๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ๐๐Timeless รักข้ามภพ๐๐ Update เปิดจองรวมเล่ม P.33  (อ่าน 267672 ครั้ง)

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ไม่รู้อะไรมาเข้าสิง จู่ๆทิวก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย และกินอาหารอย่างกับชูชก พิทเองก็ดีใจที่ต่อจากนี้ไปจะได้ไม่ต้องบ่นปากเปียกปากแฉะ จากสามวัน ตอนนี้เวลาผ่านไปอาทิตย์กว่าแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เหมือนจะดีขึ้น
พิทเองก็เขียนบันทึกเรื่องราวของตนเองไปเรื่อยๆ มีบางเวลาที่เขาคิดถึงแม่ ลุงหลวย และงานบ้าง แต่นั่นก็ไม่มากพอที่จะทำให้เขาละสายตาไปจากทิวได้

“วันนี้ผมลองวิ่งดู” หมอนั่นเดินเข้ามา

“เป็นไง” พิทละสายตาจากสมุดบันทึก

“ก็วิ่งได้เป็นปกติ หมอบอกว่าอีกสองสามวันก็คงกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้”

“เฮ้ย ได้ยังไงก็แม่นายยังไม่กลับมาซะหน่อย”

“ก็แล้วจะทำไงหล่ะ ก็หมอไล่แล้วนิ”

ภาระอีกก้อนหล่นมาใส่ตักพิทอีกหน

“กลับไปอยู่บ้านนายไม่ได้เหรอ”พิทถาม

“ไม่มีใครอยู่บ้าน” ทิวตอบไม่รู้ร้อนรู้หนาว มือคว้ากล้วยมากินหมับๆ

“ญาติคนอื่นนี่ไม่มีแล้วเหรอ”

“ไม่มี”

“เฮ้ย อะไรวะ”

พิทคิ้วขมวดอีกครั้ง จะทำยังไงดี กว่าแม่ทิวจะกลับก็อีกเกือบอาทิตย์

“ไปกรุงเทพฯกับชั้นมั้ยหล่ะ”

“ไป!!” แทบไม่ต้องคิด ทิวรีบตอบพร้อมสายตาเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ


และหลังจากนั้นอีกสองวัน ทั้งทิวและพิทก็ต้องหอบข้าวหอบของออกจากโรงพยาบาล โดยหมออนุญาตให้พิทเป็นคนเซ็นต์ออกได้เพราะแม่ของทิวเป็นคนฝากเรื่องไว้

เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่ของทิวถึงได้ไว้เนื้อเชื่อใจเขามากขนาดนี้ แต่ยังไงก็ช่าง ตอนนี้ทิวก็ตกอยู่ภายใต้การดูแลของเขา...อีกครั้ง

“ครั้งที่แล้วนายก็กลับกทม กับชั้นแบบนี้” พิทพูด ทิวทำหน้างง “แต่ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์ แต่เป็นวิญญาณ” พิทเล่า นั่นยิ่งทำให้ทิวงงเป็นไก่ตาแตก

“จริงเหรอ ทำไมผมจำอะไรไม่ได้หล่ะ”

“ไม่รู้สิ” พิทว่า พลางเก็บของไว้บนชั้นเก็บสัมภาระ ก่อนจะนั่งลงที่นั่งริมหน้าต่าง

“ขอนั่งริมหน้าต่างไม่ได้เหรอ” ทิวอ้อน

“ไม่ได้ คราวที่แล้วก็นั่งไปแล้ว” พิทตวาด

“อะไรว้า คราวที่แล้วผมจำไม่ได้เสียหน่อย” เขาบ่นแต่ก็ต้องจำใจนั่งริมทางเดิน “แล้วจะให้อยู่ไหน”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”

.........................................




คอนโดอีกห้องถูกใช้งานอีกครั้งเมื่อมีแขกผู้มาเยือนจากถิ่นไกล พิทพาทิวไปพักที่นั่น รอจนกว่าแม่ของเขาจะกลับมาจากบวชชี ระหว่างนั้นเขาก็แนะนำที่ทางต่างๆ

“แล้วจะไม่อยู่ด้วยกันเหรอ”

“เดี๋ยวก็คงไปๆกลับๆ” เมื่อจัดของให้ทุกอย่างแล้ว พิทจึงเดินลงมาจากคอนโดพร้อมกับทิว เพื่อแวะไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ห้างใกล้บ้าน






ระหว่างนั้นเองที่พิทเจอเข้ากับใครคนหนึ่ง

“พี่บรรณ” ชายผู้นั้นมาดักรอพิทที่นี่ เขายิ้มให้ก่อนจะมองมาที่ทิวอย่างสงสัย

“พอดีพี่ไม่ได้ข่าวเราเลย ก็เลยเป็นห่วง เลยแวะมาดูที่นี่”

ตอนนั้นเองที่พิทเริ่มทำตัวไม่ถูก

 ทิวเองก็จับอาการนั้นได้

“พี่ขอคุยกับเราสักครู่ได้มั้ย” บรรณว่าพลางเหลือบตามามองที่ทิว

พิทอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบรับไป ยังไงเขาก็คงหนีความจริงไม่พ้น ให้มันจบๆซะวันนี้เลยก็ดีเหมือนกัน


“ไม่ได้นะ!!” แต่แล้วจู่ๆ ทิวก็โพร่งขึ้นมาจนทั้งคู่หันมามองด้วยสายตางุนงง “ก็เอ่อ เอ่อ ผมไปไม่ถูก”

“นู่นไง ห้างมันอยู่ตรงนั้นน่ะ” พิทชี้

“ก็นั่นแหละ ไปไม่ถูก”

พิทเริ่มรำคาญ เขาลากแขนทิวออกมา “นี่ อย่าเยอะได้มั้ย ขอคุยเรื่องผู้ใหญ่ๆหน่อยได้มั้ย”

“ไม่รู้แหละ ยังไงผมก็จะไปด้วย”ทิวยืนกราน

“มีอะไรกันเหรอครับ” บรรณตะโกนถาม

“อ๋อ ไม่มีครับ” พิทตอบก่อนจะหันมาทำตาขวางใส่ทิว “นี่ฟังนะ ถ้ายังกวนตีนอีก ชั้นจะทิ้งนายไว้ที่นี่ และจะไม่มาหาอีกเลย เข้าใจมั้ย”

สีหน้าของทิวดูหงอยลงไป ในที่สุดเขาก็จำยอมเดินดุ่ยๆหายไป

พิทกับบรรณเดินมานั่งในร้านกาแฟตรงใต้คอนโด บรรณสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของพิท เขารู้ได้ทันทีว่ามันไม่เหมือนเดิม

“มีอะไรบอกพี่ได้นะ พิท พี่รู้สึกว่าเราเปลี่ยนไปหลังจากวันที่กลับมาจากชุมพร”

“เอ่อ ผม ” เขาไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง “แค่เหนื่อยๆนะครับ ไม่มีอะไรหรอก” พิทยังไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกจริงๆของเขาออกไปในตอนนี้ เพราะยังไงเสีย ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่สิมันตา ไม่ใช้อูตอง เขาไม่ได้ทำอะไรผิด

บรรณยิ้มออกอีกครั้ง

“ครับ พี่เข้าใจ ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆนะ พี่เห็นเราหน้าตาซีดเซียว เออ แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอ” บรรณถาม

“อ้อ เอ่อ เขาเป็น เอ่อ” พิทละล่ำละลัก “เป็นลูกชายของป้าน่ะครับ มาจากต่างจังหวัด”

“อ๋อ ครับ ใช้ได้เลยนะ ท่าทาง” บรรณหัวเราะเจื่อนๆ “ว่าแต่เย็นนี้เราไปหาอะไรกินกันมั้ย พี่เจอร้านอาหารอร่อยร้านหนึ่ง”

“เอาไว้ก่อนแล้วกันนะครับพี่ พอดีเพิ่งกลับมา ผมอยากพักผ่อน” พิทพูดตัดบท

“ครับ งั้น” บรรณลุกขึ้นยืน “พี่กลับก่อนแล้วกันนะครับ แล้วเดี๋ยวจะโทรหานะ” รอยยิ้มนั้นส่งมาให้พิทอย่างจริงใจ เขายิ้มตอบ แต่

ข้างในลึกๆกลับว่างเปล่าจนตอบไม่ได้ว่าชายคนที่อยู่ตรงหน้านั้นสำคัญอย่างไร










“ไปไหนมา” ทันทีที่พิทเปิดประตูเสียงทักอย่างเหี้ยมเกรียมก็ดังขึ้นจากในห้อง พิทมองเห็นทิวกำลังนั่งกอดอกทำหน้าคล้ายกับ
ครูฝ่ายปกครองกำลังรอด่าเด็ก

“อะไรของมึง จะมาดุทำไม”

“ก็ไปไหนมาหล่ะ ผมขึ้นมาตั้งนานแล้ว”

“ไปเดินเล่นมา”

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ทิวซัก

“เฮ้ย น้อยๆหน่อยเว้ย เป็นใครเนี่ยะ ถามจัง” พิทวางของลงบนโต๊ะกับข้าว โดยไม่ได้มองหน้าของทิว ที่บัดนี้หน้าถอดสีจนซีดแล้ว

ทิวอึ้งไปครู่ใหญ่ทันทีที่เขาได้ยินคำนั้นจากพิท นั่นน่ะสิ ทำไมเค้าต้องรู้สึกบ้าบอแบบนี้ด้วย

“มาแกะข้าวสิ จะกินป่าว” พิทเรียก หมอนั่นเดินมาหาแต่โดยดี

“แม่นายโทรมาบ้างรึยัง”

“ทำไม ลำบากมากนักเหรอที่ต้องมาดูแลกันแบบนี้” ทิวเหวี่ยง

“เอ้ ไอ้บ้านี่ เมนส์มารึไงมึง เหวี่ยงกูจัง กูอายุมากกว่ามึงนะเว้ย เกรงใจกันหน่อย”

“ขอโทษ”

“แล้วเป็นไรเนี่ยะ ทำไมดูหงุดหงิด” พิทถาม

“ไม่รู้” ทิวตอบห้วนๆเขานั่งลงแกะอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจ้วงข้าวกินไม่หยุด

“ติดคอตายจะหัวเราะให้”

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
คืนนั้นพิทจัดการข้าวของต่างๆให้ทิวจนเรียบร้อย เขาล้าไปหมดทั้งตัว รู้สึกปวดตัวจากการเดินทาง เมื่อจัดของเสร็จจึงล้มตัวลงนอนอย่างหมดสภาพ

“อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวแม่นายมาแล้วค่อยว่ากัน”

“อือ”

“นี่พูดครับ เป็นมั้ยวะ เป็นถึงนักศึกษา มีความรู้ แต่ทำตัว....”

“โอยยพูดเป็นครับลุง บ่นจริง”

“นี่ถามหน่อยเหอะ” พิทลุกขึ้นนั่งเท้าคางมองหน้าทิวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ “นายจำเราไม่ได้จริงๆเหรอ”
ทิวสบตาคู่นั้นด้วยแววตาหวั่นๆ ทั้งคู่จ้องตากันอยู่นานจนในที่สุด

“พี่ตาสวยดีนะ”

“ถุย ไอ้บ้า” พิทล้มตัวลงนอนอย่างสิ้นหวัง

“คืนนี้นอนกับผมได้มั้ย ผมกลัว” เสียงทิวพูดอ่อยๆ พิททำหน้าสงสัย

“กลัว?”

“ใช่ ผมกลัว เวลานอนผมชอบฝัน ฝันถึงที่ที่ไม่รู้จัก คนที่ไม่รู้จัก” พิทมองแววตานั้น เขารับรู้ได้ว่าหมอนั่นกลัวจริงๆ

“ได้สิ” เขายิ้ม พร้อมๆกับที่ทิวยิ้ม ทั้งคู่สบตากันและยิ้มให้กัน


แสงไฟถูกปิดลง พร้อมๆกับความมืดที่เข้าแทนที่ ทั้งคู่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน โดยมีแค่หมอนข้างกันระหว่างกลาง พิทใจเต้นตึกๆทันทีที่ภาพประภาคกับโสภณในสายฝนนั้นปรากฏ เขาพยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่านไป
เขารู้ว่าหมอนั่นก็ยังไม่หลับ แต่ก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรในเวลาที่ช่างโรแมนติกเช่นนี้

“ขอบคุณนะพี่” จู่ๆก็เป็นทิวที่ทำลายความเงียบ

“เอ๋?”

“ขอบคุณที่คอยดูแลผม”

พิทเงียบ

“ผมไม่รู้หรอกว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ แต่เอ่อ ผม..............”ทิวละล่ำละลั่กพูด “ผมรู้สึกดีที่มีพี่ดูแล”

รอยยิ้มจางๆค่อยๆปรากฏบนใบหน้าของพิท ทิวคนเดิมกำลังจะกลับมาแล้วสินะ

“ไม่ต้องขอบใจเราหรอก เพราะสิ่งที่นายทำให้เราชาตินี้ทั้งชาติก็ทดแทนไม่หมด”

“ผมทำอะไรให้พี่”

“ให้พูดทั้งคืนก็ไม่หมดหรอก เอาเป็นว่าสักวัน นายก็รู้เองแหละ นอนเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก”

พิทหลับตาลงพร้อมทั้งภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์ ให้ทิวจำเรื่องราวทั้งหมดได้เสียที



