[เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)  (อ่าน 76720 ครั้ง)

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3

พี่กิล ตายแล้ว
โปรดไขข้อกระจ่างให้หนูที
แต่ถ้าพี่กิลยังไม่ตายแล้วพ่อแม่กาลล่ะ
จะลงกี่ตอนกี่ตอนก็ยังช็อก
เดี๋ยวจิ้มตูดทะลงตับไตไส้พุงแล้วอ่าคุณคนเขียน
แล้ว...ทำไมไม่ลงให้มัน 60% ให้มันเสร็จเลยล่ะคะ
มาให้ค้างตลอด ยิ่งตอนจะจบทำไมชอบค้างจังงงงงงงงงงงง

 :a5:  o22  :เฮ้อ:  :serius2:  :m16:  :fire:  :m31:  :seng2ped:


ออฟไลน์ gcc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ 403

  • 4 0 3 Forbidden
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-2
เอ้ยยยยย พี่กิลโผล่มาจากไหนละนี่ กาลสู้ๆ ฟื้นเถอะนะ  :m5:

Crazily Pretty

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยยย ย ย สงสารกาล  :o12: :o12:

มาต่อเร็วๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:

gngane

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15: :m15:

คนเขียนกลับมาก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน



ฮืออออออออออออออ  ไม่เอามาม่าๆๆ

รึว่าวินจะคู่กับพี่กิล  ก็โฮน่ะ  เเต่ตอนนี้เริ่มงงเเล้วใครกดใครอ่ะ

มาต่อไวๆนะค่ะ

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าง่ะ กาลสู้ๆ

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
ทำร้ายกันมากเลยคนเขียน

shishikima

  • บุคคลทั่วไป


เพื่อนสนิท : 8 (จบตอน)



“กาลนี่ไงดอกกุหลาบที่กาลชอบ กาลรู้ไหมว่ากว่าวินจะหาซื้อมาได้เนี่ยยากขนาดไหน แต่ไม่เป็นไรต่อให้ยากกว่านี้วินก็จะหามาให้กาล ขอแค่กาลฟื้นขึ้นมาก็พอวินยอมแลกทุกอย่าง” นาวินทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ก่อนจะเอื้อมไปดึงมือเล็กมากุมไว้ นี่ก็ผ่านมาหนึ่งวันเต็มๆ แล้วที่นวัตรยังไม่ฟื้น แต่สำหรับนาวินแล้วเวลาทุกวินาทีมันช่างเดินผ่านไปช้านัก

ตอนเกิดอาการช็อกยังดีที่หมอช่วยไว้ทัน ในเวลานี้นาวินไม่อยากห่างร่างเล็กไปไหน กลัวว่าหากปล่อยมือไปนวัตรจะไปจากตนแล้วไม่มีวันกลับมา เพราะตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเจ้าของหัวใจขอเขาตั้งแต่เด็กจนโตก็คือนวัตร

ใช่แล้ว...นาวินรักนวัตร...รักมาก รักที่สุด และจะรักอย่างนี้ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ต่อให้เวลาเดินผ่านไปกี่สิบปี นาวินก็มั่นใจว่าจะรักนวัตรตลอดไป เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างสูงก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือกดหาใครบางคน

ตู๊ด...

รอสายไม่นานก็มีคนรับ

(สวัสดีจ๊ะวิน โทรหาแหวนตั้งแต่หัวค่ำมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าคิดถึงแหวนจนทนไม่ไหว คิกๆ) ปลายสายกรอกเสียงเป็นเชิงหยอกล้อ หากเป็นแต่ก่อนนาวินก็คงหยอกต่อว่าใช่ แต่คงไม่ใช่เวลานี้ นาวินกดปุ่มลำโพงให้คนข้างๆ ได้ยินเสียงแม้เจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวก็ตามที

“แหวน วินว่าเราเลิกกันเถอะ” คำพูดสั่นๆ ง่ายๆ แต่ทำให้ปลายสายเงียบไปได้เกือบนาที

(วิ...วิน...วินพูดเล่นใช่ไหม แหวนไม่ขำนะ อย่าล้อกันอย่างนี้สิจ๊ะ) ปลายสายหัวเราะแห้ง

“แหวน วินพูดจริงๆ วินว่าเราเลิกกันเถอะ วินไม่ได้รักแหวน ขอโทษนะ)

(มันไม่ตลกนะวิน วินเลิกเล่นได้แล้ว วินเล่นอย่างนี้แหวนใจไม่ดีเลยนะ) เสียงจากปลายสายเริ่มสั่น แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้นาวินเปลี่ยนใจได้

“แหวน วินขอโทษ” นาวินพูด

(พูดอย่างนี้ได้ยังไงแล้วเด็กล่ะ!) ปลายสายตะคอกกลับทำให้นาวินหยุดความคิดที่จะวางสาย

อะไร...เด็กอะไร...ที่วนิดาพูดมันหมายความว่ายังไง

“แหวนว่ายังไงนะ” นาวินถามอย่างตกใจ

(แหวนท้องกับวิน ท้องได้เกือบอาทิตย์แล้ววินรู้ไหม) เสียงวนิดาสั่นๆ เหมือนร้องไห้ (วินจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้นะ เด็กในท้องเป็นลูกวิน วินได้ยินไหมเด็กในท้องเป็นลูกของวิน!)

นาวินถึงกับชะงัก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะทำให้วนิดาท้อง แต่แล้วจู่ๆ คำพูดของใครบางคนก็ลอยเข้ามา

“แหวนว่าแหวนท้องกับวินได้เกือบอาทิตย์แล้วอย่างนั้นเหรอ” นาวินถามปลายสายเสียงเย็นจนคนที่ได้ยินถึงกับชะงัก

(ใช่! วินอย่ามาปฏิเสธนะว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ววินไม่ได้มีอะไรกับแหวน) วนิดาตะคอกขู่

“ใช่ผมไม่ปฏิเสธ” นาวินตอบเสียเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม จนปลายสายนึกหวั่นๆ

(ถ้าอย่างนั้นวินก็ต้องรับผิดชอบ!) ปลายสายตอบพร้อมกับยกยิ้มด้วยความดีใจ

“นี่แหวน แหวนเคยได้ยินเรื่องอะไรไหม” นาวินเอ่ยเสียงเอะปลายสาย มือหนากุมมือเล็กไว้เบาๆ อย่างทะนุถนอม

(ได้ยินอะไร)

“แหวนเคยได้ยินไหมว่า...คนเรากว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองท้องมันก็จะสักประมาณสองอาทิตย์เครื่องตรวจครรภ์มันถึงจะตรวจพบ และกว่าจะออกอาการว่าตั้งท้องมันก็ประมาณสองเดินนู่นถึงจะรู้ แหวนเคยได้ยินไหม...” นาวินพูดเสียงเย็น ปลายสายเงียบเป็นเป่าสากเมื่อรู้ว่าตนได้ทำผิดแผนไปแล้ว “แล้วอีกอย่างนะแหวน เรามีอะไรกันยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ ทำไมแหวนถึงรู้ล่ะว่าแหวนท้อง หรือว่าเด็กในท้องมันได้เชื้อพ่อมันแรงจนสำแดงเดชให้แม่รู้แม่ท้อง”

(...) ปลายสายเงียบเป็นเป่าสากยิ่งกว่าเดิม ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจลอดออกมาเล็กน้อย

“แค่นี้นะแหวนถ้ามีอะไรจะคุยก็ไปคุยกันที่สถานีตำรวจ แหวนพร้อมเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกผม เดี๋ยวผมจะไปหาถึงที่” พูดจบนาวินก็วางสาย แต่ก่อนจะวางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของปลายสาย

นาวินกุมมือเล็กก่อนจะจุมพิตเบาๆ ไปทั่วทั้งมือ

“วินรักกาลนะ ทั้งจากนี้และตลอดไป วินจะรักกาลคนเดียวครับ วินสัญญา” พูดจบก็ลุกขึ้นจูบที่หน้าผากมนเบาๆ

ก๊อก ก๊อก...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออก คนที่เข้ามาข้างในก็คือ นภัทรกับนริทร์ นาวินมองพี่ชายของคนรักก่อนที่สายตาจะเลือดมามองพ่อที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียด

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” นาวินเอ่ยทักทายคนทั้งสอง

“พี่จะมารับกาลไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด” นภัทรพูด นาวินถึงกับชะงัก แต่ก็พยักหน้ารับรู้

“งั้นเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมขอไปจัดกระเป๋าก่อนนะครับแล้วเราค่อยเดินทางกัน” นาวินพูดก่อนจะลุกขึ้น

“ไม่ได้” นภัทรเอ่ยเสียงนิ่ง

“ไม่ได้? ไม่ใด้อะไรเหรอครับ” นาวินถามอย่างงงๆ

“ไม่ได้ พี่ไม่ให้นายไปด้วย พี่จะไปกับกาลแค่สองคน แค่สองคนเท่านั้น” คำพูดนั้นราวกับมือปีศาจที่ฉุดรั้งนาวินลงสู่ก้นเหวแห่งนรก

“พี...พี่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” นาวินถามเสียงสั่น เมื่อแปลความหมายคำพูดของนภัทรได้

“พี่จะไม่ให้นายไปด้วย พี่จะไปกับกาลแค่สองคน สองคนเท่านั้นไม่มีคนอื่น!” นภัทรตะคอกอย่างโกรธเคือง

“กิล ลุงว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้ อย่าใจร้อน กาลก็ยังไม่ฟื้นเลยลุงว่ารอให้กาลฟื้มาก่อนดีกว่าไหมก่อนที่จะเคลื่อนย้ายคนป่วย” นรินทร์พยายามพูดให้นภัทรสงบลงเพราะห่วงหน้าซีดๆ เป็นไก่ต้มของนาวินตอนนี้

“ไม่ครับลุง ผมขอโทษนะครับแต่ผมคงจะปล่อยกาลไว้ที่นี่ไม่ได้ ผมอยากรับน้องกลับครับ” นภัทรเอ่ยเสียงอ่อนตอบคนอายุเยอะที่กำลังตบบ่าอย่างให้กำลังใจ

“แต่ลุงว่า...” นรินทร์กำลังเอ่ย

“ไม่มีแต่หรอกครับลุง ผมจะเอากาลไปอยู่ด้วย วันนี้แล้วก็ตอนนี้เลย ผมบอกหมอที่นี่ไว้เรียบร้อบแล้ว แล้วหมอก็อนุญาตแล้วด้วย ส่วนรถทางโรงพยาบาลก็เตรียมไว้ให้พร้อมแล้วครับ คงอีกประมาณสักพักบุรุษพยาบาลคงมารับคนป่วยขึ้นรถ” นภัทรเตรียมการไว้หมดแล้ว เตรียมตั้งแต่หมอย้ายนวัตรมาอยู่ในห้องรอดูอาการแล้ว ก็รู้อยู่ว่าทำอย่างนี้มันจะเสียงต่อน้องชาย แต่ว่านภัทรก็ไม่อย่างให้น้องต้องมาทนอยู่กับเพื่อนใจร้ายที่เกือบจะฆ่านวัตรตายรอบที่สองแล้ว

“พี่ ผมขอร้องล่ะครับ ย่างเอากาลไปจากผม ผมขาดกาลไม่ได้ พี่กิลผมขอร้อง ผมขอร้อง” นาวินทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าของนภัทร นภัทรก้มหน้าลงมองยอมรับตรงๆ เลยว่าโกรธเด็กคนนี้แต่ว่าพอมาเห็นสภาพนาวินตอนนี้ใครเห็นแล้วต้องสงสาร เสื้อผมชุดสูธสีดำถูกถอดออกเหลือเพียงเสื้อตัวในที่เป็นสีดำมีสภาพหลุดหลุย ผมเผ้ายุ่ง ตาคล้ำเพราะไม่ได้นอนบวกกับร้องไห้มาอย่างหนักจนบวก ริมฝีปากแห้งเกราะเพราะไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่มาโรงพยาบาลขนาดน้ำยังไม่ได้ดื่มเลย บอกตรงว่าสภาพตอนนี้แทบจะมองไม่ออกเลยว่านี่คือ นาวิน บดินศักดิ์ หนุ่มเนื้อหอมของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง

“ไม่ได้หรอก พี่เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว” เอ่ยเสียงเย็นก่อนจะเบือนหน้าหนี

“พี่ผมขอร้อง อย่าเอากาลไป อย่างเอากาลไปจากผม จะให้ผมทำอะไรก็ได้ จะให้ผมกราบเท้าพี่ตรงนี้ผมก็ยอม แต่ขอร้องอย่าเอากาลไปจากผม ผมอยู่ไม่ได้ ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีกาล” นรินทร์ถึงกับอึ้งเมื่อผู้เป็นลูกชายพนมมือตั้งท่าจะกราบนภัทรจริงๆ ตั้งแต่เกิดมานรินทร์ยังไม่เคยเห็นลูกชายทุ่มเทให้ใครขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นาวินร้องขอ ร้องขอโดยไม่ให้ใครช่วย ทิฐิและศักดิ์ศรีที่นาวินเคยบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายหายไปในพริบตา เป็นแค่เพียงเด็กน้อยโง่ๆ คนหนึ่งที่ยอมได้ทุกอย่างเพื่อคนที่ตนรักอย่างสุดหัวใจ

นภัทรถึงกับชะงักรีบชักเท้าออกก่อนจะเดินหนีไปที่เตียงของนวัตร มือหนาสากนิดๆ เพราะทำงานเอื้อมลูบหัวน้องชายสุดที่รักที่หัวพันผ้าก๊อซ แขนซ้ายถูกใส่เฝือก ขาขวาถูกดามด้วยเฝือกอ่อน ตามใบหน้าและลำตัวมีรอยช้ำและรอยถลอกจากการไถลตัวบนพื้นถนน คนเป็นพี่เมื่อเห็นสภาพน้องชายที่คลานตามกันมาตั้งแต่เด็กๆ ก็อยากจะร้องไห้เสียงตรงนี้ รู้สึกสงสารและเห็นใจน้องชายที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้

“พี่อย่าเอากาลไป พี่จะทำอะไรผมก็ได้ แต่ขอร้องอย่าเอากาลไปจากผม ผมขอร้อง ผมจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีกาล ผมขาดกาลไม่ได้ พี่ได้ยินไหมผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีกาล” นาวินพยายามลุกขึ้นมาเพื่อขอร้องนภัทร แต่นรินทร์รีบฉุดลูกชายให้หยุด

จู่ๆ บุรุษพยาบาลก็เดินเข้ามาและจัดการกับเตียงคนไข้โดยที่นวัตรกำลังหลับตานิ่งไม่รับรู้เรื่องของโลกภายนอกเลย

“พี่อย่าเอากาลไป! อย่าเอากาลไปจากผม! กาลอย่าไป! กาลอย่าไป! กาลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล!!”

แล้วเตียงคนไข้ก็ค่อยๆ ถูกเข็นออกจากห้องผู้ป่วยไป ไกลออกไป ไกลออกไป นาวินพยายามวิ่งตามล้มลุกคลุกคลานเท่าไหร่ก็ไร้ความเจ็บปวด... ผู้เป็นพ่อมาฉุดลูกชายไม่ให้วิ่งจนถึงลานจอดรถ เตียงคนไขที่มีร่างนอนนิ่งของนวัตรอยู่ก็ถูกเข็นขึ้นรถพยาบาล นาวินสลัดแขนคนเป็นพ่อหลุดแล้วรีบวิ่งไปที่ท้ายรถทันที แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อนภัทรขึ้นไปบนรถและประตูก็ถูกปิดลง ขวางกั้นคนทั้งสองไว้ นาวินพยายามทุบ แต่ทุบเท่าไหร่ก็ไม่มีใครยอมเปิดให้ รถพยาบาลค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากลานจอดรถ นาวินวิ่งตามรถไปมือหนาก็ทุบรถให้หยุด หากแต่รถไม่ยอมหยุดเมื่อถึงทางเลี้ยวออกจากโรงพยาบาลรถก็เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็วจนคนที่วิ่งตามมา วิ่งตามไม่ทัน...เห็นเพียงหลังรถและเสียงหว่อ...หากแต่ปลายนิ้วก็เอื้อมไปไม่ถึง จนล้มลงกับพื้นถนนเนื้อตัวช้ำและถลอกปอกเปิกไปหมด หากแต่กลับไม่มีความรู้สึกเจ็บที่ร่างกาย

...ใจต่างหากที่มันเจ็บ

...เจ็บเจียนตาย

...เจ็บจนอยากให้มันหยุดเต้นไปเลยซะตอนนี้

“กาลลลลลลลลลลลลลลลล!!!! กลับมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!”

‘กาลรักวินนะ’

‘วินก็รักกาล...รักมากและจะรักตลอดไป...จนลมหายใจสุดท้ายจะสิ้นสุดลง...วินยังรักกาลไม่เปลี่ยนใจ’


 :catrun:


ขอเปลี่ยนหัวข้อนะคะจาก เรื่องสั้น จะเปลี่ยนเป็นซีรีย์เรื่องสั้น เพราะจะมีเรื่องของ ธัน ดล พี่กิล พี่คีย์ จอมกับอื่นๆ บางคนอ่านแล้วอาจจะค้าง ไม่ต้องงงค่ะ ปมมันจะค่อยๆ เฉลยเรื่อยๆ ส่วนพี่กิล ปมจะเฉลยตอนเรื่องพี่แกนะคะ

ได้ยินแว่วๆ มาว่าคนเขียนใจร้าย เค้าเปล่านะตัวเอง ก็มีแต่คนบอกว่าเกลียดวินอ่ะ มันก็ต้องมีให้พ่อคุณทิฐิเยอะแกยอมวางของพวกนี้บ้าง อ่านตอนนี้แล้วจะมีใครสงสารนาวินบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

ตอนที่ 8 ยอมรับเลยนะคะว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขียนเร่งมากเลยยังไม่ทันได้ตรวจสอบและแก้คำผิดเลย หากใครพบก็ช่วยบอกด้วยนะคะจะได้ตามแก้ถูก

ฮ่า! ในที่สุดตอนหน้าก็จะจบแล้วค้าาาาาา รักใครเชียร์ใครก็อย่าลืมกดโหวตกันนะคะ (มันอยู่ตรงหน้า) 555+ ล้อเล่น แต่เชื่อเถอะว่าถึงบทสรุปของคู่นี้วินก็ยังน่าสงสารไม่เปลี่ยน แล้วก็อย่าพึ่งคิดไปเองนะว่าตอนจบมันจะเป็นอย่างไรถ้าคุณคนอ่านยังไม่ได้สัมผัสมัน! (มีจริงจังบ้าง 555+)

พูดมากไปแล้ว แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ บายค่าาาาาาาาาาาาาาา  :bye2:



ออฟไลน์ NONSENSE

  • เพ้อฝัน ไปวันวัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 644
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
สนุกอ่ะ ชอบบบบ
แต่ งงๆนิดหน่อยว่าทำไมวินถึงคิดว่ากาลตายไปแล้วจนคลั่งได้ขนาดนั้น ตอนต้นๆบท??

