Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”
Chapter 28 – ความชอบอีกแบบ::Pinyok’s POV::ผมเพิ่งเคยกินของฟรีที่ไม่อร่อยที่สุดก็วันนี้แหละทั้งที่เป็นร้านประจำร้านเดิม อาหารดี ดนตรีเพราะ สั่งได้ไม่อั้นไม่เคยต้องจ่ายเองมาตลอด แต่พ่อสองหน่อซึ่งนั่งเผชิญหน้าจ้องตาอาศัยภาษากายโดยแทบไม่ปริปากคุยอะไรกันอยู่นี่กำลังส่งคลื่นความกดอากาศอันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่สัมผัสได้จนผมรู้สึกเหมือนร่างกายโดนบีบเหลือแค่สองนิ้วครึ่ง เมนูอลังการงานสร้างที่หลับหูหลับตาจิ้มสั่งเพราะถือว่ามีพี่ต้นเป็นเจ้ามือกระเป๋าหนักถึงกับรสชาติกร่อยไปในบัดดล
คือถ้าจะเงียบกันขนาดนี้ ขอกราบเรียนเชิญคุณชายทั้งสองไปนั่งวิปัสสนากันจะเข้าท่ากว่าไหม
“ปลาหิมะนี่อร่อยแสงพุ่งเลย!”
ผมกัดฟันเอ่ยเริงร่าสุดชีวิตเหมือนได้ค่าจ้างมาโฆษณาเมนูเด็ดของร้านออกอากาศ ทว่ากลับมีเพียงเสียง “อือ กินเยอะ ๆ” พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ จากพี่ต้น และความเงียบจากไอ้ลูกเจี๊ยบ หรือจะพูดให้ถูกคือมันไม่ได้หันมามองหน้าผมที่นั่งหัวโด่อยู่ข้างกันเลยด้วยซ้ำ มีก็แต่การขยับเล็กน้อยจากแขนซึ่งเอามาวางพาดไว้บนไหล่ตอนผมพูดเป็นการบอกให้รู้ว่ามันได้ยิน
และผมรู้สึกตัวหดเล็กลงอีก..... เหลือสักสองนิ้วได้
ฝั่งพี่ต้นหากไม่นับเรื่องพูดน้อยกว่าปกตินิดหน่อยก็เรียกว่าไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากทุกทีนัก อืม...หรือจะหักเรื่องที่หน้าตาดูดีราศีจับสมกับเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกอย่างก็ได้ แต่ท่านชายอารมณ์ติสต์ซึ่งนั่งเบียดอยู่ข้างผมนี่แหละท่าทางจะมีปัญหา ไม่รู้ตอนขนลังน้ำอัดลมเมื่อบ่ายโดนอะไรกระแทกหัวเข้าหรือเปล่าถึงได้ออกอาการเหมือนผู้ป่วยสมองกระทบกระเทือนอย่างนี้
“รสชาติงั้น ๆ ล่ะ”
อาทิตย์หยิบแก้วเหล้าขึ้นกระดกพรวดเดียวน้ำสีอำพันสะท้อนแสงไฟแวววาวในนั้นก็ไหลเกลี้ยงลงคอ ผมไม่ทันได้นับว่านั่นแก้วที่เท่าไร แต่ดูจากปริมาณเรด เลเบิ้ลในขวดซึ่งพร่องลงไปไม่น้อย หากประมาณคร่าว ๆ ว่าเอามาหารสองกับพี่ต้นก็จัดว่าดื่มไปเยอะทีเดียว
....ที่ว่าหารสองนั้นถูกแล้ว... เพราะตอนนี้ผมนั่งสูบน้ำอัดลมทำตัวเป็นเด็กน้อยไม่บรรลุนิติภาวะหนึ่งเดียวในโต๊ะแม้ไอ้คนข้าง ๆ ซึ่งกำลังนั่งกระดกอยู่จะอายุเท่ากันนั่นแหละ แอลกอฮอล์ไม่ได้แตะโดนปลายลิ้นสักมิลลิลิตรและดูจะเป็นสิ่งเดียวที่มนุษย์สูงโย่งอีกสองคนเห็นตรงกัน ชวนให้สำเหนียกตัวเองได้ว่าอาการเมาแล้วร้องไห้คร่ำครวญของผมคงดูน่าสังเวชใจต่อผู้พบเห็นอยู่ไม่น้อย และผมจะไม่มีวันเชื่อเลย(เพราะปกติพอสร่างเมาแล้วก็จำอะไรไม่ได้)ถ้าหากไม่เห็นวิดีโอซึ่งคิมเคยถ่ายตอนเมาเอาไว้ให้ดู
