Page 25 : ขอสองคำ
เช้าวันเสาร์เวียนมาถึงอีกครั้ง พี่เป็ดในชุดสบายๆ คล้ายคุณชายนอกเครื่องแบบ กำลังนั่งเอกเขนกรอน้องจีและคุณแม่เตรียมข้าวของไปต่างจังหวัด เพื่อไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่นู่น ตอนแรกเลยแม่จะนั่งรถกลับไปเอง พอรู้อย่างนั้นพี่เป็ดจึงอาสาทำตัวเป็นลูก (เขย) ที่ดี ช่วยขับรถไปให้แทน ขณะกดรีโมทเปลี่ยนช่องหนีการ์ตูนยามเช้าไปเรื่อยๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นครืดๆ พาให้ผู้เป็นเจ้าของสงสัยนักว่าใครที่จะมีธุระในเวลานี้
‘เมตตา’ ชื่อบนหน้าจอสร้างความประหลาดใจขึ้นอีกสองเท่าเมื่อเป็นคนในออฟฟิศ นิ้วเรียวกดรับทั้งๆ ที่ไม่อยากจะรับ ...วันนี้วันหยุดแท้ๆ อย่าบอกนะว่างานเข้า!
"เฮ้ยพี่ คือ...ว่างป่ะ" ปลายสายเอ่ยถามน้ำเสียงติดจะเกรงใจอยู่ไม่น้อย
"ไม่ว่างว่ะ" พี่เป็ดเดาะรีโมทในมือเล่นไปมาตามประสาคนกำลังยุ่ง
"เหรอ ปรึกษาไรหน่อยดิ่"
"กูบอกว่าไม่ว่างโว้ย" น้องจีเดินออกมาดูว่าทำไมพี่เป็ดโวยวายแต่เช้า พอคนคุยโทรศัพท์โบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่มีอะไร เจ้าของห้องจึงเข้าครัวไปช่วยแม่เตรียมของต่อ
"คือแบบ อันนี้ถามเฉยๆ นะ ไม่ได้อะไร"
"กู ไม่ ว่าง" ย้ำทุกถ้อยคำหนักแน่น แต่ปลายสายก็หาได้สนใจไม่
"คือ...เวลาเราจะทำ ‘อย่างนั้น’ น่ะ...แบบ ไอ้นั่นมันจะ..เอ่อ...ตรง ...ตรงนั้น ยังไงอ่ะพี่" ตากล้องพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ เสียงเบา เรียบเรียงประโยคมั่วไปหมดจนคนฟังถอนหายใจ
พี่เป็ดเปิดประตูระเบียงก่อนจะก้าวออกไป ด้วยกลัวว่าจะด่าไอ้ปลายสายเสียงดังจนแม่ตกใจ "เอ่อ... ไอ้เชี่ย มึงจะไอ้นั่นไอ้นี่อะไรนักหนา มึงต้องการอะไรจากกู"
คราวนี้เมตตาเงียบไปจนพี่เป็ดนึกว่าสายตัด ก่อนจะหลุดคำบางคำออกมา "...เซ็กส์"
คนได้ฟังถึงกับสะดุ้งเฮือก มือไม้สั่น "มึง ไอ้เมต มึงงงง อย่าบอกนะว่ามึงแอบมองตูดกูทุกวัน!!"
"ถุยยยย พี่อย่าบังคับให้ผมพูด แค่นี้กูก็อายจะแย่แล้ว!"
"กูไปบังคับมึงตอนไหน ไอ่ฟายยย ตกลงมึงจะถามอะไร ว่ามาให้ไว กูรีบ"
พอบอกว่ารีบ เมตตาเลยไม่อ้อมค้อม "ผู้ชายกับผู้ชายเค้าทำกันยังไงวะพี่"
เหยดดด... ตรงประเด็นซะกูดริฟต์หลบไม่ทัน! แต่ว่าก็ว่าเถอะ... "คือ มึงทำไม่เป็น?"
"เฮ่ย ไม่ใช่เว้ย ทำเป๊นนน” อีกฝ่ายปฎิเสธเสียงสูง “แต่..อีกคนมันเจ็บจนไม่ยอมว่ะพี่"
พี่เป็ดยิ้มมุมปาก ทำน้ำเสียงราวกับเป็นปรมาจารย์ "โถ...งั้นกูจะบอกสุดยอดความลับให้ สองคำเท่านั้น รับรองฟิน!!"
…………. Gayscale Magazine………….
เสียงรายการทีวีเสนอข่าวช่วงเย็นขณะที่สิปป์ศิลป์กำลังสาละวนกับการตีไข่ในถ้วย วันนี้เขาถูกอัญเชิญให้มาเป็นผีบ้านผีเรือน เอ๊ย! พ่อบ้านพ่อเรือนของเชี่ยเมต ซึ่งเกิดอารมณ์ครุกรุ่นอยากกินกับข้าวฝีมือเขาขึ้นมา ถึงจะยืนยันไปหลายรอบแล้วว่า ‘นอกจากหล่อแล้ว กูก็ไม่เก่งอะไรเลย’ ก็ตาม ขณะกำลังตวงน้ำเปล่าใส่ถ้วย พ่อครัวก็รู้สึกถึงแรงกอดรัดจากด้านหลัง ก่อนจะตามมาด้วยไอ้หน้าหนวดที่ฝังจมูกลงกับแก้มอย่างเต็มแรง
โรแมนติกสัสๆ ถ้าไม่ติดว่า...
“เหม็นคาวอ่ะ” เจ้าของบ้านโวยวาย ในขณะที่คนถูกประทุษร้ายทางแก้มยิ้มยียวน
“เหอะๆ สมน้ำหน้า ไม่เห็นรึไงว่ากูเลอะไข่ไปทั้งตัว!” เนื่องจากการพยายามโชว์เหนือด้วยการตอกไข่มือเดียว ผลเลยกลายเป็นว่าไข่ไก่ฟองโตแหลกคามือ แถมยังไม่ไหลลงถ้วย แต่มันไหลลงแขนและหยดลงเท้าอย่างสวยงาม
“กูจะได้กินมั้ย ไข่ตุ๋นเนี่ย” ถึงจะบ่นเหม็น แต่จมูกโด่งก็ยังเคลียอยู่กับแก้มของพ่อครัวไม่ห่าง จนสิปป์ต้องแยกเขี้ยวแล้วทำท่าจะเอาส้อมจิ้มพุงนั่นแหละ ถึงยอมถอยตัวออกไป
“เอ้า! ยังมายืนทำหน้าตาแย่อีก นู่น...ไปเตรียมจานไป๊” ขาโหดบุ้ยปากไปที่โต๊ะกินข้าว ออกคำสั่งให้ลูกมือจอมป่วนทำตัวให้เป็นประโยชน์ ก่อนตัวเองจะมาคุ้ยข้าวของในถุงใบใหญ่ที่ใช้ให้เมตตาไปซื้อมา
“เดี๋ยวๆๆ” เจ้าของบ้านปราดเข้ามาประชิดแล้วแย่งถุงไปไว้ในมือ ทำท่าทีลับๆ ล่อๆ ก่อนจะส่งคืนให้อีกคน สิปป์ศิลป์เลิกคิ้วแต่ไม่ถามอะไร คิดว่าไอ้ตัวดีคงแอบซื้อบุหรี่มา วันนี้ถือเป็นวันปล่อยผี แต่อย่าให้เห็นละกัน ไม่งั้นจะเผาของกลางไปพร้อมผีนี่แหละ
หลังสงครามในครัวจบลง พ่อครัวจำเป็นก็เดินออกมาพร้อมต้มยำกุ้งเป็นอย่างสุดท้าย สิปป์เพิ่งรู้ว่าโลกนี้มีสิ่งที่ทำให้ทุกคนเป็นเชฟได้ ด้วยผงสำเร็จรูปหลากหลายเมนูที่ปรุงรสมาเกือบพร้อมใช้ เหลือแค่เติมเนื้อสัตว์ เติมผัก และปรุงรสเพิ่มอีกนิดหน่อยเท่านั้น
“กว่าต้มจะเสร็จ ผัดก็ไหม้” เมตตาเอ่ยแซวพ่อครัว พลางเขี่ยผัดผักที่หมูบางชิ้นดูจะสุกเกินไปหน่อย
คนถูกแซวจิ๊ปาก บ่นอุบอิบว่ากินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน เจ้าของบ้านหัวเราะลั่นก่อนจะตักหมูไหม้ๆ เข้าปากอย่างสบายอารมณ์ แม้ไม่มีคำชมอะไรหลุดออกมา แต่อาการเคี้ยวตุ้ยๆ นั่นก็พอจะทำให้พ่อครัวอมยิ้มได้เบาๆ
ทั้งสองคนลงมือจัดการมื้อเย็นกันแบบสบายๆ ใช้เวลาเท่าละครหลังข่าวเล่นจนจบพอดี หลังจากนั้นเจ้าของบ้านจึงรับหน้าที่ล้างจาน ปล่อยให้อีกคนไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
“อ่านอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนที่นอนคว่ำเปิดหนังสือในมือ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ยามอีกฝ่ายขยับตัว จนคนถามอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงกับผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้า
คนถูกถามชูหน้าปกให้ดู ก่อนจะกลิ้งตัวมานอนหนุนตักเจ้าของบ้านที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง และแอบจุ๊บเบาๆ บนพุงที่เริ่มจะยื่นออกมามากกว่าเมื่อก่อน
“เดี๋ยวเถอะๆ” เจ้าของพุงรีบแขม่วหลบ แล้วดีดหน้าผากไอ้ขี้แกล้งไปทีหนึ่ง พอโดนเอาคืนอย่างนั้นสิปป์เลยหันไปกัดพุงเจ้าของตักอีกหลายทีเป็นการตอบโต้
“เฮ้ย!” คนถูกกัดร้อง “อย่าขยับ!”
สิ้นเสียงคำสั่ง สิปป์ศิลป์ก็รู้ได้ถึงการขยับขยายของบางสิ่งใต้กางเกงนอน และก่อนที่มันจะเด้งมาแนบหน้า คนบนตักก็มุดตัวเองอยู่ใต้ผ้านวมไปแล้ว วงแขนแข็งแรงพยายามกอดร่างกลมๆ ทั้งผ้าห่ม ในขณะที่คนข้างในพยายามอย่างหนักที่จะเหนี่ยวรั้งเกราะกำบังนี้ไว้
“มารับผิดชอบ...เดี๋ยว-นี้” เมตตากระซิบกับไอ้คนที่กำลังเล่นซ่อนหา สิปป์อาศัยทักษะความเนียนเฉพาะตัวพลิกหนี แล้วยื่นมือออกมาปัดหมอนบนเตียงจนกระจัดกระจายไปทั่ว เจ้าของห้องหัวเราะหึหึขณะคืบคลานช้าๆ โดยไม่สนใจหมอนใบเล็กใบใหญ่ที่ลอยหวือมาปะทะตัว ในที่สุดมือใหญ่ก็เอื้อมถึงผ้านวมแล้วลากคนข้างออกมาได้สำเร็จ
คนตัวโตล้มลงนอนโดยไม่ลืมคว้าอีกฝ่ายมาด้วย ตากลมโตเสหลบเมื่อรู้สึกถึงการจับจ้องจากสายตาร้อนแรง เมตตาค่อยๆ กดจูบและสอดลิ้นเข้าไปในริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยนทว่าร้อนแรงอยู่ในที บดจูบยั่วเย้า ผละออก แล้วประทับลงมาใหม่ คล้ายหลอกล่อให้โหยหา แต่กระนั้นสิปป์ก็เต็มใจจะหลงกล จนเป็นฝ่ายไล่ตามความหอมหวานอย่างไม่รู้จบสิ้น
ร่างทั้งสองแนบชิดกันจนแทบเป็นหนึ่งเดียว มือใหญ่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังใต้เสื้อ ก่อนจะวกกลับมาที่กระดุมด้านหน้า ค่อยๆ ปลดออกทีละเม็ดๆ แล้วแทนที่ด้วยสัมผัสชื้นแตะพรมไปทั่วอก ไล่ลงมาที่หน้าท้อง และกลับไปที่เดิมอีกครั้ง
เมื่อรู้ตัวอีกที กางเกงนอนก็ถูกมือหนาเกี่ยวลงไปจนสุดปลายเท้า ก่อนส่วนใต้ผ้าจะถูกลูบไล้หยอกเย้าจนแข็งขืนในมือนั้น ร่างขาวดิ้นพล่านกับสัมผัสที่คล้ายจะจุดไฟเผาทุกส่วนให้มอดไหม้
“สิปป์...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ขณะที่มืออุ่นเลื่อนไปสัมผัสกับสะโพกมน “ขอ...นะ”
แม้สติสตังจะหลุดลอยไปกว่าครึ่ง แต่สิปป์ศิลป์ก็ยังพอรับรู้ได้ว่าความปรารถนาของเมตตาคืออะไร ถึงจะเตรียมใจและแอบศึกษาไว้บ้างแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันก็ทำใจไม่ง่ายขนาดนั้น "มะ...ไม่เอาอ่ะ"
วงแขนแกร่งกอดกระชับพลางเกลี่ยผมคนในอ้อมกอดเล่น "เจ็บนิดเดียวนะ นะ"
"คราวที่แล้วมึงก็บอกเงี้ย” อีกคนปฏิเสธ ปลายเสียงเบาลงจนแทบกระซิบ “ขนาดเข้าไปนิ๊ดเดียวกูยังนั่งไม่ได้ไปสามวัน"
เมตตาหัวเราะ นึกถึงครั้งก่อนที่พยายามกันอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกเพราะอีกคนร้องลั่น
"คราวนี้กูมีตัวช่วย" พูดจบก็คว้าเอาหลอดอะไรสักอย่างมาจากหัวเตียง สิปป์ศิลป์หลับตาปี๋ พยายามดึงผ้าห่มมาพันตัว
"ไม่มีอะไรช่วยได้หรอก กูว่ามันเป็นนิทานปรัมปรา เรื่องแต่ง ฟิคชั่น นิยาย ...ไอ้ตรงนี้แม่งเอาเข้าไปไม่ได้จริงหรอก เชื่อกู!"
"มึงแหละต้องเชื่อกู" พูดจบก็บีบตัวช่วยใส่มือ จัดการกระชากผ้าห่มออกแล้วตะครุบตัวอีกคนไว้ ก่อนจะป้ายเจลไปตรงช่องทางนั้น
"เชี่ยยยย เย็น!!” คนข้างใต้สะดุ้งกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่พลุ่งพล่านจนยากจะควบคุม “ยะ อย่าเอานิ้วมึงเข้าม๊าาา"
เมตตาทั้งขำทั้งสงสาร จึงยอมหยุดการรุกล้ำนิดหนึ่ง “เจ็บเหรอ”
คนถูกถามส่ายหน้า บอกไม่ถูก อธิบายไม่ได้ รู้สึกว่าไม่เจ็บ แต่มัน...แปลกๆ
"’งั้นหายใจเข้าลึกๆ นะ" เสียงทุ้มกระซิบกับแก้มแดงที่ร้อนผ่าว
"ว๊ากกก ลึกไปแล้วสัส!!"
"หึหึ" นิ้วยาวขยับช้าๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น "ดีมั้ย...หือ"
อีกคนส่ายหน้าไปมา "ไม่รู้ อื้อออ ดะ...ดี"
ริมฝีปากหยักกดจูบเบาๆ กับเรียวปากที่ถูกเจ้าของขบกัดจนเริ่มช้ำ ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มอีกนิ้วเข้าไปในช่องทางร้อน จนอีกฝ่ายส่งเสียงครางอย่างลืมตัว “อ๊ะ..”
เมตตาอมยิ้ม กระซิบถามคนในอ้อมแขน “กูเข้าไปได้หรือยัง"
สิปป์สะบัดหน้าหนี เชี่ย... มึงไม่ต้องทำตัวมีมารยาทตอนนี้ มึงเห็นมั้ย ประตูไม่ได้ล็อก จะเข้าก็เข้ามา ถ้ามึงไม่เข้ากูจะออกแล้วนะเว้ยยยย!
“ว่าไงครับ” ไม่! ไม่ต้องมาพูดเพราะ ไม่ต้องมาทำตาหวานเยิ้ม ไม่...
"อื้อ!" สาบานว่านี่เป็นคำอุทาน ไม่ใช่คำอนุญาต แต่ดูเหมือนคนที่รอฟังจะเข้าใจผิดไปไกล
ซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ถูกส่งให้มือเรียว พร้อมประโยคขอร้องกึ่งคำสั่ง “ใส่ให้หน่อย...นะ”
สิปป์หน้าบู้ แต่ก็ยอมทำให้แต่โดยดี หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาข้างออก ก่อนจะเอื้อมไปเกาะไหล่หนาไว้แน่น เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่ค่อยๆ แทรกเข้ามาในตัว เสียงคนด้านบนหอบหายใจหนัก อีกฝ่ายเริ่มขยับจากเชื่องช้าจนกลายเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเต้นของหัวใจ
เมตตาจ้องมองใบหน้าขาวที่มีเหงื่อซึม ใบหน้าคมก้มลงไปจนปลายจมูกแตะกับแก้มสีระเรื่อ และทิ้งรอยจุมพิตกับเรียวปากบางอีกครั้งและอีกครั้ง ความรู้สึกท่วมท้นขณะที่ร่างกายกำลังหลอมละลายรวมกัน
“สิปป์...สิปป์ อ่ะ...”เสียงทุ้มกระซิบรอดไรฟัน โอบกอดร่างข้างใต้ไว้ในอ้อมแขน ในขณะที่อีกฝ่ายคว้าไหล่หนาเป็นที่ยึดเหนี่ยว ก่อนจะขยับร่างกายตามแรงอารมณ์อย่างไม่อาจกลั้น
“อื้อออ...อื้อออ” มือขาวเร่งจังหวะกับบางส่วนของตนเอง เรียวปากบางขบเม้มลงบนผิวกายของคนตรงหน้า ระบายความเสียวซ่านทั่วแผงอกแกร่ง ก่อนความพุ่งพล่านภายในจะถึงจุดสิ้นสุด
“อ่า...” เมตตาหลับตาแน่น รั้งเอวบางของคนในอ้อมกอดเข้าหา ก่อนจะเร่งจังหวัดสุดท้ายแล้วปลดปล่อยออกมาในเวลาไม่ห่างกันนัก
หมดแรง...
เหนื่อยเหมือนวิ่งมาราธอนระยะไกลล้านปีแสง นี่ถ้ารู้ล่วงหน้าจะเตรียมตัววอร์มอัพร่างกาย วิ่งขึ้นลงบันไดวันละห้ารอบ ปิดท้ายด้วยการแอโรบิกตอนเย็นกับอาม่าหน้าบิ๊กซีทุกเย็น เพราะการมานอนขาเปลี้ยแขนตกแบบนี้มันเสียเชิงชายชะมัด!
“เจ็บมากมั้ย" เจ้าของบ้านที่เพิ่งอาบน้ำใหม่ทิ้งตัวหอมฟุ้งลงข้างคนนอนนิ่งบนเตียง อดไม่ได้ที่จะแตะเบาๆ ลงบนแก้มซึ่งโผล่พ้นผ้าห่มออกมา
สิปป์ขยับตัว ซุกเข้าหาคนข้างๆ "ไม่ค่อย"
"เห็นมั้ยกูบอกแล้ว" ริมฝีปากหยักยกยิ้ม ไล้มือไปตามใบหน้าของคนขี้อ้อน “งั้นอีกรอบป่ะ”
ปั้ก! กำปั้นกลมๆ ทุบลงกับไหล่หนา แล้วซุกหน้าลงกับอกกว้างอีกครั้ง "แล้วมึงรู้ได้ยังว่ามันจะไม่เจ็บ มึงล่อลวงกูใช่มั้ย"
"ใครบอก" ร่างสูงพลิกตัวให้คนตัวเล็กกว่าขึ้นมานอนบนตัว "กูลองแล้ว"
ใบหน้าขาวเงยขึ้นมาทันควัน "ฮะ? ลองอะไร ลองยังไง ลองกับใคร"
เจอเสียงเหวี่ยงๆ เข้าไปเลยต้องรีบบอก "ก็...ลองกับตัวเองนี่แหละ กูไม่เลวพอจะไปลองกะคนอื่นหรอกเว้ย"
"เชี่ย! แล้วมึงทำยังไงวะ" คนได้ฟังทำตาโต กลิ้งลงมาบนเตียง ก่อนจะชันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน
พอเห็นอีกคนตั้งใจฟังตาแป๋ว เสียงทุ้มก็เริ่มสั่น "ก็...บะ แบบ ที่ทำให้มึง...ง่ะ"
"อย่าบอกนะว่ามึงเอาเจลป้าย...ตรงนั้น" ถามคล้ายไม่แน่ใจ พลางเหลือบมองไปยังที่หมายเบื้องหลัง
“เออดิ่วะ” ตอบรับแบบเซ็งๆ
"แล้วมึง..." คนถามชูนิ้วขึ้นมาแล้วทำท่าขยับ
เมตตาพยักหน้า แล้วชู ‘สามนิ้ว’ ตอบ
"ไอ้เชี่ยยยยย มึงบ้าป่ะเนี่ย!" สิปป์ศิลป์โวยวายลั่น รู้สึกหน้าร้อนผ่าวกับการกระทำบ้าๆ ของคนที่นอนซุกหมอนข้างๆ
เมตตาถอนหายใจ เอ่ยเสียงอ่อยๆ "ก็กูกลัวมึงเจ็บนี่... กูก็ต้องลองก่อน ถ้ามันไม่โอกูก็คงไม่ทำกับมึง"
"มึงนี่มัน...ฮึ่ย" พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เอนตัวลงนอนในอ้อมกอดอุ่นของอีกคน
"กูรักมึง" เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา
คำสั้นๆ ง่ายๆ ...ไม่ต้องหวาน ไม่ต้องเรียกแทนตัวเองให้เหมือนใคร เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว...
“กูก็เหมือนกัน…”
รักคืออะไร...คำตอบยังห่างไกลนัก
แต่คนของความรัก...อยู่ใกล้กันตรงนี้ตลอดมา
…………. Gayscale Magazine………….
เสียงเรียกเข้าดังปลุกรับเช้าวันอาทิตย์ เมตตาหรี่ตามองหน้าจอก่อนจะกดรับ อีกมือคว้าตัวคนข้างๆ มากอด แถมด้วยการหอมฟอดใหญ่บนแก้มนิ่ม
"ว่าไงพี่เป็ด"
"สำเร็จมั้ยมึง" ปลายสายส่งเสียงเจ้าเล่ห์
คนเพิ่งตื่นเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะกระซิบตอบ "...สำเร็จ "
"กูบอกแล้ว ...ฟิน!"
"บอกอะไรพี่เมตอ่ะ" เสียงน้องจีลอดเข้ามาทางโทรศัพท์ ตากล้องเลยถือโอกาสตัดสายทิ้งแล้วปิดเครื่อง ก่อนจะหันไปปลุกคนที่นอนซุกอยู่ข้างกายในเตรียมลุกไปกินข้าว
พี่เป็ดหันไปสนใจคนตัวเล็กที่อยู่ๆ ก็โผล่มา พอเห็นว่าโทรศัพท์ถูกวางไปแล้ว จึงคว้าคนที่ยืนคิ้วขมวดมานั่งบนตัก กระซิบข้างหูด้วยสองคำสั้นๆ ที่ทำเอาคนฟังหน้าแดงแป๊ดขึ้นทันที
"...เค-วาย"*Deleted Scene* "เฮ้ยมึง...ไหนๆ มึงก็เคยจึ๊กๆ เข้าไปแล้ว...” สิปป์ศิลป์ทำเสียงน่ารัก พร้อมท่าประกอบพอให้อีกคนเห็นภาพ “กูขอลองจึ๊กๆ มึงบ้างได้ป่ะ?"
เรื่องสยองสองประโยคทำเอาเมตตากระโดดไปชิดขอบเตียง "โน้วววว หยั่มมา"
อีกคนไม่ยอมลดละ มือเรียวสะกิดขาของเป้าหมายเบาๆ "น่าา ผลัดกันดิ่"
"เอ่อ...ขอผลัดไปก่อนได้ป่ะ"
คนได้ฟังยิ้มร่า "แสดงว่ามึงยอม?"
"ครั้งเดียว!" ตอบกลับทันควัน ก่อนที่อะไรๆ มันจะไปไกลกว่านี้
"เหอะๆ ขอสักครั้งแล้วจะตั้งใจเรียนนะคร๊าบบบบ!"
TBC.จบเหอะ! *พี่เมตคุกเข่าอ้อนวอน น้ำตาไหลพราก*
//ในที่สุดก็เขียนตอนนี้ได้สำเร็จ ว๊ากกกกกกกก!!
อ่านแล้วมันเป็นยังไงมั่ง ขัดๆ เขินๆ ไม่เนียนอะไรมั่งมั้ย
เขินยากเหลือเกิน ฮืออออฮืออออ
ปล.
ขอบคุณพี่ชาย (?) ผู้ไม่ประสงค์ออกชื่อ สำหรับการแนะแนวท่า? เอ่อ...ความรู้หลายๆ เรื่อง
ขอบคุณเพื่อนแฝดผู้ช่ำชองการอ่านบท NC สำหรับคอมเมนต์ติชม และชี้จุดผิดพลาดนะฮ๊าฟ
ว่าแต่....พี่เมตจะรอดมั้ย? 555555555