สองสามวันต่อมา มิวพยายามเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหิน และทุกคนบนบ้านเรือนใหญ่ เพราะอับอายจนไม่อยากจะสู้หน้า ทำให้หินรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสิ้นเดือนนี้ หินมีกำหนดจัดงานแต่งงานกับมา คู้หมั้นของเขา
ซึ่งแน่นอนว่า ตอนนี้หินกำลังยุ่งกับงานมากเลยทีเดียว
และวันนี้ ทั้งหมดก็ถึงเวลากลับไปทำงานประจำที่กรุงเทพ คุณเอื้องทรายกับคุนบดินทร์ พ่อและแม่ของหินล่ำลาลูกชายก่อนจะเดินขึ้นรถตู้ไป บอกแต่เพียงว่า จะไปดูอาการของตาดิน เพราะได้ข่าวจากหมอว่า ตาดินอาการดีขึ้นมากแล้ว ความทรงจำวัยเด็กเริ่มกลับมาแล้ว ซึ่งนั้นก็สร้างความดีใจกับมิวเป็นอย่างมากที่ได้ยิน
ด้านมาลิณีก็ต้องกับไปทำงานที่บริษัทหลังจากหยุดไปหลายวัน ซึ่งหล่อนรู้สึกแปลกประหลาดมากที่พ่อหล่อนถามถึงมิว ตลอดเวลา ทำให้หล่อน เล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับมิวให้บิดา ฟังยกเว้นเรื่อง ที่เกี่ยวกับดินที่ได้ยินจากหิน เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะตรงกับสิ่งที่หินพูดหรือป่าว
บริเวณหน้าบ้าน
“ มิว ชั้นไปละนะ ไว้วันหลังจะพากลับกรุงเทพด้วยกัน ตั้งใจทำงานเก็บเงินเยอะๆนะ ” มาลิณีเอ่ยขึ้น ซึ่งคนที่ได้ยินนั้น หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เพราะเขามาอยู่ที่นี้ เงินค่าจ้างสักบาทยังไม่ได้เลย นอกจากจะทำงานแลกข้าวกันตายไปวันๆ ซึ่ง บางวันก็แทบไม่ได้กินไรเลยเพราะโดนจิกหัวใช้งานทั้งวัน
“ ครับ... ”
“ ลุง ถุกชะตากับหนูมากเป็นลูกเต้าเหล่าใครละลูก หื้ม.. ”
“ เอ่อ....พูดไปคุนลุงก็ไม่รู้จักหรอกครับ..”มิวเกาหัวแกรกๆ เพราะยังไม่แน่ใจอะไรบางอย่างเลยไม่กล้าตัดสินใจพูดออกไปอย่างน้อยมิวก็ต้องไปถามแม่อุ้มเสียก่อน
“ งั้นเอาเป็นว่ากลับไปกรุงเทพแล้วอย่าลืมพาลุงไปทานอาหารที่ร้านนะ เห็นมาบอกว่ารสชาติ ดีมากๆๆเลย ”
“ ได้คับ ขอบคุนมากนะครับ ”ถ้าวันนั้นมีจริง และความจริงทุกอย่างอาจกระจ่างชัดมากกว่าเวลานี้ก็เป็นได้ มิวได้แต่ภาวนาวว่าอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ
“ งั้นชั้นไปละนะ ดูแลตัวเองดีๆนะจ๊ะ บายๆจ้ามิว”
รถ ตู้ บรรดา คุณๆ แล่นออกจากบ้านไปแล้ว มิวก็ต้องกลับเข้าสู้สภาวะ ปกติ คือทำงาน แลกข้าวกินไปวันๆ เขาคิดว่า น่าจะใช้ช่วงเวลานี้ ไปทำงานพิเศษ ที่กรุงเทพ ป่านนี้ คงมีตังเสียค่าเทอมสำหรับเทอมหน้า แล้วล่ะ...เฮ่อ..
สวนดอกไม้
“ ต๊ายยยย.... หน้าบานเป็นจานเชิงเลยนะยะ....หื้ยย..หมั่นไส้!! ”เสียงแหลมๆของป้าอ่อน ดังออกมาเช่นเคย เมื่อมิวเดินผ่าน
“ มีไร ให้ผมรับใช้หรือคับ ”
“ อุ้ ต๊าย...ใครจะกล้าใช่คนโปรด ของ คุณ ๆ เขาละ หื้มม.. ”
“แล้วป้ามีไรกะผม ถ้าไม่มี ผมขอตัว.. ”
“ หยุด...กล้าดี ยังไงมาเดินหนีข้า.....ข้าก็จะบอกเอ็งว่า...อย่าคิดใฝ่สูงให้มันเหนือศักดิ์ ถ้าวันไหนที่ เท้าเอ็งมันพ้นจากพื้น วันนั้นละเอ๊ยย เอ็งได้หัวขมำ ตีหลังกา หงายหลังแน่ๆ หึหึ” ป้าอ่อน พูดอะไร ก็ไม่รู้เรื่อง มิวยืนฟังอย่าง งงๆ
“ ขอบคุนคับ ที่เตือนผม...ป้าก็น่าจะเตือนตัวเองด้วนะครับ ว่าแก่ปูนนี้หัดเข้าวัดฟังธรรมกล่อมเกลาจิตใจตัวเองมั้ง จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน... ”
“ ห๊าา...นี่แกกล้าว่าชั้นหรอ..กล้าดียังไงมาตีฝีปากกับชั้น..ชั้นจะฟ้องคุนหิน.”
“ มิได้ คับ... ผมจะไปทำงานก่อนนะ ขอตัวครับ.. ”
“ กรี้ดดดดดดดดดด......”ป้าอ่อน ได้แต่หมั่นไส้กับความ เกงกล้าปากดีของฝ่ายที่ รู้สึกว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
บ่าย
มิวเดินเข้าไปเก็บกวาดทำความสะอาดเหมือนอย่างเคย...
ลืมไป..........\
เขานึกขึ้นได้ว่า วันก่อน เขาเคยเห็นไดอารี่ ของดินเล่มนึง.... อยู่ในลิ้นชักตู้ ว่าแล้วมิวตรงไป ยังลิ้นชักก่อนจะหยับขึ้นมาอ่านดู
.
.............มิวอ่านได้คร่าว มันเป็นเรื่องที่ดินเขียนขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ รู้จักกับเบน และความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เบน และเรื่องราวต่างๆมากมาย ทั้งสมหวังและผิดหวัง และ มิวอ่านอย่างไม่ละเอียดนัก จนมาถึงหน้าสุดท้าย ดินเขียนไว้ว่าจะมอบไดอารี่เล่มนี้ให้กับเบน ในวันที่เราได้ คบเป็นแฟนกัน แต่ไม่รู้จะมีวันนั้นไม๊ เพราะเบนช่างรังเกียจและขยะแขยง ดินมากเหลือเกินถึงขั้นไล่ไป ตายให้พ้นๆ...และเขาก็จะทำตามคำบัญชาของเบน.....โดยบรรทัดสุท้ายเขียนไว้ว่า.......ถ้าหากชาติหน้ามีจริง เราคงได้เกิดมาเป็นคู่กัน...... มิวสะอึกกับข้อความที่ดินเขียน มากมาย ทำไมนะ...... สวรรค์ถึงได้ลง โทษ ดินแบบนี้ ถ้าดิน...เลือกมิวตั้งแต่แรกก็คงไม่เจ็บปวดเช่นนี้หรอก...เฮ่อ....
แต่ตอนนี้..มีสองอย่างที่มิวจะทำตอนนี้คือ อย่างแรกจะเอา ไดอารี่เล่มนี้ไปให้หิน เพื่อให้รู้ความจริง และตนจะได้พ้นมลทินตราบาปได้ และอย่างสองเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมากที่สุดเพราะ ถ้าเขาไม่โดนพิพากษาลงทัณ ก็ต้องเป็น เบน ที่จะต้องโดนพิพากษาแบบนี้เป็นแน่ ลำพังตัวเองน่ะทนได้เพราะลำบากมาตั้งแต่เด็ก แต่เบนนี่สิ จะทนไหวหรือป่าว.... มิวสับสนเป็นอย่างมากแล้วถ้าเป็นคุน คุนจะทำอย่างไร....
ในเวลาเดียวกัน คนงานในไร่วิ่งตาตื่นมาบอกว่า มี คนเข้ามาทำลาย ไร่องุ่น และไร่ส้มของหิน หินตกใจอย่างมากจึงจะรีบไปดู
“ หิน.........ระวังตัวด้วยนะลูก ตอนนี้ฝนก็ตกมากแล้ว ยายว่า อย่าออกไปเลย ให้คนงานในไร่ออกไปดูเหอะ ยายเป็นห่วง ”
“ ไม่เป็นไรหรอกคับยาย...ผมไปด้วยทำให้คนงานในไร่อุ่นใจ .....ยายอย่าลืมปิด ปะตูบ้านให้แน่นหนา อย่าเปิดให้ใครจนกว่าผมจะมานะคับ ”
“ โถ่ ทูนหัวของป้า รักษาเนื้อรักษาตัวนะคะ ” ป้าอ่อน มองตามหลังหินอย่าง ห่วงใย
หินไม่ลืมจะมาบอกมิว ที่ห้องของดิน
เมื่อเห็นว่าก้มๆเงยตรงบริเวณลิ้นชักเก็บของ
“ทำไรน่ะ.. ”มิวสะดุ้ง รีบเก็บไดอารี่เล่มนั้นไว้ในลิ้นชักอย่างเดิม
“ เอ่อ ป่าวครับกำลังทำความสะอาด...ห้องอ่าครับ.. ”
“งั้นก็ดี ชั้น อยากจะบอกว่า อย่าลืมปิดประตูให้แน่นหนา ...แล้วไปอยู่เป็นเพื่อนยายชั้นที่ห้องโถง คืนนี้ก็นอนเสียที่นี้ ไม่ต้องกลับไปนอนห้องคนใช้หรอก ”
“เอ่อ...ทำไมละครับ ”
“ อย่าถามมาก..ทำตามที่ชั้นบอกก็แล้วกัน ”
“ เอ่อ...ครับๆๆ ได้ครับ”
ติดตามตอนต่อไปคร๊าบบบบบบบบบบบบบบ
อย่าเพิ่งเหนื่อยนะครับ
บอกไว้ก่อนเลยว่า คนเขียน เขียนภาษานิยายไม่ค่อยเป็น (ต้องขอโทษด้วยภาษาอาจไม่งดงามสวยหรูนัก)

แต่เป็นคนชอบอ่านนิยาย
จะพยายาม ครับ
ส่วนคำผิด ก็จะพยาย๊ามมมมมมมมมมม มากๆๆ

รักคนอ่านทุกคนครับ

ปล. วันธรรมดาอาจ อัพไวขึ้นเพราะเห็นทุกคนตั้งตารอ เกรงใจน่ะครับ อิอิ

กอดคนอ่านนึงที
สปอยตอนหน้านะครับ กลัวคนอ่านเซ็งก่อน ง่าส
“ งั้นก็ผ่าตัดเอากระสุนออกสิ ” มิวพูดเสียงเรียบแต่แววตามีเล่ศนัย
“ จะบ้าหรอ เอ็งเรียนหมอมารึ ” ป้าอ่อนค้านขึ้นมาทันที
“ ป่าวคับ... ”
“ ถ้าเป็นผิดพลาดอะไรลงไป เด่วคุนหินของชั้นตายห่าพอดี ไม่เอาๆๆ เอาวิธีอื่นเหอะ......... ” ป้าอ่อนไม่ยอมเอาง่ายๆๆ
“ คับก็แล้วแต่ป้า แต่ถ้ารอถึงเช้า ผมก็ไม่รับรองนะว่า...คุนหินของป้าอาจตายก็ได้ ”
“ งั้นเทอ..........ทำตามที่เทอบอกเลยแล้วกัน ” คุนท่านเอ่ยขึ้นด้วยสีน่าหวั่นๆๆ
“ คุนท่านคะ..........เอ่อ จะดีหรือ ”
“ ผมเคยเรียน วิชาการปฐมพยาบาลมาบ้าง ผมพอจะทำได้อะคับ และอีกอย่างผมเคยผ่ากระสุนหมาแถวบ้านที่โดนไล่ยิงมาอยู่อะครับ คงใช้ได้เหมือนกัน ”
“ ว่าไงนะ!!!! ” ทุกคนพูดพร้อมกัน แต่ก็ไม่มีทางเลือก จำต้องยอมให้ปามทำแบบนั้น
มิวลงมือผ่าตัดเอากระสุนออกให้หิน อย่างยากลำบาก เพราะเนื้อเยื่อคนกับสัตว์ต่างกันมาก ท่างกลางสายฝนกระหน่าอยุ่ข้างนอก และท่ามกลางผู้คนที่นั่งลุ้นให้ว่ามิวจะสำเร็จหรือเปล่า
เวลานี้ในใจมิว อยากเอาคืนหินใจแทบขาด ก็แค่จัดการง่ายนิดเดียวให้หินตาย ตอนนี้ ชีวิตของหินขึ้นอยู่กับมิวว่าจะทำให้ หินมีชีวิตอยู่หรือแก้แค้นเอาคืนให้ตายไปเลย