เช้าวันต่อมาพิทตื่นขึ้นพร้อมกับเจอโน้ตเล็กๆแปะที่หน้ากระจก

 “ฟิตจริงๆ” ข้อความนั้นบอกว่าเจ้าตัวลงไปออกกำลังกายข้างล่าง ไม่ต้องห่วง

“ใครจะห่วงมึงวะ” พิทหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ ก่อนจะหยิบนมขึ้นมาเทใส่แก้ว พิทหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่ามีสายไม่ได้รับจากบรรณ

เขามองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวางลงมันไปเช่นเดิม และหันไปหยิบหนังสือพิมพ์มานั่งอ่านแทน พิทมองเวลาที่นาฬิกาซึ่งบอกเวลา10 โมงกว่า เป็นเวลาเดียวกับที่ทิวเดินเหงื่อโทรมขึ้นมา

“วันนี้ไปทำบุญกันหน่อยมั้ย” พิทชวน เขานึกอยากจะทำบุญให้กับทั้งลุงหลวย ศรีปางตาล ทิวในภพต่างๆรวมทั้งตัวเขาด้วย

“เอาสิครับ ขอผมอาบน้ำก่อนนะ” ทิวรับคำ






ทั้งคู่มาถึงที่วัดเงียบๆชานเมืองแห่งหนึ่ง พร้อมถังสังฆทาน การทำบุญวันนี้นอกเหนือจากอุทิศส่วนกุศลแล้ว คำอธิษฐานอีกอย่างหนึ่งที่พิทขอนั่นก็คืออยากให้ทิวจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง


“ผมจำได้แล้ว” แล้วจู่ ทิวก็สะดุ้งขึ้น

“จำอะไรได้” พิทตื่นเต้นตาม ไม่คิดว่าแรงอธิษฐานจะทำเห็นผลไวขนาดนี้

“ผมลืมปิดไฟห้องน้ำ”

“ไอ้เชี่ยยยย”พิทเผลอสบถในวัด

“อ้าว ทำไมต้องด่ากันด้วย”

“อุย โทษๆ” เขาโบกมือโบ้ยๆ ก่อนจะถอนหายใจเดินดุ่มๆนำหน้าไป

“แค่ลืมปิดไฟทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ ลุง ลุงงงงงง”


...

“เอาปลาดุกทั้งหมดนี่เลยครับ” พิทสั่งแม่ค้าที่ขายสัตว์สำหรับปล่อย

“จะกินหมดเหรอลุง” ทิวพูด ทั้งพิททั้งแม่ค้า หันขวับ

“เชี่ย เขาเอาไปปล่อย” พิทส่งเสียงกระซิบ ทำยิ้มหน้าเจื่อนๆ

“พี่ปล่อยปลาดุก แสดงว่าไม่กินปลาดุกเหรอ” ทิวถาม

“กิน”

“อ้าว ทำไมหล่ะ”

“อ่าว ก็ทำไมถึงจะกินไม่ได้หล่ะ” พิทย้อนถาม

“ก็ผมได้ยินมาว่าคนที่ปล่อยอะไรต้องไม่กินอันนั้น เพราะว่าเค้าถือ”

“ใครถือ”

“เค้า”

“เค้าน่ะใคร”

“เค้า ใคร เค้าก็ เอ่อ โอ้ยย ไม่รู้” ทิวหงุดหงิด

“อะไรที่ทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ อย่าไปยึดติดอะไรมากมายเลย ชีวิตคนเราสั้นนัก”

“พี่พูดเหมือนกับว่า ผ่านอะไรมาเยอะอย่างนั้นแหละ”

“เยอะสิ เยอะจนนายคิดไม่ถึงเลยหล่ะ” พิทยิ้มน้อยๆ ก่อนจะถือถังปลาดุกเดินลงไปยังท่าน้ำ

ทั้งคู่คุกเข่าลง พิทถือเศษกระดาษก่อนจะท่องตาม ทิวมองไปยิ้มไป

“ยิ้มอะไร”

“ปลามันจะเข้าใจเหรอพี่”

“มึงเข้าใจเปล่าล่ะ”

“เข้าใจ”

“มึงเข้าใจปลาก็เข้าใจแหละ” พิทหัวเราะฮึๆ

ทันทีที่ฝูงปลาถูกปล่อยลงน้ำ พวกมันต่างดำผุดดำว่ายด้วยความดีใจ บางตัวก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเหมือนเป็นการขอบคุณ การทำบุญโดยให้ชีวิตผู้อื่นเป็นสิ่งที่พิทรู้สึกว่าอิ่มใจกว่าการให้เงินทอง เพราะเขาเข้าใจหัวอกคนที่กำลังจะตายดีว่ามันสิ้นหวังแค่ไหน

“กลับกันเถอะ ร้อนแล้ว”

ทั้งคู่ตัดสินใจกลับคอนโด พิทบอกทิวว่าคืนนี้เขาจะต้องนอนคนเดียวเพราะตัวพิทเองจะต้องกลับบ้าน เพราะตั้งแต่ขึ้นมาจากชุมพร เขายังไม่ได้หาแม่เลย

ทิวพยักหน้าและลงจากรถต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

เขาเปิดประตูห้องเข้ามา ทิ้งพวงกุญแจไว้ที่โต๊ะกินข้าว ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนล้มตัวลงนอน

“โอ้ย” ทิวร้องเมื่อพบว่าหัวเขากระแทกเข้ากับของแข็งบางอย่าง

“สมุดพี่พิทนิ” ทิวมองมันอย่างชั่งใจ ว่าจะเปิดดีหรือไม่ สุดท้ายเขาก็เปิดมันออกอ่าน

และทันทีที่ทิวอ่าน เขาก็หยุดมันไม่ได้ ตัวหนังสือมันวิ่งเร็วราวกับลมพัด ทุกตัวอักษรช่างคุ้นเคยและเห็นภาพ ทิวอ่านมันจนลืมอาบน้ำ กินข้าว

“นี่ กินอะไรหรือยัง” พิทโทรเข้ามาตอนเกือบจะสี่ทุ่ม ขัดจังหวะการอ่านบันทึก

“ยัง” เขาตอบน้ำเสียงราบเรียบ ไม่อยากให้พิทจับได้ว่าทิวกำลังตื่นเต้นกับตัวหนังสือเหล่านั้น

“ทำไมยังไม่กิน ป่านนี้แล้ว ไหนจะยาอีก แล้วนี่ไปออกกำลังกายหรือยัง” พิทพ่นมาเป็นชุด

“เออๆ เดี๋ยวกินๆ แล้วพรุ่งนี้จะกลับมามั้ย”

“กลับสิ ที่บ้านไม่มีใครอยู่”

ทิวหัวใจพองโตอย่างประหลาดจนเจ้าตัวตกใจ เขาพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้ดูดีใจจนเกินเหตุ

“อืม ดีๆ”

“รีบกินข้าวกินยา อาบน้ำนอนนะ พรุ่งนี้จะแวะไปแต่เช้า แค่นี้แหละ” พิทวางสาย แต่ทิวนั้นกลับยิ้มอยู่คนเดียวในใจ



