Page 30 : คนเดิม
เช้าวันที่สองของการเอาท์ติ้งเริ่มต้นด้วยความวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากวันนี้จะมีลูกค้าที่สนิทๆ กันมาร่วมแจมด้วย พอเก้าโมงกว่าๆ รถตู้ของลูกค้าก็มาถึง ทว่าสมาชิกแต่ละคนยังไม่ตื่นดี ทำให้แผนการณ์ต่างๆ ต้องเลื่อนออกไป ตั้งแต่การกินข้าวเช้าที่เริ่มตอนสิบโมง ซึ่งพี่เป็ดถึงกับต้องแบกน้องจีออกมานั่งหลับตากินข้าว เพราะทางรีสอร์ทจะเก็บโต๊ะอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ยังดีว่าลูกค้าที่มาเป็นคนสนิทกัน เลยไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก พี่เอส พี่เอ้และบรรดาเซลส์จึงเพียงแค่นั่งคุยเล่นขำขัน แล้วปล่อยให้ลูกค้าไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ระหว่างนั้นก็โทรไปหาพี่ทหารที่รอต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ดำน้ำ ให้เปลี่ยนเวลาจากรอบเช้าเป็นรอบบ่ายแทน
“บอกแล้วว่าไม่ต้องมีแพลน มากันชิลๆ ไม่ต้องรีบดีกว่าอีก” พี่เอสโวยวายกับพี่เอ้ ที่กำลังโปะครีมกันแดดสลับกับกินข้าวต้ม
“ถ้าไม่จัดตารางเวลา พวกแกคงตื่นอีกทีพรุ่งนี้ ลูกค้าคงได้เที่ยวกันเอง แล้วก็นั่งรถกลับเลยล่ะสิ” เพราะรู้ดีว่าผู้ชายออฟฟิศนี้ขึ้นชื่อเรื่องตื่นสาย พี่เอ้เลยต้องมัดมือชกวางโปรแกรมเที่ยวให้เรียบร้อย
“ดีนะไม่มีทัวร์ไหว้พระแถมมาด้วย” นักเขียนทำหน้าบูด เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับลงก็เกือบตีห้า ด้วยความที่ห้องพักติดทะเลจนเสียงคลื่นสาดซะนอนไม่หลับ
“ฉันไม่พาพวกแกเข้าวัดหรอก เดี๋ยวศาสนาได้เสื่อมกันพอดี”
“พี่เอ้คนเดิมกลับมาแล้วว่ะ” สิปป์ศิลป์แอบกระซิบกับเมตตา ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
“ได้ยินนะโว้ยยย!!” คนถูกนินทามองตาขวาง ทำเอาแขกของทริปกลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว นี่แหละคือเอ้คนเดิมที่พี่ปืนรู้จัก เสียงดัง โวยวาย และมีชีวิตชีวาแบบนี้
แก๊งเกย์สเกลพร้อมลูกค้ารวม 20 คนเดินทางไปถึงท่าเรือซึ่งมีพี่ทหารรอรับอยู่ตอนบ่ายโมง แสงแดดกำลังร้อนจ้าได้ที่ เรือโดยสารขนาดกลางแล่นออกจากฝั่ง เพื่อมุ่งสู่เกาะเล็กๆ ซึ่งเพิ่งเปิดให้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งหมดก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