รอตอนต่อไปนะคะ
+1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






shishikima

  • บุคคลทั่วไป

:sad4:
เข้ามาอ่านปุ๊บก็ป๊ะกับดราม่าเลยยยย  :z3:
ค้างอ่ะค่ะ ยังไงอย่าลืมมาต่อนะคะ TT


- มาต่อให้แล้วค้าาา แต่มีรู้ว่าจะมีใครอ่านหรือเปล่า//ซิก ซิก


TpT โฮกก

-ฮือๆ //เช็ดน้ำตาลปอยๆ อย่าพึ่งร้อง


ไม่นะ!!!!!!!! นักเขียนจะทำเราน้ำตาไหลสองรอบแล้วน้า TT

เศร้าอะ เศร้ามากๆ แล้วบอกตรงๆเลยว่าเริ่มเกลียดนาวินละ แมร่งงงง ไปฟังชะนี ไม่ฟังเพื่อนสนิทตัวเอง(ขออินหน่อย555)


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

+เป็ดค่ะ

-จะทำเราน้ำตาไหล แต่ก็ยังไม่ไหลใช่ไหมล่ะคะ เขารู้นะ เดี๋ยวจัดเศร้าเลย (555+ ว้อเว่นค้า ว้อเว่น)


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่น้าาาาา ไมาเอาแบบนี้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12: :o12: :o12: :o12:

-รู้สึกเหมือนคนเขียนจะซาดิสชอบให้คนอ่านร้องไห้ 555+




กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

อย่าตายน่ะกาลลลลลลลลลลลลลลลTT{}TT

นักเขียนกลับมาเเล้ว กลับมาพร้อมกลับการค้าง

มาต่อไวๆนะค่ะ  อ่านรวดเดียวจบสนุกมากๆเลยค่ะภาษาก็สวยเเนื้อเรื่องก็ดี ไม่ดีอย่างเดียวเลยคือหระเอกโง่มากกกกกกกกกกกกกก

มาไวๆนะค่ะตัวเอง :call: :call: :call:




















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>

-คนเขียนกลับมาแล้ว มาพร้อมกับอาการหน่วงๆ ให้คนอ่านเจ็บเล่นๆ (โดนตบ) ฮ่า ตอนหน้าจบ อย่างลืมติดตามนะคะ


เห้ยย ไมเป็นงี้อะ   :a5:

-ฮ่า...ก็คนเขียนชอบให้หน่วง&หนักเลยเป็นอย่างที่เห็น (ได้ยินเสียงหักมือกรอดๆ//เหงื่อตก)


ตึงงงงงงงงง

คืออะไรคะ ตายซะแล้ว

-ยังไม่ตายค่ะ ยังไม่ตาย เอ๊ะ!หรือตาย (โดนยำ)


:sad4: :sad4: :sad4:


กาลอย่าตายนะ ทำไมต้องเจ็บจนตายด้วย T-T

-ยังไม่ตายค่ะ ยังไม่ตาย รอให้วินเจ็บเจียนตายก่อน


ค้างครับ บอกคำเดียวว่าค้าง

กาลยัวไม่ตายใช่ไหม  ไม่อยากให้กาลตายยยย

-คนเขียนชอบแต่งให้มันค้างลุ้นดี ฮ่า กาลยังไม่ตายค้า แต่สำหรับวินมันคงทรมานเหมือนกันน้าาาา


ดราม่าใช่ไหมม  :serius2:

-อย่าพึ่งคิดไม่ไกลนะค้าาา อย่าเชื่อในสิ่ที่คุณยังไม่ได้สัมผัส (จริงจังหน่อยๆ เรียกความน่าเชื่อถือ (?))



 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

บอกทีนายเอกยังไม่ตายใช่ไหมค่ะ  มาทำเราค้างน่ะ

อย่าให้รู้ทางไปบ้านนะค่ะ  ระวังๆ ฮ่าๆTTOTT

มาต่อไวๆนะค่ะ





















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>

-อย่าบุกมาถึงบ้าน เค้ารีบลงให้แล้วไม่ค้างน้าาา (เอาใจคนอ่าน) ตอนหน้าก็จะจบแล้ว ถ้าจะไปบ้านไปบ้านวินดีกว่าวินน่าจะต้องโดนหนัก (โยนความผิดให้คนอื่น)



เอ่อ...(จุกจนพูดไม่ออก)

ยังเหลืออีก 60%+อีก 1 ตอนใช่ไหมคะ

รอ...แต่ไม่ขอซดมาม่าได้ไหมอ่าาาาา  :sad4:

ถ้ากาลตายจะจิ้มตูดคนเขียนให้ทะลุแลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :z13:  :z13:  :z13:  :z13:

-ซดมาม่าอย่างนั้นเหรอคะ เดี๋ยวขอคิดดูก่อนนะ จะให้ดีคอยติดตามตอนจบแล้วกันเนาะ ค่อยจะได้รู้ว่าซดมาม่าหรือเปล่า


มาต่อไวๆเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ววว จะบ้าแทนพระเอกแล้วค่ะ ณ จุดๆนี้ ฮือออออ

-มีคนสงสารวินแล้วใช่ไหมค่ะเนี่ย (วินกระโดดดีใจ) 555+ มาต่อแล้วค้า เดี๋ยวตอนหน้าก็จบแล้ว อย่าพึ่งเบื่อกันเลยนะคะ//ส่งสายตาวิบวับ


กาลอย่าตายน้าาาาาาาาาาาาา :sad4: :sad4: :sad4:
ถ้ากาลเป็นอะไรไปคนเขียนโดนนนน :m16:

-จะทำไรคนเขียนอ่า เค้าไม่ผิดนะ มันเป็นไปตามบทบาททททททท//กระโดดหลบ



ตกลงกาลตายไม่ตาย อย่าตายเลยน้า สมหวังทีเถอะ  :m5:

-กาลยังหนังเหนียวไม่ตาย แต่เรื่องสมหวังไม่สมหวังก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปนะค้าาาา


เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย TAT!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

-โอ๊ะ! ใจเย็นๆ ค่ะ ใจเย็นๆ


กาลลลลลลล อย่าเป็นอะไรนะ
คนเขียน!!! ฮือ (ก่อนจบไห้วินมันเจ็บหน่อยนะ หมั่นไส้)

-555+ ได้เลยค่ะ แค่นี้เจ็บพอไหมคะ (หรือจะเอาหนักกว่านี้อีก)


-0-

-อึ้งกิมกิเลยเหรอคะ อ่า ความตื่นเต้นกำลังมาถึงแล้วววววว


พี่กิล ตายแล้ว
โปรดไขข้อกระจ่างให้หนูที
แต่ถ้าพี่กิลยังไม่ตายแล้วพ่อแม่กาลล่ะ
จะลงกี่ตอนกี่ตอนก็ยังช็อก
เดี๋ยวจิ้มตูดทะลงตับไตไส้พุงแล้วอ่าคุณคนเขียน
แล้ว...ทำไมไม่ลงให้มัน 60% ให้มันเสร็จเลยล่ะคะ
มาให้ค้างตลอด ยิ่งตอนจะจบทำไมชอบค้างจังงงงงงงงงงงง

 :a5:  o22  :เฮ้อ:  :serius2:  :m16:  :fire:  :m31:  :seng2ped:

-ใช่ค่ะ ในความคิดของกาลกับวินคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรคือพี่กิลตายแล้ว เพราะว่ากิลกับพ่อและแม่วางแผนกันกำจัดศัตรูที่กำลังจะทำลายธุรกิจของครอบครัว เหตุผลที่กาลไม่รู้เพราะกาลยังเด็กอยู่เลยปล่อยให้คิดว่าตายไปเลยจะดีกว่าศัตรูจะได้ไม่สงสัย แต่ที่ผิดแผนก็คือพ่อกับแม่ดันตายจริงๆ พี่กิลเลยต้องจัดการเรื่องทั้งหมด และคอยเวลาที่สะสางทุกอย่างเสร็จ พี่กับน้องถึงจะได้ทาอยู่ร่วมกันจริงๆ โดยไม่ต้องมีอันตรายใดๆ (อย่างจิ้มตูดเค้าบ่ยอเดี๋ยวตูดเค้าพัง 555+)


:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

-รู้สึกว่าตัวเองจะแต่มาม่าเก่งแฮะ มีแต่คนร้องไห้


เอ้ยยยยย พี่กิลโผล่มาจากไหนละนี่ กาลสู้ๆ ฟื้นเถอะนะ  :m5:

-ติดตามชมตอนหน้าค่ะ ว่ากาลจะฟิ้นไหมมมมม


โอ๊ยยยย ย ย สงสารกาล  :o12: :o12:

มาต่อเร็วๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:

-ต่อแล้วค้าาา เชิญอ่านได้เลยน้าาา ขอบคุณสำหรับอ้อมกอดนะค่ะ  :กอด1:  :กอด1:


:m15: :m15: :m15:

คนเขียนกลับมาก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน



ฮืออออออออออออออ  ไม่เอามาม่าๆๆ

รึว่าวินจะคู่กับพี่กิล  ก็โฮน่ะ  เเต่ตอนนี้เริ่มงงเเล้วใครกดใครอ่ะ

มาต่อไวๆนะค่ะ

-กลายเป็นคนอ่านจับคู่เองซะงั้น แต่พี่กิลก็โอนะ (ถ้าวินไม่ถูกพี่กิลกระโดดถีบขาคู่ก่อน 555+) รู้สึกเหมือนคนอ่านจะจิ้นไปไกลกว่าคนเขียนอีกนะเนี่ย


ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าง่ะ กาลสู้ๆ

-กาลมีกำลังใจขึ้นเป็นกอง แต่คนเขียนไม่มีอารมณ์เขียนอ่า (คนอ่านกระโดดถีบ 555+) แต่ก็จะพยายามแต่งให้เร็วๆ นี้ค่ะ (แต่ไม่รู้จะตอนไหน)


ทำร้ายกันมากเลยคนเขียน

-เค้าเปล่านะตัว มันเป็นไปตามบทบาทของตัวละคร คนเขียนไม่เกี่ยววว (เหรอ!!!!!!!)


สนุกอ่ะ ชอบบบบ
แต่ งงๆนิดหน่อยว่าทำไมวินถึงคิดว่ากาลตายไปแล้วจนคลั่งได้ขนาดนั้น ตอนต้นๆบท??

รอตอนต่อไปนะคะ
+1

-จะว่ายังไงดีล่ะคะ คล้ายๆ กับเด็กที่ฝันร้ายอยู่กับเหตุการณ์เดิมๆ โดยไม่ยอมรับฟังความจริง ปิดกลั้นตัวเองอยู่แต่กับฝันร้ายไม่ยอมตื่น ถึงจะรับรู้ว่ากาลไม่ได้เป็นอะไร แต่มันก็เหมือนกับคนที่ของสำคัญที่สุดในชีวิตหายไปแล้วคิดว่าจะไม่ได้มันกลับคืนมาอีก คอยเฝ้าวนเวียนจมปรักอยู่แต่กับความคิดของตัวเองประมาณนั้น (มั้ง?) แฮะๆ (อยากให้คนอ่านเสียน้ำตา // โดนตบ)


**************

ในที่สุดตอนหน้าก็จะจบแล้วนะคะ

ตอนแรกกะจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นซีรีย์ แต่เพื่อนมันโทรมาด่าว่าหาไม่เจอ พอจะอธิบายว่ามันอยู่ไหนก็ไม่ยอมฟัง เลยต้องปรับมาใช้ชื่อเรื่องเดิมก่อน ถ้ามีต่อค่อยว่ากันทีหลัง (แต่ไอ้เพื่อนมันไม่ได้เป็นสมาชิกเลยลำบากหน่อยกดเป็ดให้เค้ามะได้)

ถ้าหากเสียงตอบรับเรื่องนี้ดีก็ว่าจะแต่งเรื่องของ ธัน&ดล แต่ถ้าไม่ก็ว่าจะจบแค่นี้แหละคะ (เพราะบางคนอาจจะเบื่อคนเขียนที่ชอบทำให้หน่วง 555+)

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ แล้วก็ทุกกำลังใจที่กดบวกให้ คนเขียนซึ้งใจเป็นอย่างมากเลยคะ ขอให้ทุกท่าโชคดีกับการอ่านนะคะ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ บะบาย  o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2014 16:55:32 โดย shishikima »

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3


นึกว่ากาลจะได้แล้วซะอีก
ตอนนี้รู้สึกเห็นใจวินมากเลยค่ะ
วิ่งตามรถพยาบาล หนูกาลก็ไม่ยอมฟื้นขึ้นมา
แล้วจะได้เจอกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ของเถอะ หนูไม่อยากกินมาม่า หนูเบื่อแล้วววววว
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
+1 ให้แล้วน้า

 :L2:

 :กอด1:


คนโง่

  • บุคคลทั่วไป
ไม่นะ! อย่าเพิ่งจบ!

อย่าเอากาลไปน้าาาาาาาาาาา!!!!!! :m15:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ทำไมมันเศร้าถึงเพียงนี้ แอร้ยยยย

ยังโกรธวินอยู่อะ วินแมร่ง มารู้ตอนที่สายไป ตลอดดดดด แม่มมมม คู่นี้อย่าพึ่งจบนะ ไม่ยอมจริงๆด้วย>.<

อยากให้คู่นี้เป็นคู่หลักแบบอยู่ตลอดจนทั้งเรื่องเลยค่ะ คู่อื่นแซมหน่อยพอกรุบกริบ5555555

gngane

  • บุคคลทั่วไป
ไม่น่ะอย่าพึ่งจบเลยน่ะ ฮือออออ

เเต่เค้าคิดเเล้วน่ะ

เอากาลไม่ฟื้นเลยเเล้ว  กิลวิน ก็ฟินดี  ฮ่าๆๆๆ เอากิลเมะด้วยนะ
รึไม่ก็เเฮปปี้ๆ

ขอเเค่สมหวังพอไม่กินมาม่า  ไม่ดีต่อสุขภาพๆๆ

ฮ่าๆๆๆ พลังการจิ้นบรรเจิดหนักเเล
มาต่อไวๆนะค่ะ
 o13 o13 o13

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

shishikima

  • บุคคลทั่วไป

ภาวะฉุกเฉิน!

เนื่องด้วยคนเขียนบ้าหาเพลงแต่งนิยายจึงไปโหลดในเว็บโหลดเพลงืั้หลายแหล่ เมื่อกำลังโหลดเพลงสุดท้ายเครื่องมันดันดับไปดื้อๆ พอเปิดขึ้นมาปรากฏว่าโปรมแกรมที่อยู่ด้านหน้าทั้งหมดเปลี่ยนเป็นลักษณะเดียวกันหมดเลย เมื่อลองเปิดดูก็เปิดไม่ได้ (เป็นกากะบากตัวใหญ่สีแดง) เปิดได้เพียงมายคอม แต่เวิดเปิดไม่ได้โปรมแกรมแอร์การ์ดก็เปิดไม่ได้

นิยายจึงไม่ได้ลง ขออภัยเป็นอย่างสูง (โทรศัพท์พิมพ์ได้เพียงนิดเดียว T^T)

ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ

แล้วพบกันใหม่เมื่อซ้อมคอมแล้ว


ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
รับทราบค่า จะรอนะ

สวัสดีปีใหม่จ้า♥

ออฟไลน์ 403

  • 4 0 3 Forbidden
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-2
รับทราบจ้า ขอให้คอมซ่อมเสร็จไวๆ เราจิได้อ่านนิยายเร็วๆ  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






gngane

  • บุคคลทั่วไป
รับทราบค่ะ

สวัสดีปีใหม่น่ะจ๊า

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ุ้ตอนหน้าจบแล้วหรอเนี่ย หวังว่ามันคงไม่เศร้าไปกว่านี้น๊า วินกว่าจะรู้ใจตัวเองก็ต้องเสียคนรักไปแล้ว คนเขียนสู้ๆน็า ถ้ามีเรื่องต่อก็จะรออ่าน เป็นซีรีส์ก็จะตามไปอ่าทุกตอนเลยเอ๊า สู้ๆ ค้าบ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3


ไม่เป็นไรค่าาา

จะรอวันซ้อมคอมเสร็จ (แต่หวังว่าคงได้อ่านเดือนนี้นะคะ T T เสียดายนิดๆ)

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

สวัสดีปีใหม่ค้าาา (ช้าไปสองวันเอง)


shishikima

  • บุคคลทั่วไป


เพื่อนสนิท : 9


8 เดือนต่อมา...

“ปาปี๊ กลับมาแย้วววววว” เสียงเด็กน้อยตะโกนมาจากในบ้านก่อนที่เจ้าตัวน้อยอ้วนกลมๆ ซึ่งเป็นเจ้าของเสียงร้องจะวิ่งเตาะแตะออกมาจากในบ้านมานอกบ้าน เจ้าตัวอ้วนวิ่งมาเกาะแขนเล็กของผู้มาใหม่ “ปาปี๊ๆ ปาปี๊อุ้มเกี๊ยวหน่อยปาปี๊”

พูดจบเจ้าตัวก็โดดโย่งๆ เกาะแข้งเกาะขา ‘ปาปี๊’

“ทักแต่ปาปี๊แล้วปาป๊าล่ะทำไมเมินกันเฉยเลย มาให้ปาป๊าอุ้มก่อนเลยไอ้แสบ” คนตัวสูงที่ได้ชื่อว่า ‘ปาป๊า’ ก็อ้าแขนรับเจ้าตัวแสบที่โผเข้ามากอดอย่างจัง

“เกี๊ยวคิดถึงปาป๊ากับปาปี๊ที่สุดเลย วันนี้เกี๊ยวสอบวิชาวิทยาศาสตร์ได้ที่หนึ่งด้วย” เจ้าตัวเล็กพูดโอ้อวดก่อนที่จะโชว์กระดาษสีขาวที่เป็นผลงานให้กับผู้ปกครองทั้งสองดู ชายหนุ่มทั้งสองหันหน้ามองกันแล้วหัวเราะอย่างขำๆ “อย่ามาหัวเราะกันนะ! เกี๊ยวสอบได้ทีหนึ่งปาป๊ามีรางวัลอะไรให้เกี๊ยวบ้างอ่า”

เจ้าตัวเล็กชำเลืองตาดูคุณพ่อที่กำลังอุ้มอยู่ก่อนที่จะเอาแก้มยุ้ยๆ ไปถูกไถแนบอกคนเป็นพ่อ

“ฮ่าๆ แล้วคุณลูกชายอยากได้อะไรล่ะครับ” คนเป็นพ่อถามอย่างขำๆ พลางขยี้หัวทุยๆ อย่างมั่นเขี้ยว

“เกี๊ยวอยากจะไปเที่ยวสวนสนุกปาป๊ากับปาปี๊พาเกี๊ยวไปเที่ยวนะ นะๆๆๆ เกี๊ยวอยากไปอ่า นะๆ” เด็กน้อยตัวเล็กเขย่าเสื้อคนเป็นพ่ออ้อนๆ

“ถ้าน้องเกี๊ยวอยากให้พาไปมาให้ปาปี๊อุ้มหน่อยสิครับคนเก่ง” ชายหนุ่มตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ยื่นมือมาเตรียมตัวรับเจ้าตัวน้อยที่ตั้งท่าจะกระโจนใส่และก็เป็นอย่างที่คาดเมื่อเจ้าตัวเล็กอ้วนกลมกระโดดจากอกอีกคนไปหาอีกคนราวกับลูกลิง “อู้! หนักจัง ตัวเล็กไปกินอะไรมาเนี่ย”

“วันนี้คุณครูเลี้ยงหมูกระทะด้วย แต่เกี๊ยวกินไปแค่นิดเดียวเอง เพื่อนๆ แย้งเกี๊ยวกินหมดเลยอ่ะ” ได้ทีเจ้าตัวเล็กก็ฟ้องใหญ่ จนชายหนุ่มทั้งสองได้แต่ส่ายหน้าให้กันอย่างขำๆ

“กินนิดเดียวนี่มันเท่าไหร่กัน” ตนตัวสูงกว่าพูดพลางดึงแก้มยุ้ยๆ เบาๆ จนเจ้าตัวเล็กหันมามองตาขวางๆ

“เกี๊ยวกินไปแค่สามชามเอง” พูดไปก็ยกนิดสามนิ้วให้ดูเป็นหลักฐาน ด้วยความหมั่นไส้คนที่ได้ชื่อว่าปาป๊าก็จี้เอวเล็กๆ อย่างสนุกสนาน เจ้าตัวเล็กที่โดนแกล้งก็บิดตัวไปมาพลางหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

“ฮ่าๆ ปาป๊าๆ เกี๊ยว หยุด ฮ่าๆ” พูดไปหัวเราะไปจนน้ำตาเล็ดจนปาปี๊สงสาร

“พี่กิลพอได้แล้ว เล่นเป็นเด็กไปได้” พูดจบก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นบ้าน เจ้าตัวเล็กพอถูกปาปี๊หนุนหลังก็หันมาแลบลิ้นใส่ปาป๊าอย่างน่าหมั่นไส้


“กาลๆ เดือนหน้ากาลต้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพนะเพราะพี่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดประมาณเดือนสองเดือน ช่วงนั้นคงไม่มีใครอยู่บ้าน” นภัทรหรือกิล และอีกชื่อหนึ่งคือปาป๊า เดินเข้ามาบอกน้องชายหลังจากที่กล่อมเจ้าตัวแสบที่มีชื่อว่าเกี๊ยวเข้านอนได้

“ทำไมล่ะครับพี่ ผมอยู่นี่กับเกี๊ยวสองคนก็ได้ ตอนเกี๊ยวเลิกผมก็ไปรับไม่ยากหรอกครับ” นวัตรตอบ

“พอดีช่วงนี้โรงเรียนเกี๊ยวปิดเทอมแรกเร็วพี่ว่าจะเอาเกี๊ยวไปอยู่ด้วยอยากให้ลูกไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นบ้าง ตั้งแต่เปรี้ยวเสียพี่ก็ไม่ค่อยจะมีเวลาให้เกี๊ยวสักเท่าไหร่ช่วงปิดเทอมนี่พี่ว่าจะหาเวลาเที่ยวเล่นกับลูกสองคนบ้าง เผื่อเจ้าแสบมันจะได้จำได้ว่าปาป๊าหรือปาปี๊กันแน่ที่เป็นพ่อแท้ๆ มัน งานไหนๆ ก็มีแต่ปาปี๊ๆ จนตอนนี้ปาป๊าจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยูแล้ว” คนเป็นพ่อพูดอย่างงอนๆ จนคนเป็นอาอดหัวเราะไม่ได้

“ฮ่าๆ ครับๆ แล้วพี่จะให้ผมไปอยู่ที่ไหนล่ะ ถ้าอยู่ตนเดียวผมว่าท่าจะไม่ไหว” คนเป็นน้องบอก

“พี่จะให้เราไปอยู่กับลุงนะ กาลจำได้หรือเปล่าลุงนะที่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่กาลเคยเข้าเมื่อก่อนน่ะ” นภัทรอธิบายให้ผู้เป็นน้องชายฟัง นวัตรพยักหน้าตอบรับ

“จำได้ๆ ผมก็อยากไปเยี่ยมลุงแกเหมือนกัน แล้วก็กะว่าจะไปเยี่ยมดลกับธันด้วยคิดถึงพวกมันจัง”นวัตรพูดพลางรำลึกความหลังถึงเพื่อนเก่าทั้งสอง...

“กาลพี่บอกเรื่องดลให้กาลฟังหรือยังนะ” นภัทรเอ่ยเสียงเครียด

“เรื่องดล เรื่องอะไรเหรอครับ” นวัตรมองหน้าพี่ชายแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ดลเสียแล้ว เสียเมื่อสองเดือนก่อน” พูดจบนภัทรก็ยิ้มอย่างเศร้าๆ ให้กับน้องชาย

“อะ...อะไรนะครับ ดลเสียแล้ว ดลเสียแล้วอย่างนั้นเหรอ มัน...มันจะเป็นไปได้ยังไง ดลมันออกจะแข็งแรงขนาดนั้น เมื่อแปดเดือนก่อนยังวิ่งเล่นกับผมอยู่เลย มันไม่น่าจะ...จะ...จะตายเร็วขนาดนี้” เสียงพูดเริ่มเจือด้วยเสียงสะอื้นนวัตรทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงนอน ผู้เป็นพี่ชายเดินเข้ามาปลอบประโลม “พี่กิลล้อ...อึก...ล้อผมเล่นใช่ไหม..ฮือๆ”

“พี่พูดจริง พอกาลย้ายมาอยู่กับพี่ได้ประมาณหกเดือน ดลก็ขับรถประสายงากับรถบรรทุกทำให้รถพลิกคว่ำ อาการหนักมากนอนหัลบไม่ฟื้นจนถึงวันที่เก้าดลก็จากไปอย่างสงบ ตอนพี่รู้พี่ก็ช็อกไม่แพ้กันหรอก แต่ก็นะคนเราบทจะไปก็ไปจนคนรอบข้างไม่ทันได้ตั้งตัว” ผู้เป็นพี่ชายพูดพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ นวัตรซบอกคนเป็นพี่ชายแล้วร้องไหเออกมาอย่างเสียใจจนหลับไปในอ้อมกอดพี่ชาย


1 เดือนต่อมา...

“บะบ๊ายปาปี๊ แล้วกันต์จะซื้อหนมมาฝากเยอะๆ เลยน้า” เสียงตะโกนเจี๊ยวจ้าวของเจ้าตัวน้อยที่มีนามว่าเกี๊ยวตะโกนหลังจากที่มาส่งปาปี๊ที่กรุงเทพ

ตอนแรกที่ปาป๊าบอกว่าปาปี๊ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยเจ้าแสบก็ร้องไห้งอแงว่าจะไม่ไปถ้าปาปี๊ไม่ไปด้วยจนคนเป็นพ่อต้องหลอกล้อด้วยวิธีต่างๆ จนมาจบลงที่ทะเลและขนมเยอะแยะมากมายเจ้าแสบถึงยอมปล่อยปาปี๊ให้มาอยู่ที่กรุงเทพตามลำพัง

“สวัสดีครับลุง”

หลังจากที่นภัทรมาส่งผู้เป็นน้องชายที่หน้าคฤหาสน์หลังโตของตระกูลบดินศักดิ์ คุณพ่อหม้ายลูกหนึ่งก็พาลูกชายตัวแสบเดินทางไปทางเหนือทันที นวัตรเดินถือกระเป๋าเข้าไปในตัวคฤหาสน์หลังโต ร่างเล็กที่แต่ก่อนเคยขาวเนียนซีดบัดนนี้เริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นบ้างเล็กน้อย แก้มเป็นพวงสีชมพู ริมฝีปากเป็นกระจับวีชมพู จมูกโด่งนิดๆและที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมก็คือดวงตาสีน้ำตาลที่แสนอ่อนโยนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้สักนิด...แม้เจ้าของดวงตาจะลืมสิ่งสำคัญไปก็ตาม...

นรินทร์รับไหว้แล้วยิ้มอย่างยินดี มือหนาของคนที่มีศักดิ์เป็นลุงเอื้อมมือลูบหัวหลานชายอย่างแสนคิดถึง พลางคิดว่าหากลูบชายของตนยืนอยู่ตรงนี้คงกอดนวัตรเป็นแน่

“ไหว้พระเถอะ ปะเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า เดินทางมาเหนื่อยๆ คงอยากพักผ่อนแล้ว ลุงสั่งแม่บ้านจัดห้องให้แล้วล่ะ” นรินทร์เดินจูงมือนวัตรมาที่ห้องรับแขก ร่างเล็กมองดูบรรยากาศรอบๆ อย่างคุ้นเคยราวกับว่าเคยมาที่แห่งนี้แล้ว...กับใครบางคน หากแต่ว่ายิ่งคิดหัวกลับยิ่งปวดราวกับจะระเบิด

“เป็นอะไรหรือเปล่ากาล” นรินทร์มองหน้าหลานก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าหน้านวัตรเริ่มซีดลงเรื่อยๆ

“ไม่เป็นอะไรครับ” นวัตรตอบก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้ลุง

“ไม่เป็นอะไรได้ยังไง หน้าเราซีดๆ นะ ลุงว่าเราไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวตอนเย็นๆ ลุงจะให้แม่บ้านไปปลุกมาทานข้าว ตกลงตามนี้นะ” นรินทร์เอ่ยอบ่างอ่อนโยนแล้วส่งยิ้มจางๆ ให้กับนวัตร เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนที่นรินทร์จะเดินนำขึ้นไปข้างบน แล้วหยุดลงที่หน้าประตูสีฟ้าใกล้ๆ กับบันได “นี่ห้องนอนที่ลุงจัดไว้ให้นะ เข้าไปดูก่อนแล้วกันนะเผื่อขาดเหลืออะไรก็โทรมาข้างล่างบอกแม่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ก็วางอยู่ใกล้ๆ โทรศัพท์นั่นแหละ เอาล่พ เดี๋ยวลุงต้องไปทำธุระแล้วจะกลับก็ประมาณพรุ่งนี้เช้า ลุงไปก่อนนะ”

ทันทีที่ลุงพูดเสร็จนวัตรก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับเบาๆ เพราะตอนนี้เริ่มจัเพลียสุดๆ อยากจะนอนเต็มแก่แล้ว คุณลุงนรินทร์เดินเข้ามาสวมกอดก่อนที่จะพึมพำเบาๆ ให้พอจะได้ยินว่า ‘กลับมาแล้ว ขอบใจนะที่กลับมา’

“เอาล่ะลุงไปนะ” พูดจบนรินทร์ก็เดินลงไป

นวัตรเปิดประตูสีฟ้าออกอย่างช้าๆ...

จู่ๆ กลิ่ที่คุ้นเคยก็ปะทะเข้ากับจมูก เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผู้ชาย นวัตรมองดูบรรยากาศรอบข้าง ห้องๆ นี้เป็นสีฟ้าโทนขาว ซึ่งเป็นสีที่นวัตรชอบ หากแต่ความรู้สึกบางอย่างมันกลับบอกว่า ห้องนี้มันไม่เหมือนเดิม ห้องนี้แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้ ห้องๆ นี้มันเหมาะกับสีเทาหม่นๆ ต่างหาก

ตึก ตึก ตึก ตึก...

หัวใจเต้นแรงแปลกๆ ขอบตารู้สึกร้อนผ่าว นวัตรทรุดตัวนั่งลงบนที่นอนสีฟ้า มือเล็กเอื้อมมือไปจับตุ๊กตาปิกาจูสีเหลือง ซบหน้าลงบนพุงของตุ๊กตา กลิ่นหอมเย็นๆ ชวนให้ใจเต้นลอยเข้าจมูก ปล่อยให้น้ำตาที่ไม่เข้าใจอะไรๆไหลรินออกมาจบเพลียและหลับไป


“ครับพ่อผมกำลังขับรถกลับบ้านแล้วครับ”

(ดี รีบๆ กลับล่ะ วันนี้พ่อต้องทำธุระ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆ ก็คงจะกลับ ฝากดูแลด้วยล่ะ) นาวินฟังคำพ่อด้วยความฉงน

“อะไรกันครับพ่อ บ้านเราก็มียามทำไมต้องมาฝากกับผมด้วย ผมไม่ใช่ยามนะพ่อ” เด็กหนุ่มพูดติดตลก ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะขำๆ จากปลายสาย

(แกกลับถึงบ้านแล้วแกจะรู้ว่าพ่อมีของสำคัญบางอย่างฝากให้แกอยู่บนห้องแล้ว) นรินทร์พูดติดตลก นาวินฟังแล้วหัวเราะกับคำพูดของคนเป็นพ่อ

“ของอะไรกันครับพ่อ ทำไมไม่รอให้ผมก่อนล่ะจะรีบไปทำไม”

(เหอะน่า แล้วแกจะรู้ แค่นี้แหละพ่อกำลังจะขึ้นรถแล้ว เดี๋ยวพ่อจะโทรหาอีกทีแล้วกันนะ) ปลายสายบอก

“ครับ เดินทางดีๆ นะครับพ่อ ผมรักพ่อนะ” นาวินพูดยิ้มๆ ตั้งแต่เก้าเดือนก่อนนาวินเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก่อนเด็กหนุ่มกับผู้เป็นพ่อจะไม่ค่อยได้คุยกันเพราะผู้เป็นพ่อยุ่ง แต่นับตั้งแต่วันที่นวัตรถูกย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วยังเป็นช่วงที่นาวินทำใจไม่ได้ นรินทร์ก็ฝากงานกับเลขาแล้วมาดูลูกชาย สี่เดือนหลังจากที่นาวินเริ่มทำใจและเปลี่ยนแปลงตัวเองเด็กหนุ่มกับพ่อจึงมีเวลาไปทานข้าวนอกบ้านคุยกันที่บ้านดูหนังฟังเพลงเล่นเกมส์ด้วยกันทำให้สายสัมพันธ์พ่อลูกเริ่มเหนียวแน่นมากขึ้น พ่อลูกจึงสนิทสนมและทุกครั้งที่ผู้เป็นพ่อจะเดินทางไปที่อื่นทั้งคู่มักจะโทรหาและบอกรักกันทุกครั้งเพราะนาวินเริ่มตระหนักได้ว่า หากไม่รีบพูดคำว่ารักในตอนที่ยังอยู่ด้วยกันบางทีห่างกันเพียงแค่เสี้ยววินาทีความตายก็สามารถพรากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เราไปจากเราก็ได้

(พ่อก็รักวินเหมือนกัน พ่อไปนะ) พูดจบปลายสายก็วางไป นาวินมองโทรศัพท์แล้วยิ้มรู้สึกว่าความสุขเริ่มกลับคืนมา หากแต่กลับยังกลับคืนมาไม่หมด เหลืออีกคนที่ต้องมาช่วยเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่านี้และมีเพียงตนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเติมเต็มได้


เมื่อมาถึงคฤหาสน์นาวินก็ขับลูกชายวุดหวงเข้าโรงรถทันที ไม่ยอมให้คนขับรถมายุ่งเลยแม้แต่น้อย เพราะคันนี้เป็นคันเดียวที่นาวินกับนวัตรช่วยกันเลือกตั้งแต่มันยังไม่นำเข้ามาในประเทศและยังเป็นคันที่นวัตรช่วยตกแต่งด้านใน ในรถจึงเต็มไปด้วยสีฟ้าแม้จะเป็นเพียง BMW ธรรมดาๆ ที่มีอยู่ไม่กี่คันบนโลก หากแต่ค่าทางด้านจิตใจต่อให้จะมาขอซื้อกี่ล้านนาวินก็ไม่มีทางขายเพราะคันนี้จะเอาไว้ให้เพียงแค่นวัตรนั่งเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลังจอดรถเรียบร้อยร่างสูงก็เดินขึ้นข้างบนทันทีลืมเรื่องของสำคัญที่พ่อพูดถึงไปทันทีเพราะมัวคิดถึงคนที่อยู่แสนไกล

ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้องและทรุดตัวลงนอนบนเตียงแสนนุ่มทันที เพราะเมื่อวานมัวแต่ยุ่งทำโครงงานกับสุธินทร์กันสองคนจนไม่มีเวลาพักผ่อน หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะมีหน้าที่แค่ไปหาซื้ออุปกรณ์แล้วปล่อยหน้าที่หาข้อมูลให้นวัตรส่วนออกแบบและตกแต่งเป็นหน้าที่ของธีรดล แต่ว่าเมื่อไม่มีคนทั้งสองคนอยู่นาวินกับสุธินทร์จึงต้องมานั่งยุ่งทำกันอยู่สองคน

ธีรดลย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับนาวินและธีรดลตั้งแต่สามเดือนแรกที่นวัตรประสบอุบัติเหตุและสามเดือนต่อมาธีรดลก็มาด่วนจากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ รู้สึกว่าจะมัวคุยโทรศัพท์และมีแมววิ่งตัดหน้ารถทำให้ธีรดลต้องหักเลี้ยวหลบแล้วมีรถบรรทุกขับสวนมาพอดีรถจึงประสานงาเข้ากับรถบรรทุกพอดี รถของธีรดลพลิกคว่ำคนในรถแม้จะไม่เสียชีวิตทันทีแต่ก็อาการสาหัส ธีรดลอยู่ได้ประมาณเก้าวันก็จากไปอย่างสงบ ส่วนสุธินทร์ที่ได้ชื่อว่าสนิทกันที่สุดก็มีท่าทางซึมเล็กน้อยแล้วจู่ๆ หลังจากงานศพธีรดลเสร็จเรียบร้อยสุธินทร์ก็เริ่มทำใจได้ และก็เริ่มพึมพำกับตัวเองว่าอีกสิบปี อีกสิบปี อีกสิบปีเจอกันที่เดิม แล้วหลังจากนั้นสุธินทร์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองกลายเป็นคนพูดเยอะขึ้น หากแต่ก็ยังไม่เคยยิ้ม...ยิ้มอย่างมีความสุข นาวินยังไม่เคยเห็นเลยนับตั้งแต่วันที่ธีรดลจากไป... (รอเรื่องของธันกับดลเรื่องต่อไปใน ‘{*2} นาที’ อย่างคิดว่ามันจะดราม่าหากคุณยังไม่ได้อ่าน)

นาวินนอนได้ไม่ถึงนาทีก็รับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่อยู่บนเตยงนอนของตน จึงต่อยๆ พยุงร่างกานที่อ่อนแรงของตัวเองลุกขึ้นสำรวจเตียงก่อนจะมองเห็นว่ามีคนมานอนบนเตียง นาวินขยับหมายจะไปปลุกคนที่บังอาจมานอนบนเตียงของเขา ร่างสูงลุกขึ้นและเคลื่อนกายมาข้างเตียงเพื่อมองหน้าคนนอน หากแต่เจ้าตัวที่กำลังหลับอยู่กลับเอาหน้าซบลงกับปิกาจูตัวสีเหลืองที่นาวินแสนรักแสนหวงเพราะเป็นของขวัญชิ้นแรกที่นวัตรมอบให้ตอนวันเกิดวัยเด็กทั้งๆ ที่ตอนนั้นยอกว่าไม่ชอบเกลียดแต่สุดท้ายก็เก็บไว้จนถึงตอนนี้ นาวินดึงปิกาจูตัวสีเหลืองออก ทำให้หัวเล็กๆ เลือนตกลงมานอนอยู่บนหมอนพอดี

.........

......

...

.

ภาพตรงหน้าทำให้นาวินทำอะไรไม่ถูก...ใบหน้ารูปไข่ ปากเล็กเป็นกระจับ แก้มสีชมพูอ่อนๆ จมูกโด่งนิดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นาวินเผลอเอื้อมมือหมายจะจับ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะหากเอื้อมมือไปแตะแล้ว...กลัว...กลัว...กลัวว่าภาพตรงหน้าจะหายไปเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่จิตใจสร้างขึ้นเหมือนเมื่อแปดเดือนก่อน นาวินเลือกที่จะชักมือกลับและนั่งมองดูร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข หากแม้จะเป็นเพียงแค่ความฝันนาวินอยากจะหลับออย่างนี้ตลอดไปโดยไม่มีวันตื่น

RRRRRRRRR

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นาวินรีบเอื้อมมือไปคว้ามารับอย่างรวดเร็วเพราะกลัวภาพตรงหน้าเลือนหายไปหากเขากระพริบตาแม้เพียงเสี้ยววินาและทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิมราวกับฝัน

(วินนี่พ่อเองนะ กลับถึงบ้านหรือยังลูก) เสียงนรินทร์ดังมาตามสาย นาวินน้ำตาไหลเขาอยากบอกผู้เป็นพ่อเหลือเกินว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร

“พ่อ...พะ...พ่อ...พ่อผมฝันครับพ่อ...”นาวินบอกคนปลายสายด้วยเสียงตะกุกตะกัก ความตื้นตันใจจากภาพตรงหน้าทำให้ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนลางเพราะหยาดน้ำตาไหลมาบดบัง “พ่อ...ผม...ผม...ผมฝันเห็น...”

(พูดช้าๆ ก็ได้วิน แล้วค่อยๆ บอกพ่อมา ไม่ต้องรีบร้อน พ่อกำลังฟังเราอยู่) เสียงผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างปลอบประโลม นาวินสะอื้นเบาๆ หากแต่ดวงตาสีดำกลับจับจ้องมองเพียงภาพตรงหน้าไม่ละแม้เพียงวินาทีเดียวมืออีกข้างกำแน่นอยู่ข้างลำตัว

“วินฝันครับพ่อ วินฝัน” นาวินเอ่ยก่อนที่จะนิ้มอย่างสดใสให้คนที่กำลังหลับอยู่ มือหนาที่กำแน่นข้างลำตัวเอื้อมจับผ้าปูที่นอน แต่ยังไม่กล้าจะจับต้องคนตรงหน้า

(ฝันดีหรือฝันร้ายเหรอ) ผู้เป็นพ่อถาม แม้จะรู้ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร

“ฝันดีครับพ่อ ดีมากเสียจนผมไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย พ่อครับ...ถ้าหากผมไม่ตื่น พ่อไม่ต้องปลุกผมนะครับ ผมของหลับอย่างนี้ตลอดไป...” นาวินพูดด้วยเสียงเศร้าทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางทีจะเป็นไปได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร รุ่งเช้าเขาก็ต้องตื่นขึ้นจากความฝันนี้อยู่ดี

ปลายสายของผู้เป็นพ่อเงียบไปก่อนที่จะมีเสียงหัวเราะดังแว่วๆ เข้ามาในสาย ก่อนที่มันจะชัดขึ้นเพราะคนที่หัวเราะคือนรินทร์นั่นเอง

(ฮะๆ วิน ฟังพ่อให้ดีๆ นะ) ปลายสายเงียบไปได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ (นั่นไม่ใช่ความฝันลูก นั่นคือความจริง คนที่ลูกเห็นคือกาลจริงๆ ไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ภาพลวงตา ถ้าวินยังไม่เชื่อก็ลองจับดูสิ ว่าเป็นกาลจริงไหม)

“พะ...พ่อ..ผม...ผมกลัว...ผมกลัวว่าถ้าผมเอื้อมมือไปจับ กาลจะหายไป...กาลจะหายไปเหมือนตอนนั้น” ผู้เป็นลูกพูดพลางกลั้นสะอื้น

(วิน! พ่อจำได้ว่าพ่อไม่เคยสอนลูกให้เป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้นะ  พ่อเคยบอกลูกแล้วยังไงว่าหากความจริงมันเป็นยังไง แม้มันจะโหดร้ายขนาดไหน ลูกก็ต้องยอมรับมันและฝ่าฝันปัญหานั่นไปให้ได้อย่ามัวแต่กลัวแล้วหนีจากมันเพราะสุดท้ายคนที่เจ็บปวดที่สุดก็ย่อมเป็นตัวลูก ไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่มีใครช่วยพยุงลูกได้ตลอดเวลาหรอกนะ ลูกต้องหัดลุกขึ้นมาเดินเอง!!) นรินทร์ตะคอกเพื่อเรียกสติผู้เป็นลูกชาย นาวินฟังเสียงพ่อด้วยใจรวดร้าว เพราะเค้าเจ็บปวดมามากแล้ว เจ็บปวดมาตั้งเก้าเดือน ความเจ็บปวดนี้สำหรับเขามันช่างยาวนานนับศตวรรษ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหนึมที่หัวใจ เขาผิดด้วยเหรอที่อยากฝันอย่างนี้ตลอดไป ไม่อยากตื่น ไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงที่เป็นอยู่

ถ้าหากเป็นคนเข้มแข็งแล้วต้องเจ็บปวด...เขาอยากจะยอมเป็นคนขี้ขลาดที่อยู่กับความฝันมากกว่า...

“แต่พ่อ...ผม...” เสียงพูดตะกุกตะกักอย่างไม่มั่นใจ

(จับ!) ผู้เป็นพ่อสั่ง นาวินจึงจำยอมค่อยๆ เอื้อมมือหนาไปสัมผัสใบหน้าหวานอย่างช้าๆ

...ทันทีที่สัมผัส...ความอุ่นซานก็แผ่ไปทั่วมือ ราวกับเขื่อนแตก น้ำตาของชายผู้เข้มแข็งและเต็มไปด้วยทิฐิไหลทะลักออกมา มือหนาลูบคลำไปทั่วใบหน้า ผม ลำคอ แขนและขา เหมือนกับว่าจะจดจำทุกสัมผัสนี้ไว้ให้ตราบนานเท่านาน

“พะ...พ่อ...กาลจับ...ผมจับกาลได้...พ่อ! กาลกลับมาแล้ว... ผะ...ผม...พ่อ...ผมกาล พ่อ...ฮือๆๆๆ” เสียงพูดตะกุกตะกักแล้วสุดท้ายก็ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้ นาวินลูบไปทั่วใบหน้าขาวซีดอย่างช้าๆ อย่างทะนุถนอม กลัวเหลือเกิน ถึงแม้จะเป็นความจริง แต่ก็กลัวจะหายไป

(ใช่ลูก กาลกลับมาแล้ว กาลจะมาอยู่กับเราประมาณหนึ่งเดือน) นรินทร์เอ่ยบอกผู้เป็นลูกชาย รู้สึกเป็นสุขเมื่อเห็นผู้เป็นลูกชายมีความสุข สำหรับคนเป็นพ่อไม่มีอะไรที่จะต้องการมากกว่านี้อีกแล้ว

“หนึ่งเดือน? หมายความว่ายังไงเหรอครับพ่อที่บอกว่ากาลจะมาอยู่กับเราหนึ่งเดือน แล้วพี่กิลไม่ว่าอะไรเหรอครับที่กาลมาอยู่กับผม” นาวินถามอย่างงงๆ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่านภัทรจะยอมให้น้องชายอันเป็นที่รักยอมมาอยู่กับตน เพราะนาวินเคยทำร้ายนวัตรหลายต่อหลายครั้ง

(พ่อพูดกับกิลเขามาแล้ว แล้วกิลบอกว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนหากวินสามารถทำให้กาลกลับมารักวินได้เหมือนเดิม กิลเขาก็จะให้กาลมาอยู่กับวินตลอดไป) ผู้เป็นพ่อพูดอย่างขมขื่นกับข้อตกลงที่นภัทรตั้งไว้

“อะไรกันครับพ่อ พ่อพูดอย่างกับกาลเขาเลิกรักผมแล้วอย่างนั้น...ยะ...อย่าบอกนะครับว่ากาลมีคนรักใหม่แล้ว!! ไม่นะครับพ่อ...พ่อ! ผมอยู่ไม่ได้นะครับถ้าหากว่าผมไม่มีกาล” เด็กหนุ่มตะโกนบอกคนปลายสาย มือหนาที่เอื้อมลูบใบหน้าของคนที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขถึงกับชะงัก

(ไม่ใช่อย่างนั้นวิน ใจเย็นๆ ก่อนลูก มันไม่ใช่อย่างที่ลูกเข้าใจ ฟังพ่อให้ดีๆ) นรินทร์บอกผู้เป็นลูก

“...ครับ” นาวินยอมสงบ ริมฝีปากหนาจูบพิศที่หน้าผากมนเบาๆ อย่างหวงแหน

(กาลไม่ได้มีคนรักใหม่...แต่ว่ากาลความจำเสื่อมบางส่วน...)

“อะไรนะครับ!!” นาวินอุทานอย่างตกใจแล้วมองงดูใบหน้าขาวซีดที่กำลังหลับ “หมาย...หมายความว่ายังไงครับพ่อที่บอกว่ากาลความจำเสื่อมบางส่วน”

(จะว่ายังไงดี อุบัติเหตุนั่นทำให้ความทรงจำของกาลบางส่วนหายไป แต่ส่วนที่ขาดหายไปมันก็ไม่ได้ทำให้กาลใช้ชีวิตของกาลเปลี่ยนไป กาลจำเกือบทุกอย่างได้ จำเพื่อนเกือบทุกคนได้ แต่ความทรงจำที่หายไปมันเป็นความทรงจำของกาลที่กาลได้ทำร่วมกับคนๆ หนึ่ง) ผู้เป็นพ่อหยุดให้ลูกชายได้คิด

“ละ...แล้วคนๆ นั้นที่พ่อพูดถึงมันหมายถึงใครเหรอครับ...” เหมือนกับมีลางร้ายบอก...บอกว่าสัมพันธ์ของเขาและกาลจะเปลี่ยนไป

(...ของวิน...ความทรงจำของกาลที่หายไปมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวิน กิลบอกพ่อว่ากาลจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ จำเพื่อนได้ จำเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ แต่กาลจำวินไม่ได้ ก่อนที่จะโดนรถชนกาลจำได้เพียงว่ากาลวิ่งหนีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวแล้วจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก กิลบอกว่าถ้าหากกาลคิดถึงเรื่องนี้กาลจะปวดหัวอย่างหนักและก็กรีดร้องจนสลบไป)
...


... Part KAN ...

ความอบอุ่นที่แผ่ซานไปทั่วร่างกาย กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้น แต่ผมกลับจำไม่ได้ว่าเคยได้กลิ่นนี้มาจากที่ไหน รู้เพียงแต่ว่า พอได้กลิ่นนี้มันทำให้ผมอบอุ่นแต่ก็เจ็บหน่วงๆ ที่หัวใจอย่างน่าประหลาด

...สัมผัสที่แผ่วเบาและแสนนุ่มกดลงมาที่หน้าผาก พร้อมกับแรงที่กำลังกกกอดผมเบาๆ ผมขมวดคิ้วที่มีสิ่งมารบกวนการนอนหลับของผม

เมื่อรู้สึกคงจะทนหลับตาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ผมจึงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แสงสว่างที่สาดส่องมาจากหน้าตาทำให้ผมต้องหรี่ตาลงก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆ ปรับแสง ...ได้สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งแรกคือดวงตาสีดำสนิทของใครบางคน ผมมองไปที่ดวงตาสีดำที่กำลังจับจ้องผมอยู่

...จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงราวกับพายุคลั้ง ขอบตาร้อนผะผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ เสียงที่กำลังจะเอ่ยด่าหายไปในลำคอเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกอยูที่คอ

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนกระจ่างส่วนมาให้

...คิดถึง... มีเพียงคำนี้ที่กำลังผุดขึ้นมาในสมองเต็มไปหมด...

ร่างที่กำลังจ้องตาผมมองหน้าผมอย่างตกใจ

“กาล กาลเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

...ร้องไห้?

นี่ผมกำลังร้องไหอย่างนั้นเหรอ?

แล้วผมจะร้องทำไม?

ดีใจเหรอ?

เสียใจเหรอ?

