Unbelievable Love [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ขอฝากหน่อย - ซาวเสียงคนที่อยากให้รวมเล่ม 'เป็นได้แค่ตัวแทน' และ 'ตัวจริงคือเธอ' อีกรอบ

รวมเล่ม
156 (88.1%)
เรื่องไรวะ ไม่รู้จัก 555+ (ดูที่ลายเซ็นคนเขียน)
21 (11.9%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 152

โพลล์

รบกวนโหวตรวมเล่ม Unbievable+Unintentional อีกครั้ง TT_TT ขอโทษๆๆๆ

Unbelievable only
21 (8.5%)
Unintentional only
10 (4%)
Unbelievable + Unintentional
217 (87.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 218

ผู้เขียน หัวข้อ: Unbelievable Love [END]  (อ่าน 850775 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #180 เมื่อ15-09-2012 01:10:12 »

เล่ย์ มาทีหลังแต่นำหน้าทุกคนเลยน้า ฮ่าๆๆ

พุตอบได้แค่สองคำนะ "ตกลง"

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #181 เมื่อ15-09-2012 01:12:27 »

อิอิ เขาขอเป็นแฟนกันแล้ววว *เตรียมจุดพลุ*
อย่างที่หลายคอมเม้นต์บอกมา สงสัยเล่ย์กับน้องพันจะไปเคลียร์กันมาแล้วเรียบร้อย
ซุ่มรอฟังคำตอบของพุด้วยคน
 :impress2:

gife1411

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #182 เมื่อ15-09-2012 01:28:05 »

เล่ย์มาแล้ว คิดถึงเป็นที่สุด

เรื่องนี้สนุกมากค่าาาาา

รอตอนต่อนะคะ^^

a-o-pai

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #183 เมื่อ15-09-2012 01:38:41 »

ชอบอ่ะ น่ารักมากอ่ะเรื่องนี้อ่ะ อิอิอิอิอิ

อย่ามาม่าเป็นพออ่ะ

อิจฉาพุคราบ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #184 เมื่อ15-09-2012 01:42:42 »

ถ้าพุปฎิเสธเนี่ย  ก็ข้ามขั้นโลดเลยนะเล่  :m12:

แฟนเฟินไม่ต้องเป็นมันละ  สามีภรรยาไปเลยดีกว่า  ฮ่าๆๆๆๆ   :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #185 เมื่อ15-09-2012 07:27:54 »

มาขอพุเป็นแฟนแบบนี้แสดงว่เคลียร์กับน้องพันมาแล้วอะดิ ยับเยินทั้งคู่ พุต้องดูแลทั้งสองคนนะ เดี๋ยวน้อยใจแย่ :z1:
น้องพันนี่น่ารักจริงๆน้า หวงห่วงพี่ชายแบบนี้ แต่เดี๋ยวพ่เลย์เค้าอาสาดูแลต่อแล้ว
แล้วอย่างนี้พุจะว่ายังไงน้อ ตกลงอย่างเดียวนะพุ :o8:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #186 เมื่อ15-09-2012 09:02:31 »

อร๋ายยยย เลย์ขอพุเป็นแฟนแล้ว คงผ่านด่านน้องพันแล้วอะดิ ยับเยินกันขนาดนี้อะ

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #187 เมื่อ15-09-2012 09:29:12 »

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

taiyo_sora

  • บุคคลทั่วไป
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #188 เมื่อ15-09-2012 11:24:23 »

น้องพุจะตอบไงละเนีย o13 o13

ออฟไลน์ sulsul

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #189 เมื่อ15-09-2012 15:58:51 »

สงสัยจะเจออริหน้าใหม่ ซัดกันมันเลย
พุ เอ๋อมากกก ชีวิตคนเมืองทำให้เอ๋อได้ขนาดนี้
ข้าขอคารวะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
« ตอบ #189 เมื่อ: 15-09-2012 15:58:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #190 เมื่อ15-09-2012 20:03:25 »

ออกไปเคลียร์กันมาช่ะ
น้องพันว่าไง
อะไรยังไงงงงงง
พุ ตกลงไปเลย ฮึกกกกก เอาเลย
คยกันเลยยยยย  พลีสสสส

ออฟไลน์ jubujubu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #191 เมื่อ15-09-2012 22:12:19 »

เรื่องนี้น่ารักดี ชอบๆ :m4:

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #192 เมื่อ15-09-2012 23:43:58 »

คุยกันมาแล้วแบบแมนๆ ขอพี่ชายผ่านน้องชาย ว่างั้น?
ก็เหลือผู้ปกครองจริงๆ สินะ 55
มีหาเศษหาเลยนะ นิดนึงก็ยังดี อะฮ้า (น่ารักอ่ะ)
ขอบคุณ และรออ่านต่อจ้า

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #193 เมื่อ16-09-2012 02:19:50 »

คนอื่นแอบจิ้นแพทเล่ย์  แต่ผมแอบจิ้นแพทเกียร์นะ 555

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: Unbelievable Story : Chapter 5 - 14 Sep 12
«ตอบ #194 เมื่อ16-09-2012 02:27:46 »

อะไรอะ มาให้คาใจชัดๆ!!!!!!!!!!!!!!!!!

ออฟไลน์ rainbow67

  • Life is like a rainbow. You need both the sun and the rain to make its colors
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +763/-15
Unbelievable Love : Chapter Nine
«ตอบ #195 เมื่อ16-09-2012 13:36:15 »

UNBELIEVABLE LOVE

Chapter Nine

 

 

“เฮ้ย หั่นเร็วๆ กันหน่อย พระจะมาแล้ว ยังไม่มีกับข้าวอะไรเลย”

ได้ยินเสียงโวยวายของไอ้ซอลขณะจะไปอาบน้ำผมจึงเลี้ยวเข้าไปชะโงกหน้าบอก “เอาอาหารง่ายๆ ก็ได้”

“อ้าวมึง เพิ่งตื่นเหรอ” ไอ้ซอลทัก

“โห ไอ้คุณชายพุ กว่าจะตื่นได้ไม่รอให้พระฉันเพลก่อนล่ะ” ไอ้เอ้ที่กำลังตำอะไรสักอย่างในครกเงยหน้ามาต่อว่าเมื่อเห็นผมยังอยู่ในชุดนอน

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดแก้ตัว ไอ้เดียวก็ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้เสียก่อน“เฮ้ย มึงก็อย่าไปว่ามันมากเลย สงสารมันเถอะ มันคงเพลีย”

“เพลียอะไรวะ เหล้าก็ไม่ได้กิ- ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แย้งยังไม่ทันจบ ไอ้เอ้ก็ปล่อยก๊ากออกมาเมื่อเก็ทมุกไอ้เดียว แล้วพวกมันสามตัวก็ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างครื้นเครง “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”

ปกติผมจะเข้าใจมุกของพวกมันช้ามาก แต่ครั้งนี้เหมือนมีชนัฎปักหลัง แค่มันพูดมานิดเดียวผมก็ร้อนตัวแล้ว และรู้ว่ายิ่งแก้ตัวก็คงจะยิ่งโดนพวกมันล้อ ผมจึงไม่พูดอะไร เอื้อมไปหยิบมะเขือเปราะที่วางอยู่ในถาดขว้างพวกมันคนละโป๊กสองโป๊ก

“โอ๊ย! ไอ้เชี่ย เจ็บ” ไอ้เดียวร้องเพราะโดนกลางกบาลพอดี

“สม” ผมว่าแล้วหยิบมะเขือลูกใหม่ขึ้นมา แต่ขว้างไม่ไปเพราะโดนมือของใครคนหนึ่งจับไว้

ไอ้เล่ย์แกะมะเขือออกจากมือผมแล้วโยนกลับไปใส่ถาด ว่าเรียบๆ “ทำอะไรกัน พระจะมาแล้ว” ก่อนจะหันหลังเดินจากไป… มาเร็วเคลมเร็วดีจริงๆ

เหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ไอ้ซอลรีบกลับมาทำอาหารต่อ พร้อมกับเร่งลูกมือไปด้วย “เร็วๆ พวกมึง เดี๋ยวไม่ทัน”

“จะทำอะไร?” ผมถามอย่างสงสัย ท่าทางจะอลังการมาก

“แกงเขียวหวานไก่กับต้มฟักกระดูกหมู” ไม่ทันชัวร์

“ยากไปมั้ย เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอกทำง่ายๆ ก็พอ”

“อาหารอะไรล่ะ ง่ายๆ”

“ไข่เจียวหรือยำปลากระป๋องก็ได้”

“เออๆ งั้นก็ลงมือเลยไอ้เอ้ ไข่อยู่ข้างมึงอะ ตอกสิ” ไอ้ซอลสั่ง ตั้งตัวเป็นหัวหน้าไปแล้ว แต่พวกเราก็ไม่มีใครค้าน ทำตามที่มันบอกเพราะมันทำอาหารเก่งสุด

“เดี๋ยวเราหั่นพริกให้” ผมเสนอตัว

“อย่า!” ทุกคนร้องขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะไอ้เดียวจะเสริม “อย่าได้ให้มันจับของมีคมเชียว”

“มาตีไข่ดีกว่ามา” ไอ้เอ้ที่กำลังหั่นหอมและมะเขือเทศบอก “งานยากๆ ที่เหมาะกับมึง” ก่อนที่พวกมันทั้งสามตัวจะประสานเสียงกันอีกครั้ง “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”

“ไอ้พวกบ้า” ผมงึมงำด่าแต่ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ว่าการตีไข่เป็นงานที่เหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว… หรือไม่ใช่

“เพล้ง!”

“นั่น กูว่าแล้ว” ไอ้ซอลกลอกตาเมื่อผมทำชามไข่หลุดมือแตก ก่อนจะดุ “ไปอาบน้ำเลยไอ้พุ ไม่ต้องช่วยแล้ว”

“ก็มันลื่นอะ” ผมงึมงำแก้ตัว

“ยัง ยังจะเถียง ไปเลยมึง ไปอาบน้ำเลย”

ผมทำหน้ามุ่ย “เออๆๆ ไปก็ได้วะ ชิ”

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ คนอื่นๆ ก็ทำกับข้าวเสร็จพอดี…

“ไอ้เล่ย์ไปใส่บาตรกัน” ไอ้เดียวตะโกนเรียกคนที่กำลังรดน้ำผักอยู่ตรงแปลงผักคะน้าข้างๆ บ้าน

เจ้าของชื่อหันมามองแล้วสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ” คงเห็นว่าคนเยอะแล้ว

“เฮ้ย ไม่ได้อุตส่าห์มีโอกาสแล้ว เกิดชาติหน้าจะได้เจอกันอีก เคยได้ยินมั้ย ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรคว่ำขัน”

“ร่วมขัน!!” พวกเราพูดแก้ ส่วนไอ้เดียวก็หัวเราะขำมุกตัวเอง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“คว่ำขันก็ไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว” ไอ้ซอลส่ายหน้า เอาไหล่กระแทกผม แล้วพยักพเยิดไปทางแปลกผักเมื่อไอ้เล่ย์ไม่มีทีท่าว่าจะไปด้วย “ไอ้พุ มึงไปลากมันมาเลย”

“ทำไมต้องเป็นเราวะ” ผมอิดออด

“ยังต้องถามอีกเหรอ” ทั้งสามคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนไอ้ซอลจะว่า “ไปดิ เร็ว”

จำใจเดินไปหาคนที่ยังคงรดน้ำผักอยู่ ผมงึมงำชวน “ไปตักบาตรกันมั้ย” คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้

“พูดอะไร” อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามมือก็ยังจับสายยางรดน้ำผักไปเรื่อยๆ

“ไปตักบาตรกัน”

“ก็ไปสิ” ไอ้เล่ย์บอก แล้วเดินไปปิดน้ำ

“เอ๊า ไปง่ายๆ  งี้อะนะ”

“แล้วทำไมต้องยาก” อีกฝ่ายว่าพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะหัวเราะหึๆ เมื่อผมยู่หน้าใส่

 

กลับมาจากตักบาตรก็ต้องช่วยกันเก็บกวาดครัวที่รกเหมือนโดนขีปนาวุธถล่ม หลังจากนั้นจึงได้ลงมือรับประทานอาหารเช้า

ถึงแม้อาหารมื้อนั้นจะไม่เลิศเลออะไรมาก แต่ก็อร่อยพอตัว…

“ไอ้พุ ถามจริง มึงทำอะไรเป็นมั่งเนี่ย นอกจากเรียน” ไอ้เอ้ถามขณะที่เรากำลังนั่งเล่นรอให้อาหารย่อย

“เป็นเยอะอะ ขี้เกียจบอก”

“ถุย” พวกมันประสานเสียงสรรเสริญผม

“เอางี้ มึงเคยทำนาป๊ะ”

“เคยดิ เคยเกี่ยวข้าว แต่ไปทำครั้งเดียว พ่อบอก ‘พุ พ่อว่าพุไปเอาดีทางการเรียนดีกว่า ไม่ต้องมาช่วยพ่อหรอก พ่อกลัวจะต้องมาตามเก็บไส้ให้พุว่ะ’ เราก็เลยไม่ได้ไปทำอีก”

“กร๊ากกกก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้สามตัวหัวเราะเหมือนคนบ้า ไอ้เดียวไม่ได้หัวเราะอย่างเดียว ทุบอกตัวเองด้วย

ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ผมหันมามองคนที่นั่งข้างๆ “ขำอะไร เดี๋ยวเหอะ”

ดีดหูผม ไอ้เล่ย์พูดกลั้วหัวเราะ “พาลว่ะ”

ผมเลยทุบมันกลับ แต่ก็ถูกจับมือไว้ แล้วเสียงเห่าหอนของสัมภเวสีแถวนั้นก็ดังขึ้น “อุ๊ย ผัวเมียเขาหยอกกันน่ารักจังเลยเนาะ อิจฉาอะ”

“อิจฉาทำไมจ๊ะ น้องก็มีพี่อยู่ทั้งคน” ไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับ ว่ามันสองตัวคือใคร

“คืนนี้นอนใต้ถุนเลย ทั้งสองคน” ผมว่า

“แน่ะๆ เขินๆ” ไอ้ซอลว่า แล้วมันสองคนกับลูกคู่ ก็พากันหัวเราะขำอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผม… เพื่อนชั่ว

“ปล่อยสิ” ผมบอกไอ้คนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือผม

แต่นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วมันยังจะมาดุผมอีก “อยู่เฉยๆ ยิ่งเขินมันก็ยิ่งล้อ”

แล้วมันห้ามกันได้มั้ย ความเขินเนี่ย!!

 

นั่งเล่นนั่งคุยกันไปซักพัก ไอ้เดียวก็เริ่มถามหาเหล้า“เปรี้ยวปากว่ะ อยากกินเหล้า”

“กูว่ามึงเป็นแอลกอฮอล์ลิสซึ่มแล้วว่ะ ไม่ได้กินซักวันจะตายมั้ย” ไอ้ซอลด่าเพื่อน

ไอ้เดียวก็ยักคิ้วกวนๆ แล้วตอบ “ไม่ตายหรอก แต่กูอยาก”

นั่งฟังพวกมันสองคนเถียงกันไปหยอกกันมาสักครู่ คนที่นั่งข้างๆ ก็สะกิดให้ลุกขึ้น “ไปเดินเล่นกัน”

ผมลุกขึ้นเขินๆ พร้อมกับเสียงเห่าหอนของสัมภเวสีทั้งสามตัว “ฮิ้วววววววววววววววว”

“จะโห่ทำบ้าอะไร แค่เดินเล่น” ผมงึมงำกลบเกลื่อนความอาย ส่วนพวกมันก็พร้อมใจกันทำหน้ากวนตีน “หราาาาา”

“หุบปากไปเลยพวกมึง” ไอ้เล่ย์ดุแล้วดึงผมให้ออกเดิน

แต่ยังเดินไม่ทันจะพ้น ไอ้ซอลก็เรียกไว้ “ไอ้พุอ้อยข้างบ้านนี่กินได้มั้ย” ข้างบ้าน พ่อปลูกอ้อยไว้ประมาณหนึ่งงานครับ ยิ่งหน้าแล้งยิ่งหวาน

ผมพยักหน้าอนุญาต “ตามสบายเลย” แล้วเดินต่อ

เดินมาถึงสระน้ำที่พ่อขุดไว้ ไอ้เล่ย์ก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดินโดยไม่กลัวกางเกงเปื้อน แถมยังฉุดผมให้นั่งลงเปื้อนเป็นเพื่อนอีกต่างหาก

นั่งกันอยู่เงียบๆ สักพัก ไม่เห็นคนชวนมาพูดอะไรก็สงสัย “มีอะไรหรือเปล่า”

“อยากอยู่เงียบๆ”

“อ้าว” พูดงี้เหมือนผมมากวนมันเลยอะ

ไอ้เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “สองคน”

“แล้วไป”

เรานั่งอยู่เงียบๆ สักพัก ผมก็ชักจะทนนิ่งต่อไปไม่ไหว หยิบก้อนหินมาปาใส่น้ำเล่น แต่พอจะปาก้อนต่อไปก็ถูกจับมือไว้

“พุ?”

ผมไม่ได้ขานรับ แต่หันไปมองคนเรียกเหมือนถาม

“เคยไปน่านมั้ย”

“ไม่เคยอะ”

“แล้วอยากไปหรือเปล่า”

ผมพยักหน้า “อยาก… แต่ไปช่วงนี้ไม่ได้”

ไอ้เล่ย์ละสายตาจากน้ำที่กระเพื่อมไหวในสระมามองผม แล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเหมือนถาม

“เดี๋ยวลุงรหัสจะมาเที่ยวบ้าน”

“วันไหน”

“เมื่อวานโทรไป เขาบอกอีกสองสามวัน”

“ก็ชวนไปด้วย”

“ไม่รู้เขาจะไปหรือเปล่า ไม่รู้จักใครเลย”

“แล้วไอ้พวกที่นั่งอยู่บ้านนั่นล่ะ รู้จักกันมานานมากเลยใช่มั้ย” มันประชด

ตอนที่รู้ว่าผมกับพวกไอ้เดียวไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ก็ยังไปค้างที่พัทยาด้วยกัน มันก็ดุซะ บอกเอาอะไรคิด เกิดเป็นคนไม่ดี ป่านนี้คงกลายเป็นศพไปแล้ว นี่ผมก็ไม่ได้บอกไอ้พันและพ่อกับแม่นะ ถ้าบอกคงจะโดนสวดยับ

“แล้วจะไปวันไหนอะ”

“อังคารหน้า” วันนี้วันพุธครับ

ผมพยักหน้า “อืม… บ้านใครอะ”

“บ้านยายกู”

“สวยป๊ะ”

“ก็ดี บรรยากาศคล้ายๆ บ้านมึงนี่แหละ แต่ใหญ่กว่านิดหน่อย”

แล้วเราก็เงียบกันไปอีกรอบ… แต่คราวนี้ไอ้เล่ย์เป็นคนขยับก่อน“พุ?”

“หือ?”

“เป็นแฟนกันแล้ว มึงอยากให้กูเปลี่ยนอะไรมั้ย” ไอ้เล่ย์ว่า ก่อนจะพูดดักเมื่อผมอ้าปากจะค้าน “แล้วไม่ต้องบอกนะ ว่าไม่ใช่แฟน หรือจะให้ทำมากกว่าจูบ”

ใจสั่นระรัวกับคำขู่ของอีกฝ่าย ทำอะไรไม่ถูก ก็ได้แต่งึมงำด่าเขินๆ“ไอ้บ้า”

…ก็จริงของมันถ้าไม่มีใจให้ผมก็คงไม่ยอมให้จูบให้หอมขนาดนี้หรอก

“เอ้าเร็ว โอกาสทองมีครั้งเดียว” อีกฝ่ายว่าขำๆ “ถ้าไม่บอกถือว่ามึงรับกูได้ ต่อไปห้ามมาบ่นนะ”

“อืม…” ผมพยายามคิด แต่สมองกำลังเบลอ เลยนึกออกแค่เรื่องเดียว“ไม่ชอบให้พูดมึง-กู” มันขัดหูอะ สงวนไว้ให้พี่ให้เพื่อนก็พอแล้ว… ถ้าจะมีแฟน ผมก็อยากให้เขาพูดด้วยเพราะๆ

“ได้” ทำไมมันยอมง่ายจังวะ “แต่มึงต้องแทนตัวเองว่าพุ แล้วเรียกกูว่าพี่”

ผมมองคนพูดอย่างสงสัย ทำไมต้องเรียกพี่ อายุเท่ากัน

“กูแก่กว่ามึง” ไอ้เล่ย์บอก แล้วล้วงกระเป๋าใส่ธนบัตรออกมา แล้วบัตรประชาชนยื่นให้

เออวะ มันเกิดก่อนผมปีกว่าด้วยซ้ำ มันเกิดต้นปีขาล ส่วนผมเกิดปลายปีเถาะ“กูเรียนซ้ำ ม. 6 ปีหนึ่ง” เจ้าของบัตรบอกโดยไม่ต้องให้ผมถาม

“ทำไมอะ ไม่สบายเหรอ”

“เปล่า” มันปฏิเสธ ไม่ได้ขยายความอะไร แต่ดีดหูผมที่กำลังพยายามกลั้นยิ้มแทน “ยิ้มอะไร”

ผมไม่ได้โต้ตอบ แค่หลุดเสียงหัวเราะที่พยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถออกมา “หึๆๆๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หน้าอย่างเด๋อ”

ไอ้เล่ย์ เอ้ย ไม่ใช่ ต้องเรียก ‘พี่เล่ย์’สิ… นับกันตามจริง น่าจะแก่กว่าพี่พิทด้วย

พี่เล่ย์หัวเราะหึ ไม่เดือดร้อนที่โดนผมล้อเลียนเรื่องรูปถ่ายในบัตรประชาชน แค่ยกยิ้มมุมปากแล้วเลิกคิ้วขึ้น “ใครถ่ายบัตรแล้วดูดี?”

“เรา เอ้ย พุไง” ยังไม่ชินครับ ขอเวลาปรับตัวหน่อยละกัน

อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น “จริงอะ” ก่อนจะแบมือขอ “ไหน เอามาดูดิ๊”

“อยู่บนบ้าน” ไม่ได้ออกไปไหน เลยไม่ได้พกติดตัว… แต่ขอยืนยันว่าดูดีจริงๆ ครับ เพราะก่อนจะไปถ่ายบัตร ผมเห็นตัวอย่างอันอุบาทว์ของเพื่อนๆ ที่ไปถ่ายก่อนแล้ว จึงมีเวลาเตรียมตัว ฝึกทำหน้าหล่อกับกระจกอยู่นานหลายชั่วโมง จนแน่ใจว่าถ้าถ่ายรูปออกมาแล้วต้องดูดีจึงยอมไปอำเภอถึงใครจะว่า ‘แค่บัตรใบเดียว’ ผมก็ไม่สนเพราะไอ้บัตรใบเดียวนี่แหละที่เราจะต้องทนอยู่กับมันไปหลายปี

ขนาดพี่เล่ย์หน้าตาดีๆ ยังดูเด๋อเลย แล้วคิดว่าถ้าผมปล่อยไปตามยถากรรม รูปในบัตรประชาชนมันจะออกมาทุเรศแค่ไหน… คิดเอาเองเห๊อะ

หลังจากหัวข้อเรื่องบัตรประชาชนผ่านพ้นไป เราก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องทั่วไป เรื่องดินฟ้าอากาศ บลาๆๆๆ

…และก็เช่นเคย คนที่ฟังเยอะก็คือพี่เล่ย์ และคนที่พูดเยอะก็คือผมเหมือนเดิม

รู้สึกขัดๆ เขินๆ กับสายตาที่มองมา ผมเสก้มมองพื้น มือไม้ที่วางอยู่เฉยๆ ก็เกะกะจนต้องหาอะไรให้มันทำ… ดึงหญ้าโชคร้ายที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเล่น

“โกรธอะไรมัน” พี่เล่ย์ถามกลั้วหัวเราะ ก่อนจะดึงมือผมไปวางที่ตัก แล้วแกะหญ้าที่กำไว้ออกมาทิ้งให้ พร้อมกันนั้นก็พยักพเยิดไปยังพื้นโดยรอบ

หน้าที่ร้อนวูบวาบอยู่ตลอดเวลาขณะที่เราคุยกันยิ่งเห่อแดงขึ้นมามากกว่าเดิมเมื่อมองตามสายตาของอีกฝ่ายไป… คิดว่าดึงเล่นแค่นิดเดียว แต่คงไม่ใช่ เพราะพื้นดินรอบตัวผมมันโล่งเตียน ไร้วัชพืชปกคลุมแม้แต่ต้นเดียว

“ตื่นเต้น?” ถามมาได้ ดูไม่ออกรึไง

“เปล๊า” ผมปฏิเสธเสียงสูง

คนถามอมยิ้ม จับมือของผมไปวางทาบที่อกข้างซ้าย แล้วบอก “พี่ก็ตื่นเต้น”

ผมทำตาโตเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของชีพจรใต้มือ ก่อนจะยกมืออีกข้างวางทาบอกด้านซ้ายของตัวเอง… รัวแรงไม่แพ้กันเลย

“...พุก็เป็นแฟนคนแรกของพี่เหมือนกัน”

มั่นใจเหลือเกินนะ ว่าผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน!!

 

 

 

“ฮิ้วววววว”

เสียงโห่ต้อนรับจากสัมภเวสีทั้งสามเมื่อพวกเราเดินกลับมา

“อะไร” ผมทำหน้าดุกลบเกลื่อนความอาย

“อารายยย” ไอ้ซอลยิ้มกวน เลื่อนสายตามามองมือของผมที่ถูกกุมไว้หลวมๆ แล้วคนอื่นๆ ก็มองตาม ก่อนไอ้เดียวจะว่า “ตกลงใจคบหากันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย กูจะได้แซวถนัดปาก”

…แค่นี้มันยังไม่ถนัดอีกเหรอ

“ตามสบาย” พี่เล่ย์อนุญาตยิ้มๆ

“พี่เล่ย์” ผมทำหน้ายู่ ต่อยแขนคนที่ออกปากอนุญาตอย่างหมั่นไส้

“อ้าว ทำไมเรียกพี่อะ” ไอ้เอ้สงสัย ผมจึงอธิบายให้ฟัง

ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนไอ้เดียวจะบอก “แต่ขอเรียกเหมือนเดิมได้ป๊ะ เรียกพี่แล้วไม่สนิท เข้าไม่ถึง” ส่วนไอ้เอ้กับไอ้ซอลก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่”

เจ้าของชื่อพยักหน้าอนุญาต“เออ จะเรียกอะไรก็เรียกไป” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “วันนี้อยากจะไปเที่ยวไหนกันหรือเปล่า?”

“ไม่!” ไอ้เดียวส่ายหน้า“วันนี้กูจะกินเหล้า ฉลองให้ไอ้พุที่ขายออกสักที” แล้วยกแก้วน้ำขึ้นตะโกน “เอ้า ไช!!”

“โย!!” เสียงของลูกคู่ทั้งสอง

“ไช!!”

“โย!!”

“ไช!!”

“โย!!”

“ไช! ไช! ไช!”

“โย! โย! โย!”

ผมหลงคบไอ้พวกนี้ได้ไงวะ โคตรปัญญาอ่อน…

 

และเย็นวันนั้น…

“ไอ้พุ มาๆ ยกเลยๆ อย่านิ่ง” ไอ้เดียวว่าพร้อมกับเอาแก้วมาชนแก้วผม “เร็วๆ”

ผมส่ายหน้า ทำเสียงให้น่าสงสาร เพราะรู้สึกผะอืดผะอมเต็มที “ไม่ไหวแล้ว” โดนมันกรอกมาตั้งแต่บ่าย ขนาดผมแอบเททิ้งเกินครึ่งแล้วนะ

“ไม่ไหวก็ต้องไหว ถ้าไม่กินถือว่ามึงดูถูกน้ำใจพวกกูที่อุตส่าห์จัดงานให้”

…ใครขอวะ

ท่าทางคงปฏิเสธลำบาก ผมหันไปมองคนที่เพิ่งจะกดวางสายโทรศัพท์แล้วบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ “พี่เล่ย์ กินแทนหน่อยดิ”

เจ้าของชื่ออมยิ้ม พยักหน้าว่าโอเค ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้ว แต่ถูกสกัดดาวรุ่งเสียก่อน…

ไอ้เอ้ตะปบแก้วไว้แล้วบอก “ไม่ได้เว้ย ห้ามกินแทนกัน”

“ทำไมจะกินไม่ได้ ก็เป็นแฟนกัน” ผมเถียงก่อนจะกัดปากเขินๆ เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป

“ฮิ้ววววววว” เสียงไอ้เอ้กับไอ้เดียวครับ ส่วนไอ้ซอลก็ทำเสียงแบบคนใต้ “อุ๊ย พูดอะไรออกมา”

“พูดมาก” ผมว่าเขินๆ ก่อนจะหยิบฝาโซดาขว้างพวกมัน แล้วตีขาคนข้างๆ ที่กำลังหัวเราะหึๆ “หยุดหัวเราะ”

“เกเร” คนโดนตีว่ายิ้มๆ ก่อนจะขยี้หัวผมหยอกๆ

“ฮิ้ววววววว” อีกแล้วครับอะไรของพวกมัน

“แค่นี้จะโห่ทำไม” พี่เล่ย์ว่าเสียงรำคาญ “เดี๋ยวกูจูบโชว์ดีกว่ามั้ย”

“เฮ้ย!” ผมร้องพร้อมกระเด้งตัวหนี แต่ติดแขนที่โอบอยู่ตรงเอวทำให้ไปไหนไม่ได้ใกล ส่วนคนอื่นๆ ก็บอก “จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!”

“พี่เล่ย์! ไม่เอานะ!” ผมโวยวายเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าลงมาหา… แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว

“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!” ขอลาออกจากการเป็นเพื่อนพวกมันได้มั้ย

“จุ๊บ”

สรรพสิ่งรอบกายสงัดเงียบชั่วขณะ ก่อนไอ้เอ้ ไอ้ซอล ไอ้เดียวจะร้อง “โห๊ยย แค่เนี๊ยะ” เมื่อพี่เล่ย์เพียงจุ๊บหน้าผากผมเท่านั้น “ไม่ใจเลยว่ะ”

คนไม่ใจยกยิ้มมุมปาก “กูไม่ได้โรคจิต” ก่อนจะดึงผมให้นั่งตรงๆ แล้วกระซิบถามกลั้วหัวเราะ “กลัวเหรอ”

“กลัวดิ” ผมว่าหน้ามุ่ย ก่อนจะขู่ “ถ้าทำจริงจะโกรธให้ดู”

“โอเค” อีกฝ่ายพยักหน้าเหมือนเข้าใจ ก่อนจะก้มมาใหม่ “งั้นทำจริงดีกว่า”

“เฮ้ย!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จึงรู้ว่าโดนแกล้ง… ต่อยแขนคนชอบแกล้งไปที พร้อมกับบ่น “ชอบแกล้งว่ะ”

“หึๆ ก็พุน่าแกล้ง”

“เฮ้ยๆๆ พวกมึงหยุดเลย ถ้าไม่จูบกันก็ไม่ต้องมาจีบกันให้ดู” ไอ้เดียวโวยวาย

ก่อนลูกคู่จะช่วยกันสนับสนุน “ช่าย!!”

…มันเกี่ยวกันมั้ย!!!

 

 

 

เช้าของวันใหม่ ได้ยินเสียงไก่ขันผมก็ลืมตาขึ้น... ทั้งๆ ที่กว่าจะได้นอนก็ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกเพลียหรือง่วงแม้แต่น้อย

เหล่มองคนที่นอนอยู่ไม่ไกลก็เห็นนอนนิ่ง... สงสัยยังน็อคอยู่ เพราะเมื่อวาน ตั้งแต่หัวค่ำเป็นต้นมาพี่เล่ย์ต้องดื่มในส่วนของผมด้วย ให้คอแข็งยังไงก็ต้องฟุบ

เลิกผ้าห่มออก แล้วตวัดขาลงจากเตียงแผ่วเบา ผมย่องไปที่ประตูเหมือนเป็นพวกตีนแมว ก่อนจะอุทานออกมาเมื่อถูกกระชากชายเสื้อจนหงายหลัง ล้มลงไปนั่งทับตักของคนที่ผมคิดว่ายังไม่ตื่น “เฮ้ย!”

“จะรีบไปไหน” เสียงพูดไม่งัวเงียสักนิด

“แกล้งหลับนี่” ผมกล่าวหาหน้ามุ่ย

“ถ้าไม่แกล้งก็คงไม่เห็นคนทำตัวเป็นพวกย่องเบา” คนถูกกล่าวหาว่ากลั้วหัวเราะ ก่อนจะก้มลงงับหูผมหยอกๆ

“ฮื้อ” ผมสะดุ้ง ตีแขนคนชอบแกล้งพร้อมกับแก้ตัวไปด้วย “เปล่าย่องซะหน่อย แค่ไม่อยากทำเสียงดังรบกวนคนนอนหรอก” แล้วพยายามแกะแขนที่รัดอยู่รอบเอวออก... แต่ยิ่งแกะก็ยิ่งถูกรัดแน่นกว่าเก่า “ปล่อยดิ”

“จะไปไหน”

“หุงข้าว เดี๋ยวใส่บาตรไม่ทัน” ผมหาข้ออ้าง

แต่แทนที่อีกฝ่ายจะปล่อย กลับรั้งจนหลังของผมเอนแนบอก “พวกนั้นจัดการไปแล้ว”

ผมเงยหน้ามองคนพูดอย่างแปลกใจ “รู้ได้ไง”

“ฟังสิ”

เงี่ยหูฟังก็ได้ยินแต่เสียงไก่ที่ยังขันไม่เลิก “ไม่เห- เออ จริงด้วย” แย้งยังไม่ทันจะจบ เสียงคร้องแคร้งของตะหลิวกับกระทะดังกระทบกันและเสียงไอ้ซอลบ่นไอ้เดียวและไอ้เอ้ดังก็ดังขึ้น... เบากว่าเสียงไก่ขัน แต่ก็ยังพอได้ยิน…

ดื่มกันขนาดนั้น ยังจะลุกไหวอีก!!

“ยังไงก็ต้องไปช่วยอยู่ดี” ผมยังคงยืนยัน

“จะไปช่วยหรือไปเกะกะเขา” พี่เล่ย์ว่านิ่งๆ ก่อนจะร้อง “โอ๊ย” เพราะโดนทุบ

“สม” ผมซ้ำเติมแล้วพยายามดิ้นลงจากตักของอีกฝ่าย ก่อนจะชะงักเมื่อมือแข็งๆ เลื่อนมาจับสะโพกไว้ไม่ให้ขยับ...

เจ้าของมือกระซิบเสียงพร่า “อย่าดิ้น”

“ฮึ?” ผมทำตัวแข็ง ไม่กระดุกกระดิกทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ ก่อนจะร้อนวูบไปทั่วหน้าเมื่อบั้นท้ายสัมผัสกับอะไรสักอย่าง “ลามก”

“มีอารมณ์กับแฟน ลามกตรงไหน” พูดไม่อายเลย... ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว พี่แกหน้าด้านไม่มีลิมิตจริงๆ

หลังจากนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ มืออุ่นๆ ของคนที่บอกไม่ให้ดิ้น ก็ขยับเลื่อนเข้ามาในเสื้อ ผมรีบตะครุบจับไว้แล้วหาข้ออ้างใหม่ “ฮื้อ พี่เล่ย์ ปล่อยก่อน จะไปอาบน้ำ”

“อาบทำไม แค่นี้ก็หอมจะแย่แล้ว” พูดพร้อมกับกดจมูกโด่งๆ สูดดมผิวเนื้อตรงซอกคอเป็นการยืนยัน “ฮืม”

ดันคางสากๆ ของอีกฝ่ายออก ผมบ่นงึมงำ “มันใช่ประเด็นมั้ย” แล้วพยายามทำเสียงดุ “ปล่อยเร็วๆ เลย เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร”

“เกี่ยวอะไรกับใส่บาตร”

“ก็ยังไม่ได้อาบน้ำจะใส่บาตรได้ยังไง”

“ก็ใส่ชุดนี้”

“ไม่เอา ใส่บาตรไม่ยอมอาบน้ำเกิดชาติหน้าเดี๋ยวตัวเหม็น” ทฤษฎีของผมเองครับ เพิ่งตั้งเมื่อตะกี้นี้

พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “ยังคิดจะเกิดอีกเหรอ”

“คิดสิ” ถ้าชาติหน้ามีจริง และได้เกิดมาเจอพ่อ แม่ ไอ้พัน ไอ้เอ้ ไอ้เดียว ไอ้ซอล… และพี่เล่ย์ ผมก็อยากจะเกิดมาอีก “หรือพี่เล่ย์ไม่คิด”

“แต่ก่อนไม่เคยคิด แต่ตอนนี้คิดแล้ว” ตอบพร้อมกับกดจูบลงบนหน้าผาก แล้วกระซิบเหมือนสัญญา

“ถ้าเกิดแล้วได้เจอกับพุอีก พี่ก็จะขอเกิดใหม่”

 

+++++unbelievablelove+++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2013 02:03:41 โดย rainbow67 »

ออฟไลน์ rainbow67

  • Life is like a rainbow. You need both the sun and the rain to make its colors
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +763/-15
Unbelievable Love : Haven't We Met
«ตอบ #196 เมื่อ16-09-2012 13:38:22 »

UNBELIEVABLE LOVE

Haven’t We Met

 

 

“อุ้ย คุณเนตร น้องแพท สวัสดีค่า”

เสียงแปร๋นๆ ของใครบางคนร้องทักผมกับคุณแม่ พอหันไปมองตามเสียง ก็เห็นสาวใหญ่ในชุดแสคสีเขียวอ่อนกำลังเดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจจนเกินเหตุ

คุณแม่ยิ้มอ่อนๆ แล้วเอ่ยทักตามมารยาท “อ้าว คุณพิม สวัสดีค่ะ ไปไงมาไงคะเนี่ย”

คุณพิมเป็นพวกเศรษฐีใหม่ครับ รวยขึ้นมาเพราะสามีจับธุรกิจถูก อย่างที่เขาว่าไว้ คนเรา พอมีเงินก็อยากมีอำนาจ อยากมีคนนับหน้าถือตา นั่นจึงเป็นเหตุให้คุณพิมมักจะชอบมาติดต่อสมาคมกับคุณหญิงคุณนายที่มีเชื้อสายผู้ดีเก่า อย่างแม่ผมเป็นต้น

“พาลูกๆ มาเลือกรถค่ะ ของขวัญที่แกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้” คุณพิมบอกอย่างภูมิใจ ก่อนจะหันไปบอกเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไหว้ป้าเขาสิลูก”

“สวัสดีครับ” ทั้งสองคนกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้คุณแม่อย่างนอบน้อม ท่วงท่านุ่มนวลอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้แม่ของผมอดยิ้มอย่างชื่นชมไม่ได้ ก่อนจะหันมาพยักพเยิดให้ผมเหมือนกับจะบอกว่าให้ดูเป็นตัวอย่าง ผมเลยได้แต่ย่นจมูก โธ่เอ้ย แค่ทุกวันนี้ผมตั้งใจเรียน ไม่เกกมะเหรกเกเรก็ดีกว่าลูกคนอื่นเขาเยอะแล้ว จะเอาอะไรกับวัยรุ่นยุคนี้ล่ะครับคุณแม่…

“ลูกพิมค่ะ คนนี้ชื่อเกียร์” คุณพิมพยักพเยิดไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนเยื้องไปทางขวาซึ่งไว้ผมรองทรงแบบนักเรียน แต่ยาวกว่านิดหน่อย แล้วผายมือไปยังคนที่ไว้ผมทรงสกินเฮด ที่ยืนถัดไปจากคนแรก “ส่วนอีกคนชื่อเล่ย์ค่ะ”

เป็นพี่น้องที่หน้าตาไม่เหมือนกันเลย… ไม่มีเค้าสักนิดเดียว

“สวัสดีจ๊ะหลานๆ นี่ลูกป้าจ๊ะ ชื่อแพท” ทั้งสองคนไม่ยกมือไหว้ เพียงแค่ผงกศีรษะทักทาย คงไม่แน่ใจว่าผมอายุเท่าไหร่ ผมก็พยักหน้าให้ยิ้มๆ แล้วถาม “กี้นี้คุณน้าบอกว่าสอบติด ที่ไหนครับ”

“ตาเกียร์เขาสอบติด ม. A ค่ะ คณะวิศวะ”

“งั้นก็ที่เดียวกับตาแพทสิ ใช่มั้ย” คุณแม่หันมาถาม ผมพยักหน้า “ครับ ผมเรียนบริหาร ปี 2 แล้วเกียร์ล่ะ”

“การบินค่ะ หลักสูตรนานาชาติ” คุณพิมตอบเองด้วยท่าทางภาคภูมิใจ ว้าว ได้ข่าวว่าค่าเทอมมันตั้งสองสามล้านไม่ใช่เหรอ แล้วก็พูดต่อ “ส่วนตาเล่ย์เขาติด ม.A เหมือนกันแต่คณะเกษตร”

“ทำไมเลือกเรียนเกษตรล่ะจ๊ะ” ถูกต้องแล้วครับคุณแม่ ผมกำลังจะถามอยู่พอดี คือ หน้าตาน้องเขาน่าจะเรียนพวกช่างกลมากกว่า

“ผมจะนำความรู้ไปพัฒนาไร่ที่ต่างจังหวัดครับ” ผมอดยิ้มไม่ได้เมือได้ยินน้องเขาตอบเหมือนกับท่องตามสคริปต์เลย

“ดีจ๊ะ ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม มีไร่นาเยอะแยะที่เราสามารถพัฒนาได้อีก แต่เพราะเกษตรกรไม่มีความรู้ทำให้เราพัฒนาไปได้ไม่ถึงไหน” คุณแม่บอก เล่ย์ก็ยิ้มรับแล้วพยักหน้าแบบว่าเห็นด้วยเต็มที่ หน้าตาไม่เหมือนคนที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้เลยนะมึง

คุยกันได้อีกแป๊บ คุณพิมก็ชวนผมกับคุณแม่ให้ช่วยดูรถให้น้องที่ชื่อเกียร์

“แล้วของเล่ย์ล่ะ เลือกได้แล้วเหรอ” คุณแม่ถามอีกแล้ว ท่าทางจะสนใจไอ้น้องคนนี้มาก คือ ทั้งเกียร์และเล่ย์หน้าตาหล่อมากครับ คงเพราะแม่เขาสวย แต่เกียร์หล่อแบบคุณชาย ส่วนเล่ย์หล่อแบบแบดบอย แต่กิริยาท่าทางกลับอ่อนน้อมถ่อมตนผิดกับลุคส์ทีเห็น เพราะงี้มั้ง คุณแม่เลยชอบ

“รายนี้เขาเป็นเด็กแว้นค่ะ รถยนต์ไม่ค่อยจะเอา ที่บ้านก็มีอยู่แค่สองคัน เป็นกระบะกับบีเอ็ม ที่เหลือมีแต่มอไซค์ ไม่รู้ชอบอะไรนักหนา” เอ่อ คุณครับ แค่สองคัน คนอื่นมีแค่คันเดียวก็หรูแล้ว  ไม่อยากนินทาหรอกนะ แต่ที่ฟังมาเนี่ย รู้เลยว่าอวดรวย

ผมเหลือบมองไอ้น้องสองคน อยากรู้ว่าจะชอบโอ้อวดความร่ำรวยเหมือนคนเป็นแม่หรือเปล่า แต่มันก็ยืนเฉยๆ ไม่สนับสนุน ไม่คัดค้าน เหมือนกับเรื่องที่คุณพิมพูดเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่เกี่ยวกับตน

พอเดินไปถึงรถคันที่เกียร์ต้องการ โอ้ พระเจ้า สปอร์ตราคายี่สิบกว่าล้าน พ่อมึงผลิตแบงค์ได้เหรอ แต่สวยจริงๆ ครับ สวยมาก แล้วก็เพิ่งรู้ครับ ไอ้น้องเกียร์มันมองคันนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเจอ แต่เลือกไว้ก่อนแล้ว พอสอบได้ก็ขอ

“คันนี้เหรอ”

“ครับ” ไอ้เกียร์บอก ไม่มีท่าทางเสียดายเงินแทนพ่อแม่สักนิด แล้วก็หันไปทางไอ้เล่ย์ “เท่ห์ป่ะ”

“อืมม ก็ดี” มันพูด แต่หน้าตามันบอกไม่ใช่

“แต่...” ไอ้เกียร์ถาม

“กูไม่ชอบสีมัน”

“แล้วจะเอาสีไร”

“สีไรก็ได้ ดำ ขาว เทา”

“ชมพูดีกว่ามั้ง”

“เออ ได้ แต่แยกกันอยู่เลยนะ ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

หลังจากที่จัดการเรื่องเอกสารอะไรเรียบร้อยแล้ว คุณพิมก็ขอเลี้ยงอาหารกลางวันคุณแม่กับผม ซึ่งพวกเราก็รับไว้ด้วยความเต็มใจ…

ตามสไตล์คนมีเงินแต่อาจจะไม่มีรสนิยมที่มักจะคิดว่า อาหารอร่อยต้องราคาแพงเสมอ คุณพิมพาพวกเราไปเลี้ยงที่ร้านอาหารมีชื่อแห่งหนึ่ง อาหารโอเค แต่ในความรู้สึกผมคิดว่าราคามันแพงเกินไป แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ใช่เงินผม เสียดายทำไมให้ปวดหัว

“ตาเกียร์ไปเยอรมันค่ะ ส่วนตาเล่ย์ก็ไปเดนมาร์ก” คุณพิมกำลังโม้เรื่องลูกชายทั้งสองได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ “เลยเรียนช้ากว่าคนอื่นปีหนึ่ง”

“เรียนช้าไปปีหนึ่ง แต่ได้ประสบการณ์ทั้งภาษาทั้งการใช้ชีวิตตามลำพัง ก็ถือว่าคุ้มมากแล้วค่ะ” คุณแม่เอ่ย

“ค่า ตาเล่ย์กับตาเกียร์เขาก็บอกอย่างนั้น คัดค้านยังไงก็ไม่ฟัง อุตส่าห์บอกว่าจะให้ไปเรียนต่อตรีที่เมืองนอกก็ไม่เอา บอกว่าอยากไปแค่ปีเดียว ดีเหมือนกันไม่เปลืองเงิน” คุณพิมประชดลูกๆ แกมเอ็นดู

คุณแม่ยิ้มเอ็นดูอีกคน คงจะชอบไอ้เด็กสองคนนี่มาก “แล้วทำไมถึงไม่อยากเรียนเมืองนอกกันล่ะจ๊ะ ไม่ชอบเหรอ”

“ก็ชอบครับ แต่ผมจะเรียนวิชาการเกษตรเพื่อพัฒนาไร่และสวนที่อยู่ในไทย ไม่แน่ใจวิธีการสอนของประเทศอื่นว่าจะเหมาะกับสภาพภูมิอากาศของบ้านเราหรือเปล่า จึงคิดว่าเรียนที่ไทยน่าจะเหมาะกว่า” เล่ย์ตอบ ดูมีหลักการและจุดมุ่งหมายดีมาก มากกว่าตอนผมเลือกคณะที่จะเรียนเยอะเลย

“แล้วเกียร์ล่ะจ๊ะ”

เกียร์ยกมือลูบต้นคอเหมือนเขิน ก่อนจะบอก “คือ… ผมคิดถึงบ้านอะครับ ไปเยอรมันแค่ปีเดียว ผมอยากจะบินกลับบ้านซะหลายรอบ ถ้าต้องอยู่สามสี่ปีคงไม่รอด อีกอย่างตอนนี้คณะที่ผมอยากเรียนก็มีหลักสูตรนานาชาติ จบมาได้ปริญญาของเมืองนอกด้วย จึงคิดว่าเรียนที่ไทยก็คงจะไม่ต่างจากไปเรียนที่เมืองนอกสักเท่าไหร่”

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ พวกเราก็ขอตัวกลับ… ระหว่างที่อยู่บนรถ

“คุณพิมเลี้ยงลูกยังไง ถึงมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้นะ”

“สร้างภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้” หมั่นไส้ครับ ชมอยู่นั่นแหละ ลูกตัวเองนั่งอยู่นี่ไม่เคยชม มีแต่บ่น

“อย่ามองคนในแง่ร้าย ตาแพท” นั่นไง บ่นอีกแล้ว

“ผมพูดเล่นนน”

คุณแม่ก็เอาแต่พูดถึงลูกชายคุณพิมตลอดทาง สงสัยจะชอบใจมาก

 

+++++unbelievablelove+++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2013 02:05:11 โดย rainbow67 »

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #197 เมื่อ16-09-2012 13:52:24 »

หวานนิดๆ น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ linziess

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #198 เมื่อ16-09-2012 13:55:32 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:อ้ายยยจิบ้าตายยยถ้าจะน่ารักกนขนาดนี้ รอตอนต่อไปนะคะ 

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #199 เมื่อ16-09-2012 14:14:07 »

เป็นแฟนกันแบ้ววววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
« ตอบ #199 เมื่อ: 16-09-2012 14:14:07 »





ออฟไลน์ jubujubu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #200 เมื่อ16-09-2012 14:14:25 »

เย้ เป็นแฟนกันแล้ว
เดี๋ยวรอเฮียแพทมาเจอ จะเกิดไรขึ้นเปล่า

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #201 เมื่อ16-09-2012 14:22:01 »

เขินมากกกกกกกกกกกกกกกกกก5555555
ไม่หวานมากนะแต่เขิน ชอบค่าาาาาา

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #202 เมื่อ16-09-2012 14:53:00 »

เค้าเป็นแฟนกันแย้ววววววว น่ารัก

หวังว่าตอนเฮียแพทมาจะไม่มาม่านะ

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #203 เมื่อ16-09-2012 15:05:50 »

ไปกันช้า ๆ
หวานวันละนิดเนอะ ^^

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #204 เมื่อ16-09-2012 15:26:26 »

พุเป็นแฟนกับเล่ย์อย่างงงๆอีกแล้ว แต่คนอ่านอยากกรีดรองลั่นบ้าน ดีใจที่เป็นแฟนกันซะที :impress2:
เลย์มาเปิดตัวที่บ้านพุแล้ว ก็เลยอยากพาพุไปเปิดตัวที่บ้านเลย์บ้างล่ะสิ แต่ขนไปทั้งขโยงแบบนี้เลยดิ น่าจะสนุกดี :z1:
ตอนนี้ยาวจุใจ กดบวก กดเป็ดกันไป ชอบๆๆๆๆ :o8:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #205 เมื่อ16-09-2012 16:14:40 »

ทำไมเล่ย์มันดูเป็นแฟนที่ดีอย่างนี้
คงไม่หักมุมนะ 

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #206 เมื่อ16-09-2012 17:11:51 »

น่ารักอะ พุเลย์เป็นแฟนกันแล้ว

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #207 เมื่อ16-09-2012 17:25:06 »

เล่ย์ต้องรีบทำคะแนนด่วนๆเลย   เดี๋ยวไม่งั้นเจอพี่แพทมาสกัดดาวรุ่งแล้วจะแย่นะเออ  :laugh:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #208 เมื่อ16-09-2012 17:27:34 »

อยากแซวบ้างหวานมาก น่ารักสุดๆแล้วงี้เฮียแพทคงกินแห้วอ่ะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: Unbelievable Story : Chapter 6 - 16 Sep 12
«ตอบ #209 เมื่อ16-09-2012 18:38:48 »

สนุกดีๆๆๆ

งงๆ ว่า ชื่อเรื่อง นี่ กะ เนื้อ เรื่อง ???

ช่างเหอะๆ สนุกแล้วกัน ห้าๆๆๆ

ต่อ ๆๆๆ

เป็น แฟน กัน แล้ว อิอิอิ

แล้ว พวกสายรหัสนี่ ??

ลุงรหัส คิด ไร กะ หลาน ปะ เนี่ย ถ้า ใช่ ก้ จับ คู่ อื่น ไป เลย ,, เกียร์ ไงๆๆ เอา มา บ้าน พุ พร้อม กัน เลย ก้ดี นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด