มาต่อแล้วค่ะ ฉากแบบนี้เขียนลื่นดีแท้ หุ ๆ

#4
ประมุขแห่งเผ่านากาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อกลับมาในห้องแล้วไม่เห็นร่างเวทิตอยู่ในนั้น ลูกน้องที่เฝ้าอยู่ของเขาก็หลับไปเช่นเคย ทว่าดูเหมือนคราวนี้เวทิตจะวางแผนโดยการใช้กลิ่นอ่อน ๆ เพียงแค่ให้เป้าหมายบางรายหลับไปชั่วครู่ เพื่อให้หลบหนีได้มากกว่า ผิดกับคราวที่แล้วมโคหนุ่มปล่อยกลิ่นหอมรุนแรง ไปเกือบตลอดทางที่ตนผ่าน จึงทำให้จับสังเกตได้ง่ายกว่านั่นเอง
“ไปตามจับตัวเขากลับมาให้ได้ และห้ามทำให้เขาบาดเจ็บเด็ดขาด!”
อุรคออกคำสั่งด้วยความโกรธ เขากังวลเรื่องระยะเวลาที่เวทิตหนีไปยิ่งนัก เพราะถ้าหากเวทิตหนีจากเขาไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ก็ยิ่งเท่ากับว่าเขาจะตามหาอีกฝ่ายได้ยากขึ้นทุกที
“เด็กน้อย...เจ้ากล้าหักหลังความไว้วางใจของข้าเชียวรึ! ข้าไม่ยอมหรอก ยังไงเจ้าก็เป็นของข้า ข้าไม่มีวันยอมปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!”
อุรคคำรามลั่น แล้วพุ่งตรงออกจากถ้ำ และพยายามแกะรอยของเวทิต อย่างเต็มความสามารถ พลางเม้มปากแน่นเมื่อเห็นร่องรอยนั้นมุ่งไปยังทิศที่จะออกจากป่า เพื่อตรงไปยังเผ่ามโคของอีกฝ่ายนั่นเอง
เวทิตที่หนีออกมาจากเผ่านากา เริ่มรู้สึกยินดีเมื่อสามารถแกะรอยกลับเข้าเขตสู่ป่าที่เขาเริ่มคุ้นเคยได้
“อา...ใช่แล้ว ผ่านป่าแถบนี้ออกไป ก็จะถึงป่าใกล้เผ่ามโคของเราแล้ว”
เวทิตในร่างกวางทองเร่งฝีเท้าพุ่งไปด้านหน้าด้วยความดีใจ ทว่าก็ต้องหยุดฝีเท้าฉับพลันด้วยความตกตะลึง เมื่อรู้สึกถึงแผ่นดินที่สะเทือนเคลื่อนไหว เข้าใกล้ที่เขาอยู่ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่จริง...ตามมาทันได้ยังไงกัน!”
เวทิตอุทาน แล้วตัดสินใจเร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปยังเผ่าสุดกำลัง ทว่าก็ยังช้ากว่าพญางูเผือกยักษ์ที่เคลื่อนกายมาด้วยความรวดเร็ว โดนไม่สนว่าร่างใหญ่ยักษ์นั้นจะเลื้อยชนทำร้ายต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขวางทางเกะกะหรือไม่ อุรคเลื้อยไล่มาอย่างบ้าคลั่ง แล้วอ้อมไปสกัดร่างของกวางทองทันในที่สุด
“เวทิต! กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”
มโคหนุ่มสะดุ้งเฮือก แต่ก็ต้องข่มความกลัวพลางโต้ตอบออกไป
“ไม่! คุณอุรค ขอร้องล่ะ ปล่อยให้ผมกลับเผ่าเถอะ! ผมเป็นประมุขของเผ่า มีเผ่าต้องดูแล มีลูกชายที่ต้องเลี้ยงดูสั่งสอน คุณจะมากักขังผมเหมือนเป็นสมบัติของคุณแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ!”
