[เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] {*1} เพื่อนสนิท (กาล-วิน)  (อ่าน 76725 ครั้ง)

shishikima

  • บุคคลทั่วไป


เพื่อนสนิท : 6 (จบตอน)


         น้ำตาแห่งความอ่อนแอไหลมาให้หมด ไหลออกมาให้หมด...แล้วนับจากพรุ่งนี้ก็จงเข้มแข็ง

         วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะร้องไห้ให้กับเรื่องพันนี้ ให้กับคนอย่างนั้น แล้วพรุ่งนี้ที่ตื่นขึ้นมาจะลืมให้จนหมดว่าเคยรู้จักกับคนอย่างนั้น

         จะลืมให้หมด จะไม่จำ จะลืมให้มันหมดไปจากสมอง ลบให้หมด คนอย่างนั้นไม่มีค่าพอจะให้เราจดจำหรอก คนโง่ๆ อย่างนั้น อย่าไปจำให้มันรกสมอง

         นวัตรทรุดลงร้องไห้อยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่เคยเจอกับเด็กผู้ชายปริศนาคนนั้น ร่างเล็กนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เคยทำให้เจ็บตัว ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว

         ‘...พ่อครับ แม่ครับ พี่ครับ ทำไมไม่เอากาลไปด้วย ทำไมต้องปล่อยกาลไว้คนเดียวอย่างนี้ด้วย ทำไมทุกคนต้องทิ้งกาลไปกันหมด กาลไม่เหลือใครแล้วตอนนี้ พ่อ แม่ พี่ เอากาลไปด้วย อย่าทิ้งกาลไว้อย่างนี้ กาลไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว มารับกาลที มารับกาลไปอยู่ด้วยที กาลคิดถึงทุกคน’

         นวัตรก้มหน้านิ่งน้ำตาไหลพราก อย่างสุดจะอั้น รู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วหัวใจ อ้างว้าง โดดเดี่ยว ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกเจ้านายทิ้ง นวัตรไม่เคยคาดคิดเลยว่าความสัมพันธ์ของเขากับนาวินจะจบลงเพียงแค่นี้ ไม่เคยนึกว่าจะเร็วขนาดนี้ เร็วเสียจนทำใจไม่ทัน น่าใจหายทั้งๆ ที่พยายามทนมาตั้งแต่ตั้งกลับมาจบลงเพียงแค่นี้

         ร่างเล็กร้องไห้อย่างไม่ลืมหูลืมตาจนลืมสังเกตใครบางคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ใครบางคนที่หอบฮักอยู่ข้างหน้าและทรุดลงมองคนที่กำลังร้องไห้

         “กาล...” เสียงทุ้มคุ้นเคยส่งผลให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่จะขยับหนีไปข้างหลัง “กาล...วินขอโทษ”

         นาวินวิ่งตามนวัตรมาตั้งแต่ออกจากร้านโดยทิ้งวนิดาไว้ที่ร้าน แต่ก็คลาดกันกับร่างเล็ก ตอนแรกก็ไปหาที่โรงเรียนหากแต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มาหานวัตรที่นี่

         “อย่ามายุ่งกับกู!” นวัตรขยับหนีคนตรงหน้า ไม่นึกไม่ฝันเลยว่านาวินจะตามมา ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังด่าเขาว่าสารเลว แต่ตอนนี้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าแล้วขอโทษ หากเป็นอย่างเมื่อก่อนเขาคงจะยิ้มที่นาวินมาง้อ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนอย่างเมื่อก่อนนั้นได้อีกแล้ว เพราะทุกๆ อย่างมันจบกับประโยคนั้นของนาวินแล้ว มันจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อจากวินาทีนี้เป็นต้องไปนวัตรจะเริ่มตัดใจจากนาวินแล้ว

         “กาล...”

         “กูไม่เคยรู้จักกับตนโง่ๆ อย่างมึง!” นวัตรตะคอกก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหนีไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีมือหนากระชากตัวปลิวไปซบที่อกแกร่ง “สัตว์! ปล่อยกูนะไอ้ควาย ไอ้น่าโง่!!”

         “คำก็โง่ สองคำก็ควาย กูอุตส่ามาขอโทษ มึงยังจะเอาอะไรอีก” ร่างสูงเริ่มหัวเสียเมื่อคำขอโทษไม่เป็นผล

         “กูก็ไม่ได้ต้องการให้มึงมาขอโทษ เก็บคำขอโทษมึงไว้ใช้กับเมียมึงเถอะ เหมาะกันดีผีเน่ากับโลงผุ” นวัตรเริ่มหัวเสียบ้าง

         “มึงอย่ามาก้าวร้าวกับแหวน มึงมีอะไรก็พูดกับกูมาตรงๆ คนอื่นไม่เกี่ยวอย่าเอาเขามายุ่งด้วย” นาวินเริ่มโมโหเมื่อนวัตรยกวนิดามาพูด ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเรื่องของวนิดาไปเสียสนิท หากจะกลับไปหาตอนนี้คงไม่ทันแล้วอีกอย่างก็ต้องมาปรับความเข้าใจกับนวัตรก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปขอโทษเอาแล้วก็ได้

         “จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็ผู้หญิงคนนั้นมารยาร้อยเล่าเกรียนจะตาย เหอะ! โดนหลอกเป็นควายยังจะปกป้องกันอยู่ได้” นวัตรเริ่มพูดอย่างโกรธ จนลืมไปว่าทุกคำที่พูดออกไปมันแรงและทำให้คนฟังโกรธจนตอนนี้ห้ามอารมณ์ไม่อยู่แล้ว

         “หึ ควายอย่างนั้นเหรอ ดี! นับจากวันนี้มึงกับกู ไม่ต้องมารู้จัก ไม่ต้องมาคุย ไม่ต้องมาเผาผีกันอีก ความเป็นเพื่อนของเราจบลงเพียงเท่านี้ ให้ต้นไม้ต้นนี้เป็นพยาน มึงกับกูเราขาดกัน!!” นาวินกระแทกเสียงอย่างแรง ก่อนจะหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คนปากแข็งที่เอาตัวเองเป็นหลังถึงกลับหน้าซีด เมื่อรู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกไปด้วยแรงอารมณ์

         นวัตรเงยหน้ามองร่างสูงที่คุ้นเคยด้วยแววตาตัดพ้อง น้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มยิ่งไหลออกมายิ่งกว่าเดิม ชวนให้คนมองใจอ่อน แต่เพียงเพราะทิฐิและศักดิ์ศรีที่อยู่ค้ำคอทำให้ร่างสูงต้องรีบเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน

         “เออ!” นวัตรกระแทกเสียงตอบกลับบ้าง ก่อนที่จะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ จนตาสีหวานเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย หากเป็นแต่ก่อนนาวินคงจะตรงมาหยุดมือเล็กนี้ไว้ แต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่แล้วเพราะตอนนี้พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าของกันและกัน

         ...มันจบแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่วมสร้างร่วมฝ่าฟันกันมา มันถึงเวลาที่ต้องจบลงเสียที นับจากนี้คงไม่มี วินและกาลอีกต่อไป...