บรรยากาศตึงเครียดเหมือนใส่เสื้อผ้ารัดติ้วตอนนี้ทำให้นึกเสียใจในความเห็นแก่กินของตัวเองอันเป็นเหตุให้ห้อยกระเตงตามพี่ต้นมา แน่นอนว่าถ้าผมมาอาทิตย์ก็มา ถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติที่เจอรุ่นพี่คนนี้ทีไรก็ได้กินฟรีตลอดและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งร้านประจำ แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกเหมือนการพบกันมันดูผิดที่ผิดเวลาอย่างไรบอกไม่ถูก
บทสนทนาถูกใครสักคนชักนำเข้าสู่เรื่องราวสมัยก่อนตอนผมยังอยู่โรงเรียนเดียวกับคนบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
จะว่าไปก็คิดถึงเหมือนกัน... ตอนช่วงสอบก็ได้คนตรงหน้านี่แหละคอยติวให้ วีรกรรมบ้าบอคอแตกนั้นมีไม่น้อย กินฟรีไปก็เยอะ ช่วยไม่ได้พี่ต้นอยากบ้านรวยผมเลยต้องช่วยผลาญตามประสาน้องนุ่งที่ดี บทสนทนาชื่นมื่นประสาพี่น้องคงออกรสกว่านี้หากไม่ใช่เพราะต้องหยุดผวาเป็นพัก ๆ กับสีหน้านิ่งสนิทขัดกับแววตาคล้ายอยากผิดศีลข้อหนึ่งด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตของคุณชายข้างตัว
“ไม่เห็นเคยได้ยินแกเล่าเรื่องอาทิตย์ให้พี่ฟังเลย”
พี่ต้นเปิดประเด็น หลังจากสังเกตว่าเจ้าของชื่อไม่พูดอะไรสักคำมานานแล้ว ถามเสร็จก็นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสบาย ๆ เห็นสายตาคมของพี่แกที่มองมายังมือไอ้ลูกเจี๊ยบซึ่งยังโอบรอบคอผมไม่ปล่อยก็เกิดระแวงขึ้นมาอย่างคนมีชนักปักหลัง ส่วนผู้ถูกพาดพิงนั้น... หลังมันเป็นตะคริวไปหรือยังถึงได้นิ่งแข็งขนาดนี้ก็น่าสงสัย
“ดูออกจะสนิทกัน”
“เรื่องมันยาวอะพี่ ฮ่า ๆ ๆ”
ไม่มีอะไรน่าขำเลย แต่ทำไมต้องพยายามหัวเราะปิดท้ายผมก็ไม่เข้าใจตัวเอง
“เรื่องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องเอาไปเล่าให้คนนอกฟังนี่ครับ”
เป็นเสียงทุ้มของคุณชายที่เย็นเยียบผิดวิสัยเกินไปเสียจนใจหวั่น ๆ ทำเอาผมแทบจะตัวหดลงอีกเหลือแค่หนึ่งนิ้ว สาบานต่อหน้าปลาหิมะจานโตนี่เลยว่าผมเห็นพี่ต้นออกอาการเหวอไปแวบหนึ่ง ก่อนสีหน้าจะกลับมาเป็นปกติ
อาทิตย์..เมิงใจเย็นนะ ที่นั่งหัวโด่อยู่นั่นเป็นอีกหนึ่งผู้มีอุปการคุณของกรูเลยนะ
“โอ้ งี้แกก็ไม่เคยเล่าเรื่องพี่ให้เพื่อนฟังด้วยล่ะสิ”
พี่ใหญ่สุดในโต๊ะโน้มตัวมาข้างหน้าแล้ววางคางไว้บนฝ่ามือตัวเอง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเริงร่าทว่าแววตากลับกดดันได้อย่างประหลาด
“...เพราะเป็น
‘เรื่องส่วนตัว’ เหมือนกัน”
...ตัวเหมือนจะหดลงอีกสักครึ่งนิ้วได้ อีกอึดใจถ้าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนผมคงเหลือตัวเท่าจุลินทรีย์แล้ว
ทั้งที่เนื้อความในประโยคฟังยังไงก็พูดกับผมแท้ ๆ แต่สายตากลับไม่ได้มองมาสักนิด หรือพี่จะเริ่มเมาจนเข้าใจผิดว่าไอ้ลูกเจี๊ยบเป็นผมก็ไม่ทราบได้ถึงพูดไปจ้องหน้ามันไป สองคนทำท่าเหมือนจะจกลูกตากันด้วยคำว่า
‘เรื่องส่วนตัว’ ที่ผมอยากจะตะโกนว่ากรูไม่รู้เรื่อง ช่วยไปส่วนตัวกันที่อื่นได้ไหม
อาทิตย์ไม่ได้ตอบอะไรซึ่งนั่นกลับทำให้ยิ่งน่ากลัว บรรยากาศแบบนี้ให้มันพูดอะไรหน้ามึนออกมาอย่างทุกทีเสียยังจะดีกว่า ผมเหลือบมองและคิดว่ามันคงเริ่มกึ่มแล้วเหมือนกัน ...ก็น่าอยู่หรอก กระดกเอา ๆ อย่างนั้น รู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองก็ใช่จะบรรลุนิติภาวะ ผมกระตุกชายเสื้อมันเบา ๆ แล้วเอ่ยปราม
“พอแล้วได้แล้วมั้ง เดี๋ยวเมา”
“ไม่เมาครับ”
คิมเคยเปรยให้ฟังหลังกลับจากเที่ยวทะเลว่าเวลามันเมาแล้วปากหมา แต่ถ้ายังพูดเพราะแบบนี้อาจพอเชื่อได้ว่าคงยังไม่เมาจริงแม้แก้มจะเริ่มมีสีเลือดแดงจางตัดกับผิวขาวจัดบนใบหน้า
....ผมคงคิดมากไปเอง....
“ถ้าเมากูต่อยไอ้รุ่นพี่นี่หน้าแหกไปแล้ว”
สลัดเป็ด! เมาล้านเปอร์เซ็นต์! เมาแอ๋เป็นลูกเจี๊ยบตกถังเหล้าเลยไอ้นรก!ผมรีบหันไปขอโทษขอโพยพี่ต้นก่อนจะเอ่ยกำชับเรียกความเห็นใจ “ไอ้บ้านี่เมาแล้วปากหมาอะ พี่อย่าไปถือมันนะ ที่จริงมันไม่มีอะไรหรอก”
“ทำไมจะไม่มี”
กรูกำลังช่วยเมิงอยู่นะฟาย!! เป็นแค่ลูกเจี๊ยบอย่าเพิ่งกลิ้งมาขัดแข้งขัดขาได้ไหม
คุณพี่หัวเราะหึ ๆ และผมเหมาเอาเองว่านั่นคือไม่ได้ถือสาอะไร “ไม่เป็นไร เพื่อนพี่ก็มี พวกเหล้าเข้าปากแล้วกวนตีนเงี้ย” ว่าแล้วก็เอามือมาขยี้บนหัวทั้งผมและอาทิตย์จนผมเผ้ายุ่งเหยิงก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
“กินไปก่อน เดี๋ยวไปห้องน้ำแป๊บ”
ร่างสูงของพี่ต้นเดินออกไปยังไม่ทันพ้นสายตาน้ำเสียงหาเรื่องก็ลอยมากระทบโสตประสาท
“ชอบคนรวยนักเหรอ”
ผมหันไปเห็นสีหน้ามึนตึงแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันดู.....น่ากลัว.... ผิดจากไอ้ลูกเจี๊ยบคนที่ชอบเดินตามผมต้อย ๆ คอยเรียกปิ่นหยกอย่างนั้นปิ่นหยกอย่างนี้ไปไกลโข
“เออ...ชอบมาก! ข้องใจอะไร”
“พวกเห็นแก่เงิน”
....น้ำเสียงโคตรเหยียด....
ประโยคแนวนี้ใช่ว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งชีวิตฟังมาบ่อยครั้งจนเบื่อจะนับ ก็รู้หรอกว่าเมา ...แต่พอออกจากปากมันผมกลับรู้สึกเจ็บแปลบในใจขึ้นมาบอกไม่ถูก คิมควรเตือนผมสักหน่อยว่านอกจากปากหมาเวลาเมาแล้วมันยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นได้เลือดเย็นแบบนี้ด้วย
“.....เพิ่งรู้รึไง...!?”
หากผมสวนกลับไปได้หนักแน่นกว่านี้ก็คงดี
“รู้นานแล้วว่ะ แต่ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้”
มันยักไหล่ อาศัยส่วนสูงที่มากกว่ามองกดลงมาให้ผมรู้สึกต่ำเตี้ยเรี่ยดินลงไปอีก “เห็นใครมีเงินโปรยให้คงพร้อมเกาะแข้งเกาะขาเขาหมดเลยสิ”
ผมกัดริมฝีปากแน่น... ก็อาจจะใช่ ลองมันเกิดมาจนเหมือนผมดูสิ
“......เออ......”
“ศักดิ์ศรีแม่งไม่มีเลย”
“อาทิตย์!” ผมหน้าชาไปหมดราวกับโดนตบที่แก้ม เผลอตวาดมันไปเสียงดังลั่น โชคดีที่โต๊ะซึ่งนั่งอยู่จัดไว้เป็นสัดส่วนห่างไกลจากผู้คนออกมานอกร้านจึงไม่มีใครให้ความสนใจนัก ผมไม่รู้มันเป็นบ้าอะไรตั้งแต่เจอพี่ต้นจนถึงตอนนี้ ยิ่งเอาแต่กรอกเหล้าเข้าไปก็ยิ่งพูดไม่รู้เรื่อง เสียงตวาดของผมทำให้มันชะงักไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะส่งรอยยิ้มกลับมา รอยยิ้มเย้ยหยันแบบที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะสามารถทำสีหน้าอย่างนั้นได้กับคนที่มันบอกเองว่าชอบนักชอบหนา
“ทำไม?..แทงใจดำ?” มันกระชากเสียง มือคว้าที่ไหล่ผมแล้วผลักไปกระแทกเข้ากับพนักพิงซึ่งทำจากไม้ แรงปะทะนั้นทำเอาเจ็บร้าวอยู่แถวสะบักจนผมสะดุ้ง
“อึก!!!”
“ถ้ามีเสี่ยอะไรนั่นเลี้ยงไอติมก็จะตามไป ถ้าพี่ต้นรวยก็จะไปกับเขา ใครมีอะไรให้ก็กระดิกหางตาม”
.....มันเจ็บ
.....ตรงไหนสักแห่ง....ซึ่งไม่ใช่บริเวณที่เพิ่งถูกกระแทก....มือที่บีบไหล่ผมคล้ายจะออกแรงเค้นหนักขึ้น ...ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาและความอดทนซึ่งเก็บกลั้นไว้ก็ราวกับใกล้ถึงจุดสิ้นสุดเมื่อได้ยินถ้อยความหลังจากนั้น
“ชอบแต่คนมีเงินอย่างนั้นใช่ไหม!?”
“ถ้าชอบแต่คนมีเงินกูคงไม่ชอบมึงหรอกไอ้เลว!!”เวรเอ๊ย! ใครแอบใส่เหล้าลงแก้วเป๊บซี่ผมหรือเปล่า ทำไมน้ำตาแม่งไหลไม่หยุดเลย
“เฮ่ย! ไอ้เปี๊ยก ร้องไห้ทำไมวะ!?”
เสียงพี่ต้นดังขึ้นจากอีกฝั่งไม่ไกลนัก
....และอาทิตย์คลายมือที่บีบไหล่ผมออกช้า ๆ ก่อนจะผละออกไป
ผมไม่ทันเห็นว่ามันทำสีหน้าแบบไหนเพราะภาพตรงหน้านั้นพร่าเลือนไปหมดจากหยดน้ำที่กลบนัยน์ตา ความร้อนระอุจากฝ่ามือนั้นหายไปแล้ว หายไปพร้อมกับความปวดหนึบตรงที่ถูกบีบเสียแน่นเมื่อครู่ แต่ยังคงเหลือความเจ็บบางอย่างซึ่งชัดเจนจนร้าวไปหมดแต่กลับบอกไม่ได้ว่ามาจากไหน
หากเป็นเวลาปกติมันอาจเสนอหน้าเข้ามากอดผมแน่นหรืออะไรทำนองนั้น ...ทว่าครั้งนี้กลับไม่ใช่ มีแต่มือพี่ต้นที่ยื่นมาขยี้หัวผมเบา ๆ เป็นเชิงปลอบ
“เป็นอะไรของแกเนี่ยไอ้เด็กบ้า”
“ไม่รู้ ผมเมา เมาแล้วชอบร้องไห้!!”
พี่ต้นทำหน้าเหมือนอยากถามว่าเมากับแพนด้าอะไร ในเมื่อยังไม่ได้แตะเหล้าสักแอะ
“หนีไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวกินจนเมานี่ไม่ใช่แล้วไอ้น้อง”
ทีท่ารู้ทันนั้นไม่ได้ทำให้ผมคิดเปลี่ยนข้อแก้ต่างที่น่าเชื่อถือกว่านี้ให้ตัวเอง พี่ต้นจะเข้าใจว่าอะไรก็ช่างเพราะผมหมดอารมณ์จะสนใจเรื่องอื่นแล้ว
ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตา ตั้งแต่อยู่กับมันมาก็มีเรื่องทำให้เสียหน้าบ้าง เสียฟอร์มบ้างมาตลอด มีแต่อะไรที่โคตรจะไม่เท่อย่างผู้ชายอกสามศอกพึงกระทำเลยสักนิด แล้วไอ้ที่มายืนน้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้แตะเหล้าสักกระผีกนี้มันใช่เรื่องไหม แม้แต่ของฟรีที่เคยปลาบปลื้มก็ยังกินไม่อร่อย
สุดท้ายพี่ต้นก็เรียกคิดเงินโดยไม่ได้ถามไถ่รายละเอียดอย่างอื่นอีกแล้วพาพวกผมขึ้นรถกลับบ้านแบบไม่มีใครปริปากพูดอะไรกันแม้แต่คำเดียวมาตลอดทาง
.
.
.
.
.
หน้าบ้านเงียบสนิท เหลือเพียงไฟนีออนเปิดทิ้งไว้หนึ่งดวง ผมเปิดประตูลงจากรถ ในใจขมุกขมัวจนไม่อยากพูดอะไรอื่นอีกแต่การจะเดินฉับ ๆ หนีเข้าบ้านไปเลยคงเป็นการเสียมารยาทต่อรุ่นพี่ที่อุตส่าห์ให้ความช่วยเหลือสารพัดอย่างมาตลอดแบบไม่น่าให้อภัย สุดท้ายจึงยื่นหน้าเข้าไปในตัวรถแล้วเรียกคนที่นั่งอยู่บนเบาะนั่งคนขับให้หันมามอง
“ขอบคุณนะครับพี่ต้น”
อีกฝ่ายส่งรอยยิ้มกลับมา นั่นทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบ้างเลยเผลอพูดต่อเสียยาว
“ขอโทษที่ทำให้กร่อย ...พี่น่าจะไปนั่งกินกับเพื่อนคงเพลินกว่า”
“ขำ ๆ ว่ะ แกที่ทำตัวปัญญาอ่อนกว่านี้พี่ก็เห็นมาเยอะแล้ว”
ผมทำหน้าแหย นั่นฟังดูไม่ใช่คำชม
“งั้นไปก่อนนะพี่”
“เฮ่ย เดี๋ยว”
“??”
“เอ้า!”
ถุงใบใหญ่ถูกโยนส่งมาให้ เป็นถุงเดียวกับที่พี่ต้นใช้ฟาดผมเสียหัวทิ่มเมื่อบ่ายนี้ ข้างในมีห่อขนมเอสแอนด์พีซึ่งจำได้ว่าเจ้าตัวบอกตั้งใจจะเอาไว้กินเอง
“ซื้อมาฝาก”
“...หา...? ก็ไหนว่า--”
“เอาไว้จะพาไปหาอะไรกินใหม่”
พี่ต้นตัดบท รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเจ้าของขนมก่อนรถจะเคลื่อนตัวห่างออกไป
.
.
.
.
ผมเดินไปเอากุญแจไขประตูบ้าน ไม่ได้ปรายตามองไปทางอีกคนที่ยืนรออยู่ที่เดิมแม้แต่น้อย อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกว่าไม่พร้อมจะมองหน้ามันตอนนี้
“ชอบพี่ต้นเหรอ?”
ลูกกุญแจหลุดจากมือผมลงไปกระทบพื้นสะท้อนดังกรุ๊งกริ๊งในความเงียบ
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ลำบากไม่น้อยกับการจะส่งน้ำเสียงเย็นชากลับไปโดยไม่ได้หันไปมองหน้าคนถาม
“ชอบ พี่ต้นรวย ใครรวยฉันกระดิกหางใส่หมดนั่นแหละ”
พูดเองก็สะอึกเอง ผมก้มหน้าก้มตาย่อตัวลงจะเก็บลูกกุญแจแบน ๆ จากพื้นขึ้นมา แต่ยิ่งพยายามมือกลับยิ่งสั่นจนหยิบไม่ติด สุดท้ายแล้วผมก็วางมือเอาไว้บนพื้น รู้สึกไม่มีแรงกระทั่งจะหยิบกุญแจที่ว่า ถุงขนมซึ่งเพิ่งได้มาถูกปล่อยหล่นข้างตัว
.....ตามด้วยหยดน้ำร่วงจากตาลงเป็นดวงบนพื้นปูนเย็นเฉียบ
“....ฮึก!”“....ปิ่นหยก”
ผมไม่รู้จะบังคับตัวเองอย่างไรไม่ให้สั่น ทั้งแขน...ทั้งขา หรือว่าทั้งตัว...มันควบคุมไม่ได้พอกับที่ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองให้น้ำตาหยุดไหลได้แม้ในขณะที่ถูกสวมกอดเอาไว้แน่นด้วยอ้อมแขนที่คุ้นเคย
“ขอโทษ...ขอโทษ....”
“ไอ้เลว....พี่ต้นเป็นพี่ชาย......ถ้าแกจะฟังภาษาคนรู้เรื่องว่าพี่ชายคืออะไร”
“.....ขอโทษ....ขอโทษ......ขอโทษจริง ๆ......บ้าเอ๊ย! ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ต้องร้องไห้อีกแล้ว...”
ผมได้ยินมันเอ่ยเสียงสั่นกับไหล่ของผม ไม่รู้ว่ามันยังเมาอยู่หรือเปล่า ผมเกลียดมันที่เป็นแบบนี้จริง ๆ แต่นั่นยังไม่เท่ากับเกลียดตัวเองที่คอยจะใจอ่อนให้อยู่ตลอดเวลา ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้กันนะ...
“....ปิ่นหยก ผมขอโทษ....”
คนที่ทั้งบ้าทั้งโง่ที่สุดคงเป็นผมนี่เอง ที่ปล่อยให้มันนั่งกอดอยู่บนพื้นอย่างนั้นเป็นนานสองนานจนยุงเริ่มตามพรรคพวกมาสูบเลือด กับคำขอโทษซึ่งเดาว่าคงเกินร้อยรอบได้แล้ว
....หากมันรู้ว่าผมเผลอใจอ่อนตั้งแต่ที่พูดขอโทษออกมาครั้งแรก มันจะยังพร่ำซ้ำไปซ้ำมาให้ผมฟังอยู่อีกไหม?.
.
.
.
“นี่...ปิ่นหยก”
มันผละออกมาเล็กน้อยโดยที่มือยังโอบอยู่กับเอวผม ใบหน้าเอียงลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกันแล้วถามออกมาเสียงแผ่วเบา
“...ที่บอกว่าชอบฉันที่ร้านล่ะ...”
ผมใจหายวาบ...ทำไมมันไม่รู้จักลืม ๆ เรื่องไม่จำเป็นทิ้งไปเสียบ้างนะ
“กรูไม่รู้ กรูเมา”
“เมาพ่องอะไรกินแต่น้ำอัดลม”
ปากหมาว่ะ “บอกว่าเมาก็เมาสิ!”
มือใหญ่เอื้อมมาเช็ดน้ำตา แต่ยังไม่ทิ้งประเด็นเดิม
“นี่...บอกสิว่าชอบคนละแบบกับพี่ต้นใช่ไหม แล้วชอบฉันมากกว่าหรือเปล่า...”
“....อาทิตย์....”
“..ปิ่นหยกครับ” เสียงทุ้มกระซิบข้าง ๆ ก่อนจมูกโด่งเป็นสันจะซุกลงคลอเคลียอยู่แถวใบหูแล้วลากลงมาถึงมุมปาก ลมหายใจร้อนผ่าวเจือกลิ่นแอลกอฮอล์เป่ารดลงมาเพียงเบา ๆ แต่พัดพาสติผมหลุดลอยแบบไม่ต้องเสียเวลาดื่มเหล้าด้วยตัวเอง
....และอาจเป็นเพราะสติหลุดหายไปแล้วอย่างที่ว่า ผมจึงได้ทำอะไรบ้าบอด้วยการควานหยิบถุงขนมราคาแพงของพี่ต้นขึ้นมาแล้วโยนทั้งหมดทิ้งลงถังขยะหน้าบ้านต่อหน้าต่อตาไอ้ลูกเจี๊ยบ
“.......แบบนี้คิดว่าไงล่ะ...หรือโง่จนตีความไม่ได้”มันไม่รู้หรอกว่าผมต้องใช้ความพยายามขนาดไหนกับการพูดประโยคเมื่อครู่นี้โดยที่เสียงไม่สั่น
ผมเห็นมันทำหน้าประหลาดใจเพียงแวบเดียว หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยประกายวิบวับส่งมาจากนัยน์ตาเชื่อมด้วยฤทธิ์แอลกฮอล์ ....แล้วรอยยิ้มที่ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำก็กรีดกรายบนริมฝีปากอิ่ม
....และผมหลับตาจำนนต่อความพ่ายแพ้To be continued…เจ็บแค้นเคืองโกรธสิ่งใดลงกับลูกเจี๊ยบค่ะ คนเขียนไม่เกี่ยว //ทิ้งกันซะงั้น XD
ปล.ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จริง ๆ ค่ะ อ่านแล้วน้ำตาแทบจะไหลพราก ๆ มีแรงปั่นต่อฮึบ TTvTT
ปล.2 อย่าเพิ่งโกรธลูกเจี๊ยบมากนะคะ แค่เมา+หึง //เอ๊ะหรือจะยุให้โกรธเยอะ ๆ เลยดี หมั่นไส้ (ฮา) อีกหน่อยคงโดนปิ่นหยกสั่งงดเหล้าตลอดชีพ 5555
อ่านจบก่อนจาก ส่งค้อน(พลาสติก)ให้ระบายแค้นฟาดหัวลูกเจี๊ยบเล่นแบบเกมนี้เลยค่ะ XD
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***