Lesson 12
( Show Part )
เฮ้อ เหตุการณ์เมื่อครู่ทำผมใจหายวาบ ก็ไอ้คนป่วยมันไม่เจียมสังขานเดินลงบันไดมาได้คนเดียว ดีนะที่ผมอยู่แถวนั้นมันเลยตกลงมาอยู่บนตัวผม ตัวมันเบาจริงๆไม่รู้สึกหนักเลยแต่นั้นแหละที่ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกสติเกือบจะหลุด เมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองทับอยู่เป็นผม ผมเลยไล่ไปกินข้าวในครัวซะเลย เพราะผมทำตัวไม่ถูกแล้ว เมื่อมันเดินไปในครัวผมก็เดินตามไปเหมือนกัน
“คิม เมื่อกี้ใครร้องอ่ะ เสียงดังเชียว” เฟียร์ถามคิม ผมเดินไปนั่งที่ของตัวเองซึ่งตอนนี้อาหารถูกวางเรียงรายไว้หมดแล้ว
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกเราตกใจนิดหน่อยนะ”
“ตกใจอะไรหรอเล่าให้เราฟังหน่อยสิ คิมเจอผีหลอกหรอ” เฟียร์ถามอย่างตื่นเต้น
“เพ้อเจ้อน่าเฟียร์ บ้านไอ้โชว์จะมีผีอยู่ได้ไง” ไอ้วินหันไปบอกเฟียร์
“ทำไมมันจะมีไม่ได้ ก็ตอนนี้ผีรอกินข้าวอยู่ตั้ง 2 ตน” เวร กูโดนใช่ไหมเนี่ย
“พูดแบบนี้ เดี๋ยวคืนนี้จะไม่ได้นอน” ไอ้วินพูดแล้วทำตากลุ้มกริ่มใส่เฟียร์
“ทำไมจะไม่ได้นอน บอกแล้วไงคืนนี้นอนกับคิม” เฟียร์พูดแล้วตักข้าวให้ทุกคน
“นี่เฟียร์ไปนั่งเถอะเดี๋ยวเราทำเองนะ” ไอ้คิมพูดแทรกขึ้นแล้วแย่งทับพีกับหม้อข้าวไปจากมือเฟียร์
“เฮ้ยๆ เจียมตัวซะบ้าง สำนึกหน่อยว่าตัวเองป่วย ไปนั่งเลย”
“แต่ว่า...” มันยังพูดไม่ทันจบเฟียร์ก็ดันหลังให้คิมมานั่งข้างผม เอ่อ...ทำไมต้องข้างกูด้วยเนี่ย
“นั่งข้างเรานะ เดี๋ยวตักข้าวเสร็จจะมานั่งนี่” เฟียร์ชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆที่เหลืออยู่ตัวเดียว
“อ้าวเฟียร์ ไม่นั่งข้างพี่ล่ะ” ไอ้วินตะโกนถามเสียงดังลั่น
“ไม่!!!” เฟียร์ก็ตอบไม่น้อยหน้า สงสัยจะมีงอนคืนนี้
ตลอดเวลาการกินข้าวผมเป็นอะไรไม่รู้ วันนี้รู้สึกตัวเองแปลกๆ ผมจะต้องหันไปมองคนข้างๆตลอดเวลา มองแล้วก็เพลินดีเหมือนกันแฮะ
“อิ่มแล้วหรอคิม” เฟียร์ถามขึ้นเมื่อคิมวางช้อน
“อื้ม อิ่มแล้วล่ะ” คิมตอบเฟียร์
“เฮ้ย อะไรอ่ะยังยุบไม่ถึงครึ่งชามเลย ไม่อร่อยหรอ”
“ไม่ๆ เปล่าๆ อร่อยมาก แต่เราอิ่มแล้วจริงๆ”
“กินเยอะๆหน่อย กินน้อยแบบนี้ตัวถึงได้เล็กแบบนี้ไง” -0- น้องเฟียร์ครับ น้องไม่ได้ดูตัวเองสักนิดเลยจริงๆหรอว่าตัวเองตัวเล็กกว่าคิมอีก แต่นิดเดียวมันสองคนตัวเกือบเท่ากันนั้นแหละแต่ไอ้คิมสูงกว่านิดหน่อย
“เฟียร์จ้า ว่าคนอื่นไม่ดูตัวเองเลยนะที่รัก” ไอ้วินหันมาพูดกับเฟียร์
“ใครที่รักพี่ คิดเองเออเอง”
“ไม่เป็นที่รักพี่แล้วเป็นที่รักใครล่ะครับผม”
“เฟียร์ที่รักคิมไง เนอะคิมเนอะ เฟียร์มีแฟนใหม่แย้ว” เฟียร์แล้วหันมาแกล้ง ออเซาะ กับคิม
“ตึ้ง!!!” ผมหันไปตามเสียงที่เหมือนมีคนลุกเร็วๆแล้วโต๊ะมันกระแทก
“อิ่มแล้ว” ไอ้วินพูดแล้วเดินออกไป บอกได้เลยว่าหน้าตามันบอกบุญไม่รับเลยด้วยสิ
“เอ้ย อะไรเล่าเฟียร์ล้อเล่น พี่วิน!!! รีบไปไหนเล่า” เฟียร์วิ่งตามไอ้วินไป ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็หัวเราะเพราะรู้กันดีว่าเป็นแผนของไอ้วิน พอเฟียร์ทำท่าจะง้อไอ้วินก็จะจับกินโถ่ใครๆเค้าก็ดูออกเว้ย
“เอ่อ ผมขอตัวนะครับทุกคน” ผมหันไปมองหน้าไอ้คิมแล้วมองไปที่ชามข้าวต้มมัน
“นั่งลงเดี๋ยวนี้!!!” คิมตาลีตาเหลือกรีบนั่งแทบไม่ทัน
“...” มันไม่พูดอะไรนั่งก้มหน้าอย่างเดียว
“กินเข้าไปให้หมดในชามน่ะ” ผมสั่งมัน
“ผมอิ่มแล้วครับ”
“…” ผมหันไปจ้องหน้ามัน มันก็จับช้อนแทบไม่ทันอีกนั้นแหละครับ ผมแอบยิ้มกับความซื่อของมันผมสั่งให้ทำอะไรก็ทำ หึหึ
พอกินข้าวเสร็จผมก็ไล่ให้ไอ้คิมขึ้นไปนอนบนห้องส่วนพวกผมก็นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก เล่นไพ่กัน เล่นเกมกันไปตามภาษาพวกผม จนถึงประมาณเกือบห้าทุ่มพวกเพื่อนผมก็กลับกันยกเว้น เฟียร์ กับ ไอ้วิน
“ไปขึ้นนอนกันเถอะ” ผมบอกมันสองคน
“ไอ้โชว์กูนอนกับมึงนะ” ไอ้วินพูดหน้าบึ้ง ผมรู้ว่ามันประชดเฟียร์
“ทำไมไม่มานอนกับเฟียร์ล่ะ” เฟียร์ถามขึ้น
“ก็ดูแลแฟนใหม่ไปสิ” ไอ้วินประชด
“…” เฟียร์เงียบแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
“กูขึ้นห้องก่อนนะ” ไอ้วินพูดกับผม ผมก็พยักหน้าบอกว่ารับรู้ แล้วมันก็เดินขึ้นห้องไป เฟียร์ก็เดินตามมันไปท่าทางคืนนี้ไม่รอดแน่ๆ
ผมไล่เช็คความเรียบร้อยของบ้านปิดประตู ปิดไฟแล้วขึ้นมาที่ห้องซึ่งตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าห้องแต่ลูกบิดล็อค สงสัยง้อกันอยู่ผมคิดแล้วก็ยิ้มแล้วลองเอาหูแนบประตู
“อื้อ...เอ๊าะ” ผมก็ได้ยินเสียงเล็ดรอดออกมา น่าจะเป็นเสียงเฟียร์เพราะว่าเสียงมันใสๆไม่ได้เสียงหนาแบบไอ้วิน
“ซี้ดดด อ๊าาา” คราวนี้เสียงไอ้วินแน่นอนเสียงมันทุ้มๆใหญ่ๆ ผมยืนฟังแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียวว่าแต่กูเป็นโรคจิตหรือเปล่าวะมายืนฟังเสียงคนอื่นทำกิจกรรมยามดึกกัน
“โว้ยยยยย เสียงดังเว้ยยย เกรงใจกันบ้างเบาๆดิ” ผมแกล้งตะโกนเข้าไปในห้อง เสียงในห้องเงียบลงแล้วมีเสียงตะโกนกลับมา
“แล้วใครใช้ให้มึงมายืนฟัง ถ้ามึงอยากก็ไปอีกห้องนู้น เมียมึงนอนอยู่ห้องนู้น”
“ตุ้บ ๆ ๆ ไอ้สัด!!!มึงเปิดประตูเลยนะไอ้เหี้ย” ผมตะโกนด่ามันแต่ทำไมไม่รู้ ผมไม่รู้สึกโกรธที่มันพูดแบบนี้
“มึงไปไกลๆเลยกูยังไม่เสร็จ ไปไหนก็ไปชิ้วๆ”
“เออ ไอ้สัด ระวังเฟียร์ไข้แดกนะเว้ย” ผมล้อมันเพราะรู้ดีว่าไอ้นี่ไม่เคยทำรอบเดียว
“ไม่แดกหรอก กูฝึกให้จนชินแล้ว” มันตะโกนตอบผมและผมแอบได้ยินเสียงคนโดนตีเนื้ออย่างแรง ท่าทางจะเจ็บนะไอ้วิน ผมเดินมาอีกห้องนึงซึ่งเป็นห้องของคนป่วย เอาไงดีเสื้อผ้าก็อยู่ห้องนู้น จะอาบน้ำยังไง ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าก็เจอชุดคลุมสีขาวเลยหยิบมาแล้วไปอาบน้ำทันที พอออกจากห้องน้ำผมมองนาฬิกาตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้ว ผมมองไปที่เตียงก็เจอคนป่วยนอนหายใจอย่างแรงแล้วท่าทางเพ้อๆ
“แฮ่กๆ แม่ แม่ แม่” อะไรมันเพ้อถึงแม่มันหรอ ผมนั่งมองอาการคนตรงหน้า ผมรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวไม่อยากให้อีกคนเป็นแบบนี้เลย
“คิม เป็นอะไร คิม” ผมถามอีกคนเบาๆ
“หนะ...หนาว” ผมมองคิมที่นอนตัวสั่นๆ ผมจึงดึงอีกคนเข้ามากอดทันที คิมมันคงไม่รู้ตัวมันเอาหน้าซบอกผมทันที ตอนนี้ผมใจเต้นแรงมาก ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันวะ ผมนอนมองหน้าคิมอย่างไม่มีเบื่อยิ่งมองยิ่งเพลิน
“ฟอด” ผมแอบหอมแก้วมัน แล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว แล้วก็มองอยู่อย่างนั้นนานมากจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้