 :catrun:



เฮ่อ!  :เฮ้อ:

น้ำเน่าเนอะคู่นี้

รู้สึกว่าตอนนี้วินเราโง่ได้ใจ ส่วนกาลเรานี่ร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือดแล้ว

แล้วสุดท้ายความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะจบยังไง

มาร่วมลุ้นกันนคะ
  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2013 13:48:44 โดย shishikima »

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
พระเอกแม่งโง่ได้โล่ แล้วอย่ายุ่งกะกาลนะ หมั่นไส้!! :z6: :beat:

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เรื่องมันเศร้านะ

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้ำตาคลอเบา มันเป็นยังไง ตอนนี้ได้รู้แล้ว

ไม่เอานะ ทำไมทำกับนวัตรแบบนี้ ไอ้พระเอกหน้าโง่วววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!


+1อย่างแรงๆๆ

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3


เรืองนี้เคยเอามาลงแล้ว
แต่จู่มันก็โดนลบหายไปเลยไม่ได้เอามาลงต่ออีก
ไม่นึกว่าจะมีคนเอามาลงต่อ (ทีนี้เป็นคนเขียนตัวจริง อันที่แล้วลืมเขียนชื่อผู้แต่งแต่ขออนุญาตแล้ว)
หวังว่างานนี้คงจบ แค่ 9 ตอน
สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค้าาาาา

วินก็ยังโง่ไม่เปลี่ยน ส่วนกาลก็ตัดใจเหอะ (ขอแค่อย่าจบเศร้าก็พอ เอาพี่คีย์ก็ได้ง่ายดี)

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
โถ่ ดราม่าชอบๆ ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
ฟายเอ๊ยยย ยูมันโง่ววววววววววววววววววววววววววววว :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ gcc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ gcc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

shishikima

  • บุคคลทั่วไป



แล้วจะเป็นยังไงต่อไปกันเนี่ย

ทำไมวินถึงได้โง่ขนาดนี้เนี่ย ><

-ถ้าไม่โง่ก็ไม่ใช่พระเอกละครหลังข่าวของไทยสิคะ  :o8:


วินมาเจอ โทษ นายเอกแน่รุย =3=

-อุ้ย! รู้ได้ยังไงยังไม่เคยบอกใครเลยนะคะเนี่ย (เรื่องแค่นี้จะไม่รู้ได้ยังไง พระเอกละครน้ำเน่า)  :angry2:


o13 o13
สะจายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!
โคตรสะใจอะ สมน้ำหน้า
ดีมากกาลแม่งไม่ต้องสนใจผู้ชายหน้าโง่
ที่แม่งมัวแต่หลงชะนี จนลืมเพื่อน
คนที่แม่งคบกันมาตั้งแต่เด็ก น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าอีกคนเป็นไง
ยังจะมาเชื่อกับลมปากชะนี เฮ้อ เพลีย

ตัดให้ขาดเลยกาล ตัดให้ขาดเลยฉับๆๆๆๆ
รออ่านต่อจ้าาา รออีก 50 หลัง
เป็นกำลังใจให้เช่นเคยจ้า กอดด :กอด1:

ปล.รู้สึกคำว่าแม่ง มันเยอะจัง 55555


-กำลังจะตัดจนขาดแล้วค่ะ คอยติดตามไปเรื่อยๆ เลยค้า  :laugh3:
-ปล. กำลังหาทางพยายามลบคำอยู่ค่ะ


น้ำตาคลอเลยอะ เพื่อนคบกันมานานกว่าชะนีนั่น แต่ต้องมาตกม้าตายกับอีชะนีนางนั่นอีก
เจ็บจายยยยยยยยย

-ละครหลังข่าวพระเอกต้องโง่หน่อยค่ะ ไม่งั้นจะมีตัวร้ายไว้ทำมาย 555+  :oo1:


สมน้ำหน้า วิน   กาลเข็มแข็งไว้ลูก

-กาลกำลังจะเข้มแข็งแล้ว ให้กำลังใจหนูกาลด้วยนะคะ  :oni2:


เยส!!! o13 o13 o13 o13 มันต้องโดนซะบ้าง สะจายยยยยย o13 o13 o13

-มันจะสะใจกว่านี้อีกค่ะ ยิ่งช่วงสุดท้ายยิ่งสะใจเลย :haun5:


ชอบมากคะ มาให้กำลังใจ

-ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ มีกำลังใจเขียนอีกตอนแล้ววว  :interest:


ใช่เลยยยย =w= อยากอ่านต่อ

-จะพยายามแต่งต่อให้จบก่อนปีใหม่นะคะ (เพราะช่วงนี้กำลังยุ่งได้ที่)  :try2:


พึ่งมาอ่าน
สนุกดีนะตัวเอง
ตอนปัจจุบัน ทำเราน้ำตาไหล
เเต่ก็สะใจพอสมควร
มาต่อไวๆนะ :myeye: :myeye:

-ขอบคุณค่ะ พยายามเขียนต่ออยู่คะ วันนี้ก็ว่าจะเอาตอนสำคัญมาลงเลยค่ะ จุดพลิกผันเลยคอยติดตามแล้วกันนะคะ  :teach:


พระเอกแม่งโง่ได้โล่ แล้วอย่ายุ่งกะกาลนะ หมั่นไส้!! :z6: :beat:

-อย่าพึ่งตบพระเอกเราจนช้ำนะคะ เดี๋ยวเรื่องไม่เดินต่อ รอจบก่อนแล้วค่อยดักตบทีหลังคะ o3


เรื่องมันเศร้านะ

-ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิท ความเศร้าต้องมาก่อนอยู่แล้วคะ  o22


อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

น้ำตาคลอเบา มันเป็นยังไง ตอนนี้ได้รู้แล้ว

ไม่เอานะ ทำไมทำกับนวัตรแบบนี้ ไอ้พระเอกหน้าโง่วววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!


+1อย่างแรงๆๆ

-พระเอกละครน้ำเน่าค่ะ โง่ๆ อย่างนี้ ขอบคุณสำหรับ 1 บวกนะคะ o15



เรืองนี้เคยเอามาลงแล้ว
แต่จู่มันก็โดนลบหายไปเลยไม่ได้เอามาลงต่ออีก
ไม่นึกว่าจะมีคนเอามาลงต่อ (ทีนี้เป็นคนเขียนตัวจริง อันที่แล้วลืมเขียนชื่อผู้แต่งแต่ขออนุญาตแล้ว)
หวังว่างานนี้คงจบ แค่ 9 ตอน
สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค้าาาาา

วินก็ยังโง่ไม่เปลี่ยน ส่วนกาลก็ตัดใจเหอะ (ขอแค่อย่าจบเศร้าก็พอ เอาพี่คีย์ก็ได้ง่ายดี)

-ใช่แล้วค่ะ 9 ตอนจบแน่ๆ ค่ะ นี่ก็ใกล้จะจบแล้วนะคะ  o13


โถ่ ดราม่าชอบๆ ติดตามค่ะ

-ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :mc4:


ฟายเอ๊ยยย ยูมันโง่ววววววววววววววววววววววววววววว :z6: :z6: :z6: :z6:

-ชักมีหลายคนเริ่มไม่พอใจวินแล้วสิ อย่าพึ่งรุม (กระทืบ) คะ เดี๋ยวจบก่อนจะให้รุม (กระทืบ) เต็มที่เลย  :amen:


:sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

-อย่าพึ่งร้องค่ะ อย่าพึ่งร้อง เก็บน้ำตาไว้ก่อนนะคะ  o7


:t3: :t3: :t3: :t3:

-อย่าพึ่งเบื่อคะ อย่าพึ่งเบื่อ วันนี้กำลังจะลงแล้วววว  :dont2:


**************


 :กอด1:


ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจนะคะ

ตอนนี้กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่ค่ะ

อย่าพึ่งเบื่อกันนะคะ

ใกล้จะจบแล้วคะ คิดว่าจะจบก่อนปีใหม่

ช่วงนี้กำลังยุ่งๆ เลยยังไม่มีเวลาปั่น

ขอบคุณที่เม้นให้กำลังใจอีกครั้งคะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
:sad4:
เข้ามาอ่านปุ๊บก็ป๊ะกับดราม่าเลยยยย  :z3:
ค้างอ่ะค่ะ ยังไงอย่าลืมมาต่อนะคะ TT

shishikima

  • บุคคลทั่วไป


เพื่อนสนิท : 7


         หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสองวันแล้วที่นวัตรไม่ได้พบหน้ากับนาวิน

         ไม่ใช่เพราะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมาโรงเรียน แต่เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างหลบหน้าซึ่งกันและกัน สำหรับนวัตรมันเป็นเพราะความน้อยใจและเสียใจที่นาวินไม่ยอมเชื่อใจ นาวินเลือกที่จะเชื่อคนอื่นและมองว่าเขาเป็นคนใจร้ายขนาดนั้นนวัตรก็ไม่มีอะไรจะพูดเพราะยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งแก้ตัว ยิ่งพูดเรื่องมันก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ไม่จบไม่สิ้นสักที เพราะนวัตรรู้ว่าคนอย่างนาวินคิดอะไรแล้วไม่ยอมคืนคำพูดง่ายๆ

         “อะ! ข้าว” ธีรดลวางจานข้างลงตรงหน้า นวัตรเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่งยิ้มจางๆ แต่ไม่สดใสมากนักกลับมาให้ “มึงอย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหมกาล กูเห็นแล้วปวดอึว่ะ”

         นวัตรทำหน้านิ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าว แล้วเงยหน้ามองความผิดปกติของธีรดล ก่อนจะเอ่ยถาม

         “ธันไปไหนอ่ะ กูไม่เห็นมันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

         “ไม่รู้ ตายแล้วมั้ง” ธีรดลบอกเสียงกวนๆ แต่กว่าจะรู้ตัวก็หน้าแดงแล้วหันมาโวยวายใส่นวัตรทันที “อะไรกัน มึงมาถามเรื่องมันกับกูทำไม กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย!”

         “กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ อย่าทำมาเป็นร้อนตัว”นวัตรเอ่ยเสียงล้อเลียนเมื่อเห็นท่าทางโวยวายของธีรดล

         การอยู่กับเพื่อนทำให้นวัตรพอที่จะหยุดคิดเรื่องเมื่อวันนั้นไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เด็กหนุ่มมักจะฝันร้ายถึงตอนเด็กๆ ที่ตกต้นไม้และฝันนั้นก็จะทำให้เขาสะดุ้งตื่นตั้งแต่สองวันมานี้ เรื่องสองเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรที่เชื่อมโยงเรื่องทั้งสองเรื่องนี้

         “พูดมาก! กินๆ ไปเลยมึง” พูดจบก็ยกช้อนส้อมขึ้นชี้หน้านวัตรอย่างเสียมารยาท




         “ทำไมไม่พูดกัน”

         “ใคร?”

         “มึงกับกาล” เสียงสุธินทร์เอ่ยถามนาวิน หลังจากที่วนิดาลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

         “ก็จะให้คุยอะไร มันเป็นคนทำผิด มันบังคับแล้วก็ยังข่มขู่แหวนให้เลิกกับกู คนอย่างนั้นกูจะไม่มีทางเสียเวลาคุยด้วย” นาวินร่ายยาวอย่างหัวเสีย เพราะทิฐิที่มีอยู่เต็มอกทำให้นาวินไม่ยอมพูดและพบปะกับนวัตร ที่นั่งที่เคยนั่งติดกันก็เปลี่ยนไปอยู่กันคนละมุมห้อง หน้าก็ไม่มอง งานกลุ่มที่เคยทำด้วยกันสองคนก็ขอแยกกลุ่มออกมาทั้งๆ ที่จริงครูไม่อนุญาตให้แยก แต่มันจะทำไมเป็นถึงลูกชายผู้อำนวยการโรงเรียนมันก็ต้องมีสิทธิมากกว่าคนอื่น ลองใครมีปัญหาสิ ได้เด้งออกจากโรงเรียนแน่ๆ ครูก็ครูเถอะ ไม่เกรงใจหรอก

         “ฟังความข้างเดียว” สุธินทร์เอ่ยเสียงเข้ม นาวินหันหน้าไปมอง ก่อนจะทุบโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

         ตุบ!!!

         “กูไม่ผิด แล้วกูก็ไม่ได้ฟังความข้างเดียวด้วย! มึงไม่ลองมาเป็นกูดูล่ะ แล้วมึงจะรู้!” พูดจบนาวินก็เดินออกไปท่วมกลางฝูงชน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีอีกสองคนที่ดวงตาสีเดียวกันแต่คนละความรู้สึกจับจ้องอยู่

         คนหนึ่งดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความพอใจ

         ส่วนอีกคนดวงตาทอประกายแสงที่แสนเศร้า กรอบตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำเล็กๆ ที่พยายามกลั้นไม่ให้ไหลออกมา...


         “กาลๆ พี่คีย์เรียก” เสียงร้องตะโกนจากของจอมทัพทำให้นวัตรที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้น มองเห็นศักดิ์สิทธิ์โบกมือทักทายอยู่หน้าประตูห้อง

         ร่างเล็กขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าห้องอย่างมึนๆ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อน มัวแต่ฝันร้ายจึงไม่ได้นอน

         “มีอะไรเหรอครับพี่คีย์” นวัตรเอ่ยถามรุ่นพี่ที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

         “คือว่า...พี่มีเรื่องจะขอร้องกาลหน่อยได้หรือเปล่า” ศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างไม่เต็มเสียงนัก

         “เรื่องอะไรเหรอครับ ถ้าผมพอจะทำให้ได้ ผมก็จะทำให้ครับ” นวัตรเอ่ยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ แม้จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่จากท่าทางของศักดิ์สิทธิ์แล้วน่าจะเป็นเรื่องใหญ่พอดู

         “พี่อยากให้กาลร้องเพลงที่งานเค้าท์ดาวน์ปีใหม่ให้พวกพี่หน่อยได้ไหม” พูดจบก็ส่งสายตาขอร้องอ้อนวอน

         นวัตรถึงกับทำหน้าไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาร้องเพลงไม่ไพเราะนะ แต่เพราะว่าทำไมรุ่นพี่ถึงได้มีคนรู้ว่าเขาร้องเพลงได้ดี เรื่องนี้แทบจะไม่มีใครรู้เลยนะ นอกจากผอ.โรงเรียนกับเขาคนนั้น...