คืนนั้นทิวอ่านบันทึกของพิทจนดึกดื่น เขาเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ผู้เป็นแม่โทรมาปลุกและบอกว่าจะ
กลับวันพรุ่งนี้ นั่นหมายความว่าทิวจะต้องกลับบ้านของเขาแล้ว
แต่เขายังไม่อยากกลับ ทิวจึงคิดแผนที่จะแกล้งโกหกพิทเพื่อจะได้อยู่ที่นี่ต่อ

เด็กหนุ่มเปลี่ยนชุดออกกำลังกายเพื่อลงไปห้องยิมของคอนโดด้านล่าง เขาวางสมุดบันทึกไว้ที่เดิม ก่อนจะหายลงไปขลุกตัวอยู่ในห้องยิม

ระหว่างนั้นเองที่พิทสวนขึ้นมาบนห้อง เขาพบว่าห้องล๊อกอยู่ แต่ก็ไม่แปลกใจอะไรเพราะคิดไว้แล้วว่าทิวคงจะไปออกกำลังกาย
พิทวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ เปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่ม ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“พี่ขอขึ้นไปข้างบนได้มั้ย”

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
กำลังเครียดว่าทิวลิมพิทหมดแล้ว พอเจอพิทร้องเพลง“ชั้นอาจเป็นสายฝนเมื่อร้อนใน" มันฮาอ่ะ5555 :laugh:

เอ อย่างนี้มันยุติธรรมกับบรรณรึเปล่าหว่า นี่มันชาติใหม่แล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกันกับชาติก่อนเลยนะ
แต่ก็สงสารทิวอะ ถึงทิวจะจำอะไรไม่ได้ก็เหอะ :katai1:

เอ๊ะบรรณมาทำอะไร น่าสงสัยนะเนี่ย o18

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พิทเดินเฉื่อยๆไปเปิดประตู

“พี่ขอคุยกับเราหน่อยสิ” สีหน้าของบรรณดูเคร่งเครียด และเหน็ดเหนื่อยเหมือนคนอดหลับอดนอน “พี่โทรหาเราหลายครั้งมาก แต่ทำไมถึงไม่เคยรับเลย”

“เอ่อ พอดี ไม่ค่อยว่างน่ะครับ” พิทมองไปนอกหน้าต่าง

“พิท” บรรณสูดหายใจลึกๆเหมือนกำลังพยายามจะระงับสติอารมณ์ “พี่ขอเหตุผลจริงๆได้มั้ย”

ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากัน

“พี่บรรณ พิท” พิทกระอักกระอ่วนใจ “พิทไม่รู้จะพูดยังไง”

“ไม่รู้จะพูดยังไงไม่ได้นะพิท พิทจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ จะปล่อยให้พี่เป็นแบบนี้ไม่ได้ มันทรมานนะเว้ย”

น้ำเสียงของบรรณพุ่งขึ้นเหมือนคนกำลังจะหมดความอดทน อีกใจหนึ่งพิทก็สงสาร ที่ได้รับรู้ว่าเขาต้องมาทุกข์ทรมานเพราะพิท แต่อีกใจหนึ่งก็นึกสาแก่ใจกับสิ่งที่เขาได้ทำไว้กับผู้อื่นเมื่อก่อน บางที นี่อาจจะเป็นกรรมของเขาเองก็ได้

“พิทไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับพี่แล้วครับ” ในที่สุดพิทก็ตัดสินใจพูดออกมา

บรรณอึ้งไปชั่วครู่ เขาไม่ได้มาเพื่อรับรู้คำๆนี้ สิ่งที่บรรณคาดหวังมันไม่ใช่แบบนี้

“เพราะหมอนั่นใช่มั้ย” บรรณย้อนถาม “ที่ทำให้พิทเปลี่ยนไป พิทชอบเขาใช่มั้ย”
ถึงคราวที่พิทต้องเงียบบ้าง

เขาตัวสั่นไปหมด ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร

“ไม่ใช่ ทิวไม่เกี่ยว พิทไม่เคยคิดอะไรกับเขาเลยนอกจากน้องคนหนึ่ง ทั้งหมดมันเกี่ยวกับตัวพิทเอง พิทผิดเอง”

บรรณสูดหายใจอีกครั้ง ถึงเขาจะเจ็บแค่ไหน แต่บรรณเป็นคนมีศักดิ์ศรี ไม่มีทางที่เขาจะให้ใครรู้ว่าเขาเจ็บปวด

“ดี ถ้าพิทคิดอย่างนั้นจริงๆก็ดี” เขาหันหลังทำท่าจะกลับ “อย่างน้อยพี่ก็จะได้รู้ไว้ว่า ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีค่าพอสำหรับพิทเลย ไม่ว่าพี่ หรือหมอนั่น”




พิทอึ้งหน้าชาเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง คำพูดที่ปักจึกเข้าที่กลางอกนั้นทำให้พิทน้ำตาคลอ
เขาไม่ได้ตั้งใจให้ใครต้องเจ็บและรู้สึกแบบนั้น เขาก็เป็นแค่คนๆหนึ่งที่มีหัวจิตหัวใจ มีความรู้สึกนึกคิด เขาไม่เคยคิดแบบนั้น ไม่ว่าจะบรรณหรือที่สำคัญกับทิวเองก็เถอะ


แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้ว ทุกคำพูดที่บรรณกับพิทคุยกันในห้อง ทิวได้ยินทั้งหมดอย่างชัดเจน


...


เด็กหนุ่มเดินออกมาหลบนั่งอยู่ที่บันไดหนีไฟเพื่อตั้งสติ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะมารับฟังเรื่องราวอะไรพรรค์นี้ ความรู้สึกที่มีต่อพิทสำหรับทิวนั้นมันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนเขาเองยังไม่สามารถจะตั้งตัวได้เลย
ความผูกพัน ความรักที่เหมือนลาวาทะลึกท่วมทันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และบัดนี้มันกลับแผดเผาทิวจนแทบจะตายทั้งเป็น

ทิวรู้แล้วว่าเขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าน้องชาย และบางทีอาจไม่มีค่ามากมายให้พอจะจินตนาการไปขนาดนั้นก็เป็นได้
ทิวตัดสินใจลุกขึ้น เดินกลับไปยังห้องนั้น และพบว่าห้องว่างเปล่า ปราศจากร่องรอยของพิท

ทิวเก็บของอย่างเงียบๆ ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกเล่มนั้นใส่กระเป๋าติดตัวไปด้วย อย่างน้อยเพื่อเป็นที่ระลึกก็ยังดี อีกอย่างเขายังไม่รู้จุดจบของสิ่งที่พิทได้เขียนบันทึกไว้เลย

ประตูห้องถูกปิดอย่างเงียบกริบ ทิวโทรบอกแม่ว่าเขากำลังจะกลับบ้าน

“ไปแล้วนะ ลุง” เขาหันไปล่ำลาเจ้าของห้อง





ส่วนพิทเดินลงไปตามทิวที่ห้องออกกำลังกาย เมื่อไม่พบจึงได้กลับมายังห้อง และพบว่าห้องนั้นว่างเปล่า

“ทิว” พิทตกใจรีบวิ่งออกมาหน้าห้องก่อนจะกดลิฟท์และวิ่งออกมาดูหน้าคอนโด แต่เขาก็พบเพียงความว่างเปล่า ทิวหายไปแล้ว
พิทหยิบมือถือขึ้นมาลองโทรหา ทิว แต่ก็โทรไม่ติดเพราะปิดโทรศัพท์ จึงตัดสินใจโทรหาแม่ของหมอนั่น

“อ๋อ ทิวบอกจะกลับบ้านน่ะลูก”

พิททรุดลงนั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“เป็นอะไรของเค้าอีกนะ”



พิทตัดสินใจไม่ตามทิวกลับบ้าน เพราะเขาคิดว่าคงถึงเวลาที่จะยุติเรื่องราวทั้งหมดนี้เสียที เพราะทั้งหมดล้วนทำให้ทุกคนเจ็บปวด บ่วงเวรบ่วงกรรมที่ผูดมัดรัดตรึงทุกคนมากี่ภพกี่ชาติแล้ว มันควรจะจบลงเสียที

ถึงแม้ว่าพิทจะรู้สึกดีแค่ไหนกับทิว แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้
ดังนั้นพิทจึงเก็บข้าวของกลับชุมพรเพื่อสานต่องานของเขาให้จบ โดยพยายามลืมเรื่องราวของทิว และเรื่องราวทั้งหมดไว้เบื้องหลัง

“พอกันที”











เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดไปกับการซ่อมแซมวัด ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองยุ่งเข้าไว้เพื่อไม่ให้สมองคิดถึงเรื่องทิว เรื่องพวกนั้น มีบ้างนานๆครั้งที่เขาจะได้ยินเสียงทิวลอยมาตามลม

ในตอนแรกเขาหันมอง แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ทำอย่างนั้นอีก และเสียงนั้นก็เลือนหายไปในที่สุด

จากเช้าจรดค่ำที่พิทดำเนินชีวิตอยู่แบบนี้ ทุ่มเทกับงาน ตกดึกหากไม่หนักหนาอะไรมากเขาก็ร่วมกินเหล้ายาปลาปิ้งกับลูกน้องและชาวบ้าน ก่อนจะล้มตัวลงนอนและข่มตาหลับ

จากวันเป็นสัปดาห์ สัปดาห์เป็นเดือน ในที่สุดวัดที่เคยทรุดโทรมจนหมดสภาพ บัดนี้ก็กลับมางามสง่าและฟื้นคืนมาเหมือนเดิม พิทมองมันด้วยความปลาบปลื้มใจ เขาเหนื่อยกับมันมามาก แต่วัดที่นี่เองกลับให้อะไรเขามากมาย ทั้งความทรงจำดีๆ และมิตรภาพที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

“ใจหายเหมือนกันนะนาย” ลุงช่างพูดขึ้น “ถ้าลุงหลวยอยู่แกคงจะภูมิใจในตัวนายนะ”

พิทยิ้ม เขานึกถึงสายตาที่เอื้ออาทรคู่นั้น ลุงหลวยจากเขาไปเกือบปีแล้ว แต่ชายผู้นั้นกลับชัดเจนอยู่ในความทรงจำ

“แล้วนี่นายจะรับงานที่ไหนต่ออีกหรือเปล่าครับ

“คงไม่แล้วหล่ะลุง เหนื่อยเหลือเกิน” พิทเว้นจังหวะ “ผมว่าจะขอพักยาวๆสักสองสามปี”

“นาย” น้ำเสียงนั้นดูตกใจ

“ผมจะไปเรียนต่อน่ะครับ ลุง” เขายิ้มสายตายังคงมองไปที่โบสถ์ที่เพิ่งเสร็จ “ดูไว้ตั้งนานแล้วหล่ะครับ”

ทุกคนต่างเก็บข้าวเก็บของ เครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆแล้วยกขึ้นรถกระบะ ส่วนพิทเองนั้นขับรถตัวเองกลับ  ก่อนกลับเขาแวะไปขอพร
ลาหลวงพ่อ ผู้ที่มีบุญคุณกับเขามากในครั้งนี้

“บุณคุณอะไรกันเล่าโยม อาตมาก็ทำไปตามแต่กำลังจะทำได้นั่นแหละ”

“ถ้าไม่มีหลวงพ่อ ผมคงต้อง..................”เขาเงียบไป

“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อาตมาทำหน้าที่ของอาตมา โยมก็ทำหน้าที่ของโยม”

“ครับ”

“ต่อแต่นี้ไปก็จงใช้ชีวิตอย่างมีสติ คิดเสียว่าเราได้เกิดใหม่อีกครั้ง” หลวงพ่อยิ้ม

พิทลุกขึ้นคุกเข่าก่อนก้มลงกราบ

“ครับหลวงพ่อ งั้นผมลานะครับ”

“เดินทางปลอดภัยนะโยม”

 ใบประดู่ร่วงหล่นลงพื้น พิทเงยหน้าขึ้นไปมอง บัดนี้ต้นทั้งต้นโกร๋นจนเหมือนตายซาก ดูสิ้นหวัง ห่อเหี่ยว และใจหาย เขาก้มลงเก็บใบประดู่ที่พึ่งร่วงลงมา หยิบมันใส่กระเป๋า ความผูกพันที่มีกับวัดนี้มันมากมายจนยากจะทำใจให้ลืมได้ ทุกครั้งที่อยู่ที่นี่ มันจะทำให้เขาย้อนเวลากลับไปยังวันที่มีทิว มีประภาค และมีศรีเมืองอยู่เสมอ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :ling1: จะเป็นยังไงเนี่ย หวังว่าพิทกับทิวจะได้กลับมาเจอกันอีกนะ

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
พิทตัดสินใจไปเรียนต่ออังกฤษเพียงเพื่อหวังว่า บรรยากาศที่ต่างไปจากเดิม อาจช่วยคลายความเหงาและจุดสีเทาเล็กๆในใจ
ลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

ระยะทางระหว่างกลับบ้านช่างยาวไกลกว่าขามา อาจเป็นเพราะการขับรถกลับในหนนี้ไม่มีคนคอยเจื้อยแจ้วชวนคุยเหมือนครั้งก่อน พิทมองไปรอบๆเขานึกถึงวันที่มีทิวอยู่ใกล้ๆ

เมื่อคิดถึงทิว พิทจึงหยิบมือถือขึ้นมากดหาเบอร์แม่ของทิว การไปเรียนต่อครั้งนี้สมควรที่เขาจะต้องบอกลาทั้งแม่ และทิว พวกเขาควรจะได้รับรู้

พิทกดเบอร์นั้นค้างไว้ครู่หนึ่ง ใจของเขาสั่นระรัว เกือบสามเดือนที่ไม่ได้ติดต่อไปหาทางนั้นเลย ไม่แม้แต่จะได้ยินข่าวคราว

“ฮัลโล”
ปลายสายตอบรับด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“ใครคะ”

“ผมเองครับแม่ พิท” พิทน้ำเสียงสั่นเครือ

“พิท” แล้วน้ำเสียงปลายสายก็แสดงอาการตื่นเต้นขึ้นมาทันที “หายไปไหนมาลูก”

“ทำงานน่ะครับแม่ แม่สบายดีมั้ยครับ”

ปลายสายตอบมายาว พิทตั้งใจหาจังหวะเพื่อจะแทรกถามความเป็นไปของเด็กหนุ่ม

“แล้วเอ่อ ทิวหล่ะครับ ทิวสบายดีหรือเปล่า”

“สบายดีลูก แต่ทิวไม่อยู่เห็นออกไปกับเพื่อนผู้หญิงน่ะลูก”

ทันทีที่ได้ฟังเช่นนั้นหัวใจพิทก็แหลกสลาย มือชาไปหมด ทั้งๆที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่พอนึกถึงภาพทิวกับหญิงสาวคนนั้นทำไมเขาถึงเจ็บแปลบๆ

“ดีแล้วครับแม่ งั้น พิทลานะครับ สิ้นเดือนนี้พิทจะไปเรียนต่อเมืองนอก”

“อ้าว เหรอลูก ไปเรียนที่ไหน”

“อังกฤษครับ”

“จ่ะๆ โชคดีนะลูกนะ เดี๋ยวแม่บอกทิวให้นะลูก”

ทั้งคู่วางสายจากกัน ทันทีที่วางสาย พิทก็ตัดใจจากทิวในทันที กรรมเวรที่มีต่อกันมันคงหมดกันไปแล้ว ทิวเป็นอิสระไปแล้ว ก็คงเหลือแต่เขาที่คงต้องใช้ชีวิตต่อไป

ถึงแม้จะยากแค่ไหน แต่พิทก็กล้ำกลืนมันไว้ในใจ พยายามฝืนขับรถต่อไปอย่างเลื่อนลอย








ในระหว่างหนึ่งเดือนนั้น พิทวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวเรียนต่อ เหมือนเช่นเคย ที่เขาพยายามทำตัวเองให้ดูยุ่งวุ่นวายจนแม่ของเขาเองยังอดเปรยให้พิทอยู่เฉยๆสักวัน

แต่สำหรับพิท การประคองตัวเองให้วุ่นวายกับเรื่องอื่นมันเป็นการดีต่อตัวตัวเขา เพราะนอกจากจะทำให้เวลามันหมุนเร็วขึ้น มันยังทำให้เขาคิดถึงทิวน้อยลง



คืนก่อนเดินทางพิทเขานอนแต่หัวค่ำ เพราะไฟล์ไปลอนดอนออกแต่เช้า พิทสวดมนต์ นึกถึงกระพุทธคุณ แผ่ส่วนกุศลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมด และหนึ่งในนั้นคือทิว

เขาหวังในใจลึกๆว่าพรุ่งนี้เช้า บางทีถ้าโชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้าง เขาอาจได้เจอทิวที่สนามบินก็เป็นได้
เขาทิ้งตัวลงนอนพร้อมบางอย่างที่หนักอึ้งทับหัวให้จมลงไปกับหมอน ปัญหาต่างๆที่ยังคั่งค้างอยู่เบื้องหลัง

ปัญหาที่ยังไม่ได้สะสางกับทิว

ปัญหาที่ยังทำให้รู้สึกผิดในใจกับบรรณ และอีกมากมาย

จนสุดท้ายคืนนั้นพิทก็นอนไม่หลับ เขาตาสว่างทั้งคืน


“เฮ้อ” พิทถอนหายใจ ยันร่างตัวเองขึ้นในเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ของทุกอย่างจัดไว้เรียบร้อย เหลือแค่พาร่างตัวเองไปผ่านน้ำและแต่งตัว

“ของจัดเรียบร้อยหมดแล้วใช่มั้ย” แม่ถาม “เดี๋ยวเงินน่ะ ชั้นจะโอนไปอีก”


เสียงแม่กำกับเรื่องนู้นเรื่องนี้ตลอดเวลา จนบางครั้งพิทก็ทำเป็นหูทวนลมไปบ้าง จนกระทั่งกระเป๋าใบใหญ่สองใบถูกยกไว้ใส่รถเรียบร้อย แม่ถึงได้เงียบเสียงลง

บรรยากาศในรถนั้นเงียบ เขารู้ว่าแม่คงมีเรื่องจะพูดมากมาย แต่ความที่เป็นหญิงแกร่ง เธอจึงเลือกที่จะเก็บความรู้สึกนั้นไว้จนถึงสนามบิน

“ตั้งใจเรียนหล่ะ กลับมาไวๆ” เป็นคำลาเพียงคำเดียวที่ผู้เป็นแม่มีให้กับเขา บางทีหล่อนอาจชินชากับการหายไปคราวละนานๆของพิทแล้วก็เป็นได้ การไปเรียนต่อของพิทครั้งนี้จึงดูไม่มีความหมาย
แต่หารู้ไม่ว่าหลังจากที่พิทลงจากรถไป ผู้เป็นแม่ได้ถอดแว่นตาดำออกก่อนจะปาดน้ำตาที่ซึมออกมาอย่างสุดจะกลั้น



กระเป๋าสองใบถูกยกขึ้นสายพาน ระหว่างที่เจ้าของยื่นพาสปอร์ตเพื่อเชคอิน เขามัวแต่สนใจอยู่กับพนักงานเบื้องหน้า โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนมายืนรออยู่เบื้องหลัง

“พิท” เสียงใครคนหนึ่งเรียก พิทหันขวับ

“พี่บรรณ”





บรรณรู้ข่าวเรื่องที่พิทจะไปเรียนต่อ เขาจึงถือโอกาสมาลา ทั้งคู่นั่งจิบกาแฟที่ร้านกาแฟ ชั้นล่างระหว่างที่พิทรอขึ้นเครื่อง

“ใจคอจะไม่บอกลาพี่สักคำเหรอ” บรรณถามยิ้มๆ

พิทก้มหน้า เขารู้สึกละอายใจอย่างบอกไม่ถูกในสิ่งที่ได้ทำกับบรรณไว้

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เข้าใจ”

“ขอโทษนะครับพี่บรรณ สำหรับเรื่องที่ผ่านมา”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่เข้าใจหมดแล้ว”

“เข้าใจ?”

“ใช่ เรื่องหัวใจเราบังคับกันไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยเราก็เคยมีความรู้สึกดีๆต่อกันไม่ใช่เหรอ”

พิทยิ้มพยักหน้า

“เพราะฉะนั้นไม่ว่าตอนนี้พิทไม่รักพี่แล้ว แต่พิทคงห้ามไม่ให้พี่รักและหวังดีกับพิทไม่ได้หรอก โชคดีนะพิท”

บรรณเอื้อมมือมาแตะหลังมือทิว พลางลูบเบาๆ แค่นั้นน้ำตาของเขาก็รื้อขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“ขอบคุณนะครับพี่ ขอบคุณจริงๆ” น้ำเสียงของพิทสั่นเครือ “แล้วต่อจากนี้พี่บรรณจะทำไงต่อไป”

“พี่คงจะบวช  ให้พ่อ”

พิทอึ้ง

“ครบปีที่พ่อจากไปแล้ว พี่ยังไม่ได้บวชให้ท่าน”

“พี่บรรณ” พิทมองเขาอย่างเข้าใจสุดซึ้ง

“ไม่ว่าที่ผ่านมาพี่จะเคยทำอะไรไว้ อโหสิกรรมให้พี่เถอะนะพิท” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผู้นั้นอีกครั้ง

น้ำตาที่รื้อของพิทบัดนี้ไหลลงมาเป็นทางด้วยความซาบซึ้ง เขาอนุโมทนาบุญในการบวชครั้งนี้พร้อมทั้งกล่าวอโหสิกรรมต่อบรรณ
ความบาดหมางใดๆที่มีไม่ว่าจะชาติภพไหน ขอให้มันจบไปในวันนี้ แล้วทุกคนจะได้เริ่มต้นใหม่เสียที


บรรณเดินมาส่งพิทที่ทางเข้า เขาขอกอดลาพิทเป็นครั้งสุดท้าย

“โชคดีนะครับ”

พิทคลายอ้อมกอดจากบรรณ เขาหันมามองบรรณ และก็อดใจไม่ได้ที่จะมองหาใครอีกคนที่ไม่มีทางที่จะได้เห็นเขาแน่ๆ

“ผมไปนะครับ” พิทพูดก่อนจะเดินหายเข้าประตูไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
ผู้คนขวักไขว่จอแจกำลังรอที่จะเดินทาง บางคนเฝ้ารอจะได้กลับบ้านเพื่อพบคนที่ตัวเองรัก
บางคนเพิ่งจากคนรักเพื่อที่จะตามหาบางอย่างในชีวิต
แต่ไม่ว่าเป้าหมายจะต่างกันเช่นไร ทุกคนก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันระหว่างนั้นนั่นคือการรอคอย

พิทลากกระเป๋าผ่านผู้คนไปตามทางเลื่อน เขาเงยหน้ามองเมื่อมาถึงหน้าประตูที่เครื่องบินได้จอดรอเป็นที่เรียบร้อย
กระเป๋าลากใบเล็กถูกตรวจอีกครั้ง พร้อมกับพนักงานที่ฉีกตั๋วออกไป และบอกให้เขามานั่งรอขึ้นเครื่อง
ระหว่างนั้นพิทหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะกดเบอร์ทิว  เขาชั่งใจอยู่นาน ก่อนจะกดมันทิ้งและปิดมือถือนั้นเป็นการถาวร

หนังสือที่เขาเตรียมเอามาอ่านฆ่าเวลาถูกเปิดขึ้น พิทพยายามจะอ่านมันให้จบแค่หน้าเดียว แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็พบว่าไม่มีทางที่จะอ่านไปไกลกว่าย่อหน้านั้น เพราะจิตใจที่ตอนนี้ระส่ำระส่ายและรุ่มร้อน การลาจากโดยไม่ได้กล่าวคำลา มันช่างทรมานสิ้นดี

แค่ได้ยินเสียงของเขาคนนั้นแค่นิดเดียวคงทำให้เขาสงบกว่านี้

แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ที่จะมาคร่ำครวญ

เขาตัดสินใจปิดหนังสือเล่มนั้นลง และใช้เวลาที่เหลืออยู่นั่งเหม่อมองออกไปนอกห้องโดยสาร

“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ท่านผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเดินทางไปยังลอนดอน กรุณา..................” เสียงพนักงานประกาศขึ้นเครื่องดังขึ้น

พิทถอนหายใจ ลุกขึ้นหันไปหยิบกระเป๋าลากและเข้าคิวตรวจบัตรโดยสารอีกรอบ

เมื่อพนักงานตรวจความถูกต้องเสร็จ พิทก็เดินลากกระเป๋าผ่านงวงมาจนถึงประตูเครื่อง

“ลาก่อนนะทิว” เขาพูดเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาพนักงานที่กล่าวต้อนรับ เพียงเพื่อไม่ให้เขาเห็นดวงตาที่บัดนี้เต็มเอ่อไปด้วยน้ำตา

พิทแสร้งเอามือปาดน้ำตา ก่อนจะกล้ำกลืนความรู้สึกที่มีลงไป เขามองหาที่นั่งตัวเองและพบว่ามันอยู่ตรงกลาง ส่วนที่นั่งริมหน้าต่างนั้นว่างอยู่

เขาจัดแจงเก็บกระเป๋าไว้บนที่เก็บสัมภาระเหนือศรีษระ ก่อนจะนั่งลง

ผู้โดยสารเข้ามาเรื่อยๆจนเกือบเต็มลำ มีผู้โดยสารหญิงแก่คนหนึ่งนั่งกับเขาริมทางเดิน แต่ที่ริมหน้าต่างยังคงว่างเปล่า

ฝนเริ่มโปรยลงมา นั่นยิ่งทำให้เช้านี้ดูหม่นหมองลงไปอีก พิทมองออกไปนอกหน้าต่างมองพวกพนักงานที่กำลังยกกระเป๋าเก็บใต้ท้องเครื่อง เขาพยายามจะกลั้นน้ำตาไว้จนสุดความสามารถ เบี่ยงความสนใจจากเรื่องเด็กหนุ่มคนนั้นไปที่สิ่งอื่น หวังเพียงว่าเมื่อเครื่องขึ้นแล้วทุกอย่างคงจบ เขาจะทิ้งความทรงจำทุกอย่างไว้เบื้องล่างและมุ่งสู่ชีวิตใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า


ผู้โดยสารเข้ามาเกือบครบแล้ว แต่ประตูยังไม่ปิด พนักงานต้อนรับประกาศให้ทราบว่าตอนนี้พวกเขากำลังรอผู้โดยสารอีกหนึ่งท่านที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า

พิทถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
.
.
“Cabin crew arm door and cross check” เสียงประกาศ ปิดประตูดังขึ้นนั่นหมายความว่าเครื่องพร้อมจะออกแล้ว พิทหลับตาลง ถอนหายใจ
.
.
“ขอโทษนะครับ ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ยครับ”

และแล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นฉุดเอาภวังค์ความคิดของพิทให้กลับคืน

น้ำเสียงนั้นดูคุ้นเคย

พิทนิ่งไปครู่หนึ่ง

“คงไม่ใช่หรอกมั้ง” เขาคิดในใจ ก่อนจะค่อยๆหันไปมอง และภาพที่เขาเห็นก็คือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหุ่นสมาร์ท ดูมีน้ำมีนวล  ที่สำคัญ ทำให้พิทมิอาจละสายตาไปจากเขาได้

“ทิว!!”