“เต่า!!” น้องจีตะโกนน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อเห็นเจ้าเต่าตัวเล็กๆ นอนกลิ้งอยู่ในบ่ออนุบาลตัวอ่อน ซึ่งพี่เป็ดต้องคอยดึงตัวน้องจีไว้ เพราะกลัวว่าจะล่วงลงไปนอนเล่นกับเต่าเข้าจริงๆ ในขณะที่สิปป์ขอบาย ถอยออกมายืนห่างๆ เพราะเห็นไอ้ตัวเล็กๆ อยู่รวมกันเยอะๆ แล้วมันดูยั้วเยี้ยหยุบหยับอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นพี่ทหารก็พานักท่องเที่ยวทั้งหมดมาที่ชายหาด เพื่อรับฟังข้อควรปฏิบัติในการดำน้ำ พร้อมซักซ้อมทำความเข้าใจให้เรียบร้อย ก่อนทุกคนจะได้ไปลอยคออยู่ในทะเลสมใจอยาก
“จับมือเป็นวงกลมครับ” พี่ทหารเริ่มต้นจับมือพี่เก็ตเป็นคนแรก ก่อนทั้งหมดจะเอื้อมมือจับกันตามคำสั่ง
“เอามือมาสิ” พี่ปืนบอกพี่เอ้ที่ยังลอยคอนิ่ง พออีกคนยังไม่ยอมขยับ พี่ปืนเลยคว้ามือคนดื้อมาจับไว้เอง พี่เอสที่มองอยู่เลยหัวเราะหึหึกับท่าทีของพี่สาว ...จริงๆ ก็หายโกรธแล้วนั่นแหละ แต่ยังไว้ฟอร์มอยู่ตามสไตล์
การดำน้ำแบบผิวน้ำในครั้งนี้สร้างความประทับใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าทะเลระยองจะยังมีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำและปะการังอยู่ถึงขนาดนี้ เพียงแค่ก้มหน้ามองผ่านแว่นลงไป ทุกคนก็ได้ใกล้ชิดกับปลาตัวเล็กๆ พร้อมเห็นดอกไม้ทะเลและปะการังที่อยู่ข้างล่างซึ่งค่อนข้างสมบูรณ์อยู่มาก พี่เอ้หัวเราะร่ากับปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายวนอยู่รอบตัว ชักชวนให้เมตตาถ่ายรูปให้หลายช็อต รวมถึงยังกอดคอว่ายน้ำเล่นกับพี่ปืนเหมือนลืมแอ๊บโกรธไปชั่วคราว ซึ่งสร้างความโล่งใจให้กับสมาชิกทุกคน ที่ไม่ต้องทนกับความอึดอัดเหมือนวันที่ผ่านมา
“ดูคุณเอ้สนิทกับลูกน้องดีนะคะ” ลูกค้าที่ซื้อโฆษณากันมานานเอ่ยขึ้นกับพี่เอส ในขณะที่มองพี่เอ้ผู้เป็นลิงชั่วคราว ว่ายน้ำตามลูกบอลที่เด็กๆ ปากันไปมา หลังกิจกรรมดำน้ำสิ้นสุดลง
“เราอยู่กันแบบพี่น้องครับ เลยสนิทกัน คุณแจนไม่ไปเล่นกับเด็กๆ เหรอครับ” พี่เอสเอ่ยชวนด้วยมารยาท พอดีกับที่พี่ปืนหอบแฮ่กๆ ขึ้นฝั่งมา
“ไม่ไหวๆ” เจ้าของร่างสูงโปร่งพูดได้แค่นั้นก็ทิ้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนลงกับชายหาด “เจ้าปันเล่นลุงมันซะน่วมเลย”
“เออ ปืน นี่คุณแจน ...คุณแจนนี่ปืนครับ” พี่เอสจัดการแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน เพราะดูแนวโน้มแล้วคุณแจนน่าจะสนใจทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ไม่น้อย
หลังลูกค้าทนเสียงเฮของวงลิงทะเลชิงบอลไม่ไหวจนต้องไปเล่นด้วย พี่เอสกับพี่ปืนจึงเหลือกันแค่สองคนบนชายหาด ทันทีที่คุณแจนวิ่งลงทะเลปุ๊บ เพื่อนรักก็พูดสวนกันขึ้นมาปั๊บ
“คุณแจนก็โอเคนะ...”
“ไม่ต้องมาจับคู่ให้ผมเลยครับ”
ประโยคแรกเป็นของพี่ปืน ซึ่งส่งแววตาล้อเลียนอีกคนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนประโยคหลังแน่นอนว่าเป็นของพี่เอส ผู้ถูกจับคู่ทุกรูปแบบตั้งแต่กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“แก่ปูนนี้แล้ว ไม่ต้องมีมันแล้วเมีย มีตังค์อย่างเดียวพอ” พี่เอสพูดทีเล่นทีจริง
“สุดท้ายก็โสดกันหมดทั้งสามคน” พี่ปืนสรุป
“คุณก็ไปจีบพี่เอ้ใหม่สิ”
“ไม่เอาแล้ว” คนถูกยุเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ผมว่าเป็นเพื่อนกันนี่แหละดีสุด”
“งั้นก็ตามนั้น” บอสใหญ่รับคำอย่างง่ายดาย เพราะในใจก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
กว่าลูกทัวร์จะกลับที่พักก็เกือบมืด คืนนี้มีกิจกรรมพิเศษรออยู่ พี่เอสกับพี่ปืนเป็นสองคนแรกที่พร้อมร่วมงาน เพราะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก จึงได้ออกมาดูสถานที่ก่อนใคร
จอโปรเจกเตอร์ขึ้นสไลด์เป็นชื่องานด้วยตัวอักษรสุดเบสิกว่า “Gayscale on the beach” พร้อมข้อความภาษาไทยในบรรทัดต่อไปว่า “ทะเลดาว” ซึ่งพี่ปืนแอบแซวไปเบาๆ ว่าเชยเหมือนคนคิด ทำเอาเจ้าของความคิดเสียเซลฟ์ไปพักใหญ่
“สวัสดีครับ” พี่เอสก้าวขึ้นไปบนเวทีพลางส่งเสียงทักทายผ่านไมโครโฟน “สวัสดีทุกท่านนะครับ สำหรับค่ำคืนนี้ Gayscale Magazine ของเราได้จัดปาร์ตี้เล็กๆ ขึ้นมา เพื่อให้พี่ๆ น้องๆ ผู้เป็นที่รักของพวกเราได้มาสนุกสนานร่วมกัน หากใครที่เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ขอเชิญทุกท่านมาที่หน้าเวทีแห่งนี้เลยนะครับ เพราะเรามีอาหารอร่อยๆ ที่ทาง Dream Catcher จัดไว้ให้ รวมถึงยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมายเลยครับ ขอเรียนเชิญทุกท่านเลยนะครับ”
“เล่นใหญ่มาก” บก.เอ้อดแซะน้องชายตัวเองไม่ได้ เป็นอันรู้กันว่าเมื่อไรที่ให้พี่เอสเป็นพิธีกร มันก็จะเต็มที่จนลืมไปเลยว่าเคยเป็นเจ้านายใหญ่
“อ้าว...คุณเอ้ไม่แต่งตัวตามธีมเหรอครับ” ลูกค้าคนหนึ่งที่มาถึงลานปาร์ตี้ร้องทัก พี่เอ้เลยหันไปหัวเราะก่อนจะหยิบหมวกทรงนักมายากลที่ประดับด้วยปลาดาวเพชรมาสวม ซึ่งดูเข้ากับดีกับเดรสสีดำที่ประดับด้วยเข็มกลัดรูปดาวตรงหน้าอก
“แต่งสิคะ แต่เอ้ไม่ลงประกวดนะ กลัวจะแย่งรางวัลเด็กๆ ค่ะ” บก.กล่าวอย่างอารมณ์ดี คืนนี้มีการประกวดการแต่งกายในธีม “ทะเลดาว” ซึ่งเจ้าของความคิดนั้นก็คือพี่เอส ผู้พยายามสรรหากิจกรรมมาให้สมาชิกเล่น แม้จะมีกันแค่ยี่สิบคนเท่านั้น
เมื่อสมาชิกและลูกค้ามากันครบ วงดนตรีอะคูสติกก็เริ่มบรรเลงเพลงเพื่อขับกล่อมเคล้าบรรยากาศเย็นสบาย ทุกคนดูผ่อนคลาย พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเวลาล่วงไปถึงสามทุ่มตรง พี่เอสจึงทำหน้าที่พิธีกรอีกครั้ง
“และในตอนนี้ก็ถึงเวลาของการประกวดการแต่งกายกันแล้วครับ อย่างที่ผมได้แจ้งให้ทราบว่า คืนนี้เรามากันในธีม ‘ทะเลดาว’ เพราะฉะนั้น เราจะมาค้นหาผู้ที่แต่งตัวตามธีมได้โดนในคณะกรรมการที่สุด เพื่อรับเงินรางวัล 5,000 บาท กันครับ”
เสียงโห่ร้องดังมาจากผู้ชมซึ่งไม่มีใครรู้มาก่อนว่างานนี้จะมีเงินรางวัลให้ด้วย จากเดิมที่ทุกคนแต่งกันมาเล่นๆ โดยไม่คิดจะลงประกวด กลายเป็นแย่งกันลงประกวดให้วุ่น จนต้องมีการคัดเลือกผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย เพื่อมาแสดงความสามารถเรียกไลค์จากกรรมการ
“สำหรับผู้เข้ารอบคนแรกนะครับ ท่านนี้มาแบบสวยๆ คนเดียวเลยครับ ขอเสียงปรบมือให้... คุณแจนครับ!!”
คุณแจนขอเปิดเวทีด้วยการเต้นเพลงฮิต ที่แลกเบอร์กันไปเป็นล้านเบอร์ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยท่าเป๊ะเก็บทุกเม็ดจนเรียกเสียงปรบมือกันสนั่น
“หญิงแจนก็ได้เต้นจนทรายยุบกันไปแล้วนะครับ มาถึงผู้เข้ารอบคนที่สองบ้าง ว๊าว... อันนี้มาเป็นคู่ดูโอ จากสมาชิกของเกย์สเกลเองครับ ขอเสียงปรบมือให้น้องเมตและน้องสิปป์ด้วยคร๊าบ”
ผู้เข้ารอบกำลังกินไก่ทอดกันปากมันแผล็บ เลยต้องรีบซดน้ำแล้ววิ่งขึ้นเวทีไปอย่างงงๆ คืนนี้นักเขียนกับตากล้องมาในลุคเซิร์ฟบอย เสื้อฮาวายปล่อยชาย กางเกงขาสั้นลายดาว และหมวกสไตล์บรูโน่ มาร์ส ด้วยการแต่งตัวเหมือนกันอย่างกับแฝด ทำเอาพี่เอ้ถึงกับเสียจริตส่งเสียงกรี๊ดเชียร์จนออกนอกหน้า ยิ่งได้รู้ว่าทั้งคู่มาแสดงอะไรแล้วพี่เอ้ก็แทบจะลงไปนอนดิ้นตาย
“จริงๆ วันนี้เราสองคนไม่ได้เตรียมอะไรมาแสดงเลย...” เมตตาออกตัวอย่างเขินๆ นานๆ ทีจะเห็นหนุ่มเซอร์ทำอะไรแบบนี้
“ใช่ครับ...งั้นเราขอร้องเพลงที่เราชอบร้องกันบ่อยๆ แล้วกันครับ” สิปป์เสริมต่อ พร้อมๆ กับที่เสียงกีตาร์จากเมตตาดังขึ้น
“เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ” มือกีตาร์ปิดท้าย ก่อนเพลงท่อนแรกจะถูกขับร้อง
“ทะเลสีดำ ไม่มีแสงไฟ ...มองไม่เห็นทาง เธอกลัวหรือไม่” เพียงเท่านี้บก.เอ้ก็ถึงกับทรุดนั่งแล้วกรี๊ดจนสุดเสียง มวลมหาความฟินที่อยู่ดีๆ ไอ้คู่นี้ก็จัดให้แบบเต็มๆ ทำเอาสาววายตัวแม่ถึงกับตั้งตัวไม่ทัน
“ได้ยินเสียงเธอ จะกลัวอะไร ...จับมือฉันไว้ ฉันก็อบอุ่นหัวใจ” สิปป์ศิลป์ร้องท่อนต่อไปสลับกับมือกีตาร์ แม้จะตื่นเต้นแต่ก็อดขำท่าทางของพี่เอ้ไม่ได้ นี่ถ้าได้รู้ได้เห็นแบบเต็มๆ สงสัยเลือดพี่เอ้จะหมดตัว
การแสดงของสองหนุ่มจบลงด้วยการประสานเสียงท่อนสุดท้ายพร้อมการมองตากันเบาๆ ซึ่งสองหนุ่มยืนยันว่าเป็นการมองตาเพื่อส่งสัญญาณ ไม่ได้มีนัยอื่นใดเหมือนที่พี่เอ้มโนจริงจริ๊ง!
“พนักงานครับ ผมขอยาดมกับยาลมให้ป้าข้างหน้าด้วยนะครับ” พิธีกรเอ่ยแซวพี่สาวตัวเองที่ดูท่าจะอาการหนักจากโรคหัวใจวาย
อีกสามลำดับที่ผ่านเข้ารอบเป็นลูกค้าทั้งหมด เนื่องจากสมาชิกเกย์สเกลคนอื่นๆ เล่นแต่งตัวตามใจชอบ โดยไม่อิงกับดาวหรือทะเลแม้แต่น้อย อย่างเช่นพี่เป็ดกับน้องจี ที่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคู่แฝดบันนี่ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่พี่เป็ดบอกกับทุกคน
“กูอยากเห็นน้องจีใส่หูกระต่าย จบป่ะ”
ส่วนน้องปันมาในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงเลที่เหมือนมาเข้าค่ายรับน้องมากกว่า ด้านพี่เก็ตยังคงความไม่แย่แสโลก ด้วยเสื้อยืดลายหูฟังอันเบ้ง กางเกงยีนส์ ในขณะที่พี่พุดกับพี่ชิขอบายตั้งแต่ต้น เพราะขี้เกียจหาพร็อพให้วุ่นวาย
“เดี๋ยวเราจะให้ทุกท่านที่ไม่ใช่ผู้เข้ารอบ ร่วมกันลงคะแนนลับๆ แล้วมาประกาศผลให้ช่วงท้ายงานนะครับ ส่วนในตอนนี้ ถึงเวลาของความสนุกสนานแล้ว ใครอยากร้องเพลงอะไร มากระซิบกันแบนด์บนเวทีได้เลยนะครับ”
ครั้งนี้พี่เอสขอไม่ ‘เปิดไมค์’ เหมือนทุกที เพราะรู้สึกเจ็บคอและตัวเริ่มรุมๆ อาจเพราะตากแดดโดนน้ำมาทั้งวัน จึงปล่อยให้ลูกน้องและลูกค้าเต็มที่กันไปแทน ส่วนตัวเองหลบฉากมาซัดยาพาราเงียบๆ คนเดียว
“เดี๋ยวนี้กินยาได้แล้วเหรอ” พี่ปืนแซวคนที่หย่อนเม็ดยาลงคอแล้วซดน้ำตามอักๆ
พี่เอสกลืนน้ำจนหมดแก้วแล้วจึงหันไปมองอีกคนตาขวาง “จะสี่สิบแล้วป่ะ กินยาไม่ได้คงตายไปนานแล้ว”
“หูย... พี่น้องคู่นี้นี่ยังไง สลับกันโหดใส่ผมอยู่เรื่อย” คนโดนตอกกลับบ่นอุบ ก่อนจะถามถึงอาการของคนป่วย “แล้วเป็นอะไร กินยาไรไป...ไหนดูซิ”
ไม่ทันจะได้ยื่นซองยาให้ อีกคนก็คว้าเอาตัวของคนป่วยเข้ามาใกล้ แล้วแตะเบาๆ ที่หน้าผากเพื่อวัดไข้เหมือนทุกที
“นี่...” พี่เอสส่งเสียงเย็นๆ กับคนที่เหมือนจะทำเกินกว่าเหตุไปนิด
“ว่า?”
“บอกเลยนะว่า ไม่มีถ่านไฟเก่า ส่วนทางต่อไปไม่เลี้ยวซ้ายก็เลี้ยวขวา ห้ามยูเทิร์น!”
พี่ปืนได้แต่ขำกับคำสั่งเด็ดขาดจนหน้าดำหน้าแดง ก่อนรับปากหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไร และจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว
“แต่ถามอะไรอย่างสิ” พี่ปืนปล่อยมือ แล้วกระซิบเสียงเบา
“ว่า?”
“เห็นว่าเกือบแต่งงาน แล้วทำไมไม่แต่ง หืม?”
“อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอก” พี่เอสเล่าเสียงราบเรียบ “แค่ผู้หญิงเค้ารู้ว่าผมเคยคบผู้ชาย แล้วก็รับไม่ได้น่ะ”
พี่ปืนยืนนิ่ง เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง ส่วนพี่เอสยิ้มขำแล้วตบบ่าคนฟังเบาๆ “ช่างมันเหอะ เป็นโสดดีกว่าเยอะ ...ไปๆ เข้างานกัน”
สองหนุ่มมาถึงหน้าเวทีอีกครั้งในตอนที่สมาชิกออกสเต็ปกันจนลืมอายุไปแล้ว โดยเฉพาะพี่เอ้ที่กำลัง ‘เตี้ยลงๆ’ อยู่กลางฟลอร์ พี่เอสถึงกับบ่นว่าอุตส่าห์รีเควสเป็นวงอะคูสติกอย่างเดียว ทำไมรีสอร์ทถึงใจดีแถมดีเจเปิดแผ่นให้อีก (วะ)
“พี่ปืน พี่เอสสสสส” เจ้าของเสียงที่ตะโกนแข่งกับจังหวะตื๊ดๆ คือน้องจี ซึ่งยังคงประดับหูกระต่ายไม่มีหลุด
“เด็กคุณเรียกพวกเราทำไมอ่ะ” คนถูกเรียกหันไปถามบอสใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ใช่เด็กผม เด็กเจ้าเป็ด!” พี่เอสรีบแก้คำพูดให้ถูกต้อง “แล้วจะรู้มั้ยล่ะ ก็เข้าไปสิ”
พี่ปืนลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ลากให้เพื่อนสนิทเข้าไปด้วยกัน พอน้องจีเห็นปุ๊บก็กระโดดโหยงๆ ดีใจใหญ่
“พี่ปืนกับพี่เอสมาแล้วๆๆ” มือขาวคว้าแขนของพี่ใหญ่ทั้งสองคนให้มายืนกลางวงก่อนอธิบาย “มาถ่ายรูปรวมกันหน่อยฮะ”
รูปรวมที่ว่าไม่ใช่การยืนเรียงแถวหน้ากระดานแต่เป็นการที่ทุกคนถือแก้วแล้วเฮกันอยู่ในวง เพื่อให้เมตตาใช้เลนส์ฟิชอายเก็บภาพความสนุกสนานไว้ครบในแชะเดียว จากนั้นก็เป็นมหกรรมโพสต์ท่า ที่ทุกคนพยายามจะสรรหาแอคชั่นและโพสิชั่นมาพรีเซนต์ตัวเองอย่างเต็มที่
“เอ้าๆ พี่เก็ตกับปันมาถ่ายคู่กันหน่อยสิ” ตากล้องร้องเรียกสองกราฟิกที่เอาแต่ยืนมองคนอื่นแล้วหัวเราะ น้องปันทำหน้าเหรอหราแต่ก็ยอมขยับมายืนหน้ากล้อง ในขณะที่อีกคนยังลังเล
“เร็วๆ ดิ่พี่ เร๊วววว” เด็กตัวโย่งกวักมือเรียกพี่ชายที่ยืนนิ่ง จนสุดท้ายต้องไปคว้าแขนแล้วลากให้มาถ่ายรูปด้วยกัน
“ยิ้มหน่อยๆ” เมตตาตะโกนแข่งกับเสียงเพลง พอได้ภาพสมใจแล้วก็เดินไปหาเหยื่อคนต่อไป
“ไอ้สิปป์!” ตากล้องสุดเซอร์คว้าคอเสื้อเพื่อนรักที่กลายมาเป็นคนรักไว้แน่น “มาถ่ายรูปกัน”
สิปป์ศิลป์ที่กำลังมึนๆ เบลอๆ พยักหน้าแล้วยิ้มตาหยีรอท่า พอเห็นคนถือกล้องยังหาคนถ่ายให้ไม่ได้เลยหยิบมือถือตัวเองมาเปิดกล้องหน้าถ่ายไปพลางๆ
“หนึ่ง สอง” แชะ!
ถ่ายเสร็จเจ้าของโทรศัพท์ก็อัพภาพคู่ขึ้นอินสตาแกรม แถมยังแชร์ลงเฟซบุ๊กเรียบร้อย พร้อมคำบรรยายที่ทำเอาเพื่อนในลิสต์ถึงกับต้องขยี้ตาหลายรอบเมื่อได้เห็น
“เฮ้ยๆ อัพลงเฟซเลยเหรอ” เมตตาเห็นหน้าจอมือถือแว๊บๆ เลยต้องร้องถาม ซึ่งอีกคนก็เอาแต่หัวเราะคิกคักแล้วบอกว่า ‘อือ’
‘ที่รักคร๊าบบบ’ คือแคปชั่นใต้ภาพทำเอาเมตตาต้องร้อง ‘ฮะ!!’ เสียงดังลั่น ตกลงว่ามึงเมาจริงใช่มั้ยไอ้สิ๊ปปป์
เสียงเพลงสุดตื๊ดค่อยๆ เฟดเบาลง พร้อมๆ กับการปรากฏตัวบนเวทีของพี่เอส พิธีกรกิติมศักดิ์กล่าวทักทายผู้ร่วมงานแล้วขอโทษขอโพยที่มาขัดจังหวะความสนุก ก่อนจะบอกว่าถึงเวลาประกาศผลการประกวดการแต่งกายตามธีมแล้ว
“...และผู้ที่ได้รับรางวัล การแต่งกายดีเด่นในค่ำคืนนี้ได้แก่...”
เสียงกลุ่มคนด้านล่างตะโกนกันโหวกเหวกโวยวายเต็มกำลัง โดยเฉพาะบก.เอ้ที่เป็นหัวคะแนนสำคัญของลูกรักทั้งสอง ซึ่งพยายามล็อบบี้ให้ทุกคนโหวตสิปป์กับเมตด้วย
“ได้แก่....คุณเจี๊ยบครับ!!” เสียงปรบมือโห่ร้องแสดงความยินดี พร้อมเจ้าของรางวัลที่เดินเซแซ่ดๆ ขึ้นเวที เจ้าตัวเป็นกะเทยโฉมงามที่บางทีถ้าหลุดๆ ก็จะแมนขึ้นมาโดยไม่คาดคิด แต่คืนนี้เธอจัดเต็มในชุดลิตเติ้ลเมอร์เมด ดูมาแรงแซงโค้งทุกคนแบบไม่เห็นฝุ่น
“ขอแสดงความยินดีกับนางเงือกน้อยของเราด้วยนะคร๊าบบบ” พี่เอสประกาศพร้อมมอบรางวัลตามสัญญา พอเสร็จสิ้นพิธีการ พี่เอ้เลยขึ้นไปแย่งไมค์จากน้องชายบ้าง
“ฮาโหลๆ... เอ้มีรางวัลพิเศษอีกหนึ่งรางวัล ที่อยากมอบให้ผู้ที่ชนะใจเอ้ค่า” พูดจบก็ควักแบงค์พันสองใบออกมาแล้วโบกหยอยๆ “ขอเชิญน้องสิปป์และน้องเมตขึ้นมารับรางวัลค่า!!”
เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองคนขึ้นไปบนเวทีแบบงงๆ ซึ่งบก.ตัวป่วนก็ยืนยิ้มหวานรออยู่แล้ว
“สำหรับเงินก้อนนี้ ก็ถือว่าพี่ให้เป็นทุนสำหรับค่าสินสอดของทั้งคู่นะ ขอให้รักกันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร มีเรื่องมาให้พี่ได้ฟินบ่อยๆ โอเคร๊”
“จูบเลย จูบเลย จูบเลย!” ต้นเสียงคือพี่เป็ดที่ตะโกนนำ ทำเอาลูกค้าสนุกสนานร่วมตะโกนด้วย จนคนได้รับรางวัลอายม้วน รีบกล่าวขอบคุณพี่เอ้แล้ววิ่งลงจากเวที ไม่บ้าจี้ทำตามเสียงยุดังกล่าว
“รอแต่งจริงแล้วเดี๋ยวจะจูบโชว์นะครับ!!”
“ฮิ้วววววววว”
เสียงตะโกนแหวกเสียงเชียร์นั้นไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นของ...สิปป์ศิลป์!! ผู้ที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตอบรับเสียงโห่ฮิ้วจากผู้ชม ในขณะที่เมตตาถึงกับกุมขมับ เพราะรับมือไม่ทันกับอาการเมาแล้วกล้าของแฟนตัวเอง
...พี่เมตเครียดครับ พูดเลย!
…………. Gayscale Magazine………….
วันสุดท้ายของทริปเอาท์ติ้งมาถึง พี่พุดจัดการเช็กเอาท์ให้กับสมาชิกในทีมพร้อมทั้งลูกค้าทุกห้อง เพราะนอกจากจะเป็นคนรับหน้าที่นี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว พี่พุดยังเป็นคนเดียวที่มีชีวิตปกติ ไม่เข้าขั้นเสียจริตเหมือนสมาชิกที่เหลือ โดยเฉพาะสิปป์ศิลป์ที่เผลอตัวกินเหล้าเยอะไปหน่อย กรรมที่ตามมาเลยได้มาโก่งคออาเจียนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
“โอเคนะ ไม่มีใครลืมอะไรใช่มั้ย” เสียงแหบแห้งของพี่เอสเอ่ยถามคนบนรถ ซึ่งนั่งคอพับกันอย่างหมดสภาพ
“รถคันลูกค้าโอเคแล้วนะ ทางนั้นบอกว่าแยกกันเลยก็ได้” พี่เอ้เดินมาบอกกับน้องชาย หลังไปดูแลให้ทุกคนขึ้นรถโดยสวัสดิภาพ
“ดีเหมือนกัน เพราะไม่รู้ไอ้คันเราจะงอแงไม่ยอมแวะเที่ยวหรือเปล่า งั้นเดี๋ยวผมไปลาลูกค้าก่อนนะ”
พี่เอ้ขึ้นนั่งบนรถตู้ ก่อนจะหันไปเช็กความเรียบร้อยของผู้โดยสารอีกครั้ง ภาพที่เห็นคือตากล้องกำลังถือยาดมจ่อจมูกนักเขียน พี่เป็ดกำลังเอาหมอนรองคอให้น้องจี ส่วนคนอื่นๆ ก็นอนหลับตาหน้าแฮงค์กันทั่วทุกคน
พอทุกอย่างเรียบร้อย ทีมเกย์สเกลก็ได้บอกลา Dream Catcher กันตอนเที่ยงพอดีเป๊ะ รถตู้แล่นออกมาทางเดิม ซึ่งพี่เอสถามย้ำกับเด็กๆ หลายรอบว่าจะแวะเที่ยวหรือซื้อของฝากกันหรือเปล่า หากทั้งหมดโบกมือและเอ่ยคำว่า ‘ม่ายยยย’ กันอย่างพร้อมเพรียง
“ยังไงก็แวะหน่อยแล้วกัน แม่บ่นอยากกินข้าวหลามหนองมน ไม่ซื้อให้เดี๋ยวมีงอน” พี่เอ้กล่าวสรุป
“เดี๋ยวก็ไขมันเกินอีกหรอก” ลูกชายคนเล็กบ่นสำทับ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “เออคุณ เดี๋ยวเลยไปหาแม่หน่อยมั้ย กลับไปถึงน่าจะยังไม่เย็นมาก”
พี่ปืนเหลือบมองพี่เอ้เหมือนกล้าๆ กลัวๆ จนคนถูกมองพูดขึ้นบ้าง “ก็...ก็ไปสิ”
เพียงเท่านั้น สองหนุ่มที่เหลือก็แอบอมยิ้มแบบรู้กัน
“ยิ้มอะไรกัน!” บก.เอ่ยเสียงดุ “งั้นค่าข้าวหลามเอาไปหารกันสองคนเลยนะ!”
พี่ปืนวางแผนจะซื้อข้าวหลามไปสักร้อยกระบอก เป็นการขอบคุณข้าวหลามหนองมนที่ทำให้ได้ความเป็นเพื่อนกลับคืนมา
และครั้งนี้เขาสัญญา ว่าจะไม่ทำลายมันลงอีกแล้ว...
TBC.
อะไรคือมาลงสองตอนรวด!!
แฮ่ๆ พอดีสองตอนนี้ต้องเขียนต่อกันค่ะ
พอเขียนเสร็จแล้วเลยคิดว่าเอามาลงเลยดีกว่า ไม่รู้จะกั๊กไว้ทำไม
อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องราวของรุ่นใหญ่นี่เหมือนคอลัมน์สัมภาษณ์นะ
เนื้อหาจะเยอะ จะดราม่า จะนู่นนี่มากกว่าเด็กๆ
ตอนเริ่มเขียนเรื่องนี้ เราตั้งใจอยากให้ทุกคนในกองมีบทบาท มีสตอรี่ของตัวเอง
แต่ละคนมากบ้าง น้อยมาก คละเคล้ากันไป
จริงๆ เรื่องของพี่เอ้ พี่เอส พี่ปืน ลังเลอยู่นานว่าจะเขียนหรือไม่เขียน
บางคนอาจชอบให้พี่เอ้อยู่เหนือเรื่องราวต่างๆ เป็นเจ้าแม่ตัวชงสวยๆ ต่อไป
แต่เราเองคิดว่า คนอย่างที่เอ้นี่เราอยากรู้จักนะ
คนที่เหมือนจะเฮฮา เป็นที่พึ่งของคนอื่น เราอยากรู้ว่า ชีวิตจริง ตัวตนจริงๆ เค้าจะเป็นแบบนั้นมั้ย
(อ้างอิงจากบก.เก่าของตัวเองเลย ชีวิตดราม่าพอๆ กะพี่เอ้ 5555555555)
อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไง แนะนำกันได้นะคะ
ปล. เรื่องนี้อีกไม่กี่ตอนก็คงจะจบแล้วค่ะ แอบใจหายเนอะ
(คนอ่านบอก ใจหายไรป้า ดองนานเกิ๊น)
เจอกันตอนต่อไปจ้า