         “เอ่อ...มันจะดีเหรอครับ ผมร้องไม่ดีหรอก เดี๋ยวทำให้ขายหน้าเปล่าๆ นะครับ” นวัตรบอกอย่างอายๆ

         “ไม่เป็นไร ผอ. สั่งตรงมาเลยนะว่าคนร้องจบคือกาลเท่านั้น ได้ไหมครับพี่ขอร้องนะครับ มันไม่มีใครร้องเพลงจบงานจริงๆ นะครับ ช่วยพวกพี่หน่อยนะกาล” รุ่นพี่ตัวโตทำเสียงอ้อนสุดๆ จนนวัตรต้องจำใจพยักหน้า ปฏิเสธไปยังไงผู้อำนวยการโรงเรียนก็ต้องมาขอร้องต่ออยู่ดี

         “ก็ได้ครับ แล้วพี่จะให้ผมร้องเพลงอะไรเหรอครับ” นวัตรเอ่ยถามเพราะต้องดูแนวเพลงเสียก่อน เผื่อว่าเพลงมันจะไม่เข้ากับเสียงของตัวเองจะขายหน้าคนทั้งโรงเรียนเสียเปล่า

         “เพลงอะไรก็ได้ครับ งานนี้พวกพี่ให้กาลเลือกเพลงเองเลย มันก็เหมือนกับการแสดงคอนเสริ์ต แล้วแต่คนร้องเลยงานนี้ จะเป็นเพลงสนุกๆ หรือเป็นเพลงเศร้าๆ เลยก็ได้ จัดมาให้เต็มที่เลย แค่เพลงเดียวเองครับ” ได้ยินอย่างนั้นนวัตรจึงพยักหน้าแล้วเพลงเศร้าๆ เพลงหนึ่งก็แว้บเข้ามาในหัวสมอง...

         เพลงที่แสนเศร้าและบอกความรู้สึกทุกคำพูดของเขาในตอนนี้...หวังว่าคนๆ นั้นจะรับรู้...แค่เพียงสักนิดก็ยังดี




         ตุ้บ!!

         “ขอโทษครับ/ขอโทษนะครับ” เสียงสองเสียงประสานกันขอโทษ ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็มองหน้าคนที่คนชน

         นาวิน...มองคนตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าทั้งๆ ที่ก็ดีใจที่เป็นครั้งแรกรอบสองวันที่ได้มองหน้านวัตรอย่างเต็มตาและได้พูดกัน แม้จะเป็นเพียงการเอ่ยขอโทษกันก็ตามที แต่ว่าตอนนี้หน้านวัตรดูโทรมๆ ราวกับคนไม่ได้นอน ใต้ตาคล้ำสีแลดูไม่จืด ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยสวยสดใสตอนนี้กลับหมองและแฝงไปด้วยความเศร้า ยิ่งจ้องก็ราวกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอจนต้องหันหน้าหนี

         นวัตร...มองดูคนตรงหน้าที่สะบัดหน้าหนีราวกับรังเกียจที่จะมองหน้ากัน สองวันมานี้คิดถึงอ้อมกอดของคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน ฝันร้ายที่ตื่นมาทุกวันพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของตัวเองที่ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ยิ่งหนักกว่าเดิม ถ้ามีอ้อมกอดของคนตรงหน้าคงจะทำให้ฝันร้ายหายไป อยากเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่มักจะกุมไว้ทุกครั้งที่ทุกข์ใจ แต่ก็ทำไม่ได้กลัวเหลือเกินว่าเขาจะสะบัดหนีอย่างรังเกียจ

         สองคน ต่างความคิดแต่ความรู้สึกเดียวกัน...คือ...โหยหาอีกฝ่าย...

         “...”

         “...”

         ไม่มีใครเอ่ยอะไร ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของใคร...

         นวัตรรีบเดินหนีออกไปทันที เพราะไม่อยากอยู่กับความกระอักกระอ่วนตรงหน้า แต่แล้วใบปลิวใบหึ่งก็หลุดออกมาจากอ้อมแขนของคนที่เดินจากไป นาวินหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสงสัย

         เชิญร่วมงานฉลองเค้าท์ดาวน์วันปีใหม่

         ณ หอประชุมโรงเรียน XXX
         ในเวลา 20.00 น. – 01.30 น.

         ผู้เข้าร่วมงานจะต้องมีกุหลาบสีแดงติดที่หน้าอกทุกคน
         ขอความกรุณาทุกท่านแต่งชุดสูทและชุดราตรีมา ชุดนอกเหนือจากนั้นเราไม่รับเข้างาน


         ในที่สุดนาวินก็เข้ามาภายในงานจนได้ กว่าจะได้กุหลาบสีแดงของงานก็หาแทบตาย ดีนะที่ไปบังคับผู้เป็นพ่อมาได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มางานนี้แน่ๆ

         ร่างสูงโดดเด่นในชุดสูธสีดำสนิทดูมีภูมิฐาน ข้อดีของนาวินคือไหล่กว้างและมีกล้ามเป็นมัดๆ พอมาใส่สูทจึงยิ่งขับให้เด่นขึ้น

         สายตาของนาวินสอนส่ายหาร่างที่คุ้นเคย แต่กลับไม่พบ หรือว่าเขาจะมาสายไปนะ งานเริ่ม 20.00 น. แต่เขากลับมาตอนงานใกล้เลิกอย่าง 23.45 น. เพราะรถเกิดอุบัติเหตุเยอะมาก ทำให้ต้องปิดการจราจรไว้เกือบชั่วโมง พอผ่านตรงนั้นก็ยังมีตรงนี้ ตรงโน้นมาเรื่อยๆ จนรถแทบจะกระดิกไปไหนไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนมาถึงงานว่าสายมากแล้ว

         ร่างสูงสอดส่ายหาเงาที่คุ้นเคยก็ไม่พบ จนในที่สุดพิธีกรประจำงานอย่างศักดิ์สิทธิ์และกาญจนาเอ่ยเชิญชวนทุกคนเริ่มนับถอยหลังสู่ปีใหม่

         “เอาล่ะครับทุกท่าน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วนะครับ อีกสิบนาทีก็จะถึงปีใหม่แล้ว แต่ก่อนจะมาถึงตอนนั้นเรามีเพลงเพราะๆ มาให้ทุกท่านได้รับฟังนะครับ ใช่ไหมครับคุณหนูนา” ศักดฺสิทธิ์ส่งบทพูไปให้กาจนาหญิงสาวพยักหน้ารับแล้วกล่าว

         “ใช่แล้วค่ะ บทเพลงนี้เป็นบทเพลงเศร้าๆ แต่กินใจใครหลายๆ คน ถูกขับร้องโดยนักเรียนดีเด่นปีนี้ของโรงเรียนเราซึ่งหน้าตาน่ารักมาก ยิ่งใส่สูทขาวยิ่งราวกับเทพบุตรตัวน้อย เอาล่ะค่ะดิฉันว่าตัวเองพูดมากไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญทุกท่านรับฟังบทเพลงได้เลยค้า” พูดจบร่างพิธีกรทั้งสองก็เดินลงหลังเวทีทันที

         ร่างเล็กที่คุ้นเคยเดินออกมาจากหลังเวที ชุดสูทแสนสุภาพสีขาวทำให้นาวินถึงกับตะลึง ร่างสูงค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้กับเวทีมากขึ้น จนได้สบตาสีน้ำตาลนั่นเข้า ดวงตาที่แสนเศร้ายามมองลงมาทำให้นาวินแทบปวดใจ

เพื่อนคนหนึ่งแอบรักเธอ เก็บงำความลับนั้นอยู่ภายใน
ก็ไม่เคยเปิดเผยไป ด้วยกลัวจะเสียใจและเสียเธอ

ปิดบังอยู่ตั้งนาน แหละมันอัดอั้นใจ
ยิ่งเราใกล้ชิดกัน ยิ่งหวั่นไหว
เธอสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป...

หากเป็นใครไม่ใช่เธอ สักวันอาจให้รู้อาจบอกไป
แต่เป็นเธอที่คุ้นเคย ก็เลยต้องยับยั้งคอยชั่งใจ

ปิดบังอยู่ตั้งนาน แหละมันอัดอั้นใจ
ยิ่งเราใกล้ชิดกัน ยิ่งหวั่นไหว
เธอสบตา กลับหลบตาเธออยู่เรื่อยไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไปว่ารักเธอ

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไป

ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่มันคือแสนไกล
ยิ่งเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิท ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะบอกไปว่ารักเธอ...


         เพลงจึงเสียงปรบมือดังลั่นอย่างชื่นชม นาวินราวต้องมนต์สะกด ดวงตาสีน้ำตาลที่ล้อมกรอบไปด้วยหยาดน้ำเล็กๆ หากใครมองดีๆ ก็จะเห็น คิดได้อย่างนั้นนาวินก็รีบเดินเข้าไปหลังเวทีทันที

         หลังเวทีเต็มไปด้วยความวุ่นวาย จนแทบไม่มีใครสังเกตนาวินเลย ร่างสูงเดินหาร่างเล็กสูทสีขาวก็พบว่ากำลังเดินเข้าห้องแต่งตัว นาวินรีบเดินไปขวางประตูไว้อย่างลืมตัว จนในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็ได้จ้องตากันจริงๆ

         นวัตรชะงักมองร่างสูงที่คุ้นเคย... ราวกับเวลาหยุดหมุนอยู่ตรงนั้น ไม่รับรู้อะไร ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีแล้ว จนในที่สุดเสียงพิธีกรก็ดังขึ้นปลุกความคิดของคนทั้งสองที่กำลังจ้องตากันอยู่...

         “เอาล่ะครับตอนนี้ก็มาถึงเวลาเค้าท์ดาวน์จริงๆ กันสักทีนะครับ ผมว่าเรามาเริ่มนับถอยหลังกันเลยดีกว่า สิบ!” เสียงนับถอยหลังเริ่มดังขึ้น นวัตรหลบสายตานาวินที่กำลังจ้องมองอยู่

         “เก้า!” มีรุ่นพี่มาสะกิดชวนให้นวัตรและนาวินไปร่วมนับถอยหลัง

         “แปด!” นวัตรพยักหน้าก่อนที่จะเดินตามพวกรุ่นพี่ไป

         “เจ็ด!” แต่จู่ๆ นาวินก็มาคว้าแจนไว้ นวัตรหันมามอง รุ่นพี่หยุดและหันมองทั้งสองคนอย่างงงๆ

         “หก!” นาวินเอ่ยบอกรุ่นพี่ว่ามีธุระจะคุยกับนวัตร เดี๋ยวจะตามไปทีหลัง

         “ห้า!” รุ่นพี่พยักหน้าก่อนที่จะบอกว่าให้เดินตามมาเร็วๆ แล้วเดินเข้าไปในงาน

         “สี่!” ร่างเล็กพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุมของนาวิน แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงบีบมีเพิ่มมากขึ้น

         “สาม!” แต่แล้วในที่สุดก็สะบัดออกได้ นวัตรจึงเริ่มวิ่งออกจากงานเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับตนที่ทำให้เสียใจ

         “สอง!” นวัตรวิ่งออกมาจากหอประชุมโดยมีนาวินวิ่งตามมาติดๆ และพยายามตะโกนเรียกให้หยุดแล้วมาคุยกันดีๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก

         “หนึ่ง!” นวัตรวิ่งออกไปกลางถนนก่อนที่จะมีรถรถยนต์คันหรูวิ่งมาด้วยความเร็วและส่ายไปมาอย่างน่าหวาดเสียว ไม่มีเสียงบีบแตรไล่หรือเสียงใดๆ นอกเสียงจากเสียง

         โครมมมม!!!

         “ศูนนนนนนนนนนนนนนนนนน”

         “กาลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล” ร่างเล็กลอยละลิ่วไปกระแทกกับเสาไปฟ้าข้างทาง ก่อนจะหล่นลงมาและกลิ้งลงถนน แน่นิ่งอยู่ตรงถนนข้างฟุตบาท

         รถยนต์ที่ชนเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้อย่างจัง

         เลือดสีแดงสดๆ ค่อยๆ ไหลซึมออกจากบาดแผลอย่างช้าๆ จนในที่สุดทั่วร่างก็ถูกล้อมรอบไปด้วยเลือดสีข้น นาวินวิ่งเข้ามาดูคนที่กำลังแน่นิ่ง พลางตะโกนเรียกคนช่วย

         สูทสีขาวบัดนี้ถูกอาบด้วยเลือดสีแดงข้นล้างบางสีขาวจนหมดสิ้นทั้งข้างนอกและข้างใน ดวงตาสีน้ำตาลกลอกไปมาขยับตัวไม่ได้ ปากเล็กเป็นกระจับเริ่มพูดพะงาบๆ แต่ไม่มีเสียง จนคนที่กำลังมือสั่นกดโทรศัพท์หาเรียกรถพยาบาลต้องบอกให้หยุดก่อนเพราะเลือดเริ่มไหลซึมและกระอักมาทางปาก หากแต่ร่างเล็กกลับไม่ฟังคำเตือนอ้าปากราวกับต้องการให้คนที่กำลังกอดตนอยู่หันมาสนใจ

         นาวินจึงเอียงหูฟังถ้อยคำจากปากเล็กๆ

         “...” ทันทีที่พูดจบร่างเล็กก็ส่งยิ้มบางๆ ทีแสนหวานในรอบ 4 วันที่ผ่านมาให้ ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลที่กลับมาสดใสเหมือนเดิมปิดลงอย่างช้าๆ และดับสนิท หากแต่ริมฝีปากเล็กเป็นกระจับยังยกยิ้มอย่างพึ่งพอใจ


 :catrun:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2013 14:17:40 โดย shishikima »

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ไม่นะ!!!!!!!! นักเขียนจะทำเราน้ำตาไหลสองรอบแล้วน้า TT

เศร้าอะ เศร้ามากๆ แล้วบอกตรงๆเลยว่าเริ่มเกลียดนาวินละ แมร่งงงง ไปฟังชะนี ไม่ฟังเพื่อนสนิทตัวเอง(ขออินหน่อย555)