พิทเผลออุทาน ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ผู้ชายที่เขารอคอยและสิ้นหวังไปแล้วกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง พร้อมทั้งยื่นสมุดบันทึกคืนให้เจ้าของ

“เขียนให้จบสิลุง” พิทรับสมุดบันทึกมาด้วยมือที่สั่นเทา  “อ้อ และคราวนี้ตาผมนั่งริมหน้าต่างนะ” ชายผู้นั้นยิ้มให้พิทอย่างละมุน

                      ....อวสาน....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2013 15:24:19 โดย เซ็งเป็ด »

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :sad4:  ซึ้ง พี่บรรณชาติที่แล้วจะเป็นยังไง ชาตินี้ก็เป็นคนดีแล้วแหละเนอะ

แอบซึ้งกับคุณแม่ของพิทด้วยอ่ะ  :impress3:

และแล้วก็ถึงตอนอวสาน สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณมากๆ +1 :pig4:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ดีนะไม่มีต่อว่า พิทเอาบันทึกตีทิว
จบแล้วยังจะเรียกลุงอีก
วุ้ย ลุ้นกันจนวินาทีสุดท้ายเลย ว่าทิวจะโผล่มาตอนไหน
แต่ก็เดาได้แล้วล่ะว่าเขาตามมาชัวร์  :katai2-1:

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
กว่าจะตามมาได้นะไอ้หนูทิว
ถ้าพิทไม่โทรไปบอกตอนนี้ก็คงยังไม่ได้เจอกันหรอก
มันน่าตีหัวแตก ขี้งอนซะจริงๆ

ปล. อยากอ่านตอนพิเศษจังเลยค่ะพี่เป็ดดดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
มีความสุขจัง

น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
อยากบอกว่าเข้ามาอ่านรวดเดียวจบเลย o13
เนื้อเรื่องน่าติดตามตลอดเลย มีทั้งความรู้ ทั้งภาษา การบรรยาย การผูกปมมันดีหมดเลย ปกติแนวเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยจะอ่าน แต่เรื่องนี้ชอบมากกก

ดูๆไปแล้วเหมือนพิทขัดแย้งในตัวเองชอบกลนะ มันแสดงออกมาทางอุปนิสัยน่ะ
แอบสงสารพี่บรรณแหละ อย่าน้อยตอนชาติที่เป็นครูคมสันเค้าก็เคยช่วยชีวิตพิทนะ
น้องทิวน่ารักตลอดดดดด ขวัญใจแม่ยกอย่างมากกก ทะเล้นแบบน่ารักๆ
สีปางตาลก็น่าสงสารเนอะ ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าโดนหลอกเลยอาฆาตข้ามชาติเลยทีเดียว ดีใจที่ได้เฉลยออกมาสักที

ปล. อยากได้ตอนพิเศษจัง หลายๆตอนก็ได้นะคะ แล้วแต่พี่จะกรุณา :impress2:

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
- - บางทีมันก็ค้างไปนะ...

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ห๊ะ! จบแล้ว?! = = เอิ่มมม บางที.... มันก็ค้างไปนะ  :ling2:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
จบแล้วเหรอ จะมีตอนพิเศษหรือเปล่านะ
อยากรูชีวิตหลังจากนี้จะเป็นไปในรูปแบบไหน

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เรื่องนี้สนุกมากครับแต่อย่าเพิ่งจบสิครับ อยากอ่านต่ออยู่เลยอ่ะ มาต่อตอนพิเศษอีกนิดหนึ่งนะครับ อยากให้มีตอนหวานหวานในชาติปัจจุบันบ้าง ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ดีจังที่พี่บรรณเป็นคนดีในชาตินี้ สงสัยบุญกุศลของพิท คงส่งถึง
 อยากอ่านต่ออีกนิดดดดอ่ะะ  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
กรรมใครกรรมมัน ใครทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้กรรม
ขอบคุณสำหรับความสนุกที่มอบให้กันครับ

paiwit

  • บุคคลทั่วไป
ชอบครับ ชอบทุกตัวละคร ชอบแนวเรื่องครับ ที่เอาแนวคิดของศาสนาพุทธมาแต่งในเรื่องกฎแห่งกรรม และชาติภพ

บอกไม่ถูกอะ เราทุกคนก็คงอยากมีคู่ ทุกชาตินะครับ ยิ่งคนที่จะอยู่กับเราทุกชาติไป อันนี้หายากครับ ทิวเป็นพระเอกที่ผมประทับใจมากกก คนอาร๊ายยย จะรัก พิท ทุกชาติไป ติดตามไปทุกภพ ยังงี้รักตายเลยครับ

ปล อย่าหายไปนาน มาต่อตอนพิเศษเพิ่มนะครับ  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ทิวนี่ แอบเซอร์ไพรซ์นะ
โล่งแทนพิท ที่ทุกๆเรื่องจบลงด้วยดี
ดีใจด้วยนะพิท ทิว
แต่แอบสงสารพี่บรรณนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Somei.Yoshino

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้อ่านรวดเดียวจบเลยค่า หลอนมาก แต่ชอบจังเลย
ชอบภพโสภณกับประภาคมากๆ หวานแม่ก
แต่เรื่องนี้อ่านแล้วได้อะไรเยอะเลย ชอบๆๆๆ

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ไม่ได้น้าาาาาาาาาT^T ต้องมีภาคต่อสิ แง๊ๆ

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พลาดเรื่องนี้ได้ยังไงเนี่ย? แปพไว้ก่อนนะจ๊ะ จบแล้วจะตามมาเม้นค่า!!!

ออฟไลน์ changnoy

  • i ❤ ChangnoY
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
    • FB
ในที่สุดก็อวสาน ซาบซึ้ง ตราตรึงใจ

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกหนึ่งเรื่อง

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อบากได้ตอนพิเศษจังงง

_Yammery_

  • บุคคลทั่วไป
คิกคิก ลุ้นตั้งนาน
นึกว่าจะไม่มา่ซะแล้ว
แต่ก็มาจนได้ แถมไม่ได้มาส่งแต่ตามไปด้วยกันอีก >w<!!

ออฟไลน์ Jaiko★

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ในที่สุดก็จบแบบแฮปปี้
ขอบคุณที่เอามห้อ่านนะฮะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด