Page 26 : เมตตา X พี่เป็ด (ฮะ?!)
มะรืนนี้ก็จะถึงวันเอาท์ติ้งของบริษัท ตอนนี้พนักงานทุกคนจึงไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน เพราะสมาธิทั้งหมดพุ่งตรงไปยังช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนแล้ว ไม่เว้นแม้แต่...บก.เอ้!
“สิปป์ แกอย่าลืมบิกินี่นะ” เสียงห้าวของบก.ร้องบอกนักเขียนในสังกัด คนถูกทักทำท่าขนลุกขนพอง
“พี่เอ้อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่น” สิปป์ยักคิ้วพลางยกแขนขึ้นมาเบ่งกล้าม “อย่างผมต้องแมนๆ โชว์ซิคแพค”
พี่เป็ดเลิกคิ้วกวนหลังได้ยินคำตอบนั้น “กางเกงตัวเดียว?”
“ใช่ที่ไหน” ตากล้องเอื้อมมือมาโอบไหล่ไอ้ตัวแสบที่แสร้งบีบน้ำตากระซิกๆ “แว่นตาอันเดียวต่างหาก!”
ทั้งออฟฟิศหัวเราะครืนพลางนั่งดูนักเขียนที่วิ่งไล่เตะตากล้องอย่างเอาเป็นเอาตาย บก.ใหญ่ส่งเสียงเชียร์เย้วๆ ขณะที่ในมือถือโทรศัพท์อัดคลิปความบ้าบอของลูกน้องตัวเองไปด้วย และเพราะพื้นที่ห้องทำงานที่ไม่ได้กว้างนัก ทำให้สิปป์คว้าชายเสื้อคนวิ่งหนีได้สำเร็จ ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผัน เมื่อเมตตาหวังเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส จัดการรวบตัวของไอ้คนที่ทำท่าจะกระโดดถีบไว้ แต่ขาเจ้ากรรมดันสะดุดกึกและเสียการทรงตัวโดยฉับพลัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนอึ้ง ทึ่ง เสียว กับภาพของผู้ชายสองคนที่ค่อยๆ เซแบบสโลว์โมชั่น พี่เป็ด...ผู้ซึ่งมีสติสัมปชัญญะดีกว่าใครก็พุ่งเข้าไปช่วยเหลือรุ่นน้องทั้งสองคนทันที แต่อนิจจา... ตามที่โบราณเค้าว่า หมูจะหามอย่าเอาคานเข้ามาสอด คนจะล้มอย่าเอาตัวมาช่วย ด้วยการเข้าผิดสเต็ปหรืออย่างไรไม่ทราบ ร่างของสิปป์ศิลป์กลับกระเด็นออกมานอนแผ่นอกวง ปล่อยให้ผู้ชายหน้าหนวดสองคนกลิ้งหลุนๆ ก่อนจะหยุดลงด้วยท่า 'ปากชนกัน' ประหนึ่งละครไทยหลายร้อยเรื่อง!
"เฮ้ยยยยย!"
บก.เอ้เป็นคนแรกที่วิ่งเข้าสู่พื้นที่อุบัติเหตุพร้อมกล้องในมือ "กรี๊ดดดดดด"
ทรุดตัวลงนั่ง แล้วเอาเข่ายันหลังของพี่เป็ดไว้ไม่ให้ลุก "แอร๊ยยยยย"
กดซูมไปที่ใบหน้าของลูกน้อง "อ๊ากกกกกก"
"โว้ย! พี่เอ้...หยุ๊ด!!" ผู้ชายสองคนด้านล่างพยายามเอาชนะแรงพลังช้างสารที่นั่งทับตนเองด้วยการตะเกียกตะกายลุกขึ้นแต่ไม่สำเร็จ จนต้องปล่อยให้บก. ถ่ายภาพเลยตามเลย สุดท้ายก็โดนปล่อยตัวให้มานั่งร่างเปลี้ยกันสองคน ในขณะที่สิปป์ศิลป์มีน้องจีช่วยประคองไปนั่งที่เก้าอี้ โดยมีที่พุดและเซลส์นับเบอร์ 2 จัดเตรียมยาทาแก้ฟกช้ำให้
"เบาๆ สิวะ มือแม่งโคตรสาก" พี่เป็ดสะบัดแขนใส่ตากล้อง ที่กำลังนวดแขนขวาให้ ...เป็นเมะเรื่องนี้ชีวิตแม่งโคตรรันทด นอกจากต้องมาจูบกับผู้ชายหน้าโหด โดนสาววายถ่ายคลิปแบล็กเมล์ แล้วยังต้องมาทายาบีบนวดกันเองอีก!