มันตีกันไปหมด นี่ผมกำลังเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องร้องไห้ แล้วหัวใจบ้านี่มันจะเต้นแรงไปถึงไหนกลัวคนที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ได้ยินหรือยังไง

หยุด หยุด หยุดเต้นนะไอ้หัวใจบ้า จะเต้นทำไม่ ตื่นเต้นอะไร มันมีอะไรให้น่าตื่นเต้น หยุดเต้นได้แล้ว!
...


“นี่เรากำลังจะไปไหนกันเหรอวิน” เสียงนุ่มๆ เอ่ยพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังจดจ้องเขาอยู่

“เราจะไปเยี่ยมธันกันครับ” นาวินตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้า พอสบเขากับดวงตาสีดำติดหวานนั่นทำให้นวัตรรู้สึกร้อนวูบวาบที่หน้าอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อไปถึงคอนโดที่แสนคุ้น นาวินก็เดินจูงคนตัวเล็กขึ้นลิฟทันที ก่อนที่มือหนาจะกดไปที่ชั้น 9 ลิฟเคลื่อนที่ขึ้นไปอย่างช้าๆ แตกต่างจากคนที่อยู่ในลิฟสองคนที่กำลังใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะโดนคนร่างสูงจับมือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หน้าก็ร้อนวูบวาบไปหมดจนต้องก้มลงเพราะกลัวคนตัวสูงจะเห็น ส่วนอีกคนก็เต้นเพราะดีใจอยากจะจับร่างนุ่มนิ่มนี้มาฟัดให้หายคิดถึงและหายทรมาน

ติ๊ง!

เสียงลิฟดังเป็นสัญญาณให้คนที่อยู่ด้านในทั้งสองต้องเดินออกมา ร่างสองร่างเดินเคียงคู่กันหยุดอยู่ที่หน้าห้อง 903

ก๊อกๆๆๆ

นาวินเคาะประตูอย่างเป็นจังหวะพานให้นวัตรสงสัยทั้งที่กริ่งหน้าประตูก็มีแต่นาวินดันไม่กด

ไม่นานร่างสูงเจ้าของดวงตาสีโกโก้ก็เดินมาเปิดประตูด้วยความงัวเงีย ตาปรือๆ ราวกับคนที่ยังไม่ตื่นดี

“มีอะไร” เสียงทุ้มติดเย็นชาเอ่ยแล้วมองหน้านาวินอย่างหงุดหงิดก่อนที่ดวงตาสีโกโก้จะเลื่อนลงมาดูร่างเล็กที่ยื่นอยู่ข้างๆ นาวิน

จู่ๆ เสียงก็เงียบไป ราวกับป่าช้า

“เข้ามา!” เสียงทุ้มติดเย็นชาของสุธินทร์ตะคอกก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องนอน นาวินกลั้นหัวเราะก่อนที่จะจูงร่างเล็กที่กำลังงงเข้ามาภายในห้อง แล้วปิดประตูหน้าห้องลงแถมยังไม่ลืมล็อคประตูให้กับเจ้าของห้องที่โลกส่วนตัวสูงอีกด้วย

รอไม่นานร่างสูงผิวสีแทนดวงตาสีโกโก้ก็เดินออกมาจากห้องนอนโดยที่มีที่ใส่อัฐิติดมาด้วย สุธินทร์ถือที่ใส่อัฐิมาวางไว้ที่โต๊ะอย่างเบามือ ที่ใส่อัฐิสีทองลวดลายสลักงดงาม หากแต่ทำให้ผู้ที่ได้เห็นรู้สึกหดหู่

“สวัสดีกาล สบายดีไหม” สุธินทร์เอ่ยถามทำลายความเงียบ ประโยคนี้ทำให้นาวินกับนวัตรถึงกับชะงักเพราะสุธินทร์ไม่เคยพูดประโยคยาวๆ อย่างนี้มาก่อน

“อืม สบายดี แล้วธันล่ะ สบายดีไหม”

“ช่วงแรกๆ ที่ดลประสบอุบัติเหตุก็ซึมๆ อยู่ แต่ก็ทำใจได้แล้วแหละ” สุธินทร์เอ่ยบอกด้วยประโยคยาวๆ จนนาวินอ้าปากค้างอย่างลืมตัว

“อย่างนั้นเหรอ กาลขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้มางานศพดล พอดีตอนนั้นกำลังยุ่งๆ เลยไม่ได้มา” กาลเอ่ยขอโทษ

“ไม่เป็นไร...”
...


ต่อด้านล่างค้า
V
V
V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2013 16:54:57 โดย shishikima »

shishikima

  • บุคคลทั่วไป
V
V
V
V



... Part WIN ...


ผมเดินจับมือกาลจนมาถึงสวนสาธารณะแห่งความทรงจำของผมและกาล ที่นี่เป็นที่แรกที่ผมเจอกาล เด็กผู้ชายตัวขาวซีดๆ ที่มาเดินเล่นในสวนสาธารณะแล้วดันตาดีมาเจอผมที่กำลังอารมณ์เสียเพราะต้องงานเลี้ยงกับพ่อ

ใช่แล้ว...คุณคิดไม่ผิดหรอก ผมคือเด็กผู้ชายที่ทำให้กาลพลัดตกจากต้นไม้นั่น ยังโชคดีที่ตอนนั้นพี่กิลกำลังตามหากาลอยู่จึงพากาลไปส่งที่โรงพยาบาลทัน ไม่อย่างนั้นความผิดนี้ก็คงติดตัวผมตลอดไป

‘ไม่เป็นไร... ความจริงดลอยากเจอกาลก่อนที่จะตายมากนะ แต่จะทำยังไงได้ ตอนนั้นเราทั้งคู่ไม่รู้ว่ากาลอยู่ที่ไหนเป็นยังไงบ้าง แต่เราทั้งคู่ก็วางใจที่พี่กิลรับกาลกลับไปดูแลเพราะเราเชื่อว่าพี่กิลต้องดูแลกาลอย่างดีแน่ๆ และจนวินาทีสุดท้าย ถึงจะไม่รู้ว่ากาลเป็นยังไง แต่ผมรู้ว่าก่อนตายดลมีความสุข สุขที่ไม่ต้องมานั่งทุกข์เรื่องของคนนั้นทีคนนี้ที...รวมทั้งเรื่องของตัวเอง ในช่วงสุดท้ายดลยิ้มอย่างเป็นสุขก่อนตายดวงตาสีฟ้านั่นสว่างสดใสราวกับกำลังเจอกับสิ่งดีๆ ดลหัวเราะพร้อมกับบอกผมว่าแล้วค่อยพบกันใหม่...อีกสิบปี...’

ผมไม่เข้าในที่ธันมันพูด ที่ว่าดลหัวเราะแล้วก็บอกว่าค่อยพบกันใหม่...อีกสิบปี

เพราะว่าผมก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น...ตอนที่หมอพยายามช่วยปั๊มหัวในดล ตอนนั้นผมเห็นเพียงแค่ดลมันยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงพูดคุย มีพียงการจากไปอย่างสงบและเสียงร่ำร้องของญาติและเพื่อนรวมถึงผม

ตอนนั้นธันมันอยู่ในห้องนอนมันไม่ได้มาโรงพยาบาลเพราะครอบครัวของดลไม่ยอมให้ธันมาเยี่ยม

...ทำไมน่ะเหรอ...ก็เพราะครอบครัวของดลมันรู้น่ะสิว่าทั้งสองเป็นอะไรกันจึงพยายามกีดกันทั้งคู่ให้ออกห่างจากกันแม้กระทั่งวันที่ดลตาย พ่อของดลจึงลดทิฐิยอมให้ธันมางานศพดล ในตอนนั้นผมเห็นดลมันไม่ได้ร้องไห้หรือเสียใจ ผมเห็นมันยิ้มที่ริมฝีปาก พอผมถามมันก็ตอบเพียงว่า

‘อีกสิบปี...มาเริ่มกันใหม่’

แล้วทุกวันนี้มันก็เป็นเหมือนเดิม มีเพียงวันนี้ที่มันโคตรพูดมากกว่าปกติเสียจนผมอึ้งและอ้าปากค้าง

ตัดมาที่เรื่องราวของผมบ้างดีกว่า ตอนนี้ผมดึงคนตัวเล็กมานั่นข้างๆ ใต้ร่มไม่แห่งความทรงจำนี้ ทุกคนคงจะสงสัยล่ะสิว่าทำไมผมถึงไม่เสียใจเรื่องที่มีเพียงผมคนเดียวที่กาลจำไม่ได้

ผมไม่เสียใจหรอก...

ผมเอื้อมมือไปประคองใบหน้าคนร่างเล็กให้หันมา

...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ผมเผฝ้าฝันและคิดถึงทุกคืนมาอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว

จากนี้ผมจะไม่ยอมปล่อยอีกต่อไป...เวลาหนึ่งเดือนแม้กาลจะจำผมไม่ได้ แต่ว่าผมก็จะทำให้กาลรักผมให้ได้

“กาลครับ”

“ครับ?”

“จากวันนี้จนกว่าจะถึงเดือนหน้า...ผมจะจีบกาลนะครับ”

“หา!” ร่างเล็กมองดูผมก่อนที่หน้าซีดๆ จะเริ่มแดงลามถึงหูและลงมาที่ลำคอ

บอกได้คำเดียวว่า...

...น่ารักโคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร




... THE END ...



 :catrun:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2014 16:50:08 โดย shishikima »

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
-w- เยี่ยมม

ออฟไลน์ 403

  • 4 0 3 Forbidden
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-2
ในที่สุดก็จบแฮปปี้  :z2:  :a2:

แต่เรื่องดลกับธันนี่สิ  :m15:

ขอบคุณคนแต่งจ้า  :กอด1:

ordinary

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านเรื่องธันกับดลแล้ว  o13
กาลน่ารักอ่ะ 555

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 o13 o13  อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ.  สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามเรื่องดลกับธันค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน :L2:

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ตอนแรกน้ำตาซึมไปแล้ว ตอนกาลโดนรถชน ขอบคุณที่เป็น Happy Ending นะคะ :)

ติดตามเรื่องของธัน กับดลต่อไป  :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด