- STEP 34 -
ตอนเช้าพี่เภาก็ยังคงมาส่งผมตามปกติ ส่วนตอนเย็นพี่เภาก็จะต้องอยู่ซ้อมละครเวที ส่วนผมก็ทำงานที่ร้านอาหารของพี่กานต์ โดยที่บอกพี่เภาว่าทำรายงานกับเวย์อยู่ที่ร้านน้องจีน พี่เภาก็กำชับไอ้เวย์ทุกวันวันละหลายสิบรอบเรื่องผม ต้องส่งผมถึงคอนโด ต้องพาผมกินข้าว จนไอ้เวย์มันถามว่า...
“นี่มึงเป็นแฟนพี่เภาหรือเป็นลูกเขาวะ ดีนะ ไม่สั่งให้กูป้อนนมกับเปลี่ยนผ้าอ้อมให้มึงด้วย”
“เชี่ย! มึงไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องจีนเถอะ”
“ไม่ต้องหรอก เพราะกูจับมันใส่แพมเพิร์ส” ทำหน้าตาภูมิใจอีกนะมึง
“กวนตีน!!”
วันนี้พอเดินมาถึงหน้าคณะ นิหน่าก็วิ่งหน้าเริ่ดมาหาผมทันที ท่าทางมันมีเรื่องด่วนมากชนิดคอขาดบาดตาย จนผมต้องหยุดคุยกับมันกลางทาง
“แอล!” มันเรียกชื่อผม แต่ตัวยังยืนหอบอยู่เลย
“ใจเย็น กูอยู่นี่แล้ว มึงพักเหนื่อยก่อนเถอะ” ผมบอกมันด้วยสงสาร(?) แต่ยืนหัวเราะ จนนิหน่ามันค้อนขวับทันที
“กูหายเหนื่อยแล้ว เดินไปคุยไปนั่นแหล่ะ”
“กูเห็นมึงวิ่งหน้าตั้งมา นึกว่าโดนดักตบซะอีก” ไอ้เวย์ปากหมาแต่เช้า
“ก่อนกูจะโดนดักตบ กูขอตีนตบปากมึงก่อนเหอะเวย์”
“ตบได้ แต่ต้องใช้ปากตบนะมึง” ไอ้เวย์เล่นไม่เลิก นิหน่าเลยเลิกตอแยกับมันเลยครับ
“มึ๊ง!!” นิหน่าเรียกชื่อผมเสียงสูง
“อะไรของมึง เรียกแล้วก็พูดดิ”
“พี่เภาจะเล่นละครเวทีของสถาปัตย์เหรอวะ ทำไมมึงถึงยอมวะ กูเห็นพี่เภาปฏิเสธมาหลายปี”
นิหน่านี่มันเป็นเจ้าแม่กรมข่าวลือของแท้เลยครับ ข้อมูลแน่นปึ้ก รู้รอบทุกคณะทั่วมหาวิทยาลัย เรียกว่า...นิหน่ารู้ โลกรู้กันเลยทีเดียว
“อ้าว...ทำไมพี่เภาจะเล่นไม่ได้ล่ะมึง งานของคณะนะ”
“เออ! กูรู้ว่ามึงใจกว้างดุจแม่น้ำ แต่มึงรู้หรือเปล่าว่านางเอกเป็นใคร” ท่าทางมันเป็นเดือดร้อน จนผมงงว่าตกลงพี่เภานี่แฟนใคร แฟนมันหรือแฟนผมวะเนี่ย
“นิหน่า มึงแอบคิดอะไรกับพี่เภาหรือเปล่าเนี่ย”
“ปัญญาอ่อนเหอะแอล กูหวงแทนเพื่อนกู”
“แล้วตกลงนางเอกเป็นใครล่ะ สวยกว่ามึงอีกเหรอ” ผมแกล้งกระเซ้ามันถาม
ถ้าไม่นับฝีปากอันสร้างสรรค์บรรเจิดของนิหน่าแล้ว ผมว่ามันนี่สวยกว่าดาวหลายคณะเลยนะครับ เสียดายที่ไม่ได้เป็นดาวมหาลัย เพราะผู้ชายหลายคนว่ามันสวย แต่ดันเผ็ดและดุเกินไป ฮา...
“ดาวสถาปัตย์ปีหนึ่ง ยัยน้องหวานเจี๊ยบที่สวยน้อยกว่ากูไง”
“พวกสถาปัตย์นี่ก็ช่างคิดหว่ะ เอาเดือนปีสี่มาเล่นคู่กับดาวปีหนึ่ง กะจะกระชากเรตติ้งล่ะสิ”
“มึงรู้หรือเปล่าเหอะ ยัยน้องหวานมันบอกคนอื่นไปทั่วเลยว่า ที่พี่เภารับเล่นเละครเวทีพราะว่ามันเป็นนางเอก”
ผมหยุดชะงักหน้าประตูห้องเรียนทันที คงมีแค่ผมกับพี่เภาที่รู้ว่าพี่เภารับเล่นเพราะอะไร และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าป่าวประกาศ ว่าผมต้องเสียสละ(ร่างกาย)ตัวเองเพื่อส่วนรวมขนาดไหน น้องหวานอะไรนั่นก็คงแค่พูดไป ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
“นี่มึงไม่เครียดอะไรเลยเหรอ เกิดเล่นด้วยกันแล้วพี่เภาโดนยัยนั่นงาบไป”
“พี่เภาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกมึง”
ไม่ใช่ว่าผมจะมาเล่นบทนางเอกแสนดีอะไรนะครับ บอกแล้วว่าผมไม่ใช่นางเอก แต่ที่ฟังมาก็เป็นการพูดของน้องหวานฝ่ายเดียว พี่เภาก็ไม่ได้เอออออะไรด้วย อาจจะอยากเรียกกระแสละครเวทีมากกว่า
“เออ!” นิหน่ามันกระแทกเสียงด้วยความเซ็ง “แต่กูเตือนมึงแล้วนะ เขารู้กันทั่วแหล่ะว่ายัยหวานเจี๊ยบนี่ปลื้มพี่เภามากแค่ไหน ดีที่ตอนยัยนี่เข้ามา พี่เภาถอดเขี้ยวเล็บเรียบร้อย””
ผมยิ้ม...ไม่ได้ตอบอะไร แต่ถ้าเป็นคนที่รู้จักผมดีก็จะรู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมแฟร์มากพอสำหรับทุกเกมส์ แค่อย่ามาล้ำเส้นกันก็พอ เพราะผมก็มีขอบเขตของผมเหมือนกัน
บางครั้งบทนางเอกมันก็น่าเบื่อ บทนางร้ายสิน่าเล่นกว่ากันเยอะ แต่แค่...
ยังไม่ถึงเวลาที่นางร้ายจะต้องออกโรงซะหน่อย ไม่อยากจะเรียกตัวเองว่านางร้ายหรอกนะ มันไม่แมนเท่าไหร่ แต่จะเรียกตัวโกงก็เหมือนพวกตัวร้ายในหนังเจ็ดประจัญบานเลย
.
.
เดี๋ยวนี้ช่วงกลางวันพี่เภาก็ยุ่งมาก ผมกับเวย์เลยเป็นฝ่ายเดินมากินข้าวกันที่สถาปัตย์แทน เดินเข้ามาคนก็มองกันเกรียวกราว เห็นพวกกลุ่มพี่เภานั่งอยู่โต๊ะประจำ แต่ไม่ยักกะนั่งแค่สามคน กลับมีแขกรับเชิญอยู่ด้วย
น้องหวานกับน้องเนยที่เคยเจอกันที่ร้านอาหารนั่นเอง!!
ผมชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นน้องหวานนั่งเบียด
‘คนของผม’ อยู่ แต่พี่เภาคงไม่ทันรู้ตัว เพราะเอาแต่นั่งกดมือถือเล่น จนผมเดินมานั่นแหล่ะ ถึงเงยหน้ามามองแล้วก็ยิ้มกว้าง
“หวัดดีค่ะพี่แอล มาทานข้าวไกลถึงสถาปัตย์เลยนะคะ” น้องหวานทักผม ก่อนที่ผมจะได้ทักแฟนผมซะอีก
“ครับ พอดีเบื่อข้าวที่วิศวะ เลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” ผมตอบก่อนจะสะกิดพี่เภาให้เขยิบ แล้วนั่งลงข้างน้องหวานแทนที่พี่เภา ส่วนเวย์ก็นั่งฝั่งตรงข้ามกับพวกพี่เชนพี่จอม
“แอล...นี่น้องหวาน ดาวปีหนึ่ง ที่เล่นเป็นนางเอกคู่กับไอ้เภามันน่ะ” พี่จอมบอก ผมก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“อ๋อ โอฟิเลียที่ถูกเจ้าชายแฮมเล็ตปฏิเสธ จนสุดท้ายก็เสียสติและจมน้ำตายน่ะเหรอครับ” ผมแค่ทวนบทนางเอกตามที่รู้มาเองนะ
“นั่นบทนางเอกเหรอวะมึง เศร้าชิบหายเลย” ไอ้เวย์ทำหน้าเหยเกทันทีเมื่อฟังผมพูดจบ
“มันเป็นโศกนาฏกรรม แบบให้ข้อคิด ไม่ใช่รักโรแมนติกนี่หว่า” พี่จอมรีบอธิบาย สงสัยกลัวไม่มีคนไปดูโศกนาฏกรรมความรักของเจ้าชายแฮมเล็ตและโอฟิเลีย
“จะกินอะไร?” พี่เภาเพิ่งเก็บมือถือลงกระเป๋าหันมาถามผม ผมเลยหันไปยิ้มแฉ่งก่อนจะตอบ
“อะไรก็ได้ พี่เภาอยากกินอะไรก็ซื้อมาละกัน”
ดูแล้วคนอื่นน่าจะกินกันเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่พี่เภาที่ยังคงนั่งรอผมอยู่ พอผมบอกเสร็จพี่เภาเลยลุกไปซื้อ โดยไม่ลืมที่จะลากไอ้เวย์ไปช่วยถือด้วย
“แอล ขอบใจมากเลยนะที่ช่วยพูดกับไอ้เภา ให้มันยอมรับเล่นได้”
ผมหันมามองพี่จอม ก่อนจะปรายตามองน้องหวาน ไม่รู้ว่าพี่จอมพูด เพราะข่าวที่เขาลือกันหรือเปล่า ว่าพี่เภารับเล่นเพราะน้องหวานเป็นนางเอก อย่างที่เจ้าตัวป่าวประกาศหน้าชื่นตาบาน
“แอลก็ไมได้พูดอะไรมากหรอกพี่จอม พี่เภาเขาอาจจะรับเล่นเพราะน้องหวานน่ารักก็ได้”
“นั่นมันข่าวลือเรียกกระแส ขนาดพวกพี่อ้อนวอนแทบตาย มันยังไม่ยอม แค่บอกแอลทีเดียว ไอ้เภายอมเลย ดูก็รู้ว่ามันยอมแอลอยู่คนเดียว”
“พี่จอมก็พูดเกินไปแล้ว”
น้องหวานเขานั่งเม้มริมฝีปากแน่น พอพี่เภายกถาดอาหารกลับมา เขาเลยขอตัว แล้วบอกว่าเจอกันอีกทีตอนซ้อม ผมก็ยิ้มให้น้องหวาน น้องเขายังบอกก่อนจะไปอีกว่า...
“ถ้ามีเวลาพี่แอลน่าจะแวะไปดูตอนซ้อมนะคะ จะได้เห็นว่าก่อนโอฟิเลียจะถูกเจ้าชายปฏิเสธ โอฟิเลียกับเจ้าชายรักกันมากแค่ไหน”
ผมไม่ค่อยชินกับการรับมือผู้หญิงซะเท่าไหร่ เพราะผมเองก็แค่ ‘อยากรักษาสิทธิ์’ ของตัวเอง และเป็นเด็กที่ ‘ไม่ชอบแบ่งปัน’ อะไรกับใครซักเท่าไหร่ ตราบใดที่ไม่มีใครมาลิดรอนสิทธิ์ของผม ผมก็ยังไม่จำเป็นต้องทำอะไร
“เพื่อนกูเนื้อหอมชิบหาย ทำใจหน่อยนะแอล” พอสองสาวเขาเดินไป พี่เชนก็ออกปากทันที
“ทำไมแฟนกูต้องทำใจ พวกที่มาชอบกูสิต้องทำใจ เพราะยังไงกูก็ไม่ชอบเขา” พูดอย่างเดียวก็พอ จะยื่นมือมาโอบทำไมครับพี่เภา นี่กลางโรงอาหารนะ
ผมไม่สนใจหรอก ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว เดี๋ยวต้องเดินกลับคณะอีก อีกสามคนเขาอยู่ที่นี่กันนี่ครับ เลยนั่งชิลล์กันได้ แต่ผมกับไอ้เวย์มันเด็กต่างถิ่น เลยต้องรีบกิน รีบเดินกลับ เดี๋ยวไม่ทันเข้าเรียนตอนบ่าย ก่อนจะแยกจากกัน พี่เภายังไม่วายกำชับไอ้เวย์
“ดูแลแอลให้ดีนะมึง”
.
.
พอเลิกเรียน ไอ้เวย์ก็มาส่งผมที่ร้านพี่กานต์ เครื่องแบบร้านพี่กานต์ก็เรียบง่าย เหมือนเอาชุดนักศึกษาคาดทับด้วยผ้าคาดเอวสีดำนั่นแหล่ะครับ บางทีก็ดูคล้ายบ๋อยดีเหมือนกัน ไอ้เวย์มันก็เชื่อฟังพี่มันเหลือเกิน มานั่งรอรับผมกลับด้วย บางวันก็กระเตงเอาเด็กมานั่งทำการบ้านที่ร้าน ผมทำงาน มันกับพี่กานต์ก็นั่งคุยกัน
อย่างวันนี้ที่ไอ้เวย์พาเด็กมานั่งกินข้าว พอมันเห็นผมเป็นคนรับออเดอร์ก็ยิ้มเลยครับ เห็นมันยิ้มทีไรไม่เคยเกิดเรื่องดีซักที
“น้อง...พี่เอาข้าวผัดทะเลไม่ใส่ผักจานเล็กนะ ไข่ฟูปู เปลี่ยนจากปูเป็นกุ้งให้หน่อย เอาเป็นกุ้งสับนะ แล้วไข่ก็เอาแบบกรอบๆ แต่ไม่อมน้ำมันนะ พอดีแฟนพี่เขาชอบแบบนี้”
กูเชื่อมึงคงออกลูกเป็นควายอ่ะเวย์ น้องจีนทำหน้าเกรงใจผมจะแย่ และแทบจะจัดการแฟนตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก และมีสายตาหลายคู่มองอยู่
ผมรับออเดอร์ไป ก็ตวัดสายตามองมันแทบจะฆ่ากันทางสายตา มันก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ลอยหน้าลอยตาสั่งของมัน แถมตอนผมจะหันหลังกลับยังมีหน้ามาบอกว่า...
“ลูกค้าคือพระเจ้านะครับ”
ผมรีบเดินเอารายการกลับไปส่งที่ห้องครัว ยกน้ำยกน้ำแข็งมาเสิร์ฟ มองดูว่าโต๊ะไหนมีอะไรขาดเหลืออีกบ้าง เวลาแขกเรียกจะได้รีบเข้าไปบริการ
แต่... ผมก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำงานไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่เลยครับ
“มาครับ เดี๋ยวผมยกออกไปเสิร์ฟเอง” ผมปรี่จะเข้าไปยกต้มยำหม้อไฟ แต่เด็กเสิร์ฟเขาก็ยกหนีก่อนจะปฏิเสธเป็นพัลวัน
“โอ๊ย...ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะคุณแอล เดี๋ยวหนูยกไปเอง ไปยกไข่ฟูปูแทนดีกว่าค่ะ”
ผมมาทำงานนะ ถ้าจะให้ผมทำแต่งานที่สบายก็รู้สึกจะเอาเปรียบคนอื่นไปหน่อย แล้วเรื่องที่มาเรียกผมนำหน้าว่า ‘คุณ’ อีก ถึงผมจะรู้จักกับพี่กานต์ แต่ตอนนี้ผมก็เป็นลูกจ้างคนหนึ่งเหมือนกัน ไมได้อยากโดดเด่นกว่าคนอื่น ให้ใครเขาหมั่นไส้เอา
เดี๋ยวสงสัยคงต้องมีเคลียร์กับพี่กานต์แน่นอน
แต่ถ้าไม่นับเรื่องที่งานผมไม่ค่อยหนัก เหมือนค่าแรงที่พี่กานต์แกเล่นจ่ายหนัก อย่างอื่นก็โอเคหมดล่ะครับ พนักงานคนอื่นก็เป็นกันเอง คุยกันเฮฮาสนุกสนาน แถมผมยังได้กินข้าวฟรีทุกวันอีก เพราะพี่กานต์บอกว่าเป็นสวัสดิการ อยากกินอะไรก็สั่งกับครัวตอนเลิกงานเลย
“เป็นยังไงบ้างแอล เหนื่อยหรือเปล่า” แค่คิดถึงในใจไม่เท่าไหร่ พี่กานต์ก็เดินมาถามทันที
“จะเหนื่อยอะไรล่ะพี่กานต์ คนอื่นไม่ค่อยให้แอลทำงานอะไรเลย”
พี่กานต์ก็เอาแต่ยืนกอดอกแล้วก็ยิ้มลูกเดียว ไม่ยอมพูดอะไร ผมเลยต้องซ้ำอีกรอบ
“บอกให้ใช้งานแอลได้เต็มที่เลยนะพี่กานต์ ไม่งั้นเดี๋ยวแอลไม่กล้าเอาค่าแรง”
“ครับผม มีลูกน้องขยันอย่างนี้ ถ้าอยากมาทำตลอดพี่ก็ไม่ว่านะ”
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ เห็นลูกค้าโต๊ะหนึ่งกวักมือเรียก ก็เลยรีบขอตัวกับพี่กานต์ มาทำแบบนี้ก็เหมือนได้ศึกษางานร้านอาหารไปในตัว เพราะถึงจะเรียนวิศวะ แต่ความที่คุ้นเคยกับการทำอาหารมานาน ผมเลยแอบฝันว่าอยากจะมีร้านอาหารของตัวเอง เวลาเห็นคนกินอาหารฝีมือเราแล้วมีความสุข คนทำอย่างเราก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย
.
.
บังเอิญว่าวันนี้ไอ้เวย์มันพาลูกชาวบ้านเค้ามาด้วย แล้วคุณแม่น้องจีนเกิดโทรตามกลับบ้านกะทันหัน ผม มัน และน้องจีนเลยขออนุญาตพี่กานต์ มายืนเคลียร์กันหลังร้าน
“เดี๋ยวกูไปส่งจีนแล้ววนรถกลับมารับมึงละกัน” ไอ้เวย์เสนอทางออก ที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างที่สุด
“มึงบ้าหรือเปล่า? นี่วันธรรมดานะมึง จากสุขุมวิทไปบ้านน้องจีน จากบ้านน้องจีนกลับมาที่นี่อีก สุขุมวิทรถติดชิบหาย มึงจะมารับกูตอนเที่ยงคืนเหรอ มึงกลับบ้านตัวเองไปเลย” ผมปฏิเสธอย่างไม่ไยดี แต่ความจริงก็คือไม่อยากรบกวนมันนั่นแหล่ะ
“แต่พี่เภา...”
“เออ! เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่หรือไม่ก็นั่งรถไฟฟ้ากลับ พี่เภาไม่รู้หรอก”
“ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่เลย ให้มึงนั่งแท็กซี่กลับเนี่ยนะ ถ้าพี่เภารู้ก็เอากูตายพอดี” ไอ้เวย์ไม่ยอมทันทีครับ
พี่กานต์ที่ยืนฟังอยู่นานคงชักจะรำคาญ เลยถามว่าคอนโดผมอยู่ไหน พอผมบอกไป พี่เขาเลยสรุปให้ในที่สุด
“เอางี้ละกัน เวย์พาน้องกลับไปเถอะ เดี๋ยวพี่เอาแอลไปส่งที่คอนโดเอง ไม่ไกลจากร้านพี่เท่าไหร่”
ตอนแรกไอ้เวย์ทำท่าเหมือนจะไม่ยอมอีก กับเรื่องผมนี่มันไม่เคยไว้ใจใครเลยนะ นอกจากเพื่อนในกลุ่มกับพี่เภา จนผมต้องถลึงตามองมันนั่นแหล่ะ
“มึงกลับไปเลย ถ้าไม่ให้กูกลับกับพี่กานต์ กูก็จะนั่งแท็กซี่กลับ” ผมยื่นคำขาด
ไอ้เวย์ทำหน้ายุ่งยากใจ มองผมสลับน้องจีน แล้วก็มองพี่กานต์ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากออกมาในที่สุด
“งั้นผมฝากมันด้วยนะครับพี่ ยังไงก็ช่วยส่งมันให้ถึงคอนโดด้วย”
ผมกับพี่กานต์ยืนดูจนไอ้เวย์ขับรถออกไป แล้วพี่กานต์ก็พูดยิ้มๆ
“เพื่อนยังหวงเหมือนสมัยที่อยู่โรงเรียนเลยนะ”
ผมไม่ได้ตอบอะไร มองดูนาฬิกาก็เห็นว่าเหลือเวลาทำงานอีกสองชั่วโมงกว่า เวลาทำงานก็เพลินดีเหมือนกันครับ ทิปที่นี่เขาก็หารกันหมด ผมก็พลอยได้อานิสงส์มาด้วย พอสนุกกับการทำงาน เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว
ผมถอดผ้าผูกเอวเก็บเข้าล็อคเกอร์ เก็บของอะไรให้เรียบร้อย ก่อนจะคว้ากระเป๋ามาสะพายเตรียมตัวกลับ พอเปิดประตูห้องพักพนักงานออกมา ก็เจอพี่กานต์ยืนพิงกำแพงรออยู่แล้ว
“เรียบร้อยแล้วพี่”
“งั้นก็ไปกันเลย เดี๋ยวพอเข้าซอบแล้วบอกทางพี่หน่อยละกันนะ”
ตอนเดินออกมาก็โบกมือให้คนอื่นที่ยังทำงานกันอยู่ คนอื่นก็ยิ้มแย้มให้ผมเป็นอย่างดี เพราะความจริงต้องเลิกตอนร้านปิด แต่ผมมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถอยู่ทำจนร้านปิดได้
ระหว่างทางกลับคอนโด พี่กานต์ก็ชวนคุยตลอดทาง ทั้งเรื่องที่โรงเรียน หลังจากที่พี่กานต์จบไป เรื่องเพื่อนคนอื่น ผมก็เล่าให้ฟัง ยิ่งตอนเล่าถึงอาจารย์ที่โรงเรียน ยิ่งเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย มีอะไรให้คุยกันเยอะพอสมควร เพราะเวลาทำงานก็ไม่มีโอกาสมาคุยกัน
กลับมาถึงคอนโด เห็นรถพี่เภายังไม่กลับมาก็โล่งใจ ยกมือไหว้ล่ำลาพี่กานต์ ซึ่งอีกคนก็โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน อ้างว่ายังไม่อยากแก่ ก่อนจะจากกันก็ทิ้งท้ายเอาไว้
“ความจริง พี่มาส่งแอลทุกวันเลยก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องลำบากเวย์ด้วย”.
.