“ พรุ่งนี้ไปบ้านข้าวนะครับถั่วพู “ ลมอุ่นร้อนที่เป่ารดกับคำพูดสุภาพๆตอนที่ข้าวกระซิบที่ริมหูทำเอาผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาจนต้อง
เอียงหน้าหลบแทบจะทันที ผมยันตัวเองออกจากอ้อมข้าวก่อนจะมองหน้ามัน ข้าวเลิกคิ้วใส่ผมงงๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้
ยินประโยคที่หลุดออกมาจากปากผม
“ อยู่ดีๆชวนไปบ้านคิดอะไรเปล่าเนี่ย “
“ หืม...... “ ข้าวมันลากเสียงยาวๆในลำคอนิดนึงก่อนสายตาอ่อนโยนของมันแปรเปลี่ยนเป็นซุกซนจนผมนึกอยากจะตบปากตัว
เอง ไม่น่าไปจุดประกายให้มันเลย ผมตั้งท่าจะขยับลงจากตักมันแต่ช้ากว่าไอ้ข้าวไปนิดแขนยาวๆมันยื่นมาเกี่ยวเอวผมไว้แน่น
“ ก็ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร..........” ข้าวมันเว้นช่วงไปก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วอมยิ้มเจ้าเล่ห์ โห รู้สึกว่าจะแพรวพราวขึ้น
นะครับคุณข้าว ได้ข่าวผมเป็นลมไปแค่ไม่กี่นาทีเองนะ ตื่นขึ้นมานี่ไอ้คุณข้าวเป็นคนละคนเลย
“ แต่พอดีอยากได้คนช่วยเสิร์ฟโจ๊กกับล้างจานอ่ะ คนงานเขาลาพอดี “ มันแล้วละใบหน้าออกไปก่อนสายตาที่ทอดมองมาจะ
กลับไปเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง
“ ก็ให้แม่มาขอดิ่ เดี๋ยวจะไปล้างให้ตลอดชีวิตเลย “ ผมว่าแล้วยักคิ้วให้มันกวนๆ ไอ้ข้าวมันหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัว
ผมแรงๆ
“ กลัวว่าชามที่ร้านจะไม่เหลือน่ะสิ “
“ ดูถูก! อย่างน้อยก็เหลือสองสามใบเหอะ “ ผมว่าแล้วหัวเราะออกมาจางๆก่อนจะหยุดเพราะจู่ๆข้าวก็เลื่อนฝ่ามือมาแนบแก้มผม
ไว้ข้างนึง ผมรู้สึกว่าเนื้อแก้มที่ถูกทาบอยู่ใต้ฝ่ามือใหญ่ร้อนวาบขึ้นมาทันที
“ ตกลงว่าพรุ่งนี้ไปเรานะถั่วพู “ ข้าวพูดแล้วมองสบตาผมตรงๆ จนผมต้องก้มหน้าหนี ไม่ว่าเมื่อไหร่สายตาผู้ชายของคนนี้ก็ไม่ดี
ต่อหัวใจผมเอาซะเลย
ฝ่ามือแกร่งอีกข้างยกขึ้นมาประคองใบหน้าหวานบังคับให้อีกฝ่ายหันมาสบตาก่อนจะพูดด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มยิ้ม
“ เราอยากให้อะไรๆ มันชัดเจนน่ะ ที่ผ่านมาพูแสดงออกกับเราชัดเจนมาตลอดว่าพูคิดยังไงกับเรา มีแต่เราที่ทำอะไรไม่ชัดเจน
มันดูไม่ยุติธรรมกับพูเลยอ่ะ.........เพราะงั้นไปบ้านข้าวนะครับ”
“ อืม รู้แล้ว “ เห็นสายตาจริงจังของมันแล้วผมก็ได้แต่ตอบกลับเสียงเบาแล้วก้มหน้าหลบสายตา แต่นิ้วเรียวของข้าวยื่นเข้ามาดัน
ปลายคางของผมไว้ก่อนจะที่ผมจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสนิ่มอุ่นที่ข้างแก้ม ผมต้องไปบ้านข้าวจริงๆสินะ.............
………………………………………………..
……………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………
ตอนนี้ผมกับข้าวมายืนอยู่ข้างร้านโจ๊กบ้านข้าวแล้วครับ ก่อนจะมาผมว่าผมเตรียมใจมาดีแล้วนะแต่พอ
มายืนอยู่หน้าบ้านจริงๆ ให้ตายเหอะ แรงจะก้าวขาผมยังไม่มีเลยอ่ะ ใจงี้เต้นชะชะช่าไปสามสีตลบละ และเหมือนว่าผมจะหยุด
ยืนมานานมากพอแล้ว ข้าวมันเลยกระตุกมือผมเบาๆเป็นเชิงให้เดิน แต่ผมยังนิ่งจนข้าวต้องออกแรงดึงเบาๆ
“ ไปกันเหอะ “
“ เฮ้ยเดี๋ยวววววว ขอทำใจสักสิบนาทีดิ่ “ ผมท้วงลั่นก่อนจะรั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้สุดแรง
“ ฮ่าๆๆ บ้านเราเองไม่ใช่ห้องปกครองนะพู กลัวไรเนี่ย “ มันว่าขำๆ ผมเลยหันไปค้อนให้มันตาแทบคว่ำ มันเลยหัวเราะแล้วแกว่งมือผมไปมาเบาๆ
“ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกพู สบายๆไม่ต้องเกร็งคิดซะว่าแม่เราก็แม่พูเตี่ยเราก็เตี่ยพู “ ข้าวมันพูดพลางใช้นิ้วหัวแม่มือลูบหลังมือผมไปด้วยเบาๆเป็นเชิงปลอบ
“ ไปเหอะครับ ไม่มีอะไรหรอก “ มันว่าแล้วกระชับมือผมให้แน่นขึ้นแล้วออกแรงดึงเบาๆให้ผมเดินตาม ผมเลยจำต้องเดินตามมันไปแต่มิวายเงยหน้าขึ้นไปถามมันเสียงอ่อยๆ
“ ถ้าเตี่ยกับแม่พูเกิดไม่ชอบเราขึ้นมาล่ะ “ ข้าวมันหยุดเดินก่อนจะหันมามองหน้าผมแล้วพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่หอบเอาความกังวลทั้งหมดทั้งมวลที่ผมมีออกไปจนหมด
“ ขี้คร้านว่าพอเห็นหน้าพูแล้วจะรีบยกขันหมากไปขอให้ซะมากกว่ามั้ง “
………………………………………………..
……………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………
ผมเริ่มรู้สึกแล้วล่ะฮะว่าการเป็นคนหน้าตาดีนี่มันก็ลำบากเหมือนกัน.............
“ โหย น้องพู ตอนเด็กแม่หนูเลี้ยงด้วยอะไรคะเนี่ย ทำไมน่ารัก น่ากอดขนาดนี้ ดูสิเนี่ยหน้าก็ใส๊ใส ตาก็โต๊โต น่าร๊ากน่ารักแม่เห็น
แล้วแม่อยากจะเอาลูกชายแม่ไปขายทิ้งแถวชายแดน “ แม่ของข้าวว่าก่อนจะจับผมพลิกซ้าย ตะแคงขวา หมุนหน้าหมุนหลังแล้ว
หยิกแก้มก่อนแขนผมจะโดนเฮียนาวลูกพี่ลูกน้องไอ้ข้าวกระชากไปเชยชม(?)
“ จริงๆด้วยอี๊ แต่นาวว่าเอาข้าวไปฝังกลบเลยดีกว่าขายก็ขายไม่ออกหรอกมันอ่ะ ข้าวเฮียถามจริงเหอะว่ะ น่ารักขนาดนี้มาหลง
มรึงได้เนี่ยเล่นของใช่ป่ะ “ เฮียนาวถามโดยไม่ละสายตาจากหน้าผม ก่อนที่แขนของผมจะโดนดึงให้ไปอีกทาง คราวนี้เตี่ยไอ้
ข้าวครับ
“ เฮ้ยลูกเตี่ยมันก็ต้องมีดีเหมือนเตี่ยมันนี่แหละเนอะน้องพูเนอะ ไหนขอเตี่ยดูหน้าชัดๆหน่อย อืมมมมม ตาโต คิ้วเรียวเข้ม จมูก
โด่ง ปากบางสวย เออ......เห็นแล้วมันก็น่าเอาไอ้ข้าวไปฝังกลบจริงๆว่ะ ฮ่าๆๆๆ “เตี่ยดึงผมให้มานั่งตรงหน้าก่อนจะจับคางผม
เอียงซ้ายที เอียงขวาที ผมว่าจบงานนี้มีช้ำแน่ๆอ่ะตัวผม เพราะเฮียนาวยื่นแขนเข้ามาทำท่าจะคว้าตัวผมไปพิจารณาอีกรอบ
“ โหย พอเลยๆ ทุกคนเลย แฟนข้าวไม่ใช่งูเขียวสามหางนะจับพลิกกันอยู่ได้ มานั่งนี่มาพู “ ไอ้ข้าวยื่นมือมาตีแขนเฮียนาวดังเพี้
ยะก่อนจะคว้าแขนผมแล้วดึงให้ออกจากวงศาคณาญาติแล้วนั่งบนโซฟาข้างๆมัน
“ บร๊ะๆๆ แม่เอ้ยยยย สงสัยเงินที่จะเก็บไว้เที่ยวตอนแก่คงต้องเอาไปขอลูกสะใภ้หมดซะละมั้งเนี่ย หวงจริงวุ้ย “ เตี่ยพูดแล้วยิ้ม
ล้อๆก่อนจะขยับลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟาด้านหลัง ก่อนที่แม่กับเฮียนาวจะขยับลุกขึ้นไปนั่งตาม คือเมื่อตะกี้นั่งล้อมวงคุยกันอยู่บน
พื้นโดยมีผมนั่งอยู่ตรงกลางอ่ะฮะ แรกสุดที่มาก็นั่งกันอยู่บนโซฟาดีๆนี่แหละครับ แต่เตี่ยไอ้ข้าวบอกคุยกันอย่างงี้รู้สึกไม่ค่อย
อบอุ่น เลยลงไปนั่งบนพื้นก่อนทุกคนจะลงมานั่งตามเว้นไอ้ข้าวที่ยังนั่งท้าวคางมองอยู่บนโซฟา ผมว่าผมแนวมากละนะมาเจอ
เตี่ยไอ้ข้าวนี่ผมยอมอ่ะครับ
“ คนนี้แม่ทุ่มหมดตัวอ่ะเตี่ย ให้ขายบ้านขายรถไปขอยังได้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ “ แม่ข้าวพูดก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนทุกคน
รวมถึงผมพลอยหัวเราะตามไปด้วย
ผม แม่ เตี่ย ข้าวแล้วก็เฮียนาวก็นั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหะระไปเรื่อยๆ แม่กับเตี่ยไอ้ข้าวน่ารักมากอ่ะครับ ใจดี เป็นกันเองแล้วก็เลี้ยง
ลูกแบบเข้าใจวัยรุ่นมากๆ จนผมเข้าใจเลยล่ะครับว่าทำไมข้าวมันถึงโตมาเป็นคนใจดีได้ขนาดนี้ คุยกันไปเรื่อยๆ เตี่ยกับแม่ก็มี
โทรศัพท์เข้ามาต้องออกไปทำธุระข้างนอก เฮียนาวเองก็ถูกเพื่อนที่มหาลัยโทรตาม จนสุดท้ายเหลือแค่ผมกับไอ้ข้าวสองคนมัน
เลยชวนผมขึ้นไปดูห้องที่มันสิงสู่อยู่ ตอนแรกผมก็แอบเกร็งบวกกับระแวงนิดๆฮะแต่แสดงออกมากไม่ได้เดี๋ยวไอ้ข้าวมันรู้แล้วจะ
แกล้งเอา เลยได้แต่ตีหน้าเฉยแล้วเดินตามมันขึ้นห้องไป ดูใจง่ายยังไงไม่รู้เนาะผม =_________=”
“ พูนั่งบนเตียงก็ได้นะ เดี๋ยวเราเปิดแอร์ก่อน “ ข้าวมันว่าก่อนจะเดินไปเปิดแอร์ ทำนู่นนี่นั่นตามประสาเจ้าบ้านผมเองก็เดินสำรวจ
นั่นนี่นิดหน่อยก่อนจะหย่อนก้มลงนั่งบนเตียงของข้าว
“ แม่กับเตี่ยข้าวใจดีเนอะ “ ผมเอ่ยออกมาก่อนจะปลายตามองรอบๆห้องอีกครั้ง เอาจริงๆห้องมันแอบผิดกับที่ผมจินตนาการไว้
นิดนึง นึกว่าจะมีห้องรกบ้างตามประสาเด็กผู้ชายเพราะผมยังมีมุมรกบ้างเลย แต่นี่โคตรจะเป็นระเบียบอ่ะครับแถมสะอาดเว่อร์
“ ก็บอกแล้ว คนบางคนแถวนี้ล่ะดื้อไม่ยอมเชื่อ “ ข้าวพูดอมยิ้มก่อนจะลากเก้าอี้โต๊ะคอมมานั่งตรงข้ามกับผม
“ ข้าวไม่มาเป็นเรา ข้าวจะรู้อะไร “
“ ทีตอนพูลากเราเข้าบ้าน เรายังไม่ว่าอะไรเลยสักคำ เกร็งลำไส้แทบบิดเหมือนกันนะนั่นอ่ะ “ ข้าวมันย้อนกลับมาทำเอาผมเถียง
ไม่ออกได้แต่เบนสายหนีไปสนใจของที่อยู่หัวเตียงมันแทน ก่อนสายตาผมจะไปสะดุดกับหนังสือทำมือกับกระดาษแผ่นนึง ผม
อมยิ้มแล้วหยิบมันขึ้นมาถือไว้
“ ยังเก็บไว้อยู่อีกหรอ คู่มือกับเบอร์โทรเนี่ย “ ผมถามพลางเงยหน้าขึ้นสบตา ข้าวยิ้มตอบกลับมาก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ เก็บไว้สิ ยังจำได้ไม่ครบทุกหน้าเลย เดี๋ยวทำอะไรผิดไปคนบางคนแถวนี้เขาจะว่าเอาได้ว่าไม่ใส่ใจ คู่มือเขาก็ให้มาละ “
“ กัดหรอ “ ผมว่าค้อนให้มันเล็กๆก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วเปิดคู่มือดูทีละหน้า ลมหายใจของผมสะดุดแทบจะทันทีเพราะแต่ละ
หน้าของคู่มือที่ผมเขียนมีรอยไฮไลท์ทับในข้อความส่วนที่สำคัญๆ แล้วยังมีรอยปากกาเขียนเสริมออกมา จนผมต้องเงยหน้าขึ้น
มองเจ้าของลายมือนั้น
“ ตั้งใจอ่านกว่าหนังสือเรียนอีกนะนั่นอ่ะ “ ข้าวพูดยิ้มๆแล้วยักคิ้วให้ ผมรู้สึกได้ทันทีว่าผิวแก้มผมร้อนขึ้นมาแทบจะทันที ผมก้ม
หน้ามองต่ำพยายามนับเส้นด้ายบนพรมให้ใจสงบ ไอ้บ้านี่ขยันทำให้ผมเขินได้ทุกวี่ทุกวันอ่ะ
“ ไม่คิดจะมีรางวัลให้หน่อยเลยหรอ “ ข้าวเดินมาหยุดอยุ่ตรงหน้าผมก่อนจะนั่งลงบนพรม
“ จะเอาอะไรอ่ะ “ ผมถามทั้งๆที่ยังก้มหน้า ไม่มีเสียงตอบกลับมามีเพียงใบหน้าของข้าวที่ขยับใกล้เข้ามาจนผมต้องเงยหน้าหลบ
สองแขนมันท้าวลงบนเตียงข้างตัวผม
“ ข้าว...... “ ผมหันมาสบตามันก่อนจะใช้สองมือกดไหล่ข้าวไว้ให้หยุดแล้วเรียกชื่อมันเสียงเบา
“ ยังไม่ได้จะทำอะไรหรอก เราแค่อยากให้พูมองหน้าเราตอนพูดด้วยเฉยๆน่ะ กลัวเราขนาดนั้นเชียว “ ข้าวมันพูดแล้วยิ้มกว้างสี
หน้าทะเล้น ทำเอาผมฉุนขาดฟาดลงไปบนไหล่มันแรงๆหนึ่งที ทำเอามันมุ่ยหน้าก่อนรีบคว้าข้อมือผมเอาไว้เมื่อผมตั้งท่าจะฟาด
ลงไปอีกที
“ พอแล้วครับๆ เจ็บแล้วครับ มือก็เล็กนิดเดียวทำไมตีเจ็บจังล่ะเนี่ย “
“ มันน่าโดนมั๊ยล่ะ “ ผมว่าแล้วขืนข้อมือออกจากมือข้าว ข้าวมันก็ยอมปล่อยแต่โดยดีก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องหันมา
มองมันตาเขียว
“ ก็เวลาพูเขินน่ารักดีออก “ ข้าวมันพูดแล้วยิ้มตาใสใส่ผม ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย ผมกับมันเลยเล่นจนตากันซะเลย ข้าวมัน
มองตาผมก่อนจะยิ้มบางๆที่มุมปาก ผมมองมันกลับอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะยักคิ้วแถมให้ด้วยนึงที ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะ
จางๆในลำคอก่อนผมจะเริ่มรู้สึกร้อนหน้าเมื่อข้าวเสตามองไปทางอื่นก่อนจะค่อยๆเบนสายตากลับมามองหน้าผมไล่ตั้งปลายคาง
ปาก จมูกก่อนจะสบตาผมอีกครั้ง และก็ผมเองอีกนั่นแหละครับที่ต้องหลบตามันก่อน ข้าวหัวเราะเบา ผมเลยเบะปากก่อนจะดัน
ตัวเองให้เขยิบลึกเข้าไปบนเตียงหนีคนที่ยืนเข่าตรงหน้า แพ้ทางมันตลอดแหละครับผมอ่ะ
“ พู “
“ อะไรอีก “
“ ข้าวชอบพูนะ “
“ .........................”
“ ขอโทษนะที่พูดช้าไปหน่อย “
“ จะ.....จริง รึป่าว ที่พูดอ่ะ “ ผมหันมาถามข้าวเสียงสั่น ตอนนี้หัวผมมันโล่งไปหมดแล้ว มันมึนไปหมดแล้วครับ
ข้าวเองก็ไม่ตอบอะไรแต่ยันตัวขึ้นมาในระดับสายตา ริมฝีปากคลี่ยิ้มอบอุ่นก่อนจะค่อยๆแตะลงบนริมฝีปากของผมแผ่วเบา จาก
การแตะสัมผัสก็แปรเปลี่ยนเป็นการครอบครองอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากนุ่มอุ่นขยับเชื่องช้าอ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากล่างของผมก่อน
จะดันลงช้าๆ ผมเกร็งตัวขึ้นมาทันทีเมื่อเรียวลิ้นอุ่นค่อยๆแทรกเข้ามาไปในโพรงปาก ข้าวเอื้อมมือมากุมมือผมไว้เมื่อเห็นว่าร่าง
กายผมเริ่มผ่อนคลายสัมผัสนุ่มนวลก็ค่อยๆหนักหน่วงขึ้น ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลและแผ่วเบาลงอีกครั้ง
“ อึ้! “ ผมร้องเบาๆเมื่อเรียวลิ้นร้อนของข้าวตวัดไล้บนริมฝีปากผมเป็นการทิ้งท้ายก่อนจะละออกมา ข้าวสบตาผมและยิ้มกว้าง
ไอ้นี่.................
“ พูดเอาก็ได้นะ “ผมบอกมันเบาๆตอนที่ทิ้งตัวลงซบหัวกับไหล่มัน เล่นตอบคำถามด้วยภาษากายแบบนี้ ผมจะได้ใจสั่นตายกัน
พอดี
“ ก็เรากลัวพูจะไม่เชื่ออ่ะ โอ๊ะ! เจ็บครับเจ็บ “ มันร้องออกมาลั่นเลยครับ เพราะผมกัดไหล่มันชนิดจมเขี้ยวเลย
“ แมร่ง.....ขี้แกล้ง “ ผมว่าแล้วมองมันอย่างเคือง ข้าวอมยิ้มก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด เราต่างคนต่างเงียบไปไม่พูดอะไรปล่อย
ให้ร่างกายซึมซับอุณหภูมิของกันและกัน
“ พู “
“ หืม “ ผมขานรับเบาๆ แล้วผละหัวขึ้นมามองหน้ามัน ก็เห็นว่ามันมองมาก่อนอยู่แล้ว
“ ถ้าวันนั้น.......เราเกิดปฎิเสธพูขึ้นมาล่ะ พูไม่กลัวหรอ ”
“ กลัวดิ่ แต่มันก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลยอ่ะ เราก็ถือว่าเราทำในสิ่งที่เราทำได้ไปแล้ว ถึงจะถูกปฏิเสธก็ไม่เป็นไรอ่ะ ทำใจ
เอา “
“ โห ง่ายขนาดนั้นเชียว “
“ ก็อาจจะดราม่าหลายวันอยู่ “ ผมตอบมันไปตามความจริง ข้าวมันหัวเราะก่อนจะเอนตัวทั้งๆที่ยังกอดผมอยู่ด้วย ผมเลยขยับตัว
ไปนอนพาดอกมัน ไม่ใช่ว่าผมจะอ่อยมันนะฮะ แค่กลัวว่าถ้านอนท่าตะกี้แล้วแขนมันอาจจะเป็นอัมพาตได้เพราะผมนอนทับอยู่
(กลัวคนจะมองไม่ดีครับ เอ๊ะ หรือว่ามองไม่ดีตั้งแต่ตอนไปขอคบข้าวคบละ )
“ เราถามข้าวมั่งดิ่ “
“ อาฮะ....ว่า?”
“ แล้วทำไมข้าวถึงไม่ปฏิเสธเราล่ะ “
“ อืมมมม เพราะแววตาของพูมั้ง “
“ แววตาเรา? “
“ อืม ถึงวันนั้นเราจะงงๆหน่อย แต่เราทันสังเกตเห็นแววตาของพูนะ ถึงพูจะทำตัวเหมือนไม่ค่อยจริงจังอะไรมาแบบอึนๆ แต่ตาพู
อ่ะจริงจังแล้วก็บริสุทธิ์มากเลย เราก็เลยอยากจะรู้จักตัวตนของพูให้มากขึ้น
“ ก็เลยไม่ปฏิเสธเราว่างั้น “
“ อืม “ ผมยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะขยับหน้าเข้าไปซุกอกมัน ข้าวกดจูบเบาๆลงบนหัวผม
ต้องขอบคุณความใจกล้าหน้าด้านกับมุขนับเลขจริงๆครับ ที่ทำให้ผมได้คบกับข้าว
))
________________________________________________________________
อัพแล้วนะคะ ไม่มีข้อแก้ตัวค่ะยินดีรับทุกข้อกล่าวหาและข้าวของที่ปามา ฮ่าๆ
ขอโทษคนอ่านจากใจจริงเลยค่ะ เพิ่งมีเวลาได้แต่งต่อ
ตอนพิเศษจะมาอัพให้ช่วยกลางคืนนะคะ ยังแต่งเสร็จเลยค่ะ เหอะๆ
ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาอัพช้า