นะคะ”


โอเคผมได้รู้สรรพนามเรียกพ่อของ ไอ้คุณชายมันแล้วครับ แล้วนี่ผมต้องอยู่เจอพ่อกับพี่สาวที่ไม่รู้ว่าจะคิดเป็นตุ เป็นตะเหมือนกับคุณมี๊หรือเปล่านี่ผมจะรอดมั้ยวะเนี้ย!!


“ตกลงครับ แต่ขอเป็นอาหารชีวจิตหน่อยนะครับคุณมี๊ ซัทสึกิเขาต้องควบคุมน้ำหนักครับ” จะซึ้งใจดีมั้ยที่มันมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยผมแบบออกนอกหน้านอกตากับแม่มัน(ที่จินตนาการความสัมพันธ์ของผมกับมันไปแบบสุดกู่อย่างนั้น)


“บอกแต่น้องเขาต้องควบคุมน้ำหนัก เร็นเองก็ควรควบคุมน้ำหนัก ได้แล้วนะคะลูก พุงเริ่มออกแล้วนะเรา ว่างๆเข้าไปเฟิร์มหุ่นสักนิดก็ดีนะคะ”


ไอ้คุณชายถูกแม่มันเตือนครับ คุณมี๊เธอตีพุงไอ้คุณชายมันดังแปะๆแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ ดูเธอเป็นคนสุขภาพจิตดีนะครับ เวลาหัวเราะก็ยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบนี้ ถ้าเธอไม่คาดหวังให้ผมเป็นลูกสะใภ้ของเธอ ผมคงจะนึกชอบเธอไม่น้อยเลยล่ะครับ (แต่ไอ้ประเด็นนี้มันค้ำคอทำให้ผมทำใจชอบเธอลำบากอยู่พอสมควรเลยนะนี่!!)


“ผมมีวิธีลดของผมอยู่ครับคุณมี๊” ไอ้คุณชายบอกแม่มันแต่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม


“ลูกลดยังไงคะ คุณมี๊ไม่เห็นลูกเข้ายิมมานานแล้วนะ?”


คุณหญิงเธอเอียงคอมองดูลูกชายคนเดียวครับ แล้วเลยหันมามองหน้าผมที่ไอ้เร็นมันจ้องอยู่ด้วย ผมหลบตาเธอเพราะรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกลกับคำพูดของไอ้คุณชาย


“อ่อ..ช่วงนี้ผมฝังเข็มกับซัทสึกิครับ”


(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 8 [Update : 8/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 13-12-2012 17:52:14
ไอ้!!#@$#@$%@#@!!!


ไอ้บ้า!! ไอ้หน้าด้าน!!


มันบอกแม่มันว่ามันไปฝังเข็มกับผมครับ แล้วมันก็จูงมือผมชิ่งเดินจากแม่มันที่เอียงคอมองตามไล่หลังมา เธอคงเข้าใจว่าลูกชายของเธอหันไปหาคอสฝังเข็มลดหุ่นลดกระชับสัดส่วนอะไรทำนองนั้น


แต่ขอโทษทีเถอะ!! ฝังเข็มที่ไอ้คุณชายมันพูดน่ะคนละความหมายกันเลยขอบอก!!


“นายไปเล่าอะไรให้แม่นายฟังน่ะ!?”


ผมดึงมันมาถามครับหลังจากเราขึ้นมาตรงชั้นสองที่เป็นโซนสปาของบ้าน ไอ้คุณชายมันเพิ่งให้คนเข้าไปจัดเตรียมห้องสปาเอาไว้ให้แล้วพาผมมาตรงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าครับ


“ก็ไม่มีอะไรนี่” มันไม่ยอมตอบครับ ไอ้คำว่าไม่มีอะไรของมันนี่ต้องมีแน่ๆ


“ริวซากิ เร็น บอกมาซะดีๆ” ผมกดเสียงต่ำขู่มันครับ แต่มันกลับยื่นหน้าเข้ามาหาอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด


“บอกก็ได้..ฉันบอกคุณมี๊ว่าวันนี้จะพาลูกสะใภ้มาหา โอเคมั้ย?”


โนเลย!!


ไม่โอเค!! ไม่โอเคเลยสักนิด!!


เรื่องอะไรไปบอกแม่มึงว่าจะพาลูกสะใภ้มาหาแล้วดันพากูมาล่ะ!!


“ไม่โอเค” ผมบอกมันแล้วทำหน้างอ แต่ก็ถูกมันหยิกแก้มจะต้องยู่หน้าใส่มัน


“ไม่โอเคก็ไม่โอเค ไปถอดเสื้อผ้าได้แล้ว หรือจะให้ฉันถอดให้.....อีก”


ดูมันมีหน้ามาลากเสียงอีก ผมสะบัดหน้าใส่มันแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง มันยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กพอๆกับที่คลินิกเตรียมไว้ให้มาให้ผม


“ถอดชั้นในด้วยนะ เดี๋ยวเข้าห้องสตรีมแล้วมันจะเปียกไม่มีอะไรใส่ซะก่อน” ผมทำหน้าเหวอน้อยๆมองดูผ้าขนหนูที่ดูแล้วถ้าเอามานุ่งชายมันคงเหมือนกับเสื้อเชิ้ตอัปรีย์ที่วันนั้นผมใส่น่ะแหละ


“จะบ้าหรอ!!”


“หรือจะเปลือย? ไม่ต้องห่วงมีฉันแค่คนเดียวไม่มีคนอื่น”


ดูมันยังมีหน้าหันมาเลิกคิ้วถามอีก ผมกัดฟันแล้วยอมพาตัวเองเข้าห้องไปเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าขนหนูออกมา


กลับออกมาอีกทีพวกสาวใช้ก็ออกไปหมดแล้วครับ ไอ้คุณชายมันจูงผม มาเข้าห้องสปาที่ตกแต่งแบบสไตล์บาหลีแต่มันก็ไม่ใช่ห้องสตรีมอะไรนั่น มันพาผมทะลุเข้ามาด้านในครับ ผมเข้ามาแล้วก็เจอกับไอน้ำร้อนๆพ่นกระจายอยู่เต็มห้อง กลิ่นหอมๆของสมุนไพรทำให้หัวผมรู้สึกโล่งดีครับ ไอ้คุณชายมันจูงผมมาที่นั่งข้างในครับ


“เราต้องอยู่ในนี้นานเท่าไหร่?”


ผมรู้สึกแก้มมันร้อนแล้วครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศร้อนในห้องสตรีมนี่หรือเป็นเพราะไอ้คุณชายมันเอาสายตามาแทะโลมร่างกายของผมกันแน่ แล้วคือห้องมันก็ร้อนอยู่แล้ว มันยังขยับเข้ามานั่งกระแซะผมอีก


“ก็ประมาณสามถึงห้านาทีแล้วก็ออกไปแช่น้ำเย็นรอบนึงก่อนจะเข้ามาใหม่อีกสักสองรอบ” ฟังแล้วทำไมมันยุ่งยากจังวะ แต่ดูท่าทางไอ้คุณชายมันจะเคยชินกับการบำรุงผิวอะไรแบบนี้ เพราะดูมันจะไม่สะทกสะท้านกับความร้อนในห้องสตรีมนี้เท่าไหร่


เราหมดเวลาไปกับตรงนี้เกือบครึ่งชั่วโมงครับ ก่อนที่มันจะพาผมมาลง อ่างจากุชชี่แบบน้ำอุ่นพอประมาณ พอลงมาแล้วก็ผ่อนคลายดีครับถ้าไม่ติดตรงที่ ว่าไอ้หล่อมันเอาตัวเข้ามาเบียดกระแซะผมอีกแล้ว


“ที่มีตั้งเยอะ ไปนั่งไกลๆดิอึดอัด”


ผมบอกมาแล้วก็ดันมันออก แต่มันไม่ขยับครับ (หนักไขมันตรงพุงกับก้นของมันแน่ๆครับเชื่อผมสิ!!)


“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่”


มันบอกว่ามันอยากนั่งตรงนี้ครับ อย่างนั้นผมจะพาตัวเองออกไปนั่งตรงอื่นก็ได้ แต่พอผมจะขยับลุกขึ้น มันก็เกี่ยวเอวผมไว้แล้ว รั้งให้ลงไปนั่งทับตักมันครับ


“เฮ้ย!! ปล่อย!!”


ผมมองมันตาเขียวเลยครับ แต่ไอ้คุณชายมันไม่สนใจกลับสอดแขนกอดเอวผมไว้แน่นเลยครับคราวนี้


“ออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่กัน”


ดูมันชวนครับ!! ชวนออกกำลังกายในสภาพล่อแหลมแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่ามันคิดจะฝังเข็มกับก้นผมแน่ๆ (แหงล่ะเข็มมันเริ่มตั้งมาทิ่มก้นผมฟ้องกันเห็นๆแบบนี้จะให้คิดเป็นอื่นได้ไง!!)


“ลามกที่สุด”ผมว่ามันแล้วก็ต้องหน้าร้อนผ่าวเมื่อมันเลื่อนมือที่โอบกอดเอวผมอยู่ลงไปลูบขาอ่อนช้าๆ แค่แรงดันน้ำในสระจากุชชี่นี่ก็สร้างความวาบหวามให้มากพอแล้วนะเว้ยเฮ้ยไม่ต้องมาเร้าอารมณ์กันเพิ่มก็ได้ เดี๋ยวเข็มก็กูตั้งตามมึงหรอกไอ้คุณชาย!!


“แล้วอยากให้ลามกด้วยหรือเปล่าล่ะ? ซัทสึกิเองก็ลามกเหมือนกันน่ะแหละ” ไอ้คุณชายมันเย้ากลับมาแล้วไซร้หน้าเข้ากับแก้มผม มือมันจับที่หลักฐานความลามกที่(ตั้ง)เด่นชัดของผม


เฮ้ย!! ได้ไงวะ!!


“นายก็อยากให้ฉันลามกใส่เหมือนกันน่ะแหละ”


ไอ้คุณชายมันว่าแล้วทำอมยิ้มเอามือจับความลามกใต้ร่มผ้าขนหนูผืนน้อยของผมไม่พอมันยังรวบมือผมที่ดิ้นไปดิ้นมาบนตักมันให้ไปจับอีก


“อย่านะเว้ยเฮ้ย!!”


มันเคยฟังคำปรามของผมบ้างมั้ยวะนี่!! บอกว่าอย่า แม่งยิ่งทำ ทีหลังผมควรประชดมันให้ทำหรือเปล่ามันจะได้หยุด


“หยุดไม่หรอก..ก็ซัทสึกิออกจะน่ารักขนาดนี้”


น่ารักยังไงวะ ผมอยากจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อแล้วแม่งเสือกบอกว่าน่ารักอีก ไอ้นี่ท่าจะซาดิส!!


หลังจากคำพูดของมันไม่นานมันก็พลิกตัวให้ผมกลับไปหามันครับ ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกมันกระชากทิ้งไปไหนแล้วไม่รู้ ผมพยายามผลักมันแล้วลุกหนี แต่มันก็ดึงผมไปนั่งทับตักมัน โน้มคอผมลงไปจูบกับมันก่อนที่จะเสียบทันทีที่ผมเผลอ


“เจ็บนะ!!” ผมอุทานเมื่อมันเสียบเข้ามาเต็มความยาว ความเจ็บแม่งแล่นจี๊ดมาถึงไขสันหลังเลยเหอะ ไอ้บ้านี่!! มึงจะไม่เตรียมความพร้อมให้ร่างกายของกูสักหน่อยหรือไงกัน!!


“เดี๋ยวก็หายเจ็บ”


มันครางบอกผมอย่างนั้นก่อนจับเอวผมให้เด้งขึ้นลงบนตัวมัน อย่างที่มันว่าครับไม่นานมันก็หายเจ็บ ไม่อยากยอมรับว่ามันเสียวสุดยอด!!


แต่นี่ในบ้านมันนะ คุณมี๊มันก็คอยรอเข้าใจผิดอยู่ ถ้าเกิดมีพวกเมดเข้ามาเห็นหรือได้ยินแล้วเอาไปบอกคุณมี๊จะทำไง


“หยุดเถอะ..” ผมท้วงมันเสียงเบาก่อนจะซุกหน้ากับคอมัน ไม่ไหวแล้วของไอ้คุณชายแม่งคงสีอยู่กับจุดไวสัมผัสด้านในของผม มันถึงได้ส่งความเสียวเป็นระลอกๆเข้ามาตามแรงขยับของเราสองคน


“ฉันหยุดไม่ได้แล้ว นายก็รู้..” มันบอกก่อนจะจูบแก้มผม เลื่อนมือของมันลงต่ำไปช่วยผมระบายความอึดอัดออกไปบ้าง ผมกัดปากกับคำบอกของมันก่อนที่ในใจจะนึกภาวนาให้ไม่มีใครรู้ว่าเราสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่ในห้องสปานี้
แต่ดูเหมือนจะโชคไม่ช่วยผมเลยแม้แต่น้อย เพราะผมยังไม่ทันภาวนาเสร็จ เปิดประตูก็เข้ามาพร้อมกับเสียงของคุณมี๊ที่ทำให้ผมอยากตายมันเสียตรงนี้


“คุณมี๊เอาขนม...เร็นลูกกับน้องกำลังทำอะไรกันอยู่นี่!!”


ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของคุณมี๊...ไม่อยากบอกเลยว่ามีซาวน์ประกอบเป็นเสียงเพล้งของจานขนมที่เธอถือมาให้เราสองคนด้วย


นาทีนี้เอาอะไรมาเชือดคอผมให้ตายคาตักไอ้คุณชายมันเลยเหอะ ถูกแม่มันเห็นในสภาพที่ผมกำลังออนท็อปกับลูกชายเธอแบบนี้ ปฏิเสธความสัมพันธ์บ้าๆนี่ระหว่างผมกับไอ้คุณชายมันไม่ได้แบบงดอุทธรณ์คณะลูกขุนไม่ยอมความกันเลยทีเดียว!!


แต่ทำไมนาทีที่มันวิกฤตแบบนี้ ไอ้คุณชายมันถึงยังยิ้มกริ่มได้อยู่อีกนะ!!




สภาพในห้องสปาเมื่อสักครู่มันไม่เหมาะสมที่จะคุยอะไรกันทั้งนั้น คุณมี๊เธอบอกให้ผมกับเร็นไปแต่งตัวแล้วตามเธอลงไปข้างล่างครับ ผมหน้าร้อนจนชาไปหมดแล้ว อับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าตอนที่โดนเร็นมันฟันตูดผมไปวันแรกเสียอีก


“ลูกทำแบบนี้ได้ไงเร็น”


แม่ไอ้หล่อเธอดุลูกชายครับ ผมอยากพยักหน้าเห็นด้วยกับเธอมากๆ ว่าลูกชายเธอทำแบบนี้ได้ไงกัน แต่อยู่ในสภาวะเจียมตัวเป็นผู้เสียหายอยู่ครับเลยไม่กล้า


“คุณมี๊รู้นะคะว่าวัยรุ่นสมัยนี้ใจเร็วด่วนได้ แต่น้องเพิ่งจะอายุสิบเก้าเองนะคะลูก” ผมนั่งฟังแล้วก็ชะงักครับ คุณมี๊เธอรู้ได้ไงว่าผมอายุสิบเก้า?


แล้วดูท่าเค้าลางมันจะไม่ดีแล้วยังไงก็ไม่รู้สิครับ ไอ้หล่อมันก็นั่งนิ่งเงียบ ไม่เถียงแม่มันเลยครับ


“ยังไงลูกก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะเร็น...บ้านของซัทสึกิจังอยู่ที่ไหนหรอคะลูก?”


ประโยคแรกเธอบอกลูกชายของเธอครับ ส่วนประโยคหลังเธอหันมาถามผม ผมสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอที่ยกมือมาแตะไหล่ผมแล้วกระพริบตาน้อยๆอย่างตามเรื่องไม่ทันสักเท่าไหร่


“เอ่อ...ทำไมหรอครับ?”


“คุณมี๊จะให้พ่อตัวดีไปขอโทษพ่อกับแม่ของซัทสึกิไงคะ แล้วก็จะสู่ขอซัทสึกิด้วยเลย”


เฮ้ย!! ไม่เอา!!


มาสรุปเรื่องแบบนี้ได้ไง ผมไม่ยอม!!


มีอะไรกับไอ้หล่อสามสี่หน ผมไม่เดือดร้อนจนถึงขั้นต้องให้มันไปสู่ขอกับพ่อกับแม่เลยนะ ผมเป็นผู้ชายไม่เสียหาย ไม่ต้องมาเสียผีด้วย!!


“เอ่อ..ไม่ต้องก็ได้ครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น..”


บอกไปแบบนี้แล้วผมเหมือนผู้ชายง่ายหรือเปล่าวะ แต่ไม่รู้ล่ะ ผมสนใจแค่ว่าไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้เรื่องผมเท่านั้น นี่ถ้าพี่ชายของผมรู้ด้วย ผมคงตายดับอนาถแน่ๆ


“เรื่องใหญ่สิคะ คุณมี๊ไม่ยอมให้เร็นทำผิดธรรมเนียมแบบนี้กับซัทสึกิหรอกนะคะลูก!!” โอ๊ย!! ไอ้คุณชาย เมื่อก่อนมึงไปสอยตูดชาวบ้านเค้า แม่มึงกระตือรือร้น จะไปสู่ขอตูดนั้นมาให้มึงแบบนี้ป่าววะเนี้ย!!


“ไม่จำเป็นเลยครับ!! ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรผมทั้งนั้น!! ผมยอมเร็นเองแล้วก็ไม่ได้เสียหายจนต้องมารับผิดชอบตามธรรมเนียมอะไรนั่นด้วย!!” เผลอไปแล้วครับ เถียงแม่ไอ้หล่อเขาไปแบบเผลอตัวสุดๆ แถมน้ำเสียงยังดูก้าวร้าวด้วย
แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจหรอกนะว่าแม่ไอ้หล่อเขาจะหมดความเอ็นดู ผมหรือเปล่า ตอนนี้ผมต้องการให้เธอล้มเลิกความคิดของเธอซะ


ดูเหมือนแม่ไอ้หล่อจะตกใจที่ผมขึ้นเสียงเถียงกับเธอครับ เธอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองแล้วเบิกตากว้างมองผม ในชีวิตของเธอจะมีใครกล้าขึ้นเสียงใส่แบบผมมั้ยหว่า ผมเองก็ใจสั่นเหมือนกันเพราะไม่เคยก้าวร้าวกับผู้ใหญ่มากก่อน พอรู้สึกตัว..ผมก็ก้มหน้ามองตักตัวเองแล้วพูดเสียงเบา


“ขอโทษครับ..” ไอ้เร็นก็ไม่ช่วยแก้วิกฤตใดๆเลยครับ มันเอาแต่นั่งนิ่งเงียบไม่พูด ไม่จาจนผมอึดอัดเกินทน ท้ายที่สุดผมก็ต้องหันไปสะกิดมัน


“ฉันจะกลับแล้วนะ” บอกแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน ค้อมศีรษะให้กับคุณมี๊แล้วเดินออกมาทันที ไม่ว่าไงผมก็ไม่อยู่ต่อแล้วล่ะ
ไอ้หล่อมันเดินตามผมมาครับ แต่แปบเดียวมันก็เดินมาตีคู่กับผมแล้ว คว้ามือผมไว้ ลากผมไปขึ้นรถมันแล้วขับรถแล่นออกจากบ้านมันไปด้วยความเร็วสูงจนผมกลัวมันจะแหกโค้งพาผมไปตายเสียก่อนเลยต้องหันมาหามัน


“นายโกรธฉันหรือไง?” หน้าตามันถมึงทึงมากครับ ดูแล้วออกแนวพระเอกโหดบวกโฉดเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่เคยเห็นหน้าตามันเป็นแบบนี้มาก่อนเลยครับ พาลอดไม่ได้ที่จะนึกกลัวขึ้นมา


มันเบรกรถดังเอี๊ยดจนหัวผมแทบโหม่งออกจากกระจกหน้ารถไป ยังดีครับที่มันจอดคือหน้าบ้านพักของพวกเราพอดีไม่ใช่กลางถนนไม่งั้นรถข้างหลังจนเบรคไม่ทันแล้วอัดตูดท้ายรถมันแน่ๆ มันไม่ตอบผมครับ แต่มันกดปลดล็อคประตูแล้วเอ่ยบอกผมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


“ลงไปซะซัทสึกิ” มันไล่ผมครับ แต่ผมไม่ยอมลง ผมจะเคลียร์กับมันก่อน ไม่ใช่ปล่อยเรื่องทิ้งไว้แบบนี้


“ไม่ลง หันมาคุยกันก่อนสิ!!”


ผมเอามือเหนี่ยวหน้ามันที่เอาแต่มองถนนข้างนอกให้หันมาหาผมแล้วล็อคเอาไว้ แต่มันถอยคอหนีแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยเปิดประตูลงไปจากรถเสียเอง ผมเลยรีบลงจากรถแล้วตามมันไป


“เดี๋ยวก่อนสิ!! เดี๋ยวก่อนสิวะ!!”


ผมร้องเรียกมันแล้วจ้ำขาเดินตามมันขึ้นห้องไป เสียงโวยวายของผม ทำให้เคนอิจิกับพี่มิซึรุโผล่หน้าออกมามองแต่ผมก็ไม่ได้สนใจกับสายตาของพวกเขาที่มองมาอย่างสงสัย


“ซัทสึกิฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยอะไรทั้งนั้นตอนนี้”


ในที่สุดพอขึ้นมาอยู่บนห้องไอ้หล่อมันก็หันกลับมามองผมแล้วพูดกับผมในที่สุด ผมที่ยืนเหนื่อยหอบอยู่ตรงประตูเพราะรีบก้าวเดินให้ทันมันก็หันไปถีบประตูให้ปิดลงแล้วเดินมาประจันหน้ามัน


“ไอ้บ้า!! เรื่องมันไม่ใช่เพราะฉันเลยนะเว้ย!! ฉันห้ามนายแล้วนายก็ยังทำ แล้วพอเกิดเรื่องขึ้นนายก็มาทำท่าโกรธฉัน บ้าที่สุด!!”


ผมปราดเข้าไปอยากจะชกหน้าหล่อๆของมันสักหมัดสองหมัด แต่ก็อย่างเคย ผมถูกไอ้คุณชายมันจับล็อคตัวไว้ มันกอดผมไม่ให้ผมทำร้ายมันได้ก่อนจะยอมพูดเสียงอ่อน


“ฉันไม่ได้โกรธนาย แต่ฉันกำลังโกรธตัวเอง”


กูไม่เชื่อมึงหรอก หน้ามึงบอกกูอยู่นะว่ามึงโกรธกูน่ะไอ้คุณชาย


“ฉันแค่คาดหวังมากเกินไป ที่แอบคิดอยากให้ซัทสึกิยอมรับการรับผิดชอบจากฉันอย่างที่คุณมี๊บอกว่าฉันควรทำ แต่เมื่อนายยืนกรานไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉันขนาดนั้น ฉันเลยเสียใจแล้วก็ผิดหวัง ลงท้ายเลยโกรธตัวเองที่ทำให้นายไม่ไว้ใจเลยไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉัน” ไอ้คุณชายมันพูดพล่ามบอกอยู่ข้างหูครับ


ผมหยุดที่จะพยายามต่อยหน้ามันแล้วก้มหน้าฟังนิ่งก่อนจะถามมันย้อนกลับไปในคำถามที่ผมกำลังถามตัวเองอยู่


“นายเข้าใจคำว่ารับผิดชอบของแม่นายแค่ไหนกันเร็น” ไอ้คุณชายมันนิ่งเงียบครับ ผมเลยเป็นคนต่อคำพูดเองอย่างอึดอัดใจ


“แม่นายบอกให้นายรับผิดชอบฉัน มันหมายความว่าไง อย่างแม่นายคงไม่ใช่ให้เอาเงินมาฟาดหัวฉันเป็นค่าที่ฉันเสียตัวให้นายหรอกจริงมั้ย”


“คุณมี๊คงอยากให้ฉันแต่งงานกับนาย”


ใช่เลย!! นั่นแหละ!! เข้าใจตรงกันนี่หว่า


“นั่นแหละปัญหาใหญ่” ผมบอกมันก่อนจะดึงตัวออกจากอ้อมแขนของมัน แต่มันกอดผมไว้แน่นเลยครับ


“ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่งงานกับฉันไม่ดีหรือไงกัน?”


เสียงมันเหมือนน้อยใจครับ ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองมัน


“ริวซากิ เร็น นายกับฉันรู้จักกันมากี่วันกัน”


“เก้าวัน” ไอ้คุณชายมันตอบมาอย่างรวดเร็วจนผมต้องแปลกใจว่าคนอย่างมันจะมานั่งนับวันที่รู้จักกับผมด้วยหรอ พอมันตอบแล้วมันก็เลิกคิ้วใส่ผมครับ ผมยกนิ้วขึ้นมาเก้านิ้ว


“เราเพิ่งรู้จักกันแค่เก้าวันเองนะ นายเข้าใจบ้างมั้ย”


“ฉันไม่เข้าใจ” ผมเคยคิดว่ามันฉลาดนะครับ แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกว่ามันเข้าใจอะไรยากจริง


“รู้จักกันมาแค่เก้าวัน มันยังไม่ได้ทำให้เรารักกันหรอกนะ แล้วจะแต่งงานกันได้ไง!!” ผมโพล่งตอบมันไปในที่สุด มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผมมากเลยนะ ผมสาบานกับตัวเองว่าผมจะไม่แต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักเพราะผมไม่อยากผูกติดตัวเองกับคนที่ผมไม่ได้รักไปทั้งชีวิต


“ซัทสึกิ..วันนี้เราอาจจะไม่ได้รักกัน แต่นายไม่คิดหรือไงว่าวันข้างหน้าเรา จะรักกัน แล้วเวลาเก้าวันที่รู้จักกันมา ฉันรู้สึกดีกับนาย รู้สึกอยากรักนาย นายไม่รู้สึกดีกับฉัน อยากรักฉันบ้างเลยหรือไงกัน” มันตัดพ้อผมผ่านสายตาและน้ำเสียงครับผมรู้สึกได้อย่างนั้น


“ไม่รู้..”


คำว่าไม่รู้ของผมหมายถึงผมไม่รู้ครับว่าผมรู้สึกยังไงกับมันตอนนี้ แต่วลีของผมมันอาจจะสั้นและห้วนเกินไปหน่อย ไอ้หล่อมันถึงได้ทำหน้าผิดหวังและเสียใจใส่ผมจนผมต้องรีบพูดต่อ


“ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกยังไงกับนายกันแน่ นายจะมาถามฉันตอนนี้น่ะไม่ได้หรอกนะ เรารู้จักกันน้อยเกินไป”


“เก้าวันสำหรับนายมันอาจจะน้อยเกินไป แต่ฉันบอกนายได้เลยว่าถ้าอยากจะรักกัน นายทำได้อยู่แล้ว เวลามันไม่ใช่เครื่องกำหนดอะไรทั้งสิ้นเลยนะซัทสึกิ แค่นายเปิดใจให้ฉันเท่านั้น ไม่ใช่นายตีบังกั้นเอาไว้ด้วยความรู้สึกตัวเองแบบนี้ นายกำลังคิดว่านายรักฉันไม่ได้เพราะฉันเป็นผู้ชายและนายเองก็เป็นผู้ชาย ขอร้องเถอะซัทสึกิ ทิ้งความรู้สึกนั้นไปได้มั้ย แล้วนายลองมองในมุมที่มีแค่ฉันกับนายเท่านั้น”


ผมนิ่งและฟังมันครับ ไม่อยากบอกเลยว่าใจผมสับสนมากในตอนนี้ มันประคองหน้าผมให้เงยมองสบตากับมัน


“มองแค่มุมของเราสองคนดูสิ..แล้วนายจะรู้...”


.
.
“ว่าเรา...รักกันได้”


-TBC-
yowyow, Naenprin, sunshadow ขอบคุณมากนะคะ มาเม้นส์ตอนหลังๆทุกตอนเลย  :L2:

 Forget_Me_Not  แต้งกิ้ววว o13
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 9 [Update : 13/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 13-12-2012 18:30:27



    โฮ่ คุณหญิงแม่. . . ดูเหมือนบ้านนี้จะไม่ค่อยปกติกันทั้งบ้านนะ
    อารมณ์ว่ามีเงินเยอะ เลยอยากรับผิดชอบทุกความผิดพลาดและความไม่ผิดพลาด
    ความรับผิดชอบสูงกันทั้งบ้านเลย
    แต่คุณหญิงแม่ใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกลูกสะใภ้คะนี่



หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 9 [Update : 13/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 13-12-2012 20:01:44
มาแบบยาวเลยทีเดียว สงสารเร็นจัง
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 9 [Update : 13/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-12-2012 22:45:32
โอ้วววว...ซึ้งยิ่งนัก  :monkeysad:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 9 [Update : 13/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 15-12-2012 11:57:22
10th Chapter

ผมกำลังนอนเหยียดอยู่บนเตียงขนาดแปดฟุตในห้องชุดของเร็นเพียงลำพังครับ ไม่ต้องคิดว่าไอ้หล่อมันเอาผมมาทิ้งไว้แล้วมันหายไปไหนหรอกครับเพราะตอนนี้มันกำลังไปอุ่นมื้อดึกให้ผมอยู่



เนื่องจากมื้อเย็นผมกินไปไม่กี่คำ กระเพาะผมมันเลยส่งเสียงร้องดังในระหว่างเรากำลังอาบน้ำกันอยู่ ไอ้หล่อมันขำอยู่เกือบนาทีก่อนจะยอมแพ้ไปหา อะไรให้ผมกินได้ตอนที่ผมถ่องศอกใส่ท้องมัน (ข้อนี้ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับสายตาที่มองค้อนมันไปหลายหนแต่ประการใด)



ระหว่างรอผมก็นอนปาดนิ้วกับเกมส์เดิมในไอแพดของไอ้คุณชายมัน พักเดียวเร็นมันก็เดินเข้าห้องมาพร้อมกับโกโก้ร้อนแล้วก็ขนมปังโฮลวีทอุ่นๆก้อนนึง



“มีแค่นี้หรอ เมื่อเย็นซื้อหนมมากินตั้งเยอะ” ผมดันตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วก็บ่นกับปริมานอาหารที่มันให้ผมกิน ไอ้หล่อมันบิขนมปังก้อนเป็นชิ้นเล็กๆแล้วจุ่มน้ำผึ้งในถ้วยที่มันเอามาด้วยใส่ปากผมที่อ้ารับแต่โดยดี



“กินแค่นี้แหละพอแล้ว กินมากกว่านี้เดี๋ยวก็น้ำหนักขึ้น เจอเข็มใหญ่ไม่รู้ด้วยนะ” พูดถึงฝังเข็มแล้วสะดุ้ง เย็นพรุ่งนี้ผมมีนัดกับคุณหมอคนสวยอีกแล้วนี่นา!!



กินจนหมดแล้วไอ้หล่อมันก็ไล่ให้ผมไปแปรงฟันเตรียมนอนครับ ส่วนมัน ก็เอาจานกับถ้วยโกโก้ไปเก็บที่เดิม เสร็จแล้วต่างคนก็ต่างกลับมาเจอกันที่เตียงเหมือนเดิม



“ดูหนังมั้ย?”



เพราะมันยังไม่ใช่เวลานอนครับ ถึงนอนยังไงก็ไม่หลับหรอก ผมเลยเอ่ยชวนไอ้หล่อมันดู เร็นเลิกคิ้วแล้วปิดประตูห้องก่อนเดินมาหาผมที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง



“ไม่เล่นเกมส์แล้วหรือไง?” ไอ้เกมส์บ้าที่เล่นยังไงก็ได้คะแนนไม่ถึงครึ่งที่มันทำไว้น่ะหรอ ผมขี้เกียจเล่นแล้ว



“ไม่เอาอ่ะ เล่นไงก็ล้มสถิตินายไม่ได้”



บอกไปตรงๆไอ้หล่อมันก็หัวเราะเบาๆสายตาพราวระยับครับ มันเดินมานั่งข้างๆแล้วจัดแจงดึงตัวผมไปนั่งอยู่ตรงหว่างขา มันเกยคางเอาไว้กับไหล่ของผม ผมงงๆว่ามันจะทำอะไร มันก็หยิบไอแพดมาวางไว้บนเข่าของผม



“มาสิ เล่นด้วยกัน”



จริงๆไม่อยากเล่นหรอกนะ แต่เห็นกับหน้าคนชวนเล่นหรอก



ปกติแล้วเกมส์บนไอแพดมันก็เล่นได้คนเดียวแหละครับไม่ใช่เกมส์กีฬาประเภทคู่สักเท่าไหร่ ผมก็สงสัยอยู่ว่าไอ้หล่อมันจะทำยังไง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับมันถ้าเกิดมันอยากจะเล่นคู่



มันจับมือผมไว้แล้วจับลากมือผมปาดหั่นผลไม้ในจอครับ



ไม่อยากจะบอกว่าแม้เกมส์มันจะเล่นต่อเนื่องไปเรื่อยๆแบบต้องใช้ตาจ้องตลอดเวลา ไอ้หล่อมันก็ยังเนียนแอบหอมแก้มจูบขมับผมได้โดยที่เกมส์ไม่โอเว่อร์อีกด้วย



อิชิฮาระ ซัทสึกิอยากจะคอยคารวะพี่ท่านจริงๆนะจุดนี้!!



สถิติที่ผมกับไอ้คุณชายทำร่วมกันในคืนนั้นคือ 1399 ครับ มากกกว่าเดิมตั้ง 9 คะแนน



ผมคลี่ยิ้มถูกใจถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผลงานตัวเองก็เถอะ แต่ก็นะอย่างน้อยผมก็มีส่วนร่วมล่ะ



เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ผมบิดแขนปิดเอวจนเสียงกระดูกมันลั่นกร๊อบๆ ตอนที่เร็นมันวางไอแพดที่โต๊ะข้างเตียงแล้วเดินไปปิดไฟ ผมขยับพื้นที่ให้ มันมีที่นอนบ้างเพราะรู้สึกว่างตัวเองนอนยึดกลางเตียงมากเกินไป



“ฝันดีนะครับ” มาอีกแล้วครับเสียงทุ้มที่มาพูดกรอกใส่หูก่อนจะพรมจูบเบาๆลงกับกระหม่อมแล้วก็สอดมือเข้ามากอดให้ไปซุกอกนี่



ถ้าผมเป็นผู้หญิง ชีวิตก็คงจะดูเพอร์เฟคดีที่มีไอ้คุณชายรูปหล่อพ่อรวยคอยทรีทแอนด์เทคแคร์เป็นอย่างดี แต่เผอิญผมไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นผู้ชาย



ผู้ชายที่ไม่เคยคาดหวังให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน ถึงแม้หลายๆครั้งจะแอบเผลอใจเต้นแล้วก็รู้สึกดีกับสิ่งที่เร็นมันคอยทำให้ (อันที่จริงต้องบอกว่าทุกครั้งสินะ) ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยรอยยิ้มได้



ผมคิดมากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมคิดมากเพราะความกลัว ความไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสิ้นๆที่ผ่านมานี่ เร็นบอกให้ผมเปิดใจให้มัน มันจะรู้บ้างมั้ยว่าผมเปิดใจให้มันแล้วนะ ไม่งั้นมันไม่มีสิทธิ์มานอนกอด มาจูบ มาติ๊ดชึ่งกับผมแบบนี้หรอก มันไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือไงกันนะ



“ริวซากิ..” อยู่ดีๆผมก็อยากเรียกชื่อมันครับ พอนึกอยากแล้วปากมันก็โพล่งเรียกออกไป



“หืม?..” มันยังไม่หลับครับ พอผมเรียกชื่อมันก็ครางถามกลับมาทันทีพร้อมกับมือที่เลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเหมือนจะกล่อมให้นอน



“ไม่มีอะไรหรอก”



ผมอ้อมแอ้มบอกมันแล้วซุกหน้าลงกับอกของมันเหมือนเดิม ความรู้สึกอึนๆในใจมันอธิบายไม่ถูก มันไม่รู้จะส่งเป็นคำพูดอะไรให้แปลความออกมาได้ตรงกับความรู้สึก ในเมื่อผมยังไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเองเลยสักนิด



“แน่ใจหรอ?”



“อือ”



ผมพยักหน้ากับไหปลาร้าของมันด้วย แต่ไอ้หล่อมันจับไหล่ผมดึงออกจากอกมัน แม้จะไม่มีแสงไฟแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าไอ้หล่อมันกำลังจ้องแบบเค้นคำถามจากปากผมอยู่



“ฉันว่ามันต้องมีอะไรสิ”



ไอ้บ้า มึงจะมาเค้นคำตอบหาพระแสงอะไรกันตอนเที่ยงคืนวะ!!



“ก็บอกแล้วว่าไม่มี”



ผมบอกมันแล้วพลิกตัวหนีไปอีกด้าน ได้ยินเสียงมันพรูลมหายใจออกช้าๆแล้วก็หน่วงในอก มันจะเบื่อความปากหนักแล้วก็พูดไม่รู้เรื่องของผมหรือเปล่านะ



แต่ไม่ครับ



“มีสิ..” มันสอดแขนเข้ามากอดผม เขยิบตัวเข้ามาใกล้จนอกชิดหลัง ปลายจมูกของมันกดลงแนบกับหลังหัวของผม



“ไม่งั้นซัทสึกิจะร้องไห้ทำไม”



ผมน่ะหรอร้องไห้? ใครกันร้องไห้



“เปล่าซะหน่อย..”



ผมบอกมันเสียงอู้อี้ พยายามซ่อนหน้าลงกับหมอน แต่พี่ท่านก็ไม่ยอม เอามือมาช้อนหน้าผมให้ตะแคงหงายแล้วเปิดไฟหัวเตียงขึ้นมาจับผิดอีก



“คิดอะไรอยู่หืม?”



แย่ชะมัด ถูกมันจับได้ว่าร้องไห้โดยไม่รู้ตัวแบบนี้ ผมแมนนะ ไม่ได้ต้องการให้ใครเห็นน้ำตาง่ายๆโดยเฉพาะไอ้คนที่เป็นต้นเหตุด้วยแล้ว



“ไม่ได้คิด”



ผมบอกมันแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาแต่มันก็รั้งมือไว้แล้วกดมือผมลงไป กับหมอน ริมฝีปากของมันไม่ได้เพียงแต่ให้สัมผัสอุ่นเมื่อมันก้มลงมาจูบซับน้ำตาเท่านั้นแต่ยังเผื่อแพร่ความอุ่นไปถึงใจของผมอีกด้วยว่ามันยังแคร์ผม



“อย่าโกหกสิ”



ไอ้บ้า!! ไม่รู้หรือไงกันว่าเรื่องแบบนี้ใครเขาอยากจะยอมรับ



อาการคิดมากคิดเล็กคิดน้อยกับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชายด้วยกันแบบนี้มันเป็นอาการของมนุษย์ตุ๊ดชัดๆ ใครเขาจะยอมรับง่ายๆล่ะไอ้บ้า!!



“ซัทสึกิ...”
ผมมองหน้ามันผ่านแสงไฟสีส้มของหัวเตียง ไม่รู้หรอกว่า ทำสายตายังไงตอนมองมันเหมือนกัน แต่ผมเห็นมันทำหน้าเหมือนไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นสายตาแบบนี้ของมัน



“อย่าถามอะไรอีกเลยนะ..”



ผมบอกมันอีกครั้งก่อนจะหลุบตามองดูต้นคอของมันแทน ไอ้หล่อมันถอนหายใจอีกครั้งแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากของผม
“ขอขัดใจนะ แต่จะถามข้อเดียวเท่านั้น” ผมนิ่งไปก่อนจะพยักหน้าอนุญาต



“ที่ร้องไห้นี่...เพราะฉันหรือเปล่า? อย่าโกหกนะ”
อย่ามาดักทางกันแบบนี้ได้ไหม แล้วถ้าผมซื่อสัตย์ตอบมันไปตามความจริง มันจะรู้สึกยังไงกัน



แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็



“อืม...”



“เพราะนายน่ะแหละ”





บางครั้งคนเราก็สร้างตรรกะเหี้ยๆมาบั่นทอนความรู้สึกได้เสมอครับ เหมือนกับเมื่อคืนที่ผมอยู่ดีๆก็นึกบ้าบออะไรไม่รู้จนน้ำตาไหลออกมา (ขอบอกว่าไม่ได้ร้องไห้แต่ประการใด แค่น้ำตาไหลออกมาเท่านั้น!!)



อิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นมนุษย์อ่อนโยนและอ่อนไหวครับ นอกจากนี้แล้วยังเป็น มนุษย์คิดมากอีก และตอนนี้ก็กำลังมีประเด็นให้คิดมากเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งเรื่องแล้ว ผลพวงก็มาจากไอ้โมเลกุลเฮชทูโอที่เสร่อไหลออกจากดวงตาอันทรงเสน่ห์ของผมเองนี่แหละครับ



ย้อนความกลับไปเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้ว เร็นมันคาดคั้นเอาคำตอบจากผมว่าต้นเหตุเป็นเพราะมันหรือเปล่า แล้วผมก็ดันเถรตรงตอบไปว่าใช่



หลายคนคงคาดเดาเหตุการณ์ต่อไปว่าเร็นมันคงดราม่าใส่ผมแน่ๆ แต่ขอบอก ไม่เลยสักนิด ไอ้หล่อมันไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ถามอีกสมกับที่มันบอกว่าจะขอขัดใจถามเป็นข้อเดียวเท่านั้นจริงๆ



แล้วอะไรคือประเด็นที่ให้ผมคิดมากยิ่งขึ้นไปอ่ะหรอ คุณรู้มั้ยคนเรามักปากไวไปก่อนความรู้สึกจริงๆที่อยู่ในใจ
ผมบอกไอ้เร็นมันไปว่าห้ามถาม แต่ใจจริงบอกแบบสารภาพบาป เลยก็ได้ว่าผมอยากให้มันถาม อยากให้มันซัก แล้วผมจะได้พูดออกไปตรงๆไม่ต้องมานั่งกลุ้ม มานั่งเก็บเอามาคิดคนเดียว แต่ไอ้หล่อเสือกเป็นคนดีเป็นพ่อพระ เก็บปากเก็บคำของมันไว้จนผมนึกว่ามันเอาเข็มเย็บผ้ามาสอยปากมันปิดสนิทไปแล้วถ้าริมฝีปากของมันไม่เอาแต่วนซับจูบรอยน้ำตาและแก้มของผมจนมันแห้งสนิทแล้วกดหัวผมไปนอนซุกอกมันต่อ



สิ่งที่ทำให้ผมคิดมากและว้าวุ่นประเด็นต่อมา ก็คืออ้อมแขนของมันที่กอดผมเอาไว้แน่นกว่าทุกครั้งกับเสียงหัวใจที่ดังเป็นจังหวะช้ากว่าทุกทีแต่ดังชัดกว่าทุกหน ผมอยากรู้...ว่าต้นกำเนิดของเสียงภายในใจของเร็นนั้น



มันมีความรู้สึกอะไรซ่อนอยู่...



แต่ผมก็ทำได้แค่เงียบและข่มตาลงนอนทั้งที่จิตใจนั้นแสนจะว้าวุ่น



รู้ตัวอีกทีก็รุ่งสางแล้ว ผมถึงได้รู้สึกว่าทั้งคืนที่ผ่านมา ผมเอาแต่คิดเรื่องของเร็นทั้งคืน และภายในหัวข้อเรื่องที่จั่วหัวว่าเป็นของไอ้คุณชายมันนั้นก็มีคำถามที่แสนเลือนลางเพราะผมไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็รู้ดีว่าคำถามนั้นมันกำลังยืนคอยผมอยู่ที่สุดปลายทางที่ต้องการคำตอบในสักวันข้างหน้าบนเส้นทางของความสับสน



คำถามง่ายๆที่หาคำตอบยากยิ่งกว่าสอบเข้ามหาลัยหรือสอบไฟนอลของวิชาภาคแสนโหดเสียอีก...




ตื่นเช้ามาวันนี้เร็นไม่ได้นอนกอดผมอยู่เหมือนกับตอนก่อนหลับครับ ไอ้เจ้าของเตียงมันหายไปไหนไม่รู้ ทิ้งให้ผมนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่ตามลำพัง



ผมเดินเกาพุงเกาหัวตามหาไอ้หล่อมันไปทั่วห้องก่อนจะได้ยินเสียงมา จากสระว่ายน้ำข้างนอกระเบียงเลยเปิดประตูกระจกออกไป



ท้องฟ้าวันนี้แจ่มใสดีครับ ตะวันที่เพิ่งโผล่ขึ้นขอบฟ้าไม่ถึงสามสิบองศาก็ให้แสงสว่างมากพอที่ผมจะเห็นผิวน้ำสีฟ้าในสระน้ำเป็นประกายระยิบระยับแล้ว



แต่ก็นะคงไม่เป็นประกายมาเท่ากับไอ้คนที่ลุกขึ้นมาจ้วงตีกรรเชียงในสระน้ำตอนเกือบเจ็ดโมงเช้าได้หรอกครับ
เพราะมัวแต่ว่ายน้ำอยู่ เร็นก็เลยคงไม่รู้ว่าผมลุกขึ้นมาจากเตียงแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ ลองเอาเท้าแหย่ไปแตะน้ำในสระแล้ว เย็นยะเยือกใช้ได้เลยทีเดียว เร็นมันลงไปว่ายได้ยังไงกันวะเนี้ย!!



จากตอนแรกที่กะจะหย่อนเท้าตีน้ำเล่นอยู่ริมสระรอมันว่ายเสร็จ ผมก็เปลี่ยนใจยืนกอดอกคอยมันแทน สายตาก็เฝ้ามองไอ้คุณชายตีกรรเชียงด้วยท่วงท่าเท่ห์เหลือร้ายแบบที่ว่าสาวๆเห็นคงกรี๊ดแบบไม่เหลือเสียงแน่ๆ (จริงๆสาวๆน่าจะกรี๊ดเสียงหายตั้งแต่เห็นมันใส่เกงว่ายน้ำสีดำตัวเดียวไปล่วงหน้าก่อนแล้วล่ะผมว่า)



หลังจากนั่งหาวอยู่สามสี่หน เร็นมันก็ขึ้นจากสระน้ำ เอาความหล่อแบบเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้ามาสู้กันแต่เช้าเลยทีเดียว ไอ้คุณชายมันผ่านผมไปหยิบเอาผ้าขนหนูมาซับหน้าซับผมแล้วก็หยิบเอาเสื้อคลุมมาใส่ก่อนจะเดินมาหาผมที่ยืนแก้มแดงเพราะลมหนาวตอนเช้าอยู่



“หิวหรือยัง?”



ผมส่ายหน้าแทนคำตอบครับ เร็นมันขยับเข้ามาใกล้แล้วใช้มือที่ไม่ได้เช็ดผมมาแตะหลังพาผมเดินกลับเข้ามาในห้อง



“งั้นไปอาบน้ำกัน”



อื้อหือ ทิ้งให้คนเขาตื่นนอนคนเดียวแล้วยังมีหน้ามา ทำหน้ามึนชวนไปอาบน้ำด้วยกันอีก เห็นแก่ความหล่อรับอรุณหรอกนะ ถึงยอมให้จูงมือพาเข้าไปในห้องน้ำได้น่ะ!!



อยู่กันมาหลายวัน อาบน้ำด้วยกันมาก็หลายหนแล้ว ผมเริ่มเคยชินกับการโป๊ต่อหน้าเร็นแล้วครับ แต่ไอ้ที่ไม่เคยชินซะทีนี่ก็คงเห็นจะเป็นการที่ต้องมองไอ้หล่อมันเปลือยต่อหน้าแบบเต็มรูปแบบครับ โป๊ใส่มันยังไม่น่าเขินเท่ามันมายืนโป๊อวดชัยชนะที่ทำให้ผมแค้นต่อหน้ากันหรอกขอบอก



ผมถอดเสื้อผ้าเสร็จก็เดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป เร็นมันเข้าไปก่อนหน้านั้นแล้ว ผมเห็นมันไปก้มๆเงยๆอยู่ตรงอ่างจากุชชี่ คงกำลังรองน้ำใส่อ่างอยู่ละมั้ง ผมเลยหันไปที่อ่างล้างหน้าฝั่งตรงข้ามแทน

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 9 [Update : 13/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 15-12-2012 11:59:52

แปรงสีฟันของผมมียาสีฟันบีบเตรียมไว้ให้แล้ว คนที่เตรียมไว้ให้คงหนีไม่พ้นไอ้คนที่เข้าห้องน้ำมาก่อนแน่นอนยาสีฟันมันคงไม่สามารถเดินออกจากหลอดมานอนอยู่บนขนแปรงได้เองหรอกจริงมั้ย



ไม่อยากบอกจริงๆว่าผมแอบอมยิ้มไปแปรงฟันไป เพียงพักเดียวเงาในกระจกตรงหน้าก็สะท้อนภาพของเร็นที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังผม มันหยิบเอายางมัดผมขึ้นมามัดให้กับผมที่ยังคงแปรงฟันอยู่



ผมของผมเริ่มยาวมากแล้วครับแต่ก็ยังไม่ได้ไปตัด เพราะจากที่คุยกันเรื่องบทละครเมื่อวาน นอกจากพี่มิซึรุบังคับให้ผมลดน้ำหนักแล้วยังให้ไว้ผมยาวด้วยอีก



ตอนแรกว่าอาทิตย์นี้จะไปตัดผมเพราะเริ่มรำคาญที่ผมยาวปะบ่าแล้วก็ เลยต้องไว้ยาวไปก่อนอีก



ผมแปรงฟันเสร็จก็เริ่มล้างหน้า เร็นที่ยืนโอบเอวผมอยู่ก็หยิบเอาผ้าขนหนูมาซับหน้าผมให้แห้ง แต่ซับอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา พอมันซับหน้าผมเสร็จก็ต้องเนียนเอาจมูกมาชนแก้มผมอีก



“อย่าหน่า..” ผมดันหน้ามันออกครับ แต่ไอ้คนที่เบียดตัวเข้ามาจนชิดหลังผมก็ไม่วายจะหอมแก้มผมซ้ำๆอีกหลายครั้ง



“อื้อ..หนวดมันทิ่มนะ”



ผมร้องบอกมันแล้วใช้ศอกดันอกมันให้ออกห่าง คำพูดของผมมีแรงผลักแค่ใบหน้าของเร็นให้มันออกห่างไปแค่ห้าเซนต์เท่านั้นครับ มันดึงหน้าออกไปนิดนึงแล้วยกมือขึ้นลูบไรหนวดของมันที่ขึ้นมาทิ่มแก้มใสๆของผมไปมา



“งั้นโกนให้หน่อยสิ”



คงไม่ต้องบอกก็รู้นะครับว่าการถูกอ้อนด้วยใบหน้าหล่อๆ แล้วก็เสียงทุ้มๆอยู่ข้างหูแบบนี้ใครมันจะไปปฏิเสธลงกัน


ล่ะ.........จริงมั้ย?



ไม่ถึงสองนาทีต่อมาผมก็เลยถูครีมโกนหนวดไปบนคางของเร็น มองดูแล้วก็อดขำไม่ได้เพราะพอมีครีมโกนหนวดขาวๆไปอยู่รอบคางรอบปากแล้วก็อดจินตนาการถึงซานตาคลอสไม่ได้



การต้องโกนหนวดให้คนอื่นมันก็ประหม่ามากพอแล้วครับ แต่ยิ่งมาโกนหนวดให้กับคนที่สายตามีพลังการทำลายล้างสูงอย่างเร็นนี่ยิ่งยากขึ้นไปเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ผมหยิบเอามีดโกนมาแล้วปีนขึ้นไปนั่งตรงขอบอ่างล้างหน้า เร็นมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอาสองแขนเท้าลงไปข้างสะโพกของผม ดูแล้วเหมือนมันโอบผมไว้กลายๆอย่างบอกไม่ถูก



ผมค่อยๆโกนหนวดให้เร็นจากข้างแก้มเข้ามา โกนไปก็เกร็งไปกลัวจะไปบาดแก้มให้ผู้คนเขาประณามว่าเป็นคนทำความหล่อของริวซากิซามะให้มีบาดแผล กว่าจะโกนเสร็จก็เล่นเอาเกร็งไปทั้งบ่าเลยทีเดียว



“อาบน้ำเสร็จค่อยมาทาอาฟเตอร์เชฟเนอะ”



ผมบอกแล้วหยิบเอามือลูบครีมโกนหนวดที่เหลืออยู่ตรงข้างแก้มของ เร็นให้ คุณชายมันพยักหน้าก่อนจะโอบเอวผมให้ลงมาจากขอบอ่างล้างหน้าแล้วจูงไปที่อ่างจากุชชี่ที่น้ำเต็มพอดี



การได้แช่น้ำอุ่นๆแต่เช้าก็ดูสบายตัวดีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากไปยืนตากลมหนาวข้างสระน้ำมา เร็นเองมันก็คงสบายตัวด้วยเหมือนกันแหละมั้ง



ผมยึดเอาพื้นที่อ่างริมหน้าต่างกระจกแล้วเอาคางเกยกับขอบอ่างไว้กึ่งๆคว่ำหน้า เอาขาตีกระแสน้ำวนในอ่างใหญ่ที่เกือบจะเป็นสระน้อยๆในร่มอย่าง สบายอารมณ์ เร็นมันเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงตรงเครื่องเสียงที่อยู่ในชั้นวางที่ดีไซน์ฝังอยู่ในผนัง วันนี้ไอ้คุณชายมันกล่อมผมแต่เช้าด้วยเสียงเพลงคุ้นหูในจังหวะบอสซาโนว่าที่ไม่มีเสียงคนร้องครับ



“ถ้าเผลอหลับไปอีกรอบ ก็อุ้มไปเตียงด้วยนะ”



ผมเอียงหน้าบอกมันแล้วก็หลับตาลงให้ไอ้คนที่ขยับเข้ามาใกล้มันแต้ม จูบที่ข้างขมับ ก่อนจะร้องเพลงให้ผมฟัง ผมฟังแล้วก็เคลิ้มไปตามระเบียบของ คนที่แพ้เสียงริวซากิ เร็นอย่างถอนตัวไม่ขึ้นนั่นแหละครับ แต่หัวใจมันมาเต้นหนักหน่วงก็ตรงท่อนฮุคที่ไอ้คุณชายมันเอียงหน้ามาร้องใส่ข้างหูนี่แหละครับ



“I love you baby
And if it's quite all right
I need you baby
To warm a lonely night
I love you baby
Trust in me when I say”



หลังจากนั้นก็ค้างกันไปสองจังหวะครับเพราะผมดันเสร่อไปช้อนตามองมัน เร็นมันก็เงียบลง แล้วเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนจะร้องเนื้อตามจังหวะเพลงต่อด้วยประโยคที่ทำให้ผมใจเต้นมากกว่าเดิม



“Now that I've found this day
So let me love you….baby”



ผมหลับตาเพราะไม่กล้าสู้ตาเว้าวอนของไอ้เร็นมัน แต่หูก็ยังได้ยินจังหวะทำนองเพลงและเสียงร้องที่แสนจะเว้าวอนมากกว่าสายตาของเร็นอีกท่อนนึงก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน



“Let me love you”



เรื่องที่ผมคิดมากเมื่อคืนมันวิ่งวนกระจายตัวกระเจิดกระเจิงอยู่ในหัว ก่อนจะถูกจูบของเร็นมันเตะไล่กระเด็นออกไปนอกสมอง เหลือเพียงแต่กลิ่นอโรม่าหอมหวานของน้ำมันหอมระเหยที่เร็นมันหยดใส่ไว้ใน อ่างอาบน้ำกับเสียงเพลงที่ยังคงดังก้อง



และจูบของเรา...




ผมสารภาพได้มั้ยครับว่าผมชอบเวลาที่ได้จูบกับเร็น แต่พวกคุณห้ามไปบอกไอ้คุณชายมันนะครับ ผมชอบเวลามันจูบเบาๆก่อนแล้วค่อยๆสอดลิ้นเข้ามา มันเป็นคนจูบเก่งมากครับ จูบทีไรผมรู้สึกเหมือนตัวมันระทวยไปทุกที เหมือนกับตอนนี้ตัวผมก็ระทวยจนให้ไอ้คุณชายมันสอดมือเข้ามาผ่านท้องแล้วรั้งตัวผมให้ขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักมันนี่แหละครับ



“ซัทสึกิ..”



เห็นมันเรียกชื่อผมเบาๆแล้วมองด้วยสายตาอ่อนโยนแบบนี้แต่เช้าแล้วดูท่าทางอิชิฮาระ ซัทสึกิอาจได้เสียตัวแต่เช้าแหงๆ



ผมปล่อยให้มันลูบแก้มแล้วมันก็เลื่อนมือไปประคองท้ายทอยของผม คลึงนิ้วอยู่กับต้นคอจนรู้สึกเคลิ้มไปมากพอสมควร คอยดูอยู่พักใหญ่ว่าไอ้คุณชายมันจะทำอะไรต่อครับแต่มันก็ยังนวดต้นคอให้ผมอยู่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น
ปากของเราไม่ได้จูบกันแล้ว แต่สายตาของผมไม่ได้มองที่ตามัน บอกแล้วว่าผมแพ้สายตาของไอ้คุณชาย ผมเลยมองดูเรียวปากของมันแทน ปากของเร็นมันแดงขึ้นเพราะเราจูบกันไปเมื่อสักครู่



ขนาดปากมันยังแดงมีหรอที่ปากผมจะไม่แดงเหมือนกัน มองแล้วผมก็ เขินจนหน้าร้อนจัด สายตาเลยมองต่ำลงไปที่คางและเลื่อนลงไปที่คอของมัน เร็นเป็นคนฐานคอสวยดีครับกระดูกตรงไหปลาร้ายกนูนขึ้นนิดหน่อยดูน่าสัมผัสดี
แล้วความคิดของผมก็ช้ากว่ามือครับ มือไม่รักดีของผมมันไปแตะสัมผัสแล้วแถมไม่แตะเบาๆเท่านั้น ผมเอามือวางลงไปเต็มมือ ตัวของเร็นอุ่นโคตรเลยครับ อุ่นมากกว่าน้ำอุ่นในอ่างนี่เสียอีก มันน่าแปลกมากเพราะตัวมันน่าจะเย็น ก็ไอ้คุณชายมันเพิ่งไปตีกรรเชียงในสระว่ายน้ำที่น้ำเย็นยะเยือกนั่นมานี่นา



แต่อย่างไรก็ตามที ความคิดของผมฟุ้งกระจายไปหมดครับเหมือนกับ กลิ่นวานิลลาหอมหวานของอโรม่าในอ่างนี้ ผมอยากให้เร็นจูบผมอีกหน และตัวเราก็สัมผัสกันให้มากกว่านี้ ผมเลยเบียดกายเข้าไปจนอกเราชิดกันแล้วก็เงยหน้าไปจูบเบาๆที่มุมปากของไอ้คุณชายมันอย่างไม่คาดคิดมาก่อนว่าผมจะทำได้ พอมองตาแล้วเร็นเองก็คงตกใจเหมือนกันที่ผมทำอะไรแบบนี้



นาทีนี้ความอายมันหายไปไหนหมดไม่รู้ครับ ผมเบียดสะโพกกับตักมันหนักๆ ความรู้สึกเดียวก็คืออยากให้มันกอดผมไว้แล้วเราก็เป็นหนึ่งเดียวกัน



“ซัทสึกิ...นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”



เสียงของเร็นมันถามอยู่ข้างหูของผมครับ ฟังเสียงแหบพร่าที่ดูแตกต่างจากทุกทีของไอ้คุณชายมันแล้วผมแทบจะย้วยเป็นมวลสารละลายได้กันเลยทีเดียว เสียงมันดูตัดพ้อชอบกลครับ พอผมปรือตามองหน้ามันก็เห็นมันทำหน้าแบบสงสัย มึงจะมาสงสัยอะไรตอนนี้วะครับ



“นายหมายความว่าไง”



ผมถามไปแล้วก็เห็นเร็นมันกรอกตาไปมา อ้อมแขนของมันกอดผมแน่นขึ้นก่อนมันจะถอนหายใจเหมือนคนหนักอกออกมา



“เดี๋ยวนายก็ทำเหมือนรังเกียจฉัน เกลียดฉัน แต่บางทีนายก็ทำเหมือนกับต้องการฉัน จริงๆแล้วนายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่”



หัวใจมันปวดตึ๊บขึ้นมาเลยกับคำถามของไอ้คุณชายมัน ผมรู้สึกเหมือน มันอื้อๆบอกไม่ถูก เสียงเพลงทำนองหวานๆมันกลายเป็นเพียงเสียงหึ่งๆเหมือนผึ้งมารุมอยู่ข้างหู



ผมก้มหน้าเอาหน้าผากอิงกับคางของเร็นเอาไว้ มือก็ยังคงวางอยู่ที่อกของเร็นตามเดิม



“ฉันไม่ได้รังเกียจนาย..แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนายกันแน่”



สารภาพไปแล้วครับ แต่วอลุ่มของเสียงจะดังมากพอให้เร็นได้ยินหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจเพราะมีความรู้สึกว่าเสียงมันไม่ออกไปจากลำคอชอบกล เร็นลูบหัวผมเบาๆ และเงียบครับ ไม่พูดอะไรสักคำเหมือนกำลังรอให้ผมพูดมากกว่า ผมหลับตาลงฟังเสียงตึกตักของหัวใจตัวเองและของเร็นก่อนจะพูดเสียงเบา



“แต่ตอนนี้..ฉันต้องการนาย”



แก้มของผมร้อนผ่าวเหมือนจับไข้เลยครับ บอกไปแล้วผมก็ก้มหน้าซุกลงกับไหล่ของไอ้คุณชายมัน เอาสองมือโอบกอดคอของเร็นเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักตัวลงอิงกับอกกว้างของเร็นและเอ่ยย้ำความรู้สึกในตอนนี้อีกครั้งที่ข้างหูของไอ้คนที่นิ่งไป



.
.



“ริวซากิ เร็น...ฉันต้องการนาย”



อย่างที่คุณก็คงเดาได้ครับ เร็นไม่ปฏิเสธสิ่งที่ผมร้องขอไปครับ ดังนั้นกว่าเราจะอาบน้ำเสร็จกันก็ร่วมเที่ยง ตอนนี้ผมต้องคอยหลบตาของไอ้คุณชายที่เอาแต่มองมาครับ



ให้ตายเหอะ นี่ผมทำอะไรลงไป ไปอ้อนขอให้มันมามีอะไรกับผมเองแบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีวะเนี้ยอิชิฮาระ ซัทสึกิ!!



มันเลยเป็นความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยในตอนนี้ครับ หลังจากเรานั่งทานอาหารเช้า(ในตอนเที่ยง)กันเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไรกันแล้ว เร็นมันก็บอกว่ามีงานต้องทำเลยปลีกตัวไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนแบบ



ส่วนผมที่ไม่มีงานอะไรทำนอกจากรอเวลาต้องไปฝังเข็มตอนเย็นก็เลยมานอนอ่านบทละครตรงโซฟาหน้าทีวี บทละครเวทีครั้งนี้ประยุกต์มาจากเรื่องซินเดอเรลล่าแต่เปลี่ยนจากนางเอกเป็นนายเอกเสียแทน กึ่งล้อเลียนกึ่งเสียดสีเรื่องความรักของเพศที่สามในยุคกลางของยุโรปกันเสียมากกว่า



จิฮารุเปลี่ยนชื่อตัวละครใหม่หมดเหลือแค่เค้าโครงเรื่องว่าตัวพระเอกเป็นชนชั้นศักดินา ส่วนตัวนายเอกเป็นชนชั้นไพร่ ความรักที่แต่เดิมก็ยากแล้วเพราะด้วยตัวฐานันดรศักดิ์ของทั้งคู่ ยังมีอุปสรรคที่เป็นความรักของเพศเดียวกันที่เป็นเรื่องต้องห้ามทางศาสนานั้นสมัยนั้นอีก



แล้วยังมีความลังเลใจของตัวลอเรนซ์ที่เป็นนายเอกอีกครับว่าตัวพระเอกนั้นรักตัวเองจริงหรือหวังแค่เพียงร่างกายของเขา



ผมอ่านดูแล้วก็เงยหน้ามองไอ้คุณชายมันไปครับ ตอนนี้ผมกับไอ้คุณชายมันก็คล้ายๆกับตัวละครในเรื่องมากเลยครับ เพียงแต่อยู่ในยุคโลกาภิวัตน์แล้วก็ เท่านั้นเอง



หันมองหน้าเร็นบ่อยๆแล้วก็เหมือนมันจะรู้ครับ ไอ้คนที่หล่อแบบลำลองด้วยชุดเสื้อกล้ามสีขาวอวดหุ่นเท่ห์ๆ แถมยังใส่แว่นสายตากรอบดำเสริม ความหล่อแบบเนิร์ดนิดๆมันก็หันมามองหน้าผมครับ



“มีอะไรหรือเปล่า?”



มันถามผมแล้ววางดินสอในมือลงครับ แค่มันเหล่สายตาในกรอบแว่นมาผมก็แทบจะม้วนตัวกลิ้งลงจากโซฟาที่นอนเกยอยู่ลงไปละลายเป็นน้ำนองพื้นแล้วครับ ไม่ต้องนับไปถึงออร่าที่แผ่รัศมีมาจากชุดลำลองของไอ้คุณชายมันหรอกครับ อันนั้นผมม้วยไปตั้งแต่ตอนมันหยิบเอามาใส่ตอนแรกแล้วครับ



“เปล่า... ไม่มีอะไร”



ผมบอกเสียงงึมงำก่อนจะยกบทละครขึ้นมาปิดหน้าปิดหัวหลบจากสายตาของไอ้คุณชายครับ ในใจมันยังวุ่นวายอยู่กับเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อครู่นี้ครับ



มันเหมือนมีมนต์อะไรสักอย่างที่ทำให้สติของผมกระเจิดกระเจิงไปถึงขั้นนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงหรือสายตาของไอ้คุณชาย



หรือเป็นเพราะบรรยากาศหวานๆในห้องน้ำ เสียงเพลงเพราะๆ หรือว่าจะเป็นเพราะกลิ่นหอมหวานของวนิลาในน้ำมันหอมระเหยกันนะ



ผมหลับตานอนกลิ้งคิดไปมาอยู่หลายรอบจนน้ำหนักโซฟามันยวบลงเลยเปิดตาขึ้นมาครับ เร็นมันลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนแบบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมเลยขยับลุกขึ้นมานั่งกอดเข่ามองไอ้คุณชายเขาถอดแว่นสายตาไปวางกับโต๊ะ



“ทำงานเสร็จแล้วหรอ?” มันส่ายหน้าแทนคำตอบครับแล้วมีการมาส่งยิ้มอบอุ่นให้คนอื่นเขาใจเต้นอีก



“ขอพักหน่อย อยากได้กำลังใจน่ะ” ดูมันพูดแล้วมีการหันแก้มมาหาอีก ผมมองอย่างหมั่นไส้แต่ก็อดยิ้มไม่ได้



“เมื่อเช้ายังไม่พออีกหรือไงกัน..” ผมบ่นอุบอิบแล้วเอาหมอนปาใส่ไอ้หล่อมันครับ หัวใจเต้นหนักอีกแล้วงานนี้



“ก็ยังอยากได้เพิ่มอีกนิดนึง”



ผมเอามือยันหน้าคนโลภมากครับ รู้สึกหมั่นไส้จริงๆครับ เอาความหล่อ มาอ้อนกันแบบนี้คิดว่าผมจะใจอ่อนยอมตามใจตลอดเวลาหรือยังไงกัน



“กลับไปทำงานให้เสร็จไวๆเลย เร็วเข้า!!”



แอบทำเสียงดุข่มไปครับก่อนจะคว้าบทละครขึ้นมาอ่านต่อไม่สนใจอะไร เร็นอีก แต่เห็นทางหางตาครับว่าไอ้คุณชายมันทำหน้าผิดหวังแล้วเดินกลับไปทำงานด้วยสีหน้าเหมือนหมาหงอย ผมมองมันขยับแว่นเข้าที่แล้วหยิบดินสอขึ้นมาร่างต่อก่อนจะเดินย่องไปหามัน



“จุ๊บ!!”



ผมชะโงกหน้าไปหอมแก้มมันเบาๆแล้วกอดคอมันจากข้างหลังกระซิบเบาๆที่ข้างหูมันด้วยใบหน้าร้อนผ่าว



“กำลังใจแค่นี้...พอมั้ย”



ไอ้หล่อมันหันกลับมายิ้มให้ผมครับแล้วก็เอียงหน้าจุ๊บมุมปากของผมเบาๆ ผมได้ยินเสียงมันพูดท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นหนักของตัวเอง



“แค่นี้ก็พอแล้วครับ....ที่รัก”



-TBC-

ฝากผลงานอีกเรื่องนะคะ เป็นวายไทย(แนวดราม่าโรแมนติกค่ะ)
   [[..ฤดูกาล "รัก"...]] When It Rains เพียงเพราะรัก (กวินท์xรัญชน์)  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36046.0)

สิ่งเดียวที่เป็นเครื่องปลอบประโลมหัวใจที่เดียวดาย คือจูบแสนหวานที่เขาได้รับจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งเมื่อ15ปีก่อน..คนที่กลายมาเป็นผู้ชาย..ที่พ่อต้องการให้แต่งงานกับพี่สาวของเขา!

แนะนำตัวละคร

กวินท์ :: ศัลยแพทย์หนุ่มวัย 28 เป็นคนฉลาด มากความสามารถ  มีรักแรกและรักเดียวคือเด็กผู้ชายตัวเล็กที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง ที่ได้พบเมื่อสิบห้าปีก่อน มาเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลซึ่งพ่อเป็นรองผู้อำนวยการอยู่เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กคนนั้น

รัญชน์ :: ชายหนุ่มวัย 24 เป็นคนที่ภายนอกดูดื้อรั้น แต่ภายในเป็นคนอ้างว้างและโดดเดี่ยวที่กลัวคนรอบข้างเกลียดตนเอง ผลพวงเพราะการที่บิดาและมารดาแยกทางกันในตอนเด็กและตนเองเข้ากับครอบครัวใหม่ของมารดาไม่ได้ มีรักแรกและรักเดียวคือกวินท์ เด็กผู้ชายที่จูบกับเขาท่ามกลางฝนตกเมื่อสิบห้าปีก่อน
---------------------------------------

ขอบคุณเจ้าประจำทั้งสามเช่นเคยนะคะ yowyow , Naenprin , sunshadow ขอบคุณมากค่า :กอด1: :กอด1:

ป.ล.

อ้างจาก: sunshadow
แต่คุณหญิงแม่ใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกลูกสะใภ้คะนี่
อันนี้ต้องรอตามอ่านในพาร์ทของพี่เร็นนะคะ  o18
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 10 [Update : 15/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 15-12-2012 16:59:27
คร้า สุดท้ายซัทจังก็ยอมรับเร็นแล้วสินะ เหลือแค่บอกรักเท่านั้น
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 10 [Update : 15/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 18-12-2012 15:31:26
 :กอด1:ชอบเรื่องนี้จังเลย
น่ารักมากๆ  o13
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 10 [Update : 15/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 18-12-2012 18:56:35



     โฮก ตอนนี้หวานมั่กๆอ่า อย่างกะคู่แต่งงานใหม่เลย น่าร้ากกกก
     แต่ว่าก็ว่าเถอะ ซัทจังยังคิดว่าตัวเองแมนอยู่อีกเหรอเนี่ย



หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 10 [Update : 15/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-12-2012 19:35:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 10 [Update : 15/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 21-12-2012 19:00:06
Make Love (Satsuki's Part) - Chapter 11

การฝังเข็มวันนี้ยังคงทรมานเหมือนวันแรกไม่มีผิดเลยครับ แถมยังทรมานมากกว่าเดิมเพราะผมต้องนอนเวลาถอนเข็มออกคนเดียว

เร็นหายไปไหนน่ะหรอครับ?

ไอ้คุณชายมันก็อยู่เป็นเพื่อนผมนี่แหละครับตอนคุณหมอเริ่มฝังเข็มลงกับท้องผม แต่พอคุณหมอฝังเข็มเสร็จ โทรศัพท์ของไอ้คุณชายมันก็ดังขึ้น มันบอกผมว่าเดี๋ยวมาแล้วมันก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกครับ ไม่รู้มีความลับอะไรหรือยังไงกัน

“เสร็จแล้วใช่ไหม? ขอโทษทีนะ”

ผมทำแก้มพองนิดหน่อย งอนที่มันปล่อยผมไว้คนเดียว เร็นมันขยับเข้ามาใกล้แล้วหยิกแก้มผมเบาๆครับก่อนจะโน้มมาใกล้จนปลายจมูกเราชิดกัน

“งอนหรอครับ?”

“เปล่าซะหน่อย หิวต่างหาก” ผมโมเมบอกไปอย่างนั้นครับทั้งๆที่ยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไหร่ แต่เขินครับ จะให้ยอมรับได้ไงว่างอน

“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนะ”

ผมพยักหน้างึกงักแล้วก็ลุกขึ้นจากม้านั่งที่นั่งอยู่ ยอมให้ไอ้เร็นเดินจูงมือไปจ่ายเงินแล้วก็ออกจากคลินิกกันครับ

“กินอะไรดีล่ะ อยากกินอะไรหรอซัทสึกิ?”

ถูกตามใจอีกแล้วครับ การมีคนมาคอยตามใจเรานี่ชักจะทำให้เรากลายเป็นจะคนนิสัยเสียเข้าไปทุกที

“อยากกินหม้อไฟ!!”

ผมร้องบอกแล้วเข้าไปนั่งในรถ ไอ้คุณชายมันชะโงกหน้าเข้ามาหาผมแล้วเอื้อมมือไปดึงเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้

“ไปมาร์เก็ตซื้อผักมาต้มหม้อไฟกันเถอะ”

เร็นมันยิ้มรับคำบอกของผมครับ แล้วตบท้ายด้วยการชิงจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากของผมก่อนจะเอนตัวกลับไปประจำที่ ทิ้งให้ผมนั่งแก้มแดงเขินใจเต้นตึกตักจนต้องแอบหันไปลอบยิ้มกับตัวเองกับข้างทางครับ

ถ้าไม่ติดที่ผมชอบนึกถึงคนรอบข้างแล้ว

ผมก็มีความสุขดีครับเวลาอยู่กับผู้ชายที่ชื่อริวซากิ เร็นคนนี้ครับ

แต่ผมยังคงบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา...ว่าจะหลงระเริงไปกับความสุขที่ ไม่รู้ว่าจะแน่นอนยั่งยืนนี้เด็ดขาด!! หากไม่อยากเสียใจในวันหลังแล้วล่ะก็นะ

“กินคาราเมลมิลค์แฟรปเป้ได้ไหมอ่ะ?”

มาถึงมาร์เก็ตแล้วผมก็กระตุกชายเสื้อของคนที่พามาก่อนจะบุ้ยใบ้ไปยังคอฟฟี่ช็อปน่ารักๆที่อยู่ข้างๆ เร็นมันหันไปมองก่อนจะเอานิ้วมาแตะท้องผม

“เดี๋ยวก็อ้วนหรอก” ผมทำปากยู่ใส่ไอ้คุณชายพลางมองไปยังคอฟฟี่ช็อปตาละห้อย ผมอยากกินของหวานจริงๆนะ
“จะตามใจกันหน่อย..ไม่ได้หรอ..”

ไม้ตายกันสุดๆครับ ผมเอาก้มหน้าแล้วแกล้งเดินหงอยๆเข้าไปในมาร์เก็ตแต่ไอ้คุณชายมันไม่ได้เดินตามจูงผมไปคอฟฟี่ช็อปอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้

โอเค!! ไม่กินก็ได้!!

ผมเดินงอนๆไปเอารถเข็นแล้วเข็นมันไปที่แถบโซนอาหารสด ไม่สนใจว่า ไอ้คุณชายมันจะเดินตามมาหรือเปล่า ผมโกยของลงมาหลายอย่างจนเกือบเต็มตะกร้าในรถเข็นก็ยังไร้วี่แววว่าไอ้คุณชายจะตามมาครับ


ผมเลยเข็นรถไปโซนอาหารทะเล และกำลังนึกลังเลอยู่ว่าจะเอากุ้งแบบไหนไปลงหม้อไฟดีตอนที่บางอย่างมันมาชนแก้มให้เย็นวูบจนต้องสะดุ้ง

“แก้วเล็กพอนะ” เร็นมันส่งแก้วมาให้ผมแล้วก็รับหน้าที่เข็นรถต่อแทน ผมยกแก้วนมปั่นคาราเมลขึ้นมาดูพลางอมยิ้มกับความน่ารักของไอ้คุณชายที่มันตามใจผม

“กินด้วยกันนะ” ผมเดินตามเร็นไปแล้วเอาหลอดดูดไปจ่อปากมัน เร็นมันงับหลอดดูดแต่โดยดี ว่าง่ายมากครับ หลังจากนั้นผมก็เอามาดูดต่อพลางชี้นิ้วให้ไอ้คุณชายหยิบเอาของที่ผมอยากกินลงตะกร้าครับ ไม่นานหลังจากนั้นเราสองคนก็ออกจากมาร์เก็ตพร้อมกับของกินมากมาย

ดูท่าแล้ว..คอสฝังเข็มของผมมันดูจะไร้ประโยชน์แล้วสิ จะเจ็บตัวฟรีหรือเปล่านะอิชิฮาระ ซัทสึกิ

วันนี้เรามาค้างกันที่คอนโดของไอ้คุณชายกันครับ พอมาถึงแล้ว เร็นมันก็ทำตัวน่ารักด้วยการขนของหนักๆอาทิ พวกเนื้อสัตว์กับน้ำผลไม้เองครับ ปล่อยให้พวกขนมขบเคี้ยวกับพวกผักเป็นหน้าที่ของผม ขึ้นไปถึงห้องแล้วเราก็เอาของมากองรวมกันไว้ตรงโต๊ะทานอาหาร

“เอาผักไปล้างเลย เดี๋ยวพวกเนื้อจัดการเอง”

ถ้าให้ไอ้คุณชายจับมีดหั่นเนื้อปอกกุ้งมันจะเหลือซากให้ผมได้กินหรือเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจ ทางที่ดีที่สุดคือทำเองเลยดีกว่า แต่ไอ้เรื่องล้างผักนี่ไอ้คุณชายมันคงทำได้ล่ะนะ

ผมถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วหยิบเขียงอันเล็กมาวางตรงหน้าพร้อมกับลากเอาถุงเนื้อมา จริงอยู่ครับที่ตามซุปเปอร์มักจะมีเนื้อสไลด์สำเร็จรูปวางขายอยู่ แต่ผมเป็นพวกชอบทานแบบหั่นเอง เพราะเนื้อหนาๆมันจะให้ความนุ่มมากกว่าพวกที่สไลด์อยู่ ว่าแล้วผมก็ชักน้ำลายสอเสียแล้วสิ

อดไม่ได้เลยครับที่จะแอบเลียปากน้อยๆขณะหยิบเอาเนื้อขึ้นมาวางบนเขียงแล้วเตรียมตัวแล่เป็นชิ้นวางลงในจานที่ไอ้คุณชายเอามาวางไว้ให้ พอจะลง มีดกับเนื้อสีแดงสด มือของไอ้คุณชายมันก็มาสะกิดเอวผมครับ

“เห?” คิ้วผมกระตุกน้อยๆขณะหันไปหาไอ้คุณชาย ผ้ากันเปื้อนสีขาวในมือของมันก็คล้องเข้าที่คอของผมก่อนที่เร็นมันดึงเชือกไปผูกข้างหลังให้

“ขอบคุณนะ”

ผมบอกก่อนจะหันกลับมาสนใจกับเนื้อต่อ จะให้ไปผูกผ้ากันเปื้อนให้ไอ้คุณชายมั่งก็เห็นทีจะไม่ไหว เพราะมือผมติดกลิ่นเนื้อไปแล้ว เดี๋ยวไปเลอะถูกเสื้อมีแบรนด์ราคาแพงของมันเข้าจะรับผิดชอบไม่ไหวตามไปด้วย

ไอ้คุณชายเองก็ไม่ได้มีทีท่าจะเรียกร้องให้ทำอย่างนั้นด้วย เพราะพอผูก ผ้ากันเปื้อนให้ผมเสร็จมันเองก็เองหยิบเอาอีกอันมาคล้องคอตัวเองแล้วจัดการผูกเสร็จสรรพก่อนจะหันไปหาผักที่ผมสั่งให้มันล้างเมื่อครู่นี้

ไอ้คุณชายโหมดพ่อครัวนี่ดูแปลกตาเอามากๆครับ แถมพ่อครัวหน้าหล่อคนนี้ยังดูเก้ๆกังๆได้สุดยอดมากๆจนน่าเอาวีดีโอมาถ่ายลงยูทูปประจานให้คนทั้งโลกรู้อีกต่างหาก เร็นมันเอาหัวผักกาดเอาไว้ไปโบกๆผ่านน้ำแล้วก็สะเด็ดน้ำด้วยการสลัดแรงๆจนน้ำเลอะไปทั้งอ่าง ผมต้องวางมีดที่มันยังไม่ได้ลงเฉือนเนื้อบนเขียงลงแล้วเดินไปหา

“เดี๋ยวๆ ทำแบบนั้นผักก็ช้ำหมดน่ะสิ”

โทษฐานของการล้างผักไม่เป็น ไอ้คุณชายเลยถูกผมตีมือไปหนึ่งทีแรงๆครับ (และจะโดนมากกว่านี้ถ้าเผอิญมันไม่เอาหน้าหล่อๆของมันหันมามองผม)

“ล้างผักต้องทำแบบนี้”

ผมทำตามสูตรของบ้านผมที่แม่สอนมาตั้งแต่เล็กครับ คือเด็ดใบออกมาทีละก้านๆ แล้วแช่ลงในน้ำ ผมเด็ดให้ไอ้คุณชายมันดูสองสามใบก่อนจะยัดใส่มือให้มันกลับไปทำเอง

“เด็ดเบาๆนะ” ผมบอกก่อนจะรองน้ำใส่กะละมังที่ใส่ผักอยู่ แล้วหยิบเอาเกลือมาโรยใส่ไปในน้ำ

“ทำไมต้องโรยเกลือ?” เร็นหันมาถามครับ ผมก็เลิกคิ้วแล้วยกขวดเกลือในมือชูขึ้น

“เกลือน่ะช่วยลดสารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลงในผักไง ถ้าใช้ล้างผลไม้ แช่เกลือก็จะทำให้ผลไม้กรอบอร่อยด้วยนะ” ผมบอกก่อนจะทิ้งให้เร็นมันอยู่กับอ่างผักแล้วหันไปลงมือกับเนื้อที่รอผมอยู่บนเขียงเอาเสียที

ผมแล่เนื้อชิ้นใหญ่ๆที่ซื้อมาจนหมดเลยครับ แถมด้วยพวกของทะเลอีก เร็นที่จัดการแช่ผักเสร็จแล้วก็ถูกผมสั่งให้เอาหม้อไฟไปตั้งรอไว้และกลับมาลำเลียงของสดที่ผมแล่เสร็จแล้วไปวาง

สำหรับพวกผัก ผมก็แค่เทน้ำออกและล้างน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนจะยก ไปหาเร็นที่กำลังรินน้ำผลไม้ลงใส่แก้วอยู่ ผมจัดการเอาก้านผักลงไปต้มในน้ำซุปอยู่ในตอนที่โทรศัพท์มือถือของเร็นดังขึ้นอีกครั้ง

ไอ้คุณชายมันหยิบออกมาจากกระเป๋า พอดูหน้าจอแล้วมันก็เดินเลี่ยงออกไปที่ระเบียง ส่อแววน่าสงสัยกันสุดๆ สองหนแล้วที่วันนี้มีคนโทรเข้ามาหาแล้วมันเดินหนีออกไปคุยในๆที่ผมไม่ได้ยิน จริงๆก็อยากแอบออกไปฟังหรอกนะ แต่เผอิญไอ้คุณชายมันคุยโทรศัพท์ไปก็หันมามองทางผมอยู่ด้วย ผมก็เลยแอบไปฟังไม่ได้ จำต้องนั่งเขี่ยเนื้อลงหม้อด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ใครโทรมาน่ะ?”

ผมโพล่งถามทันทีที่ไอ้คุณชายเดินผ่านกรอบประตูเข้ามาด้านใน ไอ้คนถูกถามมันไม่ยอมตอบครับแต่เดินเข้ามานั่งข้างๆก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมา

“ทำไมไม่ตอบ?” ผมหรี่ตามองมันอย่างจับผิดแล้วสกัดตะเกียบมันด้วยตะกร้อลวกในมือ

“มิซึรุโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ตอนแปดโมงให้เข้าไปซ้อมต่อบทรอบแรกกันด้วย” พอรับรู้มูลเหตุแล้วผมก็ยอมให้มันคีบเนื้อขึ้นจากหม้อได้ครับแต่ก็อดไม่ได้ที่จะโอดครวญ

“อะไรกัน!! พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ ยังต้องเข้าไปซ้อมบทแต่เช้าด้วยหรอ?”

ไอ้คุณชายไม่พูดอะไรครับนอกจากคีบเนื้อใส่ปากผม

“หน่า..ก็พรุ่งนี้มันวันหยุดนี่นา”

ก็จริงอย่างที่ไอ้คุณชายมันว่าครับ พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เหมาะแก่การนัดซ้อมเพราะทุกคนไม่ค่อยจะว่างตรงกันสักเท่าไหร่ ผิดก็แต่ไอ้คุณชายนี่แหละ ดูเหมือนมันจะว่างตรงกับชั่วโมงว่างของผมอยู่ตลอด

แต่ยังไงผมก็อดจะนึกเซ็งไม่ได้ ก็พรุ่งนี้มันวันเกิดของผมนี่นา

แทนที่จะได้อยู่สบายๆ หรือไปทำอะไรให้มันเหมาะสมกับวันเกิด ซะหน่อย แต่ต้องมานั่งซ้อมบทละครเนี้ยนะ
เป็นวันเกิดที่แย่ที่สุดเลย อิชิฮาระ ซัทสึกิ!!

ว่าแต่?...พรุ่งนี้วันเกิดผมนะ ไอ้คุณชายมันจะมีของขวัญให้ผมหรือเปล่านะ?

“มองแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า?” เพราะความสงสัยที่ผุดขึ้นมาทำให้ผมหันไปจ้องหน้าหล่อๆของไอ้เร็นมันครับ เลยต้องรีบหันกลับมาหาหม้อไฟแสนอร่อยโดยด่วนก่อนหัวใจจะเต้นโครมครามหนักไปกว่านี้

จริงๆก็อยากถามเหมือนกันครับว่าไอ้คุณชายมันเตรียมไรไว้ให้ไหม แต่แบบนั้นมันจะไม่ค่อยเซอร์ไพร์สสักเท่าไหร่

เอาเป็นว่า...อิชิฮาระ ซัทสึกิจะอดใจรอของขวัญที่จะได้จากริวซากิ เร็นอย่างใจเย็นแล้วกันครับ!!

หม้อไฟกลายสภาพเป็นหม้อแห้งๆ ที่มีเพียงเศษผักเหลือติดอยู่ก้นหม้อเท่านั้นครับหลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมง อิ่มอร่อยและสบายกระเป๋ายิ่งกว่าไปกินตามร้านอีกครับแถมยังไม่ต้องคอยเก็บล้างอีกด้วยเพราะไอ้คุณชายบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าให้คุณแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดหลังจากพวกเราออกจากห้องไป ตอนนี้ผมเลยมานอนตีขาอยู่ในอ่างน้ำอุ่นอยู่ครับ

“เอากลิ่นเมื่อเช้า”

ผมพาเอาตัวเองไปเกยคอกับข้างอ่างที่ไอ้คุณชายมันนั่งอยู่แล้วบอกครับ กลิ่นน้ำหอมที่ไอ้คุณชายหยดใส่อ่างเมื่อเช้ามันหอมดี ผมชอบ

บอกเร็นเสร็จแล้วผมก็พลิกตัวหงายมาเล่นฟองสบู่นุ่มๆที่ล้อมรอบกายของผมอยู่ นึกอยากจะเป่าฟองไปแกล้งไอ้คุณชายที่มันไม่ยอมมา อาบน้ำด้วยกันอยู่หรอกครับ แต่เห็นมันบอกว่าจะกลับไปนั่งทำงานต่อก็เลยเห็นใจคนงานเยอะ ไม่แกล้งดีกว่า

“กลิ่นวานิลลานี่อ่ะหรอ?” มันถามแล้วหยดกลิ่นน้ำหอมลง ผมพยักหน้างึกงักเมื่อได้กลิ่นหอมหวานเหมือนกลิ่นขนมลอยเข้าจมูกมา

“แล้วอย่าแช่นานล่ะ รีบๆอาบแล้วกลับไปนอนได้แล้วนะ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”

บางทีริวซากิ เร็นก็เหมือนจะกลายร่างเป็นพ่อคนที่สองครับ แต่ด้วยความที่เริ่มง่วงและขี้เกียจต่อความอะไรมาก ผมก็เลยพยักหน้ารับคำให้ไอ้คุณชายมันวางใจและออกจากห้องน้ำไปในที่สุด

แต่ก่อนจากไป ไอ้คุณชายมันก็ไม่ลืมที่จะเปิดเพลงกล่อมผมและจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มอีกต่างหาก นี่ถ้าผมหลับคาอ่างไปนี่ไม่ต้องโทษใครเลยครับเพราะริวซากิ เร็นคนเดียวเลยขอบอก

เพลงก็เพราะ บรรยากาศก็ดี น้ำอุ่นๆแช่แล้วสบายตัว กลิ่นหอมๆพาให้ผ่อนคลาย แต่ไหงพอไม่มีเร็นแล้วผมก็รู้สึกอยากรีบๆขึ้นกันนะ

อาบได้อยู่ไม่ถึงสิบนาทีผมก็พาตัวเองออกจากห้องน้ำมานั่งเล่นอยู่ที่โซฟาตัวเดิมที่ผมนอนอ่านบทอยู่เมื่อเช้าครับ ไอ้คุณชายเองก็นั่งทำงานอยู่ที่เดิม หน้าตาก็ยังหล่อเหมือนเดิมด้วยครับ

“ไม่ง่วงหรอ? ไปนอนได้แล้วนะ”
ไอ้คุณชายมันมองนาฬิกาแล้วหันมามองหน้าผมครับ พอผมคลี่ยิ้มแล้ว แบมือไป ไอ้คุณชายมันก็เอียงคอแล้วทำหน้างงครับ

“เข้าวันเกิดฉันแล้วนะ ไหนล่ะของขวัญ?”

ไอ้คุณชายเลิกคิ้วสูงครับแล้วถอดเอาแว่นตาวางลงกับโต๊ะก่อนจะเดินมาหาผมที่ยิ้มแป้นรอของขวัญชิ้นแรกในวันเกิดครบรอบอายุสิบเก้าปีบริบูรณ์ครับ

“ไม่มีให้หรอก”

เร็นว่าแล้วดีดนิ้วลงกับหน้าผากของผมก่อนจะเดินเลยเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมทำแก้มพองอยู่ที่โซฟาตามลำพัง

อะไรกันวะ!! ไม่มีให้อย่างนั้นหรอ!!

ริวซากิ เร็นนายมันแย่ที่สุดเลย!!

แย่!! แย่ที่สุดเลย!!!

ผมหงุดหงิดใจจางๆตั้งแต่ก่อนนอนหลับยันตื่นนอนและถูกไอ้คุณชาย ลากมาห้องชมรมละครที่คณะที่ตอนนี้มีคนบางส่วนที่ถูกเรียกมาบางคนอย่างเคนอิจิกับไดจังและมาโดกะจังกำลังรวมตัวกันอยู่เพื่อซ้อมบทครั้งแรก

ไอ้คุณชายยังแจกยิ้มโปรยปรายความหล่ออุทิศส่วนบุญให้กับคนรอบกายได้อย่างดีผิดกับผมที่ทำหน้างอ ไอ้เรื่องที่ต้องมาซ้อมละครในวันเกิดนี่เป็นปัญหาหนึ่งครับ แต่อีกปัญหาที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจก็คงหนีไม่พ้นไอ้พระเอกคู่บุญทูนหัวที่ยืนหล่ออยู่ข้างๆนี่แหละครับ

วันเกิดของผมทั้งที แต่ไอ้คุณชายทำราวกับเป็นวันธรรมดาที่แม้แต่คำอวยพรยังไม่มี แบบนี้มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะ!!
วันเกิดปีที่สิบเก้ามีแค่หนเดียวนะเฟ้ย!!

“นี่มันฉากสารภาพรักนะ!! ทำหน้าแบบนี้แล้วใครเขาจะไปรักแกลงห๊ะ อิชิฮาระ ซัทสึกิ!!” โดนพี่มิซึรุตะคอกใส่แถมยังม้วนบทในมือมาตีหัวผมอย่างแรงจนต้องสะดุ้งสุดตัวเลยครับงานนี้

“ก็ไม่ได้อยากให้มารักนี่ มารักเอง ช่วยไม่ได้..”

ผมบอกแล้วยักไหล่ ประโยคที่หลุดออกจากปากนี่มันอินเนอร์จากข้างในสุดๆ ผมไม่ลืมที่จะมองไอ้คุณชายด้วยสายตาขุ่นๆอีกด้วย

“ซัทสึกิ..” ไอ้คุณชายมันเรียกชื่อผมด้วยโทนเสียงต่ำๆ สายตามันส่งมาตำหนิผมชัดเจนมาก ผมผิดอะไรกัน!!

ช่วยไม่ได้ อยากมารักเองแต่ทำมาเมินวันสำคัญของผมตั้งแต่ปีแรก แบบนี้ เห็นทีเราจะไปด้วยกันไม่ได้แน่ๆริวซากิ เร็น ก็ดีเหมือนกันจะได้ปิดฉากไอ้ไดอารี่เล่มนี้ให้มันจบลงไปในเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์

ชีวิตของอิชิฮาระ ซัทสึกิคงอาภัพสุดๆ เสียตัวให้กับผู้ชายที่ยังไม่ทันจะเรียกว่าเป็นแฟนกันแถมยังมีเรื่องให้ต้องจบกันก่อนจะได้เป็นแฟนด้วย!!

“หรือว่าไม่จริง!!”

ผมสวนมันกลับไปแล้วปาบทละครในมือใส่หน้ามันไปด้วย จริงๆเรื่องมันไม่น่าจะใหญ่แบบนี้หรอก แต่ตอนนี้ผมห้ามและควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เลยสักนิด ยิ่งมันเฉยและเอาความสงบเข้าข่ม ผมจะร้อนและอาละวาดใส่มันให้ดู!!

“เว้ย! นี่มันละครเวที อย่าเอาชีวิตจริงมาปนได้ไหม! มีปัญหาครอบครัวก็เอากลับไปแก้กันทีหลัง อย่ามาทำตัวมีปัญหาที่นี่เข้าใจไหม!”

โดนพี่มิซึรุเขกหัวอีกรอบครับ ผมยังคงทำหน้ามุ่ยอยู่ สายตาจ้องสู้กับไอ้คุณชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เร็นมันสงบและนิ่งมากจนผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรยังไง

“ถ้ามีปัญหามากนัก ก็เปลี่ยนตัวนักแสดงไป”

ผมชะงัก เหมือนกับพี่มิซึรุและคนอื่นๆเมื่อจิฮารุเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเครียดๆ เธอโยนกระดาษหนึ่งปึกลงกับโต๊ะข้างๆผม

“บทละครสำรองเผื่อจะหาคนอื่นมาแทนคนมีปัญหา”

เน้นย้ำเสียงหนักจริงเว้ยไอ้ตรงคำว่าคนมีปัญหาน่ะ

เธอจ้องผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงแขนพี่มิซึรุไปหา กระซิบกระซาบอะไรกันอยู่สองคนไม่รู้ก่อนที่พี่มิซึรุจะเดินกลับมาและประกาศเสียงดัง

“บทไม่มีอะไรเปลี่ยนมาก เปลี่ยนแค่ตัวนักแสดงพอ เอามาโดกะมาเป็นนางเอก แล้วซัทสึกิไปแทนบทมาโดกะ ที่เหลือเหมือนเดิม! ให้เวลามาโดกะจำบทในหน้าที่สิบเก้ายี่สิบนาทีแล้วเริ่มซ้อมได้! ส่วนนายไปนั่งสงบสติอารมณ์ซะ แต่ห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด! ไดจัง! เคนอิจิ! พาซัทสึกิไปนั่งคุมอารมณ์ซะ!!”

เผด็จการที่สุด พอพี่มิซึรุหันมาสั่ง ผมก็ถูกเคนอิจิกับไดจังเข้ามาประกบติดแล้วลากไปนั่งอยู่

“งอนอะไรผัวมึงวะเนี้ย ถึงได้เหวี่ยงเหมือนกินรังผึ้งรังต่อรังแตนมา แบบนี้”

เคนอิจิปากดี ผมจะกินรังต่อหัวเสือด้วยถ้ามันไม่หยุดปากเอาไว้ ใช่ว่าผมจะหงุดหงิดแล้วไม่ได้สังเกตหรอกนะว่ามันเองก็ลืมวันเกิดผมเหมือนกัน พอๆ กับไดจังแล้วก็พี่มิซึรุเหมือนกันน่ะแหละ ผมโกรธทุกคนแล้ว!!

“ใจเย็นๆสิซัทจัง เกิดอะไรขึ้นถึงได้เหวี่ยงแบบนี้”

ไดจังเอ่ยดุผมครับ ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะสะบัดหน้าหนีไม่ตอบคำถามของเพื่อนรัก ยังดีนะที่ตอนนี้มีแค่ไม่กี่คนในห้อง ถ้าไม่นับมาโดกะจังแล้วล่ะก็ ที่เหลือก็เป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางระหว่างผมกับไอ้คุณชายหมด นี่ถ้าเป็นตอนเที่ยงที่พี่มิซึรุบอกว่านัดทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ผมคงขายหน้าน่าดู

มีอะไรที่มันแย่กว่านี้อีกไหม!? ถ้ามีก็เข้ามาเลย!!

อิชิฮาระ ซัทสึกิพร้อมวีนและเหวี่ยงเต็มอัตราศึกแล้วงานนี้!!

และอารมณ์เหวี่ยงของผมมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเร็นกับมาโดกะจังถูกเรียกตัวเข้าไปซ้อมบทด้วยกัน ท่าทางของไอ้คุณชายที่มันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียว

“เอาๆ ดูไว้ นักแสดงมืออาชีพเขาต้องทำยังไง” เพราะผมนั่งหันหน้ามองดูนาฬิกาที่มันติดฝาผนังอยู่ พี่มิซึรุเลยเดินมาหยิกแขนผมแล้วพยักเพยิดหน้าให้ไปดูเร็นซ้อมบทกับนางเอกคนใหม่ของมันโดยมีจิฮารุไปคอยกำกับบทแทน

รัศมีมันเปล่งประกายออกมากระแทกตาจนผมต้องกัดฟันกรอด ถึงคนจะเล่นคู่กับมันไม่ใช่ผม มันก็เล่นกับใครก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม!?

“พี่มิซึรุ...จิฮารุจังเขาจะให้ซ้อมถึงคิสซีนหรือเปล่าน่ะ ผมจะได้ไปล็อกห้องไม่ให้คนอื่นเข้ามาก่อน?” ผมสะดุ้งแล้วหันไปหาคนที่นั่งข้างๆ ไดจังกำลังชี้ไปที่หน้าห้องซึ่งมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่

“อืม..คงซ้อมถึงคิสซีนแล้วก็คงหลายรอบด้วย งั้นไปล็อกเถอะ”

ว่าไงนะ!!

ผมหันไปอีกที ไอ้คุณชายมันก็มองนางเอกสายตาหวานเชื่อมให้น่าขนลุกแล้วครับ แถมยังขยับเข้าไปใกล้จนจะแดกปลายจมูกกันอยู่แล้ว

แคร์กันมั่งไหมวะริวซากิ เร็น!! กูนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนมึงจะไปจูบกับผู้หญิงอื่นอย่างนั้นหรอไง!!

ภาพตรงหน้ามันกลายเป็นภาพเบลอๆ ผมเห็นแค่หน้าของไอ้คุณชายมันขยับเข้าใกล้มาโดกะจังเท่านั้นก่อนที่ผมจะตัดสินใจฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อที่จะไม่ต้องมองมัน

ห้องทั้งห้องมันเงียบจนน่าขัดใจ ผมรู้สึกเหมือนขอบตามันร้อนผ่าวแถมยังบีบรัดอยู่ในอก นี่มันอะไรกัน ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยแม้แต่น้อย

ไม่ชอบเลยสักนิด!!

แย่ที่สุดเลยวันเกิดปีนี้!!

“ซัทจัง...ซัทจัง..”

ไดจังเขย่าเรียกผมครับแต่ผมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง ไดจังก็น่าจะรู้นะว่าถ้าผมก้มหน้าก็คือผมกำลังร้องไห้อยู่และไม่ชอบให้ใครมายุ่งตอนร้องไห้ด้วย

เงียบไปอีกชั่วอึดใจ ผมได้ยินเสียงเหมือนใครเปิดประตู และก็มีเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ ผมพยายามหยุดร้องไห้แต่ก็ไม่ทัน มีใครสักคนดึงตัวให้ผมลุกขึ้น แล้วผมก็พบว่าห้องทั้งห้องมันมืดอยู่และตรงหน้าก็มีแสงไฟสีส้มนวล
ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาออก ก่อนจะเห็นว่าไอ้ที่อยู่ตรงหน้ามันก็คือเค้กก้อนโตปักเทียนอยู่และไอ้คนที่ถือก็คือไอ้คนที่ผมเคืองมันอยู่

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะซัทสึกิ!!”

ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันจนผมพูดอื้อขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่ผมได้ยินชัดเจนกลับเป็นเสียงของไอ้คนที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้หลังแสงไฟบนเค้กก้อนนั้น

“สุขสันต์วันเกิดปีที่สิบเก้านะครับซัทจัง..”


พวกมึงเล่นเหี้ยอะไรกัน!!

ผมได้ยินตัวเองตะโกนคำนี้ดังซ้ำๆก้องไปก้องมาอยู่ในอก ขณะที่สายตาก็ยังคงมองจ้องหน้าไอ้หล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าไปด้วย ผมควรจะรู้สึกยังไงกับการเซอร์ไพร์สวันเกิดแบบนี้? จริงๆแล้วผมควร ดีใจที่ทุกคนไม่ลืมวันเกิดของผมใช่ไหม
แต่ทำไมต่อมความโกรธของผมถึงทำงานล่ะ

ภายในห้องมันเงียบเสียจนน่าอึดอัด จากรอยยิ้ม..ตอนนี้ทุกคนเริ่มยิ้ม ไม่ออกแล้วเมื่อเห็นผมนิ่ง ผมมองไอ้คุณชายมันอย่างตัดพ้อก่อนจะผลักเคนอิจิกับไดจังให้หลีกทางให้ก่อนจะเดินตรงออกจากห้องไป

ผมโกรธ!! โกรธที่ไอ้คุณชายกับทุกคนบังอาจวางแผนเล่นกับความรู้สึกของผมแบบนี้!!

สองขาพาผมวิ่งลงไปตามบันไดเพราะความอดทนของผมมีไม่มากพอที่ จะรอลิฟต์ ผมอยากพาตัวเองออกไปให้ห่างๆจากทุกคน เพราะถ้าขืนผมอยู่ต่อไปต้องมีการระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ความรู้สึกของผมตอนนี้มันกลายเป็นปรมาณูที่พร้อมจะทำลายล้างทุกอณูรอยยิ้มของคนรอบข้างโดยเฉพาะไอ้คุณชายมัน

ผมได้ยินเสียงใครสักคนกำลังวิ่งตามมา สมองของผมสั่งให้อย่าหันกลับ ไปมองและวิ่งลงบันไดให้ไวกว่าเดิม แต่วินาทีนั้นเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ผมสะดุดกับขอบบันไดขั้นที่สามก่อนจะถลาล้มลงไปกระแทกกับพื้น

“โอ๊ย!!”

ผมสบถลั่นก่อนจะพยายามดันตัวขึ้นจากพื้น แย่ที่สุด!! มีอะไรที่มันแย่กว่านี้อีกไหม!!

แล้วมันก็มีจริงๆ ข้อเท้าซ้ายของผมเจ็บแปลบๆ ดูท่าข้อเท้าอาจจะพลิกก็ได้ ไอ้คนที่วิ่งตามผมมารีบถลามาหาผมทันที

“ซัทสึกิ..เป็นอะไรหรือเปล่า?”

เห็นๆอยู่ว่าหกล้มยังจะมีหน้ามาถามอีก ผมตีหน้าบึ้งใส่เร็นก่อนจะปัดมือมันที่เอื้อมมาจะพยุงให้ผมลุกขึ้นแล้วพยายามลุกขึ้นเอง

“ระวัง!!”

เจ็บแปลบตอนลงน้ำหนักที่เท้าข้างซ้ายจนผมเซถลาเลยครับงานนี้ ไอ้คุณชายมันคว้าเอวผมเอาไว้ก่อนจะพาผมไปนั่งที่ขั้นบันได ผมกัดปากแล้วหันหน้าหนีไม่มองหน้ามันที่ค่อยๆถอดรองเท้าของผมออก

“ไปหาหมอดีไหม?” มันถามแล้วนวดข้อเท้าผมเบาๆ ผมชักขากลับแต่มันก็ยังยื้อไว้

“ไม่ต้องมายุ่ง!!” ผมตวาดใส่มันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรองเท้ามา ผมดันตัวลุกขึ้นอีกครั้งแล้วก็ปัดมือมันไม่ให้มายุ่งด้วย จนเกือบจะเผลอลืมตัวเอารองเท้าในมือปาใส่หน้ามัน

“บอกว่าอย่ามายุ่งไงโว้ย!!”

ยิ่งเจ็บตัวก็ยิ่งพาให้ผมหงุดหงิดใจมากขึ้นไปอีก เร็นมันถอนหายใจก่อนจะเข้ามาล็อคเอวผมไว้ไม่ให้เดินหนีมัน

“ขอร้องล่ะซัทสึกิ อย่าดื้อสิ นายกำลังเจ็บอยู่นะ”

มันยังจะมีหน้ามาดุผมอีก ผมไม่ซัดมันไปก็ดีเท่าไหร่แล้ว เพราะมันน่ะแหละทำให้ผมเจ็บตัว!!

“ก็เพราะมึงน่ะแหละ”

ผมสบถเสียงเบา ไอ้คุณชายขมวดคิ้วทันทีครับกับวลีที่หลุดออกไปจากปากของผม เร็นมันคงไม่พอใจกับสิ่งที่ระคายหูมันแน่ๆเพราะนาทีต่อจากนั้นมันก็ดึงผมจนเซไปปะทะกับอกของมันแล้วใช้สายตามองผมอย่างดุๆ ผมเม้มปากแล้วเชิดหน้ามองมันกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว

เอาสิ!! ดุมาเลย!!

อิชิฮาระ ซัทสึกิพร้อมจะวีนแล้วเหมือนกัน!!

ผมกลั้นหายใจมองมันด้วยความโกรธอยู่ชั่วเสี้ยวนาทีก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะไอ้เหี้ยริวซากิ เร็นมันไม่ได้ดุผมอย่างที่ผมคาดเอาไว้ แต่มันเลื่อนมือมาล็อคท้ายทอยผมเอาไว้แล้วบดจูบลงมาอย่างดุดันแทน

“อื้อ!!”

ผมใช้รองเท้าในมือฟาดใส่กลางหลังของมันครับ แต่ดูเหมือนมันจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ริมฝีปากของมันยังเบียดกับปากของผมอย่างหนักหน่วงจนผมแทบจะขาดใจเพราะหายใจไม่ทัน

มันจูบจนมันพอใจแล้วถึงจะถอนริมฝีปากออก ผมหน้าร้อนไปหมดจนถึงคอและแทบจะเอารองเท้าปาใส่หน้ามันแต่เร็นมันจับมือผมเอาไว้ ก่อนจะทันตั้งตัวได้ผมก็ถูกไอ้หล่อมันจับพาดบ่าไปเสียแล้ว

“ไปหาหมอกัน!!” มันบอกอย่างนั้นก่อนจะอุ้มผมพาดบ่าเดินดุ่มๆลงบันไดไปแม้ว่าผมจะดิ้นไปตลอดทางก็เถอะ

“เดี๋ยวก็ตกไปหรอก!!” เร็นมันร้องบอกก่อนจะยกมืออีกข้างมาตีก้นผมด้วย ผมได้แต่กัดริมฝีปากอย่างขัดใจแล้วตะโกนใส่มันไป

“งั้นก็ปล่อยสิวะ!!”

“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะซัทสึกิ!!”

โดนอีกเพี๊ยะแล้วครับ มันตีก้นผมเหมือนผมเป็นเด็กๆอีกแล้ว คอยดูเหอะริวซากิ เร็น งานนี้ไอ้หล่อไม่ได้รับการอภัยให้ง่ายๆอย่างแน่นอน!!

หลังจากนั้นเร็นมันพาผมไปที่รถของมันซึ่งจอดอยู่ตรงลานหน้าคณะของผมครับ พอมันวางผมนั่งกับเบาะหน้าแล้วผมก็จะลุกหนีมัน แต่เร็นมันก็ขวางเอาไว้แล้วขึงตาดุผมก่อนจะดึงเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ผม

“ซัทสึกิ..” เอาอีกแล้วครับ น้ำเสียงทุ้มที่มันใช้เรียกชื่อผมเบาๆข้างหูแล้วก็มือที่ยกขึ้นมาลูบหัวผมนี่มันสั่นความรู้สึกของผมอีกแล้วครับ

“เงียบไปเลย!! ไม่อยากฟัง!!” ผมบอกก่อนจะยกสองมือขึ้นมาปิดหู ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นตอนที่ความรู้สึกมันขุ่นมัวขนาดนี้

เห็นจากหางตาครับว่าไอ้เร็นมันชะงักไปก่อนจะปิดประตูรถลงแล้วมันก็เดินข้ามไปอีกฝั่ง เปิดประตูขึ้นมานั่งประจำที่คนขับก่อนจะพารถคันหรูของมันทะยานออกจากมหาลัยมุ่งสู่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ

“ซัทสึกิ...ที่นายโมโหขนาดนี้ เพราะนายหึงฉันอย่างนั้นหรอ?”

ไอ้หล่อมันพูดประโยคนี้ขึ้นมาตอนที่มันเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาล ผมชะงักเหมือนโดนผีหลอกแล้วหันหน้าไปมองมัน รู้สึกเหมือนกำลังทำปากพะงาบๆอยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก

พอไอ้หล่อมันจอดรถเข้าที่แล้วมันก็หันมาหาผมแล้วยิ้มมุมปากด้วย เสน่ห์ร้ายกาจของมันพร้อมกับอีกคำถามที่แทงใจผมดังฉึก

“นายรักฉันแล้วใช่ไหมซัทสึกิ?”

อะ..ไอ้!!...ไอ้บ้า!! ไอ้ขี้ตู่!!

หน้าผมร้อนฉ่าจนคิดว่ามันต้องแดงเหมือนตูดลิงแน่ๆ ไอ้บ้านี่พูดเสร็จแล้วมันก็ลงจากรถอ้อมมาอีกฝั่งหนึ่งแล้วจัดการเปิดประตูเข้ามาปลดเข็มขัดนิรภัยให้ ผมก่อนจะประคองผมที่แข็งเหมือนไปจ้องตากับเมดูซ่ามาออกจากรถเพื่อไปหาคุณหมอ

ใครจะไปรักคนอย่างริวซากิ เร็นกัน!!...
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้รักนาย”

ผมเอนตัวไปกระซิบบอกมันระหว่างรอคิวคุณหมอ ไอ้หล่อมันทำพยักหน้ารับรู้ แต่รอยยิ้มกริ่มบนใบหน้าของมันนี่ชวนให้ชกสักหมัดจริงๆ ผมได้แต่กัดปากอย่างขัดใจเมื่อได้ยินคำตอบจากมัน

“จะเชื่อก็แล้วกันนะ”

ห่า!! ไม่อยากจะบอกว่าน้ำเสียงมึงขัดแย้งกับคำพูดเป็นอย่างมาก

-TBC-

ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตาม และทุกคอมเม้นส์นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 11 [Update : 21/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 21-12-2012 19:34:45
ซัทจังยอมรับเถอะว่านายรักเร็นแล้วอย่าปฏิเสธอีกต่อไปเลย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 11 [Update : 21/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 21-12-2012 21:32:54
 :เฮ้อ: พูดเลยว่า งี่เง่าทั้งชมรม
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 11 [Update : 21/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 21-12-2012 23:45:18
 :o8: o13
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 11 [Update : 21/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 22-12-2012 00:29:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 11 [Update : 21/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 22-12-2012 19:27:52
12th Chapter


เท้าของผมแค่พลิกเฉยๆไม่ได้เอ็นฉีกหรือกระดูกหักอะไร หลังจากตรวจเสร็จแล้วคุณหมอเลยจัดการพันข้อเท้าแล้วออกยาให้


มาข้อเท้าพลิกในวันเกิดแบบนี้ ช่างเป็นความทรงจำที่ไม่รู้ลืมจริงๆครับ..


“นี่...” ผมสะกิดเรียกไอ้คนที่เพิ่งพาผมกลับมานั่งในรถ เร็นยังคงยิ้มกริ่มอย่างน่าหงุดหงิดใจ


“หืม?”


“หิวแล้วอ่ะ” ผมเริ่มอ่อนข้อให้มันเมื่อรู้สึกว่าหงุดหงิดไปก็ไร้ประโยชน์เพราะดูเหมือนว่าไอ้ต้นตอของความหงุดหงิดมันจะอารมณ์ดีจนเกินไป


“งั้นจะไปกินอะไรดี?” พูดอย่างเดียวก็ได้ไม่จำเป็นต้องเอื้อมมือมาลูบแก้มกันหรอกครับไอ้คุณชาย ผมเบี่ยงหน้าหนีมันพร้อมกับทำท่าจะงับมือมันด้วย ไอ้คุณชายมันหัวเราะเสียงสดใสเสียจนผมต้องเบ้หน้า


“กินอะไรก็ได้ หิวจะตายอยู่แล้ว” ถึงจะบอกไปแบบนั้น แต่เร็นมันก็ขับรถพาผมไปอีกพักหนึ่ง...ไปยังเส้นทางที่ผมจำได้ว่าจะไปบ้านมัน


“ริวซากิ นายจะพาฉันไปไหน?”


ผมขมวดคิ้วแล้วหันมากระตุกแขนเสื้อมัน หวังว่าไอ้หล่อมันจะไม่พาผม ไปบ้านมันหรอกนะ เหตุการณ์คราวก่อนยังทำให้ผมหน้าชาอยู่ทุกครั้งที่นึกถึง


“ไปบ้านฉัน”


นั่นปะไร!! กูขอลงตรงนี้เลยแล้วกัน


“ไม่ไปได้ไหม?” ผมมองมันตาปริบๆ บอกตามตรงว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคุณมี๊คนสวยของมัน


“ขอขัดใจนะ”


ชัดเจนมากครับจุดนี้ ผมเลยได้แต่ทำหน้างอนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่กำลังแล่นสู่คฤหาสน์ตระกูลริวซากิไปตลอดทาง



คุณมี๊ของไอ้เร็นยังคงสวยและสง่าเหมือนวันก่อนที่เราได้เจอกัน ผมก้มหน้าไม่กล้าสู้ตาแม่ของไอ้หล่อสักเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่ตัวเองทำเสียมารยาทไปเมื่อคราวก่อนยังคงค้ำคออยู่


แต่ดูเหมือนคุณมี๊เธอจะไม่เอามันมาใส่ใจสักเท่าไหร่นัก ทันทีที่เห็นผมเดินกระเผลกเข้ามาโดยมีลูกชายของเธอคอยโอบเอวประคองอยู่เธอก็อุทานออกมา


“ซัทสึกิจังหนูเป็นอะไรไปคะลูก?”


เอ่อ...ช่วยเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมก็ดีครับคุณมี๊ T^T สรรพนามของ คุณมี๊มันบั่นทอนความแมนของผมเอามากๆเลยรู้ไหม


“ตกบันไดน่ะครับ”


ถึงผมจะไม่ชอบใจกับสรรพนามที่เธอใช้เรียกแต่ก็ต้องตอบกลับไปอย่างสุภาพ ผมไม่อยากก่อคดีให้มันค้ำคอจนหน้าหงายเพิ่มขึ้นอีกหรอกครับ


“ลูกดูแลน้องยังไงคะเร็น ทำไมถึงปล่อยให้น้องตกบันไดได้”


ไอ้หล่อถูกแม่มันลงโทษด้วยการหยิกแขนครับ มันแกล้งทำเป็นนิ่วหน้า แล้วได้ทีฟ้องแม่มันเลย


“ซัทสึกิเขาหึงผมเลยวิ่งหนีผมจนตกบันไดครับคุณมี๊”


อ่าว!! ไอ้ห่านี่!! มันน่าเตะให้คว่ำไหม ผมถ่องศอกเข้าท้องมันแต่มันดัน หลบได้ซะอีก กวนอารมณ์ชะมัด


“อย่าไปฟังนะครับ!! ผมก็แค่...แค่..”


ผมเป็นพวกหาข้อแก้ตัวไม่เป็น เลยได้แต่หน้าร้อนเมื่อได้ยินเสียงสองแม่ลูกตระกูลริวซากิเขาหัวเราะคิกคักพอใจกัน แต่เสียงหัวเราะของพวกเขาก็ถูกกลบด้วยเสียงท้องร้องดังสนั่นของผม ซึ่งทำให้ผมอายมากกว่าเดิมอีก


“หุหุ..คุณมี๊ครับ ให้คนเตรียมอาหารกลางวันให้หน่อยสิครับ น้องหิวแล้ว”


ไอ้หล่อมันหันไปบอกแม่แล้วกึ่งๆโอบเอวบังคับให้ผมเดินเข้าบ้านไปกับ มัน คุณมี๊ของไอ้หล่อหันมายิ้มหวานให้กับผม


“งั้นลูกกับน้องขึ้นไปนั่งคอยก่อนนะคะ คุณมี๊จะให้คนเอาของว่างไปให้ รองท้องก่อนนะ” เธอบอกแล้วหันมาลูบหัวผมที่โค้งให้เธอแทนการขอบคุณ หลับหลังคุณมี๊ที่เดินแยกไปผมเลยหันมาแยกเขี้ยวใส่เร็น


“ฉันก็แค่พูดเรื่องจริง” ดูไอ้หล่อมันยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นเรื่องจริงอีก ผมสะบัดหน้าใส่มันแล้วเดินกระเผลกหนีไปนั่งที่โซฟาปล่อยให้ไอ้คนหล่อมันหันไปรับเอาถาดขนมกับน้ำผลไม้จากสาวใช้มาวางให้


“ป้อนด้วย!!” ริวซากิ เร็นควรรู้นะว่ามันต้องเอาใจผมแค่ไหนผมถึงจะอารมณ์ดีน่ะ


“ป้อนด้วยปากใช่ไหม?”


ฮึ่ย!! กินเองก็ได้......(วะ!!)



มื้อกลางวันบ้านไอ้หล่ออร่อยมากครับ อร่อยจนผมเสียดายที่วันก่อน ไม่ได้อยู่กินมื้อเย็นตามคำชวนของคุณมี๊ พอกินอิ่มแล้วหนังตามันก็เริ่มหย่อน ไอ้คุณชายมันนั่งแกะยาหลังอาหารให้ผมใส่ถ้วยแก้วใบเล็กไว้


“อย่าเพิ่งกิน ยาหลังอาหารควรรอให้อาหารที่กินย่อยไปก่อนสักสิบห้านาที” ไอ้คุณชายมันตีมือผมที่ยื่นไปจะหยิบยามากินครับ ผมเลยทำหน้ามุ่ยใส่มันต่อหน้าแม่มันนี่แหละ


“ดูแลน้องดีกว่าตัวเองอีกนะคะนี่”


ผมเลิกคิ้วแล้วมองคุณมี๊ที่กำลังจิบชาอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ เห็นผมส่งสายตาสงสัยไปคุณมี๊ก็ยิ้มให้ผมแล้ววางถ้วยชาลง


“ปกติพี่เร็นเขาโยนยาเข้าปากหลังอาหารเลยค่ะ คุณมี๊เตือนว่ามันต้องกินหลังอาหารสักสิบห้านาทีหรือครึ่งชั่วโมงก็ไม่ยอมฟัง”


โดนแม่ตัวเองเผากันสดๆแบบนี้ ริวซากิ เร็นก็หน้าแดงเป็นด้วยครับ ผมฟังแล้วก็อดลอบยิ้มไม่ได้จนต้องยกน้ำขึ้นมาดื่มกลบเกลื่อน


“ก็เดี๋ยวคุณมี๊จะหาว่าผมดูแลน้องไม่ดีอีกนิครับ”


ฟังๆไปแล้วผมก็ชักชอบแหะที่ไอ้คุณชายมันเรียกผมว่าน้อง แลดูมันจั๊กจี๊หัวใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน


ผมนั่งมองเร็นนั่งคุยกับคุณมี๊ไปได้สักพักก็เกิดอาการง่วงจนอยากจะทิ้งตัวเลื้อยลงไปนอนกับโต๊ะอาหารตัวใหญ่ของบ้านริวซากิเสียเต็มทน พอเร็นหันมาเห็นผมปิดปากหาวเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้มันก็เอื้อมมือมาสะกิดผมแล้วยื่นยาให้


“กินยาก่อนแล้วเดี๋ยวขึ้นไปนอนสักพักแล้วกัน” ผมพยักหน้าแล้วหยิบยาเอามากิน และดื่มน้ำในแก้วที่คุณชายมันส่งมาให้จนหมด


“น้องแลดูเป็นเด็กว่าง่ายออกค่ะ ทำไมลูกชอบบอกว่าน้องดื้อล่ะ”


ได้ยินคุณมี๊พูดแล้วผมก็ต้องหันไปเหล่มองไอ้คนที่ชอบเผาผมให้แม่มัน ฟัง ไอ้หล่อมันทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่มุมปากมันกระตุกยิ้มอยู่ด้วยครับขอบอก!!


“นายฟ้องอะไรคุณมี๊ไปมั่งเนี้ย”


ผมถามแล้วกดสายตาต่ำมองมัน แต่ไอ้หล่อดูเหมือนจะอารมณ์ดีเหลือเกิน มันยกมือมาดึงแก้มของผม ผมเลยแยกเขี้ยวใส่มันแล้วก็ได้ยินคุณมี๊หัวเราะคิกคักเบาๆเหมือนสาวแรกรุ่นเลยทีเดียว ดูเธอจะมีความสุขเสียจริงที่ เห็นลูกชายกำลังหยอกล้อกับเด็กหนุ่มแบบนี้.....TT^TT


“เยอะแยะ” ดูมันยังมีหน้ามากล้ายอมรับอีกครับ



“นี่..คุณมี๊ของนาย..เป็นประเภทสาววายหรอ?”


ผมทิ้งตัวนอนลงกับเตียงของไอ้หล่อแล้วเอียงหน้ามาถามขึ้น เร็นที่กำลังก้มไปดึงผ้าห่มมาห่มให้ผมมันชะงักแล้วเลิกคิ้วใส่ผม...สงสัยจะไม่เข้าใจคำศัพท์


“แบบพวกประเภทสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันอะไรประมาณเนี้ย”


ด้วยความเคารพยิ่ง ผมว่าคุณมี๊ของไอ้หล่อนี่ไปอยู่กับจิฮารุได้เลยนะ ขานั้นก็คงเป็นสาววายประเภทยิ่งชีพเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เขียนบทละครประเภทชายรักชายออกมาได้หรอกจริงไหมครับ?


“อืม...เพราะนายล่ะมั้ง..” ฟังไอ้หล่อที่กำลังยกนิ้วมาเคาะปลายคางของมันแล้วผมก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะผม..ทำไมถึงเป็นเพราะผมล่ะ?


“หมายความว่าไง?”


“ก็หมายความว่าเพราะเป็นนาย..ก็เลยอยากให้เราสองคนลงเอยกันไง”


งื้อ....


นอกจากมุดลงไปหลบความเขินใต้ผ้าห่มแล้ว...ผมจะทำอะไรได้อีกนะ


ริวซากิ เร็นสมควรรู้ไว้นะครับว่าไม่ควรพูดประโยคนั้นตอนใช้สายตาอบอุ่นทอดมองมาพร้อมกับมือที่มันเอื้อมมาลูบหัวผมเพราะมันทำให้ใจผมเต้นแรงเกินอัตรา


ไอ้บ้านี่ชักจะขยันทำให้ผมตกอยู่ในโหมดสาวน้อยบ่อยเกินไปแล้ว!!


“เฮ้!! จะไปไหนน่ะ?” ผมเปิดผ้าห่มที่คลุมโปงเอาไว้ออกเมื่อได้ยินเสียงเร็นเปิดประตูห้องอีกครั้ง


“ไปหาคุณมี๊ นายนอนไปก่อนก็แล้วกัน”


มันบอกแล้วก็หายหัวไป ทิ้งให้ผมนอนอยู่บนเตียงกว้างของมันเพียงลำพัง นี่ถ้าขาผมหายดีเป็นปกติ ห้องไอ้หล่อคงไม่มีทางตกสำรวจของผมแน่ๆ


ผมนอนกระตุกยิ้มมุมปากถึงความซนของตัวเองก่อนจะสังเกตได้ว่า ห้องไอ้หล่อมันตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นไม่แตกต่างอะไรกับคอนโด


“แล้วบ้าอะไรถึงซื้อเตียงหลุยส์ไปไว้ที่หอวะ” ผมสบถถามกับตัวเองเมื่อนึกถึงไอ้เตียงหลุยส์สีทองที่หอ ดูมันผิดรสนิยมของไอ้คุณชายแบบสุดกู่เลย


แต่ก็เอาเถอะ มันก็นอนแล้วสบายกว่าเตียงเก่าของผมตั้งเยอะ จริงๆ ผมไม่มายด์นักหรอกว่าจะต้องเป็นเตียงแบบไหน ขอแค่นอนแล้วสบายตัวนอนหลับเต็มอิ่มทั้งคืนก็พอ แต่ดูเหมือนว่านับตั้งแต่มีริวซากิ เร็นเข้ามาในชีวิต เตียงมันจะกลายเป็นปัจจัยอื่นด้วยเสียแล้วสิ


ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปก่อนจะหันตะแคงตัวแล้วสอดแขนเข้าไปใต้หมอนเพราะรู้สึกว่าหมอนมันเตี้ยไป หรือไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะผมเริ่มติดที่จะนอนหนุนแขนไอ้หล่อมันหรือเปล่าเลยรู้สึกว่าหมอนมันรองคอไม่กำลังดี แต่ผมก็เจออะไรบางอย่างที่มันอยู่ใต้หมอน ความอยากรู้ทำให้ผมหยิบมันออกมา สิ่งที่มือของผมคว้าได้คือกระเป๋าใส่นามบัตรที่ไม่อยากจะประเมินราคาของมันสักเท่าไหร่


ผมหรี่ตามองดูชื่อแบรนด์ของวิคตองที่ประทับอยู่บนลายหนังก่อนจะเปิดดูข้างใน การที่ริวซากิ เร็นมีกระเป๋าใส่นามบัตรเป็นของตัวเองแบบนี้ทำให้ผมออกจะเหนือคาดเล็กน้อย แต่มาคิดอีกที..ไอ้หล่อมันเป็นลูกคนรวย การจะมีนามบัตรก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมคนรวย...(มั้ง)


ทว่าพอเห็นนามบัตรของไอ้หล่อแล้วผมก็แทบทำกระเป๋ามันร่วงลงไป กองที่หน้าตักเลยครับ ชื่อของไอ้หล่อที่ปรากฏอยู่บนบัตรแม่งพ่วงด้วยตำแหน่ง Executive Vice President


เชี่ยแล้ว!!


เป็นถึง EVP ทั้งๆที่ยังเรียนมหาลัยอยู่นี่...มึงเทพไปแล้วริวซากิ เร็น!!


ว่าแต่...ผมไม่เคยเห็นมันไปทำงานเลยนะ วันๆดีแต่มากวนประสาท กวนใจผมน่ะ ...แต่พอมานึกอีกที ไอ้หล่อมันเคยบอกว่ามันได้เงินปันผลจากบริษัทแล้วก็เอาไปเล่นหุ้นแก้เครียดนี่นา นึกได้แบบนี้แล้วผมก็ต้องยักไหล่ปลงตกกับตัวเอง อะไรมันจะแตกต่างกับผมขนาดนี้


ผมพลิกกระเป๋ามันดูข้างในอีก มีนามบัตรของใครอีกหลายคนอยู่ในกระเป๋าใบนั้น ผมอ่านชื่อกับบริษัทแล้วก็ตำแหน่งของคนอื่นๆด้วยความอยากรู้ว่า ไอ้หล่อมันต้องพบเจอใครมาบ้างก่อนจะสะดุดเมื่อพลิกไปจนถึงซองใบสุดท้าย
ในนั้นไม่ได้มีนามบัตรสอดเอาไว้ แต่เป็นรูปถ่ายของใครบางคน


ผมจ้องมองแล้วก็ต้องทำตาโต..เพราะรูปถ่ายใบนั้นเป็นของมาโดกะจัง!!


อาริซาวะ มาโดกะ!!


เกิดอาการหงุดหงิดเหี้ยๆแล้วครับคราวนี้ ผมปิดกระเป๋าใส่นามบัตรของเร็นแล้วแทบจะปามันทิ้งลงถังขยะ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือเอามันยัดใส่ไว้ใต้หมอนอีกด้าน ก่อนจะทิ้งตัวนอนด้วยอารมณ์หงุดหงิด


ทำไมริวซากิ เร็นถึงได้เก็บรูปมาโดกะจังไว้แล้วยังเอาซ่อนไว้ใต้หมอนอีก


ความหงุดหงิดมันระเบิดขึ้นมาอีกระลอกหลังจากที่หายไปในช่วงที่เราไปโรงพยาบาลกัน


ผมอยากรู้..และต้องรู้ให้ได้ด้วยว่ามันกับมาโดกะจังเคยเป็นอะไรกันมาก่อน


แต่ผมจะไปหาคำตอบได้จากที่ไหนกัน?


จะให้ไปถามไอ้คุณชายเองก็คงไม่ไหว เดี๋ยวมันตีขลุมอีกว่าผมหึงมัน ผมไม่ได้หึงมันเสียหน่อย ผมแค่อยากรู้ตามประสาคนอยากสอดเท่านั้น แต่เร็นมันชอบเหมารวมว่าผมหึง เพราะงั้นไม่เป็นการดีแน่ที่ผมจะเอ่ยถามมันออกไป
ผมหงุดหงิด...แล้วก็ง่วงมาก


ยาแก้ปวดที่กินไปทำให้หนังตาของผมเริ่มฝืนที่จะต่อไม่ไหว...


ความหงุดหงิดนี้ผมจะเก็บเอาไว้รอเมื่อตื่นมาก็แล้วกัน!!


ใช้ได้ที่ไหนกันริวซากิ เร็น ไหนบอกว่าจริงจังกับผม แล้วทำไมถึงมีรูปผู้หญิงอื่นเก็บไว้ใต้หมอนแบบนี้กันล่ะ!!




ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกที ข้างนอกก็ค่ำแล้ว ภายในห้องมันปิดไฟและเงียบ ผมเอื้อมมือไปควานหาสวิตซ์ไฟหัวเตียงของเร็นแล้วเปิดขึ้น แสงไฟสีฟ้าส่องสว่างให้เห็นว่าผมอยู่ตามลำพังในห้องนี้ ผมบิดขี้เกียจเสียเต็มสองแขนพอดีกับที่เจ้าของห้องมันเปิดประตูเข้ามาพอดี


“ตื่นแล้วหรอ?”


กำลังหลับอยู่มั้งครับเพ่!!


คนถามไม่ถามเพียงอย่างเดียวครับแต่ก้าวเดินมาหาผมที่เตียง เร็นนั่งลงข้างๆแล้วยกมือขึ้นมาลูบผมที่กระดกอยู่ข้างแก้มของผมให้เรียบลง


“ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม? ทุกคนมาพร้อมกันแล้วล่ะ”


เหๆ...ผมเอียงคอมองหน้าไอ้หล่อ แต่มันกลับเอาแต่ยิ้มส่งมาให้แล้วดึงมือผมให้เดินตามเข้าห้องน้ำไป นี่เห็นแก่ความหล่อของรอยยิ้มนั้นหรอกนะ จะเก็บเรื่องรูปถ่ายใบนั้นไว้ก่อนก็ได้


ล้างหน้าเสร็จแล้วผมก็ยืนหลับตาให้ไอ้คุณชายมันใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับน้ำให้ นี่ถ้ามันเอาแป้งมาปะแก้มแล้วผูกจุกน้ำพุให้ผมด้วย ผมคงตรงดิ่งไปที่เตียงแล้วกระโดดขึ้นไปนอนรอฟังมันเล่านิทานด้วยแน่ๆ


“ว่าแต่ทุกคนอะไรหรอ?”


ผมถามขึ้นเมื่อเร็นจูงผมเดินออกมาจากห้อง ไอ้หล่อไม่ตอบแต่ยิ้มให้ผมอีกแล้ว ผมล่ะเบื่อรอยยิ้มหล่อๆของมันนักเชียว มันจะรู้บ้างไหมว่ายิ้มแบบนั้นแล้วหัวใจผมทำงานหนักเกินไป


คำตอบเฉลยอยู่ที่ริมสระน้ำครับ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำหน้าเหวอๆออกไปเมื่อเร็นโอบเอวผมเดินออกไปแล้วผมก็เจอว่าทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่ข้างหน้า พอผมกับเร็นเดินมาถึง ทุกคนก็ดึงพลุกระดาษใส่พร้อมรอยยิ้ม


“แฮปปี้เบิร์ธเดย์!!”


สรุปแล้วคือทุกคนจัดปาร์ตี้เซอร์ไพร์สวันเกิดให้ผมครับ


นอกจากเพื่อนๆของผมแล้วยังมีเพื่อนๆของไอ้หล่ออีกด้วย ไม่นับรวมครอบครัวของไอ้หล่อกับญาติผู้น้องคนสวยของมันและกลุ่มเพื่อนของเธอที่ตอนนี้กำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่กับเพื่อนของผมและเร็นอยู่


ดูๆไปแล้วผมแอบนึกอายไม่น้อย การที่เร็นทำแบบนี้เหมือนมันเปิดตัวผมกับเพื่อนและครอบครัวของมันชัดๆ


ตอนนี้อารมณ์ของผมดีขึ้นมาอีกระดับเมื่อรู้ว่าแผนเมื่อเช้าไอ้หล่อมันถูกบังคับจากพี่มิซึรุแล้วก็จิฮารุให้ทำ ไม่ใช่มันทำเอง (อันนี้ไดจังแอบกระซิบบอกมา) แต่ผมก็ยังอารมณ์ดีไม่มากนักหรอก


เหตุก็เพราะผู้หญิงที่ยืนสวยอยู่ข้างริมสระอีกคนและกำลังหัวเราะอย่างร่าเริงอยู่กับเพื่อนของเธอนั่นแหละครับ


อาริซาวะ มาโดกะ


การที่เธอมาปรากฏตัวในคืนนี้และที่นี่ทำให้ผมต้องแอบหงุดหงิดใจไม่น้อย ผมนั่งเขี่ยเค้กในจานอยู่กับไดจังและเคนอิจิและพยายามไม่หันไปมองอีกเมื่อเห็นว่าเธอขยับเดินเข้าไปหาเร็นที่เพิ่งจะลุกไปหยิบเครื่องดื่มให้ผม


“ไม่สนุกหรอคะ?” ผมเงยหน้าขึ้นจากจานเค้กที่ผมกับเร็นกินเหลือกันไว้ขึ้นไปมอง ริวซากิ เอมิญาติผู้น้องคนสวยของเร็นถือแก้วค็อกเทลมานั่งลงที่เก้าอี้ริมสระข้างๆผม


“พี่เจ็บขาน่ะ” ผมบอกไปอย่างนั้นก่อนจะก้มหน้าเขี่ยเค้กต่อจนมันละเอียดเละไปหมดแล้ว ถึงบรรยากาศในปาร์ตี้จะคึกคักแต่ทำไมผมถึงได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกของมาโดกะจังที่ยืนอยู่กับเร็นชัดเจนชะมัด


“แค่นั้นจริงหรอคะ?”


ผมเกลียดจังเวลาคนรู้ทันผมแบบนี้ แม้แต่ไดจังยังแอบหัวเราะกับเคนอิจิเลยครับ พอผมหันไปขึงตาใส่ทั้งสองคนก็รีบลุกไปหาพี่มิซึรุที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ทิ้งให้ผมอยู่กับเอมิตามลำพัง


“จริงๆวันนี้เอมิชวนชิโอริมาด้วยนะ แต่ชิโอริติดธุระกับแม่เลยฝากของขวัญมาให้รุ่นพี่ด้วย เอมิเอาวางไว้ให้แล้วตรงนั้น”
ชิโอะจังที่เธอพูดถึงคือฮิชิดะ ชิโอริเป็นน้องรหัสของผมเองครับ เอมิชี้ไปที่กองกล่องของขวัญที่ทุกคนให้ผมมาตรงโต๊ะ


“ฝากขอบใจชิโอะจังด้วยนะ”


ผมบอกเสียงเบา ความรู้สึกมันอยากจะหายตัวออกไปจากงานมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าไอ้หล่อมันยังไม่กลับมาหาผม ผมอาจจะลุกเดินหายไปจากงานนี้ก็ได้


“พี่เร็นเขาจริงจังกับรุ่นพี่นะ”


ได้ยินเสียงที่เธอกระซิบพูดมาแล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วก่อนหันไปมองหน้าเธอ เอมิยักไหล่แล้วก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบก่อนจะยิ้มดวงตาพราวระยับให้กับผม


“แล้วเอมิจังไม่รู้สึกแปลกเลยหรอที่ญาติตัวเองจะมาจริงจังกับผู้ชายอย่างพี่?” ผมถามไปอย่างสงสัย น้ำเสียงของเอมิดูจะรื่นเริงใจจนน่าประหลาด


“ไม่หรอก บ้านเอมิกับบ้านพี่เร็นไม่ถือเรื่องแบบนี้ พี่ชายของเอมิก็มีแฟนเป็นผู้ชาย” สองบ้านนี่เปิดกว้างกับความรักของลูกจริงๆครับ ไม่เหมือนบ้านผมที่ถ้าให้พี่ชายผมรู้ ผมต้องโดนเตะตูดแน่ๆ


“เรื่องเพศมันไม่สำคัญเท่ากับว่าคนที่จะอยู่กับเรานั้นเป็นคนดีแล้วจะรักเราตลอดไปหรือเปล่านี่คะ” คำพูดของเอมิทำให้ผมต้องจ้องตาเธอก่อนจะเลื่อนไปมองญาติผู้พี่ของเธอที่กำลังเดินตรงมาทางที่พวกผมนั่งอยู่


“จะบอกอะไรให้นะคะ เอมิไม่เคยเห็นพี่เร็นจริงจังกับใครเท่ากับรุ่นพี่มาก่อนเลยล่ะ” ผมคงจะรู้สึกดีกับคำพูดของเอมิมากกว่านี้ ถ้าไอ้คนที่เรากำลังพาดพิงถึงนั้นไม่ได้เดินมาหาผมโดยมีเงาที่ชื่อว่าอาริซาวะ มาโดกะเดินตามมานั่งร่วมในวงสนทนาด้วย


“นินทาอะไรพี่อีกล่ะ?” เร็นมาถึงก็ยื่นค็อกเทลให้ผมแล้วก็หันไปล็อคคอญาติสาวของมันที่หัวเราะคิกคักอยู่ครับ มองมันเล่นหัวกับญาติผู้น้องแล้วก็เพลินดีครับ ดูมันเป็นพี่ชายที่รักน้องดี


“มานี่หน่อยซิยัยตัวแสบ”


เอมิโดนล็อคคอให้ไปอีกทางแล้วครับ แย่ที่สุดก็ตรงที่ว่าเหลือผมนั่งอยู่กับมาโดกะตามลำพัง แล้วก็แย่กว่าที่ผมยังดันจำรอยยิ้มของเธอบนรูปใบนั้นได้


“รุ่นพี่อิชิฮาระเป็นแฟนของพี่เร็นจริงๆหรอคะ?”


คำถามที่ถูกถามออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อสักเท่าไหร่ทำให้ผมสะอึกมากพอดู ซ้ำยังสรรพนามที่เธอเรียกเร็นอย่างสนิทสนมนั่นอีกด้วย


อันที่จริงผมควรปฏิเสธสถานะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้คุณชาย มันให้เด็ดขาดเพราะผมยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับมัน แต่ทำไมพอได้ยินคำถามนี้จากมาโดกะแล้ว..ผมถึงฮึดอยากจะยอมรับในสิ่งที่เธอถามมาก็ไม่รู้


“คงงั้นมั้งครับ...เร็นบอกจะจริงจังกับพี่”


ผมบอกพลางยกค็อกเทลที่เร็นมันเอามาวางไว้ให้ขึ้นมาจิบ มาโดกะเงียบไปพักหนึ่ง นั่นทำให้ผมโล่งใจมาก แต่พักเดียวจริงๆครับ หลังจากนั้นคลื่นลูกใหญ่ก็ถลาเข้ามาซัดผมให้ล้มอย่างไม่ทันตั้งตัว


“งั้นรุ่นพี่ก็ควรระวังไว้นะคะ ถึงพี่เร็นจะบอกว่าจริงจัง แต่เขาก็ ฃเป็นคนเบื่อง่าย มาโดกะรู้....” เธอพูดด้วยแววตาเศร้าๆขณะมองหน้าผม มันทำให้ผมสะอึกอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่อยากฟังเธอ อยากเอาค็อกเทลในมือสาดใส่หน้าเธอแล้วบอกให้เธอหยุดพูดเพราะผมไม่อยากฟัง


แต่สิ่งที่ผมทำคือนิ่งแล้วรับฟังทุกคำพูดต่อมาของเธอเหมือนกับรูปปั้นที่แม้แต่หัวใจยังไม่มีให้ทำงาน


“เพราะพี่เร็นก็เคยบอกจะจริงจังกับมาโดกะเหมือนกัน”


คนหนึ่งบอกว่าเร็นจริงจังกับผมและไม่เคยเห็นมันจริงจังกับใครมาก่อน แต่อีกคนบอกว่าตัวเองเป็นคนที่ไอ้หล่อมันเคยจริงจังด้วยและตอนนี้ ไอ้หล่อมันก็เปลี่ยนใจมาใช้คำว่าจริงจังกับผม


แล้วแบบนี้ผมจะเชื่อใครกันดี


ผมกำก้านแก้วค็อกเทลแน่นเสียจนน่ากลัวว่ามันจะแตกคามือ ผมได้ยินเสียงเร็นหัวเราะอยู่กับเอมิและกำลังพาเดินมาหาผม นาทีนั้นมาโดกะก็เอนมาแล้วกระซิบพูดกับผมอีกครั้ง


“มาโดกะไม่โกรธพี่เร็นหรอกนะคะที่เบื่อมาโดกะและมาเลือกรุ่นพี่แบบนี้ เพราะมาโดกะไม่ดีเอง ยังไงก็ขอให้รุ่นพี่กับพี่เร็นรักกันนานๆนะคะ อย่าให้ต้องจบกันแบบมาโดกะกับพี่เร็นแล้วกันนะคะ”


มาโดกะเธอจะรู้ไหม...


ว่าเธอได้ทิ้งนิวเคลียร์ลูกใหญ่ไว้กับห้วงอารมณ์ของผม เธอพูดเสร็จแล้วเธอก็พาตัวเองเดินไปหาริกะจังกับกลุ่มเพื่อนของเร็น


หน้าผมตึงจนมันลั่นเปรี๊ยะๆไปหมดในความรู้สึก ผมกระแทกวางแก้วค็อกเทลลงกับตะในจังหวะที่ไอ้ต้นเรื่องมันเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆพอดิบพอดี


“มาโดกะพูดอะไรหรอ? มีอะไรหรือเปล่า?”


น้ำเสียงเร็นดูร้อนใจตอนถามผมมากครับ ผมหันมองมันไปนิ่งๆรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคอแข็ง


“ทำไม? กลัวมาโดกะบอกอะไรฉันหรือไง? มีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ฉันรู้หรือไงกัน” ผมย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสักเท่าไหร่ และไม่สนใจด้วยว่านอกจากไอ้คนที่นั่งข้างผมแล้วจะยังมีคนอื่นๆที่อยู่ในระยะใกล้ๆอีกด้วย


“ซัทสึกินายพูดเรื่องอะไรกัน?”


แสดงได้สมจริงมากครับกับสีหน้าหล่อแบบงงๆนี้ แต่ขอโทษที ผมไม่มีอารมณ์พอที่จะอธิบายและไม่มีอารมณ์พอที่จะฟังมันแก้ตัวด้วยเลยลุกขึ้นยืน


“ฉันจะกลับแล้ว” ผมบอกแล้วเดินกระเผลกไปลาพ่อกับแม่แล้วก็พี่สาวของมัน เร็นยังคงเดินตามติดผมเหมือนเงา


“ซัทสึกิ!!เดี๋ยวสิ!! หันมาคุยกันก่อนสิ” เร็นคว้าที่ข้อศอกของผมแล้วยึดเอาไว้แน่น ผมหันมากระชากข้อศอกแล้วมองมันอย่างไม่พอใจ


“ฉันบอกฉันจะกลับ!!”


ผมได้ยินตัวเองตวาดใส่มันไปเสียงดัง ทุกคนที่กำลังหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานต่างพากันเงียบเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ แต่ผมไม่สน ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกที่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วและตอนนี้ผมก็ไม่ทนที่จะอยู่อีกต่อไป


“มันเกิดอะไรขึ้นซัทสึกิ!?”


ไอ้คนตรงหน้าก็ยังดื้อดึงจะอยากรู้อยู่ได้ว่าทำไม ผมโมโหจนรำคาญตัวเองเลยเหวี่ยงหมัดไปจะต่อยมันให้เลิกพูด แต่ไอ้เร็นมันก็รับหมัดของผม ได้แล้วพยายามดึงผมเข้าไปกอด ผมดิ้นแล้วยกขาที่กำลังเจ็บอยู่เตะขามัน


ท้ายสุดแล้วมันเลยรวบผมแบกพาดบ่าเดินออกจากปาร์ตี้ไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของผมที่ใช้สองมือทุบหลังมันเลยแม้แต่น้อย


“ปล่อยสิเว้ย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!”


ครับ...ในที่สุดมันก็ปล่อย


แต่มันปล่อยผมลงกับเบาะรถคันหรูของมันครับ แล้วพาผมกลับไปคอนโดของมันโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้ผมอยู่กับความเงียบที่แสนจะน่ารำคาญใจ


ผมรู้...ว่าผมไม่ควรฟังคนอื่นมาก


แต่พอได้ฟังแล้วผมก็อดจะคิดมากไม่ได้ด้วยเช่นกัน


ความสัมพันธ์ของผมกับเร็นมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนน่ากลัว แถมพฤติกรรมก่อนที่มันจะมาเจอกับผมก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยได้ยิน สิ่งนี้ทำให้ผมวางใจไม่ได้สนิทว่าไอ้คุณชายมันจะจริงจังกับผมจริงหรือเปล่า


แล้วไหนจะรูปมาโดกะที่ผมเจอใต้หมอนนั่นอีก


ผมควรจะทำยังไงกับความรู้สึกในตอนนี้ดี


ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีที่มีเร็นคอยดูแลและอยู่ใกล้ๆ แต่ผมก็ไม่อยากประมาท ไม่อยากหลงระเริงไปแล้วต้องมาเจอกับความเจ็บปวดในตอนท้ายที่ผมอาจถูกมันทิ้งในสักวันเหมือนกับคนอื่นๆที่มันเขี่ยทิ้งอย่างที่แล้วๆมา


“สรุปแล้วมาโดกะพูดอะไรกับนาย?” เร็นยังไม่เลิกราจากคำถามนี้ครับ มันจุดประเด็นถามอีกครั้งเมื่อมันลากผมเข้ามาในห้อง นอกจากคำถามจากปากแล้ว ดวงตาของมันยังคาดคั้นถามผมอีก


“ฉันอยากอยู่คนเดียว” ผมบอกแล้วสะบัดหน้าใส่มัน ออกแรงกระชากข้อมือที่มันจับอยู่แรงๆ ทำให้เร็นปล่อยผมในที่สุด แต่มันไม่ยอมให้ผมเดินหนีไปไหน


“ซัทสึกิ..” ผมมองมันตาขวาง ก่อนจะวีนใส่มันในที่สุด


“ไม่ได้ยินหรือไงว่าฉันอยากอยู่คนเดียว!! ไม่เข้าใจความหมายหรือยังไงกัน!! ฉันอยากอยู่คนเดียวและไม่อยากเห็นหน้านายด้วย!! ได้ยินไหม!!”


ไปแล้วครับชุดใหญ่ ผมตวาดเร็นเสียงดังก่อนจะยืนหอบ ผมเห็นเร็นมันผงะไปเล็กน้อยก่อนจะตีสีหน้าเรียบเฉยมองผมอย่างเสียใจก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่เอาไปแม้กระทั่งแจ็คเกตที่มันเพิ่งถอดวางไว้ ผมทิ้งตัวนั่งลงกับโซฟาด้วยความหงุดหงิดใจ


“โธ่เว้ย!!”


ผมสบถลั่นก่อนจะหยิบหมอนมาปาใส่ประตูที่เร็นเพิ่งเดินออกไปอย่างระบายอารมณ์


ข้อเท้าของผมยังคงเจ็บแปลบๆ แต่มันก็ไม่มากเท่ากับที่ใจ


เป็นวันเกิดที่แย่ชะมัดที่สุด!!


-TBC-


:เฮ้อ: พูดเลยว่า งี่เง่าทั้งชมรม

แรว๊งงงงงอ่ะ :a5:  o22
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 12 [Update : 22/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 22-12-2012 20:29:50
โอ้ย ค้างอ่ะ ตกลงทั้งสองคนจะเป็นยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 12 [Update : 22/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 22-12-2012 22:47:32
น่ารัักใสๆ ซัทจังน่ารัก พี่เร็นก็ด้วย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 12 [Update : 22/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 23-12-2012 00:48:44
หวั่นไหวสะแล้ว
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 12 [Update : 22/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-12-2012 19:26:59
มาต่อโดยด่วยเรยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 12 [Update : 22/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 11-01-2013 14:36:39
13th Chapter



แย่ชะมัด ผมไม่ควรฟังความข้างเดียวเลย จริงๆผมสมควรถามกับเร็นให้รู้เรื่องกันไปเลยจะได้ไม่ติดค้างคาใจขนาดนี้ แต่ไอ้นิสัยร้อนๆของผมและไม่ยอมฟังใครนี่แหละกำลังสร้างปัญหาให้กับผมเอง



เมื่อคืนที่ผ่านมาผมนอนไม่หลับ..ในใจมันกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก



ผมหยิบมือถือขึ้นมาหลายหนที่จะกดโทรไปหาเร็น แต่ก็วางมันลงกับโต๊ะเพราะใจไม่กล้าพอจะโทรไปหา



อาละวาดแบบเด็กเอาแต่ใจไปเสียขนาดนั้นแล้ว จากที่เร็นไม่เบื่อก็คงตัดสินใจเบื่อผมแล้วแน่ๆ



แค่คิดผมก็กลุ้มแล้ว ถ้าเร็นเบื่อผมขึ้นมาจริงๆแล้วจะทำยังไง



พอความคิดนี้เกิดขึ้นมาแล้วผมก็ต้องตกใจกับความรู้สึกตัวเองที่แคร์เร็นมันมากขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของผมไม่นานแต่กลับมีอิทธิพลมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ



ผมเลื่อนขาขึ้นมากอดเข่าอยู่บนโซฟา แปดโมงแล้วเร็นยังไม่กลับมาที่ห้อง ผมทอดสายตามองดูแดดที่เริ่มส่องเข้ามาทางหน้าต่างอย่างเหม่อลอย มองฟ้ามองเมฆไปได้สักพัก มือถือของผมก็ดังขึ้น มันดังไม่ถึงสองวินาทีผมก็หยิบมันมาเสียก่อน



คนที่โทรมาหาผมไม่ใช่คนที่ผมนึกลังเลจะโทรไปหาแต่เป็นไดจัง ผมกดรับพลางนึกรำคาญหัวใจตัวเองที่เต้นหนักหน่วงไปตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงเมโลดี้มือถือดังขึ้น



“อือ..อยู่ที่คอนโดของเร็น” ไดจังโทรมาถามครับว่าตอนนี้กายหยาบของผมอยู่ที่ไหน ผมเหยียดขาแล้วนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแปลบๆที่แล่นขึ้นมาทันที



ชิบหายแล้ว!!



ผมลืมกินยามื้อเย็น แล้วก็ลืมยาไว้ที่บ้านของเร็นด้วย!!



“เป็นอะไรหรือเปล่าซัทจัง?” ไดจังถามผมกลับมาเมื่อได้ยินเสียงผมสบถตอนเจ็บขา น้ำเสียงของเพื่อนรักดูจะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่ทำไมนะ..ผมถึงอยากให้คนที่ถามผมคือเร็นเสียมากกว่า



“ไม่มีอะไร เออนี่ไดจัง..เร็นกลับไปที่หอหรือเปล่า?”



ผมตัดสินใจถามไปอย่างลังเล จริงๆไอ้หล่อมันก็มีบ้านให้กลับ มันอาจจะกลับไปบ้านมากกว่าไปที่หอนะว่าไหม?
“ไม่นี่..แล้วนี่นายไม่ได้อยู่กับรุ่นพี่หรอกหรอ?”



ทำไมผมถึงจับน้ำเสียงตำหนิมาจากเสียงของไดจังได้นะ
“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”



ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมเกลียดจริงๆคนที่รู้ทันโดยไม่ต้องพูดเนี้ย



“ไม่มีอะไรหรอก แค่นี้นะ”



ผมบอกแล้วตัดสายไปเพราะไม่อยากฟังไดจังบ่นและก็ไม่มีอารมณ์ จะมานั่งพูดด้วย ความรู้สึกของผมยังคงบีบรัดด้วยความรู้สึกผิดที่เอาแต่ระบายอารมณ์รุนแรงออกไปโดยไม่ถามไถ่เสียก่อน



แล้วก็ทิฐิมากมายของตัวเองก็ดันทำให้ไม่กล้าจะไปเคลียร์กับเร็นด้วย ผมคว้าหมอนอีกใบที่เหลืออยู่บนโซฟามากอดแล้วจ้องมองมือถือของตัวเอง



ผมจะโทรไปหาเร็นดีไหมนะ?



จะโทรหาเร็นดีหรือเปล่า?



ถ้าโทรแล้วจะเริ่มต้นพูดว่าอย่างไรดีล่ะ?



ขอโทษนะที่อารมณ์เสียใส่นาย ฉันผิดเอง?



หรือนายน่ะแหละผิดที่ทำให้ฉันเชื่อใจไม่ได้? รูปมาโดกะนั่นมันอะไรกัน? นายเคยมีอะไรกับมาโดกะอย่างนั้นหรอ?
หรือ...



นายจริงจังกับฉันจริงๆหรือเปล่า....



นายจะทิ้งฉัน...เหมือนกับคนอื่นๆที่นายเคยทิ้งหรือเปล่า?



ทำไมพอเป็นคำถามสุดท้ายที่ผุดขึ้นมานี้ มันต้องผุดขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาด้วยนะ ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด ก้อนสะอึกเหี้ยๆมันจุกขึ้นมาที่คอ ผมกอดหมอนในอ้อมแขนแน่นแล้วซุกหน้าลงไปกลั้นสะอื้น



มันแย่ที่สุดก็ตรงที่หมอนนี่มีกลิ่นของเร็นที่ผมจำได้ด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆของโคโลญที่เร็นชอบใช้ กลิ่นที่ติดตัวเร็นเสมอๆในยามที่เขาอยู่ใกล้ผม



แย่ที่สุด!! ตัวไม่อยู่แล้วยังหลงเหลือกลิ่นไว้ให้ผมนึกถึงอีก



ผมปาหมอนในมือไปอยู่คู่กันกับหมอนใบแรกที่ผมปาไปเมื่อคืนก่อนจะงอขามาแกะผ้าพันออก เท้าผมบวมมากกว่าเมื่อวาน คงเป็นเพราะไม่ได้กินยา แล้วก็กระแทกเท้าเดินเมื่อวานแน่ๆ ผมโยนผ้าพันไว้กับโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นมามองซ้ายมองขวา



เร็นจะมีผ้าพันติดห้องไว้บ้างไหมนะ ผ้าที่พันมาตั้งแต่เมื่อวานมัน เริ่มมีกลิ่นอับแล้ว พอนึกๆดูอีกทีผมก็ชักจะเหนียวตัวเหมือนกันจะอาบน้ำเลยดี ไหมนะ?



ผมลุกขึ้นเตรียมจะไปอาบน้ำและกลับมาตั้งหลักใหม่ว่าจะเอาอย่างไรดี แต่พอจะเดินผ่านแจ็คเกตที่เร็นพาดทิ้งไว้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบมันเบาๆและคิดถึงคนเป็นเจ้าของที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนตอนนี้



บางสิ่งมันถูกใส่ไว้ในกระเป๋าแจ็คเกต ผมลูบไปแล้วก็สะดุดกับมัน



กล่องสีดำเล็กๆที่ดูเหมือนเป็นกล่องเครื่องประดับถูกคาดด้วยริบบิ้นสีเงินพร้อมการ์ดใบเล็กที่แนบอยู่ ใจของผมเต้นรัวเมื่อนึกว่ามันอาจจะเป็นของขวัญวันเกิดของผมหรือเปล่า ผมหยิบกล่องมันวางลงกับโต๊ะและนั่งลงอีกครั้ง นึกช่างใจอยู่ว่าจะแกะดูดีหรือไม่ในตอนที่เสียงกริ่งดังขึ้น



ผมหันไปมองประตูแล้วเลื่อนมองดูอินเตอร์โฟน ภาพระยะไกลมองดูยังไงก็ไม่ใช่เร็นแน่ๆ อีกอย่างมันเป็นเจ้าของห้องจะมากดกริ่งทำไมกัน



พอลุกเดินกระเผลกไปดูแล้วผมก็เห็นใบหน้าคุ้นตาแต่นึกชื่อไม่ออก แต่คนๆนี้อยู่ในกลุ่มเพื่อนของเร็นแน่ๆ



“เอ่อ..ริวซากิซังไม่อยู่ครับ” ผมกดอินเตอร์โฟนแล้วตอบเขากลับไปอย่างนั้น แต่คนที่อยู่นอกห้องส่งยิ้มใจดีมาให้แล้วชูถุงยาขึ้นมา



“พี่รู้แล้วครับ แต่เร็นฝากให้พี่เอายามาให้ซัทสึกิจังครับ” ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเปิดประตูให้อีกฝ่ายนั้นเข้ามา



“เป็นยังไงบ้าง?” คำถามของเขาทำให้ผมต้องเลิกคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมตรงท้ายทอยแก้เก้อ



“ก็ไม่เป็นอะไรมากนี่ครับ” จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก..ก็แค่เท้าบวม ก็แค่วุ่นวายสับสนในใจก็เท่านั้น...เอง!!



“อืม...เร็นเขาเป็นห่วงมากนะ” ผมหันไปมองเขาด้วยความเร็วจนเจ็บแปลบที่คอ เห็นผมเอียงคอแล้วทำหน้าเหยเกขึ้นมา คุณพี่ตัวสูงเลยขยับเข้ามาหาผม



“เป็นอะไรหรือเปล่า?”



“ไม่ครับ” ผมบอกแล้วยกมือโบกไปมาก่อนจะนวดคอตัวเองไปด้วย อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบของออกมาจากถุง มันไม่ได้มีเพียงแต่ยาที่ผมลืมไว้ที่บ้าน ไอ้หล่อเท่านั้นแต่ยังมีอย่างอื่นอีก



“นี่อาหารเช้า แล้วก็เสบียงเผื่อมื้ออื่น เร็นมันสั่งให้พี่ซื้อมาติดไว้ให้ซัทสึกิจังเผื่อถ้าซัทสึกิจังจะอยู่ที่นี่ต่อ แล้วก็ฝากการ์ดห้องให้ซัทสึกิจังด้วย เร็นฝากบอกว่าถ้าซัทสึกิจังจะอยู่ต่อก็ได้ตามสบาย ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะโผล่หน้ามาให้เห็นนะ”



ฟังแล้วรู้สึกผิดมากเลยครับ นี่มันห้องของเร็นนะแต่เขาจะไม่กลับมาถ้าผมจะอยู่...เหตุผลก็คงเป็นเพราะคำพูดของผมสินะ



“แล้วริว..เอ่อพี่เร็นอยู่ไหนหรอครับ?”



ความสุภาพของคนตรงหน้าทำให้ผมกระดากปากมากครับที่จะเรียกชื่อเร็นเหมือนเดิม เพราะดวงตาของเขาที่มองมามันส่อแววว่าจะตำหนิผมทางสายตาแน่นอนถ้าผมเรียกชื่อเพื่อนรักของเขาห้วนๆล่ะนะ



“อยู่กับโคเฮย์น่ะ”



ผมพยักหน้ารับรู้ ใจจริงอยากถามต่อว่าไอ้หล่อมันมีอาการเป็นยังไงบ้างแต่ก็ไม่กล้า ผมยังกลัวที่จะรับรู้อยู่เหมือนกัน กลัวว่าถ้าเพื่อนไอ้หล่อบอกว่าไอ้หล่อมันสบายดีเฮฮาปาจิงโกะไม่ได้เครียดอะไรแล้วผมจะรู้สึกยังไง



แต่ก็เป็นอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาหาผมที่ก้มหน้าอยู่แล้วยกมือขึ้นมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม แรงบีบเบาๆที่หัวไหล่ทั้งสองทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา



“ซัทสึกิจัง...ซัทสึกิจังโกรธอะไรเร็นอย่างนั้นหรอ?”



ผมเม้มริมฝีปาก สิ่งที่ทำให้ผมโกรธเร็นมันตีรวนกันอยู่ในใจ ผมคิดว่าผมมีคำตอบแต่ผมไม่อยากตอบเลย



“เร็นมันเฮิร์ตมากนะ...”



เฮิร์ต!?...



ริวซากิ เร็นเนี้ยนะเฮิร์ต!?



ทำไมสิ่งที่ตีรวนในใจของผมมันเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมจนฟีบก่อนจะอัดแก๊สเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็วล่ะ ใจของผมมันทำไมถึงพองโตเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายก็เฮิร์ตเพราะการกระทำของผมล่ะ



“แล้วเขา..เป็นอะไรมากไหมครับ?” ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้ พี่ตัวสูงเขาถอนหายใจช้าๆก่อนจะคลายยิ้มมาให้ผม



“ถ้ารู้ว่าซัทสึกิจังก็เป็นห่วงแบบนี้ คงไม่เป็นไรมากหรอก”



คราวนี้ผม กัดปากด้วยความขัดใจครับก่อนจะยกนิ้วก้อยขึ้นมาให้อีกฝ่าย



“สัญญาก่อนว่าจะไม่เอาไปบอกพี่เร็น ห้ามบอกอะไรเขาเด็ดขาดเลยนะ ผมมีเรื่องอยากถามพี่หน่อยนะครับ”
พี่ตัวสูงเขาเลิกคิ้วเล็กน้อยครับก่อนจะยกเกี่ยวก้อยกับผม



“คือผมอยากรู้เพื่อนพี่กับมาโดกะจังเคยคบกันมาก่อนอย่างนั้นหรอครับ?”



ผมจ้องตาเขาอย่างลุ้นๆอยู่ในอก เขาเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าทำให้ผมชะงักค้างไป แสดงว่ามาโดกะพูดความจริงอย่างนั้นหรอ?



“แต่คนที่คบกับมาโดกะคือยูตะนะไม่ใช่เร็น”



อะ...อ่าว!!



“ก็ซัทสึกิจังถามว่าเพื่อนพี่นี่นา...”



โธ่คุณพี่ตัวสูง อย่ามาเล่นมุขได้ไหมครับ คนกำลังเครียด



“นี่แสดงว่ามาโดกะมาพูดอะไรกับซัทสึกิจริงๆใช่ไหม?”



ผมลังเลนิดหน่อยที่จะบอกเขา แต่ก็ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดไปในที่สุด




คุณพี่ตัวโย่งจะเอาเรื่องไปบอกเพื่อนเขาหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจหรอกนะ แต่นาทีที่กำลังจะออกจากห้องไป คุณพี่เขาก็หันมาย้ำหนักแน่นกับผมอีกครั้งว่าเพื่อนเขากับมาโดกะไม่เคยคบกัน แต่ผมจะเชื่อเขาได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ ก็เขาเป็นเพื่อนรักของเร็นนี่!!



ผมยักไหล่ก่อนจะเดินกระเผลกไปที่ถุงข้าวของที่พี่เขาเอามาให้ แต่ก่อนที่จะหยิบอาหารกล่องออกมาทาน ผมก็ตัดสินใจแกะกล่องของขวัญกล่องเล็กนั้นเสียก่อน จะใช่ของผมหรือเปล่าผมไม่สนแล้ว ผมอยากรู้และผมก็จะแกะมันแล้ว
ปลายนิ้วของผมจับที่ริบบิ้นสีเงินและกระตุกมันออก ผมดึงการ์ดวางเอา ไว้ที่ตักก่อนจะยกกล่องสีดำนั้นขึ้นมาเปิด สิ่งที่นอนอยู่ในกล่องนั้นคือต่างหูแบบห่วงหนาประมาณครึ่งเซ็นต์ คัตติ้งแบบเฉียงครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งกัดกรดเอาไว้เรียบๆ ดูดีจนผมคงนึกเสียดาย ไม่น้อยถ้าเจ้าของที่มีชื่อในการ์ดนั้นไม่ใช่ของผม
ผมวางกล่องมันลงกับโต๊ะและหยิบการ์ดบนตักขึ้นมาเปิดอย่างลุ้น



แล้วข้อความที่เขียนอยู่บนการ์ดนั้นก็ต้องทำให้ผมคลี่ยิ้ม



“Happy 19th Birthday…for you”



ต่างหูคู่นี้เป็นของผมใช่ไหมครับ....^^



ผมมองตัวอักษรที่สะท้อนกับแสงแดดยามเช้าก่อนจะเบ้ปากน้อยๆ เพราะไม่อยากยิ้มออกมาเหมือนคนบ้าแล้ววางการ์ดนั้นกลับลงที่เดิม ผมกำลังจะปิดฝากล่องแล้วในตอนที่เห็นตราที่ประทับอยู่ภายในฝากล่อง
ชื่อของแบรนด์ที่เจ้าสิ่งนี้ถูกผลิตขึ้นทำให้ผมต้องครุ่นคิดน้อยๆ



เพราะมันเป็นชื่อของแบรนด์ที่ผมจำได้ว่าเป็นธุรกิจทางบ้านของเอมิ แบบนี้มีสิทธิ์ที่เอมิจะรู้เรื่องเจ้าต่างหูคู่นี้บ้างไหมนะ
ผมมองมันอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเอมิ ผมบอกเธอว่าผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ เอมิเลยตกลงนัดกับผมในตอนเย็นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ถึงแม้จะช้ากว่าความร้อนใจของผมแต่ผมก็ต้องรอจนถึงเย็นถึงจะได้พบกับเธอ



ในระหว่างวันนี้ผมเลือกที่จะโดดเรียนเพราะรู้ดีว่าถึงจะเข้าเรียนไปก็ยัง ไม่มีสมองพอที่จะนั่งฟังอาจารย์พูด ผมส่งเมสเสจไปบอกไดจังแล้วจัดการปิดเครื่องไปเพราะขี้เกียจฟังไดจังบ่น



ผมกินยาก่อนอาหารไปก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำเพียง ไม่เท่าไหร่ผมก็กลับมานั่งรื้อถุงข้าวของที่พี่ตัวสูงเขาบอกว่าเร็นสั่งให้ซื้อมาให้ผม



รื้อดูแล้วผมก็ต้องคลี่ยิ้มเมื่อในถุงใหญ่ๆนั้นมีผ้าพันขาอยู่ด้วย ผมหยิบมันมาพันขาด้วยความลำบาก กว่าจะพันเสร็จก็เล่นเอาเมื่อยอยู่ไม่น้อย นี่ถ้าเร็นอยู่ด้วยมันก็คงมานั่งพันให้ ไม่ต้องให้ผมมาลำบากเองอย่างนี้แน่ๆ



ผมควรจะไปง้อเร็นดีไหมนะ?...



ตามหลักการแล้วผมควรจะไปง้อเร็นสินะ แต่ไอ้นิสัยที่มีนี่สิ ออกจะเป็นตัวขัดขวางอยู่ไม่น้อย ผมเลยใช้เวลาที่เหลือของวันด้วยการนั่งระงับจิตใจไม่ให้โทรไปง้อเร็นก่อนครั้บ ผมอยากจะถามเอมิให้แน่ใจก่อนเรื่องต่างหูคู่นี้



ผมไม่อยากเฟลด้วยการคิดไปเองแล้วจริงๆมันไม่ใช่ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คงไม่มีหน้าจะไปมองหน้าเร็นอีกแน่ๆ



เวลาที่เหลือทั้งวัน ผมเลยต้องนอนเอกขเนกอ่านหนังสือกับอ่านบทละครไปอย่างไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ พอเวลาเหลืออีกสองชั่วโมงก่อนเวลานัดกับเอมิ ผมก็คว้าแจ็คเก็ตของไอ้หล่อมาใส่แล้วเดินกระเผลกออกจากห้องไป



อยู่ในห้องที่มีแต่กลิ่นอายของเร็นอบอวลอยู่แล้วจิตใจมันกระวนกระวายครับ สู้ออกไปเดินเล่นฆ่าเวลาดีกว่า



แดดวันนี้ไม่แรงมากครับ แต่ผมก็รู้สึกเหนื่อยกว่าทุกครั้ง เป็นเพราะต้องคอยหยั่งน้ำหนักลงขาข้างเดียวแล้วกระเผลกๆมาแน่ๆ กว่าจะเดินมาถึงจุด นัดหมาย ผมก็โคตรจะคิดถึงรถคันใหญ่นั่งสบายของไอ้คุณชายมันมากเลยทีเดียว



ยังเหลือเวลามากพอสมควรที่เอมิจะมาถึง ผมเลือกหาที่นั่งข้าง ริมกำแพงและเหยียดขาออกไปนิดๆไม่ให้เกะกะคนที่จะเดินผ่านตรงนี้ เงาของกำแพงทาบทับลงมาบังแสงแดดให้กับผมได้นั่งร่มๆ



ผมมองดูน้ำไหลไปตามลำคลองภายในสวนสาธารณะแล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์ริมแม่น้ำ เมื่อวันก่อนที่ไปกับเร็นไม่ได้
มันผ่านมาเพียงไม่กี่วันแต่ทำไมผมรู้สึกมันนานพอดู



แต่ถึงกระนั้น..ผมก็จำได้ทุกอย่างที่ทำกับเร็นในวันนั้น เหตุการณ์มันกำลังลอยวนมาย้ำเตือนให้ผมรู้สึกถึงความสุขจางๆที่หัวใจรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างดี



ถึงจุดนี้แล้ว...ผมก็ไม่อยากปฏิเสธว่า มนุษย์ผู้ชายที่ชื่อริวซากิ เร็นมันมีอิทธิพลกับผมมากแค่ไหนแล้วในตอนนี้
ผมนั่งคอยเอมิอย่างเพลินๆพลางหยิบเอากล่องต่างหูขึ้นมาจ้องดู เป็นระยะ นอกจากข้อความบนการ์ดที่เร็นเขียนไว้เหมือนทิ้งให้ผมเดาว่าเป็นของผมหรือเปล่า ยังมีตัวอักษรสามตัวที่สลักไว้ตรงด้านในของต่างหูอีก



R.L.S.



ไอ้สามตัวนี้มันคงไม่ใช่ชื่อแบรนด์ของต่างหูที่ดูว่าจะมีราคา(สูง)นี่แน่นอน



แล้วมันคืออะไรกันนะ?



ผมเอียงคอแล้วหรี่ตามองมันแล้วมองมันอีกก็ยังหาความหมายของมัน ไม่เจอ จนกระทั่งเอมิจังเดินเข้ามาหานั่นแหละครับ ผมถึงหยุดมองหาความหมายของตัวอักษรสามตัวนั้น



“ที่เรียกเอมิมาเพราะต่างหูคู่นั้นหรือเปล่าคะ?”



เอมิจังทักผมแล้วยิ้มให้ผมทั้งปากและตา คำทักของเธอทำเอาผมรู้สึกเก้อเขินอยู่ไม่น้อย แต่ก็พยักหน้ารับคำถามนั้น เพราะที่ผมนัดเธอมาก็เพราะต่างหูคู่นี้จริงๆ



“ต่างหูคู่นี้..เร็นสั่งทำใช่ไหม? เขาทำให้ใครหรอ?” เอมิเอียงคอมองผมและส่งสายตาสงสัยมาให้ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ
“พี่เร็นไม่ได้บอกพี่หรอคะว่าต่างหูคู่นี้พี่เขาทำให้ใคร?...หรือว่า..พี่สองคนยังไม่คืนดีกัน?”



“อืม...บอกพี่หน่อยสิว่าต่างหูคู่นี้เร็นทำให้ใคร”



ผมถามย้ำอีกครั้งด้วยความร้อนใจ ความอดทนที่มีมาตั้งแต่เช้ามันเริ่มมอดลงไปแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมอยากรู้มากจริงๆว่าต่างหูคู่นี้เป็นของผมหรือเปล่า



“งั้นพี่บอกเอมิก่อนสิคะว่าพี่ได้ต่างหูคู่นี้มาได้ยังไง พี่เร็นยังไม่ได้ให้พี่ใช่ไหม?” ผมกัดปากแล้วก้มหน้ามองกล่องต่างหูที่ประคองอยู่ในมือก่อนจะครางตอบเสียงเบาในลำคอ



“อือ..เขายังไม่ได้ให้พี่หรอก”



.
.
(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 12 [Update : 22/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 11-01-2013 14:37:33



เอ๊ะ?



ผมเงยมองหน้าเอมิอีกครั้งและพบกับรอยยิ้มบนใบหน้าสวยๆของเธอ



“อย่างที่พี่คิดน่ะแหละค่ะ”



“ต่างหูคู่นั้นพี่เร็นสั่งทำให้พี่น่ะแหละ”



คุณรู้อะไรไหม...



ตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังเต้นรัวมากๆเหมือนกับตอนที่เจอต่างหูคู่นี้ตอนแรกเลยล่ะครับ



อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มั่นใจได้ว่าเจ้าต่างหูคู่นี้มันเป็นของผมอย่างหนึ่งล่ะ



เหลือแค่ปริศนาที่ว่า RLS นี่มันคืออะไรกัน



แต่ก่อนที่ผมจะได้ถามออกไป เอมิก็พูดเปรยอะไรบางอย่างให้ผมใจเต้นออกมามากกว่าเดิม



“จะแอบบอกอะไรให้รู้อีกอย่างน้า...” ผมมองตาเธอ เอมิยิ้มให้ผมอย่างสดใสจนผมนึกอิจฉารอยยิ้มของเธอก่อนจะบอก



“ปกติเครื่องประดับทุกชิ้นที่พี่เร็นซื้อน่ะ เจ้าตัวเขาออกแบบและสั่งทำนะคะ..มีแค่ชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น พี่เขาไม่ชอบซื้อของที่เหมือนๆกับคนอื่นค่ะ” เอมิบอกด้วยน้ำเสียงรื่นเริงก่อนจะเอนมากระซิบบอกผมให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา



“แล้วก็...เครื่องประดับที่พี่เร็นออกแบบน่ะ มีแต่คนสำคัญเท่านั้น นะคะที่จะได้”



คนสำคัญอย่างนั้นหรอ?



เอมิจะบอกว่าผมเป็นคนสำคัญของริวซากิ เร็นใช่ไหม?



“ละ...ละ...แล้ว RLS นี่มันอะไรกัน?”



เหมือนลิ้นมันพันกันมากเลยครับ ผมถามออกไปแล้วก็กัดริมฝีปากด้านในอย่างเขินๆกับรอยยิ้มล้อเลียนของเอมิ
“อันนี้พี่เร็นย้ำกับเอมิอยู่หลายครั้งด้วยสิคะว่าห้ามพูดกับพี่”



ได้ยินคำตอบของเธอแล้วผมก็ต้องมุ่ยหน้าด้วยความขัดใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เอมิก็ดึงแขนผมให้เหยียดออกและถลกแขนเสื้อของผมขึ้น เธอเอาปากกามาเขียนเป็นประโยคสั้นๆให้ผมต้องหน้าร้อนผ่าวแบบขั้นสุด



จนเธอเขียนตัวอักษรตัวสุดท้ายเสร็จแล้วเงยหน้ามายิ้มให้ผม ผมก็เกิดอาการพูดไม่ออก รู้แต่ว่าตอนนี้ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงเอามากๆเลย



“จริงๆพี่เร็นจะให้สลักคำนี้แหละค่ะ แต่ช่างเขาไม่สามารถจริงๆเพราะมันยาวไป เอมิเลยเสนอบอกให้พี่เขาย่อแค่ตัวอักษรต้นก็พอ”



ผมฟังเธอพูดแล้วก็ขยับแขนมามองอ่านตัวอักษรที่เอมิเขียนไว้ บนแขนผมชัดๆอีกครั้ง ตอนนี้ริมฝีปากของผมหุบยิ้มไม่ได้เลยครับแต่ต้องทำแกล้งเก็กด้วยการดึงแขนเสื้อลงมาปิดไว้แล้วทำหน้าขรึม เอมิยังคงส่งรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนไม่เลิกมาให้



“ว่าแต่..พี่ชายของเอมิเขาสั่งทำเมื่อไหร่หรอ?”



ถ้าเอาตามจริง ริวซากิ เร็นก็เพิ่งรู้จักผมไม่กี่วันเองนะ ต่างหูพวกนี้ใช้เวลาออกแบบและสั่งทำไม่นานก็ได้อย่างนั้นหรอ? หรือเป็นเพราะอำนาจเงินบันดาลได้ทุกอย่างกัน ถ้าเป็นอย่างผมไปสั่งทำอย่างน้อยก็คงเป็นเดือนแหละกว่าจะได้



“งึม...อันนี้บอกไม่ได้ค่ะ” ผมเงยหน้ามองเอมิจังทันที รอยยิ้มของผมจางหายไปแทนที่ด้วยความสงสัย ทำไมกับอิแค่ระยะเวลาถึงบอกกันไม่ได้ล่ะ



“ลองไปถามพี่เร็นเอาเองก็แล้วกันนะคะ นั่นไง มานู่นแล้ว” ผมหันไปตามที่เอมิจังพยักเพยิดและเห็นไอ้หล่อมันเดินมาทางผม



นี่มันรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่!? หรือแค่บังเอิญผ่านมา



“อย่างนั้นเอมิไปก่อนนะคะ”



ผมหันไปหาเพื่อนสนิทของน้องรหัสอีกครั้ง เอมิโบกมือให้ผมอย่างร่าเริงก่อนจะชิ่งไปเมื่อญาติผู้พี่ของเธอเดิน มาประชิดตัวของผม



แรงดึงเบาๆที่กล่องในมือที่ผมถืออยู่ทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ไอ้คนหล่อที่มันทำหน้านิ่งๆใส่ผม เห็นมันทำหน้านิ่งผมก็เลยทำหน้านิ่งใส่มันไปบ้างและยอมปล่อยกล่องที่เจ้าของยังไม่ได้มอบให้ผมเอากลับคืนไป
สารภาพก็ได้ว่าหัวใจผมกำลังเต้นอีกรอบ



อยากรู้เหมือนกันว่าริวซากิ เร็นจะทำยังไงต่อไป



มันลุ้นเสียยิ่งกว่าตอนรอฟังว่าจะได้รับเลือกให้เล่นบทอะไรในละครเวทีขณะอีกครับ หัวใจที่เต้นแรงของผมตอนนี้เหมือนมันกำลังจะหยุดเต้นไปเสียแล้ว ผมจ้องหน้าเร็น แต่มันไม่ยอมมองหน้าผม เอาแต่มองกล่องของขวัญกล่องเล็กในมืออยู่นั่นแหละ



รู้ซะบ้างสิว่าคนเขาใจร้อน!!



“นั่นน่ะ...ตกลงจะให้ไหม!?”



ผมแกล้งกระชากเสียงถามแล้วยกมือขึ้นกอดอกเชิดหน้าหยิ่งไว้...รอให้ ไอ้คุณชายมาง้อ



เชื่อสิ..เดี๋ยวเร็นมันต้องมาพูดเสียงทุ้มๆข้างหูให้ผมหายโกรธ



หรือไม่ก็แกล้งหยอกอะไรผมอีกแน่ๆ



แต่...ไม่แหะ..



ผ่านไปเกือบนาทีแล้วมันก็แค่มองหน้าผมแล้วก็ก้มมองกล่องต่างหูในมือนิ่งอยู่อย่างนั้น



“ตกลงจะไม่ให้ใช่ไหม!! ต่างหูคู่นั้นสั่งทำมาให้ฉันไม่ใช่หรือไงกัน!?”



ผมกระแทกเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจ เร็นมันเหลือบตามองผม ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนี อากัปกริยามันดูเหมือนจะลังเลไม่น้อยที่จะให้ต่างหูคู่นั้นกับผมและดูเหมือนว่ามันจะตัดสินใจที่จะไม่ให้ต่างหูคู่นั้นกับผมแล้วด้วย



ผมรู้สึกบีบรัดกับประโยคที่เอมิเขียนไว้บนแขน แถมขอบตายังมาร้อนผ่าวๆให้น่ากลัวว่าน้ำตามันจะทิ้งไหลลงมาตามประสาอารมณ์ที่มันไม่ได้ดั่งใจ ผมเลยเบี่ยงหน้าหนีไอ้หล่อมันบ้างแล้วยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาออก ผมขยี้ตาแรงๆก่อนถูกมือของเร็นมันดึงรั้งเอาไว้ นาทีที่ผมหันมองหน้ามัน มือข้างนั้นก็ประคองแก้มผมไว้และเลื่อนไปที่ใบหูของผม



ชั่วพริบตาที่เราจ้องตากัน ต่างหูคู่ที่ถูกใจผมตั้งแต่แรกเห็นก็ถูกล็อกลงกับติ่งหูของผม ผมรู้สึกเหมือนเวลามันหยุดชั่วขณะที่เราสบตากัน เร็นมองตาผม แต่มือเลื่อนไปใส่ต่างหูให้ผมอีกข้าง ผมเม้มริมฝีปากอย่างเขินๆ สิ่งที่เก็กไว้เมื่อครู่มันมลายหายไปหมดแล้ว ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยและสำนึกได้ว่าควรขอโทษและขอบคุณคนตรงหน้าผม



“เมื่อวาน...ขอโทษนะ แล้วก็...”



ผมเงยหน้ามองมันอีกครั้ง เร็นมันไม่ได้ทำหน้านิ่งแล้ว พอได้ยินคำขอโทษจากผมมันก็ยิ้มจางๆมาให้ แววตาของมันอ่อนลงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมา ผมเขย่งขาเล็กน้อยทิ้งน้ำหนักลงขาข้างที่ไม่เจ็บ กระซิบแผ่วเบาให้เร็นได้ยิน



“ขอบคุณนะสำหรับของขวัญวันเกิด”



ผมจบคำพูดขอบคุณด้วยการจูบเบาๆที่ริมฝีปากของไอ้หล่อก่อนจะเสียสมดุลเมื่อเร็นมันรั้งเอวผมไว้แล้วเบียดริมฝีปากลงมาหนักหน่วงกว่าเดิม



เราสองคนจูบกันข้างริมคลองนั่นอย่างลืมตัวว่ามันเป็นที่สาธารณะ แต่ โชคยังดีที่ไม่มีใครเดินผ่านมาช่วงนั้นให้ขายหน้า ผมเลยยอมให้เร็นมันจูบอยู่เกือบสองนาทีก่อนที่มันจะปล่อยริมฝีปากของผมให้เป็นอิสระ



ผมหอบเอาลมหายใจเข้าปอดก่อนจะมองตาเร็นอีกหน แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างโล่งอกในที่สุดเมื่อเห็นแววตาของเร็นมันกลับมาเป็นเหมือนเดิม



พอเห็นผมหัวเราะ ไอ้คุณชายมันก็ได้ทีหัวเราะบ้าง แขนของมันยังไม่ปล่อยจากการกอดผมเอาไว้แต่ผมก็ยังไม่ได้คิดที่จะท้วงมันให้ปล่อยผมเหมือนกัน



ความรู้สึกเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดมันถูกโยนทิ้งไปราวกับว่าเราไม่ได้ ทะเลาะอะไรกันมาก่อนเลยสักนิด
ผมรู้สึกว่าตัวเองมันงี่เง่าไม่น้อยที่คิดมากไปเช่นนั้น



กับคำพูดไม่กี่คำของมาโดกะ..หรือจะสู้ทุกการกระทำของเร็น



ผมยกมือขึ้นมาจับต่างหูข้างซ้ายที่ยังคงมีไออุ่นจากมือของเร็นอยู่แล้วกระตุกชายเสื้อของเร็น



“เดินเล่นกัน” เร็นมันแค่เลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าและตั้งท่าจะจูงผมเดินไปตามริมลำคลองที่เริ่มเปิดแสงไฟสวยงามเมื่อความมืดเริ่ม โรยตัวไปรอบๆบริเวณ แต่ผมรั้งมันเอาไว้ก่อน



“ขี่หลังได้ไหม?”



สาบานเหอะว่าขนลุกตัวเองเหมือนกันตอนพูดอ้อน ไอ้คุณชายมันออกไป



เร็นไม่ได้ตอบมาครับว่าได้หรือไม่ได้ ดูเหมือนว่าวันนี้ไอ้คุณชายมันจะลืมปากมาหรือยังไงกันนะ พี่ท่านไม่พูดอะไรครับนอกจากจะหันหลังย่อตัวลงและแบกผมให้ขี่หลังแต่โดยดี



ผมที่ได้รับการเอาใจด้วยการตามใจเลยได้แต่อมยิ้มและใช้สองแขนโอบกอดรอบคอเร็นเอาไว้และเกยคางลงกับไหล่กว้าง เร็นแบกผมเดินไปได้สักพักก่อนที่ผมจะนึกอะไรขึ้นได้



“นี่..นายเจาะหูหรือเปล่า?”



ผมยกมือขึ้นมาเกลี่ยใบหูของคนที่แบกผมอยู่และพยายามเพ่งมองดูตรงติ่งหูของไอ้คุณชายมันแต่แสงไฟมันไม่อำนวยให้ผมเลยสักนิด



“เจาะ..ทำไมหรอ?”



เร็นบอกและหันหน้ามามองผม ผมอมยิ้มก่อนจะยืดตัวจากการซบหลังของไอ้คุณชายมันก่อนจะพูดตอบไป



“นึกว่าถ้าไม่ได้เจาะก็จะบอกให้ไปเจาะซะ..เพราะว่า..”



แทนคำตอบ ผมปลดต่างหูออกจากติ่งหูของผมแล้วใส่ให้ที่ติ่งหูข้างซ้ายของเขาแล้วใช้แขนทั้งสองข้างกอดคอเร็นเอาไว้อีกครั้ง



ผลของการเสียสละต่างหูข้างหนึ่งให้..



เร็นหันมาหอมแก้มผมเบาๆให้ผมได้รู้สึกว่าประโยคที่เอมิเขียน ไว้บนท่อนแขนของผมนั้นมันเป็นความจริงแน่นอนมากกว่าคำพูดของมาโดกะ



“Ren Love Satsuki”



ผมยิ้มจางๆกับสัมผัสละมุนที่แก้มก่อนจะกระชับสองแขนที่โอบกอดรอบคอของเร็นให้แน่นขึ้นแล้วกระซิบบอกบางสิ่งที่ผมเริ่มยอมรับกับตัวเองให้ไอ้หล่อฟัง



“นี่...ฉันคิดว่า...ฉันเริ่มจะชอบนายแล้วล่ะเร็น”



พอผมพูดประโยคนี้ออกไปแล้ว สองขาของคนที่แบกผมอยู่มันก็หยุดเดินทันทีเลยครับแล้วหันมามองหน้าผมเหมือนกับมันไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด ผมเลยทำแก้มพองใส่มันก่อนจะเชิดหน้าใส่



“แค่เริ่มชอบเท่านั้นนะ!! ห้ามหลงตัวเองคิดว่าฉันรักนายแล้วเด็ดขาด!!”



เร็นหัวเราะกับคำกำชับของผม มันกระชับมือที่แบกผมก่อนจะก้าวเดินต่อ ได้ยินเสียงหัวเราะของเร็นแล้ว ผมก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ก่อนจะทิ้งตัวเอาคางเกยไหล่ของเร็นตามเดิม



“ดีใจล่ะสิ..รู้นะ”



ผมเอานิ้วจิ้มแก้มไอ้หล่อแล้วถามอย่างรู้ทัน เพราะเสี้ยวหน้าคมที่ผมเห็นมันเปล่งประกายระยิบระยับชอบกล



“พูดมากเดี๋ยวถูกจูบอีกรอบไม่รู้นะ”



ฟังแล้วผมเลยต้องสงบเสงี่ยมให้มันแบกกลับคอนโดแต่โดยดีครับ พูดมากเดี๋ยวถูกจูบอีกหนท่าจะแย่เพราะตอนนี้เรากำลังเดินผ่านตรงจุดที่คนอยู่กันเยอะแยะเลยครับ



ตอนนี้ผมเลยทำได้แต่เม้มปากกลั้นยิ้มและปล่อยให้เร็นมันแบกผมกลับไป



พร้อมกับความรู้สึกที่ดีขึ้นมาก



หวังว่า..จากนี้ไป ริวซากิ เร็นจะไม่ทำให้ผมผิดหวังที่ยอมให้ตัวเองชอบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ!!



-จบภาคบันทึกของซัทสึกิ โปรดติดตามต่อในบันทึกของเร็นค่ะ-
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 13 [Update : 11/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 11-01-2013 15:26:49



     กว่าจะดีกันได้ ลุ้นจนเหนื่อยเลยนะเนี่ย
     ซัทจังนี่ก็ขี้หึงและขี้วีนได้ที่ทีเดียว
     แล้วเร็นมาแอบหลงรักเด็กขี้หึงตั้งแต่เมื่อไหร่นะ



หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 13 [Update : 11/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 11-01-2013 17:55:41
ในที่สุดความพยายามของริวซากิเร็น ก็เ็ป็นผล
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 13 [Update : 11/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 11-01-2013 18:56:43
อยากมีแฟนน่ารักแบบนี้จังเลย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 13 [Update : 11/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-01-2013 00:06:53
แล้วตกลงเร็นสั่งทำต่างหูนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ยังไม่ไขข้อข้องใจเรยอ่าา

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 13 [Update : 11/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 13-01-2013 21:05:45
หุหุ ซัทจังปากแข็งอะ อิอิ ในที่สุดก้อดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 13 [Update : 11/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 23-01-2013 00:11:42
Ren’s Diary : Chapter 1

 วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตะวันยังไม่ตื่นขึ้นมาทำงาน อันที่จริงต้องพูดว่าผมยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืนมากกว่าเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่วันนี้จะได้เข้าไปมีตัวตนในสายตาของน้องหลังจากที่รอคอยมาเกือบหลายเดือน

ผมลุกขึ้นแล้วไปล้างหน้าล้างตา มองดูความหล่อของตัวเองอย่างภาคภูมิใจในหน้าตาที่คุณมี๊กับคุณป๋าบรรจงสร้างมาให้

วันนี้ออกจะดูหล่อเถื่อนกว่าทุกวันเพราะผมยังไม่ได้นอน ขอบตามันเริ่มดูคล้ำไปนิดแต่พอหันไปเจอสภาพเพิ่งตื่นนอนของยูตะกับโคเฮย์ที่นั่งดวลเกมส์กัน มาทั้งคืนแล้ว ผมก็ยังเป็นมนุษย์มนามากกว่าพวกมันอยู่หลายขุม

“สรุปนี่มึงกะย้ายไปตั้งรกรากอยู่กับซัทสึกิจังเลยหรือไงวะ?” ไอ้ยูมันยืนเกาพุงมองดูกระเป๋าของผมที่กองวางไว้รวมๆกันพลางหาวหวอดๆจนน่าถีบ

“กูว่าพาน้องเขามาอยู่กับมึงที่นี่ยังจะง่ายกว่า ริวซากิซามะผู้เพียบพร้อมจะไปอยู่ได้ไงกับหอพักโทรมๆแบบนั้นกัน”

เห็นแก่ว่าวันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดีหรอกนะ ผมถึงปล่อยให้ไอ้ยูกับไอ้จุนไล่งับน่องผมได้น่ะ ผมยักไหล่เบาๆแล้วก็บอกไปตามแผนที่ผมวางไว้

“เรื่องที่จะพาน้องมาอยู่ที่นี่น่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว แล้วพวกมึงทุกตัวเลย เอาการ์ดห้องกูมาวางคืนไว้ตรงนี้ซะดีๆ”

ผมชี้ลงกับโต๊ะที่อยู่ข้างๆ ไอ้พวกนั้นมองหน้าผมแบบสงสัยจะมีก็แต่ ไอ้เฮย์ที่ส่ายหน้าไปมาเบาๆคล้ายอาการของคนรู้ทันผม ตลอดล่ะไอ้นี่ รู้ทันตลอดโดยที่ผมไม่ต้องพูด ไม่เหมือนไอ้ยูกับไอ้จุนที่ค่อนข้างซื่อบื้อต้องให้ย้ำด้วยส้นตีน อีกครั้งมันถึงยอมควักการ์ดสำรองห้องผมมาวางไว้

“อ่อ นี่กะไม่ให้พวกกูมาเป็นก้างขวางคอของมึงกับน้องใช่ไหม?”

ไอ้จุนมันนึกออกในนาทีที่ช้าไปครับ ผมรวบเอาการ์ดของพวกมันเก็บลงกระเป๋าตัวเองแล้วยักคิ้วใส่มัน ให้มันทำท่ากระฟัดกระเฟียดไปผมก็ไม่มีทางเอาการ์ดคืนให้พวกมันหรอก

“แน่นอน แล้วอย่างพวกมึงน่ะไม่ใช่แค่ก้างขวางคอหรอกแต่เป็นกระดูก ชิ้นโตเลยทีเดียว และถ้ากูพาน้องมา พวกมึงอย่าหวังว่าจะได้มาขวางความสุข ของกูกับน้องเด็ดขาด” ผมยกนิ้วปาดคอขู่พวกมันอีกหน ไอ้จุนกับไอ้ยูมันพร้อมใจกัน เบ้ปากใส่ผมครับ

“รอให้หิมะตกที่ซาฮาร่าก่อนเถอะมึง ครึ่งปีมาแล้วมึงยังเอาตัวเข้าไปรู้จักน้องเขาไม่ได้ กูว่าอีกครึ่งปีต่อจากนี้ไปมึงก็ไม่ได้แอ้มซัทสึกิจังหรอกว่ะ แค่ขาอ่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะได้มีโอกาสเห็นหรือเปล่า” ผมยกนิ้วกลางแทนใจให้ไอ้จุนแทนคำขอบคุณที่มันปากมากอวยพรให้ผมซะดิบดีก่อนออกรบ

“งั้นมึงคอยดู ภายในวันนี้กูจะออกเดทครั้งแรกกับน้องให้พวกมึงดู แล้วก็ จะทำให้น้องเป็นของกูให้ได้ภายในสามวันด้วย!” ผมประกาศออกไปด้วยความ มาดมั่นและมั่นใจหลังจากเตรียมพร้อมมาถึงครึ่งปีด้วยกัน

“เออ! พวกกูจะคอยดู”

มันตอบกลับมาพร้อมกันครับ แต่สายตาแม่งไม่เชื่อ เอาเถอะ พูดไปก็ไร้ประโยชน์ สู้ผมใช้เวลาเถียงกับพวกมันนี่รีบไปหาน้องดีกว่า

หอพักที่น้องอยู่ห่างออกไปจากมหาลัยไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก ผมขับรถไปอย่างคุ้นเคยเพราะแอบไปเฝ้ามองน้องอยู่เป็นประจำ

พอแล่นรถเข้าไปจอดในบริเวณของหอพักที่น้องอยู่และผมก็จะมาใช้ ชีวิตอยู่กับน้องที่นี่แล้วผมก็ก้าวเดินลงจากรถอย่างสง่างาม ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆและไม่ต้องถูกองครักษ์พิทักษ์น้องตามไล่เหมือนกับทุกทีด้วย

ทากาโมโต้ มิซึรุที่เป็นคนดูแลหอเดินมาเปิดประตูให้ผมและยืนมองผม ขนข้าวของลงจากรถมาวางไว้ข้างล่างอย่างไม่คิดจะช่วยเท่าไหร่

หมอนี่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยไปถึงกองข้าวของๆผมแล้วก็เหยียดยิ้มเหมือนทุกครั้งที่เราเจอหน้ากัน

“ฉันคิดผิดหรือเปล่านะที่ยอมให้นายมาอยู่กับซัทจังมัน”

ผมยักไหล่กับคำพูดของเขาแล้วเอามือล้วงกระเป๋า จ้องตามิซึรุกลับไปด้วยสายตาที่คุณป๋าสอนว่าต้องทำแววตายังไงถึงจะเป็นผู้ชนะได้ทุกครั้ง

“ถึงตอนนี้แล้ว นายก็เปลี่ยนคำพูดไม่ได้หรอก ฉันรักษาสัญญาของฉัน มาตลอด พวกนายเองก็ต้องรักษาสัญญาที่จะช่วยให้ฉันได้รักกับน้องเหมือนกันนั่นแหละ” มิซึรุส่ายหัวเบาๆก่อนจะยักไหล่อีกหน เขาบอกว่าจะไปตามน้องลงมา ให้ผมคอยอยู่ที่นี่ พอเขาหันหลังกลับเข้าบ้านไป หน่วยองครักษ์พิทักษ์น้องอีกสองคนก็เดินออกมาจากบ้านพอดี

“อื้อหือ มาแต่เช้าเลยแหะ”

“ว่าแล้วเชียว นี่นึกว่าจะรีบมาตั้งแต่ตอนเที่ยงคืนซะอีก” เจอเวรกรรมให้โดนแทะน่องระลอกสองครับหลังจากเสียน่องให้ไอ้ยูกับไอ้จุนแดกกันไปล่วงหน้าแล้ว

มนุษย์สองคนที่กล้าแทะน่องผมโดยที่ผมได้แต่เหยียดยิ้มไม่โต้ตอบนี้ คือองครักษ์พิทักษ์น้องที่เป็นด่านปราการหนาแน่นที่สุดครับ

พวกเขาคือเคนอิจิกับไดสุเกะคุง เพื่อนสนิทเพื่อนซี้เพื่อนตายของน้องที่เป็นตัวขวางไม่ให้ผมเข้าไปในชีวิตน้องมาครึ่งปีเต็ม เป็นคู่หูที่แม้จะไม่กวนประสาทมากเท่ากับไอ้ยูไอ้จุน แต่ก็ทำให้ผมประสาทเสียได้มากพอสมควร

“แล้วซัทสึกิล่ะ? ยังไม่ตื่นหรอ?”

ผมถามกลับไปอย่างสุภาพตามประสา(ว่าที่)เพื่อนเขยที่ดี

“ยังไม่ตื่นแต่เดี๋ยวก็คงตื่น พี่มิซึรุขึ้นไปปลุกแล้วนี่ ผมไปเรียนก่อนล่ะ รุ่นพี่ ก็หุบๆยิ้มหน่อยนะ ปากจะกว้างถึงหูแล้วรู้ไหม”

ไดสุเกะคุงเอ่ยแซวแล้วฉีกยิ้มใส่ก่อนจะโบกมือบ้ายบายทิ้งให้ผมอยู่กับเพื่อนตัวขาวของเขาตามลำพัง

“หวังว่าพี่คงไม่กดเพื่อนผมตั้งแต่คืนแรกหรอกนะ” เคนอิจิพูดขึ้นลอยๆครับ ผมละสายตาจากกระจกรถที่หันไปมองว่าปากผมกว้างจริงตามที่ไดสุเกะคุงพูดหรือเปล่าหันกลับมามองไอ้เด็กปากดีแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

“ถ้าซัทสึกิสมยอมก็คงไม่มีปัญหาใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ขืนใจเพื่อนนายหรอก” ผมผิวปากเบาๆกับอาการเบ้ปากของเคนอิจิ

ใจมันเริ่มเต้นอีกแล้วครับเมื่อได้ยินเสียงน้องลอดผ่านประตูมา เหมือนเขากำลังงอแงอยู่กับมิซึรุครับ แต่เพราะประตูยังไม่เปิดผมเลยจับใจความไม่ได้ว่าเขากำลังงอแงอะไรอยู่

พอประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับร่างของน้องที่เดินตามแรงจูงของมิซึรุมาในลักษณะเหมือนยังไม่ตื่นสักเท่าไหร่แถมยังทำปากเป็ดได้น่ารักเท่าโลกอีก ผมก็แทบเซไปพิงกับรถอย่างหมดแรงเพราะถูกความน่ารักของน้องทำร้ายกันตั้งแต่ยกเริ่มต้นเลยทีเดียว

เป็นบุญตาของริวซากิ เร็นมากครับวันนี้

น้องใส่เสื้อกล้ามที่เป็นสี(เกือบ)ขาวกับกางเกงผ้าขาสั้นลายนีโม่อวดเรียวขาโชว์ผมให้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ลบคำสบประมาทที่ไอ้จุนมันว่าไว้ว่าผมคงจะไม่มีทางได้เห็นขาอ่อนของน้องแน่ๆ

ผมขยับเอาตัวบังองศาที่ไอ้พวกเพื่อนตัวร้ายของผมจะมองเห็นน้องจาก มุมนอกรั้วครัว ผมหวงไม่อยากให้พวกมันได้เห็น โดยเฉพาะไอ้ยูกับไอ้จุนนี่ให้เห็นไม่ได้เด็ดขาดครับ อ่อนี่ผมไม่ได้บอกใช่ไหมว่าไอ้พวกนั้นมันขับรถตามมาซุ่มดู มันบอกว่ายังไงมันก็อยากเห็นน้องสาดเกลือไล่ใส่ผมเหมือนกับที่พวกมันเคยโดนครับ

ผมยืนใจเต้นเก๊กหน้าหล่อรอเวลาที่น้องเงยหน้าขึ้นมามองระหว่างที่มิซึรุพูดขึ้นครับ รอนาทีที่น้องจะได้รู้จักกับผมครับ

“นี่ริวซากิ เร็นจะมาเป็นรูมเมทของนายนะซัทจัง”

สายตาของน้องดูงงๆครับ เขาหันมองหน้ามิซึรุที่พูดอีกรอบแล้วก็หันมา มองหน้าผม แล้วหันไปมองรถของผม ข้าวของที่วางกองเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองหน้าเคนอิจิแล้วกลับมามองหน้าผมอีกที

“ทำไมต้องห้องผมด้วยล่ะ?”

ใจแป่วไปสามส่วนสี่แล้วครับพอน้องหันไปถามกับมิซึรุ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยินดีเลยที่จะได้อยู่กับรูมเมทสุดหล่ออย่างผมคนนี้

“ก็มึงอยู่คนเดียว หรือมึงจะให้มาอยู่ห้องพวกกู ห้องพวกกูนอนอัดกันไปสามคนแล้วนะ”

เคนอิจิสวนกลับแทนมิซึรุครับ ผมยืนมองน้องอ้าปากแล้วก็หุบปากซ้ำอยู่สองสามรอบ เหมือนจะเถียงแต่นึกหาคำเถียงไม่ออก มันน่ารักมากครับ ผมมอง เขาอย่างเพ้อๆจนต้องรีบปรับสายตาเมื่อเคนอิจิมันหันมายักคิ้วใส่ผม

“เตียงห้องผมสามฟุตครึ่งเองนะ..”

ผมจะละลายกับคำโอดครวญของน้องเขาแล้วครับ ทำหน้าเหมือนถูก รังแกด้วยอีกต่างหาก มันน่าดึงเข้ามากอดแล้วจูบเบาๆปลอบเอาเสียจริง แต่ถ้าทำอย่างนั้น ผมคงมีชะตากรรมที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิตเหมือนกับไอ้ยูไอ้จุนแน่ๆ อย่าเพิ่งเสี่ยงเลยดีกว่า

“ก็ไปซื้อใหม่ก็ได้นิไอ้โง่ รุ่นพี่ริวซากิเขามีเงินไม่เหมือนเด็กยาจกอย่าง นายหรอก” เคนอิจิว่าขึ้นมาครับ เหมือนจะช่วยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยให้แย่ลงไปอีก หรือเปล่า ผมพอจะรู้ฐานะของน้องครับว่าเป็นอย่างไร ฐานะของน้องถึงจะสู้ผมไม่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นยาจกซะหน่อย เคนอิจิพูดเกินไปนะ ถ้าน้องหมั่นไส้ผมขึ้นมาจะ ทำไงกัน

“มีเงินแล้วจะมาอยู่หอพักพวกเราทำไมวะ”

ผมว่าแล้วเชียวครับว่าน้องต้องถามกลับมาอย่างนี้ ก็ดูสิหอพักนี่มันโทรมมากๆจนผมอยากยกไปตั้งไว้ในพิพิธภัณฑ์โบราณสถานแห่งชาติแล้วสร้างหอพัก ใหม่ไฮโซมาแทนที่ให้มันสมกับราคาที่ดินแถวนี้หน่อย

แต่ประเด็นไม่ใช่ตรงนี้ครับ มันติดอยู่ที่นัยน์ตากลมโตสดใสของน้องที่ มองมาที่รถของผมกับกระเป๋าของผมแล้วหันมามองหน้าผมอีกทีก่อนจะเบ้ปากใส่ เห็นหน้าตาน่ารักแบบนี้แต่ดูแล้วนิสัยร้ายกาจไม่เบานะเด็กคนนี้

“ก็แค่อยากลองใช้ชีวิตบ้านๆดูบ้าง”

ผมจำใจสร้างคำตอบใหม่ไปให้น้องครับ ถ้าบอกซัทสึกิว่าผมอยากมาอยู่ที่นี่เพราะอยากอยู่กับเขา อยากเข้าใกล้เขา ผมเชื่อเลยว่าผมคงไม่โดนไล่สาดเกลือเหมือนไอ้ยูกับไอ้จุนหรอกแต่คงเป็นน้ำมันเดือดๆแน่

น้องเหมือนตั้งท่าจะเถียงอีกครับแต่ได้มิซึรุช่วยตัดบทให้ คนดูแลหอตบ ไหล่น้องจนน้องเซก่อนจะเดินไปจากบ้านเฉยเลย ผมแอบคาดโทษที่เขามือหนักกับน้องไว้ในใจ(ไว้ชำระวันหลัง)

“ซัทจัง! นายช่วยริวซากิขนของขึ้นไปบนห้องด้วยก็แล้วกัน”

ผมขยับไปจะห้ามครับเพราะของมันเยอะแล้วก็หนักด้วย ผมกะจะยกขึ้น ไปเองเพราะไม่อยากให้น้องเหนื่อย

แต่หางตาผมเห็นเสียก่อนว่าไอ้พวกตัวร้ายมัน ลงจากรถมาแล้ว ยังไงผมก็ต้องหาทางให้เขาไปจากตรงนี้ก่อน

“ยัดหมดนี่เข้าห้องก็ไม่ต้องซื้อเตียงใหม่กัน”

น้องบ่นครับ ผมก็เห็นใจเขาอยู่ แต่ด้วยความสิ้นคิด ผมล้วงกระเป๋าตังค์ควักแบงค์ออกมายื่นให้เขา

“เอาไปแล้วจัดการขนของขึ้นไปให้ด้วย เสร็จแล้วรีบลงมาล่ะจะได้ไปซื้อเตียง” ผมเอาตังค์ให้เขาไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ครับ แต่เห็นหน้าน้องแล้วผมรู้สึกเหมือน ผมคิดผิด

“คิดว่าเอาเงินฟาดหัวแล้วฉันจะยอมทำให้นายหรือไง?”

“ใช่” รีบๆรับไปสิคนดี ไอ้ยูกับไอ้จุนมันเดินมาจะถึงรั้วอยู่แล้วยัง

“จะเอาไม่เอา”

“เอา!”

น้องคว้าตังค์ในมือของผมหมับแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองทันทีก่อนที่เคนอิจิจะมาคว้าไป แถมยังไปกระทุ้งศอกใส่ท้องเคนอิจิแล้วพยักพเยิดไปที่กองข้าวของ

“ช่วยกูหน่อย”

“เรื่องดิ เงินก็กูก็ไม่ได้ ทำไมกูต้องช่วย? โอเคๆ ช่วยก็ได้ เอะอะใช้กำลัง กับคนน่ารักอย่างกูตลอด”

น้องน่ารักดีครับเวลาเขาทำตัวห้าวใส่เพื่อน น้องเงื้อหมัดไปหาเคนอิจิแบบห้าวสุดๆ แต่น่ารักมากๆในสายตาของผม ผมอมยิ้มในใจกับความน่ารักของเขาก่อนจะมองเขาแบกกระเป๋าของผมเข้าบ้านไป

ความหนักของกระเป๋าทำให้น้องตัวเอียงเลยครับ ดูท่าเขาแบกกระเป๋า จนตัวเอียงไปบ่นงุบงิบไปแล้วมันน่ารักมากๆเลยครับ รู้สึกว่าผมจะใช้คำว่าน่ารัก มากเยอะไปหน่อย แต่หาคำจำกัดความอื่นให้น้องนอกจากคำนี้ไม่ได้แล้วครับ

คล้อยหลังน้องกับเคนอิจิที่เข้าบ้านไปแล้ว ผมก็หันหลังขวับแล้วปรี่เดิน ไปหาไอ้ยูกับไอ้จุนที่มันสะเออะลงมาจากรถครับ

“เอาหัวพวกมึงไสออกไปจากอาณาเขตสายตาของน้องกูเลยนะ”

ผมมองมันดุๆ แต่ไอ้สองตัวนี่ยังยิ้มระรื่นอยู่

“แหมมึง กูก็อยากเห็นน้องมึงระยะประชิดบ้างไรบ้าง กูเห็นนะว่าน้องมึงใส่ขาสั้นวันนี้” นี่ขนาดผมเอาตัวบังๆไว้แม่งยังสายตาดีมองเห็นกันอีกนะ ผมส่ายหน้ารำคาญใจพวกมันก่อนจะปัดมือไล่

“รีบไปให้พ้นก่อนซัทสึกิจะลงมาเลยเชียว”

ผมขึงตาดุพวกมันอีกหนครับ แต่ถ้ามันเชื่อ ผมก็คงไม่ต้องเอาตัวเองเข้า ไปล็อกคอพอมันแล้วลากกลับมาหาโคเฮย์ที่รถหรอก

“เอาสองตัวนี้ไปเก็บทีดิ๊”

ผมบอกกับไอ้เฮย์ครับ ไอ้นี่ก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วล็อกคอไอ้สองตัวนี่ไว้ ปล่อย ให้มันกระฟัดกระเฟียดที่ไม่ได้มาส่องขาอ่อนน้องอย่างที่มันต้องการแล้วผมก็เดินกลับมาที่หอพัก

น้องขนของขึ้นไปหมดแล้วครับ ผมเลยเดินตามขึ้นไปและก้าวเข้าไปใน ห้องทางซ้ายซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้ที่รู้ดีว่าเป็นห้องของน้อง

ห้องของน้องไม่มีอะไรตกแต่งมากครับ เป็นห้องเรียบๆแต่จัดไว้เป็น ระเบียบและสะอาดดี เจ้าตัวเขากำลังนั่งอยู่ตรงปลายเตียงครับ พอเคนอิจิเห็นผม เข้ามาก็เดินหลีกออกจากห้องไปให้อย่างรู้มารยาท ผมกวาดสายตามองดูข้าวของ ที่วางไว้เต็มพื้นก่อนจะเดินไปดึงแขนเขาให้ลุกขึ้น จูงเขากลับลงไปข้างล่างโดยไม่พูดอะไรแล้วก็ดันตัวเขาเข้าไปนั่งในรถ

ผมถอยรถออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี แต่พอถอยรถออกมาหน้าบ้าน แล้ว ผมก็เห็นรถของไอ้จุนที่ไอ้ยูมันไปนั่งที่ประจำคนขับแถมยังแสยะยิ้มส่องผ่าน มาให้ผมทางกระจกหลังอีก

ผมเหยียบคันเร่งแล้วบึ่งรถออกไปทันทีจนน้องเกือบหัวคะมำ ดีที่เด็กดี เขารัดเข็มขัดนิรภัยไว้ แต่ไอ้ยูก็เหมือนจะรู้ทันครับเพราะมันก็เหยียบคันเร่งตามผมมาติดๆ

“เดี๋ยว! นี่เรากำลังจะไปไหนกัน?” น้องร้องถามผมขึ้นมาในที่สุดครับหลังจากเราเลี้ยวเข้ามาในถนนใหญ่แล้ว

“ไปหาไรกิน หิว! แล้วก็ไปซื้อเตียงด้วย”

ผมบอกเขาไปอย่างนั้นแต่กระตุกยิ้มกับตัวเอง

เรากำลังจะไปเดทกันต่างหากล่ะซัทสึกิ...

คอยดูไว้นะไอ้ยู ไอ้จุน กูจะทำให้พวกมึงสำลักความหวานของกูกับน้อง จนต้องลงไปดิ้นกับพื้นเลยคอยดู!

มื้อแรกของวันแรกที่เราได้รู้จักกัน หรืออันที่จริงต้องบอกว่าน้องได้รู้จัก ผมเพราะจริงๆแล้วผมรู้จักเขามานานแล้ว เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมกับเพื่อนๆชอบมากินกันครับ

ร้านนี้รสชาติใช้ได้แถมบรรยากาศยังดีเลิศ เรามากันตอนเกือบสิบเอ็ดโมงแบบนี้ร้านเพิ่งเปิด คนยังไม่เยอะครับ เป็นความสงบที่ผมค่อนข้างชอบแต่ดูเหมือนน้องจะไม่ปลื้มเท่าไหร่ที่ผมพาเขามาร้านนี้

“นายจะกินที่นี่เนี้ยนะ?”

น้องยืนตัวแข็งอยู่ข้างรถครับ ดูแล้วจะตั้งป้อมดื้อไม่ยอมเข้าร้านไปกับผม แต่ยังไงผมก็ต้องพาเขาเข้าร้านนี้ให้ได้

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 13 [Update : 11/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 23-01-2013 00:12:36
เหตุผลคือหนึ่ง ผมอยากให้น้องกินอะไรอร่อยๆที่ผมเองก็ยังชอบ อยากสร้างความประทับใจขั้นต้นด้วยอาหารดีๆกับเขา และสองคือไอ้ยูที่วนรถมาจอดอยู่ข้างหลังน้องห่างออกไปสามสี่เมตรและกำลังส่งสายตามองดูเราสองคนอย่างกระหายและใคร่รู้มากๆว่าผมจะเดทกับน้องสำเร็จไหม ซึ่งถ้าคนดีไม่ยอมตามผมเข้าไปในร้านนี้ ผมคงถูกมันประณามและเหยียบย่ำแน่ๆว่ากะอิแค่เดทแรกที่คุยไว้ว่าจะทำให้สำเร็จภายในวันนี้ยังไม่สำเร็จเลย

“ใช่”

“ไม่เอาอ่ะ นู่นเลย ข้าวกล่องเซเว่นพอ”

น้องเห็นข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อดีกว่าอาหารอิตาเลี่ยนหรูระดับห้าดาวได้ยังไงกัน นิ้วป้อมๆของเขาชี้ไปที่ร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามแล้วใช้สายตามองผมประมาณว่ายังไงก็จะให้ไปกินข้าวกล่องให้ได้ ผมส่ายหน้าใส่เขา

“ข้าวกล่อง? มิน่าโตมาตัวถึงได้แคระแกร็นแบบนี้”

ผมไม่ตั้งใจว่าเขาหรอกนะ ตัวซัทสึกิเล็กน่ารักกำลังน่าฟัดกำลังดีมากๆเลยล่ะ แต่ผมจำเป็นต้องทำให้เขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงเล็กๆน้อยๆ เพราะถ้าใช้คำหวานกับคนอย่างเขาและจูงเข้าไปในร้านคงจะยากหน่อย สู้ให้โมโหตกหลุมพรางเราดีกว่าจริงไหมครับ?

“อื้อหือ! ปากร้าย! ส่วนสูงฉันได้มาตรฐานแล้ว นายน่ะแหละสูงเกินไป!”

น้องว่าแล้วถลาเข้ามาเงื้อหมัดใส่ผมครับ แต่ขอโทษที คิดจะทำร้ายว่าที่แฟนในอนาคตคนนี้น่ะไม่มีทางได้ทำสมใจหรอกนะซัทสึกิจัง

ผมคว้าข้อมือเล็กของเขาไว้แล้วลากเขาเข้าไปในร้าน น้องสบถเป็นชุด เลยครับ แต่ยังดีที่เขารักษามารยาทด้วยการสบถในลำคอและยอมให้ผมจับเขานั่งลงกับโต๊ะที่ผมเลือกได้

ผมเลือกโต๊ะที่อยู่มุมๆครับ และจับเด็กดื้อเขานั่งลงในมุมที่ข้างหน้าเขา จะเห็นแค่ผมกับฝาผนังเท่านั้น ผมไม่ยอมให้เขาเห็นคนอื่นหรอกเพราะรู้ดีว่าไอ้ยูที่คอยเสือกอยู่มันจะต้องตามเข้ามาในร้านแน่ๆ

แล้วก็จริงอย่างที่คิดครับ พอผมหย่อนก้นนั่ง ยังไม่ทันรับเมนูจากบริกรไอ้ยูก็ถลาเข้ามาในร้าน ตามด้วยจุนยะที่ทำหน้าระรื่นโปรยเสน่ห์ให้สาวๆซึ่งนั่งอยู่ ตรงโต๊ะที่มันเดินผ่าน และโคเฮย์ที่ดูท่าทางจะเข้ามาเพราะเปรมปรีดิ์ที่จะได้กินมากกว่าสนใจเรื่องของผม

แต่น่าแปลกใจนิดหน่อยที่ไอ้ซึงโฮมันก็มาด้วย ไอ้คนหลังนี่มันมาสมทบกับไอ้พวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มากันครบก๊กแบบนี้ จะมาเป็นพยานความหวานของกูให้ได้ใช่ไหมครับเพื่อน

โอเคได้เลย ริวซากิ เร็นจัดให้!

“อยากกินอะไรก็สั่งไปเลยนะ”

ผมบอกน้องแล้วมองผ่านเลยข้างหัวของคนน่ารักเขาไปยังสามโต๊ะถัดไป ยูตะกำลังทำหน้ากวนอวัยวะเบื้องต่ำมากครับ แต่คู่หูของมันจุนยะนั้นแยกขาไปส่งสายตาจีบสาวโต๊ะข้างๆอยู่

ส่วนโคเฮย์กับซึงโฮนี่ไม่มีปัญหา สองคนนั้นกำลังสั่งออร์เดอร์กับพนักงานอยู่ ปากผมสั่งอาหารไปแล้วตาผมก็มองข่มขู่ไอ้ยูไปไม่ให้มันเข้ามายุ่มย่ามในเขตของผมกับน้อง

คนดีเขาสั่งคาโบนาร่าไปผมก็จำเอาไว้ แต่เขาสั่งแค่อย่างเดียวครับที่ เหลือผมเป็นคนสั่งทั้งหมด ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสั่งอะไรไปบ้าง แต่เปิดผ่านเมนูแล้วจำได้ว่าเคยกินและมันก็อร่อย ผมก็สั่งมาเพราะอยากให้น้องได้ลองกินดูบ้าง

“พอแล้วๆ จะสั่งเยอะแยะไปไหน มาแค่สองนะไม่ใช่สิบ”

น้องร้องท้วงแล้วเอามีดที่วางอยู่คู่กับส้อมบนโต๊ะมาเคาะข้อนิ้วผม แรง จนผมต้องนิ่วหน้าเลยครับ ทำร้ายร่างกายกันอีกแล้วนะซัทสึกิจัง

“นายน่ะกินไปเยอะๆ จะได้เอาไปพัฒนาส่วนสูงบ้าง แล้วก็ไม่ต้องห่วงมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” ผมบอกออกไปอย่างนั้น กลบอาการตื่นเต้นดีใจที่จะได้ทานอาหาร มื้อแรกกับน้อง

คุณรู้ไหม ผมกำลังพยายามเกร็งใบหน้าไม่ให้เผลอยิ้มหวานให้เขาเพราะหัวใจมันพองโตจนจะล้นอก ผมได้แต่ทำหน้าขรึมๆแล้วหยิบเอาแก้วน้ำยกขึ้นมาจิบ

แต่พอน้องหันไปทางอื่นหรือทำอะไรก็ตามที่คนดีเขาจะไม่เห็นใบหน้าของผม ผมก็ต้องเผลอยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู

ไม่ว่าซัทสึกิจะทำอะไรมันก็ดูน่ารักไปหมด น้องเอาส้อมกับมีดที่เขาวางไว้บนโต๊ะมาเขี่ยๆกันเล่น ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เวลาออกงานสังคมมันจะดูไร้มารยาทไปบ้าง แต่เพราะนี่ไม่ใช่งานสังคมและน้องอยู่กับผมแค่ตามลำพัง เราจะไม่นับสัมภเวสีที่เกาะขาผมมาอีกหลายชีวิตนั่นนะครับ ผมเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปดุน้องที่เขา ทำอย่างนั้น และผมเองก็คิดว่ามันน่ารักดี

น้องกัดปากบ้างทำปากงอบ้างแล้วก็บ่นเจื้อยแจ้วว่าผมน่าจะบอกก่อนว่าจะมากินร้านหรูๆแบบนี้ เขาจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่ คนดีเขาอวดด้วยครับว่าเขาแต่งตัวเร็ว แค่สองนาทีก็เสร็จแล้ว ผมน่ะใจร้อนเกินไป

ผมฟังแล้วก็ยิ้มน้อยๆที่มุมปากไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจคิดเออออไปกับเขา ผมอ่ะพลาดไปแล้วที่ลากเขาออกมาพร้อมกับชุดนี้ คราวหน้าคราวหลังผมจะไม่ให้พลาดแบบนี้อีกแล้ว

เจ้าตัวเขาอาจจะคิดว่าตัวเองดูซอมซ่อกับเสื้อผ้าชุดนี้ แต่ผมขอบอกเลยว่ามันซ่อนความเซ็กซี่อย่างร้ายกาจเอาไว้ น้องตัวเล็กๆขาวๆ ใส่เสื้อกล้ามกับ กางเกงขาสั้นแบบนี้เป็นอาหารตาของพวกเสือสิงกระทิงแรดมากเกินไป

อย่างน้อยก็ไอ้ตัวที่นั่งจ้องขาน้องจนผมต้องแอบชูนิ้วกลางใส่หน้ามันไปหลายครั้งอย่างไอ้ยูคนหนึ่งแล้วนี่ล่ะที่ทำให้ผมขุ่นเคืองใจจางๆ ความหึงหวงไม่เกี่ยงว่าจะเป็นกับเฉพาะคนนอกครับ กับเพื่อนฝูงกันก็ไม่มีการยกเว้นใดๆทั้งสิ้น

เงยหน้าขึ้นมาอีกที น้องก็กำลังจ้วงซุปกินไปจนจะหมดแล้วครับ แถมยัง ทำเลอะปากอีกต่างหาก ดูแล้วน่ารักดีเหมือนเด็กๆเลยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเขา

“ปากเลอะ”

น้องเงยหน้าขึ้นจากจานซุปขึ้นมามองหน้าผมครับ ผมเลยยกนิ้วชี้ไปตรงมุมปากของผมเอง บอกตำแหน่งให้น้องรู้ น้องเอาลิ้นเลียไปรอบปากเลยครับ

ผมเห็นแล้วใจเต้นตึกตักอยากเอาลิ้นตัวเองเลียเช็ดแทนให้ก็กลัวจะโดนน้องถีบให้กลางร้าน เขาเลียอย่างเดียวก็คงรู้ว่ามันไม่หมดเลยจะเอาหลังมือป้าย ออกอีก แต่ผมไวกว่า ผมลุกขึ้นยืนชะโงกตัวข้ามโต๊ะไปหาและใช้ผ้าเช็ดปากในมือของผมซับที่เปื้อนตรงมุมปากของเขาให้แผ่วเบา

ได้ยินเสียงไอ้ยูมันกรี๊ดเบาๆ ไอ้นี่ดัดจริตเสือกดัดเสียงให้กรี๊ดออกมาแหลมๆเหมือนเสียงของผู้หญิง น้องหันขวับไปมองตามเสียงเลยครับ ผมขึงตาดุ ไอ้ยูมันข้ามหัวน้องที่สะเออะขัดจังหวะผม

“เอามานี่ เช็ดเองได้หน่า!” น้องหันกลับมาอีกทีแล้วเอ็ดผมก่อนจะดึงเอา ผ้าเช็ดปากในมือผมไปเช็ดต่อเอง ผมหัวเราะหึหึในลำคอก่อนจะยกไวน์ขาวขึ้นมาจิบแก้เครียดและกลืนคำที่อยากด่าไอ้คุณชายยูตะมันลงไปในลำคอด้วย เห็นจากหางตาครับว่ามันทำหน้าระรื่นมากๆที่ขัดจังหวะผมได้

ออกจากร้านอาหารแล้วผมก็มัดมือชกพาเขาไปห้างต่อครับ คนดีเขาดูงัวเงียแต่ก็ยอมเดินตามผมมาต้อยๆครับ ดูแล้วอยากเอื้อมมือไปจูงเขาเดินครับเพราะตอนนี้น้องเดินเหมือนปูเดินเลย เดินเฉไปเฉมา หน้าตาบ่งบอกความง่วง ขั้นสุด งั้นผมคงต้องรีบซื้อของเข้าหอแล้วพอน้องไปกล่อมนอนครับ

ของแรกที่เราจะไปซื้อก็คือเตียงครับ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะผมจะใช้นอนกับน้อง ผมกวาดตามองดูเตียงในร้าน ตามประสาคนที่ถูกสอนให้มองอนาคตมองการณ์ไกลตั้งแต่เล็กผมเลยต้องการเตียงที่มั่นคงและแข็งแรงครับ (ฉีกยิ้มกว้าง)

ผมกำลังชั่งใจกับการเลือกเตียงนอนอยู่เพราะเลือกไม่ถูกว่าอันไหนจะ เข้ากับห้องของน้องซึ่งมันยากมากๆ เพราะด้วยสภาพห้องแล้ว ใส่อะไรไปมันก็คง ไม่แมทต์ง่ายๆ น้องก็เดินเข้ามาหาแล้วเบียดอกเข้ากับท่อนแขนของผมเต็มรักเลยครับ คนดีพูดเสียงงัวเงียใส่หูผม

“เลือกเร็วๆนะ ง่วง”

เขาบอกผมแบบนั้นแล้วก็เดินเฉไปทิ้งตัวลงนอนกับเตียงที่ร้านวางโชว์เอา ไว้ เขาไม่ได้รู้ตัวเลยครับว่าท่านอนของตัวเองมันยั่วสายตากันมากแค่ไหน ยังมีการเอียงหน้ามามองผมด้วยสายตาปรอยๆคล้ายจะเชิญชวนให้ลงไปนอนด้วยกัน อีก ไหนจะแผ่นท้องขาวๆเพราะเสื้อกล้ามมันเลิกขึ้นไปอีก

โธ่คนดี..เก็บไว้ยั่วพี่ตอนคืนนี้ไม่ดีกว่ากันหรอครับ

หัวของผมว่างเปล่าไปหมดแล้วครับ สมองสั่งการให้หันกลับไปดูเตียง แล้วรีบๆซื้อมันซะ แต่สายตาผมละจากน้องไม่ได้เลย

“เอาหกฟุต ฟูกขอเป็นยางพารา ส่วนชุดผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มขอเป็นขาวล้วนสามชุด”

ผมไม่ได้มองหรอกครับว่าเตียงที่สั่งไปมันเป็นแบบไหนอะไรยังไง หัวผมมีแต่คิดว่าจะรีบพาน้องไปซื้อของต่อให้เสร็จเราจะได้รีบกลับไปสวีทกันที่บ้าน

ส่วนเตียงถ้ามันไม่แข็งแรงแล้วเกิดหักขึ้นมาวันไหนที่เราทำแอคทิวิตี้เสริมสร้างความรักกันมากเกินไปก็ค่อยมาซื้อใหม่ทีหลังก็ได้

“หกฟุต? บ้าหรือไงกัน ห้องแคบจะตายยัดเข้าไปได้ที่ไหนกัน แล้วผ้าปูเอาไปทำไมตั้งสามชุด?”

น้องได้ยินเสียงผมสั่งเตียงไปแล้วก็ถลาลุกเข้ามากระตุกแขนผมเลยครับ ผมมองหน้าเขานิ่งๆพยายามข่มใจที่เต้นตึกตักเอาไว้แล้วพูดกับเขาเสียงราบเรียบใช้จังหวะที่น้องฮึดฮัดเอานิ้วหนีบชายเสื้อกล้ามของน้องที่มันถลกขึ้นไปให้กลับเข้าที่เข้าทาง

“ก็เอาเตียงนายออกสิ ก็มีที่ตั้งแล้ว แล้วผ้าปูสามชุดเพราะฉันต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มทุกวัน”

“เอาเตียงฉันออกแล้วจะให้ฉันนอนพื้นหรือไงวะ แล้วเว่อร์ไปป่ะ ทำไม ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผ้าห่มทุกวัน?”

น้องทำปากเป็ดใส่ผมอีกแล้วครับ คงคิดว่าผมอนามัยจัดเกินไปเลยต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกวัน แต่เขาไม่รู้หรอกครับว่าเหตุผลจริงๆคือผมคาดการณ์ไว้ แล้วว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีเหตุให้เปลี่ยนผ้าปูกันทุกวันแน่นอน คิดหรือว่าผมจะปล่อยให้น้องนอนบนผ้าปูเลอะๆทุกวันน่ะ คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเลอะ อะไร แล้วเรื่องจะให้น้องนอนกับพื้นน่ะไม่มีทาง

“ก็นอนเตียงนี้ด้วยกันไง โง่จริง ใครจะปล่อยให้นายนอนพื้น”

น้องฟังแล้วพยักหน้างึกงักตามคำพูดผม น่ารักจนอยากกดลงกับเตียงที่วางโชว์ข้างๆนี่มากเลยครับ แต่คนดีเหมือนกับจะเพิ่งนึกขึ้นได้เขาทำตาโตใส่ผมแล้วเถียงเสียงสูงขึ้นมาทันทีเลยครับ

“ใครจะนอนกับนาย เอาสามฟุตครึ่งไปเลย นอนแยกๆ”

เขาร้องแล้วชี้นิ้วไปเตียงขนาดเล็กกว่าตรงข้ามหน้าผม ผมตีมือเขาทันที เลยครับ มาพูดแบบนี้ได้ไงกัน แถมยังพูดเสียงดังอีกต่างหาก ไอ้ยูที่อยู่นอกร้าน มันถึงกับหัวเราะตัวงอเลยครับ คิดว่ามันคงจะได้ยินเสียงน้องชัดเจนอยู่

“เจ็บนะเว้ย!” น้องสะบัดมือไปมาแล้วมองผมอย่างอาฆาต จริงๆแล้วผม แค่ตีไปเบาๆนะ ใครจะกล้าทำน้องเจ็บกันละครับ

“ห้องแคบเท่ารูหนู ยัดเตียงสามฟุตครึ่งไปอีกเตียงก็ไม่ต้องมีที่เดินกันพอดี”

ผมบอกเขาไปอย่างนั้นแล้วก็หันไปหยิบเอาบัตรเครดิตของผมส่งให้กับ พนักงานขาย น้องยังคงบ่นงึมงำอยู่ข้างๆผมครับ แต่ผมไม่สนใจแล้ว ยังไงผมก็ต้องเอาเตียงหกฟุตไปให้ได้ครับเพื่อที่จะได้ให้น้องนอนอยู่กับผมให้ได้หรือนัยที่แท้จริงคือผมต้องการนอนกอดน้องทุกคืนครับ

“ยังไม่เลิกบ่นอีก” ผมรับบัตรก่อนบอกแผนที่ให้ทางร้านเอาเตียงไปส่งเสร็จแล้วหันมาหาน้อง น้องยังยืนบ่นงุบงิบอะไรอยู่ในลำคอข้างๆผมอยู่เลยครับแถมยังทำแก้มป่องอีกต่างหาก ผมเลยเอื้อมมือไปดึงแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว เด็กอะไรน่ารักจริงๆ

“ไปซื้อทีวีกับตู้เย็นกัน!”

ผมบอกแล้วก็ดึงแขนเขาออกจากร้านไปครับ

กว่าจะซื้ออะไรเสร็จกลับมาถึงบ้าน น้องก็ดูเหมือนจะเพลียอย่างแรง เขาทำหน้าง่วงแล้วก็หงุดหงิดจางๆกับเสียงเจาะผนังห้องเพื่อติดทีวีที่ผมเพิ่งไปเลือก ซื้อมากับเขากับเสียงที่ติดตั้งแอร์เครื่องใหม่ คนดีเขาเลยเกร่ออกจากห้องไป ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

เพราะคืนนี้ผมจะมีเวลาอยู่กับเขาทั้งคืนนี่นา

 -TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 14 [Update : 23/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 23-01-2013 00:42:55
ที่แท้เรนก็ตามจีบซัทจังมานานเหมือนกันนะเนี๊ย ดีใจที่ลงเอยกันได้
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 14 [Update : 23/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 23-01-2013 07:29:38
โอ๊ะโอ คุณชายตามจีบซัทจังมานานแล้วหรานิ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 14 [Update : 23/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-01-2013 21:18:51
แผนเยอะจังนะ เร็น

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 14 [Update : 23/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 24-01-2013 15:31:03



      วางแผนเตรียมการมานานใช้ได้เลยนี่เร็น
      ว่าแต่ผ่านด่านเหล่าองครักษ์มาได้ยังไงน่ะ



หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 02-02-2013 23:51:21
Ren’s Diary : Chapter 2

 ติดแอร์กับทีวีเสร็จ เตียงก็มาส่งพอดีครับ พอหันไปเห็นเตียงที่ผมสั่งมาแล้วผมก็อยากทำฮาราคีรีตัวเองซะ

ดันเลือกเตียงหลุยส์มาได้ยังไงกันวะครับ ริวซากิ เร็น น้องเห็นแล้วจะคิดยังไงกันล่ะเนี้ย งานเนี้ยดับสนิทครับเรื่องรสนิยมแต่ช่างมันเถอะ ดูขาเตียง ฐานเตียงแล้วมั่นคงแข็งแรงดีก็คงโอเคแล้วล่ะ

ผมลองทดสอบด้วยการกระโดดไปทิ้งตัวลงกับเตียงอยู่สองสามทีครับโอเครากฐานมั่นคง ชีวิตรักเราไม่สั่นคลอนแน่นอนครับเมื่อนอนเตียงนี้

น้องจะมาว่าไม่ได้นะครับว่าผมนอนเซ้นส์ที่เลือกเอาเตียงหลุยส์มายัดใส่ห้องเขาแบบนี้ เพราะว่าตัวน้องเองแหละครับที่ทำให้ผมเสียสมาธิตอนเลือกจน ต้องชี้ส่งเดชไปนี่ครับ

ผมอาบน้ำแล้วกลับมานอนเล่นดูทีวีอยู่บนเตียง รอน้องกลับมาอยู่พักใหญ่ เขาก็กลับเข้ามาพร้อมกับลากตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่เข้ามาด้วยครับ

น้องโยนตุ๊กตาตัวนั้นไว้กับพื้นข้างเตียงก่อนจะไปเดินปึงปังเข้าห้องน้ำไปครับ ผมได้ยินเสียงน้องอาบน้ำ ในหัวมันก็จินตนาการพลุ่งพล่านอยากจะเข้าไปอาบกับน้องอีกรอบแม้ว่าผมจะอาบไปแล้วก็เหอะ

และถึงจะอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแต่อยู่ดีๆเหงื่อมันก็ไหลออกมาจนผมรู้สึก ว่าฝ่ามือมันชื้นเลยทีเดียวครับ สงสัยต่อมจินตนาการของผมจะทำหน้าที่ดีมากเกินไปหน่อย

ผมเลยพยายามเลิกคิดถึงวิธีการอาบน้ำของน้อง (อันที่จริงคือคิดภาพน้องโป๊ครับ) หันมาสนใจไอ้ตุ๊กตากระต่ายนี่แทน น้องลากมันมาทำไมกัน เตียงเก่าน้องก่อนเอาออกไปก็ย้ายตุ๊กตามาไว้บนเตียงนี้หมดแล้วนี่นา มันก็มีแค่ตุ๊กตา น้องหมาแค่ตัวเดียวเท่านั้นเอง ซึ่งผมก็เอาวางไว้ตรงหัวเตียงข้างหมอนของน้องแล้วไอ้ตัวนี้มันมาจากไหนกันล่ะ

ผมกำลังคิดเพลินๆอยู่ครับ น้องก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับชุดที่ ทำให้ผมต้องตาค้าง

เดี๋ยวครับ! มันไม่ได้เซ็กซี่หรอกนะ แล้วน้องก็ ไม่ได้โป๊เดินโทงๆออกมาด้วย น้องใส่เสื้อมาหลายชั้นมากจนตัวเขาพองเหมือนใส่ดาวน์แจ็คเกตเลยครับ เห็นแล้วอยากลอกเปลือกออกทีละชั้นๆเพื่อค้นหาเนื้อในขาวๆเอาเสียจริง

“หนาวขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันหรี่แอร์ให้เอาไหม?” ผมถามหยั่งเชิงดูครับแต่ก็รู้อยู่หรอกว่าน้องใส่แบบนี้เพราะคงจะไปได้ยินอะไรเกี่ยวกับผมมาแหงๆไม่ใช่เพราะอากาศเย็นๆในห้องที่ผมเปิดแอร์คอยเขาไว้หรอกครับ เพราะขนาดผมใส่แค่ ชุดนอนผ้าซาตินที่เนื้อไม่หนาสักเท่าไหร่ ผมยังไม่รู้สึกหนาวเลย

“ไม่เป็นไร ฉันชอบนอนแบบนี้”

น้องบอกอย่างนั้นก่อนจะลากไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่นั่นขึ้นมาบนเตียง คนดีเขาเอาไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นวางคั่นไว้ระหว่างผมกับเขาแล้วก็หลับไป คิดหรอว่าของแค่นี้จะ กันพี่เร็นได้น่ะครับที่รัก

ผมลอบยิ้มกับความน่ารักของเขาในจุดนี้ก่อนจะลุกขึ้นมาเท้าแขนลงกับหมอน ตะแคงมองดูศีรษะเล็กของน้องที่นอนหันหลังให้ผมในความมืด ผมพอจะเห็นได้เพราะเราเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างทิ้งไว้ครับ แสงจากข้างนอกมันเลยลอด ผ่านมาบ้าง

น้องนอนหลับสนิท ผมได้ยินเสียงลมหายใจของเขาเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอกัน มือของผมเลื่อนไปดึงเอาไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่ออกช้าๆและโยนข้ามตัวน้องให้มันไปนอนที่พื้นห้องแทน

พอของที่ดุนหลังถูกกำจัดไป น้องก็พลิกตัวกลับมานอนหงายครับ ผมยังไม่ทันจะทำอะไรน้องก็ขยับตัวอีกที เขาไสหัวไปตามแนวหมอนก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามาสู่อ้อมกอดของผมเองโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรสักนิด

ผมหัวเราะเบาๆแล้วปัดปอยผมนุ่มที่ลงมาปรกหน้าของเขาออกไป น้องก็ ยังไม่ตื่นครับ ผมเลยลองโน้มหน้าลงไปประกบจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง เขาก็ยังไม่ ตื่นอีก

น้องหลับลึกมากทีเดียว ข้อนี้ผมก็ค่อนข้างรู้มาอยู่เพราะประสบการณ์ที่ เคยพบกับตัวเองมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นน้องเมานี่ครับ ผมเลยไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติแล้วน้องจะหลับลึกเหมือนกับตอนนั้นหรือเปล่า

ผมหยั่งเชิงด้วยการลองจูบเขาแรงๆอีกหนและลองสอดลิ้นเข้าไปด้วย จูบของน้องยังคงหวานเหมือนเดิมเลยครับ เขาครางอือเบาๆแล้วก็ตอบสนองลิ้นของผมอย่างไม่รู้สติ น้องคงคิดแค่ว่าตัวเองฝันไปหรืออะไรประมาณนั้น ผมเลยย่ามใจนิดหน่อย ดึงเอากางเกงวอร์มที่เขาสวมอยู่ออก ได้เวลาจัดการเปลื้องผ้า ดักแด้น้อยแล้วครับ

น้องใส่หลายชั้นมากเลยทีเดียว นี่คงกะให้ผมหมดอารมณ์ไปก่อนที่จะถอดเสื้อผ้าเขาเสร็จสินะ แต่ขอโทษทีเถอะคนดี ยิ่งถอดพี่ยิ่งคึกจ้ะ ไม่อยากบอกว่าผมถอดจนหมดแล้ว แม้กระทั่งกางเกงในผมก็กำลังรูดมันออกจากเรียวขาเพรียว ของเขาไป น้องก็ยังไม่ตื่นครับ ผมฉวยโอกาสนี้ลักหลับเขาแบบเต็มรูปแบบได้เลยนะนี่ถ้าน้องยังจะไม่ตื่นอีกแบบนี้

แต่ไม่หรอกครับ คืนนี้ผมจะแค่สำรวจดูก่อนว่าร่างเล็กๆที่ผมปรารถนามาตลอดนี่มันมีความลับอะไรแอบซ่อนเอาไว้อยู่บ้าง ครั้งแรกของน้องกับผมจะต้อง เป็นตอนที่น้องมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนครับ จะไม่มีการลักหลับหรือวางยาอะไรใดๆทั้งสิ้น

ทำไมน่ะหรอ?

ก็ครั้งแรกมักจะเป็นสิ่งที่คนเราจดจำไปตลอดชีวิตน่ะสิครับ ถ้าทำตอน น้องไม่มีสติเขาก็จะไม่ได้จดจำสัมผัสของผมครับ ซึ่งนั่นมันจะยากต่อไปมากๆสำหรับการปลูกฝังความรักของผมลงไปในหัวของเขาครับ

ร่างกายของน้องยังนุ่มนิ่มและหอมเหมือนเดิมครับ ความนุ่มนิ่มความหอมที่ผมเคยได้สัมผัสและคลั่งไปเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ยังมีอยู่เต็มเปี่ยมจนผม แทบจะสำลักเมื่อไล่จูบไปตามผิวกายอุ่นๆของน้อง

ในใจตอนนี้อยากให้น้องตื่นขึ้นมามากเลยครับถึงแม้ว่าจะเสี่ยงกับการถูกถีบจนตกเตียงกลางดึกก็เถอะ แต่ผมอยากจะรักกับน้องจนทนไม่ไหวแล้ว

ริมฝีปากของผมเลื่อนลงต่ำเรื่อยๆครับ ได้ยินเสียงน้องครางอือๆในลำคออีกแล้ว คนดีเขาบิดตัวเหมือนจะหนีแต่ก็ติดว่าผมทับเขาอยู่ เขาเลยพลิกตัวไม่ได้ สักพักเขาก็เลิกขยับตัวครับแต่เปลี่ยนมาขยับขาแทน

ผมกัดริมฝีปากเอาไว้แล้วจูบหนักๆลงไปที่สะดือของเขา ขาน้องสีอยู่กับจุดยุทธศาสตร์ของผมครับ คนดีจะเล้าโลมพี่ไปถึงไหนกัน แค่กลิ่นตัวหอมๆกับผิวนุ่มๆก็พาสติพี่กระเจิงไปไม่รู้เหนือรู้ใต้แล้วนะ

ถึงเขาจะหลับอยู่แต่ร่างกายของเขาไม่หลับตามครับ พอผมเอื้อมมือสั่นๆไปสัมผัสเข้ากับน้องชายของเขา มันก็กำลังเริ่มแข็งตัวตามสัญชาตญาณของผู้ชายครับ

ขนาดของน้องกำลังดีพอที่ผมจะกำได้รอบ ผมรูดมือเบาๆไปตามความยาวของเขาก่อนจะเลื่อนตัวลงไปไล่จูบจากแนวท้องน้อยของเขาลงมาจนถึงปลายโคนของส่วนที่ผมกำอยู่

น้องเป็นคนที่มีฮอร์โมนผู้ชายต่ำมากเลยครับ เขาไม่ค่อยจะมีขนเลยทั้ง ขนแขนหรือขนขา รวมไปถึงตรงจุดนั้นด้วยครับ กลุ่มขนที่ขึ้นอยู่มันมีน้อยนิดถ้าเทียบกับผมหรือคนที่ผมเคยผ่านเจอมา แถมยังเส้นเล็กนุ่มไม่ต่างอะไรกับผมของเขาเลยครับ จนผมเผลอคิดไปว่าผมสัมผัสอวัยวะของเด็กอยู่หรือเปล่า

อ่อ สิ่งที่ทำให้ผมคิดอย่างนั้นไม่ใช่เพราะขนาดของน้องเล็กกว่าผมนะครับแต่เพราะนอกจากขนที่ขึ้นน้อยแล้ว น้องไม่ได้ขริบหนังหุ้มปลายด้วยครับ มันเลยดูเด็กๆในสายตาของผมไป

แต่เด็กคนนี้เป็นเด็กลามกครับ

ผมรู้ได้ยังไงน่ะหรอ?

ผมต้องรู้สิ ก็ในเมื่อผมกำลังสัมผัสกับร่างกายของเขาอยู่แบบนี้ก็รู้เลย ครับ น้องต้องเคยช่วยตัวเองมาก่อนแล้วก็อาจจะบ่อยด้วย หนังหุ้มปลายถึงได้ไม่ รัดนัก ผมรูดมันลงมาได้อย่างสบายๆ ต่างจากคนที่ยังไม่เคยใช้งานมาก่อนมันจะ เปิดลงมาลำบากแล้วก็เจ็บมากด้วย และน้องก็ยังไม่เคยมีแฟนมีกิ๊ก ไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนและผู้ชายคนไหน ดังนั้นแล้วสรุปได้อย่างเดียวครับว่าเด็กคนนี้ต้อง เคยแอบช่วยตัวเองมาก่อนแน่

ผมกระตุกยิ้มมุมปากขณะรูดจนท่อนเนื้อในมือมันแข็งจนได้ที่ ผมก็ก้มลงไปดูดเบาๆที่ปลายยอดของเขา น้องครางหนักแล้วก็หยัดสะโพกเข้ามาหาปาก ของผมเองครับ

ร่างกายของน้องไวต่อสัมผัสมาก ผมดูดให้น้องไปแล้วก็เอื้อมมือไปลูบอกเขาไปด้วย พอนิ้วผมสะกิดถูกยอดอกเขา น้องก็เอื้อมมือมาแย่งคลึงอกของเขา เสียเอง ผมเลยบี้นิ้วกับยอดอกอีกข้างที่ไม่ถูกเขาแย่งไปแทนก่อนจะห่อปากแล้ว ดูดท่อนเนื้อของน้องอย่างแรง เท่านั้นแหละครับน้องก็หลุดครางออกมาแล้วเลื่อนมือที่เขายกขึ้นมาเล่นกับอกของตัวเองเมื่อกี้นี้ลงต่อกดหัวผมที่อยู่ตรงหว่าง ขาของเขาแทน

“อะ..อ๊ะ..อ๊า...”

น้องครางออกมาติดๆกันเลยครับ เสียงกระเส่าความรู้สึกของผมมากแต่น้องก็ยังไม่ยอมตื่นครับ เขาบิดเรียวขาสีไปมาจนขาเขาจะก่ายหัวผมอยู่แล้วแต่ผมก็ไม่ได้ปัดหรือผลักออกไป ผมยังคงปรนเปรอความสุขให้น้องไปเหมือนกับค่อยๆป้อนสัมผัสให้น้องเสพติดทีละน้อยๆ

น้องปลดปล่อยไวมากครับ ผมแค่รูดปากแค่ไม่กี่หนกับดูดอีกไม่กี่ทีน้อง ก็ปล่อยออกมาเต็มปากของผม ผมไล้เลียกวาดจนน้ำนมของเขาที่ไหลออกมาหมดเกลี้ยงไปก่อนจะเลื่อนตัวไปหอมแก้มเขาแรงๆด้วยความรัก

“พรุ่งนี้ซัทสึกิต้องเป็นของพี่มากกว่านี้นะครับ..”

ผมกระซิบบอกเขาแผ่วเบาอย่างรักใคร่และมาดหมายไว้ว่าพรุ่งนี้เราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันก่อนจะลุกลงจากเตียงไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดทำลายหลักฐานที่ผมลวนลามน้องไปและจับคนดีเขาใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ เพราะถ้าเหลือแค่ ตัวล่อนจ้อนนอนต่อด้วยกันบนเตียงนี่เห็นทีอธิปไตยของน้องจะต้องโดนผมยึดแน่ๆ

ผมพรูลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อระงับจิตไม่ให้ลูกรักของตัวเองต้องลุกขึ้นมาทำงานต่อหลังจากที่ผมเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำมาเรียบร้อยแล้ว

มันเป็นอะไรที่น่าอนาถใจมากเลยครับ ตลอดเวลาที่ตกหลุมรักน้องมา ผมต้องพึ่งมือของตัวเองแทนการไปหลับนอนกับคนอื่น เพราะถึงจะให้ออกไประบายกับคนอื่นยังไงผมก็ทำไม่ได้ครับ หน้าน้องเอาแต่วนไปเวียนมาอยู่ในหัวผมตลอดแบบนี้จะให้ผมไปมีอะไรกับคนอื่นได้ยังไงกัน

ผมทิ้งตัวนอนลงกับเตียงแล้วรั้งร่างนุ่มๆของน้องเข้ามานอนกอด คืนนี้ คงยิ่งกว่าหลับฝันดีอีกครับ ในที่สุดผมก็ได้นอนกอดน้องแล้ว

เหมือนกับฝันเลยจริงๆ!

กว่าผมจะหลับได้ก็น่าจะเกือบรุ่งสาง เพราะมันแต่เนียนเอากำไรหอมแก้มบ้างจูบปากน้องบ้างจนฉ่ำใจแล้วถึงได้หลับลง แต่น้องตื่นเช้ามากครับแดดยังส่องเข้ามาไม่ถึงเตียงเลยครับน้องก็ตื่นแล้ว เขาดิ้นขลุกขลักดันตัวผมออกห่าง ผมหรี่ตามองดูหน้าแดงๆของเขาแล้วก็อยากจะแกล้งคนดีเขาเสียจริง

“นอนดีๆหน่อยดิ” ผมทำเป็นพูดงึมงำใส่เขาครับ แล้วก็กอดเข้าไว้แน่นน้องนอนตัวแข็งแล้วพูดใส่ผมด้วยเสียงไม่พอใจสักเท่าไหร่

“ปล่อยดิ ฉันจะลุก”

“ลุกเดี๋ยวปล้ำเลยนิ นอนต่อ นี่คือคำสั่ง” พอผมขู่ออกไปแบบนั้น คนดีเขาทำตาโตเลยครับแถมตัวแข็งมากกว่าเดิมอีก ผมเลยนอนกอดเขาต่ออย่าง สบายอารมณ์ ผมหลับตาลงสนิทเพราะรู้ว่าน้องกำลังจ้องหน้าผม จริงๆผมก็อยากนอนจ้องหน้ากับน้องครับแต่ทำเนียนหลับแล้วนอนกอดเขาต่อดีกว่า

สักพักน้องก็พยายามเอาตัวเองออกจากอ้อมแขนของผมครับ เขาดันผม แต่พอผมไม่ขยับเขาก็เขยิบสะโพกหนีออก ผมก็เลยเบียดตามเขาไป มือซนๆของผมก็เลื้อยลงไปจับก้นเขาแล้วลูบไปมาอย่างเพลิดเพลิน

หากำไรจากน้องนี่เป็นอะไรที่มีความสุขมากครับ แต่ดูเหมือนน้องจะไม่มีความสุขเหมือนผมเท่าไหร่ คนดีเขาผลักผมสุดแรงแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าน้องโกรธจัดมากแถมยังเงื้อหมัดมาจะต่อยผมอีกแต่ดีที่ผมรับหมัดเขาไว้ได้

“ไอ้..ไอ้!!” น้องตัวสั่นไปหมดเลยครับ เหมือนอยากด่าผมแรงๆแต่ยังนึก คำไม่ออกผมรวบมือเขาไว้แล้วชะโงกหน้าเข้าไปหา

“ตูดงอนดีนะ เคยใช้งานมั่งยัง” น้องหน้าแดงจัดเป็นลูกมะเขือเทศน้อยๆเลยครับ เขาอ้าปากค้างก่อนจะตะโกนเสียงดังใส่ผม

“ไม่เคยเว้ย!! แล้วก็ไม่คิดจะใช้ด้วย!!”         

หลังจากนั้นความมึนงงก็จู่โจมผมครับ น้องเอาหัวโขกหัวผมดังโป๊กก่อน จะใช้ช่วงเวลาที่ผมมึนอยู่วิ่งหนีออกจากห้องไป

คราวหน้าคราวหลังผมต้องไม่ลืมว่าอิชิฮาระ ซัทสึกิยังมีท่าไม้ตายอื่นอยู่นอกจากเงื้อหมัดครับ...

น้องหายออกจากห้องไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาตอนที่ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วครับ เขายังคงหน้ามุ่ยอยู่แถมยังสะบัดหน้าเชิดไม่ยอมมองหน้าผมอีกด้วย สถานการณ์ย่ำแย่เลยทีเดียว ผมไม่น่าไปแหย่อะไรเขาเลยครับ

“จะไปมหาลัยแล้วหรอ? ไปกับฉันไหม?” ผมเอ่ยถามขึ้นอย่างใจดี ไม่ อยากให้น้องเดินไปเองครับ ถึงมันจะยังเช้าอยู่และไม่ค่อยมีแดดเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่อยากให้น้องเหนื่อยเดินไปเองนี่นา แต่เขามองความหวังดีของผมด้วยหางตา ก่อนจะเดินกระแทกเท้าปึงปังออกจากบ้านไปครับ

“เริ่มต้นก็แย่เลยนะนี่”

ผมหันขวับไปตามเสียง ไดสุเกะคุงกับเคนอิจิครับที่อยู่ข้างหลังผม แล้วมายืนส่ายหน้ามองผมกันทั้งคู่ด้วยสายตาเห็นใจแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน

“พี่ก็ต้องเข้าใจนะครับว่าซัทสึกิเป็นเด็กยังไง”

ผมพยักหน้ากับคำพูดของไดสุเกะคุง มีหรือที่ผมจะไม่เข้าใจว่าซัทสึกิเป็นเด็กที่เขารู้สึกว่าตัวเองแมนเกินร้อยและก็เป็นเด็กห้าวๆด้วยอีกต่างหาก

“พี่คงเหนื่อยอีกหลายยกแหละกว่าจะจีบซัทจังสำเร็จ อ่ะนี่ ตารางเรียน ของซัทจังที่พี่เคยขอผมไว้” ผมฉีกยิ้มแล้วยื่นมือไปรับตารางเรียนของน้องที่เคนอิจิ ยื่นมาให้

“ขอบคุณนะ”

อย่างน้อยสองคนนี้ถึงจะแทะน่องผมบ่อยๆแต่เขาก็คอยช่วยบ้างยามที่ ผมต้องการความช่วยเหลือ ก็ถือว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง ว่าแต่พี่รีบตามซัทจังมันไปเถอะ ถ้าเดาไม่ผิด ป่านนี้ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นมันคงมาดักรออยู่ที่คณะแล้วละ” ผมเลิกคิ้วแล้วนึก ตามคำพูดของเคนอิจิก่อนจะเข้าใจ

“อืม งั้นพี่ไปก่อนนะ” ผมลาเคนอิจิกับไดสุเกะคุงที่ปฏิเสธที่จะมามหาลัยพร้อมกับผมก่อนจะถอยรถออกจากบ้าน ตารางเรียนของน้องที่ผมดูก่อนขึ้นรถมานั้นมันโล่งว่างทั้งวันเลยวันนี้แต่ทำไมน้องยังไปมหาลัยอีก

สาเหตุก็คงเดาไม่ยากครับ น้องคงไม่อยากอยู่ในที่ๆผมอยู่ แต่ผมจะ ปล่อยให้น้องอยู่มหาลัยโดยมีตัวมารมาคอยแวะเวียนจีบให้น้องไม่ได้ครับ โดยเฉพาะคนๆนั้นคืออิโต้ ฮิเดกินี่ผมยอมไม่ได้เด็ดขาด

ผมเลี้ยวรถเข้าถนนใหญ่พลางนึกว่าจะทำยังไงดีถึงจะได้ประกาศต่อหน้า ไอ้คุณชายตระกูลอิโต้มันไปเสียเลยว่าน้องเป็นของผม และพาน้องออกไปเดท อย่างเนียนๆเป็นการป่าวประกาศทางอ้อมว่าน้องเป็นของผมแล้วให้สาธารณชนทั้งหลายได้รับรู้ไว้ จะได้ไม่มีหมาตัวไหนมันกล้ามาแหย็มจีบน้องอีก

ร้านดอกไม้ที่เปิดอยู่ตรงหน้ามหาลัยผ่านเข้ามาในสายตาของผมครับถึงประสบการณ์ที่ได้ตามเก็บข้อมูลมาจะรู้ว่าน้องไม่ชอบอะไรก็ตามที่เหยียดหยามความแมนของเขาแต่ผมคงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ครับ

“อ่าว รุ่นพี่ริวซากิ”

เสียงทักหวานสดใสดังขึ้นมาทำเอาผมที่เพิ่งเปิดประตูร้านเข้าไปต้องชะงักเลยครับ คนที่ทักผมคืออาริซาวะ มาโดกะ ลูกสาวของกลุ่มบรรษัทใหญ่อาริซาวะที่ร่วมงานกับทางบ้านผมอยู่บ่อยครั้ง จะเสียมารยาทกับเธอก็ใช่ที่ครับผมเลยต้องส่งยิ้มให้เธอไปตามมารยาท

“สวัสดีครับ”

ถึงหน้าผมจะยิ้มแต่ในใจเริ่มนึกหงุดหงิดจางๆที่ต้องมาเจอเธอในตอนเวลาที่ผมอยากจะรีบไปหาน้องไวๆ

“มาซื้อดอกไม้หรอคะ?” เข้าร้านดอกไม้มาซื้อยามั้งครับ หน้าสวยแล้ว ไร้สมองหรือไงครับน้อง

“เอ่อ ครับ..” มารยาทมันค้ำคอเสียจริง ผมยิ้มให้เธอแล้วรับเพียงคำสั้นๆก่อนจะหันไปหาเจ้าของร้านที่รอรับออร์เดอร์ดอกไม้จากผมอยู่

สายตาผมกวาดมองดูช่อดอกไม้ที่เขาจัดเสร็จแล้วและวางโชว์อยู่รอบๆร้านนี้ จริงๆผมก็อยากจะสั่งดอกไม้ให้เขาจัดใหม่ให้น้องแหละครับ แต่อย่างว่าผม ไม่อยากทิ้งให้น้องอยู่คนเดียวนานนักก็เลยเลือกเอาจากที่เขาจัดเสร็จดีกว่า

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 14 [Update : 23/1/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 02-02-2013 23:51:45
“ให้มาโดกะช่วยเลือกไหมคะ?” เธอส่งความปรารถนาดีมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานครับ แต่ผมไม่ต้องการความปรารถนาดีจากใครทั้งสิ้น นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ผมจะให้น้องด้วยตัวเองเพราะงั้นผมจะเลือกเอง

“ไม่เป็นไรครับ พี่เลือกเองดีกว่า”

ผมบอกเธออย่างสุภาพแต่ในใจนึกเหนื่อยหน่าย เมื่อไหร่แม่คุณจะออก จากร้านไปเสียที ผมหันหลังให้เธอและเดินไปอีกด้าน แล้วสายตาของผมก็พบกับ ช่อดอกไม้ช่อโต

มันเป็นช่อดอกลิลลี่สีชมพูสวยแซมด้วยดอกไลแซนทัสสีขาวและดอกกุหลาบสีชมพูอ่อน สวยน่ารักมากครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนช่อนั้นประดับด้วยตุ๊กตากระต่ายสีชมพูตัวเล็กๆเท่าฝ่ามืออยู่ มันทำให้ผมต้องแอบยิ้มกับตัวเองเมื่อ นึกถึงไอ้ตุ๊กตากระต่ายปีศาจสีเดียวกันนี้เมื่อคืน

“ผมขอช่อนี้ก็แล้วกันครับ” เจ้าของร้านเธอพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผมครับก่อนจะยกมาให้ผมพร้อมกับรับเงินไป

“น่ารักจังเลยนะคะ อยากรู้จังว่ารุ่นพี่ซื้อไปให้ใครกันเอ่ย?” ดวงตาของ เธอเป็นประกายวิบวับเลยครับ สายตาแบบนี้บอกให้ผมที่เคยเป็นคาสโนว่ามาก่อนที่จะวางตำแหน่งนี้ทิ้งไปเมื่อได้พบกับน้องรู้ว่าเธอกำลังหวังจะได้ช่อดอกไม้ ช่อนี้ไปครอง

แต่ขอโทษนะครับ...ดอกไม้ช่อนี้มีเจ้าของแล้ว

“ไปให้แฟนของพี่น่ะครับ ขอตัวก่อนนะครับ” ผมบอกเธออย่างสุภาพ และรับเงินทอนจากเจ้าของร้านก่อนจะเดินออกจากร้านมาอย่างอารมณ์ดี

แต่มาโดกะจังเธอคงอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่หลังจากนี้ล่ะนะ

กว่าผมจะขับรถมาถึงคณะของซัทสึกิ เด็กดีของผมก็ถูกไอ้สองตัวที่ไม่ พึงปรารถนาของผมสักเท่าไหร่ตามประกบติดอยู่ครับ คนหนึ่งถือช่อดอกไม้สีชมพูเหมือนผมแต่ขอข่มหน่อยเถอะว่าช่อของผมใหญ่กว่าและดูไฮโซกว่า

ส่วนอีกคนมาพร้อมด้วยตุ๊กตาหมีสีขาว ประกบซ้ายขวาของน้องไม่ห่าง เลยครับ แต่ผมรู้สึกดีนิดหน่อยตรงที่ใบหน้าของน้องบอกบุญไม่รับเอามากๆ

ผมเฝ้ามองดูน้องไม่ยอมรับของที่ไอ้สองคนนี่เอามาให้เขาได้อยู่ไม่นานก็เดินเอาหน้าหล่อๆของผมเข้าไปหาน้องครับ

น้องทำหน้าเหมือนเห็นผี เขามองหน้าผมสลับกับช่อดอกไม้ไปมาแล้วเหมือนจะถอยหลังหนี แต่ผมก็หยุดขาของเขาไว้ก่อนด้วยคำพูดที่เสียงดังฟังชัดแบบที่ว่าให้ได้ยินกันไปเลยทั้งลานหน้าคณะของน้อง

“พี่มารับซัทจังไปทานมื้อกลางวันตามที่เรานัดกันเมื่อคืนครับ”

จริงๆไม่ได้นัดอะไรหรอก ผมอ้างไปแบบนั้น จะได้ดูมีน้ำหนักในคำพูดให้ทับหัวไอ้แมงเม่าตัวอื่นที่คอยตามติดน้องน่ะครับว่าผมมาเหนือชั้นกว่าพวกมัน

น้องยังคงทำหน้างงใส่ผมครับ แต่ยังดีที่เขาไม่เถียงอะไรออกมา ผมก็ เลยฉวยโอกาสนั้นเดินแทรกอิโต้ ฮิเดกิไปยืนข้างน้องแล้วโอวเอวบางของเขาให้ เดินตามผมไปที่รถของผมที่จอดอยู่ตรงหน้าคณะและขับรถออกไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าทุกคนตั้งตัวไม่ติด แต่รับรองเถอะ พรุ่งนี้ต้องกลายเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์แน่ๆว่าริวซากิ เร็นที่รามือไม่จีบใครมานานนับครึ่งปีน่ะกำลังควงอยู่กับคนน่ารักอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิของคณะนิเทศแน่นอน!

ผมพาน้องมาห้างใกล้ๆกับมหาลัยครับ ถึงแม้ว่าว่าไอ้ห้างนี่จะเป็นห้างของตระกูลไอ้ฮิเดกิที่ผมเหม็นขี้หน้าก็เถอะ ระหว่างทางที่มาผมถูกน้องซักฟอกครับว่าเขาไปนัดกับผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเลยแกล้งบอกเขาไปว่าตอนที่เขานอนกอดผมอยู่ครับ น้องดูท่าทางจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่แต่ก็โชคดีของผมที่น้องไม่ได้ซัก อะไรต่ออีก

“กินอะไรดีล่ะ นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”

หัวสมองผมมันโล่งๆครับ ไม่รู้ว่าจะพาน้องไปกินอะไรที่ไหนดี สาเหตุของความโล่งนี่เป็นเพราะพอมีน้องอยู่ใกล้ๆแล้วผมก็คิดอะไรไม่ค่อยออกครับ แค่มอง คนดีเขาใกล้ๆแล้วก็รู้สึกพาลอิ่มขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าด้วยซ้ำ

มันอิ่มอกอิ่มใจครับ แค่มองหน้าผมน้องคงไม่มีทางอิ่มแน่ๆ เพราะงั้น(ว่าที่)แฟนที่ดี(ในอนาคต) จำต้องนึกถึงปากท้องของคนรักด้วยครับ

“ซาชิมิ!”

น้องสวนขึ้นมาทันทีเลยครับ เหมือนกับเขาหาเมนูไว้อยู่ก่อนแล้ว พอเขาบอกผมก็พยักหน้าตามใจเขาไป น้องเลือกร้านแพงใช้ได้ครับ เหมือนกับจะรู้ว่าใครจะจ่าย แต่ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ ต่อให้ต้องเลี้ยงน้องไปทั้งชาติก็ไม่ยั่นอยู่แล้ว

วันนี้ผมปล่อยหน้าที่สั่งอาหารให้เป็นของน้องครับ ปล่อยให้เขาสั่งเต็มที่ อะไรที่เขาชอบกินหรืออยากกินผมก็บันทึกไว้ในสมอง ถึงแม้บางอย่างจะเป็นสิ่งที่ผมรู้มาบ้างแล้วก็เถอะ

สงสัยน้องจะอยากกินปลาดิบมากครับ เขาสั่งชุดใหญ่มาเลยทีเดียว แถมพอมาถึงก็คีบกินเอาๆ เคี้ยวตุ้ยๆแก้มกลมแล้วย่นจมูกนิดๆเพราะกลิ่นวาซาบิคงฉุนขึ้นจนผมอยากจะไปฟัด แต่ที่ทำได้ก็คือนั่งหัวเราะกลบเกลื่อนอาการอยากจับน้องมาฟัดเท่านั้นครับ (เกิดเป็นริวซากิ เร็นมันน่าสงสารก็ตอนนี้แหละครับ)

“นายไม่กินบ้างหรอ? เห็นเอาแต่จิบชาอยู่ได้? ไม่หิวหรือไงกัน” ก็บอกแล้วไงคนดีว่าพี่มองหน้าน้องจนอิ่มแล้ว

“อืม ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

ผมบอกพลางพยายามเก็บรอยยิ้มเอาไว้ครับ น้องพยักหน้างึกงักเหมือน จะรับฟังคำพูดของผมครับ แต่นาทีต่อมาเขาก็ทำให้ผมเกือบจะหลุดยิ้มให้เขา

“ลองโอโทโร่นี่สิ เนื้อหวานมากเลยนะ”

น้องบอกแล้วยิ้มหวานให้ผม เจ้าปลาที่น้องคีบมายื่นจ่อปากผมนี่มัน ต้องหวานเกินเนื้อปลาปกติแน่ครับ...ถ้ามันไม่ได้มีวาซาบิที่น้องขอเพิ่มมาป้าย เอาไว้เยอะเป็นพิเศษ ผมได้กลิ่นฉุนของมันตั้งแต่ยังไม่ได้งับเข้าปากเลยครับ คงไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าน้องคิดจะแกล้งผม

แต่ผมก็ยอมให้น้องแกล้งครับ โอโทโร่ชิ้นใหญ่เลยถูกส่งเข้าปากผมแต่โดยดี คนป้อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยครับที่เห็นผมต้องนิ่วหน้าเพราะวาซาบิมันฉุน ขึ้นจมูกจนแทบน้ำตาไหล น้องแสบจนผมอยากจับมาจูบสั่งสอนมากเลยครับ

อิ่มกันแล้วผมก็เรียกพนักงานมาเก็บเงินครับ ระหว่างนั้นก็คิดหาวิธีถ่วงเวลาให้น้องอยู่เดทกับผมต่อก่อนกลับหอ

ถือเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของใส่น้องแบบเนียนๆให้คนทั่วไปรับรู้ กันครับ เพราะห้างนี้นิสิตมหาลัยเราเดินกันเยอะอยู่แล้ว แล้วทั้งผมกับน้องก็ถือว่าเป็นคนดังของมหาลัยทั้งคู่ มีหรือจะไม่มีคนเอาไปปล่อยข่าวต่อถ้าได้เห็นผมกับ น้องเดินด้วยกัน

“บ่ายนี้นายก็ไม่มีเรียน จะไปไหนต่อล่ะ?”

น้องจิ้มเมล่อนค้างไว้แล้วจ้องผมอย่างจับผิดเลยครับ ผมไม่น่าหลุดไปเลยว่าผมรู้ว่าน้องไม่มีเรียนต่อตอนบ่าย คนดีเขาหรี่ตามองผมแบบไม่ไว้วางใจก่อนจะส่งเมล่อนเนื้อฉ่ำเข้าปากของเขา

“รู้ได้ไงว่าฉันไม่มีเรียน?”

“คนที่ชื่อไรนะ อะไรเคนๆ เอาตารางเรียนทั้งหมดของนายมาให้ฉันเมื่อเช้า”

ต้องขอโทษเคนอิจิที่ผมต้องบอกตามความจริงครับ แต่อย่างน้อยรูปประโยคของผมก็ทำให้น้องจับผิดไม่ได้หรอกมั้งว่าผมขอให้เคนอิจิเอาตารางเรียนของน้องมาให้ผม คำพูดของผมทำให้น้องตาวาวเลยครับก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะจิ้มผลไม้เข้าปากต่อ

“ว่าไงจะไปไหน?”

น้องกลอกตาไปมาก่อนจะกดหน้าลงต่ำแล้วจ้องหน้าผมไม่อยากบอกว่าดูแล้วเหมือนเด็กแก่แดดริอ่านทำตัวเลียนแบบผู้ใหญ่มากเลยทีเดียว

“ถ้าบอกว่าจะไปปารีส นายจะพาไปหรือไง?”

“ถ้าอยากไปก็ได้” ถ้าน้องบอกอยากไปดวงจันทร์ ผมก็จะบอกให้คุณป๋า ช่วยติดต่อองค์การนาซ่าให้น้องด้วยเลยครับ อันนี้พูดจริงไม่ได้พูดเล่นนะ ผมบอกน้องเสร็จแล้วก็หยิบเอามือถือขึ้นมา

“เดี๋ยวๆ จะโทรไปไหน?” น้องตะกายมาหาผมแล้วคว้ามือไว้ก่อนที่ผมจะเอามือถือแนบหู ผมชอบสีหน้าเลิ่กลั่กของเขาจังเลยครับ

“โทรไปจองตั๋วไง” แอบบอกพวกคุณเท่านั้นนะครับว่าผมแกล้งน้องเล่นเท่านั้น น้องจิ๊ปากใส่ผมก่อนจะย้ายกลับไปนั่งที่ของตัวเองครับ

“ถ้าไม่ไปไหน งั้นไปดูหนังกัน เดี๋ยวเลี้ยง” ผมมัดมือชกเลยครับ พอเขา อ้าปากเหมือนทำท่าจะปฏิเสธผมก็จิ้มเมล่อนในจานของผมใส่ปากเขาไป เพราะ กลัวน้องจะบอกว่ากลับหอพัก ไหนๆผมก็มัดมือชกพาน้องมาถึงห้างแล้วนี่

“อ่ออ้ายย”

สำเร็จครับ! การดูหนังครั้งแรกของเราสองคน แบบที่ไม่ใช่ผมแอบตามน้องเข้าไปในโรงหนังเหมือนสโตรกเกอร์อย่างที่แล้วๆมาด้วย

“แต่ไม่ดู Sex & Zen นะ ไอ้เคนมันโหลดแบบซูมมาดูแล้ว ไม่มีห่าไรเลยนอกจากเรื่องอย่างว่า”

ผมหันไปมองหน้าน้องตอนน้องพูดครับ รูปประโยคมันขัดแย้งกับความน่ารักบนใบหน้าของน้องมากเลยครับ แต่นั่นไม่เท่ากับประเด็นในเรื่องที่น้องดูทำไมเคนอิจิถึงโหลดอะไรมาเสริมสร้างความแมนให้น้องแบบนี้กันนะ

ต่อไปผมคงต้องควบคุมไม่ให้น้องดูอะไรพวกนี้แล้วครับ ดูหนังพวกนี้มันเป็นการกล่อมเกลากันทางอ้อม ถ้าคิดจะทำให้เขาเบี่ยงเบนมารักกับผู้ชายอย่าง ผม การปล่อยให้เขานั่งดูเต้าเด้งแบบนี้อยู่เรื่อยๆ คงจะไม่ดีครับ

“แหมะ..ว่าจะชวนดูอยู่เลย”

ผมแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละครับ แต่สมองคิดคำนวณไว้แล้วว่าเย็นนี้กลับไปจะไปหาแผ่นหรือไฟล์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันหลงเหลืออยู่ในคลังสมบัติ ของน้องเผาทิ้งไปให้หมดเลย รวมทั้งหนังโป๊เรื่องอื่นๆด้วย ผมอนุญาตให้น้องดูได้แค่ค่าย COAT เท่านั้น (ยิ้มกว้าง)

“คนอย่างนายดูได้ด้วยหรอ?”

หมายความว่ายังไงกัน? น้องคิดว่าผมเป็นคนยังไงถึงจะดูหนังโป๊ไม่ได้หนังพวกนี้ผมก็ดูได้ครับ แต่ไม่นิยมแค่นั้นเอง

“คนอย่างฉันมันทำไม?”

ผมใช้แขนกั้นไม่ให้เขาเดินต่อแล้วก็โน้มหน้าไปจนใกล้หน้าของเขาเพื่อถาม น้องเอามือมายันอกผม แต่แรงเท่ามดจะทำอะไรผมได้กัน

“นายเป็นเกย์ไม่ใช่หรือไงกัน”

น้องเลิกยันอกผมแล้วครับ แต่สะบัดเสียงถามเหมือนตั้งแง่ใส่กันแถมยังจ้องผมตาเขม็งเหมือนจับผิดปฏิกิริยาของผม ผมเลยฉีกยิ้มให้น้อง

“รู้ก็ดีแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าฉันไม่ได้เป็นเกย์แต่เป็นไบ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ปากแดงๆ ชอบทำตัวห้าวๆ เนี้ยแหละสเป็คฉัน”

ซัทสึกิเขาสมควรรู้นะครับ ว่าคนที่ผมพูดถึงนั่นคือใครกัน

เขารู้ไหมนะ..ว่าผมหมายถึงเขาน่ะ!?

-TBC-

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นส์นะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 03-02-2013 00:39:20
อยากมีคนรัก แบบซัทจังบ้างนะ อิจฉาจัง สมัยนี้จะมีคนดีๆแบบนี้สักเท่าไหร่นะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kslave ที่ 24-03-2013 14:09:53
น้องน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 11 [Update : 21/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 24-03-2013 22:25:11
:เฮ้อ: พูดเลยว่า งี่เง่าทั้งชมรม

เห็นด้วยเลย งี่เง่าทั้งชมรม ไม่มีใครสนใตความรู้สึกของซัทจังเลย :serius2:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 25-03-2013 10:46:25
ตอนอ่านภาคซัทจังก็สงสัยอยู่นะว่าพี่เร็นนี่ต้องแอบชอบมาก่อนแน่ๆ ไม่งั้นไม่ยอมน้องขนาดนี้หรอก
พอมาอ่านภาคเร็นแล้วแบบ เอิ่ม ดูพี่แกจะหลงน้องมากไปจนกลายเป็นสโตคเกอร์เลยเรอะ o22
แต่พี่แกนี่โครตโชคดีนะที่ได้ครั้งแรกน้องมา แล้วน้องดันลืมที่จะต้องโกรธนะ เลยได้แต่อาฆาต  :laugh:

ซัทจังแมนจริงๆ แมนมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เหมือนผู้หญิงเลยลูก  :laugh: :laugh:

คนเขียนสู้ๆ มาต่อไวๆนะ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ckkk. ที่ 01-04-2013 03:35:01
เพิ่งมาอ่านครั้งแรก สนุกมากๆ เลยค่ะ > <
นี่ก็เพิ่งซื้อเป็นเล่มไปด้วย >___<

มาต่อไวๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ♥ :3
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-04-2013 09:03:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 01-04-2013 16:05:15
เร็น เจอกะซัทจังได้ไงอ่ะ

อต่ยัยมาโดกะไรนั่นน่าหมั่นไส้ชะมัด
มาทำให้คนเค้าเข้าใจผิดกัน แย่จริง  :beat:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: love2you ที่ 01-04-2013 18:12:39
พึ่งอ่านได้ไม่กี่ตอนเองค่ะ ชอบมว๊ากกก~

ตอนนี้กำลังพยายามตามอ่านเรื่องทีคุณคนแต่งเอามาลงในเล้าค่ะ ยอมรับว่าติดใจเรื่องราวของตัวละครที่คุณสร้างขึ้นมามากๆ เพราะแต่ละคนมีบุคลิกไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละเรื่อง
อย่างเรื่องนี้ซัจจังน่ารักก็เท่าโลกเลยอ่ะ ^^

ฝากตัวด้วยนะคะ >///<
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 15 [Update : 2/2/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 05-04-2013 03:52:00
Ren’s Diary : Chapter 3

 “ดูเรื่องอะไรดี?” ตามประสา(ว่าที่)แฟนที่ดี ก็ต้องตามใจกันครับ

ในเมื่อผมเผด็จการพาน้องมาดูแล้ว ผมก็ให้โอกาสน้องเลือกครับว่าจะดูเรื่องอะไร น้องกอดอกแล้วหรี่ตามองดูตารางหนังก่อนจะยักไหล่ ทำท่าห้าวได้น่าฟัดมากครับจุดนี้

“เรื่องอะไรก็ได้ แล้วแต่นายก็แล้วกัน” แล้วแต่ผมก็เข้าทางสิครับ ผมแอบยิ้มในใจก่อนจะล้วงกระเป๋ามาหยิบเงินให้เขา

“นายไปซื้อขนมแล้วรออยู่แถวนั้นก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปซื้อตั๋วเอง”

ผมจะมัดมือชกพาน้องเข้าไปดูหนังประเภทที่น้องเกลียดมากที่สุดในโลกครับ ผมเคยเห็นเขางอแงใส่เคนอิจิกับไดสุเกะคุงอยู่หลายหนเพราะสองคนนั้น ชอบดู แต่น้องไม่ชอบหนังแนวนี้ตามเพื่อน

เคนอิจิบอกว่าน้องกลัวผีครับ ถ้าเป็นปกติเขาจะไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่นอนคนเดียวได้ แต่ถ้าเจออะไรเกี่ยวกับผีไม่ว่าจะใครเล่าอะไรมาให้ฟังหรือดูละครที่มีผี รายการผี หนังผี หรืออะไรทั้งหลายทั้งแหล่ น้องจะกลัวจนนอนคนเดียวไม่ได้ กลัวหนักขนาดน้ำท่าก็ไม่ยอมอาบกันเลยทีเดียว

แบบนี้ก็หวานริวซากิ เร็นล่ะครับ ยังไงผมต้องหลอกพาน้องไปดูหนังผีกับผมให้ได้ ถึงน้องจะกลัวก็เถอะ แต่หลังจากนั้นคือกำไรของผมนี่ครับ

“ซื้อโค้กมาแก้วเดียวหรอ?” จริงๆผมไม่น่าถามอะไรแบบนั้นออกไปครับ เพราะน้องซื้อป็อปคอร์นถังใหญ่แบบไซด์กินกันได้ทั้งหอพักมากับโค้กแก้วใหญ่ มา แค่นี้ก็เต็มสองมือเล็กๆของเขาแล้วครับ

น้องไม่ตอบคำถามของผมแต่กับยักไหล่แล้วยกแก้วโค้กขึ้นมาดูด ผมก็เลยเนียนไปแย่งแก้วโค้กของน้องมาดูด

อา..จูบทางอ้อมสินะ

ผมพาน้องเดินเข้าโรงหนังไปอย่างภาคภูมิครับ เดทในโรงหนังอย่างเป็นทางการครั้งแรก มีหลายคนมองผมกับน้องครับผมเลยเนียนยกมือขึ้นโอบไหล่น้องที่เอาแต่เดินเคี้ยวป็อปคอร์นอยู่ อีกนัยหนึ่งคือพยายามเอาตัวเองบังโปสเตอร์หน้าโรงหนังไม่ให้น้องรู้ครับว่าเราจะดูเรื่องอะไรกัน

เดินกันมาจนจะถึงที่นั่งแล้ว น้องก็ตัวแข็งไม่ยอมเดินต่อ ผมสงสัย นิดหน่อยตอนเห็นน้องหันไปตามเสียงซุบซิบของพวกสาวๆที่เดินตามมา คาดว่าน้องจะเขินผมก็เลยยอมปล่อยไหล่เขาแล้วเปลี่ยนมาจูงมือให้น้องเดินมานั่งตรงที่นั่ง

ขอบอกว่าเลิฟเวอร์ซีทนี่คุ้มค่าเงินมากครับ ผมคลี่ผ้าห่มที่พับอยู่บนโซฟาคลุมขาน้องให้เพราะแอร์ในโรงนี้ค่อนข้างเย็นจัดเลยทีเดียว น้องขยับขาไปมาถอดเอารองเท้าทิ้งไว้กับพื้นก่อนจะเอาขาขึ้นมาขัดสมาธิไว้แล้วเอาถังป็อปคอร์นวางบนตัก โยนเอาข้าวโพดคั่วเม็ดเล็กเข้าปากไปอย่างไม่สนใจผมเลยครับ

เอาเถอะ ผมเรียกร้องความสนใจจากน้องเองก็ได้

“กินมั่งดิ”

ไฟสลัวๆในโรงหนังยังพอให้ผมเห็นว่าน้องเลิกคิ้วมองหน้าผมก่อนที่เขาจะเอนถังมาให้ผมอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่

“ป้อนหน่อย” ไม่ได้หวังหรอกครับว่าน้องจะมาป้อนให้ผม เพราะถ้าน้องป้อนจริงผมอาจได้เป็นรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของเขาที่ถอดทิ้งไว้ที่พื้นแทน

“มือมี กินเองดิ”

การันตีคำพูดของผมไหมล่ะ นี่แหละครับซัทสึกิจังที่น่ารักของผม

“อยากให้ป้อน” ผมบอกเขาเสียงเบาก่อนจะยื้อข้อมือเล็กมางับป็อปคอร์นที่เขาหยิบไว้เอาเสียเอง แหย่น้องนิดๆหน่อยแค่นี้ก็สุขใจมากพอแล้วครับ

ผมแย่งน้องกินป็อปคอร์นไปสักพัก น้องก็เริ่มป้อนให้ผมบ้าแต่เป็นการ ป้อนในลักษณะแบบยัดเยียดไม่ลืมหูลืมตาจนผมเกือบสำลัก ต้องอาศัยโค้กแก้วโตที่น้องซื้อมา พอคล่องคอแล้วผมก็กลับไปแกล้งน้องใหม่ ดึงมือน้องมากินป็อปคอร์น แถมท้ายด้วยการแกล้งงับนิ้วน้องมาดูดเบาๆ ตอนหนังเริ่มฉายพอดี

น้องกระชากนิ้วกลับคืนไปแล้วเอามือมาป้ายเช็ดกับเสื้อของผมแถม ร้องยี้ใส่หูผมอีก มาทำท่ารังเกียจกันได้ยังไงกันครับอิชิฮาระซัง แต่หลังจากนั้นละครับ น้องหันไปมองจอแล้วก็เอนหัวมามาถามผมเสียงแข็งติดปลายสั่นน้อยๆ

“เอ่อ..ริวซากิ เร็น นายพาฉันมาดูเรื่องอะไร?” น้องรู้ตัวแล้วครับว่าผมพาเขามาดูอะไร ผมว่าต่อมความรู้สึกของน้องช้ากว่าปกตินะครับ อันที่จริงผมรู้มา นานแล้วล่ะ เพราะถ้าเขาเป็นคนความรู้สึกไว เขาก็คงรู้มานานแล้วละครับว่าผม แอบรักเขาอยู่ แถมยังแอบตามเฝ้าเขามาตั้งครึ่งปีแล้วอีกต่างหาก

“อินซิเดียส น่าดูนะเรื่องนี้ เขาบอกว่าสร้างจากเรื่องจริงด้วย”

ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้หรอกครับ แต่บังเอิญได้ยินจากกลุ่มสาวๆที่เข้าคิวซื้อตั๋วอยู่ข้างหลังผม

“งั้นกลับละ” น้องพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน ผมเลยสอดมือไปล็อกตัวเขา ไว้กับที่นั่งก่อนพลางกระซิบข้างหูเขา

“ป๊อดหรอ?”

“ไม่ได้ป๊อด แค่ไม่ชอบ” น้องกระชากเสียงแต่เขายังรักษามารยาทด้วย การใช้ระดับเสียงที่ผมได้ยินอยู่คนเดียว เสร็จแล้วเขาก็ดึงคอเสื้อขึ้นมานิดหนึ่ง ก็เข้าใจอยู่ครับเพราะตอนนี้ซาวด์ประกอบหนังมันหลอนประสาทกันน่าดู

“ก็ป็อดล่ะว้า ไม่กล้าดูล่ะสิ ไม่แมนเลย” คนอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิ หยามความแมนกันไม่ได้ครับ ผมใช้ไม้นี้เพื่อท้าให้น้องดูหนังต่อกับผม แล้วก็อย่างที่ผมบอกแหละครับ น้องยอมดูหนังต่อกับผมจนจบ

ใจจริงผมก็สงสารน้องครับ ดูซัทสึกิจะกลัวหนังประเภทนี้เอามากๆ เขาสะดุ้งทุกครั้งที่มันมีฉากหลอนๆ แล้วผมก็ว่าเขาไม่ได้ดูหนังเลยล่ะ เพราะเขาเอาแต่ซุกหน้าลงกับไหล่ของผมทั้งเรื่องเลยครับ

“ทีหลังไม่มาดูด้วยแล้วนะขอบอก”

ออกจากโรงมาน้องก็พูดขึ้นทันทีเลยครับ คนดีทำหน้างอใส่ผม น้องเม้มปากจนเป็นเส้นบางๆเลยครับ ดวงตาก็ขุ่นมัวสุดๆ

“แล้วนี่นายได้ดูที่ไหนกัน เอาแต่ซุกไหล่ฉันตลอดเลยไม่ใช่หรือไงกัน”

ท่าทางผมจะเป็นโรคจิตอ่อนๆแหะ ถึงได้ชอบแหย่คนที่ตัวเองชอบให้เขาหงุดหงิด แต่ผมก็มีเหตุผลของผมนะ เพราะพอแหย่เขาแล้วน้องก็ยิ่งทำท่าฮึดฮัดใส่ผม จุดนี้เขาฮึดฮัดได้น่ารักมากครับ หน้างอแต่แก้มพองลมเหมือนเด็กๆเลย

สำหรับผมที่ได้แต่เฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆไม่ปรากฏตัวตนให้อยู่ในสายตา ของเขามาครึ่งปี ได้แหย่เขาได้เถียงกับเขาบ้างแบบนี้ เหมือนกับฝันเลยครับ!

“ฮึ่ย! คนอย่างนายนี่มัน!!” น้องสบถในลำคอแล้วเอาศอกถ่องมาที่ ท้องผมครับ แต่ผมหลบทันเสียก่อนแล้วดึงแขนเขาไว้

“ไปกินไอติมกัน เดี๋ยวเลี้ยงไถ่โทษ” อย่างซัทสึกินี่ต้องง้อด้วยของหวานตอนนี้จะให้ไปกินของคาวก็ใช่ที่ทั้งอาหารญี่ปุ่นกับป็อปคอร์นมันยังอัดแน่นอยู่ในกระเพาะอาหาร ขืนใส่อะไรหนักๆลงไปอีกมีหวังท้องแตกตายกันทั้งคู่พอดี

“เลี้ยงนะ!”

พอพูดถึงของหวานแล้วน้องก็ทำตาวิบวับเลยครับ แถมยังหันมาถามผมเสียงใสแบบไร้ความขุ่นมัวเลย เด็กจริงๆแหละอาการชอบของหวานแบบนี้

“อือ” พอผมพยักหน้าเท่านั้นแหละครับ น้องเดินนำผมลิ่วไปยังร้านประจำของตัวเองเลยทันที ผมจะสปอยเขามากเกินไปหรือเปล่านะ...แต่อย่างว่า

เฮ้อ..เกิดเป็นริวซากิ เร็น ไม่คอยสปอยอิชิฮาระ ซัทสึกิแล้วจะไปสปอยใครที่ไหนกันล่ะครับ

ผมยังไม่ทันหย่อนก้นนั่งเลยครับ น้องก็สั่งของกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว

คนดีเขานั่งเอามือสองข้างขึ้นมาเท้าคางแล้วยิ้มไม่หุบที่จะได้กินของที่ตัวเองชอบ พลางพูดเจื้อยแจ้วว่าพาเฟ่ต์ที่นี่อร่อยนักอร่อยหนา แต่ผมดันสั่งแค่อเมริกาโน่ ไม่สมกับที่เข้ามากินของหวานเลย

ใครบอกว่าผมไม่อยากจะลองชิมของหวานล่ะครับ แต่ผมแค่อยากกิน ถ้วยเดียวกับน้องเท่านั้นเอง พอพนักงานร้านเขายกมาเสิร์ฟ ผมก็ว่าผมคิดถูกแล้วครับที่ไม่สั่งของหวานเพิ่ม เพราะน้องคนเดียวก็สั่งพาเฟ่ต์มาตั้งสองถ้วยโตๆแถมยังสั่งพุดดิ้งชาเขียวมาด้วยอีกต่างหาก แบบนี้จะกินคนเดียวหมดได้ยังไงกัน

เอ๊ะ? หรือว่าน้องจงใจสั่งมาเผื่อผม?

“ทำไรน่ะ!” ผมได้คำตอบแล้วครับ น้องไม่ได้สั่งมาเผื่อผมหรอก เด็กดีแต่นิสัยดื้อเอาช้อนตีข้อนิ้วผมทันทีเลยครับพอผมหยิบช้อนอีกคันขึ้นมาตักไอติม จากถ้วยของเขา แถมยังเอามือป้องถ้วยไว้เหมือนกับเด็กหวงของกินอีกต่างหาก

ถ้าเป็นเด็กคนอื่นผมคงนึกรำคาญใจ แต่เผอิญเด็กหวงของคนนี้ชื่ออิชิฮาระ ซัทสึกิผมเลยได้แต่ยิ้มขำเขาอย่างเอ็นดูไว้ในใจ...ต่อหน้าน้องผมต้องพยายามไม่เผยพิรุธออกไปมากครับว่าผมคลั่งน้อง

แต่ขืนน้องยังทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะความพยายามนี้ของผมจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่เหมือนกันครับ

“จะช่วยกินไง ตั้งสามถ้วยนายจะกินหมดหรือไงกัน”

“หมดหน่า อยากกินก็สั่งเองดิ” หวงของกินจริงๆเด็กคนนี้

“ก็ดี กินเยอะๆจะได้อ้วนๆ เวลากอดจะได้ตัวนุ่มๆ ลูบทีเนื้อจะได้นิ่มๆ เพลินมือ” ผมแกล้งว่าแล้วก็หันหน้าหนี ใช้หางตามองดูปฏิกิริยาของคนแมนๆเขาครับ น้องกัดช้อนแล้วผลักพาเฟ่ต์ทั้งสองถ้วยมาหาผม เขาทำแก้มพองอีกแล้ว

“ให้กินด้วยก็ได้!”

คุณก็คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าพาเฟ่ต์สองถ้วยนี้....หวานจับใจแค่ไหน?

กว่าเราจะกลับมาถึงหอพักมันก็เริ่มมืดแล้วครับ น้องลงจากรถได้ก็เดิน ตัวปลิวเข้าบ้านไปไม่รอกันเลย ผมที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าหอพักตามน้องไปก็ถูก หยุดไว้ด้วยเสียงมือถือของตัวเอง

พอล้วงมาดูก็อยากจะกดตัดสายไปเลยครับ มนุษย์สัมภเวสีนามฟุจิชิมะ ยูตะส่งยิ้มมาให้ผ่านคอลลิ่งมาเลยครับ มันคงโทรมาขอส่วนบุญเป็นเรื่องราวของผมกับน้องไปเสพให้ชื่นฉ่ำปอดฉ่ำใจของมันล่ะครับ

“โทรมานี่มีอะไรไม่ทราบ? ถ้าไม่สำคัญกูวางละนะ” ผมดักคอมันก่อนเลยครับ ผมไม่อยากเสียเวลามาก กลัวจะผิดแผนที่วางเอาไว้ ปล่อยให้น้องขึ้นไปก่อนแบบนี้ ถ้าคนดีเผลอหลับไปก่อนจะทำยังไง ยิ่งกินอิ่มๆกันมาแบบนี้มันชวน ง่วงน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะครับ แถมเมื่อกี้ตอนอยู่ในรถ น้องก็ยังแอบสัปหงกอยู่ หลายรอบเลยครับจนผมต้องชวนคุยเพื่อไม่ให้เขาหลับไปเสียก่อน

“อื้อหือ แค่ได้ไปเดทกับน้องแค่เนี้ยทำเป็นหมางเมินกับเพื่อนกับฝูง นะครับริวซากิซามะ” ฟังมันกวนประสาทแล้วผมก็ยักไหล่ แต่ไม่อยากบอกว่ารู้สึกปลื้มอยู่ลึกๆ ขนาดไอ้ยูมันยังรู้ไวขนาดนี้ ตอนนี้ข่าวผมกับน้องไปเดทกันคงจะ แพร่สะพัดแล้วล่ะครับ

“ธุระมีแค่นี้ใช่ไหม งั้นแค่นี้นะ กูไม่ว่าง”

“มีอะไรต้องทำอีกวะ อย่าพูดนะมึงว่ามึงไม่ว่างเพราะกำลังจีบน้องอยู่ อย่าพูดเชียวนะครับไอ้คุณชาย”

ไอ้นี่สู่รู้มากไปแล้วนะ ผมจิ๊ปากใส่โทรศัพท์ไปด้วยทีหนึ่ง

“กูไม่ได้จีบน้องอย่างที่มึงคิดหรอก” ยูตะทำเสียงเป่าปากมาเลยครับ ผมแสยะยิ้มแล้วเงยหน้ามองไปที่ห้องของผมกับน้องที่เปิดไฟอยู่

“แต่กูกำลังจะใช้เวลาค่ำคืนนี้กับน้องสองต่อสองบนเตียงของกูกับน้อง มึงอยากรู้อะไรอีกไหมครับฟุจิชิมะซัง”

ไร้เสียงตอบรับจากปลายสายครับ มันคงช็อกไปแล้ว ผมเลยชิงตัดสายไปก่อนที่จะได้รับเสียงโหยหวนจากมันมาเป็นบทต่อทางสนทนากันครับ

เวลาค่ำคืนนี้ของผมมีค่าทางประวัติศาสตร์มากเพราะอย่างนั้นจะปล่อยให้เสียไปอย่างไร้ประโยชน์ไม่ได้ครับ

“ลงทุนพาไปดูหนังผีมาขนาดนี้ หวังจะเผด็จศึกเพื่อนผมเต็มที่เลยสินะครับนี่” มาแล้วครับมนุษย์คู่หูที่รู้ทันผม ถ้าซัทสึกิเป็นคนรู้ทันคนพอๆกับทั้งสองคนนี่ผมคงแย่ครับ แต่การที่น้องมีเพื่อนเป็นมนุษย์ชอบรู้ทันคนแบบนี้ก็ทำให้ผมผวาอยู่เหมือนกันครับ

“พูดอะไรแบบนั้น พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย”

ผมบอกแต่ส่งยิ้มกริ่มไปให้ทั้งสองคนครับ ไม่จำเป็นต้องปกปิดครับว่าผมคิดอะไรอยู่เพราะยังไงสองคนนั่นก็รู้ทันผมอยู่แล้วนี่นา เคนอิจิส่ายหัวช้าๆครับ

“พวกผมไม่น่าเล่าให้รุ่นพี่ฟังเลย” สายไปแล้วครับเคนอิจิ

“ยังไงก็เพลาๆมือบ้างแล้วกันนะครับ”

ผมฉีกยิ้มให้กับคำพูดของไดสุเกะคุงก่อนจะขอตัวขึ้นห้องไปหาน้อง

เข้ามาในห้องแล้วผมก็เกิดอาการใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก น้องนอนคว่ำ อยู่บนเตียงครับ ไม่รู้หลับไปแล้วหรือยัง แต่ผมที่ไม่ยอมให้เขาหลับก่อนที่เราจะ สร้างความทรงจำแนบแน่นคืนนี้ไปได้เด็ดขาดครับ เลยจำต้องเดินไปตีก้นน้องปลุกให้ตื่นขึ้นมา

“อาบน้ำก่อนนอนด้วย ฉันไม่ชอบนอนเตียงเดียวกับคนซกมก” น้องเด้ง ตัวลุกขึ้นมาเลยทันทีครับพอผมตีก้นเขา สัมผัสฉิวเฉียดแค่ชั่ววินาทีก็ไม่อยากจะบอกว่าก้นน้องเด้งมากครับ ช่างเป็นผู้ชายที่ก้นนิ่มเด้งสวยเกินเพศจริงๆ

“ขี้เกียจ” น้องบอกแล้วก็เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขากับไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่ นอนกอดกลมดิกอยู่ใต้ผ้าห่มเลยครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะโยเยไม่ยอมไปอาบน้ำ แบบนี้ก็เข้าทางผมล่ะครับ

“ขี้เกียจหรือกลัว ดูหนังผีมาเลยกลัวไม่กล้าไปอาบน้ำล่ะสิ”

ผมคลี่ยิ้มมองดูก้อนผ้าห่มที่ดุ๊กดิ๊กอยู่บนเตียง น้องสอดมือออกมานอกผ้าห่มแล้วชูนิ้วกลางให้ผม ห้าวแบบนี้มันน่าจับมาสั่งสอนจริงๆเลยครับ

“ไม่ได้กลัว!” น้องเถียงผมกลับมาแล้วยื้อผ้าห่มที่ผมดึงออกอีกต่างหาก

“งั้นไปอาบน้ำด้วยกัน” คุณก็คงรู้ว่าน้องจะทำหน้าแบบไหนตอนผมพูดประโยคนี้ออกไป เขาทำหน้าตกใจได้น่ารักมากๆแถมยังส่งเสียงดังออกมาอีกก่อน จะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากเพราะเผลอทำเสียงดังออกมา

“ทำไมฉันต้องอาบกับนาย!!”

“ก็นายกลัวผี ฉันก็อุตส่าห์ใจดีอาบเป็นเพื่อนนายไง” จุดนี้พูดยากมากครับเพราะต้องตีสีหน้านิ่งกลบเกลื่อนความเขินที่จะได้อาบน้ำกับน้องไปด้วย

“ไม่จำเป็น”

มาปฏิเสธความหวังดี(?) ของพี่แบบนี้ได้ยังไงกันครับอิชิฮาระคุง

น้องปฏิเสธเสียงสูงใส่ผมเสร็จแล้วก็ทำแก้มป่องใส่ด้วยครับ ผมเลยเอื้อม ไปดึงแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว ซัทสึกิแลบลิ้นใส่ผมได้น่าจับตีก้นมากครับ

“หรือนายไม่กล้า? กลัวฉันจะล้อหรือไงว่าน้องชายของนายมันกระจุ๊ง กระจิ๊ง”

บอกแล้วครับว่าน้องเป็นพวกฆ่าได้แต่หยาม(ความแมน)ไม่ได้ พอผมพูดแบบนี้น้องก็กระโดดลุกขึ้นยืนบนเตียงให้ผมเอ็นดูกับความสูงของเขาที่แม้จะยืนอยู่บนเตียงหัวก็ไม่ชนเพดานต่ำๆของหอพักนี่ด้วย

“อย่ามาดูถูกกันแบบนี้นะเว้ย!”

ผมถอยห่างจากเตียงและระยะขาสั้นๆของน้องครับเพราะดูแล้วมีโอกาสเสี่ยงมากที่จะโดนน้องเตะเสยขามาครับ

“หรือกลัวจะใจเต้นกับหุ่นฉันเลยไม่กล้าอาบด้วยกัน?”

พอผมอยู่นอกระยะการทำร้ายกันน้องเลยต้องกระโดดจากเตียงลงมายืนกับพื้น คนชอบทำตัวห้าวปราดเข้ามาประชิดผมแล้วกระชากคอเสื้อผมเข้าไป หาเรื่องด้วยความแมนขั้นสุดของเขาครับ

“ทำไมฉันต้องใจเต้นกับนาย ฉันแมนนะเว้ย! ไม่ได้เป็นเกย์แล้วก็ไม่ได้เป็นไบเหมือนนายด้วย! นมโคแท้จากเต้าเท่านั้นเว้ยที่ทำฉันใจเต้นได้!”

โอเค ยืนยันเสียงหนักแน่นแบบนี้ พี่จะเชื่อน้องก็ได้ครับ

“แมนแล้วทำไมกลัวเกย์ล่ะ? แบบนี้ไม่แมนจริงนี่หว่า” ผมเชื่อจริงๆนะครับว่าน้องแมน แต่เชื่อแค่ 0.01% เท่านั้นครับ

“อาบก็อาบดิ ไม่กลัวอยู่แล้ว”

เยส! รู้สึกได้ถึงชัยชนะขั้นแรกมากเลยครับ ผมยังคงกลั้นยิ้มขณะที่มองน้องทำตัวกร่างๆใส่ผม คนดีเขาเดินทำท่านักเลงนำผมเข้าห้องน้ำไปครับ แถมยังหันมาถอดเสื้อแจ็คเก็ตเหวี่ยงใส่หน้าผมอีกต่างหาก

“แน่จริงก็ถอดดิ! แล้วจะได้รู้ว่าใคร...ใหญ่กว่ากัน!”

น้องมองหน้าผมอย่างหาเรื่องแล้วกดสายตาลงมองต่ำมาตรงส่วนที่คุณก็น่าจะรู้ว่าตรงไหน เห็นแล้วผมก็กระหยิ่มในใจครับ

เดี๋ยวก็รู้กัน...อิชิฮาระ ซัทสึกิ (ยิ้มเจ้าเล่ห์อีกหน)

น้องหันหลังให้ผมแล้วจัดการถอดเสื้อกล้ามสีดำที่ใส่สวมไว้กับกางเกง ออกครับ เขายังไม่ยอมถอดบ็อกเซอร์ที่สวมอยู่แต่หันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ผม

“ทำไมไม่ถอดวะ!” พูดไม่สุภาพกับ(ว่าที่)แฟนอีกแล้วนะซัทสึกิจัง น่าจับมาสอนใหม่ตั้งแต่การกระดกลิ้นกันเลยจริงๆ

ผมยักไหล่แล้วดึงเสื้อที่สวมอยู่ออกจากทางหัว ใจมันเต้นรัวมากครับ ที่ต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าน้องที่กำลังกอดอกแล้วกระดิกเท้าจ้องมองมาแบบนี้

บ็อกเซอร์ของน้องน่ารักสมความแมนของเขาดีครับ น้องใส่บ็อกเซอร์สีขาวขอบชมพู พอเห็นผมมอง เขาก็แยกเขี้ยวใส่ผมแล้วชี้นิ้วใส่ผมแบบห้าวๆ

“มาเลย ถอดพร้อมกัน!”

นิ่งสนิทครับ น้องนิ่งสนิทไปเลยหลังจากเราถอดกางเกงกัน แถมยังหน้าซีดแล้วจิ๊ปากใส่ผมอีกด้วย ไม่ต้องบอกก็คงรู้ใช่ไหมครับว่าใคร....ชนะ ^^

น้องมองมาที่ชัยชนะของผมแล้วก็เงยหน้ามามองผมก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปที่เดิมก่อนจะเชิดหน้าใส่ผม

“ไง รู้ยัง...ว่าใครใหญ่” ผมถามพลางก้าวเดินไปประชิดน้องก่อนที่น้องจะเดินหนีครับ พอเข้าไปใกล้เขาแล้วผมก็รุนให้น้องเดินเข้าไปในห้องน้ำ มาอยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้ต้องบอกอย่างเดียวครับว่าน้องตัวนุ่มแล้วก็หอมมาก ไม่มีกลิ่นเหงื่อหรือ กลิ่นกายแบบผู้ชายเลยสักนิด

“ชิสส์!” น้องจิ๊ปากใส่ผมอีกรอบแล้วก็ย่นจมูกใส่ผมด้วยครับ ผมยกมือขึ้นบีบปลายจมูกของเขาพลางเบียดตัวเข้าไปใกล้อีกนิด หาเศษหาเลยกับคนที่รักนี่มันมีความสุขมากเลยครับ

“จะมาเบียดทำไมเนี้ย!” น้องตะโกนใส่หูผมแล้วเอาศอกถ่องท้องผม แต่ แรงน้อยนิดของเขาถูกผมดึงเข้ามาหา ผมกอดเขาไว้แล้วก็โน้มหน้าไปใกล้หูเขา

“ตัวขาวจังซัทสึกิ ไหนขอดูให้เต็มตาหน่อยได้ไหม เมื่อกี้ยังเห็นไม่ชัดเลยนายก็เอามือปิดซะงั้น”

น้องดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของผมแล้วเอามือปิดส่วนน่ารักของเขาไว้ แน่นเลยครับ ผมดึงมือเขาออกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมปล่อย

“อยากดูก็ไปดูของตัวเองซิวะ!” น้องโวยวายใหญ่เลยครับแล้วดิ้นไม่หยุด ผมรวบข้อมือเขายึดเอาไว้ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสเขา

“เฮ้ย! อย่าจับนะ!”

“ทำไม?...กลัวจะตื่นเพราะมือเกย์อย่างงั้นหรอ?”

น้องหยุดดิ้นแล้วครับแต่หันมามองด้วยสายตาที่เขาคงว่ามันดุ แต่สำหรับผมแล้วมันดูอ้อนให้รักมากเลยครับ

“อย่ามามองอ้อนกันแบบนี้สิ ถ้าฉันอดใจไม่ไหว นายลำบากแน่”

น้องสบถพึมพำในลำคอจนจับใจความไม่ได้เลยครับ แต่เดาง่ายๆว่าเขาคงด่าผมอยู่ ผมฟัดแก้มเขาแรงๆทีหนึ่งด้วยปากของตัวเองก่อนจะขยับมือที่จับน้องชายของเขาเอาไว้

อย่างที่รู้ครับ น้องตื่นง่ายมากกับสัมผัสของผม ซัทสึกิเขาจะรู้หรือเปล่านะว่าเขากำลังระทวยเพราะสัมผัสที่ผมมอบให้จนต้องทิ้งน้ำหนักลงมาอิงอยู่กับอก ของผมอย่างนี้

“ขยายได้ใหญ่เหมือนกันแหะ” แหย่น้องแล้วผมก็มีความสุขมากครับ น้องก้มหน้าลง ก็คงมองดูสิ่งที่ผมพูดถึงอยู่น่ะแหละครับ ผมรู้สึกเจ็บแปลบตรงหลังมือ น้องกำลังหยิกมือผมอยู่ครับ

“ปล่อยนะ!”

“นายนี่..ความรู้สึกไวดีนะ” ผมบอกข้างหูเขาแล้วไซ้คอเขาเบาๆ คอน้อง ขาวจนผมอยากเปลี่ยนให้มันเป็นสีแดงมากครับ ผมจุ๊บเบาๆแล้วย้ำริมฝีปากลงหนักๆกับฐานคอเขา น้องเอียงคอไปมาเหมือนจั๊กจี๋ก่อนจะร้องครางเสียงเบา

“อะ...อา..”

“เคลิ้มแล้วหรอซัทสึกิ?”

ผมแหย่เขาอีกรอบครับ น้องเหมือนจะได้สติขึ้นมาตอนผมเบียดส่วนหน้าของตัวเองเข้าประกบบั้นท้ายกลมๆของเขา

“หยุดนะ!”

น้องร้องเสียงดังแล้วดิ้นอีกรอบ เขาพยายามบิดตัวหันมาเผชิญหน้ากับผมแล้วขึงตาใส่ผมที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่

“ไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ แล้วนายจะติดใจ”

“ถ้านายทำอะไรมากกว่านี้ ฉันจะต่อยหน้านาย!” น้องตวาดเสียงดังกว่าเดิมครับ แต่คิดหรอว่าผมจะกลัวแค่ถูกต่อยหน้าผมจับมือเขามาสัมผัสกับส่วนกลางของผมที่พร้อมรบ แค่นี้น้องก็แดงไปทั้งหน้าแล้วครับ

“ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่าให้หยุดตอนนี้”

ผมบอกน้องก่อนจะรั้งน้องเข้ามาในอ้อมแขนของผม มือของผมลูบไปทั่วหลังเนียนของน้องเหมือนกับปลอบประโลมร่างกายของเขาไม่ให้หวาดกลัวกับสิ่งที่เกิด แต่มันคงไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ครับ น้องตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขนของผม แถมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ด้วยอีก ถ้าผมใจอ่อนล่ะเสร็จแน่ๆ

ใจแข็งไว้โว้ยริวซากิ เร็น! ถ้าอยากได้น้องเป็นของตัวเอง!!

ผมจูบเบาๆที่ข้างแก้มของเขา ผมเลื่อนมือลงต่ำไปสัมผัสสะโพกงอนๆก่อนจะกดปลายนิ้วคลึงอยู่กับจุดสำคัญที่น้องจะต้องใช้งานเป็นครั้งแรกคืนนี้แล้วสอดปลายนิ้วเข้าไปด้านในอย่างเบามือ

ช่องทางของน้องแคบมาก ผมสัมผัสมันเป็นครั้งแรกก็พบกับความอบอุ่นและอ่อนนุ่มด้านใน แต่น้องคงเจ็บไม่น้อย เขาทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้แล้วพูดเสียงเครือกับอกของผม

“เจ็บ..เอาออกไปนะ...” ฟังเสียงน้องแล้วผมก็ใจสั่น จะถอนสองนิ้วที่สอดอยู่ในร่างกายของน้องออกมาก็รู้สึกจะช้าไปแล้วครับ ปากทางของน้องรัดข้อนิ้วผมแน่นผิดกับคำสั่งของเจ้าตัวสิ้นเชิง

“ไม่ได้หรอก..” ผมบอกเขาแล้วพรมจูบกลางกระหม่อมของคนที่เริ่มดิ้น อีกครั้งและพยายามผลักอกผมออก

“ก้นนายรัดนิ้วฉันอยู่..” ผมต้องบอกเหตุผลด้วยครับไม่งั้นน้องจะหาว่า ผมรังแกทั้งๆที่เขาไม่สมยอม จิตใจเขาอาจจะไม่สมยอมครับ แต่ร่างกายของเขาสมยอมผมแน่ๆ พอน้องได้ยินก็นิ่งลงครับ ไม่ได้ดิ้นอีกแล้วแต่เงยมาทำหน้างอใส่ผมที่พอเห็นแล้วก็รู้สึกอยากทำให้น้องเป็นของตัวเองเร็วๆมากเลยครับ

ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยในขณะที่ขยับมือปรนเปรอความสุขให้น้องจนเขา งอตัวลงแล้วครางเสียงสั่นดังก้องไปทั่วห้องน้ำ

“อ๊ะ..อะ” น้องไร้แรงต้านทานผมโดยสมบูรณ์แบบที่สุดครับ มือเขาจากตอนแรกที่ยันอยู่กับอกของผม ตอนนี้เปลี่ยนมาจับบ่าผมไว้แน่น

ผมสอดนิ้วเล่นกับช่องทางเล็กจนมันขยายกว้างมากพอที่จะรับผมเข้าไปในกายของเขาจนไม่เจ็บได้แล้ว ผมก็ดึงเอานิ้วออกและหมุนตัวน้องกลับไป พอ แยกเรียวขาขาวออกกว้าง ผมก็สอดตัวเข้าไปด้านในเชื่องช้าเท่าที่ความอดทน ของผมจะมีพอ

“เจ็บนะโว้ย!” น้องร้องลั่นเลยครับ ช่องทางของเขากระตุกเกร็งขึ้นมาจน ผมเข้าไปต่อไม่ได้ ผมช้อนตัวน้องขึ้นแล้วพรมจูบไปตามไหล่เนียนจนถึงแก้มใส

“ก็อย่าเกร็งสิ” ผมบอกเขาก่อนจะใช้มือรูดน้องชายของเขาช้าๆ เบน ความสนใจของเขาไปจากส่วนที่เจ็บและคืบเข้าไปทีละนิดๆ แต่ยิ่งสอดกายเข้าไปลึกขึ้น น้องก็ยิ่งเกร็งตัวบีบรัดผมไว้จนไม่อาจทน

“อะ..อ๊ะ..อ๊า!” น้องครางเสียงดังมากครับ ผมเลยสอดนิ้วเข้าไปในปากของเขา พอมีของให้เขาระบายอารมณ์น้องก็ขบฟันลงกับปลายนิ้วของผมจนเจ็บ แต่ก็คงไม่เท่ากับความเจ็บของเขาที่เกิดขึ้นเพราะความต้องการของผม เพราะ อย่างนั้นต่อให้น้องกัดนิ้วผมจนขาดผมก็ทนได้ครับ

“อะ..อ๊า!!”

เสียงน้องครางดังก่อนจะกลายเป็นเสียงหอบหายใจแทนครับ น้ำสีนมพุ่งจากท่อนเนื้อสวยของเขาไปยังฝาผนังก่อนจะอ่อนตัวลงในมือของผม

ผมส่งน้องไปถึงสวรรค์แล้วก็ต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะร่างกาย ของน้องบีบรัดตัวผมรุนแรง ผลมันก็มาจากการไปถึงสวรรค์ของน้องนั่นแหละครับ เล่นเอาผมทนฝืนตัวเองให้ขยับสะโพกเข้าหาเขา

“ยะ..อย่าปล่อยข้างในนะเว้ย!!”

น้องสบถเสียงดังลั่นเลยครับ แต่ช้าไปแล้ว ผมปล่อยความรักของผมเข้าไปในตัวของเขาตอนน้องสบถพอดี

พอผมถอนกายออกมา น้องก็หันมามองหน้าผมแบบทั้งโกรธทั้งหน้าเสียแถมยังดูไม่มีแรงจนผมต้องประคองเอวเขาไว้แล้วพามาที่เตียง

แล้วก็คงไม่ต้องบอกนะครับว่า....เกิดอะไรขึ้นที่เตียงต่อจากนั้น…

 -TBC-

อรั้ยยะ ไม่ได้เข้ามาดูเรื่องนี้เสียนาน นึกว่าไม่มีใครอ่าน แต่พอเข้ามาแล้ว แอร๊ มีคนอ่านนี่นา TT^TT เค้าขอโทษษษษ :hao5:
 :mew1:ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่านกัน
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-04-2013 13:21:47
ใช้เล่ห์เพทุบายต่างๆในที่สุดก็.... :pighaun:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-04-2013 03:24:30
 :mew1:

ความพยายามเป็นเลิศจริงๆ

สามารถทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่รัก

หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: love2you ที่ 06-04-2013 07:45:07
หึหึหึ...

เร็นโคตรเจ้าเล่ห์อ่ะ ทำเป็นไม่สนใจเอย ไม่ได้รู้สึกอะไรเอย ทั้งที่ความจริงก็นะ อยากได้น้องใจจะขาด ดังนั้นตอนนี้ได้แล้วก็ต้องดูแลน้องดีๆ ล่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ฤดูใบไม้หลากสี ที่ 06-04-2013 19:03:58
คุณพี่เร็น อ่านพาร์ทของน้อง ว่าแกเลวแล้วนะ ขืนใจน้อง(แม้น้องจะสมยอมในภายหลัง)
อ่านพาร์ทแกแล้ว แกดูระยำมากอ่ะ "อย่าใจอ่อนเด็ดขาด ใจแข็งไว้ถ้าอยากได้น้องเป็นของตัวเอง"
คือแก รอไม่ได้เลย จีบก็ยังไม่ได้จีบ พี่ท่านก้าวขั้นเลยจ้าาาาาาาา  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

แต่ก็เชียร์พี่แกอยู่ดี รออ่านเสมอนะคนเขียน  :mew1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 06-04-2013 19:38:51
อ๊ากกก เรื่องนี้ชอบมากค่า รออ่านเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ruby ที่ 07-04-2013 14:55:30
 เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากๆค่ะ มาต่ออีกนะค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 07-04-2013 19:34:32
เดี๋ยวจะกลับมาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-04-2013 23:40:00
มาต่อด่วนเลยยยย  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: akira334 ที่ 08-04-2013 18:50:16
มาต่อไวนะคะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 12-04-2013 00:29:33
กรีซซซซซซซซซซ รออ่านบันทึกของพี่เร็นอยู่นะคะนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 13-04-2013 14:09:11
มาต่อเร็วๆนะ จะขาดใจ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 29-04-2013 00:37:44
อยากอ่านพาร์ทเร็น แต่ถึงตอนมาโดโกะแล้วอ่ะ อยากรู้ว่าจะจัดการยังงายยยยย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 24-05-2013 18:35:34
Ren’s Diary : Chapter4

 ตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ!

แต่ดูจากท่าทางแล้ว..น้องคงไม่มีความสุขเหมือนกับผมสักเท่าไ

อิ่มเอมสุขใจสุดๆที่น้องตกเป็นของผมแล้วอย่างสมบูรณ์เรียบร้อย ไม่อยากบอกย้ำๆว่าหลายครั้งด้วย!

ซัทสึกิที่กลายเป็นของผมอย่างสมบูรณ์นี้ทำให้ผมนึกรักและหวงแหนเขาเสียยิ่งกว่าที่แล้วๆมา ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน แล้วที่มาเกิดขึ้น นี้คงจะเรียกได้ว่าเป็นผลพวงของความรักที่ผมมีให้เขาสินะหร่ ถึงแม้ว่าพอท้ายที่สุดแล้วเขาจะยอมให้ผมกอดเขาไม่ว่าจะด้วยอารมณ์เผลอไผล หรืออะไรก็ตาม แต่ตอนนี้น้องนอนนิ่งมากครับ แววตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง และไม่สนใจการมีตัวตนของผมที่กำลังกอดเขาอยู่อย่างสิ้นเชิง

ในเมื่อน้องไม่สนใจ ผมก็ต้องทำให้เขาสนใจในตัวผมครับ

“กำลังคิดจะเรียกร้องค่าเสียหายใช่ไหม?”

พูดไปแล้วก็อยากตบปากตัวเองครับ ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้นออกไปได้นะ น้องไม่ยอมตอบครับแต่หันหน้าหนี ผมพรูลมหายใจช้าๆ พยายามบอกตัวเองให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราในมุมที่น้องกำลังมองอยู่

ผมเพิ่งเข้ามาในชีวิตของน้องไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงดี ในมุมที่น้องเห็นผมตอนนี้..ผมก็เพิ่งจะเป็นคนที่เข้ามาใหม่ในชีวิตของเขา การที่เราเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ แถมผมยังกึ่งๆบังคับเขาด้วย มันก็ต้องลงเอยด้วยความสับสนและไม่พอใจอยู่แล้ว

แต่ก็ไม่อยากบอกว่าผมรู้สึกอึดอัดใจครับ..ถึงแม้จะรู้สึกมีความสุขที่ทำให้น้องกลายเป็นของผมแบบนี้ได้ในที่สุด

ผมตัดสินใจถอนกายออกมาจากตัวเขา แม้ผมจะค่อยๆดึงตัวเองออกมาช้าๆ แต่น้องก็ดูจะเกร็งพอสมควร ปากเล็กๆของเขาร้องออกมาทันทีที่ผมดึงตัวเองออกมา

“อ๊ะ!!”

“เจ็บมากไหม?”

ผมสบถด่าตัวเองในใจแล้วถามเขากลับไปทันที พลางมองสำรวจร่างกายของน้อง ก้นขาวๆของน้องมันเป็นรอยแดงจากมือของผม..คราบความรักที่ผมปลดปล่อยไว้มันเปื้อนและไหลซึมมาจากซอกสะโพกของเขา..

แต่สิ่งที่ทำให้ผมค่อนข้างตกใจก็คือของเหลวสีขาวนั้นมีเลือดปนซึมออกมาด้วย ร่างกายของน้องเจ็บเพราะผมถึงขั้นเลือดออก ผมอยากจะต่อยหน้าตัวเองแรงๆที่ทำให้น้องต้องเลือดออกแบบนี้

“เลือดออกด้วยล่ะ” ผมร้องออกไปด้วยความตกใจ น้องเลยพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ผมผลักไหล่เขาเบาๆให้น้องกลับลงไปนอนคว่ำหน้าตามเดิม ในหัว ของผมพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้น้องหายเจ็บพลางหยิบเอาเสื้อผ้าขึ้นมาแต่งตัวและเดินออกจากห้องมา

“ไง..”

เปิดห้องออกมาก็ต้องชะงักครับ เพราะเจอตัวละครที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ ออกันอยู่หน้าห้อง มากันหมดหอพักกันเลยล่ะมั้งนี่ แต่ละคนส่งยิ้มแหะๆมาให้ผมก่อนจะถอยฉากเข้าห้องตัวเองกันไป เหลือเพียงแต่จิฮารุที่ยืนส่งยิ้มให้ผมพร้อมกับกล้องถ่ายโพราลอยด์ในมือ

“ไว้จะเก็บใส่อัลบั้มให้นะ” จิฮารุบอกก่อนยักไหล่เมื่อเห็นผมมองไปยัง กล้องในมือของเธอ ผมไม่ได้พูดว่าอะไรเธอเพราะรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร

“แล้วนี่จะไปไหนหรอ?” จิฮารุเปลี่ยนเรื่องมาถามผมหลังจากที่เธอเก็บกล้องลงไปในกระเป๋าแล้ว ผมมองหน้าเธอแล้วชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปรึกษา

“ฉันทำน้องเลือดออกน่ะ..ทำไงดี?” ผมไม่เคยทำใครเลือดออกแบบนี้มาก่อนครับ แต่อย่างว่า...แต่ละคนที่ผมเจอมาส่วนใหญ่จะผ่านกับเรื่องอย่างนี้และคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนรับแรงผมได้อย่างสบายๆ แต่กับซัทสึกิ..เขาไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน มันก็เลยเป็นอะไรที่ทำให้เขาระบมได้ง่ายๆเช่นนี้

“อืม เลือดออกก็คงต้องเอาน้ำแข็งประคบล่ะมั้ง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“งั้นหรอ..ขอบคุณนะ”

“ยังไงทีหลังก็เพลาๆแรงหน่อยก็แล้วกัน”

จิฮารุหลิ่วตาล้อเลียนผมก่อนที่ผมจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อหาน้ำแข็งไปประคบให้น้อง ตู้เย็นที่เราเพิ่งซื้อมามีแต่น้ำแร่ที่ผมยัดใส่ไปครับ ผมเลยต้องลงไปหาของข้างล่าง จิฮารุเองก็เดินตามผมลงมาข้างล่างด้วยเช่นกัน

“ลงมาหาน้ำแข็งไปประคบตูดน้องฉันหรือไงกัน?”

มาอีกหนึ่งหน่อที่ไม่ได้รวมกลุ่มอยู่ในก๊วนที่ไปแอบส่องอยู่หน้าประตูห้องของผมกับน้องครับ ทากาโมโต้ มิซึรุกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงโต๊ะเล็กหน้าทีวีภายในห้องนั่งเล่นที่ผมเดินผ่านไปยังห้องครัว

ผมชะงักเท้าเล็กน้อยแล้วหันไปหา มิซึรุนั่งอยู่กับกองกระดาษที่ดูเหมือนจะเป็นเอกสารอะไรสักอย่าง รอบกายของเขามีแต่ของวางกองพะเนินเต็มไปหมด พอเห็นผมมองไปมิซึรุก็ยักไหล่แล้วเฉลยให้ผมฟังขณะที่จิฮารุเดินเข้าไปนั่งลงตรงด้านข้างของเขา

“บทละครน่ะ จิฮารุเพิ่งจะเอามาให้เมื่อค่ำ”

ผมพยักหน้าแทนการรับรู้ ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าจิฮารุเป็นคนเขียนบทละครส่งให้กับชมรมของมิซึรุ อันที่จริงผมมีคอนแทร็คกับเธอเล็กน้อยด้วยแต่ผมยังไม่เล่าให้พวกคุณฟังตอนนี้หรอก เพราะเวลาอันมีค่าของผมในค่ำคืนนี้มันสมควรจะกลับไปดูแลน้องครับ ปล่อยน้องไว้แบบนั้น เดี๋ยวน้องจะหาว่าผมได้เขาแล้วไม่ ยอมดูแลครับ

ผมเดินเลี่ยงจากมิซึรุเข้าไปในครัวครับ พอเปิดหาน้ำแข็งแล้วผมก็ต้องพบกับความโล่งของตู้เย็น ในช่องแช่แข็งไม่มีอะไรเลยนอกจากคูลแพ็คนอนแข็งอยู่ภายในนั้น ผมเลยจำใจต้องหยิบเอาคูลแพ็คแสนเย็นนั้นเดินกลับขึ้นมาบนห้อง

ผมเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้งและวางคูลแพ็คไว้ตรงโต๊ะก่อนจะเข้าห้องน้ำไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมา น้องนอนคว่ำอยู่บนเตียงและไม่หันกลับมามองผมเลยครับ

ความด้วยว่าจิตใจว้าวุ่นที่ทำน้องเจ็บจนได้เลือด พอผมเช็ดคราบที่เปื้อนอยู่กับก้นและซอกขาของน้องเสร็จ ผมก็ดันเอาคูลแพ็ควางประคบให้น้องเลย เท่านั้นแหละครับ น้องก็สะดุ้งขึ้นมานั่งแล้วซี๊ดปากเสียงดังก่อนจะสบถด่าผมออกมา

“ห่า!! เอาอะไรมายัดตูดกูวะ!!”

ผมนิ่งไปเพราะไม่คิดว่าเขาจะด่าออกมาอย่างนี้ ผมสูดลมหายใจลึกๆ บอกตัวเองให้เข้าใจความโกรธของเขา

“น้ำแข็งไม่มี มีแต่ไอ้นี่เลยเอามาประคบ เลือดจะได้หยุดออกไง”

“เอาผ้าขนหนูห่อก่อนซิวะ เย็นตูดจะตายห่าประคบมาได้ไงวะแบบนั้น”

“พูดไม่เพราะเลยซัทสึกิ”ผมเตือนเขาเมื่อรู้สึกไม่ชอบใจกิริยาที่น้องทำใส่ผมในตอนนี้ ถึงตัวผมจะพูดมึงมาพาโวยกับเพื่อนแต่ก็ไม่เคยคิดจะใช้มันกับเขา

ผมอยากให้เราสองคนพูดกันด้วยภาษาที่เพราะๆมากกว่าภาษาหยาบคายครับบอกตามตรง และหน้าของน้องก็ไม่เหมาะกับคำหยาบเลยสักนิด

แต่พอผมพูดออกไปแบบนั้น น้องก็ขมวดคิ้วฉับแล้วทำปากงอเหมือนเด็กโดนขัดใจ ถึงจุดนี้แล้วผมก็ต้องส่ายหน้าช้าๆ..ไม่ได้นึกหน่ายหรือเบื่ออะไรนะครับ แต่ผมส่ายหน้าให้กับตัวเองที่เห็นเขาทำท่าแบบนั้นแล้วผมก็เกิดอาการใจอ่อนขึ้นมาติดหมัด น้องยังคงทำหน้าเหมือนเด็กดื้อโดนขัดใจก่อนทิ้งตัวลงนอนคว่ำแล้วชี้ไปที่ก้นของเขา

“เอาผ้าขนหนูห่อแล้วรบกวนประคบให้ต่อด้วยนะพ่ะย่ะค่ะคุณชาย”

ผมแอบยิ้มขำกับคำพูดที่เขาใช้ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักหัวเขาเบาๆ แล้วก็แทบจะปรับสีหน้าไม่ทันเมื่อน้องหันมามองค้อนผมก่อนจะคว้าการ์ตูนที่เขาวางไว้ตรงหัวเตียงมาอ่าน

ทางเลือกที่ผมมี คือไปหยิบเอาผ้าขนหนูอันใหม่มาห่อคูลแพ็คและมาประคบให้น้องใหม่อีกครั้ง เห็นรอยช้ำแดงแล้วผมก็อยากเตะตัวเองซ้ำอีกรอบ

น้องจะเจ็บมากแค่ไหนนะตอนที่เรามีอะไรกัน เห็นแล้วก็รู้สึกผิดมากครับ จนอยากหาอะไรมาไถ่โทษให้น้อง แต่ตอนนี้สมองผมมันว่างเปล่าไปหมด ไม่รู้จะเอาใจเขายังไงดีเลยต้องเอ่ยถามเขาออกไป

“อยากกินอะไรหรือเปล่า? เดี๋ยวตอนเช้าพาไปกิน”

ผมโน้มหน้าไปลูบหัว เขาเบาๆแล้วถามเสียงอ่อน น้องละสายตาจากการ์ตูนมามองหน้าผมแล้วหันกลับไปเอาคางเกยหมอน สายตาเพ่งดูการ์ตูนในมือ ที่เขากางอยู่ ไม่สนใจหน้าหล่อๆของผมเลยแม้แต่นิด

“งั้นอยากได้อะไรไหม? กระเป๋า นาฬิกา มือถือ หรือเสื้อผ้าจะได้พาไปซื้อ”

ถ้าไม่อยากได้ของกินก็ต้องเป็นอย่างอื่นสินะ ผมพยายามคิดหัวแทบแตกว่าจะหาอะไรมาทำให้น้องอารมณ์ดีขึ้นดีพอผมถามออกไปอย่างนั้นน้องก็พูดเสียงเบาๆมาให้ผมต้องเอียงหูเข้าไปหาเพื่อจะได้ยิน

“อยากได้อย่างหนึ่ง” ผมคลี่ยิ้มแล้วก้มลงไปจูบเบาๆที่ข้างขมับของเขา

“อยากได้อะไร ฉันจะหามาให้นาย”

“ไสหัวนายออกไปจากชีวิตฉันได้ไหม ฉันเกลียดนาย!!”

ผมตะลึงกับคำพูดของน้องไม่น้อย เขาสะบัดเสียงใส่ผมห้วนๆก่อนจะตะแคงหนีแล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง แถมยังถีบคูลแพ็คที่ผมห่อประคบเอาไว้ให้ตกเตียงลงไปอีก

ผมพูดอะไรไม่ออกแล้ว จิตใจมันห่อเหี่ยวและมืดมนสุดๆ กายหยาบของผมมันลุกเดินขึ้นจากเตียง

ส่วนหนึ่งในใจบอกให้รู้ว่าผมกำลังถูกน้องรังเกียจ ทิฐิ และศักดิ์ศรีที่ตลอดมามีแต่คนไล่ตามโดยที่ไม่ต้องไปไล่ตามใครก็มีตัวเลือกมากมายมากองให้กับผมบอกให้ผมยอมแพ้และเดินกลับออกไปบอกไอ้ยูกับไอ้จุนว่าผมแพ้แล้ว ผมได้แค่ตัวแต่ไม่ได้ใจของซัทสึกิ

แต่ส่วนที่เหลือในใจ(ซึ่งมันใหญ่กว่า)...บอกให้ผมเดินกลับเข้าไปหาซัทสึกิอีกครั้ง

ผมยืนมองเขาที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง...

ผมรักเขา..รักอิชิฮาระ ซัทสึกิตั้งแต่แรกเห็น

และไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม...ผมสาบานแล้วว่าเราต้องรักกัน..

เราจะต้องรักกัน ไม่ใช่ผมรักเขาแค่ฝ่ายเดียวอย่างที่แล้วๆมา

“ฉันออกไปจากชีวิตนายไม่ได้หรอกซัทสึกิ กว่าฉันจะได้มีโอกาสกอดนายแบบนี้มันลำบากมากนะรู้ไหม..”

ผมเอ่ยบอกเสียงเบาหลังจากก้าวขึ้นไปบนเตียงและรวบเขากอด น้องหยุดดิ้นขลุกขลักทันทีที่ผมพูดออกไป ผมเลยสบโอกาสที่จะดึงผ้าห่มที่เขาคลุมหัว ไว้ลงมา พอได้เห็นปากแดงๆนั้นกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ผมก็เลยก้มหน้าลงไปเบียดริมฝีปากปิดปากเขาเอาไว้ เพราะกลัวว่าเขาจะเอ่ยออกมาว่าเกลียดผม

เราจูบกันอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งก่อนที่ผมจะยอมปล่อยให้ริมฝีปากของเขาเป็นอิสระ น้องหอบหายใจเบาๆ เขามองผมด้วยแววตาสับสน ผมเลยจูบทับเปลือกตาของเขาไปก่อนจะพูดเว้าวอนเมื่อรั้งเขาให้เข้ามานอนซุกในอ้อมแขนของผม

“อย่าพูดว่าเกลียดฉันเลยนะซัทสึกิ...”

อย่าเกลียดพี่เร็นคนนี้เลยนะคนดี...

                เมื่อคืนผมนอนไม่หลับครับ..

คำพูดที่น้องบอกว่าเกลียดผมมันยังคงก้องอยู่ในหูจนน่ารำคาญตัวเอง แต่คนพูดเขาหลับไปแล้วครับ น้องขดนอนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่ข้างๆผม

ผมมองสีหน้าเขายามหลับแล้วก็รู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อยเพราะขนาดหลับไปแล้วน้องยังนอนขมวดคิ้วอยู่เลย ผมโน้มหน้าไปจูบเบาๆที่หว่างคิ้วของเขาแล้ว ไล้ลงมาถึงริมฝีปาก ผมจูบที่ปากของเขาช้าๆแนบแน่นแต่ไม่รุกเร้าก่อนที่จะผละลุกจากเตียงออกมาที่ระเบียง

ลมตอนกลางคืนนี่แรงไม่เบาครับ ผมที่ใส่เพียงแค่กางเกงอย่างเดียวก็ รู้สึกหนาวอยู่เหมือนกัน แต่กระนั้น..ผมก็หยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบและปล่อยความคิดให้มันวุ่นวายใจว่าวันพรุ่งนี้เช้าที่น้องตื่นขึ้นมา ผมควรทำอย่างไรดีที่จะทำให้น้องมีทัศนคติที่ดีกับผมดีขึ้นมากกว่าวันนี้

แต่ควันสีมัวกับสารนิโคตินที่ผมอัดเข้าปอด...มันก็ไม่ได้ช่วยหาคำตอบให้กับผมเลยครับ ผมจัดการกดบุหรี่ที่สูบไปได้ไม่ถึงครึ่งตัวลงกับตลับที่เขี่ยบุหรี่ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง น้องยังคงขดตัวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเป็นก้อนกลมๆบนเตียงครับ ผมก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆน้องแล้วมองดูหน้าของเขา ตอนนี้เขา ไม่ขมวดคิ้วเหมือนก่อนที่ผมจะลุกไปสูบบุหรี่แล้ว ผมมองเขาแล้วก็ต้องคลายยิ้มออกมาแม้จะยังคงเหนื่อยอยู่ในใจ

ปลายนิ้วของผมยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มของเขาเบาๆ พอทำอย่างนั้นแล้ว น้องก็ขยับแก้มไปมาตามปลายนิ้วของผมก่อนที่ศีรษะเล็กของเขาจะเลื่อนมาซุกกับอกของผมพร้อมกับสองมือที่กอดเข้ามาหา

ผมหัวเราะเสียงเบาก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับ...

แต่มันยากมากครับที่จะข่มตาให้หลับลงในเวลาที่จิตใจมันไม่สงบแบบนี้

ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปจนไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปกี่ชั่วโมงกันแล้วมารู้อีกทีก็ตอนที่น้องขยับตัวในอ้อมแขนของผม ผมหลับตาลงเพราะยังไม่ค่อยพร้อมจะเห็นปฏิกิริยาของน้องในตอนนี้สักเท่าไหร่

กลัวว่าเขาจะพูดว่าเขาเกลียดผมอีกหนหรือมองผมอย่างเกลียดชังอะไรทำนองนั้น ผมเลยเลือกที่จะแกล้งหลับและปล่อยให้น้องขยับตัวออกจากอ้อมแขนของผม น้องกลิ้งตัวไปอีกฟากของเตียงและเหมือนจะพยายามลุกขึ้น

“โอ๊ย!” น้องอุทานเสียงเบา ผมหรี่ตาขึ้นมามองดูแล้วก็ต้องหลับลงไปอีกครั้งเมื่อน้องทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิมก่อนจะกลิ้งตัวกลับมาหาผม

“..ซากิ...ริวซากิ เร็น”

น้องเรียกผมครับแถมยังเอามือมาตีๆอกผมด้วยอีกต่างหาก ผมใจเต้น มากตอนนี้และลืมตาขึ้นมาพยายามทำสีหน้าให้ดูงัวเงียเพื่อความสมจริง

“หืม?...” ผมครางถามออกไป น้องทำหน้างอแล้วกัดปากสลับกับเม้มปากไปมาผมมองเขาอยู่พักหนึ่งก่อนที่น้องจะยอมพูดออกมา

“ปวดฉี่..” น้องพูดเสียงเบามากครับแถมยังหลบตาผมอีกด้วย ฟังแล้วผม ก็อยากจะหัวเราะออกมาจริงจังครับ ไม่รู้ว่าจะขำน้องหรือขำตัวเองที่ใจเต้นดี

“แล้ว..?” ผมถามออกไปสั้นๆอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ถ้าน้องปวดเข้าห้องน้ำแล้วเขาหันมาบอกผมทำไม แต่พอผมถามกลับไป น้องก็ทำหน้างอใส่แล้วทุบอกผมแรงๆเหมือนเป็นการลงโทษที่ผมไม่เข้าใจเขา

“ก็ฉันลุกไม่ขึ้นนี่!! ถ้าลุกไปเข้าห้องน้ำได้ฉันจะมาปลุกนายทำเพื่อ!!”

น้องสะบัดเสียงใส่ผมแล้วทำหน้างอนครับ คนที่ต้องรีบโอ๋น้องอย่างผม เลยต้องรีบรั้งเขาเอาไว้ก่อนที่น้องจะกลิ้งตัวผมหนีไปอีกฟากแล้วอุ้มเขาขึ้นมา

ผมลืมไปว่าน้องกำลังเจ็บก้นอยู่ เขาคงจะลุกขึ้นมานั่งไม่ได้ ถึงได้ตัดสินใจปลุกผมให้พามาเข้าห้องน้ำ น้องเหนี่ยวคอผมไว้แล้วจ้องหน้าผม พอผมหันมองหน้าเขา น้องก็สะบัดหน้าใส่ผม ดูท่าแล้ววันนี้คงต้องคอยเอาใจกันทั้งวันแล้วสิ

พอเข้ามาถึงในห้องน้ำแล้ว ผมก็ปล่อยให้เขายืนลงกับพื้น ขาของน้องสั่นพอสมควรแต่ก็ยังยืนได้ น้องนิ่วหน้าแล้วทำปากงออีกหนก่อนจะหันมาโบกมือไล่ผมที่ยืนซ้อนหลังประคองเอวเขาเอาไว้

“จะยืนดูคนอื่นเขาฉี่หรือไงกัน”

ปกติแล้วถ้าเป็นคนอื่นฉี่ ผมคงไม่หน้าด้านยืนดูหรอกครับ..แต่เผอิญคน ที่จะฉี่เป็นอิชิฮาระ ซัทสึกิ...ผมเลยจะหน้าด้านยืนดูครับ (ยิ้มกว้าง)

“ถ้าฉันออกไปข้างนอกแล้วขานายสั่นจนล้มขึ้นมาก็แย่น่ะสิ”

ผมบอกอย่างห่วงใยแต่น้องเบ้ปากใส่ความห่วงใยของผมก่อนเขาจะหันกลับไปทำธุระส่วนตัวของเขาจนกระทั่งเสร็จ น้องก็หันกลับมามองหน้าผมแล้วทำตาปริบๆใส่

“ฉันอยากอาบน้ำ”

“งั้นอาบด้วยกัน” ผมบอกก่อนจะโอบเอวน้องให้ไปยังฝักบัว ผมจับมือเขาให้มาจับไหล่ของผมเอาไว้ก่อนจะจัดการถอดกางเกงของตัวเอง ส่วนซัทสึกินั้นเขาเปลือยอยู่ตั้งแต่แรกแล้วครับ น้องพึมพำอะไรสักอย่างในลำคอแต่จับใจความไม่ได้ครับว่าเขาพูดอะไร

“บ่นอะไรหืม?” ผมหยิกแก้มเขาเบาๆ น้องเลยทำแก้มพองใส่ผมก่อนจะแลบลิ้นใส่อีกต่างหาก

“ฉันบ่นกับตัวเอง ไม่ได้อยากให้นายรู้ ถ้าอยากให้นายรู้ฉันจะบ่นเสียง ดังๆให้นายฟังเอง” เล่นลิ้นซะด้วยครับเด็กดื้อของผม ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหยิบเอาสบู่มาถูตัวให้กับเขา ผิวน้องนุ่มมือไปหมด เขาดิ้นหนีมือผมแล้ว ส่งสายตาขุ่นมาให้

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 16 [Update : 5/4/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 24-05-2013 18:37:11
“ฉันอาบเองได้ นายก็อาบตัวนายไปสิ”

“ก็อยากอาบให้นี่ อีกอย่าง..ฉันจะล้างข้างในให้นายด้วย..นายล้างเองได้หรอ?” น้องทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกใส่ผมครับแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวันเขาพยายามจะถอยหนีผมแต่ดูเหมือนว่าเขาจะขยับไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ พอน้องถอยไปได้สองก้าวเขาก็ทำหน้าเหยเก ดูท่าจะกระเทือนแผลสินะ

“ล้างข้างใน? ทำไมต้องล้าง?”

โอ๊ย! คำถามไร้เดียงสาอะไรเช่นนี้

ผมฟังแล้วก็อดเอ็นดูเขาไม่ได้ ไฟในห้องน้ำมันสะท้อนให้ผมเห็นว่าสองแก้มของน้องแดงปลั่งมากครับตอนนี้ ผมล้างมือแล้วหยิบเอาโฟมล้างหน้ามาถูๆมือก่อนจะป้ายไปบนแก้มเขา น้องหลับตาปี๋แล้วเม้มปากให้ผมล้างหน้าให้กับเขาแต่โดยดีระหว่างที่ผมอธิบายถึงเหตุผลให้เขาฟัง

“ก็ฉันปล่อยข้างในไป..ถ้าทิ้งไว้แบบนี้นายจะไม่สบายตัวนะ”

“แล้วฉันล้างเองไม่ได้หรือไงกัน”

“นายก็ลองล้างเองดูสิว่าได้หรือเปล่า”

น้องทำหน้ายู่ใส่ผมครับ เขาบ้าจี้ทำตามที่ผมย้อนถามด้วยการเอื้อมมือไปคลำก้นของตัวเองแล้วก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีครับว่าน้องไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะล้างข้างในได้

“มาเถอะ..ฉันล้างให้ดีกว่า” ผมบอกเขาเสียงทุ้มก่อนรั้งให้เขามาอิงอก น้องเกาะไหล่ผมพยายามจะดันผมออกแต่ก็ผวายึดผมไว้แน่นเป็นหลักเมื่อมือของผมลูบไปตามหลังของเขาไล้ลงต่ำไปยังส่วนสะโพก ปลายนิ้วสอดลึกเข้าไป อย่างเบามือเพื่อกวาดต้อนเอาของเหลวที่คั่งค้างไว้ออกมา

“เจ็บชะมัด...เหมือนก้นจะฉีกเลย”

ผมกลั้นขำกับคำบ่นพึมพำของน้องที่ทำหน้าย่นอยู่ กว่าจะล้างข้างใน และอาบน้ำเสร็จ ผมก็โดนน้องหยิกมาหลายแผลครับ แต่ในที่สุดเราสองคนก็ตัวหอมสะอาด ผมพาน้องออกมานอกห้องน้ำและใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ซับน้ำออกจากตัวของเขาให้ก่อนจัดการหาเสื้อผ้าให้เขาใส่

“ฉันใส่เสื้อผ้าเองได้หน่า” ขายังจะยกไม่ขึ้นยังจะทำเก่งอีกครับอิชิฮาระ ซัทสึกิของผม อ้อนพี่เร็นบ้างอะไรบ้าง พี่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะครับที่รัก

“ปากเก่งจริง ไหนลองเดินกลับไปที่เตียงโดยไม่ต้องจับอะไรให้ดูหน่อยสิ”

ผมบอกแล้วใช้บิดปลายจมูกเขาเบาๆ น้องแยกเขี้ยวใส่ผมแล้วปล่อยมือจากแขนของผม พยายามก้าวเดินกลับไปเองแต่ขาของเขาก็สั่นเกินครับ เดินไปได้ไม่ถึงสามก้าวก็ทำท่าจะทรุดฮวบลงไปนั่งกองกับพื้น ผมเลยก้าวเข้าไปหาแล้วรั้งเอวเขาไว้ก่อนจะอุ้มเขาไปเอนนอนที่เตียง

“ฉันเป็นคนทำให้นายเจ็บนะ..ให้ฉันคอยดูแลนายดีกว่า”

ผมบอกเขาแล้วปัดปอยผมที่ตกละใบหน้าของเขาออก น้องขยับปากล้อเลียนตามคำพูดของผมก่อนจะทำปากยื่นน้อยๆ

“มันก็แหงอยู่แล้ว เพราะนายคนเดียวเลยทำฉันระบมขนาดนี้”

ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่น้องก็แก้มแดงมากครับจนผมอดมันเขี้ยวไม่ได้เลยต้องระบายด้วยการก้มลงไปฟัดแก้มเขาเบาๆ น้องโวยวายแล้วทุบไหล่ของผมไป ด้วยก่อนที่เขาจะกลิ้งตัวหนีไปนอนกอดไอ้ตุ๊กตากระต่ายปีศาจที่ผมเพิ่งจะเอามันขึ้นมาวางไว้บนเตียง

คนดี..ถึงไอ้ตุ๊กตานั่นมันจะไม่มีชีวิต แต่พี่เร็นคนนี้ก็หึงมันได้นะครับ

ถึงอย่างนั้นผมปล่อยให้น้องนอนกอดไอ้ตุ๊กตาตัวโตนั่นไปอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งเสียงของมิซึรุเรียกให้ทุกคนไปกินอาหารเช้า น้องก็พลิกตัวหันมามองผม ตาปริบๆ

“หิว”

น้องบอกแล้วทำปากยื่นน้อยๆ ขยันทำปากยื่นให้พี่จังนะครับคนดี เดี๋ยวปั๊ดจับจูบซะเลยดีไหม

“งั้นจะไปยกขึ้นมาให้ก็แล้วกัน” ผมบอกแล้วลูบหัวเขาเบาๆ ไม่อยากบอกว่าจะเคี้ยวแล้วป้อนให้ด้วยปากก็ยินดี

แต่ระหว่างทางที่ผมจะเดินลงไปเอาอาหารเช้าให้กับน้อง สองคู่หูเพื่อนสนิทของน้องก็ยกถาดอาหารสวนขึ้นมาพอดีครับ

“ไม่ต้องลงไปหรอกครับ พวกผมยกขึ้นมาให้แล้ว”

ผมรับเอาถาดที่ไดสุเกะคุงถือขึ้นมาให้เอามาถือเองก่อนจะเอ่ยขอบคุณ พวกเขาไป แต่ถึงผมจะรับถาดมาแล้ว ทั้งสองคนก็ยังคงเดินตามผมมาครับ เชื่อได้ ว่าทั้งคู่คงอยากจะเข้ามาดูสภาพของซัทสึกิครับ

“ไง!! เมื่อคืนกี่รอบถึงได้ระบมขนาดนี้”

เป็นบุญของเคนอิจิไปครับที่น้องยกขาไม่ขึ้น ซัทสึกิทำหน้าเหยเกแล้ววางขาลงกับเตียงเหมือนเดิมก่อนจะหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม

“ไม่ต้องมองรุ่นพี่ริวซากิเขาแบบนั้นเลยซัทจัง ซัทจังอยากร้องเสียงดังเอง เมื่อคืน คนทั้งบ้านเขาเลยรู้กันหมดแล้ว”

เอ่อ..ไดสุเกะคุงนี่ก็ร้ายไม่เบาครับ ผมว่าน้องจะร้องดังไม่ดังมันไม่เกี่ยวหรอก เพราะพวกเขาเล่นขึ้นมาแอบส่องกันหน้าประตูห้องเลยนี่นา แต่เห็นกะว่าช่วยผมหรอกนะ ผมจะไม่บอกความลับนี้ให้ซัทสึกิรู้ก็ได้

“แล้วนี่ก็ข้าวต้มเดี๋ยวให้รุ่นพี่ริวซากิเขาป้อนก็แล้วกัน พวกฉันไปมหาลัยล่ะ”

ไดสุเกะคุงเขาบอกพลางลูบหัวน้องก่อนจะหันไปดึงแขนเคนอิจิที่ยืน หัวเราะอย่างอารมณ์ดีให้ออกไปนอกห้องด้วยกัน

ผมหัวเราะเบาๆกับอาการงอแงของน้องที่ทำให้เขาดูเหมือนน้องชายคนเล็กของไดสุเกะคุงกับเคนอิจิมากกว่าจะเป็นเพื่อนกัน

“หัวเราะอะไร ป้อนดิ!!”

น้องหันมาพาลใส่ผมครับเมื่อเหลือผมอยู่กับเขาตามลำพังในห้อง ผม เลยต้องยิ้มแทนการหัวเราะและตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าก่อนจะป้อนให้กับเขา

ซัทสึกิจังเวลางอแงนี่...น่ารักมากเลย..

ว่าไหมครับ?

ผมนี่มันแย่ที่สุดเลย…

ความมักมากของผมที่ละโมบจะครอบครองน้องมันมีมากจนเกินไปเสียแล้ว ผ่านเข้ามาวันที่สองแล้ว..น้องยังคงลุกจากเตียงไม่ขึ้นเลยครับ คราวหลังผม คงต้องเพลาๆความต้องการของตัวเองลงบ้างเอาเสียแล้ว

แต่ก็พูดจริงๆเถอะว่ามันทำได้ยากมากเลยครับที่จะทำแบบนั้น ร่างกายของน้องมันเหมือนสิ่งเสพติดที่เพียงแค่ได้สัมผัสมันก็ยิ่งทวีความต้องการขึ้นมาเป็นสิบเป็นร้อยเท่า

นั่นก็คงจะไม่ดีกับน้องเท่าไหร่ ผมไม่อยากให้เขาต้องเจ็บตัวแล้วก็เดือดร้อนเพราะผมอีก เพียงแค่นี้น้องก็ไปเรียนไม่ได้สองวันแล้ว

แต่..

ถ้าทำให้น้องเคยชินกับความรักของผม..ต่อไปเขาก็จะไม่เจ็บสินะ อืม..

ผมยกเอาถาดอาหารเช้าที่น้องเพิ่งทานเสร็จลงมาด้านล่างแล้วแวบออกไปสูบบุหรี่นิดหน่อยในสวน ถึงอยากจะขึ้นไปใช้อากาศร่วมกันภายในห้องกับน้องสองต่อสองก็คงไม่ได้ครับตอนนี้ เพราะเพื่อนสนิทเขาทั้งสองคนเพิ่งจะเดินสวนผมเข้าไปหาน้องตอนผมเดินออกมา

ตามประสาแฟนที่ดีก็ควรให้เวลาคนรักได้อยู่กับเพื่อนบ้างอะไรบ้าง ใช่ไหมล่ะครับ เพราะถ้าผมยึดน้องมาเป็นของตัวเองโดยตัดเขาออกจากเพื่อนซัทสึกิที่รักและติดเพื่อนมากคงจะรู้สึกแย่กับผมไม่น้อย

แต่ไดสุเกะคุงกับเคนอิจิเข้าไปคุยกับน้องนานจังเลยครับ ผมอัดบุหรี่เข้าปอดเป็นมวนที่สองแล้วพวกเขาก็ยังไม่ออกกันมาเสียที เห็นใจคนที่เขาอยากเข้า ไปอยู่กับซัทสึกิบ้างสิ!

หมดบุหรี่มวนสองแล้วผมก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในบ้านครับ ซัทสึกินี่เป็นเด็กร้ายกาจจริงจัง เขาทำอะไรกับผมกันนะ ผมถึงทนไม่ค่อยได้ที่จะอยู่ห่างจากเขาแค่เพียงไม่กี่นาทีแบบนี้ แถมมันทวีมากขึ้นกว่าเก่านับตั้งแต่เขาตกเป็นของผมด้วยครับ

พอเข้าไปข้างในบ้านแล้วผมก็ต้องชะงักครับ เมื่อจะได้ยินเสียงน้องกำลังคุยโวยวายอยู่ ด้วยความร้อนใจผมเลยรีบกลับไปที่ห้อง

ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป บางสิ่งมันก็ลอยมาในลักษณะถูกเขวี้ยงมาโดนหน้าผมอย่างจัง มันคือหมอนที่น้องใช้หนุนนอนอยู่ครับ คนเขวี้ยงก็ดูเหมือนจะเป็นน้องที่นั่งหน้างออยู่บนเตียง ข้างๆเตียงก็มีไดสุเกะคุงกับเคนอิจิยืนอยู่

ผมรู้สึกสงสัยอย่างที่สุดว่าทั้งสองมาคุยอะไรกับน้อง น้องถึงได้อารมณ์เสียจนหน้าบูดบึ้งแบบนี้แต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป ผมเลยก้มลงเก็บหมอนใบนั้น ไปวางไว้ที่คืนที่เตียง ไดสุเกะกับเคนอิจิเลยถึงได้ปลีกตัวออกจากห้องไป

ผมลังเลเล็กน้อยแต่ก็ลองเชิงด้วยการนั่งลงข้างๆคนที่นั่งหน้าตูมอยู่บนเตียง น้องมองหน้าผมแล้วสะบัดหน้าหนี ผมเลยลองเสี่ยงด้วยการยกมือขึ้นไป เกลี่ยผมเขาแล้วทัดหูให้ เวลาน้องเอาผมทัดหูแล้วหน้าน้องหวานมากครับ หวานจนผมอยากหอมแก้มเขาแรงๆสักทีสองที แต่ในเวลาที่น้องอารมณ์ไม่ดีแบบนี้คงจะไม่ดีแน่ๆเลยครับ

“วันนี้ไม่ไปมหาลัยใช่ไหม?”

ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงใจดีอย่างซัทสึกินี่ เวลาอารมณ์ไม่ดีเราต้องเอาความใจดีเข้าสู้ครับ ผมเรียนรู้ข้อนี้มาจากไดสุเกะคุง ไดสุเกะคุงเคยบอกผมว่าถ้าน้องอารมณ์ไม่ดีหรือกำลังงอนและงอแง ผมต้องใจดีกับน้อง เพราะมันจะทำให้ น้องอ่อนลงง่ายกว่าใช้ไม้แข็งกับเขาครับ ยิ่งใช้ไม้แข็งกับเขาแล้ว ซัทสึกิก็จะยิ่งงอแงกับเรามากขึ้น

“เออ” น้องตอบมาเหมือนกับไม่เต็มใจจะตอบครับแถมยังเอาก้มหน้าหักข้อนิ้วตัวเองจนเสียงกระดูกนิ้วมันลั่นดังกร๊อบๆ ดูท่าแล้วจะหงุดหงิดขั้นแม็กซ์มากครับ เล่นเอาผมหายใจไม่ทั่วท้องสักเท่าไหร่ ไอ้ชนักที่ปักอยู่ที่หลังมันถ่วงน้ำหนักจนผมจะเซล้มเลยดีเดียว

“อย่าหักนิ้วแบบนั้นสิ เดี๋ยวนิ้วก็ไม่สวยหรอก” ผมอยากให้นิ้วของน้อง สวยๆครับ เวลาที่เขาสวมแหวนที่ผมคงจะได้มีโอกาสสวมให้เขาในอนาคตสักวันข้างหน้า นิ้วของเขาจะได้สวยรับกับแหวนของผม

พอผมคว้ามือเขาไว้แล้วบอกอย่างนั้น น้องก็หันมองหน้าผมเหมือนอยากจะมาหักคอผมแทน ผมเลยต้องรีบชิงถามอย่างอื่นต่อเพื่อเบี่ยงประเด็น

ไดสุเกะคุงเคยบอกไว้อีกว่าถ้าใจดีแล้วซัทสึกิยังไม่อ่อนให้ก็ให้เอาใจ และตามใจน้องครับ แต่ผมจะเอาใจเขายังไงดีล่ะนี่..พาไปเที่ยวดีไหม? อยู่แต่ในห้องแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน คนไฮเปอร์อย่างซัทสึกิคงจะเบื่อแล้วล่ะมั้ง

“งั้นไปนั่งรถเล่นกันไหม?”

“ไม่” คนแมนๆอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกินี่เอาใจยากจังครับ แถมวันนี้ทำไมดูน้องทำตัวไร้เยื่อใยกับผมเสียจริง

“คิดอะไรอยู่หืม? คิ้วขมวดเชียว” ผมยื่นมือไปประคองสองแก้มของเขาไว้แล้วคลึงหัวคิ้วที่ขมวดกันของน้องออก แต่ก็โดนน้องปัดมือออกไปภายในไม่ถึงนาทีด้วยครับ น้องกดหน้าลงต่ำแล้วมองผม

“ฉันกำลังคิดว่า..”

“คิดว่าอะไร?” ผมถามซ้ำอย่างร้อนใจเพราะน้องเล่นค้างคำถามเอาไว้ ไม่ยอมถามเสียที พอผมถาม น้องก็เอาลิ้นดุนกับแก้มเม้มปากอยู่สองสามทีก่อนที่เขาจะถามผมกลับมา

“ทำไมนายต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ใช่หรือไงกัน แล้วไอ้ที่บอกว่ากว่าจะได้มีโอกาสกอดฉันมันลำบากมาก หมายความว่ายังไงกัน?”

อ่า...คำถามของน้องตอบยากจังเลยครับ

จริงๆผมมีคำตอบให้น้องอยู่แล้ว แต่มันยากที่จะตอบในตอนนี้มากๆครับ

ผมไม่คิดว่าน้องจะปลื้มหรอกนะถ้าได้รู้เรื่องราวทั้งหมดในตอนนี้ และนอกจากจะไม่ปลื้มแล้ว น้องอาจจะถึงขั้นเกลียดไม่ก็กลัวผมเลยด้วยซ้ำ

ผมกลอกตาไปมาก่อนจะหันหลังหนีเขา มองตาเขาที่กำลังต้องการ คำตอบแล้วผมก็กลัวใจอ่อนพลั่งพรูทุกสิ่งเล่าให้เขาฟังมากเลยครับ

“ริวซากิ เร็น” ถึงผมจะหันหลังหนีจากการสบตากับซัทสึกิแล้ว แต่น้องก็ยังเอื้อมมือมากระตุกชายแขนเสื้อผมอยู่ดี ผมสูดหายใจลึกๆก่อนจะหันกลับมาแล้ว ดึงเขาเข้ามาจูบอย่างรวดเร็ว น้องดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของผมอยู่ไม่กี่อึดใจก่อนที่คนดีจะเคลิ้มตามจูบของผมครับ ถึงแม้ว่าจะเจ็บปากนิดหน่อยตอนที่ผมดึงเขาเข้ามาจูบแล้วพลาดไปโดนฟันชนกันตอนแรกก็เถอะ

แต่ไม่อยากบอกว่าจูบของน้องยังหวานมากเหมือนเดิมเลยครับ

เราจูบกันอยู่กี่นาทีไม่รู้ แต่ในที่สุดผมก็ยอมปล่อยเขา เด็กที่พยายามจะดื้อกับผมก็ทำมองค้อนใส่ ผมเลยจูบทับเปลือกตาเขาไป

“เหตุผลทั้งหมดก็เพราะนายยังไงล่ะ...”

ผมบอกเขาเสียงเบาอยู่ข้างหูก่อนตัดสินใจลุกหนีไปที่อื่นก่อนจะใจอ่อนหลุดปากบอกให้เขารู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของผมออกไป..

ใจเย็นไว้ก่อนริวซากิ เร็น....

ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา....

-TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 17 [Update : 24/5/13]
เริ่มหัวข้อโดย: akira334 ที่ 24-05-2013 19:14:01
 :hao6: มาต่อแย้วววว ปูเสื่อรอจนแห้งเฉา สุดท้ายท่านก็มา  :hao5:

มาต่ออีกไวๆน้าาาา รออยู่  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 17 [Update : 24/5/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 25-05-2013 16:19:31
 :mew3:

กว่าซัทจังจะยอมรับได้เนี๊ยะ นานจังนะ

สงงสารเร็นจังเลย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 17 [Update : 24/5/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 01-06-2013 19:21:59
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.5

ผมเดินออกจากห้องมาแล้วก็มาเจอกับจิฮารุที่แวะมาหาเพื่อนสนิทของเธออย่างมิซึรุครับแต่ดูเหมือนเธอกำลังจะกลับพอดีเพราะมีเรียนต่อในตอนช่วง หลังเที่ยง ผมเลยอาสาพาเธอไปส่งที่มหาลัยเพราะมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยพอดี

“มีเรื่องอะไรกับฉันหรอ?” ผมเห็นจากหางตาว่าเธอกำลังจ้องหน้าผมอยู่ครับ พอผมเลี้ยวรถเข้าถนนสายหลักเธอก็เลยถามขึ้นมา

“ก็แค่อยากขอบคุณน่ะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจและขอบคุณเธอเป็น ครั้งแรก ความจริงแล้วที่ผมได้มาอยู่ที่หอพักนี้กับน้องก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเธอนี่แหละครับ ผมรู้จักกับเธอเพราะพี่สาวของเราทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันครับ อันนี้รู้กันเฉพาะเราแล้วกันนะครับ

“ไม่ต้องหรอกน่า เรื่องแค่นี้เอง”

เธอบอกอย่างอารมณ์ดีแต่ยังคงมองผมด้วยสายตารู้ทัน ผมก็แกล้งเฉไฉ พาเธอเข้าเรื่องที่สำคัญมากกว่าประเด็นเรื่องขอบคุณดีกว่า

“แล้วผมก็อยากรู้เรื่องที่จะเซอร์ไพรส์วันเกิดซัทสึกิด้วย”

อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะถึงวันเกิดน้องแล้วครับ ตอนก่อนที่ผมจะย้ายเข้าไปที่หอพัก จิฮารุเคยเกริ่นไว้ว่าทุกคนอยากจัดวันเกิดให้กับน้องครับ แบบเซอร์ไพรส์ให้น้องตราตรึงในตัวผมด้วย ยิ่งใกล้ถึงวันเกิดน้อง ผมก็เริ่มร้อนใจนิดหน่อยเพราะอยากรู้แผนเซอร์ไพรส์นั้น จิฮารุหรี่ตาผมแล้วส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ครับ พอเห็นผมไม่ขำด้วยเธอก็ยักไหล่คล้ายจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่ก็ยังดีที่เธอยังตอบผมกลับมาไม่ ให้ผมรู้สึกเก้อครับ

“เรื่องนั้นอ่ะหรอ..” จิฮารุลากเสียงยาวเหมือนกวนประสาทกัน บางทีเธอ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนไอ้ยูบวกรวมกับไอ้จุนแล้วก็ไอ้เฮย์มากครับ

นี่ถ้าเธอเป็นผู้ชายแล้วล่ะก็ต้องแสบกว่าไอ้สามเกลอช่างกวนของผมแน่ๆครับ เพราะนี่ขนาดเธอเป็นผู้หญิง เธอยังทำให้ผมประสาทอ่อนๆได้เลยบางที รู้ซึ้ง เลยทีเดียวว่าทำไมคนอย่างเธอถึงเป็นเพื่อนกับทากาโมโต้ มิซึรุได้ ขานั้นก็ทำให้ผมประสาทได้พอๆกับบรรดาลูกสมุนนั่นแหละ

สรุปรอบข้างผมมีแต่คนกวนประสาทครับ จะกวนใจให้ว้าวุ่นก็มีเพียงคนเดียวที่ชื่ออิชิฮาระ ซัทสึกินั่นแหละครับ เด็กอะไร..ถึงไม่เห็นหน้าก็กวนใจพี่ให้ว้าวุ่นได้ตลอดเวลา

“ฉันยกให้มิซึรุเอาไปคิดแล้วล่ะ หมอนั่นบอกว่าถ้าคิดออกแล้วเดี๋ยวจะบอกเร็นเป็นคนแรกเลย!”

ให้ตายเถอะ!

ให้ทากาโมโต้ มิซึรุเป็นคนคิด...แล้วแบบนี้ชีวิตรักของผมจะอยู่รอดปลอดภัยไหมล่ะครับนี่!

“มิซึรุบอกให้บอกเร็นด้วยนะ..ว่าถ้าไม่ยอมทำตามแผนจะเปิดโปงทุกอย่างให้ซัทสึกิจังรู้ให้หมดเลย” จิฮารุบอกทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะลงจากรถไปเมื่อ ผมจอดรถตรงหน้าลานคณะของเธอ และก่อนจะลงจากรถไป เธอยังมีแก่ใจยิ้มมาให้กับผมอย่างมีมิตรไมตรี แต่ตอนนี้ผมคงต้องขอโทษเธอจากใจจริง เพราะผมกำลังนึกกลุ้มและหวาดระแวงแผนการของทากาโมโต้ มิซึรุเป็นที่สุด เลยไม่อาจเกร็งใบหน้าให้ส่งยิ้มกลับคืนไปให้เธอได้

นี่ถ้าชีวิตรักสีชมพูอมม่วงของผมกับน้องที่ผมวาดฝันไว้มันต้องพังทลายลงไป ผมจะทำยังไงกับทากาโมโต้ มิซึรุดี!

.

.

ทากาโมโต้ มิซึรุเป็นญาติของ(ไอ้)จุนยะครับ

ผมยังไม่เคยบอกให้พวกคุณรู้สินะ ถ้าอย่างนั้นก็รับรู้ไว้เลยแล้วกันว่าสองคนนี้เป็นเครือญาติที่ไม่สามารถบอกได้ชัดแจ้งว่าสืบเชื้อสายมาจากแขนง และสาแหรกไหน เท่าที่รู้คือทั้งสองบังเอิญเป็นญาติต่างชนชั้นกัน ไอ้จุนมันเป็นคุณชายไฮโซมีบ้านขนาดร้อยเอเคอร์เป็นของตัวเอง

ในขณะที่บ้านของมิซึรุนั้นมีขนาดเพียงร้อยตารางวา(แถมยังถูกแบ่งเป็นหอพักราคาถูกให้เด็กมหาลัยสี่ห้าคนได้มาร่วมชายคากัน)

เหตุก็เพราะความอาร์ตของผู้เป็นบรรพบุรุษของมิซึรุซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น ปู่ของปู่อีกทีที่จูงมือภรรยาและกระเตงลูกน้อยเข้าเอวเดินออกจากบ้านอย่างหยิ่ง ในศักดิ์ศรีว่าจะต้องยืนหยัดสร้างฐานะด้วยตัวเองให้เทียบเท่ากับพ่อแม่ให้ได้

แต่หลายสิบปีผ่านไปก็อย่างที่เห็น....

และด้วยความเป็นญาติกันกับไอ้จุนนี่แหละครับน่าเป็นห่วง

คนตระกูลทากาโมโต้นี่บางทีเดาทางยากครับ งานนี้เห็นทีผมคงต้องให้ไอ้คนตระกูลทากาโมโต้เหมือนกันช่วยแล้วล่ะมั้ง

            “ทำไมกูต้องช่วยมึง?”

มันสวนกลับมาทันทีครับเมื่อผมบอกความประสงค์ของผมไปว่าให้ไป ช่วยตะล่อมถามมิซึรุมาก่อนว่าคิดจะทำอะไร เพื่อที่ผมจะได้หาวิธีป้องกันได้ทันท่วงที

ไอ้คุณชายจุนยะมันปิดเตาและยกกระทะมาตักเทสปาร์เกตตี้ที่เพิ่งจะทำ ลงในจานที่โคเฮย์ไปยืนถือรอไว้อย่างรู้งานก่อนจะหยิบขวดเกลือขึ้นมาเขย่าตรง หน้าผม

"กูยังอยากเห็นมึงโดนน้องสาดเกลือใส่อยู่นะริวซากิ เร็น”

“ซัทสึกิไม่มีทางไล่สาดเกลือใส่กูเหมือนที่ทำกับพวกมึงหรอกน่า”

ผมพูดอย่างมั่นใจ..เด็กคนนั้นไม่มีวันไล่สาดเกลือใส่ผมเหมือนกับที่เคย ทำกับไอ้ยูไอ้จุนหรอกครับ ก็ผมบอกพวกคุณแล้ว...ว่าถ้าเขาจะทำจริงๆ ผมคงโดนน้ำมันเดือดร้อนๆมากกว่า

“เอาไง..จะช่วยหรือไม่ช่วย? ถ้าไม่ช่วยกูจะไปบอกริกะจังว่าตอนนี้มึงคั่วมิยูกิจังอยู่ด้วยดีไหม?” ไอ้จุนมันชูนิ้วกลางแทนใจมาให้ผมแล้วจิ๊ปากอย่างขัดอารมณ์มากครับ มันทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วดันจานอาหารน่าทานเหมือนเคยด้วยฝีมือขั้นเทพของมันมาให้ ในขณะที่โคเฮย์นั้นโซ้ยไปจนเกือบจะหมดจานแล้วภายในบทสนทนาไม่กี่ประโยคของผมกับไอ้จุน

“เออ ช่วยก็ได้ แต่กูไม่รับรองผลนะ” ตัวช่วยของผมยักไหล่แล้วส่ายหน้าไปมา

“คนอย่างมิซึรุน่ะน่ากลัวจะตายไป”

ดูเถอะครับ...ขนาดคนตระกูลเดียวด้วยกันยังกลัวทากาโมโต้ มิซึรุเลย…

ถึงก๊วนของเราจะเป็นเพื่อนรักที่ชอบกวนตีนหรือไม่ก็ทับถมใส่กัน แต่เพื่อนก็คือเพื่อนครับ แม้ว่ามันจะชอบทำท่ามากใส่ผมเวลาที่ผมเดือดร้อนแต่มันก็ยินดีที่จะช่วย ก็แน่นอนเหมือนกันว่าเวลามันเดือดร้อน..ผมเองก็ทำท่ามากใส่มันก่อนที่จะยินดีช่วยเหมือนกันนั่นแหละ

ถึงผมจะไม่ค่อยมั่นใจมากนักว่าจุนยะมันจะเอาแผนการของมิซึรุมาให้ ผมได้หรือเปล่า แต่ผมก็ถือว่าเบาใจไปเปลาะหนึ่งที่ได้หาทางออกเผื่อไว้บ้างแล้ว

หลังจากอิ่มหนำกับสปาร์เกตตี้ซีฟู้ดที่ไอ้จุนทำเลี้ยงผมกับโคเฮย์แล้ว ผมก็ปลีกตัวกลับมาหาน้องที่หอพัก

แต่บางที...ถ้าผมไม่กลับมาหอพักตอนนี้ก็คงจะดี

“ลองมาโดนเองดูบ้างไหมเคนอิจิ เดี๋ยวจะบอกให้ริวซากิมันสงเคราะห์ให้”

“ฟ้าผ่าตายห่าสิมึง”

“นั่นอะไร”

“ของมึง ไอ้รุ่นพี่สองตัวนั่นฝากมาให้ บอกว่าถึงมึงจะตกลงปลงใจกับรุ่นพี่ริวซากิแล้ว แต่พวกมันก็จะรอมึง”

“งั้นเอาไปโยนทิ้งเลยมึง”

“เฮ้ย!! ทีรามิสุกับฟรุ้ตเค้กเจ้าอร่อยตรงกินซ่าเลยนะมึง ถ้ามึงจะทิ้งงั้นกูขอนะ”

“ไม่ต้องแล้ว กูเปลี่ยนใจ เอามากูจะแดก”

“แล้วนี่รุ่นพี่ริวซากิไปไหน?”

“ไปตายห่าแล้วมั้ง”

“พูดไม่เพราะเลยนะซัทจัง”

“จะออกไปบาร์แล้วหรอ?”

“ทีไดจังล่ะแบ่งให้กินได้ ทีกูไม่ยอมให้ ยุติธรรมจริงๆเพื่อนกู”

“เดี๋ยวฉันจะไปทำงานแล้ว เลยแวะเอาเล็คเชอร์ของสองวันนี้ที่ซัทจังหยุด ไปเอามาให้ ถ้าพรุ่งนี้ยังไปเรียนไม่ไหวก็ไม่ต้องไปนะเดี๋ยวจะจดมาให้อีก”

“ขอบใจน้า~~รักไดจังที่สุดเลย”

.

.

ครับ...จากบทสนทนาขั้นต้น ในไดอารี่ส่วนของน้องคงจะบอกแล้วว่าใครเป็นคนพูดบ้าง

ผมยืนฟังสามเพื่อนเขาคุยกันอยู่ตรงหน้าห้องนี้มาได้หลายนาทีครับ หัวใจของผมมันเต้นแรงตั้งแต่ได้ยินชื่อของผมในบทสนทนานั่น ชื่อของผมที่หลุดจากปากของน้อง ถึงตอนแรกมันจะไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่ที่จะได้ยิน...แต่ประโยคต่อมาที่น้องบอกว่าผมไปตายห่านี่มันก็ยังไม่ทำร้ายความรู้สึกเท่ากับประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน ครับ

น้องบอกว่ารักไดสุเกะคุง..

ผมรู้ว่าความรักที่น้องพูดถึงมันหมายความว่ายังไง

แต่เหมือนกับว่าสันดานดิบและหัวใจของผมมันจะไม่ยอมเข้าใจตาม สมองอันเลอเลิศ มันถึงได้ทำให้ผมรู้สึกหึงหวงมากขนาดนี้

น้องเป็นของผมแล้ว!

เขาเป็นของริวซากิ เร็นแล้ว!

เป็นของริวซากิ เร็นแล้วกล้าบอกรักกับคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกัน!

ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นคนขี้หึงมากแค่ไหนก็ตอนที่มารู้สึกตัวว่าผมกำลังหงุดหงิดใจมากขนาดไหนหลังจากที่ได้ยินน้องบอกรักคนอื่นแบบนี้ ถึงแม้คนๆนั้น จะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของน้องและถึงจะรู้ดีก็ตามว่าที่น้องบอกว่ารักมันก็แค่เป็นความรักแบบเพื่อนที่มีให้กันก็เถอะ

ผมเดินเข้ามาในห้องและมองเขาอยู่ชั่วอึดใจ น้องก็ยังเอาแต่ตักกินเค้กของไอ้อิโต้มันต่อ ไม่แม้แต่จะชายตามาแลผมที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องเลยด้วยซ้ำ

ความอดทนที่มีต่ำแต่ผกผันกับความหึงหวงมันเลยทำให้ผมคิดว่าต้องอัปเปหิออกไปจากห้องนี้เสียก่อนที่ความหึงหวงของผมมันจะพุ่งสูงจรดเพดานและก่อความเสียหายให้กับตัวผมเอง

ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าไปอาบน้ำอยู่พักใหญ่ พลางใช้สมองคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่ก็พบว่าห้วงความคิดของผมมันกำลังหมุนติ้วๆด้วยความหึงหวงจนมันหาทางออกไม่เจอ ยิ่งพออาบเสร็จแล้วเดินมาเจอน้องผล็อยหลับไปบนกองหมอนแล้ว ผมก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นครับ

นี่แสดงว่าผมไม่มีความสำคัญอะไรต่อเขาเลยใช่ไหม

ความหงุดหงิดทำให้ผมระบายลงไปกับบานประตูตู้เสื้อผ้าครับ เสียง ของมันดังใช้ได้เลยทีเดียว น้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาถามผมอย่างงัวเงีย ดวงตาของเขา หรี่ปรือจนแทบไม่ลืมขึ้นเลยด้วยซ้ำ

“จะไปไหน?”

ผมมองหน้าน้องนิ่งแล้วหยิบเอาแว่นขึ้นมาสวมก่อนจะผละเดินออกจากห้องไป ถ้าผมไม่บอกน้องว่าผมจะไปไหน น้องจะวิ่งตามออกมาเพื่อเอาคำตอบให้ได้หรือเปล่านะ เขาจะรั้งผมไว้แล้วขอให้ผมอยู่กับเขาต่อคืนนี้หรือเปล่า?

ผมเดินอย่างอ้อยอิ่งลงบันไดมา แต่จนแล้วจนรอดน้องก็ยังไม่ตามออกมา

โอเค...ผมผิดเองสินะที่คาดหวังมากเกินไป

ผมถอยรถออกมาจากหอพักและจอดอยู่หน้าบ้าน คิดหาทางไปอยู่พักใหญ่แต่ใจมันก็วนเวียนอยู่แต่จะพากายหยาบวิ่งขึ้นไปหาน้อง ละทิ้งความหยิ่งในศักดิ์ศรีกันเสียอย่างนั้น ผมถอนหายใจสมเพชตัวเองเบาๆ ผมนี่เป็นเอามากเหมือนกันนะนี่

ทางเลือกของผมตอนนี้ ถ้าไม่ถอยรถกลับเข้าไปจอดหน้าหอพักแล้ววิ่งกลับไปนอนกอดน้องต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็กลับไปนอนแห้งตายที่คอนโดของผม

อ่อ มีอีกอย่างคือไปหาไอ้พวกเพื่อนเลวของผม เวลาแบบนี้ไอ้พวกนั้นคงไปหาของมึนเมากระแทกปากที่ไหนกันสักแห่งแน่ๆ

คิดแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ้เฮย์มัน ตอนนี้มันคงไม่ได้อยู่กับพี่สาวของผมแน่เพราะขานั้นเขาบินไปปารีสเมื่ออาทิตย์ก่อน

จะว่าไปผมคงลืมเล่าให้ทุกคนฟังว่าไอ้เพื่อนเลวนี่มันปีนเกลียวคบอยู่กับพี่สาวของผมครับ ตอนแรกก็เกือบจะวางมวยกันที่บังอาจมาจีบพี่สาวเพียง คนเดียวของผม แต่พอเห็นว่ามันรักจริงไรจริงก็เลยปล่อยๆไป นี่ก็คบกันมาเกือบหกปีแล้วยังไม่มีทีท่าจะเลิกกันอีกต่างหาก

โทรไปยังไม่ทันฟังเมโลดี้อินโทรของเพลงรอสายเลยครับ ไอ้เฮย์มันก็กด รับทันที บอกจุดพิกัดที่พวกมันสิงกันเสร็จแล้วก็วางหูไป ผมถึงได้ฤกษ์ออกตัวรถ ไปจากหน้าหอพักเสียที

นานแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปสังสรรค์อะไรแบบนี้กับพวกมัน เพราะเวลา ตอนค่ำๆส่วนใหญ่ผมจะหมดไปกับการคอยตามดูน้อง ซึ่งน้องเองก็ไม่เคยย่าง กรายเข้ามาในสถานที่แบบนี้มาก่อน หรือจะพูดให้ถูกก็คือไดสุเกะคุงกับเคนอิจิ ยังไม่ยอมให้น้องมาครับ เพราะซัทสึกิเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อายุของน้องยังเข้าผับไม่ได้ครับตอนนี้

แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาดื้อขอเข้ามากับเพื่อน และนั่นมันก็เป็นครั้งเดียว ครับเพราะหลังจากนั้นเคนอิจิกับไดสุเกะคุงก็ไม่เคยยอมให้น้องเข้ามาอีกเลย ซึ่ง นั่นผมนับว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากครับ

ขับรถมาไม่นานก็มาถึงร้านที่พวกโคเฮย์มันมาสถิตกันคืนนี้ครับ บรรยากาศน่านั่งไม่น้อย แต่พอผมเดินเข้าไปแล้วก็แทบจะหันหลังเดินกลับออก เลยทีเดียว บนเวทีนั่นไดสุเกะคุงกำลังนั่งเกากีตาร์เคล้าเสียงเพลงของนักร้องอยู่ครับ ผมเม้มริมฝีปากเก็บอาการหึงหวงไว้ในใจแล้วก้าวผ่านไปหาไอ้เฮย์กับคนอื่นๆที่มันนั่งกันอยู่มุมหนึ่งของร้าน

ผมรู้ดีว่าไดสุเกะคุงไม่มีความผิดครับ แต่ผมหึงที่น้องไปบอกรักไดสุเกะคุง นินา

พวกโคเฮย์มันเลือกที่นั่งได้ดีพอตัว เป็นมุมอับที่คนอื่นมองไม่เห็นพวกเราสักเท่าไหร่ คงจะรู้ว่าวันนี้ผมอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ถึงไอ้ออกมาสมทบกับพวกมันไอ้คู่หูยูจุนมันเลยไม่ควงเอาสาวมานั่งชงเหล้าให้พวกมันมาด้วย

พอผมมาถึง ยังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งไอ้จุนก็ยื่นออนเดอะร็อคมาให้อย่าง รู้ใจรู้อารมณ์ผมทันที

“ทะเลาะกับน้องมาหรือมึง?”

ไอ้ยูทำตาระริกใส่ผมทันทีเลยครับ ผมมองมันด้วยหางตาก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่ม ขี้เกียจพูดออกมาให้มันเย้ยหยันว่าผมเป็นไก่อ่อนเรื่องความรักสักเท่าไหร่ กับไอ้พวกนี้มันมีแต่จะทับถมความรักที่แสนเปราะบางของผมมากกว่า ผมแค่อยากมากินเหล้าไม่ได้อยากมาปรึกษาอะไร เพราะสุดท้ายผมก็คงกลับไปตายรังที่น้องเหมือนเดิมอยู่ดี

“หึหึ หน้าตาแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องมาจริงๆแน่ บอกกูมาเถอะไอ้คุณชาย ว่ามึงมีปัญหาอะไรกับน้อง? หรือสรุปแล้วมึงยังไม่ได้แอ้มน้องเลยเก็บกดเพราะคืนนี้มันเส้นตายสามวันแล้วใช่ไหมล่ะ”

ไอ้ยูทำยิ้มแพรวพราวกับคู่หูของมัน ในขณะที่โคเฮย์กับซึงโฮแค่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วยกเหล้าในมือพวกมันดื่ม

“ถ้าเรื่องนั้นกูไม่มายด์หรอก เพราะน้องเป็นของกูตั้งแต่วันที่มึงโทรไปแล้วกูบอกว่าจะใช้เวลากับน้องบนเตียงของกูทั้งคืนนั่นแหละ” ผมบอกมันพลางกระแทกแก้วลงให้ไอ้จุนมันเอาเหล้ามารินใส่ให้อีก

“โว้ย! เพื่อนกูนี่มันเสือร้ายจริงๆ แล้วเป็นไง น้องมึงเจ๋งไหม?”

แววตาไอ้คนถามมันระริกระรี้มากครับ เชื่อได้ว่าถ้ามันรู้ว่าพวกจิฮารุไปแอบส่องตอนน้องได้เสียกับผมแล้วมันต้องตีอกชกหัวเอาแน่ๆที่มันพลาดไป

“เจ๋งไม่เจ๋งก็ทำกูแข็งได้ทั้งคืนล่ะ มึงคิดเอาเองแล้วกัน”

“สาสสสส!!”ไอ้ยูชูนิ้วกลางแทนใจมาให้ผมครับ ในขณะที่คู่หูของมันหัวเราะชอบใจถึงกับตีมือลงกับหน้าขาตัวเองเลยทีเดียว

“แล้วอะไรพาให้มึงมานั่งกระแทกเหล้าเข้าปากกับพวกกูได้วะ?”

โคเฮย์มันเอ่ยถามขึ้นมา คงจะสงสัยไม่น้อย ผมกระตุกยิ้มมุมปากเหี้ยมๆและยกเหล้าขึ้นดื่มโดยไม่พูดอะไร

ถ้าผมพูดออกไป ไอ้เฮย์มันก็อาจจะคงพอเข้าใจบ้าง แต่ผมไม่คิดว่าไอ้ยูกับไอ้จุนจะเข้าใจหรอก แถมจะทับถมผมเอาอีกต่างหาก ผมเลยเลือกที่จะไม่พูด พวกมันก็คงพอจะรู้อารมณ์ผมดีก็เลยไม่เซ้าซี้ถาม เราเลยนั่งดื่มกันเงียบๆ มีคุย เรื่องนั้นเรื่องนี้รวมถึงเรื่องรายงานบ้างประปราย ในตอนที่โต๊ะติดกับเราเริ่มส่งเสียงเอะอะขึ้นมา ผมจะไม่ใส่ใจเลย ถ้าไอ้ในเสียงเอะอะนั่นมันไม่ได้มีชื่อของซัทสึกิรวมอยู่ด้วย

“อย่างรุ่นพี่ซัทสึกิเงี้ย หุ่นแม่งน่าฟัดชิบหาย เห็นไอ้รุ่นพี่อิโต้กับไอ้รุ่นพี่ ยามาดะแม่งเทียวไล้เทียวขื่อมาเป็นปีแล้วทำเป็นเล่นตัว ไอ้เราก็นึกว่าไม่สนผู้ชายด้วยกัน แต่ทีกับไอ้รุ่นพี่ริวซากิดันยอมไปด้วยง่ายๆ แบบนี้แม่งแอ๊บว่ะ”

“ก็นั่นริวซากิ เร็นนะเว้ย”

“แล้วไง? เดี๋ยวหมอนั่นก็ฟันแล้วทิ้ง จะว่าไปกูก็อยากลองแอ้มดูสักทีเหมือนกันว่ะ เวลาเดินผ่านคณะเราทีไร เห็นตูดแล้วอยากวิ่งเข้าไปฟัดทุกที”

ผมนิ่งฟังบทสนทนานั้นอยู่พักใหญ่ด้วยความกรุ่นโกรธ ซึงโฮขยับมาดึง แก้วออกจากมือของผมไปก่อนที่ผมจะกำจนแก้วมันแตก คนอื่นๆเองก็นิ่งเงียบ พวกเรามองหน้ากันในตอนที่ไอ้โต๊ะด้านหลังผมมันพูดขึ้นมาอีก

“เอาสิมึง ถ้ามึงได้ฟันพี่เขาก็อย่าลืมแบ่งมาให้กูด้วยก็แล้วกัน”

“หึหึ ถ้าไม่ตายคาอกกูไปซะก่อนล่ะนะ กูจะกระแทกให้แม่งตูดฉีกจนร้องครางแต่ชื่อกูคนเดียวเลยคอยดู”

สิ้นสุดความอดทนของผมแล้วครับงานนี้ ผมผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับเพื่อนผมทั้งสี่ที่ลุกขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ผมก้าวเดินนำไปยังโต๊ะที่มันกำลังจะชะตาขาด ก่อนและยืนค้ำหัวไอ้คนที่กำลังหัวเราะชอบใจกับคำพูดของมันโดยไม่รู้ตัวว่าผมอยู่ข้างหลังมันและได้ยินคำที่มันพูดทุกคำ แต่เพื่อนๆของมันเห็นหน้าผมแล้วครับ ถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว

“ซัทสึกิที่ว่าเนี้ย ใช่อิชิฮาระ ซัทสึกิคณะนิเทศหรือเปล่า?”

“ก็ใช่น่ะสิ” ไอ้คนตอบมันยังไม่รู้ชะตากรรมครับ ผมถามมันไปอย่างนั้นแหละเพราะรู้ว่าเป็นน้องแน่ที่มันพูดถึง ผมถามแค่ให้มันรู้ถึงการมาของผมเท่านั้นก่อนที่ผมจะกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาจากโต๊ะและสวนหมัดออกไปชกหน้ามันทันที

แรงหึงที่ผมมีตอนแรกที่น้องบอกรักไดสุเกะคุงมันเทียบไม่ได้กับแรงหึง ผสมรวมกับแรงโกรธตอนนี้เลยครับ

พอไอ้บ้านั่นมันตั้งหลักได้มันก็สวนหมัดชกแก้มซ้ายของผมทันทีเหมือนกัน ผมได้ยินเหมือนเสียงหวีดร้องของโต๊ะข้างๆแต่ก็มันก็ไม่ได้ดึงความสนใจของผมไปเพราะตอนนี้ผมกับไอ้คนที่บังอาจพูดว่าอยากจะแอ้มน้องกำลังแลกหมัดกันอย่างดุเดือดครับหรือพูดให้ถูกคือผมกำลังชกมันอย่างเมามันอยู่นั่นเอง

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 17 [Update : 24/5/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 01-06-2013 19:23:12
ผมเหวี่ยงหมัดรัวๆเข้าใส่หน้ามันจนมันเซถลาล้มลงไปกับพื้นในที่สุดและกำลังจะตามเข้าไปกระทืบซ้ำให้มันตายคาตีนของผมในตอนที่ไดสุเกะคุงกับการ์ดของร้านวิ่งมาดึงตัวผมเอาไว้

“ซัทสึกิเป็นของกู ถ้ามึงยังปากดีพูดถึงซัทสึกิแบบนั้นอีกล่ะก็ คราวหน้า ไม่จบแค่นี้แน่!” ผมประกาศกร้าวก่อนจะมองจ้องมันด้วยสายตาฉุนเฉียว ไอ้ไก่อ่อนนั่นรีบลนลานออกจากร้านไปพร้อมกับเพื่อนของมัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ?” ผมได้ยินเสียงไดสุเกะคุงหันไปถามความเอากับซึงโฮและโคเฮย์ตอนที่ผมสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุมของพวกการ์ดและเดินกลับไปนั่งกระแทกเหล้าเข้าปากต่อที่โต๊ะด้วยความขุ่นมัวในใจ

“ไอ้เด็กพวกนั้นมันปากดีบอกอยากแอ้มซัทสึกิจังน่ะ”

โคเฮย์บอกไปแค่นั้น ตอนที่ทุกคนพากันมานั่งที่โต๊ะแล้ว ผมเห็นจากหางตาว่าไอ้มินทำท่าแสยะยิ้มเหี้ยมๆพอๆกับไอ้จุน แต่ก็อมพะนำกันไว้ไม่บอกไดสุเกะคุงมากไปกว่านั้นว่าไอ้เด็กเปรตนั่นมันพูดอะไรมากไปกว่านั้น

“ทัตสึโอะบอกอยากแอ้มซัทสึกิหรอครับ?” ไดสุเกะคุงโคลงศีรษะไปมาก่อนจะรับเหล้าจากมือของโคเฮย์ไปดื่ม

“ปกติหมอนั่นชอบกร่างอยู่แล้ว อย่าเอามันมาใส่ใจเลยครับ”

ไดสุเกะคุงพูดเรียบๆเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติ พอถึงจุดนี้แล้วไอ้ยูมันเลยทนไม่ได้เป็นฝ่ายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไดสุเกะคุงฟังแทน ในขณะที่ผมกระดกเหล้าเข้าปากต่อเป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลังจากนั้นผมก็แทบจำไม่ได้เลยว่าต่อจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ที่ห้องของไอ้เฮย์มัน พวกพลพรรคทั้งหลายมันก็มานอนค้างที่นี่ด้วย

“เอ้า!” ไอ้เฮย์มันรู้หน้าที่ดีมากครับ พอผมตื่นขึ้นมามันก็โยนยามาให้ผมสองเม็ดกินแก้แฮ้งค์ ผมรับมากินแต่โดยดีเพราะรู้สึกมึนในหัว นานแล้วที่ผมไม่ได้ ดื่มเหล้าจนแฮ้งค์แบบนี้ หมดสภาพจนน่ากลัวจะลุกจากเตียงไปมหาลัยไม่ไหวเหมือนกันครับ แต่เพราะมีวิชาตอนเช้าที่อาจารย์ชอบเช็คชื่อ ยังไงก็ต้องลากสังขารไปอยู่ดีครับ

“ถ้ามึงไม่ไหวก็ขาดไปสักวันเหอะว่ะเร็น”

จุนยะมันบอกพลางยื่นถ้วยกาแฟที่มันเพิ่งชงมาให้ ผมส่ายหน้าช้าๆแล้ว ยกกาแฟขึ้นดื่มแต่ปฏิเสธมื้อเช้าสุดหรูที่มันทำเพราะกลืนอะไรไม่ลง

“กูไหว”

ด้วยคำว่ากูไหวนี่เองครับ ผมเลยต้องลากสังขารมานั่งเรียนต่อแบบหมดสภาพเอามากๆ ยังดีที่ติดเครื่องอัดเสียงไว้ในรถ วันนี้เลยได้พึ่งมันอัดเสียงอาจารย์พูดไปก่อนแล้วค่อยไปแกะเอากับเลคเชอร์ของซึงโฮมันอีกที

“ไปหาไรกินกันก่อนแล้วค่อยกลับไปนอนตายแล้วกัน”

ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้ยูตะมัน เพราะขืนให้กลับไป ห้องทั้งๆที่ไส้กิ่ว ผมคงตายก่อน แรงจะเดินยังไม่ค่อยมีแล้วด้วย มานึกดูอีกที ผมยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่บ่ายเมื่อวานเลยนอกจากเหล้ากับกาแฟ ไม่แปลกที่ตอนนี้ท้องผมมันกำลังจะคำรามให้ผมหาของมาใส่ลงไป

แต่พอมาถึงโรงอาหารจริงๆแล้ว ผมก็กินไปได้ไม่ถึงสามคำดีก็เลื่อนจานออกไปแล้วยกมือขึ้นมาบีบขมับที่มันเต้นตุ๊บๆ ดูท่าจะแย่ครับ เลยลุกขึ้นกะว่าจะกลับไปนอนพักเอาแรงก่อน แต่ก็งงนิดหน่อยที่ไอ้ก๊วนผมมันพร้อมใจกันลุกขึ้นด้วย โดยเฉพาะไอ้ยูกับไอ้จุนที่ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน

“เฮ้ย!” ผมปรายตามองพวกมันและเห็นพวกมันกำลังมองหน้ากัน พอมันเห็นผมหันมอง ไอ้จุนก็พยักพเยิดไปทาง ส่วนไอ้ยูอีกทาง

“อะไรของพวกมึงกัน” ถ้าเป็นตามปกติผมคงหันไปมองตามที่มันพยักพเยิดแล้ว แต่เพราะวันนี้ผมกำลังแฮ้งค์เลยไม่อยากเอี้ยวคอมองไปมองมาให้งงหัว ไอ้จุนจิ๊ปากแล้วเฉลยให้ผมรู้

“น้องมึงอยู่ทางสองนาฬิกา”

“ส่วนทางสิบนาฬิกามีไอ้เด็กที่ชื่อทัตสึโอะยืนอยู่”

โอเคครับ ถึงไม่อยากหันก็ต้องหันล่ะครับงานนี้

จริงอย่างที่ไอ้จุนบอก ซัทสึกิยืนอยู่ทางทิศที่มันบุ้ยใบ้ไปจริงๆ และน้องก็กำลังยืนจ้องมาทางผมอยู่แต่เขาไม่ยอมเดินมาหาผม ผมเลยหันไปอีกทางเพื่อให้ เขาเห็นรอยช้ำบนแก้มซ้ายของผมชัดๆ เผื่อว่าน้องจะได้สงสัยว่าผมได้รอยนี้มาจากไหนและเดินเข้ามาถามผมด้วยความห่วงใย

แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยครับ นอกจากน้องจะไม่เดินมาแล้วยังจะลากไดสุเกะคุงกับเคนอิจิไปทางอื่นอีกด้วย ผมถลึงตาใส่ไอ้ยูที่ตั้ง ท่าจะเหยียบย่ำผมก่อนที่ซึงโฮจะสะกิดให้ผมหันไปดูทางที่น้องเดินไปอีกครั้ง

ไอ้เด็กเหี้ยนั่นมันกำลังเอาตัวมันไปขวางทางซัทสึกิอยู่ครับ มันกล้าดียังไงถึงเข้าไปหาน้องทั้งๆที่มันก็น่าจะเห็นผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมผวาจะเข้าไปหาน้องแต่ถูกโคเฮย์รั้งเอาไว้

“รอดูก่อนว่ามันจะมาไม้ไหน” คำปรามของเพื่อนเกือบทำให้ผมหยุดนิ่ง และจ้องไปที่มัน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมาไม้ไหน แต่เผอิญหัวใจของผมมันไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นัก ขาผมเลยก้าวไปยาวๆและทันได้ยินคำพูดของมันที่ชวนน้องไปกินมื้อกลางวันกับมัน

“แฟนกู ก็เลี้ยงเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!”

ผมประกาศเสียงดังใส่หน้ามันพร้อมกับยกมือขึ้นโอบไหล่ของน้องเอาไว้ทั่วทั้งโรงอาหารเงียบกริบและจ้องมาทางพวกผมเป็นตาเดียวกัน แม้แต่น้องเองยังเงยหน้ามามองผมแล้วขยับริมฝีปากอ้าพะงาบๆเหมือนอยากจะเถียงแต่พูดไม่ออก ผมเลยฉวยโอกาสนั้นพาน้องออกมาจากโรงอาหารนั่น

ผมพาน้องมาจนถึงกลางลานสนามบาสได้แล้วตอนที่น้องหยุดไม่ยอม เดินไปตามแรงจูงของผมและยังสะบัดมือผมอีก

“เป็นบ้าอะไรของนายวะ!!”

น้องตะโกนเสียงดังลั่นและจ้องผมเหมือนอยากจะทำร้ายร่างกายกัน ผม ยืนนิ่งและสูดลมหายใจลึกๆ ทั้งร่างกายและจิตใจของผมตอนนี้ไม่อยู่ในสภาวะปกติที่จะตอบคำถามของเขาเลยสักนิด

“นายจะเอาไงกันแน่!! เดี๋ยวก็ดีใส่ เดี๋ยวก็ทำเมิน พอมีคนอื่นเข้ามาก็ ทำหวงก้าง!! ไอ้บ้า!! นายจะเอายังไงกับฉันแน่วะ!!”

พอผมไม่ตอบน้องก็ถลาเข้ามาชกอกของผมแรงๆแล้วก็ด่าผมไปด้วยผมปล่อยให้เขาชกผมโดยไม่ขัดขืนหรือปัดป้อง ผมเหนื่อยเกินกว่าจะพูดด้วยซ้ำ แต่พอน้องหยุดชกและก้มหน้าลง ไหล่ทั้งสองของเขามันก็สั่นขึ้น

“ซัทสึกิ...”

ผมครางเรียกชื่อเขาแล้วโอบมือขึ้นกอดเขาให้เข้ามาซุกกับอกของผมน้องพยายามดิ้นหนี พอผมไม่ยอมปล่อย เขาก็กัดไหล่ผมเสียเต็มแรง

“โอ๊ย!!”

“ริวซากิ เร็น!! ฉันเกลียดนาย!!”

เสียงของน้องตะโกนใส่หูผมและคว้าเอาลูกบาสที่อยู่ข้างเท้าเข้ามาขว้าง ใส่หน้าผมเต็มแรง แรงของลูกบาสที่น้องขว้างใส่มาอัดเข้ากับแก้มข้างที่ช้ำของผม จนเจ็บร้าวไปหมด

แต่มันก็ไม่เท่ากับหัวใจของผมที่ถูกคำพูดของน้องทำร้าย

ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองน้องอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแดงกล่ำด้วยความโกรธ สายตามองมาที่ผมอย่างตัดพ้อ ผมรู้สึกหมดแรงเกินกว่าจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป และไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้นของน้องด้วยเลยตัดสินใจหันหลังและเดินจากเขาไป

บางที...

สวรรค์คงจะเล่นตลกมากกับผมจนเกินไป ตลอดเวลาที่เกิดมาเป็นริวซากิ เร็น ผมไม่เคยรักใครมาก่อน แต่ทำไมพอถึงเวลาที่ผมจะมอบใจให้กับใครสักคนท่านถึงได้เลือกให้อิชิฮาระ ซัทสึกิเป็นคนที่ผมจะมอบความรักให้

น้องไม่เพียงแต่ไม่รักผมเท่านั้น..

แต่วันนี้เขาถึงกับพูดออกมาเลยด้วยซ้ำว่าเขาเกลียดผม

ผมจะเดินหน้าความรักของผมต่อไปดี หรือจะหยุดมันไว้เพียงแค่ตรงนี้ผมไม่รู้เลยสักนิดว่าผมจะเดินไปทางไหนดี

ผมเหนื่อยเหลือเกินตอนนี้...

เมื่อเราหมดสภาพและตกอยู่ในสภาวะท้อแท้จนถึงที่สุดแล้ว ผมคิดว่า ทุกคนเองก็เหมือนผมที่ท้ายที่สุดแล้วก็จะหันไปนึกถึงบุพการีที่เบ่งคลอดเราออกมา

ผมกำลังนึกถึงคุณมี๊ครับ

ผมตัดสินใจขับรถกลับบ้านไปในรอบหลายวัน ทันทีที่คุณมี๊รู้ว่ารถของผมกำลังแล่นเข้ามาในบ้าน เธอก็เดินลงมาต้อนรับผมกลับบ้านด้วยรอยยิ้มเหมือน ทุกครั้งก่อนที่หน้าจะถอดสีเมื่อเห็นสภาพของผม

ความรู้สึกผิดมันบังเกิดขึ้นในใจครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง คุณมี๊ไม่เอ่ยดุอะไรผมสักคำแถมยังกอดตอบผมที่เดินเข้าไปกอดเธอแน่นๆ เราสองคนแม่ลูกพากัน เดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นคะลูก?”

คุณมี๊ถามขึ้นหลังจากที่รับกล่องยาจากสาวใช้มา พอเธอตบมือลงกับตัก ผมก็ขยับเข้าไปนอนหนุนตักให้คุณมี๊ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดเบาๆไปที่แผล

พอสำลีชุ่มแอลกอฮอล์แตะโดนแผลเท่านั้นแหละครับ ผมถึงได้รู้ว่ารอยช้ำที่ไอ้หมาทัตสึโอะมันฝากไว้เมื่อวานคงจะถลอกเพราะแรงอัดจากลูกบาสที่น้องขว้างใส่ผม ผมนิ่วหน้าน้อยๆ คุณมี๊เลยชะงักมือไว้แล้วลูบหัวผม

“เร็น..ลูกไม่เคยมีแผลมานานแล้วนะคะ บอกคุณมี๊มาตามตรงเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ผมหัวเราะในลำคอกับคำถามของคุณมี๊ก่อนจะจับมือคุณมี๊มาจุ๊บเบาๆแล้วเอียงหน้าซบมือของคุณมี๊ที่เอื้อมมาลูบแก้มข้างที่ไม่เจ็บของผม ผมเห็นสายตาของคุณมี๊ที่มองมาอย่างเป็นห่วงเสมอ เราสองคนแม่ลูกไม่เคยมีอะไรปิดบังกันอยู่แล้ว ผมจึงไม่แปลกใจในคำถามต่อมาของเธอ

“อย่าบอกคุณมี๊นะคะว่าแผลที่ได้มานี่เกี่ยวกับน้อง?”

“แผลนี้ตอนแรกมันช้ำอยู่เพราะเมื่อคืนผมไปชกไอ้เด็กปากเสียที่บอกว่าอยากแอ้มน้องครับแล้วก็มาโดนน้องซ้ำอีกรอบเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว”

พอผมบอกแล้วคุณมี๊ก็หยิกแก้มผม ให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กน้อยของเธอ ก่อนจะลูบแก้มผมเบาๆอีกหน

“คุณมี๊พอจะเข้าใจกับเหตุการณ์แรกหรอกนะคะลูก แต่เหตุการณ์หลังนี่ คุณมี๊ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่นะ ตกลงนี่น้องรู้จักลูกแล้วหรอคะเร็น? แล้วลูกไปทำอะไรให้น้องอัดซ้ำมา หรือไปทำโรคจิตลวนลามน้องมาคะ?”

“ผมเปล่าโรคจิตลวนลามน้องนะครับ แล้วน้องไม่ได้แค่รู้จักผมเท่านั้นนะครับ น้องเป็นของผมแล้วด้วย” พอผมบอกไปปุ๊บคุณมี๊ก็ตีแขนผมดังเพี้ยะเลยครับ ผมซี๊ดปากเบาๆแล้วยกมือขึ้นลูบต้นแขนที่ถูกคุณมี๊ตี บุพการีของผมส่ายหน้าไปมาทั้งๆที่ริมฝีปากยังยิ้มอยู่ครับ

“ลูกนี่จริงๆเชียว ไปขืนใจน้องมาหรือเปล่าคะถึงได้ถูกชกมาน่ะ?”

“ผมไม่ได้ขืนใจน้องนะครับ น้องสมยอมผมนะ แต่ที่โดนนี่ไม่ได้โดนชกนะครับ น้องเขาขว้างลูกบาสใส่หน้าผมต่างหาก..” ท้ายประโยคผมพูดเสียงเบา เหตุการณ์กับสีหน้าของซัทสึกิยังคงติดแน่นอยู่ในความทรงจำของผมอยู่เลยครับ

พอคิดถึงเขาแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าตอนนี้น้องจะทำอะไรอยู่ที่ไหนจะรู้สึกผิดไหมที่ทำกับผมแบบนี้หรือเขาจะไม่สนใจอะไรแล้วไปเฮฮากับพวกเพื่อนเขา ผมคิดถึงน้องแล้วก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่จนกระทั่งคุณมี๊ลูบหัวผมเบาๆและถามต่อ

“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกกับน้องคะ?”

“ผมทำตัวเองแหละครับ หึงน้องไม่เข้าท่าก็เลยหนีหน้าน้องไปดื่มเหล้ากับไอ้พวกโคเฮย์ น้องเลยคิดว่าผมเมินเขาน่ะครับ..เขาเลยบอกว่าเขาเกลียดผม”

ผมสารภาพออกไป ผมคิดว่าผมเข้าใจถูกนะว่าเรื่องทั้งผมมันเป็นเพราะแบบนี้ ผมได้ยินเสียงคุณมี๊ถอนหายใจก่อนจะลูบหัวผมต่อไปเรื่อยๆ

“ริวซากิ เร็น...คุณมี๊เคยคิดว่าลูกโตแล้วนะคะ แต่ดูท่าแล้วคุณมี๊จะคิดผิดแล้วสิ กับเรื่องของความรัก..ลูกยังเด็กอยู่มากๆเลยนะ” ผมเงียบครับไม่ได้พูดอะไรต่อปล่อยให้แม่ลูบหัวผมไปอย่างเงียบๆก่อนที่เธอจะผละมือเอาสำลีมาเช็ดแผลและใส่ยาให้ผมต่อ จนกระทั่งพลาสเตอร์เนื้อบางใสถูกปิดทับลงกับโหนกแก้มของผมเรียบร้อยแล้ว คุณมี๊ถึงเอ่ยถามต่อ

“แล้วลูกจะยอมแพ้หรอคะ? ซัทสึกิจังเป็นของลูกแล้วนะ ลูกจะถอยหลัง เดินหนีน้องมาแบบนี้ คุณมี๊ไม่ยอมให้ลูกของคุณมี๊ทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษแบบนั้นกับน้องนะคะ” กับคนอื่นที่ผมเคยควงมาคุณมี๊ไม่เคยพูดแบบนี้ครับ อาจเป็นเพราะซัทสึกิต่างจากทุกคนก็ได้ล่ะมั้ง น้องไม่เคยเดินมาเสนอตัวให้ผมเหมือนกับคนอื่นๆก็เป็นได้

“ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับคุณมี๊ แค่ถอยมาตั้งหลักก่อนเท่านั้น ยังไงคุณมี๊ ก็ต้องได้น้องมาเป็นลูกสะใภ้แน่ๆไม่ต้องห่วงครับ” ผมบอกแล้วยิ้มให้กับเธอ การได้คุยกับคุณมี๊ทำให้ผมมีกำลังใจสู้อีกหน คุณมี๊เองก็ยิ้มหวานตอบให้กับผมแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากของผมเบาๆ

“ยังไงก็ต้องพาน้องมาหาคุณมี๊ให้ได้นะคะ คุณมี๊อยากเจอจัง คนที่ทำให้ ลูกชายคนเก่งของคุณมี๊ท้อแท้ได้แบบนี้”

ผมหัวเราะก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นมากอดเธอไว้ ร่างเล็กของคุณมี๊ให้ไออุ่น และกำลังใจกับผมได้เสมอ

“แน่นอนครับคุณมี๊ แล้วผมจะพาน้องมาหาคุณมี๊ให้ได้”

มันเป็นทั้งคำสัญญาที่ผมให้กับคุณมี๊และให้กับตัวเองครับ

-TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 18 [Update : 1/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 01-06-2013 21:04:05
สงสารเร็นจังเลย ซัทจังใจร้ายอ่ะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 18 [Update : 1/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 07-06-2013 18:33:45
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.6

 สรุปว่าเย็นวันนี้ผมกะจะค้างที่บ้านใหญ่ซึ่งไม่ค้างมาหลายเดือน แต่พอกินข้าวกับทุกคนเสร็จในตอนเย็นและออกมาเดินเล่นกับคุณมี๊ในสวน มันก็มีโทรศัพท์ที่ดังมากระชากผมออกไปจากครอบครัวจนได้ เบอร์โชว์ปลายสายบอก ให้ผมรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาคือไดสุเกะคุง

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ ทุกครั้งที่ไดสุเกะคุงโทรมาก็มักจะมีเรื่องเกี่ยวกับน้องเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่เลยจะเป็นปัญหาเสียมากกว่าด้วยสิ ผมเหลือบมองคุณมี๊ก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับสายของไดสุเกะคุง

น้ำเสียงของไดสุเกะคุงที่พูดมาก็กระตุ้นต่อมความเป็นห่วงของผมให้ทำงานได้เป็นอย่างดีเลยครับ

“ว่างหรือเปล่าครับรุ่นพี่?”

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“ก็นิดหน่อยครับ”

ก็นิดหน่อยของไดสุเกะคุงนี่มันคงไม่หน่อยหรอกครับ ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไม่กดโทรศัพท์มาหาผม ในตอนเกือบจะห้าทุ่มแบบนี้

“ซัทสึกิมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

ผมถามดักไปทันทีแล้วก็ได้ยินเสียงไดสุเกะคุงครางรับในลำคอ เสียงที่ดังเข้ามาแว่วๆพอจะให้ผมจับทางถูกว่าไดสุเกะคุงคงจะยังอยู่ที่ร้านแต่คงจะเลี่ยงเดินออกมาคุยโทรศัพท์กับผมด้านนอก แล้วแบบนี้น้องอยู่ไหนนะ

“ผมถามตรงๆเลยก็แล้วกันนะครับ พี่มีปัญหาอะไรกับซัทสึกิหรือเปล่า?”

ผมเหยียดยิ้มกับคำถามของไดสุเกะคุงพลางนึกสมเพชในใจ ปัญหาที่มีน่ะหรอ...ก็รักเพื่อนของไดสุเกะคุงมากเกินไปไงล่ะ ผมอยากตอบไปแบบนั้นจริงๆ

“อืม..ซัทสึกิบอกว่าเขาเกลียดพี่”

ไดสุเกะคุงครางในลำคอกับคำพูดของผมจนยากแก่ความเข้าใจได้ว่า อีกฝ่ายนั้นจะเห็นใจผมหรือหน่ายใจกับผมกันแน่

“ซัทสึกิเขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ” ผมว่าตั้งใจนะ ดูจากแรงอัดของ ลูกบาสที่น้องขว้างใส่หน้าผมนี่ ตั้งใจล้านเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ

“แล้วแบบนี้ พี่จะถอยหรอครับ? ฟันเพื่อนผมแล้วจะทิ้งหรือไงกัน?”

น้ำเสียงของไดสุเกะคุงดุขึ้นมาเลยครับ เห็นหน้าตาน่ารักนี่อย่าคิดเลยนะครับว่าเป็นสปีชี่ย์เดียวกับน้อง เวลาโหดไดสุเกะคุงก็โหดได้ใจเลยทีเดียว ถึง ขั้นกล้าใช้น้ำเสียงข่มขู่ผมได้นี่นับว่ากล้ามากครับ

“ไม่ถอยหรอกแค่ขอกลับมาตั้งหลักหน่อยเท่านั้น”

“ถ้าตั้งหลักและสติได้แล้ว ยังไงก็รบกวนมาที่ร้านผมด้วยแล้วกัน ตอนนี้ซัทสึกิกำลังเมาอยู่ ผมให้เคนอิจิเฝ้าไว้แต่หมอนั่นคงช่วยอะไรไม่ได้มาก..แล้วก็ทัตสึโอะกำลังนั่งจ้องซัทสึกิอยู่จากอีกมุมของร้านด้วย”

ชื่อของไอ้เหี้ยนั่นไม่ได้อยู่ในสาระบบของความเป็นห่วงที่เกิดขึ้นได้มากเท่ากับคำที่ไดสุเกะคุงบอกว่าน้องกำลังเมาครับ

ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตอบไดสุเกะคุงและหันไปบอกคุณมี๊ว่ายังไงก่อนจะขับรถออกมาจากบ้านไปยังร้านที่ไดสุเกะคุงทำงานพิเศษอยู่ด้วยความเร็วที่ไม่เคยเหยียบมาก่อน

น้องกำลังเมาได้ที่เลยครับ ตัวท่อนบนของเขาเลื้อยไปกับโต๊ะ ในมือมีแก้วเบียร์ที่เหลือแค่ฟองอยู่ก้นแก้ว ผมปราดสายตามองไปยังขวดเบียร์สามสี่ขวด ที่วางเอาไว้กับเคนอิจิที่บุ้ยใบ้ไปทางน้อง

“ผมห้ามแล้ว แต่ซัทจังมันไม่ยอมหยุด” ก็พอจะเข้าใจอยู่ครับว่าน้องค่อนข้างดื้อ กับเคนอิจินี่เขาไม่ค่อยฟังเท่ากับไดสุเกะคุงเท่าไหร่ แต่ไดสุเกะคุงเองก็ต้องไปทำงาน เคนอิจิคนเดียวเลยรับมือไม่อยู่สินะ

“นี่ค่าเบียร์ของซัทสึกิ พี่พาซัทสึกิกลับเลยก็แล้วกัน เคนอิจิจะกลับพร้อม พี่หรือจะรอไดสุเกะคุง?”

“ผมรอกลับกะไดจังแล้วกันครับ” ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานของนักดนตรีครับ ผมเห็นไดสุเกะคุงส่งสายตามามองผม ผมเลยพยักหน้าให้เขาไปก่อนจะพยุงน้องขึ้น พอหูผมอยู่ใกล้มากกว่าเมื่อกี้ ผมเลยได้ยินเสียงน้องพึมพำแบบขาดห้วง

“คนแรก...สำคัญ...หรอ?”

เคนอิจิที่พยุงน้องอีกด้านคงจะได้ยินเหมือนกัน แต่ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ รอจนจ่ายค่าเบียร์ของน้องเสร็จเราก็เลยหิ้วปีกน้องมานั่งบนรถของผม

“จำเป็น...ต้อง...สำคัญ?” น้องพึมพำอะไรของน้อง ผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ พอจัดให้เขาเอนนอนสบายๆบนเบาะแล้วผมก็ยืดตัวขึ้นมามองหน้าเคนอิจิที่ยักไหล่ก่อนจะอธิบายคำพูดของน้องให้ผมฟัง

“ซัทจังมันกำลังสับสนว่าพี่สำคัญกับชีวิตของมันหรือเปล่าน่ะ” ผมได้ยินแล้วก็ใจเต้นเบาๆแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ก่อนพยักหน้าให้เคนอิจิ

“อืม..คืนนี้พี่คงพาซัทสึกิไปค้างที่คอนโดก็แล้วกัน กลับไปให้มิซึรุเห็นสภาพแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่”

ขานั้นเหมือนเป็นพ่อคนที่สองของน้องครับ ขืนให้มาเห็นสภาพดูไม่ได้แบบนี้จะแย่เอา

“โอเคครับ ยังไงก็ฝากดูแลซัทสึกิด้วยก็แล้วกันครับ”

ผมยิ้มให้เคนอิจิจากใจจริง เรื่องนี้ถึงเขาไม่ฝากผมก็จะทำอยู่แล้วครับ ผมยืนมองเคนอิจิเดินเข้าไปในร้านอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่ฝั่งคนขับ

แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวขึ้นรถหรอกครับ คู่อริเก่าของผมก็เดินกร่างออกมาจากร้าน ผมกดเปิดล็อกรถและเอื้อมมือหยิบอะไรบางอย่างจากช่องเก็บของข้างพวงมาลัยมาถือซ่อนไว้ด้านหลังและปิดล็อกรถไว้กันพลาด

ท่าทางของทัตสึโอะกับพวกที่กำลังเดินก้าวสามขุมเข้ามาใกล้มันไม่น่าไว้ใจเลยครับ แต่ถึงผมจะอยู่คนเดียวก็ไม่ได้นึกกลัวอะไร ไอ้เด็กบ้านั่นเดินกระตุก ยิ้มกวนอวัยวะเบื้องล่างมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“เพื่อนๆผมเขาจะมาขอบคุณรุ่นพี่สักหน่อย ที่รุ่นพี่ฝากรอยพวกนี้ไว้บนหน้าของผม” ทัตสึโอะชี้ไปบนรอยช้ำตรงแก้มกับดั้งจมูก ผมเหยียดยิ้มและขยับ ปืนพกอันเล็กในมือที่ซ่อนไว้ด้านหลัง มันคิดจะห้ารุมหนึ่งกับริวซากิ เร็นสินะ

“พูดมาก น่ารำคาญ” พอผมพูดออกไป พวกมันก็ตาลุกวาวเลยครับและตั้งท่าจะเข้ามากัน จริงๆถ้าให้สู้ผมก็สู้ได้อย่างสบายๆครับ แต่ผมเป็นห่วงซัทสึกิที่ เมาหลับอยู่ในรถเสียมากกว่า ผมใช้หางตามองและเห็นน้องเริ่มกระสับกระส่าย ผมก็ร้อนใจ ปิดเกมไร้สาระนี้เลยดีกว่า

“พ่อนายคงลำบากนะ มีลูกเป็นนักเลงแบบนี้ แต่คงจะลำบากกว่า ถ้าต้องเลี้ยงลูกพิการไปตลอดชีวิต” ทัตสึโอะมันชะงักเล็กน้อยแล้วมองหน้าผม แววตาไม่ไว้ใจปรากฏขึ้นบนดวงตาเหมือนกับเพื่อนๆของมัน ผมแกล้งเป็นทำยกมือขึ้นมาดูปลายนิ้วของตัวเอง รอดูท่าทีของพวกมัน

“ฮึ ทำเป็นปากดี ใครกันแน่ที่จะพิการ!!” มันตะคอกใส่ผมแล้วหันไปส่งสัญญาณให้ไอ้เพื่อนตัวใหญ่ของมันพุ่งเข้ามา ผมหลบและเตะขาเข้าไปกับท้องของไอ้คนที่พุ่งเข้ามาเต็มแรงจนมันทรุดไปกองที่พื้น พวกนี้ดีแต่ใช้กำลังแต่ไม่มีทักษะการต่อสู้สักเท่าไหร่ เพราะถ้ามีทักษะการต่อสู้ก็คงไม่ยกพวกมาหรอกครับ

“เฮ้อ..ฉันไม่อยากเสียเวลาไร้สาระกับพวกนายซะด้วยสิ”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆไม่ได้ลูกข่มขู่ไปให้พวกมันได้ยิน เพราะลำพัง แค่ผมยกปืนขึ้นมา ขนาดยังไม่ชี้หน้ามัน มันยังหน้าถอดสีแล้วเลยครับ

“ปกติแล้วฉันชอบยิงตรงหัวใจนะ แต่ระยะหลังมานี่ไม่ค่อยได้ไปซ้อมสักเท่าไหร่ ถ้ามันไปพลาดโดนจุดพิการแทนก็ต้องโทษทีล่ะ”

มันมองหน้ากันเลิ่กลั่กเชียวครับตอนนี้ก่อนจะพากันวิ่งหนีไป เหลือทิ้งไว้แต่ทัตสึโอะคนเดียวเท่านั้น แต่ผมกำลังคิดว่ามันขวัญอ่อนจนวิ่งไม่ออกเสียมากกว่าเมื่อเห็นผมทำท่าจะเอาจริง

“รุ่นพี่ยิงไม่ได้หรอก ก็แค่ขู่เท่านั้น”

“ปัง!!”

ผมยิงไปที่รองเท้าของมัน หัวกระสุนมันฝังเข้าไปในพื้นยางใต้รองเท้าของทัตสึโอะที่เข่าอ่อนล้มลงไปนั่งหมดท่าอยู่กับพื้น

“แย่จริง...ฉันอุตส่าห์เล็งนิ้วโป้งแล้วนะนี่”

ผมเดินไปเหยียดยิ้มเหี้ยมๆเหนือหัวมัน เพียงแค่นั้นไอ้เด็กทัตสึโอะก็ตะลีตะลานหนีตามหลังพรรคพวกของมันไป

“ฮึ!” ผมพ่นลมหายใจแรงๆอย่างหน่ายใจ หวังว่าการขู่ครั้งนี้ของผมจะทำให้มันเลิกราไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของผมและน้องอีก

ผมกดเปิดรถอีกครั้งและพาตัวเองเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ แต่ลำบากมากครับเพราะน้องไซร้หัวลงมาจะนอนตรงที่ผมต้องนั่ง

“ริว..ซากิ...นาย..สำคัญ...กับฉัน...หรอ?”

น้องพึมพำแบบนี้ออกมาอีกแล้วครับ ผมมองหน้าเขา น้องกำลังหลับตาอยู่ จะละเมอหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถามแบบนี้แล้ว...จะให้พี่คิดยังไงดีครับ

“แล้วฉันไม่มีความสำคัญกับนายบ้างเลยหรือไงซัทสึกิ?”

น้องเงียบครับ เงียบจนผมเกือบคิดว่าเขาหลับไปแล้ว ผมเลยเอื้อมมือไป ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้กับเขา แต่มือของน้องก็ดันมาผลักอกผมก่อน ผมเลย กอดเขาไว้

“เคนอิจิ~~!!” อยู่กับพี่แท้ๆแต่กลับเรียกหาเพื่อน ผมหึงจนเหนื่อยใจจังเลยครับ พอจับมือเอาไว้ไม่ให้ดิ้นเพื่อที่จะคาดเข็มขัดให้ น้องก็โวยวายขึ้นมาอีกหลังจากที่ผมปล่อยเขาแล้ว

“ไอ้บ้าเอ๊ย!! ปล่อยดิ๊!!”

เมาเต็มรูปแบบจริงๆนั่นแหละอิชิฮาระ ซัทสึกิ...

การเมาของน้องไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ครับ ผมรู้ดีเลยทีเดียวล่ะ ไดสุเกะคุงกับเคนอิจิเองก็รู้ด้วยเหมือนกันถึงได้เรียกให้ผมมารับน้องกลับมาแบบนี้ คนดีเขาดื่มเหล้าแล้วก็เมาเหมือนคนคออ่อนทั่วไปปกติ แต่มันจะไม่ปกติหลังจากนี้น่ะ สิครับ...

น้องเริ่มออกอาการตอนที่ผมเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดรถของคอนโดครับ เขาเริ่มเอนตัวมาหาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของผม กลิ้งเกลือกหน้ากับไหล่ผมจนพอใจแล้วเขาก็ทำท่าจะทิ้งตัวนอนลงซุกตักของผม ทำเอาผมต้องรีบ ถอยรถเข้าไปจอดและพาเขาลงจากรถไป

พอจะพยุงให้น้องเดินน้องก็ไม่ยอมเดินครับ ผมเลยต้องแบกเขาขึ้นหลังแทน ยังดีที่น้องไม่แสดงอาการเต็มที่ตอนที่เราอยู่ในลิฟต์ ผมกลั้นหายใจเสียหลายครั้งกว่าเราสองคนจะมาถึงห้องของผม ทันทีที่ผมวางน้องให้นั่งลงบนโซฟา เจ้าตัวเขาก็ออกฤทธิ์กับผมอีกครั้งครับ...

จุดนี้ไม่อยากบอกว่า....น้องเมาแล้วยั่วมากครับ

คนดีเขาถอดเสื้อผ้าเหวี่ยงไปทั่ว ผมยืนกลั้นใจมองเขาอยู่ไม่ถึงนาทีซัทสึกิเขาก็จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมดแล้วลงไปนอนกลิ้งเกลือกบนโซฟาตัวใหญ่จนผมกลัวว่าเขาจะตกลงมา แต่ไม่ครับ น้องดันตัวเองลุกขึ้นมานั่ง อีกหน ใบหน้าของเขาแดงไปหมดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดวงตาก็ฉ่ำปรือเสียจนแทบไม่ลืม เขาค่อยๆช้อนตาขึ้นมามองผมที่ยืนอยู่ห่างจากเขาออกไปสามก้าว

“ริวซากิ~~” เสียงน้องเวลาเมานี่เซ็กซี่บาดใจมากครับ แล้วดูท่าว่าคืนนี้ ใจของผมคงโดนบาดอีกหลายรอบแน่ๆ บอกให้ก็ได้ครับว่าซัทสึกิเวอร์ชั่นเมา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมหลงเขาหัวปักหัวปำแบบนี้ล่ะครับ

“เร็น~~~”

ไอ้ความน้อยใจ ความหึงหวง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมเสียศูนย์ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ถูกสลัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใยมากครับเมื่อผมได้ยินเสียงน้องเรียกชื่อผมออกมาสองครั้งติดๆกันแบบนี้ ไม่ไหวครับ

หัวใจผมมันอ่อนแอเสียจริง แค่น้องเรียกชื่อผมสองครั้ง ใจไม่รักดีของผมมันก็พากายหยาบถลาเข้าไปหาน้องเสียแล้ว

“เร็น~~คิคิ” รอบที่สามแล้วครับ คราวนี้มาเสียงหัวเราะคิกคักกับรอยยิ้มหวานเชื่อมมาเลยทีเดียว กะให้พี่หลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นเลยสินะคนดี แถมยังลอย หน้าลอยตายื่นปากมาหาผมอีกต่างหาก

“จุ๊บ...หน่อย~~” คุณต้องเป็นพยานให้ผมนะครับว่าผมไม่ได้ฉวยโอกาส กับน้องแต่แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นเอง ผมวาดยิ้มบนมุมปากแล้วโน้มหน้าลงไปใกล้ แต่ยังไม่ยอมจุ๊บเขา น้องทำหน้างอเหมือนขัดใจก่อนจะเอื้อมมือมาโอบรอบคอผม ดึงให้ผมลงไปจูบเขาเอง

อา...ผมชอบจังเลยครับเวลาที่น้องยั่วผมแบบนี้ น้องออกแรงดึงให้ผมเข้าไปหาเขา กายหยาบของผมอ่อนปวกเปียกพอๆกับใจเลยครับ อารมณ์เหมือนเอาขี้ผึ้งไปลนไฟเลยประมาณนั้น

ผมหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาตามแรงดึงของน้องและปล่อยให้เด็กยั่วเขา ปีนขึ้นมานั่งคร่อมทำตาเชื่อมใส่

“จุ๊บเร็ว!..ม่ายจุ๊บ เดี๋ยว...ซัทจัง...ลงโทษน้า....~”

โอ๊ย ซัทจัง!...จะลงโทษแบบไหนดีล่ะ เวลานี้พี่เร็นยอมทั้งนั้นล่ะครับคนดี

น้องโหมดยั่วนี่ทำผมใจเต้นจนแทบระเบิดเลยครับ ครั้งแรกของเราเกิดขึ้นเพราะผมกึ่งๆบังคับน้อง ตอนนั้นผมก็ใจเต้นนะครับแต่ไม่เท่ากับตอนนี้

น้องตอนเวลาไม่เมาแล้วทำสีหน้าเหมือนถูกรังแกมันก็น่ากลืนลงอกอยู่แล้ว แต่พอมาอยู่ในโหมดยั่วแบบนี้ด้วย ไม่อยากบอกเลยครับว่าทำเอาผมไปต่อไม่เป็นเหมือนกัน เลยได้แต่นั่งมองว่าคนดีจะแผลงฤทธิ์เล่นอะไรกับผมบ้าง

และอิชิฮาระ ซัทสึกิก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ พอผมไม่จูบเขาตามที่เขาสั่ง ซัทสึกิก็ฟาดสองมือมาประกบหน้าของผม เล่นเอาเจ็บชาไปทั้งหน้าเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นมามันเกินคุ้มครับเพราะน้องเล่นเบียดกลีบปากนุ่มของเขาลงมาจูบผมเองแถมยังเอามือมาไล่เขี่ยอกผมอีกต่างหาก

ดีกรีความร้อนแรงของน้องมันสูงมากกว่าตอนเมาครั้งก่อนมากครับ มากจนผมอยากวิ่งกลับไปที่ร้านแล้วขอขวดเบียร์ที่น้องกินเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ เผื่อยามไหนน้องงอนผม ผมจะได้ไปหาซื้อเบียร์ยี่ห้อนี้มาให้น้องดื่มอีก

คืนนี้ดูท่าแล้วผมคงต้องรับศึกหนักแน่ๆครับ ถ้าขอเวลานอกกับคนดีวิ่งไปโด๊ปไข่ดิบก่อนจะทันไหมนะ...แต่คิดว่าคงไม่ทันครับ เพราะมือของน้องที่เขี่ยอกผมเมื่อครู่มันตะปบลงต่ำไปแล้ว เด็กยั่วซนๆคนนี้กำลังเขี่ยมือไปตามแนวซิปกางเกงของผมไปมาเหมือนกับต้องการสำรวจสัตว์โลกที่มันอยู่ใต้นั้น

“ถอด~”

ผมมองตาน้องปริบๆ อย่างที่สารภาพครับว่าไปต่อไม่เป็นจริงๆ น้องสั่งมาแล้วสมองผมไม่ยอมประมวลให้ออกมาเป็นการกระทำเลยครับ น้องเลยจิ๊ปาก ใส่ที่ผมนั่งนิ่ง แล้วเป็นฝ่ายดึงเสื้อผ้ากับกางเกงของผมเอง

“ซัทจังโป๊ เร็น...ก็โป๊ด้วยกันสิ~”

น้องลากเสียงยานคางมากครับงานนี้ แล้วมาสั่งให้พี่โป๊ด้วยกันเนี้ย จะรู้หรือเปล่าว่าคืนนี้คงไม่หยุดกันที่แต่ตัวเปลือยล่อนจ้อนหรอกนะ พี่จะทบดอกเบี้ยเอาคืนที่ทำร้ายหน้าหล่อๆของพี่ด้วยเลยดีไหมนะ

ผมโอบวงแขนกอดน้องที่นั่งคร่อมตักผมให้เอนเข้ามาซุกอกของผมไว้คนดีเขาตั้งหน้าตั้งตาแกะกระดุมเสื้อของผมมากครับ น้องก้มหน้าลงไปแกะจนตาจะชิดกระดุมอยู่แล้ว

ผมปล่อยให้น้องพยายามแกะกระดุมเสื้อของผมจนหมด ซึ่งกินเวลาไปพักใหญ่พลางลูบหลังลูบผิวนุ่มของเขาสลับกับหอมแก้มเขาเป็นระยะ พอผมหอมแก้มเขาทีไร ซัทสึกิก็จะหันเงยหน้ามาหัวเราะคิกคักใส่ผมแล้วจุ๊บปากผมเหมือนจะให้รางวัลกัน

น้องน่ารักจนผมเกือบน้ำตาร่วงมากเลยครับ นี่ถ้าเป็นซัทสึกิเวอร์ชั่นปกติที่ไม่ได้บ่มแอลกอฮอล์ไว้ในเส้นเลือดก็คงไม่มีทางได้เห็นกันแน่ๆ

อีกครู่ใหญ่(ใหญ่พอที่ผมจะจูบน้องจนปากเจ่อได้) ซัทสึกิเขาก็ปลดกางเกงของผมได้ครับ เขาหัวเราะคิกคักอย่างเด็กอารมณ์ดี สายตาเชื่อมๆมองดูลูกรัก ของผมเหมือนจะเอ็นดูกัน ผมเห็นสายตาของน้องแล้วก็ต้องหลุดขำครับ น่ากลัวว่าคืนนี้ผมจะถูกคนดีเขาปล้ำเอาแน่ๆครับงานนี้

น้องจ้องลูกชายของผมอยู่พักใหญ่จนผมเกือบคิดว่าเขาหลับในไปแล้วแต่พอผมเอื้อมมือขึ้นมาลูบแก้มเขา น้องก็เงยหน้ามามองผมตาใสแล้วยิ้มหวานจนแก้มฉีกก่อนจะพูดเสียงงุบงิบอยู่กับอกของผม

“ปวดฉี่..”

ผมแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเลยครับงานนี้ คนดีหนอ..จะรู้ไหมมาชวนพี่เร็นเข้าโหมดเอ็นซีสิบเจ็ดถึงขั้นนี้แล้วมาหยุดอารมณ์กันด้วยการบอกว่าปวดฉี่นี่นะ

ผมหัวเราะลงลูกคอก่อนจะดึงแขนของน้องให้ขึ้นมากอดคอผม ซัทสึกิเป็นเด็กว่าง่ายและรู้งานมากครับ พอผมดึงแขนขึ้นมาโอบรอบคอ น้องก็เหนี่ยว กอดคอผมไว้หมับพร้อมกับสองขาที่กอดเอวผม ผมเลยต้องอุ้มน้องเข้าห้องน้ำเหมือนกระเตงลูกลิงเข้าเอวอะไรทำนองนั้น

แต่เป็นอะไรที่วาบหวามมากครับเพราะช่วงล่างที่น้องปล่อยน้ำหนักให้ ผมอุ้มมันคอยแต่จะมากระแทกเข้ากับท้องน้อยและเบื้องล่างของผม ส่วนนั้นของเราเลยสัมผัสกันตามแต่จังหวะของการก้าวเดินแต่ละครั้ง

แถมน้องยังเกิดมันเขี้ยวอะไรไม่รู้อีกครับ เอาหน้าซุกกับไหล่ผมไม่พอน้องยังจะมาไล่งับใบหูผมเล่นอีกต่างหาก คนดีรุกพี่เหลือเกินนะวันนี้ แต่ที่ทำให้ผมขำมากกว่าก็คือเมื่อไปถึงห้องน้ำแล้ว ผมก็ปล่อยขาน้องให้น้องยืนเพื่อจัดการ ทำธุระของเขา แต่ซัทสึกิกลับมองหน้าผมแล้วโคลงหัวไปมา ตาเชื่อมๆมันบ่งบอกความง่วงอย่างน่ากลัวว่าน้องจะหลับไปทั้งยืนมากครับ ผมเผลอมองอยู่ได้อึดใจก่อนที่ปากเล็กๆพูดงุบงิบอีกครั้ง

“ฉี่...ห้าย...หน่อย...จิ”

คนดี..ถึงพี่อยากจะทำแทนให้แค่ไหนก็คงทำไม่ได้นะครับงานนี้ ผมยืนงงๆอยู่พักหนึ่งว่าน้องอยากให้ผมทำอะไรให้กันแน่ จะให้ฉี่แทนคงทำไม่ได้อยู่แล้วจริงไหมครับ เห็นผมนิ่งไป น้องก็เอื้อมมือมาคว้ามือผมไว้หมับก่อนจะลากมือผมไปกำน้องชายของเขาไว้ครับ

“งือ...ฉี่..ห้าย..หน่อย..”

น้องยังคงพูดเสียงอ้อแอ้แล้วกลิ้งหน้าเกลือกกับไหล่ของผมครับ นี่ถ้ามีกล้องวีดีโอผมก็จะอัดเก็บไว้ดูเล่นแน่ๆครับ

นึกๆไปแล้วก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าถ้าซัทสึกิเขารู้ว่ามีอีกด้านที่เป็น แบบนี้แล้วจะเป็นยังไง แก้มใสๆต้องแดงกล่ำแน่ๆแล้วก็คงค้อนตาใส่ผมหลายๆครั้งทำปากงุบงิบว่านี่มันไม่ใช่ตัวเขา เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แล้วหลังจากนั้นเขา คงเข็ดที่จะดื่มเบียร์อีก...งั้นอย่าดีกว่า ผมว่าผมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับตัวเองไปตลอดชีวิตดีกว่าครับ

“ไม่ฉี่หรอ?” ผมถามอย่างสงสัย เห็นน้องจับมือผมมาแบบนี้ผมก็นึกว่าเขาจะให้ผมเล็งให้เพราะกลัวไม่ลงโถหรือว่ายังไง

แต่คนเมาก็คือคนเมาครับ โดยเฉพาะคนเมาที่เป็นเด็กยั่วคนนี้น่ะ ท่าทางเริ่มจะแยกประสาทไม่ถูกแล้วครับว่าปวดฉี่จริงหรือไม่จริง น้องเงยหน้ามามองผมแล้วมีการลอยหน้าลอยตาพูดอีกทั้งๆที่ตาหรี่ปรือจะหลับอยู่แล้ว

“ม่ายช่ายแบบเน้....”

เอ่อ...มาตรฐานการฉี่เขามีกันกี่แบบครับ?

น้องเมาหรือผมมึนกันแน่ เขาทำปากยู่ใส่ผมแล้วบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง ในลำคอที่ผมจับใจความไม่ได้ ก่อนจะก้มหน้าลง ผมไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าน้องกำลังมองโถเพื่อจะฉี่หรือมองซัทสึกิน้อยที่ผมจับอยู่กันแน่

แต่ที่แน่ๆคือน้องเริ่มหัวทิ่มแล้วครับถ้าผมไม่รั้งเอาไว้นี่มีหวังได้เอาหัวไป มุดชักโครกเล่นแน่ๆ แต่น้องก็สามารถยืดตัวขึ้นมายืนได้อีกครั้ง เขาผลักมือผมออกแล้วเดินโซเซไปตรงอ่างที่อยู่ด้านใน

ผมเดินตามติดเขาไปเพราะกลัวว่าน้องจะล้ม ซัทสึกิเขาเดินเซไปทางซ้ายที ทางขวาที กว่าจะไปถึงอ่างได้โดยสวัสดิภาพก็เล่นเอาผมลุ้นแทบแย่

ว่าแต่...น้องบอกว่าปวดฉี่ไม่ใช่หรอ?

“ฉี่..ฉี่...ฉี่...”

น้องหย่อนก้นนั่งแหมะกับขอบอ่างได้น่ากลัวว่าจะหงายหลังหัวทิ่มลงไปในอ่างมากครับ ผมเลยต้องเดินตามมาดึงแขนข้างหนึ่งของเขาไว้ ซัทสึกิพึมพำอะไรอีกแล้วไม่รู้ในลำคอก่อนที่มืออีกข้างเขาจะคว้าหมับเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ของผม อย่างแรงจนผมสะดุ้ง

“ฉี่แบบเน้~~”

ครับน้องพูดไปหัวเราะไป อารมณ์ดีจังนะเด็กเมา แต่ไอ้ที่ทำนี่สาบานได้นะว่าเมา..เมรัยเข้าปากแล้วนิสัยเปลี่ยนมากเลยนะซัทสึกิจัง แบบนี้ผมไม่มีทางให้น้องกินของเมาแน่ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับผมเพียงลำพัง

และไม่อยากบอกว่าตอนนี้น้องตั้งหน้าตั้งตาทำมากครับ เขารูดมือไปแล้วก็โน้มหน้าเข้ามาเหมือนจะใช้ปากให้ผม

แต่ไม่หรอกครับ เขาแค่โน้มหน้าเข้ามาดูใกล้ๆแล้วหัวเราะคิกคัก นี่คือ ปวดฉี่ของน้องหรอครับพี่เพิ่งรู้...

ไม่ไหวแล้วครับ น้องเร่งจังหวะมากแถมยิ่งเร่งเหมือนเจ้าตัวเขายิ่งทำ ยิ่งมันครับไม่ได้รู้เลยว่าไอ้คนที่ถูกกระทำมันจะตายเอา ผมเลยดึงมือเขาไว้ ซัทสึกิ เงยหน้ามามองผมแล้วทำหน้าเหมือนถูกขัดใจ ถึงจะเมาก็ยังไม่ทิ้งลายเหมือนกันครับ งอนได้น่ารักเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน

ผมกระตุกยิ้มขำแล้วช้อนอุ้มตัวเขาขึ้นจากขอบอ่างและก้าวลงอ่างไปด้วยกัน ซัทสึกิโอบกอดคอผมไว้แน่นและพอผมจัดการให้เขานั่งซ้อนคร่อมลงบน ตักของผมแล้ว เขาก็จ้องหน้าผมเขม็ง แต่ตาเยิ้มมากครับจุดนี้ ผมโอบคอน้องให้ลงมาจูบกับผมในระหว่างที่ผมใช้มือที่ว่างอีกข้างหมุนก๊อกให้น้ำอุ่นมันไหลเข้ามาในอ่าง

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 18 [Update : 1/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 07-06-2013 18:37:07
น้องจูบรับผมไปก็ขยับสะโพกของเขาเบียดกับตักของผมไปด้วย เกินทนมากครับจุดนี้ ผมตัดสินใจโยนความอดทนของตัวเองทิ้งไปหมด

จริงๆแล้วผมก็ยังไม่อยากมีอะไรกับน้องอีกครั้งหรอกครับเพราะน้องเพิ่งจะหายเป็นปกติ แต่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมเอื้อมมือไปด้านหลังและสัมผัสกับปากทางอ่อนนุ่มของเขา ช่องทางเล็กคับแคบที่ผมได้เป็นเจ้าของมันตอดรัดปลายนิ้วชี้ของผมที่ค่อยๆสอดเข้าไปด้านในอย่างช้า

ผมยังสอดนิ้วเข้าไปไม่ถึงครึ่งข้อน้องก็ครางเสียงสั่นอยู่กับอกของผม เขา ซุกหน้าลงแล้วหอบหายใจถี่กระชั้นเมื่อผมตัดสินใจขยับนิ้วลึกเข้าไปอีก

“อะ..อา....”

เสียงน้องเพราะจังครับ ได้ฟังเสียงน้องครางสั่นๆอยู่ข้างหูแบบนี้ ทำให้ลืมเรื่องจะเปิดเพลงคลอบรรยากาศไปได้เลย เสียงน้องเพราะกว่าเสียงดนตรีไหนๆทั้งหมดแน่ ผมไม่รอให้ใครมาการันตีเพราะผมการันตีด้วยตัวเองไปแล้ว

ผมกดจูบลงขมับของเขาแล้วสายตามองเลยไปยังกระจกที่อยู่ข้างอ่างมันสะท้อนภาพความมืดในยามกลางคืนของกรุงโตเกียวที่มีแสงไฟอยู่ทั่วไปหมด แต่ภาพนั้นมันงดงามมากขึ้นเมื่อมีเงาของน้องที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวของผมสะท้อนรวมไปอยู่ด้วย ผมผละมองจากภาพเงาบนกระจกนั้นแล้วมามองความงามที่แท้ จริงตรงหน้า

น้องแหงนหน้าขึ้นหอบเอาหายใจเข้าปอด ริมฝีปากอิ่มสวยของน้องเป็นสีแดงจัดเพราะเราจูบกันไปหลายครั้งแล้วในคืนนี้

ผมเสียดายเล็กน้อยที่ดวงตาฉ่ำปรือของน้องหลับลงสนิทแล้วเลยไม่ได้เห็นลูกตาใสคู่สวยของเขา แต่แก้มสีชมพูของน้องนี่กินขาดพอกับผิวขาวๆทั่วทั้งร่างกายของเขาที่ขึ้นสีแดงระเรื่อจากทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์และอารมณ์ที่กระตุ้นเร้าอยู่

น้องแอ่นอกและเอามือเท้ากับต้นขาของผมด้านหลังสะโพกของเขา ผมรู้สึกได้ถึงแรงดันน้ำจากแรงเหวี่ยงเอวที่น้องร่อนรับการขยับมือของผม

ร่างกายของน้องมันงดงามไม่มีที่ติจริงๆครับ งดงามและไร้ข้อบกพร่องจนผมอดไม่ได้ที่จะโอบกอดเขาเข้ามาใกล้และฝากฝังรอยรักด้วยริมฝีปากของผม ตราประทับความเป็นเจ้าของร่างเล็กๆนี้ไว้ในทุกที่ๆริมฝีปากมันลากสัมผัสผ่านไป น้องเอื้อมสองมือมากอดรัดศีรษะผมเอาไว้แน่นในตอนที่ผมค่อยๆยกสะโพกเขา ขึ้นและกดลงให้เขารับเอาตัวตนของริวซากิ เร็นที่หลงรักเขาหมดหัวใจเข้าไปในร่างกาย

ผมจับเอวน้องค้างไว้อยู่ครู่หนึ่งเท่าที่ความอดทนอันน้อยนิดมันจะมอบให้ผมได้ก่อนที่จะส่งแรงให้คนดีเขาขยับ แต่แรงที่ผมส่งไปคงมีไม่พอกับความต้องการของน้องครับเพราะซัทสึกิเขาเป็นฝ่ายกระแทกสะโพกลงมาซ้ำๆ เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่อาจต้านทานความต้องการของเขาได้

ผมเลื่อนมือมาชักพาความต้องการของน้องให้ปลดปล่อยพร้อมกัน

นาทีที่ผมปล่อยความรักเข้าไปในร่างกายของเขา ซัทสึกิก็ซวนเซลงมาซบอิงกับไหล่ของผม เขาหอบหายใจหนักจนแผ่นอกของเขาเบียดสีกับอกของผมที่ประคองกอดเขาไว้ไม่ห่างอก

“นอนได้ป่ะ?”

“แล้วแต่นายสิ” เสียงน้องพึมพำถามอยู่ข้างหู ผมยิ้มอ่อนๆแล้วลูบศีรษะเขาให้ซุกกับซอกคอของผม น้องไซร้คอผมไปมาสองสามทีเหมือนจะหามุมที่นอนสบายและเขาก็เงียบไป

ผมกอดเขาไว้และกดจูบลงกับข้างขมับของเขา เสี้ยวหน้าของน้องที่หลับ ไปทำให้ผมทั้งมีความสุขและเหนื่อยใจไปพร้อมๆกัน

ถึงว่าในเวลานี้ผมจะมีความสุขจนมันแทบจะระเบิดล้นออกมาจากอก

แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าวันพรุ่งนี้เขาตื่นมาเจอกับผมอีกครั้งแล้ว...เขาจะพูดคำว่าเขาเกลียดผมออกมาอีกหรือเปล่า

“คนดี...พี่รักซัทสึกิมากนะครับ...”

ผมกระชับอ้อมแขนกอดน้องแน่นขึ้น ในใจลึกๆก็อดกลัวไม่ได้ครับว่าถ้าเขาไม่ยอมรับในความสัมพันธ์ของเราและปิดโอกาสที่เราจะได้รักกัน นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะได้กอดเขาแบบนี้ก็เป็นได้

พอคิดแบบนี้แล้ว...กำลังใจที่คุณมี๊ให้มามันก็ลดน้อยถอยลงไปอีกแล้ว

ผมรู้ดีกว่าพอเป็นเรื่องของซัทสึกิแล้ว จิตใจของผมไม่ได้เข้มแข็งเหมือน ริวซากิ เร็นคนเดิมที่ไม่เคยนึกกลัวอะไร ผมนึกกลัวอยู่ตลอดเวลา

กลัวว่าน้องจะไม่เห็นค่าความรักของผม

กลัวว่าน้องจะไม่รักผมเหมือนอย่างที่ผมรักเขา

และ...กลัวว่าเราจะไม่ได้รักกัน

“รักพี่บ้างสิครับ..สักนิด...ก็ยังดี”

ผมกระซิบบอกแผ่วเบากับคนที่หลับตาพริ้มเหมือนกำลังฝันดีอยู่ก่อนกด จูบลงกับกลีบปากนุ่มของน้อง…อิชิฮาระ ซัทสึกิที่ทำให้ผู้ชายอย่างริวซากิ เร็นหลงรักจนหมดท่าคนนี้..คนเดียวเท่านั้นที่ผมอยากได้ความรักจากเขา...

รักพี่บ้างนะครับ...

ตื่นเช้ามาผมก็อัปเปหิออกไปจากห้องก่อนที่น้องจะตื่นครับ ด้วยความกลัวว่าจะได้ยินน้องโวยวายหรือไม่ก็บอกว่าเกลียดผมอีก ทำให้ผมไม่กล้าที่จะอยู่คอย เขาตื่นขึ้นมา ทั้งๆที่ยังไงเขาก็ต้องรู้อยู่ดีว่าคืนนี้เขามากับผม

ผมหอบเอาเสื้อผ้าของน้องออกมาให้แม่บ้านไปส่งลอนดรีให้ แล้วก็กลับมายืนคิดอยู่นอกห้องนอนว่าจะเอายังไงต่อไปดีก่อนที่สายตาจะหันไปเห็นกรอบรูปของน้องที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ใจหนึ่งก็อยากเก็บมันลงไปไว้ในลิ้นชัก

แต่คิดอีกที..วางไว้ให้น้องเห็นเลยแล้วกัน เผื่อน้องจะเก็บเอาไปคิดบ้างอะไรบ้างว่าทำไมในห้องของผมถึงมีรูปเขาวางอยู่แบบนี้ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกัน

ผมยืนคิดอยู่อีกพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเขียนโน้ตไปแปะไว้ที่ประตูห้อง ว่าผมจะกลับมาตอนเที่ยง ก็คือในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

ผมตัดสินใจล็อกห้องและยึดมือถือกับกระเป๋าของน้องไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ เขาหนีกลับไปก่อน ยังไงเสียก็อยากให้เขารู้ว่าเขามากับผมด้วยตัวของผมเองไม่ใช่ ชิ่งกลับไปแล้วรู้ความเอาจากเคนอิจิหรือไดสุเกะคุง

ส่วนระหว่างนี้...ผมจะลงไปซื้อของมาเอาใจเขาแล้วกันครับ น้องต้องหิวแน่ๆเพราะเมื่อเย็นเขากินไปแต่เบียร์ ถ้าตื่นมาเพราะท้องร้องต้องมีโยเยกันแน่นอน เพราะงั้นผมไปหาซื้อของกินมาให้น้องไว้ก่อนเลยดีกว่า

สายๆใกล้เที่ยงแบบนี้ ร้านอาหารแถวคอนโดของผมมักจะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งพวกที่ทำงานอยู่ในย่านนี้กับพวกนักศึกษาส่วนมากที่เรียน อยู่ที่มหาลัยเดียวกับผมและน้องนั่นแหละครับ

ผมเลยตัดสินใจขับรถออกมาวนดูว่าร้านไหนว่างพอที่ผมจะได้ซื้อของกินอร่อยๆกลับไปให้แมวน้อยที่ยังขี้เซาหลับอุตุอยู่บนเตียงของผมตอนนี้เร็วๆ ไม่ต้องไปต่อรอคิวยาวๆ

แต่ดูเหมือนโชคจะไม่ค่อยเข้าข้างผมสักเท่าไหร่ครับ ทุกร้านแถวนี้คนแน่นขนัดไปหมด ผมมองจำนวนรถของแต่ละร้านและจำนวนโต๊ะแล้วก็นึกเหนื่อยใจเบาๆ เลยตัดสินใจวนรถไปร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ผมพาน้องไปกินตอนวันแรกที่น้องได้รู้จักกับผม ดูจากเวลาแล้วร้านเพิ่งเปิด คนน่าจะยังน้อยกว่าร้านอาหารแถวนี้เพราะคนส่วนใหญ่มักชอบไปที่ร้านนี้ตอนค่ำๆกันมากกว่า

แล้วก็อย่างที่ผมคิดไว้ครับ ที่ร้านเพิ่งจะมีรถจอดอยู่เพียงสองสามคัน ผมยิ้มกว้างและเลี้ยวรถเข้าไปจอดทันที

พอลงจากรถนั่นแหละครับ ผมถึงเห็นว่ารถที่จอดอยู่ด้านในสุดมันเป็นรถของยูตะ ผมมองไปด้วยความสงสัยว่ามันมากับใคร จะมากับพวกจุนยะอย่างนั้นหรอ แต่ปกติพวกเราก็ชอบมากินกันที่นี่อยู่แล้ว ผมเลยไม่ค่อยติดใจอะไรเท่าไหร่ และยิ้มหน้าบานเดินเข้าร้านไปกะให้มันหมั่นไส้ในความสุขของผมเต็มที่ ถ้าพวกมันถามว่าผมมาทำไม ผมก็จะบอกว่าผมมาซื้อของอร่อยๆไปเลี้ยงแมวน้อยจอมดื้อ ของผม

แต่ผิดคาดครับ พอผมเดินเข้าไปแล้วถึงได้เห็นว่ายูตะมันไม่ได้มากับจุนยะ แต่มากับอาริซาวะ มาโดกะครับ

ผมกะพริบตามองอีกทีเผื่อว่าจะตาฝาดก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อไอ้ยูมันโบกมือมาเรียกข้ามหัวคนที่มันกำลังนั่งจีบอยู่มาหาผม

“มาคนเดียวหรอครับริวซากิซัง”

เอ่ยวาจาได้เยี่ยงสุภาพชนเชียวนะพออยู่ต่อหน้าผู้หญิง ผมเลิกคิ้วแล้ว เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงอีกข้างของโต๊ะ มาโดกะจังเธอเหลือบมองหน้าผมทีหนึ่งก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ

“มาหาซื้อมื้อเช้าให้น้อง น้องหลับอยู่ก็เลยไม่ได้มาด้วย” เมื่อมันเล่นบทสุภาพชน ผมก็เลยต้องสุภาพชนตามมันครับ

“มื้อเช้า? แถมป่านนี้แล้วน้องยังหลับอยู่? เมื่อคืนดึกหรือไง!?”

ครับ..ความเป็นสุภาพชนของยูตะมันหมดลงแค่นี้ครับ ผมหัวเราะในลำคอ เหล่มองสุภาพสตรีเพียงคนเดียวในโต๊ะเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่ใส่ไอ้เพื่อนตัวดีของผมที่ทำตาระริกระรี้อยากรู้เรื่อง

“ก็ไม่ดึกเท่าไหร่ครับ...แค่เช้าเท่านั้น” ไอ้ยูมันจิ๊ปากใส่ผม อารมณ์อยากชูนิ้วกลางส่งแทนความรู้สึกมาให้เต็มแก่ แต่คงเห็นว่ามาโดกะหันมาเหลือบมองเป็นระยะมั้งครับ มันเลยยกมือมาโบกไล่ผมแทน

“หมั่นไส้คนกำลังอินเลิฟว่ะ ไปเลยไป เดี๋ยวน้องตื่นมาแล้วไม่เจอแล้วจะงอแงเอา” ผมหัวเราะกับคำไล่ของมันก่อนจะลุกขึ้นและค้อมศีรษะน้อยๆให้มาโดกะที่มองมาพอดีแทนคำลาตามมารยาท เธอส่งยิ้มหวานมาให้ผมต่อหน้าต่อตาไอ้ยูด้วย

แต่ขอโทษนะครับ..น้องยิ้มได้บาดใจผมกว่าเยอะ โดยเฉพาะตอนเมาเมื่อคืนนี้ คิดแล้วยังใจเต้นไม่หายเลยครับ เด็กอะไรไม่รู้แย่จัง พ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนบ้างหรือไงกันว่าการทำให้คนอื่นเขาคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลาแบบนี้มันร้ายกาจที่สุดเลยนะซัทสึกิจัง!

ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์และบอกความประสงค์ว่าผมจะซื้อกลับบ้าน ก่อนที่พนักงานเขาจะยื่นเมนูมาให้ ผมลังเลอยู่ว่าจะสั่งอะไร แต่ที่แน่ๆคือผมสั่งคาโบนาร่าไปก่อนแล้วเป็นอันดับแรกเพราะจำได้ว่าน้องเคยสั่ง ส่วนอย่างอื่นผมสั่งตามที่ผม เห็นว่าน้องตักกินอะไรไปบ้าง อันไหนที่คนดีเขาตักกินเยอะผมก็สั่งไว้ก่อน อนุมานเอาว่าน้องคงจะชอบกิน

“รับของหวานด้วยไหมครับคุณชาย?” ตอนแรกผมกะซื้อไปแค่เท่าที่สั่งแต่พอบริกรถามขึ้นมา ผมก็อดไม่ได้ที่จะพลิกไปดูหน้าขนมหวานเอาเสียเลย เค้กกับขนมหวานของที่นี่ก็มีชื่อไม่น้อย ผมพลิกไปแล้วก็เจอจุดหมายเลยทันที

“เอาสตรอเบอร์รี่วิปครีมเค้กด้วยก็แล้วกัน มีขายเป็นปอนด์หรือเปล่า หรือ มีแต่เป็นชิ้น?” ผมถามเพราะดูจากปริมาณของหวานที่น้องกินไปเมื่อวันก่อนอย่างซอฟท์ครีมถ้วยโตแล้ว คิดว่าชิ้นหรือสองชิ้นอาจจะไม่พอกับการเอาใจน้องสักเท่าไหร่ครับ

“เป็นปอนด์มีแบบ สองปอนด์กับสี่ปอนด์ครับ หรือถ้าคุณชายไม่รีบแล้วต้องการน้อยกว่านี้หรือมากกว่านี้ เราทำไปส่งให้คุณชายทีหลังก็ได้ครับ รับรองไม่เกินสามชั่วโมงครับ”

“ไม่ต้องหรอก เอาสองปอนด์ก็แล้วกัน”

แค่สองปอนด์ก็คงเกินกระเพาะของน้องแล้วล่ะครับ ผมดูขนมหวานกับ ของว่างหน้าตาน่าทานอย่างอื่นไปอีกหลายอย่างไว้ด้วยเผื่อน้องเลี่ยนเค้กจะได้มี ของอย่างอื่นทานคืนนี้ เพราะยังไงคืนนี้ผมก็กะจะกักน้องไว้ให้อยู่ด้วยกันอีกสักคืน เอาของกินมาล่อไว้ดีที่สุดครับ ส่วนเรื่องมื้อเย็นยังไงผมรบกวนแม่บ้านให้โทรสั่งมาจากโรงแรมใกล้ๆให้ดีกว่า

“งั้นรอสักครู่นะครับ”

ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปเกร่รอที่โต๊ะใกล้ๆแคชเชียร์พลางมองไปที่โต๊ะของไอ้ยูเป็นระยะ ไอ้เพื่อนแสนรู้ของผมหันมายักคิ้วให้ก่อนจะหันกลับไปจีบน้อง มาโดกะจังของมันต่อ

ผมก็อยากรู้นักว่ามันนึกไงมาจีบมาโดกะแบบนี้ แต่ก็พอรู้นิสัยเพื่อนผมดีครับ ไอ้ยูมันไม่คิดจริงจังกับน้องเขาหรอก ไอ้นี่ประเภทจีบดะ จีบไปทั่ว

ไอ้ยูกับไอ้จุนมีบัญชีเช็คเมทกันอยู่ที่คอยจดว่าสาวๆคนไหนสวยแล้วมัน เช็คเมทได้หรือไม่ได้ยังไง บัญชีเช็คเมทของไอ้พวกนี้ไม่ได้มีแค่สาวๆเท่านั้นนะครับ หนุ่มน้อยน่าตาน่ารักก็มี อย่างผมเองก็ได้ข้อมูลของซัทสึกิจากในบัญชีของพวกมันมานี่แหละครับ

ไอ้ครั้นจะคิดว่าไอ้ยูกับไอ้จุนมันจะจริงจังกับใครสักคนนี่คงฝันกันไปก่อน นิสัยของมันก็เหมือนกับผมก่อนมาเจอน้องนั่นแหละ คิดว่าเรื่องรักเป็นเรื่องตลก

ในกลุ่มของพวกเราก็มีแต่ไอ้เฮย์นี่แหละครับที่มันรักจริงจังกับพี่สาวของผมเสียเหลือเกิน ส่วนซึงโฮ..ก็ไม่เคยเห็นมันจีบใครสักที ไอ้นี่มันมีโลกส่วนตัวของมัน มันบอกอยู่คนเดียวสงบกว่า

ส่วนมาโดกะจังนี่..ผมเองก็พอจะดูออกครับว่าเธอเองก็คงไม่จริงจังกับไอ้ยูหรอก ไม่อย่างนั้นคงไม่ชายตามายิ้มให้ผมอยู่หลายครั้งในระหว่างที่ไอ้ยูเผลอ

จริงๆผมไม่ได้ตั้งใจมองไปหรอกครับ แค่จะหาทางส่งซิกให้ไอ้ยูมันเดินมาหาผมสักหน่อยแค่นั้นเอง แต่สวรรค์ไม่เป็นใจครับ ใครสักคนโทรเข้ามาหาไอ้ยู มันเลยเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก น้องดาราคนสวยเธอก็เดินลุกมาหาผมทันที

“มาโดกะเห็นพี่เร็นหันมองไปหลายทีแล้ว..มีอะไรอยากคุยกับมาโดกะหรือเปล่าคะ?” เปล่าครับน้อง พี่มีเรื่องคุยกับเพื่อนพี่ แต่น้องดันหันมาพอดี

“เปล่าครับ” ผมตอบเธอไปสั้นๆแล้วคลี่ยิ้มสุภาพให้เธอ แต่พอจะหันไป หาบริกรเพื่อเร่งของที่สั่งไปเธอก็กระแซะตัวเข้ามาใกล้แล้วแตะแขนผม

“ถ้าพี่เร็นไม่สะดวกใจคุยตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ ไว้โทรมาก็ได้ค่ะ มาโดกะจะรอ” เธอมะโนเองได้ขั้นเทพมากครับว่าผมอยากจะคุยกับเธอ ผมมีน้องให้คุย แล้ว สาวอื่นใดอยากจะคุยกับผมนี่คงต้องรอประมาณชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆก็แล้วกันครับ

แต่ด้วยความมีอีโก้สูงมากของเธอ ถึงผมจะนิ่งแต่เธอก็ยังรุกผมต่อครับ เธอหยิบเอารูปใบหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าสตางค์ของเธอและยกขึ้นมาจุ๊บเบาๆที่ ริมฝีปากก่อนจะเขียนเบอร์โทรของเธอลงไปแล้วยื่นมาให้กับผมที่นั่งมองความกล้าของผู้หญิงสมัยนี้ตาปริบๆ

สงสัยผมจะห่างหายกับวงจรวิถีของผู้หญิงไปนานนับตั้งแต่ได้รู้จักน้องเลยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขากล้าที่จะอ่อยกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

“อย่าลืมโทรหามาโดกะนะคะ”

ได้ข่าวว่าเธอเองก็ได้ยินบทสนทนาของผมกับไอ้ยูแล้วนะ หรือเธอจะไม่เข้าใจว่าน้องที่พวกผมพูดหมายถึงอะไร ผมมองหน้าเธอก่อนจะหยิบรูปของเธอขึ้นมาและพยักหน้าให้น้อยๆ..เล่นตามเกมของเธอสักหน่อยก็คงสนุกดี

“แล้วพี่จะโทรไปนะครับ”

ผมบอกแล้วหยิบเอากระเป๋านามบัตรของผมขึ้นมาเสียบรูปเธอใส่ไว้ไม่อยากใส่ไว้ในกระเป๋าเงินครับเพราะไม่อยากเอาไปปนกับรูปน้องที่ผมใส่ไว้ในนั้น อย่างน้อยน้องก็คงยังไม่มาเปิดช่วงนี้

ถ้าไม่ลืมผมจะเอามันไปเผาทิ้งพร้อมกรวดน้ำให้เธอด้วย เป็นเมื่อก่อนผมอาจจะเล่นกับเธอด้วยครับ แต่ขอโทษที พอมีน้องแล้วรสนิยมผมเปลี่ยนครับมันรู้สึกขยะแขยงผู้หญิงที่อ่อยกันก่อนแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก ห้าวๆแมนๆ ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ งอแงโยเยเหมือนเด็กๆนี่ถูกใจผมกว่าเยอะครับ

มาโดกะจังยังคงยิ้มหวานให้กับผม เธอขยิบตาให้ผมก่อนจะลุกเดินกลับไปที่นั่งของเธอหลังจากโน้มมากระซิบข้างหูจนหน้าอกของเธอมาเบียดกับแขนผมเต็มๆ

“แล้วมาโดกะจะรอนะคะ”

จะรองั้นหรอครับ..ได้เลย..ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆนะครับน้อง

-TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 19 [Update : 7/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 08-06-2013 00:34:49
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 19 [Update : 7/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-06-2013 22:04:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 19 [Update : 7/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 17-06-2013 11:43:17
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.7

 กว่าผมจะได้อาหารทั้งหมดที่สั่งก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าแล้วครับ สงสัยจะ สั่งมากไปหน่อย บริกรเขากุลีกุจรช่วยเอาของมาขึ้นรถของผมให้ ผมเลยให้ทิปเขา ไปจำนวนหนึ่งที่มากพอจะทำให้เขาโค้งจนเกือบหัวคะมำได้ก่อนจะออกรถมา

ตอนแรกผมกะจะหาที่ทิ้งรูปของมาโดกะไปเสียก่อน ไม่อยากพกติดตัวเอาไว้แต่พอหันไปมองนาฬิกาแล้วก็ตัดสินใจขับรถตรงกลับไปที่คอนโดเลยดีกว่ามันเลยเวลาที่ผมแปะโน้ตบอกไว้มากแล้ว ไม่รู้ว่าน้องจะตื่นขึ้นมาหรือยัง

ถ้าน้องตื่นขึ้นมาแล้วหิวมันต้องแย่แน่ๆ เพราะที่คอนโดของผมไม่มีอะไรซื้อติดไว้ให้น้องพอทานได้เลย เรามาค้างกันกะทันหันเกินไป แม้แต่น้ำผมก็ไม่แน่ใจว่าแม่บ้านเขาจะซื้อมาใส่ติดตู้เย็นไว้ให้หรือเปล่า ส่วนรูปของมาโดกะ...เอาไว้เหมาะๆพ้นจากสายตาน้องก่อนค่อยเอาไปทิ้ง..ก็คงทันล่ะมั้ง

มาถึงคอนโดได้ผมก็รวบเอาของทุกอย่างออกจากรถแล้วพาตัวเองกลับ ไปบนห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่ความเร็วของผมจะไม่พาให้เค้กก้อนอร่อยมันเละเทะไปเสียก่อน ใจมันร่ำๆเป็นห่วงน้องครับ ป่านนี้คนดีจะตื่นหรือยัง จะหิวไหม จะงอแง หรือตกใจหรือเปล่าที่ต้องตื่นขึ้นมาด้วยสภาพโป๊และแปลกที่แปลกทาง กว่าจะเดินมาถึงห้องและเอาข้าวของไปวางทิ้งไว้บนโต๊ะก็เล่นเอาผมเกือบหอบครับ

แต่กลิ่นกาแฟที่ยังคงหอมฉุยอยู่ตรงแคนธีนพอจะทำให้ผมเดาได้ว่าเจ้าตัวเล็กของผมคงจะตื่นแล้ว น้องคงจะมาหาอะไรกินและหาไม่เจอถึงได้คุ้ยหา กาแฟออกมาชง แถมยังทิ้งซากอารยธรรมเป็นซองน้ำตาลกับครีมเทียมที่ฉีกทิ้งไว้ ตรงเคาน์เตอร์บาร์นี่อีกเสียด้วย

ผมคลี่ยิ้มก่อนจะปัดมันลงถังขยะไปและเดินไปหาน้องที่คงจะนั่งหิวที่ไหนสักแห่งไม่ตรงโซฟาหน้าทีวีก็ในห้องนอน แต่คงจะเป็นหน้าทีวีเสียมากกว่า

แล้วผมก็คิดถูกครับ น้องอยู่ตรงหน้าทีวีจริงๆด้วย แต่คนดีไม่ได้กำลังนั่งหิวอยู่ครับ น้องนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ตัวเล็กๆของเขาจมไปกับกองหมอนใบโตบนโซฟาเลยครับ ผมเดินเข้าไปใกล้พอที่จะให้ความน่ารักยามหลับของน้องเข้ามาพุ่งชนหัวใจแล้วถึงเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเอาผ้าห่มมาห่มให้น้อง

จริงๆก็อยากให้น้องนอนเปลือยแบบนั้นต่อไปครับ เป็นอาหารตาของผม ดีแต่ก็คงไม่ดีกับสุขภาพของน้องสักเท่าไหร่ ถึงห้องนี้จะมีระบบปรับอากาศให้ ห้องมันอบอุ่นหรือไม่ก็เย็นสบายพอที่เราจะอยู่อย่างไม่อึดอัดก็เถอะ แต่ที่ผม หมายถึงสุขภาพของน้องนี่คือถ้าผมจับน้องกดอีกหนตอนกลางวันแบบนี้น้องจะแย่เอาครับ..ให้น้องนอนให้เต็มอิ่มดีกว่า เพราะผมยังมีโปรแกรมคืนนี้อีกยาว

ผ้าห่มผืนหนาคงทำให้น้องรู้สึกรำคาญ เพราะพอผมคลี่ห่มให้เขา น้องก็ไซร้หน้าไปกับหมอนและขยับตัวขยุกขยิกเหมือนจะตื่นขึ้นมา

โธ่คนดี ผ้าห่มมันไม่อุ่นเหมือนกับกายพี่ใช่ไหมจ้ะ

ผมยืนลังเลอยู่ชั่วเสี้ยวนาทีว่าจะโดดลงไปนอนข้างๆแล้วจับน้องมานอน ซุกอกให้ไออุ่นเองดีหรือว่าจะไปเตรียมของกินไว้ให้เขาดี แต่เสียงท้องร้องดังสนั่นของน้องมันก็ดังมากระแทกหูผม จิกหัวไอ้คุณชายริวซากิผู้เพียบพร้อมให้เดิน กลับหลังหันไปเพื่อเตรียมอาหารให้ทูนหัวอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน ถึงมัน จะแค่เทใส่จานก็เถอะ แต่น้องตื่นขึ้นมาก่อนครับ ผมยังไม่ทันก้าวพ้นรัศมี ความน่ารักของเขาไปถึงห้าก้าวเลย คนดีก็ปาความรักมาใส่กระแทกหลังกันซะงั้น

อ่าวไม่ใช่ หมอนต่างหาก

“ไอ้ชั่ว!!” ผมขมวดคิ้วแล้วหันกลับไปให้น้องเห็นหน้า เผื่อว่าเขาเข้าใจผิดเลยใช้สรรพนามเรียกผมอย่างนั้น พอผมหันกลับไปน้องก็มองจ้องอยู่พอดี

“ริวซากิ เร็น!!”

ครับคนดี..พี่รู้ชื่อตัวเองอยู่แล้วครับ

น้องจ้องผมแล้วขยับจะลุกจากโซฟาขึ้นมาตั้งการ์ด แต่ดูเหมือนผ้าขนหนู ที่น้องนุ่งอยู่จะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามันเข้าข้างผมหรือเปล่าครับมันเลยกบฏทิ้งตัวลงพื้น น้องร้องอุทานดังเฮ้ยแล้วก้มลงตะครุบผ้าขนหนูผืนใหญ่นั่นเอาไว้ แต่..มันก็เป็นบุญตาของผมไปแล้วครับ...

น้องไม่ได้ใส่ชั้นในด้วยล่ะ...

ก็จะใส่ได้ยังไงล่ะเนอะ ผมเอามันใส่รวมไปกับเสื้อผ้าของน้องที่ส่งให้แม่บ้านเอาไปส่งลอนดรีด้วยนินา ขอสาบานด้วยความสัตย์จริงว่าไม่ได้คาดคะเนเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเลยครับ...(ยิ้มกว้าง)

ผมยืนใจเต้นกับเหตุการณ์ระทึกอย่างไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ได้อยู่ อึดใจเดียวครับ น้องก็ถามเสียงห้วนขึ้นมาทันที คนดีนั่งไม่ยอมลุกแล้วครับตอนนี้แถมยังทำหน้างอด้วย

“นายเอาเสื้อผ้าฉันไปไว้ที่ไหน?”

“ในตู้เสื้อผ้าก็มีนิ ทำไมไม่เอามาใส่” โธ่คนดี..นึกว่าจะโป๊เพื่อยั่วพี่ซะอีก

“มันล็อก” น้องบอกแล้วทำปากยื่นเป็นเป็ด เป็ดตัวนี้น่าจูบให้ปากเจ่อมากครับ แถมยังบ่นอะไรพึมพำอยู่ในลำคออีก ผมส่ายหน้าให้เขากลบเกลื่อนอาการขำและดึงเขาให้เข้าไปในห้องแต่งตัว

“เปิดล็อกตรงนี้” จริงๆมันเป็นระบบบานเลื่อนอัตโนมัติครับ แต่น้องคงไม่รู้เลยพยายามเปิดเอง ซึ่งมันระบบฟันเฟืองมันไม่ได้มีไว้ให้เลื่อนเอง พอไม่ได้ กดปุ่มมันก็ไม่ยอมเปิดให้ครับ หลังจากผมจิ้มเปิดตู้เสื้อผ้าของผมแล้วหันมามองน้องก็ทำตาโตใส่ผม ปากเรียวๆเม้มฉับคล้ายอาการไม่พอใจทันที

เอ่อทูนหัว...พี่ผิดอะไรหรอครับ?

ผมมองหน้าน้องแล้วก็มองลามลงไปยังอกขาวๆของเขาที่เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์คที่ผมทำไว้เมื่อคืน เห็นแล้วก็ตัดสินใจหันไปหยิบเสื้อให้น้องใส่ดีกว่าทำรักกันหน้าตู้เสื้อผ้ามันคงจะร้อนแรงไปหน่อย น้องยังไร้เดียงสาอยู่มากกับเรื่องอย่างว่า ถึงจะยั่วผมได้ขั้นเทพตอนเมาก็เถอะ จะข้ามมาแอดวานซ์นอกสถานที่กันหน้าตู้แบบนี้ก็กลัวคนดีจะตั้งตัวไม่ติด กลัวน้องจะยืนรับแรงกระแทกของผมไม่ไหว

แต่ว่าไปแล้วครั้งแรกของผมกับน้องก็ยืนนินา แถมในห้องน้ำลื่นๆอีกด้วย

ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านในสมองก่อนหยิบเอาเสื้อยืดสีดำกับกางเกง ขาสั้นมาให้น้องใส่ เขาจะได้สบายตัวหน่อย เราอยู่กันเองตามลำพังไม่จำเป็นต้อง ใส่กางเกงขายาวก็ได้ จริงๆอยากจะให้น้องใส่เสื้อกล้ามเหมือนกันครับ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ใส่เลยดีกว่า มีค่าเท่ากัน

“อะนี่ เอาไปใส่”

“เสื้อยืดดำกับเกงขาสั้น?”

“ทำไม ใส่ไม่ได้หรอ?” ผมขมวดคิ้วน้อยๆ คนดีเขาไม่พอใจอะไรกับเสื้อผ้าของผมหรือเปล่านะ หรือรังเกียจที่จะใส่กัน

“เปล่า..แต่ปกติเหตุการณ์แบบนี้ตามนิยายหรือหนัง มันต้องเป็นเชิ้ตขาว ตัวเดียวดิ” ผมช็อกจนแทบไปต่อไม่ถูกเลยครับ น้องเล่นผมแรงมากงานนี้ จะยั่วพี่แต่หัววันไม่กลัวลูกดกหรอครับซัทสึกิจัง

กายหยาบของผมมันไวก่อนใจและสติครับงานนี้ น้องออกปากอย่างนั้น มือผมมันก็โยนเสื้อกลับเข้าไปในตู้และดึงเอาเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุณแม่บ้านรีดแขวนไว้ให้อย่างเป็นระเบียบออกมาจากตู้ก่อนที่น้องจะทันดึงเอาเสื้อยืดกับกางเกงสีดำ ไปใส่ ในเมื่อออกตัวแรงขนาดนี้ พี่ก็อยากเห็นน้องใส่เหมือนกันแหละครับคนดี

“ไม่เอา เอาเสื้อยืดกับกางเกงเมื่อกี้มา” คนน่ารักมักเอาแต่ใจจริงๆครับถึงผมอยากจะตามใจน้องมากแค่ไหน แต่เรื่องนี้ขอไม่ยอมครับ ออกตัวแรงแล้วจะ มาเหยียบเบรกกันแบบนี้ไม่ได้นะครับซัทสึกิจัง

“เรื่องมาก ใส่นี่แหละ”

“แล้วเกงล่ะ?”

“เชิ้ตตัวเดียวพอ ก็นายอยากเสนอความคิดเองนี่” น้องมุ่ยหน้าใส่ผมที่คลี่เสื้อเชิ้ตลงไปทับไหล่ให้เขาและจับแขนเขาสวม อารมณ์เหมือนพ่อสวมเสื้อให้ลูกมากครับ นอกจากจะสวมให้แล้วยังต้องติดกระดุมให้ด้วยอีก

ระหว่างที่ผมติดกระดุมให้ น้องก็หันหน้าหันหลังก้มดูตัวเอง ไม่อยากบอกว่าแค่เหล่ๆตามสายตาของน้องผมก็ใจเต้นมากแล้วครับเพราะผ้าขนหนูที่จับไว้ตรงเอวมันหล่นไปบนพื้นแล้วตอนที่ผมจับแขนเขาใส่เสื้อ

“ขอกางเกงตัวหนึ่ง”

“ไม่ต้อง แบบนี้แหละ วิวดี”

ผมสวนกลับไปทันที น้องเบะปากใส่ผมแล้วขยับไปตรงตู้เสื้อผ้า ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เพราะน้องก้มไปจะหยิบไอ้ชุดที่ผมหยิบให้เขาตอนแรก ก้นขาวๆของเขาก็โผล่แพล่มออกมาให้ผมมอง ผมเลยต้องคว้าเอวเขาไว้ก่อนที่ผมจะตัดสินใจถอดกางเกงตัวเองลงและทำรักกับเขาตรงตู้เสื้อผ้านั่นจริงๆ

“ไปหาไรกินกัน” น้องยังคงบ่นงุบงิบแข่งกับเสียงท้องร้องของเขาอยู่ครับ ผมพอจะจับใจความได้ว่าน้องบ่นว่าผมใจร้ายที่ให้เขาใส่แต่เชิ้ตตัวเดียว มันหวิวมันหนาว มันดูน่าเกลียด พาให้รู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก

ผมก็อยากบอกว่าผมเองก็หวิวเหมือนกันครับ แต่เรื่องน่าเกลียดนี่ขอค้านหัวชนฝาเลยครับ เอ็กซ์สุดยอดล่ะไม่ว่า

ผมพยายามดึงสติคืนมาจากเรียวขาขาวๆของน้อง (นี่ไม่นับซัทสึกิน้อยที่พยายามออกมาอวดสายตาผมเวลาน้องขยับตัวอีกนะครับ) หันไปหยิบจานที่คุณแม่บ้านเก็บไว้ในชั้นเรียงมาวางกองไว้บนโต๊ะ น้องยังคงสาละวนกับสภาพ ของตัวเองอยู่ครับ เขาแบะขาออกแล้วก้มมองดูหว่างขาของตัวเอง

“เชิ้ตแม่มสั้นชะมัด ตัวยาวกว่านี้ไม่มีหรือไงกัน”

สารภาพตามตรงครับว่ามี แต่ผมตั้งใจหยิบตัวที่ชายมันสั้นที่สุดออกมาเองล่ะ แต่ผมก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และนั่งลงก่อนจะเกี่ยวเอวน้องให้มานั่งตักผม

“เฮ้ย!! ปล่อย!!”

“นั่งดีๆสิ” ผมข่มเสียงบอกเขาไปนิ่งๆ กายมันดันสะเหล่อไปไวกว่าใจครับ ดันไปเกี่ยวน้องให้มานั่งทับตักแบบนี้ ก้นกลมๆของน้องมันเบียดกับตักผมโดยมี เพียงแค่กางเกงที่ผมสวมอยู่เท่านั้นกั้น ขืนคนดีหยุกหยิกมาก ของจะเข้าตัวเอาพี่ไม่รู้ด้วยนะทูนหัว

น้องหันมาแยกเขี้ยวใส่ผมครับ คนดีพยายามจะถ่องศอกใส่ท้องผมด้วยแต่เพราะถูกผมกอดไว้อยู่เลยทำไม่ได้ดั่งใจคิด ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอาของกินออกมาจากถุง ถึงเวลาเอาใจ(ด้วยของกิน)แล้วครับ

“มีมีทซอสกับคาโบนาร่าเอาอะไร?” ผมสั่งมีทซอสมาด้วย เผื่อน้องเลี่ยนจากคาโบนาร่าที่กินไปวันก่อนแล้วอยากกินอย่างอื่นบ้าง แต่น้องทำให้ผมดีใจที่ เลือกมาทั้งสองอย่างด้วยการขอสองแบบไม่ลังเลเลยครับ

“สองอย่างเลยได้ไหม หิว”

ทำตาปริบๆใส่คล้ายจะอ้อนกันแบบนี้ พี่จะขัดใจได้ยังไงกันหนอ ผมยิ้มให้เขาแล้วลูบผมเขาเบาๆก่อนจะแกะกล่องเทใส่จานให้

ซัทสึกิเหมือนเป็นเด็กเลยครับ พอเห็นของกินก็ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจ เมื่อสักครู่ไปหมด คนดีเขากุลีกุจรหยิบจานมารอให้ผมเทอาหารลงใส่ให้อย่างน่ารักและจัดการเริ่มกินทันที ตาก็มองผมหยิบเอาอาหารอย่างอื่นออกมาจากถุง

“อันอื่นไม่ต้องใส่จานหรอก จะได้ไม่ต้องล้าง”

น้องบอกแล้วจ้วงเส้นเฟตตูชินีในคาโบนาร่าเข้าปากไป น้องดูดเส้นจนปากห่อกลมเลยครับ เห็นแล้วมันน่ามันเขี้ยวจนผมต้องหยิกแก้มเขาเบาๆ น้องหันมาทำแก้มพองใส่ผมก่อนจะหันไปสนใจกับลาซานญ่าที่ผมเพิ่งเปิดกล่องไป

“แล้วนั่นอะไร?”

น้องชี้มือไปที่ถุงใหญ่ที่อยู่ไกลมือผม สองแก้มของเขายังเคี้ยวตุ้ยๆจนมันพองกลมน่าหอมน่าฟัดมากครับ ผมเลยตอบสนองตัณหาตัวเองด้วยการกดจูบ แรงๆไปที่แก้มของเขา น้องเลยใจดีศอกเข้าให้กับยอดอกของผม เล่นเอาเกือบจุกเหมือนกัน ยังดีที่ล็อกตัวเขากอดเอาไว้น้องเลยเหวี่ยงมาได้ไม่แรงพอ

“ของว่างกับขนมหวานน่ะ มีเค้กสตรอเบอรี่นมสดที่นายชอบกินด้วยนะ”

ผมบอกแล้วมองน้องเอื้อมไปลากถุงนั้นเข้ามาใกล้ทั้งที่อีกมือยังจับส้อมที่จิ้มหอยแมลงภู่ไว้อยู่เลยครับ หันไปสนใจของหวานเอาซะแล้ว

เรื่องของหวานนี่ขอให้บอกเถอะครับ น้องล่ะชอบจริงๆ คนดีเขายิ้มแก้มปริสมใจผมที่ตัดสินใจซื้อยกปอนด์มาให้เขา ถึงขั้นวางส้อมแล้วหันไปแกะกล่องเค้ก แล้วครับตอนนี้ พอเห็นหน้าเค้กแล้วก็น้องก็ยิ้มกว้างแล้วทำท่าชื่นใจออกมา เขาก้มลงไปเอาแก้มแนบข้างกล่องแล้วเอามือลูบกล่องข้างๆ

“นายซื้อมาให้ฉันหรอ?”

“อืม”

“งั้นกินทั้งก้อนเลยก็ได้ใช่ป่ะ?”

“ถ้ากินไหวก็ได้” แต่ผมไม่คิดว่าน้องจะกินไหวนะ ก้อนมันใหญ่อยู่นะ ถ้าน้องกินหมดทีเดียวต้องพุงออกแน่ๆ คิดแล้วผมก็นึกมันเขี้ยวแล้วสิ ซัทสึกิจังตัวน้อยๆแต่มีพุงกะทิให้ผมฟัดเล่น แบบนี้มันน่ามันเขี้ยวจริงๆนะ

น้องทำหน้าเคลิ้มอยู่กับเค้กของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชักสีหน้าและตวัด ตามามองผมเหมือนจะจับผิด

“กินเค้กก่อนแล้วค่อยกินอาหารทีหลังก็ได้นะ”

ผมบอกแล้วหยิบส้อมคันใหม่มายัดใส่มือเขาไว้อย่างเอาใจ แต่น้องกลับ เอาส้อมคันเล็กที่ผมยัดใส่มือเขามาเป็นอาวุธจ่อคอผมแทนครับ ปลายส้อมมันจี้ เข้ากับใต้คางของผม ผมมองเขาตาปริบๆเมื่อเขาจ้องผมแบบนี้ เล่นเอาวางตัวไม่ ถูกเลยครับ ผมเลยเอื้อมมือไปดึงกล่องเค้กมาจะยกเค้กออกจากกล่องแทน

“นายรู้ได้ไงว่าฉันชอบเค้กสตรอเบอร์รี่นมสด?” ผมชะงักไป..ผมหลุดปากเผลอออกไปแบบนี้ คนดีเลยเก็บเอามาสงสัย แต่ผมก็ไม่คิดจะแก้ตัวอะไรและก็ไม่ คิดจะบอกเขาตอนนี้ด้วยครับ อย่างเดียวกับเหตุผลที่ผมทิ้งรูปไว้ให้เขาเห็นนั่นแหละครับ ผมอยากให้เขาคิด...คิดมากๆเกี่ยวกับผม

เหมือนกับที่ผมคิดเรื่องเขาอยู่ตลอดเวลา

“เรียกพี่เร็นก่อนสิแล้วฉันจะตอบ” เชื่อได้ครับว่าน้องไม่มีทางเรียกผมว่าพี่หรอก เด็กห้าวคนนี้ขมวดคิ้วแล้วเม้มปากเชิดใส่ผมทันทีเลยครับ

“ทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย?”

“นายเด็กกว่าฉันสามปีนะซัทสึกิ”

“แล้วไง?” น้องถามกลับมาสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยมากครับแถมยังตีสีหน้าที่บอกผมได้ว่าน้องกำลังรู้สึกว่ามันไร้สาระมาก ผมเลยถอนหายใจออกช้าๆ อย่างจงใจให้เขาได้ยิน

“อย่าหวังว่าฉันจะเรียกนายว่าพี่เลย แค่ฉันไม่ต่อยนายดั้งยุบที่บังอาจมาปล้ำฉันอีกรอบเมื่อคืนก็ดีแค่ไหนแล้ว”

อ่าว! เวรแล้วไงครับ น้องคิดว่าเขาถูกผมปล้ำเอาเมื่อคืน...

โธ่คนดี...พี่ต่างหากที่ถูกน้องปล้ำ

“จำได้ด้วยหรอเมื่อคืน? แต่เมื่อคืนฉันไม่ได้ปล้ำนายนะ นายสมยอมต่างหาก” ถ้าบอกความจริงไปว่ายิ่งกว่าสมยอม ถอดเสื้อเองและยังยั่วก่อนอีกน้องต้องโมโหแล้วหาว่าผมโกหกเขาแน่ๆ เพราะงั้นบอกสมยอมไปก่อนแล้วกัน

“เอาอะไรกับคนเมาวะ!!” นั่นไงครับ ขนาดแค่บอกว่าสมยอมนะนี่ แมวดื้อของผมก็ลุกขึ้นมาโวยวายแถมจะลุกออกจากตักของผมอีกต่างหาก ผม เลยยึดข้อมือเล็กของเขาไว้และดึงเขาให้กลับมานั่งตักของผมต่อ

“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะซัทสึกิ”

“ไม่เพราะแล้วไงวะ!! กูเป็นของกูแบบนี้ มึงรับไม่ได้ก็เรื่องของมึงสิ!!”

ผมไม่ชอบเลยครับ...ผมไม่ชอบเลยกับการที่น้องพูดจาแบบนี้กับผม ถึง จะรู้ว่าเขาห้าวมากแค่ไหนแต่ก็อดไม่ชอบใจไม่ได้ที่เขาขึ้นกูมึงกับผมแบบนี้

แม้ว่าผมเองจะใช้คำพูดคำจาแบบนี้กับเพื่อนและก็เคยได้ยินน้องใช้กับเพื่อนของเขามาแล้ว แต่พอน้องเอามาใช้กับผม ปีศาจร้ายในอกของผมมันก็แผลงฤทธิ์เสียอย่างนั้น ผมโมโหตัวเองที่ทำให้เขาหลุดพูดคำหยาบใส่ผมครับ

“ช่างเถอะ...ฉันคงคาดหวังมากเกินไป”

ผมบอกเขาแบบนั้นและดันให้น้องลุกจากตักของผมไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆก่อนจะลุกขึ้น เพราะถ้าอยู่ตรงนี้ต่อแล้วน้องเผลอใช้คำหยาบกับผมอีก ผมก็ไม่รู้ว่า ไอ้ปีศาจร้ายในอกจะบงการให้ผมจับแมวดื้อตัวนี้ไปลงโทษแบบไหนเหมือนกัน ที่แน่ๆ..คงไม่ใช่แบบที่น้องชอบนักหรอกครับ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินหนีไป แมวดื้อของผมก็แผลงฤทธิ์ฆ่าปีศาจร้ายในอกของผมตายเพียงแค่เสี้ยวนาทีเลยครับ

“เดี๋ยวดิ๊!!” น้องรั้งชายเสื้อผมไว้ พอผมหันมามอง เขาก็ก้มหน้าลง พวงแก้มของเขาซับสีขึ้นมาอย่างน่าสงสัย และหัวใจของผมก็หยุดเต้นเพราะประโยคถัดมา

“ถ้าคิดจะเป็นแฟนกันก็ต้องรับได้ทุกอย่างดิ”

พระเจ้า! ขอให้โลกหยุดหมุนตรงนี้เถอะ วันพรุ่งนี้พระอาทิตย์มันจะขึ้นทางตะวันตกหรือเปล่าครับ น้องถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมา ผมยืนมองเขาตาปริบๆอย่างคิดว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า แต่มองดูแก้มแดงจัดของเขาแล้ว ผมไม่ได้ฝันไป แน่นอนครับ ตอนนี้ผมเหมือนคนบ้าเลย ผมยิ้ม..และยิ้ม แล้วก็ยิ้มได้เพียงอย่างเดียว กายหยาบมันทรุดลงนั่งข้างๆน้องอีกครั้งเพราะไร้เรี่ยวแรงจะเดินไปไหน

“ฉันรับทุกเรื่องของนายได้อยู่แล้วซัทสึกิ แต่ฉันก็แค่อยากให้เป็นเด็กน่ารักมากกว่าเด็กหยาบคายนี่นา” ผมนับถือตัวเองจังเลยครับที่พูดออกมาได้โดยที่เสียง ไม่สั่นและไม่กัดลิ้นตัวเอง ผมขยับเข้าไปกอดน้องไว้แล้วหอมแก้มเขาอย่างรักใคร่

“ฉันน่ะน่ารักอยู่แล้ว ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วด้วยขอบอก” เด็กน่ารักเขาบอกอย่างนั้นครับ ผมนึกเอ็นดูเขาจนต้องยกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มแดงๆและปัดปอยผมไป ทัดหูให้เขา น้องหน้าหวานขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียวตอนนี้

“ฉันรู้แล้วว่านายน่ะน่ารักขนาดไหน”

พอผมบอกเสียงเนิบๆ น้องก็หันมามองหน้าผม แมวดื้อของผมกัดปลายส้อมเอาไว้จนผมกลัวว่าเขาจะเจ็บฟันเอาเสียก่อนก็เลยดึงมันออก (จริงๆแล้วคือ ถ้าน้องกัดส้อมไว้พี่ก็จูบน้องไม่ได้นะคนดี)

“ถ้านายไม่น่ารัก ฉันก็ไม่กล้าบอกต่อหน้าไอ้บ้านั่นหรอกว่านายเป็นแฟนฉัน” แก้มแดงๆของน้องยังแดงจัดขึ้นมาได้อีกครับ เห็นแล้วมันเขี้ยวจัง

“ขี้ตู่ชะมัด ฉันเป็นแฟนนายตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้แค่รับพิจารณาหรอก”

แค่รับพิจารณามันก็เกินความคาดฝันของพี่แล้วล่ะคนดี ผมที่ใจพองโตตอนนี้กับโอกาสที่พระเจ้าประทานให้ โน้มหน้าเข้าไปจูบเขาแผ่วเบา คนดีหลับตาพริ้มให้ผมซับเอาความหอมหวานของเขาให้โดยไม่ผลักไสอะไร

ผมนึกขอบคุณที่พระเจ้าไม่ใจร้ายกับผมมากเกินไป ถึงผมจะไม่ใช่คนดี ของสังคมสักเท่าไหร่ แต่ท่านก็ยังเห็นใจผมบ้าง

ริมฝีปากของน้องหวานเหลือเกิน มันหวานจนผมใจสั่นเหมือนไอ้หนุ่ม ริลองรักเลยครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้องจูบตอบผมด้วยหรือเป็นเพราะมือเล็กที่ยกขึ้นมาทาบอกผมแล้วไล้เบาๆนี่กันแน่

“อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานนายต้องรับฉันเป็นแฟน” ผมกระซิบบอกน้องหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกมา น้องสบตากับผมอยู่ได้แค่สองวิก่อนที่เขาจะก้มหน้าไปตักคาโบนาร่าเข้าปาก คาดว่าคงทำแก้เขินมากกว่า

“จะรอดูก็แล้วกัน” น้องบอกแล้วก็บ่นอะไรต่ออีกไม่รู้ในลำคอ ผมได้แต่มองเขาและยิ้มได้เพียงอย่างเดียว ไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไรมากไปกว่านี้แล้วครับ

ผมรักปากแดงๆที่กำลังยื่นบ่นงุบงิบอะไรในลำคอนั่น รักตาใสๆที่กำลังมองค้อนผมนั่นด้วย รักแก้มใสที่กำลังแดงกล่ำทั้งสองข้าง รักอิชิฮาระ ซัทสึกิที่กำลังเขินเพราะจูบของเราเมื่อครู่ รักมากจนอยากจะกลืนลงอกไปเลยจะได้ไม่ต้องให้ใครมาเจอกับความน่ารักของเขาแบบผม

อา...ผมรักน้องจังเลยครับ

เย็นนั้นผมรั้งน้องไว้ด้วยของหวานและอาหารค่ำสุดหรูครับ ถึงน้องจะกระฟัดกระเฟี้ยดแล้วบอกว่าเขาไม่ใช่คนเห็นแก่กินก็เถอะ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มานั่งจ้วงกินเค้กที่หมดไปแล้วครึ่งก้อนหน้าทีวีอยู่กับผมครับตอนนี้

“นายชอบดื่มไวน์หรอ?” น้องละจากเค้กมาถามผมในตอนที่ผมวางแก้ว น้ำผลไม้ให้เขาลงข้างๆ ผมเลิกคิ้วน้อยๆแล้วน้องก็พยักพเยิดไปทางแคนธีน

“เห็นมีตู้แช่ไวน์อยู่”

“ก็ชอบ พวกเพื่อนฉันก็ชอบ เลยต้องมีติดไว้” ผมบอกไปอย่างนั้นแล้ว น้อง ก็พยักหน้างึกงั่กตามคำพูดของผม คนดีเขากลืนเค้กที่เพิ่งตักเข้าปากไป ผมเลยเอื้อมมือไปเช็ดครีมที่เลอะอยู่กับกลีบปากบางของเขาให้

“งั้นฉันดื่มมั่งได้ป่ะ?”

ชิบหายแล้วครับ...น้องขอแบบไม่ทันให้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว ไม่ใช่ผมหวงไวน์หรืออะไรนะครับ แต่ผมกำลังตกใจที่น้องจะลุกขึ้นมาดื่มของมึนเมากันแบบนี้ นึกครึ้มอะไรกันนะคนดี จะให้โอกาสพี่มากเกินไปแล้วนะครับทูนหัว

“ได้สิ” ผมบอกแล้วก็มองรอยยิ้มของน้องแบบอึ้งๆ พอผมอนุญาต ซัทสึกิเขาก็ยิ้มเต็มแก้มแล้วขยับลุกขึ้นเดินไปยังตู้เก็บไวน์ของผมอย่างอารมณ์ดี

“ฉันดื่มขวดไหนก็ได้หรอ?” ซัทสึกิเขาหันมาโคลงหัวถามผมที่เดินตามมายืนอยู่ข้างๆเขา ผมพยักหน้าอนุญาตอย่างไม่ลังเล ถึงแม้ว่าในตู้นั้นจะมีโรมานี คอนติ ปี 1945 ของแท้ที่มีเพียงหกร้อยขวดบนโลกใบนี้ ซึ่งมีราคาแพงพอๆกับการถอยรถออกมาใหม่สักคันออกมาชนเล่นหรือชาโตเปตรุสปี 1921 ที่ราคาไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าน้องอยากดื่มผมจะเปิดให้น้องดื่มอย่างไม่เสียดายเลยครับ

น้องเอานิ้วไล่ไปตามชั้นวางไวน์ของผมครับ เขาโคลงหัวไปมาอีกรอบแล้ว ก็หันมามองหน้าผม

“ไม่ดื่มหรอก ถามไปงั้นแหละ” โธ่ทูนหัว อย่ามาให้ความหวังพี่แล้วจากไปแบบนี้ ผมรั้งแขนเขาไว้เมื่อคนดีทำท่าจะกลับไปหาเค้กของเขาต่อ

“ไม่ดื่มสักหน่อยหรอ?” น้องเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม มองหน้าผมสลับกับไวน์ในตู้ไปมา ผมกลั้นลมหายใจรอ ไม่อยากบอกครับว่ากับอิแค่ให้น้องดื่มไวน์เนี้ย หัวผมคิดไปไกลกว่านั้นมากแล้วครับ ภาพน้องยั่วผมเมื่อคืนมันยังติดตาอยู่เลย

“ดื่มก็ได้ นายเลือกมาสิ เอาแบบไม่ขมนะ” ผมเกือบหลุดหัวเราะกับคำสั่งของน้องแล้วครับ คนดี..ไวน์มันไม่ขมเหมือนเบียร์หรอกนะครับ

“ไวน์ไม่ขมหรอก นายอยากดื่มขวดไหนก็เลือกมาเลยแล้วกัน”

ไม่ไหวครับ ถ้าผมเลือกให้น้องแล้วล่ะก็ ผมต้องหยิบเอาเบลม็อธ[1]มาให้ น้องดื่มแน่ๆครับ มันก็เป็นไวน์ชนิดหนึ่งเหมือนกันแต่คนส่วนมากชอบคิดว่ามันเป็นเหล้าเสียมากกว่าไวน์ครับ

แต่ถ้าผมหลอกน้องดื่มเบลม็อธ น้องคงน็อคหลับตั้งแต่แก้วแรกแน่ๆ อย่าเสี่ยงดีกว่า คืนนี้ผมอยากหลอกล่อให้น้องดื่มพอมึน ดูสิว่าแมวน้อยของผมจะ ช่างยั่วพอๆกับตอนเมาหรือเปล่า

“งั้นเอาอันนี้” น้องชี้ฉับไปที่ขวดใสๆบรรจุดน้ำไวน์สีเขียวที่อยู่มุมล่างของตู้ทันทีเลยครับ ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องชี้ไปที่ขวดนั้น

“เยลโล่ เทล มอสกาโต้? มันไวน์ของผู้หญิงนะ เอาอันนี้หรอ?”

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 19 [Update : 7/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 17-06-2013 11:43:51
น้องขมวดคิ้วมองหน้าผมเลยครับ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่ไอ้มอสกาโต้ขวดนี้น่ะ ไอ้ยูมันเป็นคนซื้อมา มันบอกไวน์ดีกรีต่ำราคาพื้นๆแบบนี้เหมาะไว้มอมผู้หญิงให้มึนครับ ดีกรีของไวน์ขวดนี้มันมีแค่ไม่ถึงแปดเปอร์เซ็นต์ เลยไม่ถูกคอพวกผมเท่าไหร่ ปกติพวกผมดื่มกันส่วนมากที่สิบสี่เปอร์เซ็นต์กันเสียมากกว่า

“ไม่เอาก็ได้ ก็แค่เห็นว่าสีมันแปลกตาสวยดี” น้องสะบัดเสียงใส่ผมครับ ผมเลยยกมือขึ้นวางบนหัวเขาแล้วจับโคลงไปมาอย่างเอ็นดู คาดว่าน้องคงหงุดหงิด นิดหน่อยที่ผมบอกว่าไวน์ที่เขาเลือกมันเป็นไวน์ผู้หญิง คนแมนๆคนนี้น่าเอ็นดูจังเลยครับ เลือกไวน์จากสีที่ดูแปลกตาแบบนี้เป็นความคิดที่สมกับเป็นตัวเขาดีครับ

“เอาd’Yquem ขวดนี้ไหม มันออกรสหวานหน่อย นายน่าจะชอบ”

น้องผงกหัวแต่ไม่ยอมมองหน้าผมครับ

เย็นวันนั้นผมก็เลยหลอกล่อให้น้องออกมานั่งตรงข้างนอกระเบียงซึ่ง เป็นดาดฟ้าและมีสระว่ายน้ำอยู่โดยมีผ้าผูกตาเขาเอาไว้ครับ

ผมขู่น้องไว้ว่าห้ามเปิดตาจนกว่าผมจะอนุญาต ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วผมจะ ไม่สอนให้เขาดื่มไวน์ ซัทสึกิเลยนั่งแกว่งขาอยู่กับเก้าอี้ยาวตรงใต้ต้นไม้ข้างสระ ปล่อยให้ผมเตรียมสถานที่เซอร์ไพรส์เขาพลางพูดเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ซึ่งส่วนมากจะวิจารณ์อาหารที่กินไปวันนี้ครับ

สมองผมเปิดรับข้อมูลวิจารณ์ของน้องเอาไว้เผื่อคราวหน้า แต่โดยส่วนใหญ่แล้วน้องจะวิจารณ์ไปในทางบวกมากกว่าทางลบจะมีก็แต่เรื่องมอสกาโต้ขวดนั้นแหละครับที่เจ้าตัวบ่นอุบว่าเขาไม่รู้จริงๆว่าไวน์มันมีแบ่งประเภทชายหญิงด้วย

“จริงๆก็ไม่มีหรอก แต่มอสกาโต้ขวดนั้นส่วนใหญ่ผู้หญิงจะชอบดื่มกว่าผู้ชายเพราะมันดีกรีต่ำแค่นั้นแหละ” ผมบอกเขาเสียงนุ่มและเดินจูงน้องมา ซัทสึกิเขายอมเดินตามมาแต่โดยดี

“อ่อ ก็นายเล่นเรียกบอกว่าไวน์ของผู้หญิง ฉันก็นึกว่ามันแบ่งประเภทน่ะสิ”

ผมหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเขาครับ น้องเลยยกมือขึ้นมาต่อย อกของผมที่ถือโอกาสโอบแขนขึ้นมากอดเขาเอาไว้

“นายไม่รู้มันไม่ผิดหรอก ฉันอาจจะใช้คำชวนให้นายคิดผิดไปเอง แต่ไวน์ขวดนั้นมันรสชาติพื้นๆ ฉันอยากให้นายลองอย่างอื่นที่ดีกว่านั้น” น้องหน้าแดงกับคำพูดของผมด้วยแหละครับ เขาเม้มปากอยู่สองสามทีก่อนจะถามเสียงเบา

“แล้วนี่เปิดตาได้หรือยัง?”

ผมไม่ตอบเขาแต่เอื้อมมือไปกระตุกปมของผ้าออกและดึงผ้าทิ้งไปที่พื้น น้องกะพริบตาเบาๆก่อนจะหันมองไปรอบๆที่ผมสร้างบรรยากาศเอาไว้

เทียนหอมอโรม่าที่ซื้อมาไว้แต่ยังไม่เคยใช้ถูกจุดไว้ส่องให้แสงสว่างแทนหลอดไฟสีนวล น้องหันมองไปรอบแล้วยังไม่พูดอะไรออกมา ผมยืนกลั้นใจรอฟังคำพูดจากปากของเขาว่าชอบหรือเปล่า

“นี่นายสร้างสวรรค์ได้ด้วยหรอ?”

ผมหัวเราะในลำคอกับคำพูดของน้องเมื่อเขาหันมามองหน้าผมอีกครั้งผมรั้งเอวเขาแล้วพาเดินไปนั่งห้อยขาริมสระที่วางไวน์กับแก้วไว้

ตรงข้ามของพวกเราเป็นราวกั้นขอบดาดฟ้าที่เป็นกระจกเลยทำให้มองเห็นวิวของกรุงโตเกียวในยามค่ำคืนได้ ผมได้ยินเสียงน้องผิวปากดังวิ๊วก่อนที่เขาจะขยับขาตีน้ำในสระเล่นเบาๆพอไม่ให้มันกระเด็นขึ้นมาใส่ตัวเขาเอง

“ดูโรแมนติกดีจัง”

แววตาของน้องมันระยิบระยับยิ่งกว่าแสงเทียนอีกครับ ผมมองด้วยความหลงใหลก่อนจะรีบปรับสายตาแทบไม่ทันเมื่อแมวดื้อของผมเงยหน้าขึ้นมามองค้อน

“คงจะพาใครมาทำแบบนี้บ่อยๆล่ะสิ” ผมหัวเราะขื่นๆในลำคอ

“ไม่เคย..นายเป็นคนแรก” ผมบอกก่อนจะหันไปเทไวน์ลงแก้ว ซัทสึกิเอียงหน้ามองผมเทไวน์แบบจ้องเขม็งเลยครับ ผมเทไวน์เสร็จก็วางขวดลงและมองหน้าเขา น้องเบ้ปากใส่ผมได้น่าจับตีก้นมาก

“ไม่เชื่อหรอก”

โธ่คนดี..กับคนอื่นพี่ไม่ต้องมานั่งสร้างบรรยากาศแบบนี้หรอกครับ

“ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ดื่มหน่อยไหม?” น้องทำเชิดหน้าหรี่ตามองแก้วไวน์ที่ผม ยื่นให้ก่อนจะรับไป

“ชวนดื่มไวน์ นี่กะจะมอมกันหรือเปล่า?” เดาใจกันได้แม่นจริงๆ ผมเขยิบเข้าไปโอบมือวางไว้ข้างสะโพกของเขา แล้วกระซิบถามเขากลับไป

“อยากโดนมอมหรือเปล่าล่ะ?” น้องไม่ตอบครับ แต่มองค้อนผมก่อนจะ หันไปจิบอีเคมแล้วทำหน้าเคลิ้มนิดๆ

ทำยังไงดีครับ..ผมอยากฟัดกับน้องมากเลย

ยังไงคืนนี้พวกเราก็ต้องได้รักกันอีกครับ แต่มันจะต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปและน้องจะต้องสมยอมผมโดยไม่มีการบังคับเหมือนที่แล้วมาหรือไม่มีการเมาจนไร้สติแบบเมื่อคืน แค่คิดหัวใจของผมก็เต้นจนแทบระเบิดเสียแล้ว

ผมมันเป็นคนโลภมากครับ ครอบครองน้องเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ

แต่คืนนี้ผมจะทำให้เขาได้รู้จักและเรียนรู้ถึงความวาบหวามที่เกิดขึ้นเพราะความรัก ทำให้เขารู้สึกว่าสัมผัสที่ผมจะมอบให้กับเขามันเป็นเพราะ ความรู้สึกจากใจไม่ใช่แต่เพียงความต้องการของร่างกายเท่านั้น

ผมเงียบลงเมื่อน้องไม่ยอมพูดอะไรและเอาแต่จิบไวน์เข้าปากไป ตาของ ผมมองกลีบปากบางที่แตะอยู่กับขอบแก้วซึ่งไวน์ค่อยๆไหลผ่านเข้าไป แล้วก็พยายามหักห้ามใจเอาไว้ให้รอคอยอย่างใจเย็น ช่วงเวลานั้นผมเลยฮัมเพลงเบาๆกล่อมทั้งน้องและใจของตัวเองที่มันเต้น ไม่เป็นจังหวะไปด้วย น้องเริ่มโยกหัวไป ตามจังหวะเสียงฮัมเพลงของผมและแกว่งสองขาไปด้วย

ผมอาศัยช่วงจังหวะนั้นเบียดตัวเองเข้าไปชิดร่างเล็กของน้องมากกว่า เดิมจนกอดเขาเอาไว้หลวมๆ ผมเคลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้แก้มใส ชั่วจังหวะนั้น..ความน่ารักของน้องที่ไม่เคยปรานีผมมันก็วิ่งเข้ามาทำร้ายกัน

แพขนตายาวรับกับดวงตาสดใสของน้องมันสะท้อนเข้ากับแสงเทียน สีนวลไม่ต่างอะไรกับแก้มใสอมชมพูของเขา ริมฝีปากนุ่มของน้องมันอิ่มสวยน่ากดปากลงไปจูบเล่นจนมันเห่อช้ำมากครับ พอผมหยุดชะงักมองเขาด้วยความหลงใหล น้องก็หันมามองหน้าผม ผมมองตาเขาและขยับเข้าไปใกล้ จุดมุ่งหมายคือกลีบปากนุ่มๆที่จูบเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอครับ

“เฮ้ย!!”

ตู้ม!!

ไม่สำเร็จครับ...น้องผลักผมเต็มแรง แต่ผมไม่ยอมตกมาคนเดียวหรอกผมเกี่ยวเอวน้องไว้อยู่แล้วเลยรั้งให้เขาหล่นลงมาในสระพร้อมกัน

เสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้จุ๊บปากแดงๆของน้อง แต่คุ้มค่ามากครับงานนี้ เพราะพอเราร่วงมาในสระพร้อมกัน เสื้อเชิ้ตของน้องก็ตีขึ้นมาลอยกับน้ำ เอวของเขาที่ผมเกี่ยวไว้เลยเป็นเนื้อเปลือยๆแทนครับ

ทว่ามันก็ไม่ได้ดึงดูดผมมากพอกับท่าสำลักน้ำของน้อง เขาสะบัดหัวไปมาแล้วเสียผมไปมาเหมือนลูกหมาน้อยตกน้ำ ผมมองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ น้องทำตัวเองนะครับงานนี้

“หัวเราะอยู่ได้!! ขำอะไรนักหนา!!” น้องหันมาเล่นงานผมครับพอเห็นผมหัวเราะเขา ตาใสๆนี่ถ้าอยู่ใต้หลอดนีออนคงเห็นได้ว่ามันเขียวปั๊ดแน่นอน ผมกลั้น ยิ้มแล้วก็ประคองเขาให้ขึ้นมานั่งตรงริมสระ น้องฮึดฮัดแล้วก็สะบัดน้ำจากผมเขา ใส่หน้าผมที่แอบดึงเอาเสื้อเขาลงมาให้เรียบร้อย แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยครับเสื้อขาวพอโดนน้ำแล้วมันโปร่งใสทำลายสติการยับยั้งชั่งใจผมมากเลย

“กลัวฉันจูบนายหรือไง?”

“ใครกลัว!! เปล่ากลัวซะหน่อย!!....แค่ตกใจ” เหตุผลของน้องน่ารักเท่าโลกแบบนี้ พี่จะโกรธได้ที่ไหนกัน ผมเลยได้แต่ยิ้มอย่างเดียว แต่รอยยิ้มของผมคงไม่ถูกใจน้องเท่าไหร่เพราะคนดีเขายกขาขึ้นมาเหมือนจะเตะท้องผม ผมเลยขยับเข้าไปหาจนชิดไม่ให้มีที่ว่างที่เขาจะทำร้ายร่างกายของผมได้

“อย่าเข้ามาใกล้นะเว้ย!!” ห้าวจังเด็กคนนี้ แย่จังเลยครับ ตอนนี้ผมอยากจับเด็กห้าวคนนี้มาจูบให้ปากเจ่ออีกแล้ว นอกจากนี้แล้วก็อยากเห็นเด็กห้าวเขินจนตัวม้วนอีกด้วย ทำไงดีนะ?

“เซ็กซี่จัง~” ปากผมหลุดพูดออกไปตามที่ใจกำลังคิด น้องก้มหน้ามองตัวเองทันทีเลยครับแล้วเขาก็ทำตาโตเมื่อเห็นว่าผมกำลังกดสายตาลงต่ำมอง ความน่ารักของเขาตรงหว่างขาอยู่

“อย่ามองนะ!! บอกว่าอย่ามองไงโว้ย!!”

น้องโวยเสียงดังลั่นเอามือไปกุมตักเขาไว้แน่นเหมือนกับผมจะไปแย่ง ของเขามา โธ่ทูนหัว..ป่านนี้แล้วยังจะเขินอายอะไรกันอีกจ้ะ

“พูดไม่เพราะอีกแล้ว” จริงๆผมไม่ได้อยากดุน้องหรอกครับ แต่ก็ไม่รู้จะ พูดยังไงดี ปากมันร่ำๆจะเข้าไปประชิดส่วนที่น้องกุมเอาไว้ แสงเทียนรอบๆสระมันสะท้อนให้ผมเห็นทั่วร่างของน้อง งดงามมากครับภาพนี้ พอน้องเห็นผมจ้องเขาอยู่นานเขาก็เลยนึกหมั่นไส้เอามือขึ้นมาปิดตาผมเสียอย่างนั้น

“มองมากเดี๋ยวก็เรียกค่าเสียหายหรอก!!”

“เรียกมาสิ คำนวณบวกค่าสินสอดมาด้วยนะ” ผมสวนกลับไปทันที น้องทำหน้าเหวอกับคำหยอดของผมก่อนจะเม้มปากฉับ อาการเม้มปากของน้องตีได้สองความครับ คือหนึ่งไม่พอใจกับอีกหนึ่งคือกำลังเขิน

สถานการณ์แบบนี้บอกได้คำเดียวครับว่าน้องกำลังเขินแน่นอน!

“อย่ามาเกรียน”

“เกรียนที่ไหน เรียกมาสิอยากได้เท่าไหร่ พร้อมจ่ายสดงดเชื่อไม่ต้องทวงด้วย” ที่พูดมาเนี้ย..ความจริงจากใจพี่ล้วนๆเลยนะคนดี

“นายคิดจะจริงจังกับฉันหรือไง?”

สีหน้าน้องดูจริงจังขึ้นมาครับ พาให้ผมต้องจริงจังตาม ผมลูบแก้มของเขาเบาๆน้องก็ยังคงจ้องหน้าผมอยู่

“คำถามนี้ฉันเคยตอบไปแล้วนะ” ในรถตอนน้องเมาไง!

“ไม่รู้ จำไม่ได้ ตอบใหม่ดิ”

“ไม่ล่ะ ไม่อยากตอบ” ผมเลื่อนมือที่ลูบแก้มเขาลงมาจับมือเขาไว้และเกลี่ยนิ้วเล่นๆที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา อ่า...นิ้วน้องสวยจนอยากวิ่งไปออกแบบแหวนมาไว้ให้เขาใส่เล่นติดนิ้วนี้สักวงมากเลยครับ

“ไม่อยากตอบ แต่อยากพิสูจน์ นายอยากให้ฉันพิสูจน์ไหมล่ะ?” น้องแอบกัดปากด้วยแหละครับ คนดีเขามองผมแล้วเชิดหน้าชี้นิ้วไปที่กลางสระ

“ถ้าฉันขอให้นายดำน้ำสักหนึ่งชั่วโมงในสระนี้โดยไม่มีถังออกซิเจนเพื่อ เป็นการพิสูจน์ นายจะทำหรือเปล่า?”

ข้อเรียกร้องของน้องมันเป็นอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้วสินะ แต่พอผมหันมา มองหน้าเขา น้องก็ยิ้มเย้ยใส่ผม ผมเลยหรี่ตามองสีหน้าอวดภูมิของเขาที่มั่นใจว่า ผมคงทำไม่ได้แน่นอน เพราะงั้นอย่ามาปากดีว่าจะพิสูจน์ด้วยความกระหยิ่มในใจ

หนึ่งชั่วโมงใต้น้ำโดยไม่มีถังออกซิเจนน่ะ..ต่อให้เป็นเทวดาก็ยังยาก

แต่ถ้านานพอให้แมวดื้อคนหนึ่งตกใจเล่นได้น่ะ..

ริวซากิ เร็นไม่หวั่นอยู่แล้ว

ผมเหนี่ยวคอน้องลงมาจูบแรงๆทีหนึ่งเพื่อเรียกแรงฮึดก่อนจะปล่อยเขา ส่งสายตาจริงจังย้ำคำพูดให้น้องมั่นใจ

“ฉันจะทำ” น้องทำหน้าตื่นเมื่อผมบอกอย่างนั้น เขานิ่งค้างทำตาโตมองผมที่ถอยหลังเดินไปกลางสระและกดตัวลงให้ศีรษะมันจมลงมาใต้น้ำ

พระเจ้าครับ..ผมกำลังถูกเด็กดื้อที่น่ารักคนหนึ่งลองใจอยู่ ผมจะบาปมากไหมครับ..ถ้าผมคิดจะลองใจเด็กดื้อคนนี้กลับไปบ้าง

พระเจ้าครับ..ผมไม่เคยขอร้องอะไรท่านมาก่อนในชีวิตที่แสนเพอร์เฟคนี้ แต่วันนี้ผมมีเรื่องจะขออย่างหนึ่ง

ขอให้น้องรักผมได้ไหมครับ..

ไม่ต้องรักมากเท่าที่ผมรักเขาก็ได้ครับ...ขอแค่เขารักผมบ้างและให้โอกาสผมได้อยู่ใกล้ๆคอยดูแลเขา

เท่านี้...ผมก็พอใจมากแล้ว

.

.

“ริวซากิ เร็น!! ฉันขอสั่งให้นายขึ้นมา!!” เสียงของน้องกำลังเรียกชื่อผมอยู่..

เสียงของเขามันทั้งสั่นและตื่นตระหนก ผมควรจะขึ้นไปหรือยังนะ ถ้าผมขึ้นไปตอนนี้ น้องจะโกรธหรือเปล่าที่ผมอยู่ได้ไม่ครบชั่วโมง

“ไอ้บ้า!! ขึ้นมานะโว้ย!! เดี๋ยวก็ได้ตายก่อนจะรักกันหรอก!!”

ไม่ไหวแล้วครับ ใจมันวิ่งไปหาน้องก่อนกายเอาเสียแล้ว คำตะโกนของ น้องทำให้ผมสำลัก ร่างกายที่ตอนแรกคิดว่าจะต้านทานการขาดอากาศในน้ำได้มันก็หนักอึ้งขึ้นมา ผมเรียกแรงฮึดเพื่อที่จะโผล่ขึ้นผิวน้ำไปหาน้อง แต่ก่อนที่ผมจะ ทำอย่างนั้น แรงกระเพื่อมของน้ำทำให้ผมต้องหรี่ตามองดู

แสงไฟที่อยู่ก้นสระส่องให้เห็นภาพตรงหน้า ถึงผมจะหรี่ตาดูแต่ผมก็เห็นแล้ว...ร่างเล็กของน้องกำลังพุ่งเข้ามาหา น้องเอื้อมมือมาจับแขนของผมแล้วกระชากผมขึ้นจากน้ำ

หมดแรงจริงๆครับงานนี้...

ความดีใจมันดึงเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดของผมหายไปไหนแล้วไม่รู้ น้องโอบ มือเข้ากับซอกไหล่ของผมแล้วดึงผมไปริมสระ ผมปล่อยให้เขาพยายามดึงผมขึ้น จากสระด้วยความตื้นตันใจ

น้องกำลังช่วยชีวิตผมอยู่ครับ...

อา..ถ้าเขาเอาผมขึ้นจากสระได้ ต่อไปมันก็ต้องเป็นเวลาปฐมพยาบาล ใช่ไหมครับ..

งั้นผมจะแกล้งเนียนไม่ได้สติต่อก็แล้วกัน น้องจะได้ผายปอดให้ผม เราจะได้เมาส์ทูเมาส์กัน แค่คิดก็ใจเต้นแล้วครับ น้องจะต้องจูบผมก่อนนินา

น้องลากผมมาตรงบันไดริมสระ มือเล็กๆของเขาตบเบาๆกับแก้มของผม เสียงน้องดูจะตื่นกลัวไม่น้อย มันสั่นไม่แพ้มือของเขาเลยครับ

“เร็น!! ริวซากิ เร็น!! อย่าแกล้งสลบนะเว้ย!!”

คนดี..พี่ไม่ได้สติ น้องก็เมาส์ทูเมาส์สิจ้ะ...

ผมกลั้นใจรอริมฝีปากของน้อง..โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่จะมามันไม่ใช่

.

.

เพี้ยะ!!

พระเจ้าครับ...ท่านใจร้ายจัง ทำไมถึงให้น้องตบหน้าผมแบบนี้ ผมแทบสะดุ้งลุกขึ้นมา แต่ในเมื่อเนียนหน้าด้านมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอเนียนต่อเลยแล้วกัน

แต่หลังจากโดนน้องตบมาเต็มแรงแล้ว น้องก็ทำให้ผมสมปรารถนาด้วยการก้มลงมาผายปอดให้กับผมครับ

พระเจ้าครับ..ผมขอถอนคำพูดที่บอกว่าท่านใจร้ายนะครับ ^^

 -TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 20 [Update : 17/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 17-06-2013 13:06:01
เฮ้อ เรน กว่านายจะได้น้องมาอยู่ใกล้ตัว ช่างลำบากเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 20 [Update : 17/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 20-06-2013 15:06:47
Make Love (เร็นพาร์ท) – Chapter.8

 จริงๆเวลาคนจมน้ำเขาก็จะหมดสติแล้วก็แลกลิ้นกับคนที่ผายปอดให้ไม่ได้ใช่ไหมครับ แต่เผอิญผมเป็นคนจมน้ำกำมะลอ พอน้องประกบปากลงมาแบ่งอากาศหายใจให้ได้ ผมก็เลยจูบตอบเขาแล้วก็ยกมือขึ้นจับคอเขาไว้ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเขาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

น้องนิ่งให้ผมแลกลิ้นอยู่ได้ไม่ถึงสามวินาทีดีเขาก็ผละออกและทุบอกผมมาเต็มแรงรัก แรงทุบของน้องทำให้ผมสำลักจนตัวงอเลยดีเดียว แถมน้องยัง กระโดดลุกขึ้นยืนและตั้งท่าจะกระทืบเท้าลงซ้ำรอยทุบอีก ผมเลยต้องรีบลุกขึ้นมากอดเขาเอาไว้ก่อน

ซัทสึกิพยายามดิ้นให้ผมปล่อยเขาแต่ผมกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม ดูท่าว่างวดนี้น้องจะโกรธผมจริงครับ คนดีเขาถึงกับร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว

“เดี๋ยวสิซัทสึกิ!!” ผมกดคางลงกับไหล่ของน้อง เขาพยายามแกะมือของผมที่กอดอยู่รอบเอวของเขา ผมเลยต้องรวบมือเขาเอาไว้ด้วย

“ฉันขอโทษ..ฉันแค่อยากรู้ว่านายเป็นห่วงฉันบ้างไหมเท่านั้น”

ผมกดเสียงทุ้มบอกเขาอย่างอ่อนโยนอยู่ข้างหู น้องนิ่งลงและหันกลับมามองผม นัยน์ตาของเขาบอกผมอย่างชัดเจนว่าเขาโกรธผมมากแค่ไหน

“ต่อไปจะทิ้งให้ตายเป็นผีเฝ้าสระไปเลย!!” ผมรักคนขี้โมโหจังเลยครับ

“งั้นจะเป็นวิญญาณที่รอให้นายกลับมาปลดพันธนาการแล้วกัน”

“ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก!!”

คนดีสะบัดเสียงใส่ผมอีกรอบ แต่ทำไมหัวใจของผมมันพองโตขนาดนี้ระหว่างที่มองน้องยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง น้ำตามันยังคงไหลจากตาทั้งสองของน้องไม่หยุด ผมรั้งเขาไว้ให้เงยหน้ามามองผมแล้วเอ่ยถามออกไปจากความรู้สึก ของตัวเองที่ค่อนข้างมั่นใจ

“ซัทสึกิ...”

.

.

“ร้องไห้แบบนี้..? เพราะนายรักและเป็นห่วงฉันใช่ไหม?”

ใช่หรือเปล่าคนดี..ถึงได้เสียน้ำตามากขนาดนี้ตอนเห็นว่าพี่เกือบตาย

น้องทำหน้าเหวอใส่ผม เขาอ้าปากค้างแล้วกะพริบตาถี่ๆใส่ผมอยู่อึดใจหนึ่งก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาหยิกท้องผม

อา..ช่างเป็นการลงโทษที่แมนเหลือเกินเลยครับซัทสึกิจัง

“โอ๊ย!! มาหยิกกันทำไม ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ?”

“ไม่มีทาง!! ฉันไม่ได้รักนายแล้วก็ไม่ได้เป็นห่วงนายด้วย!!”

ทำเป็นพูดไป สองแก้มมันแดงปลั่งมากเลยนะครับซัทสึกิจัง น้องมุ่ยหน้าหนีผม มองแล้วอยากกลืนลงอกจริงจัง ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ความรักที่มีให้น้องมันล้นอกจนผมจะตายแล้วถ้าไม่ได้แสดงความรักให้เขารู้

“โอเค....ไม่ได้รักก็ไม่ได้รัก ไม่ได้เป็นห่วงก็ไม่ได้เป็นห่วง”

ผมเลื่อนสองมือที่กอดเอวเขามาประกบสองแก้มให้น้องกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง สายตาของน้องค่อยๆช้อนขึ้นมาสบตากับผม ผมเห็นความน่ารักอยู่ในความโกรธของเขา ซัทสึกิเหมือนแมวน้อยช่างขู่ พอโกรธทีก็ออกฤทธิ์อาละวาดแต่ยังไงแมวน้อยก็เป็นแมวน้อยครับ ผมรักเขาก็เพราะเขาเป็นแบบนี้

“งั้นมาเมคเลิฟกัน” คำนี้หลุดออกจากปากของผมไปเพียงเพราะอยาก เห็นแก้มของน้องแดงจัดกว่านี้ ถ้าให้สารภาพตามความจริงแล้วล่ะก็ ผมคาดหวังเล็กน้อยถึงปานกลางว่าให้น้องยอมตกลง..

แต่เชื่อเถอะครับ คนอย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิไม่มีทางตกลงหรอก น้องเบือนหน้าหนีผมด้วยเถอะตอนนี้

“หน่า...นะ” ผมโน้มลงไปหอมแก้มเขา เบียดไซร้ปลายจมูกสูดดมกลิ่น หอมหวานของแก้มใสนั้นเบาๆ ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนใจมันโดนกระชากขึ้นสู่ที่สูงในเวลาอันรวดเร็ว

“ก็ได้..”

โอ้! พระเจ้าครับ คืนนี้ท่านจะใจดีกับผมมากเกินไปหรือเปล่าครับ!

ด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า...(อันที่จริงมันเป็นความประสงค์ของผมมากกว่า) น้องยอมให้ผมคลายอ้อมกอดจากเขาเพื่อมาแกะกระดุมเสื้อของเขาออกได้ครับ

น้องเอนหน้าไปข้างๆ อวดแก้มใสที่มันแดงจัดใต้แสงเทียนให้ผมหอมซ้ำๆอยู่หลายครั้ง ผมประคองให้เขานั่งลงกับม้านั่งที่อยู่ริมสระก่อนจะเดินกลับไป หยิบเอาขวดไวน์และแก้วมาอีกครั้ง

พอกลับมา น้องก็เปลี่ยนท่ามานั่งทับขาแล้วพยายามดึงเอาชายเสื้อมา ปิดตักตัวเอง พอทำแบบนั้นแล้วเสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกๆนั่นมันก็เลื่อนหลุดจากไหล่มากองอยู่ที่ข้อแขนของเขา ผมพรมจูบเบาๆที่กระหม่อมเล็กขณะส่งแก้วไวน์ให้คนดีเขาถือและเทไวน์จากขวดรินให้

น้องเหลือบตามองผมแล้วทำท่าจะยกไวน์แก้วนั้นขึ้นดื่มเอง แต่ผมรั้งมือ เขาเอาไว้ คนดีมองอย่างสงสัยระหว่างที่ผมดึงแก้วจากมือเขาและเป็นฝ่ายจิบไวน์นั้นเอง เห็นผมเทไวน์ให้แต่กลับเอามาดื่มเองแบบนี้ คนดีก็ทำแก้มตูมใส่ผมครับ

เขาตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปหยิบแก้วไวน์อีกใบที่ผมไม่ได้หยิบมา แต่ผมก็จับแขนเขาไว้และดึงให้เขาลงมานั่งบนตักของผม ผมเบียดริมฝีปากลงกับ กลีบปากนุ่ม ป้อนเอาไวน์ที่ผมเพิ่งดื่มให้น้องก่อนเริ่มต้นและเล็มความหอมหวานที่ผมปรารถนา

ร่างของน้องกำลังสั่นน้อยๆ ผมแน่ใจว่ามันไม่ใช่เพราะอากาศเย็นๆยามค่ำคืนแน่นอน ผมลูบผ่านแผ่นท้องของเขาขึ้นมาตรงอกขาว ผมไล้ปลายนิ้วสะกิดเบาๆกับยอดอกสีสวย

น้องครางฮือเบาๆแล้วแหงนหน้ายอมให้ผมก้มลงไปไซร้กับคอระหง เหมือนน้องชอบให้ผมเล่นกับยอดอกเขาครับ เพราะยิ่งผมบี้นิ้วกับยอดอกน่ารัก ของเขา น้องก็ยิ่งเบียดสะโพกลงกับตักของผม

“เอาอีก..”

น้องบอกเสียงเบาแล้วกระตุกมือผม คราวนี้ผมไม่เสียเวลาเทไวน์ใส่แก้วแล้วครับ ผมหยิบเอาขวดไวน์ขึ้นมาเทใส่ปากตัวเองเลย น้องเผยอปากรอไวน์จาก ผมเหมือนรู้งานแล้ว ไม่รู้ว่าติดใจไวน์หรือว่าคนป้อนไวน์กันแน่

แต่ที่รู้แน่ๆคือน้องทำตัวมอมเมาผมได้ยิ่งกว่าไวน์ขวดไหนๆในโลกนี้ครับ

“เร็น~~เอาอีก..”

ดูสิครับ...เสียงหวานขนาดนี้ ถ้าคืนนี้ผมไม่เมาก็ไม่ใช่คนแล้วครับ

จนเราดื่มไวน์กันไปเกือบหมดขวดพอมองหน้าน้องอีกที คนดีก็แก้มแดงปลั่งทั้งสองข้าง ดวงตาหวานเชื่อมหรี่ปรือมากครับ น้องเมาง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าน้องแพ้แอลกอฮอล์หรือเปล่า อุตส่าห์ว่าจะแค่ให้เขาดื่มพอมึนเท่านั้นนะแต่ดูท่าแล้วจะไม่สำเร็จครับ

เห็นผมมองหน้าเขา น้องก็หลับตาพริ้มและยอมให้ผมเบียดจูบกับเขาอย่างดูดดื่มอีกครั้ง ลิ้นร้อนของผมไล้เลียไปตามกลีบปากเล็กซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะดูดเบาๆและได้รับการโต้ตอบแบบเดียวกลับคืนมาทันที

“ริวซากิ..เร็น...ทำไม...นาย....ชอบลามกใส่ฉันจัง?”

น้องถามด้วยเสียงอ้อแอ้เมื่อเราผละจูบจากกัน ดวงตาฉ่ำปรือมองหน้าผม คนดีลากปลายนิ้วตามแนวแก้มของผมก่อนเปลี่ยนมาคล้องสองแขนกอดคอผมไว้

“แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ?”

“ใครจะไปชอบ..” น้องค้อนแล้วทำปากยื่นน้อยๆก่อนจะตอบด้วยประโยคที่ผมอดเอ็นดูไม่ได้

“นาย....ลามกใส่ฉันทีไร ใจมันเต้นตึกตัก...เหมือนกับ...จะระเบิดเลย..”

ผมยิ้มอย่างเอ็นดูเขาก่อนดึงรั้งเขามากอดแนบอกและพรมจูบทับเปลือกตา น้องครางฮือในลำคอแล้ววางสองมือลงบนอกผม เขาเงยหน้ามาแล้วยิ้มหวานให้ผมที่มองเขาอยู่อย่างไม่อาจละสายตาได้

“เร็น...นาย...เป็น...คนแรกของฉันนะ...รู้หรือเปล่า?”

ผมเชื่อว่าน้องเมาแล้วเต็มที่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เอ่ยประโยคนี้ออกมา ซัทสึกิยิ้มให้ผมแล้วก็ก้มหน้าลง เสียงอ้อแอ้ของเขายังคงดังขึ้นเรื่อยๆแม้จะเป็นยามที่มือเล็กไล้ลงต่ำไปยังกลางกายของผม

“ถ้านายทำฉันเสียใจล่ะก็...”

ผมหยุดคำพูดของน้องไว้ด้วยริมฝีปากของผม ผมใช้สองมือประคองใบหน้าเขาไว้ ใช้จูบหวานปิดคำพูดที่ผมแน่ใจว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น

“ฉันจะไม่มีวันทำให้นายเสียใจหรอกซัทสึกิ”

ผมกระซิบบอกเขาก่อนที่เราจะเริ่มต้นบทรักที่หวานซึ้งเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งริมสระน้ำบนดาดฟ้าที่มีดวงดาวและดวงจันทร์กำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่...โรแมนติกใช่เล่นเลยจริงไหมครับ?

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับลูกแมวน้อยที่ยอมให้ผมล่วงล้ำเข้าไปรักเขาจากภายในร่างกายหรอกครับ น้องกัดริมฝีปากแล้วกอดผมไว้แน่นเมื่อผมขยับสะโพก ให้เขาคร่อมทับลงมารับผมไว้ในกาย

พอเขานั่งลงมาสวมทับความยาวที่ปรารถนาเขาไม่รู้จักพอแล้วน้องก็เริ่มต้นขยับอย่างเชื่องช้าโดยมีผมคอยกระตุ้นเร้าส่งอารมณ์รักให้และพาให้ผม แทบขาดใจเมื่อคนดีเขาเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักร้อนแรงในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง แรงขยับของน้องพาให้เราสุขสมอย่างที่ต้องการ แต่มันก็ไม่เท่ากับคำพูดสั่นเทาของ เขาที่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ข้างหูผม

“ริวซากิ เร็น...นาย...ต้องรักฉันนะ...”

คนดี..พี่รักซัทสึกิอยู่แล้วนะครับ รู้ตัวเสียทีสิครับ ที่รักของพี่...

เมื่อคืนที่ผ่านมานี่มันฝันหรือความจริงกันครับ..

ผมลองหยิกแขนตัวเองหลายๆครั้งเพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือผมฝันไปเองกันแน่ แมวดื้อตัวน้อยของผมยังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มข้างๆ ผมยก มือขึ้นลูบผมของเขาสลับจูบลงกลางกระหม่อมซ้ำๆกันด้วยความรู้สึกที่มันแน่น อยู่ในอก

ผมรักน้องเหลือเกินครับ โดยเฉพาะยิ่งผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนมา ผมก็ยิ่งแน่ใจว่าผมรักน้องและเลือกรักคนไม่ผิด ผมรักเขาที่เป็นอิชิฮาระ ซัทสึกิแบบนี้ เป็นเด็กงอแงเอาแต่ใจตัวเอง ขี้โวยวาย ห้าวๆและอ่อนไหว ผมรักทุกอย่างที่เป็นเขา

เมื่อคืนเรารักกันจนเกือบถึงเช้า น้องตอบสนองผมได้อย่างดีเยี่ยมจนผมเหมือนจะขาดใจตายคาอกน้องจริงๆ คนดีโหมดอ่อนไหวไปกับความรู้สึกที่เขาเริ่ม มีให้ผมนี่มันยากเกินบรรยายจริงๆครับ

ผมนอนชันศอกมองเขาได้พักใหญ่ จะให้ข่มตาหลับก็ทำไม่ได้ลงจริงๆ ครับ ผมอยากนอนมองน้องไปเรื่อยๆแบบนี้ แต่น้องชอบนอนคว่ำเลยทำให้ผมเห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่แต่ไม่นานนักน้องก็ขยับตัวยุกยิกแล้วก็ผงกหัวขึ้นมามองซ้ายมองขวาก่อนที่เขาจะหยีตามองหน้าผมที่นอนอยู่ทางขวาของเขา น้องย่นหน้าแล้วจ้องผมด้วยดวงตาหรี่ปรือจนเกือบปิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่ผมจะเอ่ยทักเขาไป

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าน้องละเมอหรือยังไง แต่พอผมเอ่ยทักไปน้องก็ผงกหัวรับคำทักทายยามเช้าของผมที่ขยับเข้าไปกอดเขาก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ผม แล้วดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวเขา

“หนาวหรอ?” เอาผ้าห่มไปคลุมโปงแบบนั้น...พี่ก็อดมองหน้าน้องสิจ้ะ

“แดดมันแยงตา”

น้องยื้อผ้าห่มที่ผมดึงออกไว้แล้วครางบอกเสียงเบา ผมสบถด่าตัวเองใน ที่ลืมปิดผ้าม่านกันแดดให้กับเขา เพราะผมไม่ได้หลับ สายตาของผมเลยคุ้นกับแสงแดดที่ส่องเข้ามาทีละน้อย แต่น้องหลับอยู่ ตาเขาเลยรับแสงตอนนี้ไม่ได้

ผมเอื้อมไปหยิบรีโมตมาและกดปิดม่านก่อนจะดึงผ้าห่มที่น้องเอามา คลุมศีรษะของเขาออก

“ไม่ต้องคลุมโปงแล้ว ปิดม่านให้แล้ว”

ผมบอกเขา น้องยอมให้ผมเอาผ้าห่มลงจากศีรษะให้ก่อนจะหันมาหรี่ตามองหน้าผม ตาของน้องมองผมอยู่ครู่หนึ่งอย่างงัวเงียก่อนมองลงมาที่มือของผมผมยักไหล่และวางรีโมตลงกับโต๊ะแล้วดึงเขาเข้ามานอนซุกอก

“หมั่นไส้ว่ะ”

ผมได้ยินเสียงน้องพึมพำแบบนั้นก่อนที่เขาจะลงเขี้ยวกับอกผม แนวฟันครูดไปกับยอดอกของผมก่อนที่เขาจะค้างและนิ่งไป

“อือ..ซัทสึกิ..”

จะรุกพี่แต่หัววันอีกแล้วหรอครับคนดี ไม่เอานะ รุกพี่เอามากๆสวัสดิภาพน้องจะแย่เอานะ แล้วมาใจกล้าดูดนมพี่แบบนี้ไม่กลัววันนี้จะถูกขังอยู่แต่บนเตียงหรือไงครับ

แต่ดูท่าผมจะคิดลึกไปคนเดียวครับ เพราะน้องค้างอยู่แบบนี้นานมาก..มากจนผมแน่ใจว่าเขาหลับไปทั้งๆที่ปากยังอยู่กับนมของผมอยู่เลยครับ

“เฮ้อ..” ผมถอนหายใจเบาๆพอที่จะไม่รบกวนการนอนของเขาก่อนจะ โอบแขนกอดเขา พยายามข่มตาให้หลับบ้าง แต่ขอบอกว่าการจะหลับโดยที่ปากของน้องยังคาอยู่กับอกนี่มันยากมากครับ คนดีเขาไม่เพียงแค่หลับอย่างเดียวเท่านั้น บางทีน้องก็ขมุบขมิบปากเขาสีกับอกผมไม่ก็ไซร้หน้าไปมา

กระตุ้นอารมณ์กันสุดๆ

ไม่เฉพาะปากเล็กๆของน้องเท่านั้นนะครับที่กระตุ้นอารมณ์ดิบของผม ไหนจะร่างนุ่มนิ่มกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆของเขาอีก มานอนโป๊กอดกันแบบนี้เครื่องติดง่ายจังครับ

ผมกอดเขาแน่นๆพลางสงบสติอารมณ์ตัวเอง แต่รู้สึกว่าน้องจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ครับ เขานอนขยับตัวอยู่ตลอดเวลา ขยับทีก็สีไปกับ ร่างกายของผม โดยเฉพาะขา..น้องขยับขาไปมาก่อนจะก่ายขาของผมทำให้ส่วนหน้าของเขากับผมมันเบียดกัน

อา..พระเจ้าครับ..

ได้โปรดประทานความยับยั้งชั่งใจให้ผมด้วยเถิดครับ..ผมยังไม่อยากจับน้องกดเลยในตอนนี้

ด้วยความเป็นคนดี ผมเลยดันไหล่น้องให้ออกห่างสักนิดแล้วกอดเขาไว้อย่างหลวมๆ แต่น้องไม่ให้ความร่วมมือกับผมเลยครับ เขาครางฮือในคอแล้วซุกศีรษะลงมากับอกของผมอีกแถมมือยังกอดเอวผมไว้แน่น

แย่ครับงานนี้...

ผมสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะดึงเอาหมอนข้างมาให้น้องกอดและลุกออกมาจากเตียง ไม่ไหวครับ...ขืนยังนอนให้น้องซุกอกอีกครั้ง ผมต้องจับเขากดอีกแน่ๆ

รักกับน้องเท่าไหร่ก็ไม่พอจริงๆครับ แต่วันนี้เห็นแก่สวัสดิภาพของเขาขนาดผมเองยังนึกเพลียน้อยๆถ้าหักโหมเกินกำลังมากไปดูท่าจะแย่ครับเลยตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าและเดินออกมาชงกาแฟที่แคนธีน

วันนี้คงต้องอาศัยคาเฟอีนกระตุ้นให้ลืมตาตื่นเอาสักหน่อย แต่หลังจากจิบไปไม่ถึงสองอึกผมก็ตัดสินใจวางแก้วลงและเอนหัวทิ้งลงกับผนักโซฟา ไม่ไหว ครับ..คาเฟอีนมันไปกระตุ้นให้ผมรู้สึกมึนในหัวมากเกินไป ช่วงสองสามวันมานี้ผมนอนน้อยกว่าปกติมาก แถมเมื่อเช้ายังโต้รุ่ง สังขารเหมือนจะไม่อิ่มเอมเหมือน จิตใจครับ

ไม่กี่นาทีจากนั้นผมก็หลับคาโซฟาไปด้วยความอ่อนเพลีย มารู้ตัวอีกทีก็คุณพ่อบ้านที่คุณมี๊ส่งมาดูมาสะกิดปลุกผมนั่นแหละครับ

“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะครับคุณชาย?”

ผมยกมือขึ้นมานวดขมับก่อนจะเงยหน้ามองคุณพ่อบ้านที่มองมาอย่างห่วงใย คุณพ่อบ้านเปลี่ยนถ้วยกาแฟที่ถูกวางไว้จนเย็นชืดมาเป็นโกโก้ร้อนให้กับผมแทน

“รับอาหารเช้าเลยดีไหมครับ?”

คุณพ่อบ้านถามพลางเหลือบมองนาฬิกาอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ อีกไม่กี่นาทีก็จะสิบเอ็ดโมงแล้ว เห็นสภาพของผมที่นอนหลับคอพับอยู่กับโซฟาแล้วก็คงจะพอเดาได้อยู่ว่าผมยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

“อืม..เป็นอเมริกันเบรกฟาสต์ก็ได้ ขอสองที่นะครับ”

ผมบอกก่อนจะขยับลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องนอน แมวน้อยของผมยังคงนอนขดอยู่บนเตียง น้องดึงผ้าห่มมาซุกม้วนไว้รอบตัวเหมือนเด็กขาดไออุ่นจนผมอยากลงไปนอนเป็นเพื่อนเขาแต่ต้องตัดใจและเดินเข้าไปแต่งตัวแทน

เดินกลับออกมาอีกที น้องก็ดูเหมือนกำลังจะตื่นขึ้นมาพอดีครับ ผมเลย เดินไปนั่งที่ข้างเตียง น้องงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง เขาพยายามลืมตาขึ้นแต่ก็หลับลงไปอีกหนทั้งๆที่ดันตัวลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว

ผมยิ้มกับความน่ารักของเขาแม้ยามง่วงก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงของเขาให้ แม้จะอยู่ในสภาพตอนตื่นแต่ก็น่ารักน่าฟัดมากครับ

“จะตื่นเลยไหม?..” น้องผงกหัวแล้วอ้าปากหาวพลางยกมือขึ้นมาปิดปาก เขาหันมาหาผมแต่ตายังไม่ลืม คงจับเอาว่าเสียงผมอยู่ด้านไหนมากกว่า

“หิวอ่ะ..มีไรกินมั่ง?”

“รอแปบหนึ่งนะ”

ได้ยินน้องบอกว่าหิวอย่างนั้นแล้ว ผมก็นึกดีใจที่คุณมี๊ส่งคุณพ่อบ้านมาหาผม ผมดึงน้องเข้ามาหอมแก้มเบาๆแล้วลูบหัวเขา คนดีเขาทำแก้มตูมแล้วหรี่ตาค้อนผมก่อนจะทิ้งหัวลงนอนต่อ

“เสร็จแล้วเรียกล่ะกัน” ผมปล่อยให้น้องนอนต่อไปอีกไม่ถึงสิบนาทีก็เดินออกมาหาคุณพ่อบ้านที่กำลังจัดจานอยู่ที่โต๊ะ คุณพ่อบ้านเก่งมากครับเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถจัดการกับอาหารเช้าให้ผมได้แบบไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

“แค่นี้ก็พอครับ ที่เหลือผมจัดการเอง” คุณพ่อบ้านเหลือบตามองดูผมก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

“แล้วเย็นนี้คุณชายจะให้ผมจัดอาหารมาให้ด้วยหรือเปล่าครับ?”

“ไม่ต้องแล้วกันครับ” เย็นนี้ผมยังไม่รู้ว่าน้องจะค้างที่คอนโดอีกคืนหรือจะกลับไปที่หอพักกันแน่ แต่ถ้ามาค้างที่นี่อีก ผมก็คงพาเขาไปทานอาหารข้างนอกให้เสร็จสรรพแล้วค่อยกลับเข้ามาดีกว่า

“เข้าใจแล้วครับ”

คุณพ่อบ้านบอกแล้วกลับออกไป เชื่อว่ายังมีภารกิจต้องกลับไปรายงานให้คุณมี๊ทราบแน่นอนว่าผมยังมีชีวิตอยู่ดีมีสุข เพราะตั้งแต่วันที่ผมผลุนผลันออก มาจากบ้านหลังจากเอาสภาพที่ดูไม่ได้กลับไปหาคุณมี๊วันนั้น ผมก็ยังไม่ได้ติดต่อกับคุณมี๊เลย คิดได้แล้วผมก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้หญิงที่รักผมมากที่สุด ในโลกนี้ทันที

รอปลายสายรับอยู่ไม่ถึงสองวินาทีดี คุณมี๊ก็กดรับทันใจผม ดูท่าแล้วก็คงจะรอสายจากผมอยู่ น้ำเสียงเป็นห่วงของคุณมี๊ทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ทีเดียวที่ ทำให้เธอเป็นห่วง

“ผมสบายดีครับ กับน้องก็เคลียร์แล้ว ขอบคุณคุณมี๊มากนะครับ”

คุณมี๊เอาแต่ถามว่าผมสบายดีใช่ไหม เคลียร์กับน้องแล้วหรือยัง แล้วน้องล่ะเป็นยังไงบ้าง เราสองคนคุยกันไปอีกไม่กี่นาทีก่อนที่คุณมี๊จะไล่ให้ผมเอาอาหารเช้าไปให้น้องเมื่อผมบอกว่าน้องตื่นแล้วและโอดว่าเขาหิวทันทีที่ตื่น

“เร็น..คุณมี๊รักลูกนะคะ แล้วก็รักคนที่ลูกรักด้วย ดูแลตัวเองกับน้องด้วย นะ อ่อแล้วก็อย่าลืมพาน้องมาหาคุณมี๊นะคะ”

ผมซึ้งใจจังเลยครับความรักและเป็นห่วงของคุณมี๊ที่มีให้เสมอแถมยัง เผื่อแผ่ไปหาน้องที่คุณมี๊ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอีกด้วย แต่คุณมี๊มักพูดเสมอตั้งแต่ผมตัดสินใจเล่าเรื่องน้องให้คุณมี๊ฟังว่าคนที่ทำให้ผมตกหลุมรักได้ขนาดนี้มีหรือที่คุณมี๊จะไม่รัก ในเมื่อผมตัดสินใจที่จะรักแล้ว คุณมี๊ก็จะรักคนที่ผมรักเหมือนกัน

“ครับ ผมก็รักคุณมี๊เหมือนกันครับ ไว้อีกวันสองวันผมจะพาน้องเข้าไปหาคุณมี๊นะครับ คุณมี๊จะได้เจอหน้าว่าที่ลูกสะใภ้เสียที”

คุณมี๊หัวเราะเสียงใสเหมือนสาวแรกรุ่นมาตามสายเลยครับ คงจะอารมณ์ดีไม่น้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณมี๊ก็บ่นอยู่ทุกครั้งว่าอยากเห็นน้องตัวจริงมากกว่ารูปถ่ายที่ผมให้ดู

คุณมี๊บอกน้องน่ารัก ขนาดรูปถ่ายยังดูสดใสน่ารักแบบนี้ ตัวจริงที่ทำให้ผมหลงได้นี่คงจะต้องน่ารักกว่ารูปถ่ายแน่ๆ ผมเลยได้แต่ยิ้มเพราะเห็นด้วยกับคุณมี๊ทุกประการ

บอกรักบุพการีเสร็จแล้วผมก็ถึงคราวที่ต้องไปเอาใจน้องบ้างแล้วครับ ผมยกเอาจานอาหารเช้าใส่ถาดและเอาไปเสิร์ฟให้น้องถึงเตียง คนดีงัวเงียเล็กน้อยตอนผมยกเอาโต๊ะขึ้นมาวางบนเตียงและปลุกเขาขึ้นมานั่งทานอาหาร

น้องนั่งมองผมป้ายน้ำผึ้งลงกับขนมปังปิ้งและบิเป็นชิ้นเล็กป้อนใส่ปากเขาด้วยความงัวเงีย อีกมือน้องก็เขี่ยเบค่อนตัดเป็นชิ้นพอคำก่อนจะกินสลับกันไป กินไปได้สักพักก็เหมือนเขาจะตื่นเต็มตาแล้ว

“อาหารพวกนี้นายทำเองหรอ?”

น้องจิ้มแฮมค้างแล้วจ้องหน้าผมที่กำลังตัดไข่ดาวให้เขา พอผมส่ายหน้าแล้วบอกไปว่าคุณพ่อบ้านทำให้น้องก็เบ้ปากใส่ผม

“เว่อร์ว่ะ แค่อาหารเช้าง่ายๆแบบนี้ ทำเองไม่เป็นหรือไงกัน?”

“ถ้าทำเป็นก็คงไม่ให้พ่อบ้านทำให้หรอก”

น้องโคลงหัวไปมาก่อนจะหันไปจัดการกับแฮมที่เหลือในจาน ปล่อยให้ ผมนั่งมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่เหมือนโดนกระชากเรตติ้งให้ตกลง

คราวหน้า...ผมคงต้องหาทางจัดการมื้อเช้าให้กับน้องด้วยตัวเองเพื่อกระชากเรตติ้งขึ้นมาเสียแล้วสิ...

หลังจากนั้นก่อนบ่ายสองผมก็พาน้องไปส่งที่คณะของเขา ซัทสึกิมีเข้าคลาสเรียนต่อบ่ายสองครึ่ง ผมเองก็มีเรียนตอนเวลานั้นเหมือนกัน

พอส่งน้องเสร็จผมก็ขับรถไปจอดที่คณะของตัวเองอย่างอารมณ์ดีความอารมณ์ดีของผมมันคงไปกระตุ้นต่อมอิจฉาของไอ้ยูกับไอ้จุนเข้า สองตัวนั่น เลยต้องถลาเข้ามาล็อกคอผมคนละข้างทันทีเมื่อเห็นหน้า

“อารมณ์ดีจังนะครับมึง”

“ไอ้สีหน้าบอกบุญไม่รับนี่มันหายไปไหนแล้ววะครับ?”

“พวกคุณพูดอะไรกันครับ ผมไม่รู้เรื่อง” ผมตอบกลับไปโดยไม่คิดที่จะหุบยิ้มของตัวเอง ไอ้ซึงโฮที่เดินคู่กับโคเฮย์มาสมทบพวกเรามันส่ายหน้าช้าๆแล้วกระตุกยิ้มมุมปากโดยไม่งัดเอาภาษาญี่ปุ่นออกมาพูด

“กูว่า...อีหรอบนี้ คืนดีกับน้องแล้วสิมึง” ผมยักไหล่และอมพะนำเรื่องไว้ให้ต่อมความอยากรู้ของยูตะมันระเบิดตัวเอง

“เวลามีความสุขล่ะอมพะงำเงียบเลยนะครับเพื่อนกู แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”

ผมหัวเราะลงลูกคอกับคำด่าของไอ้ยูอย่างไม่คิดจะถือสาหาความหรือจะอธิบายความสุขที่มันกระจายอยู่บนใบหน้าของผม

“เอาหน่า..เรื่องของกูเอาไว้ก่อน ว่าแต่มึงเหอะไอ้ยู คิดจะคั่วมาโดกะจริงอ่ะ?” ผมเปลี่ยนประเด็นไป จริงๆก็อยากเล่าให้พวกมันฟังครับ แต่เกรงว่ามัน จะยาวเกินเวลาเข้าเรียนไปเสียก่อน

แล้วอีกอย่าง...ไว้รอให้หวานกว่านี้แล้วค่อยมาเล่าหรือให้พวกมันเห็นกับ ตาเลยดีกว่า ไอ้ยูได้ยินคำถามของผมแล้วก็ยักไหล่

“ก็แค่คั่ว..แต่ไม่คลุกวงใน”

ไอ้จุนมันพูดแทรกขึ้นมาทำให้ไอ้ยูที่อ้าปากต้องหุบปากลงอีกที มันทำปากยื่นใส่คู่หูเลยโดนมือของไอ้จุนเสยไปให้หุบปากของมัน ผมหรี่ตามองอย่างพอจะเดาได้อยู่ว่าเพราะอะไร ผมหัวเราะหึหึในลำคอ เรื่องปั่นหัวผู้หญิงเล่นนี่คงต้องยก ให้พวกมันล่ะครับ

“ว่าแต่เรื่องที่กูวานให้ช่วย ได้ความว่าอะไรบ้างไหมไอ้จุน?”

คนถูกถามมันยักไหล่ใส่ผมครับ เป็นอันจบบทสนทนาทั้งหมดก่อนเข้า เรียนไว้แต่เพียงเท่านี้ พวกเราคุยกันต่ออีกนิดหน่อยถึงรายงานของเทอมนี้ก่อนที่จะไปเข้าเรียนกัน

ขอบอกตามตรงเลยครับว่าถึงผมจะตั้งใจฟังชดเชยให้กับที่ไม่ค่อยจะตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่ในอาทิตย์นี้ แต่สมาธิของผมก็ถูกรบกวนอยู่เรื่อยๆเพราะ นึกถึงความน่ารักของน้องเมื่อคืน ทำเอาไอ้เฮย์มันต้องหันหน้ามาแซวอยู่เรื่อยๆเมื่อเห็นผมพลิกนาฬิกาข้อมือดูแทบทุกห้านาทีระหว่างฟังอาจารย์เล็คเชอร์อยู่

"เข้าเรียนยังไม่ทันจะครึ่งชั่วโมงเลยนะครับคุณชาย หน้าตาแบบนี้อยากไปรับน้องกลับไปจู๋จี๋เต็มแก่ล่ะสิ”

ผมกระตุกยิ้มให้กับความรู้มากของมันก่อนจะหันกลับไปตั้งใจเรียนอีกหน...เท่าที่สมาธิของผมที่มีความน่ารักของน้องมากวนตลอดเวลามันจะอำนวย

เมื่อช่วงก่อนที่ผมจะเจอน้อง ตามปกติแล้วหลังจากเรียนเสร็จผมก็มักจะ ไปขลุกอยู่กับพวกเพื่อนตัวร้ายของผมหรือไม่ก็จีบสาวจีบเด็กว่ากันไป แต่หลังจากเจอน้องแล้ว หลังเลิกเรียนผมก็มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตามน้องแบบ เนียนๆไม่ให้เขารู้ตัว แต่เพื่อนรักของเขามักจะรู้ตัวทุกทีให้ตายเถอะ

วันนี้ผมเลยค่อนข้างจะตื่นเต้นไม่น้อยกับการจะได้ไปรับน้องที่คณะครับ ออกจากห้องเล็คเชอร์มาได้ผมก็เดินตัวปลิวไปที่รถ ไม่ฟังเสียงขัดขาของไอ้ยูที่พยายามจะชวนไปสังสรรค์ต่อคืนนี้ ไปเมากับพวกมันสู้เอาเวลาไปนอนกอดน้องไม่ดีกว่าหรอ

ผมเลื่อนรถไปจอดหน้าคณะของน้องแล้วลงมารอน้องที่ตรงข้างบันไดซึ่งน้องจะต้องเดินผ่านเพื่อออกจากตึกไป คอยอยู่ได้ไม่ถึงสองนาทีก็มีคนตรงดิ่งมาหาผม อย่าเพิ่งเข้าใจว่ามีสาวใดเดินมาหาผมนะครับ คนที่เข้ามาหาผมคือเอมิ ญาติผู้น้องคนสวยของผมที่เรียนคณะเดียวกับน้องน่ะเอง

“ไง~มายืนหน้าบานรอกันแบบนี้..ไอ้ที่ลือกันว่าเตียงจะหักภายในสามวันนั่นก็โกหกอ่ะสิ”

ผมขมวดคิ้วใส่ยัยตัวแสบก่อนจะยกมือขึ้นดีดหน้าผากไปทีหนึ่งด้วย ความมันเขี้ยว

“ไม่ต้องพูดมากเลย ว่าแต่ของที่สั่งไปเมื่อเดือนที่แล้วเรียบร้อยหรือยัง?”

เมื่อเดือนที่แล้วผมฝากให้ยัยตัวแสบเอาแบบต่างหูที่ผมออกแบบเองไป สั่งช่างทำให้ครับ ทางฝั่งบ้านคุณมี๊ทำธุรกิจเกี่ยวกับจิลเวอร์รี่ครับ เรื่องการออกแบบเครื่องประดับอะไรพวกนี้ผมก็พอจะได้พรสวรรค์มาจากคุณมี๊มาบ้าง แต่ก็ไม่เท่า กับเอมิที่ได้พรสวรรค์นี้มาจากคุณน้าผู้หญิงเต็มๆ

“เรียบร้อยทันวันเกิดรุ่นพี่ซัทสึกิแน่ๆน่ะไม่ต้องเป็นห่วง”

ยัยเอมิพูดแล้วยิ้มกว้างให้ผมแบบนัยน์ตาแพรวพราวรู้ทันกันก่อนที่ผมจะหันไปเห็นน้องเดินมากับสองเพื่อนซี้ของเขาเลยไล่เอมิให้หลบไปก่อน

“ชิส์..ได้แฟนแล้วลืมน้องอ่ะเนอะคนเรา”

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 20 [Update : 17/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 20-06-2013 15:07:55
ยัยตัวแสบทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนของตัวเองแต่ก็ยังคงมองมาอยู่ ผมจิ๊ปากให้ทีหนึ่งแล้วเดินไปหาน้อง ซัทสึกิเดินหน้ามุ่ยมาพอเห็นผมแล้วเขาก็ทำหน้าหงิกกว่าเดิม

นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นอีกล่ะนี่?

“ฉันมารับนายกลับด้วยกัน”

น้องเหล่ตามามองผมแล้วก็ก้มลงมองมือที่เขาจับชายเสื้อของไดสุเกะคุงไว้ ผมหันไปมองหน้าไดสุเกะคุงกับเคนอิจิ สองคนนั้นก็เอาแต่ยิ้มอมภูมิเสียเต็มแก้มพาให้ผมนึกสงสัยมากขึ้นไปอีก

“จะกลับกะไดจัง”

น้องพูดเสียงเบา แต่ผมยอมไม่ได้หรอกครับ จะให้ผมกลับไปคนเดียว แบบนี้ได้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกแน่

“ฉันว่าจะแวะไปดูหนังกับเคนอิจินะ”

“ไปด้วย...”

“จะไปดูอินซิเดียสนะ ซัทจังจะดูอีกรอบหรอ? เพิ่งดูกับรุ่นพี่ไปวันก่อนไม่ใช่หรือไงกัน? ซัทจังกลับไปกับรุ่นพี่น่ะดีแล้ว อ่อว่างๆก็ซ้อมบทให้รุ่นพี่ด้วยนะ”

ระฆังช่วยครับ ไดสุเกะคุงบอกเหมือนรู้ใจผม แถมยังหลิ่วตามาให้อีก ผม ได้แต่ลอบยิ้มให้กับความรู้ใจของไดสุเกะคุง แต่ดูเหมือนน้องจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ คนดีหันมาทำหน้าหงิกใส่ผม

“ไป!! กลับ!!” คนดีเขาบอกอย่างนั้นแล้วผมจะขัดใจได้ที่ไหนกันล่ะครับนอกจากจะยิ้มแล้วเดินตามแรงลากของน้องไป ซัทสึกิจังโหมดงอแงเงียบๆนี่น่ารักมากครับ แต่จะน่ารักกว่านี้ถ้าผมรู้ว่าน้องกำลังโยเยเรื่องอะไรอยู่...

อา...ผมจะเอาใจน้องแบบไหนดีนะ

“คิดอะไรอยู่หืม?..คิ้วขมวดเชียว” ทันทีที่ขึ้นรถผมก็เอี้ยวตัวมาถามแล้วใช้ปลายนิ้วแตะลงกับหัวคิ้วของเขา น้องยกมือขึ้นมาแตะแล้วเบะปากคว่ำใส่ผม ก่อนยอมเปิดปากเล่าถึงต้นตอให้ฟัง

“ละครเวทีปีนี้...ทำไมถึงมีชื่อนายเล่นด้วยล่ะ?”

โอเคครับ..ผมพอจะเดาได้แล้วว่าน้องกำลังจะโยเยเรื่องอะไร ผมออกรถแล้วยกมือขึ้นมาผลักศีรษะของน้องที่หันมาจ้องผมเบาๆ

“มิซึรุขอให้ช่วยน่ะ”

ผมบอกสั้นๆ ไม่ได้บอกเบื้องลึกเบื้องหลังมากไปกว่านั้น แต่ก็ยังดีที่น้องหยุดคำถามเอาไว้เพราะเสียงท้องร้องของเขา ผมหลุดขำเบาๆเมื่อได้ยินเสียง เลยถูกน้องชกเข้าที่ต้นแขน

“ขำอะไร!! ก็คนมันหิวนี่!” น้องสะบัดเสียงใส่ผม ได้ยินเสียงสูงๆของน้องแล้วคนที่หัวใจอ่อนแอตลอดเวลาอย่างผมเลยต้องรีบพาน้องไปร้านอาหารโดยเร็วก่อนที่ความหิวจะทำให้น้องงอแงมากขึ้นกว่านี้

“เคยกินอาหารไทยมาก่อนไหม?” น้องสั่นหน้าแทนคำตอบก่อนจะเดิน นำผมเข้าไปในร้านอาหารไทยที่ผมพาเขามา บรรยากาศที่ตกแต่งให้ดูคล้ายกับบ้านเรือนไทยทำให้น้องหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆแล้วทำปากรูปตัวโอเมื่อสายตาหันไปเจอช้างแกะสลักตัวขนาดเกือบเมตรที่ตั้งอยู่ทางขวาของเรา

“บรรยากาศแปลกตาดีจัง” ผมยิ้มให้กับคำพึมพำของน้องก่อนจะแตะมือ ลงกับบั้นเอวของเขาพาเดินเข้าไปข้างในเมื่อคุณพนักงานในชุดไทยออกมาต้อนรับพวกเรา พวกเราได้มุมนั่งที่จะเห็นสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่ด้านข้างเรือน

ดูเหมือนน้องจะชอบใจไม่น้อยเพราะหลังจากสั่งอาหารกันเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็ยื่นโทรศัพท์ของเขามาให้ผมถ่ายรูปเขากับรูปปั้นนกยูงที่เขาวางประดับ เอาไว้ด้วยอีกต่างหาก

“ถ่ายหล่อๆนะ” ผมอมยิ้มกับคำสั่งของน้อง ไม่อยากบอกเลยครับว่ามองมุมไหนก็เหมาะกับคำว่าน่ารักมากกว่าหล่อนะคนดี

กว่าอาหารจะมาเสิร์ฟผมก็เป็นตากล้องถ่ายรูปให้น้องไปมากกว่าสิบรูปครับ แอบนึกเสียดายรู้แบบนี้ผมน่าจะเอากล้องคู่ใจติดรถมาด้วยก็ดี

พออาหารเต็มโต๊ะน้องก็กลับมานั่งประจำที่แล้วเริ่มต้นตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารอย่างน่าเอ็นดูมากครับ เขาตักชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อยทุกอย่างแล้วก็เอ่ยปากชมบ้างติบ้าง อันไหนบอกว่าอร่อยเขาก็จะตักจ้วงกินเยอะเป็นพิเศษ

“ไอ้นี่อร่อย..แต่เผ็ดจัง”

น้องชี้ไปที่ต้มยำกุ้งแล้วแลบลิ้นแสดงอาการเผ็ดออกมา

ผมนึกขอบคุณตัวเองที่สั่งของหวานมาเผื่อไว้ให้เขาแก้เผ็ดเลยได้ตักป้อน ให้เขา ป้อนอยู่สองสามคำน้องก็ดึงเอาถ้วยบัวลอยไปทานต่อเอง

“ร้านนี้อร่อยดีไว้วันหลังพามากินอีกนะ”

น้องเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราจ่ายเงินกันเสร็จสรรพ ผมชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะยิ้มที่มุมปาก...

พามากินตลอดชีวิตก็ได้..พี่ยินดี

หลังจากทานอาหารไทยกันอิ่มหนำแล้ว ผมก็พาน้องกลับหอครับ คนดี บอกว่าคืนนี้อยากกลับไปนอนที่หอมากกว่าไปที่คอนโดของผม เขาบอกว่าจะอ่าน บทละคร ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจจะได้ถามมิซึรุเลย

ผมที่ยินดีตามใจเขาเสมอก็เลยขับรถมุ่งตรงกลับไปยังหอพักของเราแทนที่จะกลับไปยังคอนโดของผมอย่างที่แอบคิดไว้ในตอนแรก ถึงจะเสียดายนิดหน่อยที่คืนนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็เถอะ แต่ทำไงได้ครับ เกิดเป็นริวซากิ เร็นไม่ตามใจอิชิฮาระ ซัทสึกิแล้วจะเกิดมาทำไม..จริงไหมครับ?

“ขับช้าจริง เหยียบให้ไวกว่านี้เป็นหรือเปล่า?”

ออกจากร้านมาผมก็เลี้ยงความเร็วไว้ที่สี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ ก็ไม่อยากจะสารภาพล่ะนะครับว่าผมจงใจขับช้าเพราะอยากยืดเวลาอยู่กันสองต่อ สองกับ(ว่าที่)แฟนนิครับ แถมบรรยากาศตอนนี้กำลังดีสุดๆ กินอิ่มๆกันแบบนี้น้องเลยไม่งอนไม่งอแงไม่โยเยแล้วด้วยอีกต่างหาก

“ทำไม? อยากรีบกลับหรอ?”

น้องทำเสียงอือในลำคอแล้วยกมือขยี้ตา โชคดีเป็นของผมมากครับที่ ตอนนี้เป็นไฟแดง ผมเลยได้มีโอกาสเห็นท่าขยี้ตาของน้อง เล่นเอาหัวใจกระตุกเลยครับ เด็กอะไรน่ารักขนาดนี้ ว่าแต่กินอิ่มแล้วก็ง่วงนอนทันทีแบบนี้ คืนนี้จะได้อ่าน บทกันหรอครับซัทสึกิจัง

“อือ..อยากกลับไปอาบน้ำ” น้องบอกเสียงงัวเงียเชียวครับ ผมว่าน้องอยากนอนมากกว่าอาบน้ำนะครับจุดนี้แต่ก็อดเย้าไม่ได้

“ใจเดียวกันเลย อย่างนั้นอาบด้วยกันเลยก็แล้วกัน” คราวนี้ความงัวเงีย ของน้องถูกสลัดไปทันทีเลยครับ คนดีหันมาจ้องผมตาเขียวแล้วแลบลิ้นใส่

“จ้างให้ก็ไม่อาบด้วยหรอก!” เสียงสูงจริง พี่จะคอยดูก็แล้วกันนะครับ

พอเรามาถึง น้องก็เดินลงจากรถตัวปลิวไปไม่ยอมคอยผมอีกแล้วครับ ผมเลยรีบเดินตามติดไปก่อนที่น้องจะชิ่งหนีเข้าไปอาบน้ำคนเดียว ไม่ได้ครับ คืนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้ว ถ้าพลาดอาบน้ำกับน้องอีกมันคงจะเป็นคืนที่ แห้งเหี่ยวเกินไปครับ ผมจ้ำตามน้องมาทันก่อนที่คนดีจะงับประตูห้องน้ำลง

“ปล่อยดิ๊!” น้องย้ำประตูไว้ผมเลยต้องรีบเอาตัวแทรกเข้าไปก่อนที่น้องจะจัดการกระแทกประตูงับนิ้วผม ซัทสึกิทำหน้านิ่วอย่างขัดใจก่อนพยายามเดิน หนีออกจากห้องน้ำไปแต่ก็ทำไม่ได้เพราะผมยืนพิงประตูห้องน้ำเอาไว้

“มาเร็ว อาบด้วยกันจะได้เสร็จไวๆ จะได้ไปนอนอ่านบทกันไง”

ผมตะล่อมน้อง ซัทสึกิทำปากเป็ดใส่ผมแล้วพึมพำอะไรในลำคอที่จับใจความได้ว่าคงจะด่าผมอยู่ ผมเลยเนียนใช้ช่วงจังหวะนั้นเข้าไปกอดเขาไว้แล้วเริ่มถลกเสื้อเขาถอด น้องพยายามจะถ่องศอกใส่ท้องผมแต่ก็ต้องพยายามดึงเสื้อกลับลงมาไปด้วย ผมเลยไซร้จมูกเข้ากับแก้มนุ่มของเขา ฉวยโอกาสหอมแก้มเขา เต็มแรงอย่างชื่นใจแล้วกระซิบ

“โวยวายเสียงดังเดี๋ยวคนอื่นได้ยินนะ” น้องหยุดนิ่งทำตัวแข็งเลยครับ งานนี้ สบโอกาสดีที่ผมจะปอกเปลือกเขาออกจนเหลือแต่ร่างขาวๆน่าหม่ำ

“บอกไว้ก่อนเลย แค่อาบอย่างเดียวเท่านั้นนะ! แค่อาบน้ำอย่างเดียวเท่านั้น!!”

น้องรีบยกนิ้วชี้หน้าผมแล้วทำเสียงขู่ฟ่อๆเหมือนลูกแมวทั้งที่หน้าแดงจัดเหมือนลูกมะเขือเทศทันทีเลยครับ โดนดักทางแบบนี้แย่จังเลยครับ ผมกลอกตาไปมาแล้วเอาลิ้นกระทุ้งกระพุ้งแก้มตัวเอง ใช้ความคิดว่าจะเอายังไงดี น้องก็รีบพูด ต่อจนลิ้นเกือบพันกัน

“เข้าใจหรือเปล่า! สัญญาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นก็ออกไปเลย!”

นิสัยเด็กจริงๆครับ ซัทสึกิเขาชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้ผมเกี่ยวสัญญา ไอ้คนที่ หลงรักเด็กหัวปลักหัวปลำอย่างผมก็ต้องยอมทำอะไรเด็กๆตาม (อีกนัยหนึ่งคือ น้องคว้ามือผมไปเกี่ยวก้อยกับเขาด้วยครับ เห็นท่าน่ารักแบบนี้เลยต้องจำยอมอย่างหมดใจ)

ผมเลยต้องทำตามสัญญากับเขาด้วยการอาบน้ำเพียงอย่างเดียว จะมีก็แอบลวนลามน้องบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย ซึ่งมันทำให้ผมโดนน้องตีไปอยู่หลายรอบ แต่ก็คุ้มเกินคุ้มครับ

อาบน้ำเสร็จแล้วเราก็มานอนอ่านบทที่ได้กันมา ผมออกอุบายนิดหน่อย คือไปแย่งหมอนของน้องมากองหนุนหลังตัวเองครับ คนดีที่พอเดินกลับมาแล้ว เจอผมนอนเอกเขนกอ่านบทอยู่บนเตียงที่ไม่เหลือหมอนให้เขาก็ปีนเตียงขึ้นมานั่งคุกเข่าข้างๆแล้วยื้อเอาหมอนที่ผมใช้หนุนหลังอยู่

“เอาหมอนมาใบหนึ่งดิ๊!” อา..น้องน่ารักจังเลยครับ เขาทำแก้มป่องไปด้วย จุกน้ำพุที่ผมมัดให้เขาไหวไปตามแรงที่เขาใช้ดึงหมอน ผมจับแขนเขาไว้แล้วดึงจนน้องเซถลาลงมาซบอกผม ก่อนที่น้องจะทันลุกผมก็ฉวยโอกาสอีกรอบกดจูบกับแก้มนิ่มๆของเขาแล้วบอก

“ไม่ให้” น้องค้อนตาใส่ผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อผมจับให้เขาหนุนตักแล้วยัดเอาบทใส่มือเขา น้องเอาบทปิดหน้าแดงๆของเขาที่ผมทันเห็น ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีและเริ่มต้นอ่าน ผมเลยเริ่มให้ความสนใจกับบทของตัวเอง บ้าง แต่บอกว่ายากมากเลยครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะอยู่กับน้องหรือจะไม่มีน้องอยู่ด้วยก็ตามที

ผมปล่อยใจให้คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยๆพลางลูบผมน้องไปด้วยอย่างเพลินมือ สิ่งที่ผมคิดอยู่ก็เห็นทีจะเป็นเรื่องระหว่างเรา ทั้งเรื่องตอนที่น้องยังไม่รู้จักผมจนถึงวันนี้ที่น้องรู้จักผมและกลายเป็นของผมแล้ว

พอนึกถึงเรื่องคืนก่อนที่ริมสระน้ำแล้วก็อดทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนได้ ยิ่งเห็นว่าในบทละครมีคิสซีนของผมกับน้องอยู่ด้วย ความคิดมันก็ยิ่งเตลิดครับและมันก็เป็นจังหวะที่น้องเงยหน้าขึ้นมาถามผมด้วย สุ่มเสียงสงสัยพอดีเช่นกัน

“นายรู้จักกับจิฮารุมานานแล้วหรอ?”

ผมสะดุ้งนิดๆตามประสาคนมีชนักปักหลังอยู่เลยเอาบทในมือปิดหน้าเอาไว้เพราะกลัวว่าสบตากันแล้วจะมีพิรุธออกไป แต่ดูเหมือนน้องจะต้องการคำตอบให้ได้ เขาเลยยันตัวขึ้นมานั่งแล้วดึงมือผม

“ตอบมานะ!!~”

ผมแข็งมือเอาไว้ไม่ให้เขาปัดบทผมออก น้องเลยปีนขึ้นมานั่งคร่อมบนตักผมแล้วเอื้อมมือมาจะบีบคอผมแทน

“ริวซากิ เร็น!! ตอบมาเลยนะ”

แย่แล้วครับ ด้วยความว่ากำลังคิดฉากวาบหวามก่อนหน้าอยู่ในใจ พอ น้องขึ้นคร่อมเองแบบนี้แล้วร่างกายมันอ่อนระทวยเลยเผลอตัวให้น้องกระชากบทในมือไปถือไว้เองได้แถมยังเอาบทม้วนมาตีไหล่ผมอีก

“ตอบเร็ว!!” ท่าทางน้องจะต้องการคำตอบอย่างจริงจังมากครับ เขาหรี่ ตามอง ผมอึกอักเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี น้องก็เอ่ยสวนถามกลับมาก่อน

“อย่าบอกนะ..ว่านายแอบชอบยัยนั่น!!?”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ? จิฮารุเป็นเพื่อนฉันต่างหาก”

ผมรีบตอบไปทันทีแต่ก็ดูเหมือนน้องไม่พอใจกับคำตอบของผมสักเท่าไหร่ คนดีเขายังหรี่ตามองผมเหมือนจับผิดก่อนจะเบ้ปาก

“แล้วทำไมพอถามต้องหน้าแดงด้วย?”

ใจผมเต้นตึกตักอย่างบอกไม่ถูกครับ แบบนี้จะตีความได้ไหมว่าน้องแอบ หึงผม แต่ไม่เอาดีกว่ายังไม่อยากเสี่ยงเข้าข้างตัวเองมากไป ผมเลยต้องหาประเด็นอื่นมาเบี่ยงไปก่อนเสียแล้ว

“กะ..ก็” มือผมเอื้อมไปหยิบเอาบทของน้องมา สมองคิดแก้เหตุการณ์เฉพาะหน้าออกมาอย่างเร่งด่วน

“มีคิสซีนของฉันกับนายในฉากที่งานเต้นรำด้วยล่ะ” น้องแกล้งทำพูดตามผมแล้วลอยหน้าลอยตาก่อนจะชะงักกึกแล้วทำตาโตใส่ผม

“อะไรนะ!!”

ซัทสึกิเขากระชากบทกลับไปดูทันทีแล้วทำหน้าแบบแมวโกรธสุดขีด ก่อนกระโดดลุกจากเตียงผลุนผลันออกไปจากห้อง ผมงงๆเล็กน้อยแต่ก็ขยับลุกตามน้องที่ดูเหมือนจะลงไปชั้นล่างของบ้าน

“ไม่เล่น!! ยังไงก็ไม่เล่นแล้ว!!”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงน้องตะโกนดังลั่นบ้านตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น แต่ก็ไม่ผิดคาดสักเท่าไหร่ ทั้งที่ยังไม่เห็นภาพแต่ผมก็พอจะนึกได้ว่าน้องคงจะกำลังทำท่าโวยวายใส่ใครสักคนที่น่าจะเป็นมิซึรุแน่ๆ

นึกภาพน้องกำลังงอแงแล้วผมก็ต้องอมยิ้มแต่ก็ต้องรีบตีสีหน้านิ่งๆเมื่อเดินเข้าห้องไปเงียบๆเพราะในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงมิซึรุเท่านั้นแต่ยังมีเคนอิจิกับ ฮิโรโตะอยู่ในห้องด้วย เคนอิจิหันมาเห็นผมก่อนเลยทำหลิ่วตาอย่างรู้ทันและแกล้งกลับไปสนใจซัทสึกิต่อ

“โวยวายอะไรกันซัทสึกิ? นี่มันจะตีสองแล้วนะ?”

เนียนมากครับทากาโมโต้ มิซึรุ ผมว่ามิซึรุรู้ดีนะว่าซัทสึกิกำลังงอแงเรื่องอะไรกัน แต่ขานั้นแกล้งทำเป็นปรายตามองเหมือนรำคาญที่น้องลุกขึ้นมาโวยวาย กันกลางดึกเท่านั้น

“ก็เนี้ย!! ทำไมต้องมีคิสซีนด้วยอ่ะ!!”

ผมแทบจะหลุดหัวเราะกับท่าทางของน้องครับ เขากำลังโวยวายเหมือน เด็กไม่ได้ดั่งใจที่กำลังทั้งโมโหทั้งเขินผสมกันไป หน้าเขาแดงจัดมากเลยครับตอนนี้

“แค่เนี้ย!! ทำมาเป็นโวยวายอย่างกับใครเผาบ้าน”

มิซึรุยังคงเล่นบทมาดนิ่งได้อย่างไม่มีที่ติเลยครับ สมควรแล้วกับบทผู้กำกับละครเวทีนี้ สมจริงแบบกินขาดมากครับทั้งน้ำเสียงและแววตา

“ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่เล่นแล้ว!!” น้องยังคงงอแงแล้วเบะปากทำท่า เหมือนจะร้องไห้ด้วยครับเมื่อเห็นว่าพี่ชายคนโปรดไม่ยอมลงให้

ส่วนผมนั้นได้แต่ยืนเก๊กหน้านิ่งทั้งที่ในใจลุ้นระหว่างดูเขาโต้เถียงกับมิซึรุอย่างงอแง

“บอกเหตุผลมาซิว่าทำไมถึงไม่ยอมเล่นกะอิแค่คิสซีน”

“ก็มันต้องจูบนี่!!”

“แล้วไง!?”

“ก็มันต้องจูบอ่ะมันต้องจูบ!!”

ใจหนึ่งก็นึกเอ็นดูอีกใจก็นึกสงสารน้องไม่น้อยครับ เขาทำท่าจะร้องไห้ จริงๆแล้ว ส่วนมิซึรุยังคงตีหน้านิ่งอยู่ แต่ผมก็ยังพอแน่ใจว่าคนอย่างมิซึรุคงจะรู้ว่าควรจะรับมือกับน้องยังไงเลยรอดูท่าทีไปก่อน

“ก็จูบแล้วมันยังไงล่ะ? นายจะบอกว่านายจูบกับเร็นบนเวทีไม่ได้ หรือไงกัน?” ขนาดผมเองแค่นึกภาพล่วงหน้ายังใจสั่นเลยครับ ไม่ใช่ว่าอายหรือไม่กล้าทำนะครับ แต่แอบกลัวว่าจะเผลอกดน้องบนเวทีต่อหน้าประชาชีนี่น่ะสิ

“ถึงขั้นนี้แล้วยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอ ป๊ะเทิ่งๆกันไปไม่รู้กี่รอบแล้วมึงยังจะบอกว่าจูบกันไม่ได้อีกหรอวะ?”

ทันทีที่เคนอิจิแทรกเข้ามาน้องก็ปรี่เข้าไปหาแล้วเริ่มประทุษร้ายเพื่อนเขาเลยครับ สงสัยจะเก็บกดเพราะไม่กล้าทำกับมิซึรุแน่ๆ เป็นเวรกรรมของเคนอิจิขนานแท้ครับที่แทรกขึ้นมา

ผมยืนมองน้องอาละวาดกับเพื่อนและพี่ชายคนโปรดเขาตาปริบๆอยู่ข้าง ฮิโรโตะที่ยืนมองอย่างเงียบๆไม่แสดงตัวตนอะไร ผมว่าฮิโรโตะฉลาดมากครับไม่อย่างงั้นคงจะโดนบีบคอเหมือนกับเคนอิจิแน่ๆ ผมยืนมองไปได้สักพักน้องก็ตะโกนลั่นบ้านอย่างสารภาพหมดเปลือก

“ก็นี่มันต้องจูบต่อหน้าคนเป็นร้อยเลยนะ!!”

อา..อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆด้วยครับ

ถึงจะเห็นใจแต่ผมก็ชอบนะครับที่มีฉากนี้ในบท ต้องขอบคุณจิฮารุเป็นอย่างยิ่งครับ แม้จะกลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไว้ไม่อยู่ แต่ผมก็ชอบครับที่จะได้แสดงความรักต่อน้องต่อหน้าคนทั่วไป ถึงจะเป็นแค่ละครก็เถอะ

“งั้นเราต้องทำให้ซัทสึกิหายเขิน”

มิซึรุว่าแล้วเหล่มองผมอย่างมีเลศนัย ทันทีที่เขาชี้นิ้วมาที่ผมแล้วเอ่ยพูด ผมก็รู้ได้ทันทีครับว่าไอ้ที่เนียนๆมาตลอดจนถึงตอนนี้ก็เพราะมิซึรุวางแผนสนุกๆไว้อย่างแนบเนียน

“ต่อไปนี้ นายต้องจูบกับซัทสึกิโชว์พวกเราทุกคนในบ้านวันละสามรอบจนกว่าซัทสึกิจะหายเขิน!!”

ผมอยากเอากล้องมาถ่ายภาพของน้องทำปากค้างแบบไม่เชื่อในคำพูดประกาศิตของมิซึรุที่ได้ยินนี่จังเลยครับ

 -TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 21 [Update : 20/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 20-06-2013 17:06:12
พาร์ทของเรนยาวจัง อยากอ่านเรื่องราวปัจจุบันแล้วอ่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 21 [Update : 20/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-06-2013 22:17:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 21 [Update : 20/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 27-06-2013 20:37:41
Ren’s Diary : Chapter 9

 หลังจากนั้นผมก็ทำตามคำสั่งของมิซึรุด้วยการจูบน้องโชว์ทุกคนครับและแน่นอนว่าผลของการกระทำนั้นทำให้น้องงอนผมอย่างไม่ต้องสงสัยอะไร ทั้งนั้น เขาก้มหน้าแล้วทำแก้มพอง

เหล่าพลพรรคที่ยืนเชียร์และกำกับบทอยู่อย่างอึกทึกเมื่อสักครู่แยกย้าย ลงไปนั่งเล่นเกมส์กันอีกระลอก ทิ้งให้ผมอยู่รับมือกับน้องตามลำพัง ซัทสึกิเขาเม้มปากแล้วก็ไม่ยอมเงยหน้ามองผม ไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ ผมเลยเอื้อมมือไปจูง เขาให้เดินกลับขึ้นไปบนห้องของเรากัน

พอถึงห้องน้องก็สะบัดมือผมทิ้ง เขาปาบทลงไปที่โต๊ะแล้วขึ้นไปนอนหันหลังให้บนเตียง อารมณ์น้องมาคุมากครับงานนี้ ผมเลยปิดไฟแล้วเดินตามไปนอนบนเตียงอย่างเงียบๆ แต่ไม่ได้ปล่อยให้น้องนอนเลยหรอกนะครับ ยังไงก็คงต้องเคลียร์กันก่อน ปล่อยไว้ไม่ดีต่อสวัสดิภาพความรักของเราแน่ๆครับ

“โกรธหรอ?”

ผมเริ่มเกริ่น น้องทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะตอบแบบกระแทกเสียงด้วยคำ ที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงสิ้นเชิง

“เปล่า”

“ไม่จริงหรอก ซัทสึกิกำลังโกรธอยู่”

“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน อย่าทำมาเป็นอ่านใจกันออกหน่อยเลยเหอะ”

“นายน่ะดูง่ายจะตายไป นิสัยเหมือนแมวดื้อชัดๆ ไม่ต้องรู้จักนานฉันก็ มองนายออก” ผมว่าพลางยกมือขึ้นลูบผมเขา ใจชื้นบ้างที่น้องไม่ปัดมือผมออกผมเลยกล้าที่จะรวบกอดเขาไว้แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนจากใจจริง

“แค่จูบเองนะซัทสึกิ นายเขินฉันก็เขินเหมือนกัน เรามาพยายามด้วยกันไม่ดีกว่าหรอ? ฉันดีใจนะที่ได้เล่นละครเรื่องนี้กับนาย นายไม่ดีใจบ้างหรอที่จะได้เล่นกับฉัน?”

“ไม่รู้..” น้องบอกเสียงเบา ผมเดาเอาว่าตอนนี้เขาคงกำลังนึกสับสนกับความรู้สึกของตนเองอยู่ ผมควรจะให้เวลาเขาได้คิดสินะ

“เอาเถอะ แต่หลังจากนี้ไป ฉันจะทำให้นายรู้สึกดีใจที่ได้เล่นละครกับฉันได้มีความทรงจำครั้งหนึ่งที่เราได้ทำอะไรร่วมกัน มันจะต้องเป็นความทรงจำที่สวยงามสำหรับซัทสึกิ...ฉันสัญญา”

“อือ จะรอดู” น้องบอกเสียงเบาก่อนกระเถิบหนีไปซุกหมอน ผมมองเขาแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

“งั้นนอนกันเถอะนะ” ผมจูบราตรีสวัสดิ์เขาเบาๆ แต่ก็จูบได้แค่กลางศีรษะครับ อดจูบปากนุ่มๆเพราะน้องเล่นซ่อนหน้าไว้กับหมอน

“ฝันดีนะครับซัทสึกิ”

ผมชอบจังเลยครับเวลาที่ได้เอ่ยราตรีสวัสดิ์กับน้องแบบนี้ แต่จะชอบมากกว่านี้ถ้าน้องหันมาให้ผมจูบราตรีสวัสดิ์ที่ริมฝีปากของเขาล่ะนะ

“อือ” น้องครางตอบในลำคอแล้วก็ทำให้ผมตัวแข็งอย่างไม่คาดคิดเพราะการกระทำของเขา อยู่ดีๆน้องก็พลิกตัวหันกลับมาซุกกับอกของผม มือเขาสอดเข้ามากอดเอวผมไว้เหมือนกับที่ผมกอดเขา

ทุกอย่างมันทำให้ผมใจเต้นรัวจนกลัวว่ามันจะไปรบกวนการนอนของ คนดีเขา.. และความคิดบางอย่างมันก็พุ่งเข้ามาจนผมเผลอตัวพูดถามออกไป อย่างไม่ทันนึกไตร่ตรอง

“เริ่มจะรักฉันบ้างหรือยังซัทสึกิ?” ถามไปแล้วก็อยากตบปากตัวเองครับ ผมใจร้อนเกินไปหน่อยแล้วที่รุกถามแบบนี้ พอน้องได้ยินเขาก็ทำท่าจะดิ้นออกจากอ้อมกอดของผม ผมเลยต้องออกแรงกอดเขาเอาไว้แล้วดันเขาให้นอนหงาย เอาตัวเองทับกายเล็กไว้ไม่ให้เขาดิ้นหนี

“ฉันเป็นผู้ชายนะโว้ย!!” ครับพี่รู้

“แล้วไง!?” น้องกลอกตาอย่างลุกลี้ลุกลน เหมือนพยายามต่อสู้กับอะไร สักอย่างที่เดาไม่ยากว่าคงเป็นความรู้สึกของตนเอง

“ก็ผู้ชายอ่ะผู้ชาย จะให้รักนายได้ไง!!”

“มันไม่ใช่กฎตายตัวเลยนะซัทสึกิว่าผู้ชายต้องรักกับผู้หญิง ซัทสึกิเองก็รู้ไม่ใช่หรือไงกัน?” ผมเอ่ยอย่างใช้เหตุผลที่ดูเหมือนจะเป็นแค่มุมของผมที่ผม ยัดเยียดให้เขาคิดตาม น้องส่ายหน้าไปมา

“ไม่รู้ ไม่รู้!!”

“งั้นฉันคงคิดไปฝ่ายเดียวสินะ ว่าที่นายยอมมีไรกับฉันก็เพราะนายเริ่มมีใจให้ฉันแล้ว” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอ่ยไปแบบนั้น ความรู้สึกรักเขามันบีบรัดจนผมแทบทนไม่ไหว และรู้สึกผิดหวังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นเขาไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้นแบบนี้

“อย่า-ขี้-ตู่-ไป-เอง!!” น้องพูดออกมาทีละคำอย่างเน้นๆแล้วชกอกผมไปด้วย

“ก็แค่เซ็กส์เฟรนด์ อย่ามาทำเป็นได้ใจไปนะ”

“งั้นจะรอวันที่เซ็กส์เฟรนด์ได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักแล้วกันนะ” ผมรีบสวนกลับไปทันทีซึ่งนั่นทำให้น้องเงียบไปชั่วอึดใจก่อนเอ่ยเสียงเบาให้ผมใจสั่น

“นายอยากเป็นแฟนกับฉันหรอ?”

“ใช่” คำตอบมีเพียงคำเดียวเท่านั้นครับ ไม่มีคำตอบอื่นและไม่มีการ ปฏิเสธอย่างแน่นอน

“ทำไมถึงอยากเป็นแฟนกับฉันล่ะ?”

สุ่มเสียงของน้องดูสงสัยและคลางแคลงมากครับ ถ้าคิดในแง่ของน้องก็สมควรแล้วล่ะ ผมเพิ่งเข้ามาในชีวิตของเขาไม่กี่วันเองนินะ

“ไว้เมื่อถึงเวลา..นายก็จะรู้เอง” ผมบอกเขาแล้วจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก เนียนก่อนล้มตัวลงมานอนกอดเขาให้กลับมานอนซุกกับอกของผม ซัทสึกิยอม หยุดจากบทสนทนานี้ แต่ผมเชื่อว่าเขายังไม่หลับอย่างแน่นอน

น้องจะต้องเก็บคำพูดของผมไปคิด ผมเชื่ออย่างนั้น

เหมือนกับที่เชื่อเช่นกันว่าเวลาจะพิสูจน์ความรักและความจริงใจของผม ให้น้องได้เห็น

ก็ผมรักน้อง...จากใจจริงนี่ครับ

 ช่วงเวลาแห่งความสุขของผมมักมีมารผจญครับและไอ้มารตัวนี้มันมีนามว่ายูตะครับ มันโทรเข้ามาหาผมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ผมคว้าโทรศัพท์มารับได้ก็แทบอยากจะด่ามันให้หูชา แต่ติดอยู่ที่ว่าน้องกำลังนอนซุกอกผมอยู่นี่สิครับ

“มีอะไร?” ผมส่งเสียงต่ำถามออกไปอย่างหงุดหงิด ยิ่งหรี่ตามองดูแล้วยัง ไม่เห็นแสงของดวงอาทิตย์ผมก็ยิ่งอยากตั๊นหน้าไอ้คนกดโทรศัพท์มาหาผมขึ้นมาตะหงิดๆ

“แหมๆ..น้ำเสียงหงุดหงิดเชียวนะครับคุณชาย กระผมโทรมากวนเวลา นอนกอดน้องของท่านใช่ไหมล่ะ”

รู้ดีเชียวไอ้ยู ผมครางอือใส่มันไป จริงๆผมเพิ่งหลับไปไม่นานเท่าไหร่เองเพราะนอนคิดเรื่องของผมกับน้องไปเรื่อยๆ เจอมันมาปลุกเอาตอนนี้แล้วเลยยังไม่ค่อยมีสติที่จะคุยกับมันสักเท่าไหร่

“แล้วตกลงมึงมีไร?” ผมถามย้ำอีกครั้งและตัดสินอยู่ในใจว่าถ้ามันยัง โยกโย้อยู่อีกผมจะกดวางสายและปิดเครื่องไปเลย

“พวกกูอยู่หน้าบ้าน มึงช่วยเสด็จอัญเชิญตัวลงมาเป็นการด่วน ถ้ามึงไม่ลงมา พวกกูจะบุกเข้าไปกระชากกายหยาบมึงออกมาจากการกกน้องภายในห้านาที”

คำพูดของมันทำให้ผมต้องเอียงคอหนีบโทรศัพท์มือถือไว้แล้วเอาหมอน เลื่อนมาให้ซัทสึกิหนุนแทนอกของผมก่อนจะไปแง้มผ้าม่านดูถนนหน้าบ้าน และ พบกับไอ้คนที่มันโทรเข้ามากำลังโบกมือมาให้อยู่ ผมแยกเขี้ยวใส่พวกมันก่อน กรอกเสียงถามไปแล้วดันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่

“มีเหี้ยไรวะ ถึงได้มากันแต่เช้าแบบนี้”

“ไม่มี” ไอ้ยูตอบกลับมาอย่างทันใจทำเอาผมชะงักกึกและเตรียมตัวจะทิ้งกายหยาบลงไปนอนกอดน้องอีกที

“ล้อเล่น พอดีโปรเจครีสอร์ทของป๊ากูที่โอกินาว่ามีปัญหา ป๊ากูเลยบอกให้ กูไปดูแล้วก็ให้ลากพวกมึงไปช่วยแก้ปัญหาให้ด้วย”

โอเคผมพอจะเข้าใจครับเรื่องงานมันสำคัญ ผมยอมให้ก็ได้งานนี้ อีกอย่างไม่อยากให้ผู้ใหญ่ผิดหวังด้วยครับ

“เออ งั้นรอกูเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน” ผมบอกแล้วกดวางหูไป หันมอง ไปที่น้องอีกที ซัทสึกิกำลังขดตัวซุกหมอนที่ผมเอาให้เขาหนุนอยู่ ผมเลยดึงผ้าห่ม มาห่มให้เขา แล้วก็แอบจูบรับอรุณที่ริมฝีปากแดงๆของน้องไปอีกหนึ่งทีอย่างชื่นใจ

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเร็วไวแสงก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง พอจะ ผ่านห้องนั่งเล่นไปก็อดชะโงกเข้าไปไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงมิซึรุตะโกนถามว่าผมจะไปไหน เจ้าตัวกำลังนั่งชันขาบนโซฟาแล้วละเลียดกาแฟอยู่

ข้างๆมีเคนอิจิที่นั่งอ้าปากหาวหวอดๆขดตัวนอนบน โซฟายาวอีกตัวโดย มีไดสุเกะคุงลากเอาผ้าห่มมาโยนใส่ตัวให้ ดูท่าแล้วคงจะเล่นเกมส์กันทั้งคืนเพราะ ฮิโรโตะก็นอนหลับอยู่ที่กองหมอนบนพื้น

“ไปโอกินาว่าหน่อย โปรเจคงานของบ้านยูตะมันมีปัญหา” มิซึรุพยักหน้าแล้วหลิ่วตาใส่ผม ไม่มีทีท่าง่วงนอนเหมือนกับเคนอิจิปรากฏให้เห็น

“แล้วจะกลับมาทันพรุ่งนี้หรือเปล่า ซัทจังมันต้องไปฝังเข็มนะ ฉันลงคอส ให้ไปแล้ว”

ผมกลอกตาไปมาอย่างไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าปัญหาของไอ้ยูมันจะ เสร็จภายในวันนี้หรือเปล่า คิดแล้วผมก็ล้วงมือไปหยิบกระเป๋าเงินจากกระเป๋าหลังแล้วหยิบบัตรเครดิตของน้องที่ผมทำไว้ยื่นให้มิซึรุไป

“ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกลับมาทันหรือเปล่า ยังไงก็ให้ซัทสึกิเขารูดบัตรนี้ไปก่อนก็แล้วกัน” มิซึรุเหยียดยิ้มดูท่าทางพออกพอใจก่อนจะรับบัตรของผมไป แต่ไม่วายจะพยักพเยิดออกไปนอกบ้าน

“ฉันรู้นะว่านายวานอะไรญาตินายน่ะ แต่ขอบอกเลยว่าฉันเองก็ยังไม่ได้ คิด ถ้าคิดออกแล้วจะรีบบอกก็แล้วกัน”

ผมเม้มปากกับสีหน้ารู้ทันของมิซึรุก่อนจะยอมพยักหน้า แย่จริงครับ ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ที่จะมีใครมาทำตัวถือไพ่เหนือกว่าเช่นนี้

“งั้นฉันไปก่อนล่ะ” มิซึรุพยักหน้าก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอีกหน

 “ออกมาช้าจริง มัวแต่ล่ำลาน้องอยู่หรือไงวะครับ”

ประโยคทักทายประโยคแรกเมื่อเห็นหน้าดังลอยขึ้นมาทันทีเลยครับ ผมยักไหล่ก่อนจะเปิดรถแวกอนของมันขึ้นไปนั่ง ภายในรถมีก๊วนผมนั่งอยู่อย่างครบองค์ประชุม

ไอ้ยูคงตระเวนไปจิกหัวทุกขึ้นให้ตื่นแล้วลากขึ้นรถมาก่อนหน้าที่จะมารับผม ไอ้เฮย์นอนกรนอยู่ที่เบาะหลังสุดอย่างไม่สนใจใคร ในขณะที่ไอ้จุนที่นั่งคู่อยู่กับสารถีอย่างไอ้ยูก็ยังนั่งหาวหวอดๆ จะมีก็แต่ไอ้ซึงโฮที่นั่งพลิกดูนิตยสารที่หยิบติดมือมาฆ่าเวลาดูอย่างปกติ

ทันทีที่ผมก้าวขึ้นมานั่งเรียบร้อย ไอ้ยูก็ออกรถทันที พวกเรามุ่งหน้าสู่โอกินาว่ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางและกว่าจะสะสางปัญหาของไอ้ยูเสร็จแล้วเดินทางกลับสู่โตเกียวนั้นก็เรียกไว้ว่าเกือบครบยี่สิบสี่ชั่วโมงพอดิบพอดี

ผมเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักเงียบๆ วันนี้ที่ข้างล่างไม่มีใครอยู่เลยครับทุกคนคงจะหลับอยู่บนเตียงของตัวเอง น้องเองก็เช่นกัน

เปิดประตูเข้าห้องไปแล้วก็ต้องยิ้มกับความรู้สึกสุขในใจที่ได้เห็นน้องมากครับ มันเหมือนเป็นเวลาต่อจากเมื่อวานที่ผมไม่ได้อยู่กับเขา ซัทสึกินอนอยู่ในท่าเดียวกับก่อนที่ผมจะออกไปจากห้อง เพียงแต่วันนี้น้องไม่ได้ผูกจุกน้ำพุไว้เหมือนเมื่อวาน

ผมจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินไปที่เตียง น้องพลิกตัวนอนหันหลังไปเสียแล้วในตอนนี้ ผมเลยเอนตัวลงไปนอนกอดเขาไว้ ตัวของน้อง อุ่นเสียยิ่งกว่าน้ำอุ่นที่ผมเพิ่งได้อาบหรือผ้าห่มที่กำลังห่มอยู่บนตัวของพวกเราทั้งสอง

ผมยิ้มกับความสุขของตัวเองที่ได้นอนกอดเขาก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความง่วงงุน แต่ก่อนจะหลับ..ผมก็รู้สึกได้ว่าน้องพลิกตัวมาอีกครั้งแล้วกอดผมไว้เหมือนที่ผมกอดเขา...

อา...พระเจ้าครับ

ผมมีความสุขจังเลยครับ..

วันนี้น้องตื่นแต่เช้ามากเลยครับ ผมเพิ่งจะงีบไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดีน้องก็ขยับลุกตื่น ผมปรือตาขึ้นมามองเขาและรู้สึกว่าหนังตามันหนักอึ้งพอสมควร อาจเป็นเพราะช่วงนี้ผมไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควรสักเท่าไหร่

“นายง่วงก็นอนต่อก่อนก็ได้ จะตื่นขึ้นมาทำไม” ผมได้ยินน้องพูดไปด้วยเสียงเหมือนกลั้นขำไปด้วย

“แล้วทำไมนายถึงตื่นแต่เช้าล่ะ?” ผมจะยันตัวลุกขึ้นมานั่งแต่น้องลากเอาไอ้ตุ๊กตากระต่ายปีศาจมายัดลงกับอกของผมพร้อมกับคำตอบ

“เดี๋ยวมีธุระต้องไปทำตอนเก้าโมงกว่าๆ แต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปมหาลัยมา หลายวันเลยว่าจะนั่งลอกเลคเชอร์ของไดจังก่อนออกไป”

“ไปไหน? อ่อ คอสของมิซึรุใช่ไหม? วันนี้ฉันว่าง จะให้ไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า?” ผมเสนอตัวอย่างยินดีและน้องก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง หลังจากที่เขานิ่งคิดไปชั่วครู่เขาก็ตอบกลับมา

“อือ ก็ดีจะได้ไม่ต้องนั่งรถเมล์ไป” น้องคงเห็นผมเป็นคนขับรถน่ะแหละครับ แต่อย่างว่าไม่ว่าน้องจะเห็นผมอะไร ขอแค่เขาพอใจให้ผมอยู่ใกล้ผมก็ยินดีแล้ว

“งั้นจะไปเมื่อไหร่ก็ปลุกก่อนสักสิบห้านาทีแล้วกันนะ”

ผมบอกก่อนจะผล็อยหลับไปหลังจากที่มองน้องซึ่งหันมาพยักหน้ารับ ก่อนเดินไปเปิดไฟที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขาแล้วทรุดนั่งลง

แล้วน้องก็ปลุกผมขึ้นมาอีกทีตอนเก้าโมงพอดิบพอดี ถึงจะไม่ได้นอนยาวแต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองนอนเต็มอิ่มแล้ว ปกติผมไม่ใช่คนขี้เซาอะไรนัก ออกจะนอนน้อยจนคุณมี๊บ่นเอาบ่อยๆอยู่ด้วยซ้ำ พอผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยท่าทางปกติ น้องก็เท้าเอวแล้วเม้มปากฉับ ลอยหน้าลอยตาพูดใส่ผม

“อะไรกัน..นึกว่าจะได้เห็นสภาพหน้ายับๆเหมือนแมวง่วงซะอีก หน้านายตอนเวลาง่วงนอนมันตลกชะมัด”

น้องว่าแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี ทำเอาผมเสียเซลฟ์ไปไม่น้อยเลยต้องเก๊กมาดขรึมทำไม่รู้ไม่ชี้เดินผ่านเจ้าตัวที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จแล้วนั่งแกว่งขาอยู่ปลายเตียงไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปบ้าง อย่างน้อยต้องจัดการตัวเองให้หล่อเหลาออกมาเรียกคะแนนกลับคืนมาแหละครับ

ผมใช้เวลาไม่นานนักก็กลับออกมาอีกครั้ง น้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วไล่กลับมาที่หัวใหม่อีกหน ทำเอาความมั่นใจตอนส่องกระจกก่อนออกมาหดหายไปมากโขเลยครับ

ผมไม่เคยกังวลใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก่อน...ก่อนที่จะหลงรักน้องล่ะนะครับ บอกตามตรงว่าพออยู่ต่อหน้าน้องแล้ว พอเห็นน้องมองมาแล้วผม ก็รู้สึกว่าความหล่อที่คุณมี๊กับคุณป๋าให้มามันชักจะไม่พอเอาเสียแล้ว

“แต่งตัวอย่างกับจะไปถ่ายแบบ แค่ไปเป็นเพื่อนฉันฝังเข็มจำเป็นต้อง หล่อขนาดนี้เลยหรอ?”

ผมแทบจะพรูลมหายใจออกทันทีที่น้องถามออกมาแล้วทำหน้างอ โธ่คนดีให้พี่ลุ้นตั้งนานนึกว่าหล่อไม่พอ ผมส่งยิ้มกว้างไปให้น้องแล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาเมื่อแก้มใสๆมันพองลมขึ้นมาคล้ายไม่พอใจ

แมวน้อยของผมแยกเขี้ยว แล้วทำท่าไล่งับมือก่อนจะก้มหน้านิดๆแล้วกดสายตามองผม เขายกมือชี้หน้าผมเหมือนกับเมื่อวันก่อนที่ทำในห้องน้ำไม่มีผิด

“นี่! สาบานมาก่อน ว่าจะไม่เอาเรื่องวันนี้มาล้อกันทีหลัง” ผมเลิกคิ้ว อย่างงงๆที่น้องเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“ล้อ? ฉันจะล้อนายเรื่องอะไรกัน?”

“กะ..ก็...”

น้องก้มหน้าแล้วทำปากตูม ผมเห็นแล้วอยากคว้าเข้ามาฟัดมากๆเลยครับ น้องให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตามีชีวิตหรือไม่ก็ลูกหมาลูกแมวตัวน้อยที่ทำอะไรก็พาลอยากให้เรากอดเข้ามาฟัดเข้ามาหอมได้ตลอดเวลา

“ฉัน...กลัวเข็มนี่”

ซัทสึกิสารภาพมาเสียงเบา แต่จุดอ่อนจุดนี้มันเป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว

ผมเคยเห็นน้องเบะปากทำท่าร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนรักของเขาสองคนลากไปฉีดวัคซีนกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่มาเมื่อสามสี่เดือนก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ออกมาจากห้องฉีดยาด้วยสภาพน้ำตาซึมขอบตาแดงน่าให้ถลาเข้าไปจูบซับ น้ำตาปลอบมากครับ

“โอเค ตกลง สาบานด้วยเกียรติของคนหล่อ ริวซากิ เร็นจะไม่เอาเรื่องนั้น มาล้อเลียนอิชิฮาระ ซัทสึกิอย่างแน่นอน”

น้องทำหน้าหงิกใส่ผมแล้วก้าวเข้ามาใกล้จับมือผมยกขึ้นสาบาน ทำเอาผมใจเต้นเลยเมื่อเขามายืนจ้องหน้าระยะประชิดแบบนี้

“ไม่เอา พูดใหม่ พูดตามนะ...สาบานด้วยเกียรติของริวซากิ เร็นจะไม่เอาเรื่องนั้นมาล้อเลียนคนหล่ออย่างอิชิฮาระ ซัทสึกิเด็ดขาด”

คนแมนๆเขาว่าอย่างนั้นน่ะครับ..ผมเลยต้องยอมสาบานอีกครั้งด้วยความขบขัน

เอะอะก็บอกตัวเองหล่อตลอดเลยนะครับซัทสึกิจัง เมื่อไหร่จะรู้ตัวเสียทีนะว่าตัวเองน่ะเหมาะกับคำว่าน่ารักกว่าเป็นไหนๆ

ก่อนผมพาน้องออกจากบ้านก็เจอกับเคนอิจิที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวพร้อมกับคาบขนมปังไว้ในปากพอดี เขาเลิกคิ้วแล้วเอาขนมปังออกจากปากเมื่อ เห็นพวกเราตรงหน้าประตู

“ไม่กินอะไรก่อนไปหรอ?” เคนอิจิถามน้องที่เดินไปเปิดประตูตู้เก็บรองเท้าแล้วหยิบผ้าใบคู่โปรดของเขามาสวม

“ไม่อ่ะ..กินไม่ลง”

เคนอิจิยักไหล่แล้วขยิบตาให้ผมก่อนเดินขึ้นข้างบนไป ขานั้นคงรู้ดีว่าวันนี้น้องต้องไปไหนทำอะไรแน่ๆ ผมหันกลับมาอีกครั้งเห็นน้องนั่งเอาหน้าซุกเข่าแล้วเอาสองมือกุมหัวอยู่

“ซัทสึกิ?”

พอผมเอื้อมมือไปแตะไหล่เขา น้องก็เอามือเสยผมไปมาแล้วสะบัดหัวสองสามทีก่อนกระโดดลุกขึ้นมามองหน้าผม

“ไปก็ไป!” เหมือนน้องจะกำลังต่อสู้กับความกลัวในใจมากเลยครับ

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 21 [Update : 20/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 27-06-2013 20:38:47
ใจหนึ่งผมก็นึกสงสาร แต่อีกใจ..ก็อยากแกล้งจังเลยครับพอเห็นน้องเดิน ตัวแข็งนำผมออกจากบ้านไปแบบนี้

หลังจากขึ้นมาบนรถน้องก็เอาแต่นิ่งเงียบจนผมต้องขยับไปเปิดเพลงเปลี่ยนบรรยากาศ พอใกล้จะถึงคลีนิกแล้วน้องก็บ่นออกมา

“ให้ตายเหอะ ถ้าฉันกลัวจนขาดใจตายคาเตียงฝังเข็มไปจะทำยังไงกันล่ะนี่” ได้ยินน้องบ่นพึมพำแล้วผมก็ต้องหลุดหัวเราะจนโดนน้องชกเข้าที่แขน

“หัวเราะอะไรน่ะ!”

“ไม่มีใครตายเพราะฝังเข็มมาก่อนเสียหน่อย แล้วก็ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะคอยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆไม่ไปไหน”

ผมกลั้นหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปดึงมือน้องมา จูบเบาๆ มือของน้องสั่นจน ผมรู้สึกได้เลยครับว่าเขากลัวจริงๆ

“ลองทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวสิ” เหมือนน้องพูดกับตัวเองมากกว่าผมครับเพราะเขาพูดแบบเสียงกระซิบผ่านไรฟันโดยที่ไม่มองผม

ผมจอดรถแล้วปล่อยมือจากน้องลงไปเปิดประตูรถให้เขา น้องยังนั่งตัวแข็งไม่ยอมลงมา พอผมสะกิดเขา น้องก็หันมาช้าๆ สีหน้าเหมือนอยากร้องไห้ จนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปประคองแก้มเขาเอาไว้

“ถึงแล้ว ไปกันเถอะ”

“ไม่ไปไม่ได้หรอ?”

เสียงน้องสั่นมากครับจนผมอยากใจอ่อน แต่ผมก็อยากเห็นน้องหุ่นเพรียวบางเหมือนกันนิครับ

“ไม่ต้องกลัว มันอาจไม่เจ็บอย่างที่นายคิดก็ได้นะ”

ผมปลอบเขาพลางลูบผมเขาเบาๆ ก่อนจะจับมือจูงมือให้ลงมาจากรถและเดินเข้าไปในคลินิก น้องเดินตามผมมาแบบเสียไม่ได้และดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเลยสักนิดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ผมเลยต้องไปจัดการติดต่อกับเคาน์เตอร์ แทน แต่น้องก็ยังตามติดผมมา

ผมเขียนชื่อน้องแล้วก็ส่งให้พนักงานที่รับเอาไปเช็คตารางเวลาดูก่อนที่ เธอจะเงยหน้ามายิ้มให้กับผม

“เดี๋ยวคุณพี่ชายพาน้องเข้าไปเตรียมตัวข้างในนะคะ เสร็จแล้วเข้าไปรอ ในห้องฝังเข็มได้เลยค่ะ”

ผมเลิกคิ้วแล้วขยับจะแก้ไขความเข้าใจผิดของเขา แต่คำพูดของผมลื่นไหลลงคอลงกระเพาะไปทันทีเมื่อน้องกระตุกแขนผมแล้วพูดจาด้วยน้ำเสียง น่ารักน่าชังน่าฟัดเป็นที่สุด

“นี่จัง~...ไปช่วยซัทสึกิเตรียมตัวหน่อยนะฮะ”

ผมได้แต่หัวเราะเบาๆในลำคอกับความน่ารักของน้องแล้วให้น้องเป็นฝ่ายจูงมือผมเดินเข้าไปด้านในบ้างแล้วคราวนี้

พอเดินมาถึงห้องเตรียมตัวก็มีพนักงานอีกคนมาบอกให้น้องเปลี่ยนถอดกางเกงกับเสื้อผ้าออกเพราะคุณหมอต้องฝังเข็มลงกับขาและหน้าท้องด้วย น้องทำหน้าเหวอด้วยความตกใจก่อนจะหันมามองหน้าผม

ตาใสของเขาสั่นมากเลยครับ พอๆกับมือที่จูงผมมาตอนแรก ผมเลยต้องช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ น้องเกาะผมไว้แน่นและไม่ให้ความร่วมมือใดๆทั้งสิ้น

ผมใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าจะจัดการให้เขานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนสั้นที่พอเห็นสภาพของน้องหลังจากนุ่งมันแล้ว ผมก็แทบไม่อยากให้ใครได้เห็นจริงๆครับ...ผมหวง!

หลังจากนั้นผมก็พาน้องไปยังห้องฝังเข็ม ดีหน่อยที่ยังเป็นหมอผู้หญิงเพราะถ้าเป็นหมอผู้ชายหนุ่มๆผมคงพาน้องกลับไปโดยโยนทิ้งเงินทั้งหมดของ คอสนี้แน่ๆ พอน้องขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วผมก็นึกลังเลอยู่ว่าจะออกไปดีหรือยืนดูอยู่ด้วยดีเพราะไม่รู้ว่าคุณหมอจะอนุญาตหรือเปล่า แต่คุณหมอคนสวยเธอหันมายิ้มให้ผมเสียก่อน

“คุณพี่ชายจะรอดูหรือจะไปรอข้างนอกก็ได้นะคะ ตามสบายค่ะ”

ผมหันมองหน้าน้องอีกครั้ง น้องเองก็กำลังหันมามองผมอยู่ ปากเขาสั่นพอๆกับแววตา เหมือนลูกหมาตัวน้อยๆที่กำลังตื่นคนมากครับ เพราะแบบนี้สินะเพื่อนสนิทกับพี่ชายคนโปรดของเขาถึงได้ชอบแกล้ง เพราะน้องกลัวได้น่ารักแบบนี้นี่เอง

“อยู่กับซัทจังก่อนนะฮะนี่จัง”

สงสารก็สงสารครับ อยากจะขำก็อยากจะขำ ผมได้แต่กลั้นยิ้มแล้วเอามือลูบหัวเขาเบาๆ เล่นเนียนไปตามน้ำ

“ไม่ต้องกลัวนะซัทจัง นี่จังจะอยู่เป็นเพื่อนซัทจังนะครับ” ผมบอกแล้ว แอบเนียนจูบหน้าผากน้องและได้ทันเห็นน้องค้อนตาใส่ผมแวบหนึ่งด้วยครับ

“เป็นพี่น้องที่รักกันดีจังเลยนะคะ”

คุณหมอพูดแล้วหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู ไหนๆเธอก็คิดว่าผมกับซัทสึกิเป็นพี่น้องกันแล้วเลยต้องขอเลยตามเลยไปอีกสักนิด

“ครับ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องน่ะครับ ผมเลยรักน้องชายคนนี้ของผมมาก” น้องค้อนผมอีกรอบแล้วครับ ค้อนอะไรกันครับซัทจัง พี่พูดความจริงนะครับถึงจะเป็นแค่เฉพาะประโยคหลังก็เถอะ

จากนั้นคุณหมอก็ให้น้องนอนลงแล้วหันไปแกะเข็มออกจากห่อ ผมมองดูน้องแล้วก็สงสารจับใจครับเพราะเขาปริ่มๆจะร้องไห้จริงๆเสียแล้ว

“ไม่ต้องกลัวนะคะ อย่าเกร็งด้วยนะคะ เพิ่งฝังครั้งแรกจะใช้เข็มเล็กให้ นะคะจะได้ไม่เจ็บ”

คุณหมอขยับมาจับมือน้อง ผมเลยต้องปล่อยมือน้องไปแต่ก็ไม่ได้ถอยออกไปหรอกครับเพราะตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ไม่ได้เกะกะอะไรคุณหมอที่อยู่ฝั่งตรง กันข้าม ผมเลยเปลี่ยนไปลูบผมน้องไว้ คอยปลอบน้องไปและลุ้นไปด้วยเมื่อ คุณหมอเริ่มฝังเข็มไปตามจุดต่างๆของน้อง

ผมเคยอ่านตำราพวกฝังเข็มอะไรพวกนี้และรู้มาว่ามันไม่ได้เจ็บอย่างเวลาฉีดยา มันออกจะจั๊กจี๋ไปเสียหน่อย ยกเว้นแต่เวลาโดนลำไส้หรือเส้นประสาทอย่างที่คุณหมอกำลังบอกน้อง แต่มันก็เป็นเพียงชั่วครู่เพราะถ้าคนไข้เจ็บจนรู้สึกทนไม่ไหวคุณหมอก็จะถอนเข็มออกมาและฝังไปในตำแหน่งใหม่

แล้วหลังจากนั้นไม่กี่เข็ม คุณหมอเธอก็ฝังพลาดไปครับ น้องสะดุ้งแล้ว ร้องโอ๊ยออกมาทำเอาผมเกร็งตาม เห็นแล้วสงสารครับ ไม่เหลือความขำหรือ อยากล้อเลียนอะไรแล้ว

ผมอยากเป็นฝ่ายโดนฝังเข็มแทนน้องแทนมากกว่า ยิ่งเขากลัวมันก็ยิ่งเกร็ง พอคุณหมอฝังเข็มที่หน้าแข็ง น้องก็ร้องเสียงดังกว่าเดิมจนน้ำตาเขาไหลออกมา กว่าคุณหมอเธอจะเสร็จสิ้นกระบวนการฝังเข็มไว้ทั่วร่างของน้องน้ำตามันก็ไหลลงข้างขมับของน้องไปหลายหยดเอาเสียแล้ว

“เจ็บมากไหม?” ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาของน้องก่อนตัดสินใจหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาเช็ดน้ำตาให้กับน้องแทน น้องส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่เจ็บ แต่ทรมาน”

ฟังแล้วผมก็อยากหาอะไรมาเบนความสนใจน้องเขาจะได้ลืมความ ทรมานไป ผมกลอกตาไปมาก่อนจะแกล้งถาม

“เจ็บน้อยกว่าเข็มของฉันอีกหรอ?”

น้องกลอกตาเหมือนที่ผมทำเมื่อสักครู่ ผมเลยก้มลงไปเสริมอีกนิดเสียงเบาเพื่อไม่ให้คุณหมอที่อาจจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ได้ยินเข้า

“ก็ตอนฉันฝังเข็มของฉันเข้าไปในก้นนาย นายเอาแต่ร้องเจ็บๆ นี่นา”

หลังจากนั้นน้องก็นอนทำตาเขียวมองผมคล้ายอยากจะลุกมาหักคอทันทีเลยครับ และพอหลังจากคุณหมอเอาเข็มออกหมดแล้ว ผมก็พาน้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง ระหว่างนั้นน้องก็บ่นออกมาขณะที่ผมสวมเสื้อให้เขา

“ให้ตายเหอะ ไม่มาฝังแล้วได้ไหมเนี้ย”

“ทนหน่อยหน่า แค่อาทิตย์ละสามวันเอง หนึ่งเดือนก็หมดคอสแล้วนี่”

“ตั้งหนึ่งเดือน!!”

น้องบอกแล้วทำแก้มพอง ผมหัวเราะเบาๆแล้วจูงมือเขาออกไปจ่ายเงิน ท่าทางของน้องยังคงอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าจนกระทั่งขึ้นรถ ส่วนหนึ่งอาจเป็น เพราะเขายังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมพลิกดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็หันไปถามเขา

“ว่าแต่วันนี้อยากไปไหนต่อหรือเปล่า? หิวหรือยังหืม?”

แน่นอนว่าเขาคงต้องหิวแล้วล่ะครับ แต่ผมก็ถามเผื่อไว้ว่าเขากินอะไรไม่ลง แต่น้องก็รีบบอกทันที

“อือ หิวแล้วๆ”

“อยากกินอะไรล่ะหืม?”

ผมเอี้ยวตัวไปดึงเข็มขัดมาคาดให้เขา น้องมัวแต่หยิบเอาบทละครขึ้นมาเปิดกางดู พอผมถามเขาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอานิ้วจิ้มคางทำท่านึก

“อะไรดีล่ะ มีอะไรกินแล้วไม่อ้วนมั่ง? ถ้าน้ำหนักขึ้นตอนนี้โดนพี่มิซึรุเล่นงานแน่ๆ” ผมนั่งนึกตามคำถามของน้อง แล้วตัวเลือกหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ผมมีอีกร้านที่อยากพาน้องไปทาน

“งั้นไปกินที่ภัตตาคารก็แล้วกัน”

“โอเค ไปกันเลย!”

น้องบอกแล้วชี้มือไปข้างหน้าอย่างร่าเริง ดูเหมือนว่าความหงุดหงิดของเขาจะหายเป็นปลิดทิ้ง ผมเลยขับรถออกคลินิกและมุ่งไปยังร้านอาหารที่ผมเลือก ไว้ในใจ

-TBC-

อ้างถึง
พาร์ทของเรนยาวจัง อยากอ่านเรื่องราวปัจจุบันแล้วอ่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
พาร์ทของเร็น เหตุการณ์จะเท่ากับที่ซัทจังเล่าค่ะ
แต่อิพี่เร็นมันเวิ่น เลยยาวกว่าอ่ะ >"<
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 22 [Update : 27/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 04-07-2013 11:59:57
Ren’s Diary : Chapter 10

 คราวนี้ผมพาน้องไปยังภัตตาคารกลางน้ำที่ปกติแล้วที่บ้านผมมักจะพากันมาทาน คุณมี๊กับคุณป๋ารวมทั้งพี่รินะและผมต่างก็ชอบที่นี่เพราะมีโซนไพรเวทแยกเป็นสัดส่วนให้พวกเราได้ทานอาหารกันอย่างสบายๆและสงบร่มรื่นกับบรรยากาศโดยไม่ต้องปะปนกับใคร ทั้งอาหารก็ปรุงด้วยเครื่องปรุงสดใหม่ โดย เฉพาะอาหารทะเลที่เอามาทำหน้าซูชิกับซาชิมิต่างๆ

พอเรามาถึงกัน น้องก็ทำท่าจะเดินเกร่ดูรอบๆร้าน เขาเดินตัวปลิวคล้ายว่าจะลืมหิวไปยังสะพานไม้ที่อยู่ข้างสระน้ำแล้วชะโงกดูปลาโค่ยหลากสีที่ทางร้านเลี้ยงไว้

“ปลาโค่ยเพียบเลย ดูสิมีตัวสีทองด้วย!” น้องร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อเจ้าตัวสีทองแหวกว่ายเข้ามาใกล้ ผมเดินไปยืนข้างๆน้องแล้วมองดูตามมือเขาที่ชี้

“นั่นโอกอนน่ะ” น้องหันมาเลิกคิ้ว ผมเลยอธิบายเพิ่มเติมคล้ายจะให้ความรู้กับน้องไปในตัว

“ปลาโค่ยน่ะมีหลายสายพันธุ์ ถ้าอย่างสีดำทั้งตัวแบบตัวนั้นก็คือพันธุ์คาราซึโค่ย แล้วก็ถ้าดำเฉพาะครีบอกแต่ขอบหางเป็นสีขาวแบบนั้นคือพันธุ์ ฮิจิโระ อย่างถ้าตัวมันทองทั้งตัวแบบนี้ก็เป็นพันธุ์ฮิการิมูจิโมโนหรือเรียกอีกอย่างว่าโอกอนน่ะ”

ผมอธิบายไปแล้วก็มองหน้าน้องเพลินมากเลยครับ เขาทำปากเป็นรูป ตัวโอแล้วพยักหน้างึกงักมองหน้าผมสลับกับปลาโค่ยที่ผมชี้ให้เขาดู

“แล้วอย่างตัวนั้นล่ะพันธุ์อะไร?” น้องชี้นิ้วไปที่ปลาโค่ยตัวหนึ่งที่มันว่ายเข้ามาใกล้ๆ มันมีสีพื้นเป็นสีขาวแล้วก็มีลายสีดำเป็นดอกๆบนตัว

“นั่นชิโระเบคโกะน่ะ”

“แล้วนั่นล่ะ?” น้องชี้ไปที่ตัวสีขาวที่มีลายกลมๆสีแดงที่หัวครับคราวนี้

“นั่นตันโจ”

“แล้วนั่นล่ะ? นู่นด้วย? แล้วก็นู่นอีก?” สารพัดจะชี้เลยครับคราวนี้ น้องชี้ไปจนเกือบหมดบ่อเหมือนจะประลองเชาว์กัน พอเห็นผมตอบได้หมดเขาก็หันมา เท้าเอวสองข้างแล้วกระดิกเท้าเอียงคอยักคิ้วใส่ผม

“ทำไมนายรู้ดีจัง?”

ผมหัวเราะในลำคอก่อนเอื้อมมือไปจูงมือเขาให้เดินไปหาพนักงาน ต้อนรับที่มายืนคอยได้พักใหญ่แล้วพลางตอบคำถามของเขา

“คุณป๋าชอบเลี้ยงเป็นงานอดิเรกน่ะ ที่โซนสวนญี่ปุ่นของบ้านมีอยู่เยอะแยะเลย ฉันเลยคุ้นเคยกับมันมาตั้งแต่เด็ก”

น้องพยักหน้างึกงักแล้วเบ้ปากน้อยๆน่ามันเขี้ยว

“งานอดิเรกของคนรวยสินะ” ผมได้แต่หัวเราะในลำคอแล้วไม่ได้ตอบ อะไรกลับไป

พนักงานสาวที่คุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดีในฐานะลูกค้าประจำพาผมกับ น้องไปยังเรือนหมายเลขสองที่ปกติแล้วผมจะไปนั่งเป็นประจำอย่างรู้ใจ เพราะ เรือนนั้นเป็นจุดที่สามารถชมความงามของสวนญี่ปุ่นที่ทางร้านจัดไว้ได้ดีที่สุด มาถึงแล้วน้องก็สั่งอาหารสองสามอย่างก่อนจะไปเดินนั่งห้อยขาตรงระเบียงเรือนผมเลยจัดการสั่งอาหารต่อจนเสร็จแล้วเดินตามเขาไปนั่งข้างหลัง

“ชอบไหม?” เพราะเขากำลังเพลินอยู่แล้วผมเดินเข้าไปถามเขาข้างๆหู น้องเลยสะดุ้งเบาๆ เขาหันมามองหน้าผมแล้วยกมือลูบหู

“ก็ดี” น้องตอบเสียงอ้อมแอ้ม ใบหน้าของเขาแดงขึ้นมา ซัทสึกิเลยหลบหน้าลงไปทำมองปลาโค่ยที่ว่ายเข้ามาใกล้ทั้งที่หูของเขากำลังแดงจัด

“อย่ามาทำปากแข็งรู้นะว่าชอบมาก”

“ถ้าคิดว่าชอบมากแล้วจะถามทำไมอีกล่ะ”

น้องอาจไม่รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังน่ารักมากแค่ไหน แก้มใสแดงๆของเขา พองลมน้อยๆจนผมอดไม่ได้จะเอาข้อนิ้วเกลี่ยแผ่วเบาก่อนกดปลายจมูกไปดม ความหอมอีกฟอดหนึ่งอย่างชื่นใจแล้วกระซิบ

“ก็อยากได้ยินจากปาก ถ้าชอบมากพี่ชายจะได้พามาอีกไงครับคุณน้องชาย” ว่าไปแล้วก็ถูกน้องมองค้อนแถมยังโดนหยิกเอวด้วยครับ วิธีการลงโทษของน้องมันช่างแมนเสียจริง ผมคงจะไม่ชอบใจจริตแบบนี้สักเท่าไหร่ถ้าคนทำไม่ใช่ อิชิฮาระ ซัทสึกิที่ผมหลงใหลคนนี้ แต่เพราะเป็นน้องผมเลยได้แต่หัวเราะขำเมื่อเขาเหน็บผมกลับมา

“คุณพี่ชายก็ลงพุงเหมือนกันนะนี่ คราวหน้าไปฝังเข็มพร้อมกับน้องชายหน่อยดีไหมฮะนี่จัง~”

“ได้เลยครับคุณน้อง นี่จังไม่กลัวอยู่แล้ว”

อา..ผมได้ฟัดน้องสมใจแล้วครับ น้องไม่รู้ตัวเลยว่าผมกำลังกอดเขาอยู่แล้วหาเศษหาเลยกับแก้มนุ่มๆของเขา เพราะถ้าเขารู้ตัว ซัทสึกิจังที่บอกว่าตัวเองแสนมาดแมนคนนี้คงจะผลักผมออกไม่ยอมปล่อยให้ผมเวียนจูบซ้ำๆบน แก้มนุ่มของเขาแบบนี้แน่ครับ

แต่ช่วงเวลาของความสุขมักถูกขัดจังหวะเสมอ ตอนแรกผมน่าจะบอกคุณพนักงานเสิร์ฟคนสวยให้ดูจังหวะด้วยสักหน่อย เพราะเธอเปิดเข้ามาขัดจังหวะผม น้องเลยผละจากผมไปนั่งขัดสมาธิมองดูอาหารด้วยท่าทางตื่นเต้นพร้อมรับประทาน ผมเลยต้องเดินไปนั่งข้างๆเขาแต่ในใจยังนึกเสียดายความหวานที่พัดผ่านเข้ามาโดยที่น้องไม่รู้ตัวเมื่อสักครู่

“ไปนั่งฝั่งนู้นสิ จะมานั่งเบียดกันทำไมล่ะนี่!”

พอพนักงานเสิร์ฟกลับออกไปแล้วน้องก็หันมาโวยใส่ผมที่มานั่งเบียดอยู่ กับเขาครับแถมยังแยกเขี้ยวใส่ผมอีกที่พอเขากระเถิบออกห่างผมก็กระเถิบตาม

“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่” ผมคีบเอาเทมปุระกุ้งป้อนให้เขา น้องจิกตามองผมก่อนจะยอมอ้าปากทานเทมปุระที่ผมป้อนให้ พอมีอาหารเข้าปาก น้องก็เลิก โวยวายแล้วก็นั่งเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มพองอีกรอบ

“เอาอีก” คราวนี้น้องอ้าปากให้ผมป้อนเองเลยครับ ผมชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะอ้อนผมแบบนี้ หรืออีกนัยหนึ่งเขาคงชอบใจกับการที่มีคนเอาใจด้วยล่ะมั้งครับ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรซ้ำยังยินดีอีกด้วยเลยจัดการคีบอาหารให้ น้องอย่างเอาใจไปเรื่อยๆ จนเราอิ่มหนำกันอาหารที่ผมกับน้องสั่งก็หมดโต๊ะพอดี

“ให้เขาเอาผลไม้มาเลยนะ?” น้องพยักหน้างึกงักแล้วเหยียดขาออกไปเขาเท้ามือไปข้างหลังแล้วเอนตัวตบท้องที่ไม่มีพุงของตัวเองเล่น

“เจ็บที่ฝังเข็มไปบ้างหรือเปล่า?” ผมถามอย่างห่วงใยเพราะถึงผมจะอ่าน มาว่าไม่เจ็บแต่ก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าจริงๆมันเจ็บหรือเปล่า น้องส่ายหน้าไปมาจนผมเขาสะบัดไปตามแรง

“ไม่อ่ะ ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ มันจะช่วยลดได้จริงหรอ?”

“ก็น่าจะลดได้จริงน่ะแหละ ไม่งั้นคนคงไม่ไปฝังเข็มกันหรอกจริงไหม?”

ผมตอบแล้วก็ชะงักค้างครับเพราะน้องถลกเสื้อขึ้นมาแล้วก้มดูท้องของตัวเอง รู้ไหมมันยั่วสายตาพี่แค่ไหนน่ะคนดี

“ไม่เจ็บแต่ยังมีรอยรูแดงๆอยู่เพียบเลย”

ผมมองแล้วก็เห็นจริงอย่างที่น้องว่าครับ โดยเฉพาะรอบสะดือของเขา แต่มันก็จางลงมากกว่าตอนที่ผมแต่งตัวให้น้องก่อนออกคลินิก

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เกินเย็นนี้ก็น่าจะหาย ดูสิมันจางลงกว่าตอนก่อนออกจากคลินิกอีก”

น้องโคลงหัวไปมาก่อนจะหันมาเหล่มองหน้าผมแล้วเบ้ปาก

“อย่างน้อยก็คงหายไวกว่าไอ้รอยที่นายทิ้งไว้บนตัวฉันแน่ๆ” ผมยิ้มรับ ข้อกล่าวหาของเขาแล้วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้หูของน้อง

“ก็แน่ล่ะสิ...ฉันตั้งใจทำให้มันติดทนนานๆนี่นา”

พูดแล้วก็ต้องรีบถอยห่างครับเพราะหลังจากนั้นน้องก็ทำท่าเหวี่ยงหมัด มาหาผม เคราะห์ดีที่คราวนี้คุณพนักงานเสิร์ฟมาไว น้องเลยได้แต่ทำท่าเข่นเขี้ยวอยากหักคอผม

“มากินผลไม้กันเร็ว เดี๋ยวยังมีที่ต้องไปต่ออีก” ผมจิ้มเอาแตงโมสีแดงสดให้เขาทาน น้องยอมทานแต่โดยดีพลางกลอกตาไปมา

“ไปไหนอีกอ่ะ?”

“ไปสปาไง” น้องพยักหน้างึกงักแล้วยกมือเบรกผมที่ป้อนแคนตาลูป ชิ้นที่สามให้เขา

“พอแล้ว อิ่มจะตายอยู่แล้ว”

“งั้นคิดเงินเลยแล้วกันนะ” น้องพยักหน้าแล้วก้มมองดูพุงตัวเขาเอง อีกรอบระหว่างที่ผมสั่นกระดิ่งเรียกพนักงานให้มาคิดเงิน

“ผลไม้ของเขาอร่อยนะ แต่ถ้าฉันกินมากกว่านี้มันต้องไหลออกมาตามรูเข็มที่ฝังไปเมื่อกี้แน่ๆ” ผมหัวเราะกับคำพูดของน้องก่อนจะหยิบเอาบัตรเครดิตของผมมายื่นให้กับพนักงาน น้องมองตามแล้วขยับล้วงกระเป๋าเงินของเขามาเปิดหยิบเอาบัตรเครดิตที่ผมฝากมิซึรุให้เขาเมื่อวานขึ้นมา

“นี่ๆ บัตรนี้ให้ฉันใช้ได้จริงอ่ะ?” น้องโบกบัตรใบนั้นไปมา

“อืม แต่วงเงินแค่หนึ่งล้านต่อหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นนะ” น้องชะงักแล้วทำตาโตก่อนส่ายหน้าไปมาและพยายามยัดเยียดบัตรคืนมาให้ผม

“ไม่เอาหรอก!! ถ้านายมาเรียกเงินคืนทีหลังฉันไม่มีให้หรอกนะ”

“ฉันให้แล้วไม่เอาคืนหรอก แล้วบัตรนั่นมันก็เป็นชื่อนายแล้วด้วย”

น้องยกบัตรขึ้นมาดูอีกครั้ง คิดว่าเขาคงกำลังมองดูชื่อตัวเองอยู่ พอเห็นชื่อตัวเองแล้วน้องก็เงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้งแล้วถามอย่างสงสัย

“แล้วถ้าพ่อกับแม่นายรู้ไม่เล่นงานฉันตายเลยหรือไงกัน?”

“พวกเขาจะมายุ่งอะไรด้วยล่ะ นี่มันเงินฉันนะ แล้วนายก็ไม่ต้องกลัว นายจะรูดไปเท่าไหร่ฉันก็จะจ่ายให้นายเอง” น้องทำตาปริบๆเขาก้มหน้ามองบัตรแล้วเงยหน้ามองผมอีกครั้งคล้ายไม่แน่ใจ

“เงินนาย?”

“อืม..ฉันมีเงินปันผลจากหุ้นของบริษัทที่บ้านแล้วก็จากเงินลงทุนหุ้นเล็กๆน้อยที่ฉันเล่นแก้เครียด”

ผมบอกไปแล้วน้องก็ทำปากค้างใส่ผมจนผมรู้สึกว่าตัวเองอาจพูดอะไรผิดไป แถมเขายังเงียบไปตลอดทางหลังจากที่ผมพาเขาออกมาจากร้านอาหาร

จนถึงบ้านผมนั่นแหละครับน้องถึงกลับมาคุยกับผมอีกครั้ง

“ที่นี่ที่ไหน?”

“บ้านฉันเอง”

น้องทำตาโตใส่ผมที่กำลังจูงมือเขาเข้าไปในบ้าน เรายังไม่ทันจะก้าวเข้าบ้านไปถึงห้าก้าว ผู้ให้กำเนิดสุดสวยของผมก็เดินรี่เข้ามาหาเราทั้งสองคน

คุณมี๊ยิ้มสวยต้อนรับน้องที่เธออยากพบมาโดยตลอด สายตาของคุณมี๊วิบวับพอๆกับรอยยิ้มเลยครับ

“มาเร็วจังเลยค่ะ คุณมี๊นึกว่าลูกจะเข้ามาค่ำๆเสียอีก”

“พอดีผมว่าจะพาซัทสึกิเขามาสตรีมเสียหน่อยครับ ยืมห้องสตรีมของคุณมี๊หน่อยนะครับ” ผมเคยบอกคุณมี๊ไว้แล้วว่าจะพาน้องมายืมใช้ห้องสตรีม พอบอกไปอย่างนั้นคุณมี๊ก็หันไปหาซัทสึกิอีกครั้ง น้องกำลังยืนทำหน้างงมองเราสองแม่ลูกสลับกันไปมา

“นี่หรอคะซัทสึกิจังของเร็น หน้าตาน่ารักน่าชังจังเลยค่ะ ผิวก็เนียนดี สตรีมอีกนิดก็อมชมพูสวยไปเลย” บอกได้ไหมครับว่าผมแอบยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ปกติแล้วถึงจะเป็นคนใจดีแต่คุณมี๊ไม่ใช่คนที่จะเอ่ยชมใครว่าน่ารักน่าชังง่ายๆนะครับ

“ตาถึงไม่เบานะคะลูก คนนี้คุณมี๊ให้ผ่านค่ะ” ผมแอบลอบยิ้มกับคุณมี๊

การเปิดทางว่าผู้ใหญ่เห็นด้วยในความรักของเราเป็นขั้นต้นที่เราสองคนแม่ลูกตกลงกันไว้ครับ เพื่อให้น้องไม่ตะขิดตะข่วงใจว่าถ้าเขารักจากผมแล้วจะต้องเจออุปสรรคว่าพ่อแม่จะไม่ยอมรับความรักของเราเหมือนกับในละคร แต่ดูเหมือนน้องจะตามเรื่องไม่ทันครับ เขาเอียงคอน้อยๆแล้วถาม

“เอ่อ..? ผ่านอะไรครับ”

“ผ่านเกณฑ์ลูกสะใภ้ตระกูลริวซากิไงคะลูก”

พอน้องถามแล้วคุณมี๊ก็ตอบกลับไปทันทีอย่างไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น น้องทำหน้าเหวอ เขากะพริบตาเบาๆเหมือนได้ยินอะไรที่ไม่คาดฝันก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“อ่า..ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ชายนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมี๊ไม่ถือ แค่หนูน่ารักแล้วก็นิสัยดีอย่างที่พ่อตัวดีเขา การันตีมา คุณมี๊ก็ยินดีรับหนูเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วล่ะ”

คุณมี๊เองก็เป็นเหมือนผมครับ คือถ้าอยากได้อะไรแล้วก็จะไม่ยอมแพ้ แต่ ก็เช่นเดียวกัน น้องเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันที่จะแสดงความมาดแมนของเขาออกมา

“ผมกับเร็นเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นครับ”

“เรื่องของอนาคตมันไม่แน่นิคะลูก วันนี้เป็นเพื่อน วันต่อไปอาจเป็นคู่ชีวิตกันก็ได้ ค่อยๆคบกันไปจากการเป็นเพื่อนกันก็ดีแล้วค่ะ เพราะคู่ชีวิตที่ดีที่สุดคือ ต้องเป็นเพื่อนชีวิตกันนะคะรู้ไหม”

ลูกตบของน้องโดนคุณมี๊ตอบกลับไปอย่างสวยแต่ไม่งามสักเท่าไหร่ครับ ผมรู้สึกว่ามันเริ่มจะผิดแผนนิดๆเอาเสียแล้วเพราะตอนนี้น้องเริ่มตีสีหน้าบึ้งตึงไม่ชอบใจออกมาแล้ว ผมเลยต้องขัดตาทัพเอาเสียก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

“พอเถอะครับคุณมี๊ หยอกน้องแรงๆแบบนี้ ซัทสึกิเกร็งจะแย่อยู่แล้ว”

ผมเอื้อมมือมาหยิกแก้มของเขาเบาๆ น้องแยกเขี้ยวใส่ผมแล้วทำแก้มพองอย่างที่ติดเป็นนิสัยเวลาถูกแหย่ เห็นแบบนี้แล้วคุณมี๊ก็หัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดูแต่ก็ไม่วายหยอดทิ้งท้ายเอาไว้อีกระลอก

“โอเคค่ะ คุณมี๊เลิกแกล้งแล้วก็ได้ แต่คุณมี๊อยากได้ซัทสึกิจังเป็นลูกสะใภ้จริงๆนะคะลูก ว่าแต่เย็นนี้อยู่ทานข้าวเย็นกันด้วยนะคะลูก คุณมี๊ว่าคุณป๋ากับรินะ คงอยากเจอซัทสึกิจังของเร็นอยู่นะคะ”

บอกแล้วครับว่าคุณมี๊เป็นคนไม่ยอมอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ยิ่งได้มาเจอตัวจริงของซัทสึกิ คุณมี๊คงต้องการที่จะได้เห็นความน่ารักน่าแกล้งของน้องมากขึ้นไปอีก ให้สมกับที่เธอรอคอยมานาน

“ตกลงครับ แต่ขอเป็นอาหารชีวจิตหน่อยนะครับคุณมี๊ ซัทสึกิเขาต้องควบคุมน้ำหนักครับ” ผมบอกแล้วหันไปลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู ซัทสึกิน่าจะกำลังหงุดหงิดอยู่ที่ถูกเข้าใจผิด เขาเลยก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเอง แต่พอคุณมี๊เอ่ยแซวผม น้องก็เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะตามเสียงของคุณมี๊

“บอกแต่ว่าน้องเขาต้องควบคุมน้ำหนัก เร็นเองก็ควรควบคุมน้ำหนักได้ แล้วนะคะลูก พุงเริ่มออกแล้วนะเรา ว่างๆเข้าไปเฟิร์มหุ่นสักนิดก็ดีนะคะ”

ผมหรี่ตากับเสียงหัวเราะของน้องก่อนจะยกยิ้มบ้างเมื่อคิดหาทางแกล้งเขาขึ้นมาได้ ผมตอบคุณมี๊แต่มองน้องยิ้มๆ

“ผมมีวิธีลดของผมอยู่ครับคุณมี๊?”

“ลูกลดยังไงคะ คุณมี๊ไม่เห็นลูกเข้ายิมมานานแล้วนะ?” คุณมี๊ทำท่าสงสัย ผมเลยตอบกลับไปขณะที่น้องหลบสายตาวูบ ผมว่าซัทสึกิรู้แล้วว่าผมจะตอบอะไร

“อ่อ..ช่วงนี้ผมฝังเข็มกับซัทสึกิครับ”

บอกเสร็จแล้ว แก้มใสๆของน้องก็แดงจัดเหมือนมะเขือเทศสุกเลยครับผมหลิ่วตาให้กับคุณมี๊ก่อนจะจูงน้องเดินไปยังห้องสตรีมที่อยู่บนชั้นสอง ผมบอก กับสาวใช้ที่เดินตามมาให้เข้าไปเตรียมห้องสตรีมให้ก่อนจะพาน้องไปยังห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า พออยู่กันตามลำพังแล้วผมก็ถูกซัทสึกิซักฟอกทันทีครับ

“นายไปเล่าอะไรให้แม่นายฟังน่ะ!?”

น้ำเสียงจับผิดระคนหาเรื่องของน้องนี่น่าฟังจังเลยครับ เวลาเขาสงสัย และอยากรู้เขาจะพยายามทำเสียงให้ต่ำเข้าไว้แล้วก็กดสายตามอง อารมณ์คล้ายเด็กที่ชอบเลียนแบบผู้ใหญ่ประมาณนั้นแหละครับ เห็นแล้วน่าเอ็นดูสุดๆ

“ก็ไม่มีอะไรนี่” ตอบไปอย่างนั้นแล้วผมก็รู้ครับว่าน้องต้องไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่ แล้วก็อย่างที่คิดไว้เขาเดินมาขวางหน้าผมไว้แล้วเค้นถามต่อเพื่อให้ได้คำตอบที่เขาอยากรู้

“ริวซากิ เร็น บอกมาซะดีๆ” ผมเอาลิ้นดุนแก้มสองสามทีก่อนจะยื่นหน้าไปหาเขาพร้อมรอยยิ้ม

“บอกก็ได้..ฉันบอกคุณมี๊ว่าวันนี้จะพาลูกสะใภ้มาหา โอเคไหม?”

เท่านั้นแหละครับ น้องก็ทำหน้างอเบะปากคว่ำทันที

“ไม่โอเค” ผมแทบจะหลุดหัวเราะกับกิริยาของเขาเพราะเป็นปฏิกิริยาที่ ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด ผมหยิกแก้มน้องอย่างมันเขี้ยวเลยถูกเขาย่นหน้าใส่

“ไม่โอเคก็ไม่โอเค ไปถอดเสื้อผ้าได้แล้ว หรือจะให้ฉันถอดให้...อีก”

“ไม่ต้อง! ถอดเองได้น่ะ!” คนดีเขาสะบัดทั้งหน้าและเสียงใส่ผมก่อนจะดึงเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ผมยื่นให้เขาไปถือไว้เอง

พอเขาทำท่าจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเลยแกล้งเย้าเขาไปอย่างอดไม่ได้

“ถอดชั้นในด้วยนะ เดี๋ยวเข้าห้องสตรีมแล้วมันจะเปียกไม่มีอะไรใส่ซะก่อน”

ปดคำใหญ่มากเลยครับ จริงอยู่ที่เข้าห้องสตรีมมันคงจะเปียกแน่ๆ แต่ไอ้เรื่องไม่มีอะไรใส่นี่มันไม่ใช่ปัญหาที่ผมจะแก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทำไงได้ครับ..ผมอยากหาเศษหาเลยแล้วก็อยากเห็นน้องแก้มแดงด้วยนี่ครับ แล้วผมก็ได้เห็นสมใจ น้องแก้มแดงจัดกับคำพูดของผม เขาสะบัดผ้าขนหนูมาดูแล้วมองหน้าผมก่อนจะมองกลับไปที่ผ้าผืนเล็กนั่นอีกที

“จะบ้าหรอ!!”

“หรือจะเปลือย? ไม่ต้องห่วงมีฉันแค่คนเดียวไม่มีคนอื่น”

จริงๆถ้าซัทสึกิใส่เสื้อผ้าหลายชั้นแบบคืนแรกที่เราได้นอนด้วยกันคืนนั้นหรือจะนุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเล็กนั่น...ยังไงน้องก็ต้องโป๊ให้พี่ยลอยู่ดีนั่นแหละจ้ะคนดี อันนี้เป็นความลับสุดยอดนะครับ...แต่ผมอยากทำรักกับน้องหลังจากที่เราสตรีมเสร็จกันแล้วจัง ผิวอุ่นผ่องๆหลังจากสตรีมแล้วคงน่าฟัดไม่น้อย

ในที่สุดน้องก็ยอมเปลี่ยนมานุ่งผ้าขนหนูผืนสั้นนั้นครับ ไม่อยากบอกว่า ใจผมเต้นแรงมาก น้องดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าตอนที่อยู่คลินิกฝังเข็มเสียอีก อาจเป็นเพราะใต้ผ้าขนหนูผืนสั้นนั้นมันไม่มีชั้นในอยู่ด้วยก็เป็นได้ สายตาของผมเลยเอาแต่มอง ไปที่ชายผ้านั้นเลยถูกน้องเดินเข้ามาบิดพุงอย่างแรง

“โอ้ย! เจ็บนะ”

“สมควร อยากทำสายตาลามกเองทำไมล่ะ” ผมหัวเราะในลำคอ ไม่อยากบอกว่าไม่ใช่แค่สายตาผมหรอกที่ลามก แต่ก็ไม่อยากพูดไปในแมวน้อยของผมตื่นกลัวเสียก่อนเลยหยิบเอาผ้าขนหนูเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง

กลับออกมาอีกครั้งน้องก็กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนม้านั่งยาว ในมือของเขากำลังกดมือถือเล่นอยู่ พอหันมาเห็นผมยืนมองอยู่เขาก็เอาขาลงแล้วหุบขาก่อน จะแยกเขี้ยวใส่ผมเหมือนแมวน้อยช่างขู่ทั้งๆที่ผมเองก็เคยเห็นเขาโป๊ทั้งตัวมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแท้ๆจะหวงเนื้อหวงตัวไปทำไมไม่รู้

“ไปเข้าห้องสตรีมกัน” ผมบอกแล้วใช้มือแตะเอวน้อง คนดีสะดุ้งแล้วถ่องศอกเข้าท้องผม พอเห็นผมร้องพลางงอตัวเขาก็แลบลิ้นใส่ชนิดที่เห็นแล้วอยากจับกระชากมาจูบมากครับ

“สมน้ำหน้า อ๊ะ!” กรรมตกไปอยู่กับน้องครับ เขาสะดุดกับขอบประตูแล้วทำท่าจะล้มลงไป เคราะห์ดีที่ผมดึงแขนเขาไว้ได้ทันเลย

ผมดึงเขามากอดไว้อย่างใจหาย เพราะพื้นที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตูนั้นเป็นหินแกรนิตแข็งๆและยังอยู่ในระยะที่จะล้มไปฟาดกับขอบขั้นบันไดสองสามขั้นที่จะเข้าไปในห้องสตรีมอีกด้วย มันอาจทำให้เขาหัวแตกได้ถ้าล้มฟาดลงไป

ผมนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่กอดเขาให้ซุกกับไหล่ของตัวเองพลางกร่นด่าตัวเองที่ไปแหย่เขาจนเกือบเกิดเรื่องขึ้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆทั้งหมดนี้เป็นความผิด ของผมคนเดียวเลย

“ไม่เป็นอะไรนะ?” พอรู้สึกตัวผมก็เลยปล่อยเขาออกจากอ้อมกอดแล้วถามอย่างเป็นห่วง น้องเหลือบตามองหน้าผมก่อนส่ายหน้าเร็วๆแล้วหันเดินเข้าไป ในห้องสตรีมโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาปอยู่ตรงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่นด้วยแก้มแดงๆและท่าทางขัดเขินของเขา

อิชิฮาระ ซัทสึกิช่างเป็นเด็กร้ายกาจจริงๆครับ

หลังจากที่เราสตรีมกันเสร็จแล้วผมก็พาน้องลงมาแช่น้ำอุ่นที่อยู่อีก ห้องหนึ่ง ห้องนี้จัดเป็นอีกห้องสำหรับผ่อนคลายที่ผมชื่นชอบครับ เพราะภายใน ห้องจัดแบบเป็นสวนหย่อมสไตล์บาหลีเล็กๆ มีกลิ่นอโรม่าหอมกรุ่นไปทั่วแต่ยังไงก็ คงหอมแพ้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆผมนี่แหละครับ

ถึงเวลานี้แล้วอารมณ์หนุ่มมันก็ถูกปลุกเร้าขึ้นมาเสียแล้วครับ ผิวน้องผ่องมากถึงมากที่สุดเลยครับ ชนิดว่าไม่น่าเชื่อว่าเป็นผิวผู้ชายด้วยกัน น้องแก้มแดง และยังคงมีไอน้ำเกาะพราวบนใบหน้ากับลำตัวของเขา เรือนผมชื้นนิดๆที่ละล้อมใบหน้าหวานของเขาพาให้ดูเซ็กซี่เย้ายวนอย่างที่เจ้าตัวคงไม่คาดคิด ผมเลยเบียดกระแซะเข้าไปนั่งชิดกับน้อง

“ที่มีตั้งเยอะ ไปนั่งไกลๆดิอึดอัด”

“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่” ผมบอกแล้วเกี่ยวเอวน้องไว้ก่อนที่เขาจะลุกไปนั่งตรงอื่น ออกแรงรั้งให้เขานั่งลงบนตักผม น้องดิ้นแล้วโวยวายตามประสาคนแมนๆที่ไม่ยอมให้หักเหลี่ยมความแมนกันง่ายๆครับ

“เฮ้ย!! ปล่อย!!”

“ออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่กัน”

ผมบอกไปอย่างนั้นน้องก็ทำหน้างอแล้วบ่นอุบอิบ ใบหน้าเขาแดงจัดกว่าเมื่อครู่ สังเกตดีๆแล้วหูของเขาก็แดงไม่แพ้กันเลยครับ

“ลามกที่สุด” ผมยิ้มรับคำพูดของน้องแล้วเลื่อนมือไปลูบขาอ่อนเนียนๆของเขา น้องขยับตัวกระสับกระส่ายอยู่บนตักของผม เขาหันมองไปที่ประตูห้องแล้วหันมามองค้อนใส่หน้าผมที่กระซิบข้างแก้มเขา

“แล้วอยากให้ลามกด้วยหรือเปล่าล่ะ? ซัทสึกิเองก็ลามกเหมือนกันน่ะแหละ” ผมว่าแล้วเลื่อนมือจากซอกขาล้วงไปใต้ผ้าขนหนูผืนสั้นเข้าไปจับซัทสึกิน้อย ที่แสนน่ารักตรงกลางหว่างขา ซัทสึกิน้อยของน้องตื่นตัวรับสัมผัสของผมอย่างน่ารังแกเป็นที่สุด

“นายก็อยากให้ฉันลามกใส่เหมือนกันน่ะแหละ”

“อย่านะเว้ยเฮ้ย!!” น้องร้องโวยวายแล้วดิ้นขลุกขลักซัทสึกิเขาเป็นพวกไวต่อสัมผัสครับเลยง่ายต่อการปลุกเร้า สีหน้าแดงระเรื่อเพราะทั้งขลาดเขินและวาบหวามแต่ก็ยังจะพยายามโวยวายอย่างคนแมนๆตามฉบับของน้องนี่มันน่ารักเป็นที่สุด ถ้าเขาเป็นประเภทชอบอ่อนระทวยหรือไม่ก็ชอบยั่วยวนแบบคนอื่นๆที่ผมเคยผ่านมาแล้ว ผมคงจะไม่หลงรักเขามากมายขนาดนี้หรอกครับ

“หยุดไม่หรอก..ก็ซัทสึกิออกจะน่ารักขนาดนี้” ผมดึงผ้าขนหนูของน้องกับตัวเองออกให้ร่างกายของเราแนบชิดกันอย่างไม่มีอะไรมาขวาง น้องยังคงพยายามผลักผมออกทั้งที่สะโพกเขายังเบียดกับตักของผม

ความน่ารักของน้องทำให้ผมลุ่มหลงจนไม่อาจห้ามตัวเองได้ ผมยกสะโพกของน้องขึ้นเล็กน้อย ใช้เร็นน้อยของผมถูไถเข้ากับปากทางคับแคบแล้วโน้มคอให้น้องหันกลับมาจูบกับผมก่อนกดสะโพกของน้องให้ลงมาครอบครองตัวตนที่ปรารถนาเขาเต็มเปี่ยม แล้วผมก็ต้องสบถด่าตัวเองในใจเมื่อน้องร้องอุทานออกมาพร้อมกับสีหน้าเหยเก

“เจ็บนะ!!” เพราะความต้องการอันละโมบของผมเลยทำให้ผมลืมเตรียมความพร้อมให้กับเขา แต่ถ้าให้ถอนกายออกจากเขาตอนนี้ผมก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน ร่างกายของน้องบีบรัดผมอย่างรุนแรงจนแทบขยับไม่ได้ ผมกัดฟันแล้วจับน้องให้ขยับขึ้นลงบนตักพลางปลอบประโลมเขา

“เดี๋ยวก็หายเจ็บ”

ผมบอกแล้วพรมจูบไปทั่วหน้าเขา น้องบิดตัวคล้ายทรมานและพยายามเอียงหน้าหนีริมฝีปากของผม มือเขาจิกกับไหล่ของผมอย่างแรงก่อนร้องครางเสียงหวิวออกมาให้ผมใจสั่น ท้ายสุดเขาก็เลิกบ่ายเบี่ยงและยอมให้ผมจูบเขาแต่โดยดี

“หยุดเถอะ..” จูบกันเสร็จน้องก็ก้มลงมาซุกหน้าอยู่กับบ่าของผมแล้วครางเสียงสั่น เขายังคงขยับไปตามแรงส่งของผม น้องดูเย้ายวนมากเวลานี้ ผมลูบหลัง เขาเบาๆแล้วจูบขมับเนียน

“ฉันหยุดไม่ได้แล้ว นายก็รู้..”

ริมฝีปากของผมเลื่อนจากขมับไปที่แก้มของเขา มือก็เลื่อนลงไปช่วยให้ น้องหายอึดอัดบ้าง เขาเบียดสะโพกเข้ากับตักผมหนักหน่วงเมื่อผมทำเช่นนั้นและยิ่งครางเสียงสั่นขึ้นเรื่อยๆเมื่ออารมณ์ของเราทั้งสองมันพุ่งสูงมากยิ่งขึ้น แต่ทว่าอารมณ์รักของเราทั้งสองก็ถูกจังหวะขึ้นด้วยเสียงของคุณมี๊

“คุณมี๊เอาขนม...เร็นลูกกับน้องกำลังทำอะไรกันอยู่นี่!!”

ผมชะงักไปก่อนจะด่าตัวเองที่ลืมปิดประตู น้องหยุดขยับบนตักของผม ใบหน้าเขาซีดเผือดทันที สำหรับผมที่รู้ดีว่าคุณมี๊รู้เรื่องระหว่างผมกับน้องแล้วจึงไม่นึกกังวลอะไร

แต่น้องที่ไม่รู้จึงตกใจมาก เขาตัวแข็งในอ้อมกอดของผมและไม่พูดอะไรสักคำเมื่อคุณมี๊บอกให้เราทั้งสองแต่งตัวและตามลงไปข้างล่างเพื่อพูดคุยกัน

“บ้าจริง เพราะนายคนเดียวเลย แล้วนั่นยิ้มอะไรของนายกัน!”

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 22 [Update : 27/6/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 04-07-2013 12:00:33
น้องตวาดเสียงใส่ผม ใบหน้าของเขาแดงกล่ำและแววตาขุ่นมัว

“ไม่มีอะไร”

ผมส่ายหน้าแล้วช่วยน้องแต่งตัวเพราะมือของเขายังคงสั่นอยู่ ผมจะบอกน้องไปได้ยังไงครับ ว่าอีกด้านหนึ่งผมยินดีที่คุณมี๊เข้ามาเห็น เพราะบางทีผมอาจ จะมัดมือชกให้น้องกลายเป็นของผมได้นี่ครับ ในเมื่อถูกผู้ใหญ่เห็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบนี้แล้ว น้องคงไม่มีทางปฏิเสธผมได้อย่างแน่นอน

แต่งตัวกันเสร็จแล้วผมก็พาน้องเดินลงมาข้างล่าง สีหน้าของน้องยังคง ไม่ดีสักเท่าไหร่ แววตาของเขายังคงวิตกอย่างชัดเจน พอผมยกมือขึ้นโอบไหล่เขา น้องก็เบี่ยงตัวหนีแล้วเดินหนีผมไปนั่งที่โซฟาโดยไม่มองหน้าใคร

ผมแอบเห็นคุณมี๊อมยิ้มและส่งแววตารู้ทันมาให้ผมก่อนจะที่จะปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉยเมื่อน้องเหลือบมองมา

ผมเดินลงไปนั่งที่เก้าอี้ข้างน้องในขณะที่คุณมี๊นั่งลงอีกข้าง แอบใจเต้นเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าเรื่องวันนี้จะจบลงแบบไหน แต่ที่แน่ๆ มองตามารดาบังเกิดเกล้าสุดที่รักของผมแล้ว ผมก็รู้ดีว่าคุณมี๊เองก็อยากได้น้องมาเป็นลูกสะใภ้อย่าง แรงกล้าเหมือนกับที่ผมอยากได้น้องมาเป็นลูกสะใภ้ให้กับคุณมี๊นั่นแหละครับ

“ลูกทำแบบนี้ได้ไงเร็น” คุณมี๊เริ่มต้นพูดเมื่อคุณแม่บ้านที่ยกน้ำผลไม้มาเสิร์ฟนั้นเดินออกจากบริเวณที่เรานั่งกันอยู่ไปแล้ว ผมนั่งมองน้องก้มหน้าแล้วมองหน้าคุณมี๊ที่ขยิบตาให้กับผมทีหนึ่งก่อนจะเริ่มต่อ

“คุณมี๊รู้นะคะว่าวัยรุ่นสมัยนี้ใจเร็วด่วนได้ แต่น้องเพิ่งจะอายุสิบเก้าเองนะคะลูก ยังไงลูกก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะเร็น...บ้านซัทสึกิจังอยู่ที่ไหนหรอคะลูก?”

น้องสะดุ้งไม่น้อยเลยครับพอถูกคุณมี๊วางมือลงบนไหล่ เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วกะพริบตาอยู่สองสามหนก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงงุนงง ผมต้องรีบตีสีหน้าเคร่งเครียดเพื่อไม่ให้น้องจับผิดได้

“เอ่อ...ทำไมหรอครับ?”

“คุณมี๊จะให้พ่อตัวดีไปขอโทษพ่อกับแม่ของซัทสึกิจังไงคะ แล้วก็จะสู่ขอซัทสึกิจังด้วยเลย” เป็นการรวบรัดผิดวิสัยของคุณมี๊มากครับ ถ้าไม่ต้องแกล้งทำตัว ว่าเป็นผู้กระทำผิดอยู่ ผมก็คงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเพราะรู้ดีว่าคุณมี๊เร่ง รวบรัดมัดมือชกกับน้องเพราะอะไรกัน

“เอ่อ..ไม่ต้องก็ได้ครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น..”

น้องเอ่ยขึ้นช้าๆก่อนจะถูกคุณมี๊ขัดขึ้นทันที อย่างคุณมี๊ไม่มีวันยอมอยู่แล้วครับที่จะปล่อยให้สิ่งที่ต้องการนั้นหลุดมือ จะว่าไปแล้วผมก็ถอดนิสัยของคุณมี๊มาเต็มๆเหมือนกันครับ

“เรื่องใหญ่สิคะ คุณมี๊ไม่ยอมให้เร็นทำผิดธรรมเนียมแบบนี้กับซัทสึกิจังหรอกนะคะลูก!!”

“ไม่จำเป็นเลยครับ!! ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรผมทั้งนั้น!! ผมยอมเร็นเองแล้วก็ไม่ได้เสียหายจนต้องมารับผิดชอบตามธรรมเนียมอะไรนั่นด้วย!!” น้องโพล่งออกมาคล้ายคนที่อึดอัดเต็มแก่ เขาหอบหายใจแรงและแววตาตระหนกชัดเจน ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วพูดเสียงเบาอย่างเด็กที่รู้ว่าตัวเองเพิ่งก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ไป

“ขอโทษครับ”

ทั้งผมและคุณมี๊นิ่งอึ้งไป คุณมี๊เองก็ไม่ได้รุกเร้าต่อ อาจเป็นเพราะคุณมี๊สังเกตเห็นเหมือนผมก็ได้ว่าแววตาของน้องดูเครียดจัดและเริ่มมีน้ำตามาคลอ

น้องคงอัดอั้นไม่น้อยกับสถานการณ์แบบนี้ ผมเองก็ผิดหวังที่น้องปฏิเสธที่จะให้ผมรับผิดชอบเขา ผมสูดลมหายใจลึกๆและพยายามคิดหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่มันผิดไปย่ำแย่เกินกว่าที่คาดนี้ แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร น้องก็หันมา สะกิดผม

“ฉันจะกลับแล้วนะ”

น้องบอกแล้วลุกขึ้นค้อมศีรษะให้คุณมี๊ก่อนจะเดินออกไปทันที ผมมอง ตามไปอย่างลังเล บอกตามตรงครับว่าผมผิดหวังจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

“ตามน้องไปสิจ้ะลูก”

คุณมี๊สะกิดและพยักพเยิดไปทางน้องที่เดินลิ่วๆออกไป

“วันนี้ไม่ได้แต่วันหน้ายังมีอีกนี่นา ลูกชายสุดหล่อของคุณมี๊จะยอมแพ้ง่ายๆอย่างนั้นหรอคะ?” ผมพยายามยิ้มให้กับคุณมี๊ก่อนจะเดินตามน้องออกมาน้องไม่ยอมหันกลับมามองหน้าผมเลยสักนิด ผมเลยคว้ามือเขาไว้แล้วพามาขึ้นรถ

ใจหนึ่งผมก็รู้สึกผิดครับ แต่อีกใจมันร้ายกาจอยู่มากเพราะความผิดหวัง ผมเหยียบคันเร่งแทนการระบายอารมณ์ฉุนเฉียวในด้านร้ายของผมออกมาเพราะ ไม่อยากให้น้องต้องตื่นกลัวกับอารมณ์ของผมมากนัก

“นายโกรธฉันหรือไง?”

น้องถามขึ้นในตอนที่เราเกือบจะถึงหอพักกัน ผมเหยียบเบรกเต็มแรงและรถก็มาจอดสนิทที่หน้าบ้านพัก ผมสูดลมหายใจลึกๆและปลดล็อกประตู

“ลงไปซะซัทสึกิ”

ผมบอกน้องเสียงนิ่งชนิดที่ผมอยากกร่นด่าตัวเองที่ใช้น้ำเสียงนี้กับเขาแต่ถึงผมจะรู้ว่าผมต้องเดินหน้ากับความรักของผม ผมไม่ยอมที่จะเสียมันไปง่ายๆ ทว่าเวลานี้ผมอยากมีเวลาอยู่ตามลำพังเพื่อคิดหาทางที่จะเดินต่อ

“ไม่ลง หันมาคุยกันก่อนสิ!!” น้องเอามือมารั้งหน้าผมให้หันกลับไปมอง เขา แต่ผมยังไม่อยากมองครับ กลัวว่าถ้าหันไปแล้วน้องจะย้ำบอกว่าเขาไม่ ต้องการให้ผมรับผิดชอบอะไรและให้ ผมเดินออกไปจากชีวิตเขา ผมกลัวที่สุดว่า น้องจะไม่ยอมให้ผมอยู่ข้างๆเขาอีกแล้ว ผมหันหนีเขาและเปิดประตูลงจากรถไป

ถึงอีกใจจะกลัวแต่อีกใจก็อยากเคลียร์กันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวครับ ในตอนนี้ผมเหมือนกับคนที่สับสนสุดๆ ผมเดินเข้าในไปหอและขึ้นไปบนห้องโดยมีน้องเดินตามมา ผมพยายามคิดหาทางออกที่จะจบลงอย่างสวยงามสำหรับเรื่องนี้ แต่จิตใจ ก็ดันไปพะวงอยู่กับน้องที่ยังคงตะโกนเรียกไล่หลังผมมา

“เดี๋ยวก่อนสิ!! เดี๋ยวก่อนสิวะ!!”

“ซัทสึกิ ฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยอะไรทั้งนั้นตอนนี้”

ผมหันไปบอกเขาทันทีเมื่อเรามาอยู่ในห้องนอน น้องยืนหอบอยู่ที่ประตูเขาถีบประตูปิดแล้วเดินมาหาผมด้วยท่าทางโกรธจัด ที่จริงก็สมควรอยู่ครับที่เขา จะโกรธผมที่เอาแต่เดินหนีเขาแบบนี้

“ไอ้บ้า!! เรื่องมันไม่ใช่เพราะฉันเลยนะเว้ย!! ฉันห้ามนายแล้วนายก็ยังทำ แล้วพอเกิดเรื่องขึ้นนายก็มาทำท่าโกรธฉัน บ้าที่สุด!!” น้องวีนออกมาในที่สุดเขาถลาเข้ามาจะชกผมแต่ก็ถูกผมจับมือเขาล็อกเอาไว้ได้ก่อนรวบตัวเขากอดไว้ พอเห็นน้องวีนออกมาแบบนี้แทนที่จะเก็บไว้เหมือนกับตอนที่คุยกับคุณมี๊และตอนอยู่ในรถ ปีศาจที่อยู่ในอกซึ่งสร้างความโกรธของผมมันก็ถูกเตะทิ้งอย่างรวดเร็ว ผมเกลียดตัวเองขึ้นมาจับใจที่ทำให้เขาคิดว่าผมโกรธเขา

“ฉันไม่ได้โกรธนาย แต่ฉันกำลังโกรธตัวเอง”

ผมพูดเสียงเบาอยู่ข้างหูน้องที่ยังคงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะสารภาพต่อด้วยสิ่งที่คิดอยู่ในใจ

“ฉันแค่คาดหวังมากเกินไป ที่แอบคิดอยากให้นายยอมรับการรับผิดชอบจากฉันอย่างที่คุณมี๊บอกว่าฉันควรทำ แต่เมื่อนายยืนกรานไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉันขนาดนั้น ฉันเลยเสียใจแล้วก็ผิดหวัง ลงท้ายเลยโกรธตัวเองที่ทำให้นายไม่ไว้ใจเลยไม่ยอมรับความรับผิดชอบจากฉัน”

น้องหยุดดิ้นแล้วครับตอนนี้ เขาก้มหน้าฟังผม ผมให้เวลาเขาคิดในสิ่งที่ผมพูดออกไปและกอดเขาไว้แน่นขึ้น ผมซบใบหน้าลงกับไหล่ของเขา น้องนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง

“นายเข้าใจคำว่ารับผิดชอบของแม่นายแค่ไหนกันริวซากิ”

ผมเงียบไม่ตอบถึงจะรู้ดีว่ามันคืออะไร แต่ผมอยากให้น้องเป็นฝ่ายพูดเพื่อที่จะรับคำตอบที่ซ่อนอยู่ในใจของเขามากกว่าที่จะให้เขารับคำตอบจากผม

“แม่นายบอกให้นายรับผิดชอบฉัน มันหมายความว่าไง อย่างแม่นายคงไม่ใช่ให้เอาเงินมาฟาดหัวฉันเป็นค่าที่ฉันเสียตัวให้นายหรอกจริงไหม”

“คุณมี๊คงอยากให้ฉันแต่งงานกับนาย”

ผมตอบอย่างไม่อ้อมค้อม น้องแกะมือผมออกจากเอวแต่ผมไม่ยอม ปล่อยเขาและกอดเขาไว้แน่นกว่าเดิมเมื่อน้องเอ่ยกลับมาแทบในทันที

“นั่นแหละปัญหาใหญ่”

“ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่งงานกับฉันไม่ดีหรือไงกัน?”

ผมถามเขาไปอย่างน้อยใจ รู้สึกแย่เมื่อรับรู้ว่าน้องไม่อยากแต่งงานกับ ผม น้องถอนหายใจช้าๆ สีหน้าดูจริงจังให้ผมรู้ว่าเขาเองก็คิดมากไม่น้อย

“ริวซากิ เร็น นายกับฉันรู้จักกันมากี่วันกัน”

“เก้าวัน”

ผมตอบน้องไปทันทีและเห็นสีหน้าประหลาดใจของเขา น้องยกนิ้วขึ้นมาเก้านิ้ว ผมไม่ได้พูดอะไรและรอฟังเขาพูดต่อ อย่างที่บอกแหละครับ ผมอยากรู้มากว่าน้องคิดอะไรอยู่ การให้เขาพูดออกมาเองคือทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

“เราเพิ่งรู้จักกันแค่เก้าวันเองนะ นายเข้าใจบ้างไหม”

“ฉันไม่เข้าใจ”

“รู้จักกันมาแค่เก้าวัน มันยังไม่ได้ทำให้เรารักกันหรอกนะ แล้วจะแต่งงานกันได้ไง!!”

ผมขอค้านคำพูดของน้องอย่างจริงจังเลยครับ ใครบัญญัติกันว่าเก้าวัน จะรักกันไม่ได้ ผมถูกใจน้องตั้งแต่แรกเห็นและรู้ใจตัวเองว่าหลังรักน้องอย่างสุด หัวใจภายในเวลาไม่ถึงเก้าวันเลยด้วยซ้ำ

แต่เก้าวันที่น้องได้รู้จักผมมาเขาไม่รู้สึกรักรู้สึกชอบผมบ้างเลยหรือ อย่างไงกัน พอคิดแบบนี้แล้วปีศาจร้ายในอกมันก็ร้องคำรามออกมาด้วยความผิดหวัง

“ซัทสึกิ..วันนี้เราอาจจะไม่ได้รักกัน แต่นายไม่คิดหรือไงว่าวันข้างหน้าเราจะรักกัน แล้วเวลาเก้าวันที่รู้จักกันมา ฉันรู้สึกดีกับนาย รู้สึกอยากรักนาย นายไม่รู้สึกดีกับฉัน อยากรักฉันบ้างเลยหรือไงกัน”

ผมเอ่ยอย่างท้อแท้ น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมก่อนหลุบสายตาลง

“ไม่รู้..”

ผมนิ่งเงียบ ในลำคอมันแห้งผากจนเหมือนกับคนที่ลืมวิธีการพูดไปเสีย แล้ว ระหว่างที่ผมกำลังผิดหวัง น้องก็รีบพูดต่อทันที

“ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกยังไงกับนายกันแน่ นายจะมาถามฉันตอนนี้น่ะไม่ได้หรอกนะ เรารู้จักกันน้อยเกินไป”

ได้ยินแล้วก็บอกได้เลยครับว่าผมเข้าใจสิ่งที่น้องกำลังคิดแล้ว

แต่ผมยอมรับความคิดของน้องไม่ได้ ผมสูดลมหายใจลึกๆและเอ่ยในสิ่งที่ผมคิดออกมาให้น้องรับรู้บ้าง

“เก้าวันสำหรับนายมันอาจจะน้อยเกินไป แต่ฉันบอกนายได้เลยว่าถ้าอยากจะรักกัน นายทำได้อยู่แล้ว เวลามันไม่ใช่เครื่องกำหนดอะไรทั้งสิ้นเลยนะซัทสึกิ แค่นายเปิดใจให้ฉันเท่านั้น ไม่ใช่นายตีบังกั้นเอาไว้ด้วยความรู้สึกตัวเอง แบบนี้ นายกำลังคิดว่านายรักฉันไม่ได้เพราะฉันเป็นผู้ชายและนายเองก็เป็น ผู้ชาย ขอร้องเถอะซัทสึกิ ทิ้งความรู้สึกนั้นไปได้ไหม แล้วนายลองมองในมุมที่มีแค่ ฉันกับนายเท่านั้น” น้องยังคงก้มหน้าอยู่ตลอดที่ผมพูด แต่ผมแน่ใจว่าเขากำลังเอาสิ่งที่ผมพูดกลับไปคิด ผมเอื้อมมือไปประคองหน้าน้องให้เงยขึ้นมาสบตาผมก่อนจะเอ่ยต่อ

“มองแค่มุมของเราสองคนดูสิ..แล้วนายจะรู้...”

.

.

“ว่าเรา...รักกันได้”

น้องยังคงนิ่งไม่พูดอะไร แววตาของเขาดูสับสน จนเวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ที่แสนอึดอัด น้องก็จับมือของผมออก เขาก้มหน้าอีกครั้งก่อนพูดเสียงเบา

“ขอเวลาให้ฉันคิดหน่อยก็แล้วกัน”

หัวใจของผมหนักอึ้งและได้แต่หวังว่าเวลาที่น้องขอนั้น..จะไม่นานนัก

และคำตอบที่น้องใช้เวลาเพื่อค้นหามัน...จะไม่ทำให้ผมต้องพบกับความผิดหวังที่ไม่อยากจะเผชิญ...

พระเจ้าครับ...ผมรักน้องจริงๆนะครับ...

 -TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 23 [Update : 04/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 04-07-2013 12:49:21
สงสารเร็นจังเลย ซัทจังใจร้าย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 23 [Update : 04/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 04-07-2013 21:47:13
รอๆๆ อยากบอกว่าสนุกมากๆๆๆๆๆ
รักซัทจังกับเร็นจังมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 23 [Update : 04/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 06-07-2013 19:03:49
Ren’s Diary : Chapter 11

 หลังจากยุติบทสนทนาด้วยคำว่าขอเวลาที่ซัทสึกิพูดขึ้นมา น้องก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมที่ยืนอยู่กลางห้องเพียงลำพังก็รู้สึกอึดอัดจนต้องออกมายืนสูบบุหรี่ ที่นอกระเบียง และเวลาก็ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่บ้านข้างๆเขาปิดไฟเข้านอน กันหมดแล้ว ผมเลยเดินกลับเข้ามาในห้องและปิดประตูลงอย่างเบามือเมื่อเห็น น้องนอนอยู่บนเตียง ผมมองเขาอย่างทั้งรู้สึกรักและเหนื่อยไปพร้อมๆกัน

อาจเป็นเพราะสันดานเสียของผมที่ใจร้อนมากเกินไปที่อยากให้เขา ยอมรับผมไวๆและรักผมเหมือนกับที่ผมรักเขา พอนึกถึงความรักที่ทำให้ผมคลั่งได้ขนาดนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว ผมก็อยากหัวเราะอย่างนึกสมเพชตัวเอง

เคยหมดรูป เคยรู้สึกเหนื่อย เคยท้อแท้ เคยรู้สึกเครียดแบบนี้มาก่อนรึก็ไม่ อยู่เป็นริวซากิ เร็นที่ไม่รักใครมาก่อนก็ดีอยู่แล้ว ดันสะเหล่อมารักอิชิฮาระ ซัทสึกิทำไมก็ไม่รู้

แต่ถามว่าเสียใจไหม ผมบอกได้เต็มปากเลยว่าไม่

ก็แค่คิดฟุ้งซ่านไปตามประสาคนผิดหวังเท่านั้นแหละครับ ชูสามนิ้วสาบานด้วยเกียรติเลยว่าจะรีบกลับมาเป็นริวซากิ เร็นที่ทั้งรักทั้งหลงและเต็มใจจะตามใจน้องเหมือนเดิมแน่นอนครับ

ผมถอนหายใจช้าๆและเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินมาเอนนอนลงอีกฝั่งที่ว่างบนเตียง ผมมองดูแผ่นหลังของน้องที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆก่อนจะตัดสินใจหันหลังให้กับเขา ไม่นอนกอดน้องสักคืนคงไม่ตายหรอกริวซากิ เร็น

ก่อนหน้าจะย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้นอนกอดน้องเสียหน่อย..

ผมหลับตาลงและพยายามข่มใจให้หลับ...ผมไม่อยากทำให้น้องรู้สึก อึดอัดมากขึ้นไปอีก ผมไม่รู้ว่าเขาจะหงุดหงิดหรือเปล่าถ้าตื่นมาแล้วเจอว่าผมนอนกอดเขาไว้

ในเมื่อเขาขอเวลา ผมก็จะให้เขา ผมจะรออยู่เงียบๆข้างๆแต่จะไม่ทำอะไรให้น้องรู้สึกแย่

จนกว่าเขาจะเรียกหาผมเอง..

ผมครุ่นคิดเรื่องราวระหว่างเราก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุดและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้าเมื่อแสงแดดจากหน้าต่างมันแยงตา พอมองนาฬิกาแล้วผมก็ต้องลุกขึ้นและเอื้อมมือไปปลุกน้อง

“ตื่นได้แล้ว วันนี้ต้องไปมีตติ้งละครเวทีนิใช่ไหม?”

“อือ” น้องตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียแล้วครางรับเสียงง่วง เห็นเขาลุกขึ้นมา นั่งแล้ว ผมเลยลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา พอหยิบแปรงสีฟันมา จะแปรงก็เห็นแปรงของน้องที่วางอยู่คู่กันเสียก่อน ผมเลยหยิบแปรงของเขามาบีบยาสีฟันทิ้งไว้ให้และเริ่มต้นแปรงฟันในตอนที่น้องเดินหาวเข้ามาในห้องน้ำ

“เอ๋?..ขอบคุณ”

ผมแค่พยักหน้าไปเมื่อน้องหันมามองหน้าผมหลังจากเขาเห็นแปรงสีฟันของเขาที่วางอยู่บนขอบอ่างล้างหน้า ผมไม่ได้ตอบอะไรและแปรงฟันไปเรื่อยๆ น้องแปรงฟันไปก็มองหน้าผมไป แต่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ผมเลยเบี่ยงตัวไปหยิบเอาโฟมมาล้างหน้าและเริ่มต้นโกนหนวดที่ขึ้นเป็นตอแล้ว

“หนวดนายขึ้นไวจังแหะ อย่างฉันนี่อาทิตย์หนึ่งแทบจะโกนแค่ครั้งเดียว เลยเหอะ” น้ำเสียงของน้องเหมือนบ่นว่าตัวเองเสียมากกว่าครับ เขาทำหน้ามุ่ยแล้วมองผมโกนหนวด ถ้าเป็นยามปกตินี่ผมคงจะหันไปหัวเราะขำเอ็นดูเขาแล้วแต่เพราะอารมณ์มันยังไม่ปกติ ผมเลยแค่เลิกคิ้วให้เขารู้ว่าผมรับฟังคำพูดของเขาก่อนจะโกนหนวดของตัวเองต่อ

พอผมไม่ตอบ น้องก็เลยทำเสียงคล้ายไม่พอใจในลำคอก่อนเดินกระแทกส้นเท้าออกจากห้องไป ตามบทแล้วผมควรจะเดินไปง้อเขาใช่ไหมครับ แต่บอกแล้วว่าเวลานี้สันดานผมเหี้ยขั้นรุนแรง ผมจะรอให้เขามาง้อผมเองครับ

ซึ่งดูจากการทำหน้าเหมือนเด็กโดนรังแกแล้วพยายามพูดนั่นพูดนี่กับผมแล้วก็ทำหน้าหงุดหงิดเมื่อผมไม่ยอมตอบก่อนจะกลับมาทำหน้าเหมือนเด็กโดน รังแกอีกรอบวนไปวนมาแบบนี้...ก็คงไม่นานหรอกครับ

แต่พอผมไม่ยอมลงให้ น้องก็หยิ่งพอตัวที่จะไม่ยอมลงให้ผมเหมือนกันครับ แมวดื้อของผมเลยใช้วิธีที่จะเลิกชวนผมคุยและหันมาจ้องหน้าผมตลอดเวลาด้วยสายตาแบบเด็กกำลังอยากจะวีนจนถูกมิซึรุเดินมาดุสองสามครั้งแล้วระหว่างที่ พวกเรานั่งฟังรายละเอียดสำคัญของละครเวที

และหลังจากที่ประชุมกันเสร็จเรียบร้อย น้องก็เก็บของเขาลงใส่เป้แล้ว เดินไปหาเพื่อนของเขา ทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียวกลางห้อง พอเห็นว่าน้องไม่สนใจอะไรผมแล้วจริงๆ ผมเลยเดินออกมาข้างนอก

ดูท่าแล้วผมอาจจะหวังมากไปครับที่จะให้น้องเดินตามมา

ความเครียดที่สะสมอยู่ทำให้ผมต้องดึงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบตรงระเบียงที่อนุญาตให้สูบบุหรี่ได้ กลิ่นเมนทอลจางๆอัดเข้าไปในปอดอยู่ไม่กี่อึดใจ ที่ข้างกายของผมก็มีคนเดินมายืนข้างๆ ถึงผมไม่ต้องหันไปมองก็รู้ครับว่าใคร ในเมื่อคนที่เดินมายืนอยู่ข้างตัวคือคนที่ผมคิดถึงเขาอยู่ทุกลมหายใจ

ผมสูบบุหรี่ไปจนเกือบหมดมวน รอดูว่าน้องจะพูดอะไรแต่เขาก็ไม่พูดครับ ซัทสึกิเอาวิธีเดิมมาใช้คือเอาแต่จ้องหน้าผมอย่างเดียวแล้วทำหน้างอเหมือนผม เป็นคนผิด ผมระบายลมหายใจพ่นควันยาวๆแทนการถอนหายใจเพื่อทิ้งสิ่งที่หนักอยู่ในอกไปก่อนกดบุหรี่ลงกับตลับที่เขี่ยแล้วหันไปมองหน้าเขา

น้องตีหน้ามุ่ยจนระหว่างคิ้วย่นไปหมด เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไป คลึงให้มันหายย่นครับ พอผมทำอย่างนั้นแล้ว สีหน้าที่บึ้งตึงของเขาก็ค่อยๆ คลายลงและยังยอมให้ผมจูงมือเดินออกมาจากตรงระเบียงนั้นเมื่อพวกเหล่านิสิต ที่เพิ่งจะเลคเชอร์กันเสร็จพากันเดินออกมาจากห้อง

และรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อน้องจับมือตอบกับผม

แต่มันก็ทำให้ผมฟุ้งซ่านไม่น้อย แค่น้องเดินมาหา น้องยอมจับมือกับผม มันก็ทำให้ผมเหมือนคนสติแตกไม่น้อยจนไม่รู้ตัวสักนิดว่าผมกำลังขับรถวนอยู่ หน้ามหาลัยมาสี่รอบแล้วกระทั่งน้องเอ่ยทักขึ้นมา ผมถึงเลิกขับรถวนและตัดสินใจขับรถออกนอกเมืองอย่างไม่มีจุดหมาย รู้แค่ว่าอยากใช้ช่วงเวลานี้กับน้องแค่ตามลำพัง

การที่เขาไม่ทักท้วงอะไรก็ถือว่าเขาเองก็คงจะไม่อึดอัดใจอะไรที่จะอยู่กับผมแค่สองคนด้วยเช่นกัน

ผมขับรถไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายเป็นครั้งแรก น้องเองก็ไม่ได้ถามจุดหมายด้วยเช่นกัน แมวดื้อของผมเอื้อมมือไปหยิบไอแพดของผมขึ้นมาเล่นเกมส์ ผมกังวลอยู่นิดหน่อยกลัวเขาจะเปิดเข้าไปเจอข้อมูลของตัวเขาเองในเครื่องนั้น แต่เห็นเขาก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่ผมก็ปล่อยให้เขาเล่นไปเพราะถ้าขืนไปห้ามหรือทำอะไรให้น้องสงสัยขึ้นมามันจะแย่เอา

จนเราเกือบจะออกนอกโตเกียวกันนั่นแหละครับ ผมก็เอ่ยถามน้องใน ตอนที่น้องเก็บเอาไอแพดของผมลงไปคืนที่แล้วหันมามองหน้าผม

“หิวหรือยัง?”

“ก็นิดหนึ่ง”

อันที่จริงไม่น่าจะนิดสักเท่าไหร่หรอกครับเพราะเมื่อเช้าน้องก็ไม่ค่อยจะทานอะไรสักเท่าไหร่ แถมเมื่อกลางวันน้องก็เอาแต่นั่งเขี่ยอาหารอีก ผมเองยังรู้สึกหิวแล้วนับประสาอะไรกับเด็กน้อยช่างกินอย่างซัทสึกิจังล่ะครับ

“หาซื้ออะไรไปปิกนิกกันดีไหม?”

ผมเสนอแกมบังคับด้วยการจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อ จริงๆผมชอบที่จะทานตามร้านอาหารมากกว่า แต่วันนี้นึกครึ้มอยากไปนั่งกินอะไรสองต่อสองกับน้องริมแม่น้ำดู คงจะโรแมนติกไม่น้อย น้องมองหน้าผมก่อนจะหันมองไปที่ร้านสะดวกซื้อ เขาโคลงหัวไปมาแล้วยักไหล่

“ยังไงก็ได้อยู่แล้ว”

เมื่อน้องตกลง ผมก็เลยได้จูงมือน้องเข้าร้านสะดวกซื้อเป็นครั้งแรก

พอเข้าร้านไปได้ ที่รักของผมเขาก็ดึงมือออกแล้วเดินตัวปลิวไปเอาตะกร้ามาหยิบของกินใส่อย่างอารมณ์ดีเหมือนเด็กได้ซื้อขนมที่ตัวเองชอบ เขาหยิบเสียเต็มตะกร้าจนผมต้องแย่งเขามาถือเองเพราะไม่อยากให้เขาต้องลำบาก แต่น้องก็ยังไม่หยุดครับ เขาเดินไปสั่งพนักงานเอาซาลาเปากับไส้กรอกอีก

“จะกินหมดหรอนี่?” ก็รู้ครับว่าหิวแต่ของล้นตะกร้าขนาดนี้ ยังไงก็ดูว่าสองคนจะกินกันไม่หมดเอานะครับ

“ปิกนิกก็ต้องมีของกินเยอะๆสิ” น้องบอกพร้อมยิ้มสดใสกลับมา ถีบเอา ไอ้ความหม่นหมอง ความคิดมากบ้าบอห่าเหวอะไรทั้งหมดออกไปจากร่างของผมแล้วจิกหัวดึงไอ้ริวซากิ เร็นมนุษย์คลั่งรักเด็กน่ารักที่ชื่ออิชิฮาระ ซัทสึกิให้กลับมา อีกครั้งทันทีเลยครับ ผมเดินตามน้องไปจ่ายเงิน คนดีเขาเดาะลิ้นเบาๆแถมผิวปากอย่างอารมณ์ดีอีกด้วย

เสร็จจากซื้อของกินที่ดูท่าว่าคงจะกินกันไม่หมดอย่างแน่นอนแล้ว ผมก็ ขับรถพาน้องไปอีกพักใหญ่ มุ่งตรงไปยังเส้นทางที่จำได้ว่ามีลานกว้างริมแม่น้ำที่บรรยากาศสวยๆอยู่ ผมได้ยินน้องร้องอุทานดังว้าวตอนที่ผมจอดรถลงริมตลิ่ง

รอบๆเป็นทุ่งหญ้ากว้างเหมาะแก่การนั่งปิกนิกดีครับ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วยยิ่งเหมาะแก่การนั่งสวีทกันเป็นที่สุด น้องเปิดประตูรถลงไปแล้ว หมุนตัวอย่างร่าเริงก่อนชูสองมือเหยียดขึ้น ลูกแมวน้อยของผมทำท่าสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนฉีกยิ้มกลับมาหาผมที่ดึงเอาถุงขนมถุงใหญ่ออกมาจากรถ

“จะเอาอะไรไปกินบ้างล่ะ?”

ผมถามแล้วเปิดถุงดู กะว่าจะเลือกลงไปแค่พอกินกันก็พอแต่ต้องชะงักเมื่อน้องเดินเข้ามาแล้วเอาคางเกยกับไหล่ของผม มองดูของในถุง

“เอาไปหมดนั่นน่ะแหละ” น้องบอกก่อนจะถอยหนีให้ผมปิดรถ ซัทสึกิยอมให้ผมเกี่ยวก้อยจูงเดินไปยังริมแม่น้ำ

พอจับจองที่นั่งกันได้แล้ว น้องก็เริ่มต้นลากถุงมาคุ้ยหาของกิน ท่าทางเหมือนเด็กๆของเขาทำให้ผมอดหยิบเอามือถือขึ้นมาไม่ได้ ผมแอบถ่ายรูปเขาตอนที่กำลังคาบถุงซาลาเปาอยู่ พอได้ยินเสียงชัตเตอร์ น้องก็รีบทิ้งถุงของกินแล้วพุ่งมาหาผมทันทีอย่างที่ผมแอบคาดเอาไว้

“เอามานะ!!” น้องแอบขึงตาดุผมด้วยครับ แต่ดูยังไงมันก็เป็นลูกแมวน้อยที่กำลังขู่ขนพองจนน่ารักมากกว่าน่ากลัวเท่านั้นแหละครับ

ผมดึงไหล่น้องมาแล้วเอาแก้มแนบกับแก้มเขาก่อนจะกดถ่ายรูปของเราเอาไว้โดยไม่ให้เขาทันตั้งตัว

“ไหนมาดูก่อนเลย ถ้าไม่หล่อลบทิ้งเลยนะ”

เรื่องอะไรจะให้เขาดูล่ะครับ มีหวังน้องแอบลบก่อนแน่ๆ ผมหลบน้องแล้วเอื้อมมือไปหยิบถุงไส้กรอกมาจิ้มใส่ปากเขา น้องเคี้ยวไส้กรอกไปก็พยายามจะแย่งมือถือของผมไป จนตอนนี้เรากลิ้งกันไปตามพื้นหญ้าห่างออกไปจากจุดที่เรานั่งกันตอนแรกพอสมควร

สุดท้ายแล้วผมก็โดนน้องล็อกขาเอาไว้ แต่ผมก็เหยียดแขนออกไป น้องเลยพยายามจะดึงแขนผมกลับมาจนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังทับอยู่บนตัวของผม

แต่ผมที่รู้สึกตัวนั้นกำลังใจเต้นไม่น้อย ผมมองหน้าของน้องที่กำลังทำท่าฮึดฮัดและพยายามแย่งมือถือของผมด้วยความรู้สึกอยากจูบ อยากกอด อยากรักเขาจนเผลอตัวเรียกเขาให้หันลงมามองไอ้คนที่มันกำลังคลั่งรักอยู่ตรงนี้ ให้เขาสนใจผมแทนมือถือ

“ซัทสึกิ...”

น้องก้มลงมาตามเสียงเรียกของผมครับ นาทีที่เราสบตากันทุกอย่างมันเหมือนหยุดนิ่ง แก้มของน้องแดงขึ้นมา ผมได้ยินเสียงหัวใจของเราเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน...จังหวะที่ถี่รัวและหนักหน่วงเหมือนจะทะลุออกจากร่าง น้องหลับตาพริ้มและริมฝีปากของน้องก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ผมเอง

แต่ดูเหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจครับ หยาดน้ำบางอย่างหยดลงมาเปื้อนคางของผม ผมขมวดคิ้วแล้วแทบอยากจะตบปากตัวเองที่ดันสะเหล่อถามออกไปขัด จังหวะที่น้องกำลังจะจูบผม

.

.

“น้ำลายไหลหรอซัทสึกิ?”

น้องลืมตาขึ้นทันทีแล้วขมวดคิ้วใส่ผม เขาดูงุนงงกับคำพูดของผมที่ได้ยิน ผมเลยจิ้มคางตัวเอง

“เนี้ย..น้ำหยดลงคางฉัน”

น้องผุดลุกขึ้นมานั่งคร่อมอกแล้วชกลงมา หน้าแดงจัดแต่ก็ยังพยายามทำหน้ามุ่ยใส่เหมือนเด็กโดนขัดใจแถมยังเอาหลังมือขึ้นเช็ดปากตัวเองอีกต่างหาก

“ไม่ใช่น้ำลายฉัน”

พอน้องบอกอย่างนั้นเราก็เลยมองขึ้นฟ้าโดยอัตโนมัติ ท้องฟ้าสีแดงตอนเย็นเมื่อสักครู่มันมืดครึ้มโดยที่เราไม่รู้ตัว

“ฝนตกนิ”

“งั้นกลับกันเถอะ”

น้องบอกก่อนขยับลุกไปหยิบถุงขนม ผมเลยแย่งเขามาถือเองแล้วจูงเขากลับไปที่รถเพราะเราต้องเดินขึ้นทางลาดชันพร้อมๆกับฝนที่เริ่มเทหนักลงมาเรื่อยๆ

กว่าจะเข้ารถกันได้ ผมกับน้องก็ตัวเปียกกันไปเกือบทั้งตัวแล้วครับ ผมเลยรีบเปิดฮีตเตอร์ในรถเพื่อไม่ให้เราต้องหนาวกันจนสั่นไปเสียก่อนและออกรถกลับบ้านกันเมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะจอดรถอยู่ตรงนี้อีก

“อุตส่าห์มาตั้งไกล ฝนไม่น่าตกเลยแหะ”

น้องบ่นแล้วเอื้อมมือมาเร่งฮีตเตอร์ขึ้นอีก น้องค่อนข้างเป็นคนขี้หนาว ผมสังเกตได้จากเวลานอนตอนกลางคืน เขาชอบซุกอยู่ใต้ผ้าห่มที่ปิดจนถึงคางอยู่เสมอถึงอากาศจะไม่ได้หนาวอะไรมากมาย ตอนนี้ผมเลยไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ ได้ยินเสียงเขาสั่นน้อยๆ

ขับรถต่อมาได้สักพัก เราก็ต้องหยุดจอดรถข้างทางกันครับเพราะฝนตกหนักจนอันตรายเกินกว่าจะขับรถต่อไปได้ ผมเลี้ยวเข้าไปจากริมแม่น้ำเหมือนเดิมเพื่อไม่เกะกะขวางทางจราจรบนท้องถนน

พอจอดรถแล้วผมถึงนึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าสำหรับไปฟิตเนสของผมที่อยู่เบาะหลังมีผ้าขนหนูติดไว้ เลยเอื้อมไปหยิบมาเช็ดหน้าเช็ดผมให้น้อง คนดีเขาเอนหัวมาให้ผมเช็ดแต่โดยดีก่อนจะหยิบเอากล่องสปาร์เก็ตตี้ขึ้นมาเปิดทานและไม่ ลืมยื่นอีกกล่องมาให้ผมด้วย

ท่าทางของเขาเวลาทานน่ารักดีครับ น้องเลื่อนเบาะถอยหลังไปแล้วนั่งขัดสมาธิหันมาหาผม ผมมองดูเขาเริ่มทานอย่างลืมหิวกระทั่งน้องเงยขึ้นมาถามผมนั่นแหละครับ

“นายไม่กินหรอ?” ผมไม่ตอบแต่แย่งส้อมของน้องมาจ้วงเส้นที่น้องกำลังคาบอยู่ขึ้นมาทานแล้วดูดเบาๆ จุดหมายของผมไม่ใช่เส้นสปาเกตตี้แต่เป็นริมฝีปากของน้องต่างหากที่ผมจะทาน..

คราวนี้แมวน้อยของผมไม่หลับตาพริ้มแต่จ้องหน้าผมตาไม่กะพริบจน กระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน

ในที่สุด..ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ผมก็ได้จูบกับน้องสมใจอยากครับ รสจูบแสนหวานที่ทำให้ใจเต้นทั้งอกแบบนี้...ผมชอบจริงๆเลยครับ

แต่จะชอบมากกว่านี้ถ้าความหวานมันไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่จูบ

ใจของผมเลยเถิดไปพร้อมกับมือที่ขยับอย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากของผมยังเบียดเคล้าคลอความหอมหวานของน้อง แมวน้อยของผมครางฮือเสียงสั่นเมื่อผมละจากริมฝีปากบางมาไซร้ข้างคอ น้องพยายามดันผมให้ถอยออกแต่เสียงสั่นๆที่ ร้องห้ามนี่เหมือนมันกระตุ้นแรงรักของผมเสียยิ่งกว่าจะห้ามปรามกันจริงๆ

“ไม่เอานะ..” เขาร้องท้วงผมแต่กลับเกาะยึดไหล่ของผมไว้แน่น ผมยิ้มน้อยๆที่มุมปากแล้วรูดซิปเสื้อฮู้ดแขนกุดที่น้องสวมอยู่ลง

“ริวซากิ..หยุด!!” พอรู้ตัวว่ากำลังจะโดนลอกเปลือกน้องก็เริ่มดิ้นไปมาผมเลื่อนมือลงไปกอดเขาแล้วขยับมานั่งเบาะเดียวกับเขา ผมจับให้น้องนั่งลงกับ ตักของผมแล้วกระซิบลงข้างหู

“ฆ่าเวลาไง..” แมวน้อยของผมเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยอมให้ผมจูบเขาแต่โดยดีแถมยังจูบตอบให้ความหวานมันพุ่งสูงขึ้นไปอีก พอถอนจูบแล้วผมก็ยิ้ม ให้เขาอย่างรักใคร่ก่อนแนบริมฝีปากแผ่วเบาลงกับหน้าผากเนียนและเลื่อนกลับมาซับความหวานที่ริมฝีปากซึ่งเริ่มเห่อแดงจากการจูบอีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ

ท่ามกลางเสียงสายฝนที่กำลังตกกระหน่ำ ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงพอๆกับหัวใจของน้อง หัวใจที่เต้นแรงจนเป็นจังหวะเดียวกันนั้น ทำให้ผม รู้สึกถึงความลึกซึ้งของหัวใจที่เรามีให้แก่กันโดยที่น้องอาจไม่รู้ตัว เด็กดื้อของผมเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนหลุบสายตาลงต่ำและเอ่ยบอกเสียงเบา

“จูบอย่างเดียวพอนะ..” ผมกดริมฝีปากลงกับมุมปากของเขาและพรมจูบไปตามแก้มใส แล้วกระซิบถามอย่างเว้าวอน..

“มากกว่าจูบ...ไม่ได้หรอ..” ผมได้ยินเสียงน้องครางฮือในลำคอ มันไม่ใช่เสียงที่รำคาญใจหรือขุ่นเคืองแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงที่บอกถึงความสะท้านอยู่ใน อก น้องจิกมือลงกับไหล่ของผมแล้วเอาแต่ส่ายหน้าไปมา

“ไม่เอา...ไม่ไหว..”

น้องบอกทั้งที่ตัวสั่นอยู่บนตักของผมและเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้ามาสบตากัน ผมเวียนจูบซ้ำๆกับแก้มและปากของเขาจนน้องเบี่ยงหน้าหลบไป

“มากกว่านี้...ฉันต้องขาดใจตายก่อนแน่” น้องพึมพำออกมาเสียงเบาคนดีซุกหน้าลงกับบ่าของผมแล้วลูบมือขึ้นมาวางไว้กับอกตัวเอง

“นายทำฉันใจสั่นมากเลยนะรู้ไหม?” ผมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบออกไป ผมรู้ว่าน้องใจสั่นและเต้นแรงแค่ไหน รู้ดีเท่าที่รู้ว่าหัวใจตัวเองมันก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน ผมลูบหลังเขาด้วยสัมผัสแผ่วเบาและเชื่องช้า พอผมทำแบบนั้นแล้วเขาก็ไซร้หน้าเข้ากับบ่าของผมเหมือนกับลูกแมวน้อยที่ได้รับสัมผัสอ่อนโยน

“ฉันก็เหมือนกัน..”

น้องเงยหน้าขึ้นมามองผม ริมฝีปากเล็กยู่น้อยๆก่อนจะเม้มอย่างขัดเขิน ดวงตาใสของเขาเริ่มฉ่ำคลอด้วยแรงอารมณ์แต่ก็ยังคงมีความลังเลแฝงอยู่

“งั้นก็หยุดสิ จูบอย่างเดียวก็พอ”

ผมยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากของน้องก่อนประคองกอดเขาแน่นขึ้น

“จูบอย่างเดียวไม่พอหรอก...นายก็รู้”

ใบหน้าของน้องแดงซ่านขึ้นมาทันที ผมรู้ว่าเขาเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร ร่างกายของเราเบียดแนบกันอย่างสนิทชิดเชื้อ ทั้งผมและเขาต่างก็รู้แก่ใจว่าห้วงอารมณ์แสนหวานกำลังพัดพาความต้องการซึ่งกันและกันให้มันโดดเด่นขึ้นมาแค่ไหน พอผมบอกเช่นนี้ น้องก็ขยับตัวยุกยิกบนตักของผม

“แต่..นี่มันข้างทาง”

“ไม่มีคนเห็นหรอก..ฝนตกหนักขนาดนี้” พอมองออกไปนอกรถ รอบข้างเราก็มีแต่ฝนที่เทกระหน่ำ เราเองยังมองไม่เห็นภายนอกแล้วมีหรือที่ภายนอกจะมองเข้ามาเห็นข้างในรถนี้ ซ้ำยังเป็นเวลาเกือบหัวค่ำแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดเข้าไปทุกที ผมเลยเอื้อมมือไปปิดไฟที่อยู่บนหลังคารถลง

“แค่นี้ก็ไม่มีคนเห็นแล้ว” น้องเม้มปากก่อนจะหันกลับมาหาผมอีกครั้งคนดีต่อยเบาๆที่อกของผม

“นายนี่หื่นชะมัด” ผมหัวเราะในลำคอยอมรับข้อหาของน้องโดยดุษฎี ก่อนจะดึงเอาเสื้อที่น้องสวมอยู่ให้หลุดจากร่างขาวเนียนที่ผมรักและเริ่มต้นพาน้องไปยังโลกของความสุขที่เราจะสัมผัสได้ โดยรู้ว่ามันจะพาไปสุดปลายทางที่ใด

ผมไม่เคยทำรักนอกสถานที่แบบในรถที่จอดริมถนนยามฝนตกหนักแบบนี้มาก่อน แต่บอกได้ว่ามันเพอร์เฟคไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการทำรักครั้งนี้คนดีของผมเป็นฝ่ายควบคุมเกมรักของเรา

จังหวะขยับโยกกายอยู่บนตักของผมที่น้องเป็นคนทำถึงจะมีผมคอยช่วย ส่งแรงไปให้น้องบ้าง แต่มันก็สร้างความวาบหวามและตราตรึงให้ผมรู้สึกอิ่มเอม จนลืมคิดเรื่องสถานที่ไปเลยด้วยซ้ำ

“คืนนี้ไปค้างที่คอนโดกันนะ” ผมเอ่ยชวนเขาหลังจากที่กิจกรรมร้อนแรงระหว่างรอให้ฝนหยุกตกจบลง น้องที่นอนซุกอยู่กับอกของผมเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะพยักหน้าและครางรับเสียงเบา

“อืม..”

ผมยิ้มและจูบเปลือกตาของเขา น้องกอดผมแน่นขึ้นอีกนิดก่อนที่เขาจะหลับตาลง ผมลูบศีรษะเขาเบาๆแล้วกอดเขาไว้พลางนึกย้อนไปถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนรวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

บางที..ผมก็อยากรู้ว่าในใจของน้องกำลังรู้สึกอย่างไรกับผมกันแน่

ผมอยากรู้...ว่าเขาเริ่มรักผมแล้วบ้างไหม หรือเพียงแค่คล้อยตามอารมณ์ชั่ววูบไปเท่านั้น

ผมอยากรู้จริงๆครับ..

คืนนี้เรามาค้างกันที่คอนโดของผมอย่างที่ตกลงกันไว้ หลังจากทานมื้อดึกและเล่นเกมส์ด้วยกันแล้วก็ถึงเวลาเข้านอนของเรา ผมกับน้องคงจะได้หลับพักผ่อนกันไปทันทีที่กล่าวราตรีสวัสดิ์แก่กัน และผมคงจะได้นอนกอดเขาอย่างไม่คิดมากอะไร หากไม่ใช่เพราะเสียงเรียกชื่อผมที่ดังขึ้นแผ่วเบาในความมืด

“ริวซากิ..”

(่ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 23 [Update : 04/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 06-07-2013 19:05:19
“หืม?..” ผมครางถามในลำคอกลับไปทันทีพร้อมกับลูบหัวน้องเบาๆ เขานิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมาพร้อมกับกดหน้าลงกับอกของผม

“ไม่มีอะไรหรอก..” แต่ผมไม่เชื่อคำว่าไม่มีอะไรของเขาครับ ที่อกของผม มันสัมผัสได้ถึงความชื้น ผมเลื่อนมือไปที่ใบหน้าของเขา และเป็นจริงอย่างที่คาดเอาไว้ ความชื้นมันเกิดขึ้นเพราะน้ำตาของน้อง

ใจของผมว้าวุ่นและเป็นวิตก

“แน่ใจหรอ?”

“อือ” น้องครางบอกแล้วพยักหน้าด้วย แต่ผมจะปล่อยมันผ่านไปไม่ได้ผมจับไหล่ของเขาไว้และดันเขาออกจากอกเล็กน้อย เพ่งมองผ่านความมืดไปยังดวงตาของเขาที่แน่ใจว่าไม่ได้หลับอยู่

“ฉันว่ามันต้องมีอะไรสิ”

“ก็บอกแล้วว่าไม่มี” แมวน้อยแสนดื้อของผมบอกอย่างนั้นก่อนพลิกตัวหนี ผมหายใจออกช้าๆพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น อย่าร้อนรุ่มกับน้ำตาของน้องจนปวดไปทั้งอกแบบนี้ก่อนขยับเข้าไปหาเขาและสอดแขนเข้ากอดเขาเอาไว้

“มีสิ...ไม่งั้นซัทสึกิจะร้องไห้ทำไม”

ผมใช้โทนเสียงต่ำพอประมาณเท่าที่จะสื่อความห่วงใยของผมออกไปให้น้องรับรู้ได้ ผมไม่ชอบน้ำตาของน้อง ไม่อยากเห็นน้องร้องไห้ ไม่ว่าจะด้วยเพราะความกังวลหรือความทุกข์ใดๆ ผมไม่อยากเห็นทั้งนั้น

แล้วยิ่งอยู่ดีๆน้องก็ร้องไห้ขึ้นมาทั้งๆที่อยู่ในช่วงที่ผมคิดว่าเรากำลังมีความสุขอยู่ด้วย ผมยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่

“เปล่าซะหน่อย..” วันนี้เด็กดื้อปากแข็งจังเลยครับ ผมช้อนหน้าให้เขา แหงนหน้าขึ้นมาหาผมพร้อมกับเปิดไฟหัวเตียงเพื่อที่เราจะได้สบตากัน ผมจะได้ เห็นว่าแววตาของเขาเป็นอย่างไร

เมื่อไฟสว่างแล้ว ผมก็ได้เห็นแววตาสับสนของเขา

“คิดอะไรอยู่หืม?”

“ไม่ได้คิด” น้องสูดจมูกแล้วยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาตัวเอง ผมรั้งไว้และใช้ริมฝีปากของผมจูบซับน้ำตาให้กับเขาด้วยความต้องการที่จะซึมซับความสับสนหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เด็กน้อยของผมไม่สบายใจมาไว้กับตัวเอง

“อย่าโกหกสิ”

น้องยังคงนิดเงียบ น้ำตาของเขายังไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ ผมรวบเขามากอดแนบอก หัวใจที่มีความสุขมาตลอดไม่กี่ชั่วโมงก่อนมันกลับมาทรมานอีกครั้ง

“ซัทสึกิ...” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้ง น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมและเอ่ยปิด บทสนทนาของเรา

“อย่าถามอะไรอีกเลยนะ..”

ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วจูบแผ่วเบาที่หน้าผากของผม แต่กระนั้นคำขอร้องของน้องก็ยังคงติดค้างความสงสัยของผม

“ขอขัดใจนะ แต่จะถามข้อเดียวเท่านั้น”

น้องนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า ผมเลยเอ่ยถามและรู้สึกได้ในนาทีนั้นว่าไม่ควรถามออกไปเลย เพราะมันทำให้ใจของผมบีบรัดมากกว่าเดิม

“ที่ร้องไห้นี่...เพราะฉันหรือเปล่า? อย่าโกหกนะ”

.

.

“อืม...”

“เพราะนายน่ะแหละ”

ตลอดคืนผมนอนไม่หลับเพราะคำตอบของน้องครับ ผมเอาแต่คิด คิด คิด แล้วก็คิดว่าน้องกำลังคิดมากและร้องไห้เพราะผมด้วยเหตุผลอะไร

และแต่ละอย่างที่ผมคิดนั้น...มันดูเหมือนจะเลวร้ายไปหมดทุกอย่างจน บั่นทอนกำลังใจของตัวเอง

บอกตามตรง ผมไม่ชอบเลย..กับความรู้สึกแบบนี้

เพราะข่มตานอนก็ไม่หลับ จะให้หยุดคิด เรื่องทั้งหมดก็ไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว หลังจากสอดเอาหมอนให้น้องนอนกอดแทนอกผมแล้วก็เลยลุกขึ้นจากเตียง

ท้องฟ้าข้างนอกยังคงมืดอยู่ พอมองนาฬิกาแล้วมันก็เพิ่งจะตีสาม ผมเลยลุกเดินออกไปยังห้องทำงานและตัดสินใจดึงเอาเครื่องอัดเสียงออกมาพร้อมกับ สมุดเลคเชอร์ ผมใช้เวลานั่งแกะเสียงและจดใจความสำคัญของเลคเชอร์ที่ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนในหลายวันนี้ลงไปและพบว่ามันช่วยทำให้ผมวางเรื่องฟุ้งซ่านในใจไปได้พอสมควร มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงแล้ว ผมวางปากกาลงและลุกขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความขบเมื่อยออกไปก่อนเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกง ว่ายน้ำแล้วเดินไปยังสระว่ายน้ำข้างนอก

เช้าๆต้นเดือนตุลาแบบนี้ อากาศเริ่มจะเย็นมากพอสมควรแล้ว แต่ผม ที่ปกติแล้วมักจะว่ายน้ำทุกเช้าที่มีโอกาสนั้นออกจะคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี หลังจากวอร์มอยู่ชั่วครู่ ผมก็กระโดดลงไปว่ายน้ำในสระทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น มาส่องแสงให้กับวันใหม่

การได้ออกกำลังกายแต่เช้ามันทำให้หัวสมองของเราปลอดโปร่งขึ้น ข้อนี้คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาตั้งแต่เล็กๆที่คุณป๋ามักจะชวนผมกับพี่รินะออกกำลังกายกันทุกเช้าจนเป็นกิจวัตรประจำวันของบ้านเรา

แต่นอกจากหัวสมองจะปลอดโปร่งขึ้นแล้ว ความคิดที่สับสนและยุ่งเหยิงมันก็ค่อยๆเรียบเรียงตัวเข้ามาใหม่อย่างเป็นระบบในระหว่างที่ผมใช้สองมือ ตีกรรเชียงไปในสระว่ายน้ำนี้

ผมคิดอะไรไปอย่างเรื่อยเปื่อย และอย่างที่รู้ ส่วนใหญ่แล้วความคิดของผมมันหมดไปกับเรื่องของน้อง

จนเมื่อผมพุ่งตัวกลับเข้ามาด้านในระเบียงอีกครั้ง ผมเลยเห็นคนที่ผมคิดถึงอยู่นั้นยืนกอดอยู่ตรงริมสระ น้องกำลังยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วหาว หน้าตายังคงงัวเงียแต่ก็ยังคงยืนมองผมอยู่ไม่ไปไหน

ผมว่ายตีกลับไปในสระอีกสองรอบก่อนจะขึ้นจากสระและเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดหัวพร้อมกับเอาเสื้อคลุมมาใส่แล้วถึงเดินกลับไปหาน้อง

สองแก้มของน้องแดงปลั่งเพราะลมหนาวตอนเช้า เขาลูบต้นแขนไปมา จนผมอยากเข้าไปกอดให้ไออุ่นกับเขา แต่ตัวผมเปียกอยู่ คงจะทำให้เขาหนาวมากขึ้นกว่าจะอุ่นเลยแค่ถามเขาอย่างห่วงใยไปเท่านั้น

“หิวหรือยัง?”

น้องส่ายหน้าช้าๆ ดวงตายังคงปรือปอยอย่างคนง่วงนอน ผมเลิกคิ้ว อย่างสงสัยนิดหน่อยว่าถ้าน้องยังง่วงแล้วทำไมถึงตื่นมายืนมองผมว่ายน้ำแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ผมวางมือลงกับหลังของเขาแล้วพาเดินให้กลับเข้ามาในห้อง

“งั้นไปอาบน้ำกัน”

ผมแค่ลองชวนดูเท่านั้น คิดว่าน้องคงจะปฏิเสธและเดินกลับไปนอน แต่น้องกลับยอมเดินตามแรงจูงของผมเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างไม่เกี่ยงงอน

“ถอดเสร็จแล้วก็เข้าไปก่อนเลย ไม่ต้องคอย”

น้องร้องบอกแล้วก้มหน้างุดๆ ของผมมีแค่เสื้อคลุมกับกางเกงว่ายน้ำเลย โป๊ไวกว่าเขา ผมมองดูปฏิกิริยาของน้องแล้วก็นึกขำอย่างเอ็นดู ใบหน้าของน้องแดงเถือกไปถึงหูแค่นี้ก็เดาได้แหละครับว่าเขาคงเขินที่จะโป๊

ผมที่เดินเข้าห้องน้ำไปก่อนเลยจัดการเตรียมแปรงสีฟันเอาไว้และเดินไปเปิดน้ำอุ่นรองใส่อ่าง กลับมาอีกทีน้องก็เดินเข้ามาแปรงฟันอยู่ ผมเดินเข้าไปหาเขาและหยิบเอายางมัดผมที่วางทิ้งไว้แถวนั้นขึ้นมามัดผมให้กับน้อง ผมของเขาเริ่มยาวขึ้นมากแล้ว ผมสีน้ำตาลทองหยักศกนิดๆที่ยาวเคลียไหล่ทำให้ใบหน้าของ น้องดูสวยหวานอย่างที่เจ้าตัวคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ ระหว่างที่ผมมัดผมให้เขา น้องก็บ่นขึ้นมา

“ฉันอยากไปตัดผมชะมัด แต่พี่มิซึรุบอกให้ไว้ยาวไปก่อน”

“ไว้ยาวก็สวยดี” ปากผมไวกว่าที่จัดทันห้ามตัวเองครับ พอพูดออกไปแล้วก็โดนน้องหรี่ตามองก่อนสะบัดหน้าใส่ คำว่าสวยเป็นคำต้องห้ามสำหรับคนแมนๆครับ

หลังจากที่ผมแปรงฟันเสร็จ น้องก็ล้างหน้าเสร็จพอดี ผมเลยหยิบเอาผ้าขนหนูมาซับหน้าให้กับเขาก่อนจะเนียนหอมแก้มใสๆหอมกรุ่นด้วยเสียเลย น้องดิ้นน้อยๆแล้วทำหน้ามุ่ยใส่

“อย่าหน่า..” ปรามเสียงไม่จริงจังแบบนี้ใครเขาจะหยุดล่ะครับคุณ ผม เบียดเข้าไปแล้วพรมจูบตามแก้มของเขาอย่างชื่นใจ

“อื้อ..หนวดมันทิ่มนะ” พอน้องร้องออกมาแบบนี้ผมเลยหยุดแล้วยกมือขึ้นมาลูบแก้มกับคางของตัวเอง เพราะผมเพิ่งโกนหนวดไปเมื่อวาน ถึงวันนี้จะมองด้วยตาเปล่าไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ แต่พอลูบแล้วก็รู้สึกสากมือใช้ได้ หนวดที่เพิ่งโกนมันขึ้นเป็นตอสั้นๆแต่คงระคายแก้มใสของน้องเอาเรื่อง

“งั้นโกนให้หน่อยสิ” น้องเหลือกตาก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่เอาหรอก โกนเองสิ”

ถึงน้องจะพูดแบบนั้น แต่สองนาทีต่อมาเขาก็ยอมลงมือโกนหนวดให้ผมแต่โดยดี ผมชอบใบหน้าของเขาตอนโกนหนวดให้ผมมาก ซัทสึกิเขาตั้งอกตั้งใจ โกนหนวดให้ผม บางทีเขาก็มุ่ยหน้าแล้วบ่นไปเรื่อยอย่างน่ารัก ทั้งที่บอกว่าโกนหนวดให้ผมแล้วเขาเกร็งจนปวดไปทั้งบ่าแต่เขาก็โกนให้ผมจนเสร็จแถมยังลูบแก้มผม ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจกับผลงานของเขาอีกต่างหาก

หลังจากนั้นผมก็จูงมือน้องไปยังอ่างที่มีน้ำอุ่นไหลวนอยู่ น้องยิ้มสดใสแล้วลงไปนั่งวักน้ำเล่นขณะที่ผมหันไปเลือกขวดน้ำมันหอมระเหยที่จะช่วยให้น้องผ่อนคลายมากขึ้น ผมลังเลอยู่เล็กน้อยระหว่างกลิ่นวานิลลากับกลิ่นโรสแมรี่ แต่ในที่สุดก็หยิบกลิ่นวานิลลามาหยดให้น้องเพราะคิดว่าเขาน่าจะชอบกลิ่นหอมแบบ ขนมหวานอย่างนี้มากกว่ากลิ่นดอกไม้ จริงๆผมไม่ค่อยชอบกลิ่นหอมหวานแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่เผอิญได้มาจากไอ้ยูที่ซื้อมาฝาก คราวนี้เลยได้ฤกษ์ใช้เป็นครั้งแรก พอได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกหอมดีเหมือนกัน น้องเองก็ถึงกับยิ้มกว้างอย่างชอบใจ

“หอมดี..ได้กลิ่นแล้วหิวเลย” ผมยิ้มขำกับคำบอกของเขาก่อนจะพาตัวเองลงไปนั่งข้างๆและกดเปิดเพลงให้ดังขึ้น น้องที่เอียงหน้าซบกับขอบอ่างหันมาหาผมแล้วบอกเสียงที่ทำท่าจะงัวเงียอีกรอบ

“ถ้าเผลอหลับไปอีกรอบ ก็อุ้มไปเตียงด้วย”

ผมพยักหน้าแล้วแต้มจูบลงกับขมับของเขา น้องหลับตาพริ้มไม่โวยวายอะไร ผมเลยได้ใจที่จะจูบคลอเคลียแบบนั้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะเลิกทำเมื่อน้อง พลิกตัวหันมาเอียงหน้าซบลงกับไหล่ของผม วงแขนผมโอบกอดเขาไว้ เราเงียบฟังเสียงเพลงกันไปพักใหญ่ก่อนที่ผมจะเริ่มร้องคลอตามเสียงเพลงเมื่อรู้สึกอินตาม เนื้อเพลงนั้นและอยากสื่อความรู้สึกไปกับเพลงให้น้องได้รับรู้

ผมร้องไปหัวใจก็เต้นระรัวขึ้นมาเรื่อยๆจนรู้สึกผิดสังเกต ไม่ใช่เพียงเพราะน้องกำลังช้อนสายตาขึ้นมาสบกันหรือใบหน้าของเราเอนเข้าใกล้กันมากขึ้น อากัปกิริยาของร่างกายที่มันกำลังร้อนรุมๆราวกับไข้กำลังขึ้นนี้ทำให้ผมรู้สึกผิดปกติ

“Now that I've found this day

So let me love you….baby”

น้องหลับตาพริ้ม ใบหน้าห่างอยู่แค่ข้อนิ้ว ผมเอ่ยท่อนสุดท้ายไปก่อนจะ ปิดริมฝีปากเขาด้วยจูบแสนหวาน

“Let me love you”

เราจูบกันอยู่พักใหญ่จนผมแน่ใจว่ามันเกิดความผิดปกติกับร่างกายของและน้องจริงๆ ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้นที่ตัวร้อน ร่างกายของน้องเองก็ร้อนผ่าวไม่ แพ้กัน ผมไม่รู้ว่าน้องรู้หรือเปล่า แต่ดวงตาของเขาเชื่อมหวาน พวงแก้มใสเริ่มเป็นสีแดงจัดใต้แสงแดดอ่อนละมุน เขาหอบหายใจแรงกว่าเมื่อสักครู่นี้และไม่ขัดขืน เลยที่ผมจะดึงเขาให้ขึ้นมานั่งคร่อมที่ตักของผม ซ้ำยังเบียดสะโพกลงจนผมไม่อาจห้ามความรู้สึกได้อีกต่อไป

“ซัทสึกิ..” ผมเรียกชื่อเขาแล้วลูบแก้มเขาอย่างรักใคร่และเลื่อนไปนวดต้นคอให้กับเขาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกขมึงเครียดในตอนนี้ น้องเอาแต่จ้องริมฝีปากของผมก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาลูบฐานคอของผม ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแนว ไหปลาร้าก่อนจะวางมือลงมาและเบียดกายจนอกเขามาชิดกับอกผม

ท้ายสุดแล้วน้องก็ทำสิ่งที่ผมไม่ได้คาดเอาไว้ เขาแนบริมฝีปากลงกับปากของผม แม้จะเป็นเพียงจูบแผ่วเบาแต่มันก็ทำให้หัวใจของผมพองโตไม่น้อย

“ซัทสึกิ...นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”

ไม่เพียงแค่จูบเท่านั้น แต่สะโพกกลมงอนก็ยังเบียดย้ำๆอยู่กับตักของผมราวกับต้องการความรักให้ฝังลึกเข้าไปในร่างของเขา ผมรู้ว่าเขาเองก็กำลังรู้สึกเหมือนกับผม ความต้องการทางเพศมันพุ่งสูงขึ้น และผมเชื่อว่ามันเป็นเพราะน้ำมันหอมระเหยที่ไอ้ยูตะตัวแสบมันซื้อมาฝากผม

แต่ผมไม่รู้ว่าน้องยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้ผมมากขนาดนี้เพราะฤทธิ์ยา ในน้ำมันหอมระเหยนั่นอย่างเดียวหรือเปล่า พอผมถามออกไป น้องก็หรี่ตาปรือขึ้นมามองหน้าผมเหมือนกับไม่เข้าใจนัก

“นายหมายความว่าไง” ผมกลอกตาไปมาและกอดเขาแน่นขึ้นก่อนถอนหายใจยาว ตัดสินใจพูดความในใจถามเขาออกไป

“เดี๋ยวนายก็ทำเหมือนรังเกียจฉัน เกลียดฉัน แต่บางทีนายก็ทำเหมือนกับต้องการฉัน จริงๆแล้วนายรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่” น้องไม่ตอบคำถามของผมใน ทันที เขาอิงหน้าผากลงกับคางของผม มือที่ลูบไล้อกผมเมื่อสักครู่หยุดนิ่งแต่ก็ไม่ได้เอาไปวางไว้ที่อื่น ผมพยายามบอกให้หัวใจสงบระหว่างรอคำตอบของน้อง

“ฉันไม่ได้รังเกียจนาย..แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนายกันแน่” น้องเว้นช่วงไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบมา

“แต่ตอนนี้..ฉันต้องการนาย” เขาขยับมือขึ้นมาโอบกอดไหล่ของผมและซุกหน้าลงกับไหล่ เสียงแผ่วเบาของน้องยังคงก้องอยู่ในหูของผม..

“ริวซากิ เร็น...ฉันต้องการนาย”

 เพียงแค่นี้ก็พอแล้วครับ..แค่ตอนนี้น้องต้องการผม ผมก็จะให้ทุกสิ่งที่ เขาต้องการ วันนี้น้องอาจจะต้องการผมเพียงเพราะความต้องการทางเพศที่กำลังเล่นงานเขา...

แต่ผมเชื่อว่าสักวัน น้องจะต้องการผม...ด้วยหัวใจของเขาเอง

ผมคิดทั้งหมดอยู่ในใจและประคองกอดน้องเอาไว้แนบอก คนดียังคงซุกหน้าอยู่กับไหล่ของผม ทุกส่วนกายของเราแนบชิดกัน ผมได้ยินเสียงลมหายใจของน้องสะดุดเมื่อผมเอื้อมมือไปสัมผัสเข้ากับความต้องการที่ปรากฏเด่นชัดตรงกลางระหว่างสองขาเรียวที่นั่งคร่อมทับตักผมอยู่

“อือ..” น้องครางเสียงเบาเมื่อผมขยับมือมอบความสุขให้กับเขาพลางเวียนแต้มจูบลงกับไหล่เล็ก และครางเสียงหนักคล้ายประท้วงกันเมื่อผมลากมือเล็กของเขาให้มันจับตัวตนของผมบ้าง

“พร้อมกันนะ”

ผมบอกเขาเสียงอ่อน รวบความต้องการของผมและเขาไว้ภายใต้มือของเราสอง แล้วสอนน้องให้รู้จักการที่เราจะไปถึงจุดของความสุขพร้อมกัน

ถึงมันจะเทียบไม่ได้กับการที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่มันก็ให้ความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เราจูบกันอีกหน ริมฝีปากของผมแนบสนิทกับน้องและ สอดลิ้นเข้าไปเสาะหาความหอมหวานที่ยิ่งกว่าน้ำผึ้งจากรวงรัง และเล็มชิมมันทีละน้อยแต่เนิ่นนานเหมือนเสพติด

ถึงจะมีน้ำมันหอมเป็นตัวปลุกเร้าอารมณ์ตามสรรพคุณของมัน แต่ยังไงก็สู้ผิวกายขาวเนียนนุ่มมือกับกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของน้องไม่ได้เลยสักนิดครับ

ครู่ต่อมาผมจึงละมือจากตัวตนของเราทั้งคู่และให้น้องเป็นฝ่ายนำพาความสุขมาให้แล้วเลื่อนมือไปลูบหลังน้องก่อนจะไล้ลงต่ำ

น้องครางเสียงสั่นในลำคอเมื่อปลายนิ้วของผมแตะสัมผัสเข้ากับช่องทางแคบเล็ก คนดีเอาหัวอิงกับไหล่ของผมแล้วขยับตัวเบียดแนบชิดเข้ามาเมื่อผม ค่อยๆกดสอดปลายนิ้วเย้าแหย่เข้าไปด้านใน

ภายในร่างกายของน้องอุ่นเสียยิ่งกว่าน้ำอุ่นที่อยู่รอบกายของเรา ผมสอดนิ้วเข้าไปช้าๆและนึกรักใคร่เมื่อเจ้าของช่องทางเล็กแคบที่บีบรัดข้อนิ้วของผมนั้นเงยหน้ามาอ้อนจูบกับผมอย่างไม่ใช้คำพูดใดๆ เรียวปากเล็กจูบผมอย่างขลาดเขินแต่น่ารักเท่าโลก

ผมปล่อยให้น้องเป็นฝ่ายนำจูบไปอยู่ชั่วอึดใจ ขณะที่รังแกช่องทาง ด้านล่างของเขาด้วยความรัก

น้องต้อนจูบผมอย่างเด็กไร้เดียงสาที่กำลังพยายามทำอะไรเกินตัวก่อน จะแหงนหน้าขึ้นครางเสียงสั่นเมื่อปลายนิ้วของผมกระตุ้นตรงจุดที่สร้างความ เสียวซ่านไปทั่วร่าง ผมไล้ริมฝีปากลงจูบแนวคางและเลื่อนต่ำลงไปยังแผ่นอกขาวและพรมจูบไปทั่ว ขณะที่สองมือยังคงปรนเปรอให้น้องเตรียมพร้อมที่จะรองรับความต้องการที่ปรารถนาจะเข้าไปรักเข้าจากภายใน

“อะ...อา..” น้องครางเสียงหวานแล้วหยุดชะงักมือของเขาที่รูดเร้าส่วนหน้าของเรา เขาซบหน้าลงมากับไหล่ของผมอีกครั้งคล้ายอ่อนแรง ผมเลยประคองสะโพกของเขาให้ขยับขึ้น

น้องจับไหล่ผมพยุงตัวไว้และค่อยๆหย่อนกายลงมาครอบครองแกนกายร้อนผ่าวจวนเจียนระเบิดเข้าไปจนหมดและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เรียก ความเอ็นดูจากผมจนต้องป้อนจูบหวานๆให้เป็นรางวัลของคนเก่งก่อนจะเริ่มต้นประคองเอวให้เขาขยับ

บทรักแสนหวานระหว่างเราดำเนินขึ้นอย่างไม่รีบร้อน...ท่ามกลาง แสงแดดอ่อนละมุนยามเช้า ผมมองใบหน้าแดงจัดของน้องที่พยายามพาให้เรา สองคนไปถึงฝั่งจุดหมายพร้อมกันอย่างรักใคร่และโอบกอดเขาเข้ามาจนอกของ เราเบียดกัน

มือของผมละจากสะโพกนุ่มมาสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวที่สั่นระริกของน้อง พอผมรูดไปตามความยาว น้องก็สั่นสะโพกเข้าหามือผมและพยายามกดลงกลืน กินความยาวตรงหน้าตักผมไปด้วย เขาทำหน้าเหมือนถูกผมรังแกอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่ใสมีน้ำตาฉ่ำคลอนิดๆเพราะแรงอารมณ์ ริมฝีปากบางแดงจัดเพราะเราจูบกันครั้งแล้วครั้งเล่า

“ระ..เร็วอีก”

น้องร้องบอกเสียงขาดช่วง คนดียังคงขยับขึ้นลงบนตักผมตามแรงส่งอย่างเร่าร้อน ผมจึงต้องตอบสนองด้วยการขยับมือให้เร็วขึ้นเพื่อพาน้องไปสู่จุดหมายที่เขาต้องการ

ปลายทางมันอยู่ไม่ไกลนัก ผมคว้ามันไว้พร้อมกับที่โอบกอดน้องไปถึง จุดหมายด้วยกัน

“อะ..อือ..!”

ถึงน้องจะกัดริมฝีปากไว้แต่เสียงครางก็ยังรอดผ่านออกมา ร่างกายที่ได้ รับความสุขสมรัดตัวตนของผมไว้แน่น ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังกระตุกอยู่ในร่าง ของเขา ความรักของผมท่วมท้นช่องทางแคบเล็กที่ยังคงโอบรัดผมไว้

“เหนื่อยเป็นบ้าเลย..” น้องพึมพำก่อนจะทรุดมาโอบกอดผมไว้ ผมลูบศีรษะเขาให้อิงอยู่กับบ่าของผมแล้วกดจูบที่ข้างขมับเขา

“งีบพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันอาบน้ำให้”

น้องพยักหน้าจนปลายจมูกถูไถกับบ่าผมและเงียบไป ผมยิ้มให้กับความสุขที่เกิดขึ้นและหยิบเอาฟองน้ำขัดตัวมาเทสบู่ก่อนจะเริ่มต้นอาบน้ำให้เขา

คนดีจะรู้บ้างไหมนะ..ว่าตัวเองนั้นน่ารักแค่ไหน

แมวน้อยของผม

-TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 24 [Update : 06/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 06-07-2013 20:37:02
เมื่อไหร่ซัทจังจะบอกรักเร็นจังซะที สงสารเร็นจังมากๆๆ 
นี่ขนาดซัทจังยังไม่มั่นใจว่ารักเร็นจังหรือป่าว แต่อ้อน เขิน และตามใจเร็นจังตลอดเลย 
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 24 [Update : 06/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 06-07-2013 21:15:57
ยอมรับตัวเองเถอะซึทจัง ว่ารักเร็นแล้ว
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 24 [Update : 06/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 09-07-2013 17:16:46
Ren’s Diary : Chapter 12

 พอจบฉากเอ็นซียามเช้าอันแสนหวานที่เกือบทำให้ผมแทบสำลักกับความสุข และแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเราทำอะไรกันไปบ้างหรือแลกเปลี่ยนสัมผัสกันแบบใด รู้แต่ว่าความสุขมันล้นทะลักไปทั่วทุกอณูความรู้สึก ผมก็สำนึกได้ว่าผม ควรจะไปขอบคุณไอ้ยูตะมันสักพันครั้งสำหรับน้ำมันหอมระเหยขวดนี้

หลังจากที่เราออกกำลังกายแสนวาบหวิวกันเสร็จเรียบร้อย ผมกับน้องถึงได้ออกมากินอาหารเช้ากันราวๆเกือบเก้าโมงได้ น้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานงุดๆไม่ยอมมองหน้าผม สองแก้มของเขายังแดงระเรื่ออยู่บอกความเขินอายให้รับรู้

“วันนี้นายมีเรียนหรือเปล่า?” น้องเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่ผมยกจานไปเข้าเครื่องล้างและกดเปิดเครื่องก่อนจะยกเอาขนมหวานมาให้เขา น้องตักจ้วงทานครีมสดอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มพอง

“ไม่มีหรอก แต่วันนี้คงต้องทำรายงานส่วนแรกให้เสร็จ” น้องพยักหน้างึกงัก ผมรอฟังเขาพูดต่อเผื่อว่าน้องจะบอกว่าอยากกลับหอ ผมจะได้พาเขาไปก่อนแล้วก็หอบงานไปทำด้วย หรือถ้าเขาอยากจะไปทำอะไรที่ไหนผมก็จะได้พาเขาไปแล้วค่อยกลับมาทำงานตอนเย็นหรือค่ำก็คงทัน

“งั้นกินเสร็จแล้วฉันไปนอนอ่านบทละครต่อดีกว่า กินไหม?”

ท้ายประโยคน้องทำให้ผมชื่นใจด้วยการตักครีมสดตรงหน้ามาป้อนให้กับผมที่เดินมานั่งข้างเขา ผมทานโดยไม่เกี่ยงงอนก่อนจะหอมแก้มเขาเบาๆทีหนึ่งและถ้าไม่หลอกตัวเองเกินไป ผมเห็นน้องแอบอมยิ้มขณะที่ตักครีมสดเข้าปาก ตัวเองไปด้วย จะทำตัวน่ารักให้พี่หลงไปถึงไหนกันนะซัทสึกิจัง

ผมทานครีมสดที่น้องป้อนให้อีกสองสามคำก่อนจะลุกเข้าไปในห้องนอน น้องที่ทานเสร็จแล้วเช่นกันก็เดินโต๋เต๋มาหาผมที่กำลังดึงเอาผ้าห่มผืนนุ่มออกมา จากตู้เสื้อผ้า

“มีหวังได้หลับก่อนอ่านบทจบแหงๆ”

น้องบอกหลังจากที่ผมคลี่เอาผ้าห่มวางไว้ให้บนโซฟาเพื่อให้เขาให้ห่ม น้องที่ยืนกอดบทละครอยู่ขยับมานั่ง ผมเลยห่มผ้าให้เขาด้วย

“ดูแลดีกว่าแม่อีกนะนี่” ผมเลิกคิ้ว น้องเลยรีบเสริมต่อ

“นี่ฉันชมนะ” พี่ยังไม่ได้บอกสักคำนะครับว่าพี่คิดว่าน้องเหน็บหนมน่ะซัทสึกิจัง ผมแกล้งดีดหน้าผากน้องไปเบาๆหนึ่งที คนดีเขาตอบกลับมาด้วยการยกกำปั้นขึ้นมาชกอกผมแล้วทำแก้มพองก่อนจะยกบทขึ้นมาปิดหน้าทำท่างอน พอผมหัวเราะขำเขาก็เอาเท้าดันก้นผมเบาๆ

“รีบไปทำงานสิ เดี๋ยวก็ไม่เสร็จหรอก” เจ้าของหัวใจผมเขาสั่งแบบนั้น ผมก็เลยต้องลุกขึ้นไปทำงานโดยแอบเหล่น้องเป็นระยะ

พอได้มาอยู่กันสองคนแบบนี้ ถึงจะไม่ได้พูดคุยและต่างคนต่างก็มีอะไร ต้องทำ แต่เพราะไม่ได้มีเรื่องวุ่นวายหัวใจเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเลยทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก งานเลยเดินไวกว่าที่คิดเอาไว้ แต่งานของน้องจะเดิน หรือเปล่าก็ไม่รู้สิครับ

ผมว่าผมแทบไม่ได้ยินเสียงน้องพลิกกระดาษอ่านหน้าต่อไปเลยด้วยซ้ำ ผมเลยหันไปมองเขาและเห็นว่าเขากำลังจ้องผมอยู่พอดี

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า... ไม่มีอะไร” น้องพึมพำบอกกลับมาแล้วเอาบทในมือยกขึ้นมาปิดหน้าปิดตาก่อนทิ้งตัวลงไปนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาจนผมกลัวว่าเขาจะตกลงมานอน อยู่กับพื้นเสียก่อน เลยเดินเข้าไปหาเขา

“ทำงานเสร็จแล้วหรอ?”

“ขอพักหน่อย อยากได้กำลังใจน่ะ”

“เมื่อเช้ายังไม่พออีกหรือไงกัน..” คนดีเขาบ่นเสียงอุบอิบแล้วหยิบเอาหมอนปาใส่ผมแต่ก็ถูกผมแย่งไว้ ก่อนโน้มตัวเข้าไปหาเขา

“ก็ยังอยากได้เพิ่มอีกนิดหนึ่ง”

ผมกะจะหอมแก้มน้องสักฟอดสองฟอดก่อนจะกลับไปทำงานต่อ แต่เขากลับไม่ยอม เอาแต่ดันหน้าผมออกแถมยังไล่ให้กลับไปทำงานอีกด้วย

“กลับไปทำงานให้เสร็จไวๆเลย เร็วเข้า!!”

ถูกไล่แบบนี้ผมก็เลยต้องหอบเอาความผิดหวังเล็กน้อยกลับไปทำงานต่อที่โต๊ะ แต่ไม่ถึงนาทีหรอกครับก็ต้องชะงัก หัวใจมันเกือบหยุดเต้นไปเพราะแมวน้อยแสนน่ารักของผมย่องมากอดคอแล้วหอมแก้มผมแผ่วเบา

“กำลังใจแค่นี้...พอไหม” เสียงน้องกระซิบถามอยู่ข้างหู พลานุภาพสั่นใจผมจนสะท้านได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ ผมหันกลับไปยิ้มให้น้องแล้วเอียงหน้าจูบลงที่มุมปากเขาแผ่วเบาเหมือนกับที่น้องหอมแก้มผม

“แค่นี้ก็พอแล้วครับ...ที่รัก” น้องหน้าแดงกับคำเรียกของผมเสียยิ่งกว่าตอนเขาแอบหอมแก้มผมอีกครับ

เย็นวันนั้นผมต้องพาน้องไปฝังเข็มครับ น้องโอดโอยทำท่าอิดออดจะเกเร ไม่ยอมไปฝังอยู่พักใหญ่ก่อนจะยอมเดินตามแรงจูงของผมไปเข้าร้านหลังจากที่ ผมบอกว่าฝังเสร็จแล้วจะพาเขาไปทานอะไรอร่อยๆกัน

แต่ถึงจะยอมเข้าร้านไปอย่างว่าง่ายแต่ซัทสึกิก็ยังอดทำหน้ามุ่ยใส่ผม ไม่ได้ที่ไม่ยอมตามใจเขา และพอถึงคิวจะฝังเข็ม แมวน้อยของผมก็ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ ผมกอดเขาเข้ามาแนบอกเมื่อเราอยู่กันเพียงลำพังในห้องเปลี่ยนเสื้อและกดปากจูบที่หน้าผากของเขาที่กอดผมแน่น

“อดทนนิดหนึ่งนะคนดี” น้องพยักหน้างึกงัก แต่ผมไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าน้องจะฟังที่ผมพูดหรือเปล่าเพราะดูเหมือนจิตใจเขาจะพะวักพะวนอยู่กับการฝังเข็มที่จะเริ่มอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าไปแล้ว พอผมผละกอดจากเขาเพื่อที่จะถอดเสื้อผ้าให้ น้องก็ขยับแขนกอดผมแน่นขึ้นเหมือนไม่อยากให้ผละไป

“ฉันไม่ฝังเข็มแล้วไม่ได้จริงๆหรอ ฉันจะไปลดน้ำหนักเอง สาบานจริงๆนะ เดี๋ยวจะเริ่มลดน้ำหนักตั้งแต่วันนี้เลยก็ได้”

โดนน้องอ้อนขอทั้งใบหน้าปริ่มๆจะร้องไห้นี่มันทำใจยักษ์ใส่ยากจังเลยครับ

แต่ดูจากการชื่นชอบการรับประทานของอร่อยๆและของหวานๆของน้องแล้ว...น้ำหนักน้องมีแต่จะเพิ่มไม่มีลด แล้วถ้ามิซึรุรู้เข้าว่าน้องโยนคอสฝังเข็มที่เขาบังคับให้ทำทิ้ง น้องอาจจะถูกดุเอาก็ได้

และอีกอย่าง..ผมก็อยากเห็นน้องหุ่นเพรียวบางเหมือนกับครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาด้วยครับ หลายเดือนที่ผ่านมาน้องแอบอ้วนขึ้นมานิดหน่อย อันที่จริงผม ก็ชอบเหมือนกันนะครับเพราะเวลากอดแล้วนุ่มมือดี แต่ออกจะชอบหุ่นเพรียวบางของน้องมากกว่า

“ทนนิดหนึ่งนะ ครั้งก่อนนายก็ผ่านมันมาได้นี่นา”

ผมตะล่อมแล้วจูบซับน้ำตาให้เขา น้องที่ขอบตาแดงเรื่อเงยหน้ามองผมแล้วเบะปากที่ผมไม่ยอมอนุญาต ผมเลยชิงจูบปากน้องไปด้วยเลยแล้วก็จัดการลอกเปลือกน้อง พอเขารู้ตัวอีกที ตัวเขาเองก็อยู่ในสภาพพร้อมที่จะไปฝังเข็มแล้วเรียบร้อย

“ใจร้าย...จำไว้เลย” จากที่ร่ำๆจะร้องไห้อยู่เมื่อสักครู่ น้องหันมาตัดพ้อ แล้วส่งสายตาเขียวปั๊ดมาให้ผมอย่างน่าฟัด ถ้าเป็นคนอื่นที่ทำตัวแบบนี้ผมคงจะนึกเหนื่อยหน่ายใจ แต่เพราะเป็นน้องเลยเรียกความเอ็นดูให้กับผมได้มากโข

โดยเฉพาะคำที่ใช้ตัดพ้อเนี้ย...ไปจำมาจากไหนครับคนดี แถมยังพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆแบบนี้ น่าฟัดมากเหอะขอบอก

แล้วผมก็พาน้องเข้าไปฝังเข็มได้ในที่สุด แต่พอคุณหมอเริ่มลงเข็มกับพุงของน้องก็ดันมีโทรศัพท์เข้ามาหาผมที่ตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนน้องฝังเข็มเอาเสียก่อน ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นมิซึรุเลยเลี่ยงออกไปรับข้างนอกเพื่อไม่ให้น้องได้ยินบทสนทนาระหว่างเรา

“นายอยู่ที่ไหน?”

“ฉันพาน้องมาฝังเข็ม นายมีอะไรหรือเปล่า?” ผมถามกลับไปอย่างร้อนใจ แต่ก็พอเดาได้ว่าจะเป็นเรื่องอะไร พรุ่งนี้ก็จะถึงวันเกิดของน้องแล้ว บางทีมิซึรุ อาจจะโทรมาคุยเรื่องเซอร์ไพรส์วันเกิดของน้องก็เป็นได้

“อืม..ฉันพอจะคิดเรื่องเซอร์ไพรส์วันเกิดซัทจังมันได้แล้ว แต่เดี๋ยวขอปรึกษากับจิฮารุก่อน โทรมาบอกแค่นี้แหละ บาย!”

แล้วมิซึรุก็ตัดสายผมไปทิ้งให้ผมยืนงงอยู่กับจุดประสงค์การโทรของเขาเพียงลำพังว่าเขาจะโทรมาบอกทำไมกัน แต่พอจะเดินกลับไปหาน้อง โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คนที่โทรมาเป็นบุพการีของผมเอง

คุณมี๊โทรมาถามเรื่องวันเกิดของน้องพรุ่งนี้เพราะผมเคยเกริ่นให้คุณมี๊ฟัง ว่าอยากให้จัดฉลองวันเกิดให้น้องที่บ้านของเรา ซึ่งคุณมี๊รับปากว่าจะเป็นหัวแรงใหญ่ให้ผม วันนี้เลยโทรมาบอกว่าจะจัดปาร์ตี้ริมสระและถามว่าจะมีคนไปปาร์ตี้ สักประมาณกี่คนจะได้จัดอาหารถูก

ผมยืนคุยกับคุณมี๊อยู่พักใหญ่ก่อนจะวางสายไปและเดินกลับเข้าไปหาน้อง ก็พอดีกับที่น้องเดินออกมานั่งที่ม้านั่งแล้วพอดี คนดีเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไร เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมยิ้มให้คุณหมอที่เดินสวนออกไปตามมารยาทแล้วเดินเข้าไปหาน้อง

“เสร็จแล้วใช่ไหม? ขอโทษทีนะ” น้องทำแก้มพองใส่ ผมเลยหยิกแก้มเขาเบาๆแล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้

“งอนหรอครับ?”

“เปล่าซะหน่อย หิวต่างหาก”

“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนะ” น้องพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากม้านั่งอย่าง ว่าง่าย ผมพาน้องไปจ่ายเงินแล้วออกมาขึ้นรถ

“กินอะไรดีล่ะ อยากกินอะไรหรอซัทสึกิ?”

“อยากกินหม้อไฟ!!” น้องตอบกลับมาทันควันเลยครับแถมยังยิ้มสดใสอีกต่างหาก ผมยกมือขึ้นมาขยี้กลุ่มผมนุ่มของเขาอย่างเอ็นดูและเอื้อมมาดึงสายนิรภัยคาดให้กับเขา น้องยังคงพูดเสียงเจื้อยแจ้วระหว่างผมกดตัวล็อกเข็มขัดให้เขา

“ไปซูเปอร์ซื้อผักมาต้มหม้อไฟกันเถอะ”

ผมยิ้มรับคำบอกของน้องแล้วก็เลยจุ๊บปากแดงๆของน้องไปด้วยอีกหนึ่งทีอย่างชื่นใจ น้องเงียบลงทันทีเลยครับ แต่แก้มแดงๆของเขาทำให้ผมชื่นใจว่าน้องเงียบไปเพราะเขินที่ถูกผมชิงจูบนั่นเอง แถมเด็กดีของผมยังแอบอมยิ้มอีกต่างหาก จะให้ความหวังพี่เร็นคนนี้มากไปแล้วนะครับซัทสึกิจัง

สิบนาทีต่อจากนั้นผมก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดในมาร์เก็ตและพาน้องลงมา ซื้อของ คนดีเขาหันซ้ายมองขวาก่อนจะกระตุกชายเสื้อผม พอผมให้ไปมองเขาก็ พยักพเยิดไปทางคอฟฟี่ช็อปที่อยู่ติดกับทางเข้าของมาร์เก็ต

“กินคาราเมลมิลค์แฟรปเป้ได้ไหมอ่ะ?”

“เดี๋ยวก็อ้วนหรอก”

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนเอามือแตะท้องของน้องแล้วเอ่ยเย้า น้องมุ่ยหน้า ใส่ผม เขาส่งสายตาละห้อยหาไปที่คอฟฟี่ช็อปพลางออดเสียงเบา

“จะตามใจกันหน่อย..ไม่ได้หรอ..” ช่วงนี้เหมือนคนดีจะรู้ทางครับว่าทำยังไงผมจะใจอ่อน เขาก้มหน้าเดินคอตกเข้าไปในมาร์เก็ต ทำเอาหัวใจของผมกระตุกวูบจนต้องแอบเดินไปซื้อนมปั่นมาให้กับเขา

“แก้วเล็กพอนะ” ผมที่เดินตามน้องมาเจอว่าคนดีกำลังเลือกกุ้งอยู่ก็ยื่นเอามิลค์แฟรบเป้แก้วเล็กให้เขา แค่เห็นผมตามใจถึงแม้จะเล็กน้อยน้องก็ฉีกยิ้มให้ผมจนหายรู้สึกผิดที่ใจอ่อนกับเขาแบบนี้แถมยังยื่นหลอดมาให้ผมอีกต่างหาก

“กินด้วยกันนะ” ว่าไหมครับว่าช่วงนี้น้องน่ารักจริงๆ ผมดูดนมปั่นแก้วนั้นไปนิดหน่อยแล้วให้น้องทานต่อก่อนเราจะเลือกซื้อของด้วยกันจนได้ของมากมายพอที่ผมเห็นแล้วรู้สึกว่าน้องกับผมต้องน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากแน่ๆถ้ากินกันจนหมดนี่

หลังจากนั้นผมกับน้องเลยได้กลับมาที่คอนโดของผมพร้อมกับข้าวของมากมายที่เราหิ้วกันมาเต็มสองแขน พอมาถึงห้องน้องก็จัดแจงเตรียมทำสุกี้เลยทันที

ผมชอบจังเลยครับ บรรยากาศในตอนนี้ น้องกำลังเตรียมหั่นเนื้ออยู่ คนดีเขาไล่ผมให้มาล้างผัก แต่พอเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของผม น้องก็ยื่นมือเข้ามาช่วย ผมมองหน้าน้องที่ตั้งอกตั้งใจสอนแล้วก็รู้สึกพองๆในใจ อารมณ์มันคล้ายคู่แต่งงานใหม่อย่างบอกไม่ถูกครับ

พอล้างผักเสร็จแล้วผมก็ยกหม้อกับของสดไปวางตั้งไว้ที่โต๊ะตัวเตี้ยหน้าทีวีและกำลังเทน้ำผลไม้ใส่แก้วไว้ให้น้องตอนที่โทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีกครั้ง ผม เห็นน้องเหล่มองมาเลยเดินออกไปคุยที่ระเบียงเพราะคนที่โทรมาหาผมคือมิซึรุ

“ขอโทษที พอดีผิดแผนนิดหน่อยเมื่อตอนกลางวัน”

มิซึรุว่าอย่างนั้นก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟังว่ามาโดกะเข้ามาได้ยินพอดีเลยเสนอขอแจมร่วมเซอร์ไพรส์วันเกิดกับน้อง ผมได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วทันทีอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่พอมิซึรุบอกแผนการทั้งหมดมา ผมก็ต้องกระตุกยิ้มกับความเจ้าเล่ห์ของญาติคนนี้ของไอ้จุนมัน

“หวังว่ามันคงจะเวิร์คล่ะนะ”

“ก็ถ้าไม่เวิร์คแสดงว่านายก็ต้องยอมรับล่ะว่านายไม่สามารถทำให้ซัทจัง มันพิศวาสนายได้” มิซึรุตอบกลับมาทันทีก่อนจะหัวเราะเสียงใส แต่เรียกความตึงบนใบหน้าของผมได้ไม่น้อยแล้ววางสายไป

ผมลดโทรศัพท์ในมือลงแล้วมองกลับเข้าไปในห้อง น้องกำลังคีบเอาเนื้อสัตว์ใส่ลงไปในหม้อไฟและเงยหน้าขึ้นมามองผมพอดี เขาเลิกคิ้วนิดหน่อยก่อนจะคีบเอากุ้งที่สุกแล้วขึ้นชูโบกไปมาเรียกให้ผมเข้าไปกินกับเขา

มันต้องเวิร์คสิ...

ถ้าไม่เวิร์คมีหวังผมขาดใจตายแน่ๆงานนี้

 “ใครโทรมาน่ะ?” น้องยิงคำถามทันทีเมื่อผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆเขาครับ แต่ผมไม่ได้ตอบเขาไปเพราะกำลังคิดคำตอบให้เขาอยู่เลยเลี่ยงไปหยิบตะเกียบขึ้นมาจะคีบเนื้อในหม้อให้น้องแต่น้องไม่ยอมทิ้งคำถามของเขา เด็กดีของผมเอาตะกร้อลวกสกัดตะเกียบผมไว้แล้วหรี่ตามองอย่างจับผิด

“ทำไมไม่ตอบ?”

สุ้มเสียงเหมือนคอยจับผิดกันแบบนี้ผมเลยต้องตอบเขาในที่สุด

“มิซึรุโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ตอนแปดโมงให้เข้าไปซ้อมต่อบทรอบแรกกันด้วย”

“อะไรกัน!! พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ ยังต้องเข้าไปซ้อมบทแต่เช้าด้วยหรอ?”

อย่างที่ผมคิดไว้ น้องโอดครวญทันที ผมเลยเอาเนื้อที่คีบขึ้นมาป้อนใส่ปากให้เขา น้องยอมทานแต่ก็ทำหน้ามุ่ยกับข่าวที่ผมบอกเขา

“หน่า..ก็พรุ่งนี้มันวันหยุดนี่นา”

“แต่วันเกิดฉันเหมือนกันนี่นา..พี่มิซึรุนะพี่มิซึรุ ลืมวันเกิดน้องหรือยังไงกัน”

คนดีเขาบ่นไปพลางออกแรงกระแทกตะเกียบในมือลงกับเนื้อชิ้นใหญ่ น้องคงจะหงุดหงิดไม่น้อยที่วันสำคัญของเขาจะต้องถูกแบ่งเวลาไปแบบนี้ ผมจับมือเขาไว้ก่อนจะคีบเอาเนื้อปลาหมึกป้อนใส่ปากเขาอีกคำ

“ก็อาจจะลืมมั้ง” ผมแกล้งเนียนบอกเขาไปแบบนั้นทั้งที่รู้ดีว่ามิซึรุไม่ได้ ลืมวันเกิดของน้อง แต่ทำไงได้ครับ เรามีแผนที่จะเซอร์ไพรส์วันเกิดเขานี่ครับ

คำพูดของผมทำให้น้องเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานแถมยังทำหน้ามุ่ยกว่า เดิมอีกด้วย ถึงจะสงสารแต่ผมก็ไม่อยากทำให้พวกเราต้องเสียแผนเหมือนกันครับเลยทานต่อไปอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไร จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไปและน้องเอาแต่จ้องหน้าผมเป็นระยะก็เลยต้องตัดสินใจถามเขาออกไป

“มองแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า?”

ถ้าให้ผมเดา น้องก็อาจจะกำลังคิดอยู่ว่าผมรู้แล้วว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดเขา แล้วผมจะให้อะไรเขาหรือเปล่าแน่ๆ แต่น้องก็ไม่ได้ตอบผมกลับมาครับ เขาก้มหน้าไปกินกุ้งต่อ ผมเลยปล่อยผ่านไปโดยไม่เซ้าซี้อะไรอีก

ไม่งั้นคงเป็นผมที่ใจอ่อนจนทำเสียแผนแน่ๆ

พอทานกันเสร็จแล้วผมก็ไล่ให้น้องที่ตั้งท่าจะเก็บล้างจานไปอาบน้ำเพื่อขจัดกลิ่นของหม้อไฟไปให้หมด แต่คนดีเขาก็ยังช่วยผมยกจานและหม้อมาวางไว้ที่อ่างล้างก่อนจะหันมาเอียงคอถามผม

“แล้วนายไม่อาบหรอ?”

“นายอาบไปก่อนแล้วกัน ฉันยังมีงานต้องทำอีก อาบเสร็จแล้วจะเข้านอนก่อนก็ได้นะ” น้องพยักหน้า แต่ก็ดึงมือผมไปห้องน้ำด้วย

“งั้นเตรียมอ่างให้หน่อยสิ”

น้องบอกแล้วชี้นิ้วไปที่อ่างน้ำแถมส่งยิ้มน่ารักมาให้ผมอีก เล่นเอาคนหัวใจอ่อนแออย่างผมต้องเดินไปเตรียมอ่างให้เขาแต่โดยดี

วันนี้น้องเป็นอะไรของเขานะ อ้อนได้อ้อนเอา รู้ไหมว่าพี่เร็นหัวใจอ่อนแอกับการอ้อนของน้องมากแค่ไหน แถมผมยังไม่ทันจะออกไปจากห้องน้ำ น้องที่โป๊ไปหมดทั้งตัวก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงในอ่างน้ำอุ่นที่มีน้ำเติมเข้ามาเพียงประมาณครึ่งอ่าง คนดีขยับมาเกาะขอบอ่างฝั่งที่ผมนั่งแล้วชี้นิ้วไปที่ชั้นวางน้ำมันหอมที่ใช้ผสมน้ำ

“เอากลิ่นเมื่อเช้า” ใจผมสะดุ้งวาบเลยครับที่น้องบอกแบบนั้น น้องสั่งผมเสร็จก็เอียงหน้าเอาหัวอิงกับขอบอ่างมองผมอีกต่างหาก ผมหันไปรื้อดูในชั้นวางเพราะจำได้ว่าคุณมี๊เองก็เคยซื้อกลิ่นวานิลลาติดไว้ให้ผม แต่ผมเก็บไว้ข้างในเพราะไม่ค่อยได้ใช้เนื่องจากกลิ่นมันหวานไปไม่เข้ากับบุคลิกของผมเท่าไหร่

แอบนึกกลัวนิดหน่อยว่าจะเผลอทิ้งไปแล้วหรือเปล่า ผมไม่อยากเอาน้ำหอมของไอ้ยูมันมาใช้อีกตอนนี้ครับ ไม่งั้นมีหวังงานผมไม่เสร็จแน่ๆ แล้วก็ยังเคราะห์ดีที่กลิ่นวานิลลาของคุณมี๊ยังมีอยู่ ผมเลยเอามายื่นให้น้อง

“กลิ่นวานิลลานี่อ่ะหรอ?” จริงๆกลิ่นมันต่างกันนิดหน่อยครับ กลิ่นที่คุณมี๊ซื้อมาให้มันหอมอ่อนๆมากกว่าของไอ้ยู แต่น้องก็พยักหน้างึกงักว่าเป็นกลิ่นนี้ ผมก็เลยหยดใส่อ่างให้เขาอย่างโล่งใจและหยิบเอาขวดของไอ้ยูมันเก็บไปซ่อนไว้ข้างหลัง ก่อนจะลูบหัวน้องเบาๆ

“แล้วอย่าแช่นานล่ะ รีบๆอาบแล้วกลับไปนอนได้แล้วนะ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก” น้องพยักหน้าอย่างเด็กว่าง่าย ผมเลยเปิดเพลงให้เขาและฉวยโอกาสจูบแก้มเขาอีกหนึ่งฟอดก่อนจะเดินกลับมาทำงานของตัวเอง

แต่ผมนั่งทำงานไปไม่ถึงสิบห้านาที น้องก็พาตัวเองออกมาจากห้องน้ำและมานั่งเล่นที่โซฟาตัวเดิมที่เขานอนอ่านบทเมื่อตอนสายๆของวัน ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนไว้ตรงฝาผนังฝั่งตรงกันข้ามแล้วหันไปมองน้อง

“ไม่ง่วงหรอ? ไปนอนได้แล้วนะ”

ตอนนี้มันเที่ยงคืนกว่าแล้วครับ ปกติมันเป็นเวลานอนของน้องแล้ว พอผมถามไปน้องก็ยิ้มแป้นแล้วเหยียดแขนออกมาแบมือด้วยท่าทางน่ารักเท่าโลก

“เข้าวันเกิดฉันแล้วนะ ไหนล่ะของขวัญ?”

ผมแกล้งเลิกคิ้วแล้วถอดแว่นสายตาวางลงกับโต๊ะก่อนเดินไปหาเขาน้องยังฉีกยิ้มเต็มแก้มรอของขวัญครบรอบอายุสิบเก้าปีของเขา

“ไม่มีให้หรอก” ผมบอกแล้วดีดนิ้วลงกับหน้าผากของเขาก่อนจะเดินเข้า ไปในห้องนอน เลี่ยงไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้ไม่ใจอ่อนกับเขาเท่าไหร่

แต่รับรองเถอะ ของขวัญพิเศษสำหรับวันเกิดสุดที่รักของผมน่ะ

ผมมีให้เขาอยู่แล้ว

ผลพวงของความไม่ใจอ่อนเมื่อคืนกำลังเล่นงานผมอยู่ครับตอนนี้

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 24 [Update : 06/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 09-07-2013 17:17:11

ตั้งแต่ตื่นเช้ามาน้องก็แสดงท่าทีงอนผมอย่างชัดเจน แมวน้อยของผมอารมณ์เสียมากๆจนผมเกือบจะใจอ่อนล้มเลิกแผนการทั้งหมดแล้วโอ๋ให้น้องเลิก งอนผมแบบนี้ แต่ก็ถูกมิซึรุปรามด้วยสายตาที่รู้ทันไปหลายหนเลยต้องจำใจเล่นตามบทเซอร์ไพรส์ที่มิซึรุกับจิฮารุวางแผนกันไว้

หวังว่าแผนนี้จะสำเร็จและผมจะได้รู้ความในใจของน้องอย่างที่สองคนนี้ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะล่ะนะครับ

“น่า..อย่างน้อยฉันว่าซัทสึกิจังของนายก็ต้องมีปฏิกิริยาบ้างล่ะ ถ้าถึงขั้นร้องไห้หรืออะไรทำนองนั้น ยืนยันได้ล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่านายสมควรดีใจได้ล่ะนะ”

จิฮารุกระซิบพูดกับผมอีกครั้งตอนที่เธอเฉียดเข้ามาใกล้ระหว่างที่น้อง เดินหนีผมไปดื่มน้ำ

“แต่ยังไงฉันก็ไม่ชอบใจอยู่ดีที่ในแผนการนี้ต้องมีมาโดกะเข้ามาเกี่ยวข้อง” ผมบอกเธอไปตรงๆ จิฮารุยักไหล่แล้วกระตุกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มคล้ายกับมิซึรุ

“ก็ดีไม่ใช่หรอ จะได้ประกาศตรงๆให้มาโดกะรู้ด้วยไงว่านายกำลังจีบ ซัทสึกิอยู่ จะได้เลิกยุ่งกับนายไง” ผมไม่รู้ว่าจิฮารุรู้เรื่องมาโดกะมาจากไหนจน กระทั่งอีกหลายเดือนหลังจากนั้นผมถึงได้รู้ว่ามาโดกะกับแม่ของเธอไปกดดันมิซึรุ กับจิฮารุให้เปลี่ยนตัวเอกที่คู่กับผมจากน้องเป็นเธอนั่นแหละครับ

“ถ้าเป็นอย่างที่ว่าได้ก็ดี” ผมบอกจิฮารุไปอย่างนั้นก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผม ยังไม่ได้ทิ้งรูปมาโดกะไป พอคลำหากระเป๋าใส่นามบัตรก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เห็นมันมาหลายวันแล้ว ผมไปทำตกไว้ที่ไหนกันนะ

“เร็น ซัทสึกิมาซ้อมต่อได้แล้ว”

เสียงเรียกจากมิซึรุทำให้ผมต้องทิ้งเรื่องรูปของมาโดกะกับกระเป๋าใส่นามบัตรของผมไปก่อนและเดินเข้าไปหาน้องที่ยังคงแสดงสีหน้าหงุดหงิดอยู่

การซ้อมครั้งแรก(แบบหลอกๆ)นี่น้องทำได้แย่มากครับ เขาทำให้มิซึรุตะคอกออกมาอยู่หลายครั้งเพราะไม่ตั้งใจแถมยังยียวนอีกด้วย ผมรู้ดีว่าเขาทำได้ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ที่อยากกวนประสาททุกคนที่แกล้งลืมวันเกิดเขา ทำเอาตอนนี้การซ้อมฉากรักโรแมนติกมันกลายเป็นฉากดราม่าไปเสียแล้ว

“นี่มันฉากสารภาพรักนะ!! ทำหน้าแบบนี้แล้วใครเขาจะไปรักแกลงห๊ะอิชิฮาระ ซัทสึกิ!!”

มิซึรุตวาดออกมาแล้วยกบทขึ้นมาตีหัวของน้อง ผมขมวดคิ้วแล้วทำท่าจะเข้าไปขวางแต่น้องก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน

“ก็ไม่ได้อยากให้มารักนี่ มารักเอง ช่วยไม่ได้..”

คำพูดของเขาทำให้ผมน้อยใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะรู้ว่าน้องอยู่ในอารมณ์ที่กำลังงอนอยู่ก็ตามที ผมถอนหายใจช้าๆแล้วเรียกเขาเพื่อเตือนสติ

“ซัทสึกิ...” แต่ดูเหมือนน้องจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขามองผมด้วยสายตาขุ่นเขียวแล้วตวาดใส่ผมพร้อมทั้งปาบทในมือเขาใส่หน้าผมอีกต่างหาก

“หรือว่าไม่จริง!!”

“เว้ย! นี่มันละครเวที อย่าเอาชีวิตจริงมาปนได้ไหม! มีปัญหาครอบครัวก็เอากลับไปแก้กันทีหลัง อย่ามาทำตัวมีปัญหาที่นี่เข้าใจไหม!” มิซึรุที่คงเหลือทนตวาดออกมาแล้วเขกหัวน้อง ขณะที่ผมรู้สึกว่าเรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว จิฮารุที่ออกจากห้องไปเมื่อครู่กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าเครียดๆ เธอเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับกระดาษปึกหนึ่งที่วางลงบนโต๊ะข้างน้อง

“ถ้ามีปัญหามากนัก ก็เปลี่ยนตัวนักแสดงไป”

เธอเล่นไปตามแผนการที่วางไว้อย่างแนบเนียนครับ ผมลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามแผนของมิซึรุและจิฮารุ เพราะผมเองก็อยากรู้ด้วยเช่นกันว่าสุดท้ายแล้ว น้องจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกันแน่

“บทละครสำรองเผื่อจะหาคนอื่นมาแทนคนมีปัญหา”

จิฮารุดึงมิซึรุไปคุยอยู่ไม่นานก่อนจะกลับมาแจกบทใหม่ให้ผมกับน้อง พอดีกับที่มาโดกะเดินนวยนาดเข้ามาอย่างรู้หน้าที่แต่ไม่รู้แผนการที่จะเกิดขึ้น

“บทไม่มีอะไรเปลี่ยนมาก เปลี่ยนแค่ตัวนักแสดงพอ เอามาโดกะมาเป็นนางเอก แล้วซัทสึกิไปแทนบทมาโดกะ ที่เหลือเหมือนเดิม! ให้เวลามาโดกะจำบทในหน้าที่สิบเก้ายี่สิบนาทีแล้วเริ่มซ้อมได้! ส่วนนายไปนั่งสงบสติอารมณ์ซะ แต่ห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด! ไดสุเกะ! เคนอิจิ! พาซัทสึกิไปนั่งคุมอารมณ์ซะ!!”

ทันทีที่มิซึรุสั่ง เคนอิจิกับไดสุเกะคุงก็เข้ามาล็อกแขนน้องแล้วดึงไปนั่ง ผมสูดลมหายใจลึกๆและตั้งสติเพื่อเล่นละครต่อกับคนที่ผมไม่ค่อยอยากแสดงด้วยสักเท่าไหร่ แต่จำเป็นต้องทำ ผมพยายามคิดว่ามาโดกะคือน้อง แต่ก็บอกได้เลยครับว่ายาก เพราะเธอไม่ใช่น้องและไม่มีวันจะเป็นเหมือนน้องด้วย ทว่าทักษะการเล่นละครของผมก็มีอยู่พอตัว ผมซ้อมบทละครกับนางเอกจำเป็นด้วยความเคร่งเครียดก่อนจะหยุดลงเมื่อมิซึรุเดินเข้ามาแตะไหล่ของผม

“ร้องไห้แล้ว” พอหันไปมองตามที่มิซึรุชี้ก็เห็นน้องฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ ผมขมวดคิ้วแล้วตั้งท่าจะเดินไปหาน้อง แต่มิซึรุรั้งเอาไว้ จิฮารุเดินมาหาผมพร้อมเค้กก้อนสวยที่จุดเทียนไว้แล้วเรียบร้อย ผมรับเค้กจากเธอมาแล้วเดินไปหาน้อง ไดสุเกะคุงที่นั่งอยู่ข้างๆเขย่าเรียกน้องให้เงยหน้าแต่น้องไม่ยอมเงย เคนอิจิเลยดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นมา ทันทีที่น้องเงยหน้าขึ้นมามอง ทุกคนก็ร้องออกมาพร้อมกัน

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะซัทสึกิ!!”

ใบหน้าของน้องเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่มันทำให้หัวใจของผมอุ่นวาบขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่คิดว่าคงไม่ได้เข้าข้างตัวเองมากเกินไป ผมยิ้มให้เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะเอ่ยอวยพรวันเกิดให้เขา

“สุขสันต์วันเกิดปีที่สิบเก้านะครับซัทจัง..”

แต่ดูเหมือนเจ้าของวันเกิดจะไม่มีความสุขเท่าไหร่ครับ น้องเอาแต่จ้องหน้าผมไม่ยอมเป่าเทียนจนเทียนมันจะหมดเล่มอยู่แล้ว ริมฝีปากของน้องเม้มจนเป็นเส้นบาง อีกครู่หนึ่งเขาก็ผลักเคนอิจิกับไดสุเกะคุงแล้วเดินหนีออกจากห้องไป

“ตามไปเร็วสิ!” จิฮารุดึงเอาเค้กจากมือผมไปถือไว้แล้วไล่ให้ผมวิ่งออกมา แต่ถึงเธอไม่บอกผมก็จะตามน้องไปอยู่แล้วครับ

ผมวิ่งตามน้องไปจนถึงบันได เรียกเขาเท่าไหร่น้องก็ไม่ยอมหันกลับมามองครับแถมยังวิ่งไวกว่าเดิมจนสะดุดบันไดล้มถลาลงไปกระแทกกับพื้น

เสียงน้องที่สบถออกมาดั่งลั่นนั่นทำให้ผมต้องกร่นด่าตัวเองที่ปล่อยให้น้องต้องเจอกับเรื่องเจ็บตัว

“ซัทสึกิ..เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ผมวิ่งเข้าไปจะพยุงเขาให้ลุกขึ้นมาแต่น้องปัดมือผมออกแล้วพยายามลุกขึ้นเอง แต่ก็เซถลาจนผมต้องคว้าเอวเขาไว้แล้วพาไปนั่งที่ขั้นบันไดและถอดรองเท้าของน้องออก น้องยังคงเชิดหน้าหนีไม่ยอมมองหน้ากัน

“ไปหาหมอดีไหม?” ข้อเท้าน้องแดงมากครับ พอผมนวดให้เขาก็ซี้ดปากครางออกมาด้วยความเจ็บและพยายามดึงขากลับ

“ไม่ต้องมายุ่ง!!”

น้องตะคอกใส่ผมแล้วเอื้อมมือไปหยิบรองเท้าก่อนจะพยายามลุกขึ้นโดยไม่ยอมให้ผมพยุงแถมยังจะเอารองเท้าปาใส่หน้าผมอีก

“บอกว่าอย่ามายุ่งไงโว้ย!!” น้องแผลงฤทธิ์เต็มที่เลยครับตอนนี้ ผมข่มใจ ให้เย็นลงแล้วล็อกตัวเขาไว้เมื่อน้องตั้งท่าจะเดินหนีผม

“ขอร้องล่ะซัทสึกิ อย่าดื้อสิ นายกำลังเจ็บอยู่นะ”

“ก็เพราะมึงน่ะแหละ”

น้องลดเสียงที่ใช้แล้วครับ แต่คำพูดคำจาไม่น่ารักเลยสักนิด ผมขมวดคิ้วและมองเขาอย่างตำหนิก่อนจะมอบบทเรียนสั่งสอนให้กับเขาเป็นจูบดุดันที่จะดึง เอาคำพูดหยาบคายและอารมณ์รุนแรงของน้องออกมาทิ้งทั้งหมด

น้องดิ้นขลุกขลักแล้วเอารองเท้าในมือฟาดใส่กลางหลังของผม เป็นครั้งแรกที่ผมโต้ตอบเขาเมื่อเราทะเลาะกันรุนแรง ผมจูบน้องอยู่อย่างนั้นไม่สนใจว่าใครจะผ่านไปมาหรืออะไรยังไง แต่แอบเห็นอยู่ว่าพวกมิซึรุกับจิฮารุโผล่มามองอยู่ ตรงหัวบันไดชั้นบน พวกนั้นเองก็คงจะลุ้นอยู่เหมือนกันว่าน้องจะเป็นยังไง

ผมจูบเขาไปได้อยู่พักใหญ่ น้องก็เงียบลงและก็ไม่ดิ้นแล้ว เขาหอบหายใจแรงแถมหน้ายังแดงจัดอีกต่างหาก ผมฉวยโอกาสนั้นอุ้มเขาพาดบ่าแล้วเดินลงบันไดไป แต่น้องก็กลับมาดิ้นอีกรอบเลยโดนผมตีก้นไปสองครั้งเขาถึงยอมหยุดดิ้น

พอผมวางเขาให้นั่งลงที่เบาะหน้าของรถ น้องก็ทำท่าจะลุกขึ้นหนี ผมเลยมองเขาอย่างดุๆแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เขา น้องนั่งเชิดหน้าอย่างแง่งอน ผมเลยอยากจะปรับความเข้าใจกับเขาเสียก่อน

“ซัทสึกิ..”

“เงียบไปเลย!! ไม่อยากฟัง!!” น้องปัดมือผมที่ยกไปลูบหัวเขาและยังเอาสองมือปิดหูอีก ผมถอนหายใจช้าๆ เดินไปขึ้นรถอีกด้านและออกรถไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ น้องยังคงฮึดฮัดอยู่ จนกระทั่งจะเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาล ผมก็ตัดสินใจถามเขาไปตรงๆกับสิ่งที่ค้างคาใจผมอยู่ในเวลานี้

“ซัทสึกิ...ที่นายโมโหขนาดนี้ เพราะนายหึงฉันอย่างนั้นหรอ?”

จากที่ฮึดฮัดๆอยู่ น้องหันขวับมาหาผมทันทีเลยครับ แมวดื้อของผมทำปากพะงาบๆเหมือนอยากจะโต้ตอบคำพูดของผมแต่ก็หาคำพูดไม่ถูกอะไรทำนองนั้น

นาทีนั้นเองที่ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้น้องจะยังไม่พูดอะไร แต่สัญชาตญาณของผมมันบอกว่าผมควรรู้สึกโล่งใจได้แล้ว

ผมยิ้มมุมปากก่อนจะยิงคำพูดรุกใส่น้องไปอีกหนึ่งดอกแล้วลงไปเปิดประตูรถให้น้อง ประคองเขาลงจากรถ

“นายรักฉันแล้วใช่ไหมซัทสึกิ?”

น้องเงียบไปตลอดทางเลยครับจนกระทั่งเราไปนั่งรอคิวคุณหมอกัน

“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้รักนาย”

ผมพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่อาจหุบยิ้มได้...ก็คนพูดเล่นพูดด้วยใบหน้าแดงกล่ำเหมือนลูกมะเขือเทศขนาดนี้นิครับ

“จะเชื่อก็แล้วกันนะ”

เชื่อว่าที่รักของพี่ปากไม่ตรงกับใจยังไงล่ะครับ

-TBC-
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 25 [Update : 09/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 09-07-2013 17:48:48
ซัทจัง นายนี่ใจแข็งจริงๆเลยนะ ขี่งอลจัง เร็นลองงอลซัทจังบ้างสิ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 25 [Update : 09/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 11-07-2013 01:30:29
Ren’s Diary : Chapter 13

 หลังจากที่น้องพบหมอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาน้องมาที่บ้านของผม โดยที่ไม่ได้บอกเขาว่าเรามาทำอะไรกัน ทันทีที่คุณมี๊เห็นน้องเดินกะโผลกกะเผลก เข้ามาในบ้าน คุณมี๊ก็รีบเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับสีหน้าตกใจ

“ซัทสึกิจังหนูเป็นอะไรไปคะลูก?”

“ตกบันไดน่ะครับ” น้องตอบเสียงเบาแล้วก้มหน้า คุณมี๊เม้มริมฝีปากแล้วหันมามองผม

“ซัทสึกิเขาหึงผมเลยวิ่งหนีผมจนตกบันไดครับคุณมี๊” พอบอกไปอย่างนี้ผมก็เลยถูกคุณมี๊หยิกแขนเป็นการลงโทษที่ทำให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอได้รับบาดเจ็บ แถมน้องยังถ่องศอกใส่ท้องผมอีกต่างหาก แต่พอผมหลบเขาได้ น้องก็ทำหน้ามุ่ย

“อย่าไปฟังนะครับ!! ผมก็แค่...แค่..” เขาพยายามแก้ตัวครับ แต่เป็นพวกที่แก้ตัวไม่เก่งสักเท่าไหร่ เลยได้แต่หน้าแดง แถมยังมีเสียงท้องร้องมาขัดจังหวะขึ้น อีกด้วย น้องเลยได้แต่ก้มหน้างุดๆไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมหรือคุณมี๊

“หุหุ..คุณมี๊ครับ ให้คนเตรียมอาหารกลางวันให้หน่อยสิครับ น้องหิวแล้ว”

คุณมี๊พยักหน้ารับแล้วยิ้มหวาน พวกเราพากันเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน

“งั้นลูกกับน้องขึ้นไปนั่งคอยก่อนนะคะ คุณมี๊จะให้คนเอาของว่างไปให้ รองท้องก่อนนะ”

ก่อนเดินจากไปคุณมี๊ลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู ทำให้น้องมีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าที่เขาก้มหน้ามาตลอดตั้งแต่แรกอาจเป็น เพราะความกระดากอายที่คราวก่อนเขาคิดว่าตัวเองทำเสียมารยาทก็ได้

แต่คล้อยหลังคุณมี๊ไปแล้ว น้องก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมครับ ทำท่าเหมือนอยากบีบคอที่ผมบอกคุณมี๊ว่าเขาหึงผม

“ฉันก็แค่พูดเรื่องจริง” น้องพ่นลมหายใจแล้วเชิดหน้าหนีไปนั่งที่โซฟาระหว่างที่ผมรับเอาถาดขนมกับน้ำผลไม้มาจากสาวใช้มาให้เขาทานรองท้องก่อนที่เราจะได้ทานมื้อกลางวันกัน

“ป้อนด้วย!!” น้องบอกอย่างเด็กเอาแต่ใจที่ต้องการให้เอาใจ แต่พอผมแกล้งเย้ากลับไปว่าจะป้อนด้วยปาก เขาก็ทำแก้มพองแล้วจัดการกินเองจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึงห้านาที

สงสัยจะกลัวพี่ป้อนด้วยปากจริงๆล่ะสิซัทสึกิจัง

 “นี่..คุณมี๊ของนาย..เป็นประเภทสาววายหรอ?”

อยู่ดีๆน้องก็ตั้งประเด็นนี้ขึ้นมาหลังจากที่เรารับประทานอาหารมื้อกลางวันกับคุณมี๊เรียบร้อยแล้ว ผมเพิ่งพาเขาขึ้นมาบนห้องของผมเพื่อให้เขานอนพักผ่อนหลังจากที่เขาบ่นว่าเจ็บขา ผมเลิกคิ้วกับคำถามของเขาก่อนจะดึงเอาผ้าห่มมาห่ม ให้ น้องเลยเสริมต่อ

“แบบพวกประเภทสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันอะไรประมาณเนี้ย”

พอน้องพูดแบบนั้นผมก็เลยเข้าใจในความหมายของน้อง ผมแกล้งยกมือขึ้นมาเคาะปลายคางแล้วทำท่าคิดให้น้องลุ้น

“อืม...เพราะนายล่ะมั้ง..”

“หมายความว่าไง?”

“ก็หมายความว่าเพราะเป็นนาย..ก็เลยอยากให้เราสองคนลงเอยกันไง”

น้องหน้าแดงอีกแล้วครับ พอผมหัวเราะในลำคอ เขาก็เอาผ้าห่มขึ้นมา คลุมหัวไว้เสียอย่างนั้น พอเห็นเขาขดตัวลงไปนอนใต้ผ้าห่มผืนนุ่มแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะลงไปหาคุณมี๊ที่ตอนนี้คงจะไปดูพวกคุณแม่บ้านจัดการกับอาหาร และสถานที่ที่เราจะปาร์ตี้กันในคืนนี้

คุณมี๊ยังคงจัดการทุกอย่างได้เนี้ยบเหมือนเคยครับ พอผมลงมาแล้วก็เลยได้พบกับสถานที่ที่เตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ยกอาหารมาวางเท่านั้น

“พวกโคเฮย์คุงกับเพื่อนๆของน้องจะมากันกี่โมงคะเร็น?” คุณมี๊ถามผมที่เดินเข้าไปกอดเธอเอาไว้ ผมหอมแก้มคุณมี๊แทนคำขอบคุณที่คุณมี๊จัดการอะไร ทุกอย่างไว้ให้สำหรับคนรักของผมก่อนจูงคุณมี๊เดินมานั่งที่ม้านั่งริมสระ

“คงจะมากันตอนห้าหกโมงล่ะมั้งครับ” วันนี้พวกเพื่อนผมกับเพื่อนของ น้องไม่มีเรียนกัน แต่ก็คงจะมากันตอนเย็นๆเสียมากกว่าจะมากันตอนบ่าย เพราะทางพวกมิซึรุบอกว่าจะคุยเรื่องละครเวทีกันต่ออีก แต่ทางพวกเพื่อนผม มันก็ยังมีรายงานที่ต้องทำกัน แต่ส่วนของผมนั้นผมทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

“แล้วนี่น้องทำอะไรอยู่หรอคะ? ลูกทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวได้ยังไงกัน เดี๋ยวน้องก็เหงาแย่หรอก” คุณมี๊เอ่ยถามแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม ผมยิ้มให้กับความห่วงใยของคุณมี๊ที่มีให้กับน้อง

“น้องบ่นว่าง่วงครับ ผมเลยพาน้องขึ้นไปนอน ป่านนี้คงหลับปุ๋ยไปแล้วล่ะครับ” ผมถูกคุณมี๊ตีแขนอีกหนึ่งที คุณมี๊ทำท่าขัดใจก่อนดุผมด้วยรอยยิ้ม

“แล้วทำไมลูกถึงไม่นอนเป็นเพื่อนน้องล่ะคะ ไปเลย ขึ้นไปนอนกอดน้องสิคะ น้องจะได้ไม่เหงา”

เห็นไหมล่ะครับ บุพการีของผมน่ารักแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้ขึ้นไปนอนกอดน้องอย่างที่คุณมี๊บอกหรอกครับ เพราะพวกไอ้ยูมันมาถึงเสียก่อน พวกมันหอบงานในส่วนของตัวเองที่ทำเสร็จแล้วมากันด้วย ผมเลยต้องเดินไปหยิบเอางานของผม มาสุมหัวดูกับพวกมันเสียให้เรียบร้อยและปล่อยให้น้องนอนยาวไปจนกระทั่งถึงเวลาเย็นที่พวกมิซึรุมา

“ทำไมถึงมีคนไม่ได้รับเชิญมาด้วยล่ะ?” ผมกระซิบถามมิซึรุทันทีเมื่อเห็นมาโดกะเดินเข้ามาพร้อมกับพวกเขาด้วย แม้กระทั่งยัยน้องสาวตัวแสบของผมเอง ยังชักสีหน้าเมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นปีของตัวเองเดินมา

“ก็ดีไม่ใช่หรอ เขาอยากมาเห็นภาพสวีทหวานของนายกับซัทสึกิจัง ก็ให้ เขามาเห็นชัดๆไปเลย”

จิฮารุตอบแล้วยื่นกล่องของขวัญของน้องให้ผมรับมาวางกองรวมไว้กับ ของคนอื่นๆ ที่แน่ๆคือของขวัญกองนี้ไม่มีจากมาโดกะครับ และเท่าที่เห็นก็ไม่เห็น เธอถือกล่องของขวัญมา ผมเหยียดยิ้มอย่างสมเพชอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ผิดกับเอมิที่ยืนอยู่ข้างผมถึงกับพ่นลมหายใจออกอย่างรังเกียจชัดเจน

“พี่ต้องระวังแม่นี่ไว้ให้ดีเลยนะพี่เร็น”

เอมิบอกผมอย่างนั้นและยัดเอากล่องของขวัญกล่องเล็กที่ผมฝากเธอทำ ให้ซัทสึกิใส่มือผมก่อนจะโดนพวกไอ้ยูดึงไปรวมกลุ่ม

พอเห็นผมยืนอยู่ตามลำพัง มาโดกะก็ทำท่าจะเดินมาหาผมทันทีเลยครับ ผมเลยหันหลังแล้วเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป ในเมื่อเธอมาโดยไม่รับเชิญ ผมก็จะไม่สนใจเธอล่ะครับ แต่ก็อย่างว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมจะสนใจก็คือซัทสึกิเท่านั้น

ผมเดินกลับขึ้นไปหาน้องบนห้อง เด็กน้อยของผมตื่นแล้ว เขากำลังบิด ขี้เกียจอยู่พอดีกับที่ผมเปิดประตูห้องเข้าไปหา

“ตื่นแล้วหรอ?” ผมส่งเสียงถามไปพร้อมกับเดินเข้าไปลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู น้องโคลงหัวไปมาแล้วทำหน้ามุ่ยเหมือนคนที่ยังไม่อยากตื่นเท่าไหร่

“ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม? ทุกคนมาพร้อมกันแล้วล่ะ”

คราวนี้น้องเอียงคอมองผมครับ เขายังไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงผมเลยดึงมือเขาจูงเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ พอได้ล้างหน้าแล้วสีหน้าน้องก็สดใสขึ้น มาอีกนิด แต่ก็ยังคงดูไม่ร่าเริงเท่าไหร่ เขาพยายามถามผมว่าทุกคนมาทำอะไรแต่ ผมไม่ตอบเขาและโอบเอวพาเขาออกไปที่ริมสระน้ำซึ่งเป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ของเรา ในค่ำคืนนี้

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์!!”

พอทุกคนเห็นน้องก็ร้องขึ้นมาพร้อมกัน น้องดูจะเซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่เห็น ทุกคนอยู่ตรงนี้ นอกจากเพื่อนของเขาแล้วยังมีเพื่อนของผมกับครอบครัวของผม อีก ตอนแรกน้องก็ดูขัดเขินเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริงได้ในที่สุดและ อารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อไดสุเกะคุงกับเคนอิจิบอกว่าเรื่องทั้งหมดเมื่อเช้าเป็นแผนการของพี่ชายตัวร้ายของเขากับเพื่อนสนิท

แต่อารมณ์ร่าเริงของน้องก็ถูกกระชากไปแทบจะในทันทีที่เขาเห็นหน้ามาโดกะ รอยยิ้มของน้องเลื่อนไถลออกไปจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งริมฝีปาก และแววตาของเขาขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยต้องยิ่งพยายามเอาใจเขาให้เพิ่มมากขึ้นและมีกองหนุนเป็นน้องสาวตัวแสบของผมที่คอยช่วยเสริมแรงรักให้ผมอีกแรงอย่างรู้ใจกัน

“นินทาอะไรพี่อีกล่ะ?” ผมแกล้งถามทั้งที่รู้ดีว่าเอมิกำลังเพิ่มคะแนนนิยมให้กับผมเอง เอมิหัวเราะคิกคักก่อนจะโดนผมล็อกคอลากออกมาเพราะรู้ดีว่า นางร้ายกำลังรอที่จะต่อบทอยู่

และก็เป็นจริงอย่างที่ผมคาดไว้ ทันทีที่ผมกับเอมิหลีกออกมาเหลือเพียงซัทสึกินั่งตามลำพังที่เก้าอี้ริมสระ มาโดกะก็เดินเข้าไปหา

ผมกับเอมิหรี่ตามองดูปฏิกิริยาของทั้งสอง สีหน้าของซัทสึกิเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ขมุกขมัวรอบตัวเขา แม้แต่เอมิเองก็ยังรู้สึกเช่นกัน

“ยัยนั่นต้องเป่าหูอะไรพี่ซัทสึกิแน่ๆ ยัยนั่นเล่นละครเก่งจะตายไป ฉันว่าพี่คิดผิดแล้วล่ะที่ปล่อยให้ยัยนั่นเข้าไปคุยกับพี่ซัทสึกิน่ะ”

กว่าผมจะรู้สึกตัวว่าคิดผิดไปที่จะลองเสี่ยงเพื่อทดสอบใจของน้อง มาโดกะก็เดินจากไปพร้อมกับทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมเคลียร์อีกด้วย

น้องไม่เชื่อใจผมมากพอ...

“ทำไม? กลัวมาโดกะบอกอะไรฉันหรือไง? มีความลับอะไรที่ไม่อยากให้ ฉันรู้หรือไงกัน”

อาจเป็นเพราะเวลาที่เราได้รู้จักกันมันสั้นเกินไปสำหรับเขา หรืออาจเป็นเพราะเขารู้ว่าอดีตของผมเป็นอย่างไร หรืออาจเป็นเพราะมารยาทร้อยเล่มเกวียน ของนางร้ายอย่างมาโดกะ หรือไม่ก็เป็นเพราะทุกเหตุผลมันถาโถมมารวมตัวกัน พอเมื่อผมถามเขาว่ามาโดกะมาพูดอะไรกับเขา น้องถึงได้พูดกับผมด้วยน้ำเสียง เย็นชาหงุดหงิดแบบนี้

“ซัทสึกินายพูดเรื่องอะไรกัน?”

ผมแกล้งทำเป็นงงเพราะอยากให้น้องพูดออกมาเองว่ามาโดกะพูดเรื่องอะไร และถ้าน้องพูดมันออกมา ผมก็จะเรียกนางร้ายที่จ้องจะทำลายความรักของ เรามาจัดการเคลียร์มันตรงนี้ ให้อาริซาวะ มาโดกะเธอรู้เสียบ้างว่าการจะเป็นนางร้ายนอกจอมันจะจบลงที่แบบไหน

แต่น้องไม่พูดครับว่ามาโดกะพูดเรื่องอะไร

“ฉันจะกลับล่ะ” น้องพูดโดยไม่มองหน้าผมแล้วเดินไปลาคุณป๋า คุณมี๊แล้วก็พี่รินะโดยไม่สนใจผมที่เดินตามติดมา

“ซัทสึกิ!!เดี๋ยวสิ!! หันมาคุยกันก่อนสิ”

“ฉันบอกฉันจะกลับ!!”

เสียงน้องตวาดผมดังลั่นพาให้ทุกคนชะงักและหันมามอง ผมที่ตั้งรับกับอารมณ์ของเขาไว้อยู่แล้วก็เลยป้องกันตัวจากหมัดของเขาได้ หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็แบกน้องพาดบ่าไปขึ้นรถอีกครั้ง ทิ้งให้ทุกคนอยู่กับความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

ผมออกรถจากบ้านมุ่งตรงไปยังคอนโดของผมเพราะอยากจะอยู่ตาม ลำพังกับน้องเพื่อจะได้เคลียร์เรื่องที่ขุ่นข้องหมองใจกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราว น้องขัดขืนนิดหน่อยแต่ก็ยอมให้ผมอุ้มขึ้นไปถึงบนห้องได้ แต่พอถึงห้องแล้วเขาก็เดิน กะเผลกจะหนีผม ผมเลยดึงแขนเขาไว้แล้วลากเขาเข้าไปในห้อง

“สรุปแล้วมาโดกะพูดอะไรกับนาย?”

“ฉันอยากอยู่คนเดียว” น้องสวนกลับมาทันทีแล้วกระชากข้อมือแรงๆจนผมต้องปล่อยเขาในที่สุด แต่ก็ยังคงกักเขาไว้ในวงแขนและเรียกชื่อเขาอีกครั้ง

“ซัทสึกิ..”

“ไม่ได้ยินหรือไงว่าฉันอยากอยู่คนเดียว!! ไม่เข้าใจความหมายหรือยังไงกัน!! ฉันอยากอยู่คนเดียวและไม่อยากเห็นหน้านายด้วย!! ได้ยินไหม!!”

บอกได้คำเดียวครับว่าผมเสียใจกับคำพูดของน้อง ทำไมเขาไม่คิดเหมือนผมบ้างว่าเวลานี้เราควรหันหน้ามาพูดคุยกันตรงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา ผมหันหลังเดินออกจากห้องไปตามความต้องการของเขา

หอบเอาหัวใจที่หนักอึ้งออกไปทั้งที่มันดิ้นรนที่จะอยู่กับน้องทุกนาที..

ถึงผมจะโดนน้องไล่ออกมาเพราะเขาอยากอยู่ตามลำพัง แต่ผมก็ไม่ได้นึกอยากไปไหนก็เลยลงมานั่งที่เทอเรสริมสระน้ำของคอนโด ใจหนึ่งก็ยังน้อยใจ น้อง อีกใจก็ยังเป็นห่วงน้อง ก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่ไปไหนและนั่งเฝ้าไว้เผื่อน้องจะออกไปไหน ผมจะได้รู้ด้วย

ผมนั่งคิดอะไรต่ออะไรไปจนกระทั่งถึงเช้า ซึงโฮมันก็โทรเข้ามาหาผม บอกว่าคุณมี๊ฝากยาของน้องมากับมัน ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อคืนพวกมันค้างกันที่บ้านของผม ก็เลยวานให้มันเอายาของน้องมาให้ด้วย ก่อนที่ผมจะเดินออกไปที่ร้านค้าแถวคอนโดเพื่อซื้ออาหารกับผ้าพันขามาให้น้อง

“มึงเอาขึ้นไปให้ทีเถอะ น้องคงไม่อยากเจอหน้ากูตอนนี้”

สุ่มเสียงน้อยใจของผมทำให้ไอ้ซึงโฮต้องยกมือขึ้นมาตบไหล่เบาๆอย่าง ให้กำลังใจ มันถอนหายใจช้าๆก่อนเสนอความคิดขึ้นมา

“มึงอยากรู้หรือเปล่าว่าน้องโมโหเรื่องอะไร เดี๋ยวกูตะล่อมถามให้”

“ก็ดี..แต่จริงๆกูอยากฟังน้องพูดเองมากกว่า”

คู่สนทนาของผมกลอกตาไปมาแล้วหยิบมือถือขึ้นมา รอยยิ้มที่กระตุกวาดอยู่บนมุมปากของมันทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่ามันจะทำอะไร

“มึงก็รอฟังเงียบๆก็แล้วกัน เดี๋ยวกูจัดให้”

ผมแทบจะโถมเข้าไปกอดมันทันที ซึงโฮมันเพื่อนรักผมจริงๆ รู้ใจไปเสีย ทุกอย่าง ผมปล่อยให้มันขึ้นไปหาน้องแล้วนั่งลุ้นอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวเองซึ่งดังขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที ผมหยิบขึ้นมากดรับและเงียบฟัง ถึงมันจะอู้อี้ไป หน่อยเพราะซึงโฮซ่อนมือถือไว้ในเสื้อโค้ทแต่ก็ยังพอจับใจความทั้งหมดได้

“แล้วริวซากิ..เอ่อพี่เร็นอยู่ไหนหรอครับ?”

หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินน้องถามหาผม แถมยังเรียกผมว่าพี่เร็นอีกต่างหาก ซึ่งถ้าเป็นต่อหน้ากันเขาคงไม่มีวันเรียกให้ผมได้ยิน แต่นี่อาจเป็นเพราะกับคนไม่คุ้นเคยอย่างซึงโฮ น้องเลยเรียกผมอย่างสุภาพมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ใจของผมก็ลอยทะลุเพดานขึ้นไปหาน้องที่อยู่ข้างบนแล้ว เรียบร้อยครับ

“อยู่กับโคเฮย์น่ะ” น้องเงียบไปอีกอึดใจหลังจากที่ซึงโฮมันบอกน้องไปอย่างนั้น ผมลุ้นให้เพื่อนรักเริ่มตะล่อมถามน้องด้วยใจสั่นๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงซึงโฮถามน้องไปว่าน้องโกรธอะไรผมอยู่ แถมไอ้เพื่อนซี้ของผมยังบอกน้องไปอีกว่าผมกำลังเฮิร์ตอยู่

“แล้วเขา..เป็นอะไรมากไหมครับ?”

โอ้พระเจ้าครับ ผมขอเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหมครับว่าน้ำเสียงกังวลใจของน้องในตอนนี้มันเป็นเพราะเขากำลังเป็นห่วงผม

“ถ้ารู้ว่าซัทสึกิจังก็เป็นห่วงแบบนี้ คงไม่เป็นไรมากหรอก”

ผมกลั้นขำกับความรู้ทันของไอ้เพื่อนตัวยาว แต่ก็จริงอย่างที่ซึงโฮบอก น้องไปแหละครับ ผมโยนทุกอย่างทิ้งไปตั้งแต่น้องถามหาผมแล้ว และผมก็ต้อง ขยับมือถือเข้ามาแนบหูแล้วตั้งใจฟังมากขึ้นเมื่อน้องเริ่มต้นเอ่ยช้าๆ

“สัญญาก่อนว่าจะไม่เอาไปบอกพี่เร็น ห้ามบอกอะไรเขาเด็ดขาด เลยนะ ผมมีเรื่องอยากถามพี่หน่อยน่ะครับ” และผมก็ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้น้องผิดใจกับผมครับ ผมกำโทรศัพท์แน่น อารมณ์อยากฆ่านางร้ายขึ้นมาติดหมัดที่มาเล่นละครเป่าหูน้องให้รักของเราสั่นคลอนแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าพ่อของเธอเป็นคู่ค้าอยู่กับพ่อของผม ผมคงจะบุกไปบ้านเธอและบอกให้พ่อกับแม่ของเธอสั่งสอนลูกให้ดีกว่านี้ แยกแยะให้ถูกหน่อยว่าอย่าเอามารยาในละครมาใช้ในชีวิตจริงแบบนี้ นอกจากผมจะไม่ชอบแล้วยังนึกรังเกียจอีกด้วย

แต่การปรับความเข้าใจกับน้องต้องมาก่อนครับ ผมเลยอดทนนั่งรอจนกระทั่งซึงโฮมันกลับลงมา มันหัวเราะหึหึในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าของผมที่เปลี่ยนไปจากตอนก่อนที่มันจะขึ้นไปหาน้อง

“ทีนี้..กูควรจะทำยังไงต่อดี ศิราณีเพื่อนยากของกู” ไอ้ซึงโฮมันยังคงยิ้มกริ่ม มันลากคอผมกลับไปนั่งแล้วยกนิ้วส่ายหน้าใส่ผม

“มึงไม่ต้องทำอะไร” ผมเลิกคิ้วแล้วรอฟังมันต่อ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 25 [Update : 09/7/13]
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 11-07-2013 01:32:27
“เชื่อกู..ปล่อยให้น้องมึงเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวบ้าง มึงไม่อยากเห็นน้องมาง้อมึงก่อนบ้างหรือไงริวซากิ เร็น”

“จะมีวันนั้นหรอวะ?”

“มั่นใจหน่อยเพื่อนกู น้องเขาหวั่นไหวกับมึงเกินคาดของพวกกูขนาดนี้แล้ว เตรียมใจไว้รับรักน้องได้เลยมึง เชื่อกูเหอะ มึงได้รักกับน้องสมใจมึงแน่นอน”

“แล้วถ้าน้องไม่มาง้อกูล่ะ”

“มึงก็รอดูไปก่อน ถ้าน้องไม่ง้อมึงจริงๆ มึงค่อยไปง้อเขา แต่เชื่อกูเถอะไม่เกินวันนี้หรอก” ดูท่าซึงโฮมันจะมั่นใจมากโข มันเสริมบอกผมอีกว่าดูจากสีหน้าและแววตาของน้องแล้ว มันเชื่อว่าน้องปันใจให้ผมแล้ว เพียงแต่ติดว่าเขาคงยังไม่ยอมรับว่าตัวเองรักผมเข้าแล้วเท่านั้น ผมก็พอจะเข้าใจอยู่ ก็น้องชอบคิดว่าตัวเขาแมนนิครับ

ถ้าอย่างนั้น..ผมจะอดทนคอยเพื่อปรับความเข้าใจกับน้องครับ

แต่หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงดี ยัยน้องสาวตัวแสบก็โทรเข้ามาหาผมที่โดน ซึงโฮลากไปกินมื้อเช้าตอนเวลาเกือบๆสิบเอ็ดโมงที่ร้านอาหารใกล้ๆกับคอนโดของผม

“เอมิโทรมาบอกว่าน้องสงสัยเรื่องต่างหูที่อยู่ในกระเป๋าของกูว่ะ”

“ก็ดีแล้วไง”

“น้องนัดเอมิไว้ตอนเย็น กูควรทำไงดีวะ?”

สมองตอนนี้ของผมตื้อตันไปหมด ความคิดมันก้าวกระโดดไปคิดว่าถ้าน้องรู้ว่าผมสั่งทำต่างหูคู่นั้นให้เขาแล้วเขาจะรู้สึกยังไง จะดีใจไหม จะตื้นตันใจหรือเปล่า หรือจะมีความรู้สึกอื่นๆที่ผมคาดเดาไม่ถูกโผล่ออกมากันแน่

“มึงนี่...พอเป็นเรื่องของน้องแล้วอาการหนักนะ”

ผมปล่อยให้เพื่อนรักต่างชาติของผมมันสรรเสริญไปโดยไม่ด่ามันกลับ เพราะอย่างน้อยมันก็มีประโยชน์กับผมอยู่มากนิครับ

วันนี้ทั้งวันน้องไม่ได้ออกไปไหน เขายังคงอยู่ในห้องของผม จนถึงเย็นน้องก็ลงมา เขาเดินผ่านผมที่นั่งอยู่ตรงเทอเรสของคอนโดไปโดยไม่ทันสังเกต ผมเห็นแล้วก็เลยเดินตามเขาไปห่างๆทั้งที่ใจอยากเข้าไปช่วยพยุงน้องเดิน แมวดื้อตัวน้อยของผมกำลังเดินกะเผลกๆไปยังจุดหมายที่นัดไว้กับยัยน้องสาวตัวแสบที่สัญญาว่าจะเป็นกามเทพแห่งความรักให้กับผม

ผมเดินตามหลังเขาไปจนถึงที่หมายและซ่อนตัวมองเขาจากมุมที่น้องจะมองมาไม่เห็น ที่รักของผมเขานั่งลงกับขอบกำแพงและเหยียดขาออกมา ใบหน้ามุ่ยเล็กน้อย คิดว่าเป็นเพราะใช้ขามากไป ผมมองเขาอย่างเป็นห่วงก่อนจะใจเต้นเมื่อน้องหยิบเอากล่องของขวัญที่ผมลืมทิ้งไว้ที่ห้องขึ้นมา น้องคงจะไปเจอมันอยู่ใน แจ็คเก็ตของผม

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นยิ่งกว่า ก็คือรอยยิ้มจางๆของน้องตอนมองสิ่งที่ อยู่ในกล่องใบเล็กกล่องนั้น

น้องคงจะสังเกตเห็นชื่อแบรนด์ที่อยู่บนกล่องนั่น ผมนึกขอบคุณพระเจ้าที่ให้น้องมีน้องรหัสเป็นเพื่อนกับยัยเอมิเลยทำให้เขาเคยได้ยินมาว่าแบรนด์ของต่างหูคู่นี้คือธุรกิจของบ้านยัยตัวแสบ หรือที่จริงมันก็เป็นธุรกิจของบ้านผมด้วยนั่นแหละครับ เพียงแต่บ้านของผมนั้นดูแลเรื่องการค้ากับต่างประเทศ แต่บ้านของเอมินั้นดูแลเรื่องการค้าในญี่ปุ่นนี่

ผมยืนมองน้องอยู่ครู่หนึ่ง ยัยตัวแสบก็โผล่มาหาผมเล่นเอาผมสะดุ้งไม่น้อยเมื่อถูกแตะไหล่

“พี่นี่ทำตัวเหมือนสโตรคเกอร์เลย ถ้าไม่เห็นด้วยตานี่ไม่เชื่อเลยนะนี่”

ผมหัวเราะกับคำพูดของยัยตัวแสบก่อนจะยกมือวางบนหัวน้องแล้วขยี้ ผมเธออย่างมันเขี้ยว

“ทำไงได้..ก็คนมันรักนี่นา” ยัยตัวแสบทำท่าอาเจียนใส่ผมอย่างล้อเลียนก่อนจะแลบลิ้นใส่ด้วยท่าทางสดใส

“งั้นกามเทพสาวคนนี้จะไปช่วยให้สมใจหมายก็แล้วกัน”

เธอบอกว่างั้นแล้วทำท่าจะผละไป แต่ผมคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนแล้วดึงมากำชับอีกครั้ง

“RLS น่ะ ถ้าซัทสึกิถามก็บอกไปเลยนะว่าคืออะไร แต่ทำให้เขาคิดหน่อยล่ะว่าพี่ให้เราเก็บเป็นความลับน่ะ”

ผมหลิ่วตากับน้องสาวตัวแสบซึ่งยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้

“วางใจได้เลย เอมิซะอย่าง!”

ที่เหลือ..ผมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของยัยน้องสาวตัวแสบที่อาสาเป็นกามเทพให้ผมกับน้องครับ

เอมิทำหน้าที่ได้ดีอย่างที่ผมหวังไว้ เธอเข้าไปคุยกับน้องเพียงไม่กี่นาที ผมก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของน้อง แก้มของน้องแดงจัดเมื่อ เอมิเขียนอะไรสักอย่างลงไปที่แขนของน้อง

ซึ่งถ้าให้ผมเดาจากสีหน้าของเขาแล้ว..ยัยตัวแสบของผมต้องบอกความหมายของตัวอักษรสามตัวนั้นให้น้องรู้แล้วแน่ๆ และยัยตัวแสบก็หันมา พยักหน้าให้กับผม ส่งสัญญาณให้ผมเดินเข้าไปหาน้องเมื่อซัทสึกิเขาเอาแต่ก้มหน้ามองดูข้อความบนแขนเขาเอง

“ลองไปถามพี่เร็นเอาเองก็แล้วกันนะคะ นั่นไง มานู่นแล้ว”

ผมขยับเดินเข้าไปใกล้อีก เอมิพอเห็นผมเข้ามาใกล้แล้วก็เลยขยับลุกและเอ่ยลากับน้องก่อนจะปลีกตัวออกไปโดยไม่ลืมจะหันมาโบกไม้โบกมืออย่างร่าเริงเมื่องานของเธอสำเร็จลุล่วงไปแล้วเรียบร้อย

ผมเดินเข้าไปหาน้องและนั่งลงข้างๆเขา เกร็งใบหน้าให้นิ่งเฉยเอาไว้ทั้งที่ในใจมันกำลังลิงโลด ผมแกล้งดึงเอากล่องของขวัญในมือของน้อง คนดีเขายอมปล่อยมาแต่โดยดีหลังจากยื้อไว้อยู่สองสามที ผมมองกล่องของขวัญในมือแล้วก็เริ่มคิดว่าจะให้น้องแบบไหนดี จะยื่นให้เขาเลยดีไหม แต่น้องก็ถามขึ้นมาเสียก่อน

“นั่นน่ะ...ตกลงจะให้ไหม!?”

น้องกระชากเสียงถามแถมยังยกมือขึ้นกอดอกอีกต่างหาก ผมเลยแกล้งมองหน้าเขานิ่งๆจนผ่านไปเกือบนาที สีหน้าที่กำลังงอนของน้องก็เปลี่ยนไป เขากำลังหงุดหงิดเพราะผมไม่ยอมยื่นกล่องของขวัญให้เขา

“ตกลงจะไม่ให้ใช่ไหม!! ต่างหูคู่นั้นสั่งทำมาให้ฉันไม่ใช่หรือไงกัน!?” ผมเบี่ยงหน้าหนีเขาเพราะรู้สึกว่าตัวเองกลั้นยิ้มต่อไปจะไม่ไหวแล้ว เด็กเอาแต่ใจของ ผม เขาจะรู้บ้างไหมนะว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงต่อผู้ชายที่นั่งข้างๆคนนี้

แล้วเพียงพริบตาเดียวหลังจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงเขาพยายามกลั้น ร้องไห้ เพียงเท่านี้ก็ทำเอาผมใจอ่อนยวบเลิกแกล้งเขา ผมดึงต่างหูออกมาจากกล่องและหันไปหาน้องที่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขากำลังขยี้ตาอยู่ในนาทีที่ผม ดึงให้เขาหันกลับมามองหน้าผม และเลื่อนมือไปใส่ต่างหูให้กับเขาทีละข้าง

เรามองตากันและผมเห็นประกายอบอุ่นที่มันสะท้อนอยู่ในดวงตาของน้องที่กำลังเม้มปากด้วยความเขิน

พอผมใส่ต่างหูให้เขาเสร็จ ซัทสึกิเขาก็ก้มหน้าและเอ่ยขึ้นเสียงเบา

“เมื่อวาน...ขอโทษนะ แล้วก็...”

น้องเว้นวรรคไว้และเงยมามองผมที่ส่งยิ้มให้ ผมไม่ได้โกรธอะไรน้องเลย ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่ทำให้เขาเชื่อใจผมได้ไม่มากพอ โกรธที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปพูดกับน้อง แต่อีกนัยหนึ่ง บางทีผมก็อาจต้องขอบคุณนางร้าย รับเชิญคนนั้น ที่ทำให้ผมมีโอกาสเห็นน้องหึงหวงผมล่ะนะ แถมน้องยังเป็นฝ่ายมาจูบผมอีกด้วย หลังจากที่เขาเอ่ยขอบคุณผมด้วยแก้มแดงๆ

“ขอบคุณนะสำหรับของขวัญวันเกิด”

ผมรั้งเอวของน้องไว้ ไม่ให้เขาขยับหนีและแนบจูบที่หนักหน่วงเหมือนกับใจที่มั่นคงของผมให้กับน้องที่หลับตาพริ้มยอมให้ผมจูบแต่โดยดี

และเมื่อผมปล่อยจูบ น้องก็หัวเราะออกมาอย่างสดใส ความสุขมันกระจายอยู่เต็มใบหน้าของเขาจนผมต้องหัวเราะอย่างมีความสุขบ้าง

ความขุ่นข้องหมองใจหรืออะไรก็แล้วแต่มันถูกโยนทิ้งไปหมด ผมไล้ปลายนิ้วไปตามแก้มของเขาก่อนจะปัดปอยผมไปทัดหูให้ น้องอมยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาจับต่างหูซ้ายของเขาแล้วหันมากระตุกชายเสื้อผม

“เดินเล่นกัน” ผมพยักหน้ารับและยื่นมือไปให้เขาจับไว้แต่น้องดึงแขนของผมไว้แล้วอ้อนผมเสียงหวาน

“ขี่หลังได้ไหม?” ผมใจหวิวไม่น้อยครับกับน้องเวอร์ชั่นนี้ กายมันถลาหันหลังไปให้น้องขึ้นขี่แต่โดยดี สองแขนของน้องโอบรอบคอผมที่แบกเขาขึ้นมาและค่อยๆเดินไปตามทางริมคลองแสนสวยยามค่ำนี้ เราเดินกันไปเรื่อยๆโดยไม่ได้คุยอะไรกัน เพียงพักใหญ่ก่อนที่น้องซึ่งเอาคางเกยอยู่กับไหล่ของผมจะยกมือขึ้นมาเกลี่ยใบหูของผม

“นี่...นายเจาะหูหรือเปล่า?”

“เจาะ..ทำไมหรอ?” ผมถามน้องอย่างสงสัย แต่คนดีของผมเขาไม่ได้ตอบมา น้องขยับแขนไปทำอะไรสักอย่างก่อนที่เขาจะกลับมาจับหูผมอีกครั้ง

“นึกว่าถ้าไม่ได้เจาะก็จะบอกให้ไปเจาะซะ..เพราะว่า..”

ต่างหูที่ยังคงอุ่นเพราะสัมผัสของน้องถูกสอดเข้ามาในรูที่เจาะไว้บนติ่งหูซ้ายของผมพร้อมกับคำพูดของน้องที่เป็นเหมือนพันธะทางใจที่ผมไม่แน่ใจนักว่า เด็กดีของผมนั้นคำนวนไว้หรือเปล่า

น้องใส่ต่างหูให้ผมข้างหนึ่ง และทิ้งตัวลงมาซบบ่าผมอีกครั้ง สองแขนของเขากอดคอผมไว้แน่นและยอมให้ผมพรมจูบแก้มเขาอย่างรักใคร่

“นี่...ฉันคิดว่า...ฉันเริ่มจะชอบนายแล้วล่ะเร็น”

น้องเล่นผมแรงอีกแล้วครับ อุกอาจมากกว่าตอนโผเข้ามาจูบเมื่อสักครู่เสียอีก เล่นเอาผมหยุดชะงักเดินต่อไปไม่ไหวเลยทีเดียว

นอกจากจะบอกว่าชอบผมแล้ว น้องยังเรียกชื่อผมไม่ใช่นามสกุลอย่างที่ผ่านๆมาอีกด้วย แต่หลังจากนั้นน้องก็ทำแก้มพองใส่ผมที่หันกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คนดีเขาโวยวายตามประสาเด็กแมนๆอีกยกหนึ่ง

“แค่เริ่มชอบเท่านั้นนะ!! ห้ามหลงตัวเองคิดว่าฉันรักนายแล้วเด็ดขาด!!”

ผมหัวเราะอยากอดไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะขำ แต่เป็นเพราะความดีใจและดีใจมากที่สุดที่ได้ยินคำนี้จากน้อง ผมกระชับมือที่โอบเรียวขาของเขาไว้และก้าวเดินต่อ น้องเอาคางมาเกยกับบ่าของผมอีกหนแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มผม

“ดีใจล่ะสิ..รู้นะ”

“พูดมากเดี๋ยวถูกจูบอีกรอบไม่รู้นะ”

พอผมแกล้งว่าไปอย่างนั้น สุดที่รักของผมเขาก็เงียบลง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ เงียบ..ก็คือหัวใจที่เต้นแรงของเขาจนผมได้ยิน

และคิดว่าน้องเองก็คงได้ยินเสียงหัวใจของผมด้วยเช่นกัน

ก็หัวใจของเราสองคน...มันเริ่มจะเต้นไปในจังหวะเดียวกันแล้วนี่ครับ..

-End of Make Love วุ่นรักป่วนใจ -

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ เรื่องนี้มีต่อภาคสองซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการจัดการเรื่องอยู่ ยังไงติดตามการอัพเดตได้ที่กระทู้นี้หรือ ทางเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ค่ะ
แล้วพบกันใหม่เรื่องหน้านะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ รบกวนย้ายให้ด้วยนะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Naenprin ที่ 11-07-2013 02:05:29
ภาคต่อนี่ขอเคลียร์เรื่องยายนางร้ายด้วยนะค่ะ จะได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญเลย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 15-07-2013 08:45:59
เรื่องนี้สนุกโคตรๆ อ่ะ ชอบ อยากอ่านภาคต่อแล้วววว
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-07-2013 15:47:45
สนุกมากๆค่ะ แต่บางจุดก็ยังไม่ค่อยเคลียร์แหะ โดยเฉพาะเรื่องมาโดโกะ ว่าแต่ยูตะรู้ยังว่ามาโดโกะร้ายเนี่ย
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 19-07-2013 19:30:26
น่ารักมากค่ะ อ่านไปยิ้มไปเลย ขอตอนพิเศษหน่อยสิค้าาาาาาาาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เกเร ที่ 19-07-2013 22:40:45
สนุกมาก 

ภาคสองลงต่อเลยหรือขึ้นกระทู้ใหม่มาแปะลิ้งไว้ให้ด้วยนะครับคนเขียนจะได้ตามไปอ่านและให้กำลังจายยย

มาโดกะ :beat: สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่าฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 20-07-2013 00:45:16
สนุกดีครับ
 :pig4:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 20-07-2013 07:14:20
น้องน่ารักมากมาย ใจละลายแทน

แล้วจะติดตามต่ไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Vavaviz ที่ 20-07-2013 22:15:59
สนุกมากเลยค่ะ น้องน่ารักมาก 5555
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 22-07-2013 16:07:24
สนุกมาก น่ารักมากๆด้วย รอภาคสองนะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 22-07-2013 18:17:03

สนุกจัง...

หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 24-08-2013 14:21:19
ภาค 2 มาแล้วววว
อ่านได้ที่ >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38957.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38957.0)
(http://upic.me/i/2r/fqxas.jpg)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 03-01-2014 21:11:52
สนุกจังเลยค่ะ ชอบทั้งสองพาร์ทเลย ซัทจังแมนได้น่ารักมาก 55+ แต่พอเจอเร็นไม่ถึงสามวันก็โดนเด็ดความแมนซะสิ้นเลย ซัทจังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่มิดมากๆ ดูออกง่ายว่าคิดอะไรอยู่ นี่มันแมนใช่ไหมนะ ส่วนเร็นรุกหนักมาก มากจนแอบกลัวนะพ่อเล่นเร่งเร้าน้องแบบไม่ให้ตั้งตัวเลย แค่เก้าวันจะให้เค้ารักเค้าหลงเหมือนนายที่เจอน้องมาเกินครึ่งปีได้ไงกัน ยิ่งพอได้อ่านพาร์ทของเร็นนะ เห็นความรักอันเต็มอกแล้วแบบ นายไปไหนไม่รอดแล้ว 55+ แอบเสียดายจังไม่มีตอนเล่นละครเรื่องซินเดอร์เลล่าแมน อยากอ่านอะ!!!

ขอบคุณนะคะ สนุกมากเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 13-06-2014 16:40:38
 :pig4: ติดตามต่อ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 13-11-2014 11:21:44
:mew1:

ขอบคุณมากมาย และรอพาร์ทต่อไปคับ

สนุกสุดๆ

 :z10:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mucan99 ที่ 14-11-2014 17:53:16
กรีดดดดดด ขอบอกได้ใจมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 20-11-2014 17:26:58
สนุกดีค่ะ น่ารักใสๆ
แพ้ความน่ารัก ขี้อ้อน ของลูกแมวตัวนี้มาก
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 22-11-2014 16:24:53
ทำไมเข้าอ่านภาค 2 ไม่ได้อ่ะค่ะ พอกดเข้าไปที่ลิงค์
                        ก็ขึ้นว่าอย่งงี้น่ะค่ะ

           เกิดข้อผิดพลาด!
หัวข้อที่คุณต้องการค้นหาได้หายไป หรือคุณไม่ได้รับอนุญาต


 :katai1: :a5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: winkies ที่ 05-12-2014 00:54:01
ภาคแรกสนุกมาก อ่านแล้วยิ้มตามตลอดเลย แต่ทำไมเราอ่านภาคสองไม่ได้คะ ได้โปรดช่วยเราด้วย  :katai1: :sad4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Aunttk ที่ 01-04-2015 20:29:59
โง้ยย เพิ่งาตามอ่านคนนี้บอกเลยเด็ดทุกเรื่องง ขอจิ้มมม   :z13:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 08-04-2015 22:58:13
น้ารากกกกกกกกกกกกก
 :hao7:
เร็นแผนสูง
555
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 10-04-2015 21:25:06
เพิ่งตามอ่านค่ะ สนุกดีค่ะ

แต่ว่าภาค2 ตามไปไม่ได้อ่ะค่ะ ย้ายไปไหนส่งข่าวด้วยค่ะ :call:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 17-04-2015 07:32:06
น่ารักมากๅๆๆๆๆๆๆๆ.  :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 24-04-2015 14:54:48
อยากอ่านภาค 2 จัง ชอบๆๆ สนุกมาก อยากลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-08-2015 20:51:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 09-08-2015 15:26:21
 :pig4: สนุกดีค่ะแต่จบแล้วรู้สึกเหมือนยังไม่เคลียร์ รออ่านภาคต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 11-01-2017 13:54:46
อ่านภาค 2 ไม่ได้ อยากอ่านจังเลยค่ะ เรื่องนี้สนุกมากกกกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zynestras ที่ 11-01-2017 21:46:56
กระทู้ภาค 2 ที่เคยเอามาลงถูกลบไปแล้ว โกะตั้งกระทู้เรื่องเพื่อลงใหม่ให้นะคะ
ตามลิ้งค์ไปเลยค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57286.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57286.0)
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 19-02-2017 13:25:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 21-11-2017 21:32:04
สนุกดีค่ะ ซัทจังน่ารัก  :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - CH.26 จบแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-02-2019 21:27:20
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Make Love วุ่นรัก ป่วนใจ - ตอนที่ 8 [Update : 8/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 29-06-2021 04:36:55
ไอ้หล่อมันสถาปนาตัวว่าจะไปเป็นเพื่อนด้วยเพราะวันนี้มันว่างทั้งวัน
 
ปวารณา