Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”Chapter 40 – ชั่วโมงเรียนภาคค่ำ“หายไปไหนมาทั้งวันคะคุณนนท์?”
บัวกุลีกุจอมารับร่มจากมือเขา ส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยเหมือนผู้ใหญ่มองเด็กทั้งที่อายุอานามก็ใช่จะน้อยกันแล้ว ทำเอารู้สึกผิดนิดหน่อยจากการหายไปทั้งวันโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด
“ธุระนิดหน่อยครับ”
หญิงชราส่งรอยยิ้มอ่อนใจโดยไม่คิดซักไซ้เพิ่มเติม อานนท์เป็นเช่นนี้ตลอดมาตั้งแต่หนุ่มน้อยจนหนุ่มใหญ่ ดีตรงที่แม้หายไปไหนก็ไม่เคยสร้างเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่นต้องวุ่นวายสักครั้ง “ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เขาเดินนำเข้าตัวบ้าน ละอองฝนเกาะตามเสื้อผ้าจนชื้นไปหมดแม้มีร่มให้ใช้ ตั้งใจจะอาบน้ำเลย ส่วนมื้อเย็นคงไม่ต้องแล้วเพราะจัดหนักมาพอดูทั้งของคาวของหวาน
..เจ้าเด็กแสบนั่นกินเก่งมากอานนท์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงคนที่ขู่เขาว่าอยากเลี้ยงนักจะกินให้กระเป๋าฉีก
ใบหน้าโดยเฉพาะดวงตาซึ่งแทบถอดแบบกิ่งพลอยออกมาตอนเป็นประกายวาววับเมื่ออาหารที่สั่งเอา ๆ ทยอยยกมาเสิร์ฟยังตรึงแน่นในความทรงจำ บรรยากาศยามพูดคุยหลังจากรู้ผลตรวจดีเอ็นเอว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันจริงนั้นต่างจากก่อนรู้อย่างกับคนละคน ทันทีที่ได้รับแจ้งผล เด็กหนุ่มผู้แบกสีหน้าคร่ำเครียดระคนหดหู่จนเขาอดคิดไม่ได้ว่ากำลังรังแกเด็กอยู่หรือเปล่าก็หายวับแล้วถูกแทนที่ด้วยเจ้าเด็กช่างจ้อหน้าระรื่นซึ่งเผาลูกชายเขาเป็นฉาก ๆ แถมยังกินเป็นยัดกระสอบเหมือนมีหลุมดำในกระเพาะอาหารมาแทน นึกดูอีกทีความมั่นใจถึงกับตกลงนิดหน่อยเมื่อตระหนักได้ว่าคล้ายเป็นการประกาศกลาย ๆ ว่าเด็กคนนี้ไม่อยากเป็นลูกเขาขนาดนั้นเชียว
“ดูอารมณ์ดีนะคะคุณนนท์”
เขาหันมายิ้ม “อย่างนั้นหรือครับ” แต่ไม่ได้ขยายความเพิ่มเติม
บัวยืนมองตามร่างเจ้าบ้านซึ่งเดินให้หลังไป สังเกตเสื้อผ้าที่สวมวันนี้ก็เป็นไปรเวทไม่เหมือนไปทำเรื่องเกี่ยวข้องกับการงาน กลับมามืดค่ำด้วยสภาพเนื้อตัวเปียกชื้นจากละอองฝนซึ่งเจ้าตัวไม่ชอบแต่กลับดูครึ้มอกครึ้มใจเหลือเกินจนชักสงสัยว่าธุระที่ว่าคืออะไรกัน
.............................................................
.......................................
.
.
.
.
‘ยอมเป็นของพี่ชายนะครับ’
‘ยอมเป็นของพี่ชายนะครับ’
‘ยอมเป็นของพี่ชายนะครับ’
‘ยอมเป็นของพี่ชายนะครับ’ใครช่วยเอาไอ้ประโยควิปริตนั่นออกไปจากหัวที!เขาต้องโดนเล่นไสยศาสตร์หรือไม่ก็กำลังจะเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ จึงได้ยินเสียงที่มองไม่เห็นตัว(ความจริงคือกำลังพยายามทำเป็นมองไม่เห็นตัวต้นเสียงซึ่งจ้องเขาจนจะพรุนอยู่แล้ว)ซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้ เส้นความอดทนขาดผึงเมื่อคุณชายหน้ามึนก้าวข้ามขั้นกว่าของคำว่าจ้องด้วยการมานั่งทำตาใสในระยะประชิดแทบจะเอาขนตาทิ่มหน้า
“มองไรวะ”
“มองคนน่ารัก”
มุกเสี่ยวดึกดำบรรพ์นี้ควรสูญพันธุ์ไปพร้อมกับไดโนเสาร์แล้วว้อย!
“เน่า! พูดจริงนะ พอเหอะมุกพวกนี้น่ะ สุดจะทนแล้ว”
“ค่าปิดปากล่ะ?”
“ไม่มี กรูจน”
อาทิตย์ยิ้มกริ่ม ปิดปากก็คือปิดปาก...ง่ายนิดเดียว
“ปิดแบบนี้ก็ได้ครับ”
“!!?”
ปากนิ่ม ๆ หยุ่น ๆ เวลาแตะกันแล้วรู้สึกดีชะมัด “ทำเป็นยัง”
“เลว!!”
“ยังไม่เป็นเหรอ?" เขาตีมึนใส่คำด่า "เดี๋ยวทำให้ดูอีกทีนะ”
อีกฝ่ายคำรามลอดไรฟัน แต่เขามั่นใจว่าสีแดงระเรื่อบนใบหน้าไม่ใช่จากความโกรธ
ณ จุดนี้ปิ่นหยกเริ่มคิดหนักแล้วว่าหรือเขาควรเสียใจที่ไม่ได้เป็นพี่น้องกับมนุษย์หื่นกามสวมหนังลูกเจี๊ยบตรงหน้า อย่างน้อยถ้าเป็นยังพอใช้เป็นข้ออ้างปฏิเสธได้ตอนที่มือใหญ่รวบท้ายทอยเขาหมับก่อนจะประกบปากลงมาอีกครั้งหนักหน่วงกว่าเดิม ค่าปิดปากแพงไปแล้วนะไอ้เวร ถือว่าโชคดีที่นั่งอยู่เพราะเกิดเข่าอ่อนยวบยาบล้มพับขึ้นมาคงขายหน้าไปอีกนาน
“อุ๊!!!”
โครม!!!!แต่โชคร้ายตรงหงายหลังตกเก้าอี้เพราะถอยร่นหนีลิ้นร้อนที่พยายามแทรกเข้ามานั้นยิ่งน่าอายกว่าชนิดเทียบกันไม่ติด!“..อูย...เวรเอ๊ย!”
ลืมไปเลยว่าเก้าอี้นี่ไม่มีพนักพิง เจ็บฉิบหาย หัว ไหล่ ตูด ลงถึงพื้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ตามด้วยร่างสูงซึ่งเขามั่นใจว่าเจ้าของร่างส่งตัวเองถลาลงมาด้วยเจตนาแอบแฝงแน่นอนเพราะองศาการล้มปกติมันไม่ควรตามลงมาคร่อมเสียพอดิบพอดีเป็นละครน้ำเน่าอย่างนี้
“...อาทิตย์”
“ครับ?”
ข้าแต่เทพเจ้าแห่งเงินตรา แววตาออดอ้อนคู่นั้นกำลังจะทำเขาคลั่งตาย ตัดสินใจหลับตาปี๋ตัดช่องทางทำลายล้างทางจักษุพร้อมสั่งเสียงเข้มหรืออย่างน้อยก็พยายามเข้มด้วยถ้อยคำห้วน ๆ เพื่อป้องกันอาการเสียงสั่นหากต้องพูดยาว
“ลุก!”
“อือ”
ปิ่นหยกสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ท่านชายเข้าใจผิดว่า
‘อือ’ แปลว่า
‘ไม่’ หรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายตอบอย่างนี้ทีไรไม่เห็นเคยทำตามอย่างที่รับคำสักที
ความรู้สึกจักจี้แถวคางทำให้เด็กหนุ่มหดคอหนีไม่รู้ตัว หรี่ตาขึ้นมองก็พบสาเหตุเป็นกลุ่มผมดำสนิทจากศีรษะที่ซบอยู่บนไหล่เขา น่าแปลกที่ไม่มีการลวนลามอะไรตามมานอกจากแก้มซึ่งย้ายไปแนบบนแผ่นอกและนัยน์ตาโศกที่เงยขึ้นมาสบบวกกับทิ้งตัวพาดใส่เขาแบบไม่นึกเห็นใจว่าน้ำหนักตัวเองก็ใช่ว่าจะน้อย
“..หายใจไม่ออก”
เขาเอามือดันร่างสูงซึ่งแทบไม่กระดิก จะว่าหายใจไม่ออกก็ไม่เชิง ความจริงแล้วเรียกไม่กล้าขยับอกเลยน่าจะถูกกว่า ผิดกับกล้ามเนื้อหัวใจที่ดูจะขยันขันแข็งทำงานเสียเหลือเกิน “....หนัก”
“..ฉันใจหายเลยรู้ไหม”
“พูดเรื่องอะไรวะ”
“ตอนนายเรียกว่าพี่..”
“......”
ปิ่นหยกพ่นลมหายใจพรืด อยากขำก็เกิดรู้สึกผิดบาปขึ้นมา ไม่คิดว่าลูกเจี๊ยบน้อยจะหวั่นไหวไปกับมุกตลกที่อุตส่าห์เล่นเนียน ๆ เกิดโตไปเป็นไก่มีปมด้อยเดี๋ยวจะหาว่าเป็นความผิดเขา “ไหนบอกถึงเป็นพี่น้องก็ไม่เป็นไรไง”
“ตอนแรกก็คิดอย่างนั้น...” อาทิตย์บ่นพึมพำ ขยับตัวขึ้นมากดจมูกลงบนแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ก่อนจะโดนฟาดผัวะเข้าที่ต้นแขนเต็มไม้เต็มมือ ซึ่งหากปิ่นหยกคิดว่าแค่นั้นจะทำให้เขาสะทกสะท้านได้คงต้องบอกว่าคิดผิด
“ฉันน่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นพี่น้องจริง ๆ ปิ่นหยกต้องไม่ยอมให้ทำแน่เลย”
“ทำอะไร!?” เจ้าของชื่อโพล่งขึ้นมาไม่ทันระวังปาก อวัยวะใดจะพาซวยที่สุดในร่างก็คงเป็นปากพล่อย ๆ นี่เอง
ร่างสูงถอยออกมาเล็กน้อยพอให้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดขึ้น ลากนิ้วหัวแม่มือผ่านริมฝีปากนุ่มนิ่มที่เห็นกี่ครั้งก็อยากครอบครองไว้คนเดียว ยิ่งพิศมองดวงหน้าซับสีเลือดซึ่งหายใจติดขัดอยู่ใต้ร่างเขาแล้วคล้ายจะห้ามใจตัวเองไม่อยู่ขึ้นมาอย่างไรบอกไม่ถูก
“พูดแล้วยาว เรียนภาคปฏิบัติกันดีกว่าไหม”
ปิ่นหยกส่ายหน้าแทบไม่ต้องคิด ทว่าแย่หน่อยที่ไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงปราม.................................................................................
..........................................
.
.
.
.
“ใจร้าย...” ท่านชายโอดครวญ
“หื่นกาม!” เขาเถียง ปากยังบวมเจ่อไม่หาย จะจูบจะอะไรก็ให้มันเบาหน่อยไม่ได้เลย
“มือหนัก”
เสียงทุ้มยังบ่นต่อพลางลูบท้องตัวเองป้อย ๆ ซึ่งปิ่นหยกมั่นใจว่าแรงต่อยเมื่อครู่ไม่ได้สะเทือนตับไตไส้เซี่ยงจี๊อะไรสักนิด ยั้งมือเอาไว้ตั้งเยอะกะแค่พอเอาตัวรอด ลำพังกล้ามท้องอีกฝ่ายก็น่าจะรับได้สบายอยู่แล้ว ท่าทางแบบนั้นจงใจสำออยชัด ๆ
“งี่เง่า! ยังดีคราวนี้ไม่เลาะฟันออกอีกซี่”
“ขี้งก”
นั่นเกี่ยวกับเหตุการณ์ด้วยเรอะ!?
“ประสาท!”
“น่ารัก!”
“......”
ไปต่อไม่เป็นกันเลยทีนี้ แต่เขาไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายทำใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำหน้าร้อนวูบวาบอยู่คนเดียวใช่ไหม โทษฐานพูดจากระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจพร่ำเพรื่อ มันสมควรได้รับอะไรที่เท่าเทียมกันกลับไปบ้าง
“ไอ้หล่อ!”
“ขอบคุณครับ”
บัดซบ! เห็นรอยยิ้มกรีดขึ้นบนริมฝีปากคุณชายก็ตระหนักได้ว่าควายปิ่นสมควรเนรเทศตัวเองไปไถนาได้แล้ว
“ทำไมไม่เขินวะ!”
“อ้าว..ต้องเขินด้วยหรือ”
ฟ้าส่งปิ่นหยก แววสินธุ์ มาเกิดบนโลกนี้ แล้วทำไมต้องส่งคุณชายแสงอรุณ วิจิตรนิรันดร์มาตามอาฆาตกันด้วย บางทีเขาก็อยากอ้อนวอนมันว่าช่วยทำเขินให้ใจชื้นสักนิดว่าเขาไม่ได้บ้าบอไปคนเดียว
“....เขินให้ดูมั่งเหอะ” ปิ่นหยกก้มหน้าก้มตาบ่นงุบงิบ “แกแม่มทำฉันเสียความมั่นใจหมดแล้ว”
“ทำไมล่ะ ปิ่นหยกเขินน่ารักออก”
พูดไปก็ดึงมือเขาไปพลิกเล่น ไล้ริมฝีปากแตะแผ่วเบาบนปลายนิ้วทีละนิ้วเหมือนเด็กได้ของถูกใจ แต่ดันเป็นเด็กโข่งที่ทำให้ใจสั่นได้อย่างประหลาด
“...อาทิตย์ก็น่ารัก”
เอาสิ! วันนี้จงสะเทิ้นอายแบบสาวน้อยออกมาซะ!
“จริงหรือ? ดีใจจัง”
ไม่ ๆ ตาวิบวับเป็นประกายกับท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ “...จริง...ตาสวยด้วย” เขาว่าพลางเอามืออีกข้างดันไอ้หน้าหล่อที่เริ่มเปลี่ยนจากจูบปลายนิ้วเป็นอาการคล้ายพยายามแทะนิ้วเข้าไปทุกทีออกอย่างเนียน ๆ สัญญาณเตือนในหัวร้องระงมว่าความร้อนผ่าวบนใบหน้าใกล้โอเวอร์ฮีทเต็มทน แต่จะทำการใหญ่ใจต้องเหี้ยม(?) ทิฐิสั่งการเหนือเหตุผลว่าคืนนี้ถ้ามันไม่ทำเขินน่ารัก ๆ ให้เขาดูก็ไม่ต้องนอน
ปิ่นหยกกัดลิ้นตัวเองเรียกสติแล้วพูดต่อเสียงนุ่ม
“..ปากอิ่ม...เซ็กซี่มาก”
อาทิตย์เลิกคิ้ว กรีดยิ้มแทบลากยาวถึงใบหูแต่เป็นรอยยิ้มที่ห่างไกลคำว่าเขินอายอย่างที่อีกฝ่ายต้องการมากนัก นิ้วชี้ของปิ่นหยกที่แตะลงบนริมฝีปากเขาตอนบอกว่าเซ็กซี่ทำเอาอดใจขบลงเบา ๆ ไม่ได้ คิดไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้คนตรงหน้าดูอ้อนผิดปกติ ใครทนไหวก็จะพระอิฐพระปูนเกินไปแล้ว
“ปิ่นหยกครับ”
สถานการณ์เริ่มเลยเถิดเมื่อคนหนึ่งพยายาม(อย่างไร้สาระ)จะทำให้อีกฝ่ายเขินดูสักครั้ง แต่อีกคนกลับตีความเข้าข้างตัวเองไปเรียบร้อยแล้วว่ากำลังถูกอ้อนด้วยแรงเสน่หา
ร่างสูงรั้งเอวอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เกลี่ยไรผมด้านข้างออกจากแก้มใสแล้วกดเสียงต่ำกระซิบข้างหู
“นี่กำลังให้ท่าฉันใช่ไหม?”
“.....”
..เดี๋ยวนะ...รู้สึกมีอะไรผิดพลาดที่ไหนสักแห่ง“ยั่วแบบนี้ไม่ทนแล้วนะครับ”
ปิ่นหยกสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ว่าอะไรบางอย่างซึ่งเป็นตัวอันตรายกำลังขบเม้มใบหูเขาอยู่ และเขาคิดว่าเขาล็อคเป้าหมายผิด เพราะนอกจากเรียกอาการขวยเขินอะไรจากท่านชายไม่ได้เลยยังกลับกลายเป็นเขาเสียเองมาอยู่ในสภาวะตกที่นั่งลำบาก ซึ่งมันคงพลาดตั้งแต่เริ่มคิดพูดจาฉอเลาะหรือทำอะไรให้ไอ้ลูกเจี๊ยบจ้องจะกลายร่างด้วยการอาศัยช่องโหว่ของการกระทำเขาไปตีความเอาเองว่ายั่ว
“...อ..อาทิตย์ เลิกเล่นเหอะ”
“อืม ฉันก็ว่าเลิกเถอะ”
ปิ่นหยกใจชื้น ง่ายดีจริง ลืมไปชั่วขณะว่ามันเคยง่ายดายอย่างนี้ที่ไหนจนเมื่อเสื้อยืดเขาถูกเลิกขึ้นจนถึงช่วงอก
“ไหนบอกเลิกเล่น!?” เด็กหนุ่มตะครุบเสื้อตัวเอง ยื้อยุดไว้มั่นในมือ หากช้ากว่านี้อีกนิดคงโดนดึงหลุดออกมาทางศีรษะไปแล้ว อาทิตย์เห็นเขาเกาะเสื้อไว้แน่นมองตาขวางก็ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ทำนองว่าไม่ยุ่งกับเสื้อแล้วก็ได้
“ไม่เล่นครับ”
ก่อนจะหันไปสนใจกับขอบกางเกงเขาแทน“เอาจริงกันดีกว่า”
“เฮ่ย!!”มือใหญ่ดึงรวดเดียวกางเกงขาสั้นตัวเก่งก็บอกลาท่อนขาแบบไม่ให้มีเวลาตั้งตัว ปล่อยเขาซึ่งยังไม่ทันได้ละมือจากเสื้อซึ่งเหมือนเป็นแค่เหยื่อล่อขั้นแรกในการหลอกให้ตายใจว่ากะถอด ก่อนคุณชายจะมุ่งเป้าไปแถวใต้เข็มขัดแทน
บรรลัยแล้ว!“น่ารัก”
เลว! มีใครเคยสอนไหมว่าเห็นของคนอื่นแล้วพูดว่าน่ารักนี่มันหยาบคายบัดซบ! เขากระโจนพรวดพราดขึ้นนั่งทับขาตัวเองในท่าคุกเข่า ดึงเสื้อลงมาปิดของรักของหวงซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตัวขัดแข้งขัดขาได้อย่างน่าโดดเตะด้วยการพยายามดึงมือเขาออกมาจากป้อมปราการ
“..อาทิตย์....”
ปิ่นหยกเม้มปาก เวลาอย่างนี้แค่เรียกชื่อยังอายแทบแทรกแผ่นดิน เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ต้องระเบิดตัวเองตายจากความร้อนเกินพิกัดโดยใช้สายตาขมุกขมัวไปด้วยไฟราคะนั่นจ้องเอา ๆ ได้ไหม แค่ตาดำ ๆ เวอร์ชั่นปกติเขาก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว
“...ไม่เอา”
“ตอนนี้ไม่ทันแล้ว”
อาทิตย์เอาจมูกดันปลายคางอีกฝ่ายให้เงยขึ้นเปิดช่องว่างพอจะทำรอยแถวซอกคอได้ถนัดถนี่ ออกแรงผลักร่างโปร่งล้มลงบนเตียงสู้กับแรงขัดขืนซึ่งลดลงกว่าปกติมากหลังจากเขากดจูบลงไปสองหรือสามครั้งที่ต้นคอ โน้มร่างตามไปคร่อมช่วงต้นขาคนที่นอนแผ่อยู่ตรงหน้า จงใจกดส่วนแข็งขืนซึ่งเริ่มขยายขึ้นกลางลำตัวจากเลือดปริมาณมากที่พากันแห่ไปกองกันอยู่ตรงนั้นเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าจะถอยตอนนี้มันไม่ทันแล้วจริง ๆ
“นะ...?”
“....ม...ไม่เอา” ปิ่นหยกยืนยันคำเดิมแม้ความหนักแน่นระเหยหายไปจากน้ำเสียงไม่น้อยกับอะไรที่มาดุนดันแถวต้นขา ฟังเสียงทุ้มเว้าวอนต่อหน้าแล้วยิ่งพาลจะสติกระเจิดกระเจิงกู่ไม่กลับ
“....รัก.....รักปิ่นหยก”
ไม่พูดเปล่ามีเอาแก้มมาถูไถกับหน้าเขาประหนึ่งตัวเองเป็นลูกแมว ทั้งขนลุกทั้งจักจี้ก่อนจะโดนกระชากความรู้สึกไปอยู่กับอะไรที่หนักหน่วงกว่าซึ่งเค้นคลึงอยู่แถวยอดอกพร้อมกับสุ้มเสียงออดอ้อนซึ่งยังพึมพำกับแก้มเขา “อยากเป็นของนายคนเดียว”
“....อ...อือ.....”สองลิ้นโรมรันกันอยู่ในปาก ฟังดูประหลาดปนอีโรติคพิลึกเมื่อคนที่บอกอยากเป็นของเขาคนเดียวช่างพยายามรุกล้ำเข้ามาทางนั้นทางนี้ตลอดเวลา อยากเป็นของกรูก็มาให้กรูปล้ำนี่ไอ้ลูกเจี๊ยบงี่เง่า!
“ยอมนะ...นะ...”
พูดไปก็ทั้งงับทั้งดูดที่ริมฝีปากล่างไป ปากจะห้อยหมดแล้วเวรเอ๊ย! เขาแทบเฆี่ยนสมองกลวงโบ๋ให้คิดหาทางเอาตัวรอดออกมาสักอย่างยามได้ยินเสียงนุ่มอ้อนเป็นเด็กซึ่งพอรวมกับใบหน้าคมคายคลอเคลียไปมาแล้วกลับกลายเป็นเซ็กซี่จนหน้ามืด อะไรที่คอยดันรุกเร้าอยู่ตรงต้นขาซึ่งยังจะขยายตัวขึ้นได้อีกบอกให้รู้ว่าพวกเขาพากันข้ามเส้นอันบรรจงขีดบอกตัวเองไว้ว่าอย่าล้ำมากกว่านี้มาไกลโข
“อาทิตย์....ไม่” ปิ่นหยกกอบโกยอากาศเข้าปอดเผื่อจะมีจูบถัดไปให้ขาดใจตายตามมา หลุบตาลงต่ำไม่กล้าสู้หน้าคู่สนทนาซึ่งกำลังของขึ้น พึมพำเสียงแผ่วด้วยข้ออ้างไก่อ่อนแต่จำใจใช้ด้วยคิดอะไรอย่างอื่นตอนนี้ยังไม่ทัน
“.......ทำไม่เป็น..”
ดวงหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มละมุน ก้มจูบปลายจมูกเขาหนักจนยุบผิดรูปไปหนึ่งอึดใจแล้วยื่นข้อเสนอ
“ปิ่นหยกนอนเฉย ๆ เดี๋ยวฉันทำที่เหลือเอง”
“ไอ้นรก! นั่นเรียกข่มขืน”
เขาท้วงลั่นขณะอีกฝ่ายปลดกางเกงตัวเองลงท่วงท่าเนิบนาบแหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างแปรงฟันก่อนนอน สิ่งที่ขยายตัวเด่นหราต่อหน้าทำเอาแทบลมจับ คุณพ่อมึนใหญ่จะให้มาเยอะไปไหม
มือใหญ่คว้าสะโพกเขาไว้มั่น เบียดตัวเองแทรกเข้ามาตรงกลางหว่างขาตั้งแต่ยังไม่มีใครเชิญ
“งั้นเราช่วยกัน จะได้ไม่เรียกข่มขืน..เนอะ”
หาประโยชน์เข้าตัวตลอด!! เป็นลูกไก่หรือนักการเมือง!
“ด..เดี๋ยว!”
“ครับ?”
เสียงนุ่มมาก...อ้อนมาก.....หล่อมาก...แต่ได้โปรดอย่าเอามาใช้ตอนนี้“...ฉ...ฉันเคยอ่านเจอในเน็ต”
ปิ่นหยกหอบหายใจ ทางรอดใช่ว่าไม่มีเสียทีเดียว แม้อะไรที่กำลังจะพูดช่างน่าอายไปสามโลก “...คือถ้าจะทำจริง ๆ มัน....ควรมี.......สารหล่อลื่น ไม่งั้นเขาว่ามันจะ....จะ....เอ่อ...”
“.....จะเจ็บ?”
เขาพยักหน้าหงึก ๆ รู้ดีเหลือเกิน! คิดอ้อนเรียกคะแนนความสงสารต่อก็กลัวผลลัพธ์จะยิ่งกลายเป็นพาดิ่งลงเหวเหมือนที่ผ่านมา ได้แต่ทำตัวสงบเสงี่ยมจนกระทั่งร่างสูงของอีกฝ่ายค้างอยู่ท่าเดิมครู่ใหญ่จึงยอมผละออกไปอย่างอ้อยอิ่ง
เยส!!!!ก่อนจะกลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือจากลิ้นชักข้างเตียง ‘K-Y Lubricating Jelly’โน้ววววว!!!!!ตัวหนังสือสีน้ำเงินเด่นหราบนหลอดสีขาวของวัตถุลึกลับที่ติดมือมาด้วยปรากฏแก่สายตาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของสิ่งมีชีวิตซึ่งพยายามยกระดับตัวเองจากลูกเจี๊ยบเป็นอย่างอื่นทำเอาเสียววาบตลอดแนวสันหลัง เขามองตามหลอดพลาสติกสีฟ้าขาวในมือคุณชายตาค้าง นั่นมันเควายเจลที่เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตเมื่อตอนไปเซิร์จดูเรื่องพฤติกรรมชายรักชายและวิธีฟีทเจอร์ริ่งของกลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วยความคิดที่ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่เหตุใดจนป่านนี้เขายังไม่เห็นวี่แววจะรบชนะเลยสักครั้ง
อาทิตย์สบกับสายตาประหวั่นซึ่งส่งถึงตัวเองแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเฉลยที่มาของวัตถุลึกลับในมือ
“คิมเคยให้มา บอกว่าเผื่อจำเป็น”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง แล้วก็กว้างขึ้นอีกเมื่อขาสองข้างถูกจับแยกออกตอนยังช็อคไม่หาย
คิม...ไอ้กร๊วกคิม!เนื้อเจลใสถูกป้ายตรงช่องทางด้านหลังในจังหวะที่เขากำลังก่นด่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง เย็นวาบจนเผลอสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับนิ้วมือซึ่งแทรกสอดเข้ามาทักทายเป็นนิ้วแรก
“...ไม่เกร็งนะครับเด็กดีของพี่ชาย”
ริมฝีปากอิ่มกดจูบบนขมับอ่อนโยน แต่คำพูดนั้นโรคจิตฉิบหาย! เขาขมวดคิ้ว ปลายเท้าจิกลงบนที่นอนไม่รู้ตัว ทว่าเล็บมือนั้นจงใจกดลงไปบนต้นคอเนียน ๆ ของคุณชายเพื่อระบายทั้งความอึดอัดช่วงล่างเมื่อนิ้วที่สองชำแรกตามเข้ามาผสมปนเปกับความอัดอั้นตันใจต่อพฤติกรรมหวังดีประสงค์ร้ายของพ่อยอดชายนายคิม
...คิมหันต์ วานิชตระการกูล ไอ้เพื่อนเฮงซวย!!
นอกจากที่เคยแช่งให้มันมีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว เขาจะขอเพิ่มออฟชั่นเสริมคำสาปให้มันเป็นฝ่ายรับ! To be continued…===================================
ไม่สามารถทำให้จบในตอนเดียวได้ แฮ่ก ๆ =////= (<<จะหอบทำไม)
รักคนอ่าน รู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ จนไม่รู้จะพูดยังไงดีค่ะ
แต่งเรื่อย ๆ วาดเรื่อย ๆ กำลังใจมาเพราะคอมเม้นต์ที่เล้า ทวิตเตอร์ และที่ fb นี่เอง TTvTT
ตอนหน้าคงตามมามิช้ามินาน ระหว่างนี้จิ้นไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ
แล้วพบกันค่ะ ^o^
ปล.อย่าลืมของแถม reply ถัดไป แฮ่ ๆ
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***