^
^
^
จิ้มผีบอร์ดรุ่นเก่ากึกคับ

สุขสันวันปล่อยผี...อยากฉลองแต่ดันอดไข้ดันขึ้น...เส้าชีวิต
-------------------------------------------------------------------
ตอนแรกผมว่าจะดื่มพอกรึ่มๆไหงขับมอไซเป็นตัวเอสเลยหว่าทุกอย่างเริ่มไม่อยู่ใรการควบคุม...แม้แต่การเดิน
เข้ามาถึงบ้านที่ผมไม่เคยพูดเต็มปากได้ว่าบ้านผม...ก็มันไม่ใช่จริงคนในบ้านก็ไม่ใช่
เริ่มรู้สึกไม่อยากเข้าแล้ว ขาผมเหมือนจะพาผมเดินออกไปอย่างอัติโนมัติ....ถ้าไม่โดนเรียกไว้ก่อน
“เต้ย!ไปไหนมา” คนที่นั่งรอถามทันทีพอเห็นผมเดินเข้ามาโดนว่าอีกแน่เลยกำ
“เพื่อนชวนไป...โทษคับ” ผมพยายามไม่สบตามากอยู่น้ำตามันปริ่ม
“ขอโทษอีกแล้วติดปากแล้วเรานะ” มันดึงผมไปนั่งตักแล้วกอดไว้
“เอ่อ...โทษคับ” ...ติดปากไปแล้วให้ทำไงแล้วไหงน้ำตามันไหลวะ
“ร้องทำไมเนี่ยหืม?” อีกฝ่ายเอามือมาปาดน้ำตาผม
“ฮึก...เปล่านี่ไม่ได้ร้อง” ...ทำไมตูขี้แงอย่างนี้เบื่อตัวเอง
คนตรงหน้าผมปลอบผมด้วยคำมากมายแต่มันไม่ได้เค้าหัวผมเลย
เหมือนกันจะหยุดหรอกแต่พอยิ่งปลอบกลายเป็นยิ่งร้องเค้าไปใหญ่
ผมไม่ได้สนใจกับคำว่าแฟนมากเท่าไรเพราะมันแค่คำพูดที่สำคัญกับผมคือการกระทำมากกว่า
ที่ผ่านมาผมไม่เคยเรียกร้องคำนี้เพราะอะไรผมก็ไม่รู้...ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงยอมให้ผู้ชายคนมามีอะไรด้วย
มานอนอยู่บ้านเค้าทั้งที่ผมจะบอกว่าอีกฝ่ายอยู่ฐานะอะไรผมก็ไม่รู้แต่เค้าเหมือนทั้งเพื่อนทั้งแฟนผม
บางครั้งก็บ่นว่าผมจนเหมือนพ่อก็มี...บางส่วนลึกๆในใจผมมันไม่ได้คิดแบบนั้นตลอดเวลา
ผมก็อยากได้อะไรที่มันชัดเจนบ้างในบางครั้ง...แต่เมื่อมันยังไม่ถึงเวลา
ลืมความรู้สึกบางเวลาแบบนั้นไปบ้างมันก็ทำให้สบายใจกว่าไม่ใช่หรอ
ไม่ใช่แค่ผมเลิกกับแฟนเก่าวันเดียวแล้ววันต่อมาจะเป็นแฟนกับได้
สิ่งที่แทบจะทำให้ผมเกือบบ้าตั้งแต่สมัยก่อนมันคือเวลาต่างหาก
บางครั้งเราลืมเวลาไปได้แต่พอหันหลังกลับไปก็เห็นอยู่ดีว่ามันผ่านมาเท่าไร
(งงกับผมไหมถ้างงก็งงต่อไปเถอะ...ผมก็งงกับตัวเองเหมือนกัน)
ส่วนคนที่ทำงานก็มีไม่มีคนที่รู้ว่าผมกับคุณต้องเป็นอะไรกับ
ส่วนใหญ่คิดว่าผมเป็นเด็กเค้าเฉยๆมากกว่า...มันก็เหมาะกับผมแล้วมั้งคำนี้
“ร้องอีกแล้วแฟนพี่ไม่ร้องนะคับ” เป็นประโยคแรกที่พูดเข้าเข้าหัวผมอย่างจัง
...ไม่ใช่แฟนพี่สักหน่อย...นั้นคือสิ่งที่ผมคิดตอนนั้น
แต่รู้สึกมันจะไม่ใช่แค่คิดเพราะเหมือนผมจะพูดประโยคที่ผมคิดออกจากปากไปด้วย
แค่ประโยคเดียวที่ผมรู้ว่าไม่ควรพูดเพราะบางครั้งเหมือนไปกดดันอีกคน...ทำเอาคนที่ปลอบผมอยู่เงียบทันที
“เต้ยอยากเป็นไหม” คนตรงหน้าถามผมด้วยหน้าเรียบ
“ฮึก..ไม่รู้...ฮึก” ...ประโยคแบบนี้เค้าถามกันรึไงไอบ้า
“ไม่รู้อีกแล้วงั้นต่อไปนี้เราเป็นแฟนกัน”
“...” ...จากที่ผมคิดมากอยู่คำว่างงมาแทนที่เต็มในหัว
“ต่อไปเราเป็นแฟนกัน” เค้าย้ำให้ประโยคเดิมให้ผมฟังอีกรอบ
มันง่ายขนาดนี้เลยหรอ...ต่อไปนี้เราเป็นแฟนกัน...ไม่ได้บอกขอเป็นแฟนด้วย
นี่มันบังคับแบบเผด็จการเลยนี่ แล้วไง...เป็นแล้วหรอ...อะไรวะ???
“เงียบพี่ถือว่าเต้ยตกลงนะ” พูบจบคนตรงหน้าเข้ามาประกบจากเข้ากับอย่างช้า
เม้นริมฝีปาก เหมือนเชิญชวนให้ผมเล่นด้วยแต่ผมดันตรงหน้าออกเผื่อถามก่อน
“เดี๋ยวๆแล้วพี่ฝน” ...ไปเลิกมาแล้วหรอเร็วเกินไปแล้ว
“วันนี้เลิกแล้ว...พี่ไม่อยากให้เราเคว้งนานกว่านี้” เค้าพูดด้วยหน้าเรียบแต่เสียงจิงจัง
...ไม่อยากให้ผมเคว้งหรอ...ไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
ระหว่างที่ผมกำลังดีใจปบกับงงครั้งที่สองแต่อีกผมจูบผมไปทั่ว
จนสติผมเริ่มกลับมาอีกรอบ ผมถึงเริ่มหันไปคุยกับคนตรงหน้าใหม่
“เดี๋ยวๆอย่าทำแบบนี้สิ” ผมพูดแต่เหมือนอีกฝ่ายไม่ค่อยอยากได้ประโยคแบบนี้เท่าไร
“งั้นข้ามไปแต่งกันเลยดีกว่า” คำตอบกลับเป็นประโยคทีเล่นทีจริงแทน
“บ้าไปแล้วหรอ.พี่...ตะ” คราวนี้เค้ามาประกบจูบจนผมเจ็บปากหน่อย
ก่อนผมจะปล่อยอีกฝ่านดุนลิ้นเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อคนตรงหน้าเห็นผมเริ่มโอนเองตามเริ่มปล่อมผมลงระนาบแล้วทาบตัวขึ้นทับ
เริ่มค่อยปลุกอารมณ์ผมขึ้นมา...ทุกสัมผัสเหมือนจะรู้จุดอ่อนผมหมดทุกอย่าง
จนคนตรงหน้าเริ่มเห็นว่าผมทนต่อไปไม่ไหว...นิ้วค่อยแทรกเข้ามา
ผมสะดุ้งนิดตอนรู้สึกถึงเจลเย็นที่เข้ามาพร้อมนิ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงครางในคอของผม
ซึ่งตอนนี้เสียงเริ่มออกมาทางปากอย่างชัดเจน ปากที่ประกบเข้ามากับมืออีกข้างที่อยู่ตรงยอดอกผม
ทำเอาผมจะเสียวจนทนไม่ไหวมือผมที่จับที่ตัวคนข้างบนเริ่มไปจับที่คอคนตรงหน้า
เพื่อแลกลิ้นได้ดุนลิ้นเข้าไปอีกจนผมรู้สึกเจ็บหน่อย...แต่ได้อารมณ์มากกว่า
“พร้อมนะ” เสียงแหบหน่อยพูดเบาข้างหูผมทำเอาผมใจเต้น
นิ้วค่อยๆถอนออกก่อนเปลี่ยนเปนของจริงที่พร้อมอยู่แล้วเข้ามาในร่างกายผมแทน
“คนดีเป็นแฟนพี่นะคับ” เสียงยังคงกระซิบอยู่ข้างหูผม ก่อนสายตาจะสบเข้ากับผม
สายตาที่ทั้งหวานทั้งเชิญชวนดุหน่อยจ้องมาที่ผมจนผมรู้สึกหน้าร้อนจากทั้งคำพูดกับสิ่งที่ยังทำค้างอยู่
คนตรงหน้าจับมือผมยกมือผมขึ้นไปจูบแล้วไปวางตรงแผ่นอกของตัวเองแล้วพูดออกมาเสียงเบาแต่ยังพอได้ยิน
“พี่ฝากไว้ที่เต้ยแล้วห้ามเอาคืนรู้มั้ยคับ” แม้จะไม่สว่างพอขนาดมองชัดแต่คนข้างหน้าผมหน้าแดงหน่อยๆ
“อืม” ผมรับปากเปลี่ยนจากมือที่เค้ากับผมไว้เป็นประสานกันแล้วจูบคนตรงหน้า
ทำเอาคนที่ผมจูบยิ้มหวานให้แล้วขยับส่วนที่ค้างอยู่เข้าออกอย่างเป็นจังหวะ
เป็นคืนที่ไม่ได้หวานขนาดผมปลื้มใจแทบหยุด...แต่เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกดี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใครแต่ผมขอบคุณที่ทำให้ผมเจอคนนี้ขอบคุณที่ผมยังอยู่ถึงวันนี้
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมเห็นคนที่กอดคนไว้เมื่อคืนยังหลับอยู่ทำเอาผมไม่อยากติ่นบอกไม่ถูก
เลยซุกหน้าลงเหมือนเดิมค่อยหลับตาลง แต่โดนกัดที่จมูกซะงั้น
"ใช้ความรุนแรง" ผมบ่นเสียงงัวเงียทำเอาคนตรงหน้ายิ้มหวาน
"อรุณสวัสคับคุณแฟน"
"บ้า" ผมบ่นเสียงเบาๆเอามุดเข้าผ้าห่ม...น่านอนต่อจิงๆ
"ไปอาบน้ำวันนี้ที่รักมีงานนะคับเดินไหวมั้ย"
"ไหวแต่...ขออีก5...ชั่วโมงนะ" จบประโยคผมโดนอุ้มตัวลอยมือผมก็คว้าคอคุณต้องด้วยความเคยชิน
"ไปอาบน้ำพร้อมกันดีกว่า" คนที่อุ้มผมยิ้มเจ้าเล่ห์
"ไม่เอา...ง่วง" ผมก็ยังงัวเงียเหมือนเดิม
"เพราะง่วงไงพี่อาบน้ำให้"
"แค่อาบนะ" ...ผมพยายามต่อรองเพราะเหมือนจะไม่ใช่แค่อาบ
"ไม่คับแค่อาบไม่ทำแล้วเช้านี้" พูดจบหอมที่หัวผมเข้าให้ทีนึง
สรุปมันก็ได้อาบทุกซอกทุกมุม...ตัวรอยไม่เคยหายเลยเฮ่อออ...แต่ช่างมันเถอะ
“พี่เต้ยมีคนมาขอพบพี่ข้างล่าง”เสียงเด็กฝึกงานที่สตูเดินมาบอกผมระหว่างที่ผมสอบงานเพื่อนที่ทำงาน
“ใคร?” ผมหันไปด้วยความแปลกใจนานทีถึงจะมีคนระบุถามหาตัวผม
“ไม่รู้เป็นผู้หญิงสวยดีน่าจะเกือบCเอวประมาณ...” เหมือนคนมาตามผมทำท่าจะบอกรายละเอียดอีกเยอะผมเลยห้ามไว้ก่อน
“เวนสัดส่วนไม่ต้องเค้าบอกรุเปล่ามาเรื่องไร”
“ไม่รู้ดิ” พูดเสร็จคนมาตายก็หายไปทันที...ให้มันได้อย่างนี้ไม่ได้เรื่องสักอย่าง
ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกคุณต้องหน่อยที่เรียกเด็กมาด่าชนิดเจ็บจนกระอักเลือด
“เดี๋ยวกูมาลงท่อนนี้ไปก่อนถ้าเสียงมันเปล่งๆค่อยมาแก้ทีหลัง”ผมบอกเพื่อนที่สอนอยู่ก่อนลงไปเจอคนที่คาดไปถึง
“สภาพเหมือนขี้ยาขึ้นทุกวัน” ผู้หญิงตรงหน้าทักผม
“ขอบคุณคับ” ผมไม่ได้ถือกับคำแบบนี้อยู่แล้วเลยพูดออกไปแบบนั้น
“อย่างว่าพวกเด็กขายน้ำหาคนเลี้ยงได้แล้วก็...คงเป็นได้แค่นี้” คำพูดพร้อมรอยยิ้มเหยียดส่งมา
“มาหาป๋าหรอครับคงอีกเกือบ2ชม.ถึงลงมาได้” ปกติผมเรียกคุณต้องว่าป๋าแบบสนุกนี่ครั้งแรกที่เรียกเพื่อความสะใจ
“มีเรื่องคุยด้วย” ผู้หญิงคนนั้นพูดกับผมเหมือนไม่เต็มใจ
Ps. ใครมาขัดขาขอให้...อาเมน