Dormitory boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง“รัก...ติดดิน”CHAPTER 38 – พรุ่งนี้พักนี้รู้สึกกินข้าวไม่ค่อยลงแปลก ๆ
“เป็นอะไรทำหน้าอย่างกับหนอนสำลักชา”
คิมเอนตัวข้ามโต๊ะ แขนยืดพร้อมต่อความยาวพิเศษด้วยตะเกียบไม้เพื่อจิ๊กลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวเขาไปหนึ่งลูกด้วยความไวประหนึ่งอินทรีล่าเหยื่อ “เมนส์มาเรอะ!?”
“เลวละ! เดี๋ยวเตะให้ตาโตเลย!”
ฟังจบเพื่อนรักตาชั้นเดียวก็ผลักเขาหัวทิ่มเกือบจิ้มลงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็นการแสดงความรัก
“คนอุตส่าห์ถามด้วยความหวังดี”
ลูกชิ้นลูกสุดท้ายของเขาตกเป็นเป้าตะเกียบคุณคิมอีกครั้ง แม้เบื่ออาหารอยู่แต่ขอลากชามหนีไว้ก่อนเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของตัวเองตามสัญชาติญาณเรียกเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจจากคิมก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณชายลูกเจี๊ยบของแกไปไหนแล้วล่ะ”
แต่เปลี่ยนไปเรื่องอื่นไม่ได้หรือไงวะ!?“เดี๋ยวตามมา มันนึกได้ว่าลืมส่งงาน อาจารย์วราพรให้ส่งก่อนเที่ยง”
เขาว่าพลางเหลือบมองนาฬิกา เที่ยงห้านาที...ได้ส่งหรือยังตอนนี้ คาบสุดท้ายก่อนเที่ยงอุตส่าห์เลิกเร็ว งานก็ทำเสร็จตั้งนานแล้วแต่ดันลืม โดนหักคะแนนจะสมน้ำหน้าให้
“มันทำอะไรแกเปล่าวะ”
“ใคร..? ทำอะไร?”
“อย่าแกล้งโง่”
ปิ่นหยกถอนหายใจ
‘มัน’ ที่ว่าก็รู้ ๆ อยู่แล้วว่าใครอย่างคิมพูดนั่นเอง
มันไม่ได้ทำอะไรเลย ขนาดตอนเขาบอกว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแต่เอาเข้าจริงดันไม่กล้าเล่าอาทิตย์ก็ยังไม่คาดคั้นสักนิด มีแต่เขาเองมานั่งวิตกจริตจนเวลาล่วงเลยมาได้หลายวัน เผลอแผล็บเดียวก็เกือบจะครบหนึ่งสัปดาห์ที่นัดฟังผลอยู่แล้ว
“เปล่าว่ะ”
ตะเกียบโฉบมาอีกครั้ง ลูกชิ้นลูกสุดท้ายเขาเสร็จคิมจนได้
“ช่วงสามสี่วันมานี้ดูทะมึนแปลก ๆ นะแกน่ะ”
เขานั่งเด็ดหัวถั่วงอกเล่น “เหรอ?” เรื่องนั้นก็พอจะรู้ตัวอยู่บ้างหรอก
“มีอะไรอยากบ่นหรือปรึกษาท่านคิมก็พูดได้” อีกฝ่ายยักไหล่ ทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจนักแต่คำพูดหลังจากนั้นทำให้เขายิ้มออกพร้อมกับอยากงับมันหัวหลุดไปในคราวเดียว
“เป็นห่วงว่ะ อยากได้ไอ้ปิ่นปากหมามาฟัดเล่นเหมือนเดิม”
“คิมแม่งเลวเสมอต้นเสมอปลาย”
เขาเก๊กเสียงเข้มแต่ไม่สำเร็จ หลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยตอนท้ายเมื่ออีกฝ่ายทำท่าโค้งน้อย ๆ ตอบรับอย่างยียวนน่าเคาะให้กะโหลกร้าว การมีเพื่อนอย่างคิมเป็นเรื่องโชคดีที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตเขาเลยทีเดียว “ถ้าอยากรู้นักท่านคิมผู้เก่งกล้าสามารถก็ลองนั่งทางในดูดิ”
คิมหรี่ตาอย่างใช้ความคิด ซึ่งปิ่นหยกเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนั้นเพราะขนาดไม่ต้องหรี่ตาก็แทบปิดอยู่แล้ว ตัดสินใจโยนหินถามทางด้วยการเดาสุ่มออกมาสักอย่างติดตลก
“ทะเลาะกับพ่อสามี?”
