เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นนะคะ อาจจะมีแค่ 5 ตอนจบ เท่านั้น แหะๆ
แต่งเอามันส์จริงๆ ฟินมาก มันอั้นไม่ไหว เนื้อเรื่อง แทบไม่ได้เกี่ยวกับโอลิมปิก เลย กั๊กๆๆๆ
ปล นิยายเรื่องนี้ อาจมีคำไม่สุภาพอยู่มากมาย( เพราะ นังพิต เกรียน ) ผู้ปกครองควรพิจารณา
ตอนที่ 1 : ม่านหมอกกริ๊งๆๆๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้น ในเวลา 06.30 ปลุกให้ร่างสูงของเป็นเอกจำต้องลุกจากที่นอน
ถึงวันนี้จะไม่มีเรียนแต่ก็ช่วยไม่ได้เขาตื่นเช้าแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ร่างกายมันคงชินซะแล้วล่ะ
ร่างสูงสะบัดหัวไล่ความขี้เกียจออกก่อนจะลุกเก็บที่นอน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกาย
แล้ววิ่งออกไปที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เหมือนทุกวัน
07.30 น.
ร่างสูงกลับเข้าบ้านก่อนจะมองถุงน้ำเต้าหู้ที่แขวนที่ประตู คิ้วเข้มขมวดจนเป็นปม
ก่อนที่จะทิ้งทั้งถุงลงถังขยะหน้าบ้านอย่างไม่ใยดี
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” เอ่ยบอกลอยๆก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
ร่างเพรียวของใครบางคนเดินออกมาจากที่ซ่อนพลางจะก้มลงมองน้ำเต้าหู้ในถังขยะด้วยสีหน้าโกรธๆ
ก่อนจะหยิบขึ้นมาเทให้ไอ้ด่างที่วนเวียนอยู่ข้างๆกินเหมือนทุกวัน
“กินซะนะ ด่าง ไอ้บ้านั่นมันไม่ยอมกินอีกแล้ว ลาภปากแกอีกแล้วล่ะ” เสียงภาษาไทยแปร่งๆ เอ่ยกับเจ้าสี่ขา
ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนซี้เขาไปเรียบร้อยแล้ว แรกๆไอ้ด่างมันก็ทำท่าจะกัดเขาซะให้ได้ อ่ะนะ
แต่ไปๆมาๆ หลังจากที่เขาเอาน้ำเต้าหู้ให้มันกินทุกวัน จนถึงวันนี้ เจอกันทีไรมันวิ่งหางกระดิกปรี่เข้าหาเขาตลอด
ผิดกับใครบางคน ที่นับวันจะยิ่งงี่เง่าไม่มีเหตุผล ไม่เคยรับรู้รับฟังอะไรสักอย่าง
“2 ปี แล้วนะที่มึงเป็นแบบนี้ มึงจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหนนะไอ” เอ่ยลอยๆกับสายลม
เขาได้แต่หวัง หวังว่าสักวันใครคนนั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมสักที
เงาร่างหนึ่งแอบมอง 1 คนกับอีก 1 ตัว อยู่ในบ้านเงียบๆ คิ้วเข้มที่ยังไม่ยอมคลายยิ่งขมวดเมื่อเห็นร่างเพรียวยังคง
นั่งเล่นกับไอ้เจ้าด่าง ไม่ยอมไปไหน เสียงพูดคุยหยอกล้อที่พอฟังดีๆแล้วเหมือนตั้งใจจะให้กระทบกับคนมากกว่า
หมายังดังไม่หยุด ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด ยิ่งมองยิ่งสมเพชตัวเอง มือหนากำผ้าม่านแน่นจนแทบจะขาด
ก่อนกำปั้นแกร่งจะชกซ้ำๆเข้าที่กำแพงนับครั้งไม่ถ้วน จนทั้งมือย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด
เพล้ง!!!
แจกันใบย่อมที่อยู่บนโต๊ะเตี้ยถูกปัดตกลงแตกจนคนที่อยู่นอกบ้านยังสะดุ้ง
ก่อนที่ร่างสูงจะได้ก้มเก็บเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นซะก่อน
“ไอ้ไอ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เป็นเอกเหลือบตามองแขกไม่ได้รับเชิญด้วยท่าทางเย็นชาก่อนจะยักไหล่ แสดงว่าไม่มีอะไร
แต่ช้ากว่าอีกคนที่วิ่งมาคว้าข้อมือแกร่งเอาไว้แน่น
“เดี๋ยว มึงเป็นแผลนิ ทำแผลก่อนนะ” เอ่ยบอกเจ้าของบ้านก่อนจะลากไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก
“ไม่ต้อง!!” เป็นเอกบอกกับร่างเพรียวที่กำลังวิ่งวุ่นหากล่องพยาบาลไปทั่วบ้าน
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า เดี๋ยวทำแผลให้” ว่าพลางนั่งลงข้างๆคนตัวสูง ก่อนจะจัดการทำแผลให้
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง!!”
“เมื่อไหร่ จะเลือกยุ่งกับฉันสักทีห่ะ”
เพล้ง!!!
เป็นเอกสะบัดมือออกอย่างแรงจนทำให้ขวดแฮลกอฮอล์ที่ ใครอีกคนถืออยู่ตกแตกไปด้วย
“ไอ กูไม่ได้มายุ่งกับมึงนะ ก็แค่จะช่วยทำแผลให้”
“นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องใช่ไหมห่ะ บอกว่าให้ออกไป แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก เข้าใจไหม!!!”
ตะคอกอย่างเหลืออดก่อนจะพลักร่างเพรียวตกจากโซฟา
“ออกไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก ออกไป!!”
“ไอ เป็นบ้าอะไรห่ะ มึงจะเป็นหมาบ้าแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน อดีตมันเปลี่ยนไม่ได้หรอกนะ ไอ ลืมมันเถอะ นะ”
“ลี แด ฮุน ผมบอกให้คุณออกไป จากบ้านผมเดี๋ยวนี้ได้ยินไหมครับ ผมไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน”
ร่างที่ยืนเต็มความสูงตะคอกอีกคน อย่างโมโห ก่อนจะฉุด ร่างเพรียวให้ลุกขึ้นแล้วผลักออกมาจากบ้านทันที
ปัง!!!
ประตูบ้านปิดใส่หน้า ร่างเพรียวอย่างไม่สนใจจนเขาต้องเดินออกมาอย่างเสียไม่ได้
แต่เขาจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ เขาไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด คนอย่าง ลี แด ฮุน ไม่มีคำว่า ยอมแพ้หรอก
ร่างสูงมองอีกคนผ่านหน้าต่างก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าใครคนนั้นกลับไปแล้ว
“มันไม่มีทางเหมือนเดิมหรอก แด ฮุน ไม่มีทาง” พึมพำเสียงเบา ราวกับคอยย้ำเตือนใจตัวเอง
ร่างเพรียวเดินบ่นลม บ่นฟ้า มาตามทางเดินในมหาวิทยาลัยอย่างเบื่อๆ เพราะไอ้คนเจ้าอารมณ์เมื่อเช้าที่ทำให้เขา
ไม่ได้เข้าเรียนแถมยังได้แผลที่มือมาเป็นของแถมด้วย
“แด ฮุน จ๋า” เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกไว้ทำให้ แด ฮุน ต้องหยุดเดิน ก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของเสียง
“อยู่นี่จ้า”
“อ้าว แมน มาทำอะไร แถวนี้อ่ะ” เอ่ยถามกับเจ้าของเสียง
“แหม ไอ้คุณ เกาหลี กูก็มาเรียนสิคร้าบบบ นี่มันหน้าคณะกูนะครับ”
“อ้าว เหรอ นี่กูเดินมาไกลขนาดนี้เหรอเนี่ย” ร่างเพรียวได้แต่เกาหัวตัวเองด้วยความ งง
เพราะที่นี่อยู่ห่างคณะเขาแทบจะเรียกได้ว่าคนละฝากของมหาลัย แล้วเขาเดินมาถึงได้ไงเนี่ย
“แหม มัวแต่ใจลอยคิดถึงใครเหรอจ๊ะ คนสวย”
“สวยบ้านมึงสิ ไอ้ห่าน กูหล่อ ใส สไตส์ เกาหลี เว้ย แล้วที่สำคัญกูก็ไม่ได้ใจลอยด้วย” แด ฮุน รีบแก้
เพราะแถวนี้คนน้อยเสียเมื่อไหร่ถ้าเกิดใครเอาไปพูดแล้วหาว่าเขาเป็นเกย์ใครจะรับผิดชอบเล่า
“อ้อ เหรอ ไม่ได้ใจลอยเลยเนาะ เดินมาถึงคณะกูเนี่ย คิดถึงใครที่เรียนคณะนี้ ป่ะจ๊ะ” แมนยังคงกวนไม่เลิก
“เชี่ย แมน ไปตีแบดของมึงเลยไป ก่อนที่กูจะบอกโค้ชว่า มึงชอบโดดซ้อมไปหลี สาวบัญชี บ่อยๆ คราวนี้โดนซ่อมระนาวแน่มึง”
“เชี่ย แด ฮุน อย่ามาพูดเล่นแถวนี้ดิว่ะ หูตาโค้ช ยิ่งกว่าสับปะรด เดี๋ยวกูจะซวย”
“รู้ตัวก็ดี ทีหลังอย่ามา เกรียนใส่พี่นะน้อง”
“มึงก็ด้วยแหล่ะ ไอ้เกาหลี กูรู้นะเมื่อเช้ามึงแอบโดด ไปหาไอ้ไอมาอีกแล้วใช่ไหมว่ะ”
แมนกระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันสองคน ซึ่งก็ไม่รู้จะกระซิบทำไม =_=
“ก็ กูทำเป็นเรื่องปกติของกูนิหว่า ”
“แล้วมันเป็นไงบ้างล่ะไอ้หมาบ้านั่นน่ะ วันก่อนกูเห็นมันหงุดหงิด พิกล สงสัยจะไป “ที่นั่น” มาอีกแล้วมั้ง”
“ก็เหมือนเดิมว่ะ เคยบ้ายังไงก็บ้าอย่างนั้น ช่างเถอะกูชินแล้ว”
“พอๆ มึงจะมาตัดพ้อ อะไรให้ฟัง กูไม่ใช่ไอ้ไอ นะเว้ย เก็บน้ำตาคลอเนี่ยไปอ้อนแฟนมึงโน้น กูไปล่ะ”
แมนเอ่ยล้อก่อนที่จะวิ่งหายไปกับผู้คน เหอะ ไอ้บ้าแมน ชวนเขายืนคุยกลางแดดตั้งนานสองนาน
นี่ป่านนี้เขาไม่โดนแดดเผาไปถึงไส้ติ่งแล้วเหรอว่ะเนี่ย
ตกเย็น ร่างเพรียวเดินเข้ามาในโรงยิม ก่อนจะลงมือเปลี่ยนชุดที่ใช้ฝึก
ปึกๆๆๆ ตุ๊บๆๆๆ
เสียงเตะที่ครุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ ทำให้ร่างเพรียวถูกเพื่อนๆในชมรมมองเป็นตาเดียว
เหอะ ก็ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเจ้าชายเกาหลี เขาโมโห
“เป็นอะไร ครับพี่ แด ฮุน” ไทม์ เด็กในชมรมเอ่ยถามเมื่อรุ่นพี่รองประธานชมรมร่างเพรียวเลิกซ้อม
“เปล่าหรอก พี่ก็แค่หงุดหงิดล่ะมั้ง”
“อย่างพี่เนี่ยนะ โห ใครว่ะ สามารถมาก ทำให้เจ้าชายเกาหลีของสาวๆทั้งมหาลัยหลุดมาดได้เนี่ย”
“ช่างเถอะ เรื่องไร้สาระ น่ะ” บอกกับรุ่นน้องอย่างไม่ใส่ใจ เพราะขนาดไอ้คนที่มันทำให้เขาหงุดหงิดมันยังไม่รู้สึกรู้สา
อะไรสักอย่าง แล้วเรื่องอะไรเขาต้องเก็บมาใส่ใจด้วยเล่า
“อ้อ พี่ เมื่อกี้ โค้ชบอกว่าถ้าพี่เลิกบ้าแล้วให้ไปหาด้วยนะ”
“อืม” ตอบรับแกนๆ ก่อนจะเดินไปที่ห้องพักนักกีฬา
“ไง หายบ้าแล้วเหรอ” เจ้าของร่างหนาเอ่ยทัก แด ฮุน
“แล้ว พี่ เอ้ย โค้ช มีอะไร”
“แหม ไอ้น้องเวร ความจำเสื่อมเหรอแกน่ะห่ะ”
ป้าบ!!
ร่างหนาบอกก่อนจะตบกะโหลกเรียกความจำไปหนึ่งที
“เจ็บนะโว้ย ไอ้พี่บ้า เป็นพี่ภาษาอะไร ตบหัวน้องว่ะ”
“เฮ้ยๆๆ เคารพหน่อย ที่นี่ ผมเป็นโค้ชคุณนะ คุณ ลี แด ฮุน”
“คร้าบบบบบ ว่าแต่คุณโค้ช มีอะไรให้กระผมรับใช้ครับ”
“แหม ไอ้นี่มาอยู่เมืองไทยแค่สี่ปี พูดไทยชัดขึ้นตั้งเยอะเว้ย”
“ก็คนมันเทพ ว่าแต่พี่มีอะไรรีบๆบอกมาดิ ผมจะรีบไปดูไอ้เด็กพวกนั้น ปานนี้มันแอบอู้กันแล้วมั้ง”
“แด ฮุน ตำแหน่งประธานชมรม ว่างมา 2 ปีแล้วนะเว้ย เมื่อไหร่แกจะยอมเป็นประธานสักทีว่ะ”
“ผมเคยบอกพี่แล้วไง ว่า ผมจะรอมัน ผมเชื่อว่าสักวันมันต้องกลับมา เพราะฉะนั้นผมจะไม่มีทางเป็นประธานชมรมเด็ดขาด
เพราะตำแหน่งนี้ เหมาะสมกับมันแค่คนเดียว”
เอ่ยบอกกับโค้ชที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายอย่างมั่นใจ ถึงแม้ว่าในใจจะไม่ได้มั่นใจอย่างที่พูดก็ตามที
แต่ต่อจะต้องให้รออีกนานแค่ไหนเขาก็เชื่อ เชื่อว่าสักวันมันจะกลับมา
“มึงนี่ ดื้อว่ะ เออ แล้วเตรียมตัวแข่งชิงแชมป์ด้วยนะ อีกสองเดือนนิ ร่างกายน่ะดูแลดีๆด้วย ฉันไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
ร่างสูงนั่งอยู่ในบ้านที่มืดสนิท แม้จะค่ำมากแล้วแต่คนในบ้านกลับไม่ยอมเปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว เขาเกลียดความมืด
เกลียดที่มันมีแต่ความหม่นหมอง เกลียดที่มันดูเหมือนจะกลืนกินจิตใจเขาทุกขณะ แต่ในทางกลับกันเขาก็ชอบมัน
ชอบเพราะมันทำให้เขาตัดขาดจากโลกภายนอก ชอบเพราะมัน ทำให้เขามองไม่เห็นความจริงอันโหดร้าย
ที่ตอกย้ำเขาอยู่ตลอดเวลา
......................................... TBC.....................................