อุรคสบถเบา ๆ พร้อมกับเลื้อยเข้าใกล้ร่างของอีกฝ่าย แล้วคำรามใส่ด้วยน้ำเสียงห้วน
“ไม่ได้! ข้าไม่สนอะไรทั้งนั้น! เจ้าเป็นของข้าแล้ว ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าห่างกายข้าเด็ดขาด!”
“คุณมันไร้เหตุผล! ผมเกลียดคุณที่สุด! ถอยไปนะ!”
เวทิตเถียงกลับ ทว่าคำเกลียดที่หลุดออกจากปากของเขา ทำให้พญางูเผือกชะงัก ก่อนจะคำรามในลำคอด้วยความโมโหถึงขีดสุด
“เกลียดเช่นนั้นหรือ...ดี ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าเกลียดข้ายิ่งขึ้นกว่านี้ดีไหม เจ้าจะได้มีข้าอยู่ในใจของเจ้าตลอดไปอย่างไรล่ะ!”
จากนั้นประมุขแห่งเผ่านากา จึงลงมือรัดร่างของอีกฝ่ายเพื่อทรมานทันที เขารอคอยจนเวทิตทนไม่ไหว ต้องกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พญางูเผือกจึงคืนร่างเช่นกัน พลางเดินตรงไปยังร่างเปลือยเปล่าที่อ่อนแรงจากการถูกรัด เขามองหาเถาวัลย์แถวนั้น ตัดมันออกมาแล้วใช้มันมัดมือทั้งสองของเวทิต ก่อนจะพาดปลายเถาวัลย์ที่เหลือไปกับกิ่งไม้ใหญ่ละแวกนั้น แล้วจัดแจงค่อย ๆ ดึงร่างโปร่งเปลือยนั่นขึ้นไปแขวนห้อยร่างต่อหน้าเขา โดยให้ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายลอยเหนือผืนดินเล็กน้อย
“ปะ...ปล่อยนะ...จะทำอะไรผมน่ะ”
เวทิตเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น สถานการณ์ยามนี้น่าเป็นห่วงนัก เพราะดูเหมือนว่าอุรค จะโกรธจัดอย่างที่เขาไม่เคยได้เห็นด้วยซ้ำ
“ข้าจะทำให้เจ้าจำคืนนี้ไปจนวันตายน่ะสิ! และถ้าเจ้าคิดหนีอีก ข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติการทรมานที่มันหนักหนากว่านี้อีกเอง!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วป่าละแวกนั้น เวทิตเจ็บปวดทรมานไปกับการร่วมรักที่แสนจะรุนแรงและไร้ความอ่อนโยนแม้แต่น้อย เขาเคยคิดว่าอุรคที่ทำร้ายขืนใจเขาในค่ำคืนแห่งการหลบหนีครั้งแรกนั้นจะเลวร้ายที่สุดแล้ว ทว่าเวทิตกลับได้พบอุรคที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่า ภายในค่ำคืนนี้นั่นเอง
อุรคระบายความกราดเกรี้ยวโมโหลงบนร่างของมโคหนุ่ม จนกระทั่งคนของเขาบางกลุ่มตามมาพบ และแต่ละรายก็ถึงกับต้องเบือนหน้าหลบด้วยความสงสาร ในสิ่งที่ประมุขของเผ่าทำกับคนที่ถูกแขวนพันธนาการบนกิ่งไม้เบื้องหน้า
“ท่านประมุข...หากมากกว่านี้ เขาอาจจะตายได้นะขอรับ”
พนา ที่ปรึกษาคนสนิทของอุรคเริ่มทนไม่ไหว จึงเข้าไปขัดขวางการกระทำของอีกฝ่าย เพราะเขารู้ดีว่ายามนี้อุรคกำลังโกรธจนขาดสติ และถ้าสติกลับคืนมา พญางูเผือกจะต้องเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามองออกดีว่า อุรคนั้นหลงใหลในตัวของมฤคมาศผู้นี้เพียงใด