“จะบ้าเรอะ!?”
คิมเซนส์ดีก็จริง แต่ที่ว่ามานั้นเขาจะถือว่าผิดไปจากความจริงอย่างแรง ข้อแรกเขาไม่ได้ทะเลาะกับใคร และข้อสองคุณอานนท์(ถ้าคิมจะหมายถึงคุณอานนท์)ไม่ใช่พ่อสามีเขา
“งั้นอะไร”
“...คิม..แกว่าฉันกับมันเหมือนเป็นพี่น้องกันไหม”
คนถูกถามมองเขาด้วยท่าทีเหมือนอยากหิ้วตัวไปเช็คสมอง
“เหมือนผัวเมียล่ะก็พอนึกออกมากกว่า”
เขาสะดุ้ง เพื่อนชั่วนี่ ขอให้มันได้แฟนเป็นผู้ชาย! อยากตวาดก็ยังต้องกระซิบด้วยความกระดากปาก
“ไอ้กิมจินรก...แกก็รู้ฉันไม่ได้ปล้ำมัน!”
“แต่ดูแล้วมันจะปล้ำแก”
คิมรู้มาก เขาชักห่วงว่าสักวันมันอาจโดนฆ่าปิดปาก และหนึ่งในจำนวนผู้ต้องสงสัยเป็นฆาตกรคงรวมเขาเข้าไปด้วย
“เอาหัวแม่โป้งเท้าคิดเหรอว่าแกจะไปเป็นพี่น้องกับมัน หน้าตากับส่วนสูงก็เทียบไม่ติดแล้ว โถ ๆ ท่านหัวหน้าพรรคกระยาจก”
อีกฝ่ายค่อนขอดไม่มีปรานีเล่นเอาถึงกับสะอึก ไม่ต้องย้ำนักก็ได้ว่าไม่หล่อไม่สูงเท่า เขาเหล่ไอ้คนว่าซึ่งเริ่มเล็งหมูเด้งในชามก๋วยเตี๋ยวเขาอีกแล้วพร้อมกับบ่นอุบอิบตอนที่ชิงคีบหมูเข้าปากก่อนโดนฉก “ตัวเองสูงฉิบหายล่ะ ก็พอกันแหละว้า”
หนุ่มมัธยมปลายไซส์เอเชียสองคนจ้องตากันอย่างไร้สาระอยู่ราวห้าวินาที ซึ่งปิ่นหยกต้องใช้ความพยายามมากกว่านิดหน่อยเพราะคิมตาตี่เกินไป สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกันในเมื่อส่วนสูงไล่เลี่ยกันมาตลอด คิมเองจากที่วัดครั้งล่าสุดก็ภาษีดีกว่าเขาแค่สองเซนติเมตรเท่านั้นเอง
“สูงเท่านี้กำลังมาตรฐานชายไทยเลยแกว่าไหม”
“เห็นด้วยสุดติ่ง!”
สุดท้ายก็ยอกันเองเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ว่าแต่แกไปเจออะไรเข้าถึงได้มาเพ้อเจ้อเรื่องพี่น้องนั่น”
ปิ่นหยกทำฟอร์มเขี่ยผักเล่น คิมได้ลองให้ความสนใจอะไรไปครั้งหนึ่งแล้วจะเบี่ยงเบนประเด็นนั้นยากเต็มที
“...หลายอย่างว่ะ”
“อย่างเช่น?”
เขามองหน้าเพื่อนรัก ความเจริญอาหารที่คล้ายเพิ่งกลับมาเมื่อครู่เริ่มโบกมือลาเขาอีกแล้ว
“คิม..ฉันรู้แล้วก็เชื่อเสมอว่าแกเป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้”
เจ้าของชื่อนั่งนิ่ง สีหน้าจริงจังปรากฏขึ้นยามมองกลับมา
“เออ ขอบใจ”
“...แต่บางเรื่องมันก็ไม่ควรพูดจริง ๆ ...แกเข้าใจฉันใช่ไหม?”
คิมพยักหน้าช้า ๆ
เขารู้ดี..ความสอดรู้สอดเห็นกับความเป็นห่วงนั้นแตกต่างกัน “ถ้าไม่ควรก็ไม่ต้องพูด แค่อยากให้รู้เฉย ๆ ว่าฉันจะอยู่เคียงข้างแกเสมอนั่นแหละ”
“โหย...น้องคิมน่ารักเวอร์ว่ะ ถ้าแกเป็นผู้หญิงจะขอแต่งงานเลยเนี่ย! ฮ่า ๆ ๆ”
“ควายปิ่น” เด็กหนุ่มเตะหน้าแข้งไอ้ตัวปากเสียจากใต้โต๊ะ “อย่ามาชวนฉันเบี่ยงเบน!”
“ฉันก็ไม่ได้เบี่ยงเบนว้อย!”
“ไอ้แหล แล้วกับคุณชายมึนชีวิตที่แทบจะรวมร่างกันนั่นเรียกอะไรวะ”
ปิ่นหยกพยายามทำเป็นขำ หากเป็นลูกคุณมึนใหญ่จริงเขาก็ต้องเป็นน้องชายมัน..ตลกร้ายน่าดู เขาเอื้อมมือแย่งแก้วน้ำกระเจี๊ยบของโปรดคิมมาดูดแทนน้ำเปล่าของตัวเองพลางทอดสายตาเหม่อลอยไปไกล
“....เรียกพี่ชายละมั้ง”
“พี่ชาย?”นั่นควรเป็นคิมซึ่งถามย้อนกลับมา แต่เสียงคิมไม่ได้ทุ้มอย่างนั้น
และมันไม่ควรดังมาจากข้างหลังเขาปล่อยแก้วน้ำพลาสติกหลุดมือลงบนโต๊ะ หน้าซีดเป็นไก่ต้มตอนที่เหลียวตามเสียงช้า ๆ แม้ไม่ต้องหันกลับไปมองก็ฟันธงได้ว่าใครกันที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ดวงหน้าคมคายไร้อารมณ์ใดปรากฏให้อ่านออกพาลจะทำเลือดในกายเขาเย็นเฉียบขึ้นมาอย่างไรบอกไม่ถูก
“....อาทิตย์”
“ครับ?”
บรรลัยแล้วไง.............................................................
.....................................
.
.
.
.
“อาทิตย์ เดี๋ยวก่อน”
เขาพูดคำว่า
‘เดี๋ยว’ มาหลายรอบแล้ว แต่ดูท่าว่าไม่ค่อยเข้าหูคนที่ลากเขาออกจากโรงอาหารแบบละเลยสายตาสงสัยใคร่รู้ของนักเรียนคนอื่นเท่าไรนัก ถูลู่ถูกังมาจนถึงหลังสระว่ายน้ำเก่าร้างผู้คนซึ่งอยู่ในระหว่างปิดปรับปรุง ระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ แถมแดดตอนเที่ยงวันเคยปรานีใครที่ไหน เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากใบหน้าตอนที่ร่างสูงของอีกฝ่ายหยุดฝีเท้าลงแล้วหันมาประจันหน้ากับเขาในที่สุด
“ปิ่นหยก”
“......”
“ปิ่นหยกครับ”
“อ..อะไร”
“เราคุยกันตรงไปตรงมาตอนนี้เลยได้ไหม”
ร่างสูงเอ่ยเสียงจริงจังกึ่งจะเว้าวอน มือกดไหล่เขาให้ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้หินอ่อนร้าว ๆ ฝุ่นเกาะเขรอะแล้วย่อตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน และนั่นยิ่งเป็นการแสดงออกชัดเจนว่าคนตรงหน้าจะทำให้เขาหนีไปไหนไม่รอดแน่นอน
“..ฉันอยากรู้ทั้งหมด”
“หมายถึงเรื่องอะไร”
“อย่าแกล้งโง่สิครับ”
เยี่ยมเลย เขาโดนว่าอย่างนี้สองรอบแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะโง่จริงบ้างหรือ? เป็นอันว่าแผนแรก..แกล้งเบลอไม่รู้เรื่องล้มเหลวไม่เป็นท่า
“แกยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย”
“ไม่กินก็ได้”
แผนสอง เฉไฉไปเรื่องอื่น...พังครืนตามไปติด ๆ
“อาทิตย์ครับ” ปิ่นหยกเอ่ยเสียงนุ่ม เอามือวางแนบไว้สองข้างแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบา “..อย่าทำหน้าเครียดสิ ปกติเป็นพวกรักสุขภาพต้องกินครบสามมื้อไม่ใช่เหรอ”
สีหน้าอีกฝ่ายอ่อนลงแต่ยังล็อคสายตาอยู่กับเขาไม่มีวอกแวก ต่อให้ล่องหนได้ยังไม่แน่ใจว่าจะรอดจากดวงตาคู่นั้นไหม มือใหญ่ยกขึ้นวางทาบซ้อนกับมือเขาแล้วเอียงใบหน้าฝังจูบร้อนผ่าวลงบนฝ่ามือ แทบอยากระเบิดตัวเองตายโดยมีจุดเกิดเหตุอยู่แถวกลางอก แผนสามด้วยการพูดเพราะออดอ้อนนอกจากไม่สำเร็จแล้วผลข้างเคียงยังล่อแหลมน่าสะพรึง
มันหล่อ...ยอมรับก็ได้ว่าแอบเคลิ้ม บัดซบที่สุด!เขารีบชักมือตัวเองกลับก่อนอะไรจะเลยเถิดไปกว่านี้ สมองคิดหาหนทางว่าควรจะพูดไปอย่างไรดี ใช่ว่าเขาอยากปิดบังให้เรื่องราวยุ่งยากแต่เมื่อคิดดูถึงความรู้สึกอีกฝ่ายแล้ว หากลูกเจี๊ยบน้อยติดพ่อ..เอะอะก็คุณพ่ออย่างนั้นคุณพ่ออย่างนี้โดยเฉพาะช่วงออกจากบ้านใหม่ ๆ มารู้เข้าเรื่องพ่อของตนไปทำเรื่องไม่ควรกับหญิงอื่นทั้งที่ตัวเองแต่งงานมีลูกเต้าไปแล้วจะรับได้จริงหรือ ยิ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่เขาเอง แถมนั่นยังดูวุ่นวายไม่พอจนคุณพ่อเจ้าปัญหาดันเกิดมาสงสัยว่าเขาเป็นลูกถึงขั้นพากันไปตรวจดีเอ็นเอมาเรียบร้อยและกำลังอยู่ในขั้นตอนชวนวิตกจริตที่สุดคือรอผล
“....เล่าไม่ถูก...” ด้วยความสัตย์จริง เปล่าคิดแถแต่อย่างใด “เรื่องมันยาวยุ่งน่าดู”
“ยาวก็ฟังได้ เวลามีเยอะแยะ”
ปิ่นหยกก้มหน้า พยายามเพ่งสายตาหาโพยล่องหนบนตักก็กลับเห็นแต่มืออีกฝ่ายที่ยื่นมาวางไว้แถวต้นขา อุณหภูมิร้อนจากฝ่ามือแทรกผ่านเนื้อผ้าของกางเกงนักเรียนที่สวมอยู่ชวนให้ใจหวิวขึ้นมาแค่เพียงวางมันไว้นิ่ง ๆ ขี้โกงเกินไปแล้ว..
“ไม่อยากทำให้ไม่สบายใจหรือตกใจเลย” เขาขยับปากงึมงำ พูดตรง ๆ แบบนี้ก็น่าอายไม่น้อย
“บางอย่างไม่รู้อาจมีความสุขกว่าก็ได้นะ”
“แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนที่รัก ฉันก็อยากรู้ทั้งหมด”
เวรเอ๊ย...ตรงไปแต่ไม่ต้องตรงกลับขนาดนั้นก็ได้ อาทิตย์ออกแรงบีบที่มือเบา ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้หวังจะได้ยินอะไรกลับมาสักอย่าง ความเจ็บหน่วงจากการรอคอยแปรผันตรงตามความสำคัญของสิ่งที่กำลังรออยู่ และคงเป็นเพราะอย่างนั้นจึงทำให้แม้เพียงช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่เขารอคำตอบถึงได้ทรมานใจจนอยากจับร่างโปร่งตรงหน้ากดลงกับพื้นแล้วบังคับถามเสียให้รู้เรื่อง
“ปิ่นหยกครับ”
“..อะไร..?”
ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เขาก็จะเป็นคนเปิดประเด็นถามในสิ่งที่คาใจอยู่ด้วยตัวเอง
“คุณพ่อกำลังสงสัยว่านายเป็นลูกอีกคนหนึ่งใช่ไหม?”จากที่ปิ่นหยกขู่เขาไว้ว่าฟังแล้วจะไม่สบายใจบ้าง เดี๋ยวจะตกใจบ้าง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนขู่เสียเองที่ทำหน้าตกตะลึงจนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้า
..เขาก็นึกไว้บ้างอยู่แล้ว..ร่างโปร่งนั่งนิ่งอับจนด้วยคำพูด เขาประเมินอาทิตย์ต่ำไป คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้เรื่องรู้ราวและไม่น่ามีข้อมูลมากพอปะติดปะต่อเรื่องได้อย่างนี้ และคำถามตรงประเด็นที่ได้รับทำให้รู้ตัวว่าเขาเข้าใจผิด แต่ยังไม่ทิ้งความพยายามเลี่ยงจะตอบรับหรือปฏิเสธด้วยการถามอย่างอื่นกลับไปแทน
“..ทำไมถึงคิดอย่างนั้น?”
อาทิตย์จ้องหน้าอีกฝ่ายซึ่งดูก็รู้ว่าพยายามทำเป็นไม่หลบตาทั้งที่ใบหน้ายังก้มอยู่น้อย ๆ เขาคงมาถูกทางแล้ว เพราะถ้าเดาผิดปิ่นหยกต้องสวนกลับมาทำนองว่า
‘จะบ้าเรอะ’ ไม่ก็
‘เอาอะไรคิดวะ!’ มากกว่าจะถามเขากลับเสียงอ่อนอย่างนี้
เขาไม่ได้ตอบคำถามปิ่นหยกเหมือนที่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบคำถามเขาตรง ๆ
“..กับแม่พลอยอย่างนั้นหรือครับ?”
ปิ่นหยกขบริมฝีปากแน่นจนสีเลือดหายไป หัวคิ้วขมวดมุ่น เงยหน้ามองเขาทีมองตักตัวเองที มันเป็นบทสนทนาที่มีแต่คำถามและไม่มีใครยอมตอบอะไร ทว่าในแต่ละคำถามตลอดจนปฏิกิริยาของผู้ฟังก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนพออยู่แล้ว
เด็กหนุ่มร่างโปร่งเสมองไปทางอื่น...แล้วพยักหน้าออกมาช้า ๆ
“เขาเคยเป็นคนรักกัน”“........”
อาทิตย์ผ่อนลมหายใจยาว ยกมือขึ้นกุมหน้าผากจนถึงนัยน์ตา ให้เวลาตัวเองเรียบเรียงความคิดในหัวให้เป็นระเบียบ และอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้นสักหน่อยในการยอมรับความจริง.....คุณพ่อทำอะไรลงไป....
“...ขอโทษ”
เสียงอ่อนแรงนั้นทำเขาเจ็บหนึบขึ้นมาที่ไหนสักแห่ง
“ขอโทษทำไมครับ...ไม่ใช่ความผิดอะไรปิ่นหยกสักหน่อย”
อาจจะเป็นอย่างที่อาทิตย์ว่าจริง แต่พอเห็นสภาพเจ้าตัวหลังเรื่องราวชัดเจนขึ้นแบบนี้แล้วปิ่นหยกกลับรู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมทำร้ายคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“อาทิตย์...สีหน้าแกดูไม่ดีเลย”
เจ้าของชื่อลดมือที่กุมไว้บนหน้าผากตัวเองลงเพื่อสบตาเขา และสิ่งที่ปิ่นหยกเห็นคือความสับสนไหวระริกอยู่กลางสีดำสนิทของดวงตาซึ่งดึงดูดเขาให้หลงอยู่ในนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“เชื่อไหม...ฉันคิดมาตั้งแต่หลังคุยกับคุณพ่อวันนั้น...แต่ไม่เคยแน่ใจว่าเดาผิดไปเองหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยเนิบนาบ เห็นชัดว่ากำลังบังคับให้สำเนียงเป็นไปเหมือนปกติอย่างยากลำบาก
“ทั้งที่เตรียมใจไว้อยู่แล้ว แต่พอได้ยินชัด ๆ เข้าจริงมันกลับตื้อไปหมดยังไงไม่รู้”
ปิ่นหยกพยักหน้า ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นในเมื่อเขาเองก็เจอมากับตัวเหมือนกันตอนที่คุยกับคุณอานนท์ แต่สำหรับอาทิตย์มันอาจหนักกว่าที่เขาเป็น...เพราะคนในเหตุการณ์คือพ่อแท้ ๆ ของตัวเองซึ่งตอนนั้นก็แต่งงานไปแล้ว
ถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ควรบอกสิ่งที่ตัวเองรู้ไปให้หมด เผื่อจะช่วยจุดความหวังเล็ก ๆ ขึ้นมาได้บ้าง
“แต่วันนั้นกลับไปบ้านกับพ่อนาย เจอแม่เพชรเขาก็บอกว่าที่จริงแล้วไม่มีอะไรกัน พ่ออานนท์ของแกเข้าใจผิดไปเอง”
เด็กหนุ่มจุดยิ้มฝืน ๆ ขึ้นมา และไม่รู้อะไรดลบันดาลให้เขาทำใจกล้าเอื้อมมือไปเกลี่ยผมอีกฝ่ายทัดไว้หลังใบหู
“ไปตรวจดีเอ็นเอแล้วด้วย”
อาทิตย์หายใจติดขัดไปชั่วขณะ
“ผลล่ะ?”
“ยังไม่ออก..ตอนนี้เหมือนคนบ้าเลย”
พอคิดว่าสงบใจได้ เขาก็เริ่มรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอีกแล้ว “จะออกเมื่อไหร่”
“แลบที่นั่นใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ นับดูก็พรุ่งนี้”
......พรุ่งนี้......“อาทิตย์...แกเชื่อแม่เพชรไหม?”
เขาเอียงศีรษะเข้าหามืออีกฝ่ายซึ่งยังยกค้างอยู่แถวใบหู และครั้งนี้นอกจากปิ่นหยกไม่ได้ขยับหนียังแทรกนิ้วมือมาตามเส้นผมเขาแผ่วเบา
“ถ้านายเชื่อ ฉันก็เชื่อเหมือนกัน”
“แม่เพชรไม่เคยโกหก”เสียงนั้นเอ่ยหนักแน่นแม้ในตอนที่เขาโถมตัวเข้าหา กอดรัดทั้งร่างอีกฝ่ายไว้จนสุดแรง ถ้าเผลอทำกระดูกซี่โครงหักไปสักท่อนสองท่อนปิ่นหยกจะว่าอะไรไหม
“เราอยู่อย่างนี้สักพักนะครับ”
ปิ่นหยกลูบไปบนเส้นผมนุ่มมือสีดำขลับ ได้กลิ่นแชมพูแบบที่ใช้ร่วมกันลอยอ้อยอิ่งอยู่แถวปลายจมูก เพิกเฉยต่อเสียงออดเข้าเรียนคาบบ่ายที่ดังแว่วจากที่ไกล ๆ จนนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองไปแล้วจึงยอมโดดเรียนทั้งที่ไม่เคยคิดทำมาก่อน เขาเพียงแต่อยากอยู่นิ่ง ๆ อย่างนี้ ปล่อยโลกหมุนตามยถากรรมโดยไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับความเป็นไปของมัน
ความรู้สึกอุ่นชื้นบนเสื้อนักเรียนตรงที่ใบหน้าคมซบอยู่กับไหล่ของเขาเหมือนมีอะไรหยดลงมาทำให้เขาใจกระตุกวูบไปชั่วเสี้ยววินาที แต่อาทิตย์ก็ไม่ได้ขยับตัวหรือแสดงออกการอะไรที่บ่งบอกว่ากำลังร้องไห้......บางทีเขาอาจแค่คิดไปเอง...
“...อยากอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้”
เขาพึมพำกับกลุ่มผมดำสนิท ไม่รู้ว่าอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้หรืออยากเร่งวันเร่งคืนให้รุ่งขึ้นมาถึงเร็ว ๆ กันแน่
แต่พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้วTo be continued…---------------------------------------------------------
พอตัดไปตอนพิเศษแล้วกลับมาเขียนตอนหลักต่อต้องนั่งปรับอารมณ์น่าดูเลยค่ะ 555
แอบรู้สึกพลาด ตอนพิเศษฉะปอยไปเยอะเลยสินะคะ ๆ ๆ ๆ Orz"
//ประกาศให้โลกรู้ซะเลยว่าเรื่องนี้จบแฮปปี้เอนด์ดิ้ง แต่ระหว่างนั้น(อาจ)ไม่ง่ายเท่าไร ฮา
ขอบคุณงาม ๆ คนอ่านที่น่ารักค่ะทั้งท่านเดิมและที่เพิ่งอ่าน ฮือออออ ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดให้คนเขียนมึน ๆ ด้วยนะคะ *ส่งเจี๊ยบน้อยไปฟัด*
ฝากเนื้อฝากตัวฝากลูกเจี๊ยบแม่ไก่ไว้เอ็นดูด้วยค่ะ m(_ _)m
แล้วพบกันตอนหน้า อย่าลืมเลื่อนไปดูของแถมที่บังคับยัดเยียดให้ด้วยรักใน reply ถัดไปโลดดด >3<
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***