บทส่งท้าย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ วันนี้บก.ขอคุยมาเมาท์มอยแต่เช้าเลย จะไม่ให้รีบได้ยังไงล่ะคะ ก็บก.มีเรื่องด่วนที่สุดของที่สุดมาบอกกันน่ะสิ อะแฮ่มๆ คิดว่าทุกคนคงได้เสพและฟินไปกับเรื่องราวของน้อง ม. กับ น้อง ส. กันมาหลายปีแล้วใช่ม๊า หลายๆ คนก็คงจะสงสัยว่า น้อง ม. กับ น้อง ส. จริงๆ แล้วเค้าคือใคร เรื่องที่บก.เล่ามาจริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ ความป่วง ความฮาของกองนิตยสารนี้มันเป็นได้ขนาดนี้เชียวเหรอ? เอาล่ะค่ะ ความจริงที่ทุกคนอยากรู้...เราพร้อมเปิดเผยแล้ว!!
เนื่องจากเดือนหน้าเป็นเดือนครบรอบ 6 ปีของนิตยสารเรา แน่นอนว่ามันจะธรรมดาๆ ไม่ได้ เราจึงทำนิตยสารเล่มพิเศษขึ้นมา ชื่อว่า “The secret of Gayscale Magazine” เปิดเปลือยเบื้องหลังนิตยสารเกย์เล่มนี้ที่ทุกคนอยากรู้ ซึ่งพลาดไม่ได้กับการสัมภาษณ์ตัวจริงเสียงจริงของกองบก.ทุกคน!
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่อยากพลาดเรื่องราวสุดซีเคร็ตของพวกเรา ต้องคอยติดตามกันให้ดีว่าจะหาเกย์สเกลเล่มพิเศษนี้ได้จากที่ไหน แล้วบก.จะมาอัพเดตเรื่อยๆ นะคะ

”
บก.เอ้จัดการโพสต์ข้อความลงแฟนเพจของนิตยสารได้ไม่นาน เหล่าลูกสมุนทั้งหลายก็ทยอยมาถึงออฟฟิศกันพอดี วันนี้ทุกคนมีคิว ‘ถ่ายแบบ’ เพื่อลงเซ็ตแฟชั่นของเล่มพิเศษที่กำลังทำอยู่นี้ จริงๆ แล้วไอเดียการเปิดเผยหน้าตากองบก. เป็นเพียงคำพูดขำๆ ของสิปป์ศิลป์ในตอนประชุมเล่มเท่านั้น แต่พี่เอ้กับพี่เอสกลับเกิดประกายตาแวววาวประหนึ่งว่านี่คือไอเดียที่ดีที่สุดก็ไม่ปาน หลังจากถกเถียงและขู่ถึงขั้นจะตัดเงินเดือน สุดท้ายสมาชิกทุกคนก็จำยอมต้องทำตาม
“ไม่เอา ไม่ให้น้องจีใส่ชุดนี้” พี่เป็ดเริ่มโวยวายหลังจากสไตลิสต์หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งออกมาพร้อมรองเท้าบู๊ต
“มันไม่ใช่แค่สองชิ้นค่ะลุง น้องเค้าต้องใส่กางเกงด้วยนะคะ รับรองว่าไม่เซ็กซี่ค่ะ” เจ๊สไตลิสต์พยายามเกลี้ยกล่อมผู้ปกครองของน้องจีที่ทำท่าจะไม่ให้ใส่ชุดที่เตรียมมา
อีกด้านหนึ่งพี่เก็ตกำลังนั่งทำหน้ายุกยิกเหมือนลิง เนื่องจากรำคาญครีมรองพื้นที่โปะอยู่บนหน้า ซึ่งช่างแต่งหน้าต้องพูดทุกๆ สองวินาทีให้หยุดเกา แต่ทำยังไงกราฟิกก็ไม่เชื่อ จนปันต้องมาช่วยกำกับอีกแรง
“บอกแล้วให้นอนเร็วๆ หน้าพังจนต้องโบกรองพื้นเลยเห็นป่ะ” เด็กรุ่นน้องชี้ไปยังรอยสิวและขอบตาดำคล้ำของคนที่นั่งอยู่ไม่สุข
“ก็แล้วใครให้มึงมาชวนเล่นเกมล่ะ ตีสี่!!” พี่เก็ตเถียงกลับบ้าง รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้ต้องตื่นแต่เช้า แต่ไอ้เด็กบ้านี่ก็ยังกด invite ให้เข้าเกมอยู่นั่น สุดท้ายเลยได้นอนไปแค่สามชั่วโมงเท่านั้น
ระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังแต่งหน้าแต่งตัว เมตตาก็กำลังถ่ายช็อตแรกซึ่งเป็นช็อตเดี่ยวของแต่ละคน
“โอ้ย!! ไอ้เมต มึงเป็นตากล้องก็ต้องรู้มุมป่ะวะ นี่มายืนนิ่งยังกับถ่ายบัตรประชาชน มันหมายความว่าไง!!” ทีมตากล้องจากเนปจูนที่สนิทกันดีกับเมตตามาช่วยถ่ายงานนี้ให้
“มันเหมือนกันที่ไหนอ่ะพี่ โห่ย! แล้วมามุงไรกันเยอะแยะ เขินนะเว้ย” เมตตาโวยวายและพยายามไล่ทีมงานออกไป
“ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ ถ่ายแบบนี้สิบปีก็ไม่เสร็จ” ตากล้องบ่นเสียงดัง ก่อนจะนึกขึ้นได้ “สิปป์! มึงมาช่วยดูไอ้เมตหน่อย ถ่ายมันไม่ได้จริงๆ ลิงอุรังอุตังยังโพสต์ได้ดีกว่า”
สิปป์ที่กำลังเตรียมคำถามสัมภาษณ์อยู่เลยต้องเดินเข้าฉากมาแบบงงๆ ร่างโปร่งเท้าเอวเอียงคอมองนายแบบจำเป็นแล้วก็ยิ้มขำ สักพักนักเขียนก็เดินหายไปแถวโต๊ะทำงาน ก่อนจะกลับมาพร้อมกล้องถ่ายรูป อาวุธประจำตัวของเมตตา
“อ่ะ เอาลูกมึงไปอุ้มดิ๊” มือเรียวจับสายกล้องไปคล้องคอนายแบบ ซึ่งอีกคนก็รับไว้แต่โดยดี พอมีกล้องในมือ เมตตาก็เริ่มจะโพสต์ท่าได้เหมือนคนปกติมากขึ้น พอเห็นอย่างนั้นสิปป์เลยกลับไปนั่งเขียนอะไรยุกยิกๆ อยู่ที่มุมห้องเหมือนเดิม
“ลองถ่ายอะไรก็ได้ที่ทำให้มึงเป็นตัวของตัวเองที่สุดอ่ะ” พี่ตากล้องสั่งนายแบบ ซึ่งเมตตาก็จับโฟกัสนู่นนี่ไปเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าของใครบางคนโดยไม่รู้ตัว
แสงที่ส่องผ่านมู่ลี่ตกกระทบสิปป์ศิลป์เป็นเส้นเงาที่น่ามองไม่น้อย เมตตาเผลอกดชัตเตอร์ไปตามสัญชาตญาณ โดยลืมไปเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่
ทีมงานตากล้องเงียบเสียงลงแต่กำลังสื่อสารกันด้วยภาษามือแบบคนที่คุ้นเคยกันมานาน เพียงครู่เดียวโลเคชั่นการถ่ายก็กลับด้าน พร้อมไฟแฟลชและอุปกรณ์ต่างๆ ที่พุ่งตรงไปยังนักเขียนแทน
“อ้าว...มาถ่ายผมทำไมเนี่ย!” นายแบบมุมเผลอร้องอย่างตกใจ เมื่อเงยหน้ามาอีกทีก็เจอกับทีมตากล้องเต็มชุด
“ฟีลมันได้ๆ มึงเขียนอะไรของมึงต่อไปเหอะ” สิปป์ศิลป์รับคำสั่งแบบงงๆ จนตากล้องสั่งให้พักได้ จึงได้ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย จากนั้นทีมงานเหมือนหยุดพักประชุมกันครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียกคนอื่นๆ มาถ่ายต่อไป
การถ่ายแฟชั่นล่วงเลยมาจนบ่ายโมง ในขณะที่ทุกคนกำลังพักกินข้าว อยู่ๆ ประตูออฟฟิศก็ถูกเปิดออก พร้อมการปรากฏตัวของ...พี่เอส มนุษย์บอสที่ชอบทำตัวหล่อและนิยมการเปิดตัวแบบเวอร์วังในทุกฉาก
“ไอ้เอส!!” เสียงบก.เอ้จะโกนเรียกน้องชาย “นัดเก้าโมง แต่มาบ่ายโมงคืออะไร??”
ก่อนพี่เอ้จะได้ด่าอะไรต่อ พี่เอสก็เฟดตัวออกไปหาช่างแต่งหน้าได้แบบเนียนๆ ซึ่งบอสใหญ่ทำถูกที่สุดแล้ว เพราะไม่งั้นคงได้ถ่ายกันถึงเที่ยงคืนแน่ๆ
หลังจากตอนเช้าเป็นการถ่ายเดี่ยวของแต่ละคน ช่วงบ่ายนี้ก็เป็นเวลาของการถ่ายกลุ่ม ซึ่งชุลมุนวุ่นวายจนตากล้องต้องขอพาราไปสามรอบ แต่ในที่สุด การถ่ายแบบอันสุดระทึกของกองบก.เกย์สเกลก็จบลงอย่างสวยงาม และสัญญาว่าไอเดียนี้จะถูกพับเก็บถาวร ไม่มีขุดมาทำซ้ำอีกแน่ๆ
“อ้าว...ถ่ายกันเสร็จแล้วเหรอ” เสียงสดใสของผู้มาใหม่เรียกสายตาของทุกคนให้พุ่งไปมอง ก่อนสิปป์จะเป็นคนแรกที่ส่งเสียงเรียก
“พี่ปืน!!” จากนั้นเสียงเซ็งแซ่ของสมาชิกก็ดังต้อนรับ พี่ปืนอีกหน วันนี้พี่ปืนกลับมาทำธุระที่ไทย พอลงเครื่องได้ก็ดิ่งตรงมาที่ออฟฟิศนี้เลย เพราะพี่เอสไปโม้ให้ฟังไว้เยอะว่าทีมงานจะมาถ่ายแบบกัน
“ไหนๆ ขอรูปบ้างสิ” แขกคนสำคัญเดินไปยังหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดภาพเซ็ตแฟชั่นของวันนี้ค้างไว้ แต่บก.เอ้รีบเอามือป้อมๆ มาปิดอย่างรวดเร็ว
“โน้ว...ให้เห็นก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
“อะไรอ่า ขอดูนิดเดียวเอง ไม่เอาไปบอกใครหรอก” พี่ปืนต่อรอง
“ไม่ได้!” บก.เอ้ยืนยัน “ถ้าอยากดูก็ต้องทำตามกติกา”
หนุ่มร่างสูงเลิกคิ้วแทนคำถามถึงกติกานั้น
พี่เอ้พับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง พลางขยับตัวไปใกล้พี่ปืน
“เล่มพิเศษนี้เค้าแถมให้กับ...” คนพูดเบาเสียงลงจนกลายเป็นเสียงกระซิบ พลางขยิบตาเป็นสัญญาณว่าให้คนฟังเงียบไว้
พี่ปืนทำหน้าประหลาดใจกับคำบอกเล่า แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ
...แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ ว่า ‘ของแถมสำหรับคนสั่งฟิค’ คืออะไรก็เถอะ...
End
บทส่งท้ายมาแล้ว จบแล้วจริงๆ จ้าาาา
ได้ยินที่พี่เอ้บอกกันมั้ย
น่านแหละ...ของแถมอะไรก็ตามนั้นเนอะ
(ไม่กล้าพูดมาก กลัวผิดกฎเล้า >.<)
ใครที่รอตอนพิเศษ เดี๋ยวจะเขียนมาลงให้อ่านกันนะคะ
ฝากติดตามกันด้วยน๊า
ก่อนจากกันไป ขอให้ช่วยไปโหวตโพลสำรวจผู้ที่สนใจสั่งซื้อหนังสือหน่อยนะคะ
คลิกที่นี่เพื่อตอบโพล ค่ะ
ขอบคุณค่า : )
ปล. ติดตามข่าวสารกันได้ที่
https://www.facebook.com/lykarfanpage จ้า