 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

+เป็ดค่ะ

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่น้าาาาา ไมาเอาแบบนี้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ :o12: :o12: :o12: :o12:

gngane

  • บุคคลทั่วไป



กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

อย่าตายน่ะกาลลลลลลลลลลลลลลลTT{}TT

นักเขียนกลับมาเเล้ว กลับมาพร้อมกลับการค้าง

มาต่อไวๆนะค่ะ  อ่านรวดเดียวจบสนุกมากๆเลยค่ะภาษาก็สวยเเนื้อเรื่องก็ดี ไม่ดีอย่างเดียวเลยคือหระเอกโง่มากกกกกกกกกกกกกก

มาไวๆนะค่ะตัวเอง :call: :call: :call:




















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
เห้ยย ไมเป็นงี้อะ   :a5:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ตึงงงงงงงงง

คืออะไรคะ ตายซะแล้ว

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :sad4: :sad4: :sad4:


กาลอย่าตายนะ ทำไมต้องเจ็บจนตายด้วย T-T

shishikima

  • บุคคลทั่วไป


เพื่อนสนิท : 8 (40%)



มีใครหลายคนเคยบอกว่า...คนเรามักจะเห็นค่าของสิ่งของที่สำคัญก็ต่อเมื่อตอนที่ไม่มีสิ่งนั้นอยู่ข้างกายแล้ว...

นาวินเหม่อมองบนท้องฟ้าอันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ดวงตาสีดำสนิทที่เคยมีแต่ความมั่นใจในตัวเองแต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความหมองหม่นโศกเศร้าจนใครมองแล้วต้องนึกสงสาร ทุกเวลาที่เข็มนาฬิกาเดินผ่านมันช่างยาวนาน ในสมองเต็มไปด้วยภาพของคนที่จากไปลอยวนเวียนอยู่ภายในหัว

ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทุกรอยยิ้ม ทุกเสียงหัวเราะ ทุกหยดน้ำตาและทุกลมหายใจของคนๆ นั้นยังไม่จางหาย ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นพึ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง ทั้งๆ ที่เรื่องนั้นผ่านไปแล้วเป็นเวลาเกือบเดือน

ทุกๆ คืนมักจะมีเสียงร้องตะโกนโหยหวนออกจากห้องนี้


‘อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!’

ปัง!

“วิน! วิน!! วินเป็นอะไรลูก!” เสียงร้องตะโกนของคนด้านนอกและเสียงเปิดพังประตูเข้ามา ก่อนที่อ้อมกอดของคนเป็นพ่อจะโอบไปทั่วร่างที่สั่นเทาของลูกชาย

“พ่อๆ กาลล่ะพ่อ กาลอยู่ไหน วินเห็น... เห็นกาลเลือดท่วมตัว เลือดเต็มไปหมดเลย กาลไปไหนพ่อ วินอยากเจอกาล กาลอยู่ไหน กาลไปไหน” นาวินราวกับคนเสียสติที่พร่ำเพ้อหาเพื่อผู้เป็นเพื่อนที่จากไป เมื่อเห็นลูกชายเป็นเช่นนี้ผู้เป็นพ่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้ก็แค่เพียงกอดปลอบให้หายตกใจและสงบลง

“นิ่งซะลูก ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น มันไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” ทันทีที่สงบนาวินก็ซบหน้าลงบนอกของคนเป็นพ่อ ก่อนที่น้ำตามากมายจะไหลออกมา

“พ่อ...กาลล่ะ กาลอยู่ไหน เมื่อไหร่ผมจะได้เจอกาล ผมอยากเจอกาล กาลไปไหนทำไมไม่เห็นมาหาผมเลย ผมคิดถึงกาล ผมอยากเจอกาล พ่อไปตามกาลมาหาผมหน่อยไปได้ไหมครับพ่อ นะครับพ่อไปเรียกกาลมาหาผมหน่อย ผมจะได้แน่ใจว่ากาลไมเป็นอะไรจริงๆ” คำพูดมากมายพลั้งพรูออกมาจากปากของนาวินไม่หยุด ผู้เป็นพ่อได้ฟังแล้วก็ร้องไห้ตามลูกชายไป ยิ่งเห็นลูกเป็นอย่างนี้ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่จะสามารถทนได้

เด็กหนุ่มที่เคยสดใส ยิ้มง่าย แต่บัดนี้กับราวเด็กชายตัวน้อยที่พร่ำหาสิ่งสำคัญที่หายไป...


ในยามที่เพื่อนมาเยี่ยม นาวินแทบจะไม่รู้เรื่อง ดวงตาสีดำไม่มีแววของความสดใสมักจะเหม่อมองไปที่อื่นไม่ใช่ที่นี่เหมือนกับไปอยู่ในที่ๆ ไกลแสนไกลที่ใครไม่อาจคาดได้


“คุณลุงครับ เราจะปล่อยวินไว้อย่างนี้จริงๆ เหรอครับ” ธีรดลเอ่ยถามผู้เป็นพ่อของนาวิน นรินทร์ส่ายหัวราวกับคนหมดแรง สองอาทิตย์มานี้เขาไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะนาวินมักจะตะโกนร้องเสียงโหยหวนมาจากในห้องทุกคืน

“ลุงก็ไม่รู้ ตอนแรกลุงว่าจะพาวินไปพบจิตแพทย์ แต่ลุงก็ไม่กล้า”

“มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณลุง” ธีรดลถามอย่างตกใจก่อนที่จะมองไปยังคนร่างสูงที่กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ที่มุมห้อง ดวงตาสีดำไร้เค้าชีวิตชีวาอย่างกับคนล่ะคนเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน

นรินทร์พยักหน้าช้าๆ ธีรดลและสุธินทร์อาสาดูแลนาวินเองและบอกให้นริทร์สบายใจได้ แต่เมื่อตกยามกลางคืนนาวินก็ร้องโหยหวนเหมือนทุกวัน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อนาวินเริ่มลงมือทำร้ายตัวเอง

“เลว! เลว!! เลว!!! มึงทำร้ายกาลมึงเลว ไอ้เลวมึงทำร้ายกาล กาลตายเพราะมึง ไอ้วินกาลตายเพราะมึง!!!” เพื่อนทั้งสองพยายามฉุดรั้งร่างหนาที่กำลังต่อยตัวเองและเอาหัวโขกผนัง นรินทร์เข้ามาเมื่อเห็นสภาพลูกชายผู้เป็นพ่อก็ราวกับจะขาดใจ

นริทร์ตรงเข้าไปตบหน้าผู้เป็นลูกชายฉาดหนึ่ง

เพลี๊ยะ!

“ตื่นสักทีวิน! จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่!!” แรงตบ หยดน้ำตาและเสียงตะโกนเรียกของผู้เป็นพ่อทำให้นาวินเริ่มได้สติ ดวงตาสีดำเริ่มมีเค้าแววขึ้นมา

“พ่อ...” นาวินเอ่ยเรียกพ่อเบาๆ นรินทร์จึงทรุดลงโอบกอดลูกชายเพียงคนเดียวไว้ ธีรดลและสุธินทร์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หันหน้ามองกันแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเขาทั้งสองไม่นึกไม่ฝันเลยว่าอาการของนาวินจะหนักขนาดนี้ “พ่อ...พ่อกาลตายแล้ว กาลตายแล้วพ่อ วินฆ่ากาล วินทำให้กาลตาย กาลตายเพราะวิน พ่อได้ยินหรือเปล่า ถ้าตอนนั้นวินไม่วิ่งไล่กาล กาลก็คงไม่ต้องวิ่งหนี พอกาลไม่วิ่งหนี กาลก็ไม่ต้องถูกรถชน วินฆ่ากาลวินทำให้กาลถูกรถชน กาลถูกรถชน กาลถูกรถชน...”

นรินทร์กอดลูกชายไว้แน่นแล้วร้องไห้ตาม

“วินเข้มแข็งไว้นะลูก ถ้าวินเข้มแข็งแล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนที่กาลจะหายไป พ่อสัญญาว่าจะเอากาลกลับมาให้วินให้ได้ พ่อสัญญา” นรินทร์หมายมั่นให้คำสัญญากับลูกชาย นาวินเงยหน้ามองผู้เป็นพ่ออย่างดีใจ

“จริงเหรอครับพ่อ กาลจะกลับมาจริงๆ นะ พ่อสัญญานะ พ่อสัญญากับวินนะว่าจะเอากาลกลับมา” นาวินเขย่าคนเป็นพ่อ เพื่อทั้งสองที่มองดูเหตุการณ์ถึงกับอึ้งเมื่อนรินทร์พูดเช่นนั้น แต่ก็ห้ามปรามอะไรไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของนาวินที่ราวกับคนที่กำลังจะได้ของสำคัญกลับมา

“ครับ พ่อสัญญา” นริทร์เอ่ยบอกผู้เป็นลูก คนเป็นพ่อไม่อาจจะเห็นลูกทุกข์ใจได้ ถ้าหากสิ่งใดที่ทำแล้วลูกชายมีความสุข ต่อให้ต้องกราบเท้าใคร นรินทร์ก็ยอม!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2012 11:41:30 โดย shishikima »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Singleman

  • บุคคลทั่วไป
ค้างครับ บอกคำเดียวว่าค้าง

กาลยัวไม่ตายใช่ไหม  ไม่อยากให้กาลตายยยย

ออฟไลน์ thepopper

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ดราม่าใช่ไหมม  :serius2:

gngane

  • บุคคลทั่วไป


 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

บอกทีนายเอกยังไม่ตายใช่ไหมค่ะ  มาทำเราค้างน่ะ

อย่าให้รู้ทางไปบ้านนะค่ะ  ระวังๆ ฮ่าๆTTOTT

มาต่อไวๆนะค่ะ





















 <a href=http://download.cnet.com/YouTube-To-MP3/3000-2071_4-75810474.html >there</a>

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3


เอ่อ...(จุกจนพูดไม่ออก)

ยังเหลืออีก 60%+อีก 1 ตอนใช่ไหมคะ

รอ...แต่ไม่ขอซดมาม่าได้ไหมอ่าาาาา  :sad4:

ถ้ากาลตายจะจิ้มตูดคนเขียนให้ทะลุแลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :z13:  :z13:  :z13:  :z13:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
มาต่อไวๆเลยค่ะ ไม่ไหวแล้ววว จะบ้าแทนพระเอกแล้วค่ะ ณ จุดๆนี้ ฮือออออ

ออฟไลน์ TK323

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กาลอย่าตายน้าาาาาาาาาาาาา :sad4: :sad4: :sad4:
ถ้ากาลเป็นอะไรไปคนเขียนโดนนนน :m16:

ออฟไลน์ 403

  • 4 0 3 Forbidden
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-2
ตกลงกาลตายไม่ตาย อย่าตายเลยน้า สมหวังทีเถอะ  :m5:

shishikima

  • บุคคลทั่วไป


เพื่อนสนิท : 8 (20%)


“กาลๆ ทำใจดีๆ ไว้นะกาล อย่าเป็นอะไรไปนะกาล” เสียงตะโกนของนาวินเอ่ยบอกคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ที่กำลังเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน

ใบหน้าซีดเซียวของนวัตรไร้การตอบสนอง เปลือกตาปิดสนิทราวกับไม่ต้องการตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องใดๆ นาวินกุมมือเล็กไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย เพราะคิดว่าหากปล่อยมือนวัตรแล้ว นวัตรจะจากเขาไปโดยไม่มีวันกลับ

“ญาติคนไข้รอด้านนอกนะคะ” เมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินพยายามก็เอ่ยบอกนาวินก่อนที่จะดึงร่างสูงให้ออกห่างจากเตียง หากแต่นาวินกลับไม่ยอมปล่อยมือเล็ก พยาบาลพยายามเอ่ยบอกแต่นาวินก็ไม่ยอมปล่อย ดึงดันจะเข้าไปข้างในให้ได้ จู่ๆ ร่างของนวัตรก็กระตุกก่อนที่จะมีเลือดไหลซึมออกมาจากปาก เหมือนกับนาวินรู้ตัวว่ายิ่งรั้งนวัตรไว้เท่าไหร่คนตัวเล็กก็จะยิ่งอาการหนักกว่าเดิม คิดได้อย่างนั้นก็ปล่อยมือนวัตร พยาบาลจึงรีบเข็นเตียงคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินทันที

นวัตรได้แต่ยืนนิ่งมองประตูสีขาวที่ขวางกั้นนวัตรกับตนไว้ อยากจะเปิดเข้าไปหาหากแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างสูงต่อสายหาผู้เป็นพ่อ เจ้าตัวไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ได้ยินเพียงเสียงแว่วๆ บอกมาว่าจะรีบไปให้รออยู่ที่นั่น

ร่างสูงทรุดลงหน้าประตูห้องฉุกเฉิน น้ำตามากมายเริ่มไหลออกมาโดยไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียใจและวอนขอ

ขอ...ขอให้กาลไม่เป็นอะไร

ขอให้กาลปลอดภัย

...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม

นวัตรกอดเข่าและซุกหน้าลงกับหัวเข่า ร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินราวกับคนเสียสติ แต่ยิ่งซบหน้าลงกับเข่าก็เหมือนกับยิ่งตอกย้ำเรื่องราวเพราะกลิ่นคาวเลือดของนวัตรมันติดเต็มไปหมดบนเสื้อผ้าและกางเกงของนาวิน แม้เสื้อและกางเลงจะเป็นสีดำทำให้มองไม่เห็นรอยเลือด แต่กลิ่นของมันที่รอยแตะจมูกในมุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้าไป ยิ่งทำให้นาวินร้องไห้หนักเสียงยิ่งกว่าเดิม

“วิน! กาลเป็นยังไงบ้าง” เสียงตะโกนที่คุ้นเคยทำให้นาวินเงยหน้าหันไปมองก่อนที่ร่างสูงจะโผเข้าหาอ้อมกอดพ่อราวกับเด็กเล็กๆ ที่ต้องการที่พึ่งพิง

“พ่อ...กาล...พ่อ...ผม....ผม...” ปากที่อ้าไม่รู้อะไรออกมา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วกับความฝัน...เป็นฝันร้ายที่เขาอยากจะตื่นไปให้เสียพ้นๆ...ตื่นขึ้นมาแล้วจะเห็นนวัตรนอนอยู่ข้างๆ และยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา...

“ไม่เป็นไรๆ กาลจะต้องไม่เป็นอะไร เชื่อพ่อ” นรินทร์เอ่ยปลอบลูกชายที่กำลังร้องไห้จนตัวโยน นี่เป็นครั้งที่สี่ที่คนเป็นพ่อเห็นลูกชายร้องไห้

ครั้งแรก...ร้องเพราะปั่นรถจักรแล้วล้ม

ครั้งที่สอง...ร้องเพราะแม่เสียชีวิต

ครั้งที่สาม...ร้องเพราะทำร้ายใครบางคนให้เกือบตาย...

นรินทร์กอดปลอบลูกชายตัวสูงที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี สำหรับนริทร์แล้ว นาวินยังเด็ก เด็กมาตั้งแต่ต้น...และจะเด็กตลอดไปในสายตาของคนเป็นพ่อ

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร...” ปากก็พร่ำบอกลูกชาย แต่ภายในใจกลับว้าวุ่น เพราะกลัวใครบางคนที่กำลังจะมา

ตึก ตึก ตึก...

เสียงวิ่งจากด้านหลังทำให้นาวินต้องหันกลับไปมองก็ได้พบกับใครบางคนที่คล้ายกับนวัตร

ร่างสูงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาวินแล้วหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ข้างหลัมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่สาวเท้าเดินตามาติดๆ

“กาลเป็นยังไงบ้างครับ” ร่างสูงผิวเข้มตาสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยถามนรินทร์ที่เงยหน้าขึ้นมองอยู่เช่นเดียวกัน

“หมอยังไม่ออกมาเลย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” นริทร์เอ่ยตอบก่อนที่จะพยุงคนเป็นลูกชายให้ลุกขึ้นยืน นาวินลุกขึ้นยืนก่อนที่จะมองดูร่างสูงให้ชัดๆ ผิวเข้มสีน้ำตาลราวกับคนออกแดนบ่อย ใบหน้าเรียวโครงหน้าคล้ายกับนวัตรแต่ก็มีแตกต่างบ้างเล็กน้อย แต่ที่เหมือนวุดก็คงจะเป็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่อ่อนโยนเหมือนกับนวัตรแต่ก็ไม่เท่านวัตร

ร่างสูงผิวสีแทนเหลือบตามองดูนาวินเล็กน้อย ก่อที่ใบหน้าจะเริ่มขึงและแดง

“วิน พี่ขอคุยด้วยหน่อย” ร่างสูงผิวสีแทนเอ่ย นาวินทำหน้าสงสัยแต่ก็พยักหน้าแล้วเดินตามไป หากแต่ไม่วายส่งสายตาไปมองประตูห้องฉุกเฉินอย่างห่วงๆ จนหญิงสาวที่เดินตามมาด้วยบอกว่าจะดูให้ ถ้าหมออกมาจะไปปตาม

“ของคุณนะจันทร์” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยบอกหญิงสาว

“ไม่เป็นไรคะกิล” หญิงสาวเอ่ยตอบก่อนจะส่งยิ้มจางๆให้กับนาวินแล้วนาวินและชายหนุ่มร่างสูงก็เดินไปหยุดที่สวนข้างโรงพยาบาล

‘กิล’ ชื่อนี้ทำให้นาวินนึกอะไรบางอย่างออก...

“จำพี่ได้แล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามนาวินที่กำลังมีสีหน้าอึ้งๆ

“พี่...พี่กิลเหรอ” นาวินถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะกิลเป็นพี่ชายของกาลที่เสียชีวิตได้เกือบจะสิบปีแล้ว

“เออ!” กิลหรือ ‘นภัทร’ พี่ชายของนวัตรตอบอย่างกระแทกเสียงก่อนที่กระโจนคว้าคอนาวิน “จำได้แล้วใช่ไหม! แล้วจำได้หรือเปล่าว่านี่มันเป็นรอบที่สองแล้วที่แกทำร้ายกาล!”

นภัทรตะคอกและหมายจะปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของนาวิน แต่ก็ต้องหยุดชะงักและระงับอารมณ์ตัวเองไว้

“พี่ ผมขอโทษ” นาวินไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ นภัทรที่ได้ยินเช่นนั้นก็เขย่าคอเสื้อของนาวินอย่างโกรธแค้น

“ขอโทษเหรอ แกบอกว่าขอโทษอย่างนั้นเหรอ! ฉันอุส่าไว้ใจฝากฝังน้องชายฉันไว้กับแก แต่นี่มันอะไร! คราวที่แล้วฉันยังพออภัยให้แกได้บ้างนะ แต่คราวนี้มันหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้กาลเป็นตายร้ายดียังไง ไม่มีใครรู้เลย ถ้าหากกาลเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!!” พูดจบก็สะบัดมืออกจากคอเสื้อของนาวินนาวินเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยสายตาขอโทษหากแต่นภัทรกลับไม่รับ

แต่แล้วจู่ๆ หญิงสาวที่ชื่อจันทร์ก็วิ่งมาหาและบอกกับนภัทรว่าตอนนี้หมออกมาแล้วกำลังคุยกับนริทร์อยู่

คนทั้งสามจึงรีบวิ่งไปหน้าห้องฉุกเฉินโดยทันที เห็นนรินทร์กำลังเอ่ยบางอย่างกับผู้เป็นหมออยู่

“หมอครับน้องผมเป็นยังไงบ้าง”นภัทรเอ่ยถามหมอ

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ว่าสมองคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก หมอเกรงว่าหากคนไข้ไม่ฟื้นภายในสองสามวันนี้โอกาสเสี่ยงที่จะไม่ตื่นขึ้นมามีสูงมาก...”ผู้เป็นหมอพูดอย่างมีหลักการ

แต่หากนาวินฟังดีๆ มันเหมือนกับหมอกำลังจะบอกว่า ถ้านวัตรไม่ฟื้นภายในสามวันนวัรจะกลายเป็น...

“น้องผมอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรอย่างนั้นเหรอครับหมอ” นภัทรเอ่ยถามหมอด้วยสายตาอึ้งๆ หมอพยักหน้าช้าๆ “ไม่...ไม่จริงใช่ไหมครับหมอ หมอล้อผมเล่นใช่ไหม น้องผม...น้องของผมต้องหายดีใช่ไหมครับ”

นภัทรเขย่าคนเป็นหมอจนหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างต้องดึงมือไว้

“กิลใจเย็นๆ ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอก และก่อนที่จะพูดอะไรกันมากกว่านี้ จู่ๆ พยาบาลที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็วิ่งออกมาแล้วตะโกนบอกหมอว่า

“คุณหมอคะ คนไข้ที่โดนรถชนเกิดอาการช็อกคะ”

ไม่นะ...ไม่นะกาล...มันต้องไม่ใช่แบบนี้

กาลมันต้องไม่ใช่แบบบนี้...ขอร้อง...กาลอย่าไป...


ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย TAT!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ออฟไลน์ black love

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กาลลลลลลล อย่าเป็นอะไรนะ
คนเขียน!!! ฮือ (ก่อนจบไห้วินมันเจ็บหน่อยนะ หมั่นไส้)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด