- STEP 29 -
“แฟนเอลไม่สวยหรอกครับ แฟนแอลเป็น ‘ผู้ชาย’ ครับ”หลังคำพูดของผม คุณแม่ก็ชะงักมือที่กำลังลูบหัวผม ทุกอย่างพลันเงียบสนิทอยู่นาน กว่าคุณแม่จะลูบหัวผมต่อและเอ่ยคำถามที่ทำเอาผมเป็นฝ่ายตกตะลึงแทน
“แฟนน้องแอล...คือพี่เภาใช่ไหมคะ?”
เขาว่ากันว่าสัญชาติญาณของผู้หญิงน่ากลัว แต่สัญชาติญาณของคนเป็นแม่น่ากลัวกว่า เพราะแม่มักจะรู้ทุกเรื่องของลูกตัวเอง เช่นเดียวกับคุณแม่ผม ผมกล้าพูดเต็มปากเลยว่า ผู้หญิงที่ผมรักที่สุด คือคนเดียวกับผู้หญิงที่รู้จักผมดีที่สุด
“พี่เอฟ...บอกคุณแม่แล้วเหรอครับ” ผมถาม แม้จะรู้ดีว่าคำถามของคุณแม่ ย่อมมาจากสัญชาติญาณ หรือบางสิ่งบางที่สังเกตเห็นเองอย่างชัดเจน บางทีอาจจะเป็นตัวผมหรือพี่เภา ที่แสดงออกชัดเจนจนคุณแม่สังเกตเห็น
“เด็กหนอเด็ก คุณแม่เลี้ยงน้องแอลมาเองนะคะ คุณแม่ก็ต้องรู้จักน้องแอลดีที่สุด สายตาของน้องแอลที่มองพี่เภากับสายตาของพี่เภาที่มองน้องแอลของคุณแม่ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วค่ะ...ว่ามากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องแน่นอน คุณแม่พูดถูกใช่ไหมคะ”
ป่วยการที่จะปฏิเสธ เมื่อคิดว่าจะบอกแล้ว ก็จะบอกทุกสิ่งทุกอย่าง จะเปิดเผยทุกเรื่องที่คุณแม่ควรจะรู้ ถ้าเลือกที่จะก้าวแล้ว ก็ต้องก้าวต่อ หยุดพักได้ แต่ห้ามถอยหลังเด็ดขาด
“นานหรือยังคะ?” คำถามถูกเอ่ยออกมาเรียบเรื่อย เหมือนกำลังคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ
“คบกันมาสามเดือนแล้วครับ แต่พี่เภาชอบแอลมาปีกว่าแล้ว”
“ดูเป็นคนมั่นคงดีนะคะ ตอนทานอาหารเย็นก็ดูแลน้องแอลตลอด แล้วยังอุตส่าห์ตามลูกชายคุณแม่มาถึงนิวยอร์กอีก เด็กหนุ่มสมัยนี้รักกันร้อนแรงดีนะคะ”
ผมหน้าร้อนผ่าว ชักจะอายคุณป๋ากับคุณแม่เล็กน้อย...แค่เล็กน้อยเท่านั้น ที่ ‘แฟน’ ของผมดูเหมือนจะชอบเทคแคร์ดูแลผมเกินหน้าเกินตา หรือบางทีอาจจะเกินงามสำหรับคุณป๋ากับคุณแม่ด้วย อาจจะต้องมีปรามกันบ้าง
ผมผุดลุกจากตักของคุณแม่ เบียดตัวเข้ามานั่งกอดเอวคุณแม่แทน ซุกหัวอย่างออดอ้อน เหมือนที่ทำประจำยามเป็นเด็ก เวลาที่ทำผิดแล้วกลัวคุณแม่จะดุ
“คุณแม่โกรธแอลหรือเปล่าครับ?”
คุณแม่ถอนหายใจยาว กระชับอ้อมกอด กอดผมแน่นกว่าเดิม อ้อมกอดที่คุ้นเคย มือคู่ที่อบอุ่นลูบหลังผมเหมือนผมยังเป็นเด็กชายตัวน้อย ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านมา ทำเอาน้ำตาเกือบจะรื้นออกมา
ผมกำลังทำคุณแม่ผิดหวังหรือเปล่า... ผมเป็นผู้ชาย ผมเป็นลูกชาย แต่ผมกลับมีแฟนเป็นผู้ชาย
“ถ้าคุณแม่ขอน้องแอล ให้เลิกกับพี่เภา น้องแอลยอมหรือเปล่าคะ”
ผมนิ่งงัน ตัวชาวาบ เหมือนกำลังถูกผลักตกลงจากที่สูง ผมเคยคิดหลายต่อหลายครั้ง ว่าถ้าคุณป๋ากับคุณแม่ขอให้ผมเลิกกับพี่เภา ผมจะทำอย่างไรดี มันถึงเวลาที่ต้องตอบแล้วใช่ไหม...
“ร้องไห้ทำไมคะ?” คำถามที่อ่อนโยน ปลายนิ้วที่เกลี่ยรอบดวงตาอย่างแผ่วเบา ทำเอาน้ำตาที่ไหลลงมาไม่รู้ตัว พาลจะไหลหนักกว่าเดิม
“แอลขอโทษ...แอลขอโทษครับ”
“ขอโทษคุณแม่ทำไมคะ น้องแอลมีความรัก น้องแอลไม่ได้ทำอะไรผิด”
ผมเงยหน้ามองคุณแม่เต็มตา รอยยิ้มอันอบอุ่นกระจายอยู่เต็มดวงหน้า ที่ยังคงสวยเสมอสำหรับผม เสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากผมแผ่วเบาคล้ายเสียงละเมอ
“คุณแม่หมายความว่า...”
“น้องแอลคิดว่าคุณแม่จะอยากเห็นน้องแอลเสียใจเหรอคะ ความสุขของคุณแม่คือการที่เห็นลูกชายของคุณแม่มีความสุข ถ้าพี่เภาทำให้น้องแอลมีความสุข คุณแม่ก็ต้องดีใจไปกับน้องแอลด้วยสิคะ ดีออก...มีคนมาช่วยคุณแม่รักน้องแอลเพิ่มอีกคน”
ผมไม่เคยคิดผิดที่ทุ่มเทความรักที่มี ให้กับผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกคนนี้ ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนความรักที่ได้จากคุณแม่หมดไหม แต่รู้ดีว่า...แค่คำว่ารักคงยังน้อยเกินไป ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณแม่ทำให้ผม
“คุณแม่ไม่ได้รังเกียจใช่ไหมครับ ที่แอลเป็นแบบนี้”
“คุณแม่จะรังเกียจน้องแอลทำไมคะ น้องแอลเป็นลูกชายของคุณแม่...เป็นลูกชายที่คุณแม่ภูมิใจ คุณแม่ดีใจนะคะ ที่น้องแอลกล้าหาญพอที่จะบอกคุณแม่ตามตรง”
“แอลไม่ได้เป็นเหมือนที่คนอื่นเขาเป็นกัน”
“คุณแม่ไม่ได้หัวโบราณนะคะ อยู่ที่นี่ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่เยอะแยะ แล้วน้องแอลก็ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่ได้เป็นโรคร้ายที่ต้องรังเกียจซะหน่อย ไม่มั่นใจในความรักที่คุณป๋ากับคุณแม่มีให้น้องแอลเหรอคะ”
“แอลรู้...ว่าคุณป๋ากับคุณแม่รักแอล แต่แอลไม่อยากให้คนอื่นมองคุณป๋ากับคุณแม่ไม่ดี ถ้าคนอื่นรู้ว่าลูกชายคุณแม่เป็นแบบนี้...”
“ฟังคุณแม่นะคะ ถ้าน้องแอลแคร์สังคม น้องแอลจะไม่มีวันได้เป็นตัวของตัวเองเลย น้องแอลมีแฟนเป็นผู้ชาย ไม่ได้ทำให้ธุรกิจของครอบครัวเราล้มละลาย ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และไม่ได้ทำให้คุณป๋ากับคุณแม่รักน้องแอลน้อยลง เพราะน้องแอลก็ยังเป็นลูกชายคนเดิมของครอบครัวเรา เลิกเครียด เลิกกังวลได้แล้วนะคะ อย่าให้คนอื่นมาตัดสินตัวตนของเรา อย่าให้เราต้องเปลี่ยนตัวเองเพราะลมปากของคนอื่น”หลายต่อหลายคนสนใจแต่กระแสสังคม สนใจแต่ลมปากของคนรอบข้าง จนลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ลืมสิ่งที่ตัวเองต้องการ เหมือนกับไม้หลักที่ปักเลน เอนไหวไปมาตามแรงลม ไม่มีความมั่นคง ผมเอง...ไม่อยากจะเป็นเหมือนไม้หลักเหล่านั้น
ผมควรจะเชื่อมั่นในความรักจากครอบครัว และความรักจากพี่เภา
“แอลรักคุณแม่นะครับ”
“คุณแม่ก็รักน้องแอลนะคะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ตาบวมแล้วเดี๋ยวจะหมดหล่อกันพอดี”
คืนนี้...คงจะเป็นคืนแรกที่ผมนอนหลับฝันดี นับตั้งแต่เหยียบแผ่นดินอเมริกา ผมเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่น เสียงกังวานยังดังอยู่ข้างหู ก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
“ไม่พ่อแม่คนไหนรังเกียจลูกตัวเองหรอกนะคะ ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดน้องแอล คุณแม่กับคุณป๋าก็จะยืนอยู่ข้างน้องแอลเสมอ”
.
.
อุตส่าห์บอกพี่เภาว่าจะไปหาที่อพาร์ทเมนต์แต่เช้า แต่ก็ผมตื่นมาตอนสาย เพราะนอนหลับสนิทหลังจากรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก พอเดินลงมาที่โต๊ะอาหาร จึงเหลือแค่เพียงคุณแม่กับพี่เอฟ
ครอบครัวเรามีแม่บ้านสองคน คือริต้าที่เป็นคนเม็กซิกันและพี่กุ้งที่เป็นคนไทย คุณแม่กับผมรับเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกัน ส่วนพี่เอฟขอแค่ขนมปังกับกาแฟร้อน ตามประสานักธุรกิจ ที่นิยมดื่มกาแฟเป็นอาหารหลัก
“เดี๋ยวเอฟพาน้องแอลไปส่งที่อพาร์ทเมนต์ด้วยนะคะ น้องแอลจะได้พาเภาไปเที่ยว”
พี่เอฟกำลังจิบกาแฟอยู่ พอฟังคำสั่งคุณแม่ ก็แทบจะสำลักกาแฟทันที ดื่มน้ำตามแทบไม่ทัน ผมเลยนั่งหัวเราะอย่างเป็นต่อ เพราะมีผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการแล้ว
...สิบพี่เอฟ หรือจะสู้หนึ่งคุณแม่...“ตลกแล้วคุณแม่ เอฟไม่ไปส่งแอลหรอก เอฟมีงานยุ่ง เดี๋ยวจะพาแอลเข้าบริษัทด้วย”
โถ...พี่ชายผม เอาเรื่องงานมาอ้างหน้าตาเฉย
“อย่ามาเฉไฉนะคะ นิคบอกคุณแม่แล้วว่าเอฟว่างถึงหลังปีใหม่ เราเป็นเจ้าบ้าน มีแขกมาก็ต้องต้อนรับขับสู้ อย่าเสียมารยาทนะคะเอฟ”
พี่ชายผมทำหน้าเซ็งสุดขีด ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปขมุบขมิบปากบ่น แต่มีหรือจะรอดพ้นสายตาคุณแม่
“บ่นอะไรคะ?”
“เปล่าครับ”
“ยังไงเอฟกับน้องเพิร์ลก็เป็นคนคุ้นเคยกัน เขาอุตส่าห์มาถึงนี่ เราก็ต้องคอยดูแลเขา น้องแอลจะได้พาเภาเที่ยว ส่วนเอฟก็พาน้องเพิร์ลเที่ยว” คุณแม่ผมผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับเรียบร้อย สุดยอดมาก!
“เพิร์ลเขาก็เคยอยู่ที่นี่เป็นปี เขารู้ทางอยู่แล้วครับคุณแม่ เอฟไม่ต้องพาเขาเที่ยวหรอก” พี่ชายผมยังคงเถียงคอเป็นเอ็น ไม่มีหรอกที่จะยอมแต่โดยดี
“เอ๊ะ! น้องเพิร์ลเขาเป็นผู้หญิงนะคะ เราเป็นผู้ชายยังไงก็ตามไปดูแลก็ยังดี ที่นี่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยทุกแห่ง”
ถูกของคุณแม่เลยครับ มหานครอย่างนิวยอร์ก ใช่ว่าจะปลอดภัยทุกแห่ง เพราะความหลากหลายทางเชื้อชาติและภาษา ผู้คนที่นี่มาจากทั่วทุกมุมโลกมารวมกัน ร้อยพ่อพันแม่ บางทีรู้หน้าอาจจะไม่รู้ใจ
“ก็ได้ครับ เอฟยอมแพ้แล้ว แต่ถ้าเพิร์ลเขาไม่ไปเอง เอฟก็ช่วยไม่ได้นะ”
“น้องเพิร์ลเขาไม่ปฏิเสธหรอก มีแต่เอฟนั่นแหล่ะ จะกลัวจะไม่ยอมไปไหนมาไหนกับเขา”
“ทำไมพี่เอฟต้องกลัวพี่เพิร์ลด้วยล่ะ” ผมถามทันทีด้วยความสงสัย ผลของคำถามคือ...
คุณแม่นั่งยิ้มกริ่มอย่างมีลับลมคมใน แต่ไม่ยอมพูดอะไร ส่วนพี่เอฟตวัดตามองฉับ ก่อนจะเอ่ยเสียงห้วนเหมือนกับถูกจี้จุดเข้าอย่างจัง
“ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า”
“พี่เอฟ! มีความลับกับแอลเหรอ บอกแอลมานะ...”
“ถ้ายอมอยู่ที่นี่ จะบอกทุกอย่างเลย” พี่ชายผมยิ้มเจ้าเล่ห์แบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“หยุดแหย่น้องได้แล้วนะคะ เดี๋ยวน้องแอลเอาเครื่องนี้ไปใช้ชั่วคราวก่อนนะคะ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน อย่างน้อยจะได้ติดต่อกันได้” คุณแม่ยื่นโทรศัพท์เครื่องเล็กส่งให้ผม สำหรับใช้ระหว่างอยู่ที่นิวยอร์ก
ผมเดินเข้าไปหอมแก้มคุณแม่ซ้ายขวาก่อนจะออกจากบ้าน พี่เอฟก็ทำแบบเดียวกัน จนแทบจะเป็นธรรมเนียมประจำบ้านไปซะแล้ว
“เอฟคะ ขากลับพาเภากับน้องเพิร์ลมาทานข้าวเย็นที่บ้านเราด้วยนะคะ” คุณแม่ผมกำชับทิ้งท้ายพร้อมกับยิ้มหวาน ชนิดที่ทำเอาพี่ชายผมโดนน็อคคาเวทีเรียบร้อย บอกแล้วว่า...
คุณแม่น่ะ...เขาเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด
.
.
ระหว่างทางจากโฮโบเค่น ลอดผ่านอุโมงค์ลินคอล์นเข้าสู่เกาะแมนฮัตตัน ผมก็ต้องนั่งฟังพี่ชายคร่ำครวญ ประหนึ่งลูกสาวหนีตามผู้ชาย
“แอลเพิ่งจะอายุสิบเก้าเองนะ พี่ว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะมีแฟน”
“เท่าที่แอลจำได้ พี่เอฟมีแฟนคนแรกตอนอายุสิบหก เร็วกว่าแอลอีก”
“มันไม่เหมือนกัน” พี่ชายผมมีความพยายามเป็นเลิศครับ
“ตรงไหนที่ไม่เหมือน พี่เอฟกับแอลก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เป็นพี่น้องกัน แอลไม่ใช่ผู้หญิงนะพี่เอฟ อย่าเยอะ!”
“หมอนั่นมันไว้ใจไม่ได้ แค่พี่ดูหน้ามันก็เห็นไปถึงไส้ในแล้ว” พี่เภาเป็นคนนะครับ ไม่ใช่กระสือ
“พี่เอฟรู้ได้ยังไง พี่เอฟยังไม่ลองทำความรู้จักกับพี่เภาดูเลย อย่างนี้แสดงว่าพี่เพิร์ลก็ไว้ใจไม่ได้เหมือนกันสิ”
“นั่นมันคนละคนกัน” พี่ชายผมพึมพำเสียงเบา
“มันล่วงเกินแอล มันทำน้องพี่ป่วย มันย่ำยีน้องพี่ พี่ยอมไม่ได้”
“เวอร์แล้วพี่เอฟ แอลสมยอม โอเคนะครับ”
“ไม่โอเคครับ!!”เออ! ท่าทางจะไม่โอเคอย่างที่พูด เพราะพอบอกว่าผมสมยอม หน้าตาพี่ชายผมนี่เหมือนกับวิญญาณหลุดออกจากร่างเรียบร้อย
“พี่เฝ้าทะนุถนอมแอลมาอย่างดี น้องชายที่น่ารักของพี่ แค่คลาดสายตานิดเดียว...”
ขอพาราเซตามอลหนึ่งแผงด่วนครับ พี่ชายผมท่าทางจะอาการหนัก อาจจะกินยาลืมเขย่าขวด หรือทำงานมากจนเครียดจัด อาจจะต้องบำบัดด่วน
“ถ้ามันจะล่วงเกินแอลอีก แอลต้องรีบบอกพี่ทันทีนะ”
“ฝันเถอะ ว่าแอลจะบอก” ผมบอก แล้วหันหน้าออกนอกหน้าต่างทันที
“มันล้างสมองแอลแล้วใช่ไหม มันต้องล่อลวงจนแอลเคลิบเคลิ้มไปกับมัน”
“พี่เอฟ! อย่ามาเยอะ ขอร้อง ถ้ายังไม่เลิก แอลจะบอกคุณแม่นะ”
โอเคครับ...เงียบได้ซะที ก่อนที่ผมจะประสาทกินกับอาการหวงน้องของพี่เอฟ แถมจำเพาะเจาะจงต้องมาหวงผมคนเดียวอีก ทีเจ้าแฝดล่ะปล่อยปละละเลยเชียวนะ
“พี่ขอโทษ ถ้าเกิดทำแอลลำบากใจ พี่ก็แค่เป็นห่วงแอล”
ยังจะเล่นบทดราม่าต่ออีกนะพี่ชายผม เอาออสการ์ไปเลยไหม ผมจะต้องไม่หลงกลหรือตกหลุมอีกแล้ว เจ็บแล้วจำครับ...ฮึ่ม!
.
.