เมื่อถูกเตือน อุรคจึงตวัดสายตามามองอีกฝ่ายอย่างโมโห ทว่าพอเห็นคนสนิทจ้องตอบเขานิ่งอย่างจริงจัง เขาจึงค่อย ๆ กลับคืนสติ และมองสภาพของคนถูกแขวนที่สลบไปแล้วอย่างเต็มตา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเลือดที่ไหลจากบาดแผลฉีกจากช่องทางที่ผ่านการร่วมรักของอีกฝ่ายแดงอาบไปกับขาทั้งสอง ทั่วร่างก็มีเลือดไหลซึมจากการขบกัดด้วยฟันอย่างรุนแรงไปทั่ว
อุรคสบถกับตัวเอง แล้วจึงกระชากเถาวัลย์นั้นขาดออก ก่อนจะประคองอุ้มร่างของอีกฝ่ายไว้แนบอกด้วยมืออันสั่นเทา ยามนี้เขากลัวเหลือเกินว่าเวทิตจะตายจากเขาไป ซึ่งเขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด
“พนา! ไปหาสมุนไพรห้ามเลือดแถวนี้มาด่วน ส่วนพวกเจ้ารีบกลับเผ่า ไปให้หมอเตรียมการรักษาเอาไว้ เข้าใจนะ!”
ประมุขแห่งเผ่านากาออกคำสั่ง ซึ่งแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว อุรคมองร่างในอ้อมกอดด้วยสีหน้าเจ็บปวด พร้อมกับพึมพำแผ่วเบา
“ทำไม....เวทิต...ทั้งที่ข้าต้องการเจ้าขนาดนี้ ...ทำไมต้องหนีข้าไป... ทำไมต้องเกลียดข้า... ทำไมต้องทำเรื่องให้ข้าโกรธจนขนาดอยากฆ่าเจ้าให้ตายคามือแบบนี้ด้วย”
อุรคมองร่างอ่อนแรงที่หายใจแผ่วในอ้อมกอด ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปจูบที่เส้นผมชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“อย่าตายนะเวทิต... ถ้าเจ้ารอดคราวนี้ แม้ข้าจะโกรธเจ้าเพียงใด แต่ข้าจะไม่ลงมือให้เจ้าต้องบาดเจ็บเช่นนี้อีกแล้ว...ข้าสัญญา”
เวทิตไม่อาจได้ยินในสิ่งที่อุรคบอกกับเขาในป่า ทว่าเมื่อเขารู้สึกตัวอีกที เขาก็ฟื้นขึ้นมาบนเตียงนุ่มภายในห้องนอนเดิม แต่ที่ข้อเท้าของเขานั้นถูกโซ่ตรวนยาวล่ามเอาไว้ มันยาวพอเคลื่อนไหวได้อิสระภายในห้องแห่งนี้ก็จริง แต่ก็ไม่ยาวพอที่จะทำให้เขาหนีออกไปข้างนอกได้อีก
“ทำไม...ทำไมไม่ฆ่าผมให้ตายไปเสียเลย...จับผมมาขังที่นี่อีกทำไม!”
เวทิตตวาดใส่คนที่เข้ามาในห้อง และจ้องมองเขาด้วยแววตาเย็นชา อุรคชะงักชั่วครู่ ก่อนจะกลับกลายเป็นนิ่งเฉยตามเคย
“ถ้าข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ตาย...และถ้าเจ้าหนีไปอีกเมื่อใด ข้าก็จะตามจับเจ้ากลับคืนมาอีก!”
เวทิตสะดุ้งเฮือก จากนั้นอุรคก็หันหลังกลับเดินออกไปจากห้อง โดยมีเสียงตะโกนไล่หลังมาอย่างเจ็บปวด
“ผมเกลียดคุณ! ได้ยินไหม ผมเกลียดคุณที่สุด!”
เวทิตตะโกนไล่หลังจนอีกฝ่ายลับตาไป ก่อนจะหลุดสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้ ในตอนที่เขาถูกอีกฝ่ายทรมานในป่า เขาคิดว่าเขาคงไม่รอดแน่ ถึงแม้เขาจะไม่ได้กลับไปหาวิรัลและมารดารวมถึงคนในเผ่าอีก แต่เขาก็คงได้เป็นอิสระจากอุรคสักที
และทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ท้ายที่สุด เขาก็ต้องกลับมาเป็นสมบัติของพญางูเผือกอีกเช่นเคย
อุรคไม่กลับมานอนที่ห้องเป็นเวลาเกือบเดือน ทว่าการคุ้มกันรอบ ๆ ห้องที่เวทิตอยู่นั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เวทิตนั่ง ๆ นอน ๆ ไร้ชีวิตจิตใจด้วยความท้อแท้ต่อชีวิต จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง เขารู้สึกถึงความเงียบรอบด้าน โซ่ตรวนที่ข้อเท้าของเขาก็ถูกปลดออก มโคหนุ่มค่อย ๆ ย่องไปดูด้านนอกก็ไม่พบใคร เขาเม้มปากน้อย ๆ ก่อนตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกเพื่อหลบหนี แม้จะแปลกใจอยู่มากก็ตาม
เวทิตตัดสินใจว่าจะยังคงไม่เปลี่ยนร่าง เพราะร่างมนุษย์นั้นหลบซ่อนได้ง่ายกว่าร่างกวาง ทว่าพอเขาเดินเข้าสู่เขตป่า แหใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงลงมาคลุมร่างเขา พร้อมกับการปรากฏกายของประมุขเผ่านากาและพรรคพวก
“ไหนดูสิว่า วันนี้จับเหยื่ออะไรได้... อ้อ ที่แท้ก็กวางทองแสนสวยของข้านี่เอง”
อุรคยิ้มเย้ยหยัน ทำให้เวทิตชะงัก แล้วตวาดกลับไปอย่างหงุดหงิด
“นี่มันหมายความว่ายังไง! คุณหลอกให้ผมหนีอย่างนั้นหรือ!”
อุรคมองร่างโปร่งตรงหน้าเขา แล้วจึงเปรยตอบเสียงเรียบเฉย
“ก็เห็นเจ้าชอบหนีจากข้า ...ข้าเลยจัดการให้เจ้าหนีได้สมใจ ...ไม่ต้องห่วงนะเวทิต หากเจ้าเริ่มเบื่อเมื่อไหร่ก็บอกข้าได้ ข้าจะให้เจ้าหนีได้ตลอด...และก็จะตามกลับมาทุกครั้งแบบนี้เอง หึๆ”
เวทิตกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ อย่างนึกอับอายที่เสียรู้ ถูกอีกฝ่ายใช้เป็นของเล่นเช่นนี้
“คุณมันเลว! สักวันเถอะ! ผมจะหนีจากคุณให้ได้! แม้จะเป็นการหนีไปตลอดกาลก็ตาม!”
คำพูดของเวทิตทำให้อุรคชะงัก แล้วจึงสั่งให้ลูกน้องของตนถอยไป เขาดึงแหที่คลุมร่างมโคหนุ่มออก พลางกระชากแขนร่างนั้น กึ่งจูงกึ่งเดินเข้าไปในถ้ำ ตรงไปยังห้องนอนของตน แล้วเหวี่ยงร่างโปร่งไปบนเตียงแรง ๆ ยิ่งได้เห็นแววตาดื้อดึงของอีกฝ่าย ก็ยิ่งทวีความโกรธให้เขามากขึ้น พญางูเผือกกำหมัดแน่น แล้วเงื้อขึ้น จนเวทิตต้องหลับตาด้วยความกลัว ทว่าเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเป้าหมายของหมัดนั้นคือหมอนที่อยู่ข้าง ๆ
หมอนที่ถูกต่อยทะลุจนขนนกด้านในปลิวว่อนทำให้เวทิตประหลาดใจ ทางด้านอุรคกัดฟันกรอด แล้วจึงจับร่างของเวทิตตรึงไว้ใต้ร่างของตน ก่อนจะลงมือเล้าโลมร่างนั้นอย่างอ่อนโยนผิดเคย ซึ่งก็ทำให้เวทิตเผลอลืมตัว ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสคุ้นเคยที่ห่างเหินไปเสียนานนั่น
“เวทิต...เด็กน้อยของข้า...อยู่กับข้าเถอะ อย่าไปจากข้าเลยนะ...ได้โปรด”
คำกระซิบอ้อนวอนหวานหูนั้น เวทิตไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินหรือคิดไปเอง เพราะตอนที่อุรคพูดออกมา ตอนนั้นเขากำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์หฤหรรษ์จนไม่คิดจะรับรู้อันใดอีกแล้ว และเมื่อเขาปลดปล่อยหยาดหยดแห่งความสุขในกายออกมา เขาก็ฟุบหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ภายในอ้อมกอดของพญางูเผือก
หลังจากนั้นผ่านไปอีกหลายเดือน อุรคก็เล่นเกมไล่จับกับเวทิตอยู่หลายครั้ง ทว่ากวางหนุ่มก็ไม่เคยหนีพ้น จากที่เคยมีความหวังเจ้าตัวก็ท้อถอย หมดอาลัยตายอยากลงตามลำดับ จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่ง ที่อุรคล้ำเส้นมโคหนุ่มมากเกินไป โดยการปล่อยให้เจ้าตัวหนีไปจนกระทั่งเห็นเผ่าอยู่ตรงหน้า เวทิตยินดีอย่างขีดสุด และความยินดีนั้นก็ถูกทำลายสิ้นจนแทบไม่เหลือความหวัง เหมือนอุรคดักรอเขาอยู่และจับตัวเขากลับไปอีกครั้ง
“...วิรัล แม่ครับ ทุก ๆ คนในเผ่ามโค ...ขอโทษด้วยนะ ที่ไม่อาจจะกลับไปได้อีกแล้ว”
เวทิตพึมพำหลังจากถูกขังอยู่ในห้องนอนเพียงลำพังอย่างเคย เขาเหลือบไปมองหาของมีคมแถวนั้น ก่อนจะเจอมีดปอกผลไม้วางอยู่ในถาด แม้มันจะไม่คมกริบ แต่ด้วยแรงกดของคนที่ใช้มัน ก็ทำให้สามารถเฉือนปาดลึกเข้าไปที่ลำคอจนเกิดบาดแผลได้
เวทิตค่อย ๆ นอนหงายไปบนเตียง ปล่อยให้เลือดไหลรินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจ จนกระทั่งกลิ่นคาวเลือดลอยไปด้านนอกห้องให้คนที่เฝ้าอยู่ได้กลิ่น และรีบเข้ามาดูเหตุการณ์ภายในห้อง ก่อนจะมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพของเวทิตยามนั้น พวกเขาคนหนึ่งรีบไปตามหมอประจำเผ่า ส่วนอีกหนึ่งก็รีบไปแจ้งอุรค ส่วนคนที่เหลือก็ช่วยกันห้ามเลือดยกใหญ่ ทว่าเวทิตยามนี้กลับเหม่อลอยไม่สนใจว่าใครจะทำยังไง แม้ยามที่อุรคเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แล้วออกคำสั่งหมอให้ช่วยชีวิตของเขาให้ได้ก็ตาม
มโคหนุ่มกลับมาฟื้นคืนสติอีกครั้งในตอนดึกของอีกสองสามวันถัดมา และพบว่าอุรคกำลังนั่งจ้องเขานิ่งอย่างไม่วางตาอยู่บนเตียง เวทิตเบือนหน้าหนีน้อย ๆ แล้วหลับตาลงด้วยความผิดหวัง ที่ครั้งนี้เขาก็ไม่อาจหนีรอดพ้นพญางูเผือกไปได้อีก ทว่าขณะที่กำลังคิดหาวิธีฆ่าตัวตายอีกรอบ เขาก็ต้องชะงักเมื่อเสียงทุ้มเข้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ทว่ากลับแฝงไปด้วยความจริงจังในน้ำเสียงนั้น
“ถ้าเจ้าคิดฆ่าตัวตายหนีจากข้าอีกครั้ง ...ข้าจะสังหารพวกมโคให้สิ้นเผ่า ...ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดง ข้าก็จะไม่ละเว้น...เจ้าจะได้มีเพื่อนทั้งเผ่าไปเยือนปรโลกด้วยกัน อย่างที่เจ้าปรารถนายังไงล่ะ ...ดีไหมเวทิต”
เวทิตสะดุ้งเฮือก เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น พร้อมกับหันมามองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“อย่านะ...คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้...พวกเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อพวกนั้นเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เจ้าถึงกับคิดสั้น เพื่อจะหนีข้าไปตลอดกาล ไม่ใช่หรือ...”
อุรคแย้งกลับไปพร้อมกับจ้องตอบเวทิตด้วยแววตาจริงจัง ดังเช่นคำพูด ทำให้เวทิตนิ่งอึ้ง แล้วจึงค่อย ๆ หลุบตาหลบลงช้า ๆ ด้วยความสิ้นหวัง
“ตกลง...ผมจะไม่คิดฆ่าตัวตายอีกแล้ว...ผมสัญญา ...ได้โปรด อย่าทำอะไรทุกคนในเผ่าของผมเลย...ผมขอร้อง”
อุรคมองร่างบนเตียงด้วยแววตาเย็นชา แล้วจึงเปรยตอบเรียบ ๆ
“ถ้าเจ้าสัญญาเช่นนั้น ข้าก็จะยอมเชื่อ และไม่ทำอะไรพวกมโคนั่น ...แต่อย่าลืมล่ะเวทิต หากเจ้าผิดสัญญาและคิดฆ่าตัวตายอีก ต่อให้เจ้าจะตายหรือรอดตาย ข้าก็จะสังหารพวกมโคให้สิ้นซากทั้งเผ่าอยู่ดี!”
เวทิตนิ่งอึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าตอบทั้งน้ำตา อุรคเห็นดังนั้นจึงโน้มใบหน้าลงมาบรรจงจูบที่เปลือกตาของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน แล้วเอนกายนอนเคียงข้างมโคหนุ่ม โดยไม่คิดทำอะไรไปตลอดค่ำคืนนั้น
... TBC …
ลากยาวมาจนถึงปัจจุบันแล้วจ้ะ หลังจากนี้ก็จะตัดเป็นตอนหลังจากที่เวทิตทำใจอยู่กับตางูหื่น(โหด) นี่แล้ว ....
ว่าแต่ อยากอ่านต่อหวาน ๆ กันไหมคะเนี่ย เพราะหลังจากนี้มันไม่จำเลยรักแล้วนะจ๊ะ มันจะเป็นทยอยหาเรื่องดี ๆ ใส่ให้อีตาอุรค (จะมีเหรอ) เพื่อทำคะแนนหัวใจให้กับอีตางูหื่น เพราะงั้นอาจจะมีอาการหวานเลี่ยนน้ำตาลหก ไม่แพ้คู่คุณลูกก็ได้นะเอ้อ!
เราเตือนท่านแล้ว! (ไว้จะกลับมาดูผลโหวตอีกครั้งว่าจะเหลือคนอ่านต่ออีกราย)