คนโดนด่าเบ้หน้า "อยากได้บริการระดับเฟิร์สคลาส พี่ก็ไปใช้แฟนพี่สิคร๊าบบบ แหม่"
"ฮึ!" พี่เป็ดสะบัดเสียง ก่อนจะบุ้ยหน้าไปอีกฟากของโต๊ะทำงาน "แฟนกูก็อยู่กับแฟนมึงนั่นไง!"
ภาพที่เห็นคือร่างของสิปป์ศิลป์ที่นั่งทำหน้าตาสำออย ชี้ตรงนั้นตรงนี้ให้น้องจีทายา ...เดี๋ยวๆๆ ทายาท่าอะไรวะ ทำไมต้องโอบเอวน้องจี? พี่เป็ดไม่เข้าใจโว้ยยยย
"จี..." เซลส์นัมเบอร์ 1 เก็กเสียงหล่อขณะเรียกคนตัวเล็ก ทว่าคนถูกเรียกทำเมินเฉยไม่สนใจเสียงนกเสียงเป็ด ทำเอาคนเรียกหงอยลงไปถนัดตา
"หึหึ" เมตตาไหวไหล่ ทำหน้าเหนือกว่า ก่อนจะหันไปโชว์สเต็ปเทพ "เชี่ยสิปป์!"
เจ้าของชื่อหันมาสนใจ...หกวิ ก่อนจะหันกลับไปหงุงหงิงกับน้องจีเหมือนเดิม
อ่า... รวดเร็วประหนึ่งชิดกว่าชม!
"ถุยยยย" พี่เป็ดสบถเสียงโซปราโน่ มึงก็กลายเป็นหมาหัวเน่าเหมือนกันแหละวะ เหอะ!
พี่เอ้นั่งมองไอ้ผู้ชายสองคนที่ทำหน้าเป็นหมาหงอยแล้วก็อยากจะขำดังๆ แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ที่พี่เป็ดกับเมตตาดูเหมือนจะสนิทกันกว่าที่คิด แต่ยังไงก็ช่างเหอะ พี่เอ้ขอสนใจคลิปเด็ดในมือก่อนก็แล้วกัน...
ถ้าพูดถึงความสนิทสนมของพี่เป็ดกับเมตตา ต้องบอกว่าสนิทกันระดับหนึ่ง ...หมายถึง ระดับ 1 จากทั้งหมด 10 ระดับน่ะนะ เพราะสายงานที่ไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กันเท่าไร เอาเข้าจริง เวลาต้องการจะบรีฟงานอะไรเกี่ยวกับภาพ พี่เป็ดมักฝากสิปป์ไปบอกเมตมากกว่า ถึงแม้ลึกๆ แล้วเมตตาจะเป็นน้องที่ดี แต่ด้วยลักษณะเงียบๆ กับท่าทีขรึมๆ นั่นก็ทำให้พี่เป็ดไม่ค่อยอยากจะติดต่ออะไรโดยตรง จนเมื่อไม่นานมานี้เอง ที่อยู่ๆ พี่เป็ดกับเมตตาก็ได้มาสนิทกันมากขึ้น ...แบบไม่ตั้งใจ
เรื่องมันเริ่มต้นมาจากคืนที่อยู่เคาท์ดาวน์กันที่ออฟฟิศ หลังการสังสรรค์จนเกือบถึงเช้า และผล็อยหลับไป พี่เป็ดก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความเคยชินตอนเจ็ดโมง และสิ่งแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือสมาชิกออฟฟิศที่นอนกันเกลื่อนพื้น ก่อนจะเหลือบไปเห็นใครบางคนขยับตัว ณ มุมหนึ่งของห้อง พี่เป็ดขยี้ตาอีกครั้ง ...เป็นตากล้องนั่นเองที่กำลังใช้เสื้อคลุมห่มร่างของนักเขียนซึ่งนอนขดอยู่ข้างกาย แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาทางกระจกทำให้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าโหดๆ และถ้ามองไม่ผิด พี่เป็ดว่าสายตาที่เมตตาทอดมองสิปป์ศิลป์นั้น...อ่า โคตรจะเต็มไปด้วยความรัก!
คล้ายๆ ว่าจะได้ยินเพลง L-O-V-E ดังคลอไปกับภาพตรงหน้า
‘L is for the way you look at me, O is for the only one I see...’ อืม...มันอาจเกิดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เพราะพี่เป็ดคิดว่านี่เป็น L-O-V-E ที่ช่างน่ารัก สดใสเหมือนเวอร์ชั่น Olivia Ong!
‘V is very very extraordinary, E is even more than anyone that you adore and...’เฮ้ย... เพลงมันควรลอยประกอบอยู่ในจินตนาการนะ ทำไมมันไม่จบไปซะทีวะ?
“สิปป์... สิปป์” เมตตาลุกขึ้นนั่งพลางปลุกเจ้าของโทรศัพท์ที่ร้องอยู่นานแล้ว
คนถูกเรียกขยับตัวแต่ไม่ยอมตื่น ซ้ำยังกลิ้งหนีไปซะอย่างนั้น
ตากล้องรีบคว้าตัวนักเขียนไว้ก่อนที่จะกลิ้งไปถึงร่างพี่เก็ต “สิปป์!”
พี่เป็ดที่ตอนแรกแกล้งหลับไปตัดสินใจตื่นจริงๆ เพราะคิดว่าไม่น่ามีของดีอะไรให้ (แอบ) ดูต่อแล้ว “มีไรว่ะเมต”
เมตตาเงยหน้าขึ้นมองพี่เป็ดสลับกับมองคนในอ้อมแขน โทรศัพท์เจ้าปัญหายังส่งเสียงร้องไม่เลิก ซึ่งพี่เป็ดรู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้เมา และโอลิเวียก็ร้อง L-O-V-E จริงๆ!
“เอ้อ...” เมตวางศีรษะกลมๆ ของเพื่อนสนิทไว้บนตักตัวเอง แล้วหันมาคุยกับพี่เป็ด“สงสัยกินเบียร์ไปเยอะแน่เลย ปกติเสียงอะไรดังนิดหน่อยก็ตื่นแล้วเนี่ย”
เซลส์นัมเบอร์วันเหลือบมองใบหน้าขาวที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนจะหันมาสนใจเจ้าของตักที่กำลังลูบผมของคนหลับเบาๆ พอเห็นดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจบางอย่าง
“เมต...”
เช้าวันขึ้นปีใหม่ที่โครงการของออฟฟิศเงียบสงัด มีเพียงไอ้บ้าสองคนเท่านั้นที่มานั่งเมาขี้ตากันอยู่ข้างล่างตึก เมตตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ บุหรี่ในมือส่งควันลอยอ้อยอิ่ง
“ว่าไง” พี่เป็ดถามย้ำเรื่องเดิมที่ทิ้งระยะให้คนถูกถามครุ่นคิดครู่ใหญ่
ไม่มีคำตอบ เมตตาถอนหายใจอีกครั้งแล้วยักไหล่เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร
“มันไม่เห็นยากเลย” พี่เป็ดเริ่มถอนหายใจบ้าง “มึงชอบไอ้สิปป์ใช่มั้ย ก็แค่ใช่หรือไม่ แค่นี้เอง”
“แล้วทำไมผมต้องตอบด้วย” ใบหน้าคมหันหนีรุ่นพี่ แต่ยังรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องอยู่ตลอดเวลา
“มึงไม่ตอบพี่ก็ได้ แต่ตอบตัวเองเถอะ ว่าไอ้ที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันเพราะอะไรกันแน่”
พี่เป็ดลุกขึ้นหมุนตัวเตรียมเข้าไปในออฟฟิศ ป่านนี้น้องจีคงจะตื่นแล้ว
“พี่...” ตากล้องเรียกอีกคนไว้ ใบหน้าคมดูเคร่งเครียดคล้ายจมดิ่งในความคิดของตัวเอง แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมา “พี่คบกับจี ครอบครัวพี่รู้หรือเปล่า”
“ก็อาจจะ แต่กูก็เป็น ‘แบบนี้’ มาตั้งนานแล้ว” อีกฝ่ายตอบน้ำเสียงไม่ยี่หระ ในขณะที่คนฟังอ้าปากค้าง
“...จริงดิ่”
“เออ! มึงไม่รู้เหรอ กูเป็นเกย์นะ” พี่เป็ดหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของเมตตา “แต่ลึกๆ แม่กูก็หวังอยากให้กูแต่งงานมีลูกนั่นแหละ”
เมตตากลืนน้ำลาย “ละ...แล้วพี่จะทำไง”
พี่เป็ดยักไหล่บ้าง “ก็ไม่ยังไง ถ้าถึงตอนนั้นกูชอบผู้หญิงไม่ได้ ...ก็ไม่แต่ง”
“แล้วแม่พี่ไม่ว่าเรอะ??”
“ยังไงแม่ก็เห็นอยู่แล้วว่าการแต่งงานไม่ใช่สิ่งสุดท้ายของชีวิต พ่อกับแม่เหมาะสมกันแค่ไหน นามสกุลดังเท่าไร ชาติตระกูลดียังไง สุดท้ายก็เลิกกันอยู่ดี”
“พี่เป็ด...”
“พี่เชื่อว่าแม่เข้าใจ จริงอยู่... ความรู้สึกรักวันหนึ่งมันก็จืดจางได้ แต่การจะให้เริ่มต้นกับคนที่ไม่รัก มันคงมีความสุขไม่ได้หรอกว่ะมึง”
คนผ่านโลกมาก่อนตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ “อย่ามัวแต่ไปตั้งคำถามอะไรให้มากมาย ตอบไอ้สิ่งที่มันควรต้องตอบก่อนดีกว่าว่ะ”
“อือ...” เมตตารับคำ ก่อนจะยอมรับในที่สุด “ผมไม่รู้ว่ะพี่ แม่งก้ำกึ่งมากๆ ระหว่างรักมันแบบเพื่อน กับรักแบบคนรัก”
“มึงเคยฟังเพลงของบร๊ะเจ้าป่ะ” พี่เป็ดถามเสียงจริงจัง
ตากล้องหน้าเหวอ “บร๊ะเจ้าอะไรของพี่วะ”
“โถ...ไอ้เด็กยุคไมโคร” เซลส์นัมเบอร์วันทำเสียงเหนือชั้น “กูจะบอกข้อสังเกตตัวเองจากบทเพลงของบร๊ะเจ้าให้ ถ้ามึงรู้สึกแบบนี้ แสดงว่ามึงชอบไอ้สิปป์ชัวร์!”
พี่เป็ดลุกขึ้นยืน กางขาเล็กน้อย ก่อนจะผายมือออกไปพร้อมเก็กเสียงหล่อ...
“หนึ่งคือหึงเมื่อใครใกล้เธอ ...สองคือเพ้อเวลาห่างกัน”
“ฮ...ฮะ??”
“สามคิดถึงเธอทุกวัน เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้”
“พะ...พี่เป็ด?”
“สี่ไม่อยากสบตา ส่วนข้อห้าน่ารักสิ้นดี”
“พี่เป๊ดดดด!”
“อะไรวะ ยังร้องไม่จบเลย” เมื่อเจอแรงกระตุกชายเสื้อพร้อมเสียงที่ร้องห้าม ผู้ถ่ายทอดสาส์นจากบร๊ะเจ้าจึงจำเป็นต้องหยุดร้องเพลงในที่สุด
“โอเคพี่ ผมจะไปลองคิดดู” เมตตารีบตอบรับก่อนที่ข้อหกถึงร้อยจะตามมาอีกเป็นกองทัพ
“ถ้าคิดได้แล้วไม่ต้องบอกกูนะ...” พี่เป็ดทิ้งท้าย “ไปบอกเจ้าตัวนู่น”
‘เจ้าตัว’ ที่พี่เป็ดว่า เดินงัวเงียเกาะขอบบันไดลงมาจนถึงประตูออฟฟิศ เมตตาเห็นท่าว่าจะไม่รอดเลยเดินเข้าไปรับเสียเอง
“เป็นไงมึง” มือหนาอังที่หน้าผากของเพื่อน
สิปป์ทำหน้าเหยเก “เวียนหัวโคตร”
น้ำเสียงแหบแห้งบ่งบอกว่าคงแฮงค์อย่างหนัก
“กูบอกแล้วว่าอย่าลอง มึงนี่!” ตากล้องบ่นอุบ ปกติไม่เคยกินแท้ๆ พอเจอไฮเนเก้นผสมสไปรท์เข้าไป ลืมโค้กเพียวเลยนะมึง
“พี่มียาแก้แฮงค์อยู่ในลิ้นชัก ขึ้นไปกินละกันสิปป์” พี่เป็ดบอกน้องก่อนจะพาตัวเองหายเข้าออฟฟิศ ปล่อยให้ไอ้เพื่อนรักสองคนนั่งหงุงหงิงกันต่อ
ระหว่างเดินขึ้นบันได เซลส์รุ่นใหญ่ก็ถอนหายใจไปตลอดทาง ...คิดว่ากูอายมั้ยที่อยู่ๆ ก็ต้องร้องเพลงของโซคูล แต่เพราะกูทนบรรยากาศเครียดๆ แบบเมื่อกี้ไม่ได้โว้ย ปกติกูก็เป็นร็อคมือขวาเหมือนมึงนั่นแหละ!!
หลังจากวันนั้น พี่เป็ดไม่รู้หรอกว่าเมตตาได้คำตอบจากบทเพลงของบร๊ะเจ้าหรือไม่ แต่ดูก็รู้ว่ามันมีความสุขดี และดูเหมือนจะสุขมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้บางครั้งไอ้ตากล้องจะมีคำถามแปลกๆ อย่างเช่น “ผู้ชายเค้าอยากได้ดอกไม้มั้ยพี่” หรือ “เวลากินข้าวกับจี พี่นั่งฝั่งตรงข้ามกันหรือฝั่งเดียวกัน” รวมถึงอีกหลากหลายคำถาม แต่ที่มาเหนือความคาดหมายสุดๆ ก็ไอ้เค-วายนี่แหละ สรุปแล้วพี่เป็ดกับเมตตาขยับขั้นความสนิทขึ้นมาแล้วหรือยังก็ไม่แน่ใจ แต่ที่พี่เป็ดแน่ใจก็คือ บุญคุณที่ได้เคยช่วยตากล้องไป คงต้องให้มันชดใช้ในวันนี้...
“มึงๆ” พี่เป็ดส่งไลน์ไปหาตากล้องที่นั่งอยู่อีกฟาก หลังการบีบนวดอันเร่าร้อน (?) เสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปทำงานตามเดิม
เมตตาชะโงกหน้าไปดูคนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยสื่อสารทางข้อความ หากก็พิมพ์ตอบกลับไป “ว่า”
“มึงช่วยอะไรกูหน่อยดิ่”
“อะไรวะพี่”
“กูโดนน้องจีโกรธว่ะ ทำไงดี” ส่งประโยคนี้พร้อมสติกเกอร์หมีที่นั่งร้องไห้น้ำตาไหลพรากเป็นเจ้าพระยา นี่แหละคือเหตุผลที่โดนน้องจีทำเมินเฉยใส่มาตั้งแต่เช้า
พอได้อ่านปุ๊บ เมตตาก็ตอบโดยไม่ต้องคิด “ก็ง้อดิ่”
“ถุย! ถ้าง้อแล้วหายจะมาถามมึงมั้ย”
เมตตากดสติกเกอร์ moon ที่ทำท่ากลั้นขำจนตัวสั่น เลยได้รูป moon ทุ่มขอนไม้ใส่กลับมาทันควัน
“แล้วพี่จะให้ผมทำอะไร” ที่ปรึกษาถามต่อ
“ช่วยคิดอะไรที่มันโรแมนติกๆ หน่อย”
“บอกมาก่อนว่าไปทำอะไรให้จีโกรธ”
“คือ” พี่เป็ดส่งมาเพียงเท่านั้นแล้วเงียบไปสักพัก ก่อนอีกประโยคจะตามมา “แฟนเก่าแม่งมาโพสต์บนวอลล์กู เพราะกูดันแอดเค้าเป็นเฟรนด์ว่ะ”
“สมน้ำหน้า” นี่คือสิ่งที่เมตตารู้สึกตั้งแต่ได้รู้เหตุผล ...จะสะสมแฟนเก่าไว้แลกแสตมป์เซเว่นเรอะ?
“ตกลงจะช่วยหรือจะซ้ำเติม”
“เออๆ” ตากล้องรับคำ “คิดวิธีได้แล้วจะบอก”
สติกเกอร์รูปเป็ดฮัมเพลงถูกส่งมาพร้อมข้อความติดสินบน “ดีมากน้องรัก ถ้าวิธีมึงได้ผล กูจะเอาของที่ดีกว่าเค-วายมาให้”
คนอ่านไลน์ที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มถึงกับสำลัก “กวนละๆ”
“หรือไม่เอา”
“เอา!”
“งั้นรีบๆ คิดแผนให้เร็ว” พี่เป็ดย้ำอีกที
“ครับผม!” ตอบพร้อมส่งสติกเกอร์รูปทหารตะเบ๊ะที่ไปโหลดของไลน์เกาหลีมา เสร็จแล้วก็แอบขำหึๆ อยู่คนเดียว
ปัง!!เมตตาสะดุ้งจนโทรศัพท์เกือบหลุดมือ เสียงตบโต๊ะสุดเหี้ยมไม่ใช่ใครที่ไหนทำแต่เป็นไอ้สิปป์ที่ทำหน้าตึงเหมือนอัดโบทอกซ์มาแบบโอเวอร์โดส
“อะ...อะไรมึง” ตากล้องเอ่ยถามเสียงหวาดๆ
“คุยไลน์กะใคร เห็นพิมพ์อยู่นานแล้วนะ” น้ำเสียงเย็นๆ บอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เมตตากลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ
ตากล้องหันไปสบตากับพี่เป็ดซึ่งขยิบตายิบๆ เป็นเชิงว่าไม่ให้บอกความจริง เพราะมีน้องจีนั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ
“ลงไปกินหนมในครัวกันๆ” ไม่รอให้อีกคนอนุญาต เมตตาก็ลากสิปป์ออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
แผนพี่เป็ดจะช่วยยังไงยังไม่รู้ แต่ตอนนี้กูต้องช่วยตัวเองก่อนล่ะแม่ง!
Gayscale Magazine ไม่กี่วินาทีที่แล้ว
บก.ขอคุยมาแล้วจ้า....วันนี้มีเรื่องระทึกเกิดขึ้นในกองฯ เล็กๆ ของเรา เรียกว่าเป็นการครอสโอเวอร์ข้ามคู่ ซึ่งไม่ใช่ข้ามคู่อย่างเดียว แต่ยังข้ามข้างกันด้วย! ตายๆๆ บก.บอกได้คำเดียวว่าหัวใจจะ Y สี่ห้าตลบ เพราะอยู่ๆ บก.ก็ค้นพบโมเมนต์ที่น่ารักแบบหนวดๆ ระหว่างตากล้องกับเซลส์ที่ดูยังไงก็ “เมะ” ทั้งคู่! อ่ะ...อย่าเพิ่งส่ายหน้าทำท่าขนลุก นี่ออกตัวก่อนนะว่าไม่ได้จิ้นจริงจริ๊ง แค่ประทับใจมิตรภาพของลูกผู้ชายแบบเข้มข้น ที่นานๆ ได้เห็นทีก็ฟินดีเหมือนกัน แต่ยังไงก็ยังยืนยันว่าบก.จองตากล้อง ม. ไว้ให้นักเขียน ส. คนเดียวจ้า ส่วนพี่เซลส์คนนั้น เค้ามีหนุ่ม เอ้ย...หนูน้อยแก้มแดงใส่อะพอสโทฟี่ เอสอยู่แว้ววว
ก่อนลากันไปวันนี้ บก.ขอฝากคอลัมน์เก่าๆ ไว้ให้อ่านกันเล่นๆ กับ - How to : 10 วิธีเด็ดเปลี่ยน “รุก” เป็น “รับ”- คลิกที่ลิงก์ได้เลยจ้า //ยิ้มเขินๆ ทำท่าเหมือนบังเอิญเลือกเรื่องได้ตรงกับเรื่องเล่าแบบไม่ได้ตั้งใจ
TBC.สวัสดีปีใหม่ค่าาา
มีเรื่องมาแจ้งแบบเขินๆ ...ตอนนี้เรามีเพจแล้วนะคะ >>
lykar's fiction << เป็นเพจที่ไม่มีอะไรเลย 5555555
ก็ถือว่าเอาไว้พูดคุยทักทายกันก็แล้วกันเนอะ ใครอยากเมาท์มอยสอบถามอะไร เรียนเชิญกันได้ที่เพจเรานะคะ
เพิ่งเปิดใหม่มาก ไม่ได้บอกใครเลย ตอนนี้มีคนกดไลค์อยู่ 3 คน!! O_O
จบการโปรโมตเพจ ขอย้อนกลับไปตอนที่แล้วนิดนึง
มีหลายเสียงตอบรับฉาก Deleted Scene ทั้งอึ้ง ทึ่ง เสียว
บางคนกลัวว่าพี่เมตจะเสียเอกราช ...ไม่ต้องกลัวนะ ดูดีๆ นี่มันเป็นฉากที่ถูกตัดออกค่ะ (Deleted Scene)
เอาไว้ให้เค้าไปตกลงกันเองละกันว่าพี่เมตยอมจริงป่าว เหอๆๆ
//พูดอีกครั้ง ก็ใช่ว่ากรูจะรอดนะครัช - พี่เมตกล่าวเจอกันตอนหน้าจ้า
อย่าลืมไปไลค์เพจเค้านะ (ยังโปรโมตไม่เลิก)
https://www.youtube.com/v/ZWlDhbpuIgc