Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง“รัก..ติดดิน”
Chapter 17 – บ้านที่มีสี่ห้องนอน
“...โอ้ทะเลแสนงาม.......”
อุ่นใจฮัมเพลงออกมาด้วยท่าทางเหมือนคนกล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาต มีเสียงสะอึกแทรกมาหนึ่งครั้งก่อนจะงึมงำท่อนต่อไป “...ฟ้าสีครามสดใส...”
ปิ่นหยกเหลือบมองน้องเล็กที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อเช้าแล้วก็แพ็คกระเป๋าหอบหิ้วกันมาถึงบ้านพักตากอากาศริมชายทะเลที่ได้ลดราคาพิเศษเพราะเพื่อนของเอมจิตรู้จักกับเจ้าของ ทว่าเจ้าตัวกลับร้องเพลงเนื้อหาแสนจะเริงรื่นนั้นได้หดหู่ถึงขีดสุด แม้แต่ลมทะเลซึ่งพัดมาปะทะใบหน้าก็ไม่ได้ช่วยเป่าความทะมึนในเสียงร้องของเด็กหนุ่มออกไปแต่อย่างใด
“อุ่นเป็นไร?”
“เปล๊าาาาา” เสียงสูงปรี๊ด
และหน้าโหด ๆ ของพี่หมีกริซลีย์ที่ไม่น่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ก็ไม่ทำให้บรรยากาศดีขึ้นสักนิด... จะไปรบกับใครเรอะ!? ช่วยบอกทีว่านี่มาพักผ่อนริมทะเลไม่ใช่มาฝึกทหาร
“.....มองเห็นเรือใบ......แล่นอยู่ในทะเล~”
อาทิตย์ช่วยร้องต่อ ทว่ากลับยิ่งกระพือให้รังสีทะมึนของอุ่นใจเข้มข้นขึ้นไปอีก
“หาดทรายงามเห็นปูวววววว์~”
แม้แต่แวววันก็เอาด้วย ใส่แบบทำนองคามิกาเซ่มาเลย
“ดูสิดู...” เสียงเอมจิตดังแว่วมาจากในบ้าน
ไม่เอาน่า แม้แต่พี่เอมก็บ้าจี้ตามพวกนี้ไปด้วยเรอะ!? “ห้องน้ำเป็นแบบโอเพ่นแอร์ล่ะ”
“......”
ปิ่นหยกถอนหายใจโล่งอก... เขานึกว่าพี่ใหญ่จะกระโจนไปร่วมวงต่อเพลงทะเลแสนงามติสต์แตกอารมณ์กระเจิงนี้เสียแล้ว ยังดีที่เหลือผู้ใหญ่สติดีเอาไว้สักคน
“ผมจองเตียงนี้ได้ปะ!!?” เสียงคิมโหวกเหวกขึ้นมา
เขารู้สึกเหมือนนี่เป็นการรวมตัวกันของพวกพิลึกพิลั่นสังคมทอดทิ้งอย่างไรไม่รู้วันนี้วันอาทิตย์ พรุ่งนี้หยุดวันวิสาขบูชา และพวกเขาทำตัวเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีด้วยการมาเที่ยวทะเล ความรู้สึกผิดบาปเข้าเกาะกุมจิตใจอยู่นิดหน่อยแต่พอเห็นทะเล หาดทราย และฟ้าคราม.. ทุกคนก็ดูเหมือนจะพร้อมใจปล่อยความรู้สึกนั้นลอยหายไปกับเสียงคลื่นซัดสาดเสียหมด
ทำไมพวกเขาถึงรวมกลุ่มแปลก ๆ แล้วมาโผล่ที่นี่ได้น่ะหรือ...?
มันเริ่มจากเมื่อเช้านี้ หลังจากหมออนุญาตให้อุ่นใจออกจากโรงพยาบาลได้
ตามข้อตกลงเดิมว่าเอมจิตจะพาเด็ก ๆ ร้านเค้กไปพักผ่อน แต่เพิ่มคิมมาอีกคนเป็นการขอบคุณเพราะนอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทปิ่นหยกและมาช่วยงานที่ร้านในบางครั้งแล้ว คราวนี้ยังช่วยมาเฝ้าอุ่นใจช่วงนอนโรงพยาบาลในวันที่ทุกคนไม่ว่างอีกด้วย
ทันทีที่กลับถึงหอพวกเขาก็แยกย้ายกันไปโกยสัมภาระมากองรวมอยู่หน้าอาคาร ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มากันพร้อม ปัญหาต่อไปคือจะเอาสสารกองโตพวกนี้เข้ารถให้หมดได้อย่างไรดี
เอมจิตกอดอกแล้วมองคณะเดินทางที่ยืนเรียงกันหน้าสลอน... อุ่นใจ แวววัน ปิ่นหยก อาทิตย์ คิม รวมเขาเองเป็นหกคน
...ประมาทเด็ก ๆ พวกนี้ไปหน่อยที่คิดว่าจะสามารถยัดสัมภาระทั้งหมดเข้าท้ายรถได้ความพยายามจะบรรจุข้าวของกองพะเนินตลอดจนอุปกรณ์สันทนาการหลากประเภทเข้าที่เก็บของท้ายรถคัมรี่สีขาวของเอมจิตใกล้จะถึงจุดแตกหัก เมื่อกระเป๋าเดินทางใบที่สองจากสามของแวววันซึ่งไม่รู้ว่าเธอขนอะไรมาเยอะแยะเด้งออกมาเป็นรอบที่ห้า... นั่นทำเอาหนุ่ม ๆ ถึงกับปาดเหงื่อ
“ของเยอะไปปะพี่แวว จะไปตั้งรกรากเหรอ”
“ของนายก็ใช่จะน้อยนะยะ ไอ้เด็กกิมจิสังเคราะห์”
คิมกับแวววันยังคงแสดงสัมพันธไมตรีอันแน่นแฟ้นออกมาชัดเจนทุกครั้งที่เจอ เด็กหนุ่มมัธยมไทยหัวใจเกาหลีเอาเข่าดันกระเป๋าของแวววันไว้ไม่ให้หล่นลงมากลิ้งอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้า
“พี่เอม เหมือนรถจะไม่พอ ผมไม่ไปก็ได้นะครับ”
“ไม่เอาน่า คิมมาช่วยเฝ้าอุ่นใจให้แถมยังช่วยงานตั้งหลายครั้ง ไปด้วยกันเถอะ”
เด็กหนุ่มหันไปมองรถที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะยัดทั้งคนทั้งของเข้าไปได้หมด สายตาส่งมาเป็นเชิงถามอย่างน่าสงสารว่า
‘ถ้าอย่างนั้นผมควรเกาะล้อไหนไปดี’ “เดี๋ยวพี่โทรตามเพื่อนแป๊บ”
“.....เอ่อ....รถผมไหมครับ?”ทุกคนหันขวับไปยังต้นเสียง เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่สมาชิกใหม่ล่าสุดของหอพักยืนอยู่ตรงนั้น... ไม่มีใครรู้ว่าเขาโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็โผล่มาแล้วในเวลาที่ทุกคนกำลังต้องการความช่วยเหลือ ฟังดูฮีโร่สุดติ่ง! ปิ่นหยกขมวดคิ้ว... ประโยคแบบนั้นคือกำลังจะขอไปด้วยใช่ไหม แล้วไอ้ท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อยน่ารักเป็นเท็ดดี้แบร์ที่กำลังทำอยู่คืออะไร บุคลิกหมอนั่นที่เขาเคยเจอครั้งก่อนมันเป็นหมีกริซลีย์กระหายเลือดไม่ใช่เรอะ?
“..คือ...ผมมีรถ แล้ววันนี้กับพรุ่งนี้ก็ว่าง”
แม้จะยังงงกับสถานการณ์...แต่ทุกคน(โดยเฉพาะแวววัน)ดูมีทีท่าคล้อยตามกับคำบอกเล่าว่า
‘ผมมีรถ’ .....อาจจะยกเว้นอาทิตย์กับปิ่นหยกล้อเล่นใช่ไหม..? รถกระบะสังกะสีน็อตหลวมนั่นของกริชอย่าว่าแต่จะขับข้ามจังหวัด แค่เคลื่อนที่โดยล้อหลังไม่แซงล้อหน้าเขาก็ลุ้นแทบขาดใจแย่แล้ว
“เกรงใจกริช ไม่รบกวนดีกว่า”
เอมจิตยิ้มละไม มีแวววันยืนลุ้นทางซ้ายสีหน้าเหมือนอยากจะตะโกนเชียร์ว่า
‘ลุยเลยพี่เอม อย่าได้เกรงใจ มีหนุ่มล่ำในกรุ๊ปด้วยสุดยอดกว่าเจ้าพวกเด็กขี้ก้างแถวนี้เป็นไหน ๆ’ และมีปิ่นหยกยืนกัดฟันหงึก ๆ อยู่ทางขวาภาวนาต่อเทพเจ้าแห่งเงินทองและความร่ำรวยขาประจำว่าอย่าไปหลงกลหมีร้ายในร่างเท็ดดี้แบร์ หมอนี่พร้อมจะเอาชีวิตผู้โดยสารไปสังเวยให้กระบะแก่งั่กซึ่งอาจจะตายหมู่ตั้งแต่ปากซอยเพราะหักเลี้ยวหลบหมาก็เป็นได้
“.....คือ....ก็....แลกกับขอไปด้วยคน” กริชยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างน่ารักน่าชังหากเทียบกับมาตรฐานปกติ
“...ผมก็ไม่ได้เที่ยวทะเลนานแล้ว”
พี่ใหญ่นิ่งไปครู่หนึ่ง
“มีใบขับขี่แล้วเหรอเรา”
เขาเหมือนจะมโนไปเองว่าเห็นออพชั่นเสริมของกริชเป็นหูตั้งหางกระดิก มันหลอกลวง....มันหลอกลวงงงงงงงงงง.....แถมทำสำเร็จด้วย! เขาว่าความจริงมันกำลังวางแผนทำคาร์บอมบ์ต่างหาก!!“มีแล้วครับ เพิ่งได้ไม่นานแต่ผมขับมานานแล้ว ไว้ใจได้เลย”
เขาโกหก..ความจริงยังไม่มีหรอก..เอมจิตหรี่ตา...ยักยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ “งั้นรบกวนหน่อยนะ”
และคำอนุญาตของชายหนุ่มก็ถือเป็นอันสิ้นสุด
...เวรแล้วไง...ปิ่นหยกหันไปสบตากับอาทิตย์... คือความจริงเขาก็อยากจะสบตาคนอื่นระบายความอัดอั้นที่เทพเจ้าแห่งเงินตราปฏิเสธคำขอของเขาอีกแล้ว แต่แย่ตรงที่นอกจากไอ้ลูกเจี๊ยบนี่ ในที่นี้ก็ไม่มีใครอื่นเคยได้รับรู้ประสบการณ์เอาชีวิตไปแขวนไว้กับพาหนะบุโรทั่งของกริชเลยสักคน
หรือนี่จะเป็นโอกาสดี...?
ให้ท่านชายอาทิตย์ไปนั่งกับพี่หมีใหญ่ ปล่อยขับออกไป...รถอีแก่ระเบิดตู้มตายยกคัน สละรถเก่าคันหนึ่งได้ถึงสองศพ คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!
“งั้นเดี๋ยวผมไปออกรถ”
เด็กหนุ่มร่างใหญ่วิ่งหายไปในโรงจอดรถข้างหอพัก โดยมีปิ่นหยกมองตามพลางคิดว่าวิธีไล่ให้อาทิตย์ไปนั่งรถอีแก่ที่อย่าว่าแต่จะไปถึงทะเล แค่สามโค้งก็ไม่น่ารอด
ใช้เวลาเพียงไม่นานกริชก็กลับออกมา...
พร้อมกับซีวิคสีดำสนิทบ้านมันมีรถกี่คันวะ!!!? ไหนจะไอ้มอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่ดูกระติก(?)อะไรนั่นอีก รถเยอะนักเอามาแบ่งกันขับบ้างดีกว่า ขับไม่เป็นขอแงะอะไหล่ไปขายก็ยังดี แล้วที่หายไปแค่แว้บเดียวแต่ท้ายรถดันมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อยนี่คือเตรียมพร้อมค้างคืนที่ไหนก็ได้ตลอดเวลาอยู่แล้วหรือยังไง?
ปัญหาจบที่ว่าทริปนี้มีรถสองคันแบบงง ๆ และโชคดีที่กระบะชราภาพหนึ่งในผู้ผ่านเข้ารอบได้ไปจุติเป็นซีวิคใหม่เอี่ยมเรียบร้อยแล้ว...
ถึงตอนแบ่งผู้โดยสาร...แวววันยินดีไปนั่งกับหนุ่มล่ำในดวงใจของเธออย่างไม่ต้องสงสัย ลูกเจี๊ยบอาทิตย์ยืนยันจะนั่งกับแม่ไก่ที่รัก ไม่ว่าจะเป็นคันไหนท่านชายไม่เกี่ยง ส่วนอุ่นใจอยากนั่งตรงไหนก็ได้ที่แทรกระหว่างอาทิตย์และปิ่นหยก...ปวดหัวกันถ้วนหน้าตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินทาง
หลังจากตกลงกันด้วยวิธีสากลที่อารยชนพึงใช้อย่างการ
‘เปา ยิง ฉุบ’ ก็ได้ข้อสรุปออกมาคือคันแรกเอมจิตเป็นคนขับนำไปก่อน ผู้โดยสารเป็นปิ่นหยก อาทิตย์ และอุ่นใจ(ซึ่งเปายิงฉุบแพ้ไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับอย่างขัดอกขัดใจ) ส่วนอีกคันเป็นกริชขับตามหลังมา มีแวววันและคิมนั่งไปด้วยกัน
และนั่นคือที่มาว่าคณะทัวร์นี้มารวมกันได้อย่างไร.....................................................
................................
“มีสี่ห้องนอน”
เอมจิตแจกแจง และอาทิตย์ก็เริ่มเกาะปิ่นหยกหนึบทันทีที่ได้ยิน
แวววันซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวได้รับสิทธิพิเศษรับไปหนึ่งห้องนอนทันทีโดยไม่ต้องแชร์กับใคร แม้เธอจะยืนยันว่าถึงจะแชร์ห้องเธอก็ไม่ถือ “แต่เอาเหอะ.. แค่นี้ก็เหมือนมีฮาเร็มเป็นของตัวเองแล้ว” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะลั่นเดินลากกระเป๋าเข้าไปเก็บ
“ที่เหลือ เราเอาไงกันดี”
ปิ่นหยกยืนเหงื่อตก เขาไม่อยากจะออกความเห็นเลยด้วยกลัวจะเข้าตัว ดูจากมือตุ๊กแกของคุณชายหน้ามึนข้าง ๆ แล้วมีแนวโน้มสูงมากว่าเขาจะเสียท่ามันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งให้ต้องระเห็จไปนอนห้องเดียวกันอีก ทำเหมือนที่หอยังนอนเบียดกันมาไม่พอ แถมเหตุการณ์เมื่อวานที่เกือบ....เกือบอะไรสักอย่างที่มันน่ากลัว....ก็ยังคอยหลอกหลอนมาตลอดระยะทางซึ่งก็นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ ในเบาะนั่งเดียวกัน แค่แตะถูกผิวส่วนที่ไม่มีเนื้อผ้ากั้นแต่ละทีเขาก็เริ่มจะประสาทขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“...ผ..ผมนอนกับคิม!”เขาหันไปส่งสายตาวิงวอนด้วยความคาดหวังเปี่ยมล้นว่าเพื่อนรักจะสามารถรับสารของเขาได้ ...นะ.....นะ.....เราเป็นเพื่อนรักกันใช่ปะวะ...เข้าค่ายก็นอนด้วยกันตลอด ครั้งนี้ก็ยังจะเป็นเหมือนเดิม มิตรภาพลูกผู้ชายแสนยิ่งใหญ่จะมาขาดสะบั้นแค่เพราะโดนลูกเจี๊ยบจิกมันไม่ใช่อะ....!
อีกฝ่ายหันมาจ้องกลับ ตาตี่ ๆ กวาดมองปิ่นหยกและอาทิตย์อย่างครุ่นคิด เขาเกือบลืมไปแล้วว่าสายตาช่างสงสัยของคิมมันชวนให้สยองขนาดไหนโดยเฉพาะเวลาที่มีชนักปักหลังอยู่อย่างนี้ บางครั้งเขาถึงกับหวาดระแวงไปเลยว่าคิมสามารถอ่านใจคนได้จากการมองเพียงปราดเดียว
เด็กหนุ่มยักไหล่ ผมสีทองที่เซ็ตมาอย่างดีขยับพลิ้วน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยคำพิพากษา
“ฉันจะนอนกับน้องอุ่นว่ะ วันนั้นที่พี่ไปเฝ้าเราเล่นไพ่ค้างกันอยู่ใช่ไหมอุ่นใจ ไว้คืนนี้มาตัดสินกัน”
“ผมจะนอนกับพี่ปิ่น” อุ่นใจก็ช่างไม่รับมุก
อาทิตย์ไม่พูดอะไรแต่ใช้สิทธิ์ความมึนกอดคอคนข้าง ๆ แน่น แล้วเอมจิตก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างกับว่านี่เป็นเรื่องสนุกเสียเด็มประดา
ดูเหมือนทุกคนจะลืมกริชไปแล้วนี่มันบ้าแท้ ๆ
“ฉัน-จะ-นอน-ห้อง-รับ-แขก” ปิ่นหยกประกาศชัดถ้อยชัดคำ
จบไหม? เขาเสียสละเอง ใจโคตรหล่อเลยคนอะไร โซฟาตัวใหญ่นั่นก็ไม่เลวนักหรอกถึงแม้เทียบกับห้องนอนสุดหรูของบ้านพักแล้วความสบายดูจะคนละเรื่องกันเลย แต่ที่บอกได้แน่ ๆ คือมันดูนุ่มนิ่มกว่าเตียงทีหอเขาเยอะทีเดียว
“งั้นฉันนอนด้วย” อาทิตย์เนียนทันที... ตามด้วยอุ่นใจซึ่งหันมาจ้องตาเขียวอย่างไม่ยอมแพ้ “ผมด้วย!”
ปิ่นหยกคิ้วกระตุก ถ้าเงินทองมันจะพุ่งเข้าหาเขาอย่างนี้ละก็นะ!“งั้นผมนอนกับพี่เอม” คนนี้มาแหวกแนวสุด...ยกตำแหน่งหมีล่องหนที่ชอบหายไปกับอากาศแล้วจู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมากลางปล้องให้เลย!
คิมหรี่ตามองคนนั้นทีคนนี้ที จากเดิมที่ตี่อยู่แล้วเลยเหมือนกำลังหลับหูหลับตาฟังบทสนทนาตรงหน้า...
มาไม่เสียเที่ยวเลยจริง ๆ เขาได้ข้อมูลเรื่องความสัมพันธ์แปลกประหลาดของคนหอนี้มากขึ้นเยอะกว่าที่คิด และอีกหนึ่งวันหนึ่งคืนที่เหลือก็เชื่อว่าจะได้มากกว่านี้เสียด้วย
“เด็ก ๆ ครึกครื้นดีนะ” เอมจิตส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มละไม ขับรถมาตั้งนานแถมเมื่อคืนนอนได้ไปไม่กี่ชั่วโมงก็ยังหล่อไม่มีอิดโรย “พี่ไปงีบก่อน ตกลงห้องกันได้เมื่อไหร่อีกคนก็ตามมาละกัน”
ว่าแล้วก็คว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นพาดไหล่เดินหายไปในห้องนอนชั้นสองฝั่งตรงข้ามกับห้องแวววัน ทิ้งเด็กหนุ่มห้าคนยืนมองหน้ากันท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม
"......"
“ไร้สาระว่ะ!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ ๆ แต่ฟังดูก้องไปมาในห้องโถงอย่างน่าประหลาด เหมือนหมีโหดคนเดิมจะเพิ่งตื่นจากการจำศีล “ห้องว่างสองห้องที่เหลือคุยกันเองละกัน”
และท่ามกลางสายตางุนงงของคนที่เหลือ กริชก็หิ้วกระเป๋าตัวเองเดินหายเข้าไปในห้องเดียวกับเอมจิต... นั่นทำเอาปิ่นหยกมองตามตาค้าง มันจะเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปรึเปล่า..เดี๋ยวหงอเดี๋ยวโหด เขาเอาแบบนั้นบ้างดีไหม เก๊กเสียงเข้ม ๆ แล้วบอกว่า
‘ไร้สาระว่ะ! ไอ้คิมแกมานอนห้องเดียวกันแล้วทำตัวเป็นไม้กันลูกเจี๊ยบให้หน่อย’ อะไรอย่างนั้น
ความเงียบน่าอึดอัดโรยตัวปกคลุมในห้องโถง ดูดี ๆ อาจจะเห็นกระแสไฟฟ้าแวบแปลบปลาบจากสายตาอุ่นใจที่ดูจะอารมณ์ขุ่นมัวมาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลแบบไม่รู้สาเหตุแน่ชัดจนถึงตอนนี้... และถ้าไม่มีใครพูดอะไรสักอย่างเพื่อทำลายความเงียบเขาต้องประสาทเองเป็นแน่
‘แจ่มจะแดมแจ่มว้าวว~ ณ บัดนาว นั้นโดนใจ~~~~’ ริงโทนเสียงพี่บี้ประจำเครื่องอุ่นใจรับหน้าที่อันทรงเกียรตินั้นไปแล้ว เขาจะขอฝากตัวเป็นแฟนคลับก็วันนี้เอง... รักพี่บี้ครับ!
เจ้าของโทรศัพท์หยิบขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้า วินาทีหลังจากนั้นแก้มก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ทว่ากลับไม่ยอมกดรับสักที ยืนรออยู่อย่างนั้นจนมันเงียบไป ไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิดจนริงโทนเดิมดังขึ้นอีกครั้งในอึดใจต่อมา
เด็กหนุ่มก้มลงมองโทรศัพท์ในมือที่ยังดังไม่หยุดสลับกับเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เหลือ ริมฝีปากก้ำกึ่งเหมือนเจ้าตัวอยากจะยิ้มหรือร้องไห้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ครู่ใหญ่กว่าจะพูดแทรกเสียงพี่บี้ที่ร้องวนอยู่หลายรอบออกมาในที่สุด
“เดี๋ยวอุ่นมา!”
จากนั้นจึงหันหลังวิ่งหายไปทางชายหาด ทิ้งปัญหาเรื่องห้องที่ยังจัดการไม่ลงตัวไว้ข้างหลัง
ทันทีที่น้องเล็กวิ่งพรวดพราดออกไป คิมก็ก้มลงหิ้วกระเป๋าทั้งของเขาเองและของอุ่นใจหายเข้าห้องนอนที่ยังว่างอยู่ไปต่อหน้าต่อตา
เวลาแวบเดียวที่ปิ่นหยกประเมินสถานการณ์ได้ว่าซวยแล้ว...ซวยจริง ๆ แล้ว คิมหันมาชี้ไปยังห้องว่างห้องสุดท้าย ยิ้มที่มุมปากกวนประสาทอย่างน่าประเคนหนุมานถวายแหวน แล้วทิ้งท้ายว่า
“โชคดีนะ” ...ก่อนจะปิดประตูห้องให้หลังพร้อมกับปิดประตูความหวังของเขาดังปังคิม....ไอ้คิม.....ไอ้เพื่อนทรยศ!!!!ห้องนอนสุดท้ายจึงตกเป็นของเขาและคุณชายที่ไม่ได้ทำบ้าอะไรเลยนอกจากยืนมึนอย่างเดียว....ด้วยประการฉะนี้
To be continued....=========================
คุยกันท้ายเรื่อง ยังจำคิมได้รึเปล่าคะ เขากลับมาแล้ว ด้วยสายตาที่กว้างไกลกว่าเดิม.... (ฮาา)
ตอบนิดนึง
(ชีวิตช่างเศร้านักเมื่อพี่เอมเป็นเคะ T___T )
โอ๋ ๆ เมนเสะงั้นเอาอาทิตย์กับหมีกริช (และหมอไอซ์ที่ยังไม่ค่อยโผล่)ไปดูเล่นก่อนนะคะ พี่เอมจริง ๆ ก็เสะนะ แต่กริชเสะกว่าเท่านั้นเอง //โดนเตะกลิ้ง
เฮ่อออออออออออออออออออออออออ จูบแบบมินิมาราธอน พี่แววคะเราอยู่ชมรมเดียวกันค่ะ
ชมรมสวย...แต่โสด
เป็นสมาชิกชมรมโสดสนิทอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยค่ะ 5555
สนุกดี
ท่าจะติดงอมละ
แต่ว่า เปลี่ยน มั้ย เป็นไหม จะดีกว่าไหม?
หรือว่าไงคะ
เจ้สอง กะเทยสุดเซะซี่ อิอิ
เปลี่ยนแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ตักเตือน
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ด้วยค่ะ ดีใจมากจริง ๆ กำลังใจ+ไฟเวลาเขียนก็มาจากตรงนี้นี่เอง
ไม่ได้ตอบทั้งหมดแต่อ่านทั้งหมด (อ่านหลายรอบด้วย...หลายรอบกว่าที่ทุกคนคิด =////=)
แล้วพบกันตอนหน้าน้า ^^